Tag : คอนโดใกล้รถไฟฟ้า

120 ผลลัพธ์
“Siamese Exclusive 42” ตอบโจทย์การลงทุนบนทำเลสุขุมวิทตอนกลาง : รีวิวคอนโด

“Siamese Exclusive 42” ตอบโจทย์การลงทุนบนทำเลสุขุมวิทตอนกลาง : รีวิวคอนโด

“สุขุมวิท” ทำเลที่เป็นที่หมายตาของทุกคน เป็นหนึ่งในทำเลที่ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาฯ หลายรายเลือกปักหมุดแย่งส่วนแบ่งตลาดในทำเลทองย่านนี้แทบทั้งนั้น โดยเฉพาะบริเวณสุขุมวิทตอนกลางอย่าง “ทองหล่อ-เอกมัย” ที่ยังคงเป็นทำเลยอดฮิตของเหล่าโครงการคอนโด Hi-end ตลอดกาล เนื่องจากเป็นทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวผ่าน ใกล้ด่านขึ้นลงทางด่วน เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อถนนหลายๆ สายสำคัญของกรุงเทพ เป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง รายล้อมไปด้วยร้านอาหารชั้นนำมากมาย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่สะดวกสบายแบบคนเมืองได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงเป็นที่หมายตาในลำดับต้นๆ ของทุกคน ปัจจุบันเทรนการอยู่อาศัยของคนเมือง นอกจากจะหันมาซื้อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมากขึ้นแล้ว การซื้อคอนโดเพื่อการลงทุน ทั้งปล่อยเช่า และเก็งกำไรขายต่อ ก็เป็นที่นิยมไม่น้อยเช่นกัน และไม่ใช่แค่คนกรุงเทพฯเท่านั้นที่สนใจทำเลกลางเมืองแบบนี้ กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยที่ต้องทำงานใจกลางเมือง ยังคงนิยมเลือกที่พักอาศัยในย่านสุขุมวิทแทบทั้งสิ้น ดังนั้นตลาดการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมให้ชาวต่างชาติในย่านนี้จึงคึกคักมาเป็นพิเศษ เนื่องจากที่ดินทำเลดีใกล้รถไฟฟ้าในย่านสุขุมวิทหายากขึ้นเรื่อยๆ ราคาที่ดินในย่านนี้จึงปรับตัวขึ้นอย่างน่าตกใจ มีข่าวการเสนอขายที่ดินติดถนนสุขุมวิทราคาไม่ต่ำกว่า 1.5-2 ล้านบาท/ตารางวา ให้ได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจถ้าราคาขายของคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ในย่านทองหล่อ-เอกมัย จะพุ่งขึ้นไปถึงกว่า 3 แสนบาท/ตารางเมตร ในบางโครงการและมีแนวโน้มจะขยับราคาขึ้นอีกในอนาคต ด้วยจุดเด่นของทำเล เป็นที่ต้องการสูงของตลาด และการลงทุนซื้อขายเปลี่ยนมือเป็นไปอย่างคล่องตัว ซึ่งมีการวิเคราะห์ถึงโอกาสการลงทุนคอนโดมิเนียมในย่านนี้ว่ามี Capital Gain ที่ดี โอกาสการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าก็ได้อัตราค่าเช่าสูงเช่นกัน ในขณะที่การขายต่อเปลี่ยนมือก็ทำกำไรได้ดีไม่แพ้กัน เมื่อไม่นานมานี้ มีการพูดถึงราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียม High Rise ทำเลเอกมัยว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 75% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันราคาขายต่อก็ทำราคาส่วนต่างได้น่าสนใจมากเลยทีเดียว ที่มา : Plus Property การคาดการณ์ถึงอนาคต คาดว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 2561-2563) จะมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่อีกจำนวนไม่น้อย และด้วยความที่เป็นทำเลยอดนิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ กลุ่มผู้ลงทุนคอนโดมิเนียมปล่อยเช่าจึงมุ่งเป้ามาที่โครงการในย่านนี้เสียเป็นส่วนใหญ่ ก็ด้วยเหตุผลที่สามารถทำเงินจากอัตราค่าเช่าได้ค่อนข้างสูงนั่นเอง   โครงการน่าจับจองในทำเล สุขุมวิท 42 โครงการ “Siamese Exclusive 42” เป็นหนึ่งโครงการที่น่าจับตา และน่าจับจองมากในเวลานี้ นอกจากจะเป็นคอนโดมิเนียม High Rise สไตล์ญี่ปุ่นที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในย่านนี้แล้ว ตัวโครงการก็อยู่ถัดเข้ามาในซอยสุขุมวิท 42 นิดเดียว ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเอกมัยเพียง 300 เมตรเท่านั้นค่ะ ถึงจะเป็นเป็นซอยที่มีการเดินรถทางเดียว แต่ก็เป็นซอยเลขคู่ที่เชื่อมต่อกับถนนพระราม 4 และอยู่ในฝั่งขาเข้า ทำให้การเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเมืองเป็นเรื่องง่ายดาย แผนที่โครงการ Siamese Exclusive 42 ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 42 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัยเพียง 300 เมตรเท่านั้น “The Luxury of Modern Japanese” คือ คอนเซปต์การออกแบบของโครงการ ที่ต้องการยกระดับการอยู่อาศัยไปอีกขั้น ผสานเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่น กับเส้นสายความเป็นไทย สู่สถาปัตยกรรมมที่เรียบง่าย เพื่อคุณภาพการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ ภายในโครงการจัดเต็มด้วย Facility ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ทั้งพื้นที่สีเขียวบริเวณสวนระหว่างชั้น สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องสตรีมและซาวน่า รวมถึงที่จอดรถแบบอัตโนมัติ ซึ่งทุกส่วนถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่างแท้จริง นอกจากนี้เพื่อการตอบโจทย์ของกลุ่มผู้ลงทุนปล่อยห้องเช่า ทางโครงการจึงริเริ่มแนวคิดการทำคอนโดมิเนียมที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ต้องการปล่อยเช่า โดยเริ่มใช้กับโครงการ Siamese Exclusive 42 เป็นแห่งแรก ในส่วนของพื้นที่การอยู่อาศัยจะมีการแยกล็อบบี้ และ Facility ออกจากกัน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ที่เลือกซื้อห้องชุดไว้สำหรับการอยู่อาศัยเอง ในขณะเดียวกันในส่วนที่ต้องการปล่อยห้องเช่า ก็จะเพิ่มบริการพิเศษสำหรับดูแล ต้อนรับผู้เช่าให้ได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ ห้องชุดของโครงการ Siamese Exclusive 42 ออกแบบห้องชุดมาให้เลือก 3 Type ด้วยกัน คือ ห้อง 1 Bedroom, 2 Bedroom, 3 Bedroom และ Penthouse โดยมีขนาดห้องตั้งแต่ 33.67 – 157 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นที่ 5.56 ล้านบาท หรือราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นที่ 157,149 บาท/ตารางเมตร ซึ่งขายมาให้แบบ Fully Fitted ค่ะ ถ้าเทียบกับโครงการอื่นๆ ในระแวกเดียวกัน ต้องบอกว่าโครงการ Siamese Exclusive 42 มีราคาเฉลี่ยไม่แพงเลยค่ะ (ประมาณ 165,159 บาท/ตารางเมตร) แถมยังเป็นโครงการใหม่เอี่ยมที่ออกแบบมาเอาใจกลุ่มตลาดต่างชาติได้ดี ในขณะที่โครงการอื่นๆ ที่เปิดตัวกันไปหลายปีก่อนหน้านี้ยังมีราคา Resale เฉลี่ยต่อตารางเมตรใกล้เคียงกัน หรือแม้แต่คอนโด Low Rise ในย่านเดียวกันก็ยังมีราคาขายต่อเฉลี่ยสูงถึง 177,000 บาท/ตารางเมตรเลยทีเดียว แน่นอนว่าในอนาคต ราคาที่ดิน และราคาขายคอนโดมิเนียมในย่านเอกมัยจะยังคงถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเลือกลงทุนในขณะที่ราคายังอยู่ในเรทที่จับต้องได้ แถมยังได้โครงการที่อยู่บนทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าแค่เอื้อมแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป หากคุณกำลังต้องการใช้ชีวิตท่ามกลางความสะดวกสบายบนทำเลศักยภาพ ในใจกลางเมืองเช่นนี้ ไม่ควรพลาดโครงการ Siamese Exclusive 42 ด้วยประการทั้งปวง รายละเอียดราคาและเงื่อนไขการขาย 1 Bedroom เริ่มต้น 33.67 ตารางเมตร Type 1A-1A ราคา 5.56 ล้านบาท (165,159 บาท/ตารางเมตร) ราคาต่อพื้นที่ เริ่มต้น 157,149 บาท/ตารางเมตร 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ชั้น 2 จอง 50,000 บาท ทำสัญญา 5% (ของราคาห้อง) ผ่อนดาวน์ 15% จำนวน 25 งวด โอนกรรมสิทธิ์ 80% ค่าส่วนกลาง 75 บาท / ตร.ม. / เดือน ค่ากองทุนส่วนกลาง 800 บาท / ตร.ม. ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุนส่วนกลางรายเดือน 5 บาท/ ตร.ม./เดือน โปรโมชั่น จอง 50,000 บาท ลด 10 เท่าของเงินจอง ยูนิตพิเศษเท่านั้น (ตรวจสอบตำแหน่งห้องกับฝ่ายขายโครงการ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : https://goo.gl/3KgMoj
SKYLINE รัตนาธิเบศร์ คอนโดวิวแม่น้ำพร้อมอยู่..บนทำเลศักยภาพที่เชื่อมต่อทุกการเดินทาง : รีวิวคอนโด

SKYLINE รัตนาธิเบศร์ คอนโดวิวแม่น้ำพร้อมอยู่..บนทำเลศักยภาพที่เชื่อมต่อทุกการเดินทาง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เรานั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงมาลงที่สถานีแยกนนทบุรี 1 กันค่ะ ซึ่งมองจากสถานีก็เจอคอนโดอยู่หลายโครงการเหมือนกัน ทั้งโครงการที่สร้างเสร็จนานแล้วและโครงการใหม่ที่ดูโดดเด่นสะดุดตาเชื้อเชิญให้อยากเป็นเจ้าของกับ “SKYLINE Rattanathibet (สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์)” ของ บริษัท เอเจ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด คอนโดวิวแม่น้ำทำเลดีที่สุดบนถนนรัตนาธิเบศร์ โดยมีจุดเด่นอยู่ใกล้รถไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ล่าสุดตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้ โครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ฝั่งขาออก ช่วงใกล้เชิงสะพานพระนั่งเกล้า แถมยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีแยกนนทบุรี 1) เพียง 200 เมตรเท่านั้น ซึ่งสามารถเดินทางสู่ใจกลางเมืองอย่างง่ายดาย เพราะตอนนี้ทาง MRT ได้เชื่อมสถานีเตาปูนกับบางซื่อเข้าไว้ด้วยกันแล้ว และในอนาคตจะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าของสายสีม่วงและสายสีชมพูอีกด้วย บอกได้คำเดียวว่าเดินทางสะดวกสบายไม่แพ้คอนโดฯ กลางเมืองเลยค่ะ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็จัดว่าสะดวกสบายมากทีเดียวค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่อย่างถนนรัตนาธิเบศร์ สามารถใช้วิ่งเข้าเมืองหรือออกนอกเมืองก็ได้ เริ่มจากตัวโครงการอยู่ฝั่งขาออก สามารถวิ่งตามถนนรัตนาธิเบศร์ข้ามสะพานพระนั่งเกล้า ยาวไปเชื่อมต่อกับถนนราชพฤกษ์หรือจะตรงยาวไปออกถนนกาญจนาภิเษก ไปถึงบางใหญ่และเซ็นทรัลเวสต์เกตได้ไม่ยาก หรือจะใช้ถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรีและถนนสนามบินน้ำไปออกถนนติวานนท์ไปจนถึงถนนแจ้งวัฒนะก็ใกล้นิดเดียว ส่วนการเข้าเมืองก็ไม่ยากค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนศรีรัช สามารถวิ่งมาขึ้นทางด่วนตรงถนนงามวงศ์วานเพื่อเข้าเมืองได้อย่างรวดเร็ว หรือจะใช้ออกนอกเมืองไปทางด่วนอุดรรัถยาก็ยังได้ พูดถึงถนนงามวงศ์วานเราสามารถใช้เส้นทางนี้วิ่งเชื่อมต่อไปถึงถนนประชาชื่นได้ด้วยนะคะ ซึ่งถือว่าเป็นถนนที่อุดมสมบูรณ์มาก เพราะตลอดสองข้างเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย และยังสามารถวิ่งตรงไปออกถนนวิภาวดีรังสิต หรือจะข้ามไปทางถนนเกษตร-นวมินทร์ ได้อีกด้วยค่ะ   นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแล้ว การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็สะดวกไม่ใช่น้อยเลยนะคะ เพราะนอกจากใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีแยกนนทบุรี 1 ในระยะที่เดินได้แล้ว ยังมีรถเมล์ รถตู้ประจำทาง รวมถึงรถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาอยู่ตลอด ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบโครงการก็ถือว่าครบครันทีเดียวค่ะ เพราะมีร้านค้า, ร้านอาหารรายล้อมอยู่ทั้งสองข้างทาง ตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งก็อยู่ไม่ไกลเลย ขับรถไปใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงเอสพลานาด (งามวงศ์วาน-แคราย), เมเจอร์ซินิเพล็กซ์ (นนทบุรี), เซ็นทรัลพลาซารัตนาธิเบศร์ หรือจะตรงไปทางงามวงศ์วานก็ไปถึงเดอะมอลล์งามวงศ์วาน และพันธ์ทิพย์พลาซาอย่างง่ายดายแล้วค่ะ เริ่มต้นจากการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟฟ้า MRT มาลงที่สถานีนนทบุรีแยก 1 นะคะ สำหรับทางไปคอนโดจะอยู่ที่ทางออก 2 นะคะ เมื่อมองจากสถานีก็จะเห็นคอนโดแล้วค่ะ เพราะอยู่ห่างเพียง 200 เมตรเท่านั้น ซึ่งเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ บริเวณใกล้ๆ สถานีก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารอยู่ด้วยนะคะ ถ้าใครอยู่คอนโดและใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก เดินลงมาจากสถานีซื้อข้าวกลับไปคอนโดก็เป็นเรื่องที่สะดวก จะเห็นได้ว่าข้างทางมีรถประจำทางคอยวิ่งผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอดเลยค่ะ ใครใช้รถสาธารณะเป็นหลักก็คงสะดวกไม่ใช่น้อย เดินมาอีกนิดยังไม่ทันรู้สึกเหนื่อยก็ถึงคอนโดแล้วค่ะ ซึ่งบริเวณรอบๆ คอนโดจะล้อมด้วยสวนหย่อมสีเขียวขจีให้ความรู้สึกน่าพักผ่อน ทางเข้าคอนโดจะมีไม้กั้นและป้อมยามที่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชม.   ภาพรวมโครงการ โครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ เป็นคอนโดมิเนียม High rise สูง 38 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนเนื้อที่ 3-0-44.7 ไร่ แบ่งออกเป็นห้องพักอาศัย 810 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต พร้อมที่จอดรถประมาณ 308 คัน คิดเป็น 38% ตัวอาคารถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่าย พื้นที่ภายในได้รับการออกแบบให้ทุกตารางนิ้วตอบฟังก์ชั่นและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ท่ามกลางบรรยากาศเหนือระดับ โดยทางโครงการพยายามเพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ตั้งแต่การกำหนดยูนิตต่อชั้นสูงสุดเพียง 26 ยูนิต และยังจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางแบบไม่มีกั๊กเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่ล็อบบี้ขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูงถึง 5 เมตร พร้อมจัดวางเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียมและบริการ Wi-fi ฟรี สำหรับวันสบายๆ ของลูกบ้าน ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางด้านบนชั้น 6 มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 สระ, Jacuzzi, ซาวน่าและล็อกเกอร์แยกชายหญิง, พื้นที่กิจกรรมกลางแจ้ง, ห้องสันทนาการ และ Fitness Center อีกทั้งยังมีสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่บนชั้น 39 ที่มาพร้อมวิวแบบพาโนรามา เรียกว่าตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านได้อย่างแท้จริง   นอกจากนี้ทางโครงการยังคำนึงถึงความปลอดภัยโดยเพิ่มความอุ่นใจให้กับลูกบ้านด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พร้อมกล้องวงจรปิด CCTV รอบโครงการ มีระบบ Key Card Access บัตรผ่านเข้าออกอาคาร และที่สำคัญคือเรื่องลิฟท์โดยสาร ซึ่งเป็นลิฟท์แบบล็อกชั้นและมีบริการทั้งหมด 4 ตัว นับตามสัดส่วนของจำนวนยูนิตรวมทั้งหมดแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สบายๆ ไม่หนาแน่นจนเกินไปค่ะ แปลนพื้นที่ชั้นล่างสุด แบ่งออกเป็นที่จอดรถ, ร้านค้า 3 ยูนิต และบริเวณล็อบบี้ ล็อบบี้ขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูงถึง 5 เมตร บริเวณล็อบบี้ดูโอ่อ่า กว้างขวาง เหมือนดั่งโรงแรมหรูเลยค่ะ บริเวณล็อบบี้จัดวางเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียม พร้อมให้บริการ Wi-fi ฟรี สำหรับวันสบายๆ ของลูกบ้าน บริเวณล็อบบี้จะมีส่วนของ Mail Box ด้วยนะคะ เดินถัดเข้ามาอีกหน่อยก็จะเป็นส่วนของโถงลิฟท์โดยสาร ซึ่งมีให้บริการลูกบ้านถึง 4 ตัวด้วยกัน แปลนของพื้นที่ชั้น 6 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไป แต่ความพิเศษของชั้น 6 นั้นจะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างสวนหย่อม, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, พื้นที่สันทนาการรวมอยู่ด้วย ดูแปลนกันไปแล้ว เราขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 6 กันดีกว่าค่ะ ซึ่งทางโครงการมีประตูกั้นก่อนเข้าไปยังห้องพักอาศัยอีกชั้นหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ศาลาให้ลูกบ้านนั่งพักผ่อนชมวิว ติดกับสวนสวยจะเป็นสระว่ายน้ำนะคะ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับสระเด็กและ Jacuzzi เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองแบบนี้เลยนะคะ ทางโครงการจัดวางโต๊ะเก้าอี้ไว้สำหรับรองรับลูกบ้านให้มานั่งเล่นหลากหลายมุม ในส่วนของฟิตเนสจะอยู่ชั้นสองค่ะ ซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นไป ภายในห้องฟิตเนสโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ครบครันด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายทันสมัย นอกจากฟิตเนสแล้วยังมีห้องประชุมด้วยนะคะ โถงกลางบริเวณพื้นที่ส่วนกลางที่เปรียบเสมือนพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้งของลูกบ้าน นอกจากพื้นที่ส่วนกลางชั้น 6 แล้ว เมื่อกดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้น 39 จะเป็นสวนกลางแจ้งนะคะ เมื่อเดินออกมาจากลิฟท์จะแบ่งพื้นที่ของเป็นสองฝั่งนะคะ ซึ่งก็เป็นสวนหย่อมทั้งสองฝั่งเลยค่ะ สวนกลางแจ้งที่ชวนพักผ่อนซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีศาลาให้ชมทัศนียภาพรอบๆ โครงการอีกด้วย บริเวณศาลาสามารถมองวิวเมืองได้แบบ 360 องศาเลยนะคะ วิวคอนโดฝั่งที่ติดกับแม่น้ำโดยไม่มีอะไรบดบัง   เปิดห้องตัวอย่าง โครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ มีแบบห้องมาตรฐานให้เลือก 3 แบบ คือ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 25.65 – 31.42 ตร.ม. กับ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 41.93 – 44.05 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 59.37 ตร.ม. โดยทางโครงการจะขายแบบ Fully Furnished และห้องตัวอย่างแรกที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้คือ 1 ห้องนอน ขนาด 26 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ ด้วยพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่มีการแบ่งสัดส่วนเอาไว้อย่างครบครัน ทำให้ลูกบ้านสามารถตกแต่งหรือจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้สำหรับนักลงทุนห้อง Type นี้ก็ถือว่าน่าสนใจมากเลยนะคะ เพราะขนาดเหมาะแก่การปล่อยเช่าได้ง่าย   สำหรับห้อง Type นี้แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจนเลยค่ะ โดยแยกพื้นที่ครัวและห้องน้ำไว้ฝั่งเดียวกัน และมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางระหว่างพื้นที่นั่งเล่นกับห้องนอน เปิดห้องเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยค่ะ ซึ่งมีที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่เล็กๆ สำหรับวางโต๊ะข้างได้อีกหน่อย ก่อนจะเข้าห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วนสวยงาม ภายในห้อง Built-in ตู้เสื้อผ้า และฐานเตียง ไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ   ส่วนอีกโซนของห้อง เป็นห้องน้ำและห้องครัวนะคะ ซึ่งจะอยู่ติดกันโดยพื้นที่ครัวทางโครงการก็ Built-in เคาน์เตอร์และตู้เก็บของพร้อมเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นมาให้เรียบร้อย ทั้งยังมาพร้อมกับเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันระบบหมุนเวียนอีกด้วย ขณะที่พื้นที่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ยังมีที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ขนาด 2 ที่อีกด้วย ซึ่งข้อดีของห้องนี้คือครัวอยู่ติดระเบียงนะคะ ทำให้ลดปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนระหว่างทำครัวได้ดี แปลนห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom Type A ขนาด 26 ตารางเมตร เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นก่อนเลยนะคะ ซึ่งก็ดูโปร่งโล่งเนื่องจากเพดานสูง 2.5 เมตร นับว่าเป็นความสูงกว่ามาตรฐานคอนโดทั่วไป ส่วนพื้นที่ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ก่อนจะต่อเนื่องไปยังห้องน้ำและโซนครัวแบบเปิดพร้อมระเบียงด้านในสุด พื้นที่นั่งเล่นทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2 ที่นั่งพร้อมบิลต์อินตู้เก็บของไว้นะคะ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ด้านข้างฝั่งขวาเหลือพอสำหรับวางโคมไฟตั้งพื้นได้ด้วย ฟังก์ชั่นในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ สามารถจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ โดยเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบแบบไม่อึดอัดแต่อย่างใด ภายในห้องน้ำสำเร็จรูป AIDOL QUBE แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนนะคะ ตกแต่งห้องน้ำโทนสีสว่างให้ความรู้สึกอบอุ่น สำหรับเคาน์เตอร์ครัวทางโครงการบิลต์อินกรุท็อปด้วยหินเทียมแบบในภาพเลยนะคะ โดยออกแบบให้เป็น One-Wall Kitchen ที่เหมาะแก่การประกอบอาหารมื้อง่ายๆ เบาๆ ถัดไปด้านในสุดของห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งก็กั้นด้วยประตูบานเลื่อน ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ด้วยนะคะ โดยสามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้อย่างพอดิบพอดี   สำหรับห้องตัวอย่างที่สองที่เราจะพาไปชมเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นแบบ 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 31 ตร.ม. นะคะ เป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่มากกว่าห้องแรก เพื่อให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นอีก Type ยอดฮิตที่เหมาะสำหรับคนอยู่เป็นคู่ โดยมี Layout ห้องที่เอื้อให้ผู้อยู่อาศัยมีความเป็นส่วนตัว และตอบสนองต่อทุก Lifestyle ซึ่งทางโครงการก็ได้ตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้ลูกบ้านได้เห็นไอเดียและฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้ชัดเจนมากขึ้น แปลนห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom Type B ขนาด 31 ตารางเมตร   ลักษณะของห้อง Type นี้จะถูกจัดวางแปลนไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจน มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นพื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่ระเบียงอยู่ติดด้านในสุด ทำให้สามารถเปิดรับแสงสว่างได้อย่างเต็มที่ โดยพื้นที่ในส่วนของ Living Area ก็ดูกว้างขวางสบาย ในขณะที่พื้นที่ของห้องนอนและห้องน้ำจะถูกจัดวางไว้ในโซนใกล้ๆ กัน ต้องบอกเลยว่าทางโครงการจัด Space ภายในห้องไว้ดีมาก แม้จะเป็นห้องขนาด 31 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วน โดยไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางซ้ายจะเป็นห้องครัว และทางขวาเป็นห้องนอนค่ะ ซึ่งพื้นภายในห้องจะเป็นพื้นไม้ Laminate พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ จากภาพจะเห็นได้ว่าสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ พื้นที่ตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 2 เมตรกว่าๆ ทำให้เหลือพื้นที่สามารถวางโต๊ะกลางได้ด้วย ในส่วนของคอนโซลทีวี ลูกบ้านจะได้เฟอร์นิเจอร์ตามภาพเลยนะคะ จะเว้นเพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าและของตกแต่งเท่านั้น ติดกับโซฟาจะเป็นมุมรับประทานอาหารนะคะ ซึ่งทางโครงการจะบิลต์อินเก้าอี้ชิดผนังพร้อมโต๊ะเก้าอี้มาให้แล้วด้วย พื้นที่ตรงกลางระหว่างโซฟากับมุมรับประทานอาหารจะมีปลั๊กและแผงสวิทช์ปลั๊กโทรศัพท์, อินเตอร์เน็ต มาให้แล้วนะคะ โต๊ะรับประทานอาหารขนาดกำลังดี เหมาะสำหรับ 2 คน พื้นที่ติดกันกับมุมรับประทานอาหารเป็นครัวนะคะ ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร การที่กั้นห้องครัวด้วยกระจกก็เพื่อทำให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วย โดยทางโครงการติดตั้งแอร์ของ Samsung มาให้แล้ว 2 ตัวคือตรงบริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอนค่ะ ครัวเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยมาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควันแบบระบบหมุนเวียน และเคาน์เตอร์บิลต์อิน กรุ Top ด้วยหินเทียมตามภาพ ซึ่งทางโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย เคาน์เตอร์ครัวมีลิ้นชักที่มีตัวแบ่งช่องสำหรับเก็บช้อนส้อม ส่วนชั้นล่างลิ้นชั้นนั้นจะเป็นช่องสำหรับวางไมโครเวฟค่ะ ด้านบนออกแบบให้เป็นตู้ลอยแบบบานเปิดไว้สำหรับเก็บของค่ะ การจัดวางพื้นที่ภายในห้องครัว จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนประกอบอาหาร ที่เหลือจะเป็นพื้นที่ทางเดินและใช้ยืนประกอบอาหาร ซึ่งก็กว้างประมาณหนึ่งเลยค่ะ โดยด้านหลังเป็นประตูทางออกไปที่ระเบียง ดวงไฟภายในห้องเป็นแบบ Down Light นะคะ ผนังอีกฝั่งหนึ่งลูกบ้านสามารถตกแต่งได้ตามใจเลยนะคะ จากภาพจะเห็นว่าทางโครงการได้ติดราวแขวนเอนกประสงค์ไว้เป็นตัวอย่างให้ด้วย ติดกับห้องครัวเป็นระเบียงค่ะ ซึ่งมีขนาดกว้างพอสำหรับวางเครื่องซักผ้าด้วยค่ะ ตำแหน่งพัดลมคอมเพรสเซอร์จะแขวนอยู่ด้านบนเครื่องซักผ้านะคะ ซึ่งก็ไม่เปลืองเนื้อที่แต่อย่างใด วิวเมื่อจากระเบียงลงไปจะเป็นวิวสระว่ายน้ำ ไม่มีอะไรมาบดบังสายตาเลยค่ะ กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ติดกับห้องครัวจะเป็นห้องนอนนะคะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ห้องนอนจะถูกโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นหน้าต่างบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง ทางโครงการจะให้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้แล้วนะคะ ซึ่งลูกบ้านซื้อฟูกเพิ่มก็เข้าอยู่ได้เลย จากภาพจะเห็นว่าเมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านโดยรอบได้สบายๆ เลยค่ะ พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ติดกันกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วยนะคะ ส่วนเครื่องปรับอากาศนั้นทางโครงการจะติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ติดกับห้องนอนจะเป็นห้องน้ำนะคะ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางทางโครงการได้บิลต์อินตู้เก็บของไว้ให้ด้วย ภายในห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป ไอดอล คิวบ์ นะคะ ซึ่งแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน โดยคุณสมบัติที่น่าสนใจของห้องน้ำสำเร็จรูปนั้นจะมีประสิทธิภาพในการกันน้ำรั่วซึมได้ดี เนื่องจากมีรอยต่อระหว่างส่วนต่างๆ น้อย เช่น รอยยาแนวของกระเบื้อง, รอยต่อระหว่างผนัง เป็นต้น ทำให้ลดโอกาสที่จะเกิดการรั่วซึมได้ นอกจากนี้ยังทำความสะอาดง่ายกว่าห้องน้ำทั่วไปด้วยค่ะ ส่วนแห้งจะเป็นส่วนที่เปิดประตูเข้ามาแล้วเจอก่อนเลยค่ะ ซึ่งเป็นบิลต์อินเคาน์เตอร์ล้างหน้า ติดกันนั้นเป็นโถสุขภัณฑ์สไตล์โมเดิร์นน่าใช้งาน ส่วนเปียกผนังนั้นจะเป็นพอลิเมอร์หล่อทั้งชิ้นนะคะ ซึ่งก็มีฉากกั้นเป็นกระจกบานเลื่อนมาให้เรียบร้อยแล้ว จากรูปจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนเปียกนั้นยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งเสต็ปนะคะ ซึ่งพื้นก็ถูกออกแบบให้เป็นแบบกันลื่นด้วย   มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปชมนั้นเป็นห้อง Type F แบบ 2 Bedrooms 2 Bathrooms ที่ขนาด 62 ตร.ม. นะคะ ซึ่งถือว่าเป็นห้อง Top ของทางโครงการเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะมีความพิเศษอยู่ที่จำนวนห้องใน Type นี้จะมีเพียงชั้นละ 2-3 ห้องเท่านั้น นอกจากพื้นที่ใช้สอยจะใหญ่ที่สุดแล้วการออกแบบ Layout ภายในห้องค่อนข้างลงตัวเป็นสัดส่วนเรียบร้อยดีทีเดียว ซึ่งทางโครงการจะขายห้องแบบ Fully Furnished มาพร้อมบิลต์อินเฟอร์นิเจอร์ Starmark, ห้องน้ำสำเร็จรูปจากไอดอล คิวบ์ พื้นห้องเป็นไม้ลามิเนต ผนังห้องจะเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว ไฟภายในห้องแบบดาวน์ไลท์ พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศของ Samsung ให้ในห้องนั่งเล่นและห้องนอนทั้ง 2 ห้องเลยค่ะ เปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยค่ะ Dining Area สามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่สำหรับ 4 ที่ได้เลยนะคะ พื้นที่ติดกันนั้นเป็น Living Area ซึ่งกั้นกลางด้วยฉากลายฉลุเพื่อความเป็นส่วนตัว ส่วนฝั่งตรงข้ามมุมรับประทานอาหารนั้นจะเป็นห้องครัวที่มีประตูกระจกใสบานเลื่อนแบบ 2 ตอนกั้นอยู่นะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นรูปตัวแอล (L) ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกๆ ค่ะ แถมยังมีหน้าต่างสำหรับเปิดระบายอากาศเวลาประกอบอาหารและเพิ่มความสว่างให้แก่ห้องอีกด้วย วัสดุปิดท็อปเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นหินเทียมนะคะ ข้อดีคือน้ำหนักเบา ทนทาน สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่าย พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างขวางมากทีเดียวค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดวางโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ได้สบายๆ พร้อมเหลือพื้นที่ตรงกลางสำหรับวางโต๊ะกลางได้ด้วย ซึ่งพื้นที่ตรงข้ามจะเป็นส่วนคอนโซลทีวีที่ทางโครงการบิลต์อินมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ต่อเนื่องมายังมุมนั่งเล่นอีกโซนหนึ่งที่อยู่ติดกับระเบียงทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นนั่นเองค่ะ ซึ่งจากภาพจะเห็นได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้กว้างมากพอที่จะวางเครื่องซักผ้าได้ด้วย มาในส่วนของห้องนอนใหญ่กันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง กว้างขวาง เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างดี ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการบิลต์อินโต๊ะเครื่องแป้งและฐานเตียงนอนที่มาพร้อมหัวเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ให้แล้ว โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในจะเป็นตู้เสื้อผ้า Walk-in Closet ที่อยู่ติดห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำสำเร็จรูปในห้องนอนใหญ่จะใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนๆ กับห้องตัวอย่างก่อนหน้าทั้งหมดเลยค่ะ มาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด โอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ ห้องน้ำสำเร็จรูปด้านนอก แบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมฉากกั้นประตูกระจกเทมเปอร์กราสไว้ให้เหมือนทุกยูนิตในโครงการเลยค่ะ   ห้องทุกยูนิตของโครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ จะขายแบบ Fully Furnished นะคะ มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Bulit-in ตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ครัว ของ Starmark และห้องน้ำสำเร็จรูป AIDOL QUBE (ไอดอล คิวบ์) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว รวมถึงสุขภัณฑ์ต่างๆ และเครื่องปรับอากาศของ Samsung มาให้เรียบร้อยแล้ว เราแค่ตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาหาเฟอร์นิเจอร์มากนัก และด้วยทำเลโครงการตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย ที่มีความพร้อมทั้งสาธารณูปโภคต่างๆ มีการเดินทางที่สะดวก เหมาะกับคนที่คุ้นชินกับย่านนี้ดีอยู่แล้ว รวมถึงคนที่กำลังมองหาคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้า โดยใช้รถไฟฟ้า MRT เป็นหลัก ยิ่งในตอนนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วงได้เชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินและเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้าออกเมืองได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือซื้อไว้ลงทุนก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ เพราะด้วยทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดบนถนนรัตนาธิเบศร์ในราคาที่จับต้องได้แบบนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดที่จะจับจองเป็นเจ้าของคอนโดวิวแม่น้ำแห่งนี้เลยค่ะ   สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.skyline-condominium.com หรือโทร. 02-526-1888
Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao ชีวิตใหม่..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao ชีวิตใหม่..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาทุกคนขึ้นรถไฟฟ้า MRT ไปลงที่สถานีลาดพร้าว เพื่อชมโครงการ “Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao (วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว)” คอนโดมิเนียมที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กันค่ะ ซึ่งโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดของย่านนี้ก็ว่าได้ค่ะ ทั้งยังอยู่ในช่วงต้นๆ ของลาดพร้าวด้วย และที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่จะมีรายละเอียดอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ   โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะใกล้ซอยลาดพร้าว 26 และสี่แยกรัชดา-ลาดพร้าวเลยนะคะ ตัวโครงการจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ ติดกับถนนหลักฝั่งขาออกที่มุ่งหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าว และอยู่ติดสถานี MRT ลาดพร้าวทางออกที่ 1 เลยค่ะ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าถนนลาดพร้าวเป็นเส้นที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก เพราะถนนทั้งสองฝั่งจะเต็มไปด้วย ร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านขายยา, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, คอนโดมิเนียม ตลอดจนบ้านพักอาศัย เรียกว่าเรื่องอาหารการกินและแหล่งจับจ่ายใช้สอยนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายมากค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้งเลย สถานที่ใกล้ที่สุดคือ สวนลุมไนท์บาซ่า รัชดาภิเษก และ Gourmet Market ที่เพิ่งมาเปิดในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลาดพร้าว หากใครยังช็อปไม่จุใจ ขยับไปอีกนิดก็จะมี Big C Extra + Homepro, Union Mall, CentralPlaza Ladprao หรือแม้แต่เมเจอร์รัชโยธิน, The Street รัชดา ก็สามารถไปถึงอย่างง่ายดาย   ในเรื่องของการเดินทางด้วยรถยนต์ก็ถือว่าสะดวกมากค่ะ เพราะถนนลาดพร้าวสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้หลายสาย ทั้งถนนรัชดาภิเษกที่ตัดกับถนนลาดพร้าว ตรงแยกลาดพร้าว-รัชดา สามารถวิ่งไปพระราม 9 ได้ หรือจะกลับรถไปถนนพหลโยธินก็สามารถวิ่งออกไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิต่อไปถึงสยามสแควร์ โดยถนนเส้นรัชดาภิเษกเองก็จะมีซอยลัดเล็กๆ อย่างโชคชัยร่วมมิตรที่สามารถวิ่งไปออกถนนวิภาวดี-รังสิตได้ ซึ่งการจราจรก็จะคล่องตัวกว่าค่ะ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางยกระดับอุตราภิมุข (ทางด่วนโทลล์เวย์) เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและศรีรัช ซึ่งสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก หรือจะใช้ทางลัดไปออกถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ก็สามารถไปได้ง่ายๆ จากซอยลาดพร้าว 41 และถนนโชคชัย 4 ที่ตัดเข้าถนนลาดพร้าววังหินและถนนนาคนิวาส เชื่อมกับถนนสุคนธสวัสดิ์ก็เป็นเรื่องที่สะดวกรวดเร็วค่ะ   สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวกสบายไม่ต่างจากใช้รถส่วนตัวเลยนะคะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนลาดพร้าว ทำให้บริเวณหน้าโครงการมีรถโดยสารอย่าง แท็กซี่ รถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ในขณะที่รถไฟฟ้า BTS ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการเข้าสู่ใจกลางเมืองก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเพียงนั่งรถสาธารณะไปไม่กี่ป้ายก็ถึงสถานีหมอชิตแล้วค่ะ ที่สำคัญจุดเด่นของโครงการคืออยู่ติดรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว (ทางออกที่ 1) ด้วย ซึ่งสถานีลาดพร้าวในอนาคตจะเป็นสถานี Interchange เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-พัฒนาการ) ที่จะไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเทา (ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ) บนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราที่สถานีฉลองรัชอีกที ส่วน MRT พหลโยธิน จะอยู่ห่างจากสถานีลาดพร้าวเพียงหนึ่งสถานี ซึ่งในอนาคตก็จะทำการเชื่อมกับสถานีห้าแยกลาดพร้าว ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-คูคต) อีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าในอนาคตรถไฟฟ้าทุกสายเรียบร้อยเมื่อไหร่ ตัวเลือกในการเดินทางของลูกบ้านของโครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้นค่ะ   ภาพรวมโครงการ โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว เป็นคอนโดมิเนียม High rise ระดับลักชัวรี่ สูง 27 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนเนื้อที่ 3-0-44 ไร่ ค่ะ ตัวอาคารเป็นสีน้ำตาลเข้มตกแต่งตัดกับเส้นตรงสีสว่างที่วิ่งรอบตัวตึกหันหน้าออกถนนลาดพร้าว รอบตัวอาคารโอบล้อมไปด้วยสวนหย่อมและต้นไม้สีเขียวขจีให้ความรู้สึกสวยงามน่าพักผ่อน ทั้งนี้ตัวโครงการถูกออกแบบและก่อสร้างด้วยระบบ BIM ทำให้มีความถูกต้อง มั่นคง และรวดเร็วมากขึ้นตามมาตรฐานของวิสซ์ดอม และการออกแบบแต่ละส่วนของโครงการนั้นได้นำเกณฑ์จากสถาบันอาคารเขียวไทยที่ได้รับความเชื่อถือมาประเมินคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพให้แก่ลูกบ้าน ซึ่งคุณภาพโครงการอยู่ในระดับ Gold ของเกณฑ์การประเมิน นอกจากนี้ทางโครงการยังออกแบบพื้นที่ให้ทุกคนใช้งานได้เท่าเทียมกัน เป็น Universal Design เอื้อต่อการใช้งานด้วยตัวเองในพื้นที่หลัก 3 ส่วน คือ ทางเข้า, ส่วนต้อนรับ และส่วนนันทนาการ โดยออกแบบทางลาด, บันได, พื้นกันลื่น, ปุ่มลิฟท์มีอักษรเบลล์ อีกทั้งยังออกแบบให้แต่ละยูนิตมี Space เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัยที่แท้จริง   พื้นที่ภายในตั้งแต่ชั้น 1-4 จะเป็นที่จอดรถนะคะ ซึ่งสามารถจอดรถทั้งหมด 244 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 60% โดยแบ่งพื้นที่บริเวณชั้น 1 ให้เป็นโถง Lobby ขนาดใหญ่ รวมถึงที่ทำงานของนิติบุคคล มาพร้อมลิฟท์โดยสาร 4 ตัว และลิฟท์ Service 1 ตัว ในส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ไปจนถึงชั้น 25 เลยนะคะ แต่บริเวณชั้น 5 จะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างสวนสวยและห้องสมุดรวมอยู่ด้วย ในส่วนของชั้น 26-27 จะเป็นพื้นที่ของห้อง Penthouse และ Duplex ส่วนดาดฟ้าชั้น 28 นั้นจะเป็น Facilities ส่วนกลางที่ทางโครงการใส่มาเอาใจลูกบ้านอย่างเต็มพิกัด อาทิ Sky Infinity Edged Swimming Pool, Fitness, Sky Lounge และ Sky Garden รอบสระว่ายน้ำ และแน่นอนว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็ครบครันไม่แพ้กันค่ะ ซึ่งโครงการจะมีรปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV และใช้ Key Card ในการเข้าออกค่ะ แปลนของตัวอาคารเป็นรูปตัว L นะคะ สามารถเข้าออกได้ทางเดียวคือจากถนนลาดพร้าว แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยชั้น Ground Floor จะเป็นส่วนของที่จอดรถ, Grand Lobby, ออฟฟิศนิติบุคคล, ลิฟท์โดยสารและ Mail box นะคะ เมื่อเข้าไปภายในตัวอาคารจะเจอโถง Grand Lobby ก่อนเลยค่ะ โถงต้อนรับถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่มีแนวคิดมาจากแสงไฟแห่งมหานคร ในรูปแบบ Vertical Sculpture ที่แทรกด้วยดวงไฟและกระจกเงาที่คอยสะท้อนแสงระยิบระยับอย่างสวยงาม ด้วยขนาดของพื้นที่บริเวณ Grand Lobby มีขนาดกว้างมากพอจะจัดมุมรับแขกได้หลายจุด หากลูกบ้านมีแขกมาเยี่ยมเยียนก็สามารถนั่งรอที่บริเวณล็อบบี้ได้สบาย มาในส่วนของโถงลิฟท์โดยสารกันบ้างค่ะ ซึ่งมีให้บริการลูกบ้านถึง 4 ตัว ทั้งยังดูโดดเด่นไม่เหมือนคอนโดทั่วไปด้วยการฝังเส้นไฟ LED ลงที่พื้นและผนัง ตัดกับผนังสีดำรอบๆ บริเวณโถงลิฟท์จะมีส่วนของ Mail Box ด้วยนะคะ แปลนของพื้นที่ชั้น 5 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไป แต่ความพิเศษของชั้น 5 นั้นจะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างสวนกลางแจ้ง และห้องสมุดรวมอยู่ด้วย ดูแปลนกันไปแล้ว เราขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 5 กันดีกว่าค่ะ โถงลิฟท์เป็นสีดำเรียบๆ มีประตูกั้นก่อนเข้าไปยังห้องพักอาศัยอีกชั้นหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว บรรยากาศภายในห้องสมุดค่ะ ภายในห้องดูสูงโปร่ง โอบล้อมด้วยกระจกใส บริเวณข้างห้องสมุดเป็นสวนนะคะ ข้อดีของการมีสวนอยู่ใกล้ๆ ทำให้เวลาอ่านหนังสือสามารถพักสายตามองต้นไม้สีเขียวขจีได้ ภายในห้องสมุดจัดที่นั่งไว้สำหรับรองรับลูกบ้านหลายมุมเลยค่ะ พื้นที่สวนหย่อมบริเวณชั้น 5 ซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ แปลนพื้นที่บริเวณ Rooftop ชั้น 28 นะคะ เมื่อเดินออกมาจากลิฟท์จะแบ่งพื้นที่ของเป็นสองฝั่งนะคะ โดยฝั่งซ้ายมือจะเป็นสวนล้อมรอบสระว่ายน้ำ และด้านขวาจะเป็นฟิตเนสพร้อม Sky Lounge มาที่ฝั่งซ้ายมือที่เป็นสระว่ายน้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ Sky Infinity Edged Pool ขนาด 7 x 31 เมตร โดยสระเป็นระบบเกลือนะคะ มีความลึกที่ 1.20 – 1.50 เมตรไล่ระดับลงไป บริเวณข้างสระจะเป็นสระว่ายน้ำสำหรับเด็กค่ะ เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองจากฝั่งลาดพร้าวแบบนี้เลยนะคะ พื้นที่มีปลายสระจะมี Sky Terrace สร้างสูงขึ้นไปหนึ่งชั้น ลูกบ้านสามารถขึ้นไปนั่งเล่นชมวิวได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งพื้นที่ด้านล่างยังเป็น Jacuzzi อีกด้วยค่ะ บริเวณสระจะมี Sculpture ของศาลาที่ทำให้สระนี้มีส่วนที่เป็นทั้ง Indoor & Outdoor นะคะ ซึ่งเวลากลางวันลูกบ้านกลัวแดดร้อนก็สามารถ ก็เลี่ยงหลบแสงแดดได้ บรรยากาศของสะว่ายน้ำยามค่ำคืนค่ะ ซึ่งจะมีไฟล้อมรอบสระเสมือนว่ายน้ำอยู่ใกล้ดวงดาว เดินกลับมาที่ฝั่งด้านขวาจะเป็น Fitness นะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ Sky Lounge ออกแบบให้ดูสูงโปร่งด้วยเพดานแบบ Double Volume ให้ลูกบ้านได้พักผ่อนอิ่มเอมไปกับบรรยากาศที่เหนือกว่าคอนโดใดๆ ด้วยวิวแบบพาโนรามา ซึ่งผนังโดยรอบเป็นกระจกสูงขึ้นไปเสมอฝ้าเลยค่ะ ภายในจึงสว่างและโปร่งมาก แต่ผนังทึบด้านหลังห้องและเพดานจะเป็นแบบ Fiber Optic ที่เล่นแสงสร้างบรรยากาศในช่วงกลางคืนให้ลูกบ้านรู้สึกเสมือนอยู่ใกล้ดวงดาวนั่นเองค่ะ พื้นที่รอบๆ ห้องจะเป็นสวนไม้ประดับล้อมรอบห้องเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมองวิวรอบด้านได้ถึง 270 องศา   เปิดแบบห้อง Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว มีทั้งหมด 497 ยูนิตนะคะ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันถึง 5 แบบ ตั้งแต่ Studio  ขนาด 27 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาด 27-37 ตารางเมตร, 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 47-56 ตารางเมตร, Duplex ขนาดตั้งแต่ 76-77 ตารางเมตร และ Penthouse ขนาดตั้งแต่ 105-129 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้ นั่นคือห้อง 1 Bedroom Type B1 ขนาด 30.90 ตารางเมตร และ 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตารางเมตร ค่ะ   ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งโล่งสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านอย่างแท้จริงเลยนะคะ โดยโครงการออกแบบระยะต่างๆ เพื่อการใช้งานที่สะดวกและถูกสุขลักษณะ เหมาะสมกับระยะร่างกายของทุกคน เช่น ระยะห่างรอบเตียงนอนอย่างน้อย 0.55 เมตร, ระยะรอบเตียงก้านที่มีตู้เสื้อผ้า หรือโต๊ะทำงานต้องห่างอย่างน้อย 0.70 เมตร ไม่เพียงเท่านี้ยังใส่ใจในการเลือกวัสดุทุกอย่างให้ลูกบ้านปลอดภัยต่อสุขภาพด้วยค่ะ ไม่ว่าเป็นการติดตำแหน่งไฟที่ต้องไม่อยู่ตรงกับเตียงและที่นั่ง เพื่อลดความร้อนที่ส่องศีรษะ ลดการเกิดเงาเวลาอ่านหนังสือ รวมไปจนถึงติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้อยู่ในตำแหน่งลมเย็นเป่าด้านข้างของเตียงนอนเพื่อลดโอกาสเกิดความเจ็บป่วยนั่นเอง แต่ Layout ของแต่ละห้องจะเป็นยังไง มาดูไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Type B1 ขนาด 30.90 ตารางเมตร เปิดประตู Digital Door lock เข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางซ้ายจะเป็นห้องครัว และทางขวาเป็นห้องนอนค่ะ ซึ่งภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Calvin Klein ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมด พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ จากภาพจะเห็นได้ว่าสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างได้อีกด้วย พื้นที่ตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 2 เมตรกว่าๆ ทำให้เหลือพื้นที่สามารถวางโต๊ะกลางได้ด้วย ในห้องจะได้แอร์ 2 ตัวนะคะ คือบริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอน ซึ่งตำแหน่งการติดตั้งแอร์ก็ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพของลูกบ้านแล้วด้วย โดยตำแหน่งแอร์จะต้องไม่สัมผัสหน้าผู้อยู่อาศัยโดยตรง เพื่อกันปัญหาความเจ็บป่วย มุมมองจากบริเวณโซฟา ติดกับพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นครัวนะคะ ถัดจากครัวนั้นเป็นห้องนอนและห้องน้ำค่ะ ส่วนครัวนั้นจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอนนะคะ เพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร การที่กั้นห้องครัวด้วยกระจกก็เพื่อทำให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วย ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย ชุดครัวนั้นก็จะได้ตามภาพเลยนะคะ ซึ่งประกอบไปด้วยเคาน์เตอร์พร้อมตู้เก็บของแบบมีหน้าบานเปิด-ปิด และไม่มีหน้าบาน โดยมาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน พื้นที่ด้านในสุดติดกับห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งข้อดีของระเบียงติดครัวคือช่วยระบายอากาศเวลาประกอบอาหารนั่นเอง ตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ 2 ที่นั่งได้ดั่งในภาพเลยนะคะ ระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกชนิดกันลื่นนะคะ ขนาดของระเบียงก็กว้างกำลังดีเลยนะคะ สามารถวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าได้สบาย ส่วนราวระเบียงเป็นระแนงเหล็กสีดำดูแข็งแรงทนทาน มุมมองจากระเบียงออกไป จะเป็นวิวเมืองที่ไม่มีอะไรมาบดบังสายตานะคะ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ซ่อนไว้ให้แล้ว อีกทั้งยังกรุไม้ระแนงปิดฝ้าเพดานไว้ให้เรียบร้อย กลับเข้ามาด้านในส่วนของห้องนอนกันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ห้องนอนจะถูกโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บานด้านข้าง และที่เหลือเป็นบาน Fix กรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสงทั้งหมด พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ตัวบานพับจะใช้แบบ Soft closed ค่ะ เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย ออกมาจากห้องนอน ติดกันนั้นเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน พร้อมปูกระเบื้องทั้งพื้นและผนังเป็นสีเทาเข้มและอ่อน จัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก โดยใช้สุขภัณฑ์จาก Cotto ทั้งหมด ยกเว้นเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจะเป็นของ I-SPA ค่ะ บริเวณโซนเปียก ทางโครงการจะติดฉากกั้นอาบน้ำด้วยประตูกระจกนิรภัยมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ทั้งยังเจาะช่องด้านในไว้ให้ลูกบ้านได้วางของใช้ส่วนตัวด้วย อ่างล้างหน้าบนเคาน์เตอร์จะเป็นแบบฝังนะคะ ซึ่งบริเวณผนังทางโครงการได้ทำปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบกันน้ำมาให้เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการคือการออกแบบทางเข้าห้องพักให้ลึกเข้าไป เหมือนเป็น Foyer ส่วนตัวของแต่ละห้อง ซึ่งเวลาที่เปิดประตูหรือมีแขกมาเยี่ยมเยียน ลูกบ้านห้องอื่นก็จะมองไม่เห็นนั่นเองค่ะ   ห้องตัวอย่างต่อมาที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตร.ม. จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout เลยนะคะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะมีโถงกลางขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่ครัวแบบเปิดที่เชื่อมต่อกับมุมรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นพร้อมระเบียงด้านในสุดสำหรับซักล้างหรือตากผ้า ส่วนห้องนอนจะถูกแบ่งออกไปทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา โดยห้องนอนเล็กจะใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องโถงกลาง ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วนรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดริมระเบียงก่อนเลยนะคะ ภายในห้องบริเวณโถงกลางจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมรวมระหว่างครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน ครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน เป็นแบบ One Wall-Kitchen เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกค่ะ พื้นที่ข้างเคาน์เตอร์ครัวสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ เลยนะคะ พื้นที่ติดกับครัวด้านในจะเป็นห้องน้ำและห้องนอนเล็กค่ะ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนเลยค่ะ ภายในห้องแบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตครึ่ง นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ เดินกลับมาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างกำลังดี ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ด้านไว้สำหรับวางโต๊ะข้างด้วย หรือหากลูกบ้านอยากวางโซฟาตัวยาว 3 ที่นั่งก็ยังพอไหวค่ะ เพียงแต่จะไม่สามารถวางโต๊ะข้างได้ ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ ระยะห่างของโซฟากับทีวีของห้องนี้จะห่างเกือบ 2 เมตรนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับวางทีวีขนาด 42 นิ้วขึ้นไป ทั้งนี้ประตูด้านขวาข้างคอนโซลทีวีคือห้องนอนใหญ่ค่ะ ระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ ในส่วนของคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเหมือนห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ โดยทางโครงการได้ซ่อนไว้ให้แล้ว พร้อมยังกรุไม้ระแนงปิดฝ้าเพดานให้เรียบร้อยอีกด้วย ระเบียงอีกฝั่งหนึ่งสามารถวางเครื่องซักผ้าได้นะคะ โดยทางโครงการได้เดินสายไฟพร้อมท่อน้ำไว้ให้เรียบร้อยแล้ว กลับเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนะคะ คือโซนพักผ่อน และโซน Walk-in Closet ที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ พื้นที่ปลายเตียงมีที่เหลือมากพอสำหรับวางตู้หรือติดทีวีที่ผนังได้ด้วยค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอน ซ้ายมือจะเป็น Walk-in Closet ที่อยู่ติดห้องน้ำแบบ Sexy bath ค่ะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินเหมือนกับห้องนอนเล็กเลยนะคะ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้อย่างพอดิบพอดี ประตูห้องน้ำของห้องนอนใหญ่จะเป็นแบบเลื่อนนะคะ ภายในห้องน้ำใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนๆ กับห้องน้ำด้านนอก จะต่างกันแค่ทางเข้าห้องน้ำจะตรงกับอ่างล้างหน้า และแบ่งด้านซ้ายเป็นโซนอาบน้ำ ส่วนด้านขวาจัดวางโถสุขภัณฑ์ พื้นที่อาบน้ำจะเป็นแบบ Sexy Bath ที่กรุผนังด้วยกระจกใส หากลูกบ้านอยากเพิ่มความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดม่านมู่ลี่เพิ่มเติมได้เหมือนห้องตัวอย่างเลยค่ะ   ห้องทุกยูนิตของโครง วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว จะเปิดขายแบบ Fully Fitted มาพร้อมเครื่องปรับอากาศ, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำนะคะ โดยโครงสร้างอาคาร, ประตู-หน้าต่าง จะมีการรับประกันอยู่ที่ 30 ปี และในทุกๆ ปีก็จะมีหน่วยงาน Premium Care มาคอยตรวจเช็คสุขภาพของห้องให้ด้วยค่ะ   สำหรับคนที่สนใจไม่ว่าจะเป็นการซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่า ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากนะคะ เพราะปัจจุบันค่าเช่าคอนโดในย่านนี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง แถมโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วด้วย ไม่ต้องอดทนรออีกนานกว่าจะได้อยู่จริง ใครที่กำลังมองหาคอนโดดีๆ ติดรถไฟฟ้าใต้ดินแบบนี้สักห้อง แนะนำให้แวะเข้าไปเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1265 หรือ https://mqdc.com/whizdom-ratchada-ladprao/
4 คอนโดติดรถไฟฟ้าสายสีม่วง-สีน้ำเงิน ไม่เกิน 3 ล้าน

