Tag : เอพี ไทยแลนด์

48 ผลลัพธ์
‘เอพี ไทยแลนด์’ เปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่ เตรียมเปิด 39 โครงการ

‘เอพี ไทยแลนด์’ เปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่ เตรียมเปิด 39 โครงการ

‘เอพี ไทยแลนด์’ ปิดปี ’61 คาดโตสวนกระแสกว่า 30% เติบโตเป็นประวัติการณ์ ขึ้นแท่นอันดับ 2 ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายได้สูงสุด ดินหน้าเต็มสูบ ชูวิสัยทัศน์และพันธกิจยิ่งใหญ่ พัฒนาระบบนิเวศใหม่ นำเทคโนโลยีเชื่อมโยงกับการใช้ชีวิตยุคใหม่ ทำวิสัยทัศน์ ‘มอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้คนในสังคม’   บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัยของประเทศไทย ประกาศความสำเร็จคาดปิดปี 2561 ธุรกิจโดยรวมโตสวนกระแส 30% ขึ้นแท่นอันดับ 2 ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายได้สูงสุด เดินหน้าประกาศวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่ นำองค์กรก้าวสู่ศักราชใหม่ที่มากกว่าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเป็นรายแรกที่ริเริ่มสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้แนวคิด ‘AP World, A New Vision of Quality of Life’ สร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า พร้อมเปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่นอกธุรกิจอสังหาฯ อย่างสมภาคภูมิ ได้แก่ SEAC (เอสอีเอซี) VAARI (วาริ) และ CLAYMORE (เคลย์มอร์) มุ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกและการเติบโตที่ยั่งยืน ตั้งเป้าภายในปี 2565 ทั้ง 3 ภาคธุรกิจใหม่จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพีให้เติบโตแบบก้าวกระโดดแตะหลัก 60,000 ล้านบาท   นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า “ในปี 2561  ที่ผ่านมาธุรกิจโดยรวมของเอพี ไทยแลนด์เติบโตมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เราคาดการณ์ว่า ในปี 2561 บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 30% จากปีก่อนหน้า ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เอพี ไทยแลนด์ ขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีรายได้สูงสุดของเมืองไทย การเติบโตแบบสวนกระแสของเอพีเป็นผลลัพธ์ของความสำเร็จในทุกธุรกิจที่เราดำเนินกิจการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในสินค้าทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ต่างได้รับ    การตอบรับที่ดีจากตลาด สะท้อนได้ทั้งจากยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี”   นอกจากนี้ ธุรกิจอื่นๆ ในเครือเอพี ทั้ง ธุรกิจ Property Agent ภายใต้ชื่อ ‘BC (บีซี)’ ที่ให้บริการรับฝากขาย ฝากเช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ และไม่ได้จำกัดอยู่ที่สินค้าของเอพีเพียงอย่างเดียว มีผลการดำเนินงานที่เติบโตแบบก้าวกระโดด มีอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อ-ขาย-เช่า ผ่าน บีซี รวมมูลค่าสูงกว่า 12,000 ล้านบาทก้าวขึ้นเป็น Property Agent อันดับ 1 ของประเทศอย่างเต็มภาคภูมิ และธุรกิจ Property Management ภายใต้ชื่อ ‘SMART (สมาร์ท)’ เป็นธุรกิจบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ส่งผลให้วันนี้ สมาร์ทได้รับความไว้วางใจให้เข้าบริหารจัดการคุณภาพชีวิตในโครงการต่างๆ ที่ไม่ใช่แต่เฉพาะเครือเอพีกว่า 55,000 ครอบครัว ในกว่า 200 โครงการ ซึ่งก้าวต่อไปทั้งสองบริษัท ‘บีซีและสมาร์ท’ จะยังคงเดินหน้าขยายขอบเขตการให้บริการเพื่อเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง   ทั้งนี้ ทั้ง 3 ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของเอพี ไทยแลนด์ในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของเมืองไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกช่วงชีวิตของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์และครบวงจรที่สุด (Space Expert for Living Satisfaction) ซึ่งก้าวต่อไปจากนี้ เอพี ไทยแลนด์จะไม่หยุดอยู่เพียงภาคธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่จะก้าวไปสู่ศักราชใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘AP World, A New Vision of Quality of Life’ วิสัยทัศน์ในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า ซึ่งจะสมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศ (Eco System) ที่เอพีพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นรายแรกที่ริเริ่มสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้ง ยังเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน บริษัทฯ จึงพร้อมเปิดตัว 3 ภาคธุรกิจใหม่ (Disruptive Business) ได้แก่ 1) VAARI ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพชีวิต 2) CLAYMORE ดำเนินธุรกิจสร้างและผลักดันนวัตกรรมดีไซน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบ และ 3) SEAC ดำเนินธุรกิจในการดิสรัปวิธีการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคน ในสังคมด้วยกระบวนการใหม่ๆ  ผ่านความร่วมมือจากสถาบันระดับโลก   ทั้ง 3 ธุรกิจใหม่จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยเสริมวิสัยทัศน์ในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประสบความสำเร็จ เคียงคู่ไปกับ Core Business คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริษัทในเครือ ที่จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าภายในปี 2565 สามภาคธุรกิจใหม่นี้จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพีให้เติบโตแบบก้าวกระโดดแตะหลัก 60,000 ล้านบาท      นายอนุพงษ์กล่าวว่า “หนทางในการไปถึงวิสัยทัศน์ในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีนั้น มีความท้าทายหลัก   3 ประการที่เราจะต้องตระหนัก ต้องบริหารจัดการ และต้องเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม นั่นคือ 1. โลกที่กำลังดิสรัปและทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คำถาม คือ เราจะนำ Technology มาช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้นได้อย่างไร 2. เราจะรู้จักและพัฒนานวัตกรรมให้สอดคล้องและตอบรับกับความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบที่แตกต่างกันของคนในสังคมได้อย่างไร 3. เราจะพัฒนาความรู้ ความสามารถของ ‘คนในองค์กรและคนในสังคม’ ให้ก้าวทันกระแสดิสรัปชั่นได้อย่างไร ดังนั้นการขยายองค์กรสู่ 3 ภาคธุรกิจใหม่ล่าสุดของเรา จึงช่วยตอบโจทย์และเติมเต็มให้วิสัยทัศน์ในการมอบคุณภาพชีวิตแก่คนในสังคมให้เป็นผลสำเร็จ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเอพีแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”   บริษัทใหม่ทั้ง 3 มีลักษณะการดำเนินธุรกิจ และเป้าหมายสำคัญแตกต่างกัน ดังนี้ บริษัท วาริ จำกัด: ดำเนินธุรกิจสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพชีวิต (LIFE MANAGEMENT ECOSYSTEM) ที่จะมาจุดประกายคุณภาพชีวิตในวันข้างหน้าให้มีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์สังคมแห่งการอยู่อาศัยในอุดมคติให้เกิดขึ้น ลดทอนความซ้ำซ้อนที่เป็น Pain ของผู้อยู่อาศัยในวันนี้ และมอบประสบการณ์ใหม่ที่ยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ผ่านนวัตกรรมดีไซน์ที่เข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์ของคนในสังคม บริษัท เคลย์มอร์ จำกัด: ดำเนินธุรกิจการพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบของคนในสังคม ผ่านการสร้างทีมนวัตกรรมที่มีจิตวิญญาณในการเป็นผู้ประกอบการขึ้นภายในองค์กร มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการเป็น Innovation Lab สร้างนวัตกรรมโดยใช้กระบวนการ Stanford Design Thinking ต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เดิมไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยมีเป้าหมายให้นวัตกรรมที่คิดค้น จับต้องได้ และใช้งานได้จริง SEAC (เอสอีเอซี): ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน ดำเนินธุรกิจในการดิสรัปวิธีการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคนในสังคมด้วยกระบวนการใหม่ๆ มุ่งพัฒนาความพร้อม ความสามารถของคนให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในวันนี้และอนาคต โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันระดับโลก อาทิ Stanford University ที่มีมุมมองในเรื่องการเรียนรู้ตรงกัน เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถและกระบวนการคิดของผู้นำในเมืองไทยและระดับภูมิภาคให้มีศักยภาพทัดเทียมผู้นำระดับโลก   “การรุกขึ้นมาปรับวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของเอพี ไทยแลนด์ ไปสู่การเป็นบริษัทที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมแทนที่จะเป็นเพียงผู้ส่งมอบที่อยู่อาศัยเพียงเท่านั้นซึ่งสุดท้ายแล้วนวัตกรรมหรือระบบนิเวศต่างๆ ที่ถูกพัฒนาจะเปิดกว้างให้บริการกับทุกคนไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นลูกค้าเอพีเท่านั้น โดยเราคาดหวังว่า ดอกผลที่เกิดขึ้นจากการขยายภาคธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ AP World นี้ จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพี ไทยแลนด์ให้เติบโตแบบดับเบิ้ล หรือตั้งเป้าสร้างรายได้รวมแตะหลัก 60,000 ล้านบาทภายในปี 2565” นายอนุพงษ์ กล่าว   นอกจากความสำเร็จด้านผลประกอบการณ์แล้ว ในปี 2561 ที่ผ่านมายังเป็นเกียรติยศของเอพี ไทยแลนด์ จากการคว้ารางวัลทรงเกียรติ ทั้งจากในประเทศและระดับนานาชาติ มาครองได้มากถึง 14 รางวัล อาทิ ‘บริษัทผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชียประจำปี 2018’ จากเวที The Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards (ACES) ประเทศสิงคโปร์, ‘ที่สุดของบริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2018’ จากเวที Property Guru Asia Property Awards 2018 และได้รับการจัดอันดับให้เป็น ‘The Most Admired Company 2018’ องค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ในใจผู้บริโภคประจำปี 2018 อีกด้วย      
‘เอพี ไทยแลนด์’ จัดแคมเปญ “21 Destiny” เดินเกมรุกบุกตลาดแนวราบไตรมาส 4 เปิดจองทาวน์โฮมใหม่ 21 ทำเลพร้อมกัน พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษแรงเกินห้ามใจ

‘เอพี ไทยแลนด์’ จัดแคมเปญ “21 Destiny” เดินเกมรุกบุกตลาดแนวราบไตรมาส 4 เปิดจองทาวน์โฮมใหม่ 21 ทำเลพร้อมกัน พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษแรงเกินห้ามใจ

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง สานต่อความสำเร็จครั้งใหญ่จากยอดขายรวมแนวราบเครือเอพี โชว์ตัวเลขยอดขายแนวราบ 9 เดือน พุ่งแตะ 15,620 ล้านบาท โตกว่า 34%  ล่าสุด จัดแคมเปญใหญ่กระตุ้นตลาดทาวน์โฮมพร้อมอยู่ไตรมาส 4 อีกครั้ง ยกทัพทาวน์โฮมเครือเอพีแบรนด์ ‘บ้านกลางเมือง’ และ ‘พลีโน’ 21 โครงการใหม่ ชูไฮไลท์ ‘นวัตกรรมดีไซน์ และ สเปซฟังก์ชั่น’ การดีไซน์พื้นที่รองรับและตอบโจทย์การขยับขยายของครอบครัวเมืองในอนาคต เปิดจองครั้งแรกในราคาพรีเซล พิเศษส่วนลดสูงสุด 21 เท่า ราคาเริ่มต้น 1.99-9 ล้านบาท พร้อมจับมือพันธมิตรธุรกิจ ‘ธนาคารกสิกรไทย’ มอบข้อเสนอพิเศษทางการเงินที่ดีที่สุดแห่งปี-ดอกเบี้ยพิเศษ นาน 2 ปี และลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 100,000 บาท รวมทั้งสิทธิพิเศษอื่นๆ มากมาย สำหรับลูกค้าทาวน์โฮมเอพีที่จองซื้อในช่วงเวลาแคมเปญ 21 Destiny ระหว่างวันที่ 27-28 ตุลาคมนี้เท่านั้น ณ เซลล์ แกลเลอรี่ ‘บ้านกลางเมือง’ และ ‘พลีโน่’ รวม 21 โครงการใจกลางเมืองทั่วกรุงเทพฯ นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจแนวราบ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจบปี ความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่พร้อมอยู่ของครอบครัวเมืองมีอยู่มาก โดยเฉพาะตลาดทาวน์โฮมระดับกลางบนถึงไฮเอนด์ ทำเลใจกลางเมืองเครือเอพีที่ยังคงได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการมุ่งสานต่อเป้าหมายในการรักษาความเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮมระดับกลางบนในเมือง เอพีจึงยกระดับการรุกตลาดมากขึ้น โดยคิดค้นและนำเสนอสินค้าทาวน์โฮมที่แตกต่าง ทั้งในเรื่องของโมเดลบ้านและจำนวนโครงการที่ครอบคลุมในทุกทำเลใจกลางและรอบกรุงเทพฯ เพื่อให้ทาวน์โฮมในเครือเอพีภายใต้แบรนด์ 'บ้านกลางเมือง' และ 'พลีโน่' เป็นคำตอบที่ดีที่สุดในทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งในเรื่องของโลเคชั่น คุณภาพของทาวน์โฮม สังคม นวัตกรรมดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานของพื้นที่ รวมถึงการให้บริการหลังการขาย”   “สำหรับแคมเปญ 21 Destiny วางเป้าหมายสำหรับลูกค้าครอบครัวเมืองที่มองหาทาวน์โฮมใหม่พร้อมอยู่ ทั้งในทำเลใจกลางเมืองและรอบกรุงเทพฯ โดยเราได้รวบรวมทาวน์โฮมเครือเอพี 21 โครงการใหม่ แบรนด์ ‘บ้านกลางเมือง-ไฮเอนด์ทาวน์โฮม 3 ชั้น’ (9 โครงการ) และ ‘พลีโน่-พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น’ (12 โครงการ) มาพร้อมคลับเฮ้าส์หรูบนที่สุดของทำเลศักยภาพ เชื่อมต่อรถไฟฟ้า ติดถนนใหญ่ และใกล้ทางด่วน ที่จะสามารถเติมเต็มรูปแบบชีวิตในฝันของคนเมือง นอกจากนี้ เอพียังคงเดินหน้าในการเป็นผู้นำตลาดที่ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาต่อยอดและนำเสนอความต่างในการพัฒนาทาวน์โฮมของเอพี กับทาวน์โฮมโมเดลใหม่ ทั้งในมิติของ ‘นวัตกรรมดีไซน์’ และ ‘สเปซฟังก์ชั่น’ ที่รองรับการขยับขยายของครอบครัวในอนาคต ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องของพื้นที่ที่กว้างขวาง สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับการใช้งานตามความต้องการอย่างคุ้มค่า รวมถึงสังคมรอบข้างที่ดีที่สามารถเกิดขึ้นจากพื้นที่ส่วนกลางของโครงการที่พัฒนามาอย่างครบครันและสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยบ่มเพาะทักษะการเรียนรู้ และมนุษยสัมพันธ์ของสมาชิกตัวน้อยในครอบครัวได้เป็นอย่างดี” นายภมร กล่าวเสริม “นอกจากจะพัฒนาพื้นที่ให้รองรับกับความต้องการของครอบครัวขยาย ทาวน์โฮมแบรนด์ ‘บ้านกลางเมือง’ และ ‘พลีโน่’ ของเอพี ยังถูกพัฒนาเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างในแต่ละโลเคชั่น เพราะเราเข้าใจถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน เราจึงตั้งใจพัฒนาสเปซฟังก์ชั่นให้ตรงกับความต้องการเพื่อให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วในทาวน์โฮมเครือเอพีสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างลงตัว และเข้ากับรูปแบบการใช้ชีวิตได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคู่รักที่กำลังเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกัน ผู้ที่รักความสงบและความเป็นส่วนตัว และผู้ที่มองหาทำเลคุณภาพเพื่อการเดินทางที่สะดวกสบาย และเพื่อความสำเร็จของธุรกิจในอนาคต” นายภมร กล่าวสรุป   พลาดไม่ได้กับแคมเปญสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “บ้านกลางเมือง-พลีโน่ 21 Destiny” เปิดจองทาวน์โฮมใหม่ 21 ทำเลพร้อมกัน ทั่วกรุงเทพฯ กับข้อเสนอพิเศษสุด คัดเฉพาะแปลงสวย พบราคาพรีเซล พร้อมส่วนลดสูงสุด 21 เท่า ลงทะเบียนรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 100,000 บาท และดอกเบี้ยพิเศษ นาน 2 ปี จากธนาคารกสิกรไทย สำหรับผู้ที่ยื่นขอกู้สินเชื่อบ้านกสิกรไทยตั้งแต่วันนี้และจดจำนองภายใน 28 ธันวาคม 2561 เท่านั้น และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย เฉพาะลูกค้าที่จองซื้อในวันที่ 27-28 ตุลาคมนี้ ณ เซลล์ แกลเลอรี่ ‘บ้านกลางเมือง’ และ ‘พลีโน่’ รวม 21 โครงการทั่วกรุงเทพฯ ราคาเริ่มต้น 1.99-9 ล้านบาท   โครงการที่เข้าร่วมแคมเปญ ’21 Destiny’ คัดสรรทาวน์โฮมบนสุดยอดทำเลที่ดีที่สุดทั่วกรุงเทพฯ จำนวน 21 โครงการ ประกอบด้วย บ้านกลางเมือง ไฮเอนด์ทาวน์โฮม 3 ชั้น รวม 9 ทำเลไฮไลท์ ได้แก่ 1) บ้านกลางเมือง วัชรพล 2) บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์ 3) บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ 4) บ้านกลางเมือง THE ERA ปิ่นเกล้า-จรัญฯ 5) บ้านกลางเมือง THE EDITION บางนา-วงแหวน 6) บ้านกลางเมือง THE EDITION บางนา-วงแหวน (Business District) 7) บ้านกลางเมือง THE EDITION พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา 8) บ้านกลางเมือง พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา และ 9) บ้านกลางเมือง THE EDITION พระราม 9-พัฒนาการ พลีโน่ พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น รวม 12 ทำเลไฮไลท์ ได้แก่ 1) พลีโน่ พหลโยธิน-วัชรพล 2 2) พลีโน่ รังสิตคลอง 4-วงแหวน 3) พลีโน่ รามอินทรา 4) พลีโน่  ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ 2 5) พลีโน่ ชัยพฤกษ์ 6) พลีโน่ เวสต์เกต 7) พลีโน่ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ 8) พลีโน่ ปิ่นเกล้า-จรัญฯ 9) พลีโน่ บางนา-อ่อนนุช 10) พลีโน่ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา 11) พลีโน่ สุขสวัสดิ์ 70 และ 12) แกรนด์ พลีโน่ สุขสวัสดิ์-พระราม3    “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง”
‘เอพี ไทยแลนด์’ รุกตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ เปิดตัวคฤหาสน์หรู THE PALAZZO ศรีนครินทร์ รับตลาดอสังหาฯ โค้งสุดท้ายสดใส

