Tag : ออริจิ้น

24 ผลลัพธ์
BRITANIA วงแหวน หทัยราษฎร์ บ้านซีรีส์ใหม่ดีไซน์ที่เป็นคุณ : รีวิวทาวน์โฮม

BRITANIA วงแหวน หทัยราษฎร์ บ้านซีรีส์ใหม่ดีไซน์ที่เป็นคุณ : รีวิวทาวน์โฮม

ตั้งแต่ Origin เริ่มทำโครงการแนวราบในแบรนด์ BRITANIA เราจะเห็นกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากคนหลายๆ กลุ่ม ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะครอบครัวเท่านั้นนะคะ เพราะการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบบ้านให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยจริง และนวัตกรรมที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ทำให้มีกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาอยู่ไม่น้อยภายใต้ชายคาของออริจิ้น       ทำเล กรุงเทพฯ โซนเหนือและโซนตะวันออก ถูกพูดถึงอย่างมากในระยะ 3-4 ปีหลังมานี้ เพราะเรื่องของการพัฒนาสาธารณูปโภคหลายอย่างเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการเติบโตของโครงการที่อยู่อาศัยตามไปด้วย โดยเฉพาะทำเลของแนวราบที่สะดวกต่อการเดินทาง ซึ่งตัวถ.หทัยราษฏร์ ก็ถือได้ว่าเป็นเส้นทางหนึ่งที่เชื่อมต่อกันระหว่างกรุงเทพฯ โซนเหนือและโซนตะวันออก   ถ.หทัยราษฏร์ เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถ.สายไหม กับ ถ.สุวินทวงศ์ ซึ่งบางพื้นที่จะคาบเกี่ยวกันระหว่าง จ.ปทุมธานี กับ จ.กรุงเทพฯ ซึ่งละแวกนี้เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารอร่อยๆ หรือตลาดก็มีให้เลือกเดินอยู่หลายแห่ง เช่น ตลาดออเงิน ตลาดวงศกร ตลาดมารวย ฯลฯ ขณะเดียวกันก็ยังอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าชื่อดังในย่านนี้อย่างแฟชั่นไอซ์แลนด์ หรือเดอะพรอมมานาด ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสายหลักอย่างรามอินทรา ก็มีให้เลือกตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน   ที่ตั้งของโครงการ BRITANIA WONGWAEN-HATHAIRAT จะอยู่ช่วงถนนที่ใกล้กับถ.กาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออกมากที่สุด ซึ่งห่างออกไปประมาณ 5 นาทีก็จะไปเชื่อมต่อกับทางด่วนรามอินทรา-จตุโชติ เข้าเมืองได้สะดวกรวดเร็ว หรือจะเดินทางไปยังสนามบินดอนเมืองก็สามารถใช้เส้นทางเชื่อมต่อไปถ.สายไหม เข้าแยกคปอ. ทะลุออกถ.วิภาวดีก็ถึงสนามบินดอนเมืองได้เลย เรียกว่าเป็นจุดที่เดินทางไปยังสถานที่สำคัญได้อย่างสะดวกทีเดียวค่ะ          ภาพรวมโครงการ BRITANIA WONGWAEN HATHAIRAT เป็นโครงการที่มีทั้งทาวน์โฮมและบ้านซี่รีย์ใหม่อยู่ในโครงการเดียวกัน ทำให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้หลากหลายความต้องการมากยิ่งขึ้น โดยจะแบ่งออกเป็น 3 Type   WARWICK บ้านซี่รีย์ใหม่  3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม. ขนาดที่ดินเริ่มต้น 35 ตร.ว. PRESTON ทาวน์โฮม 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 110 ตร.ม. ขนาดที่ดินเริ่มต้น 19.95 ตร.ว. ACTON ทาวน์โฮม 2 ห้องมาสเตอร์เบดรูม 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม. ขนาดที่ดินเริ่มต้น 18.55 ตร.ว.     ซึ่งดีไซน์ของทั้งโครงการจะออกมาในโทนผสมผสานระหว่าง Modern British Luxury และความ Creative Living ทั้งคลับเฮ้าส์และตัวบ้านได้อย่างลงตัวตั้งแต่หน้าโครงการ       ยุค 4.0 ในปัจจุบันนี้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมากมาย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น โดยสิ่งสำคัญของนวัตกรรมเหล่านี้ คือ ทุกคนสามารถเข้าถึง ใช้งานได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ซึ่ง Origin ก็นำเอานวัตกรรม 4 ประเภทใหญ่ๆ ที่เรียกว่า B Genius Mode ดังนี้   Digital Living automation ระบบ Home Security เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก สามารถควบคุมผ่าน Application สุดล้ำบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยจะประกอบไปด้วย               Digital Door Lock ระบบล็อคประตูบ้านโดยการใช้ Pin Code ที่สามารถแชร์ OTP ให้ แขกหรือ แม่บ้านที่จะเข้ามาในบ้านได้ และยังรองรับ Card* มี Notification ผ่านสมาร์ทโฟนทุกครั้งที่มีการเข้า-ออกบ้าน             Door &Window  Magnetic Sensor มี Notification ผ่านสมาร์ทโฟน* และไซเรนดัง เมื่อออกจากบ้านแล้วมีการบุกรุกทางประตูและหน้างต่าง                Motion Sensor เมื่อออกจากบ้านให้ทำงานเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับการบุกรุก*              IP Camera สามารถเปิดดูกล้องภายในบ้านผ่าน Application ได้ตลอดเวลา เพื่อดูแลสมาชิกภายในบ้านหรือตรวจจับรักษาความปลอดภัย* ซึ่งผ่านระบบโครงข่ายใยแก้วนำแสง Fiber Optic True Room ของ TRUE ทั้งโครงการ      INTERPERSONAL SPACE DESIGN USB Outlet ทุกจุดสำคัญภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขก* ออกแบบฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และเข้าใจลูกค้าในทุกมิติ              Multi- Purpose Spaces รองรับการใช้งานที่หลากหลายด้วยพื้นที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้อย่างอิสระ              Thai Kitchen แยกครัวไทยออกอย่างเป็นสัดส่วน เหมาะสำหรับผู้รักการทำอาหาร ไม่ต้องกังวลเรื่องควันและกลิ่นรบกวนภายในบ้าน              Built-in Furniture เฟอร์นิเจอร์ออกแบบใหม่อย่างมีสไตล์ ทำให้ลงตัวกับการอยู่อาศัยมากที่สุด   HOTEL SERVICE ON DEMAND สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการอยู่อาศัยในโครงการเช่นนี้นั่นคือเรื่งของ “การบริการ” ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านในการจัดการชีวิตให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งโครงการเองก็ให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าส่วนอื่น จึงเกิดเป็นการบริการระดับโรงแรม 5 ดาว หนึ่งในหัวใจสำคัญของแบรนด์ BRITANIA โดยสามารถเรียกแม่บ้าน, งานซักรีด, ช่างเทคนิค และคนสวน ที่มีความชำนาญเฉพาะทางมาดูแลบ้านของคุณผ่านการจองล่วงหน้าจาก Application   Club Britania ด้วยความใส่ใจการใช้ชีวิตของลูกบ้านที่ต้องการพื้นที่ความเป็นส่วนตัว จึงได้สร้างสรรค์ Club Britania ขึ้นมา เพื่อเป็นสถานที่รองรับได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Co Living Space ไว้นั่งปาร์ตี้กับแก้งค์เพื่อน Co-Working Space รองรับการนั่งคุยงานกับลูกค้า นัดประชุมได้ง่ายๆ แค่จองล่วงหน้าผ่าน Application สุด Genius นอกจากนี้ยังมี สระว่ายน้ำระบบเกลือ, ฟิตเนส, Playground    ชมบ้านตัวอย่าง สำหรับ BRITANIA WONGWAEN-HATHAIRAT ตอนนี้มีบ้านตัวอย่างให้ชมครบทั้ง 3  Type ค่ะ โดยในช่วงโปรโมชั่นทางโครงการจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ให้ คือ เครื่องปั๊มน้ำมาตรฐาน ถังสำรองน้ำตามมาตรฐานโครงการกัน UV และป้องกันการเกิดตะไคร่น้ำ ระบบสัญญาณกันขโมย และ Home Automation   เรามาเริ่มชมจาก WARWICK บ้านซี่รีย์ใหม่  3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ที่จอดรถ ภายนอกใช้สี SEMI GLOSS ชนิดกึ่งเงา มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนจากภายนอก เช็ดทำความสะอาดง่าย และปลอดภัยจากสารตะกั่ว และปรอท เปลือกอาคารด้านหน้าบ้านบางส่วนใช้ลายก่ออิฐ ผิวธรรมชาติ สลับกับการใช้โทนสีอ่อนเป็นหลักตัดกับสีดำจากขอบอลูมิเนียมประตู-หน้าต่าง ทำให้บ้านดูสวยงามอย่างเรียบง่าย ตามคอนเซปไว้ว่าเป็นสไตล์ Modern British   พื้นที่จอดรถหน้าบ้านมีการเสริมเสาเข็มสั้น เพื่อชะลอการทรุดตัวของพื้นจอดรถที่ต้องรับน้ำหนักมาก เฉลียงหน้าบ้านสำหรับวางรองเท้าก่อนจะเข้าสู่ตัวบ้าน ซึ่งประตูหลักหน้าบ้านเป็นบานเลื่อนใช้กระจกเขียวตัดแสงที่ป้องกันรังสี UV ช่วยสะท้อนความร้อนจากดวงอาทิตย์ แต่ยังคงได้รับแสงสว่างส่องผ่านเข้ามาได้อยู่ และเมื่อสัมผัสไปที่ตัวขอบอลูมิเนียมก็จะให้ผิวทรายซาฮาร่า เพิ่มความมีระดับขึ้นมาได้ด้วยวัสดุดีๆ นี่แหละค่ะ เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบ Double Lock   นอกจากนี้ยังมีอีกประตูเข้าบ้านตรงที่จอดรถ โดยจะใช้เป็นประตูทึบบานสวิง        ภายในบ้านใช้ไฟ LED เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ส่วนรูปลั๊กก็จะมี USB port รองรับเอาไว้ให้ด้วย ส่วนพื้นบ้านชั้นแรกนี้จะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ พื้นที่ภายในบ้านจะมีลักษณะลึกเข้าไปเป็นพื้นที่โล่ง ซึ่งสามารถกั้นพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์เพิ่มเติมได้ อย่างตามบ้านตัวอย่างที่เห็นนี้ก็จะแบ่งพื้นที่เป็นห้องทำงานกับห้องครัวเปิดก็จะดูเป็นสัดส่วนยิ่งขึ้น ซึ่งถัดมาด้านข้างจะมีห้องน้ำที่มีทั้งส่วนเปียก ส่วนแห้ง และครัวปิดที่ใช้ประตูกระจกบานเลื่อนอยู่ติดกัน มีประตูออกไปพื้นที่ซักล้างหลังบ้านจากห้องครัว   บันไดโครงสร้างคอนกรีตแน่นหนา พื้นและราวจับใช้ไม้สีน้ำตาลอ่อนกับราวเหล็กโปร่งสีขาว เข้ากับสีของผนังขาวฉาบเรียบทั้งหลัง   ชั้น 2 จะปูพื้นด้วยลามิเนต แบ่งเป็น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ซึ่ง Master Bedroom จะสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุต แล้วยังเหลือทางเดินได้รอบเตียง หรือจะวางโต๊ะหัวเตียงก็มีพื้นที่พอค่ะ พื้นที่ด้านปลายเตียงจะกั้นให้เป็น Walk In Closet ตามแบบห้องตัวอย่างนี้ก็สามารถรองรับความต้องการสำหรับคนที่มีเสื้อผ้าเยอะๆ ได้ หรือจะ Built in แค่ตู้เสื้อผ้าชิดผนังก็จะได้พื้นที่โล่งๆ ขึ้นอีกค่ะ พร้อมห้องน้ำในตัว และระเบียงส่วนตัวหันออกไปทางหน้าบ้าน        ห้องนอน 2 และ 3 จะอยู่ทางฝั่งหลังบ้าน มีขนาดพอๆ กันค่ะ สามารถวางเตียงขนาด 3.5-5 ฟุตได้ มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานได้ค่ะ สำหรับห้องน้ำทุกห้องในบ้านจะปูพื้น-ผนังด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสีเทา แยกส่วนเปียก-แห้งโดยมีขอบปูนสูงขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อป้องกันน้ำล้นออกไปยังส่วนแห้ง ส่วนใช้สุขภัณฑ์ทั้งหมดจาก American Standard ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง โถสุขภัณฑ์ สายชำระ แกนใส่ทิชชู่ ฝักบัว และมีปลั๊กไฟพร้อม USB port ที่มีฝาครอบกันน้ำติดตั้งเอาไว้ให้ด้วย จะเปิดเพลงฟังจากแท็บเล็ตแล้วเป่าผมไปด้วยก็ดูเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ดีนะคะ และยังมีพื้นที่เล็กๆ ตรงกลางยกสูงขึ้นไปเล็กน้อย เหมาะสำหรับวางโต๊ะหมู่บูชาพระ แยกเป็นสัดส่วนออกจากพื้นที่ห้องส่วนตัว        PRESTON ทาวน์โฮม 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ หน้ากว้าง 5.7 ม. สไตล์ Cozy&Comfort เริ่มตั้งแต่เฉลียงหน้าบ้านปูด้วยกระเบื้องเซรามิคความยาวตลอดแนวหน้าบ้าน ประตูบ้านใช้กระจกเขียวตัดแสงบานเลื่อน ใช้ระบบ Double Lock คือแบบกุญแจไข และการล็อคแบบก้นหอยจากภายในบ้านเพิ่มเติม พื้นชั้นแรกปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังสีขาวฉาบเรียบ       พื้นที่ในบ้านเป็นลักษณะลึกเข้าไปจากส่วนแรกที่เป็น Living Room และพื้นที่สำหรับวางโต๊ะอาหารขนาด 4-6 ที่นั่งด้านใน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับครัวเปิดที่มีประตูออกไปทางพื้นที่ซักล้างหลังบ้าน แต่หากบางครอบครัวที่ทำครัวบ่อยๆ ก็สามารถติดตั้งประตูกระจกบานเลื่อนให้เป็นครัวปิดนะคะ เพราะครัวมีพื้นที่เป็นสัดส่วนออกมาชัดเจนอยู่แล้ว หรือจะเปลี่ยนเป็นการต่อเติมออกไปด้านหลังบ้านก็ได้ ส่วนห้องน้ำก็สามารถเข้าได้จากพื้นที่ห้องครัวค่ะ   ชั้น 2 พื้นปูด้วยวัสดุลามิเนต เรามาเริ่มจาก Master Bedroom ฝั่งหน้าบ้านค่ะ สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ มีพื้นที่สำหรับ Built in ตู้เสื้อผ้าได้ประมาณ 2 ตู้ มีห้องน้ำในตัวแยกส่วนเปียกไว้ด้านในของห้องน้ำ   ห้องนอนที่ 2 และ 3 จะอยู่ทางฝั่งหลังบ้าน สามารถวางเตียงขนาด 3.5-5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ และห้องน้ำของชั้น 2 นี้ จะอยู่ตรงกลางพื้นที่เพื่อความสะดวกในการใช้งานได้ทุกคนค่ะ     ACTON ทาวน์โฮม 2 ห้องมาสเตอร์เบดรูม 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ หน้ากว้าง 5.3 ม. สไตล์ Modern Loft สำหรับการวางแปลนชั้นล่างนี้จะคล้ายกับทาวน์โฮม Type PRESTON ค่ะ คือจะมีลักษณะลึกเข้าไปตามที่ดิน เริ่มด้วยพื้นที่ Living Room และพื้นที่สำหรับวางโต๊ะอาหาร แยกครัวเปิดออกอย่างชัดเจน และห้องน้ำที่มีประตูอยู่ตรงส่วนครัว พื้นที่หลังบ้านก็เชื่อมต่อจากทางครัวเช่นเดียวกันค่ะ   ชั้น 2 สำหรับ Type นี้แม้จะมีห้องนอน 2 ห้อง แต่จะได้ห้องแบบ Master Bedroom ขนาดใกล้เคียงกันทั้ง 2 ห้องค่ะ คือจะสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุต พร้อมกับโต๊ะหัวเตียงได้ มีพื้นที่สำหรับ Built in เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และเคาน์เตอร์ทีวี ที่สำคัญคือมีห้องน้ำในตัวทั้ง 2 ห้องค่ะ           BRITANIA WONGWAEN HATHAIRAT (บริทาเนีย วงแหวน หทัยราษฎร์) ถือเป็นโครงการแนวราบที่ออกแบบฟังก์ชั่นมารองรับความต้องการในการใช้ชีวิตได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่รวมถึงกลุ่มครอบครัวอย่างตอบโจทย์รอบด้าน เมื่อชีวิตมีความสะดวกสบายขึ้นด้วยนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยรองรับสิ่งต่างๆ แล้ว ก็ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นกว่าเดิมได้ที่ BRITANIA จาก Origin House          15-16 มิ.ย. GRAND OPENING #เปิดชมบ้านตัวอย่างครั้งแรก บ้าน 3 แบบ 3 สไตล์ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ @ บริทาเนีย วงแหวน หทัยราษฏร์ เริ่ม 2.99 ล้าน*   #เฉพาะงานนี้เท่านั้น รับส่วนลดสูงสุด 300,000 บาท* #ลงทะเบียนรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท http://bit.ly/2UXNB01      
ออริจิ้น ส่งโปรฯ “ลดด่วน ขบวนสุดท้าย” ปักหมุดในงาน มหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่40

ออริจิ้น ส่งโปรฯ “ลดด่วน ขบวนสุดท้าย” ปักหมุดในงาน มหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่40

ด่วนมาก!! เลือกคอนโดที่ใช่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนมาตรการคุมสินเชื่อจะบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ใจดีส่งโปรฯ ORIGIN LAST CHANCE !! ลดด่วน ขบวนสุดท้ายราคาเริ่มต้นเพียง 1.39 ล้านบาท* ในงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่40 ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 21 - วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 เวลา 10.00 - 20.00 น. บูธ G 85 – G 102  ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงานพบโปรโมชั่นสุดพิเศษ รับสิทธิ์ ผ่อน 0% นาน 3 ปี* กู้เต็ม 100% และฟรีทุกค่าใช้จ่าย* รวมส่วนลดสูงสุดมูลค่ากว่า 500,000 บาท ห้ามพลาดโปรดีๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/orilastchance ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มีนาคม 2562 นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 020 300000 หรือที่ LINE @originproperty    
“ออริจิ้น” ฉลองยอดขายทะลุเป้า 450 ล้านบาท เพียงอาทิตย์เดียว  พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ จนถึง 31 มี.ค นี้

“ออริจิ้น” ฉลองยอดขายทะลุเป้า 450 ล้านบาท เพียงอาทิตย์เดียว พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ จนถึง 31 มี.ค นี้

ส่งโปรฯ ยืนหนึ่ง ORIGIN LAST CHANCE !! ลดด่วน ขบวนสุดท้ายไปดลใจขาช้อปที่ศูนย์การค้าพารากอน และ เทอมินิล 21 เพียงหนึ่งอาทิตย์ ล่าสุดบอสหนุ่ม อภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ถึงกับยิ้มแก้มปริ ฉลองยอดขายทะลุเป้า 450 ล้านบาท หลังจากมอบข้อเสนอให้กับคนอยากเป็นเจ้าของคอนโด ราคาเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท* รับสิทธิ์ ผ่อน 0% นาน 3 ปี*, กู้เต็ม 100% และฟรีทุกค่าใช้จ่าย* อาทิ นอตติ้งฮิลล์ ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ เจริญกรุง, ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม9, ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช ฯลฯ และยังคงจัดโปรฯ ให้จองสิทธิ์กันยาวๆ จนถึง 31 มีนาคมนี้ ที่ https://bit.ly/2HpRPvO สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 020 300 000 หรือที่ LINE @originproperty   หมายเหตุ : รายชื่อโครงการบางส่วนที่เข้าร่วมแคมเปญ ORIGIN LAST CHANCE!! ลดด่วน ขบวนสุดท้าย Readytomove นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร-อินเตอร์เชนจ์ นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท แพรกษา ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ เคนซิงตัน เกษตร แคมปัส ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา นอตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง-ศรีราชา นอตติ้ง ฮิลล์ ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ เจริญกรุง เดอะ คาบาน่า นอตติ้ง ฮิลล์ ติวานนท์ ไนท์บริดจ์ สกาย ริเวอร์ โอเชี่ยน บีลอฟท์ ไลท์ สุขุมวิท 115 บีลอฟท์ สุขุมวิท 107 Park 24 --------------------------- Pre sale เคนซิงตัน 63 เคนซิงตัน สุขุมวิท-เทพารักษ์ ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ ไนท์บริดจ์ คอลลาจ สุขุมวิท 107 ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช    
Britania Bangna KM.12 บ้านสำหรับทุกคนในครอบครัว : รีวิวบ้าน