4 คอนโดติดรถไฟฟ้าสายสีม่วง-สีน้ำเงิน ไม่เกิน 3 ล้าน

ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าเดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ๆ มากมาย เหตุผลหลักที่หลายคนเลือกอยู่คอนโดฯ ก็คงหนีไม่พ้นความสะดวกสบายโดยเฉพาะเรื่องการเดินทาง ด้วยทำเลที่ตั้งส่วนใหญ่มักอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนและรถไฟฟ้าหลากหลายสาย แต่คอนโดฯ ที่แวดล้อมด้วยความสะดวกสบายเช่นนั้นราคาก็มักจะสูงลิ่ว เห็นราคาแล้วก็ถอดใจสู้ไม่ไหวใช่ไหมคะ พวกเราทีมงาน Review Your Living เข้าใจดีค่ะ วันนี้เราจึงรวบรวมรีวิวคอนโดติดรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงิน (บางซื่อ - เตาปูน) ที่จะเชื่อมต่อกันในเดือนสิงหาคม 2560 นี้ โดยไม่ต้องต่อรถให้ยุ่งยากเสียเวลา เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจค่ะ บอกเลยว่านอกจากการเดินทางสะดวกสบายไม่แพ้คอนโดฯ กลางเมืองแล้ว ราคายังโดนใจประหยัดเงินได้อีกด้วย 1. The Politan Aqua  คอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาจากบริษัท Everland ที่ตอบรับทุกการใช้ชีวิตอย่างพิถีพิถันด้วยแนวคิดใหม่แบบ High-rise โดยมีจุดเริ่มต้นแนวคิดมาจากการสร้างสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกอาคารให้เอื้อต่อการอยู่อาศัยที่ดี ที่สำคัญคือตั้งอยู่บนทำเลคุณภาพ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติและสายน้ำ ใจกลางความสะดวกในการเดินทางเข้าออก เชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีสะพานพระนั่งเกล้า) และถนนหลักหลายสาย มีสาธารณูปโภคต่างๆ รายรอบมากมาย ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท อ่านรีวิวได้ที่ : https://goo.gl/c2Rjsq   2. Aspire Rattanatibet 2  อีกหนึ่งคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้กับ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 โครงการที่พักอาศัยคุณภาพ 25 ชั้น จาก AP ในทำเลที่ตั้งน่าสนใจ อยู่ห่างจากสถานีบางกระสอเพียง 200 เมตร ใกล้จุดขึ้น - ลงทางด่วนศรีรัช พร้อมยกระดับความปลอดภัยด้วยอาคารจอดรถเป็นสัดส่วนแยกจากอาคารที่พักอาศัย นอกจากนี้ยังตกแต่งให้บรรยากาศสไตล์รีสอร์ท ร่มรื่นด้วยสวนกลางขนาดใหญ่ ครบครันด้วย Fitness สระว่ายน้ำ ลานสันทนาการกลางแจ้ง ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.69 ล้านบาท อ่านรีวิวได้ที่ : https://goo.gl/iJ7CEs 3. Notting Hill Skyscraper Central Rattanathibet คอนโดมิเนียม High Rise ของออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ ที่จะมาเป็นแลนด์มาร์คใหม่บนถนนรัตนาธิเบศร์ ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ในรูปแบบตัวอาคารทรง Y-Shape สีเบอร์กันดี ดูโดดเด่นสะดุดตาจากการออกแบบร่วมกับ บริษัท อะตอม ดีไซน์ และยังชูจุดเด่นตั้งแต่ทำเลติดถนนใหญ่ คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีแยกนนทบุรี) เพียง 250 เมตร ที่สำคัญคือสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการจัดเต็มมาก ภายในห้องทุกยูนิตเป็นแบบ Fully Furnished มีเพดานสูงถึง 3 เมตร ออกแบบให้ดูโปร่งโล่งสบาย ในราคาเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาทค่ะ อ่านรีวิวได้ที่ : https://goo.gl/WDLXdA   4. Ideo Mobi Wong Sawang Interchange เอาใจคนไลฟ์สไตล์เก๋ๆ กับคอนโดติดรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีบางซ่อน) เพียง 10 เมตร กับโครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง อินเตอร์เซนจ์ ของ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กับคอนโดมิเนียม High Rise สูง 29 ชั้น ตัวอาคารดูโดดเด่นตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก สร้างเอกลักษณ์ให้แตกต่างจากโครงการอื่นโดยการร่นระยะเล่นระดับโซนด้านหน้าให้เป็นพื้นที่สีเขียวขจี โดยห้องทุกยูนิตขายแบบ Fully Fitted มาพร้อมชุดครัว สุขภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศ และ Digital Door Lock ในราคาเริ่มต้น 2.8 ล้านบาทค่ะ อ่านรีวิวได้ที่ : https://goo.gl/xerFX5 เป็นไงบ้างคะกับคอนโดฯ ที่เราเลือกมาแนะนำทั้งหมดนี้ รับรองว่าอยู่ในงบที่มนุษย์เงินเดือนแบบเราๆ เอื้อมถึง ลองคลิกลิงค์เข้าไปอ่านรีวิวให้ละเอียดก่อนได้นะคะ ถ้าอ่านแล้วรู้สึกชอบคอนโดติดรถไฟฟ้าโครงการไหนเป็นพิเศษ พวกเราทีมงาน Review Your Living แนะนำให้ติดต่อไปที่สำนักงานขายเพื่อขอเยี่ยมชมห้องตัวอย่างก่อนตัดสินใจซื้อนะคะ เพราะการได้เห็นทำเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อมโดยรอบจริงๆ นั้นจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นแน่นอนค่ะ เผลอๆ จะได้ถือโอกาสต่อรองขอโปรโมชั่นพิเศษหน้างานกันไปด้วยเลย :)
ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ – KnightsBridge Phaholyothin Interchange : รีวิวคอนโด

ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ – KnightsBridge Phaholyothin Interchange : รีวิวคอนโด

ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ - KnightsBridge Phaholyothin Interchange คอนโด High Rise 15 ชั้น ติดถนนพหลโยธิน ห่างสถานีวัดพระศรีมหาธาตุประมาณ 250 ม. จาก Origin Property รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    เริ่มต้น 1,890,ooo บาท ราคาต่อตารางเมตร  96,000 บาท/ตร.ม. เจ้าของโครงการ  บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด   High Rise 15 ชั้น 1 อาคาร 726 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต พื้นที่โครงการ   5 ไร่ จำนวนห้อง     726 ยูนิต ที่จอดรถ    40% ที่ตั้งโครงการ    ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร สถานที่สำคัญใกล้เคียง Tesco Lotus หลักสี่ Big C สะพานใหม่ IT Square หลักสี่ Central รามอินทรา Central แจ้งวัฒนะ ตลาดยิ่งเจริญ Venice Di Iris The JAS รามอินทรา Ease Park The Avenue Central ลาดพร้าว รร.ไทยนิยมสงเคราะห์ ม.เกริก ม.ราชภัฏพระนคร ม.นอร์ท กรุงเทพ ม.ศรีปทุม รร.ฤทธิยะวรรณาลัย ม.เกษตรศาสตร์ รพ.เซ็นทรัลเยนเนอรัล รพ.ภูมิพล สนามมวยลุมพินีใหม่ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ สนามบินดอนเมือง ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 23.3 – 34.2 ตร.ม. 1 Bedroom Plus ขนาด 33.4 – 38.8 ตร.ม. 2 Bedrooms ขนาด 48.9 – 51.2 ตร.ม. ห้อง 2 ชั้น ขนาด 23.3 – 51.2 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก Ground Floor : Business Room Co-working Space Private Lobby ร้านค้า 3 ยูนิต Rolling Hill Garden Pocket Garden Playground 4th Floor : Game Pool Laundry Coin operate vending machine Private nook Sunken lounge Bean bag zone Sun bed สระว่ายน้ำ 1 สระ รูปตัว L ความยาว 35 เมตร Curve Jacuzzi Reflecting pond Multipurpose lawn Secret Garden Semi Outdoor Terrace 5th Floor : Yoga room Fit club 15th Floor : The Excited Sky bridge Sky lounge Sky sunset party Sky rolling Garden Sky BBQ area Sky Social deck สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกหลักๆ ได้แก่ ลิฟท์โดยสาร 6 ตัว/อาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 121 :  1 Service Lift 2 ตัว ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันแล้วประมาณ 53 % ระบบ CCTV / Access Card สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 062-595-1777 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://origin.co.th/knbphaholyothininterchange/
VITTORIO – วิตโตริโอ : รีวิวคอนโด

VITTORIO – วิตโตริโอ : รีวิวคอนโด

VITTORIO’ (วิตโตริโอ) คอนโด High Rise สูง 28 ชั้น ระดับอัลตร้า-ลักซ์แห่งใหม่ ภายใต้แนวคิด ‘LIVING IN THE MASTERPIECE’ ที่สุดของที่สุดในทุกมิติ ใกล้ BTS สถานีพร้อมพงษ์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    28,000,000 - 107,000,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 350,000 บาท/ตารางเมตร เจ้าของโครงการ   บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ลักษณะคอนโด   High Rise สูง 28 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ   1 ไร่ 2 งาน 93 ตร.ว. จำนวนห้อง   88  ยูนิต ที่จอดรถ    142 คัน (161%) พร้อมที่จอดรถซูเปอร์คาร์ ที่ตั้งโครงการ    ถนนสุขุมวิท ซอยสุขุมวิท39 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สถานีพร้อมพงษ์ The Em District Emporium EmQuartier Emsphere Terminal 21 Miracle Mall Top Market Villa Market Rain Hill K Village อุทยานเบญจศิริ รร.นานาชาติอเมริกันกรุงเทพ รพ.สมิติเวช ลักษณะห้องและขนาดห้อง Palazzo VITTORIO: เพนท์เฮาส์ 3 ชั้น ขนาด 270-306 ตร.ม. จำนวน 2 ยูนิต Duplex Este: ดูเพล็กซ์แมนชั่น ขนาด 167 ตร.ม. จำนวน 6 ยูนิต VITTORIO Villa: แมนชั่นขนาด 2 ห้องนอน ขนาด 100-140 ตร.ม. จำนวน 80 ยูนิต สิ่งอำนวยความสะดวก Club Kinetic: ฟิตเนสสุดเอ็กซ์คลูซีฟของ VITTORIO ณ ชั้น 28 Arno Vitality Pool: สัมผัสประสบการณ์ธาราบำบัด 3 มิติ ใน Residence แห่งแรกและแห่งเดียวประเทศไทย ณ ชั้น 27 Salone 39: แหล่งสังสรรค์ภายในบรรยากาศหรูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ ชั้น 28 Galleria Medici: ล็อบบี้สุดหรูอันเป็นส่วนตัว รวมผลงานจิตรกรรมซึ่งประเมินมูลค่ามิได้ VITTORIO Concierge: พร้อมให้บริการระดับโรงแรม 5 ดาว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-260-9698 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.apthai.com/
วิช ซิกเนเจอร์ มิดทาวน์ สยาม – WISH SIGNATURE II MIDTOWN SIAM : รีวิวคอนโด

วิช ซิกเนเจอร์ มิดทาวน์ สยาม – WISH SIGNATURE II MIDTOWN SIAM : รีวิวคอนโด

วิช ซิกเนเจอร์ มิดทาวน์ สยาม - WISH SIGNATURE II MIDTOWN SIAM คอนโด High Rise ความสูง 40 ชั้น และดาดฟ้า ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ ห่างจากศูนย์การค้าสยามพารากอนเพียง 450 เมตร รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   6.99  ล้านบาท  (ณ เดือนเมษายน 2565) ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร  230,000 บาท/ตารางเมตร เจ้าของโครงการ   บริษัท สยามนุวัตร จำกัด ลักษณะคอนโด   High Rise ความสูง 40 ชั้น และดาดฟ้า 1 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ   1-3-76.3 ไร่ จำนวนห้อง     333 ยูนิต ที่จอดรถ    202 คัน ที่ตั้งโครงการ    ถนนเพชรบุรี ซอย 20 สถานที่สำคัญใกล้เคียง บีทีเอสราชเทวี สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ MRT สายสีส้ม สถานีประตูน้ำ (สายอนาคต) ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน 30.00 - 34.94 ตารางเมตร 2+1 ห้องนอน 46.66 - 47.34 ตารางเมตร 2+2 ห้องนอน 58.52 - 58.84 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 96.75 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lifestyle Pods 4 ชั้นบนสุดของตัวอาคาร Pool Pods (ชั้น 38) - สระว่ายน้ำ 360 องศา, อ่างจากุชชี่, สระว่ายน้ำเด็ก Body and Mind Pods (ชั้น 39) - ฟิตเนส, สนามมวย, ห้องโยคะ Chill and Work Pods (ชั้น 40) - Lounge, Co-Working Space, Mini Theater, Golf Simulator Sky Pods (ชั้น 41) - พื้นที่ปาร์ตี้บาร์บีคิว, สนามบาสเก็ตบอล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 080-001-8899, 080-001-9988 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.siamnuwat.com/โครงการ/วิชซิกเนเจอร์IIมิดทาวน์สยาม/
Ideo Q Sukhumvit 36 – ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 : รีวิวคอนโด

Ideo Q Sukhumvit 36 – ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 : รีวิวคอนโด

Ideo Q Sukhumvit 36 - ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 คอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 48 ชั้น และ 25 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 36 เดินทางสะดวก ใกล้ BTS ทองหล่อ (รีวิวคอนโด) รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    6,490,ooo บาท (Fully Fitted ราคา ณ วันเปิดตัว) เจ้าของโครงการ   บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด  High Rise 2 อาคาร สูง 48 ชั้น และ 25 ชั้น พื้นที่โครงการ   2-3-63.6 ไร่ จำนวนห้อง     449 ยูนิต ที่จอดรถ    Auto Parking คิดเป็น 60% หรือ 269 คัน ที่ตั้งโครงการ    ซอยสุขุมวิท 36 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. สถานที่สำคัญใกล้เคียง Rain Hill สวนสาธารณะเบญจสิริ Tops Market ท้องฟ้าจำลอง Major Ekkamai Gateway Ekamai J Avanue K-Village Big C เอกมัย Big C พระราม 4 Emporium Emquartier Terminal 21  โรงพยาบาล สุขุมวิท โรงพยาบาล กล้วยน้ำไท โรงพยาบาล เทพธารินทร์ โรงพยาบาล ท่าเรือ โรงพยาบาล สมิติเวช สุขุมวิท Trinity International School Wells International School โรงเรียนปทุมคงคา โรงเรียนดาราคาม มหาวิทยาลัยกรุงเทพ The American School of Bangkok ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 29.00-45.00 ตร.ม. 2 Bedrooms ขนาด 63.00-65.00 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก โถงต้อนรับ ห้องจดหมาย สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ซาวน่า + สตรีม ห้องสมุด Co-Working Space Golf Simulator สวนพักผ่อน พื้นที่สีเขียวรอบโครงการ ที่จอดรถแบบ Auto Parking  Access Card Control กล้องวงจรปิด รปภ. 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.ananda.co.th/homepage
THE TREE Charansanitwong 30 – เดอะทรี จรัญสนิทวงศ์ 30 : รีวิวคอนโด