‘เอพี ไทยแลนด์’ รุกตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ เปิดตัวคฤหาสน์หรู THE PALAZZO ศรีนครินทร์ รับตลาดอสังหาฯ โค้งสุดท้ายสดใส

เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมืองมั่นใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยโค้งสุดท้ายยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เผยแผนธุรกิจไตรมาส 4/2561 เปิดเกมรุกตลาดบ้านเดี่ยวซูเปอร์ลักชัวรี่ อีกหนึ่งกลยุทธ์สู่การเติบโตในระยะยาว ด้วยโครงการ ‘THE PALAZZO ศรีนครินทร์’ คฤหาสน์หรูบนที่ดินล้ำค่าผืนสุดท้ายที่ดีที่สุดบนถนนศรีนครินทร์ แตกต่างด้วยการผสานเสน่ห์งานศิลป์เข้ากับการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า เพียง 52 ยูนิต เริ่ม 29 ล้านบาท เตรียมเปิดตัว 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 31,230 ล้านบาท ด้านผลงาน 9 เดือนที่ผ่านมามียอดขายแล้วกว่า 30,700 ล้านบาท คิดเป็น 77% ของเป้ายอดขายที่ปรับขึ้นใหม่เป็น 39,800 ล้านบาท   THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Masterpiece for Generations’ สุนทรียะแห่ง การอยู่อาศัยเหนือระดับ ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 31 ไร่ แวดล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เป็นความสง่างามบนถนนศรีนครินทร์ ประหนึ่งของขวัญล้ำค่าที่พร้อมส่งมอบให้กับคนรุ่นถัดไป ด้วยความ-พิเศษเพียง 52 ยูนิตเท่านั้น พร้อมเปิดให้เข้าชมโครงการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ราคาเริ่มต้น 29 - 60 ล้านบาท นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “ตลาดอสังหาฯ ไตรมาสสุดท้ายมีแนวโน้มการเติบโตดี กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาฯ ยังมีอยู่ สถานการณ์โดยรวมของตลาดมีสัญญาณการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะเซกเมนต์สินค้าระดับกลางบนที่โฟกัสทำเลใจกลางเมือง ยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าครอบครัวคนเมือง สะท้อนได้จากยอดขาย 9 เดือนที่ผ่านมาของเอพี มียอดขายแล้วกว่า 30,700 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ คอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (Existing Projects) รวมถึงโครงการแนวราบซึ่งมีสัดส่วนการเติบโตทางยอดขายที่ดีขึ้นเช่นกัน” “ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทฯ ยังคงสานต่อกลยุทธ์การดำเนินงานสู่ความสำเร็จที่วางไว้ ด้วยการรุกตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ ในกลุ่มสินค้า THE PALAZZO ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับบน ที่มองหาที่อยู่อาศัยพรีเมี่ยมในทำเลศักยภาพ ด้วยการออกแบบภาพลักษณ์โครงการใหม่ที่สอดรับกับพฤติกรรมลูกค้าในปัจจุบัน โดยพร้อมเปิดตัวคฤหาสน์หรูโมเดลใหม่เป็นโครงการแรก ที่ ‘THE PALAZZO ศรีนครินทร์’ โครงการแฟล็กชิพระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย ภายใต้คอนเซปต์ Masterpiece for Generations ที่พร้อมส่งมอบเป็นมรดกล้ำค่าแก่สมาชิกในครอบครัวทุกเจนเนอเรชั่น” นายวิทการกล่าว “ทั้งนี้ จุดต่างของแบรนด์ THE PALAZZO คือการผสานความงดงามของศิลปะสไตล์ American Neo Classic เข้ากับการพัฒนาโครงการ จนเกิดเป็นงานสถาปัตยกรรมที่สวยงามข้ามกาลเวลา ภายใต้แนวคิด ‘แอนทีเบลลัม (Antebellum Architectural)’ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะทาง ด้วยงานสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ทั้งรูปร่างอาคารที่สมมาตร (Symmetrical Shape) สามเหลี่ยมจั่วด้านหน้าอาคาร (Triangular Pediment) เสาที่สูงขึ้นไปจนเต็มความสูงอาคาร (Tall Column) แนวระเบียงรอบตัวอาคาร (Balcony) และจุดเด่นที่สำคัญที่งานสถาปัตยกรรมส่งผลไปสู่การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในคือ การมีบานหน้าต่างที่อยู่รายล้อมบ้าน ส่งผลให้ทุกห้องภายใน THE PALAZZO เชื่อมต่อกับพื้นที่ภายนอกผ่านบานหน้าต่างหรือช่องแสงได้ทุกพื้นที่บ้าน” นายวิทการกล่าวเสริม   นอกจากนั้นแล้ว โครงการยังได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด Landscape within Landscape ซึ่งหมายถึงนอกจากความตั้งใจในการจัดวางงานภูมิสถาปัตยกรรมภายในให้ร่มรื่น เป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 52 ยูนิตแล้ว ที่ตั้งของโครงการยังถือเป็นที่ดินผืนเดียวและผืนสุดท้ายที่แวดล้อมด้วยปอดขนาดใหญ่ กับพื้นที่สีเขียวจากสวนหลวง ร.9 โครงการแก้มลิงตามพระราชดำริฯ บึงหนองบอน สวนวนธรรม และสนามกอล์ฟศรีนครินทร์ THE PALAZZO ศรีนครินทร์ ได้รับการออกแบบให้เป็นมาสเตอร์พีซจากรุ่นสู่รุ่น เพียงแห่งเดียวบนถนนศรีนครินทร์ (Land of Longevity) มอบความสงบและเป็นส่วนตัว ปลีกตัวจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่แก่ 52 ครอบครัวเท่านั้น สะดวกสบายด้วยทำเลที่เข้าถึงได้ทุกการเดินทาง เชื่อมต่อกับตัวเมืองทั้งถนนสุขุมวิท ถนนพัฒนาการ และถนนบางนา-ตราด อีกทั้งยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ที่จะสร้างเสร็จในปี 2564 โดยยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง สถานศึกษา สถานพยาบาล และเดินทางสะดวกสู่สนามบินสุวรรณภูมิ   คฤหาสน์หรู THE PALAZZO ศรีนครินทร์ เอกสิทธิ์พิเศษสำหรับ 52 ครอบครัวเท่านั้น ทุกพื้นที่ใช้สอยภายในโครงการล้วนได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงการพักผ่อนที่เป็นส่วนตัวสูงสุด (Ultimate Retreat) ด้วยแบบบ้าน 3 Type ที่สอดรับกับจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่แตกต่างกัน 1) ANTONIO คฤหาสน์ 2 ชั้น 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 391 ตารางเมตร พื้นที่ 102 ตารางวา  2) MONTICELLO คฤหาสน์ 2 ชั้น 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 528 ตารางเมตร พื้นที่ 125 ตารางวา 3) LORENZO คฤหาสน์ 2 ชั้น 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 547 ตารางเมตร พื้นที่ 160 ตารางวา  พร้อม Clubhouse สระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิตเนส และ Social Club ขนาดใหญ่ รองรับกิจกรรมสำหรับครอบครัวตลอด 365 วัน เอกสิทธิ์ของการใช้ชีวิตเหนือระดับ เริ่มต้น 29 – 60 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ 9 เดือนแรก บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายมูลค่า 30,700 ล้านบาท คิดเป็น 77% ของเป้ายอดขายใหม่ ที่ปรับขึ้นใหม่เป็น 39,800 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการอีก 18 โครงการ มูลค่า 31,230 ล้านบาท โดยเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 14,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่า 7,840 ล้านบาท และทาวน์โฮม 10 โครงการ มูลค่า 9,390 ล้านบาท พร้อมโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (Existing Projects) อีกกว่า 90 โครงการ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้เกินเป้าหมายใหม่ที่ตั้งไว้   “โดยเอพียังคงมุ่งสานต่อเป้าหมายในการรักษาความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง เราพร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ เน้นย้ำจุดแข็งทั้ง ‘การเป็นหนึ่งเดียวเรื่องทำเลที่ตั้ง’ ‘การพัฒนานวัตกรรมดีไซน์และแบบบ้านโมเดลใหม่ๆ’ ความโดดเด่นด้านแนวคิดของ ‘การดีไซน์พื้นที่’ ที่สร้างความแตกต่างให้กับการอยู่อาศัย พร้อมการออกแบบ ที่สอดรับกับพฤติกรรมลูกค้าครอบครัวเมือง รวมถึงรูปลักษณ์และฟังก์ชั่นการใช้งานภายใน ซึ่งเอพีเชื่อมั่นว่าทั้งหมดนี้จะได้รับการตอบรับที่ดี และเราจะสามารถบรรลุยอดขายเป้าหมายใหม่ที่ตั้งไว้ โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้เอพียังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการที่จับกลุ่มเป้าหมายระดับกลางถึงระดับบน ด้วยแพคเกจราคาขายที่ครอบคลุมความสามารถในการซื้อของคนเมืองในปัจจุบัน ที่เริ่มตั้งแต่ 2 ล้านบาท จนถึงกลุ่มสินค้าระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ที่เริ่มต้นในราคา 29 ล้านบาทเป็นต้นไป” นายวิทการกล่าวสรุป   สรุปในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 30,700 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียม มูลค่า 15,080 ล้านบาท แนวราบมูลค่า 15,620 ล้านบาท มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 55,240 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 10,035 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 45,205 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
‘เอพี ไทยแลนด์’ พลิกมิติการใช้ชีวิตใจกลางเมือง เปิดตัวคอนโดฯ ‘ไลฟ์ อโศก ไฮป์’  ตอกย้ำการเป็นเจ้าตลาดผู้พัฒนาอสังหาฯ ย่านธุรกิจใหม่แห่งอนาคต

‘เอพี ไทยแลนด์’ พลิกมิติการใช้ชีวิตใจกลางเมือง เปิดตัวคอนโดฯ ‘ไลฟ์ อโศก ไฮป์’ ตอกย้ำการเป็นเจ้าตลาดผู้พัฒนาอสังหาฯ ย่านธุรกิจใหม่แห่งอนาคต