Britania Bangna KM.12 บ้านสำหรับทุกคนในครอบครัว : รีวิวบ้าน

Britania Bangna KM.12-บริทาเนีย บางนา กม.12 บ้านเดี่ยว ยังคงเป็นที่ต้องการในชีวิตทุกคนอยู่เสมอ เพราะเป็นที่อยู่อาศัยที่เรียกได้อย่างภาคภูมิใจจริงๆ ว่านี่คือบ้านของเราและครอบครัว แต่ “บ้านที่ดี” สำหรับยุคนี้ ก็คงจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน เพื่อชีวิตที่ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น ตอบโจทย์ได้ครบทุกไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย อย่างโครงการบริทาเนีย บางนา กม.12 ที่นำนวัตกรรม B Genius Mode ใส่ลงไปในบ้านทุกหลัง เพื่อได้สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกบ้าน   B Genius Mode ประกอบไปด้วย 1.Digital Living Automation สร้างมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงให้กับบ้านของเรามากยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย   Digital Door Lock ระบบล็อคประตูบ้านผ่าน Application ไม่ว่าจะใช้การส่งรหัสผ่านแบบชั่วคราว OTP, Pin Code และแจ้งเตือนเมื่อมีการเปิด-ปิดประตู     Door&Window Magnetic Sensor สั่งเปิดระบบ Armed เมื่อไม่มีใครอยู่บ้าน หากมีการบุกรุกจะแจ้งเตือนผ่าน App   Motion Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับผู้บุกรุก   IP Camera กล้องวงจรปิดดูผ่าน App ได้   Smart Tablet Gateway ควบคุมระบบ Smart Home ผ่าน Tablet โดยจะเป็นตัว Master Control ของบ้าน   Fiber Optic Internet ใช้อินเตอร์เน็ตคุณภาพดีจาก True ทั้งโครงการ   USB Outlet ช่องเสียบ USB ทุกจุดในห้องหลัก ไม่ต้องง้อปลั๊กอะแดปเตอร์   2.Hotel Service On Demand บริการทำความสะอาด ซ่อมแซมดูแลบ้านจากมืออาชีพ เรียกใช้บริการได้ไม่ยุ่งยาก เช่น แม่บ้าน, ช่างเทคนิค ฯลฯ   3.Inter-Personal Space Design ออกแบบฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และเข้าใจผู้อยู่อาศัยในทุกมิติ เช่น ครัวไทย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหาร   4.Club Britania หนึ่งในหัวใจสำคัญของ  B Genius Mode ที่ถูกออกแบบจาก "ความเข้าใจ" พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนยุค 4.0  ที่รักอิสระและชอบความสะดวกสบาย   เพราะ“บ้าน” คือ พื้นที่ส่วนตัว CLUB BRITANIAจึงเป็นสังคมของการSharing จุดนัดพบของคนยุคใหม่ที่รองรับทุกกิจกรรม อาทิ co-working space  สระว่ายน้ำ ฟิตเนส  สนามเด็กเล่น ห้องประชุม ฯลฯ    ทำเลอนาคตสดใส ถ้าหากเอ่ยถึงทำเลที่กำลังจะมี Mega Project สำคัญเกิดขึ้นหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ รถไฟฟ้า ทางด่วนที่เชื่อมต่อไปได้หลายเส้นทาง ที่ตั้งสนามบินหลักของประเทศ รวมถึงยังเป็นแหล่งทำงานขนาดใหญ่ คงจะนึกถึงย่านอื่นไปไม่ได้ นอกจาก “บางนา”   ถ.บางนา-ตราด นับจากนี้เป็นอะไรที่น่าจับตามองอย่างมากเลยนะคะ เริ่มกันตั้งแต่ช่วงต้นของถนนบริเวณสี่แยกบางนา กับโครงการที่หลายคนเฝ้าคอยอย่าง Bangkok Mall ซึ่งจะเป็นทั้งศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม อาคารที่อยู่อาศัยให้เช่าหรือเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ อาคารสำนักงานให้เช่า บนพื้นที่ 100 ไร่ ที่เริ่มตอกเสาเข็มทำการก่อสร้างกันแล้ว เสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ก็จะกลายเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ฝั่งตรงข้ามกันก็เป็นไบเทคบางนา ก็เป็นที่ทราบกันว่ามีงาน Exhibition ดีๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดทั้งปี ถัดมาไม่ไกลกันนักเป็นห้างสรรพสินค้าเมกาบางนา ที่เข้ามาพลิกโฉมย่านนี้ให้คึกคักจนกลายเป็นแม่เหล็กชั้นดีในการดึงคนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันครบครันในแห่งเดียว รวมถึงยังมีคอมมูนิตี้อื่นๆ อีกมากมาย   ด้านการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวในย่านนี้ถือว่าสะดวกสบายไม่ว่าจะเป็นถ.บางนา-ตราด ซึ่งเป็นถนนขนาดใหญ่ถึง 9-14 เลน มีทางพิเศษบูรพาวิถีตั้งแต่ช่วงต้นถนนยาวไปจนก่อนถึงนิคมอมตะนคร โดยช่วงสี่แยกบางนาจะสามารถไปเชื่อมกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร เข้าสู่ตัวเมือง CBD ได้ง่าย ช่วงกลางเชื่อมต่อกับถ.กาญจนาภิเษก ไปฝั่งบางปะอินหรือพระราม 2 ก็ได้เช่นกัน เดินทางสะดวกขนาดนี้ก็สมแล้วค่ะที่เป็นอีกหนึ่งแหล่งทำงานทั้งออฟฟิศและโรงงานอุสาหกรรม ตั้งแต่ต้นถนนยาวไปจนถึงชลบุรีเลยค่ะ ที่สำคัญในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้า Light Rail บางนา-สุวรรณภูมิ ซึ่งเชื่อมต่อจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวในปัจจุบันไปจนเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ   สำหรับโครงการ Britania Bangna KM.12 จะตั้งอยู่ในถ.สุขาภิบาล 6 หรือที่เรียกกันว่าซ.วัดบางพลีใหญ่ใน จุดเด่นอย่างหนึ่งคือสามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทางค่ะ คือจากถนนเทพารักษ์ ถนนกิ่งแก้ว แต่หลักๆ ก็จะแนะนำจากถ.บางนา-ตราด ฝั่งขาเข้า แล้วเลี้ยวซ้ายสู่ถ.สุขาภิบาล 6 (ซ.วัดบางพลีใหญ่ใน) ไปประมาณ 1.7 กิโลเมตร ก็จะเห็นโครงการอยู่ทางขวามือค่ะ   ภาพรวมโครงการ Britania Bangna KM.12 โครงการบ้านเดี่ยวสไตล์ British Luxury Comfort แต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนไทยจริงๆ มีบ้านให้เลือกถึง 3 แบบ คือ   BROMPTON 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 130 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1  แพนทรี 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ REGENT 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 140 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1  แพนทรี 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ OXFORD 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 150 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 อเนกประสงค์ 1  แพนทรี 1 ครัวไทย 2 ที่จอดรถ   ทั้งหมด 182 ยูนิต แยก Clubhouse อยู่ด้านหน้าโครงการ เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน หากต้องมีการรับแขกก็ไม่ต้องเข้าไปที่บ้านก็ได้ ซึ่งใน Clubhouse ก็จะเป็นศูนย์กลาง Facility ของ Britania Bangna KM.12 เพราะจะมีทั้ง สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Co-living Space, Kid Room, Co-working Space, Petground   แปลนบ้าน สำหรับบ้าน Britania เขาจะมี Gimmick อยู่หลายจุดทีเดียวค่ะ แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็จะอยู่ที่ทุก Type บ้าน มีทั้งครัวฝรั่งที่อยู่ในตัวบ้าน และครัวไทยที่ต่อออกไปอยู่นอกบ้าน ถัดจากครัวฝรั่งด้านใน เนื่องจากจากทำอาหารไทยจะมีกลิ่นค่อนข้างแรง ควันเยอะ จึงเหมาะมากค่ะกับการที่แยกไว้นอกบ้านแบบนี้           เยี่ยมชมโครงการ ตัวโครงการ Britania Bangna KM.12 หาไม่ยากเลยค่ะ หน้าโครงการอยู่ติดกับ 7-11 ที่เป็น Standalone ซึ่งป้ายชื่อโครงการด้านหน้าจะใช้วัสดุสี copper ตัดกับโทนสีขาวที่ใช้เป็นหลัก ซึ่งถ้าเราผ่าน Main Gate เข้าไปแล้วก็จะพบว่าโครงการนี้เป็น Double Gate เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นค่ะ โดยตัว Clubhouse จะอยู่ทางขวาของ Gate ด้านในก่อนเข้าสู่ภายในโครงการค่ะ     เปิดบ้านตัวอย่าง บ้านตัวอย่างจะมีให้ชมครบทั้ง 3 Type เลยค่ะ โดยเราจะมาเริ่มไปชมพร้อมๆ กันตั้งแต่ขนาดเริ่มต้นที่ BROMPTON 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 130 ตร.ม. ประตูทางเข้าหลักของบ้านจะใช้ประตูกระจกเขียวตัดแสง บานสไลด์ขอบอลูมิเนียมสีดำให้ตัวล็อคแบบกุญแจและมีตัว Double Lock เพิ่มความแน่นหนาดีค่ะ โดยทั้งประตู หน้าต่างจะใช้แบรนด์จาก Windsor ทั้งหลังค่ะ ใช้ไฟ Downlight และตามรูปลั๊กไฟในบ้านก็จะเห็นแบบที่เสียบสาย USB ได้เลย ไม่ต้อง้อตัวอะแดปเตอร์แล้วค่ะ    เข้ามาสำรวจภายในบ้านกันบ้างค่ะ ซึ่งบ้านจริงจะเป็นบ้านเปล่านะคะ ยกแว้นแค่ช่วงโปรโมชั่นที่จะมีบางอย่างให้ แต่หลักๆ คือ พื้นชั้นล่างจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังฉาบเรียบสีขาว และได้เครื่องปรับอากาศ Daikin Inverter ทั้งหลัง ที่มีคุณสมบัติประหยัดพลังงาน เย็นได้เร็วกว่าปกติ ควบคุมอุณภูมิคงที่ได้มากกว่า และทำงานเงียบกว่าด้วยค่ะ โดยส่วนแรกของบ้านจะเป็น Living Room ที่สามารถวางโซฟาได้ถึง 4-5 ที่นั่ง เชื่อมต่อลึกเข้าไปด้านในก็จะเป็นส่วนของพื้นที่สำหรับโต๊ะทานข้าวขนาดประมาณ 4-6 ที่นั่งค่ะ   อีกส่วนหนึ่งของชั้นแรกจะเป็นบันได ห้องน้ำ และห้องครัวค่ะ ซึ่งแม้จะเป็นครัวเปิด แต่ก็มีการกั้นผนังแยกโซนเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน โดยผนังจะมีการเจาะช่องเอาไว้ เพื่อไม่ให้ดูทึบจนเกินไปค่ะ สะดวกเวลาทำครัวพร้อมกับจัดโต๊ะอาหารไปด้วยเลย   ห้องน้ำของชั้นแรกจะมีทั้งส่วนเปียกด้านใน และส่วนแห้งค่ะ โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดใช้แบรนด์ American Standard ไม่ว่าจะเป็น อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง ฝักบัว ที่วางสบู่ โถสุขภัณฑ์ สายชำระ ราวแขวนผ้า แกนใส่ทิชชู่ พร้อมติดกระจกเงาให้มาครบเลยค่ะ   ถัดมาด้านในสุดเป็นห้องครัวค่ะ ซึ่งจะสามารถวางเคาน์เตอร์ครัวแบบผนังด้านเดียวได้ พร้อมพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น มีหน้าต่างบานสไลด์ 2 ตอนเอาไว้ เหมาะสำหรับวางซิงค์ให้ตรงกับหน้าต่างค่ะ เพื่อระบายความชื้นที่จะก่อให้เกิดเชื้อราขึ้นได้ง่าย  และประตูด้านหลังก็จะเปิดไปเชื่อมต่อกับครัวไทยด้านนอกได้เลย ไม่ต้องไปต่อเติมเองทีหลัง ตรงนี้รับรองว่าคนทำครัวจะต้องชอบแน่นอนค่ะ   กลับเข้ามาในบ้านเพื่อขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันบ้างค่ะ บันไดเป็นโครงการคอนกรีต Top ไม้สีอ่อน เดินแล้วไม่เกิดเสียงดังค่ะ และยังมีหน้าต่างบานสูงอยู่ระหว่างทางเดินบันได เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้จุดที่เสี่ยงจะเกิดอันตรายขึ้นในบ้านได้ง่ายแบบตรงบันไดบ้านนี่แหละค่ะ   ขึ้นมาชั้น 2 ก็จะเจอห้องนอน 3 ห้อง ห้องน้ำแยกอีก 1 ห้องค่ะ โดยพื้นของชั้นนี้จะปูด้วยลามิเนตค่ะ   เริ่มจากห้องแรกทางซ้ายมือของบันไดค่ะ ภายในห้องจะสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงานได้ มีหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน หน้าต่างบานสไลด์ด้านข้างอีก ห้องจึงดูสว่างโล่งดีค่ะ   ถัดจากห้องนอนแรกทางซ้ายมือของบันไดก็จะเป็นห้องน้ำแยกค่ะ โดยภายในห้องน้ำจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคทั้งหมด ส่วนแห้งอยู่ก่อนถึงส่วนเปียกด้านในสุด ที่มีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับเพิ่มแสงสว่าง และระบายอากาศเอาไว้ด้านบน หากเราสังเกตก็จะเห็นว่าในห้องน้ำทุกห้องของบ้านจะมีปลั๊กไฟที่มี USB ให้มาด้วย สะดวกสบายมากๆ ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของบ้าน   หันกลับมาทางขวาของบันไดกันบ้างค่ะ จะเป็นห้องนอนที่ 2 และห้อง Master Bedroom   ห้องนอนที่ 2 จะมีพื้นที่ใหญ่ขึ้นมาจากห้องแรกเล็กน้อยค่ะ โดยจะสามารถวางเตียง 3.5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน มีหน้าต่างบานกระทุ้งตรงหัวนอน และบานใหญ่ด้านข้างมองเห็นทางฝั่งหน้าบ้านค่ะ   Master Bedroom จะสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุต ไว้กลางห้องได้ค่ะ จะมีส่วนที่เป็น Walk In Closet อยู่หน้าห้องน้ำในตัวด้วยนะ โดยในห้องน้ำจะมีการกั้นฉากอาบน้ำเอาไว้ให้ด้วย สุขภัณฑ์ทั้งหมดก็จะได้มาตามที่เห็นเลยค่ะ ซึ่งจะมีระเบียงส่วนตัวกั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ ซึ่งระเบียงจะกั้นด้วยราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งสีดำ ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค     บ้านตัวอย่างหลังที่ 2  REGENT 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอยรวม 140 ตร.ม. ประตูหลักของบ้านใช้ประตูกระจกเขียวตัดแสง บานสไลด์ 2 ตอน ระบบ Double Lock แน่นหนา มีเฉลียงหน้าบ้านยื่นออกมาเล็กน้อย และที่นั่งสำหรับนั่งใส่รองเท้า    ภายในบ้านเริ่มด้วย Living Room สามารถวางโซฟาขนาด 4-5 ที่นั่งได้ พร้อมกับ Coffee table และเคาน์เตอร์ทีวีได้สบายๆ ค่ะ ถัดจาก Living Room เข้าไปจะมีประตูกระจกบานสไลด์ออกไปข้างบ้านได้    ด้านในสุดของบ้านจะเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4-6 ที่นั่ง และยังมีส่วนที่เป็นเหมือนห้องอเนกประสงค์ สามารถรองรับได้ทุกไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้หลากหลายเลยค่ะ เช่น เป็นมุมอ่านหนังสือ มุมโต๊ะทำงาน ฯลฯ และยังมีหน้าต่างอยู่รอบด้าน ก็จะยิ่งเพิ่มแสงสว่างให้เข้ามาได้มากขึ้น แม้จะอยู่ด้านในสุดของบ้าน   อีกฝั่งของบ้านจะเป็นบันได และกั้นส่วนห้องน้ำกับครัวได้อย่างเป็นสัดส่วนมากทีเดียวค่ะ ดีกว่าการที่ปล่อยให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งๆ เพราะถ้ามีแขกมาที่บ้านก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเห็นในครัวเลยค่ะ ตรงนี้ถือว่าออกแบบมาให้ได้ดีมากค่ะ คำนึงถึงการอยู่อาศัยจริง   ห้องครัวหลบเข้ามาด้านในสุดอย่างดูเป็นส่วนตัวมากค่ะ ซึ่งพื้นที่ก็สามารถวางตู้เย็น พร้อมเคาน์เตอร์ครัวแบบผนังด้านเดียวได้ มีประตูบานทึบกั้นส่วนที่เป็นครัวไทยด้านนอก โดยจะมีการปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค ทำเคาน์เตอร์ไว้ให้เรียบร้อยเลยค่ะ เวลาใช้งานครัวจริงๆ ก็สะดวกสบายขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ   บันไดจะอยู่ช่วงกลางบ้าน หลังเคาน์เตอร์ทีวีตรง Living Room ค่ะ ระหว่างทางบันไดก็จะมีหน้าต่างทรงสูงเอาไว้เพื่อเพิ่มแสงสว่าง เรียกได้ว่าไม่ให้มีจุดทึบในบ้านเลยนะคะ   ชั้น 2 จะมี 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำแยกค่ะ เริ่มจากห้องนอนแรกทางขวามือของบันไดกันก่อนเลย   ห้องนอนแรกจะอยู่ทางฝั่งหน้าบ้านค่ะ สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงานได้ จะมีหน้าต่างอยู่ตรงหัวนอน และด้านข้างค่ะ   ถัดจากห้องนอนแรกเป็นห้องน้ำแยกค่ะ ภายในจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคทั้งหมด แยกส่วนเปียกเอาไว้ด้านในสุด มีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับเพิ่มแสงสว่าง และระบายความชื้น สุขภัณฑ์ใช้ American Standard ทั้งหมด   หันไปทางด้านซ้ายของบันไดค่ะ จะเจอกับห้องนอนที่ 2 และ Master Bedroom ทางขวามือของภาพ   ห้องนอนที่ 2 ห้องนี้อยู่ทางฝั่งหลังบ้านค่ะ มีพื้นที่วางเตียงได้ 3.5 ฟุต และตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงานได้ โดยมีพื้นที่เหลือด้านข้างเตียง   สุดท้ายที่ Master Bedroom ค่ะ พื้นที่กลางห้องสามารถวางเตียงได้ขนาด 5-6 ฟุต โดยมีทางเดินเหลือได้รอบเตียงทั้งสองด้าน มีส่วนที่เป็น Walk In Closet อยู่หน้าห้องน้ำในตัว ซึ่งภายในห้องน้ำก็จะได้สุขภัณฑ์ทุกอย่างตามที่เห็นค่ะ ส่วนระเบียงด้านข้างเตียงจะกั้นด้วยประตูกระจกเขียวตัดแสง ขอบอลูมิเนียม ตรงระเบียงจะกั้นด้วยเหล็กโปร่งสีดำ ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคค่ะ      หลังสุดท้ายเป็น Type ใหญ่ที่สุดของโครงการค่ะ OXFORD 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 150 ตร.ม. ความพิเศษของบ้าน Type ใหญ่นี้จะมีตั้งแต่หน้าบ้านกันเลยค่ะ ตรงที่จอดรถจะมีห้องเก็บของเอาไว้ให้ด้วยค่ะ และประตูหน้าบ้านที่เป็นกระจกบานสไลด์ จะเป็นกระจกเข้ามุมทั้งสองฝั่งยื่นออกมา จะช่วยเพิ่มมุมมองจากด้านในให้กว้างขึ้น รับแสงสว่างได้มากขึ้นด้วยค่ะ   ด้านในบ้านเริ่มจาก Living Room พื้นที่กว้างขวางมากๆ เลยค่ะ มากพอที่จะจัดปาร์ตี้ในบ้านกันได้เลย โดยสามารถวาง L shape sofa พร้อมกับโต๊ะทานข้าวได้เลยค่ะ โดยจะสังเกตเห็นว่าด้านข้างเคาน์เตอร์ทีวีจะมีตัว Smart Tablet Gateway ควบคุมระบบ Smart Home ติดอยู่ที่ผนัง เพื่อควบคุมระบบไฟฟ้าหลักของบ้าน ซึ่งตัวนี้จะติดตั้งมาให้ทุกหลังเลยค่ะ    สำหรับ Type นี้จะมีห้องนอนอยู่ชั้นล่างนี้ด้วยค่ะ อยู่ทางขวามือของบันได   ห้องนอนชั้นล่างแบบนี้ เหมาะสำหรับเป็นห้องของผู้สูงอายุค่ะ เพราะไม่ต้องเดินขึ้น-ลงบันได ให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ โดยภายในห้องก็มีหน้าต่างทั้งตรงหัวนอน และด้านข้างเตียง ไม่ต้องกังวลว่าอยู่ชั้นล่างแล้วจะอับทึบค่ะ   ถัดมาเราจะเห็นประตูด้านซ้ายมือใกล้กับห้องน้ำค่ะ เป็นประตูที่สามารถทะลุออกไปตรงที่จอดรถได้ ซึ่งบ้านจริงจะติดตั้ง Digital Door Lock เอาไว้ตรงประตูนี้ด้วยนะคะ    ห้องครัวได้พื้นที่ใหญ่ขึ้นมาอีกค่ะ จะได้การวางครัวแบบ Double Wall Kitchen ใช้แยกเป็นส่วนเตรียม ปรุงอาหาร และส่วนเก็บล้างได้อย่างเป็นสัดส่วนยิ่งขึ้น ส่วนครัวไทยด้านนอกก็ยังคงมีมาให้เช่นเคยค่ะ โดยครัวไทยด้านนอกจะเปิดโล่ง สามารถเดินทะลุได้ทั้งทางหน้าบ้านและหลังบ้านค่ะ    กลับขึ้นมาที่ชั้น 2 กันค่ะ พื้นที่ตรงกลางจะเป็นห้องอเนกประสงค์ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์แต่ละครอบครัวได้เลย เช่น เป็น Living Room สำหรับเด็กๆ แยกจากแขกของผู้ใหญ่ด้านล่าง หรือจะเป็นมุมโปรดนั่งอ่านนหังสือก็ได้นะคะ   มาดูกันทางฝั่งขวามือก่อนค่ะ มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ เริ่มจากห้องน้ำตรงกลางค่ะ สุขภัณฑ์ต่างๆ อุปกรณ์ รวมถึงกระจกเงา จะได้มาตามบ้านตัวอย่างพร้อมใช้งานค่ะ   ห้องนอนแรกค่ะ วางเตียงขนาด 3.5 ชิดกำแพงที่มีหน้าต่างเอาไว้ ก็จะได้พื้นที่ทางเดินข้างเตียงเพิ่มมากขึ้น   หันกลับไปดูห้องนอนที่ 2 ด้านขวามือของภาพกันต่อค่ะ ซึ่งจะมีขนาดเพิ่มขึ้นมาอีก พอที่จะวางเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ   สุดท้ายสำหรับ Master Bedroom ค่ะ เป็นห้องที่สามารถวางเตียงได้ถึง 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่ทางเดินได้รอบเตียง มีพื้นที่ Walk In Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัว ส่วนระเบียงสำรับบ้าน Type นี้จะแตกต่างตรงที่มีราวกันตกกั้นด้วยกระจกนิรภัยค่ะ      Britania Bangna KM.12 เป็นบ้านเดี่ยวที่เชื่อว่าจะเข้าไปอยู่ในใจใครหลายคนค่ะ เพราะนอกจากจะมีการจัด Space ภายในบ้านได้ดี บ้านดูสว่างโปร่ง ไม่มีจุดอับทึบแล้ว ยังมีการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านเข้าไปอย่างเต็มที่ อย่างนวัตกรรม B Genius Mode ที่นำเอาความเป็นจริงของการใช้ชีวิตมาเป็นหลักในการพัฒนาจนกลายเป็นบ้านสไตล์ Britania ที่มีความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร               
BRITANIA WONGWAEN-HATHAIRAT-บริทาเนีย วงแหวน–หทัยราษฎร์ : รีวิวบ้าน