THE TREE Charansanitwong 30 – เดอะทรี จรัญสนิทวงศ์ 30 : รีวิวคอนโด

เดอะทรี จรัญสนิทวงศ์ 30 (THE TREE Charansanitwong 30) คอนโด High Rise สูง 22 ชั้น 1 อาคาร และ Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร ทับทิมสยามแห่งจรัญสนิทวงศ์ คอนโดใหม่ระดับพรีเมี่ยมให้ความเป็นส่วนตัวสูง ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,990,000 บาท (ราคา ณ วันที่เปิดตัว มิ.ย. 60) ราคาต่อตารางเมตร   98,000 บาท/ตร.ม. เจ้าของโครงการ   บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด   High Rise สูง 22 ชั้น 1 อาคาร และ Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ   1-3-79 ไร่ จำนวนห้อง     ห้องพักอาศัย 305 ยูนิต และห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 2 ยูนิต ที่จอดรถ    43% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ซอยจรัญสนิทวงศ์ 30 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. 10700 ค่าส่วนกลาง     55 บาท/ตร.ม. ค่ากองทุนเริ่มแรก    500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน) สถานที่สำคัญใกล้เคียง ตลาดตลาดบางขุนศรี Makro จรัญสนิทวงศ์ Foodland สถานีแยกไฟฉาย สถานีบางขุนนนท์ Tesco Lotus จรัญสนิทวงศ์ สถานีตำรวจบางกอกน้อย พาต้า ปิ่นเกล้า Tesco Lotus ปิ่นเกล้า Central ปิ่นเกล้า The Sense ปิ่นเกล้า Major ปิ่นเกล้า ม.ธรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร สนามหลวง วัดพระแก้ว โรงพยาบาลศรีวิชัย โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลกรุงธนบุรี ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 23.60-31 ตารางเมตร 2 ห้องนอน  ขนาด 43.95 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก อาคาร A The prime lobby , Elegant lift & Precious mailbox ชั้น 1 Exclusive working space & Private meeting room ชั้น 3 Finest sky lounge ชั้น 22 Crystalline Sky Pool , Sky view courtyard & Leisure sky scene ชั้น Roof top Steam Room แยกชาย/หญิง ชั้น Roof top อาคาร B ชั้น 4 Hideaway garden & Garden view gym Wifi สำหรับ Main Lobby,Exclusive working space,Private meeting room, Finest sky lounge,Hideaway garden,Garden view gym,Crystalline Sky Pool Other กล้องวงจรปิด และระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง พร้อมระบบ Key Card สิทธิ์ที่จอดรถ แบบไม่ระบุตำแหน่ง 1 คัน สำหรับ 1ห้องนอน และ Shop, 2 คัน สำหรับ 2 ห้องนอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://thetreecondo.pruksa.com/pre-sale/713-charansanitwong-30#home  
A Space Me เอ สเปซ มี สุขุมวิท 77 ( คอนโดกลางทำเลสุขุมวิท เชื่อมโยงรถไฟฟ้า 3 สาย ) : รีวิวคอนโด

A Space Me เอ สเปซ มี สุขุมวิท 77 ( คอนโดกลางทำเลสุขุมวิท เชื่อมโยงรถไฟฟ้า 3 สาย ) : รีวิวคอนโด

การจะหาคอนโดมิเนียมดีๆ ซักที่พร้อม Facility ครบครันทันสมัยตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้รอบด้าน วันนี้เรามีอีกหนึ่งโครงการคุณภาพจาก Areeya Property มาให้พิจารณากันครับ โครงการ “A Space Me สุขุมวิท 77” ปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งความน่าสนใจแรกที่ทำให้ต้องหันมามองโครงการนี้ก็คือ “ทำเล” ว่าเป็นทำเลที่มีความน่าสนใจมากเลยทีเดียว ด้วยทำเลที่อยู่ใกล้กับแนวรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว โดยมีสถานีอ่อนนุชอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร พอๆ กับ Airport Rail Link สถานีหัวหมาก ก็อยู่ในระยะพอๆ กัน แถมด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่อยู่ในแผนการสร้างรถไฟฟ้าในอนาคต ก็จะเป็นรถไฟฟ้าที่มีสถานีอยู่ใกล้ที่สุด เพียง 800 เมตรเท่านั้น   แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ   อีกหนึ่งจุดขายที่ทางเจ้าของโครงการตั้งใจทำเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านของโครงการก็คือ Life Style Community Mall บริเวณหน้าทางเข้าโครงการที่มีชื่อว่า “Pickadaily” ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Community Mall เด่นของย่านนี้ ด้วยคอนเซปต์การตกแต่งในสไตล์ English Old Town เพื่อรวบรวมร้านค้า ร้านอาหาร และซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำไว้อย่างครบครัน จึงสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คุณภาพได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงกับโครงการยังแวดล้อมไปด้วย ห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Paradise Park, Seacon Square, Big C, Lotus ฯลฯ ไว้อย่างครบถ้วนอีกด้วย Community Mall สไตล์ English Old Town MaxValue พร้อมเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง แถมสาขาที่มีครัวทันใจ ที่มีอาหารกล่องทำใหม่ๆ พร้อมรับประทาน คอยบริการอยู่ด้วย TSUKIMI ร้านอาหารญี่ปุ่นราคามิตรภาพ แต่รสชาติเว่อวัง ร้านเล็กๆ แต่มีลูกค้าเข้าไม่ขาดสาย ร้านกาแฟไว้นั่งทำงานชิวๆ Space คุณภาพเพื่อชีวิตคุณภาพ สำหรับภายในโครงการ A Space Me สุขุมวิท 77 ทาง Areeya เองก็ยังรวบรวม Facility ที่น่าสนใจไว้อีกเพียบเหมือนกัน พอผ่านซุ้มประตูโครงการเข้ามา สิ่งแรกที่เด่นสะดุดตาเลยก็คือ อาคารจอดรถอัจฉริยะ Mechanical Parking ที่หาได้น้อยมากในคอนโดมิเนียม Low Rise ในแถบนอก CBD แบบนี้ ซึ่งระบบจอดรถอัจฉริยะแบบนี้ จะช่วยลูกบ้านประหยัดทั้งเวลาและน้ำมันในการวนหาที่จอด โดยระบบจะใช้เวลาในการจอดต่อคันเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น มาดูที่ตัวโครงการกันบ้างดีกว่า โครงการ A Space Me สุขุมวิท 77 เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise ทั้งหมด 3 อาคาร โดยมีสระว่ายน้ำใหญ่กั้นตรงกลางระหว่างอาคาร A, B และ C ดังนั้นยูนิตเกือบทั้งหมดของโครงการจะได้วิวสระว่ายน้ำเต็มตากันไปเลย แถมยูนิตชั้นล่างยังเพิ่มพื้นที่ระเบียงห้องให้กว้างขึ้น และสามารถใช้เป็น Pool Access เบาๆ ได้อีกด้วย พูดถึงสระว่ายน้ำทั้ง 2 สระในโครงการ เรียกได้ว่าแทบจะหาโครงการอื่นเทียบได้ยากอีกเช่นกัน เพราะทั้ง 2 สระเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ยาวตลอดแนวอาคาร (50 เมตร) แบ่งเป็นสระเด็ก และมุมจากุชชี่ให้เรียบร้อย พร้อมด้วยมุมนั่งเล่นพักผ่อนริมสระ ได้บรรยากาศแบบรีสอร์ททั้งมุม Pool Desk และ Pool Bed เลยทีเดียว สระว่ายน้ำยาว 50 เมตร บรรยากาศโดยรอบสไตล์รีสอร์ท ยูนิตที่อยู่ชั้น 1 ของอาคาร A จะได้ระเบียงติดกับสระว่ายน้ำ มีพื้นที่นั่งพักผ่อนอยู่รอบๆ สระว่ายน้ำ ในขณะเดียวกัน ห้องออกกำลังกาย หรือ Fitness ที่บริเวณอาคาร B ก็เปิดรับวิวสระว่ายน้ำได้อย่างเต็มตา ภายในห้อง Fitness พรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายครับครัน ไม่ว่าจะเป็นแบบ Cardio และ Weight Training นอกจากนี้บริเวณรอบๆ โครงการยังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้จัดเป็นพื้นที่สีเขียวกว่า 1,000 ตร.ม. ซึ่งช่วยให้ภายในโครงการร่มรื่น พร้อมด้วย Jogging Track ให้ทุกคนได้ออกกำลังกายท่ามกลางธรรมชาติทุกวัน ฟิตเนสใช้ Key Card ในการเข้า-ออก ด้านในมีเครื่องออกกำลังกายครบครัน เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยภายในโครงการ ทาง Areeya ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กันครับ ด้วยระบบรักษาความปลอดภัย พร้อมกล้อง CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง ลูกบ้านเข้าออกอาคารด้วย Key Card ทำให้อุ่นใจได้ตลอดการอยู่อาศัย Your Space มาถึงในส่วนของพื้นที่พักอาศัยกันบ้าง ทางโครงการมียูนิตรวมทั้งหมด 832 ยูนิต โดยมีแบบห้องมาตรฐานอยู่ที่ขนาด 28.5 ตร.ม. หรือ 1 Bedroom นั่นเอง ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างชัดเจน โดยใช้ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่กั้นพื้นที่ห้องนอนไว้ด้านในสุดติดระเบียง ทำให้สามารถเปิดรับแสงได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่พื้นที่บริเวณนั่งเล่นก็กว้างขวางมาก ด้วยระยะของผนังห้องที่กว้างถึง 3.7 เมตร ทำให้สามารถติดตั้งทีวี 60 นิ้ว ได้สบายๆ ต้องบอกว่าการจัด Space ภายในห้องทำไว้ได้ดีมาก ถึงแม้จะเป็นห้องขนาด 28.5 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วน หลวมๆ กำลังดี โดยที่ไม่ต้องเบียดๆ อัดๆ กันอย่างคอนโดบางแห่ง แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 28.50 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวอยู่ที่หน้าประตูก่อนเลยนะครับ เคาน์เตอร์ครัวอยู่ด้านซ้ายมือ เคาน์เตอร์ครัวโครงการ Built in มาให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ในห้องจริงจะไม่ได้แบบนี้นะครับ เคาน์เตอร์ครัวในห้องจริงจะได้แบบนี้นะครับ ห้องน้ำจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับส่วนครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard ด้านในจะเป็น Shower Box ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area ขนาดใหญ่ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างพอสมควรเลยนะครับ ด้านที่วางโซฟาสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง ติดกับโซฟาโครงการ Built in โต๊ะทานอาหารมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ฝั่งชั้นวางทีวีสามารถวางชั้นวางหรือจะ Built in ชั้นวางไปเลยก็ได้นะครับ เพราะมีพื้นที่เยอะพอสมควร ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอน มีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนกั้น ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งจะเหมาะกับขนาดห้องนอนพอดี ข้างเตียงทั้ง 2 ข้างยังมีพื้นที่เหลือช่วยให้ไม่รู้สึกอึดอัด ปลายเตียงเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ของจริงที่โครงการให้มาจะเป็นตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้นะครับ มุมมองจากเตียงออกไปที่ Living Area ระเบียงจะอยู่ต่อจากห้องนอน กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงขนาดกระทัดรัด กว้างประมาณ 40 ซม. อีกด้านโครงการเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับวางคอมเพรสเซอร์ให้เรียบร้อย อย่างที่บอกไปแล้วว่าแบบห้องมีแบบมาตรฐานแบบเดียวทั้งโครงการนะครับ แต่สำหรับห้องบริเวณชั้นล่างของทุกอาคารจะพิเศษกว่าห้องอื่นๆ หน่อยก็ตรงที่มีพื้นที่ระเบียงเพิ่มขึ้นมากกว่าในชั้นบน โดยแต่ละยูนิตชั้นล่างจะมีขนาดประมาณ 34.5-35.24 ตร.ม. โดยพื้นที่ใช้สอยภายในห้องยังเท่ากับห้องอื่นๆ นะครับ ซึ่งพื้นที่ระเบียงที่เพิ่มมานี้ จะทำให้ห้องด้านล่างได้วิวสระว่ายน้ำ หรือวิวสวนสวยๆ เต็มตาประหนึ่งว่าเป็นส่วนหนึ่งของห้องเลยทีเดียว ห้องทั้งหมดของโครงการ A Space Me สุขุมวิท 77 เปิดขายกันแบบห้องเปล่า มีเพียงชุดเคาน์เตอร์ครัว สุขภัณฑ์ ตู้เสื้อผ้า Built-in ในห้องนอน และเครื่องปรับอากาศ 1 เครื่องเท่านั้นที่ได้มาพร้อมห้องนะครับ จะว่าไปแล้ว โครงการ A Space Me สุขุมวิท 77 ของ Areeya โครงการนี้ ก็นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในย่านอ่อนนุช-ศรีนครินทร์ก็ว่าได้ โดยเฉพาะใครที่คุ้นเคยทำเลในย่านนี้ ค่อนไปทางศรีนครินทร์หน่อยก็น่าจะลองไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างไว้เพื่อพิจารณากันดูนะครับ ยิ่งในอนาคตข้างหน้าถ้ารถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีให้ใช้งาน ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางได้มากขึ้นไปอีก แต่ระหว่างรอความหวังของอนาคต รถไฟฟ้าสายสีเขียวก็สามารถพึ่งพาได้อย่างจริงจัง ทางโครงการเองก็มีบริการ​ Shutter Bus รับส่งถึงสถานีอ่อนนุชด้วย ก็พอจะช่วยอำนวยความสะดวกได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะมองในแง่ของการอยู่อาศัยเอง สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มต้นซื้อหาคอนโดของตัวเอง หรือจะจับจองไว้สำหรับลงทุน โครงการ A Space Me สุขุมวิท 77  ก็อยู่ในระดับราคาที่จับต้องได้ เอื้อมถึงได้ไม่ยาก สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม www.areeya.co.th หรือโทร. 1797
Rhythm Asoke ริทึ่ม อโศก จังหวะดีดีใกล้ MRT พระราม 9 : รีวิวคอนโด

Rhythm Asoke ริทึ่ม อโศก จังหวะดีดีใกล้ MRT พระราม 9 : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปอัพเดทข้อมูลโครงการ “Rhythm อโศก” จาก AP Thailand กันครับ ล่าสุดตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจุดเด่นของโครงการนี้ที่ต้องพูดถึงเลยก็คือ เรื่องทำเลที่ตั้งที่อยู่ติดถนนอโศก-ดินแดงฝั่งขาออก ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพียง 300 เมตรเท่านั้น ใกล้ด่านขึ้นลงทางด่วนศรีรัช พระราม9  แถมยังมีสถานี Airport Link อยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ อีกด้วย เรียกว่าครบเครื่องเรื่องการเดินทางมากๆ สำหรับคนเมืองอย่างเรา และอย่างที่รู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่า ทำเลในแถบนี้ถือเป็น New CBD ใหม่ของกรุงเทพเลยทีเดียว พื้นที่ในย่านนี้จึงมีราคาพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการใหม่ ห้องขายต่อ หรือห้องปล่อยเช่า ก็ดูจะถูกจับจองกันอย่างรวดเร็ว เพราะศักยภาพของทำเลบริเวณแยกพระราม 9 นี้ปัจจุบันมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่อย่าง G Land ซึ่งอยู่ติดๆ กับ Central พระราม 9 ไหนจะอาคารตลาดหลักทรัพย์ สำนักงาน AIA, สำนักงานใหญ่ทรู, อาคารฟอร์จูนทาวน์เวอร์ ฯลฯ แค่นี้ก็พอจะเห็นแล้วว่าจะมีจำนวนประชากรชาวออฟฟิศหลั่งไหลกันเข้ามาอย่างล้นหลามแน่นอน พอมีผู้คนต้องย้ายมาทำงานในย่านนี้มากขึ้น แน่นอนว่าการหาที่อยู่ใหม่ก็เป็นเรื่องที่ตามมาสำหรับใครหลายๆ คน คอนโดในย่านนี้กำลังแข่งกันขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่าราคาก็เริ่มทะลุเพดานจนบางโครงการก็เกินความสามารถมนุษย์เงินเดือนไปแล้วครับ แต่สำหรับ Rhythm อโศก ที่เราจะมาอัพเดทในวันนี้ ต้องบอกว่ายังมีทีเด็ดอยู่ไม่แพ้โครงการไหนเลยทีเดียว ใครที่กำลังมองหาคอนโดพร้อมอยู่ไม่ควรมองข้ามครับ Rhythm อโศก จังหวะของการอยู่อาศัย โครงการ Rhythm อโศก เป็นคอนโด High Rise สูง 37 ชั้น ซึ่งปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วนะครับ ในส่วนของการเดินทางเราขอข้ามเรื่องนี้ไปเนื่องจากทุกคนน่าจะพอคุ้นเคยกับการเดินทางในแถบนี้อยู่แล้ว แต่ถ้ายังไม่ชิน ลองไปทบทวนการเดินทางและพื้นที่รอบๆ กันได้ที่รีวิวฉบับนี้ครับ (รีวิวคอนโด Rhythm Asoke) รอบๆ โครงการมีความอุดมสมบูรณ์แบบขีดสุดครับ แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า แหล่งช๊อปปิ้ง ร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง โรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย รวมถึงเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ สมกับเป็น New CBD จริงๆ ครับ และเพื่อตอบโจทย์ของการใช้ชีวิตแบบคนเมืองที่สมบูรณ์แบบ ภายในโครงการถูกออกแบบมาให้เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย พื้นที่ส่วนกลางที่เป็นจุดเด่นของโครงการกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณชั้น 7-9 เลยทีเดียว เดี๋ยวเราไปดูภาพบรรยากาศจริงของ Facility ในโครงการกันก่อนนะครับ ชั้น 7 นอกจากจะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัยแล้ว ยังเป็นขั้นเริ่มต้นของ Facility หลักๆ ของโครงการด้วยนะครับ ชั้นนี้จะมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และห้องซาวน่า Facility ชั้น 8 จะเป็นฟิตเนส ส่วน Facility ที่ชั้น 9 จะเป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวมุมสูง เริ่มด้วยที่บริเวณชั้น 7 จะเด่นด้วยสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ ทางโครงการจัดสระว่ายน้ำขนาดกว้าง 7.5 เมตร ยาว 20 เมตร ซึ่งสามารถใช้ออกกำลังกายได้จริง ไม่ใช่แค่ลอยคอเล่นน้ำสวยๆ เท่านั้น ในขณะที่บริเวณริมสระยังมีมุมพักผ่อนในบรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สบายตา พร้อมด้วยห้องอาบน้ำ แต่งตัว และห้องซาวน่าแยกชาย-หญิงไว้เป็นสัดส่วน บรรยากาศสระว่ายน้ำที่ชั้น 7 ห้องน้ำอยู่ใกล้ๆ สระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำ ตู้ Locker เก็บของ ห้องซาวน่า มีทั้งในห้องน้ำชาย-หญิง ขึ้นบันไดมาที่ชั้น 8 เหนือสระว่ายน้ำก็จะเป็นพื้นที่ของห้องออกกำลังกาย ซึ่งล้อมรอบไปด้วยกระจกใสบานใหญ่ เปิดรับ City View และวิวสระว่ายน้ำได้อย่างเต็มตา ภายในห้องออกกำลังการเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ทั้ง Cardio และ Weight Training เพื่อให้ลูกบ้านทุกคนสามารถเลือกออกกำลังกายได้ตรงตามความต้องการ ห้องฟิตเนสบนชั้น 8 อุปกรณ์ครบครัน มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำที่ชั้น 7 ขยับมาอีกนิดที่บริเวณชั้น 9 จะเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทางโครงการจัดให้เป็นสวนหย่อม พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อน เปิดโล่งรับลม และวิวเมืองได้อย่างเต็มตาอีกเช่นกันครับ ช่วงเย็นๆ รอให้แดดร่มลมตกซักหน่อยรับรองว่าบรรยากาศบนนี้จะชิลไม่แพ้ Roof Top Area ที่อื่นๆ แน่นอน นอกจากนี้ทางโครงการยังเพิ่ม “ห้องอเนกประสงค์” ในบริเวณระหว่างชั้น 8-9 ด้วยนะครับ ห้องนี้เป็นห้องกระจก มีมุมให้เลือกนั่งทั้งเคาน์เตอร์ริมกระจก และโซฟาด้านใน เหมาะที่จะใช้นั่งเล่น อ่านหนังสือ หรือนั่งทำงานเงียบๆ มากครับ ห้องอเนกประสงค์ พื้นที่สีเขียว บนชั้น 9 ไว้สำหรับนั่งพักผ่อน ชมวิวมุมสูง มองออกไปเห็นโครงการ Rhythm Asoke 2 อยู่ฝั่งตรงข้าม นอกจาก Facility หลักๆ ในบริเวณชั้น 7-9 แล้ว ที่บริเวณชั้น 1 ก็ยังมีสวนด้านหน้าติดกับ Lobby พร้อมสถาปัตยกรรมสวยๆ ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้บริเวณ Lobby รื่นรมมากขึ้นครับ เช่นเดียวกันกับบริเวณดาดฟ้าชั้น 37 ก็จัดเป็นสวนลอยฟ้า มีทั้ง Jogging Track และเครื่องเล่นแบบ Outdoor มาให้ด้วย ส่วนเรื่องพื้นที่จอดรถก็มีตั้งแต่ชั้นใต้ดิน (ชั้น B) ขึ้นไปถึงชั้น 6 นับจำนวนรวมแล้วก็สามารถรองรับปริมาณรถได้มากถึง 178 คันเลยทีเดียว และแน่นอนกว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็ครบครันไม่แพ้กันทั้ง รปภ. ตลอด 24 ชั่วโมง กล้อง CCTV และการใช้ Key Card ในการเข้าออกโครงการ..... อยากเข้าอยู่แล้วใช่มั้ยครับ สวนหย่อมเล็กๆ หน้าโครงการ บรรยากาศบริเวณ Lobby 2 ห้องนอน ห้องนี้อยู่สบาย ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูกันในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 41.50 ตร.ม. ซึ่งเป็นขนาดที่อยากจะแนะนำ เนื่องจากมีความเหมาะสมกับการอยู่อาศัย และมีพื้นที่ใช้สอยที่จัดสรรได้อย่างลงตัวครับ พื้นที่ในห้องแบ่งเป็น 2 ห้องนอนขนาดใหญ่พอๆ กัน ทั้ง 2 ห้องสามารถวางเตียงไซส์ 5-6 ฟุต ได้ทั้งคู่ ไม่เหมือนกับบางแห่งที่ห้องนอนเล็กจะเลือกใช้ได้แค่เตียง 3.5 ฟุตเท่านั้น จาก Layout จะเห็นว่ามีห้องน้ำกั้นกลางระหว่างห้องนอน โดยห้องนอนหลักจะมีประตูเข้าห้องน้ำได้จากด้านในห้องนอนเลย ต่างจากห้องนอนเล็กที่ต้องเดินมาเข้าจากบริเวณห้องนั่งเล่นนะครับ ในส่วนของ Living Area มีขนาดกว้างพอที่จะจัดสรรให้เป็นมุมนั่งเล่น วางโต๊ะกินข้าว ไว้ใกล้ๆ กับ Pantry ครัวได้เลยนะครับ เนื่องจากห้อง 2 Bedroom นี้จะเป็นห้องในตำแหน่งมุมอาคาร ดังนั้นห้องทุกห้องจะได้แสงธรรมชาติส่องถึงอย่างเต็มที่ จึงเหมาะกับการอยู่อาศัยในหลายรูปแบบ ลองดูได้จากการตกแต่งห้องตัวอย่างที่ทางโครงการเลือกจัดห้องให้ดูว่า พื้นที่แบบ 2 ห้องนอนนี้เราสามารถเลือกให้ห้องนอนที่ 2 เป็นได้ทั้ง ห้องแต่งตัว ห้องทำงาน หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ได้ใน Space ที่ลงตัวพอดิบพอดีทีเดียวครับ เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเป็นส่วนครัววางอยู่หน้าห้องก่อนนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Starmark ท็อปครัวจะเป็นหินสังเคราะห์สีดำ ซิงค์ล้างจานแบบหลุม เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Franke มาพร้อมกันฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านล่างเป็นช่องวางไมโครเวฟและเครื่องซักผ้า ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องนอนเล็ก แบบแรกเราจะให้ดูห้องที่ตกแต่งเป็นห้องนอน โครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุต ให้ดูเป็นตัวอย่าง ปลายเตียงยังมีที่เหลือพอให้เดินได้สะดวก ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอนด้วย อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังเหมือนห้องตัวอย่างแทนนะครับ หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่ มีบานกระทุ้ง 1 บาน ที่เหลือเป็นาบน Fix มองกลับมาด้านหน้าห้องจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า ส่วนห้องอีกแบบเราจะพาไปดูการตกแต่งเป็นห้องแต่งตัวพร้อมกับเป็นห้องทำงานไปด้วยในตัว ห้องนี้อาจจะเหมาะกับคู่หนุ่มสาว ที่อยู่กับ 2 คน แล้วต้องการ Space ในการใช้ชีวิตเพิ่ม ตั้งโต๊ะทำงานไว้ริมหน้าต่าง ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area โครงการวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน คั่นกลางระหว่างส่วนครัวและ Living Area พื้นที่บริเวณ Living Area กว้างขวางพอสมควรนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาอยู่ในระยะที่ดีเลย โครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งให้ดูเป็นตัวอย่าง เนื่องจากติดโต๊ะทานอาหารที่อยู่ข้างๆ หรืออีกหนึ่งไอเดียจะตกแต่งส่วน Living Area เป็นโซฟา Built-in ยาวไปจนติดกับส่วนครัว การตกแต่งแบบห้องนี้จะช่วยพิ่มพื้นที่ Living Area ขึ้นเยอะเลยนะครับ โดยสามารถใช้พื้นที่ Living Area และ Dining Area รวมกันได้เลย วางโต๊ะทานอาหารเล็กๆ ไว้ข้างๆ ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นทที่ระเบียงกว้างประมาณ 60 เซ็นติเมตร คอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนไว้ที่ระเบียงหันหน้าเป่าลมร้อนออกด้านนอก กลับเข้ามาดูที่ด้านในกันต่อกับ 2 ห้องที่เหลือ คือห้องน้ำและห้องนอนใหญ่ ห้องน้ำจะอยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะครับ ที่เราเห็นอยู่นี้จะเป็นส่วนแรก จะมีโถสุขภัณฑ์ วางอยู่คู่กับอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ขนาดพอดีกับการล้างมือ พร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว ระหว่าง 2 ส่วนจะมีประตูบานเลื่อนสีขาวกั้น ส่วนที่ 2 จะเป็น Shower Box ประตูสีน้ำตาลที่เห็นด้านขวามือ จะเป็นประตูเชื่อมกับห้องนอนใหญ่ จะมีอ่างล้างหน้าทรงกลมให้อีกจุด ซึ่งขนาดจะใหญ่กว่าในส่วนแรก กระจกเงาก็จะได้บานใหญ่กว่าเหมือนกันนะครับ Shower Box จะได้ขนาดใหญ่พอสมควรนะครับ มีกระจกเทมเปอร์กั้นให้เรียบร้อย ชุดฝักบัวมาพร้อม Rain Shower ถัดมาเป็นห้องนอนใหญ่ โครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง พื้นที่ปลายเตียงเหลือเยอะพอให้วางชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้าเล็กๆ ได้เลยนะครับ อีกด้านจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ เปิดห้องตัวอย่างในบรรยากาศจริงของโครงการ “Rhythm อโศก” กันไปแล้ว หลายคนอาจจะนึกสนใจขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือปล่อยเช่าก็ดี ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากนะครับ เพราะปัจจุบันค่าเช่าคอนโดในย่านนี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง เช่นเดียวกันกับราคาขายคอนโดใหม่ก็มีราคาสูงเกินพนักงานออฟฟิศแบบเราจะเอื้อมถึงไปหลายเท่าแล้ว แถมโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วด้วย ไม่ต้องอดทนรออีกนานกว่าจะได้อยู่จริง ใครที่กำลังมองหาคอนโดดีๆ ซักห้องใกล้แยกพระราม 9 แบบนี้ เราแนะนำให้ลองเข้ามาเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยครับ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม www.apthai.com/คอนโด/rhythm/rhythm-asoke/ โทร 1623 / 0-2261-2518
Aspire งามวงศ์วาน…เรียบหรูอย่างมีสไตล์ บนทำเลที่ถือว่าดีที่สุดบนถนนงามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