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง เดินหน้าเจาะดีมานด์คนเมืองรุ่นใหม่ เปิดตัว ‘ไลฟ์ อโศก ไฮป์ (LIFE Asoke Hype)’ คอนโดมิเนียมใหม่ใจกลางย่านธุรกิจแห่งอนาคต อโศก-พระราม 9 ผสมผสานความต่างอย่างลงตัว สะท้อนตัวตนที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยการดีไซน์ผ่านกระบวนการคิดแบบ Design Thinking ผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบพื้นที่ของเอพี ที่ทำทุก ย่างก้าวใน ‘ไลฟ์ อโศก ไฮป์’ สัมผัสได้ถึงความเป็นส่วนตัวใจกลางเมืองที่สมบูรณ์แบบ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม รองรับทุกการใช้ชีวิตแบบดิจิตอลกับนวัตกรรมล้ำสมัย ตอบสนองความต้องการของเรียลดีมานด์อย่างแท้จริง คุ้มค่ากับแพ็คเกจราคาที่จับต้องได้ และยังสามารถต่อยอดโอกาสการลงทุนระยะยาวในอนาคต ทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือปล่อยเช่าระยะยาว ด้วยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณ 5 - 6%     ไลฟ์ อโศก ไฮป์ (LIFE Asoke Hype) จะเปิดจองรอบแรกผ่านระบบ AP i-Booking ในวันอังคารที่ 2 ตุลาคมนี้ เวลา 19.00 - 21.00 น. และมีกำหนดเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในวันที่ 6-7 ตุลาคมนี้ ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท     นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “ความสำเร็จในการพัฒนาคอนโดมิเนียมเครือเอพีที่ผ่านมา คือ การเลือกเฟ้นทำเลที่ดีเยี่ยม ใจกลางเมืองช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ผนวกกับความใส่ใจในการออกแบบเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ใช้สอย การบริหารแพ็คเกจราคาขายที่เหมาะสม ตลอดจนความมั่นใจในคุณภาพการก่อสร้าง การบำรุงรักษา และบริการหลังการขายของเอพี แต่ในปัจจุบันเกมธุรกิจเปลี่ยนไป กล่าวคือ ผู้พัฒนาอสังหาฯ ต่างชูทำเลสะดวกใกล้แนวรถไฟฟ้าเป็นจุดขาย เราในฐานะเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้ายังคงคุณภาพด้านต่างๆ ที่กล่าวมาไว้คงเดิม แต่เพิ่มศักยภาพของคอนโดฯ เราให้สามารถเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า   รวมถึงความต้องการที่ยังไม่ถูกตอบสนอง (unmet needs) ด้วยการนำกระบวนการ Design Thinking เข้ามาเสริม โดยสำหรับการพัฒนาคอนโดมิเนียม ไลฟ์ อโศก ไฮป์ นับเป็นโจทย์ที่ทีมต้องทำการบ้านหนักมาก เพื่อให้มั่นใจว่า ไลฟ์ อโศก ไฮป์ จะเป็นมิติใหม่ของการยกระดับการใช้ชีวิตในคอนโดย่านใจกลางเมืองอย่างแท้จริง จะทำอย่างไรให้ ไลฟ์ อโศก ไฮป์ สามารถนำเสนอทั้งพื้นที่ส่วนกลางและพื้นภายในยูนิตพักอาศัยได้แตกต่างและตรงกับที่ลูกค้ามองหา”     “เอพี เราเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า โดยเฉพาะย่านเชื่อมต่ออโศก-เพชรบุรี-พระราม 9 ที่เรามีโครงการพัฒนาแล้วเสร็จในย่านนี้ทั้งสิ้นจำนวน 5 โครงการ รวมกว่า 3,600 ยูนิต ทำให้เรามีประสบการณ์ ความชำนาญ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงทุกอินไซต์ที่มีความแตกต่างและเฉพาะเจาะจงของลูกค้าในย่านนี้ ประกอบกับการไม่หยุดนิ่งที่จะยกระดับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อส่งมอบคุณภาพการอยู่อาศัย อย่างยั่งยืนโดยนำกระบวนการ Design Thinking เข้ามาเพื่อค้าหาความต้องการแฝงของลูกค้าทั้ง ความต้องการในวันนี้และอนาคตที่จะเกิดขึ้น โดยพบว่าลูกค้าย่านนี้เป็นกลุ่มคน Gen-X ถึง Gen-Y อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 28-37 ปี เป็นกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์ความหลากหลายในการใช้ชีวิต จึงเป็นที่มาของการออกแบบโครงการ ไลฟ์ อโศก ไฮป์ ภายใต้แนวคิด The Supremacy of Both Worlds     การเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดมาผสมผสาน เพื่อให้เกิดมิติใหม่ของการพักอาศัยใจกลางเมืองที่ไม่เหมือนใคร ภายใต้ 4 จุดขายต่าง (1) PRIVACY IN CONNECTED SPACE ยกระดับฟังก์ชั่นการใช้งานบนพื้นที่ส่วนรวมที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง อาทิ Running Loop, Co Working Business Lounge, สระว่ายน้ำ หรือจัดโซนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ด้วยเทคนิคการไล่ระดับเพื่อให้รองรับการใช้งานที่ตอบความเป็นส่วนตัว ที่แท้จริง (2) SUPREME LUXURY IN ECLECTIC DESIGN นิยามใหม่ของการใช้ชีวิตแบบลักชัวรี่ ด้วยเอกลักษณ์ของการออกแบบ ซึ่งเป็นที่มาของสีสันที่จัดจ้านแบบลงตัวบนตัวตึกที่บ่งบอกถึงสไตล์อันโดดเด่นเป็นหนึ่งเดียวของผู้อยู่อาศัย (3) SUPREME SPACE IN TOMORROW’S FUNCTIONALITY การให้ความสำคัญกับการออกแบบพื้นที่ที่ภายในยูนิตพักอาศัย ขยับขยายได้จริง ยืดหยุ่นได้หลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้อาศัย ส่งเสริมการใช้ชีวิตวันนี้และการปรับเปลี่ยนในอนาคต และ (4) SUPREME LOCATION AT SUPREME PRICE ชูจุดต่างด้วยศักยภาพของทำเลแห่งอนาคตในราคาที่จับต้องได้” นายวิทการกล่าว     “ไลฟ์ อโศก ไฮป์ (LIFE Asoke Hype) คอนโดมิเนียมโครงการร่วมทุนระหว่าง เอพี และ มิตซูบิชิ จิโช เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป - MECG) มูลค่าโครงการ 5,700 ล้านบาท สูง 40 ชั้น จำนวน 1,253 ยูนิต สิ่งที่จะทำให้ ไลฟ์ อโศก ไฮป์ แตกต่างจากโครงการอื่นในย่าน คือ การเสนอมิติใหม่แห่งการพักอาศัยใจกลางเมืองในแพ็คเกจราคาขายที่สามารถจับต้องได้เฉลี่ยเพียง 135,000 บาทต่อตารางเมตร บนทำเลศักยภาพใจกลางย่านธุรกิจแห่งใหม่ อย่างย่านเชื่อมต่อ อโศก-เพชรบุรี-พระราม 9 เพียง 300 เมตรจากรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีพระราม 9” นายวิทการกล่าว     นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ผู้อำนวยการ บริษัท บางกอกซิตี้สมาร์ท จำกัด ผู้นำที่ปรึกษาด้านการลงทุนในธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ใจกลางเมืองแบบครบวงจร กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนคอนโดมิเนียมในย่านเชื่อมต่อ อโศก-เพชรบุรี-พระราม 9 ว่า “พื้นที่ย่านเชื่อมต่อ อโศก-เพชรบุรี-พระราม 9 ถือว่าเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เป็นทำเลแห่งโอกาส ทั้งอัตราการเข้ามาของลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะชาวต่างชาติจากแถบเอเชียทั้ง ไต้หวัน สิงค์โปร์ ฮ่องกง จีน และญี่ปุ่น จึงทำให้มีผู้ประกอบการอสังหาฯ สนใจลงทุนในย่านนี้จำนวนมากและทำให้การแข่งขันสูง จากการสำรวจโดยฝ่ายวิจัยบางกอกซิตี้สมาร์ทพบว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ลูกค้าในย่านนี้ตัดสินใจซื้อสินค้าหรือลงทุนอสังหาฯ ในย่านนี้นอกจากปัจจัยทำเลนั่นคือ การนำเสนอสินค้าที่แตกต่าง ปัจจัยด้านราคาที่จับต้องได้ และที่สำคัญคือ คุณภาพที่ได้มาตรฐานของตัวโครงการที่อยู่อาศัย ฉะนั้นโจทย์สำหรับผู้ประกอบการที่จะเข้ามาทำตลาดในพื้นที่โซนนี้จะต้องสามารถครองใจลูกค้าในเรื่องเหล่านี้ให้ได้”     “สำหรับที่ตั้งของคอนโดมิเนียม ไลฟ์ อโศก ไฮป์ เป็นทำเลที่มีศักยภาพทั้งความพร้อมในวันนี้ และอนาคตอันใกล้ จากแผนพัฒนาพื้นที่โครงการออฟฟิสเกรดเอที่จะเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ โดยมีการคาดการณ์จำนวนพนักงานในบริษัทสัญชาติไทยและกลุ่มทุนต่างชาติ ที่กำลังจะย้ายเข้ามาอย่างเต็มรูปแบบในย่านศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่นี้กว่า 78,000 คนในปี 2563 ประกอบกับแผนการเชื่อมต่อระหว่างโครงการรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน อย่างสายสีน้ำเงินที่มีจำนวนผู้โดยสายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 270,000 คน (เพิ่มขึ้นกว่า 5.23% ต่อปี) กับโครงการรถไฟฟ้าในอนาคตสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกและยกระดับความสามารถในการเชื่อมต่อเข้าสู่พื้นที่ CBD เดิมอย่างย่านสีลม สาทร และสุขุมวิทได้โดยตรง อีกทั้งแวดล้อมไปด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จึงเป็นที่ต้องการสำหรับ ผู้ซื้อที่ชื่นชอบความสะดวกสบาย” นายขยลกล่าว     “ในส่วนของภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมทำเลเชื่อมต่อ อโศก-เพชรบุรี-พระราม 9 ย้อนหลัง 5 ปีพบโครงการใหม่ที่เปิดตัวในย่านทั้งสิ้น 19 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่เปิดตัวในแนวถนนเส้นหลักตั้งแต่แยกอโศก-อโศกเพชรบุรี จำนวน 9 โครงการ ในราคาขายเฉลี่ย 240,000 บาท/ตร.ม. มียอดขายรวม 82% และเป็นโครงการที่เปิดตัวตั้งแต่แยกอโศกเพชรบุรี-สถานีศูนย์วัฒนธรรม จำนวน 10 โครงการ ในราคาขายเฉลี่ย 175,000 บาท/ตร.ม. และมียอดขายรวมแล้วถึง 83% ซึ่งนับเป็นอัตราการตอบรับที่ดี ขณะที่คอนโดมิเนียมในกลุ่มสินค้ารีเซลก็พบการปรับตัวขึ้นมาปีละประมาณ 9% เช่นกัน นอกจากนี้ ผู้ซื้อที่ต้องการลงทุนในการปล่อยเช่าและขายต่อให้ความสนใจในตลาดโซนนี้ไม่แพ้กัน เพราะผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าระยะยาว (Rental Yield) ของคอนโดฯ ในย่านนี้ พบอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 5 - 6% ซึ่งนับว่าราคาคอนโดมิเนียม ในทำเลนี้ ยังเหมาะสมในการซื้อทั้งเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อการลงทุนระยะยาว” นายขยลกล่าวเพิ่มเติม     “ดังนั้น โครงการคอนโดมิเนียใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดในโซนนี้ ต้องสร้างความแตกต่างทั้งภายในยูนิตพักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลางรวมถึงคุณภาพที่ได้มาตรฐาน เพื่อที่จะชนะใจคนเมืองและลูกค้าต่างชาติที่กำลังมองหาคอนโดในทำเลนี้ ซึ่งนับวันจะมีแต่มูลค่าเพิ่มขึ้น เอพีเชื่อว่า ไลฟ์ อโศก ไฮป์ คอนโดมิเนียมใหม่ใจกลางย่านธุรกิจแห่งอนาคต เชื่อมต่ออโศก-เพชรบุรี-พระราม 9 ผสมผสานความต่างอย่างลงตัว สะท้อนตัวตนที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จะสามารถครองใจผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแน่นอน ด้วยจุดเด่นทั้งในด้านโลเคชั่นเพียง 300 เมตรจากรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีพระราม 9 เลเอ้าท์ในยูนิตที่ยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ พื้นที่ส่วนกลางการออกแบบที่เข้าใจความต้องการของ ผู้ซื้อในเรื่องความเป็นส่วนตัว ราคาเสนอขายที่จับต้องได้ ตลอดจนความมั่นใจในคุณภาพการก่อสร้าง การบำรุงรักษา และบริการหลังการขายของเอพี” นายวิทการกล่าวสรุป     ไลฟ์ อโศก ไฮป์ (LIFE Asoke Hype) คอนโดฯ ใจกลางย่านธุรกิจแห่งอนาคต โดดเด่นด้วยดีไซน์ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มูลค่าโครงการ 5,700 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัยสูง 40 ชั้น จำนวนห้องชุดทั้งสิ้น 1,253 ยูนิต และ 4 ร้านค้า ประกอบด้วยห้องชุดแบบ 1) สตูดิโอ ขนาด 25.50 ตารางเมตร 2) ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 30.50 – 32.00 ตารางเมตร 3) ห้องชุด 1 ห้องนอน (แบบพิเศษ) ขนาด 35.00-40.00 ตารางเมตร 4) ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาด 48.50 – 64.00 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในชั้น 1 ชั้น 7 ชั้น 40 และชั้น Rooftop โดยโครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 5-0-10 ไร่ ทำเลศักยภาพย่านธุรกิจแห่งอนาคตอโศก-พระราม 9 พรั่งพร้อมด้วยห้างสรรพสินค้าและแหล่งชอปปิ้ง โรงเรียน อาคารสำนักงาน ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคม สะดวกทั้งการใช้รถยนต์ส่วนตัว และระบบขนส่งสาธารณะ ตั้งอยู่บนทำเลเชื่อมต่อที่สำคัญและดีที่สุดบริเวณอโศก-พระราม 9 เพียง 300 เมตรจากรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีพระราม 9 และจุดขึ้น-ลงทางด่วน ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบายในการเดินทางและสีสันการใช้ชีวิต     ทั้งนี้ สรุปปี 2561 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 38 โครงการมูลค่า 59,580 ล้านบาท เปิดตัวในครึ่งปีหลังจำนวน 30 โครงการ มูลค่า 49,210 ล้านบาท แบ่งเป็นเปิดตัวในไตรมาส 3 จำนวน 12 โครงการ มูลค่า 17,980 ล้านบาท และไตรมาส 4 จำนวน 18 โครงการ มูลค่า 31,230 ล้านบาท ณ วันที่ 15 กันยายน บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 29,710 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมมูลค่า 14,455 ล้านบาท แนวราบมูลค่า 15,255 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 75% ของเป้ายอดขาย ปี 2561 ที่ตั้งไว้ (เป้ายอดขาย 39,800 ล้านบาท) สินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 54,255 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 9,675 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 44,580 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
‘เอพี ไทยแลนด์’ ปิดฉากสวยกับแคมเปญ  ULTIMATE PRIZE ดันยอดขายรวมแคมเปญกว่า 4,100 ล้านบาท  เร่งเดินสายคืนกำไรลูกบ้าน ประเดิมแจกแล้ว “เบนซ์ป้ายแดง”