BRITANIA WONGWAEN-HATHAIRAT-บริทาเนีย วงแหวน–หทัยราษฎร์ : รีวิวบ้าน

BRITANIA WONGWAEN HATHAIRAT โครงการบ้านซี่รี่ส์ใหม่และทาวน์โฮม สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันด้วยนวัตกรรมจากออริจิ้น ที่เรียกว่า B Genius Mode  ประกอบไปด้วย 4 หลัก ได้แก่     Digital Living automation จัดการชีวิตเทคไลฟ์อย่างง่ายดายบน applicationสุดล้ำ สั่งการผ่านปลายนิ้ว บริทาเนีย ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการอยู่อาศัย  ด้วยการติดตั้งระบบ Home Security  ประกอบด้วย   Digital Door Lock  สามารถควบคุมล็อกประตูบ้าน ผ่าน application  แชร์ OTP ให้ แขกหรือ แม่บ้าน รับ Notification  เมื่อมีการเปิด – ปิด ประตูเพื่อความอุ่นใจ รองรับ Pin Code และ Card*   Door &Window  Magnetic Sensor เมื่อออกจากบ้านและสั่งการ ระบบรักษาความปลอดภัย เมื่อมีการบุกรุกทางประตูหน้าต่าง ให้ไซเรนดังและแจ้งเตือนผ่านแอพคลิชั่น*   Motion Sensor เมื่อออกจากบ้านให้ทำงานเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับการบุกรุก*   IP Camera  กล้องภายในบ้านสามารถดูผ่านแอพฯ เพื่อดูแลสมาชิกภายในบ้านหรือตรวจจับรักษาความปลอดภัย* ซึ่งทั้งหมดนี้ ผ่านระบบโครงข่ายใยแก้วนำแสง Fiber Optic True Room ของ TRUE ทั้งโครงการ   รวมถึง  USB Outlet ที่เตรียมให้ทุกจุดสำคัญในบ้าน ให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อ ทั้งห้องรับแขก ห้องนอนใหญ่   ห้องน้ำ* บริทาเนีย ยังเข้าใจ ความต้องการที่แท้จริง ด้วย INTERPERSONAL SPACE DESIGN โดยการออกแบบ ฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และเข้าใจลูกค้าในทุกมิติ   Multi- Purpose Spaces พื้นที่ที่รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย Thai Kitchen ครัวไทยปิด แยกเป็นสัดส่วน เหมาะกับผู้รักการทำอาหาร Built-in Furniture การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์ และลงตัวกับการอยู่อาศัย   อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของ บริทาเนีย คือ “การบริการ” ระดับโรงแรม 5 ดาว ที่มีให้อย่างครบครัน ภายใต้  HOTEL SERVICE ON DEMAND ซึ่งบริการนี้ตอบโจทย์ ความต้องการ ในการจัดการชีวิตให้สะดวกสบาย พร้อมคนดูแลส่วนตัว  ไม่ว่าจะเป็น แม่บ้าน, งานซักรีด, ช่างเทคนิค และคนสวน  เรียกใช้บริการอย่างมั่นใจ ง่ายดาย  ด้วยการจองผ่าน Mobile Application  ให้คุณเอาเวลามา ดีไซน์การใช้ชีวิต ในแบบที่เป็นคุณ อย่างเต็มที่   “Club Britania” ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา จากความเข้าใจลูกค้า ว่ามีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่ “บ้าน” คือ พื้นที่ส่วนตัว แต่เมื่อต้องการพื้นที่เพื่อรองรับกิจกรรมต่าง ๆ คลับบริทาเนียกลายเป็นสถานที่ ที่พิเศษ กว่าที่ไหน ๆ สามารถใช้นัดปาร์ตี้กับแก้งค์เพื่อน ที่ Co Living Space ใช้รับรองลูกค้า นัดประชุม ที่ Co-Working Space หรือ Private Room ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถสั่งจองพื้นที่ใช้งานส่วนกลาง ผ่าน Application สุด Genius และพื้นที่ของส่วนกลางยังประกอบด้วย สระว่ายน้ำระบบเกลือ , ฟิตเนส , Stream Room Locker Room , Playground , Pet ground   จึงสามารถกล่าวได้ว่า “คลับบริทาเนีย” ทำให้ “บ้านบริทาเนีย” เป็นมากกว่าบ้าน นั้นเอง     ชื่อโครงการ BRITANIA WONGWAEN-HATHAIRAT (บริทาเนีย วงแหวน–หทัยราษฎร์) เจ้าของโครงการ บริษัท ออริจิ้น เฮ้าส์ จำกัด ที่ตั้งโครงการ ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 10510 พื้นที่โครงการ 31-3-93.00 ไร่ ลักษณะโครงการ บ้านซี่รีย์ใหม่ 2 ชั้น และทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวนหลัง 288 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 100-140 ตร.ม. แบบบ้าน  WARWICK บ้านซี่รีย์ใหม่  3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ที่จอดรถ 140 ตร.ม. PRESTON ทาวน์โฮม 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 110 ตร.ม. ACTON ทาวน์โฮม 2 ห้องมาสเตอร์เบครูม 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 100 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง Club House, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, ห้องสตีมรูม, ฟิตเนส, สนามเด็กเล่น, CCTV, รักษาความปลอดภัย 24 ชม. ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท จุดเด่นโครงการ เป็นโครงการที่มีทั้งบ้านซี่รี่ส์ใหม่ และทาวน์โฮม ที่ออกแบบมาในสไตล์อังกฤษ Modern British Luxury และความเป็น Creative Living ผสมผสานกันอย่างลงตัว มีสวนสาธารณะในโครงการขนาดใหญ่ ใกล้ 2 ทางด่วน และ 1 รถไฟฟ้า* จุดขึ้น-ลงทางด่วน ทางด่วนรามอินทรา-จตุโชติ, ถ.กาญจนาภิเษก สถานที่ใกล้เคียง บิ๊กซี ลำลูกกา, โฮมโปร ลำลูกกา, ตลาดวงศกร, ตลาดมารวย, Max Value หทัยราษฎร์, สนามบินดอนเมือง, รพ.สายไหม, รพ.ภูมิพล, เดอะพรอมานาด, แฟชั่นไอส์แลนด์                 *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด รูปภาพใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น บริษัทอาจทำการเปลี่ยนแปลงได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า   “23-24 ก.พ. นี้ PRE-SALE พบกันที่ Sale Office ของโครงการ บริทาเนีย วงแหวน-หทัยราษฎร์  แล้วมาเป็นครอบครัวเดียวกับ “ซันนี่” นะครับ http://bit.ly/2SaARGI      
ออริจิ้นฯ เตรียมเปิด “Knightsbridge สุขุมวิท-เทพารักษ์” รับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง

ออริจิ้นฯ เตรียมเปิด “Knightsbridge สุขุมวิท-เทพารักษ์” รับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง

การลงทุนโครงข่ายระบบรถไฟฟ้า และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง) ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) เป็นอีกโครงการที่มาเติมเต็มโครงข่ายขนส่งมวลชน กรุงเทพฯโซนตะวันออก เป็นเส้นทางเชื่อมกรุงเทพฯตอนบนกับตอนล่าง นับตั้งแต่ถนนลาดพร้าว บางกะปิ ศรีนครินทร์ และเทพารักษ์  เมื่อบวกกับปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ เช่น ชุมชนขยายตัวและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่เป็นตัวเพิ่มศักยภาพที่น่าสนใจ ทำให้ตลอดแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่มีระยะทาง 30.4 กม. รวม 23 สถานี นายกฯพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานพิธีกดปุ่มสร้างปลายเดือนสิงหาคม 2561 มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการปี 2564 คาดการณ์จะมีผู้โดยสารให้บริการประมาณ 220,000 คน-เที่ยวต่อวัน ส่งผลเกิดการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยคึกคัก   “ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ ” (Knightsbridge Sukhumvit-Theparak) คอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุด!!  ที่ บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เจ้าของโครงการยืนยันว่าเป็นโครงการบนถนนเทพารักษ์ ทำเลศักยภาพที่พร้อมเจิดจรัส เพียง 0 เมตรจากสถานี MRT ทิพวัล และเชื่อมต่อกับสถานี Interchange สำโรง (สายสีเขียวสุขุมวิท) เพียง 1 สถานี เชื่อมต่อถนนเส้นหลักถึง 2 เส้นทั้งสุขุมวิทและศรีนครินทร์     โครงการ “ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ ” ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 1ไร่ พัฒนาเป็นอาคารสูง 35 ชั้น 1อาคาร จำนวน 474 ยูนิต และ 1Shop  มีห้องให้เลือกตั้งแต่ขนาดพื้นที่ 23 - 55 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาขายเฉลี่ยที่ 90,000 บาทต่อตร.ม.  มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,490 ล้านบาท มีที่จอดรถ Auto Parking 49% กำหนดเริ่มก่อสร้าง ปี 2562 คาดแล้วเสร็จในปี 2564  (อาคารจะสร้างเสร็จพร้อมรถไฟฟ้าเปิดใช้งาน) โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็นกลุ่มพนักงานบริษัทแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และ โซนเทพารักษ์,บางนา,บางพลี,สมุทรปราการ เจาะกลุ่มคนที่มีระดับรายได้ 35,000 บาทต่อเดือนโดยประมาณ   โครงการดังกล่าวออกแบบโดยบริษัท โบว์มอนท์ พาร์ทเนอร์ส จำกัดหนึ่งในผู้ออกแบบที่อยู่อาศัยที่มีความคิดสร้างสรรค์ และมีผลงานมากมายเป็นที่ยอมรับและรู้จักกันดีในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ของบริษัทผู้ออกแบบผสานกับความเป็นผู้เชี่ยวชาญมีฐานข้อมูลด้านการตลาดของ ออริจิ้น ฯ จึงสร้างความโดดเด่นในโครงการทุกพื้นที่การอยู่อาศัยรวมถึงพื้นที่ส่วนกลางที่โดดเด่น ชั้นบนสุด Rooftop Facility สวนชั้นดาดฟ้า พร้อมจุดชมวิวได้รอบทิศ 360 องศา อีกทั้งยังตอกย้ำจุดเด่นแบรนด์ Knightsbridgeให้แตกต่างจากโครงการการอื่นในย่านเดียวกันนั่นคือ จะเน้นไปที่ความพรีเมี่ยมของทำเล จำนวนยูนิตไม่มากนัก และรวมไปถึงความเป็นส่วนตัวในการใช้พื้นที่ส่วนกลางได้เต็มอิ่มในราคาที่จับต้องได้  มีระบบรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด CCTV 24 ชั่วโมง ปัจจุบันเปิดรับลงทะเบียนสำหรับรับข่าวสารข้อมูลโครงการแล้วที่ www.origin.co.th หรือ http://www.origin.co.th/register/knightsbridge-sukhumvit-thepharak หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 020-300-000     นอกจากนี้ยังมีอีก 5 ปัจจัยสำคัญที่นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท ออริจิ้น ฯ บอกว่าเป็นเหตุผลที่บริษัทฯเลือกลงทุนพัฒนาโครงการ “ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์” บนถนนเทพารักษ์ที่มีความโดดเด่นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต นั่นคือ   โครงการอยู่ติดกบรถไฟฟ้าสถานีเทพารักษ์ 0 เมตรและเชื่อมต่อกับ interchange สายสีเขียว สถานีสำโรง ซึ่งมีโครงสร้างและแนวโน้ม ในการรับผลประโยชน์จากการพัฒนาของที่ดินได้ทั้งสองสาย ถนนเส้นนี้เป็น 1 ใน ถนนเพียง 3 สายบนแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทที่เป็นถนน 4 เลน และ มีรถไฟฟ้าตัดผ่านกลางซอย ทำเลเทพารักษ์อยู่เชื่อมต่อ ถนน เส้นหลักถึง 2 เส้น (สุขุมวิท และ ศรีนครินทร์) รวมไปถึงตัวโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนหลัก (8 เลน) ที่สามารถรองรับการพัฒนาของที่ดินรวมไปถึงการลงทุนต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขยายตัวของทำเลสุขุมวิท ลูกค้าต่างชาติทั้งเอเซียและยุโรปมีความต้องการห้องพักอาศัยในเมืองใกล้แนวรถไฟฟ้าในทำเลเที่เดินทาง สะดวกและอุดมสมบูรณ์ในราคาค่าเช่าที่ถูกลงพร้อมกับการขยายตัวของแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีเหลืองที่เชื่อมต่อจุด Interchangeบางนา-สุวรรณภูมิ มีการเจริญเติบโตในด้านการลงทุนต่างๆ ทั้งที่พักอาศัย,Community Mall,โรงแรม และ โรงเรียนนานาชาติ   ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการที่อุดมไปด้วยห้างสรรพสินค้าและ Avenue ชั้นนำ พร้อมความสะดวกสบายในการเดินทางบนถนนเทพารักษ์ที่เป้นถนนที่มีความกว้างถึง 8 เลนเชื่อมกับถนนหลัก 2 เส้นทางทั้งสุขุมวิทและศรีนครินทร์ สะดวกสาบายกับการเดินทางด้วยรถยนต์ใกล้ทางด่วนและวงแหวนอุตสาหกรรม จะช่วยทำให้ชีวิตกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่...ที่ต้องการใช้ชีวิตส่วนตัวที่จะได้รับผลประโยชน์จากการมาของรถไฟฟ้าทั้งสายสีเหลืองและสายสีเขียวในแง่ของการเจริญเติบโตของที่ดิน และโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆในอนาต   บริษัทฯมั่นใจว่า โครงการ “ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ ” จะเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้นๆที่ต้องการแยกครองครัว หรือใช้ชีวิตส่วนตัว อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องเช่าที่อยู่อาศัย และเห็นความสำคัญของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่จะสร้างเสร็จในปี 2564 และจากข้อมูลที่ได้จากการสำรวจพบว่า มีกลุ่มคนที่เดิมมีบ้านอยู่บริเวณเทพารักษ์ สำโรง ปู่เจ้าสมิงพราย ที่ต้องการแยกครอบครัว แต่ไม่มีเงินมากพอจะซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบ จึงเลือกซื้อคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่อยู่ใกล้บ้านเดิมของตนเอง              
ออริจิ้น ฉลองครบรอบ 10 ปี เปิดตัว “The Origin” คอนโดแบรนด์ใหม่ ดึง “ซันนี่” เป็น Brand Ambassador

ออริจิ้น ฉลองครบรอบ 10 ปี เปิดตัว “The Origin” คอนโดแบรนด์ใหม่ ดึง “ซันนี่” เป็น Brand Ambassador