Aspire งามวงศ์วาน…เรียบหรูอย่างมีสไตล์ บนทำเลที่ถือว่าดีที่สุดบนถนนงามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมคอนโดมิเนียมแบรนด์ “Aspire” อีกหนึ่งโครงการจาก AP ที่ยึดทำเลแยกพงษ์เพชรสร้างคอนโดมิเนียม High Rise ตึกคู่ พร้อม Facility จัดเต็ม หรูหรามีสไตล์ ในราคาโปรโมชั่นสุดคุ้มด้วยราคาเพียง 1.59 ล้านบาท* แต่ต้องบอกก่อนว่ามีจำนวนจำกัดนะครับ ใครสนใจทำเลที่มีศักยภาพคุ้มค่ากับการลงทุนแบบนี้ แนะนำว่าต้องรีบๆ กันหน่อย   โครงการ Aspire งามวงศ์วาน ปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว ภาพที่เก็บมาฝากในคราวนี้จึงเป็นภาพในบรรยากาศจริงทั้งหมด รวมถึงห้องตัวอย่างก็เป็นห้องจริงบนตึกที่ทางโครงการจัดตกแต่งไว้ให้ชมครับ ที่ตั้งของโครงการ Aspire งามวงศ์วาน อยู่ติดถนนใหญ่เลยนะครับ ห่างจากแยกพงษ์เพชรมาทางฝั่งขาไปถนนวิภาวดีฯ นิดเดียวเอง การเดินทางสะดวกมาก เพราะเลือกใช้ได้หลายเส้นทาง สะดวกทั้งเข้าเมือง และ ออกนอกเมือง ถึงแม้จะไม่มีรถไฟฟ้าผ่านหน้าโครงการก็ตาม ซอยใกล้ๆ โครงการคือ ซอยชินเขต 1 สามารถใช้เป็นเส้นทางลัดไปออกถนนวิภาวดี และถนนประชาชื่นได้ แถมถนนรอบๆ ยังเชื่อมต่อไปยังถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรัตนาธิเบศร์ แยกประชานุกูลได้อีกด้วย  จึงจัดได้ว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการเดินทางมากเลยทีเดียว ส่วนในอนาคตทำเลนี้ก็ยังรองรับรถไฟฟ้า ซึ่งตัวโครงการจะอยู่ระหว่างสถานีบางเขน (สายสีแดง) กับสถานีศูนย์ราชการนนทบุร (สายสีม่วง)  นอกจากนี้รอบๆ โครงการยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, เทสโก้โลตัส, โฮมโปร, ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า, เมเจอร์รัชโยธิน, โรงพยาบาลนนทเวช, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ศูนย์ราชการ, SCG, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมไปถึงด่านขึ้นลงทางด่วนก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลครับ เพียง 3.9 กิโลเมตรเท่านั้น ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็จัดว่าสะดวกมากๆ เราซูมมาดูใกล้ๆ จะเห็นว่าโครงการจะตั้งอยู่ริมถนนงามวงศ์วานเลยจากแยกพงษ์เพชรมาประมาณ 400 เมตร ก่อนถึงซอยชินเขต 1 ซึ่งจะเป็นช่วงเชิงสะพานข้ามแยกพงษ์เพชรพอดี เพราะฉะนั้นถ้ามาจากทางแยกแครายก็ไม่ต้องขึ้นสะพานข้ามแยกพงษ์เพชรนะครับ เพราะจะเลยทางเข้าโครงการ บริเวณใกล้ๆ โครงการ Aspire งามวงศ์วาน แวดล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารมากมายเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่ร้านสะดวกซื้อ และตลาดพงษ์เพชร ซึ่งต่างก็อยู่ในระยะที่สามารถเดินได้สบายๆ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นเขตชุมชนนะครับ บรรยากาศจึงคึกคักหน่อย รถราขวักไขว่ มีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย พี่วินมอเตอร์ไซค์ก็อยู่ใกล้ๆ แท็กซี่ก็มากมาย การที่ไม่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านจึงไม่รู้สึกเป็นปัญหาเท่าไหร่ ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็แค่นั่งรถเลยไปขึ้นที่บางซื่อ หรือไปใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วงเลยก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร โดดเด่นด้วย Facility แบบจัดเต็มจนคุณคาดไม่ถึง Aspire งามวงศ์วาน เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 28 ชั้น จำนวน 2 อาคาร โดยมี Lobby อยู่ตรงกลาง ส่วนอาคารจอดรถ 9 ชั้น แยกออกมาทางด้านหลัง และจัดพื้นที่บริเวณชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถเป็นพื้นที่ส่วนกลาง รวม Facility หลักไว้ทั้งหมด ซึ่งลูกบ้านจะต้องเดินมาใช้ร่วมกันที่บริเวณนี้ ชั้น 1 จะเป็น Lobby ที่อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร และมีร้านค้าจำนวน 6 ร้าน อยู่ที่ตึก South ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 2 เลยนะครับ ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจนถึงชั้น 28 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมดเลยนะครับ มีชั้นละ 27 ยูนิต Facility หลักๆ ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ต้องบอกว่าเต็มที่มากๆ ครับ เช่น สระว่ายน้ำขนาด 25x7 เมตร, ห้องออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์ครบครัน, ห้องอาบน้ำ, ล็อคเกอร์, ห้องอบไอน้ำ, ซาวน่า ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางที่บริเวณชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถนั้นค่อนข้างให้ความเป็นส่วนตัวดีทีเดียวครับ เนื่องจากรอบๆ โครงการไม่มีตึกสูงอยู่ใกล้ๆ เลย (นอกจากตึกของโครงการเอง) วิวบนดาดฟ้าจึงเปิดโล่งเต็มตา ลมพัดเย็นสบายมากเลยทีเดียว ที่จอดรถในอาคารจอดรถสูง 9 ชั้น บนดาดฟ้าของอาคารจอดรถจะเป็น Facility หลักของโครงการ สระว่ายน้ำขนาด 25x7 เมตร ใกล้ๆ กับสระว่ายน้ำจะมีสวนสีเขียว ไว้สำหรับนั่งพักผ่อน ฟิตอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ ถัดมาเป็นห้องน้ำ พร้อมตู้ล็อกเกอร์ และห้อง Steam & Sauna ห้องนั่งเล่นอยู่ติดกับฟิตเนส นอกจาก Facility บนดาดฟ้าอาคารจอดรถแล้ว ทางโครงการยังเพิ่มเติมพื้นที่สีเขียวไว้รอบโครงการ โดยมีพื้นที่รวมกว่า 5 ไร่เลยทีเดียว ทั้งสวนหย่อมบริเวณด้านหน้าโครงการ และด้านหลังโครงการ ซึ่งต่างก็มีมุมร่มๆ ใต้ต้นไม่ให้นั่งเล่นพักผ่อนมากมาย และที่พิเศษกว่าโครงการอื่นๆ คือ ทาง AP จัดสนามสตรีทบาสเกตบอลไว้บริเวณสวนด้านหน้าโครงการ ในขณะเดียวกันพื้นที่บริเวณชั้นล่างของอาคารพักอาศัย ยังจัดแบ่งให้เป็นพื้นที่ร้านค้า และพื้นที่บริการด้วย หน้าทางเข้าโครงการ มีพื้นที่สีเขียวระหว่างทางเดินเข้าโครงการ ให้นั่งพัก หรือนั่งรอเพื่อนด้านหน้าโครงการ สนามสตรีทบาสเก็ตบอล สำหรับลูกบ้านที่ชอบเล่นกีฬา ให้ได้ยืดเส้นยืดสาย อยู่หน้าโครงการเช่นกัน เปิดห้องเพื่อการใช้ชีวิตที่หรูหราอย่างมีสไตล์ ในส่วนของที่พักอาศัยนั้น จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 28 สำหรับโครงการ Aspire งามวงศ์วาน มียูนิตรวมทั้งหมด 1,458 ยูนิต ซึ่งโครงการนี้มีห้องชุดขนาด 28 ตร.ม. ให้เลือกเพียงขนาดเดียวนะครับ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom มีให้เลือกด้วยกัน 2 Type เปิดห้องตัวอย่างแบบแรกกันด้วยห้อง Type A เปิดห้องมาก็จะเจอกับส่วนของ Living Area ก่อน โดยมี Pantry ครัว เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นติดกับระเบียง พื้นที่บริเวณนี้จะเปิดโล่งเชื่อมถึงกัน ทำให้เราสามารถจัดสรรพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ ส่วนพื้นที่ของห้องนอน กั้นด้วยประตูกระจกบานใส มีห้องน้ำในตัว ซึ่งประตูกระจกบานใหญ่ของห้องนอนสามารถเปิดออกให้เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นได้เลย ห้อง Type นี้จะได้เปรียบเรื่องการเปิดรับแสงธรรมชาติและวิวนอกอาคาร ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดเจนทั้งจากห้องนั่งเล่น และห้องนอนผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ แต่ในขณะเดียวกัน ห้อง Type นี้อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบทำครัว เนื่องจาก Pantry ครัวเป็นแบบเปิด เหมาะกับการเตรียม อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเป็นส่วน Dining Area ก่อนนะครับ บริเวณนี้จะมีแอร์ให้ 1 ตัว และในห้องนอนอีก 1 ตัว ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว เคาน์เตอร์ครัวพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka พร้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของและช่องวางไมโครเวฟ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นโต๊ะทานอาหาร ซึ่งจะวางอยู่ติดกับโซฟาในพื้นที่ Living Area ถัดจาก Dining Area เข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง ฝั่งที่วางโซฟาโครงการวางโซฟา 2 ที่นั่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ส่วนด้านชั้นวางทีวีจะอยู่ติดกับห้องนอน ซึ่งจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน จึงอาจจะไม่สามารถ Built-in ชั้นวางทีวีได้นะครับ ระเบียงห้องจะอยู่ติดกับส่วน Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงได้เลยครับ คอมเพรสเซอร์แอร์จะถูกแขวนไว้ด้านบน หันหน้าออกนอกระเบียง มาถึงห้องนอน พื้นที่กว้างขวางพอสมควรนะครับ โครงการวางเตียง 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง วางเตียงลงไปแล้วยังพอมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือให้วางโต๊ะข้างเตียงหรือโคมไฟได้อีกด้วยนะครับ ด้านปลายเตียงมีพื้นที่เหลือให้เดินได้สะดวก หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เลยนะครับ มีบานกระทุ้ง 1 บาน ที่เหลือเป็นบาน Fix ห้องน้ำจะอยู่อีกด้านของห้องนอน จุดวางตู้เสื้อผ้าจะอยู่ที่หน้าห้องน้ำ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมกับกระจกเงาบานยาว โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ติดๆ กัน ฝั่งตรงข้ามจะเป็น Shower Box มีฉากกั้นให้เรียบร้อย เป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ใน Shower Box ชุดฝักบัวและที่วางของใน Shower Box ส่วนห้อง Type B จะมีการจัดวาง Layout ห้องที่เป็นสัดส่วนมากขึ้นมาอีกหน่อย พอเปิดประตูห้องมาแล้วก็จะเจอกับ Living Area บริเวณพื้นที่นั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปจึงเป็นห้องนอน ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานใหญ่ ในขณะที่ห้องน้ำและ Pantry ครัว จะไปรวมกันอยู่อีกด้านที่ติดกับระเบียง ห้อง Type B นี้จะค่อนข้างได้เปรียบเรื่องสัดส่วนของพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่ชัดเจนกว่า คนที่ชอบเข้าครัวทำกับข้าวก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นรบกวน เนื่องจากสามารถเปิดประตูตรงระเบียงช่วยระบายอากาศได้ดี สำหรับห้องนี้มี Detail เพิ่มเติมเล็กๆ บริเวณมุมห้องนอน ที่ทางโครงการเลือกติดกระจกเข้ามุมมาให้แทนที่จะใช้ผนังทึบทั้งหมด ห้องนอนจึงดูโปร่งสบายตามากขึ้นอีกนิดครับ ห้องนี้เข้ามาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนนะครับ โครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาใหเดูเป็นตัวอย่าง ขนาดจะเข้ากับพื้นที่ได้พอดี ด้านชั้นวางทีวีสามารถวางชั้นวางหรือจะ Built-in ก็ได้เช่นกันครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ถัดจาก Living Area เข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อน 2 ตอน ภายในห้องนอนโครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง วางเตียงลงไปแล้วยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงให้วางโต๊ะข้างเตียงหรือโคมไฟได้อีก หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เลยนะครับ ช่วยให้แสงเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ด้านปลายเตียงโครงการวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะวางของเล็กตกแต่งให้ดู จากห้องนอนเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนครัว จะสังเกตว่าผนังห้องนอนด้านที่ติดกับส่วนครัว โครงการจะทำเป็นกระจกเข้ามุมไว้ ซึ่งช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้น เคาเตอร์ครัวจะคล้ายๆ กับของห้อง Type A แต่อาจจะยาวกว่านิดหน่อย เนื่องจาก Layout ห้องที่ต่างกัน ซิงค์ล้างจานแบบหลุม พร้อมที่พัก ใกล้ๆ กันเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka มาพร้อมกับฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านบนจะเป็นตู้เก็บลอยเก็บของ ด้านล่างเป็นตู้เก็บของและช่องวางไมโครเวฟ จุดวางตู้เย็นจะอยู่ด้านใน ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นจุดวางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ระเบียงจะอยู่ต่อจากส่วนครัว พื้นที่ระเบียงจะกว้างประมาณ 1 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงได้ครับ ด้านบนจะเป็นจุดแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ทั้ง 2 ตัว หันหน้าออกนอกระเบียง กลับเข้ามาด้านในเรามาดูห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ กับส่วนครัว การจัดวาง Layout ในห้องน้ำจะเหมือนกับ Type A เลยนะครับ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ American Standard มาพร้อมกับกระจกเงาบานยาว ข้างๆ จะเป็นโถสุขภัณฑ์ ฝั่งตรงข้ามจะเป็น Shower Box มีฉากกั้นเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ใน Shower Box ชุดฝักบัวและที่วางของใน Shower Box โครงการ Aspire งามวงศ์วาน นี้จัดว่าเหมาะมากสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่ในย่านนี้ โดยที่ไม่ค่อยสนใจหรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถไฟฟ้ามากนัก เนื่องจากการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็ถือว่ายังสะดวกดี แถมในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย โครงการนี้จัดขนาดห้องมาที่ไซส์เดียว วัสดุ อุปกรณ์ สุขภัณฑ์ต่างๆ จัดมาได้ดีตามมาตรฐาน ราคาห้องจับต้องได้ง่ายเลยทีเดียว ยิ่งมีโปรโมชั่นแรงๆ จัดมาในราคา 1.59 ล้านบาท* แบบนี้ น่าซื้อลงทุนเป็นที่สุด ไม่ว่าจะจับจองไว้อยู่อาศัยเอง หรือจะปล่อยเช่าก็น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจดีทีเดียว แถมทำเลในย่านนี้ยังอยู่ในแหล่งชุมชน และใกล้กับแหล่งงานทั้งหน่วยงานราชการและเอกชน ใครที่กำลังสนใจคอนโดน่าอยู่ในย่านนี้ อยากหาบ้านหลังแรก เพื่อการขยายครอบครัว Aspire งามวงศ์วาน น่าจะเป็นอีกตัวเลือกที่คุ้มค่า คุ้มราคาเลยทีเดียวครับ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://goo.gl/GwjzJD *ราคา 1.59 ล้านบาท เป็นราคาพิเศษตามโปรโมชั่น มีจำนวนห้องจำกัด
Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 : รีวิวคอนโด

Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปดูคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ริมถนนรัตนาธิเบศร์ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง อีกหนึ่งโครงการคุณภาพจาก AP ซึ่งโครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 ที่เราจะพาไปเยี่ยมชมในครั้งนี้ เพิ่งจะสร้างเสร็จไปเมื่อต้นปี 59 นี้เอง ตัวโครงการอยู่ในตำแหน่งที่น่าสนใจมากครับ เพราะห่างจากสถานีบางกระสอเพียง 250 เมตรเท่านั้น การเดินทางสะดวกมาก ใกล้แยกแครายที่เชื่อมต่อกับถนนติวานนท์ และมีด่านขึ้นลงทางด่วนอยู่ใกล้ๆ ด้วย   Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ตึกคู่ สูง 25 ชั้น ทางเข้าโครงการอยู่ติดริมถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออก พอเลยจากแยกแครายมาประมาณ 1.4 กม. ก็จะเห็นทางเข้าได้อย่างชัดเจน หาไม่ยากเลยครับ ใกล้ๆ กับโครงการมีทั้งศูนย์ราชการนนทบุรี ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่าง เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์, บิ๊กซี, โลตัส, เอสพลานาดรัตนาธิเบศร์ ในขณะที่เลยไปอีกหน่อย ก็ยังมีห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน และเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งสำคัญของย่านนี้เลยทีเดียว   เจาะลึกโครงการ สำหรับตัวโครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 จะมีพื้นที่ทั้งหมด 9 ไร่เศษ ซึ่งอัดแน่นไปด้วย Facility ที่ทางโครงการจัดมาแบบเต็มที่ โดย Facility หลักๆ จะอยู่บริเวณชั้นล่างระหว่างอาคารพักอาศัยทั้ง 2 ตึก มีทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ความยาว 25 เมตร, ห้องฟิตเนส, ห้องซาวน่า, ลานกิจกรรมกลางแจ้ง, สนามเด็กเล่น, สวนขนาดใหญ่, ล็อบบี้เปิดรับวิวแบบ 360 องศา, Bike Lane และ Jogging Track รอบโครงการ ในขณะที่พื้นที่จอดรถจะแยกส่วนออกมาเป็นอีกหนึ่งอาคาร สามารถรองรับปริมาณรถได้มากถึง 45% เลยทีเดียว Jogging Track สำหรับวิ่งออกกำลังกายรอบโครงการ Bike Lane อยู่คนละฝั่งถนนกับ Jogging Track Main Lobby จะอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ใกล้ๆ กับ Lobby จะมีสนามเด็กเล่น พร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่จะอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ฟิตเนสจะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำเลยนะครับ จากฟิตเนสมองออกมาเห็นสระว่ายน้ำ ใกล้ๆ กันก็จะมีห้องน้ำ พร้อมห้องซาวน่าและตู้ล็อกเกอร์ แยกชาย-หญิง ข้อดีอย่างหนึ่งของการที่มี Facility อยู่ตรงกลางระหว่างอาคารพักอาศัยคือ ลูกบ้านทุกคนสามารถลงมาใช้บริการได้สะดวกเท่าเทียมกัน แถมโครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 นี้ยังเป็นอาคารสูงถึง 25 ชั้น จึงช่วยบังแดดได้เป็นอย่างดีเกือบตลอดทั้งวัน บริเวณสระว่ายน้ำจึงร่มรื่น สามารถลงเล่นน้ำได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องกลัวแดดร้อนกันเลย ในส่วนของที่พักอาศัยนั้นจะเริ่มกันตั้งแต่บริเวณชั้น 1 ของแต่ละอาคารเลยนะครับ แต่มีจำนวนห้องไม่มากนักในบริเวณชั้นล่าง ซึ่งห้องส่วนใหญ่จะหันหน้าเข้าหาส่วนกลาง เปิดรับวิวสระว่ายน้ำ และสวนสวยๆ แบบใกล้ชิดกันไปเลย นอกจากนี้บริเวณชั้น 8 ของอาคาร A ด้านที่ติดกับอาคารจอดรถ ทางโครงการยังจัดแต่งพื้นที่ดาดฟ้าของอาคารจอดรถให้เป็นสวนลอยฟ้าขนาดย่อม สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน รับลมชมวิวได้สบายๆ ห้องพักทางด้านทิศเหนือของอาคาร A จึงได้วิวสวนสีเขียวเพิ่มขึ้นมาอีกด้านไปโดยปริยาย จากแปลนอาคารจะเห็นถนนทางเข้าโครงการด้านขวามือ ก่อนจะเข้ามาเจออาคารจอดรถเป็นอาคารแรก ทางเข้าโครงการ ถนนทางเข้าโครงการร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ มีทางเท้าสำหรับเดินเข้าโครงการอยู่คู่ขนานกับถนน Main ขับรถเข้ามาด้านในแล้วจะเจออาคารจอดรถอยู่ทางด้านขวามือ อาคารจอดรถสูง 8 ชั้น อยู่ติดกับอาคาร A ทางขึ้นอาคารจอดรถ ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ทั้ง 2 อาคารเลยนะครับ แต่อาคาร A จะมีน้อยกว่า เพราะติดกับอาคารจอดรถ ชั้น 3-7 ห้องพักอาศัยจะเริ่มเพิ่มมากขึ้น แต่อาคาร A ก็ยังติดอาคารจอดรถอยู่ ขึ้นมาถึงชั้น 8 จะเป็นชั้นสุดท้ายของอาคารจอดรถ ซึ่งชั้นดาดจะถูกทำเป็นสวนส่วนกลาง ตั้งแต่ชั้น 9 ขึ้นไปจนถึงชั้น 25 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด ซึ่งจะมีประมาณ 31 ห้องต่อชั้น ห้องพักของ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 มีทั้งหมด 1,428 ยูนิต แบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือแบบ 1 Bedroom และ 2  Bedroom โดยมีขนาดเริ่มต้นที่ 24.5 ตร.ม. นะครับ เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของโครงการกันว่าจะน่าอยู่มากแค่ไหน   เปิดห้องตัวอย่าง ปัจจุบันทางโครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 มีลูกบ้านย้ายเข้ามาพักอาศัยกันเป็นจำนวนพอสมควรแล้วนะครับ ดังนั้นใครที่กำลังสนใจโครงการนี้อยู่สามารถติดต่อเข้ามาขอชมห้องในบรรยากาศจริงได้เลย เปิดห้องตัวอย่างห้องแรก เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ที่ขนาด 24.5 ตร.ม. เป็นห้องขนาดเล็กสุดของโครงการเลย แต่การออกแบบ Layout ภายในห้องค่อนข้างลงตัว เป็นสัดส่วนเรียบร้อยดีทีเดียว หลังประตูทางเข้าห้อง จะเป็นพื้นที่ของ Living Area ติดกันเป็นบริเวณห้องนอน ซึ่งมีประตูกระจกบานใสกั้นไว้เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเจ้าของห้อง ในขณะที่ห้องครัวและมุมกินข้าวจะอยู่ถัดไปอีกด้านที่ติดกับระเบียงนะครับ บรรยากาศโดยรวมภายในห้องค่อนข้างโปร่งด้วยหน้าต่างบานใหญ่ ที่ช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ห้องเลยไม่อับทึบถึงแม้จะมีขนาดเพียง 24.5 ตร.ม. ก็ตาม เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ช่วงนี้โครงการมีโปรโมชั่นจัดเฟอร์นิเจอร์ของ SB มาให้เรียบร้อย ตรงนี้จะได้เป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง แต่ดูจากพื้นที่แล้วถ้าใครอยากได้ใหญ่กว่านี้ก็สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งได้อยู่นะครับ ด้านชั้นวางทีวีโครงการก็จัดเตรียมมาให้ด้วยนะครับ ติดกับ Living Area จะเป็นห้องนอน มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น โครงการวางเตียง 5 ฟุตไว้ให้ พร้อมฟูก ติดกับหัวเตียง Built-in โต๊ะเครื่องแป้งไว้ให้ด้วย ปลายเตียงโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าบานสูงไว้ให้ มุมมองจากห้องนอนออกมาที่ Living Area จากห้องนอนเราไปดูกันต่อที่ห้องครัวเลยนะครับ ห้องนี้จะเป็นครัวแบบเปิดนะครับ ไม่ได้มีประตูกระจกกั้นให้ ภายในห้องครัวโครงการจะ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้พร้อมโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัวจะมีซิงค์ล้างจาน พร้อมกับพื้นที่เตรียมอาหาร ด้านล่างจะเป็นช่องวางเครื่องซักผ้า ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง ที่โครงการจัดมาให้ในช่วงโปรโมชั่น ระเบียงจะอยู่ติดกับส่วนครัว พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ห้องน้ำจะอยู่อีกด้านของห้องครัว สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard ห้องตัวอย่างห้องที่ 2 ที่เปิดให้ชมคือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ซึ่งห้อง Type นี้ ดูเผินๆ แล้วจะมีการจัดวาง Layout ภายในห้องใกล้เคียงกับห้องแบบแรกมากเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีมากกว่า ครัวที่ได้จึงเป็นครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนเพิ่มเข้ามา ในขณะที่ห้องนอนก็จะเป็นผนังทึบแทนกระจกบานเลื่อน ส่วนห้องน้ำก็เปลี่ยนมาเข้าออกจากในห้องนอนแทนครับ ห้องนี้จะได้เปรียบกว่าตรงที่ได้ครัวปิด มีประตูกั้นเรียบร้อย สามารถทำอาหารจริงจังได้มากกว่าแค่จัดเตรียม อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นรบกวน พื้นที่ครัวก็กว้างขึ้นอีกหน่อย วางโต๊ะกินข้าวเข้ามุมไว้ก็ยังมีพื้นที่เหลือให้ใช้งานได้อีกสบายๆ ครับ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ พื้นที่บริเวณ Living Area กว้างอยู่พอสมควร โครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาให้ ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวีอยู่ติดกับตู้เก็บของ ตู้เก็บของ Built-in อยู่หน้าประตูห้อง ต่อจาก Living Area เข้าไปด้านในจะเป็นห้องครัว Type นี้จะเป็นครัวแบบปิดนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนกั้น ด้านในครัวจะคล้ายๆ กับห้องก่อนหน้านี้ที่เราดูกันมา ตู้เย็นวางอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัว เคาน์เตอร์ครัวจะมีซิงค์ล้างจานพร้อมกับพื้นที่เตรียมอาหาร ด้านบนจะเป็นตู้ลอยเก็บของ ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องวางเครื่องซักผ้า ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง ระเบียงจะอยู่ต่อจากห้องครัว ธรณีประตูยกขึ้นมาค่อยข้างสูงทีเดียว พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร เรามาดูกันต่อที่ห้องนอนนะครับ พื้นที่ในห้องนอนกว้างพอสมควรนะครับ โครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอให้เดินได้สะดวก ถ้าอยากติดทีวีไว้ในห้องด้วย อาจจะต้องใช้ทีวีแบบติดผนัง ซึ่งโครงการก็เตรียมปลั๊กไว้ให้เรียบร้อย โครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าบานสูงไว้ให้ที่ปลายเตียง หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เลยนะครับ จะมีบานกระทุ้งเป็นบานเล็ก 1 บาน ส่วนที่เหลือจะเป็นบาน Fix ห้องตัวอย่างที่เราได้มาดูกันจะอยู่ที่ชั้น 9 มองออกไปจะเห็นสวนสีเขียวที่อยู่บนชั้น 8 อีกด้านโครงการจะ Built-in โต๊ะเครื่องแป้งและชั้นวางของไว้หน้าห้องน้ำ การจัดวาง Layout ห้องน้ำ Type นี้จะต่างกับห้องแรกอยู่พอสมควรนะครับ เนื่องจากขนาดห้องที่ใหญ่กว่า ส่วนสุขภัณฑ์จะใช้ของ American Standard เหมือนกัน อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมกับกระจกเงาบานใหญ่ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นจุดวางโถสุขภัณฑ์ ตรงกลางจะเป็น Shower Box มีฉากกั้นเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ใน Shower Box ค่อนข้างกว้างพอสมควรเลยนะครับ ชุดฝักบัวและที่วางของเล็กๆ ห้องแบบสุดท้ายที่เราจะเปิดชมกันก็คือ ห้อง 2 Bedroom ซึ่งมีให้เลือกขนาดเดียวคือ 45.5 ตร.ม. ส่องจาก Layout ห้องก็ว่าเป็นสัดส่วนเรียบร้อยดีแล้ว พอเปิดห้องจริงก็ต้องบอกว่าภายในเป็นสัดส่วน เหมาะกับครอบครัวเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกันมากๆ โซนกลางห้องเป็น Living Area ติดกับระเบียงซึ่งเปิดรับวิวและแสงธรรมชาติได้ค่อนข้างเต็มที่ ในขณะที่พื้นที่ครัวก็กว้างขวาง เป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ฝั่งตรงข้ามกันเป็นห้องน้ำ ซึ่งเข้าออกได้ 2 ทางทั้งจากด้าน Living Area และ Master Bedroom ห้องใหญ่แบบ 2 ห้องนอนนี้ จัดแบ่งห้องนอนไว้คนละด้าน นอกจากจะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นแล้ว แต่ละห้องยังสามารถเปิดรับวิวจากกระจกบานใหญ่ได้อย่างเต็มตา ขณะเดียวกันถ้าพื้นที่ของห้องนอนเล็ก ก็สามารถปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอยได้ตามต้องการ อาจจะใช้เป็นห้องทำงาน ห้องเป็นของ หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ก็จะช่วยให้ห้องเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นได้ แต่ถ้าครอบครัวไหนมีลูกเล็กๆ ขนาดห้องนี้ก็กำลังกะทัดรัดพอดิบพอดีเลยครับ เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นพื้นที่ Dining Area โล่งๆ ก่อนจะเห็น Living Area ที่อยู่ด้านใน เรามาดูด้านซ้ายมือกันก่อนนะครับ ด้านซ้ายมือจะห้องน้ำ การจัดวาง Layout จะแตกต่างจาก 2 ห้องที่ผ่านมาเลยนะครับ ส่วนสุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกัน เริ่มจากอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมกับกระจกเงาบานใหญ่ ติดกันเป็นโถสุขภัณฑ์ ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ที่มีฉากกั้นมาให้เรียบร้อย พื้นที่ใน Shower Box กว้างขวางใช้ได้เลยครับ ชุดฝักบัวและที่วางของเล็กๆ ออกจากห้องน้ำมาเราข้ามไปดูห้องครัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันต่อ ครัวของห้องนี้จะเป็นครัวแบบปิดนะครับ พื้นที่ในห้องครัวค่อนข้างกว้างเลยนะครับ เคาน์เตอร์ครัวจะได้ชุดใหญ่กว่า 2 ห้องที่ผ่านมา จะมีซิงค์ล้างจานพร้อมพื้นที่เตรียมอาหาร ซิงค์ล้างจานแบบหลุมของ Teka ด้านบนเป็นชั้นลอยเก็บของ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่โล่งๆ สำหรับวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ห้องครัว Type จะไม่มีระเบียงให้นะครับ แต่จะมีหน้าต่างบานใหญ่ พร้อมบานกระทุ้ง ไว้สำหรับระบายกลิ่นอาหารในห้องครัว กลับมาเข้าในห้อง มาดูพื้นที่ Dining Area กันต่อ ตรงนี้โครงการวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งไว้ให้ จะอยู่บริเวณหน้าห้องครัวเลยนะครับ เตรียมอาหารเสร็จก็ยกออกมาเสิร์ฟกันได้เลย ถัดจาก Dining Area เข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ Living Area โครงการวางโซฟา 2 ที่นั่งมาให้ แต่ดูจากพื้นที่แล้วสามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งก็ได้นะครับ ส่วนด้านที่วางทีวีโครงการ Built-in เป็นชั้นวางทีวีมาให้ด้วย จะวางบนชั้นวาง หรือจะใช้ทีวีแบบติดผนังเหมือนในห้องตัวอย่างก็ช่วยประหยัดพื้นที่ได้อีกแบบครับ ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ธรณีประตูยกขึ้นมาสูงทีเดียวครับ เวลาก้าวข้ามก็ระวังกันนิดนึงนะครับ พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวเท่าๆ กับพื้นที่ Living Area ซึ่งถือว่ากว้างพอสมควรเลยนะครับ คอมเพรสเซอร์แอร์จะถูกว่าไว้ที่ระเบียง หันหน้าเป่าลมร้อนออกด้านนอก เรากลับเข้ามาด้านใน ขวามือของ Living Area จะเป็นห้องนอนเล็ก ด้านในห้องนอนเล็กโครงการจะวางเตียงขนาดประมาณ 3 ฟุตไว้ให้ ซึ่งขนาดเตียงจะลงล็อกพอดีเป๊ะเลยนะครับ ปลายเตียงสามารถติดทีวีแบบแขวนผนังแบบนี้ก็ได้ หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบาน Fix และบานกระทุ้ง 1 บาน ข้างเตียงอีกด้านโครงการ Built-in โต๊ะเครื่องแป้ง วางไว้ติดกับตู้เสื้อผ้า มาถึงห้องนอนใหญ่ที่อยู่ด้านซ้ายมือของ Living Area โครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ ด้านปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอให้เดินได้สะดวก อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังจะดีกว่านะครับ หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เป็นบาน Fix และมีบานเล็กเป็นกระทุ้ง ข้างเตียงอีกด้านโครงการจะ Built-in โต๊ะเครื่องแป้งไว้ติดกับตู้เสื้อผ้า ในห้องนอนจะมีประตูเข้าห้องน้ำอีกด้านนึงด้วยนะครับ จะอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้าเลย ทางเข้าห้องน้ำจากฝั่งห้องนอน ด้วยความที่โครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 อยู่ติดกับถนนใหญ่เลย แถมยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงอีกด้วย จึงค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของการเดินทาง ไม่ว่าจะด้วยระบบขนส่งมวลชนหรือรถส่วนตัว ยิ่งถ้าใครต้องทำงานในช่วงโซนนนทบุรีอยู่แล้ว ก็ยิ่งสะดวกกว่ามากในการเดินทางไปกลับจากที่ทำงาน นอกจากนี้ในอนาคต บริเวณสถานีศูนย์ราชการนนทบุรีจะเป็นจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางไปยังโซนต่างๆ ของกรุงเทพฯได้มากขึ้นไปอีกครับ รอบๆ โครงการถึงแม้จะไม่ได้มีร้านค้าร้านอาหารให้พึ่งพาในระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ แต่ถ้าขึ้นรถไฟฟ้าถัดออกไปอีก 1 หรือ 2 สถานีก็จะมีห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้งให้พึ่งพาได้สบายๆ ทั้ง ห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ และเทสโก้ โลตัส ส่วนภายในโครงการ ต้องบอกว่าทางโครงการจัด Facility มาแน่นเต็มที่มากๆ แถมห้องทุกห้องก็ขายให้แบบ Fully Fitted คือมีให้ทั้งเครื่องปรับอากาศ, ชุดเคาน์เตอร์ครัว, สุขภัณฑ์และที่กั้นอาบน้ำ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ก็จัดมาให้คุ้มค่าคุ้มราคา ตามมาตรฐานทุกชิ้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียวนะครับ สำหรับที่พักอาศัยที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในราคาที่จับต้องได้ไม่ยาก หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม หรืออยากจะลองเข้าไปชมห้องตัวอย่างด้วยตัวเองก็สามารถนัดหมายกับเจ้าหน้าที่โครงการได้เลยครับ
KHUN by YOO inspired by Starck Thong Lo Soi 12 : รีวิวคอนโด

KHUN by YOO inspired by Starck Thong Lo Soi 12 : รีวิวคอนโด

KHUN by YOO inspired by Starck Thong Lo Soi 12 คอนโด High Rise สูง 27 ชั้น จากการออกแบบของนักออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลก Philippe Starck แห่ง YOO Design Studio โครงการตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 12 ใกล้รถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ โครงการใหม่ล่าสุดจาก "แสนสิริ" รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    15,000,000 บาท เจ้าของโครงการ     บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด     High Rise สูง 27 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    148 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด     ประมาณ 1 ไร่ ที่ตั้งโครงการ      ซอยทองหล่อ 12 (ถนนสุขุมวิท ซอย 55) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    มกราคม 2560 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    กรกฎาคม 2563 สถานที่สำคัญใกล้เคียง J Avenue ทองหล่อ โรงพยาบาลคามิลเลียน สน.ทองหล่อ ท็อปส์ มาร์เก็ต ทองหล่อ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท Park Lane เอกมัย เมเจอร์ เอกมัย Gateway เอกมัย ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ขนาด 41.50 – 49.75 ตารางเมตร จำนวน 74 ยูนิต 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ขนาด 53.50 ตารางเมตร จำนวน 10 ยูนิต 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  ขนาด 82.00 – 97.75 ตารางเมตร จำนวน 54 ยูนิต 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ  ขนาด 139.25 – 149.75 ตารางเมตร จำนวน 8 ยูนิต Penthouse  ขนาด 294.00 – 302.75 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต สิ่งอำนวยความสะดวก สวนสาธารณะ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องฉายภาพยนตร์ เกมส์รูม ที่จอดรถแบบอัตโนมัติ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.sansiri.com
Chapter One Eco รัชดา-ห้วยขวาง : รีวิวคอนโด