‘เอพี ไทยแลนด์’ ปิดฉากสวยกับแคมเปญ ULTIMATE PRIZE ดันยอดขายรวมแคมเปญกว่า 4,100 ล้านบาท เร่งเดินสายคืนกำไรลูกบ้าน ประเดิมแจกแล้ว “เบนซ์ป้ายแดง”

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง นำโดย นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว สร้างปรากฏการณ์การันตีความคึกคักของตลาดบ้านเดี่ยวครั้งใหญ่ กับกระแสการตอบรับและความสำเร็จของแคมเปญ ULTIMATE PRIZE สิทธิพิเศษแบบจัดหนักจัดเต็มโดนใจลูกค้าครอบครัวคนเมืองรุ่นใหม่ ที่มองหาบ้านเดี่ยวดีไซน์โมเดิร์นทำเลในเมือง โดยกวาดยอดขายจากแคมเปญทั้งสิ้นกว่า 4,100 ล้านบาท ส่งผลดันยอดขายรวม 7 เดือนแรกของกลุ่มธุรกิจแนวราบพุ่งเกินเป้าแตะ 12,175 ล้านบาท โตกว่า 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ล่าสุดเร่งเดินสายคืนกำไรลูกบ้าน ประเดิมแจกแล้วรางวัลใหญ่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLA ป้ายแดง ให้กับผู้โชคดี คุณอัครฤทธิ์ จันทร์จำรัสกุล ผู้ซื้อบ้านเดี่ยวเอพี ในแคมเปญ ‘ULTIMATE PRIZE’
‘เอพี ไทยแลนด์’ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท

‘เอพี ไทยแลนด์’ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท

  เอพีสร้างนิวไฮครั้งใหม่ประกาศความสำเร็จครึ่งปีแรก 2561 สร้างรายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท ผลจากสินค้าแนวราบและคอนโดร่วมทุนที่โตอย่างต่อเนื่อง ด้านกำไรสุทธิโตขึ้น 72% หรือกว่า 1,980 ล้านบาท ยิ้มรับยอดขาย 7 เดือนแรกกว่า 2,500 ล้านบาท มั่นใจตลาดอสังหาฯ ระดับกลางถึงไฮเอนด์ดีมานด์ให้การตอบรับดี เตรียมเปิดตัวโครงการไฮไลต์ระดับ Super Luxury ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว THE ADDRESS สยาม - ราชเทวี และ THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มั่นใจจะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน   นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยทัศนะต่อแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า “ตลาดมีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้นจากปัจจัยบวกหลายประการ กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มากโดยเฉพาะตลาดระดับกลางบนถึงไฮเอนด์ ซึ่งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียม ถือเป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึงกำลังซื้อที่ยังคงมีอยู่ของสินค้าระดับกลางบนได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เอพีมีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ และกลุ่มคอนโด (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 17,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 12,125 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ (Net Profit) สูงถึง 1,988 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2560 ที่มีกำไรเท่ากับ 1,157 ล้านบาท “ภาพรวมตลาดในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งอายุของคนซื้อที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ รวมถึงต้นทุนในการสรรหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่ถือเป็นตัวกรองสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดเหลือน้อยลง ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียมของเอพีถือว่าประสบความสำเร็จในสัดส่วนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้รวมในครึ่งปีแรกมาจากสินค้าแนวราบมากถึง 8,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53% และจากสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมจำนวน 8,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 43% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า”   สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 7 เดือนแรก ณ วันที่ 5 สิงหาคมนี้ บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 25,030 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมมูลค่า 12,855 ล้านบาท แนวราบมูลค่า 12,175 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 75% ของเป้ายอดขายปี 2561 ที่ตั้งไว้ (เป้ายอดขาย 33,500 ล้านบาท) หากบริษัทฯยังคงรักษาระดับการขายในปัจจุบันเชื่อว่าจะสามารถ ทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ หนึ่งใน Key Success ของการพัฒนาโครงการเอพีคือ การมีสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของคนเมือง ทั้งในเรื่องของโมเดลสินค้าและจำนวนโครงการในทุกทำเลรอบกรุงเทพ โดยในครึ่งปีหลังนี้เอพีเตรียมเปิดตัว 2 โครงการไฮไลต์ระดับ Super Luxury ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว ด้วยแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคนั่นคือ THE ADDRESS ในทำเลใจกลางเมืองอย่างราชเทวี ภายใต้ชื่อโครงการ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี มูลค่า 8,300 ล้านบาท และคฤหาสน์หรู THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มูลค่า 1,750 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะพร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 “บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการนำพาเอพีก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 ของผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้พันธกิจสำคัญ คือ การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัย ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และวางแผนจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ค้นหา คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริมและยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตสู่ประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์สู่วิถีใหม่ๆ อย่างครบถ้วนด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น” นายอนุพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย ทั้งนี้ สรุปปี 2561 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 38 โครงการมูลค่า 59,580 ล้านบาท โดยเปิดตัวในครึ่งปีหลังจำนวน 30 โครงการ มูลค่า 49,210 ล้านบาท แบ่งเป็นเปิดตัวในไตรมาส 3 จำนวน 12 โครงการ มูลค่า 17,980 ล้านบาท และในไตรมาส 4 จำนวน 18 โครงการ มูลค่า 31,230 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกอบกับการปรับแผนธุรกิจรุกตลาดแนวราบมากยิ่งขึ้น และคอนโดมิเนียมไฮไลต์ จะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้   ณ 5 สิงหาคม 2561 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 49,580 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 6,595 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 42,985 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
PLENO พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ระดับ Professional ผู้นำแห่งการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบกว่า 10 ปี [Advertorial] : รีวิวทาวน์โฮม

PLENO พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ระดับ Professional ผู้นำแห่งการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบกว่า 10 ปี [Advertorial] : รีวิวทาวน์โฮม

พักหลังๆ มานี้ตลาดซื้อ-ขาย อสังหาริมทรัพย์บ้านเรามีประเภทที่อยู่อาศัยให้ผู้บริโภคได้เลือกกันหลากหลาย ซึ่งหนึ่งในที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ “ทาวน์โฮม” เพราะจับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางแถมยังมีราคาให้เลือกหลายระดับ ดังนั้นจึงจะเห็นว่าผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากมายต่างเปิดตัวโครงการทาวน์โฮมในหลายทำเล  เพื่อตอบโจทย์และดึงดูดความสนใจผู้บริโภคให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อพูดถึงทาวน์โฮมคุณภาพในสังคมมีระดับขึ้นมาในนาทีนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น เจ้าตลาดทาวน์โฮมอันดับหนึ่งของไทย จากผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมืองยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ที่ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาทุกโครงการให้ออกมาตอบโจทย์ตรงใจผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พรีเมียมทาวน์โฮม “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ครองใจผู้อยู่อาศัยมากกว่า 30 โครงการ 30,000 ครอบครัวในระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปี   และในปี 2018 นี้ แบรนด์แนวราบอย่าง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น รูปแบบใหม่ 2018 ก็ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของความเป็น Professional จากการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยสร้างมาตรฐานใหม่ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ซึ่งแน่นอนว่ากว่าจะประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ ทางแบรนด์ก็ได้สร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งจนเหนือกว่าคู่แข่งทั้งหมดในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดที่ต้องการให้ “บ้านเป็นได้มากกว่าแค่การอยู่อาศัย” โดยคำนึงถึงการใช้ชีวิตของทุกคนในบ้านเสมอ กล่าวคือเป็นบ้านที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานได้จริงของทุกคนในทุก Generation ยึดหลักการออกแบบ universal design คำนึงถึงการใช้งานของทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ กลุ่มคนวัยรุ่น ก็ต่างอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่ขัดเขิน แถมยังใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การหาทำเลที่ตั้งของโครงการที่ผสานทุกไลฟ์สไตล์ให้หลากหลายบนทำเลครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ เชื่อมต่อทุกการเดินทางให้เป็นเรื่องง่ายและสะดวก ทั้งรถไฟฟ้า ทางด่วน และถนนใหญ่ แวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายรอบโครงการ อาทิ วัดวาอาราม, สถานศึกษา, สถานพยาบาลชั้นนำ, ร้านอาหาร และแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่อยู่ในรัศมีใกล้กับโครงการ   ทั้งนี้ทางแบรนด์ก็ยังคงใส่ใจในเรื่องการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง สำหรับการวางผังของโครงการก็ยังคำนึกถึงหลักภูมิศาสตร์ทางแสงแดดและลม รวมถึงแปลนบ้านที่พัฒนาให้สอดรับกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ ดูโดดเด่นแบบ UNIQUE DESIGN แตกต่างทั้งด้านพื้นที่ใช้สอย และดีไซน์ที่โดดเด่นสวยงามไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังหยิบเอาเสน่ห์และเอกลักษณ์ท้องถิ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบส่วนต่างๆ ผสมผสานกับนวัตกรรมการออกแบบที่ล้ำสมัย เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าโครงการที่ดูโออ่าใหญ่โตและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวบ่งบอกถึงความพรีเมียมของโครงการ นอกจากนี้พื้นที่บริเวณคลับเฮาส์ยังจัดเต็มแบบสุดขีด โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตั้งแต่สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, พื้นที่รับแขก และสวน โดยออกแบบให้เกิดเป็นมิติไม่เหมือนใคร สนามหญ้าก็ไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่พักผ่อน เดินเล่นเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นพื้นที่กิจกรรมเชื่อมต่อทุกชีวิตของครอบครัวให้เป็นหนึ่งเดียว นอกเหนือจากนั้นก็หมดห่วงไร้กังวลด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมทั่วทั้งโครงการอย่างเป็นมิตรกับลูกบ้าน และนี่คือข้อพิสูจน์ที่ทำให้เห็นแล้วว่า “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ครองใจลูกบ้านและมัดใจผู้ซื้อมายาวนานกว่า 10 ปีได้อย่างไร   10 ความพรีเมียมที่ PLENO (พลีโน่) พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น มอบให้ลูกบ้านมาตลอด 10 ปี และเพื่อเป็นการเน้นย้ำจุดแข็งของผู้เชี่ยวชาญ Professional ในด้าน SPACE SPECIALIST ทั้งในด้านหลักการ “คิด” และ “สร้าง” ที่อยู่อาศัย ดังนั้นเรามาดูกันว่า 10 ความพรีเมี่ยมที่แบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น มอบให้กับลูกบ้านในสังคมคุณภาพที่สามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ทำเล จุดทางเข้าออกของโครงการจนไปถึงรายละเอียดของพื้นที่ภายในบ้าน จนขึ้นแท่นก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดอทาวน์โฮมอย่างแท้จริงนั้นมีอะไรบ้าง..   1. Premium Location EASY-ACCESSING ทำเลถูกผสมผสานไปกับทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายบนทำเลที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ เชื่อมต่อทุกเดินทาง ทั้งรถไฟฟ้า ทางด่วน และถนนใหญ่   2. Premium Facility IMMAGINATION MAXIMIZE ให้ทุกกิจกรรมเป็นไปได้สำหรับคนทุกวัย บนส่วนกลางขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำสำหรับลูกน้อย ฟิตเนสสำหรับคุณพ่อคุณแม่ และสวนสีเขียวเต็มพื้นที่ที่กลายเปนปอดแห่งใหม่ใจกลางเมือง   3. Premium Security SAFE & SOUND อบอุ่นและมั่นใจกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ที่ Pleno มุ่งมั่นให้ความใส่ใจมาเสมอ   4. Premium Innovation INNOVATION IS A MUST แบบแปลนบ้านที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งมีการคิด พัฒนา เรื่องดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สอดรับกับความต้องการของคนรุ่นใหม่อยู่อย่างเสมอ เช่น เพดานโปร่ง สูงกว่า 3 เมตร, Double Garden การนำพื้นที่สีเขียวเข้ามาอยู่ในบ้าน รวมไปถึงการวางแผนผังโครงการที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ ทิศทางลมและแสงแดด   5. Premium Living PROUD & GOOD SOCIETY เพราะสภาพสังคมที่ดีถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง สภาพแวดล้อมและสังคมเพื่อนบ้านที่ดีคือสิ่งหนึ่งที่ทาง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ได้หล่อหลอมให้ลูกบ้านทุกคนไม่เพียงแต่มีความสุขในการใช้ชิวิตภายในครอบครัวแล้ว การได้รู้จักแบ่งปันความสุขและคำนึงถึงเพื่อนบ้านเป็นสำคัญ คือสิ่งที่ทำให้สังคมคุณภาพของพลีโน่นั้นได้รับการยอมรับ สัมผัส และพิสูจน์ได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เข้าอยู่ ทุกๆ วันของการใช้ชีวิต และต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่นไม่รู้จบ   6. Premium Technology SMART LIVING คิดค้นและเติมเต็มอยู่เสมอ ในปี 2018 นอกจากทาง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น จะพัฒนาตัวบ้านเพื่อสอดรับกับคนรุ่นใหม่อยู่ตลอด ยังพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัยด้วย Digital Series & Smart Function เพื่อให้ทุกตารางนิ้วของบ้านนั้นเกิดประโยชน์และอำนวยความสะดวกสูงสุด กลายเป็นทาวน์โฮมนวัตกรรมใหม่ ล้ำสมัยตอบโจทย์คนปัจจุบัน   7. Premium Design   UNIQUE DESIGN งานออกแบบและศิลปะเป็นสิ่งที่ทาง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น เลือกนำเสนอให้กับลูกบ้านอยู่เสมอ การหยิบเอาเสน่ห์และเอกลักษณ์ท้องถิ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบส่วนต่างๆ ของโครงการก็เช่นกัน เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าโออ่า คลับเฮ้าส์ดีไซน์เท่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังยึดหลักการออกแบบ universal design คำนึงถึงการใช้งานของทุกเพศ ทุกวัย โดดเด่นด้วยการออกแบบให้ใช้งานได้จริง โดยได้คำนึงถึงคนในทุก Generation ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ กลุ่มคนวัยรุ่น   8. Premium Material พิถีพิถันในทุกรายละเอียดที่สัมผัสได้ วัสดุที่ใช้ผนวกเข้ากับงานดีไซน์ที่ทำให้ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น มีความสวยงามทั้งภายใน และภายนอก   9. Premium Park สวนสีเขียวขนาดใหญ่ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติเต็มพื้นที่ กลายเป็นปอดแห่งใหม่ใจกลางเมือง   10. Premium Space แบบบ้านที่หลากหลายไม่เคยหยุดพัฒนา กว่า 50 แบบบ้านที่ส่งมอบความสุขในการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้านกว่า 30,000 กว่าครอบครัว ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่มุ่งมอบความสบายของการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้านทุกครัวเรือน   สิ่งต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ทาวน์โฮมแบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ทุกโมเดลได้รับการตอบรับที่ดี จากความใส่ใจ และจริงจังในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยครอบคลุมทั่วทุกโซนรอบกรุงเทพ ด้วยราคาที่คุ้มค่าสามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย และทำเลที่ตั้งอยู่ในจุดแหล่งการค้าไลฟ์สไตล์ ศูนย์การค้า เชื่อมต่อการเดินทาง ในแต่ละโซนทั่วกรุงเทพฯ ประกอบกับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้โครงการปิดการขายได้เพียงไม่กี่วันหลังจากสร้างเสร็จ ซึ่งนอกจากแบรนด์ PLENO พรีเมี่ยมทาวน์โฮมที่รู้จักกันดีแล้ว ยังมีแบรนด์ GRANDE PLENO รูปแบบบ้านดีไซน์ใหม่* ที่กำลังมาแรงสร้างความแตกต่างระดับเหนือกว่าทาวน์โฮมรูปแบบเดิมๆ อีกด้วย   และในปี 2018 ทางแบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ได้เตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ พร้อมกับงาน #goodsociety ตลอดเดือน พ.ค. นี้ ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษกับ 12 โครงการพร้อมอยู่ในงาน โดย 2 โครงการใหม่ที่ว่าก็คือ..   1. PLENO รังสิต-คลอง 4 โครงการใหม่ PLENO รังสิต-คลอง 4 เปิดมุมมองใหม่ของการใช้ชีวิต... ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติรอบตัวคุณ ใกล้จุดขึ้น-ลง ทางด่วน วงแหวนเพียง 5 นาที ราคาเริ่ม 1.89 ล้าน   2. PLENO ปิ่นเกล้า-จรัญ โครงการใหม่ PLENO ปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ สัมผัสชีวิตที่สมบูรณ์แบบในทำเลเด่น ใกล้เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และทางด่วนมีส่วนลด 300,000 บาท ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้าน   สุดท้าย..ใครที่กำลังมองหาบ้านดีๆ สักหลังในราคาไม่แพงเกินเอื้อม และอยากที่จะคว้ามาเป็นรางวัลให้กับชีวิต Review Your  Living ไม่อยากให้คุณพลาดโอกาสดีๆ ในการเป็นเจ้าของทาวน์โฮมที่จะมาตอบทุกโจทย์ให้กับชีวิต พร้อมสร้างความสุขได้แบบไม่รู้จบไปพบกันได้ที่ งาน #goodsociety ตลอดเดือน พ.ค.นี้ ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษในงาน เริ่มต้นเพียง 1.89 ล้าน รับเต็มแม็ค พร้อมอยู่ฟรี! ไม่ต้องผ่อน* รับของเพิ่ม X5* ส่วนลด 300,000 บาท*
เปิดตัว “SEAC ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูง”ครั้งแรกในไทย ทันสมัยและครบวงจรที่สุดในอาเซียน