ออริจิ้น ฉลองครบรอบ 10 ปี เปิดตัว “The Origin” คอนโดแบรนด์ใหม่เจาะ New Gen ชู Empathy ตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมดึง “ซันนี่” เป็น Brand Ambassador   ออริจิ้น ปรับเซ็กเมนต์ธุรกิจสอดรับตลาดอสังหาฯปี 62 พร้อมเปิดตัวแบรนด์ “The Origin” ลุยตลาดคอนโด เพิ่มโอกาสเจาะกลุ่มวัยรุ่น-สะท้อนความเป็นตัวตน ชูแนวทาง “Empathy” ทุกกลุ่มธุรกิจ หนุน Smart Products และ Excellent Services สร้างมาตรฐานเหนือระดับดึงดูดใจลูกค้า ดึง “ซันนี่” นั่งแท่น Brand Ambassador คนใหม่ กระตุ้นการจดจำพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน ปี 62 จ่อเปิดโครงการอสังหาฯเพื่อขายกว่า 26,000 ล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการโรงแรม 2 แห่งปลายปีนี้ มั่นใจโกยยอดขายทั้งปีกว่า 28,000 ล้านบาท และรายได้อีกกว่า 19,000 ล้านบาท   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในปี 2562 ทำให้โครงการเปิดใหม่ในปีนี้จะประกอบด้วย 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) แบรนด์คอนโดมิเนียม เจาะกลุ่ม Young Rich & Success อายุ 30-45 ปี ที่ชื่นชอบ lifestyle และ lifestage ในทำเล CBD และ New CBD ราคาขายประมาณ 4-6 ล้านบาทต่อยูนิต 2.ดิ ออริจิ้น (The Origin) แบรนด์คอนโดมิเนียม เจาะกลุ่มลูกค้าNew Gen วัยเริ่มต้นทำงาน (First Jobber and First Home Buyer) อายุประมาณ 24-28 ปีที่มีแนวคิด Smart Finance เปลี่ยนค่าเช่าเป็นทรัพย์สิน ซื้อคอนโดตามแนวรถไฟฟ้า ในย่านส่วนต่อขยายธุรกิจ (EBD) ราคาขายประมาณ 1.6-2.4 ล้านบาท และ 3.บริทาเนีย (Britania) แบรนด์โครงการแนวราบทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ที่มี Smart Design เจาะกลุ่มวัยเริ่มต้นครอบครัว อายุ 28-45 ปี ในระดับราคา 2.5-6 ล้านบาท   “จากความโดดเด่นในการวิจัยการตลาด และความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสินค้าและบริการ บริษัทมั่นใจว่า Brand Segmentation ที่มีความชัดเจน และ Price Point ที่แม่นยำในลูกค้าเป้าหมายแต่ละกลุ่ม จะทำให้บริษัทสามารถตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีการปรับตัวครั้งใหญ่จาก Macro Prudential Policy ของธนาคารแห่งประเทศไทย” นายพีระพงศ์ กล่าว   ทั้งนี้ จุดแข็งสำคัญที่ทำให้บริษัทมัดใจผู้บริโภคได้คือเรื่องความเข้าใจลูกค้า (Empathy) ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทต่างตระหนักถึงความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป็นอย่างดี ส่งผลให้บริษัทจะต่อยอดเรื่อง Empathy ผ่าน 2 เรื่องได้แก่ 1.Smart Products พัฒนาสินค้าทุกประเภทให้มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น ประกอบกับนำ Smart Technology เข้ามาช่วยเติมเต็ม 2.Excellenct Services มอบบริการเหนือระดับที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกพนักงานทุกคนในด้านการบริการแบบนึกถึงใจเขาใจเรา     นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทยังสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง กับการเปิดตัว Brand Ambassador คนใหม่ คือซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ซุปตาร์แถวหน้าของเมืองไทยที่มี Character ความเป็น Romantic Comedy มาช่วยสะท้อนถึงบุคลิกแบรนด์ต่างๆ ในเครือออริจิ้น ขณะเดียวกัน จะตอกย้ำภาพเรื่อง Empathy ให้ผู้บริโภคได้เห็นทั้งเรื่อง Smart Products และ Excellent Services ชัดเจนมากขึ้น โดยจะมีโฆษณาตัวแรกขึ้นในวันที่ 1ก.พ.นี้   สำหรับผลประกอบการในปี 2561 ถือว่าเป็นไปได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถสร้างยอดขายรวมได้มากกว่า 27,500 ล้านบาท ส่วนปี 2562 นั้น บริษัทตั้งเป้าจะเปิดโครงการอสังหาฯเพื่อขาย มูลค่าโครงการรวมกว่า 26,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น 3 โครงการในทำเลราชเทวี พระราม 4 และอีก 1 โครงการในย่าน New CBD มูลค่ารวมประมาณ 9,000 ล้านบาท 2.แบรนด์ดิ ออริจิ้น 7 โครงการในย่านยอดนิยมสำหรับ New Gen ได้แก่ สุขุมวิท รัชดา ลาดพร้าว รามคำแหง และรามอินทรา มูลค่ารวมประมาณ 9,000 ล้านบาท 3.โครงการมิกซ์ยูสใหม่ Origin District Rayong มูลค่า 2,000 ล้านบาท และ4.แบรนด์บริทาเนีย 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายจากทั้งโครงการเก่าและใหม่รวมกันไว้ที่ 28,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน จะเปิดตัวโรงแรมใหม่ทั้งสิ้น 2 โครงการ ทำให้ปีนี้ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทจะมีการเติบโตและรายได้ที่หลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 19,000 ล้านบาท   ด้านนางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น เฮ้าส์ จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจโครงการแนวราบในเครือออริจิ้น กล่าวว่า จากเดิมที่เป็นกลุ่มธุรกิจย่อยของเครือในปีที่ผ่านมา มาปีนี้บริษัทพร้อมขับเคลื่อนนำโครงการแนวราบแบรนด์บริทาเนียขึ้นมาเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจหลักของออริจิ้น โดยโฆษณาชิ้นแรกที่มี Brand Ambassador มาแสดงนั้นจะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์ที่แตกต่างของแบรนด์บริทาเนียให้อยู่ในการรับรู้ของผู้บริโภค รวมถึงเป็นการเปิดตัวแบรนด์บริทาเนียสู่ตลาดแนวราบ และส่งเสริมให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดต่อไป   “Empathy ในธุรกิจโครงการแนวราบของออริจิ้นนั้น ได้ส่งมอบทั้ง Smart Products และ Excellent Services ในทำเลที่ติดเส้นทางคมนาคมหลัก เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกและอยู่ใกล้แหล่งงานที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะกรุงเทพฯโซนตะวันออก บางนา และ EEC จากความประทับใจของลูกค้า พิสูจน์ความสำเร็จได้จากยอดขาย Pre-event ในช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา กับ 3 โครงการใหม่ คือ บริทาเนีย เมกะทาวน์ บางนา, บริทาเนีย บางนา กม. 12, และ บริทาเนีย วงแหวน-หทัยราษฎร์ ซึ่งเรามียอดขายมากถึง 1,000 ล้านบาทภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในการขายบ้านจัดสรรแบบPresale” นางศุภลักษณ์ กล่าว   ด้านนางกมลวรรณ วิปุลากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนในเครือออริจิ้น กล่าวว่า ปี 2562 เป็นปีที่เห็นความสำเร็จของแผนการขยายงานอย่างชัดเจน โดยการก่อสร้างโรงแรมทั้ง 5 แห่งที่ประกาศเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ถือว่าเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโรงแรม Staybridge Suites Bangkok Thonglor และโรงแรม Holiday Inn & Suites Sriracha ที่ก่อสร้างได้เร็วกว่าแผน และคาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ และทยอยสร้างรายได้กลับเข้าสู่บริษัท อีกทั้งปี 2562 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัว 2 โครงการใหม่ ทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ และมิกซ์ยูสครบวงจรแห่งใหม่ในจังหวัดระยอง ที่จะมีการเติบโตสูงจากการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและ Smart Park ในมาบตาพุด ที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของ EEC   “ความต้องการเข้าพักของธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายที่สำคัญของโลกทั้งในแง่การท่องเที่ยวและการทำธุรกิจ จากความเข้าใจธุรกิจ ความเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และความร่วมมือกับเชนผู้บริหารระดับโลก ทำให้เราสามารถรังสรรค์ Smart Products และมั่นใจในการส่งมอบ Excellent Services ให้แก่ลูกค้าของเรา” นางกมลวรรณ กล่าว   นายธนา ต่อสหะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจบริการในเครือออริจิ้น กล่าวว่า พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จะถือเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญของออริจิ้นที่นำเรื่อง Excellent Services และ Smart Brokerage มาส่งมอบให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม เช่น ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย ด้วยวิสัยทัศน์ของเครือไม่ได้เพียงต้องการขายสินค้าแล้วจากไป แต่ต้องการส่งมอบการอยู่อาศัยและประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า   “Insight ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน คือเติบโตมาจากครอบครัวที่ได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี มีคนคอยทำทุกอย่างให้ เมื่อมาอยู่คอนโดหรือบ้านจัดสรรยุคใหม่ จึงต้องการบริการต่างๆ ในทุกช่วงเวลาของการใช้ชีวิต บริการ Fully Services ครบวงจรในการใช้ชีวิตของพรีโม จึงเป็น Excellent Services ที่เติมเต็มความสุขของการอยู่อาศัย” นายธนา กล่าว   ทั้งนี้ พรีโม มีบริการ After Sales Service ครบวงจร ผ่านบริษัทย่อย 6 บริษัท ส่งมอบ Excellent Services ที่ได้รับการการันตีโดยมาตรฐาน ISO 9001 ทั้งด้าน Property Management และด้าน Home Service เป็นรายแรกของไทย ให้แก่ผู้อยู่อาศัยตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นลูกบ้านออริจิ้น พรีโมยังมี Service Application ผ่านแอปพลิเคชั่น BUTLER รวบรวมทุกงานบริการเอาไว้อย่างครบวงจร และในปี 2562 พรีโมไม่ได้มีเป้าหมายเพียงส่งมอบบริการสุดพิเศษนี้ให้เฉพาะลูกบ้านออริจิ้น แต่ยังเปิดกว้างการขยาย Excellent Services เข้าไปช่วยดูแลลูกค้าในโครงการที่อยู่อาศัยทุกแบรนด์ทุกประเภท เพื่อเป็น Living Partner ส่งมอบความสุขให้แก่ทุกคน   สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 51 โครงการ เช่น แบรนด์ PARK ORIGIN, KnightsBridge, Notting Hill, Kensington และ Britania รวมมูลค่าโครงการกว่า 84,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร        
“ORI” อวดยอดขายทะยานเกินเป้ากว่า 25,000 ล้านบาท  จากการเปิดโครงการใหม่ “พาร์ค ออริจิ้นทองหล่อ”  หนุนผลประกอบการทั้งปีโตตามเป้า

“ORI” อวดยอดขายทะยานเกินเป้ากว่า 25,000 ล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ “พาร์ค ออริจิ้นทองหล่อ” หนุนผลประกอบการทั้งปีโตตามเป้า

“ออริจิ้น” ปลื้มยอดขายโครงการแฟล็กชิพฉลุยทั้ง 2 ทำเล “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” กวาดยอดขายทะลุ 80% ด้าน “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” โกยยอด 74% ทันทีหลังจบพรีเซล 24 พ.ย. ตอกย้ำความต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพ มั่นใจหนุนผลประกอบการปีนี้โตตามเป้า     นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า หลังจากประกาศเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแฟล็กชิพภายใต้แบรนด์ใหม่ “พาร์ค ออริจิ้น” ไป 2 โครงการ ใน 2 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ 1.พาร์ค ออริจิ้น พญาไท (PARK ORIGIN Phayathai) มูลค่าโครงการ 4,600 ล้านบาท และ 2.พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (PARK ORIGIN Thonglor) มูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท บริษัทได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยพาร์ค ออริจิ้น พญาไท เริ่มเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการไปเมื่อ 30 ก.ย. ปัจจุบัน มียอดขายแล้วถึงกว่า 80% ขณะที่พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ เพิ่งเปิด Exclusive Presale เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา สามารถกวาดยอดขายได้แล้วถึง 74%     “แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น เป็นแบรนด์ใหม่ที่ทีมงานออริจิ้นทุกคนมุ่งมั่นและทุ่มเทในการสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดเป็นแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ลงตัว ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ A Perfect Living Platform ยอดขายที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนถึงสภาพของตลาดที่ยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง” นายพีระพงศ์ กล่าว     ทั้งนี้ โครงการพาร์ค ออริจิ้นทั้ง 2 โครงการ จะถูกพัฒนาในรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูส โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ควบคู่กับคอนโดมิเนียมด้วย อาทิ โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ สำนักงานให้เช่า ยอดขายของทั้ง 2 โครงการ จึงสะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ครบวงจรในรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูสอีกด้วย ในปี 2562 บริษัทยังคงมีแผนจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสควบคู่กับคอนโดมิเนียมแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค     นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการในปี 2561 นี้ น่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้า โดยในส่วนของยอดขายนั้น บริษัทตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 24,000 ล้านบาท เฉพาะช่วง 3 ไตรมาสแรก สามารถทำได้แล้ว 22,400 ล้านบาท หากรวมกับยอดขายที่เพิ่งเกิดขึ้นของโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จะทำให้ยอดขายทะลุเกิน 25,000 ล้านบาท ขณะที่ด้านรายได้นั้น ก็ยังคงมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง เช่น 1.โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท105 (Notting Hill Sukhumvit 105) และ 2.โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์ (Notting Hill Jatujak-Interchange) รวมถึงการประสบความสำเร็จจากการโอนโครงการใหญ่อย่างโครงการ พาร์ค 24 (PARK24) ซึ่งทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (IBD/E) ของบริษัทลดลงเหลือ 1.49 เท่าในไตรมาสที่ผ่านมา และคาดว่าจะลดลงเหลือ 1.35 เท่า ในการปิดงวดไตรมาส 4 นี้          
“ORI” จ่อโอนโครงการใหม่สร้างเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ส่งโปรโดนใจตลาดพร้อมลุยเปิดขายโครงการต่อเนื่อง

“ORI” จ่อโอนโครงการใหม่สร้างเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ส่งโปรโดนใจตลาดพร้อมลุยเปิดขายโครงการต่อเนื่อง

ออริจิ้น เผยเตรียมทยอยโอนกรรมสิทธิ์โครงการสร้างเสร็จใหม่ไตรมาส 4 เพิ่ม 2 โครงการ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท หลังงานก่อสร้างรุดหน้า ติดเครื่องลุยแคมเปญทางการตลาด มั่นใจภาพรวมทั้งปีเป็นไปตามแผน   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4 บริษัทมีโครงการใหม่แล้วเสร็จพร้อมโอน ได้แก่ โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท105 (Notting Hill Sukhumvit 105) มูลค่าโครงการ 2,350 ล้านบาท ที่สร้างเสร็จเร็วกว่าแผน พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันที ทั้งนี้มี Secure Backlog แล้วถึง 80% และโครงการนอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์ (Notting Hill Jatujak-Interchange) มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท ซึ่งมี Secure Backlog แล้วถึงกว่า 95%  ผนวกกับบริษัทมีความตั้งใจดำเนินงานก่อสร้างอย่างเต็มที่ให้แล้วเสร็จตามแผน ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าการรู้รายได้จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง   “ในขณะเดียวกัน ช่วงไตรมาส 4 บริษัทเดินหน้าเปิดขายโครงการใหม่อย่างเป็นทางการอีก 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการพารค์ ออริจิ้น ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท 2.โครงการบริทาเนียเมกา ทาวน์ บางนา มูลค่าโครงการ  1,900 ล้านบาท และ 3. โครงการบริทาเนียบางนา สุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการ  1,000 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการกว่า 14,900 ล้านบาท”   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากระแสการตอบรับกับแคมเปญต่างๆ ของบริษัทนั้น ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี สังเกตได้จากการจัดงานอีเวนท์ในครั้งที่ผ่านๆ มา เช่น งาน Origin Shock Price ณ ลานแฟชั่น ฮอลล์ ศูนย์การค้า สยาม พารากอน ที่ช่วยให้ผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนต์มีโอกาสเข้าถึงโครงการที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น จนสามารถกวาดยอดขายไปได้มากกว่า 240 ล้านบาท ในเวลา 2 วัน หรือจากโปรโมชั่น Last Minute แซงมาตรการรัฐ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างล้นหลาม   ทั้งนี้ จากยอดขายและผลประการดำเนินงานที่ทำได้ดีตลอดช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการทุกด้าน ทั้งยอดขาย รายได้ ในปีนี้ จะสามารถเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้   สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 54 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 82,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร          
“ORI” โชว์ผลงาน 9 เดือน ยอดขายทะลุ 22,400 ล้านบาท เดินหน้าผนึกกำลังโนมูระขายหุ้นร่วมทุนเพิ่มอีก 2 โครงการ มั่นใจ Q4 ผลงานฉลุย ดันผลประกอบการโตตามเป้า!!

“ORI” โชว์ผลงาน 9 เดือน ยอดขายทะลุ 22,400 ล้านบาท เดินหน้าผนึกกำลังโนมูระขายหุ้นร่วมทุนเพิ่มอีก 2 โครงการ มั่นใจ Q4 ผลงานฉลุย ดันผลประกอบการโตตามเป้า!!

ออริจิ้น โชว์ผลประกอบการ 9 เดือนแรก ยอดขายทะลุ 22,400 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 24,000 ล้านบาท เผย Q4 มีแบ็คล็อกรอโอนเพียบ ดันภาพรวมผลประกอบการโตตามเป้า มั่นใจ “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” กระแสดี ร่วมทุนโนมูระเพิ่มอีก 2 โครงการ ผนึกกำลังพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของบริษัทในปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 2561) ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะยอดขายของบริษัทที่สามารถรับรู้แบ็กล้อกได้เพิ่มขึ้นถึง 22,496 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94% ของเป้ายอดขายใหม่ทั้งปีที่ 24,000 ล้านบาท   “ภาพรวมโครงการใหม่ๆ ของเราในปีนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค โดยเฉพาะโครงการแฟล็กชิพระดับลักชัวรีอย่างพาร์ค ออริจิ้น พญาไท และพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ โดยพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อนั้น แม้ยังไม่ได้เปิดขายพรีเซลอย่างเป็นทางการ แต่ก็มียอดขายแล้วถึงราว 65%” นายพีระพงศ์ กล่าว   ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 3/2561 นั้น บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 4,035 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 106% และรายได้สะสม 9 เดือนอยู่ที่ 10,693 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันที่ 166% ด้านกำไรสุทธิประจำไตรมาสอยู่ที่ 892 ล้านบาท เติบโตขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22% ในขณะที่กำไรสุทธิงวด 9 เดือนอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท เติบโตขึ้น 148% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22%   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับไตรมาส 4/2561 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะช่วยให้เป้าผลประกอบการทั้งปีเป็นไปได้ตามแผน โดยบริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ ได้แก่ บริทาเนีย เมกะทาวน์ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท และ โครงการ บริทาเนีย บางนา กม.12 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท สำหรับโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงนี้อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร และ โครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 จากแผนทั้งหมดประกอบกับผลประกอบการที่ทำได้อย่างดีตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายทั้งปีได้ตามแผน   “อีกทั้งพันธมิตรสำคัญของเราอย่างบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด เอง ก็ยังคงมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างดีในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ล่าสุดร่วมทุนให้กับโนมูระเพิ่มเติมในอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ วัน ออริจิ้น 24 และ โครงการ พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี  ทำให้โดยรวมมีการร่วมทุนทั้งคอนโดและโรงแรมรวม 8 โครงการ มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีการร่วมทุนอย่างต่อเนื่องราวปีละ 15,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจคอนโดมิเนียมและธุรกิจโรงแรม” นายพีระพงศ์ กล่าว   สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 54 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 82,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร          
“ออริจิ้น” ปลื้ม ทุนฮ่องกงประทับใจแผนรายได้ 5 ปี โตแตะ 2.7 หมื่นล้าน

“ออริจิ้น” ปลื้ม ทุนฮ่องกงประทับใจแผนรายได้ 5 ปี โตแตะ 2.7 หมื่นล้าน

“ออริจิ้น” ปลื้ม ทุนฮ่องกงส่งสัญญาณสนใจลงทุน หลังเห็นแผนรายได้โตปีละ 20% ต่อเนื่อง 5 ปี ทะลุ 2.7 หมื่นล้านในปี 65 มั่นใจพร้อมปรับตัวรับมาตรการแบงก์ชาติคุม LTV ด้าน “กสิกร” คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 16.30 บาท   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า บริษัทได้เดินทางโรดโชว์พบปะนักลงทุนสถาบันในประเทศฮ่องกงเมื่อเร็วๆ นี้ โดยกลุ่มนักลงทุนต่างแสดงความประทับใจและส่งสัญญาณที่ดี หลังจากเห็นแผนการขยายธุรกิจครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ทั้งกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัยและกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน และเป้าหมายการเติบโตรายได้อย่างต่อเนื่อง “เราได้แสดงให้เห็นถึงทิศทางและแผนการขยายธุรกิจของเรา ด้วยเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในระดับ 20% ต่อปี ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือมีรายได้เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาทในปี 2560เป็น 2.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2565 ก็ทำให้เขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก” นายพีระพงศ์ กล่าว นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการภาครัฐที่กำลังจะเกิดขึ้นในขณะนี้ เช่น มาตรการการควบคุมอัตราส่วนการให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น มีผลกระทบในวงจำกัดสำหรับตลาดระดับกลาง-ล่าง สำหรับตลาดระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของ Backlog บริษัทในปัจจุบัน ลูกค้าส่วนใหญ่มากกว่าครึ่งชำระค่าห้องชุดเป็นเงินสด นอกจากนี้บริษัทมีความมั่นใจในการปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับนโยบายดังกล่าว เนื่องจากในปัจจุบัน บริษัทได้วางรากฐานขยายประเภทธุรกิจที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์อยู่แล้ว บริษัทพร้อมที่จะปรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2562 ให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ใหม่ เช่น ให้ความสำคัญกับตลาดระดับกลาง-บนมากขึ้น พัฒนาโครงการระดับกลาง-ล่างเฉพาะในพื้นที่ที่มีดีมานด์สูง เพื่อลดผลกระทบจากข้อจำกัดของนโยบาย “หลายปีที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์ให้ตลาดเห็นแล้วว่าเราเป็นผู้ประกอบการที่มีความชำนาญในการเลือกทำเลอย่างเหมาะสม ด้วยการใช้กลยุทธ์เจาะตลาดที่มีศักยภาพแต่ยังมีการแข่งขันไม่สูงนัก หรือ Blue Ocean จนทำให้โครงการของเราประสบผลสำเร็จและมียอดขายที่ดี แม้นโยบายภาครัฐในขณะนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงไป แต่เรายังมั่นใจว่าเราสามารถพัฒนาสินค้าในทำเลที่เหมาะสม เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคควบคู่กับการดำเนินงานตามเป้าหมายของบริษัทได้” นายพีระพงศ์ กล่าว ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุถึง ORI ว่า แม้ว่าหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อาจเผชิญกับการปรับลดมูลค่าหุ้นลง หาก ธปท. ประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดเป็นอย่างมากในเดือน พ.ย. แต่ในแง่ของมูลค่าหุ้น ราคาปิด ORI ล่าสุดที่ซื้อขายที่ PER 6.84 เท่าและ 5.54 เท่าสำหรับปี 2561-62 ตามลำดับ ด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (DY) ที่มากกว่า 5.8% เป็นระดับที่น่าดึงดูดอย่างมาก สำหรับสถานะของการดำเนินงานนั้น กลุ่มแนวราบและธุรกิจรายได้ประจำที่รวมถึงกิจการด้านโรงแรม การดำเนินงานและบริหารค้าปลีก จะกลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญให้กับORI ในการเดินไปสู่เป้าหมายรายได้ 2.7 หมื่นล้านบาทในปี 2565 หรือมีรายได้เติบโตต่อเนื่องปีละ 20% ได้ นอกจากนี้ ยังมีแผนดำเนินการในลักษณะร่วมทุน (JV) และแผนการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของ ORI เติบโตไปได้อย่างแข็งแกร่ง โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายเดิมสำหรับกลางปี 2562 ที่ 16.30 บาท ประกอบด้วยสัดส่วนจำนวน 14.90 บาทจากธุรกิจที่อยู่อาศัย อิง PER 8.25 เท่า และสัดส่วนจำนวน 1.40 บาทจากธุรกิจรายได้ประจำ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 54 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 82,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร    
“ออริจิ้น” โชว์ผลประกอบการดีต่อเนื่อง 9 เดือนแรกของปีกวาดยอดขายไปแล้วมากกว่า 20,000 ล้านบาท “พาร์ค ออริจิ้น” ยอดขายฉลุย โครงการสร้างเสร็จทยอยรับรู้รายได้ก่อนกำหนด