Chapter One Eco รัชดา-ห้วยขวาง : รีวิวคอนโด

Chapter One Eco รัชดา-ห้วยขวาง  คอนโด High Rise 8 อาคาร บนถนนประชาอุทิศ ใกล้ MRT ห้วยขวาง แวดล้อมไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งมากมาย และสิ่งอำนวยความสะดวก จาก พฤกษา เรียลเอสเตท รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,990,000 บาท เจ้าของโครงการ     บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด     High Rise 8 อาคาร พร้อมอาคารจอดรถ 2 อาคาร จำนวนห้อง    1,907 ยูนิต และร้านค้า 7 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 700 คัน คิดเป็น 37% (รวมจอดซ้อนคัน) เนื้อที่ทั้งหมด     13 - 0 - 45.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ      ถนนประชาอุทิศ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT ห้วยขวาง The Street รัชดา Big C Extra รัชดา Esplanade รัชดา สยามนิรมิตร ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 22.57 – 23.65 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 29.27 – 36.53 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก BIKE CLUB & BIKE PARK : เอาใจคนรักจักรยานด้วยจุดจอดจักรยานพร้อมด้วยอุปกรณ์ครบสำหรับจักรยานขอบคุณ HOME THEATRE : ความบันเทิงสมบูรณ์แบบเอาใจคอหนังทุกคน CO-WORKING SPACE : พื้นที่สำหรับหาแรงบันดาลใจพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานของคุณ LIBRARY : ห้องสมุดสำหรับหาความรู้ใหม่ๆและแรงบันดาลใจที่ไม่สิ้นสุด FITNESS : อุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน SWIMMING POOL & POOL TERRACE : สระว่ายน้ำขนาดใหญ่และจากุซซี่ พร้อมพื้นที่เปิดโล่งเห็นวิวทิวทัศน์ STREET BASKETBALL : สนามบาสเกตบอลสำหรับออกกำลังกายอย่างเต็มที่ FARM & BBQ : พื้นที่สำหรับปลูกผักผลไม้และจัดปาร์ตี้ปิ้งย่าง สำหรับสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน PARKING BUILDING : แยกที่จอดรถออกเป็นสัดส่วน SHUTTLE BUS : รถรับส่งถึง MRT ห้วยขวาง 24 HOUR SECURITY : ระบบรักษาความปลอดภัยทันสมัยพร้อมกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : chapterone.pruksa.com
Ideo Mobi Wong Sawang Interchange คอนโดเอาใจวัยฮิปกับชีวิตติดรถไฟฟ้า : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi Wong Sawang Interchange คอนโดเอาใจวัยฮิปกับชีวิตติดรถไฟฟ้า : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปชมโครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์ คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีบางซ่อน) และอยู่ใกล้รถไฟชานเมืองสายสีแดงเพียงแค่ 400 เมตร ซึ่งตอนนี้สร้างเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว เราจึงมีโอกาสเข้าไปชมตัวโครงการและห้องตัวอย่างในบรรยากาศจริง รวมถึงเก็บภาพมาฝากกันด้วยครับ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,890,000 บาท เจ้าของโครงการ     บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด     High Rise สูง 29 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     559 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด     2 - 2 - 22.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ที่จอดรถ     ประมาณ 201 คัน ทำเลที่ตั้งและการเดินทาง โครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง ตั้งอยู่ริมถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี เลยนะครับ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่หน้าโครงการอยู่ห่างจากทางขึ้นรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางซ่อน แค่ 10 เมตรเท่านั้น ใกล้จนเรียกว่า “ติดรถไฟฟ้า” ได้อย่างเต็มปากจริงๆ ซึ่งการเดินทางมายังโครงการก็ง่ายแสนง่าย ทั้งรถไฟฟ้า รถส่วนตัว และรถสาธารณะ ถนนหนทางรอบๆ ก็สามารถเลือกใช้ได้หลายเส้นทาง จากแยกวงศ์สว่างมาเพียง 1 กิโลเมตรก็ถึงโครงการแล้ว หรือจะมาทางถนนประชาชื่น แล้วเข้าซอยเชื่อมมาออกถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรีก็ได้เหมือนกัน เดี๋ยวนี้การเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็สะดวกขึ้น เพราะการก่อสร้างรถไฟฟ้าเสร็จเกือบพร้อมใช้งานแล้ว เส้นทางเดินรถจึงคล่องตัวขึ้นมาก สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงเป็นหลัก ห่างออกไปเพียงสถานีเดียวก็จะเป็นสถานีเตาปูน สถานีใหญ่ซึ่งเป็น Interchange เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เป็นสายที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ในขณะที่สถานีบางซ่อน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการเองก็มี Sky Walk ไปถึงสถานีรถไฟชานเมืองสายสีแดง จะว่าไปแล้วรถไฟสายชานเมืองนี้ก็มีความสำคัญไม่น้อยเลยนะครับ มีแนววิ่งจากบางซื่อไปสุดที่ตลิ่งชัน โดนถ้ามีการเปิดให้บริการเมื่อไหร่เส้นทางนี้ก็จะเป็นอีกเส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อไปได้อีกหลายเส้นทาง คนที่ไม่ต้องการใช้รถก็สามารถเดินทางได้สะดวกดีทีเดียว รถไฟฟ้าสายสีม่วงเริ่มวิ่งทดสอบกันแล้วนะครับ มาพูดถึงตำแหน่งที่ตั้งของ Ideo Mobi กันบ้างดีกว่า บริเวณรอบๆ โครงการยังเป็นบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และอาคารสำนักงานอีกจำนวนหนึ่ง เช่น สำนักงานสรรพากร สถานีตำรวจเตาปูน ที่ทำการไปรษณีย์ ฯลฯ ทำให้ตลอดเส้นถนนมีร้านค้า ร้านอาหาร รถเข็นขายอาหารเกือบตลอดทั้งวัน ยังมีบรรยากาศความเป็นชุมชนเก่าแก่อยู่มาก เลยขึ้นไปทางหน่อยก็มีตลาดบางซ่อน สามารถเดินมาได้หรือจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาก็ใกล้นิดเดียวเองครับ ในขณะที่ห้างที่ใกล้ที่สุดคงเป็น Big C วงศ์สว่างตรงหัวมุมแยกวงศ์สว่างนั่นแหละครับ แต่ถ้าอยากจะช็อปปิ้งในห้างดังก็อาจจะต้องออกไปยัง เซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ หรือ อเวนิวรัชโยธิน ไปเลยครับ รอบๆ โครงการยังไม่มีตึกสูงอยู่ติดๆ กันเลยนะครับ ที่สูงที่สุดน่าจะเป็นอาคารสูง 8 ชั้นของสำนักงานสรรพากรพื้นที่ แต่ก็อยู่ห่างออกไปอีก 200 เมตร จึงไม่ค่อยถูกบังวิวเท่าไหร่ นอกนั้นก็เป็นบ้านสูง 3-4 ชั้นเท่านั้น วิวจากขึ้นที่ 5 ขึ้นไปก็ค่อนข้างเคลียร์แล้วครับ เว้นแต่มุมด้านหน้าโครงการที่ยังติดรางรถไฟฟ้าอยู่ ถ้าจะเอาแบบเซฟ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเสียงก็แนะนำตั้งแต่ชั้น 10 ขึ้นไปเลยครับ แต่ถ้าอยากได้วิวแม่น้ำด้วยต้องชั้น 20 ขึ้นไปในด้านทิศตะวันตกครับ แลกกับแดดร้อนๆ ตอนบ่ายนิดหน่อย จริงๆ ภาพรวมของโครงการค่อนข้างได้เปรียบเรื่องวิวนะครับ เพราะไม่ว่าจะมุมไหนก็เปิดโล่ง มองได้ไกลสุดสายตาเลยทีเดียว เจาะโครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง - อินเตอร์เชนจ์ Ideo Mobi วงศ์สว่าง - อินเตอร์เชนจ์ เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 29 ชั้น ตัวอาคารมีการออกแบบให้ร่นระยะ เล่นระดับในโซนด้านหน้าอาคารตั้งแต่ชั้น 22 ขึ้นไปนะครับ ทำให้รูปลักษณ์ของอาคารดูโดดเด่น ส่วนพื้นที่ที่ร่นระยะเข้าไปทางโครงการจัดให้เป็นพื้นที่สีเขียวเพิ่มเติม นอกเหนือจากสวน Garden Park ขนาด 700 ตร.ม. ในโซนชั้นล่างด้านหลังโครงการครับ Facility หลักๆ ของโครงการนี้จะรวมไว้ที่ชั้น 28-29 จึงได้เปรียบเรื่องวิวมุมสูง และความเป็นส่วนตัวขณะใช้พื้นที่ส่วนกลางครับ โดยชั้นที่ 28 จะเป็นพื้นที่ของ ห้องสมุด ห้องโซเชียล และห้องซักรีด ส่วนชั้นที่ 29 จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 25x4 เมตร ลึก 1.2 เมตร พร้อมสระเด็ก ห้องฟิตเนส ห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ รวมถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แถมยังมีพื้นที่ห้องสมุดกลางแจ้งที่มีทางเข้าออกเชื่อมกับห้องสมุดที่ชั้น 28 ด้วย ในขณะที่ Roof Floor จะเป็นสวนลอยฟ้า หรือ Sky Garden เต็มพื้นที่เลยครับ ในส่วนของพื้นที่จอดรถ ทางโครงการจัดเตรียมพื้นที่ไว้ตั้งแต่ชั้น 2-5 สามารถรองรับได้ 201 คัน แบบยังไม่นับจอดซ้อนคันนะครับ จัดว่าไม่มากไม่น้อยสำหรับโครงการที่อยู่ติดรถไฟฟ้าแบบนี้ พอขึ้นมาที่ชั้น 6 ก็จะเริ่มเป็นพื้นที่พักอาศัยครับ จำนวนยูนิตต่อชั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 25 ยูนิต ไม่อึดอัดเท่าไหร่ครับ อาจจะมีบางชั้นที่มีจำนวนยูนิตมากน้อยกว่านี้บ้างนิดหน่อย แล้วแต่ Layout ของชั้นนั้นๆ เช่น ถ้าชั้นนั้นมีพื้นที่สวน หรือมีพื้นที่ส่วนกลางจำนวนห้องก็จะน้อยลงครับ จำนวนยูนิตรวมทั้งโครงการก็ 559 ยูนิต มีร้านค้าที่ชั้น 1 อีก 2 ยูนิต มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว และลิฟท์ขนของ 1 ตัว ถือว่าอยู่ในอัตราส่วน 280:1 จัดว่าค่อนข้างแน่นเหมือนกัน นอกเหนือจากนี้ก็เป็นไปตามมาตรฐานเลย เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง, กล้อง CCTV, Key Card Access และLobby ชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างที่เราเก็บภาพมาฝากมีด้วยกัน 3 แบบนะครับ ห้องทั้งหมดของ Ideo Mobi วงศ์สว่าง - อินเตอร์เชนจ์ ขายมาแบบ Fully Fitted คือ มีชุดครัว สุขภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศ และ Digital Door Lock มาให้ ส่วนที่เหลือก็ต้องตกแต่งกันเองนะครับ ห้องแรกเป็นแบบ Studio ขนาด 21.5 ตร.ม. ภายในห้องถูกจัด Layout ให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบทุกส่วน เปิดเข้าห้องมาก็เจอ Pantry ครัวขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับงานครัวเล็กๆ จัดเตรียม อุ่นอาหารมากกว่าการทำครัวหนัก ตรงข้ามกับครัวเป็นห้องน้ำครับ ซึ่งทางโครงการก็จัดการตกแต่ง และเลือกใช้สุขภัณฑ์อย่างดี กั้นกระจกแยกพื้นที่อาบน้ำไว้ให้ พร้อมกับชั้นวางของเป็นระเบียบสวยงาม ถัดเข้าไปจะเป็นพื้นที่ของ Living Area และห้องนอน ซึ่งไม่มีการกั้นแบ่งพื้นที่ใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ โดยส่วนนี้ค่อนข้างเปิดโล่งไปจนสุดระเบียง เราสามารถจัดสรร ตกแต่งได้อย่างอิสระตามความต้องการเลยครับ ห้องที่ 2 ที่เราได้ชมกัน เป็นห้องขนาด 24.5 ตร.ม. แบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายในห้องนี้จะค่อนข้างชัดเจนขึ้นนะครับ มีการกั้นแบ่งพื้นที่มาให้เรียบร้อย โดยห้องครัวและห้องน้ำจะแยกไปอยู่ทางด้านหนึ่ง เพียงแค่กันประตูกระจกเพิ่มก็จะได้ครัวแบบปิด ป้องกันเรื่องกลิ่นรบกวนได้มากขึ้นเพราะครัวอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ดี ในขณะที่ Living Area และห้องนอนก็มีประตูกระจกบานเลื่อนมาให้ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหากมีเพื่อนๆ มาเยี่ยมเยียนที่ห้อง ห้องแบบสุดท้ายที่เราได้ชมกันก็คือ ห้อง 1 Bedroom ในขนาด 30 ตร.ม. ซึ่งห้องนี้จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout ของห้องครับ ห้องนี้จะจัดให้ห้องนอนมีห้องน้ำในตัว ในขณะที่ห้องครัวและห้องนั่งเล่นอยู่ในโซนด้านเดียวกัน ส่วนที่พิเศษและสะดุดตาเรามากก็คือ พื้นที่ระเบียงที่กว้างขึ้นอย่างชัดเจน สามารถตั้งชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งเล่นได้เลยทีเดียว แถมทางโครงการยังกั้นกระจกหน้าต่างตรงระเบียงด้านนอกให้อีกชั้น พื้นที่ระเบียงจึงสามารถใช้สอยประโยชน์ได้หลากหลายมากขึ้น สำหรับโครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง - อินเตอร์เชนจ์ ที่เราพาไปชมในครั้งนี้ ต้องบอกว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับคนที่ต้องการที่อยู่ในย่านบางซ่อน-เตาปูน ใกล้รถไฟฟ้าและสามารถเดินทางได้สะดวก ตัวโครงการสร้างเสร็จเกือบ 100% แล้ว พร้อมเข้าอยู่ได้ในเร็วๆ นี้แน่นอน ซึ่งทำเลที่ตั้งที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบางซ่อนนี่ต้องบอกว่าเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดในตัดสินใจได้ไม่ยากเลย อีกทั้งภายในโครงการเองก็จัดเตรียม Facility ไว้อย่างหรูหราครบครันมากๆ ในขณะที่พื้นที่รอบๆ ก็ยังคงความเป็นชุมชนเก่า มีความอุดมสมบูรณ์ มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารให้พึ่งพาฝากท้องได้มากมาย ถ้าใครที่ยังไม่เคยไปชมโครงการ หรือกำลังตัดสินใจเลือกห้องพักอาศัยในแถบนี้อยู่ แนะนำให้ไปลองชมห้องจริง บรรยากาศของสถานที่จริงในโครงการกันก่อน อาจจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ  
เดอะ ไลน์ ราชเทวี : รีวิวคอนโด

เดอะ ไลน์ ราชเทวี : รีวิวคอนโด

จากความร่วมมือของ แสนสิริ กับ BTS Group ได้ปล่อยคอนโดแบรนด์ เดอะ ไลน์ ออกมาแล้ว 2 โครงการ คือ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต และ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเปิดตัว วันนี้เราจะพาไปชมโครงการที่ 3 อย่าง เดอะ ไลน์ ราชเทวีกันครับ โครงการนี้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านราชเทวีกันเลยครับ เพียง 220 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี สามารถเดินได้สบายๆ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น     6,900,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 250,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise สูง 38 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    231 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 2 - 0 ไร่ ที่จอดรถ    ประมาณ 67% ที่ตั้งโครงการ    ถนนเพชรบุรี แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ สถานะโครงการ    EIA Approved เริ่มก่อสร้าง    เดือนธันวาคม 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนกันยายน 2561 ค่าส่วนกลาง    90 บาท/ตารางเมตร/เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    600 บาท/ตารางเมตร/เดือน ชำระ ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ วิธีการเดินทาง สำหรับตัวโครง เดอะ ไลน์ ราชเทวี จะตั้งอยู่ปากซอยเพชรบุรี 18 ติดถนนเพชรบุรี ก่อนถึงแยกราชเทวีนิดหน่อย การเดินทางในวันนี้เราเลือกใช้บริการของรถไฟฟ้า BTS ดูจะสะดวกที่สุดในการเดินทางในย่านนี้ ที่ตั้งโครงการจะอยู่ห่างจากตัวสถานี BTS ราชเทวีประมาณ 220 เมตรเท่านั้น ซึ่งอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ ไม่ไกลจนเกินไป แผนที่โครงการ การเดินทางวันนี้เราขอให้รถไฟฟ้า BTS นะครับ เนื่องจากเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดแล้วในย่านนี้ มาลงที่สถานีราชเทวี ตามชื่อโครงการเลยครับ เราลงทางออกที่ 4 นะครับ ไปทางพันธ์ทิพย์พลาซ่าตามป้ายเลย ลงมาจากสถานีราชเทวีแล้ว จะเจอแยกราชเทวี เราเดินเลี้ยวขวาตามทางไปถนนเพชรบุรีเลยนะครับ จากแยกราชเทวีเดินตรงไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงที่ตั้งโครงการแล้วละครับ ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ ล้อมรั้วไว้ให้เห็นอย่างเด่นชัด ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสามารถเลือกได้หลายเส้นทางเลยนะครับ แต่อาจจะต้องทำใจเรื่องการจราจรกันสักหน่อย เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าในย่านนี้ การจราจรค่อนข้างจะหนาแน่นอยู่ทีเดียว เริ่มจากด้านหน้าโครงการคือถนนเพชรบุรี ตัวโครงการจะตั้งอยู่ปากซอยเพชรบุรี 18 ก่อนถึงแยกราชเทวี ถ้ามาจากถนนราชดำริก็สามารถเลี้ยวซ้ายที่แยกประตูน้ำเข้าถนนเพชรบุรี แล้วตรงผ่านพันธุ์ทพย์ พลาซ่า ก่อนถึงโครงการ ส่วนถ้ามาจากทางถนนพญาไทฝั่งขาเข้า สามารถมาเลี้ยวซ้ายที่แยกราชเทวี แล้วไปกลับรถที่ใต้สะพานข้ามแยกประตูน้ำกลับมาที่โครงการได้เช่นกัน แต่ถ้ามาจากถนนพญาไทฝั่งขาออก จะไม่สามารถเลี้ยวขวาที่แยกราชเทวีได้นะครับ ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพญานาคที่อยู่ข้างๆ โรงแรมเอเชีย ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงถนนบรรทัดทอง จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนบรรทัดทอง ตรงไปอีกนิดเดียวก็จะออกถนนเพชรบุรี พอออกมาถึงถนนเพชรบุรีแล้วให้เลี้ยวขวาอีกทีนะครับ จากนั้นก็ตรงขึ้นสะพานข้ามแยกราชเทวีได้เลย การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเหมือนจะง่ายนะครับ แต่ค่อนข้างจะซับซ้อนสักหน่อย แยกไหนเลี้ยวได้ เลี้ยวไม่ได้ ต้องดูกันดีๆ หากไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวจริงๆ เลือกใช้บริการของรถไฟฟ้า BTS จะสะดวกสบายมากขึ้นเยอะเลยครับ เพียงสถานีเดียวก็ถึงศูนย์กลางแหล่งช้อปปิ้งใจกลางกรุงเทพฯ อย่างสยามแล้ว สถานที่สำคัญใกล้เคียง พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า แพลทินั่ม ประตูน้ำ MBK สยาม พารากอน สยาม เซ็นเตอร์ สยาม สแควร์ สยาม สแควร์ วัน จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เซ็นทรัล เวิลด์ วิเคราะห์รอบโครงการ ภาพรวมของที่ตั้งโครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี ซึ่งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตรงช่วงซอยเพชรบุรี 18 ในตำแหน่งนี้มีเพื่อนบ้านใกล้ๆ เป็นคอนโดบ้านกลางกรุง สยาม-ปทุมวัน อยู่ทางทิศตะวันตก ทางทิศใต้มีคอนโด Low Rise ของ The Address ปทุมวัน แล้วก็มีอาคารของกรมการพลังงานทหารอยู่ทางทิศตะวันออกอีกตึก ส่วนในซอยเพชรบุรี 18 ก็มีอพาร์ทเม้นท์กับบ้านพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้บริเวณนี้จะค่อนข้างมีรถวิ่งผ่านไปมาพลุกพล่านตลอดทั้งวัน แต่โดยรวมแล้วบรรยากาศยังค่อนข้างเหมาะกับการอยู่อาศัยเหมือนกันนะครับ ไหนจะเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่ถือเป็นจุดเด่นที่ทางโครงการเลือกมาเป็นประเด็นชูโรง ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งช็อปปิ้งสำคัญมากมายทั้งสยามสแควร์ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ ประตูน้ำ อนุสาวรีย์ชัยฯ King Power Duty Free เรียกว่าอยู่ในระยะที่เดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า 1-2 สถานีเท่านั้น  และแถมยังใกล้สถานศึกษาชื่อดังใจกลางเมืองอีก จึงทำให้โครงการนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยครับ BTS สถานีสยามจุดเชื่อมต่อของสายสุขุมวิทและสายสีลม ห่างจากสถานีราชเทวี เพียง 1 สถานี ตัวโครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น เป็นอาคารเดี่ยวแต่ออกแบบมาให้ตัวอาคารเป็นทรงตัว L จนถึงชั้นที่ 31 ส่วนชั้นที่เลยขึ้นไปจะมีจำนวนห้องต่อชั้นน้อยลง และด้วยจำนวนยูนิตรวมที่มากถึง 231 ยูนิต ทางโครงการจึงใส่ใจเพิ่มพื้นที่ส่วนกลาง และ Facility ต่างๆ ให้เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกบ้าน เริ่มตั้งแต่จำนวนที่จอดรถที่มากถึง 67% ซึ่งให้พื้นที่จอดตั้งแต่ชั้น 1-10 เลยทีเดียว แถมด้วยที่จอดรถอัจริยะ (Mechanical Parking) สำหรับผู้มาติดต่ออีก 16 คัน ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 11 ขึ้นไป​ โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งของชั้นที่ 11 จะถูกแบ่งเป็นพื้นที่ของ Facility หลัก ทั้งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ พร้อม Outdoor Theater ริมสระว่ายน้ำ ในขณะที่พื้นที่บนชั้น 31 ส่วนหนึ่งจะเป็นห้องสมุดภายในอาคาร และห้องอ่านหนังสือที่จัดเตรียมไว้เป็นสัดส่วน ถือว่าเป็น Co-working Space สำหรับนั่งทำงาน ประชุมงาน หรือติวหนังสือก่อนสอบได้เลย ซึ่งพื้นที่บนชั้นนี้มาพร้อมกับสวนกลางแจ้ง และวิวสีเขียวสวยๆ สบายตา และถ้าขึ้นไปที่ชั้น 38 ก็ยังมี Rooftop Garden ที่จัดเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สามารถใช้เป็นจุดชมวิวและที่พักผ่อนได้ในคราวเดียวกัน โมเดลของโครงการ ดูจาก Master Plan ของโครงการ จะเห็นว่ามีทางเข้า-ออกทางเดียว ด้านหน้าจะมี Drop off สำหรับรับ-ส่งลูกบ้าน ใกล้ๆ กันจะมีจุดจอดรถอัจฉริยะอยู่ด้วย ส่วนด้านในอาคารจะมี Lobby ขนาดใหญ่ ก่อนจะถึงโถงลิฟท์ ที่มีลิฟท์ทั้งหมด 4 ตัว เป็นลิฟท์โดยสาร 3 ตัวและ Service Lift 1 ตัว ทางเข้าโครงการ หน้าตาของ Lobby ที่ชั้น G ตกแต่งได้อย่างหรูหราทีเดียวครับ จากชั้น G ขึ้นไปถึง 10 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด สามารถรองรับได้ประมาณ 67% ขึ้นมาที่ชั้น 11 จะเป็นชั้นเริ่มของห้องพักอาศัย ที่มีเพียง 5 ห้อง เนื่องจากส่วนหนึ่งจะเป็น Facility หลักของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำและ ฟิตเนส ทำให้ห้องพักอาศัยของชั้น 11 จะมีเพดานสูงกว่าชั้นอื่นๆ อยู่ประมาณ 60 ซม. โมเดลจำลองฟิตเนสบนชั้น 11 ที่มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านนอก โมเดลจำลองของสระว่ายน้ำบนชั้น 11 ภาพบรรยากาศจำลองของสระว่ายน้ำในเวลากลางวัน สระว่ายน้ำจะประดับด้วยสาย Fibre Optic พอถึงเวลากลางคืนจะมีแสงระยิบระยับให้บรรยากาศเหมือนว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวบนฟากฟ้า (งานมโนต้องมา ฮ่าๆๆ) นอกจากนั้นยังมี Outdoor Theater จอใหญ่ให้ได้ชมรายการต่างๆ เวลาเล่นได้อีกด้วย บรรยากาศห้องฟิตเนส ขึ้นมาที่ชั้น 13-29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด มีประมาณ 11 ห้องต่อชั้น พอถึงชั้นที่ 30 จำนวนห้องพักอาศัยจะลดลงเหลือเพียง 6 ห้อง เนื่องจากถูก Facility บนชั้น 31 กินพื้นที่ลงมาบางส่วน ชั้น 31 ห้องพักอาศัยจะเหลือเพียง 3 ห้อง และเป็นอีกชั้นหนึ่งที่มี Facility อยู่ด้วยทั้งห้องสมุด ห้องซักผ้า พร้อมกับพื้นที่พักผ่อนที่แยกกันอย่างเป็นสัดส่วน เชื่อมต่อไปออกถึงสวนสีเขียวด้านนอก Facility บนชั้น 31 ที่กินพื้นที่ลงมาที่ชั้น 30 ด้วย บรรยากาศภายในห้องสมุดบนชั้น 31 ของโครงการ โมเดลจำลองของสวนสีเขียวที่เชื่อมต่อกับห้องสมุดบนชั้น 31 ตั้งแต่ชั้น 32-37 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดอีกครั้งนะครับ แต่จำนวนห้องจะน้อยลงอีกเหลือเพียงชั้นละ 3-4 ยูนิตต่อชั้น เนื่องจากจะเป็นห้องขนาดใหญ่ตั้งแต่ 2-3 ห้องนอน และห้อง Penthouse มาถึงชั้นบนสุดของโครงการที่ชั้น 38 จะเป็น Rooftop Garden ให้ลูกบ้านได้ขึ้นมาชมวิวมุมสูงที่ชั้นดาดฟ้า ในส่วนของที่พักอาศัย ทางโครงการเน้นออกแบบให้เหมาะกับ Lifestyle คนเมือง ซึ่งก็มีให้เลือกตั้งแต่ห้องแบบ Studio ห้อง 1-3 Bedroom ไปจนถึงห้องแบบ Duplex และ Penthouse เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยในลักษณะต่างๆ ทั้งแบบเดี่ยว หรืออาศัยกันทั้งครอบครัวก็สามารถเลือกแบบห้องได้ตามต้องการ แถมทางโครงการยังจัดขายห้องมาแบบ Semi Furnished มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in วัสดุคุณภาพมาให้เสร็จสรรพ ห้องที่ได้มาจึงแทบจะไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มมากนักก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ภายในห้อง เดี๋ยวเราไปดูในห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการเตรียมไว้ตอนนี้มีด้วยกัน 2 แบบ คือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 34.25 ตร.ม และห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 59 ตร.ม. เราเริ่มต้นกันที่ห้อง 1 Bedroom กันก่อนนะครับ พอเปิดเข้าห้องมาก็จะเจอกับครัวและพื้นที่นั่งเล่นก่อน โดยที่พื้นที่ของห้องนอนจะแยกไว้เป็นสัดส่วน การจัดวาง Layout ของพื้นที่ใช้สอยภายในห้องค่อนข้างทำได้ดีเลยทีเดียว ยิ่งในห้องตัวอย่างนี้เป็นแบบห้องที่อยู่ในตำแหน่งห้องมุมของอาคาร จึงได้หน้าต่างเพิ่มขึ้นมาที่ผนังด้านข้างด้วย ทำให้ห้องนี้รับแสงและเห็นวิวได้มากขึ้น แปลนห้อง Type 1E ขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 34.25 ตารางเมตร ที่นี่จะให้ Digital Door Lock รุ่น push and pull ของ Samsung ที่ใช้ได้ 3 ระบบทั้ง Key Card , Password และ กุญแจไข เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวอยู่ด้านหน้า มองตรงเข้าไปด้านในถึงจะเป็น Living Area พื้นที่ส่วนครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีขาว ส่วนพื้นที่ Living Area จะเป็น Engineering Wood สีไม้โอ๊ค ครัวที่อยู่ด้านหน้าห้องจะเป็นแบบเปิดนะครับ ตัวท็อปครัวจะเป็นกระเบื้องหินแกรนิต Black Galaxy ด้านซ้ายมือจะเป็นซิงค์ล้างจานทรงสีเหลี่ยมของ MEX ด้านขวาเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ smeg มาพร้อมกันฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านบนจะเป็นตู้ลอยติดผนัง ห้องจริงจะได้หน้าบานเป็นกระจกแบบนี้เลยนะครับ เปิดเข้าไปก็จะเป็นที่เก็บจาน ชาม ช้อน ส้อม ด้านล่างจะเป็นจุดวางไมโครเวฟและตู้เก็บของ ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวจะมีโต๊ะอเนกประสงค์ ซึ่งสามารถพับเก็บได้ ใช้เป็นโต๊ะทานอาหารก็สะดวกดีนะครับ แต่เก้าอี้โครงการไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ ฝั่งตรงข้ามครัวจะเป็นจุดวางตู้เย็น และตู้เก็บของที่โครงการ Built in มาให้ ตู้ที่ได้มานี่สารพัดประโยชน์เลยนะครับ เก็บได้ทั้งไม้กวาด ไม้ถูพื้น รองเท้า ไปจนถึงของเล็กๆ น้อยๆ ถัดจากส่วนครัวเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ด้านชั้นวางทีวีโครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีเล็กๆ พร้อมตู้เก็บของด้านล่าง โซฟาที่โครงการจัดวางมาให้ดูเป็นโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง ทำให้ด้านข้างมีที่ว่างเหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟ ส่วน Living Area จะให้แอร์ฝั่งฝ้าแบบนี้นะครับ ทำให้เพดานตรงส่วนครัวถูกดรอปลงมาเหลือ 2.5 เมตร ในขณะที่เพดานในส่วน Living Area จะสูง 2.75 เมตร ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน แบบ Full High Window พื้นที่บริเวณระเบียงจะกว้างประมาณ 1 เมตร ที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่ที่นอกเบียงนี่นะครับมี Grill กั้นอย่างเป็นสัดส่วน คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเครื่องซักผ้าอีกที เรากลับเข้ามาดูที่ห้องนอนกันต่อเลยนะครับ ภายในห้องนอนสามารถเลือกวางเตียง 5-6 ฟุตได้ตามใจชอบเลยนะครับ เพราะมีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควร ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่าง มีที่เหลือพอให้วางโต๊ะทำงานเลยทีเดียว แต่โครงการวางให้ดูเป็นตัวอย่างเฉยๆ นะครับ ไม่ได้แถมให้ด้วย ส่วนหน้าต่างจะได้บานประมาณนี้นะครับ ที่เห็นเป็นกระจกข้างๆ หน้าต่างนั่นไม่ใช่ตู้เก็บของนะครับ แต่เป็นส่วนของที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ที่ยื่นเข้ามาในห้องนอน หน้าต่างจะเป็นบาน Fix บานใหญ่เลยนะครับ พื้นที่ปลายเตียงจะเหลืออยู่นิดหน่อยให้พอเดินได้ ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอน ก็คงต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทนนะครับ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า และทางเข้าห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าโครงการจะ Built in มาให้ด้วยนะครับ เป็นตู้สูงถึงเพดานห้องเลย หน้าบานจะเป็นกระจกสีชาแบบที่เห็นนี่เลยครับ ติดกับตู้เสื้อผ้าจะมีชั้นวางของเล็กๆ พร้อมกับกระจกเงาที่สามารถปิด-เปิด ได้ ช่วยให้ดูเรียบร้อยขึ้น เราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อนะครับ ภายในห้องน้ำจะปูด้วยหินแกรนิต Misty Grey ทั้งห้องเลยนะครับ ทั้งพื้นและผนัง จะมีความแตงต่างกันตรงที่ผิวของกระเบื้อง บริเวณผนังห้องจะมีผิวขรุขระให้ความรู้สึกเหมือนหินจริงๆ ส่วนที่พื้นจะเป็นผิวเรียบ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Cotto ตัวเคาน์เตอร์จะเป็นหินแกรนิตเหมือนที่ปูผนังห้องน้ำ กระจกเงาจะได้บานสูงแบบนี้เลยนะครับ โถสุขภัณฑ์จะได้เป็นสุขภัณฑ์อัจฉริยะของ Cotto รุ่น The Tunio มีฟังก์ชัน Automatic Flushing Sensor พร้อมกันรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ที่ให้มาพร้อมทั้ง Hand Shower และ Rain Shower ของ Cotto ชุดฝักบัวของ Cotto มาพร้อมกับ Rain Shower ของ Cotto เหมือนกัน ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้อง คือ ห้องแบบ 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายในห้องกว้างขวางมากขึ้น ด้วยลักษณะของห้องเป็นห้องหน้ากว้างนะครับ เด่นที่พื้นที่ระเบียง ที่จะติดตั้งกระจกกั้นไว้สองชั้น คือชั้นแรกเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อออกสู่ระเบียง ซึ่งกระจกชั้นที่สองจะติดตั้งเต็มพื้นที่ด้านนอก โดยติดตั้งเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อเปิดระบายอาการและรับลมจากด้านนอก ซึ่งห้องแบบ 2 ห้องนอนขึ้นไปจะได้ระเบียงแบบนี้ทั้งหมดนะครับ แปลนห้อง Type 2B-1 ขนาด 59 - 59.75 ตารางเมตร เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วมองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ด้านข้างประตูห้องจะมีตู้เก็บของ เก็บรองเท้า เราไปดูด้านขวามือกันก่อนนะครับ ด้านขวามือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิด ซึ่งจะคล้ายๆ กับห้อง 1 ห้องนอนที่เราดูมาเมื่อกี้เลยนะครับ แต่ห้องนี้จะได้ครัวใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย พื้นบริเวณส่วนครัวจะเป็นกระเบื้องเซรามิคสีขาว ส่วน Living Area จะเป็นพื้น Engineering Wood สีไม้โอ๊ค เหมือนห้อง 1 ห้องนอนเมื่อสักครู่ เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปตัว L ตัวท็อปจะเป็นกระเบื้องหินแกรนิต Black Galaxy เหมือนกัน ด้านบนก็จะเป็นตู้ลอยเก็บของ ซิงค์ล้างจานทรงสี่เหลี่ยมของ MEX เตาไฟฟ้า 2 หัวของ smeg มาพร้อมกับฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของ พร้อมจุดวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า ที่วางตู้เย็นจะอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัว ขยับออกมาทาง Living Area จะเป็นจุดวางโต๊ะทานอาหาร ขนาด 4 ที่นั่ง อยู่ตรงกลางระหว่างครัวกับ Living Area มุมมองจาก Living Area ไปที่ส่วนครัวที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าห้อง ถัดจากส่วน Dining Area เข้าไปด้านในจะเป็นส่วน Living Area Living Area ของห้อง Type นี้ ถือว่ากว้างขวางเลยนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่ากว้างพอสมควร สามารถวางทีวีจอใหญ่ๆ ได้บายๆ โครงการเลือกวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งให้ดูนะครับ แต่จริงๆ แล้วมีพื้นที่เหลือพอให้วางโซฟา 4 ที่นั่งได้เลย ด้านชั้นวางทีวี โครงการ Built in มาให้เป็นเป็นเคาน์เตอร์ยาวสีดำ ติดกับ Living Area เข้าไปด้านในจะเป็นระเบียง ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงของห้องจริงจะกว้างกว่าที่เราเห็นนี้ประมาณ 15 ซม. นะครับ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องโครงสร้างทำให้โครงการทำขนาดเท่าห้องจริงไม่ได้ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียงเหมือนเดิมนะครับ มี Grill กั้น ให้เรียบร้อย จะสังเกตว่าที่ระเบียงจะมีกระจกกั้นอีก 1 ชั้นนะครับ เพราะห้องแบบ 2 ห้องนอน เกือบทั้งหมดจะอยู่ทิศใต้ หันไปทางวังสระปทุม จึงต้องมีกระจกกั้นไว้อีกชั้น ซึ่งจะเป็นบานกระทุ้ง 3 บาน สามารถเปิดได้ประมาณ 30 องศา เรากลับเข้ามาดูด้านในกันต่อ จาก Living Area จะเป็นทางเดินเข้าไปที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้องและห้องน้ำ ห้องแรกจะเป็นห้องนอนเล็ก พื้นที่ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้นะครับ ถ้าจะวางทีวีไว้ในห้องนอน อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน พื้นที่ในห้องนอนเล็กค่อนข้างกว้าพอสมควรนะครับ สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้เลย หน้าต่างภายในห้องนอนเล็กจะได้บานใหญ่เลยนะครับ แต่จะเป็นบาน Fix ทั้งหมด ไม่สามารถเปิดออกไปได้ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in บานสูงขึ้นไปจนถึงเพดาน เปิดตู้เสื้อผ้าออกมาแล้ว หน้าตาจะประมาณนี้นะครับ ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำเล็ก สุขภัณฑ์ที่ใช้และการวาง Layout ในห้องน้ำจะเหมือนกับห้อง 1 ห้องนอนที่เราดูมาแล้วนะครับ แต่ห้องน้ำเล็กห้องนี้จะไม่ได้โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Cotto พร้อมกับกระจกเงาบานสูง อย่างที่บอกนะครับ โถสุขภัณฑ์ของห้องน้ำเล็กจะเป็นแบบธรรมดา ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ชุดฝักบัวของ Cotto พร้อมกับ Rain Shower ของ Cotto เช่นกัน จากห้องน้ำเล็ก เราเข้ามาดูที่ห้องนอน Master พื้นที่ในห้องนอน Master ค่อนข้างใหญ่เลยนะครับ วางเตียง 6 ฟุตเข้าไปแล้วยังมีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลืออีกพอสมควร ด้านปลายเตียงโครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีพร้อมกับที่เก็บของ หน้าต่างในห้องนอนใหญ่ก็จะเหมือนกับในห้องนอนเล็กนะครับ คือจะเป็นบาน Fix ทั้งหมด ไม่สามารถเปิดออกไปได้ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า Built in อยู่มุมห้อง ติดกับทางเข้าห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าจะคล้ายๆ กับของห้อง 1 ห้องนอนนะครับ หน้าบานเป็นกระจกสีชา มีชั้นวางของอยู่ด้านข้าง สุดท้ายเราไปดูที่ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ การจัดวางสุขภัณฑ์จะเหมือนกับห้องน้ำเล็กเมื่อสักครู่นะครับ แต่ห้องนี้จะได้โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะด้วย โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะของ Cotto พร้อมกันรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส ติดกับโถสุขภัณฑ์จะเป็น Shower Box พร้อมชุดฝักบัวของ Cotto และ Rain Shower ยี่ห้องเดียวกัน มุมมองจากห้องนอนใหญ่ออกไปที่ Living Area สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ทางโครงการก็มีห้องแบบ 3 Bedroom และ Penthouse ให้เลือก 3 Type ด้วยกันนะครับ คือ 3 Bedrooms 2 Bathrooms ขนาด 85 ตร.ม. 3 Bedrooms 3 Bathrooms ขนาด 105 ตร.ม. Penthouse ขนาด 119.50 ตร.ม. ซึ่งการออกแบบก็ตอบโจทย์ให้พื้นที่ใช้สอยที่เป็นส่วนตัวกับสมาชิกทุกคน รวมถึงการ Upgrade วัสดุอุปกรณ์บางชิ้นให้สูงขึ้นด้วยถึงแม้ว่าโดยรวมทางโครงการจะเลือกใช้วัสดุแบรนด์คุณภาพ หรือวัสดุนำเข้าอยู่แล้วก็ตาม อย่างตัวอย่างของวัสดุอุปกรณ์ที่ถูก Upgrade ขึ้นมาก็เช่น ในส่วนครัวเตาไฟฟ้าจะได้เป็นเตา 4 หัว พร้อมฮูดดูดควันของ Küppersbusch ซึ่งเป็นแบรนด์นำเข้าจากเยอรมัน เช่นเดียวกับซิงค์ล้างจานที่เพิ่มมาเป็น 2 หลุม นอกจากนั้นจะมีตู้เย็นและไมโครเวฟ Built in ของ Foster แบรนด์จากอิตาลีเพิ่มมาให้อีกด้วย ส่วนห้องน้ำทุกห้องให้เป็นสุขภัณฑ์อัจฉริยะ Cotto รุ่น The Tunio ที่มีฟังก์ชันสุดล้ำ Automatic Flushing Sensor และรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส และยังได้ความเป็น private มากขึ้น เพราะเป็น High Floor เริ่มตั้งแต่ชั้น 31 -37 มีจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อย ที่สำคัญวิวที่ได้รับจะเป็นวิวเมือง เปิดโล่ง มุมสูง แปลนห้อง Type 3A 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 85 ตารางเมตร แปลนห้อง Type 3B 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 105 ตารางเมตร แปลนห้อง Penthouse (3 ห้องนอน) ขนาด 119.50 ตารางเมตร ด้วยทำเลที่จัดว่าได้เปรียบเรื่องศักยภาพในด้านต่างๆ ทั้งการเดินทางที่สะดวก แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีสาธารณูปโภคครบครัน โครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี จึงเป็นที่น่าจับตา และน่าสนใจทั้งในแง่ของการซื้อไว้อยู่อาศัยเอง และซื้อเพื่อการลงทุน แถมตัวโครงการเองก็ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองด้วย ใครที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างพร้อมพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกับพนักงานขายได้ที่ THE LINE Sales Centre (BTS หมอชิต) โดยโครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี จะเปิดจองในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย.นี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com/condominium/theline_ratchathewi หรือ โทร.1685
Chewathai Residence Bang Pho : รีวิวคอนโด