เปิดตัว “SEAC ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูง”ครั้งแรกในไทย ทันสมัยและครบวงจรที่สุดในอาเซียน

SEAC ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูง เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ชูวิสัยทัศน์ ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูงที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดแห่งแรกในอาเซียน งบกว่า  300 ล้านบาท ตั้งเป้าเดินหน้าพัฒนาองค์กรในเมืองไทยและอาเซียนกว่า 500 องค์กร นางอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC กล่าวว่า หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและนำพาความเปลี่ยนแปลงมาพัฒนาองค์กรให้ก้าวสู่ความสำเร็จได้ คือ ผู้นำองค์กรที่มีศักยภาพมีความเท่าทันสถานการณ์ เห็นเทรนด์ทางธุรกิจ และกล้าที่จะเปลี่ยน ทุกวันนี้โลกธุรกิจพัฒนาไป อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ผนวกกับพลวัตทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป ล้วนมีผลกระทบกับธรุกิจในทุกอุตสาหกรรม คู่แข่งในยุคปัจจุบันจึงไม่ได้มาจากผู้ที่อยู่อุตสาหกรรมเดียวกันหรืออยู่ในประเทศเดียวกันอีกต่อไปเท่านั้น แต่คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดอาจมาจากอุตสาหกรรมอื่น หรือจากต่างประเทศ ที่มองเห็นโอกาสและมีศักยภาพในการช่วงชิงความได้เปรียบทางธุรกิจก่อน การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันจึงไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จและอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนได้เลย หากยังมุ่งที่จะทำธุรกิจจากฐานลูกค้ากลุ่มเดิม ตลาดเดิม และด้วยวิธีการแบบเดิมๆ ต่อไป “เราวางเป้าหมายไว้ว่าภายในปีนี้ SEAC จะสามารถเดินหน้าพัฒนาองค์กรในเมืองไทยและอาเซียนกว่า 500 องค์กร เราเชื่อมั่นว่าผู้นำและบุคลากรในประเทศไทยและอาเซียนมีความสามารถและศักยภาพที่ซ่อนอยู่ แต่อาจจะยังไม่สามารถนำออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งโปรแกรมต่างๆ ของ SEAC จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ผู้นำสามารถดึงศักยภาพในด้านต่างๆ ของตนออกมาบริหารองค์กร และเมื่อองค์กรเกิดความก้าวหน้า เศรษฐกิจจะเกิดการฟื้นตัว ควบคู่ไปกับสังคมและประเทศที่พัฒนา อันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของ SEAC โดยแต่ละโปรแกรมของ SEAC มีส่วนช่วยยกระดับขีดความสามารถ และให้แนวทางการเป็นผู้นำที่มีศักยภาพ กล้าที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเองและองค์กรเพื่อที่จะก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งและประสบความสำเร็จท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก” นางอริญญากล่าว นอกจากนี้ อีกหนึ่งรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงใบนี้ คือ ‘นวัตกรรม’ โดยนอกจาก SEAC จะมุ่งมั่นในการเป็นศูนย์พัฒนาภาวะการเป็นผู้นำ เรายังเน้นบ่มเพาะ ‘ผู้นำที่สามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างยั่งยืน’ และ ผู้นำที่สามารถสอนให้บุคลากรในองค์กรเกิดความตื่นตัวในการสร้างนวัตกรรมได้ด้วยตนเองอีกด้วย กลุ่มธุรกิจชั้นนำในเมืองไทยที่ SEAC ได้รับความไว้วางใจในการเข้ามาพัฒนาจนประสบความสำเร็จไปแล้วมากกว่า 200 ราย อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์, บมจ. ธนาคารกสิกรไทย, บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์, บมจ. ธนาคารกรุงไทย, บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ. เอพี (ไทยแลนด์), บมจ. เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป, บมจ. สมิติเวช, บจ. ฟู้ดแพชชั่น และอื่นๆ “คำตอบของการพัฒนาองค์กรให้ยืนหยัดอย่างสง่างามในโลกของความเปลี่ยนแปลง คือ การทำให้การเปลี่ยนแปลงนั้นกลายเป็นโอกาสและใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้นให้คุ้มค่าที่สุด ผู้นำที่พร้อมเปลี่ยนและมีความสามารถในการปรับตัวเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จและเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เป็นที่ทราบกันดีว่าในแวดวงการศึกษา มีทฤษฎีมากมายสอนเรื่องการเป็นผู้นำ แต่การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้นำที่เท่าทันโลก คือ สิ่งที่ทำให้องค์กรอยู่รอด และยังไม่มีหนังสือและทฤษฎีเรื่องไหนสอนสิ่งเหล่านี้ได้แม่นยำและครอบคลุมอย่าง SEAC และด้วยศักยภาพและประสบการณ์ที่สั่งสมในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรมนุษย์มาอย่างยาวนานของ SEAC ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า SEAC จะสามารถเป็นหัวเรือใหญ่ที่นำพาองค์กรโลดแล่นอย่างสง่างามและมั่นคงตลอดไป ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ” นางอริญญากล่าวสรุป ทั้งนี้ SEAC ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ บนพื้นที่ใหญ่กว่า 4,550 ตารางเมตร 3 ชั้น ของอาคาร FYI Center           (ซึ่งออกแบบมาให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานตามมาตรฐาน LEED หรือ Leadership in Energy and Environmental Design) บนสี่แยกถนนพระราม 4 ตัดกับถนนรัชดาภิเษก จัดสรรพื้นที่ให้เป็นห้องเรียนรู้อย่างครบวงจร พื้นที่สำหรับทำงานร่วมกันของผู้นำองค์กรต่างๆ และพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมหลากหลายขนาด โดยห้องจัดกิจกรรมที่ใหญ่ที่สุดนั้นสามารถรองรับได้มากถึง 180 คน    
LIVEVOLUTION แคมเปญใหญ่จาก AP ให้คุณจับจองทาวน์โฮมล้ำสมัย บนทำเลที่ดีที่สุดก่อนใคร

LIVEVOLUTION แคมเปญใหญ่จาก AP ให้คุณจับจองทาวน์โฮมล้ำสมัย บนทำเลที่ดีที่สุดก่อนใคร