“ออริจิ้น” โชว์ผลประกอบการดีต่อเนื่อง 9 เดือนแรกของปีกวาดยอดขายไปแล้วมากกว่า 20,000 ล้านบาท “พาร์ค ออริจิ้น” ยอดขายฉลุย โครงการสร้างเสร็จทยอยรับรู้รายได้ก่อนกำหนด

ออริจิ้น โชว์ผลประกอบการเยี่ยมต่อเนื่อง หลังขยายอาณาจักรครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ แบรนด์ใหม่ “พาร์ค ออริจิ้น” 2 โครงการ พญาไท และทองหล่อกวาดยอดขายทะลุเป้า โครงการสร้างเสร็จ พาร์ค 24 เฟส 2 ทยอยโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ก่อนกำหนดกว่า 2 ไตรมาส คาดชำระคืนเงินกู้ธนาคารหมดภายในสิ้นปีนี้ มั่นใจสิ้นปียอดขายทะลุ 2.4 หมื่นล้านบาทตามเป้า   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัท9 เดือนแรกของปี ถือว่าเติบโตได้อย่างยอดเยี่ยม ปัจจุบัน มียอดขายแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ “พาร์ค ออริจิ้น” แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ สามารถสร้างยอดขายได้ทะลุเป้า เริ่มจากโครงการ “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” สามารถกวาดยอดขายไปได้แล้วกว่า 75% หรือมากกว่า 3,500 ล้านบาท โดยเพิ่งเริ่มเปิดขายอย่างเป็นทางการไปช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน โครงการแฟล็กชิพที่เพิ่งเปิดตัว “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” ก็สามารถกวาดยอดขายไปได้มากกว่า 40% หรือมากกว่า 5,000 ล้านบาท โดยที่ยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ “บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ระดับ 24,000 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกของปีบริษัทมียอดขายสะสมทะลุ 20,000 ล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทที่สามารถนำเสนอโครงการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบทั้งปีจะเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายพีระพงศ์ กล่าว ในส่วนของโครงการ พาร์ค 24 เฟส 1 มูลค่าโครงการประมาน 6,000 ล้านบาท ปัจจุบันโอนไปแล้วกว่า 75% และชำระคืนหนี้ธนาคารหมดแล้ว และในส่วนของ เฟส 2 มูลค่าโครงการประมาน 11,100 ล้านบาท ที่สร้างเสร็จและโอนได้ก่อนกำหนด จากแผนเดิมที่จะเสร็จในไตรมาส 4  สามารถก่อสร้างได้เสร็จและเริ่มโอนได้ตั้งแต่มิถุนายนที่ผ่านมา ปัจจุบันโอนไปแล้วกว่า 20% เหลือคืนหนี้ธนาคารเพียง 2,500 ล้านโดยคาดว่าจะสามารถโอนเพิ่มและชำระคืนหนี้ได้หมดภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้พาร์ค 24 เฟส 2 ยังคงมี Backlog รอโอนอีกกว่า 4,700 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีสภาพคล่อง และกระแสเงินสดหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องเพียงพอกับการพัฒนาโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงการซื้อที่ดินเพื่อรองรับแผนการเติบโตของบริษัทในอนาคต   “ปีนี้เป็นปีที่เราขยายธุรกิจคอนโดมิเนียมจนครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ และเริ่มเดินหน้าประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งธุรกิจโครงการแนวราบ ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน เช่น โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ โครงการมิกซ์ยูส ตามวิสัยทัศน์ในการสร้างอาณาจักรออริจิ้น หรือ The Empire of Origin และถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่การดำเนินการสามารถเป็นไปได้ตามเป้าหมาย สามารถสร้างผลประกอบการที่ยั่งยืนให้แก่บริษัท และเป็นแกนสำคัญที่ช่วยให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมทุกกลุ่ม”   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทให้ความสำคัญกับทุกกระบวนการในการดำเนินงานของบริษัท และมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างหลากหลายในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ จึงทำให้มั่นใจได้ว่า บริษัทสามารถเติบโตไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืน   บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 54 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 82,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร          
“ออริจิ้น” ผนึก โนมูระ ปั้นคอนโดลักชัวรี่ “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ”  ชูความเป็นที่สุดด้วย 60 สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการระดับโรงแรม

“ออริจิ้น” ผนึก โนมูระ ปั้นคอนโดลักชัวรี่ “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” ชูความเป็นที่สุดด้วย 60 สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการระดับโรงแรม

“ออริจิ้น” จับมือโนมูระ เปิดตัวคอนโดระดับลักชัวรี่ “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” มูลค่าโครงการกว่า 12,000 ล้านบาท ใจกลางย่านไลฟ์สไตล์ชั้นนำ หวังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งชาวไทยและนักลงทุนจากต่างชาติ ชูความเป็นที่สุดด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเกือบ 60 รายการ และการบริการระดับโรงแรมในที่อยู่อาศัย พร้อมเปิดพรีเซลพฤศจิกายนนี้   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เป็นที่สุด บริเวณใจกลางย่านไลฟ์สไตล์ชั้นนำบนพื้นที่ “ทองหล่อ” โดยร่วมทุน (JOINT VENTURE) กับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากญี่ปุ่น อีก 1 โครงการ ภายใต้ชื่อ “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” (PARK ORIGIN THONGLOR) ซึ่งเป็นโครงการระดับลักชัวรี่ 3 อาคาร 1,182 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 12,000 ล้านบาท     “แม้ปัจจุบันจะมีซัพพลายใหม่ในย่านทองหล่อออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยศักยภาพของทองหล่อที่ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านไลฟ์สไตล์ชั้นนำ ที่เป็นศูนย์รวมของการใช้ชีวิตภายในเมือง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ศูนย์การค้า รวมถึงระบบการขนส่งที่สามารถเชื่อมต่อไปได้ทุกที่ จึงทำให้ทองหล่อเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงสำหรับการอยู่อาศัย และการลงทุนในอนาคต จนเป็นที่ต้องการของทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จะรองรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยด้วยการสร้างความแตกต่างในการใช้ชีวิตสุดพิเศษ ไม่เหมือนใคร และยังส่งมอบความเป็นที่สุดในรูปแบบการใช้ชีวิตด้านต่างๆ ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างลงตัว”   นอกจากนี้ ด้วยราคาที่ดินย่านทองหล่อที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับซัพพลายที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการเหลือน้อยลง ยิ่งทำให้ทองหล่อถูกจับตามองจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่มองเห็นถึงโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าในอนาคต จึงทำให้ยิ่งมั่นใจว่าโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทย และนักลงทุนต่างชาติ     นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า หนึ่งในไฮไลต์ของโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ คือการนำบริการระดับโรงแรมเข้ามาให้บริการภายในโครงการคอนโดมิเนียม แบบ 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วันของสัปดาห์ ผ่านการฝึกอบรมและความร่วมมือจากเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล ทางเครือจะช่วยฝึกอบรมทักษะด้านบริการให้กับพนักงานของบริษัท วัน พญาไท จำกัด ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ที่ประจำอยู่ ณ Hotel Indigo พญาไท ซึ่งบริหารจัดการโดยเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล จากนั้นพนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมแล้วกลุ่มนั้น จะมาเป็นผู้สอนให้แก่พนักงานบริการ 4 กลุ่มที่โครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ ได้แก่ 1.พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ (Guest relations) 2.พนักงานอำนวยความสะดวก (Concierge) 3.พนักงานทำความสะอาด (HOUSEKEEPING) และ 4.ช่างประจำโครงการ (ENGINEERING) ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบายเหนือระดับ เสมือนกำลังพักผ่อนอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว     “นอกจากบริการระดับโรงแรมแล้ว ตัวโครงการยังมอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้พักอาศัย ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางรวมเกือบ 60 รายการ โดยอาคารทั้ง 3 อาคาร ยังถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกัน และไล่ระดับความสูง ซึ่งตัวอาคารที่สูงที่สุด สูงถึง 59 ชั้น ทำให้โครงการดูโดดเด่น เป็นอีกหนึ่งแฟล็กชิพและแลนด์มาร์คของย่านทองหล่อ” นายพีระพงศ์ กล่าว     ด้านนายมาซาโอมิ คาตายามะ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตัดสินใจร่วมลงทุนพัฒนาโครงการใหม่กับออริจิ้นในครั้งนี้ เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสและศักยภาพของทำเลทองหล่อร่วมกัน โดยทองหล่อถือเป็นทำเลที่มีประวัติศาสตร์และเป็น Japanese Town ของไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในไทยก็ยังคงต้องการมีที่อยู่อาศัยในย่านนี้ ทั้งนี้ บริษัทจะร่วมมือกับออริจิ้นทั้งในด้านเงินทุน องค์ความรู้ เพื่อการพัฒนาโครงการให้รองรับกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด   “จากการพัฒนาโครงการร่วมทุนกับออริจิ้นในปี 2560 จำนวน 3 โครงการ เราได้รับผลตอบรับที่ดี มียอดขายเฉลี่ยแล้วมากกว่า 90% เราจึงยิ่งมีความมั่นใจทั้งในศักยภาพทำเลและศักยภาพของพันธมิตรอย่างออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” นายมาซาโอมิ กล่าว     ด้าน น.ส.วาสนา เลิศพงศ์โสภณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การคำนึงถึงความสงบในพื้นที่ส่วนตัว และสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางที่จะตอบสนองความต้องการในการพักผ่อน คือ สิ่งที่โครงการมอบให้แก่ผู้อาศัย เช่น พื้นที่กิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลายผ่านสายน้ำอย่าง Aqua Lounge แห่งแรกของทองหล่อ และการเชื่อมโยงพื้นที่ส่วนกลางจาก 3 ตึก ด้วยการออกแบบที่ผสานกันได้อย่างลงตัว ภายใต้พื้นที่ส่วนกลางที่สร้างประสบการณ์ในการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์ได้ทั้งวัน เช่น Crystal Box, Pool Bar, Outdoor Onsen และ Ice Room เป็นต้น     สำหรับโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ มูลค่าโครงการกว่า 12,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 5 ไร่ 3 งานใจกลางซอยทองหล่อ 10 (ที่ดินโครงการ Arena 10 เดิม) ประกอบด้วยอาคารสูง 39 ชั้น 1 อาคาร 53 ชั้น 1 อาคาร และ 59 ชั้น 1 อาคาร รวม 1,182 ยูนิต ตัวห้องมีแบบ 1-3 ห้องนอน (เพนท์เฮาส์) ขนาดตั้งแต่ 30-97 ตร.ม. จะเปิดพรีเซลใน พ.ย นี้ เริ่มก่อสร้างช่วงไตรมาส 2/2562 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/2564 ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.parkorigin.co.th หรือโทร 020 300 000
“ออริจิ้น” เปิดตัวคอนโดหรูทำเลศักยภาพ “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท”  โชว์ห้องชุดพร้อมมิกซ์ยูสสุดสมบูรณ์แบบ พร้อมสวนแนวตั้งแห่งแรกในกรุงเทพฯ

“ออริจิ้น” เปิดตัวคอนโดหรูทำเลศักยภาพ “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” โชว์ห้องชุดพร้อมมิกซ์ยูสสุดสมบูรณ์แบบ พร้อมสวนแนวตั้งแห่งแรกในกรุงเทพฯ

  “ออริจิ้น” เปิดตัวคอนโดหรูติดถนนใจกลางเมือง “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” มูลค่าโครงการกว่า 4,800ล้านบาท ตอกย้ำแนวคิด A Perfect Living Platform ผสานธรรมชาติ เทคโนโลยี สังคมคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบผ่านคอนโดพร้อมอาณาจักรมิกซ์ยูส โชว์ Home Automation ครบวงจรและ Vertical Garden สวนแนวตั้งเสมือนปีนเขา 120 เมตรแห่งแรกในกรุงเทพฯ ดึงบริการมาตรฐานโรงแรมหรู ดูแลผู้อยู่อาศัย สร้างประสบการณ์ A Place Where We Share     นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการแฟล็กชิพโครงการใหม่ติดถนนพญาไท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ภายใต้ชื่อ “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” (PARK ORIGIN Phayathai) เป็นอาคารสูง 35 ชั้น 1 อาคาร 550 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 4,800 ล้านบาท และโครงการวัน พญาไท (ONE Phayathai) เป็นโครงการมิกซ์ยูสติดกับพาร์ค ออริจิ้น พญาไท   “ทำเลพญาไทมีโครงการใหม่เกิดขึ้นหลายโครงการ ดังนั้น เราจึงเลือกพัฒนาโครงการของเราในทำเลที่ติดถนนใหญ่ บนถนนพญาไทจริงๆ ไม่ใช่แค่ละแวกพญาไท และตั้งใจนำแนวคิด A Perfect Living Platform ที่ผสมผสานธรรมชาติ เทคโนโลยี และสังคม อันเป็นหัวใจหลักของการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบในปัจจุบันและอนาคต เข้ามาไว้ในโครงการ พร้อมทั้งสร้างสรรค์จุดแตกต่างให้เป็นแลนด์มาร์ค เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาอยู่อาศัยในโครงการนี้ สามารถใช้ชีวิต 24 ชั่วโมงที่พญาไทในมุมใหม่ แบบที่ใครก็ให้ไม่ได้” นายพีระพงศ์ กล่าว     เริ่มต้นจากด้านธรรมชาติ (Nature) หนึ่งใน 3 องค์ประกอบหลักของ A Perfect Living Platform บริษัทได้ออกแบบตัวอาคารของพาร์ค ออริจิ้น พญาไท ด้วยดีไซน์ที่แปลกใหม่เป็นเอกลักษณ์ สร้างสวนแนวตั้ง หรือ Vertical Garden แห่งแรกในกรุงเทพฯ บริเวณส่วนกลางของอาคารไล่ตั้งแต่ชั้น 12 จนถึงชั้น 35 คิดเป็นพื้นที่สีเขียวรวมกว่า 1,800 ตร.ม. ทำให้ลักษณะของอาคารเสมือนภูเขาใจกลางเมืองที่มีความสูงจากพื้นกว่า 120 เมตร ผู้อยู่อาศัยเดินขึ้นลงบันไดเพียง 2-3 ชั้น ก็สามารถเข้าถึงธรรมชาติหรือพื้นที่สีเขียวได้ ทำให้ทุกห้องสามารถใกล้ชิดธรรมชาติได้มากกว่าเดิม     ทั้งนี้ พญาไทถือเป็นทำเลศักยภาพแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ มีอาคารสำนักงานอยู่ในละแวกมากกว่า 10 อาคาร รวมพื้นที่สำนักงานมากกว่า 2 แสน ตร.ม. อยู่ใกล้โรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่ง อาทิ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลพญาไท 1 อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อแห่งใหม่ (New Hub) ของกรุงเทพฯ เพราะเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์ ที่เชื่อมต่อกับทั้ง BTS แอร์พอร์ตลิงค์ รถไฟความเร็วสูง สามารถเดินทางไปยังสนามบิน 3 แห่ง ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินอู่ตะเภา     ด้านนางกมลวรรณ วิปุลากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อให้เกิดประสบการณ์การพักอาศัยรูปแบบใหม่ ให้การทำงาน การพักอาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวกเชื่อมกัน เป็นการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์ บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการวัน พญาไท (ONE Phayathai) เป็นโครงการมิกซ์ยูส 1 อาคาร ประกอบด้วย พื้นที่ค้าปลีก สำนักงาน Co-working space โรงแรม สร้างสังคม (Community) ที่ตอบโจทย์ทุกมิติการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนความเป็นตัวเอง   “นอกจากนี้ เรายังจะใช้แบรนด์คราวน์ เรสซิเดนซ์ ในเครือวัน ออริจิ้น เข้ามาช่วยดูแลบริการส่วนกลางของที่อยู่อาศัยให้มีบริการเทียบเท่ามาตรฐานโรงแรมระดับสากล ทำให้พื้นที่ส่วนกลางของเรามีบริการที่พรีเมียมเหนือระดับ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาสร้างความร่วมมือกับเชนโรงแรมระดับสากลในการดูแลพื้นที่ส่วนกลาง คาดว่าจะเปิดเผยข้อมูลได้ในเร็วๆ นี้” นางกมลวรรณ กล่าว     ด้านนายเกษมิน นาคะประทีป ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการพาร์ค ออริจิ้น พญาไท จะตอบโจทย์การอยู่อาศัยแห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยี (Technology) ที่หลากหลายทั้งภายในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งระบบ Home Automation เชื่อมต่อกับระบบการสื่อสารไร้สายบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต Internet of Things หรือ IoT มีสิ่งอำนวยความสะดวกอัจฉริยะ (Intelligence Facility) Digital Doorlock, Smart Mirror ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตแบบ Smart Living   “เรายังได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน) เพื่อร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยี สำหรับผู้อยู่อาศัย ในทุกด้าน ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร รวมทั้งได้มีการวางโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม และเทคโนโลยีดิจิทัล โดยติดตั้งโครงข่ายไฟเบอร์ออพติก ความเร็วเริ่มต้นตั้งแต่ 1Gbps สูงสุด 10 Gbps ที่พร้อมสำหรับการต่อยอดบริการสื่อสารทุกรูปแบบ เพื่อให้รองรับการใช้ชีวิตระดับเฟิร์สคลาสในยุคดิจิทัลของผู้อยู่อาศัยทั้งในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ พาร์ค ออริจิ้น พญาไท ยังตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่รักการแบ่งปัน ด้วยการสร้างสังคม A Place Where We Share โดยมีบริการ Co-working space จากแบรนด์ชั้นนำ และแบ่งปันวัฒนธรรมกันผ่าน Culture Hotel” นายเกษมิน กล่าว     สำหรับโครงการพาร์ค ออริจิ้น พญาไท (PARK ORIGIN Phayathai) ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 2 ไร่ 1 งาน ติดถนนพญาไท ประกอบด้วยอาคารสูง 35 ชั้น 1 อาคาร รวม 550 ยูนิต รูปแบบห้องประกอบด้วยแบบ 1-2 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 24-55 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 5.8 ล้านบาท ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รองรับมากมาย อาทิ Co-working area, Cascade Pool, Game Room, Business Lounge, Sky Lounge, Mini Theatre ฯลฯ   โครงการภายใต้แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น จะเปิดให้ Register ได้ภายในงาน My Life My Origin งานอีเวนท์ใหญ่ประจำปีของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในวันที่ 8-9 ก.ย. นี้ ณ ศูนย์การค้าสยาม พารากอน ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.parkorigin.co.th หรือโทร 063 365 5000
“ORI” โชว์ผลงานครึ่งปีแรก กำไรนิวไฮทะยาน 267% สูงสุดในกลุ่ม

“ORI” โชว์ผลงานครึ่งปีแรก กำไรนิวไฮทะยาน 267% สูงสุดในกลุ่ม

“ออริจิ้น” เปิดผลงานครึ่งปีแรก 2561 โชว์กำไร 1,508 ล้านบาท โต 267% (YoY) เหตุโปรโมชั่นใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ดันยอดขายยอดโอนพุ่งกระฉูด เร่งเดินหน้าจัดโปรต่อเนื่อง ดึงกำลังซื้อ พร้อมลุยโครงการใหม่ครึ่งปีหลังกว่า 21,000 ล้านบาท   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก 2561 จะมีอัตราการเติบโตแบบทรงตัว แต่บริษัทก็สามารถสร้างผลการดำเนินงานก้าวกระโดดได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 6,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 224% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2560 (%YoY) และคิดเป็น 45% ของเป้าหมายรายได้รวมที่ 15,000 ล้านบาท   สาเหตุหลักมาจากบริษัทมียอดรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมต่อเนื่องจากปี 2560 และมีโครงการใหม่ที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มอีก 5 โครงการ คือ โครงการ ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ โครงการ พาร์ค 24 (เฟส 2) , โครงการ นอตติ้งฮิลล์ แหลมฉบัง , โครงการ นอตติ้งฮิลล์ สุขุมวิท-แพรกษา และโครงการ เคนซิงตัน เกษร แคมปัส และโปรโมชั่นกระตุ้นการขายกลุ่ม Ready to move ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคภายใต้ชื่อ “โปรเหนือเมฆ” ที่ให้ลูกค้าสามารถผ่อนห้องชุดได้ในราคาพิเศษเพียงล้านละ 999 บาทต่อเดือน นานเวลา 3 ปี   ด้านกำไรสุทธิประจำไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 1,019 ล้านบาท เติบโตขึ้น 327% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 24.4% ในขณะที่กำไรสุทธิครึ่งปีแรกรวม อยู่ที่ 1,508 ล้านบาท เติบโตขึ้น 267% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22.7% อันเนื่องมาจากโครงการใหม่แล้วเสร็จ และหลายโครงการสามารถสร้างเสร็จและรับรู้รายได้ได้เร็วกว่าแผน รวมถึงการรับรู้รายได้จากการบริหารโครงการที่ร่วมลงทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ได้ตามแผน ทำให้ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทในครึ่งปีแรกนี้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง   “บริษัทยังสามารถสร้างยอดขายในไตรมาส 2/2561 ได้ 6,075 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 11,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2560 (%YoY) และคิดเป็น 56% ของเป้าหมายยอดขายที่ 20,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าโครงการของบริษัทเป็นที่ต้องการของลูกค้า ประกอบกับโปรโมชั่นที่จัดทำขึ้นสามารถช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี โดยในช่วงไตรมาส 3/2561 บริษัทยังคงดำเนินโปรโมชั่นดังกล่าว ภายใต้ชื่อ โปรเหนือเมฆยกกำลัง 2 ควบคู่โปรโมชั่นอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่าในปีนี้บริษัทจะมียอดขายทะลุ 20,000 ล้านบาท และมีรายได้รวมถึง 15,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” นายพีระพงศ์ กล่าว   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ในครึ่งปีหลัง 2561 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่มูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงโครงการมิกซ์ยูสภายใต้แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น 3 ทำเล ซึ่งถือเป็นโครงการไฮไลท์ของบริษัทในปีนี้ และโครงการแนวราบที่จะเปิดตัวเพิ่มอีก 3 โครงการ
คอนโด 3 ล้าน ผ่อนเดือนละไม่ถึง 3 พัน มีจริง ไม่ใช่ฝัน ห้ามพลาดเด็ดขาด!!