Chewathai Residence Bang Pho : รีวิวคอนโด

รีวิววันนี้ เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ความน่าสนใจของโครงการนี้นอกจากจะเป็นคอนโดที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบางโพแล้ว ยังเป็นคอนโด High Rise สูง 24 ชั้น ที่อยู่ริมถนนประชาราษฎร์สาย 2 ในช่วงที่ใกล้มากพอจะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ พร้อมกับการออกแบบที่เน้นความหรูหรา ในสไตล์ Modern Contemporary และพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางกว่าคอนโดอื่นๆ ในทำเลเดียวกัน ซึ่งขณะนี้โครงการได้เริ่มก่อสร้างไปแล้วนะครับ และจะเปิด Pre-Sales ในวันที่ 26-27 กันยายนนี้แล้วด้วย ใครสนใจก็อย่าลืมแวะไปชมกันนะครับ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,900,000 บาท (เฉพาะช่วง Pre-Sales เท่านั้น) ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร    ประมาณ 125,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise สูง 24 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     172 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 1 - 94.3 ไร่ ที่จอดรถ    ประมาณ 80% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ถนนประชาราษฎร์สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    เดือนกันยายน 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2560 วิธีการเดินทาง การเดินทางในครั้งนี้ เราเริ่มจากถนนรัชดาภิเษกก่อนถึงแยกประชานุกูล วิ่งมาตามถนนรัชดาภิเษกมาที่แยกวงศ์สว่าง จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรี วิ่งมาจนสุดที่แยกเตาปูนแล้วเลี้ยวขวา เพื่อเข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ก่อนจะถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนประชาราษฎร์สาย 1 เล็กน้อย เราก็จะเห็นที่ตั้งของโครงการชีวาทัยบางโพอยู่ทางด้านซ้ายมือ ติดกับที่ทำการไปรษณีย์ ส่วนสำนักงานขายตอนนี้จะแยกตัวไปอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้ามนะครับ ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลบางโพ รับรองว่าหาไม่ยากครับ การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นกันตรงถนนรัชดาภิเษกฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปทางวงศ์สว่าง ข้างหน้าเราจะเป็นแยกประชานุกูล ตรงนี้มีทางเลือก 2 ทางนะครับ จะตรงไปขึ้นสะพานข้ามแยกประชานุกูล เพื่อไปทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ก็ได้ หรือจะเลี้ยวซ้ายที่แยกประชานุกูล เพื่อไปทางถนนประชาชื่น ก็ได้ เราเลือกตรงขึ้นสะพานข้ามแยกประชานุกูล เพื่อไปเข้าทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี พอลงสะพานข้ามแยกมาแล้ว ให้ค่อยๆ ชิดซ้ายไว้นะครับ ข้างหน้าจะมีอีก 1 สะพาน เป็นสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง เราไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ เพราะเราจะต้องเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ไปทางเตาปูนตามป้าย ชิดซ้ายไว้ ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ จากนั้นเรามาเลี้ยวซ้ายที่แยกวงศ์สว่าง พอเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรีแล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ เลยครับ ผ่านแนวรถไฟฟ้าสายสีแดง ด้านขาวมือตอนเย็นๆ จะมีตลาดสยามยิปซี เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกเตาปูน ข้างหน้าจะเป็น MRT สถานีเตาปูน เป็นสถานี Interchange เชื่อมต่อสายสีน้ำเงินกับสายสีม่วง ที่กำลังจเปิดให้บริการในปลายปีนี้แล้ว ตรงนี้เราต้องเลี้ยวขวาไปทางบางโพ ตามป้าย เลี้ยวขวาลอดใต้สถานีเตาปูน เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปทางบางโพ เลี้ยวขวามาแล้วจะเห็นโครงการชีวาทัย Interchange ที่อยู่ติดกับสถานีเตาปูน จากแยกเตาปูนเราตรงมาตามถนนประชาราษฎร์สาย 2 เรื่อยๆ ตัวโครงการจะตั้งอยู่ติดกับไปรษณีย์บางโพ (ที่ไฮท์ไลท์สีเขียวไว้นะครับ) ก่อนถึงแยกบางโพนิดหน่อย ส่วนสำนักงานขาย จะไม่ได้ตั้งอยู่ที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้างโครงการนะครับ จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยโรงพยาบาลบางโพไปนิดหน่อย สำหรับการเดินทางมายังโครงการ นอกจากจะใช้รถส่วนตัวแล้ว การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็สะดวกไม่แพ้กัน ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ รวมถึงวินมอเตอร์ไซค์ก็วิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งวัน ที่สำคัญในอนาคตอันใกล้นี้ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็จะเปิดให้บริการ การเดินทางมายังโครงการก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะมีสถานีรถไฟฟ้าบางโพอยู่ห่างจากหน้าโครงการออกไปเพียง 80 เมตรเท่านั้น สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีบางโพ โรงพยาบาลบางโพ ตลาดบางโพ ตลาดเตาปูน เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น บิ๊กซี วงศ์สว่าง รัฐสภา แห่งใหม่ โรงเรียนโยธินบูรณะ วิเคราะห์รอบโครงการ ทำเลที่ตั้งของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ต้องบอกว่าอยู่ในทำเลที่น่าสนใจเลยทีเดียว ทั้งเรื่องที่มีสถานีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ ห่างจากสี่แยกออกไปไม่ไกล สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลายเส้นทาง และยังได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ อีกด้วย ขณะเดียวกันบรรยากาศในบริเวณรอบๆ โครงการยังคงมีความเป็นชุมชนเก่า มีตลาดสด ร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล วัด และสถานที่ราชการแวดล้อมอยู่หลายแห่ง เลยไม่ต้องกลัวว่าจะเงียบเหงาเลย ในขณะเดียวกันถ้าต้องการออกไปช๊อปปิ้ง ทำเลที่ตั้งของโครงการก็ไม่ได้อยู่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ มากนัก เช่น สวนจตุจักร เจเจกรีน ห้างเซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ รวมถึงย่านฮิปๆ แถวอารีย์เลย ซึ่งสามารถเดินทางรอบเมืองได้ด้วยเส้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่วิ่งเป็น loop เพียงสายเดียวเท่านั้น สำหรับตัวโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ อย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นคอนโด High Rise สูง 24 ชั้น บนพื้นที่ขนาด  1 ไร่เศษ ริมถนนประชาราษฎร์ ไม่ต้องเข้าซอยอีกให้ยุ่งยากครับ คอนเซปต์การออกแบบของโครงการนี้เน้นมาในสไตล์ Modern Contemporary ชูความต่างจากโครงการอื่นๆ ในเครือชีวาทัย ด้วยขนาดของห้องที่กว้างขวาง และเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตรวมเพียง 172 ยูนิตเท่านั้น ในแต่ละชั้นก็มีจำนวนห้องน้อยมาก แถมห้องส่วนใหญ่จะเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบเต็มๆ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นสำคัญของโครงการนี้ Master Plan ของโครงการ จะเห็นว่ามีทางเข้าออกทางเดียว คือด้านถนนประชาราษฏร์สาย 2 ถนนรอบโครงการเป็นแบบ One Way ที่ชั้น 1 จะประกอบไปด้วย Main Lobby, Business Lounge, Mail Box และโถงลิฟท์ แบ่งเป็นลิฟท์โดยสาร 2 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว ส่วนที่จอดรถก็เริ่มที่ชั้น 1 ขึ้นไปถึงชั้น 6 เลยนะครับ รวมแล้วจอดได้ประมาณ 80% Lobby หรูหราที่ชั้น 1 ส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 7 ชั้น 8-15 แปลนจะคล้ายๆ กับชั้น 7 นะครับ มีห้องพักอาศัยประมาณ 12 ยูนิตต่อชั้น ชั้น 17-20 จำนวนห้องพักจะลดลงเหลือ 10 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้นสูงสุดของห้องพักอาศัยที่ชั้น 21-22 จะมี 7 ยูนิตต่อชั้น และมีห้อง Penthouse อยู่ชั้นละ 2 ยูนิต หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ทางด้านของ Facility ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ก็ต้องบอกว่าเต็มที่เลยทีเดียว ซึ่ง Facility หลักจะรวมอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า ทั้งสระว่ายน้ำแบบ River View Sky Lap Pool, Panoramic Fitness, Steam Room, Sky Garden, Business Lounge และ Pocket Garden รวมถึงเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่ใช้ระบบ Elevators Access Control มี Key Card ล็อคชั้น มีกล้อง CCTV และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้เรื่องที่จอดรถก็จัดมาให้มากถึง 80% เลยนะครับ ถือว่าเยอะมากๆ สำหรับคอนโดที่มีทำเลติดรถไฟฟ้าแบบนี้ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้นบนสุดคือชั้น 23-24 ที่ชั้น 23 จะเป็นสระว่ายน้ำและส่วนลอยฟ้า ส่วนที่ชั้น 24 จะเป็นฟิตเนส บรรยากาศสระว่ายน้ำและฟิตเนส บนชั้นดาดฟ้าของโครงการ สิ่งอำนวยความสะดวก Main Lobby Panaromic Fitness Mailbox Room Pocket Garden River View Sky Lap Pool Steam Room Business Lounge Sky Garden 24 hr. Security Guards CCTV พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ชมด้วยกัน 2 แบบครับ คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 42.50 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 78.50 ตร.ม. โดยที่ห้องทั้งหมดจะขายให้แบบ Fully Furnished เลยนะครับ ชุดเฟอร์นิเจอร์จะเป็นแบบสั่งทำยี่ห้อ Starmark ทั้งหมด ทั้งหน้าตา สีสันก็สวยงาม เรียบหรูมากๆ เดี๋ยวเราไปชมในห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องกันเลยดีกว่าครับ Type B1 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 42.5 ตารางเมตร บานประตูลายไม้ ประตูจะเป็น Digital Door Lock ของ Yale เข้ามาด้านในแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ มองตรงไปด้านในถึงจะเป็น Living Area ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L เชื่อมตัวกับโต๊ะอาหาร ขนาด 2 ที่นั่ง หันหน้าเข้าหาครัว ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ค่อนข้างลึกพอสมควร ตู้ด้านล่างซิงค์ล้างจาน พร้อมถังขยะ ขยับมาอีกหน่อยจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ Take ด้านบนจะเป็นฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องวางเตาอบ ตู้ลอยเก็บของด้านบน ภาพรวมของส่วนครัวด้านหน้าห้อง ส่วนฝั่งตรงข้ามครัว จะเป็นทางเข้าห้องน้ำ และเป็นจุดที่วางตู้เย็นอยู่ข้างๆ ติดกับตู้เย็นมีตู้เก็บรองเท้าให้ด้วย ด้านในห้องน้ำส่วนแรกจะเป็นอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ฝั่งตรงข้ามเป็นโถสุขภัณฑ์ จากห้องน้ำตรงนี้จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน เพื่อเข้าไปยังห้องอาบน้ำด้านใน เลยเข้ามาด้านในอีกจะเป็นส่วนอาบน้ำ มีอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาให้อีก 1 จุด อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม รอบๆ ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค ติดกับอ่างล้างหน้าจะเป็นอ่างอาบน้ำ อีกฝั่งจะเป็น Shower Box ชุดฝักบัวและ Rain Shower ของ Cotto มุมมองจากห้องอาบน้ำออกไปถึงส่วนครัวด้านนอก คราวนี้เราออกมาดูที่ Living Area กันต่อ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างพอสมควรนะครับ สามารถวางทีวีจอใหญ่ได้เลย โซฟาที่โครงการวางมาให้เป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง อีกด้านโครงการ Built in ชั้นวางทีวี ขนาดพอดีกับผนัง Living Area จะอยู่ติดกับระเบียง ขนาดของระเบียงกว้างประมาณนี้นะครับ ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน จาก Living Area เราเข้าไปดูห้องนอนกันต่อ ห้องนอนถือว่าใหญ่พอสมควรนะครับ สามารถวางเตียง King Size ได้เลย ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือให้เดินได้สะดวก ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอนด้วย แนะนำเป็นทีวีแบบแขวนผนังจะดีกว่าครับ ส่วนหน้าต่างด้านในจะเป็นบาน Fix บานใหญ่ และมีบานกระทุ้ง 2 บานข้างๆ ข้างเตียงอีกด้านโครงการจัดวางเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ ต่อจากโต๊ะทำงานเข้าไปจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Walk in closet ข้างๆ ตู้เสื้อผ้าจะเห็นประตูบานเลื่อน เป็นทางเข้าห้องน้ำอีกด้านหนึ่ง ต่อมาเรามาดูกันที่ห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 78.5 ตารางเมตร กันต่อ เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ การวาง Lay Out ส่วนนี้จะคล้ายๆ กับห้องแบบ 1 ห้องนอน ที่เราดูมาเมื่อกี้เลย ด้านซ้ายมือจะเป็นตู้สูงไว้สำหรับเก็บรองเท้า ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L เตาไฟฟ้าจะได้ขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกเป็นเตาแบบ 4 ตัวของ Teka พร้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ขยับมาอีกจะเป็นซิงค์ล้างจาน ห้องนี้จะได้ 2 หลุมเลยนะครับ ด้านบนก็เป็นตู้ลอยเก็บของ จุดวางตู้เย็นจะอยู่ใกล้ๆ กับไมโครเวฟและเตาอบ ภาพรวมๆ ของส่วน Dining Area มีโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง เป็น Island อยู่ตรงกลาง ถัดเข้าไปด้านในเป็นส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่ากำลังดีเลยนะครับ สามารถเลือกวางทีวีจอใหญ่ได้เลย โซฟาที่โครงการจัดมาให้เป็นขนาด 3 ที่นั่ง และเก้าอี้อาร์มแชร์อีก 1 ตัว ด้านชั้นวางทีวีเป็นตู้ Built in ยาวไปจรดกับตู้เก็บรองเท้า ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ฝ้าบริเวณนี้โครงการจะทำเป็นร่องไว้สำหรับซ่อนรางผ้าม่านให้ด้วยนะครับ ขนาดของระเบียง จาก Living Area เราเดินเข้าไปดูห้องนอนทั้ง 2 ห้องกันต่อ ห้องนอนแรกเป็นห้องนอนเล็ก อยู่ติดกับ Living Area ขนาดของห้องนอนเเล็ก เมื่อวางเตียง 5 ฟุต ลงไปแล้วจะเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงนิดหน่อย ปลายเตียงมีที่เหลือให้เดินได้สะดวก และโครงการยังได้ Built in ชั้นวางทีวีเล็กๆ มาให้ด้วย หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เลยนะครับ เป็นบาน Fix บานใหญ่ และมีบานกระทุ้งบานเล็ก 2 บานอยู่ข้างๆ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า หน้าบานเป็นบานกระจกแบบในรูปเลยครับ จากห้องนอนเล็กเราเดินต่อเข้าไปด้านใน ก่อนถึงห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำเล็ก 1 ห้อง สุขภัณที่ใช้จะเหมือนกับห้องน้ำของห้อง 1 ห้องนอน อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมมาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ขนาดของ Shower Box จะประมาณนี้นะครับ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็กจนดูอึดอัด ชุดฝักบัวและ Rain Shower ของ Cotto เหมือนกัน ติดๆ กับห้องน้ำเล็กก็จะเป็นห้องนอนใหญ่ ห้องนอนใหญ่นี่กว้างขวางดีเลยครับ โครงการจัดเตียง King Size มาให้ พื้นที่รอบๆ เตียงยังเหลืออีกเยอะพอสมควร ปลายเตียง Built in เป็นชั้นวางทีวียาวไปเป็นโต๊ะทำงานด้วย หน้าต่างในห้องนอนใหญ่จะเหมือนกับหน้าต่างในห้องนอนเล็กนะครับ ข้างเตียงอีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้า ดีไซน์จะเหมือนกับตู้เสื้อในห้องนอนเล็ก แต่ขนาดจะใหญ่กว่า ในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวอีก 1 ห้อง ซึ้งขนาดจะใหญ่กว่าห้องน้ำข้างนอกเยอะเลยครับ โถสุขภัณฑ์จะแยกออกมาอย่างเป็นสัดส่วน เป็นห้องเล็กๆ กั้นด้วยประตูกระจก อ่างล้างหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ยาวมี 2 อ่าง กระจกเงาก็ได้ 2 บาน ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็น Shower Box ขนาดของ Shower Box จะพอๆ กับห้องน้ำเล็กข้างนอก ชุดฝักบัวกับ Rain Shower ก็จะเหมือนๆ กัน ด้านในสุดจะเป็นอ่าง Jacuzzi บริเวณอ่าง Jacuzzi จะเป็นกระจกรอบด้านเลยนะครับ เวลานอนแช่น้ำในอ่างได้ชมวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วย ในช่วงแรกที่มีการเปิดขายนี้จะมีโปรโมชั่นพิเศษ แถม Motion Sensor, Digital Door Lock ของ Yale และ Water Heater ในห้องมาให้ด้วย อันนี้สามารถไปต่อรองและคุยกับเซลล์ที่สำนักงานขายกันได้ครับ เท่าที่รู้มาโครงการนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยนะครับ รีบเข้าไปดูห้องตัวอย่างประกอบการตัดสินใจก่อนหน่อยก็ดีครับ เพราะจำนวนห้องมีน้อย พลาดห้องสวยๆ ไปแล้วจะเสียดายครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 14/08/2558 1 Bedroom จอง 30,000 บาท ทำสัญญา 70,000 บาท 2 Bedroom จอง 50,000 บาท ทำสัญญา 150,000 บาท ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตร ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
ชีวาทัย รามคำแหง : รีวิวคอนโด

ชีวาทัย รามคำแหง : รีวิวคอนโด

สวัสดีครับวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูคอนโด ชีวาทัย รามคำแหง ซึ่งสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว โครงการนี้มีจุดเด่นที่เป็นคอนโด High Rise ติดถนนรามคำแหงเลย และยังอยู่ห่างจากแยกลำสีแค่นิดเดียวเองด้วย ส่วนเรื่องการเดินทางก็ไปมาได้หลายทาง เราเริ่มเดินทางไปกันเลยดีกว่าครับ     รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,890,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 63,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 33 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     535 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    3 - 3 - 32 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    321 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ค่าส่วนกลาง    30 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร Promotion เดือน กรกฎาคม – สิงหาคม 2558 จ่าย 1 บาท พร้อมเข้าอยู่ (เฉพาะธนาคาร ไทยพาณิชย์) เริ่ม 1.89 ห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตร.ม. ฟรีทุกค่าใช่จ่าย : ฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์ ฟรีค่าใช้จ่ายส่วนกลาง 1 ปี ฟรีค่ากองทุนแรกเข้า ฟรีค่ามิเตอร์ไฟฟ้า มิเตอร์น้ำ (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) การเดินทาง โครงการชีวาทัย รามคำแหง ตั้งอยู่ริมถนนรามคำแหงตรงช่วงระหว่างซอย 79/1 และ 79/2 ครั้งนี้เราเริ่มต้นเดินทางมาจากทางแยกพระราม 9 ซึ่งห่างจากสี่แยกพระราม 9 ไปทางคลองตันไม่ไกลนักจะมีรถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีรามคำแหง เป็นอีกตัวเลือกในการร่นระยะเวลาในการเดินทาง และหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรเวลาต้องเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองครับ ลงจากตัวสถานีมาแล้วก็สามารถต่อรถแท็กซี่ รถสองแถว หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้เลย วิ่งตรงมาข้ามแยกพระราม 9 แล้วเข้าสู่ถนนรามคำแหงมาเรื่อยๆ เป็นระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร ก็ถึงหน้าโครงการแล้วครับ เราก็จะผ่านทั้ง ห้างเดอะมอล์รามคำแหง ห้างบิ๊กซี เมเจอร์ฮอลลิวูด มหาวิทยาลัยรามคำแหง วัดเทพลีลา สนามรัชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญบนถนนสายนี้ ที่สำคัญเส้นทางบนถนนรามคำแหงช่วงก่อนจะถึงโครงการ ก็มีซอยใหญ่ๆ ที่สามารถลัดไปออก ประชาอุทิศ ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม และถนนลาดพร้าวได้ด้วย ทำให้การจราจรในบริเวณนี้หนาแน่นมากเลยทีเดียว สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นประจำ ก็สามารถเลือกใช้เส้นทางต่างๆ ข้างต้นลัดเลาะมาที่ถนนรามคำแหงได้ หรือจะขึ้นทางด่วนมาลงที่พระราม 9 แล้วต่อมาที่ถนนรามคำแหงก็ได้เหมือนกัน แต่อย่าขึ้นสะพานยกระดับบนถนนรามคำแหงนะครับ เพราะทางลงจะอยู่เลยโครงการมาแล้ว ไม่อย่างนั้นจะต้องไปกลับรถที่แยกลำสาลีกลับมาที่โครงการอีกครั้งนะครับ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เดอะมอลล์ บางกะปิ เดอะมอลล์ รามคำแหง บิ๊กซี หัวหมาก เมเจอร์ ฮอลลีวูด รามคําแหง โรงพยาบาลรามคำแหง มหาวิทยาลัยรามคำแหง สนามกีฬาหัวหมาก มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABACC) แต่ถ้าจะพึ่งพาระบบขนส่งมวลชน บนถนนรามคำแหงก็มีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสายมากๆ ทั้งเข้าเมือง ออกเมือง มีรถเมล์วิ่งผ่านตลอดทั้งวันทั้งคืน ส่วนป้ายรถเมล์ก็อยู่ถัดจากหน้าโครงการไปนิดเดียวเองครับ นอกจากนี้ด้านหลังโครงการก็ติดคลองแสนแสบ ซึ่งมีประตูเล็กสามารถเดินออกทางด้านหลังไปที่ท่าเรือวัดกลางได้ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติดครับ นอกจากนี้ก็จะมีรถสองแถว รถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง พร้อมจะให้บริการทุกทาง การเดินทางมายังโครงการชีวาทัย รามคำแหงจึงจัดว่าสะดวกดีทีเดียว ถ้าไม่ติดช่วงเร่งด่วนที่รถติดมากๆ นะครับ ทำเลที่ตั้งของโครงการบนถนนรามคำแหง มีสถานที่สำคัญๆ แวดล้อมอยู่มากมาย แผนที่ของโครงการชีวาทัย รามคำแหง เราเดินทางกันด้วยรถไฟฟ้า Airport Rail Link มาลงที่สถานีรามคำแหง ตึกที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link คือ ตึก A Link ซึ่งมีร้านค้าเปิดให้บริการอยู่บ้างบางส่วน จากสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link เรามุ่งหน้าไปตามถนนรามคำแหง พอเจอแยกพระราม 9 ให้ตรงไปเลยครับ จุดสังเกตุแรกในช่วงต้นถนนรามคำแหงคือ Foodland ครับ วิ่งผ่านห้างเดอะมอลล์รามคำแหง ซึ่งอยู่ทั้ง 2 ฝั่งถนน และเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่สำคัญแห่งหนึ่งของย่านนี้ ตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นร้านค้าตลอดทาง และมีซอยใหญ่ๆ ที่สามารถลัดไปออกถนนสายอื่นได้ พอผ่านหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงไปแล้ว อีกไม่ไกลก็จะถึงโครงการชีวาทัย รามคำแหง โครงการชีวาทัย รามคำแหงจะอยู่ช่วงระหว่าง ซอยรามคำแหง 79/1 และ 79/2 ทางรถเข้าออกใช้ระบบ Key Card เพื่อความปลอดภัยครับ โครงการชีวาทัย รามคำแหง เป็นตึกเดี่ยวสูง 33 ชั้น ด้านหน้าทางเข้าอาคารครับ ด้านซ้ายเป็นจุด Drop Off ก่อนจะเข้าไปที่ลานจอดรถด้านใน มีทางเดินรถล้อมรอบตัวอาคาร บริเวณด้านหน้าล็อบบี้ วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการชีวาทัย รามคำแหง ต้องบอกว่าค่อนข้างได้เปรียบเพราะอยู่ติดถนนใหญ่เลย ไม่ต้องเดินเข้าซอยให้ยุ่งยากอีก แถมบริเวณรอบๆ ก็ยังเป็นย่านชุมชน มีตึกแถวสูง 3-4 ชั้นอยู่ขนาบทางเข้าหน้าโครงการ ซึ่งก็เป็นร้านค้า มินิมาร์ท ร้านขายอาหารอีกนิดหน่อย ส่วนพื้นที่ข้างๆ ติดกับโครงการก็เป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีอาคารอพาร์ทเม้นท์บ้าง แต่ก็สูงไม่เกิน 6 ชั้น หมดกังวลเรื่องปัญหาตึกรอบๆ บังวิว บังแดด บังลมไปได้เลย ความอุดมสมบูรณ์รอบๆ โครงการจัดว่าดีใช้ได้เลยนะครับ มีทั้งร้านอาหารตามสั่ง มินิมาร์ท ร้านกาแฟ ร้านขายของชำ อยู่ในระยะเดินสบายๆ รวมถึงห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้ๆ ทั้ง ห้างเดอะมอลล์บางกะปิ ศูนย์การค้าตะวันนา เดอะมอลล์รามคำแหง บิ๊กซี ฟู้ดแลนด์ ส่วนเรื่องสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็ครบถ้วน ทั้งโรงพยาบาล คลินิค มหาวิทยาลัยรัฐ และเอกชน โรงเรียน รวมถึงอาคารสำนักงานต่างๆ ก็อยู่รายล้อมบริเวณนี้ไม่น้อยเลย ถึงจะไม่ใช่เขตใจกลางเมือง แต่เรื่องความเจริญนี่เข้าขั้นสะดวกสบายพอตัวเลยครับ ตึกแถวริมถนนรามคำแหง ทางฝั่งซอยรามคำแหง 79/1 มีร้านค้า ร้านอาหารให้พึ่งพาได้ครับ ก่อนถึงหน้าโครงการมีคลองระบายน้ำกั้นอยู่ คลองระบายน้ำเส้นนี้จะขนาบข้างตลอดโครงการไปจนถึงคลองแสนแสบเลยนะครับ ส่วนทางด้านซอยรามคำแหง 79/2 จะมีตึกแถวซึ่งเป็นร้านค้าเรียงรายอยู่หลายร้านเช่นกัน เดินออกจากโครงการไปทางซอยรามคำแหง 79/2 จะผ่านร้านต่างๆ มากมาย และมีสะพานลอยอยู่ไม่ไกล รวมถึงป้ายรถเมล์ด้วย ฝั่งตรงข้ามมีอาคารสำนักงาน และมี Max Value อยู่ ให้พึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดริมทางไปจนถึงแยกลำสาลีจะมีร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคารเด็มไปหมด ตรงนี้เป็นบริเวณปากซอยรามคำแหง 81 ซึ่งเป็นซอยใหญ่ สามารถลัดไปออกซอยลาดพร้าว 130 ได้ ทางเรือวัดกลาง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคลองแสนแสบสามารถเดินเข้ามาทางซอยรามคำแหง 81 หรือจะออกทางประตูเล็กที่ด้านหลังโครงการได้เลย สำหรับตัวโครงการชีวาทัย รามคำแหง ที่ตอนนี้สร้างเสร็จเรียบร้อย และมีลูกบ้านเข้าอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีห้องว่างสวยๆ เหลือให้จับจองกันอีกพอสมควร ซึ่งข้อดีของโครงการที่สร้างเสร็จแบบนี้ก็คือ เราจะได้เห็นห้องจริง ในทำเลและบรรยากาศจริง ไม่ต้องจินตนาการให้เสียเวลา เรื่อง Facility ต่างๆ ก็มีพร้อมให้ใช้งานแล้วเช่นกัน ซึ่งทางโครงการก็จัด Facility หลักๆ ทั้งหมดไปไว้ที่ชั้น 33 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดหรือดาดฟ้านั่นเอง ที่เด่นๆ เลยก็คือ สระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool Edge ว่ายน้ำไปชมวิวกันได้เต็มตา เช่นเดียวกันกับห้องฟิตเนส ที่กว้างขวางและใช้กระจกบานใหญ่เปิดรับวิวไปได้เต็มที่ พร้อมพื้นที่นั่งเล่นรับลมเย็นๆ บนชั้น 33 นี้ด้วย ส่วนพื้นที่สีเขียวก็ถูกจัดไว้บริเวณด้านล่างทั้งด้านหน้าและด้านหลัง Floor Plan ชั้น 1 จะเห็นได้ว่ามีพื้นที่จอดรถทั้งด้านหน้าและหลังโครงการ รวมถึงเส้นทางการเดินรถรอบอาคารด้วย แปลนของชั้น 6-29 จะเห็นว่าการจัดวางตำแหน่งห้องไม่มีอะไรซับซ้อน ระเบียงห้องจะหันออกไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก อันนี้เป็นแปลนของชั้นที่ 30 ซึ่งมีจำนวนห้องน้อยกว่า เนื่องจากเป็นไปตามระเบียบของกฏหมายอาคารสูงนะครับ ส่วนอันนี้เป็นแปลนของชั้นที่ 31-32 ซึ่งมีจำนวนห้องน้อยที่สุด และเป็นห้อง Type ใหญ่เกือบทั้งหมด พื้นที่บนชั้นที่ 33 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด จะเป็นศูนย์รวมของ Facility หลักของโครงการ มีทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องอาบน้ำ ซาวน่า และมุมนั่งเล่นพักผ่อน บรรยากาศภายในล็อบบี้ สำนักงานนิติบุคคลก็ตั้งอยู่บริเวณล็อบบี้นี้ด้วย ตู้จดหมายของทุกยูนิตอยู่บริเวณล็อบบี้ชั้น 1 ลิฟต์โดยสารล็อคชั้น ต้องใช้ Key Card ในการขึ้นลง ไปดู Facility ที่บนดาดฟ้าชั้น 33 กันก่อน เครื่องออกกำลังการ ลู่วิ่งพร้อมอุปกรณ์อื่นๆ ครบ ภายในห้องฟิตเนสดูกว้างขวางน่าใช้งานดีทีเดียวครับ สามารถออกกำลังกายไปชมวิวสวยๆ ไปได้เพลินๆ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมวิวสวย ตัวสระว่ายน้ำยาว 22 เมตร เป็นแบบ infinity pool edge อยู่ติดกับห้องฟิตเนสเลยครับ ที่สระว่ายน้ำมีแยกสระเด็กเอาไว้ให้ด้วยนะครับ มุมพักผ่อนริมสระว่ายน้ำครับ ลานกว้างอีกด้านใกล้กับสระว่ายน้ำ มีชุดโซฟาให้นั่งเล่นพักผ่อนได้ ที่นั่งเล่นมุมนี้ก็เปิดรับวิวมุมสูงได้กว้างเต็มตาเลย ทางขึ้น-ลง ที่จอดรถ นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งการเข้าออกอาคารด้วย Key Card ลิฟต์โดยสารล็อคชั้น และกล้อง CCTV พร้อม รปภ. ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทางโครงการก็จัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้ให้กับลูกบ้านเต็มที่เลยทีเดียว สิ่งอำนวยความสะดวก LOBBY SKY SWIMMING POOL WITH SALT SYSTEMS PLUNGE POOL WITH SUN DECK SAUNA & STEAM TRIPLE SECURITY ACCESS CONTROL 24 –HR SECURITY GUARD CCTV พาชมห้องตัวอย่าง ทีนี้มาถึงห้องตัวอย่างกันบ้าง ด้วยความที่ตัวอาคารของโครงการถูกบังคับด้วยลักษณะของที่ดินที่เป็นแนวยาว ทำให้ห้องพักส่วนใหญ่ของโครงการหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงแดดแรงๆ ได้ยากหน่อย ทำได้แค่เลือกว่าจะชอบแดดเช้าหรือแดดบ่ายมากกว่ากัน สำหรับห้องที่เราจะพาไปดูในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบ ในขนาดพื้นที่ที่ต่างกันนิดหน่อย ไปดูกันเลยดีกว่าครับ ห้องแรกเป็นแบบ 1 ห้องนอน ที่ขนาดประมาณ 30 ตร.ม. เปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอห้องหน้าตาแบบนี้เลยครับ โซน Pantry ครัว ติดกับประตู้ห้องน้ำ และถัดไปก็เป็นห้องนอนครับ Pantry ครัว อยู่ตำแหน่งมุมห้องด้านซ้าย ติดกันคือห้องน้ำครับ ชุดครัวมีซิงค์ล้างจานมาให้ ตู้ด้านบนทำเตรียมไว้สำหรับใส่ฮูทดูดควัน ซึ่งต้องติดเพิ่มเติมเองนะครับ ตรงข้ามครัวสามารถจัดเป็นมุมรับประทานอาหารได้พอดี พื้นที่นั่งเล่นอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดรับแสงได้ดี ภาพรวมในโซนนั่งเล่น ซึ่งใช้พื้นที่ร่วมกัน ระหว่างระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีก็กำลังพอดี เดินผ่านไประเบียงได้สะดวกเลย ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อน และพื้นระเบียงปูกระเบื้องดรอปต่ำลงมาอีกเล็กน้อย คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนไว้ตามภาพ ส่วนพื้นที่ด้านล่างสามารถวางเครื่องซักผ้าได้พอดี ซึ่งทางโครงการเดินติดก๊อกน้ำ ท่อน้ำทิ่ง และปลั๊กไฟไว้เรียบร้อย เราไปดูห้องน้ำกันบ้างดีกว่า เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่ บริเวณอ่างล้างหน้ามีพื้นที่ให้วางของได้เยอะพอสมควร ห้องอาบน้ำกันด้วยกระจกเทมเปอร์ และตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์ก็อยู่ทางด้านเดียวกัน ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระของ Cotto ห้องอาบน้ำ กั้นไว้ให้เรียบร้อย พร้อมเตรียมตำแหน่งติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว ชุดฝักบัวหน้าตาแบบนี้ครับ เป็นของ Cotto เช่นกัน พื้นที่ของห้องอาบน้ำ และชุดสุขภัณฑ์ มีขนาดพื้นที่กำลังพอใช้งานสะดวก พื้นในห้องอาบน้ำดรอปให้ต่ำลงมาอีกนิดหน่อยตามภาพเลยครับ มาดูภายในห้องนอนกันบ้าง วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังดี ตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เรียบร้อยแล้ว ระยะห่างของเตียงกับหน้าต่างกำลังดี และเป็นกระจกบานใหญ่ทำให้เปิดรับวิวได้เต็มตา ห้องตัวอย่างอีกห้องเป็นแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่มีขนาดประมาณ 35 ตร.ม. และเป็นตำแหน่งห้องหัวมุมตึก เปิดเข้าห้องมาก็จะเห็นบรรยากาศประมาณนี้ครับ แต่อันนี้ขอปิดม่านไว้ก่อน ด้านซ้ายมือของประตูห้องเป็น Pantry ครัว และมุมรับประทานอาหาร ถ้าเปิดม่านออกก็จะเห็นวิวสวยๆ ด้วย เคาน์เตอร์ครัวจะใหญ่กว่าห้องก่อนหน้านิดหน่อย แต่โดยรวมก็ไม่ได้ต่างกันมากครับ มีตำแหน่งติดตั้งฮูทดูดควันไว้ให้แล้วเช่นกัน ซิงค์ล้างจานขนาดกะทัดรัด พื้นที่นั่งเล่นอยู่ติดริมระเบียงเช่นกัน ถ้าเปิดม่านออกมาก็รับแสง รับวิวได้เต็มๆ เหมือนกันครับ ชั้นวางทีวีที่ให้มาพร้อมห้องหน้าตาแบบนี้เลยนะครับ มุมนั่งเล่นวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้เข้าที่พอดี และตำแหน่งติดแอร์อยู่ด้านบน หน้าตาแอร์ที่แถมมาพร้อมห้องยี่ห้อ York ตามนี้ครับ ภาพรวมของโซนนั่งเล่นอีกมุมในบรรยากาศอุ่นๆ ของแสงจากหลอดไฟ ด้วยตำแหน่งห้องนี้ที่เป็นห้องมุมตึก ทำให้ประตูกระจกตรงระเบียงเป็นแบบเข้ามุม เพื่อให้เปิดรับวิวได้มากขึ้น พอเปิดม่านแล้ว ได้แสงธรรมชาติบรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนก็ไปอีกแบบ ระเบียงปูด้วยกระเบื้อง และดรอปลงมาต่ำกว่าพื้นห้องไม่มากไม่น้อย คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนไว้ที่ระเบียง พร้อมเว้นตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าไว้ให้แล้วเหมือนเดิม ห้องนี้เป็นห้องมุมในโซนด้านหน้าโครงการ จะได้วิวถนนรามคำแหงกว้างสุดสายตา มาดูในห้องน้ำกันบ้าง การจัดวางก็เหมือนกับห้องก่อนหน้าเป๊ะ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ชุดก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าของ Cotto กระจกบานใหญ่ และเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระก็ของ Cotto เช่นกัน ห้องอาบน้ำกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ พื้นที่บริเวณห้องอาบน้ำดรอปให้ต่ำกว่างพื้นห้องน้ำลงมาอีกเล็กน้อย ชุดฝักบัวอาบน้ำก็ของ Cotto เหมือนเดิม ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังพอดี วางเตียงแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงให้เดินได้สะดวก ด้านข้างเตียงที่ติดกับหน้าต่างก็เหลือที่อีกพอสมควรเลย หน้าต่างในห้องนอนเป็นกระจกบานเลื่อนเปิดรับลมได้เต็มที่ นอกจากจะเปิดรับลมรับแสงได้ดีแล้ว เรื่องวิวจากหน้าต่างห้องนอนก็เปิดชมวิวได้เต็มตาเช่นกัน อันนี้เป็นวิวจากในห้องนอนมองไปทางด้านหลังโครงการจะเห็นคลองแสนแสบด้วย ภายในห้องนอนก็มีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน อ้อ...กลอนประตูห้องเป็นแบบธรรมดาเหมือนกันทุกยูนิตครับ เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับห้องตัวอย่างของโครงการชีวาทัย รามคำแหง น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่มั้ยครับ เพราะตัวอาคารได้เปรียบเรื่องที่ไม่มีอาคารสูงอยู่ใกล้ๆ เลย ทำให้เรื่องวิวทิวทัศน์จากห้องพักเปิดกว้างสุดสายตา แถมเรื่อง Facility ต่างๆ ก็จัดมาให้เต็มที่ เช่นเดียวกันกับวัสดุอุปกรณ์ภายในห้องที่ขายกันมาแบบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ พร้อมเข้าอยู่ คุณภาพของของทุกชิ้นก็คุ้มค่า ในราคาน่าคบหาสำหรับคอนโดระดับนี้ ใครที่กำลังมองหาที่อยู่ในย่านนี้ หรือต้องทำงานในแถบนี้อยู่แล้ว ก็น่าจะลองเก็บมาพิจารณากันดูนะครับ
ชีวาทัย Interchange : รีวิวคอนโด