ปฎิเสธไม่ได้ว่า “ทาวน์โฮม” คือตัวเลือกของที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมืองยุคใหม่ที่เป็นส่วนผสมลงตัวระหว่างบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทำเลที่ตั้งแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแล้ว ดีไซน์และฟังก์ชั่นใช้งานภายในบ้านยังตอบสนองการพักอาศัยได้เป็นอย่างดี แถมยังมาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการแบบครบครัน และยังเป็นอสังหาริมทรัพย์ชนิดที่ผู้ซื้อจะได้กรรมสิทธิ์ครอบครองในส่วนของที่ดินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต จึงไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไมปัจจุบันกรุงเทพฯ จะมีทาวน์โฮมโครงการใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเป็นตัวเลือกของผู้บริโภคมากมาย ซึ่งแบรนด์ที่สร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งทั้งหมด คงหนีไม่พ้นโครงการ “บ้านกลางเมือง” และ “PLENO” (พลีโน่) จาก AP Thai ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมืองที่มุ่งมั่นพัฒนาทาวน์โฮมจนกลายเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของประเทศไทย สามารถครองใจผู้บริโภคกว่า 50,000 ครอบครัว เนื่องจากมีจุดแข็งที่ได้เปรียบกว่าแบรนด์ใดๆ เพราะเข้าใจความต้องการและ Lifestyle ของผู้อยู่อาศัยได้อย่างตรงจุด ซึ่งไม่ใช่แค่ตอบโจทย์เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานเท่านั้น แต่วิธีคิดในการออกแบบสเปชของ AP นั้น คือการผสานฟังก์ชั่นเข้ากับความฝัน รสนิยม และอุดมคติในการใช้ชีวิต เพื่อประโยชน์สูงสุดและเข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านด้วยแนวคิด 5 BEST TOWNHOME สร้างจุดเด่นให้แตกต่างจากโครงการทั่วไปโดยปักหมุดแต่ทำเลศักยภาพ สามารถเชื่อมต่อการเดินทางหลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่ติดถนนใหญ่แต่ต้องเชื่อมต่อทางลัด ทางด่วน หรือระบบขนส่งขนาดใหญ่ได้ด้วย ที่สำคัญดีไซน์โมเดลแบบบ้านต้องตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัย โดยทาง AP ได้นำเทคโนโลยีเข้าไปเป็นส่วนผสมกับการออกแบบพื้นที่ภายใต้แนวคิด ‘สร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต’ หรือ SMART LIVING FUNCTION ที่นอกจากการลงลึก Design Space โดยเพิ่ม Design Detail เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ครบและสมบูรณ์แบบมากขึ้นแล้ว ยังคงดีไซน์ทุกรายละเอียดที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันของลูกบ้านทุกๆ คน เพื่อเติมเต็มความสุขแบบพร้อมอยู่ แถมยังนำเทคโนโลยีเพื่อการใช้ชีวิตที่จะตอบสนอง Lifestyle การอยู่อาศัยแห่งโลกอนาคตที่ครอบคลุมทุกมิติทั้งในด้านคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่มากขึ้น ก่อนจะส่งมอบบ้านที่เพียบพร้อมและดีที่สุดให้แก่ลูกบ้านนั่นเองค่ะ ทำเลศักยภาพ สามารถเลือกเดินทางได้หลากหลาย สำหรับแบรนด์ บ้านกลางเมือง และ PLENO นั้น ได้มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซน A, B, C และ D ซึ่งเป็นทำเลทองรอบกรุงเทพฯ โดยวันนี้เราขอหยิบยกทาวน์โฮม 4 โครงการ จาก 2 แบรนด์คุณภาพของ AP ประกอบด้วย "โครงการบ้านกลางเมือง พระราม 9 - อ่อนนุช, บ้านกลางเมือง สวนหลวง, บ้านกลางเมือง The Edition พระราม 9 - อ่อนนุช และโครงการพลีโน่ สุขุมวิท - บางนา" มาพูดถึงกันสักหน่อยค่ะ ซึ่งทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในโซน A ที่นับว่าเป็น Urbanite Living ให้ทุกการเดินทางเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายมากๆ ทั้งคนมีรถส่วนตัวและไม่มี เพราะด้วยทำเลศักยภาพที่ทาง AP เลือกให้เป็นที่ตั้งโครงการนั้นจะเชื่อมต่อทั้งทางด่วน, มอเตอร์เวย์ และกาญจนาวงแหวนรอบนอก อีกทั้งยังตั้งอยู่ในพิกัดที่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าเลย ไม่ว่าจะเป็นสถานีแอร์พอร์ตลิ้งค์บ้านทับช้าง (โครงการบ้านกลางเมือง พระราม 9 - อ่อนนุช และบ้านกลางเมือง The Edition พระราม 9 - อ่อนนุช), BTS สถานีบางนา (โครงการพลีโน่ สุขุมวิท - บางนา) พิกัดของทั้ง 4 โครงการ นั้นเอื้อต่อการเดินทางที่ง่ายและสะดวกสบายจริงๆ ค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถเลือกเส้นทางเข้าเมืองได้เยอะ ทั้งทางถนนเลียบมอเตอร์เวย์ ที่สามารถวิ่งตรงไปจนถึงพระราม 9 ได้ หรือใช้ทางแยกประเวศแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนอ่อนนุชวิ่งเข้าแยกสวนหลวง แล้วตรงไปถึงถนนสุขุมวิทก็ยังได้ค่ะ แถมถนนอ่อนนุชยังเชื่อมต่อเข้าถนนพัฒนาการสามารถไปถนนเพชรบุรีได้อีกด้วย ส่วนถ้าจะออกเมืองก็ใช้ทางแยกประเวศ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดกระบัง ก็จะสามารถไปสนามบินสุวรรณภูมิ และสามารถไปถนนกิ่งแก้วไปออกถนนบางนา-ตราดได้ค่ะ นอกจากนี้บริเวณโดยรอบก็มีสถานที่สำคัญมากมายทั้งห้างสรรพสินค้า, สถานศึกษา, สถานพยาบาล และสนามบินสุวรรณภูมิ แถมแบบบ้านทาวน์โฮมที่ถูกเลือกมาลงนั้นก็ไม่ได้มีราคาสูงมากไปกว่าคุณภาพเลย ซึ่งอยู่ในระดับราคาที่สามารถจับต้องได้ แต่จะมีรายละเอียดและจุดเด่นที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างไรบ้าง เราไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ.. บ้านกลางเมืองพระราม 9 - อ่อนนุช เริ่มต้นโครงการแรกกับ “บ้านกลางเมืองพระราม 9 – อ่อนนุช” ทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ที่สะท้อนถึงความเหนือระดับได้ในทุกมิติ ออกแบบภายใต้แนวคิด Free & Easy ทันสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา โดยตัวบ้านเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอยแบบ Flexible ที่สามารถออกแบบพื้นที่ส่วนตัว และปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นของทุกสัดส่วนในบ้านให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ทันสมัยได้อย่างลงตัว เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย กับพื้นที่ส่วนกลาง คลับเฮ้าส์ พร้อมสระว่ายน้ำและฟิตเนส และบริเวณพักผ่อน เติมเต็มแนวคิดใหม่ๆ และความสุขได้อย่างไม่รู้จบ บนทำเลใกล้มอเตอร์เวย์และวงแหวนกาญจนาภิเษก เพียง 5 นาทีถึงรถไฟฟ้า เดินทางถึงพระราม 9 ภายใน 10 นาที ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.99 ล้านบาท* พิกัดโครงการ บ้านกลางเมือง พระราม 9-อ่อนนุช:  (13.728025,100.703883) บ้านกลางเมือง สวนหลวง บ้านกลางเมือง สวนหลวง โครงการที่อยู่ทางโซนบางนา เป็นโครงการที่มี Product หลากหลาย ทั้งทาวน์โฮม 2 ชั้น, 3 ชั้น และบ้านแนวคิดใหม่ X-Trend Series ในดีไซน์ Modern Contemporary Style ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในครอบครัว ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ สู่การสร้างสรรค์พื้นที่อย่างลงตัว ด้วยการออกแบบพื้นที่ที่มากขึ้น เน้นความโปร่ง โล่ง สบาย ในสไตล์ Modern Contemporary ภายใต้สุนทรียะแห่งธรรมชาติ รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวที่เปี่ยมไปด้วยความร่มรื่น บนทำเลศักยภาพที่เลือกสรรมาอย่างดี พร้อมตอบรับทุกการพักผ่อนด้วย Facilities ครบครัน ทั้ง คลับเฮาส์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และ Jogging Track สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง ใกล้ทั้งทางด่วนบูรพาวิถี มอร์เตอร์เวย์ และวงแหวนรอบนอก เชื่อมต่อถนนอ่อนนุช และถนนศรีนครินทร์ ในราคาเริ่มต้นเพียง 4.69 ล้านบาท* พิกัดโครงการ บ้านกลางเมือง สวนหลวง: (13.670599,100.67296) บ้านกลางเมือง The Edition พระราม 9 – อ่อนนุช บ้านกลางเมือง THE EDITION พระราม 9-อ่อนนุช บ้านแนวคิดใหม่ในบรรยากาศรีสอร์ท ตอบรับความสุขของทุกวิถีชีวิตได้อย่างเต็มที่ ออกแบบภายใต้แนวคิด Multiple Space ขยายพื้นที่ใช้สอยภายใน พร้อมสวนรอบบ้าน และด้วยความลงตัวของพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น ด้วยนิยามการดีไซน์แบบ Maximum / More / Masterpiece ฟังก์ชั่นการใช้งานของแต่ละเสปซสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามจินตนาการ ผสานความเรียบหรูและทันสมัยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ให้คุณและครอบครัวได้ผ่อนคลายไปกับ คลับเฮ้าส์ดีไซน์หรู มาพร้อมสระว่ายน้ำและฟิตเนส และสวนพักผ่อน บนทำเลเชื่อมต่อสู่พระราม 9 เพียง 10 นาที* ใกล้ทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า Airport Link สถานีบ้านทับช้าง ในราคาเริ่มต้นเพียง 4.79 ล้านบาท* พิกัดโครงการ บ้านกลางเมือง THE EDITION พระราม 9-อ่อนนุช: (13.728025,100.703883) พลีโน่ สุขุมวิท - บางนา มาถึงโครงการสุดท้ายในโซน A ที่น่าสนใจไม่แพ้บ้านกลางเมืองเลย สำหรับแบรนด์ PLENO โครงการ PLENO สุขุมวิท-บางนา ฟังก์ชั่นแบบใหม่ของทาวน์โฮม 2 ชั้น บนทำเลศักยภาพ ใกล้ทางด่วน สามารถเข้าเมืองได้ง่ายและใกล้เมกะบางนา แบบบ้านมีการดีไซน์ฟังก์ชั่นภายในของพื้นที่ใช้สอยให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวใหม่ ด้วยการดีไซน์แบบ Flexible Space เพิ่มประโยชน์ของฟังก์ชั่นในการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยตามต้องการของการใช้งานจริง ชั้นล่างจะมี Foyer ช่วยทำให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น ชั้น 2 เพิ่ม Green Space มากขึ้น โดยฟังก์ชั่นของ Double Garden ของพื้นที่ชั้น 2 ช่วยเพิ่มสีเขียวของธรรมชาติให้กับความร่มรื่นของบ้าน โครงการมี Facilities ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะสระว่ายน้ำ และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ พร้อม Fitness และสนามเด็กเล่น  พักผ่อนอย่างลงตัวท่ามกลางธรรมชาติที่ บนคลับเฮ้าส์ที่โดดเด่นในการออกแบบที่หรูหรา ทำให้สะท้อนทุกรายละเอียดในการอยู่อาศัย ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.49 ล้านบาท* พิกัดโครงการ PLENO สุขุมวิท-บางนา : (13.6370711286343,100.673248618841)   เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของทาวน์โฮมที่มีกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม ชนิดที่ Sold Out ตั้งแต่วันเปิดจองในทุกๆ โครงการที่ผ่านมาทาง AP จึงไม่รอช้าที่จะกระจายความสุขให้เกิดขึ้นในวงการอสังหาฯ ของไทย ด้วยการจัดแคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ “LIVEVOLUTION” ครั้งแรกกับนวัตกรรมทาวน์โฮมแห่งอนาคต ที่รวบรวมทาวน์โฮมสุดล้ำสมัย 2 แบรนด์ดังอย่าง “บ้านกลางเมือง” และ “Pleno” บนสุดยอดทำเลกว่า 30 โครงการ นำมาจัดโปรโมชั่นพร้อมกันทั่วกรุงเทพฯ โดยทั้ง 2 แบรนด์จะนำเสนอบ้านทาวน์โฮมแบบใหม่ พร้อมราคา Pre-sale ที่ดึงดูดใจมากๆ (เริ่มที่ 1.69-9.29 ล้านบาท*) ตามด้วยข้อเสนอแห่งปี “ซื้อบ้านไม่มีดอกเบี้ยนาน 2 ปี*” ให้คุณเป็นเจ้าของทาวน์โฮมแบรนด์อันดับหนึ่งได้ง่ายๆ ภายในงานนอกจากทุกคนจะได้พบกับการเปิดตัวครั้งแรกของ “LIVEVOLUTION HOME” นวัตกรรมทาวน์โฮมแห่งอนาคต และแนวคิดการออกแบบที่ผสมผสานฟังก์ชั่น LIVEVOLUTION SMART และ LIVEVOLUTION SPACE เข้าไว้ด้วยกันเพื่อตอบโจทย์ Lifestyle การใช้ชีวิตของลูกบ้านได้ครบสมบูรณ์แบบทุกมุมมองมากยิ่งขึ้นแล้ว อีกหนึ่งความพิเศษในงานที่ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ ค่ะ สำหรับ "HALL OF FRAME” แคมเปญใหม่ที่ทาง AP จะรวบรวมที่ดินแปลงพิเศษ ทำเลพิเศษ พร้อมราคาสุดพิเศษ ทุกโครงการ ทุกทำเล จากบ้านกลางเมือง และ พลีโน่ ไปให้จับจองและเลือกสรรได้ตามความต้องการ ซึ่งข้อเสนอนี้จัดให้เฉพาะลูกค้าที่จองในงานนี้เท่านั้นนะคะ ดังนั้นถ้าไม่อยากพลาดโปรโมชั่นดีๆ แบบนี้ แนะนำให้ลงทะเบียน https://goo.gl/kb4ouD เพื่อลุ้นรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 100,000 บาท*! ไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย ก่อนจะไปเจอกันที่หน้างานวันที่ 10-11 มีนาคม 2561 ที่จะถึงนี้ ซึ่งงานจะจัดเพียง 2 วันเท่านั้น!!! สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1623
เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัวสถานีชาร์จรถไฟฟ้า พร้อมเครือข่ายทั่วไทย สานต่อความร่วมมือ ‘BMW Thailand’ พร้อมด้วย ‘GLT’ ร่วมสร้างสังคมสีเขียวแห่งอนาคต

เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัวสถานีชาร์จรถไฟฟ้า พร้อมเครือข่ายทั่วไทย สานต่อความร่วมมือ ‘BMW Thailand’ พร้อมด้วย ‘GLT’ ร่วมสร้างสังคมสีเขียวแห่งอนาคต

เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัวสถานีชาร์จรถไฟฟ้า พร้อมเครือข่ายทั่วไทย สานต่อความร่วมมือ ‘BMW Thailand’ พร้อมด้วย ‘GLT’ ร่วมสร้างสังคมสีเขียวแห่งอนาคต ผนึกกำลังกลุ่มพันธมิตรโครงการ ChargeNow ประกอบด้วย BMW Thailand – GLT – Central Group เชื่อมโยงสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าฯ สาธารณะสำหรับทุกแบรนด์ที่ สะดวก และครอบคลุมที่สุดในเมืองไทย ยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของลูกบ้านเครือเอพี นำร่องโครงการด้วยการลงทุนติดตั้ง AP Charging Pod สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าใน 6 คอนโดใหม่ สะดวกสบายกว่าด้วยแอปพลิเคชั่น แสดงตำแหน่งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเครือข่ายพันธมิตรทั่วไทยกว่า 50 สถานี กรุงเทพฯ (13 ก.พ. 61) - บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการออกแบบนวัตกรรมการอยู่อาศัย ที่มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตแห่งอนาคต ตอกย้ำหนึ่งในวิสัยทัศน์มุ่งเน้นการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการออกแบบพื้นที่ ไม่เพียงแค่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตแต่ยังใส่ใจในการเป็นส่วนหนึ่งร่วมสร้างสังคมคุณภาพ เดินหน้าสานต่อเป้าหมายของภาคีเครือข่ายกลุ่ม ChargeNow ประกอบด้วย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย หนึ่งในผู้นำแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก จีแอลที กรีน ประเทศไทย เบอร์หนึ่งด้านเทคโนโลยีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด และ CENTRAL GROUP กลุ่มบริษัทห้างค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในไทย ผสานประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านร่วมกันสร้างสังคมสีเขียว ผ่านการขับเคลื่อนพัฒนาและจุดประกายการใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเอพี ไทยแลนด์ พร้อมนำร่องด้วยการลงทุนติดตั้ง ‘AP Charging POD’ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในคอนโดมิเนียมใหม่เอพีที่ก่อสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป โดยเฟสแรกพร้อมติดตั้งใน 6 โครงการ VITTORIO, RHYTHM รางน้ำ, RHYTHM เอกมัย, LIFE ปิ่นเกล้า, LIFE อโศก และ LIFE สุขุมวิท 48 พร้อมอำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกบ้านเอพีด้วยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะทั่วประเทศไทยกว่า 50 สถานีภายใต้เครือข่าย ChargeNow ที่สามารถค้นหาสถานีได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว ผ่านแอปพลิเคชัน Greenlots หรือทางเว็บไซต์ http://chargenow-th.greenlots.com/ นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม กล่าวว่า “ในปีนี้เอพีได้สานต่อความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำที่มีวิสัยทัศน์และทิศทางในการดำเนินธุรกิจไปในแนวทางเดียวกัน คือ การให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของสังคมไทยให้ทัดเทียมระดับสากล อาทิ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จีแอลที กรีน ประเทศไทย และ เซ็นทรัล กรุ๊ป กลุ่มพันธมิตรผู้ร่วมริเริ่มการปฏิวัติวงการเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าฯ ในการร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรของโครงการ ChargeNow เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าฯ ที่ครอบคลุมและใหญ่ที่สุดในเมืองไทยให้เป็นจริง นอกจากการเข้าร่วมโครงการ ChargeNow ซึ่งแสดงถึงความมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดีแล้ว ยังหมายรวมถึงการใส่ใจคุณภาพชีวิตและคุณภาพสังคมในแง่ของการยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิตของคนไทยอีกด้วย” นายเศรษฐิพงศ์ อนุตรโสตถิ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในนามของบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ผมรู้สึกยินดี และเป็นเกียรติอย่างสูงที่มีโอกาสได้ร่วมริเริ่มปฏิวัติวงการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าฯ โครงการ ChargeNow ในประเทศไทย ซึ่งโครงการ ChargeNow มีการเชื่อมโยงสถานีชาร์จในกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรทั้งหมดบนแพลตฟอร์มเดียวกัน ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ให้ผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น โดยโครงการนี้ ถือเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในต่างประเทศ รวมถึงในประเทศไทย เราตั้งใจอย่างมากที่จะร่วมมือกับพันธมิตรของเราในการขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าฯ สาธารณะให้ครอบคลุมทั้งประเทศไทยต้องขอขอบคุณเอพี ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญและเป็นพันธมิตรที่ให้การสนับสนุนด้านพื้นที่ที่ดีตลอดมา” นายณรัตน์ไชย หลีระพันธ์ ประธาน บริษัท โพลีเทคโนโลยี จำกัด, จีแอลที กรีน ประเทศไทย กล่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในพันธมิตรโครงการ ChargeNow ที่มีความมุ่งมั่นที่จะส่งต่อนวัตกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการดีๆ เช่นนี้ และยังเล็งเห็นถึงโอกาสร่วมกันที่จะขยายการใช้งานของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าฯ สาธารณะให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น จากการสนับสนุน ของเอพีที่มีพื้นที่อยู่ในทำเลที่ดีใจกลางเมือง และในศูนย์กลางย่านธุรกิจ ไม่เพียงแต่เอพีเท่านั้น ต้องขอขอบคุณพันธมิตรทุกฝ่ายที่ร่วมแบ่งปันความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดเป็นโครงการที่ดีเพื่อสังคมเช่นนี้” “เอพี (ไทยแลนด์) ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนา เพื่อให้เท่าทัน และล้ำหน้าต่อเทรนด์การใช้ชีวิต ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานระดับสากล เราจึงนำเอานวัตกรรมที่ล้ำสมัยอย่างเทคโนโลยีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด (EV & PHEV Charger) ประกอบกับความเชี่ยวชาญในการใช้พื้นที่ของเอพี และความใส่ใจในไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบายมาสร้างสรรค์ เป็น ‘AP Charging Pod’ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด โดยตัวชาร์จจะมีให้บริการหัวชาร์จ AC ทั้งแบบ Type I และ Type II ภายในเครื่องเดียว ลูกบ้านเครือเอพีฯ สามารถเข้าชาร์จได้อย่างง่ายดายและสะดวกรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชันเดียวบนมือถือ ที่สามารถค้นหาสถานีชาร์จ เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตในเมืองให้ครบถ้วนทุกมิติ ภายใต้การดูแลและบริหารจัดการโดยบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมนเนจเมนท์ จำกัด บริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในเครือเอพี โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการในเฟสแรกของการวางเครือข่ายครอบคลุมแล้วถึง 6 คอนโดมิเนียมเครือเอพี อาทิ VITTORIO (สุขุมวิท 39),  RHYTHM รางน้ำ, RHYTHM เอกมัย,  LIFE ปิ่นเกล้า, LIFE อโศก และ LIFE สุขุมวิท 48 และ ทั้งนี้มีแผนขยายไปยังโครงการอื่นๆ อีกในอนาคต” นายวิทการกล่าวสรุป ปัจจุบัน โครงการ ChargeNow ให้บริการสถานีสาธารณะในการชาร์จรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 65,000 แห่ง ใน 27 ประเทศทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย เครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าฯ โครงการ ChargeNow จะแสดงที่ตั้งผ่านแอปพลิเคชัน Greenlots ซึ่งสามารถช่วยให้ลูกค้าทราบได้ว่าสถานีไหนว่างพร้อมให้บริการหรือมีการใช้งานอยู่ ครบวงจรในแอปพลิเคชันเดียว ช่วยให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่สะดวก ง่ายดาย และรวดเร็วยิ่งขึ้น โครงการ ChargeNow เริ่มเปิดรับลงทะเบียนล่วงหน้าสำหรับเจ้าของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าที่มีหัวชาร์จ AC ทั้งแบบ Type 1 (SAE J1772) และ Type 2 (IEC 62196) ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดหรือยี่ห้อใดทาง http://chargenow-th-en.greenlots.com
เอพีเผยแผนธุรกิจปี 61 ขับเคลื่อนด้วย 5 กลยุทธ์หลัก มุ่งใช้นวัตกรรมนำสู่ความสำเร็จ เดินหน้าเตรียมเปิด 34 โครงการใหม่