คอนโด 3 ล้าน ผ่อนเดือนละไม่ถึง 3 พัน มีจริง ไม่ใช่ฝัน ห้ามพลาดเด็ดขาด!!

  เชื่อว่าคงเป็นความฝันของใครหลายๆ คน ที่อยากจะมีชีวิตสะดวกสบายอยู่ในคอนโดดีๆ ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้แหล่ง Community Mall ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต แทนที่จะต้องจ่ายค่าเช่าไปเรื่อยๆ 6 พัน 7 พัน หรือบางทีก็เป็นหลักหมื่นๆ บาททุกเดือน โดยที่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่บ้านของเรา แต่ด้วยเพราะคอนโดดีๆ สักห้องหนึ่งที่ฝันอยากได้นั้น มันก็ราคาไม่ใช่น้อยเลย ซึ่งหากจะซื้อเป็นของตัวเอง บางทีค่าผ่อนมันก็เยอะเกินไปจนทำให้เราไม่สามารถแบกรับไหว ก็เลยพลอยให้ไม่กล้าตัดสินใจซื้อคอนโดเป็นของตัวเองสักที!! แต่วันนี้ปัญหาเรื่องการผ่อนไม่ไหวจะหมดไป ด้วยโปรโมชั่นพิเศษจากออริจิ้นกับ “โปรเหนือเมฆยกกำลัง 2” ที่จะทำให้คุณฟินกับการผ่อนแบบเบาสบายสุดๆ ในแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน!!   รายละเอียดโปรสุดว้าว!! เหนือเมฆยกกำลัง 2 แนวคิดสำคัญของโปรเหนือเมฆยกกำลัง 2 เกิดมาจากการที่ทางออริจิ้น ต้องการให้ผู้ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยได้มีโอกาสเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองจริงๆ ซึ่งด้วยเพราะเข้าใจถึงปัญหาภาระค่าใช้จ่าย และค่าครองชีพในเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ออริจิ้นจึงได้ออกโปรโมชั่นนี้ขึ้นมาเพื่อทำให้ฝันของคนที่ต้องการเป็นเจ้าของคอนโดดีๆ สักห้องมีโอกาสกลายเป็นความจริงได้ง่ายมากขึ้น โดยรายละเอียดของโปรโมชั่นก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน คือ สำหรับคอนโดใหม่พร้อมอยู่ที่ร่วมรายการนั้น ผู้ซื้อสามารถผ่อนรายเดือนเบาๆ โดยจ่ายเพียงแค่ ล้านละ 999 บาท* นาน 3 ปี ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าเราซื้อคอนโดในราคา 1 ล้านบาท เราก็จะเสียค่าผ่อนรายเดือนใน 3 ปีแรกแค่เดือนละ 999* บาท และหากเราซื้อคอนโดในราคาสูงขึ้น เช่น 3 ล้านบาท ก็จะต้องผ่อนจ่ายรายเดือนใน 3 ปีแรก เป็นเงินทั้งสิ้นเพียง 999 x 3 = 2,997 บาท!! และที่พิเศษสุดอีกอย่างของโปรโมชั่นนี้ก็คือ มีธนาคารชั้นนำมากมายเข้าร่วมสนับสนุนโครงการนี้ ซึ่งยิ่งทำให้เรามีโอกาสเพิ่มมากขึ้นเป็น 100% ได้ในการจะได้มีคอนโดเป็นของตัวเองจริงๆ สักที   ผ่อนสบาย เหลือเงินไปใช้จ่ายในชีวิตมากขึ้น ผลลัพธ์ของการผ่อนถูกจากโปรเหนือเมฆยกกำลัง 2 จะทำให้เรามีเงินเหลือมาใช้บริหารค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น อย่างที่ทราบกันดีว่า ปกติเรทของการเช่าคอนโดรายเดือนจะอยู่ที่ประมาณตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป แต่พอเมื่อเรามาซื้อคอนโดด้วยโปรเหนือเมฆยกกำลัง 2 จากออริจิ้นนี้ปุ๊บ แทนที่จะต้องจ่าย 6 พัน ถ้าคอนโดราคา 3 ล้าน เราก็จ่ายเพียงแค่เดือนละ 2,997 บาท มีเงินเหลือเก็บไว้ใช้เพิ่มขึ้นอีกเดือนละตั้ง 3,003 บาท และถ้าคอนโดที่เราซื้อราคาเพียงแค่ล้านกว่าๆ ก็เท่ากับว่าเราจะจ่ายค่าผ่อนต่อเดือนเพียงแค่พันกว่าบาทเท่านั้นเอง ทำให้เหลือเงินมากกว่า 4 พันบาทต่อเดือน ซึ่งเงินที่เหลือจากตรงนี้ ก็สามารถนำไปเก็บเป็นเงินออมก็ได้ นำมาจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอะไรก็ได้ที่เราต้องรับผิดชอบอยู่ ซึ่งสำหรับบางคนแล้ว จำนวนเงินที่เหลือประมาณนี้ ก็สามารถ Cover ค่าใช้จ่ายต่อเดือนทั้งหมดของเขาได้เลยทีเดียว และนี่คือวัตถุประสงค์หลักของทางออริจิ้นที่ออกโปรนี้มาเพื่อผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองโดยเฉพาะ!!   3 ปีผ่านไป ก็ยังยิ้มใสๆ ได้อยู่!! ภาพรวมของโปรเหนือเมฆดูหอมหวานซะจนใครหลายๆ คนอาจมองว่า เอ๊ะ!! แล้วถ้าผ่าน 3 ปีไปแล้วล่ะ มันจะยังสดใสอยู่หรือเปล่า ตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลแต่อย่างใด เพราะในความเป็นจริงแล้ว สำหรับโปรโมชั่นซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่อัตราดอกเบี้ยจะเริ่มต้นถูกเสมอ แล้วหลังจากนั้นก็จะถูกปรับให้แพงขึ้น จึงเป็นเหตุให้ เราต้องทำการ Refinance ใหม่เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งก็ในทำนองเดียวกันเลย สำหรับใครที่ซื้อคอนโดกับโปรเหนือเมฆยกกำลัง 2 นี้ พอผ่านไป 3 ปี เราก็ทำการรีไฟแนนซ์เพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ เพื่อให้เราได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเดิม และอีกผลพลอยได้หนึ่งที่เราจะได้ก็คือ ในการทำรีไฟแนนซ์นั้น โดยทั่วไปจะมีการประเมินราคาทรัพย์ใหม่ ซึ่งปกติ ราคาคอนโดจะปรับขึ้นทุกปีอยู่แล้ว นั่นจึงทำให้เรามีโอกาสได้ส่วนต่างจากราคาประเมินใหม่ เพื่อมานำไปใช้บริหารชีวิตเราอีกต่อหนึ่งด้วย   ยกตัวอย่างเช่น เราซื้อคอนโดมาในราคา 3 ล้านบาท ผ่านไป 3 ปี สมมติให้เฉลี่ยราคาคอนโดขึ้นปีละ 5 % (อัตราเฉลี่ยราคาคอนโดช่วงปี พ.ศ.2555-2560 จาก Nexus Property Marketing คือ 8%) จะเท่ากับว่าราคาประเมินคอนโดเราจะขยับขึ้นปีละ 150,000 บาท (3 ล้าน*5 %) เบ็ดเสร็จ 3 ปี ราคาคอนโดเราก็จะขยับไปอยู่ที่ 3,450,000 บาท ซึ่งจากราคานี้ หากประวัติทางการเงินเราดี ธนาคารใหม่ที่เราไปขอทำ Refinance สามารถอนุมัติให้เราได้สัก 90-100% ก็จะทำให้เราได้เงินส่วนต่าง 4.5 แสนมาใช้จ่าย หรือนำไปลงทุนต่อเติมซ่อมแซมห้องในจุดที่เราอยากตกแต่งเพิ่มเติมได้อีก   ระยะเวลา 3 ปี ทำให้เรามีโอกาสตั้งตัวได้ทัน ในกรอบระยะเวลา 3 ปีช่วงโปรเหนือเมฆยกกำลัง 2 ที่ให้สิทธิ์เราในการผ่อนจ่ายเบาๆ แค่ล้านละ 999* ต่อเดือนนั้น มีแง่ดีที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทำให้ผู้อยู่อาศัยจริงได้มีช่วงเวลาหายใจหายคอ อย่างที่ทราบกันดีว่า การจะซื้อคอนโดสักห้องนั้น มันมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายก่อน อาทิ ค่าจอง ค่าโอน ค่าส่วนกลาง ฯลฯ ซึ่งเมื่อรวมกับค่าผ่อนรายเดือนด้วยแล้ว บางทีมันก็มากจนทำให้อาจหมุนเงินไม่ทัน และเกิดภาวะช้อตได้ โปรโมชั่นตัวนี้ จึงมาช่วยแบ่งเบาภาระดังกล่าว และทำให้เรามีเวลาตั้งตัวในการวางแผนสำหรับการผ่อนจ่ายในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวนั้น ก็นานพอที่จะทำให้เราตั้งตัวได้อย่างมั่นคงมากขึ้น ไหนจะบริหารเงินจากโบนัสที่ได้รับในแต่ละปี บริหารเงินจากส่วนต่างที่ได้เพิ่มขึ้นจากการผ่อนถูกกว่าเช่า บริหารจากอัตราเงินเดือนที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี และอีกประเด็นที่ช่วยผ่อนแรงเราได้ก็คือ หลังรีไฟแนนซ์แล้ว แม้เราอาจจะต้องเป็นหนี้ยาวนานขึ้น แต่เมื่อแลกกับการผ่อนเบาสบาย ไม่ต้องปวดหัวเครียดกับการหาค่าผ่อนแพงๆ และการได้เป็นเจ้าของห้องโดยชอบธรรมแล้ว นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด และไม่ได้จะหาโอกาสแบบนี้จากที่ไหนได้ง่ายๆ   คอนโดที่ร่วมรายการ ล้วนอยู่บนย่านทำเลศักยภาพ โปรเหนือเมฆยกกำลัง 2 ไม่ใช่เพียงแค่โปรโมชั่นดีๆ ที่ทำให้เรามีโอกาสง่ายขึ้นกับการเป็นเจ้าของคอนโดเท่านั้น แต่ทุกโครงการที่ร่วมรายการโปรโมชั่นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้า และรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งสิ้น ซึ่งนั่นทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ประโยชน์ไปโดยตรงเต็มๆ แถมยังการันตีได้ด้วยว่า การซื้อคอนโดกับโปรนี้ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวอีกด้วย เพราะหากวันหนึ่ง เราเกิดอยากขยับขยายครอบครัว อยากอยู่ในบ้านที่ใหญ่ขึ้น หรือคอนโดที่ใหญ่ขึ้น ก็สามารถขายต่อหรือปล่อยเช่าต่อได้ง่าย และได้กำไร เนื่องจากเป็นคอนโดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทำเลที่เป็นที่ต้องการ ทั้งนี้ คอนโดที่เข้าร่วมโครงการโปรเหนือเมฆยกกำลัง 2 10 โครงการ ได้แก่   1. “The Cabana condo” แรงบันดาลใจจากหมู่เกาะสวยงามระดับโลก สู่ที่พักอาศัยสไตล์ โมเดิร์นรีสอร์ท พร้อมพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 2 ไร่ บนที่ดินทำเลอนาคต เพียง 2 นาทีถึง #BTSสำโรง เริ่ม 1.79 ล้าน* คลิก https://bit.ly/2uGeQAZ 2. “KnightsBridge Sky City Saphanmai” กว่า 1,500 ตารางเมตร ณ จุดสูงสุดของสะพานใหม่ 0 เมตร ติด BTS สายหยุด ตอบรับทุกคุณค่าของการใช้ชีวิตด้วยการบริการพิเศษ ระดับโรงแรม 2 ห้องนอน เริ่ม 4.69 ล้าน* คลิก https://bit.ly/2zUxL19 3. “Knightsbridge Tiwanon” คอนโด Duo Space พร้อมอยู่ดีไซน์แบบ Modern เพดานสูงสุด 4.2 เมตร ให้คุณใช้ชีวิตสะดวกสบายใกล้ชิดธรรมชาติติดสวนกว่า 1,000 ไร่ 90 เมตร จาก MRT กระทรวงสาธารณะสุข เริ่ม 3.59 ล้าน* https://bit.ly/2L4FMFG 4. "Notting Hill Phahol Kaset" 180 เมตร ถึง BTS บางบัว ศักยภาพของทำเลที่ตั้งย่านธุรกิจและความสะดวกสบายในการคมนาคม พร้อมด้วยบริการระดับโรงแรม และ Facilities พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน 2 ห้องนอนใหญ่ เริ่ม 5.39 ล้าน* คลิก https://bit.ly/2NoJK91 5. “Notting Hill Sukhumvit Praksa” คอนโดมิเนียมสูง 35 ชั้น แห่งแรกบนถนนแพรกษา เปิดรับวิวมุมสูงแบบ 360 องศา ทั้งท้องทะเล แม่น้ำ และท้องฟ้า เพียง 650 เมตรถึง BTS แพรกษา เริ่ม 1.45 ล้าน* คลิก https://bit.ly/2uAAW8h 6. “Notting Hill Tiwanon” ตอบรับการใช้ชีวิตที่มากกว่า ด้วยบริการระดับโรงแรม ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน แห่งแรก แห่งเดียวบนถนนติวานนท์-แยกแคราย แค่ 3 นาทีถึง MRT กระทรวงสาธารณสุข เริ่ม 1.89 ล้าน* คลิก https://bit.ly/2NntZ25 7. “Notting Hill The Exclusive CharoenKrung” สัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมผสมผสานกับการใช้ชีวิตสมัยใหม่ กับ #คอนโดพร้อมอยู่ ที่สุดของความเป็นส่วนตัวเพียง 8 ชั้น 132 ยูนิต ในย่านเจริญกรุง 93 เพียง 140 เมตรจากเอเชียทีค และ 1 ก.ม. จากแยก ถ.จันทร์ เริ่ม 3.99 ล้าน* คลิก https://bit.ly/2KYHIiU 8. “KnightsBridge the Ocean Sriracha” สัมผัสความงดงามของวิวทะเลและภูเขาได้ในที่เดียว คอนโดที่ไม่ใช่แค่ที่พักตากอากาศ แต่เป็นทรัพย์สินศักยภาพสูงบนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก Eastern Economic Corridor เริ่ม 2.69 ล้าน*คลิก https://bit.ly/2JGYdLg 9. “Notting Hill Laemchabang Sriracha” คอนโดหรูแต่งครบพร้อมอยู่หน้า ม.เกษตร ท่ามกลางอาณาจักรแห่งไลฟ์สไตล์หน้า ซึ่งประกอบไปด้วยคอมมูนิตี้มอลล์และโรงแรม ซึ่งจะทำให้คุณเป็นเจ้าของชีวิตพรีเมียมพร้อมใช้ใจกลาง Origin District พิเศษ!! •Free Fully Furnished By Chic Republic • Free All Expenses เริ่ม 1.99 ล้าน คลิก! https://bit.ly/2NAT2Po 10. “Kensington Laemchabang Sriracha” คอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 399 ยูนิต ออกแบบภายใต้แนวคิด “คอนโด Modern Loft” ได้แรงบันดาลใจมาจาก Irish Pub ที่เน้นการออกแบบให้มี Double Space ที่เปิดโล่ง ภายในโครงการมี Facilities ครบครันรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท คอนโดตรงข้าม ม.เกษตรฯ วิทยาเขตศรีราชา เริ่ม 1.59 ล้าน คลิก https://bit.ly/2uTLnnt   “โอกาส” จะเป็นของคนที่ไขว่คว้ามันไว้เท่านั้น!! ปัญหาเดียวที่เหนี่ยวรั้งเราเอาไว้จากการไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง คือเรื่องของการบริหารค่าใช้จ่าย ให้สามารถจัดการชีวิตของเราได้โดยไม่เสี่ยง ซึ่งแทบจะบอกได้เลยว่าไม่มีเหตุผลใดเลยที่เราจะปฏิเสธโปรเหนือเมฆยกกำลัง 2 นี้ เพราะนี่คือโปรที่ให้โอกาสเราได้มากที่สุดแล้ว คือ ให้โอกาสเราได้ผ่อนน้อย และให้โอกาสเราได้มีเวลาเริ่มต้นวางแผนการเงินเพื่ออนาคตนานถึง 3 ปี ซึ่งถ้าพลาดโอกาสนี้ไป บางทีเราก็อาจต้องไปเริ่มต้นใหม่กับราคาคอนโดที่สูงขึ้นไปกว่านี้อีก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ เพราะถ้าเราเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้ ก็มองเห็นชัดเจนว่าเราจะมีแต่กำไรในอนาคต ไม่ว่าจะอยู่ระยะสั้นหรือระยาวก็ตาม
“ออริจิ้น” ร่วมทุน “โนมูระ” ผุดมิกซ์ยูส ORIGIN24  พร้อมดึง BIG NAME นั่งแท่น CEO กลุ่ม RECURRING INCOME

“ออริจิ้น” ร่วมทุน “โนมูระ” ผุดมิกซ์ยูส ORIGIN24 พร้อมดึง BIG NAME นั่งแท่น CEO กลุ่ม RECURRING INCOME

“ออริจิ้น” เดินหน้าร่วมทุน “โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์” ยักษ์อสังหาฯญี่ปุ่นเพิ่ม ขายหุ้นบริษัทย่อย 49% ลุยมิกซ์ยูส “ออริจิ้น 24” มูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท พร้อมแต่งตั้ง “กมลวรรณ วิปุลากร” อดีตผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย เพื่อปั้นธุรกิจ RECURRING INCOME เป็น TOP 3 ในวงการ   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค (PARK) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่นและพันธมิตรหลักของออริจิ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด จะร่วมทุนกันในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส “ออริจิ้น 24” ตรงข้ามโครงการพาร์ค 24 ในซอยสุขุมวิท 24 ทั้งนี้ ได้ให้ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน (Recurring Income) ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ดำเนินการขายหุ้นในบริษัทย่อยที่ดูแลโครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น 24 ให้แก่ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ 49% คิดเป็นมูลค่าหุ้นที่ชำระแล้วรวมจำนวน 135,008,100 บาท ทั้งนี้บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จะรับรู้กำไรพิเศษ (Share premium) สำหรับดีลนี้เป็นจำนวน 73,500,000 บาท “เราและโนมูระยังคงมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการส่งมอบความสุขและความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้บริโภค ผ่านการผสมผสานโนว์ฮาวของกันและกัน โครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น 24 จะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของการใช้ชีวิต ใจกลางสุขุมวิท” นายพีระพงศ์ กล่าว สำหรับโครงการออริจิ้น 24 เป็นโครงการมิกซ์ยูสแบบลีสโฮลด์ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ห่างจาก BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 500 เมตร บนที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่ 2 งาน ประกอบด้วย 2 อาคาร โดยมีโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์หรูระดับ 5 ดาว รวม 411 ห้อง สำนักงานให้เช่าพื้นที่รวม 2,000 ตร.ม. คอมมูนิตี้มอลล์ พื้นที่รวม 3,200 ตร.ม. ภายในพื้นที่โครงการประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สนามเด็กเล่น ห้องประชุม ฯลฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้แต่งตั้งกรรมการใหม่ของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ทดแทนกรรมการที่ลาออกไป 1 ท่าน ได้แก่ นางกมลวรรณ วิปุลากร ทั้งนี้พร้อมพ่วงอีกตำแหน่งสำคัญคือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน (Recurring Income) ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โดยนางกมลวรรณ วิปุลากร อดีตเคยเป็นผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย ผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในธุรกิจโรงแรมอย่างยาวนาน ถือเป็นมืออาชีพที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยจะมีการแสดงวิสัยทัศน์และแผนธุรกิจเร็วๆ นี้   โดยปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด อยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 4 โครงการ ได้แก่  โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา-แหลมฉบัง , โรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ , โรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี-ศรีราชา และ โครงการ ออริจิ้น 24 มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันยังมีแผนผุดโครงการเพิ่มอีก 2-3 แห่ง เตรียมพร้อมแผนธุรกิจในการเติบโตขึ้นเป็น TOP 3 ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สำนักงานเช่า และคอมมูนิตี้มอลล์
Knightsbridge Space Rama 9 – ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Space Rama 9 – ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Space Rama 9 (ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9) - คอนโด High Rise สูง 28 ชั้น จาก Origin บนทำเล New CBD พระราม 9 ติดถนนอโศก-ดินแดง เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9 เพียง 350 เมตร   รายละเอียดโครงการ เจ้าของโครงการ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด คอนโด High Rise สูง 27 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 2-0-47 ไร่ จำนวนห้อง 325 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต ที่จอดรถ Auto Parking 52% ที่ตั้งโครงการ ถนนอโศก-ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ   สถานที่สำคัญใกล้เคียง เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ฟอร์จูน ทาวน์ เซ็นทรัล พระราม 9 G Tower Super Tower Unilever Show DC Mall Esplanade Cineplex The Street รัชดา รพ.พระราม 9 รพ.ปิยะเวช รพ.กรุงเทพ ร.ร.บางกอก ทวิวิทย์ วิทยาลัยนานาชาติ RIC   ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 27 ตร.ม. แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตร.ม.   สิ่งอำนวยความสะดวก Business Lounge Craft Café & Working Space Secret GardenHidden Backyard Garden EV Charger Private Sky Terrace & Garden Sky Sunset Pool Terrace & Garden Sky Infinity Lap Pool Sky Yoga & Zumba Sky Sunrise Onsen (Male & Female) Sky Panoramic Social Fitness Club Dusk & Dawn Sky Terrace Horizon Rooftop Lounge     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-030-0000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://origin.co.th/knightsbridgespace/ https://goo.gl/zX9aw ORIGIN เปิดจอง Online Booking ครั้งแรก!   โดย ORIGIN จะเปิดจอง Online Booking ครั้งแรก 8 มี.ค. ‘‘3 คอนโด Flagship แบรนด์หรู KnightsBridge SPACE พระราม 9, KnightsBridge SPACE รัชโยธิน’’ และKnightsbridge collage สุขุมวิท 107 สุด Exclusive 100 ยูนิต แรกเท่านั้น!   ลงทะเบียน https://goo.gl/zX9awJ เพื่อรับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท พร้อมเข้าจองออนไลน์ก่อนใคร ในราคาสุดเอ็กคลูซีฟ!
“ออริจิ้น” ผุดอาณาจักรมิกซ์ยูส 3 ทำเลใจกลางเมือง มูลค่า 70,000 ล้าน พร้อมจัดทัพใหญ่ สร้าง “The Empire of Origin” อาณาจักรอสังหาฯครบวงจร