ชีวาทัย Interchange : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปดูคอนโด High Rise ของชีวาทัย ในทำเลที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน สำหรับโครงการชีวาทัย Interchange นี้ แต่ก่อนเป็นโครงการคอนโดที่มีชื่อว่า “Cross Point At Taopoon Station” แล้วนำมาพัฒนาต่อ จึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็น ชีวาทัย Interchange ตามปัจจุบัน การเดินทาง สำหรับเรื่องการเดินทางก็สามารถเลือกได้หลายเส้นทางเลยนะครับ เนื่องจากว่าโครงการตั้งอยู่ตรงแยกเตาปูนพอดี ไม่ว่าจะเป็นทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี วิ่งตรงจากติวานนท์ วงศ์สว่าง มาถึงแยกเตาปูน, ถนนประชาชื่น ตรงมาจากงามวงศ์วาน เรียบคลองประปามาเรื่อยๆ ก่อนเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ก็ได้ ส่วนใครมาจากทางจรัญฯ ข้ามสะพานพระราม 7 มาแล้ววกเข้าถนนประชาราษฏร์ สาย 1 ก่อนมาเลี้ยวซ้ายที่แยกบางโพ เข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ได้ก็เหมือนกัน อีกเส้นทางหนึ่งคือถนนสามเสน วิ่งตรงมาเรื่อยๆ ก่อนมาเลี้ยวขวาที่แยกบางโพ เข้าถนนประชาราษฏร์สาย 2 แผนที่เส้นทางรอบๆ โครงการ เราซูมลงมาดูกันใกล้ๆ อีกหน่อย จะเห็นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้ๆ กับแยกเตาปูน ติดกับตัวสถานี MRT เตาปูนเลยล่ะครับ การเดินทางครั้งนี้เราใช้ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เราตรงมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เรื่อยๆ ก่อนจะตรงผ่านแยกวงศ์สว่าง ตรงนี้เป็นแยกวงศ์สว่าง ถ้าเลี้ยวขวาจะไปทางวงศ์สว่าง ผ่านบิ๊กซี ก่อนขึ้นสะพานพระราม 7 ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปทางประชาชื่น รัชโยธิน เราตรงไปทางบางซื่อ เตาปูน ต่อเลยครับ ตามเส้นทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรีเราจะเห็นแนวรถไฟฟ้า มาตลอดทาง ปลายปีนี้ รถไฟฟ้าสายนี้ก็จะเริ่มเปิดทดลองให้บริการแล้วนะครับ ที่เห็นด้านหน้าจะเป็นแนวรถไฟชานเมืองสายสีแดง เราตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกเตาปูน จะเห็นสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนอยู่ด้านหน้า ถึงแยกเตาปูนแล้วให้ชิดขวาไว้นะครับ เพราะเราต้องเลี้ยวขวาที่แยกนี้ เลี้ยวขวามาแล้วให้รีบชิดซ้ายเลยนะครับ เพราะตัวโครงการจะอยู่ห่างจากแยกเตาปูนแค่นิดเดียว ถึงแล้วล่ะครับ สำนักงานขายจะตั้งอยู่ริมถนนประชาราษฎร์สาย 2 หน้าไซต์ก่อสร้างโครงการเลย ตอนนี้ตัวโครงการสร้างไปเยอะแล้วนะครับ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้ลูกบ้านได้ย้ายเข้าอยู่ได้ภายในสิ้นปีนี้ วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการ​ ชีวาทัย Interchange ก็มีความสำคัญมากๆ เพราะอยู่ในจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินพอดิบพอดี ชนิดที่เดินออกจากโครงการมาเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนแล้ว หรือถ้าจะบอกว่าบันไดสถานีแทบจะเกยหน้าโครงการเลยก็คงจะไม่เกินไปนัก แต่ก็ใช่ว่าการที่ตัวโครงการอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าจะไม่มีข้อพึงระวังนะครับ เรื่องเสียงดังรบกวนอาจจะมีโอกาสเล็ดลอดมาบ้าง รวมถึงมลภาวะทางอากาศเนื่องจากอยู่ใกล้สี่แยกใหญ่ด้วย ทั้งนี้คนที่อยู่ในห้องสูงๆ หน่อยก็จะห่างไกลปัญหาเหล่านี้ได้มากกว่าห้องล่างๆ ครับ สภาพแวดล้อมในย่านนี้ยังคงความเป็นชุมชนเก่า ค่อนข้างสงบ จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย ยิ่งการมาของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ยิ่งทำให้การเดินทางในอนาคตค่อนข้างสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต ดังนั้นเรื่องอาหารการกินและสาธารณูปโภคต่างๆ ที่แวดล้อมอยู่รอบๆ จึงจัดว่าครบครันมาก เราไปดูกันดีกว่าว่าใกล้ๆ โครงการมีอะไรน่าสนใจบ้าง จากสถานีเตาปูนมาทางถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี นิดเดียวจะมีร้านสะดวกซื้อ และร้านขายอาหาร อยู่หลายร้านเลยครับ ใกล้ๆ กันก็มีตลาดสดให้เลือกซื้อเลือกหา มีทั้งผัก ผลไม้ ของสด ของแห้ง เสื้อผ้า จากถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี เราสามารถเดินทะลุตลาดสดมาออกถนนประชาชื่นได้เลยครับ บรรยากาศบนถนนประชาชื่น ถ้าใครไม่ชอบเดินตลาดสด ข้ามมาฝั่งถนนประชาชื่นก็จะมีเทสโก้ โลตัส ไว้คอยบริการ ถ้าเดินมาแล้วขี้เกียจเดินกลับก็มีพี่วินมอไซค์ คอยรับ-ส่ง อยู่หน้าโลตัส สำหรับตัวโครงการ ชีวาทัย Interchange เป็นคอนโด High Rise สูง 26 ชั้น โดยแบ่งชั้น1-5 เป็นพื้นที่จอดรถ และตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไปก็จะเป็นพื้นที่พักอาศัย ซึ่ง Facility หลักภายในโครงการจะรวมกันอยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งก็เป็นไปตามมาตรฐานเลย ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย... ทางเข้าโครงการ จากถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ที่ชั้น G จะเป็น Lobby และเป็นที่จอดรถส่วนหนึ่ง ซึ่งที่จอดรถจะเริ่มตั้งแต่ชั้น G ขึ้นไปถึงชั้น 5 หน้าตาของ Lobby ที่ชั้น G ชั้น 6 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย Facility หลักของโครงการก็จะอยู่ที่ชั้น 6 ทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนส สระว่ายน้ำและฟิตเนสบนชั้น 6 จากชั้น 7 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14 ยูนิตต่อชั้น ห้องมุมทั้ง 4 ด้านจะเป็นห้อง 2 ห้องนอน พาชมห้องตัวอย่าง ห้องพักทั้งหมดของโครงการมีทั้งแบบ 1 Bedroom, 2 Bedroom และ 3 Bedroom ซึ่งแบบ 1 Bedroom ตอนนี้ขายหมดเกลี้ยงแล้วนะครับ สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูกันในวันนี้ จึงเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ซึ่งมีขนาดห้องตั้งแต่ 51 ตร.ม​. ไปจนถึงขนาด 57 ตร.ม. โดยที่ห้องแบบ 2 Bedroom นี้จะอยู่ในตำแหน่งมุมตึกทั้งหมด ทำให้สามารถเปิดรับวิวได้อย่างเต็มที่ แถมห้องที่ทางโครงการขายให้ก็เป็นแบบ Fully Furnished มีเฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่เรียบร้อย หน้าตาห้องตัวอย่างจะเป็นอย่างไรบ้าง เรามีรูปพร้อมคำบรรยายกันแบบชัดๆ มาฝากครับ โดยที่รูปทั้งหมดถ่ายจากห้องตัวอย่างที่อยู่บนอาคารจริง ไม่ใช่ห้องในสำนักงานขายนะครับ ห้องแรกเรามาดูที่ห้อง Type B2 ขนาด 57.40 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ มองตรงเข้าไปข้างในจะเป็น Living Area ส่วน Dining Area วางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area ระยะห่างของทีวีกับโซฟาจะประมาณนี้นะครับ สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งแบบ L-Shape ได้สบายๆ ฝั่งชั้นวางทีวี โครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีเล็กๆ ไว้ให้ ติดกับ Living Area จะมีระเบียงใหญ่อยู่ด้วย ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงที่ได้จะกว้างประมาณนี้นะครับ อีกด้านจะเป็นจุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ ห้องที่เราทำการรีวิวนี้จะอยู่ที่ชั้น 7 มองจากระเบียงออกมาจะเห็นสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน มุมมองย้อนกลับไปทางประตูหน้าห้อง คราวนี้เราเข้าไปดูในครัวกันบ้าง เคาน์เตอร์ครัวที่โครงการจัดไว้ให้จะได้แบบนี้เลยนะครับ เป็นชุดครัวของ Starmark สังเกตที่ผนังทางโครงการจะติดกระจกให้ด้วยนะครับ เวลามีเศษอาหาร หรือน้ำมันกระเด็นไปโดนผนัง จะได้ทำความสะอาดได้ง่ายๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้จะประกอบด้วยเตาไฟฟ้า 4 หัว ของ Teka พร้อมฮูดดูดควันของ Teka เหมือนกัน ส่วนด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของ และจุดวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟของ Teka ที่เป็นทั้งไมโครเวฟและเตาอบเครื่องนี้ก็ได้ด้วยนะครับ จุดวางเครื่องซักผ้าจะอยู่ข้างๆ ไมโครเวฟ แต่เครื่องซักผ้าไม่ได้ให้ด้วยนะครับ ภายในครัวจะมีประตูเล็กๆ สามารถเปิดออกไปที่ระเบียงได้ เวลาซักผ้าเสร็จแล้วก็เอาออกมาตากที่ระเบียงได้เลย อีกด้านจะเป็นห้องน้ำ สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะใช้ของ Mogen ทั้งหมดนะครับ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ใต้อ่างล้างหน้ามีตู้เก็บของเล็กๆ ให้ด้วย กระจกเงาได้ขนาดพอดีตัว กระจกเงาสามารถเปิดได้นะครับ มีตู้เก็บของซ่อนอยู่ด้านหลัง โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box พื้นที่ใน Shower Box กว้างพอสมควร ชุดฝักบัวของ Mogen พร้อม Rain Shower ออกจากห้องน้ำกับห้องครัวมา มองตรงผ่าน Living Area ไปจะเป็นทางเข้าห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ที่แยกกันอยู่คนละด้าน เรามาดูห้องนอนทางซ้ายกันก่อน หน้าบานประตูห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะเป็นสีขาว มือจับประตูเป็นลูกบิดแบบที่เห็นเลยนะครับ เมื่อดูจากแปลนห้องแล้ว ขนาดของห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะไม่ต่างกันมากนะครับ ห้องนี้จะใหญ่กว่านิดหน่อย จะเรียกว่าเป็น Master Bedroom ก็ได้ วางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังดีเลยครับ ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป เตียงจะวางอยู่ติดกับหน้าต่าง ด้านบนจะเป็นบานเปิด 3 บาน ส่วนด้านล่างจะเป็นบาน Fix ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควรนะครับ สามารถ Built in เป็นโต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง หรือจะเปลี่ยนเป็นชั้นวางทีวีก็ได้ ใกล้ๆ กันจะเป็นตู้เสื้อผ้า ตรงกลางระหว่างโต๊ะทำงานกับตู้เสื้อผ้ามีหน้าต่างบานเล็กๆ อีก 1 จุด ติดกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นห้องน้ำในตัว การจัดวาง Layout ในห้องน้ำ และสุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกันห้องน้ำ ห้องแรกที่เราดูกันมาแล้ว อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Mogen โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box เหมือนเดิมนะครับ แต่ขนาดของห้องนี้จะเล็กกว่าห้องน้ำด้านนอกนิดหน่อย ชุดฝักบัว มาพร้อม Rain Shower เหมือนเดิม เราข้ามมาดูที่ห้องนอนอีกห้องกันบ้าง ห้องนอนห้องนี้ขนาดจะเล็กลงมาอีกนิดหน่อย เตียงใช้ขนาด 5 ฟุตเหมือนกัน หน้าต่างข้างเตียงจะเป็นบานเปิดบานเดียว ปลายเตียงไม่มีที่เหลือพอให้ Built in ชั้นวางทีวีนะครับ อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง วางอยู่ใกล้ๆ กับตู้เสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะคล้ายๆ กับห้อง Master Bedroom นะครับ ห้องตัวอย่างอีกห้องเป็นแบบ 2 ห้องนอนเหมือนกันนะครับ การจะวาง Layout แทบจะไม่ต่างกับห้องเมื่อกี้เลย จะต่างกันแค่ขนาด ห้องนี้นี้ขนาดจะเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 59.20 ตารางเมตร อย่างที่บอกนะครับว่าการจัดวาง Layout แทบจะเหมือนกับห้องเมื่อกี้เป๊ะๆ เข้ามาแล้วก็เจอส่วน Dining Area อยู่หน้าห้องก่อนเลยครับ โต๊ะทานอาหารก็วางขนาด 4 ที่นั่งเหมือนกัน ถัดเข้ามาด้านในเป็นส่วน Living Area มองย้อนกลับออกไปหน้าห้อง ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area เหมือนเดิมนะครับ ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กัน จุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ก็อยู่ที่ระเบียง เรากลับเข้ามาดูที่ห้องครัวกันต่อ ชุดเคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะเป็นของ Starmark เหมือนกัน ซิ้งค์ล้างจากทรงสี่เหลี่ยมแบบฝัง เตาไฟฟ้า 4 หัวของ Teka มาพร้อมฮูดดูดควัน ด้านบนเป็นตู้แขวนผนัง มีประตูเล็กๆ ออกไปที่ระเบียงเหมือนเดิมครับ อีกด้านเป็นห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กับห้อง Type B2 อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Mogen กระจกเงามีตู้อยู่ด้านหลังเหมือนกัน โถสุขภัณฑ์วางอยู่ระหว่างเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ากับ Shower Box Shower Box จะอยู่ด้านในสุดเหมือนเดิมนะครับ ขนาดก็จะเท่าๆ กันกับห้อง Type B2 เราออกมาดูที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้องกันต่อ เริ่มจากห้องนอนเล็กทางซ้ายมือกันก่อน ห้องนี้วางเตียง 5 ฟุตจะพอดีเลยนะครับ ปลายเตียงไม่มีที่เหลือแล้ว ถ้าอยากดูทีวีในห้องนอน ก็ต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแล้วล่ะครับ โต๊ะเครื่องแป้งจะ Built in ไว้ที่ข้างเตียง ใกล้ๆ กันจะเป็นตู้เสื้อผ้าขนาด 2 บาน เราข้ามไปดูห้อง Master Bedroom กันต่อ ห้องนี้การจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้อง Master ของ Type B2 เลยนะครับ แต่ขนาดจะใหญ่กว่านิดหน่อย เตียงที่โครงการจัดไว้ให้เป็นเตียงขนาด 5 ฟุต เตียงจะวางติดกับหน้าต่าง ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ด้านปลายเตียง ใกล้ๆ กับชั้นวางทีวี ส่วนในห้องน้ำก็จะคล้ายๆ กับห้องน้ำด้านนอกนะครับ การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กัน อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม โถสุขภัณฑ์อยู่ระหว่างอ่างล้างหน้ากับ Shower Box Shower Box อยู่ด้านในสุด ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower อย่างที่ทราบกันแล้วว่า โครงการ ชีวาทัย Interchange ได้เปรียบมากในเรื่องทำเลที่ตั้ง เพราะอยู่ติดกับทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าเลย ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นๆ ถึงจะอยู่ในทำเลเดียวกัน แต่ก็ยังตั้งอยู่ห่างจากตัวสถานีรถไฟฟ้าออกไปอย่างน้อย 300 เมตร จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครๆ ก็ให้ความสนใจโครงการนี้ก่อนรายอื่นๆ ปัจจุบันห้องแบบ 2 Bedroom ยังมีเหลือให้เลือกจับจองอีกพอสมควร ถ้าใครกำลังมองหาห้องพักอาศัยในย่านนี้ แนะนำให้นัดหมายเพื่อเข้าไปชมห้องตัวอย่างในสถานที่จริงกันก่อนครับ เผื่อจะได้ตัดสินใจซื้อในเร็ววัน เพราะคาดว่าในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการเมื่อไหร่ ราคาห้องก็คงขยับสูงขึ้นไปอีกแน่ๆ แล้วจะต้องมาเสียดายทีหลัง
The Monument สนามเป้า : รีวิวคอนโด

The Monument สนามเป้า : รีวิวคอนโด

The Monument สนามเป้า คอนโด High Rise สูง 24 ชั้น ติด BTS สนามเป้า โครงการใหม่จาก แสนสิริ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    N/A เจ้าของโครงการ    บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 24 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     86 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 1 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 102% สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สนามเป้า ททบ.5 อนุเสาวรีย์ชัย สมรภูมิ โรงพยาบาลพญาไท 2 โรงพยาบาลราชวิถี Fashion Mall ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom  ขนาด 46.25 – 57.50 ตารางเมตร 2 Bedrooms 2 Bathrooms  ขนาด 73.50 – 89.25 ตารางเมตร Penthouse (3 Bedrooms 3 Bathrooms) ขนาด  138.25 – 140.25 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby lounge Social Lounge Floating Fitness Roof top Swimming pool Yoka Room Social club & Wine Cellar Library Tea Room Theatre Room Private Massage room & Steam room สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.sansiri.com
ISSI Condo สุขสวัสดิ์ : รีวิวคอนโด

ISSI Condo สุขสวัสดิ์ : รีวิวคอนโด

คราวนี้เราจะพาไปดู ISSI Condo คอนโดมิเนียมสไตล์โมเดิร์นสูง 24 ชั้น อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจของชาญอิสสระ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุขสวัสดิ์ ในทำเลที่ใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน และยังเกาะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่คาดว่าจะมีการก่อสร้างในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย   การเดินทาง สำหรับเรื่องการเดินทาง โครงการ ISSI Condo Suksawat ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่บริเวณปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 ถ้าหากขึ้นทางด่วนข้ามสะพานพระราม 9 หรือสะพานแขวนมาสามารถเลือกลงได้ทั้งทางลงสุขสวัสดิ์ และทางลงพระราม 2 เริ่มจากบนทางด่วนกันเลยนะครับ เราอยู่บนทางด่วนศรีรัช มุ่งหน้าไปทางดาวคะนอง ตามป้ายดาวคะนองไปเลยครับ ตามป้ายดาวคะนองมาเรื่อยๆ มาถึงตรงนี้ให้ชิดขวาตามป้าย เพื่อที่จะเบี่ยงออกไปขึ้นสะพานพระราม 9 ขึ้นสะพานพระราม 9 มาแล้วจะเห็นธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือ ลงสะพานมาเราก็ตามป้ายดาวคะนองต่อไปอีกนะครับ มาถึงตรงนี้จะเห็นป้ายบอกให้เบี่ยงซ้าย ก็ถึงจุดลงทางด่วนแล้วล่ะครับ ลงมาจากทางด่วนก็จะเข้าสู่ถนนพระราม 2 คราวนี้เราจะไม่ตามป้ายดาวคะนองแล้วนะครับ เราจะเลี้ยวขวาไปทางพระประแดงตามป้ายเลย เลี้ยวขวามาแล้วเราก็เข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้วล่ะครับ ตรงจากแยกมานิดหน่อยจะเห็นบิ๊กซี สุขสวัสดิ์อยู่ด้านซ้ายมือ ก็แสดงว่าใกล้ถึงโครงการแล้วล่ะครับ ให้ชิดซ้ายไว้ได้เลย เลยจากบิ๊กซีมานิดเดียวจะเห็นซอยสุขสวัสดิ์ 17 คอนโดจะอยู่ติดกับซอยนี้เลย ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ สำนักงานขายโครงการก็จะตั้งอยู่หน้าไซต์ก่อสร้างนี่เลยครับ หรือใครที่อยากลงทางด่วนที่ถนนสุขสวัสดิ์เลยก็ได้เหมือนกันนะครับ ระยะทางอาจจะไกลกว่าลงที่ถนนพระราม 2 แต่ระหว่างทางไปโครงการจะมีตลาด มีร้านอาหาร ให้เลือกซื้อหามากกว่าทางฝั่งถนนพระราม 2 ขอเริ่มจากจุดที่ลงสะพานพระราม 9 เลยนะครับ ลงสะพานมาแล้วให้ชิดซ้ายเพื่อที่จะออกถนนสุขสวัสดิ์เลย เมื่อเข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้ว เราต้องกลับกลับรถก่อนนะครับ จากจุดลงทางด่วนมาประมาณ 550 เมตร จะเจอที่กลับรถ พอกลับรถมาแล้วก็ตรงยาวๆ เลยครับ ตรงนี้จะเป็นจุดขึ้นทางด่วนขาเข้าเมือง ตรงมาอีกหน่อยจะเจอโลตัส บางปะกอก อยู่ทางขวามือ ถ้าเบื่อบิ๊กซีที่อยู่ข้างๆ โครงการก็มาเดินโลตัสตรงนี้ได้นะครับ ฮ่าๆ ข้างๆ โลตัสจะเป็นตลาดสดบางปะกอก เย็นๆ จะมีร้านอาหารอยู่หน้าตลาดเยอะแยะเลยครับ จากตลาดบางปะกอกมาประมาณ 1 กม. ก็จะเจอโครงการอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วล่ะครับ เลยจากบิ๊กซีมาเราต้องกลับรถอีกรอบนึง เพื่อเข้าโครงการที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นอกจากนี้ยังสามารถใช้สะพานกรุงเทพข้ามมายังฝั่งธนฯ เลี้ยวเข้าถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินที่แยกมไหสวรรค์ แล้วตรงต่อมายังถนนสุขสวัสดิ์จนถึงที่ตั้งโครงการ หรือถ้าถนนเส้นนี้รถติดเกินไปเพราะกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอุโมงค์ข้ามแยก ก็ยังสามารถเลี่ยงไปใช้ถนนราษฎร์บูรณะ เพราะเป็นเส้นที่ขนานกับถนนสุขสวัสดิ์และมีหลายซอยที่เชื่อมต่อถึงกัน เช่น ซอยสุขสวัสดิ์ 13, 15/1, 19 และ 25 ซึ่งซอยเหล่านี้ช่วยได้เยอะเลยนะครับ เราจะได้ไม่ต้องกลับรถไปกลับรถมาให้วุ่นวาย หรือจะเลือกไปใช้สะพานภูมิพลก็เป็นอีกเส้นทางที่สะดวกดีไม่แพ้กัน ทั้งข้ามไปยังปู่เจ้าฯ และเข้าเมืองมาที่ฝั่งพระราม 3 ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนบนถนนสุขสวัสดิ์ ต้องบอกว่ามีตัวเลือกไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งรถเมล์ที่วิ่งผ่านหลายสาย รถตู้ รถกะป๊อ แท็กซี่ แล้วที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งเป็นตัวช่วยชั้นดีเลยนะครับในวันที่รีบสุดๆ ที่สำคัญในอนาคตยังมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่านหน้าโครงการอีก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำการก่อสร้างในปีสองปีนี่แหละครับ รับรองว่าได้ใช้กันแน่ๆ วิเคราะห์ทำเลรอบโครงการ ในส่วนของทำเลที่ตั้งโครงการ ISSI Condo Suksawat  ต้องบอกว่าอยู่ในย่านที่คึกคักมากทีเดียว ทั้งนี้เพราะทำเลแถบนี้อยู่ในย่านที่อยู่อาศัยซึ่งมีอยู่เดิม บรรยากาศโดยรอบจึงมีทั้งร้านค้า วัด โรงเรียน และตลาด แต่ในขณะเดียวกันตัวโครงการก็ไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนซะทีเดียวนะครับ จัดว่าระดับความสะดวกสบายอยู่ใกล้กำลังดี อาศัยเดินซักนิด นั่งรถอีกซักหน่อยก็มีครบแทบทุกอย่างครับ เอาที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะเป็นห้าง Big C สุขสวัสดิ์ ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าโครงการไปเพียง 120 เมตรเท่านั้น เอาไว้เป็นแหล่งจับจ่ายซื้อของใช้จำเป็นได้ และระหว่างทางเดียวกันนี้ก็มีสำนักงานสรรพากรอยู่ด้วย แถมยังมีคิวรถกระป๊ออีกหลายสายจอดรออยู่บริเวณนี้ จะไปไหนมาไหนใกล้ๆ ก็สะดวกดีครับ แล้วถ้าเดินเลยขึ้นไปทางซอยสุขสวัสดิ์ 19 ก็มีของกินอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ทั้งรถเข็นขายอาหาร แผงลอย ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารก็มีเยอะตั้งแต่ปากซอยเลย โดยเฉพาะในซอยสุขสวัสดิ์ 19 ที่คึกคักมากหน่อย เพราะมีทั้งวัดและโรงเรียนอีก 2 แห่งในซอย ช่วงเลิกเรียนจะขายของกันคึกคักดี แถมยังเป็นซอยใหญ่ทะลุไปออกที่ซอยราษฎร์บูรณะ 14 ได้อีกด้วย น่าจะเป็นที่พึ่งพาในเรื่องปากท้องได้เป็นอย่างดี ส่วนถ้าจะเลยออกไปไกลหน่อย รอบๆ นี้ก็ยังมีห้าง Big C ราษฎร์บูรณะ, Big C บางปะกอก, ห้าง Central พระราม 2, Tesco Lotus, ตลาดดาวคะนอง ฯลฯ หรือไม่ก็ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าฝั่งพระนครไปเลย จากที่เราลองเดินสำรวจรอบๆ โครงการก็เห็นว่าซอยสุขสวัสดิ์ 17 เป็นซอยตันนะครับ ในซอยมีอพาร์ทเม้นท์ หอพักสูง 7-8 ชั้นอยู่ 2-3 ตึก ช่วงเช้าและเย็นจะได้ยินเสียงเด็กนักเรียนบ้างนิดหน่อย เพราะหลังซอยติดกับโรงเรียนบางประกอกวิทยาคมที่อยู่ในซอยสุขสวัสดิ์ 19 นอกเหนือจากนี้ก็เป็นบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 2-3 ชั้น รวมถึงพื้นที่รอบๆ ก็ไม่มีตึกสูง ยังเป็นบ้านในแนวราบถ้าจะมีก็แค่ตึกแถวสูง 4-5  ชั้น ที่มีอยู่ใกล้ๆ บ้าง ห้องพักของ ISSI Condo จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องถูกบังวิวซักเท่าไหร่ แถมทางโครงการ ISSI Condo Suksawat ก็เลือกออกแบบให้สระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลางอยู่ทางด้านซอย 17 เลยได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง และไม่ค่อยถูกรบกวนจากภายนอก สภาพแวดล้อมโดยรวมของโครงการจึงค่อนข้างเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย สำหรับตัวอาคารของโครงการ ISSI Condo Suksawat เป็นอาคารเดี่ยวรูปตัว U สูง 24 ชั้น มีจำนวนยูนิตรวมทั้งหมด 892 ยูนิต โดยส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 5 เป็นต้นไป ล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่บนชั้น 5 ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำขนาด 6x25 เมตร แยกสระเด็กและจากุชชี่ ห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องสตรีม และสวนพักผ่อน Sunken Seat Forest Seat นอกจากนี้ยังมีทางโครงการยังจัดพื้นที่นั่งเล่นอ่านหนังสือพร้อม wi-fi แถมด้วย Sky Garden บนดาดฟ้า รวมถึงสนามเด็กเล่น, Sport Ground สำหรับคนที่ชอบเล่นกีฬา และยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟในพื้นที่โครงการอีกด้วย เรียกว่าจัดมาให้เต็มที่กันเลย ส่วนในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ก็เป็นไปตามมาตรฐานทั้งระบบ CCTV รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง และระบบ Access Control สิ่งอำนวยความสะดวกหลักๆ ทางโครงการก็จัดมาแน่นตามที่บอกไปแล้วข้างต้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องให้สะดุดตา สะดุดใจไร้ที่ติเลยนะครับ เพราะเท่าที่เห็นจำนวนลิฟท์โดยสารที่ทางโครงการจัดมาให้ก็ต้องตกใจว่ามีเพียง 3 ตัว (ไม่รวมลิฟท์เซอร์วิส 1 ตัว) เท่านั้น ซึ่งนับว่าอัตราส่วนการใช้หนาแน่นมากๆ จนเข้าขั้นอึดอัดกันเลยทีเดียว เพราะลิฟท์ 1 ตัวต่อจำนวนห้องร่วมๆ 300 ห้อง จะใช้ลิฟท์แต่ละทีคงต้องรอกันนานมากหน่อย แถมตำแหน่งของลิฟท์ก็อยู่ที่โซนกลางของอาคาร เท่ากับว่าห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายและขวา หรือตำแหน่งปลายของตัว U ก็ต้องเดินกันไกลเลย ถ้าซื้อของเข้าบ้านเยอะๆ ก็เหนื่อยกันหน่อยนะครับ เช่นเดียวกันกับห้องทิ้งขยะที่ก็ต้องเดินในระยะเหนื่อยแทบไม่ต่างกัน ดังนั้นการเลือกตำแหน่งห้องว่าจะอยู่ใกล้ หรือไกลลิฟท์ ก็น่าจะต้องลองชั่งใจกันดูนิดนึงว่าจะยังไงดี จะเลือกเดินใกล้ หรือเดินไกลแต่ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า Master Plan จะแสดงให้เห็นภาพรวมคร่าวๆ ของโครงการ ทางเข้า-ออก สวนสีเขียวรอบๆ โครงการ และที่จอดรถบางส่วนในชั้น G สนามกีฬาด้านหลังโครงการ ที่ชั้น 2-4 จะเป็นที่จอดรถ ซะส่วนใหญ่ แต่ก็มีห้องพักอาศัยอยู่ด้วยที่ด้านขวา และด้านหลังของอาคาร ที่ชั้น 2 จะมี 14 ยูนิต ที่ชั้น 3-4 จะมีห้องพักอาศัยอยู่ 19 ยูนิต ขึ้นมาถึงที่ชั้น 5 จะเป็นชั้นที่มี Facility หลักของโครงการอยู่ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องสตรีม และสวนพักผ่อน Sunken Seat Forest Seat พร้อมกับห้องพักอาศัยที่โอบล้อม Facility อยู่ทั้ง 3 ด้าน สระว่ายน้ำขนาด 6x25 เมตร แยกสระเด็กและจากุชชี่ บนชั้น 5 ที่ชั้น 6-24 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด Sky Garden บนชั้นดาดฟ้า ขณะนี้ ISSI Condo Suksawat กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างไปมากกว่า 80% แล้วนะครับ เราจึงค่อนข้างเห็นภาพรวมของตัวโครงการได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งเรื่องทิศทางของแดดและวิว ซึ่งห้องทางฝั่งด้านหลังโครงการโดยเฉพาะบนชั้นสูงๆ จะค่อนข้างได้เปรียบเรื่องวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นเดียวกันกับห้องทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ยังพอเห็นวิวแม่น้ำบ้างในบางมุม ส่วนห้องทางด้านหน้าโครงการที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเสียเปรียบเรื่องวิวหน่อย เพราะจะเห็นเป็นวิวเมืองแทน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีตึกสูงมาบังสายตา ได้วิวมุมกว้างๆ สบายตากันไป ในขณะที่ห้องที่อยู่ทางด้านในก็จะหลบแดดได้บ้าง เรื่องวิวก็ได้วิวสวนและวิวสระว่ายน้ำจากส่วนกลางไปแทน ใครชอบมุมไหน ทิศไหนก็ลองไปเลือกๆ ไปเล็งที่โครงการกันตามสะดวกครับ พาชมห้องตัวอย่าง พาไปดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า ซึ่งทางโครงการเตรียมห้องแบบ 1 Bedroom ไว้ให้ชมด้วยกัน 2 Type ครับ เริ่มกันที่ห้องแรกที่มีขนาดประมาณ 25 ตร.ม. เป็น Type D05 เปิดประตูเข้าห้องมาก็จะเจอกับเคาน์เตอร์ครัว​ที่อยู่ทางขวามือ พื้นที่ครัวขนาดกระทัดรัดเหมาะกับขนาดห้องเลยนะครับ มีเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L พร้อมซิงค์ล้างจาน และชั้นเก็บของมาให้ด้วย แต่ไม่มีชุดเตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้นะครับ อันนี้ต้องติดเพิ่มเอง แต่ที่จริงแล้วห้องขนาดนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะกับการทำครัวหนักๆ เท่าไหร่ แค่ไมโครเวฟซักเครื่องสำหรับเตรียมหรืออุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ ก็คงเพียงพอแล้วครับ ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนซึ่งกั้นแบ่งไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน บรรยากาศภายในห้องตัวอย่างดูโปร่งสบายตาดีนะครับ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการตกแต่งห้องให้ดูเรียบง่าย สบายตา ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์กำลังดี และจัดไว้เป็นสัดส่วนดีทีเดียวครับ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงไอเดียในการตกแต่งเท่านั้นนะครับ เพราะของจริงที่เราจะได้คือ ห้องเปล่าๆ และผนังฉาบเรียบเท่านั้น ส่วนห้องน้ำภายในห้องก็มาพร้อมสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า ประตูบานเลื่อนกั้นห้องอาบน้ำ พร้อมชุดฝักบัว ตามมาตรฐาน Cotto  ซึ่งพื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำก็ขนาดกระทัดรัดกำลังดีครับ เสียตรงที่วางของตรงอ่างล้างหน้าน้อยไปนิด แต่ยังดีที่ทางโครงการมีเว้นช่องเก็บตรงหน้าห้องอาบน้ำไว้ให้ เลยพอช่วยเพิ่มที่เก็บของได้บ้าง แปลนห้อง Type D05 ขนาด 24.90 ตารางเมตร เข้ามาให้ห้องแล้วมองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดห้องเตียงนอน ด้านซ้ายมือ โครงการทำเป็นตู้เก็บของซ่อนอยู่ ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องครัว มีเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L สำหรับเตรียมอาหาร ไม่มีชุดเตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้ พร้อมซิงค์ล้างจาน และชั้นเก็บของ ทั้งด้านบนและด้านล่าง ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนซึ่งกั้นแบ่งไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน โครงการจะใช้ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนนะครับ ทำให้เปิดได้กว้างขึ้น โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน อยู่ติดกับประตูบานเลื่อนของห้องครัว ภาพมุมกว้างห้องครัวและโต๊ะทานอาหาร ส่วน Living Area ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น และสีโทนอ่อน ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งดีครับ ชั้นวางทีวีทำเป็นชั้น Built in เล็กๆ ทำให้ห้องดูโล่งขึ้น โซฟาถูกจัดวางไว้ติดกับปลายเตียงเลยนะครับ เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด Living Area จะอยู่ติดกับระเบียง มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน สำหรับเปิดปิด มีธรณีประตูขึ้นมานิดหน่อยนะครับ เวลาก้าวเข้า-ออก ก็ระวังสะดุดกันด้วย ขนาดของระเบียงห้องกว้างกำลังพอดีนะครับ สามารถวางเครื่องซักผ้าที่ระเบียงได้เลย อย่างที่บอกนะครับ เตียงนอนจะอยู่ติดกับโซฟาเลย วางเตียง 5 ฟุตกำลังพอดีครับ จะได้ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป ข้างเตียงจะมีหน้าต่าง ด้านบนจะเป็นบานเลื่อน ส่วนด้านล่างจะเป็นบาน Fix อีกด้านของเตียงจะเป็นห้องน้ำ เห็นตู้ขาวๆ หน้าห้องน้ำนั่นคือตู้เสื้อผ้านะครับ ตู้เสื้อผ้าที่โครงการจัดไว้ให้ดูจะเป็นหน้าบานสไลด์แบบที่เห็นนะครับ เพราะถ้าใช้บานเปิดแบบปกติก็จะติดเตียง อาจจะทำให้ใช้งานได้ลำบาก เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันต่อ การวางสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าทรงกลมมีที่วางของเล็กๆ ของ 2 ข้าง Shower Box จะกั้นด้วยประตูบานสไลด์ 3 ตอน ชุดฝักบัวของ Cotto ส่วนห้องอีกเป็น Type C07 ซึ่งมีขนาดห้องเกือบๆ 30 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยมากกว่า แต่ก็ยังคงเป็นแบบ 1 Bedroom นะครับ สำหรับ Layout ของห้องนี้จะดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น ด้วยการแบ่งพื้นที่ใช้สอยแยกออกจากกันอย่างชัดเจน พอเปิดเข้าห้องมาก็จะเจอพื้นที่นั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนซึ่งถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเรียบร้อย ในขณะที่พื้นที่ด้านขวาของห้องจะถูกกั้นเป็นโซนห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียง เรื่องวัสดุ สุขภัณฑ์ที่มาพร้อมกับห้องจะหน้าตาเหมือนกับห้องก่อนหน้าเลย เพียงแค่ต่างกันเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องตำแหน่งการจัดวางเท่านั้นครับ ห้อง Type นี้จะดีหน่อยสำหรับคนที่ชอบทำครัว เพราะตำแหน่งห้องครัวอยู่ติดกับระเบียง สามารถเปิดประตูช่วยระบายกลิ่นกับข้าวได้ แถมพื้นที่ครัวก็กว้างกว่า เหมาะกับการใช้งานมากกว่าด้วย แปลนห้อง Type C07 ขนาด 29.39 ตารางเมตร ห้อง Type นี้เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ห้องนี้จะแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น Living Area จะแยกออกจากห้องนอนอย่างชัดเจน ชั้นวางทีวีเป็นชั้น Built in เล็กๆ เหมือนกัน ภาพอีกมุมของ Living Area โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่านอยู่ติดกับประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ที่กั้นระหว่าง Living Area กับห้องนอน ภายในห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือ ให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้ หน้าต่างภายในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้อง Type D05 ส่วนด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่วางอยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้ง มุมมองจากเตียงนอนออกไปที่ส่วน Living Area คราวนี้เราเข้าไปดูห้องครัวกับห้องน้ำที่แอบอยู่ด้านในกันต่อ เคาน์เตอร์ครัวของ Type นี้จะเป็นแนวยาว จะมีช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง พื้นที่เตรียมอาหาร ซิ้งค์ล้างจาน ชั้นลอยเก็บของ ระเบียงจะอยู่ติดกับห้องครัวนะครับ ข้อดีคือสามารถระบายกลิ่นอาหารออกนอกอาคารได้ง่าย เครื่องซักผ้าวางไว้ที่ระเบียงเหมือนกันนะครับ จากระเบียงเราย้อนกลับเข้าไปดูที่ห้องกันต่อ สุขภัณฑ์ที่ใช้และการจัดวางจะคล้ายๆ กับห้อง Type D05 เลยนะครับ ต่างกันตรงที่ Shower Box จะย้ายมาอยู่ตรงกลางระหว่างอ่างล้างหน้ากับโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าแบบเดียวกันเลย ขนาดของ Shower Box ประมาณนี้นะครับ มาพร้อมกับชุดฝักบัวของ Cotto สำหรับโครงการ ISSI Condo Suksawat ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจไม่น้อยเลยในทำเลย่านสุขสวัสดิ์ เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดริมถนนใหญ่ และอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ยิ่งพอรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมใช้งานแล้ว การเดินทางเข้าเมืองก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้นอีกหลายเท่า ในขณะที่การเดินทางในรูปแบบอื่นๆ ก็ยังสะดวกอยู่เช่นเดิม เรื่องสาธารณูปโภคต่างๆ ก็ค่อนข้างพร้อม มีห้าง Big C อยู่ใกล้พอๆ กับร้านสะดวกซื้อเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือซื้อเพื่อการลงทุน โครงการนี้ก็ยังคงความน่าสนใจได้ไม่น้อยเลยครับ ใครที่สนใจคงต้องรีบไปกันหน่อย เพราะได้ข่าวว่าเหลือห้องว่างไม่มากแล้ว
RHYTHM อโศก 2 : รีวิวคอนโด