“ออริจิ้น” ผุดอาณาจักรมิกซ์ยูส 3 ทำเลใจกลางเมือง มูลค่า 70,000 ล้าน พร้อมจัดทัพใหญ่ สร้าง “The Empire of Origin” อาณาจักรอสังหาฯครบวงจร

ออริจิ้น เดินหน้าสร้าง “The Empire of Origin” ติดเครื่องตลาดลักชัวรี่ เล็งผุดอาณาจักรมิกซ์ยูสหรู “พาร์ค ออริจิ้น คอมเพล็กซ์” 3 ทำเลใจกลางเมือง มูลค่ารวมกว่า 70,000 ล้านบาท พร้อมจัดทัพผู้บริหาร กุมบังเหียน JV-บ้านแนวราบ-อสังหาฯเช่า-บริการ ปั้นอาณาจักรอสังหาฯครบวงจร ปี 61 จ่อเปิดโครงการใหม่ 14 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท ตั้งเป้าโกยยอดขาย 20,000 ล้าน พร้อมรายได้ทะลุ 15,000 ล้าน นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคนซิงตัน นอตติ้ง ฮิลล์ ไนท์บริดจ์ และพาร์ค และบ้านแนวราบภายใต้แบรนด์ บริทาเนีย กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทนับจากนี้ จะมุ่งเดินหน้าสร้างอาณาจักรออริจิ้น หรือ The Empire of Origin โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม โครงการบ้านแนวราบ โครงการร่วมทุนกับต่างชาติ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้หมุนเวียน รวมถึงมีธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์อย่างครบถ้วน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนท์ “ปี 2560 เป็นปีที่เราเริ่มก้าวสู่การเดินหน้าธุรกิจใหม่ๆ นอกจากธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียม นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป จะเป็นปีที่เราขับเคลื่อนธุรกิจใหม่อย่างเต็มกำลัง ทุกธุรกิจจะหยั่งรากฐานและเป็นฟันเฟืองสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของอาณาจักรออริจิ้น และเป็นฟันเฟืองสำคัญต่อการตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม” นายพีระพงศ์ กล่าว สำหรับก้าวแรกของการสร้างอาณาจักรออริจิ้น บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี่มากขึ้น โดยมีแผนจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสผสานกับโครงการคอนโดมิเนียม 3 ทำเล เพื่อสร้างโครงการแฟล็กชิพภายใต้คอนเซ็ปต์ “พาร์ค ออริจิ้น คอมเพล็กซ์” รวมมูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท ในทำเลใจกลางเมือง ได้แก่ พร้อมพงศ์ ทองหล่อ และพญาไท ให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ด้านการอยู่อาศัยของโลก ที่ผู้บริโภคจะให้น้ำหนักกับการเข้าอยู่อาศัยในโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างครบวงจร ขณะนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างศึกษาและพิจารณารายละเอียดของการพัฒนาแต่ละโครงการ นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ถึงเป้าหมายดังกล่าว บริษัทได้จัดโครงสร้างบริษัทให้ชัดเจนและแต่งตั้งผู้บริหารที่มีประสบการณ์คร่ำหวอดในแวดวงต่างๆ มาอย่างยาวนาน ขึ้นดูแลและบริหารส่วนงานที่มีความสำคัญกับการเติบโตเป็นอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ได้แก่ นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ดูแลด้านการร่วมทุน (Joint Venture) นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ กรรมการผู้จัดการโครงการแนวราบ ดูแลธุรกิจบ้านแนวราบ นางจตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ ธุรกิจค้าปลีก สำนักงานเช่า ตลอดจนธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการขายและการเช่า สำหรับปี 2561 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 14 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 10   โครงการ มูลค่า 26,000 ล้านบาท และโครงการบ้านแนวราบ 4 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ขณะที่วางเป้ายอดขายไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ราว 43% เป้ารายได้ที่ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ราว 67% ด้านนายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ดูแลด้านการร่วมทุน กล่าวว่า การร่วมทุนถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเติบโตของออริจิ้นสู่อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เพราะจะช่วยสร้างโอกาสในการเรียนรู้แนวคิด โนว์ฮาว ดีไซน์ ของบริษัทพาร์ทเนอร์ มาใช้ต่อยอดกับการดำเนินธุรกิจให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ขณะเดียวกัน ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ ของพาร์ทเนอร์อีกด้วย “กรณีเราร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ทางโนมูระมีฐานลูกค้าอยู่ราว 4 แสนราย มีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นมายาวนานถึง 60 ปี การร่วมทุนกับโนมูระทำให้เราสามารถนำประสบการณ์ 60 ปีของโนมูระ มาต่อยอดเป็นปีที่ 61 ของเรา” นายปิติพงษ์ กล่าว ที่ผ่านมา บริษัทมีพาร์ทเนอร์หลักคือบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ ร่วมทุนในโครงการคอนโดมิเนียมแล้ว 5 โครงการ และโครงการโรงแรมอีก 1 โครงการ ในอนาคต บริษัทยังเปิดกว้างโอกาสในการร่วมทุนในธุรกิจประเภทอื่นๆ ทั้งโครงการแนวราบ คอมมูนิตี้มอลล์ สำนักงานให้เช่า ไปจนถึงธุรกิจแวร์เฮาส์ คาดว่าระยะยาวจะมีรายได้ที่เกิดจากธุรกิจร่วมทุนราว 20-30% ของรายได้รวม ด้านนางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ กรรมการผู้จัดการโครงการแนวราบ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจโครงการแนวราบถือเป็นอีกธุรกิจที่จะมีบทบาทสำคัญต่ออาณาจักรออริจิ้น โดยภายในปี 2561-2565 บริษัทตั้งเป้าจะเปิดตัวโครงการใหม่ เน้นทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และทำเลระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มูลค่ารวมกว่า 45,000 ล้านบาท และสร้างรายได้กลับมายังบริษัทในช่วง 5 ปีดังกล่าวกว่า 31,000 ล้านบาท “เราวางแผนตั้งแต่ต้นว่าจะใช้กลยุทธ์การเติบโตแบบทวีคูณ หรือ Multiply Growth ดังนั้น การทำงานในทุกขั้นตอนของเราตลอดช่วงที่ผ่านมาก็จะเป็นแบบคูณสอง ทั้งการหาที่ดิน การพัฒนางานออกแบบ ตลอดจนการทำงานด้านการตลาด ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถเติบโตไปได้ตามเป้าหมาย” นางศุภลักษณ์ กล่าว ขณะที่ระดับราคาของบ้านจะแบ่งออกเป็น 3 เซ็กเมนท์ ได้แก่ ทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ ราคา 3-5 ล้านบาท บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ราคา 5-8 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว ราคา 8-20 ล้านบาท เพื่อให้พร้อมรองรับความต้องการของผู้บริโภคทุกระดับ ตั้งแต่ระดับอีโคโนมี่ พรีเมียม ไปจนถึงระดับเพรสทีจ ทั้งนี้ จุดขายโครงการแนวราบแบรนด์บริทาเนียภายใต้อาณาจักรออริจิ้นจะประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.ทำเล ที่เน้นเจาะพื้นที่บลูโอเชียนที่การแข่งขันไม่สูงมาก แต่เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพรองรับการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่ชานเมือง 2.ฟังก์ชั่น ที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงๆ ของผู้บริโภค และ 3.สไตล์ที่ดูเป็นคนรุ่นใหม่ ทั้งในแง่สถาปัตยกรรมและสภาพแวดล้อมโครงการ ในช่วงปลายปี 2560 บริษัทเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดไปแล้ว 1 โครงการ ได้แก่ โครงการบริทาเนีย ศรีนครินทร์ ซึ่งได้รับผลการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค สามารถปิดการขายเฟสแรกได้ภายใน 2 เดือน ในปี 2561 จึงจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท ด้านนางจตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน จะเป็นธุรกิจที่ช่วยสร้างการเติบโตและรับรู้รายได้อย่างยั่งยืนให้กับอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของออริจิ้น เพราะประกอบไปด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่า เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สำนักงานเช่า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่สร้างรายได้กลับมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับทุกสภาพเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ยังมีธุรกิจบริการที่จะช่วยเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภค ทิศทางของบริษัทต่อจากนี้ จะให้ความสำคัญกับ 3 เรื่อง 1.Great Location เกาะทำเลศักยภาพอย่างสุขุมวิทที่ตอบโจทย์ทั้งนักท่องเที่ยวทั่วไป (Leisure Traveler) และนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (Business Traveler) รวมถึงทำเลอีอีซีที่มีศักยภาพในการเติบโต 2.Great Service ให้ความสำคัญกับการบริการมาตรฐาน โดยในส่วนของโรงแรมนั้น บริษัทจะใช้เชนจากต่างประเทศเข้ามาช่วยบริหาร เพื่อให้เกิดบริการมาตรฐานสากล ผสมผสานเข้ากับการบริการซึ่งมีเอกลักษณ์แบบของไทย 3.มิกซ์ยูส โครงการต่างๆ ต่อจากนี้จะพัฒนาไปแบบมิกซ์ยูส ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์การอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ “สำหรับธุรกิจโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ เราตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี จะมีจำนวนห้องพักอยู่ในระดับท็อปเท็นของเมืองไทย ขณะที่ในแง่ธุรกิจบริการ เราตั้งเป้าว่าจะเติบโตจนมีเซอร์วิสเชนของตัวเอง คอยบริการผู้บริโภค” นางจตุพร กล่าว
“ออริจิ้น” ดึงเชน IHG ผุดโรงแรม 3 แห่ง มูลค่า 7,500 ล้านบาท พร้อมผนึกโนมูระลุยแบรนด์ Staybridge Suites ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก

“ออริจิ้น” ดึงเชน IHG ผุดโรงแรม 3 แห่ง มูลค่า 7,500 ล้านบาท พร้อมผนึกโนมูระลุยแบรนด์ Staybridge Suites ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก

ออริจิ้นแตกไลน์ธุรกิจ ดึงเชนเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล ผุดโรงแรม 3 แห่งใจกลางทองหล่อ-ศรีราชา มูลค่าทรัพย์สิน 7,500 ล้านบาท เจาะตลาดญี่ปุ่น-รับการลงทุนอีอีซี พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Staybridge Suites ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก ผนึกโนมูระลุย “Staybridge Suites Bangkok Thonglor” นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคนซิงตัน นอตติ้ง ฮิลล์ ไนท์บริดจ์ และพาร์ค กล่าวว่า นอกจากการพัฒนาที่อยู่อาศัยแล้ว บริษัทยังมีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สำนักงานเช่า คอมมูนิตี้มอลล์ สำหรับธุรกิจโรงแรมนั้น บริษัทจะนำร่องด้วยการพัฒนาโรงแรม 3 แห่ง มูลค่าทรัพย์สินหลังการก่อสร้าง (Asset Value) อยู่ที่ประมาณ 7,500 ล้านบาท โดยล่าสุดได้เซ็นสัญญานำแบรนด์และเชนของเครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) เข้ามาบริหารโรงแรมทั้ง 3 แห่ง “IHG เป็นหนึ่งในเครือโรงแรมชั้นนำของโลก ได้รับการยอมรับด้านการบริหารโรงแรมด้วยมาตรฐานสากล และมีแบรนด์โรงแรมคุณภาพหลากหลายแบรนด์อยู่ทั่วโลก การพัฒนาโรงแรม 3 แห่งแรกของเราในครั้งนี้จึงเลือกนำแบรนด์และเชนโรงแรมของ IHG จำนวน 2 แบรนด์มาบริหาร ซึ่งเรามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานร่วมกับ IHG นับจากนี้” นายพีระพงศ์ กล่าว   โรงแรมทั้ง 3 แห่งประกอบด้วย 1.สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ (Staybridge Suites Bangkok Thonglor) 2.สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี ศรีราชา (Staybridge Suites Chonburi Siracha) และ 3.ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง (Holiday Inn Suites Siracha Laemchabang) จะทยอยเปิดให้บริการจนครบทั้ง 3 แห่งภายในปี 2564 โดยการนำแบรนด์สเตย์บริดจ์ สวีท (Staybridge Suites) เข้ามานั้น ถือเป็นการนำแบรนด์ดังกล่าวเข้ามาใช้เป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก   สำหรับการพัฒนาโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อนั้น บริษัทยังได้จับมือกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ พันธมิตรสำคัญของออริจิ้นในการพัฒนาที่อยู่อาศัย มาร่วมพัฒนาโครงการดังกล่าวด้วย เพื่อให้สามารถพัฒนาโครงการและการบริการให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างดีที่สุด ล่าสุด ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาในสัดส่วน 51 ต่อ 49 ด้านนายราจิต สุขุมารัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ประจำภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) กล่าวว่า สเตย์บริดจ์ สวีท เป็นแบรนด์โรงแรมที่เปิดให้บริการมาแล้วมากกว่า 250 แห่งทั่วโลก ตกแต่งด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น สะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น อุปกรณ์ครัวครบชุดโซนทำงานส่วนตัว โซนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เหมาะสำหรับแขกที่ต้องการเข้ามาพักระยะยาว เช่น กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในพื้นที่นั้นๆ (Expat) หรือนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (Business Traveller)   “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมงานกับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) อีกครั้ง ในการขยายฐานธุรกิจของเราด้วยการนำแบรนด์โรงแรมใหม่ๆ มาสู่ภูมิภาค และด้วยความต้องการที่พักแบบระยะยาวที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และศรีราชา จึงถือเป็นโอกาสที่ดียิ่งสำหรับสเตย์บริดจ์ สวีท และเราเห็นโอกาสในการเพิ่มจำนวนสเตย์บริดจ์ สวีทให้มากขึ้นในเอเชียแปซิฟิกในภายภาคหน้า ซึ่งเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น” นายราจิต กล่าว ด้านนายโทชิฮิเดะ สึคาซากิ เจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัย การจัดการโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมา โนมูระถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจรในญี่ปุ่น แต่ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการตัดสินใจออกมาลงทุนธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ สาเหตุสำคัญที่ตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เนื่องจากมั่นใจในพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยอย่างออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มั่นใจในแบรนด์คุณภาพของเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล รวมถึงมั่นใจในศักยภาพทำเลทองหล่อ ซึ่งเป็นทำเลธุรกิจที่มีความต้องการการพักอาศัยของชาวต่างชาติ   “เรามั่นใจว่า เราจะสามารถนำโนว์ฮาวและความรู้ความสามารถของเรามาช่วยพัฒนาโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อกทองหล่อ ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ให้ได้รับการบริการที่สะดวกสบายและน่าประทับใจ” นายโทชิฮิเดะ กล่าว   สำหรับการลงทุนครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนภายใต้แผนการเติบโตระยะกลาง-ยาวของโนมูระตั้งแต่ปีงบการเงิน 2559-2567 (สิ้นสุด มี.ค.2568) ด้วยการลงทุนในต่างประเทศภายใต้งบลงทุน 3 แสนล้านเยน (ราว 9.06 หมื่นล้านบาท) ด้านนางจตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด บริษัทพัฒนาธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนในเครือ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว พบว่า จำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยมากที่สุด คือ ชาวญี่ปุ่น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24% ขณะเดียวกันจากข้อมูลของปี 2555-2559 ยังพบว่า จำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ (Expat) มีจำนวนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึง 16% ต่อปี ทำเลทองหล่อถือเป็นทำเลสำคัญที่มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานและพักอาศัยเป็นจำนวนมาก มั่นใจว่าการพัฒนาโรงแรมในทำเลทองหล่อจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่พักอาศัย โดยเฉพาะของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในย่านนี้ได้   สำหรับทำเลศรีราชา ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพ เพราะภาครัฐมีนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก พร้อมให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากชาวต่างชาติ เมื่อมีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น การเข้ามาทำธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาวในพื้นที่ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย บริษัทจึงมั่นใจที่จะพัฒนาโรงแรมในพื้นที่ศรีราชา 2 แห่ง โดยเลือกทำเลที่ใกล้สถานที่พักผ่อนและอำนวยความสะดวกอื่นๆ ด้วย   โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ เป็นโรงแรมขนาด 303 ห้องพัก มีพื้นที่อาคารรวม 25,500 ตร.ม. มูลค่าทรัพย์สิน 2,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณซอยสุขุมวิท 55 ห่างจากสถานีบีทีเอสทองหล่อประมาณ 10 นาที คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 4/2562 ขณะที่โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี ศรีราชา เป็นโรงแรมขนาด 400 ห้องพัก มีพื้นที่อาคารรวม 37,200 ตร.ม. มูลค่าทรัพย์สิน 2,800 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณถนนสุขุมวิท ตรงข้ามตึกคอม ศรีราชา คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 4/2563 ส่วนโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง เป็นโรงแรมขนาด 347 ห้องพัก มีพื้นที่อาคารรวม 30,500 ตร.ม. มูลค่าทรัพย์สิน 2,200 ล้านบาท ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการ Origin District คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 1/2563   สำหรับเครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) มีเครือข่ายโรงแรมอยู่กว่า 5,300 แห่ง 7.85 แสนห้องพักในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบัน ดำเนินการบริหารโรงแรมในไทย 22 แห่ง ภายใต้ 5 แบรนด์ และมีที่รอเปิดให้บริการอีก 14 แห่ง โดยแบรนด์สเตย์บริดจ์ สวีท ถือเป็นแบรนด์ที่ 6 ในไทย   ขณะที่บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ สำนักงานเช่า ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร
“ออริจิ้น” เปิดตัว “Knightsbridge Phaholyothin Interchange”

“ออริจิ้น” เปิดตัว “Knightsbridge Phaholyothin Interchange”

“ออริจิ้น” เปิดตัว “Knightsbridge Phaholyothin Interchange” ตอกย้ำภาพเจ้าทำเลเกษตร-สะพานใหม่ มั่นใจ Q2 โกยยอดขาย 4,000 ล้านบาท ออริจิ้น เปิดตัวโครงการใหม่ “ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์” มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้าน ตระหง่านหัวมุมวงเวียนหลักสี่ ตอกย้ำความเป็นเจ้าทำเลเกษตร-สะพานใหม่ ชูจุดขาย “More Choices More Chances” สร้าง “ชีวิตอัลติเมท” ให้ผู้อยู่อาศัย รองรับความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯ เปิดวีไอพีพรีเซล ณ สำนักงานขาย 17 มิ.ย.นี้ มั่นใจปิดไตรมาส 2 ด้วยยอดขาย 4,000 ล้านบาท   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), และเคนซิงตัน (Kensington) กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้ชื่อ “ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์” (Knightsbridge Phaholyothin Interchange) เป็นคอนโดมิเนียม 15 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 726 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมวงเวียนอนุสาวรีย์หลักสี่ หันหน้าเข้าหาถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อ (อินเตอร์เชนจ์) ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และสายสีชมพู มีนบุรี-แคราย   “ทำเลรถไฟฟ้าสีเขียวส่วนต่อขยายทางตอนเหนือ ไล่มาตั้งแต่หมอชิต เกษตร สะพานใหม่ ไปจนถึงคูคต ถือเป็นทำเลศักยภาพ และเป็นทำเลที่ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพราะมีทั้งแหล่งชุมชน แหล่งงานภาครัฐ แหล่งงานภาคเอกชนดั้งเดิมของคนกรุงเทพฯตอนเหนือ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นทำเลที่มีเรียลดีมานด์มหาศาล เราจึงเปิดตัวโครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ เป็นโครงการที่ 8 ของออริจิ้นบนย่านนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้าทำเลเกษตร-สะพานใหม่ และตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองที่กำลังจะเปลี่ยนไป” นายพีระพงศ์ กล่าว   โครงการดังกล่าว พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ More Choices More Chances มุ่งหวังจะสร้างทางเลือกและโอกาสใหม่ๆ ในการอยู่อาศัยให้แก่ผู้บริโภค ด้วยสุดยอดทำเลและสุดยอดสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้บริโภคได้มี “ชีวิตอัลติเมท” โดยจะเปิดวีไอพีพรีเซลโครงการดังกล่าวในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ณ สำนักงานขายโครงการ   ด้านนายนพรัตน์ เอื้อพิพัฒนากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัน เรียลเอสเตท จำกัด ในฐานะผู้บริหารด้านการขายและการตลาดโครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมุ่งตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯด้วยการสร้างทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค ได้แก่ 1.ทางเลือกในการเดินทาง ให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตกับ “อัลติเมท ทรานสปอร์ต” ผ่านจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีเขียวและสายสีชมพู สามารถเดินทางไปได้ถึง สุดตอนเหนือของกรุงเทพฯ และคอนเน็คไปสู่จุดอื่นๆ ของกรุงเทพฯได้อย่างง่ายดาย   “เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการในอีก 2 ปีข้างหน้า จะช่วยมอบความสะดวกสบายในการเดินทางให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการระดับเดียวกับที่อินเตอร์เชนจ์อื่นๆ เช่น สยาม ช่องนนทรี อโศก เคยมอบให้ผู้อยู่อาศัยมาแล้ว ในขณะที่ราคาต่ำกว่าโซน รัชโยธิน-ลาดพร้าวถึง 40% ทั้งที่อยู่บนรถไฟฟ้าสายเดียวกันและห่างกันเพียงไม่กี่สถานี” นายนพรัตน์ กล่าว   2.ทางเลือกในการใช้ชีวิต เปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ ของผู้อยู่อาศัยต่อกรุงเทพฯ ด้วย “อัลติเมท รูฟ” พื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้าชั้น 15 พร้อมด้วยสกายวอล์คเชื่อมต่อระหว่างคอนโดมิเนียม 2 อาคาร ให้ผู้อยู่อาศัยได้พบกับ Panoramic Bangkok View มองเห็นกรุงเทพฯในมุมมองใหม่แบบ 360 องศา   นอกจากนี้ ยังมี “อัลติเมท ฟาซิลิตี้” ให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษผ่านสิ่งอำนวยความสะดวก 30 ฟังก์ชั่น บนพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 3,700 ตร.ม. ที่จะช่วยรองรับการใช้ชีวิตทั้งการทำงาน ครอบครัว เพื่อน และเรื่องส่วนตัว อาทิ สระว่ายน้ำรูปตัว L ความยาวถึง 35 เมตร ฟิตเนสขนาดกว่า 100 ตร.ม. Co-working space ห้องโยคะ Sky Lounge, Sky Barbeque area ภายในห้องพักยังออกแบบให้เป็น “อัลติเมท รูม” มีการออกแบบและการตกแต่งภายในห้องพักไว้ถึง 20 รูปแบบ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งห้อง เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ประดับขอบด้วยสีโรสโกลด์ มีกระจกกั้นห้องแบบเต็มเฟรม ช่วยให้บรรยากาศภายในห้องดูหรูหราและมีสไตล์ ขณะที่ความสูงจากพื้นถึงเพดาน (Floor to Ceiling) อยู่ที่ 2.55 เมตร ซึ่งค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับโครงการในทำเลเดียวกัน   โครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เพียง 200 เมตร และห่างจากเทสโก้ โลตัส สาขาหลักสี่ เพียง 100 เมตร ห่างจากเซ็นทรัล รามอินทรา และบิ๊กซี สะพานใหม่ ในระยะทางเพียงไม่ถึง 2 กิโลเมตร ขณะเดียวกัน ยังใกล้ทั้งโรงพยาบาลและแหล่งงานของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สนามบินดอนเมือง กรมทหารราบที่ 11 กรมป่าไม้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) สำนักงานใหญ่   สำหรับห้องพักอาศัย แบ่งออกเป็น 5 แบบหลัก ได้แก่ 1.ห้องซูพีเรีย 1 ห้องนอน ขนาด 21.3-31.7 ตร.ม. 2.ห้องดีลักซ์ 1 ห้องนอน ขนาด 28.2-29.8 ตร.ม. 3.ห้องสวีท 1 ห้องนอนพลัส ขนาด 33.4-38.8 ตร.ม. 4.ห้องเพนท์เฮาส์ 2 ห้องนอน ขนาด 48.9-51.2 ตร.ม. และ 5.ห้องดูเพล็กซ์ ขนาด 33-62 ตร.ม. ทุกห้องตกแต่งแบบ Fully-Furnished ราคาเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 82,000 บาท/ตร.ม. ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.89 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2561 และแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2563   ด้านนายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากโครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์แล้ว ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ บริษัทยังเปิดวีไอพีพรีเซลโครงการใหม่อีก 3 โครงการ ได้แก่ 1.เคนซิงตัน สุขุมวิท- เทพารักษ์ (Kensington Sukhumvit-Theparak) มูลค่า 2,500 ล้านบาท 2.นอตติ้ง ฮิลล์ สกายสแครปเปอร์ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ (Notting Hill Skyscraper Central Rattanathibet) มูลค่า 2,500 ล้านบาท 3.นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105) เฟส 2 มูลค่า 1,300 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้ง 4 โครงการกว่า 8,400 ล้านบาท เปิดวีไอพี พรีเซลพร้อมกัน 17 มิ.ย. นี้ ผู้สนใจ 4 โครงการดังกล่าว สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.origin.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 020 300 000   ทั้งนี้ คาดว่าการเปิดขาย 4  โครงการใหม่พร้อมกันในวันที่ 17 มิ.ย. จะช่วยส่งผลให้บริษัทคว้ายอดขายไตรมาส 2/2560 ได้ทะลุ 4,000 ล้านบาท   ปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 35 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 30,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร  
“ออริจิ้น” รับรางวัล Top 10 Developer จาก BCI Asia Awards

“ออริจิ้น” รับรางวัล Top 10 Developer จาก BCI Asia Awards

“ออริจิ้น” รับรางวัล Top 10 Developer จาก BCI Asia Awards น.ส.วารุณีย์ ธชีพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (ที่ 2 จากขวา) พร้อมด้วยนายเกษมิน นาคะประทีป (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เข้ารับรางวัล Top 10 Developer 2017 ภายใต้งาน BCI Asia Awards 2017 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเทศต่างๆ ในเอเชียที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาคและมีผลงานการออกแบบโครงการโดดเด่น ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอนด์ บางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเร็วๆ นี้
“ออริจิ้น” ชูแบรนดิ้ง My Life. My Origin บุกตลาด ดึง “ณเดชน์” ซุปเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของไทย ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมเปิดตัวคอนโดใหม่อีก 4 โครงการรวมมูลค่า 8,400 ล้านบาท

“ออริจิ้น” ชูแบรนดิ้ง My Life. My Origin บุกตลาด ดึง “ณเดชน์” ซุปเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของไทย ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมเปิดตัวคอนโดใหม่อีก 4 โครงการรวมมูลค่า 8,400 ล้านบาท

ออริจิ้น เปิดตัวแบรนดิ้งแคมเปญ “My Life. My Origin” เสริมแกร่งภาพลักษณ์ หลังโตพรวดต่อเนื่องตลอด 8 ปี เชื่อหมดยุคคนแห่อยู่ในเมือง ถึงยุคใช้ชีวิตแบบเป็นตัวเองในถิ่นทำเลที่คุ้นเคย พร้อมดึง “ณเดชน์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ สะท้อนภาพลักษณ์บริษัทและคอนโดทั้ง 3 แบรนด์ ถือโอกาสดี ประกาศเปิดตัวคอนโดใหม่พร้อมกันอีก 4 โครงการ 3 แบรนด์ มูลค่ารวม 8,400 ล้านบาท   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), และเคนซิงตัน (Kensington) กล่าวว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2552 บริษัทเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง และมีก้าวสำคัญใหม่ๆ ทุกปี อาทิ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การมียอดขายทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น วันนี้ ในช่วงที่บริษัทกำลังจะครบรอบ 8 ปีและก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 จึงได้ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาทในการจัดทำแบรนดิ้งแคมเปญภายใต้แนวคิด “My Life. My Origin” หรือ “ชีวิตในฝันแบบที่เป็นคุณ” เพื่อให้บริษัทมีภาพลักษณ์ที่ชัดเจน สะท้อนตัวตนของแบรนด์โดดเด่นยิ่งขึ้น “เราค้นพบว่า สาเหตุที่ยอดขายตลอด 8 ปีที่ผ่านมาของเราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเราสามารถเข้าถึงตลาดผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมในแต่ละทำเล ยอดขายหลายๆ โครงการของเราเป็นผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมในทำเลนั้นกว่า 70% สะท้อนว่าความสุขของลูกค้าของเรา คือการได้มีที่อยู่อาศัยในทำเลที่เขาคุ้นเคย ติดรถไฟฟ้า และนี่จึงเป็นที่มาของแบรนดิ้งแคมเปญ My Life. My Origin เราอยากให้ทุกคนใช้ชีวิตในฝันแบบที่เป็นคุณ” นายพีระพงศ์ กล่าว ที่ผ่านมา คอนโดมิเนียมมักถูกกล่าวถึงในฐานะบ้านหลังที่ 2 ผู้คนมักคิดว่าบ้านหลังที่ 2 ต้องอยู่ในเมือง เพื่อให้ใกล้ที่ทำงานที่สุด แต่นับจากนี้ไปจะไม่ใช่ยุคคนแห่ไปอยู่ในเมือง เพราะโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมอย่างรถไฟฟ้าสามารถกระจายเข้าถึงผู้คนในทุกพื้นที่ ตลาดคอนโดมิเนียมจะกลายเป็นบ้านหลังแรกของคนรุ่นใหม่ที่เกิดจากครอบครัวขยายหรือต้องการอยู่ในแนวรถไฟฟ้าใกล้แหล่งงาน กล่าวคือเดิมเคยอาศัยอยู่บ้านแนวราบในทำเลไหน พอมีครอบครัวเพิ่มเติม ก็ขยายไปอยู่ในคอนโดมิเนียมทำเลใกล้เคียงเดิม เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอยู่ในย่านที่คุ้นเคย ไปหาญาติพี่น้องได้สะดวก ประเทศไทยจะเหมือนประเทศญี่ปุ่นที่ผู้คนไม่ได้คาดหวังว่าต้องดิ้นรนเข้าไปอยู่ในเมือง อาศัยรถไฟฟ้าไปทำงานในแต่ละวัน การเป็นแบรนด์ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตในฝันในแบบที่เป็นตัวเอง ไม่ต้องตามใคร จึงน่าจะเป็นแบรนด์ที่เข้าใจผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคตมากที่สุด “ค่าครองชีพในเมืองจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ราคาคอนโดมิเนียมในเมืองที่ราคา 3-5 ล้านจะไม่ใช่ราคาที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ แถมอีกหน่อยคอนโดมิเนียมในเมืองอาจจะกลายเป็นคอนโดมิเนียมแบบลีสโฮลด์ ที่ผู้ซื้อไม่ได้มีสิทธิ์ขาดตลอดไป ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝันของคนทั่วไป เพราะคนทั่วไปยังต้องการมีคอนโดมิเนียมที่ตัวเองมีสิทธิ์ขาด ราคาเข้าถึงได้ มีการตกแต่ง มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นรากดั้งเดิมของเขา ออริจิ้น ซึ่งมีความหมายถึงรากหรือต้นกำเนิด ไม่ซ้ำใคร ไม่ตามใคร จึงต้องการแสดงจุดยืนในฐานะผู้เข้าใจผู้บริโภคที่สุดผ่านแคมเปญ My Life. My Origin นี้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงมุ่งหน้าพัฒนาคอนโดมิเนียมเจาะตลาดพรีเมียมแมส อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทต้องการเป็นแชมป์การพัฒนาคอนโดมิเนียมเจาะผู้ต้องการห้องระดับราคา 1.5 -3 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้ภาพลักษณ์ของบริษัทและคอนโดมิเนียมแต่ละแบรนด์ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงได้ให้นายณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกระดับแถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งมีบุคลิกที่สอดคล้องกับแบรนด์คอนโดมิเนียมทั้ง 3 แบรนด์ของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญ My Life. My Origin ด้วย “ณเดชน์ คือคนธรรมดาที่มีสไตล์ คือตัวแทนของคนทั่วไปที่มีทั้งมุมเนี้ยบดูดี มุมเท่ๆ และมุมสบายๆ ไม่ต้องแต่งตัวหรูหรา สะท้อนภาพได้ตั้งแต่คอนโดมิเนียมแบรนด์เท่แบบเรียบหรูอย่างไนท์บริดจ์ แบรนด์ที่มีความทันสมัยหรือโมเดิร์นอย่างนอต-ติ้ง ฮิลล์ และแบรนด์เท่แบบลุยๆ อย่างเคนซิงตัน นอกจากนี้ยังเป็นคนตั้งใจทำงานเพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด และอ่อนน้อมถ่อมตนซึ่งตรงกันกับวิธีการทำงานแบบออริจิ้น” นายพีระพงศ์ กล่าว พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการอีก 4 โครงการใหญ่ ได้แก่ 1. ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์ (Knightsbridge Phaholyothin-Interchange) มูลค่า 2,100 ล้านบาท 2.นอตติ้ง ฮิลล์ สกายสแครปเปอร์ @ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ (Notting Hill Skyscraper@Central Rattanathibet) มูลค่า 2,500 ล้านบาท 3.นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105) เฟส 2 มูลค่า 1,300 ล้านบาท และ 4.เคนซิงตัน สุขุมวิท- เทพารักษ์ (Kensington Sukhumvit-Theparak) มูลค่า 2,500 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการกว่า 8,400 ล้านบาท เปิดวีไอพี พรีเซลพร้อมกัน 17 มิ.ย. นี้ ปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 35 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 30,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
ออริจิ้นบุก New CBD ผุดบิ๊กโปรเจกท์คอนโด “นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์” มูลค่าโครงการ 618 ล้านบาท พร้อมรับการขยายตัวของเศรษฐกิจย่านจตุจักร

ออริจิ้นบุก New CBD ผุดบิ๊กโปรเจกท์คอนโด “นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์” มูลค่าโครงการ 618 ล้านบาท พร้อมรับการขยายตัวของเศรษฐกิจย่านจตุจักร

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ตอกย้ำผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า วางแผนเจาะพื้นที่หมอชิต จตุจักร ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพในอนาคตNew CBD ล่าสุด!!ส่งโครงการสไตล์โมเดิร์น ภายใต้   แบรนด์ “นอตติ้ง ฮิลล์” คือ โครงการ  นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์(Notting Hill Jatujak – Interchange)ราคาเริ่มต้นเพียง 2.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 618 ล้านบาทด้วยศักยภาพของทำเลใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีหมอชิต และรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีกำแพงเพชร เพื่อรองรับการขยายตัวของศูนย์กลางเขตเศรษฐกิจพร้อมเปิดตัวและให้ชมห้องตัวอย่างก่อนใคร ในวันที่ 12 พฤศจิกายน นี้ คุณพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ “ORI”เปิดเผยว่าหลังจากการเปิดตัวโครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร(Knight bridge Prime Sathorn)ได้สามารถสร้างปรากฏการณ์ One day sold out ได้อย่างสวยงาม ทำให้พิสูจน์ได้ถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ Blue Ocean Strategy ที่ ออริจิ้น ใช้ในการบุกตลาดโซนใหม่ในเมืองจนประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย จึงทำให้ล่าสุด ออริจิ้น นำกลยุทธ์นี้มาใช้ในการเข้ามาเจาะทำเลที่มีการแข่งขันสูงอย่างพหลโยธิน-จตุจักร ด้วยเช่นกันจตุจักร-พหลโยธิน  เป็นทำเลที่เริ่มมีการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียมสูงมากขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ด้วยกายภาพและศักยภาพของทำเลมีความน่าสนใจอยู่สูงมากในตัวเอง จึงทำให้ ออริจิ้น ส่งโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ใหม่ล่าสุดที่พร้อมทำตลาดย่านนี้ ซึ่งนับเป็นโครงการมาสเตอร์พีช ภายใต้แบรนด์ “นอตติ้ง ฮิลล์” คือ โครงการ  นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์(Notting Hill Jatujak– Interchange) ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 618 ล้านบาท พัฒนาเป็นโครงการ Low Rise ที่เกิดขึ้นจากมุมมองความตั้งใจที่ต้องการนำเสนอโครงการที่ตอบสนองความต้องการการอยู่อาศัย ในทำเลศักยภาพ และคุณภาพดีและมีราคาที่จับต้องได้ในกลุ่มคนเมืองวัยทำงาน โครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์(Notting Hill Jatujak – Interchange) พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่  แบบ Low Riseจำนวน 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 156  ยูนิตตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 18 เข้าซอยเพียง 100 เมตรเท่านั้น มีสถานีรถไฟฟ้าที่ห่างจากตัวโครงการประมาณ 400 เมตร อยู่ถึง 4สถานี คือ สถานี BTS หมอชิต, สถานี BTS สะพานควาย และ สถานี MRT จตุจักร, MRT กำแพงเพชร พร้อม2 จุดขึ้นลงทางด่วน ในราคาเริ่มต้นเพียง    2.9 ล้านบาท มีห้องชุดทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ คือ 1). 1 Bedroom: ขนาด 24-33 ตร.ม.  2.) 1 Bedroom Plus: ขนาด 34-34.9ตร.ม.  3.)  2 Bedroom: ขนาด 45.5-52.4ตร.ม.นอกจากนี้ยังจัดเต็มสิ่งอำนวยความสะดวกสบายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น  Lobby ,co-walking space, สระว่ายน้ำ,ห้องออกกำลังกาย และสวนลอยฟ้าด้านบน แวดล้อมไปด้วยทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ศูนย์การค้า ฯลฯ และแหล่งรวมของอาคารสำนักงานชั้นนำอาทิ ธนาคารTMB สำนักงานใหญ่, ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่, ตึก Sun Tower, ตึก Energy Complex กลุ่มปตท., ไทยรัฐทีวี ฯลฯ “ศักยภาพของทำเลย่านหมอชิต จตุจักรจะเป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่คิดจะลงทุนหรือคิดจะอยู่อาศัยในย่านนี้ จากรูปแบบผังเมืองที่เอื้อให้ขึ้นอาคารสูงและศักยภาพทำเลที่จะสูงขึ้นอย่างแน่นอนหลังจากโครงการศูนย์กลางคมนาคมขนส่งพหลโยธินแล้วเสร็จเพื่อรองรับการคมนาคมที่จะหนาแน่นจากประสิทธิภาพด้านการเดินทางมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นตัวดึงดูดเม็ดเงินลงทุนของภาคเอกชนให้เข้ามาลงทุนในบริเวณนี้ และจะเป็นแหล่งสร้างงานสร้างรายได้ให้กับผู้คนในย่านนี้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะสะท้อนออกมาในรูปของกำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต สำหรับราคาที่ดินในย่านนี้คาดกันว่าราคาอาจจะทะลุถึง 1 ล้านบาทต่อตารางวา ในอีก 4 ปีข้างหน้าหลังจากศูนย์กลางคมนาคมขนส่งพหลโยธินสร้างแล้วเสร็จ อีกทั้งยังเป็นการรองรับการขยายตัวของเมืองหลังจากที่ดินใจกลางเมืองที่มีต้นทุนสูงและความแออัดของเมืองทำให้ต้องขยายตัวออกมายังรอบนอกมากขึ้นดังนั้น เพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจการค้าการลงทุน ที่อยู่อาศัยจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกัน”คุณพีระพงศ์ กล่าวตอนท้าย ล่าสุดโครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์  เปิดให้จองรอบพรีเซลล์พร้อมชมห้องตัวอย่างก่อนใครในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2559ชั้น 1เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวนอกจากนั้นยังเตรียมจัดโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของคอนโดสไตล์โมเดิร์นในย่าน New CBD  ที่พร้อมตอบรับทุกการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวที่สุด ในทำเลศักยภาพ และคุณภาพดีและมีราคาที่จับต้องได้สอบถามรายละเอียดได้ที่ 020 300 000 หรือ www.origin.co.thิด