RHYTHM อโศก 2 : รีวิวคอนโด

ในทำเลใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีพระราม 9 เราเคยพาไปดู Rhythm อโศก กันมาแล้ว คราวนี้บริษัท AP Thai ร่วมมือกับบริษัท Mitsubishi Estate Group ของญี่ปุ่น ทำโครงการ Rhythm อโศก 2 คอนโดมิเนียม High Rise ติดถนนอโศกดินแดงในย่าน New CBD ของกรุงเทพ เราเลยเข้าไปเก็บข้อมูลโครงการมาฝากกันครับ   การเดินทาง เรื่องการเดินทางแน่นอนว่าสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งตัวสถานีพระราม 9 อยู่ห่างจากที่ตั้งโครงการประมาณ 300-400 เมตรเท่านั้น เป็นระยะที่กำลังเดินได้สบายๆ ครับ แต่อาจจะลำบากนิดหน่อยถ้าฝนตกหนักๆ ตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนอโศก-ดินแดงฝั่งขาเข้า  (มุ่งหน้าไปอโศก) หรืออยู่ตรงกันข้ามกับโครงการ Rhythm อโศก นั่นเอง หรือถ้าใครที่ต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Airport Link ก็ถือว่าสะดวกเช่นกัน เพราะสถานีรถไฟฟ้า Airport Link มักกะสัน อยู่ห่างออกไปประมาณ 700 เมตรเท่านั้น ดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงมีทางเลือกอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ไม่ได้ยากเลยครับ จะมีก็แค่ปัญหารถติดเท่านั้นที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ถนนสายอโศก-ดินแดงมีปริมาณรถหนาแน่นเกือบตลอดเวลา บริเวณรอบๆ มีทั้งถนนดินแดง ถนนรัชดา ถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักๆ ที่เราสามารถใช้เดินทางเข้าออกเมือง รวมถึงด่านทางด่วนพระราม 9 ก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลอีกด้วย สำหรับขาขึ้นก็สะดวกหน่อยเพราะออกจากโครงการไปหน่อยก็ เลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วนได้เลย ส่วนขาลงก็อาจจะต้องอ้อมไปกลับรถมาที่ตัวโครงการอีกรอบ ดูจากระยะทางแล้วก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่ช่วงเวลาเร่งด่วนก็รถติดเอาเรื่องเลยนะครับ จึงเสียเวลาในการเดินทางมากกว่าปกติพอสมควร การเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัว ถือว่าสะดวกใช้ได้เลย เพราะตัวโครงการติดถนนใหญ่ และรถราก็วิ่งคึกคักแทบจะตลอดเวลา โดยเฉพาะแท็กซี่ที่หาเรียกได้ง่ายที่สุด ดึกดื่นก็ยังหารถได้ง่ายครับ เพราะย่านนี้อยู่ใกล้แหล่งบันเทิงยามค่ำคืน ส่วนรถเมล์ และพี่วินมอเตอร์ไซค์คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะต้องเดินไปข้ามแยกไปถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนู่นเลย แผนที่โครงการ การเดินทางวันนี้ขอใช้ทางด่วนศรีรัชฝั่งขาออก มุ่งหน้ามาลงที่ถนนพระราม 9 เลยนะครับ เพราะถ้าลงถนนรัชดาภิเษกจะต้องไปกลับรถไกลพอสมควร ลงมาแล้วจะแยก แบบนี้ให้เลี้ยวซ้ายไปทางสี่แยก อ.ส.ม.ท. ตามป้ายเลยนะครับ เลี้ยวซ้ายมาแล้วก็จะเจอสีแยก อ.ส.ม.ท. เลี้ยวซ้ายอีกทีนะครับ เพื่อเข้าถนนพระราม 9 เลี้ยวซ้ายมาแล้วขับตรงมาอีกหน่อยนะครับ สำนักงานขายจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ เยื้องๆ กับเซ็นทรัล พระราม 9 ก่อนถึงแยกพระราม 9 ครับ สำนักงานขายโครงการ ส่วนที่ตั้งของโครงการนั้น จะตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกนะครับ เราออกจากสำนักงานขายมาแล้วขับตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเจอสี่แยกพระราม 9 ให้เลี้ยวซ้ายไปทางถนนอโศกมนตรี ตามป้ายเลยครับ จากแยกพระราม 9 มาประมาณ 250 เมตร ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับ สถานที่ก่อสร้างล้อมรั้วไว้อย่างมิดชิดนะครับ แต่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง วิเคราะห์ตัวโครงการ ด้วยความที่ที่ตั้งโครงการ Rhythm อโศก 2 อยู่ในทำเลที่กำลังมีการเติบโตมาที่สุดย่านหนึ่งของกรุงเทพ บริเวณรอบๆ จึงมีคอนโดโครงการอื่นๆ ให้เปรียบเทียบกันเป็นจำนวนมาก ถ้านับเอาแค่ตึกที่จะอยู่ใกล้ๆ กับ Rhythm อโศก 2 ที่เห็นชัดๆ เลยก็คือ ตึกของ Rhythm อโศก ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ตึกนี้ถึงจะไม่ได้อยู่ในระยะประชิด แต่ก็มีผลต่อวิวของห้องด้านนี้พอสมควร หันไปทางแยกรัชดา-พระราม9  ก็มี Ideo Mobi พระราม 9 บังวิวอยู่นิดหน่อย ส่วนทางด้านหลังโครงการหันไปก็จะเจอทั้ง Aspire พระราม 9, Condolette Midst และ Ideo Mobi บังวิวไปเต็มๆ ห้องทางฝั่งนี้ (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) จึงค่อนข้างเสียเปรียบเรื่องวิวครับ ทั้งๆ ที่อยู่ในทิศทางที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าอยากได้ห้องที่วิวดีหน่อยก็ต้องเลือกห้องทางฝั่งทิศใต้ ซึ่งจะได้วิวมุมกว้างสุด (เห็นทางด่วน) รองลงมาก็เป็นฝั่งตะวันตก ซึ่งมีแค่ตึก Rhythm อโศก เป็นตึกสูงแค่ตึกเดียวเท่านั้น สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการ ในระยะไม่เกิน 500 เมตร จัดว่ามีตัวเลือกให้พึ่งพาได้พอสมควรเลย เริ่มตั้งแต่Central พระราม 9 ซึ่งยึดหัวหาดอยู่ที่แยกพระราม 9 คู่กับ Fotune Tower ที่มีทั้ง Tesco Lotus ศูนย์รวมอุปกรณ์ไอที และร้านค้าร้านอาหาร อยู่ในโซนพลาซ่าอีกเพียบ ถัดจาก Centralไปทางถนนพระราม 9 จะเป็นพื้นที่ของ G Land ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ในอนาคตอันใกล้บริเวณนี้จะเป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงาน อาคารตลาดหลักทรัพย์  และCommercial Building ที่ใหญ่มาก ปริมาณรถและคนก็จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกหลายเท่าแน่ๆ เรื่องความเจริญทั้งอาหารการกิน ที่ทำงาน และแหล่งช็อปปิ้งจึงหายห่วง ถัดออกไปอีกหน่อยยังมี Esplanade, Big C หรือทางฝั่งสุขุมวิทก็มี Terminal 21 ด้วย อันนี้แค่ระยะใกล้ๆ นั่งรถไฟฟ้าไปแค่ 1-2 สถานีเท่านั้นเองนะครับ นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาล โรงเรียน สถานศึกษา มหาวิทยาลัย อยู่ในระยะที่สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินด้วย จึงจัดว่าเป็นทำเลที่สะดวกสบายมากๆ สำหรับคนที่ขยันเดินทางซักหน่อย ตัวโครงการ Rhythm อโศก 2 เป็นคอนโด High Rise ที่ร่วมกันออกแบบกับ บริษัท Mitsubishi Estate Group ของญี่ปุ่น รูปแบบอาคารเป็นแบบเรียบๆ ไม่หวือหวามาก มีการผสมผสานบรรยากาศแบบญี่ปุ่นเข้าไปตามส่วนต่างๆ เช่น สวนหินบริเวณหน้าล็อบบี้ ภายในล็อบบี้ที่เน้นความเรียบง่ายตามสไตล์ญี่ปุ่น และการวางผังห้องแบบ Inter-Locked เป็นต้น ยูนิตรวมทั้งหมดของโครงการคือ 346 ยูนิต ภายในอาคารสูง 30 ชั้น โดยพื้นที่อยู่อาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปครับ ซึ่งที่ชั้น 8 จะถูกแบ่งเป็นพื้นที่ของ Main Facilities ด้วย บริเวณ Main Facilities จะมีทั้ง สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่าแยกชาย หญิง และห้อง Spa ตามมาตรฐานเลยครับ สำหรับห้องพักที่ชั้น 8 จะมีเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น โดยทางโครงการพยายามออกแบบเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องบนชั้นนี้โดยแยกทางออกบริเวณโถงลิฟท์เป็นสองทาง เพื่อป้องกันการถูกรบกวนจากคนที่ลงมาใช้สอยส่วนกลางนั่นเอง พูดถึงลิฟท์โดยสารแล้ว ก็จะเห็นในแปลนว่าทางโครงการเตรียมลิฟท์โดยสารไว้ 2 ตัว และลิฟท์ขนของอีก 1 ตัว ซึ่งอัตราการใช้งานต่อลิฟท์โดยสาร 1 ตัวค่อนข้างหนาแน่นเลยทีเดียว (1:173) ในขณะที่จำนวนที่จอดรถทั้งหมดตั้งแต่ชั้น 1- 7 สามารถรองรับรถได้เพียง 136 คันเท่านั้น (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ซึ่งจะเป็นปัญหากับคนที่มีรถส่วนตัวมากๆ เพราะอาจจะเจอปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ แล้วต้องแย่งที่จอดกันแบบใครมาก่อนได้ก่อน ใครที่ต้องใช้รถส่วนตัวเป็นหลักแน่ๆ คงต้องพิจารณาปัญหาตรงนี้เพิ่มขึ้นอีกข้อด้วย นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีทั้งกล้องวงจรปิด CCTV, รปภ., Key Card เข้าอาคาร และลิฟท์แบบล็อคชั้น รวมถึงร้านค้า 1 ห้องที่บริเวณใต้อาคาร ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นร้านอะไรกันแน่ เรามาเริ่มที่ชั้น G กันก่อนนะครับ ที่ชั้น G จะเป็น Lobby ที่เน้นความเรียบง่าย และมีสวนหินสไตล์ญี่ปุ่นอยู่ด้านหน้าโครงการ สวนหินสไตล์ญี่ปุ่นด้านหน้าโครงการ Lobby ที่เน้นความเรียบง่าย ชั้น 2 - 7 จะเป็นส่วนของที่จอดรถทั้งหมด รวมแล้วจอดได้ประมาณ 136 หรือคิดเป็น 40% ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 8 ซึ่งจะมาพร้อมกัน Facility หลักของโครงการทั้งฟิตเนสและสระว่ายน้ำ หน้าตาของสระว่ายน้ำบนชั้น 8 ครับ ตั้งแต่ชั้น 9 ขึ้นไปถึงชั้น 29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยแล้วประมาณ 16 ยูนิตต่อชั้น พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงห้องตัวอย่างกันบ้างครับ ทางโครงการ Rhythm อโศก 2 เตรียมห้องตัวอย่างไว้ 2 แบบนะครับ ซึ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนในขนาด 28 ตร.ม. ทั้ง 2 ห้องเลย เริ่มต้นกันด้วยห้อง Type B01 กันก่อน เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอห้องที่ตกแต่งในโทนเข้มขรึม ซ้ายมือเป็น Pantry ครัว และพื้นที่กินข้าวที่วางโต๊ะตัวสูงไว้ติดริมหน้าต่างเลย ทำให้มุมนี้มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น อีกฝั่งทางด้านหลังประตูทางเข้า เว้าพื้นที่เข้าไปทำชั้นเก็บของ ชั้นวางรองเท้า และวางเครื่องซักผ้าได้ลงตัวเป๊ะ โถงกลางห้องเป็น Living Area วางโซฟาชุดเล็กไว้ตรงข้ามกับทีวี ได้ระยะเต็มความกว้างของห้องซึ่งกำลังพอเหมาะพอดี ข้างๆ ชั้นวางทีวีเป็นห้องน้ำนะครับ ซึ่งภายในก็แบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว ทั้งโซนแห้งโซนเปียกที่กั้นด้วยประตูกระจก temper  แต่ที่วางของในห้องน้ำน้อยไปหน่อยครับ โดยเฉพาะตรงอ่างล้างที่ตัวอ่างเป็นทรงกลมทำให้แทบจะไม่มีพื้นที่วางของเลย ออกมาดูโซนสุดท้ายของห้องกันบ้าง ที่ด้านหลังประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่คือห้องนอน บริเวณปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in ทำให้บริเวณปลายเตียงไม่สามารถแขวนทีวีเพิ่มได้ สำหรับคนที่ชอบนอนดูทีวีคงจะขัดใจเล็กน้อยก็ได้ครับ ผังห้อง Type B01 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องแล้วถ้ามองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ที่จะอยู่ติดกับห้องนอนนะครับ แต่ถ้ามองมาด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิดที่อยู่ด้านหน้าห้อง เคาน์เตอร์ครัวจะหน้าตาประมาณนี้นะครับ มีช่อใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง ด้านบนจะเป็นชั้นลอยเก็บของ ส่วนตำแหน่งการวางอยู่เย็นจะอยู่ด้านซ้ายติดกับประตูห้อง ซิงค์หลุมจะอยู่ด้านติดกับตู้เย็น แต่ขนาดค่อนข้างเล็กไปหน่อยนะครับ เตาไฟฟ้า 2 หัว + ฮูดดูดควัน โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน หันหน้าออกนอกหน้าต่าง เพิ่มบรรยากาศในการทานอาหารได้อีกแบบ ส่วนอีกฝั่งตรงข้ามกับครัว ด้านหลังประตูทางเข้า จะเว้าพื้นที่เข้าไปทำเป็นชั้นเก็บของ ชั้นวางรองเท้า และวางเครื่องซักผ้าได้ลงตัวเป๊ะ มาดูที่ส่วน Living Area กันต่อนะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากันทีวีกำลังพอดี ไม่ใกล้ ไม่ไกล จนเกินไป ชั้นวางทีวีจะวางได้ขนาดประมาณนี้นะครับ เนื่องจากถูกบีบจากทั้งฝั่งของห้องนอนและห้องน้ำ ตำแห่งวางแอร์ที่ห้องนั่งเล่นก็จะอยู่เหนือทีวีนี่แหละครับ มาดูส่วนของห้องนอนกันบ้างนะครับ สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้เลยครับ ด้านข้างเตียงมีพื้นที่เหลือนิดหน่อยให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้ ห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขนาดใหญ่ ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in ถ้าหากต้องการจะติดทีวีไว้ในห้องนอนด้วย ก็ต้องแขวนผนังไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งนี่เลยครับ เพราะพื้นที่มีจำกัดจริงๆ ตำแหน่งของแอร์ในห้องนอนก็จะอยู่เหนือทีวี เราออกมาดูที่ห้องน้ำกันต่อนะครับ การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว อ่างล้างหน้าทรงกลม พื้นที่วางของตรงอ่างล้างหน้าแทบไม่มีเลยครับ ระยะห่างของโถสุขภัณฑ์กำลังพอดีครับ ไม่แคบเกินไป ส่วนเปียกกั้นด้วยประตูกระจก Temper มาพร้อมกับชุดผักบัวและ Rain Shower ส่วนห้องแบบที่ 2 คือ Type B02 ซึ่งขนาดใกล้เคียงกัน แต่ Layout ห้องจะมีการแยกห้องนอนไว้อย่างชัดเจน เข้าห้องมาจะเจอ Pantry ครัวก่อนเช่นกัน ด้านหลังประตูห้องเป็นพื้นที่เว้าเข้าไป Built-in เป็นชั้นวางของ และที่วางเครื่องซักผ้า ถัดจากมุมนี้ไปจะเป็นประตูห้องน้ำ ภายในห้องน้ำก็มี Layout เหมือนกันกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ โซนด้านในติดกับหน้าต่างเป็น Living Area ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะออกเป็นแนวลึก ทำระยะห่างระหว่างทีวีและโซฟาค่อนข้างแคบ ไม่เหมาะจะแขวนทีวีขนาดใหญ่ๆ ในขณะที่นอนจะถูกแบ่งพื้นที่ไว้ชัดเจนด้วยผนังทึบและมีประตูบานสวิงปิดมิดชิด ทำให้พื้นที่ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัวสูง ในนอนพอวางเตียง 5 ฟุตเข้าไปแล้วก็เหลือพื้นที่ข้างเตียงและปลายเตียงอีกนิดหน่อยเท่านั้น ผนังด้านปลายเตียงสามารถแขวนทีวีเพิ่มได้ ในขณะที่อีกด้านของห้องจะมีตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in มาเต็มผนัง ภายในห้องนอนจึงตกแต่งอะไรเพิ่มเข้าไปอีกได้ไม่เยอะนัก ซึ่งถ้าใครมีเพื่อนมาเยี่ยมห้องบ่อยๆ และชอบที่จะยังคงมีพื้นที่ส่วนตัวอยู่อย่างชัดเจน ห้องแบบนี้น่าจะเหมาะกว่าครับ ผังห้อง Type B02 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกันส่วนของครัวอยู่ด้านซ้ายมือก่อนเลยนะครับ เคาน์เตอร์ครัวก็จะคล้ายๆ กับ Type B01 ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นส่วนที่เว้าเข้าไป ทำเป็นชั้นเก็บของและวางเครื่องซักผ้า ข้างๆ กันก็จะเป็นห้องน้ำ ที่จะอยู่ตรงข้ามกับส่วนครัวพอดี เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องน้ำก่อนเลยนะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกับห้อง Type B01 เลยนะครับ ส่วนการวาง Layout ก็จะคล้ายๆ กัน ส่วนเปียกจะกั้นด้วยประตูกระจก Temper มาพร้อมกับชุดผักบัวและ Rain Shower มีส่วนเว้าเล็กๆ ไว้สำหรับวางของในห้องอาบน้ำ เดินเลยห้องน้ำและครัวเข้ามาก็จะเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ก่อนถึงส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีจะค่อนข้างแคบนะครับ ไม่เหมือนกับห้อง Type B01 จึงอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดทีวี ข้างๆ กันจะเป็นหน้าต่างบาน Fix บานใหญ่ และบานกระทุ้ง 1 บาน มาต่อกันที่ห้องสุดท้ายคือห้องนอน ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต กำลังเหมาะเลยครับ จะมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือนิดหน่อย แต่ด้านปลายเตียงจะไม่มีพื้นที่เหลือพอให้วางชั้นวางทีวีนะครับ จะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน ตำแหน่งการวางแอร์จะอยู่ปลายเตียงเหนือทีวี ส่วนข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อและโต๊ะเครื่องแป้ง จากที่ได้ดูห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องแล้ว ต้องบอกว่าแต่ละห้องก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไป แต่ที่แน่ๆ คือห้องทั้ง 2 แบบนี้ไม่มีระเบียงนะครับ ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาใหญ่เลย เพราะมันไม่มีที่ให้ตากผ้า!! แล้วจะมีที่วางเครื่องซักผ้ามาให้เราซักผ้าแล้วไปตากที่ไหน ต่อให้เครื่องมีความสามารถในการปั่นผ้าให้หมาดจนเกือบแห้ง แต่ยังไงเราก็ยังต้องการพื้นที่ตากผ้าอยู่ดีใช่มั้ยครับ ต่อให้เลือกที่จะเอาเสื้อผ้าส่งร้านซักรีดทั้งหมด แต่ยังไงก็ต้องมีผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้ต้องซักต้องตากอยู่ดี อันนี้ก็แล้วแต่นะครับ สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าไม่เดือดร้อนก็ได้ นอกจากนี้เรื่อง Lay out ห้องที่ดูจากแปลนแล้วมีหน้าตาแปลก มีส่วนเว้า ส่วนเพิ่มตรงนั้นตรงนี้ ก็เนื่องจากการออกแบบตำแหน่งห้องในรูปแบบ Inter-Locked ซึ่งแต่ละห้องจะเหมือนจิ๊กซอร์แต่ละตัวที่เมื่อนำมาต่อกันแล้วจะเข้าล็อคลงตัวกันพอดี พื้นที่ในห้องจึงมีไม่ได้เป็นแค่ทรงสี่เหลี่ยมเรียบๆ อย่างโครงการอื่นๆ ครับ และอีกข้อที่ต้องตรวจสอบให้ดีๆ ก็คือ เรื่องเฟอร์นิเจอร์และวัสดุภายในห้องที่เราจะได้มาพร้อมห้องครับ เพราะบางชิ้นก็ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนกับที่เห็นในห้องตัวอย่างนะครับ อาจจะแค่เทียบเคียง หรือหน้าตาต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง และหลายๆ ชิ้นที่เห็นก็จัดไว้เพื่อการตกแต่งเท่านั้น อันนี้ต้องสอบถามกับพนักงานขายให้ละเอียดถี่ถ้วน ป้องกันการเข้าใจผิดเวลาที่เห็นห้องจริงครับ Type A04 แบบ Studio ขนาด 27 ตารางเมตร Type A13 แบบ Studio ขนาด 22.20 ตารางเมตร Type C07 แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 42 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าทำเลที่ตั้งของ Rhythm อโศก 2 ตั้งอยู่ในย่านที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมากที่สุดย่านหนึ่งในกรุงเทพ และบริเวณแวดล้อมก็ค่อนข้างพร้อมทั้งใกล้แหล่งสำนักงานเอกชน หน่วยงานราชการ สถานศึกษา แหล่งช็อปปิ้ง และแหล่งคมนาคมที่สำคัญของกรุงเทพทั้ง MRT และ Airport Link จึงเหมาะทั้งการจับจองไว้อยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน เนื่องจากมีแนวโน้มในการทำกำไรค่อนข้างมาก ในขณะที่ตัวห้องเองก็มีขนาดเริ่มต้นที่เล็กและอยู่ในเรทราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าคนที่ต้องทำงานในระแวกนี้อยู่แล้ว การเลือกห้องในทำเลนี้ก็จะยิ่งสะดวกในการเดินทางมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าในระแวกนี้จะไม่มีโครงการอื่นๆ ไว้ให้เปรียบเทียบความต่างและความคุ้มค่าเลยนะครับ ในทางกลับกันกลับมีคอนโดโครงการอื่นๆ แวดล้อมเป็นจำนวนมาก ทีนี้ก็เหลือแค่เรื่องราคา สไตล์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และสาธารณูปโภคที่มีมาให้ ว่าโครงการไหนจะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของแต่ละคนได้ดีกว่ากัน ในขณะที่ข้อดีจะมีอยู่มาก แต่ข้อด้อยก็ไม่ควรมองข้ามนะครับ ทั้งเรื่องจำนวนที่จอดรถที่ค่อนข้างน้อยถ้าเทียบว่าโครงการอยู่ในทำเลที่มีแนวโน้มว่าลูกบ้านส่วนใหญ่จะมีรถส่วนตัว ปัญหาการจารจรที่ติดหนักในชั่วโมงเร่งด่วนสำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก และมลภาวะทางเสียง และมลภาวะทางอากาศจากฝุ่นควันที่อาจได้รับผลกระทบเนื่องจากคอนโดอยู่ติดริมถนนใหญ่ รวมถึงปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในห้อง อย่างพื้นที่เว้าไป เว้ามา ทำให้การจัดตกแต่งห้องยากในบางที หรือการที่ไม่มีพื้นที่ระเบียงให้เลย ถึงบริเวณที่ใช้แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์จะมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่อ้อมแอ้มว่าเปิดออกไปได้ และพยายามทำให้เข้าใจเหมือนว่ามันคือระเบียง แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่!! ในเมื่อมันไม่สามารถเปิดประตูเดินออกไปใช้งานอะไรได้ มันก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไร จะให้ยื่นออกไปตากผ้าก็ใช่เรื่อง และในความเป็นจริงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยครับ  อันนี้เลยอยากจะย้ำให้คิดให้รอบคอบอีกนิดว่า ถ้าเกิดต้องอยู่จริงๆ แล้วมันจะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตเราได้มากน้อยแค่ไหน
THE ROOM เจริญกรุง 30 : รีวิวคอนโด

THE ROOM เจริญกรุง 30 : รีวิวคอนโด

The Room เจริญกรุง 30 คอนโด High Rise สูง 23 ชั้น โครงการใหม่จาก Land & Houseบนถนนเจริญกรุง วิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้สถานทูตโปรตุเกส   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 9,000,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร ประมาณ 167,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จํากัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 23 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 211 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 1 - 3 - 89 ไร่ ที่จอดรถ  ประมาณ 80% ที่ตั้งโครงการ ซอยเจริญกรุง 30 ถนนเจริญกรุง บางรัก กรุงเทพฯ ค่าบำรุงส่วนกลาง 55 บาท สถานที่สำคัญใกล้เคียง สถานทูตโปรตุเกส โรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ซิตี้ ชอปปิ้ง คอมเพล็กซ์ โรงเรียนอัญสัมชัญ ลักษณะห้องและขนาดห้อง Type 1 C,D แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ขนาด 54.3 - 56 ตารางเมตร Type 1 G แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ  ขนาด 54 - 55.5 ตารางเมตร Type 2B แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  ขนาด 85.5 ตารางเมตร Type 2C แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  ขนาด 76.7 - 77 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby Salt system infinity edge Swimming Pool jacuzzi Fitness indoor & outdoor Reading Lounge Meeting Room Digital Door Lock Key Card Access 24 Hours Sercurity Guard, CCTV สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1198 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.lh.co.th