เอพีเผยแผนธุรกิจปี 61 ขับเคลื่อนด้วย 5 กลยุทธ์หลัก มุ่งใช้นวัตกรรมนำสู่ความสำเร็จ เดินหน้าเตรียมเปิด 34 โครงการใหม่

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ของประเทศไทย แสดงวิสัยทัศน์ “เชื่อมั่นตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง” โดยเอพีพร้อมเดินหน้ารับเทรนด์ตลาด ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 33,500 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้รวมปี 2561 ไว้ที่ 28,100 ล้านบาท ด้วยการรุกตลาดเปิดตัวโครงการใหม่ 34 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 49,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 30 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท ผ่าน 5 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ 1) สานต่อความสำเร็จกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท 2) เปิดตัวสินค้าระดับ Super Luxury 3) รุกตลาดสินค้าแนวราบ สร้างความต่างด้วยการออกแบบสินค้าที่ตอบความต้องการเฉพาะกลุ่ม 4) ขยายพอร์ตตลาดต่างประเทศ 5) พัฒนานวัตกรรมดิจิตอลเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี หลังปีที่ผ่านมา (2560) กวาดยอดขายรวมได้กว่า 42,900 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2560 คือ 26,000 ล้านบาท หรือโตขึ้นถึง 92% หากเทียบกับยอดขายปี 2559 ที่ทำได้ 22,365 ล้านบาท นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับทิศการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการนำพาเอพีก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 ของผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้พันธกิจสำคัญ คือ การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัย ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และวางแผนจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ค้นหา คิดค้น และพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริม และยกระดับ รูปแบบการดำเนินชีวิตสู่ประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์สู่วิถีใหม่ๆ อย่างครบถ้วนด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 34 โครงการมูลค่า 49,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 30 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 33,500 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 2561 ไว้ที่ 28,100 ล้านบาท ผ่านแผนการดำเนินงานใน 5 มิติสู่ความสำเร็จ 1) สานต่อความสำเร็จกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท 2) เปิดตัวสินค้าระดับ Super Luxury 3) รุกตลาดสินค้าแนวราบ สร้างความต่างด้วยการออกแบบสินค้าที่ตอบความต้องการเฉพาะกลุ่ม 4) ขยายพอร์ตตลาดต่างประเทศ 5) พัฒนานวัตกรรมดิจิตอลเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานบมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ในปี 2561 ประกอบด้วย สานต่อความสำเร็จกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท เดินหน้าสานต่อความร่วมมือเป็นปีที่ 5 กับทางมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป โดยปีนี้มีแผนที่จะพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับกลางบนอย่างต่อเนื่อง โดยได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมใหม่ไปแล้วจำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 23,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคม บริษัทฯ จะพร้อมเปิดขายคอนโดร่วมทุนโครงการแรก คือ LIFE สุขุมวิท 62 โดย ณ ปัจจุบัน เอพี-มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป มีคอนโดมิเนียมที่พัฒนาร่วมกันทั้งสิ้น 15 โครงการ มูลค่าโครงการสูงถึง 73,000 ล้านบาท เปิดตัวสินค้าระดับ Super Luxury ด้วยแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภค ไฮไลต์ของปีนี้คือ การนำแบรนด์ระดับ Super Luxury ของเอพีที่ประสบความสำเร็จอย่างมากและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค อย่างแบรนด์คอนโด THE ADDRESS และคฤหาสน์หรูแบรนด์ THE PALAZZO กลับมาพัฒนาอีกครั้ง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับบน ที่มองหาที่อยู่อาศัยพรีเมี่ยมในทำเลศักยภาพ ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง รุกตลาดสินค้าแนวราบ สร้างความต่างด้วยการออกแบบสินค้าที่ตอบความต้องการเฉพาะกลุ่ม (MASS CUSTOMIZED DESIGN) ในปีนี้ทีม AP Design Lab ไม่หยุดนิ่งที่จะสร้างความแตกต่าง ทั้งด้านการดีไซน์ และฟังก์ชั่นการใช้งานภายในตัวบ้าน เพื่อตอบความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันเอพีได้พัฒนาแบบบ้านมากกว่า 70 แบบ กระจายอยู่ตามโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ในทำเลต่างๆ และในปี 2561 นี้เอพีพร้อมเปิดตัวแบบบ้านใหม่อีกจำนวนมาก ผ่านแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ จำนวน 30 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยเป็น ทาวน์โฮม 17 โครงการ มูลค่า 15,300 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 13 โครงการ มูลค่า 14,700 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเครือเอพี ต้องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวคนเมือง (THE ULTIMATE CHOICE FOR URBAN FAMILY) บริหารพอร์ตตลาดต่างประเทศ ผ่านการมอบหมายให้บริษัทในเครือเอพี บางกอก ซิตี้สมาร์ท จำกัด (BC) ซึ่งดำเนินธุรกิจตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์คลอบคลุมบริการรับฝากขาย ฝากเช่า เข้ามาบริหารจัดการดูแลการขายคอนโดมิเนียมเอพีในตลาดต่างประเทศอย่างเป็นทางการ หลังจากปีที่ผ่านมา BC มีผลการดำเนินงานที่ก้าวกระโดด ถือเป็นโบรเกอร์อันดับต้นๆ มียอดขายมูลค่าอสังหาริมทรัพย์สูงถึง 10,000 ล้านบาท พัฒนานวัตกรรมดิจิตอลเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัย ผ่านการผสานเทคโนโลยีเข้ากับกระบวนการออกแบบพื้นที่ใช้สอย ซึ่งปีที่ผ่านมาเอพีได้ร่วมกับพันธมิตรในการนำเสนอ นวัตกรรมต่างๆ ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย เช่น ล็อกเกอร์อัจฉริยะ AP Smart Pod ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งลูกบ้านในคอนโดมิเนียมสามารถรับของได้ตลอด 24 ช.ม.ด้วยตนเอง รวมถึงการนำเทคโนโลยี IoT มาเชื่อมต่อในทุกพื้นที่อยู่อาศัย เป็นต้น โดยในปี 2561 นี้ เอพีมีแผนจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ค้นหา คิดค้น และพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริมและยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตสู่ประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์ไปสู่วิถีใหม่ๆ ครบถ้วนด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และปลอดภัยเข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น “ด้วยความพร้อมด้านทีมงานคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ และพันธมิตรคุณภาพภายใต้ passion เดียวกันที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัยคุณภาพ ผมเชื่อว่า เอพี ไทยแลนด์จะสามารถสร้างความแตกต่างและความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และยังคงเป็น 1 ใน 3 ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยจะนำเสนอ นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยแห่งอนาคต ผ่านการคิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เท่าทันต่อโลกในอนาคต เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมไทยให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ" คุณอนุพงษ์กล่าวสรุป ทั้งนี้ สรุปสำหรับแผนการพัฒนาโครงการในปี 2561 นี้บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนทั้งสิ้น 34 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 49,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 30 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท  โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 33,500 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 2561 ไว้ที่ 28,100 ล้านบาท  โดยในครึ่งปีแรกบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 14,900 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบ 10 โครงการ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 2 โครงการ และทาวน์โฮม 8 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 9,900 ล้านบาท  และ 2 คอนโดมิเนียมใหม่ คือ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดมิเนียม สูง 32 ชั้น จำนวน 1,049 ยูนิต มูลค่า 3,000 ล้านบาท โดดเด่นด้วย 1 ก้าวจากสถานีบางหว้า สถานีเชื่อมต่อขนาดใหญ่ระหว่าง BTS และ MRT ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท พร้อมเปิดขายในวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์นี้ และ LIFE สุขุมวิท 62 คอนโดมิเนียมร่วมทุน สูง 24 ชั้น จำนวน 438 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เพียง 200 เมตรจาก BTS บางจาก ซึ่งเตรียมเปิดขายผ่านระบบออนไลน์ บุคกิ้งในวันที่ 27 มีนาคมนี้ ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา (2560) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมากสามารถสร้างยอดขายรวมของสินค้าทั้งกลุ่มคอนโด และแนวราบได้มากถึง 42,900 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ เกินจากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2560 คือ 26,000 ล้านบาท หรือโตขึ้นถึง 92% หากเทียบกับยอดขายปี 2559 ที่ทำได้ 22,365 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีนี้นั้น นอกจากจะมาจากการเปิดตัวสินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม 22 โครงการใหม่ ซึ่งมีอัตราการเติบโตทางยอดขายอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมาจากการประสบความสำเร็จในการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ LIFE จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ LIFE ลาดพร้าว LIFE วิทยุ และ LIFE อโศก-พระราม 9  ซึ่งทั้ง 3 โครงการสามารถปิดการขายได้ประมาณ 90% ตลอดจนสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (Ongoing Projects) อีกกว่า 90 โครงการ ที่มีส่วนสำคัญช่วยผลักดันสู่ความสำเร็จครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้
‘เอพี’ มั่นใจ ศักยภาพไทยปี 61 แข็งแกร่ง ผนึกกำลัง ‘มิตซูบิชิ เอสเตท’ เดินหน้าลงทุนต่อเนื่องใน 4 คอนโดใหม่ รวมมูลค่าโครงการร่วมทุน 5 ปีสูงกว่า 74,430 ล้านบาท

‘เอพี’ มั่นใจ ศักยภาพไทยปี 61 แข็งแกร่ง ผนึกกำลัง ‘มิตซูบิชิ เอสเตท’ เดินหน้าลงทุนต่อเนื่องใน 4 คอนโดใหม่ รวมมูลค่าโครงการร่วมทุน 5 ปีสูงกว่า 74,430 ล้านบาท

เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน เชื่อมั่นศักยภาพเศรษฐกิจไทยปี 2561 สดใส บรรยากาศการซื้อขายกลับสู่ภาวะปกติ ดีมานด์ตลาดคอนโดระดับกลางถึงบนตลาดตอบรับดี ผนึกกำลัง มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป พันธมิตรทางธุรกิจ กางแผนพัฒนาปี 61 เร่งสานต่อการลงทุนหลังแผนการโอนกรรมสิทธิ์ 6 คอนโดร่วมทุนแรกออกมาสวยงาม ด้าน มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ประกาศงบลงทุนในไทย มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ประเดิมลงนามร่วมทุนคอนโดแพคแรกกับ 4 โครงการใหญ่ รวมมูลค่าโครงการร่วมทุน 5 ปี สูงกว่า 74,430 ล้านบาท นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า “เอพี ไทยแลนด์ ได้ยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง กับ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป  (หรือ MECG) ยิ่งขึ้นเป็นปีที่ 5 โดยต้นปี 2561 นี้เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป มีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บนอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นปีได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกัน จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 23,000 ล้านบาท โดย LIFE สุขุมวิท 62 จะเป็นโครงการแรกที่พร้อมเปิดในเดือนมีนาคม ผ่านระบบ AP i-Booking และโครงการอื่นๆ จะทยอยเปิดตัวตามแผนงานที่กำหนดไว้ ณ ปัจจุบันรวมมูลค่าโครงการร่วมทุน 5 ปีสูงถึง 74,430 ล้านบาท” “เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายเดียวที่มีโมเดลร่วมทุนในแบบการจัดตั้งบริษัทแม่ในไทย ภายใต้ชื่อ “บริษัท พรีเมียม เรสซิเดนท์ จำกัด” เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการภายใต้การร่วมทุน ซึ่งในปีนี้ทางมิตซูบิชิ เอสเตทได้ส่งทีมงานจากญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มานั่งทำงานประจำร่วมกับทีมงานเอพีเพิ่มมากขึ้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการอนุมัติและดำเนินการต่างๆ แผนการร่วมทุนกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด โดยในปีที่ผ่านมา เอพีได้พัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมทุนใน Scale ที่ใหญ่ขึ้น   ทั้ง LIFE วิทยุ LIFE ลาดพร้าว และ LIFE อโศก-พระราม 9 ซึ่งทั้ง 3 โครงการส่งผลให้ยอดขายในส่วนของคอนโดมิเนียมโตขึ้นมากถึง 180% หากเทียบกับปีก่อนหน้า” นายอนุพงษ์ กล่าวเสริม มร. โชจิโร โคจิมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย ในนามของมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป กล่าวถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพเศรษฐกิจไทยและความสำเร็จในการพัฒนาโครงการร่วมกับ เอพี (ไทยแลนด์) ว่า "สำหรับงบลงทุนพัฒนาอสังหาฯ ในต่างประเทศของ MECG รวม 3 ปี (2561 - 2563) อยู่ที่ 4 แสนล้านเยน (หรือประมาณ 1.17 หมื่นล้านบาท) เป็นการลงทุนในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ยุโรป จีน โอเชียเนีย และกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการลงทุนนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไป โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ทาง MECG เห็นโอกาสจากรายได้ต่อครัวเรือนของคนในกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นทุกปี การขยายตัวของจำนวนประชากรที่ย้ายถิ่นฐานจากต่างจังหวัด อีกทั้งระบบขนส่งมวลชนที่พัฒนาไปมาก ส่งผลให้เกิดการกระจายออกของศูนย์กลางความเจริญของเมืองรูปแบบใหม่ ที่ทำให้วิถีการใช้ชีวิตของคนไทยมีความคล่องตัวในลักษณะครอบครัวขนาดเล็กลงมากขึ้น” “จากการร่วมมือกันที่ผ่านมา มีผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก ทั้งในส่วนของยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ โดยในส่วนของยอดขายคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนปี 2557 - 2560 ทั้งสิ้น 11 โครงการ มียอดขายรวมเฉลี่ย 90% จากมูลค่ารวมทั้งสิ้น 51,430 ล้านบาท โดยเป็นโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ (1) RHYTHM สุขุมวิท 36 – 38 (2) ASPIRE รัชดา – วงศ์สว่าง (3) ASPIRE สาทร – ท่าพระ (4) RHYTHM อโศก 2 และ 2 โครงการล่าสุด ที่ได้เปิดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/2560 ที่ผ่านมา คือ (5) Life ปิ่นเกล้า และ (6) RHYTHM รางน้ำ โดยลูกค้าให้การตอบรับโอนกรรมสิทธิ์ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเป็นผลจากการทำงานร่วมกันในการพัฒนาและประยุกต์ใช้ AP Check List หนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการควบคุมคุณภาพสินค้าที่เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการออกแบบพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งใจจะเดินหน้าทำงานร่วมกับเอพีฯ ต่อไปในการพัฒนาคอนโดมิเนียมตอบคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต เพื่อป้อนตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้เรายังคงตั้งเป้าจะพัฒนาโครงการร่วมกับเอพี ด้วยมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท” มร. โชจิโร โคจิมา กล่าวเสริม ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แห่งความร่วมมือและมิตรภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เอพี (ไทยแลนด์) และ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ยังคงให้ความสำคัญกับการนำความเชี่ยวชาญของเอพี และ MECG สู่การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ครอบคลุมการพัฒนาที่อยู่อาศัย การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเข้มข้นและจริงจัง ที่จะสร้างความแตกต่าง ครอบคลุมทุกมิติทั้งในด้าน ‘คุณภาพ’ ‘บริการ’ ‘ความสะดวกสบาย’ และ ‘ความปลอดภัย’ นำเสนอให้เกิดขึ้นจริงในคอนโดมิเนียมเครือเอพี ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต” (Innovation for Quality Living in the Future) มุ่งยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมนานาประเทศ  โดยมีเป้าหมายในเฟสแรกจะร่วมพัฒนาคอนโดมิเนียม 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้การร่วมทุนครั้งแรกเมื่อปี 2557 จนถึงวันนี้ เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท ได้พัฒนาโครงการร่วมกันมูลค่าสูงถึง 74,430 ล้านบาท “ด้วยความพร้อมด้านทีมงานคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ และพันธมิตรคุณภาพภายใต้ passion เดียวกันที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัยคุณภาพ ผมเชื่อว่า เอพี ไทยแลนด์จะสามารถสร้างความแตกต่างและความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และยังคงเป็น 1 ใน 3 ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยจะนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยแห่งอนาคต ผ่านการคิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เท่าทันต่อโลกในอนาคต เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมไทยให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ" คุณอนุพงษ์กล่าวสรุป สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 61 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจประเทศที่น่าจะเติบโตได้ถึง 3.8 – 4% กิจกรรมการตลาดและบรรยากาศการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงต้นปี 61 การแข่งขันในตลาดอสังหาฯ ยังคงเกิดจากผู้ประกอบการรายใหญ่ประมาณ 10 รายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ถือครองส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 80% ดังนั้น ผู้ประกอบการที่หวังจะโตต่อต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็วและแบ่งย่อยเป็นกลุ่มที่ซับซ้อน และต้องบาลานซ์พอร์ตสินค้าคอนโดมิเนียมและแนวราบให้สมดุล โดยเชื่อว่าสินค้าคอนโดมิเนียมที่ตอบตลาดระดับกลางถึงบนมีแนวโน้มเติบโตได้ดี เพราะมีซัพพลายในตลาดไม่มาก และสต๊อกส่วนใหญ่ถูกระบายออกไปในปีที่ผ่านมา ขณะที่สินค้าแนวราบยังโตได้ต่อเนื่อง จากกำลังซื้อเรียลดีมานด์  “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมการดีไซน์ เพื่อการอยู่อาศัยในเมือง”
‘เอพี ไทยแลนด์’ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ คาดปีหน้าตลาดระดับกลางถึงบนยังแรง

‘เอพี ไทยแลนด์’ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ คาดปีหน้าตลาดระดับกลางถึงบนยังแรง

บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) สร้างเซอร์ไพรส์ตลาดอสังหาฯ โชว์สถิติใหม่ ด้วยยอดขาย ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2560 ถึง 41,600 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 85%  และเกินจากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 26,000 ล้านบาทถึง 60%  ซึ่งมาจากสินค้าแนวราบที่ขายได้ต่อเนื่อง รวมถึงการปลุก    แบรนด์ LIFE CONDO ใน 3 ทำเลเด็ดคือ วิทยุ ลาดพร้าว และอโศก-พระราม 9 โดยในปี 2560 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 25 โครงการ มูลค่ารวม 49,040 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่า 12,350 ล้านบาท ทาวน์โฮม 13 โครงการ มูลค่า 12,590 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 24,100 ล้านบาท เผยสูตรสำเร็จพัฒนาอสังหาฯ เชื่อมโยง 4 มิติ โลเคชั่น – สินค้าที่โดนใจผู้บริโภค - การตั้งแพคเกจราคา-ซัพพลายคงเหลือ คาดปีหน้าตลาดระดับกลางและบนยังไปได้ดี สินค้าแนวราบเป็นที่น่าจับตามอง คอนโดต้องเจาะลึกเป็นรายเซกเมนต์ นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปีนี้ เอพี ไทยแลนด์ประสบความสำเร็จอย่างมากสามารถสร้างยอดขายรวมของสินค้าทั้งกลุ่มคอนโด และแนวราบได้มากถึง 41,600 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากว่า 85%  และเกินจากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 26,000 ล้านบาทถึง 60% โดยแบ่งเป็นยอดขายที่เกิดจาก สินค้าแนวราบมูลค่า 14,525 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 27,075 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีนี้ นอกจากจะมาจากสินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีแล้ว ยังมาจากการประสบความสำเร็จในการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ LIFE จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ LIFE วิทยุ LIFE ลาดพร้าว และ LIFE อโศก-พระราม 9  ซึ่งทั้ง 3 โครงการสามารถปิดการขายได้ประมาณ 90%” การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในครั้งนี้ สะท้อนภาพความสำเร็จของวิธีคิดในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแบบของเอพี ที่นำมิติทั้ง 4 ด้านมาเชื่อมโยงกันเพื่อออกแบบโมเดลสินค้าและราคาขายที่เข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมิติทั้ง 4 ด้านประกอบด้วย 1) โลเคชั่น  2) โปรดักส์ที่เข้าถึงความต้องการแฝง 3) การกำหนดแพคเกจราคาขายที่สอดรับกับความสามารถในการผ่อนชำระและ 4) การศึกษาจำนวนซัพพลายคงเหลือแต่ละเซกเมนต์ นอกจากนั้น 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้รับความร่วมมืออย่างดีจากมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG) พันธมิตรทางธุรกิจ ในการส่งต่อแนวคิดในการบริหารจัดการคุณภาพ สู่การสร้างกรอบแนวคิดหลักในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในการพัฒนาคอนโดมิเนียมของเอพี ด้วยการผสมผสานประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ากับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะแนวคิดเรื่อง IoT (Internet of Thing) ตลอดจนนวัตกรรมการก่อสร้างสำเร็จรูปในระบบโมดูลาร์ อย่างห้องน้ำสำเร็จรูปที่ให้ค่า Defect เท่ากับศูนย์ สำหรับคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนระหว่างเอพี (ไทยแลนด์) และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG)  มีทั้งหมด 11 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 50,830 ล้านบาท มียอดขายรวมเฉลี่ย 85% ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 1) RHYTHM สุขุมวิท 36 – 38 2) ASPIRE รัชดา – วงศ์สว่าง 3) ASPIRE สาทร – ท่าพระ 4) RHYTHM อโศก 2 โดยทั้ง 4 โครงการมีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งในปี 2561 เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ยังคงจับมือเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับตลาดคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ได้คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 ว่า ภาพรวมธุรกิจยังคงสอดรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ การแข่งขันยังคงเกิดจากผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลักที่ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ซัพพลายที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางและบนขึ้นไปยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค การเปิดตัวของสินค้าใหม่แนวราบยังคงเป็นตลาดที่น่าจับตามอง ส่วนคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางถึงบนยังคงมีกำลังซื้อ ส่วนตลาดระดับล่างค่อนข้างน่ากังวลเพราะมีสต๊อกสร้างเสร็จคงเหลือจำนวนมาก กระแสการมาของเทคโนโลยีถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นตัวช่วยที่เปิดโอกาสให้เราเข้าใจและรู้จักลูกค้ามากขึ้น แต่สุดท้ายผู้ประกอบการก็จะต้องเป็นคนค้นหาให้เจอว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของตนเองกำลังมองหาอะไร สำหรับการอยู่อาศัยในโลกอนาคต   “เอพี (ไทยแลนด์) กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง”
Baan Klang Muang Sathorn-Suksawat – บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์ : รีวิวทาวน์โฮม

Baan Klang Muang Sathorn-Suksawat – บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์ : รีวิวทาวน์โฮม

Baan Klang Muang Sathorn-Suksawat (บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์) - ทาวน์โฮมใหม่ ใกล้ทางด่วนสะพานภูมิพล, เส้นวงแหวนกาญจนาภิเษก และรถไฟฟ้าสายเตาปูน-ราษบูรณะ เดินทางสะดวกเพียง 15 นาทีถึงสาทร     รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    4,990,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    ทาวน์โฮม 3 ชั้น ขนาด 152 ตร.ม. จำนวน 168 ยูนิตและบ้านแฝด 3 ชั้น ขนาด 222 ตร.ม. จำนวน 36 ยูนิต พื้นที่โครงการ   20-1-41.2 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยสุขสวัสดิ์ 39 ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ คาดว่าจะแล้วเสร็จ     ปี 2562 สถานที่สำคัญใกล้เคียง มหาวิทยาลัย เทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี โรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา โรงเรียนปัญญาศักดิ์ บิ๊กซี พระประแดง เซ็นทรัลพระราม 3 โรงพยาบาลกรุงเทพ พระประแดง โรงพยาบาลราษฏ์รบูรณะ โรงพยาบาลบางปะกอก 3 โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์ แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย ทาวน์โฮม 3 ชั้น ขนาด 152 ตร.ม. จำนวน 168 ยูนิตและบ้านแฝด 3 ชั้น ขนาด 222 ตร.ม. จำนวน 36 ยูนิต สิ่งอำนวยความสะดวก คลับเฮาส์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำระบบเกลือ เพิ่มความพิเศษด้วย Bubble Jet & Jet Spa บริเวณพักผ่อนสวนสาธารณะ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.apthai.com/ทาวน์โฮม/บ้านกลางเมือง/บ้านกลางเมือง-สาทร-สุขสวัสดิ์/
‘เอพี ไทยแลนด์’ ย้ำภาพผู้นำนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิต จับมือ ‘อินฟินิท’ เปิดตัว ‘Smart POD’ ล็อคเกอร์อัจฉริยะ สุดยอดนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยเป็นรายแรกในธุรกิจ

‘เอพี ไทยแลนด์’ ย้ำภาพผู้นำนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิต จับมือ ‘อินฟินิท’ เปิดตัว ‘Smart POD’ ล็อคเกอร์อัจฉริยะ สุดยอดนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยเป็นรายแรกในธุรกิจ

เอพี (ไทยแลนด์) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง มุ่งสร้างความต่าง ยกระดับคุณภาพอสังหาริมทรัพย์ไทย ล่าสุดจับมือ บริษัท อินฟินิท เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรม เปิดตัว “Smart POD” ล็อคเกอร์อัจฉริยะที่-พร้อมใช้งานจริงเป็นรายแรกในธุรกิจ ตอบรับ lifestyle คนรุ่นใหม่ในโลกอนาคต Smart POD นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่เอพีริเริ่มนำมาตอบรับความต้องการของผู้อยู่อาศัย ผ่าน-แนวคิดสำคัญ “นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน – AP Innovation for Quality Living” ที่มุ่งผสานเทคโนสำคัญโลยี IOT (Internet of Things) และนวัตกรรมเข้ากับการออกแบบพื้นที่ชีวิต คำนึงถึงความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกสบาย ที่ลูกค้าเข้าถึงได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ของการอยู่อาศัยในคอนโด พร้อมเดินหน้าติดตั้งในทุกคอนโดใหม่ของเอพี ประเดิมคอนโดมิเนียม 4 โครงการล่าสุดที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเตรียมเดินหน้าโอนกรรมสิทธิ์์เพื่อรับรู้รายได้บางส่วนในไตรมาส 4 นี้ ได้แก่ Life ปิ่นเกล้า Life สุขุมวิท 48 Rhythm รางน้ำ และ Aspire เอราวัณ รวมจำนวน 3,376 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 11,500 ล้านบาท นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจ กลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “เอพีไม่เคยหยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เรายึดมั่นและจริงจังในเรื่องการศึกษาและรับฟังความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมาก หนึ่งในกระบวนการของเราคือ หลังลูกค้าย้ายเข้าอยู่อาศัย ทีมดีไซน์เนอร์เอพีจะลงพื้นที่ทำการสำรวจ วิจัย เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นกลับมาพัฒนาสินค้าที่อยู่อาศัยให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานคุณภาพครอบคลุม ความต้องการในวันนี้และอนาคตอย่างต่อเนื่อง สำหรับการนำนวัตกรรมล็อคเกอร์อัจฉริยะ Smart POD มาติดตั้งใช้งานจริงให้กับลูกค้า คอนโดมิเนียมเอพีในครั้งนี้ เราต้องการอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ซึ่งต้องยอมรับการมาของเทคโนโลยีโดยเฉพาะเรื่อง IOT (Internet of Thing) ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่   ที่อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น  แต่การจัดส่งสินค้าต่อ ไปยังลูกบ้านที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมทุกวันนี้ ยังไม่ได้รับการออกแบบใหม่ให้เอื้อต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ซึ่งนวัตกรรมการรับ-ส่งสินค้าผ่าน ‘Smart POD’ ล็อคเกอร์อัจฉริยะ (Intelligent Locker) จะทำให้ผู้ส่งและผู้รับสามารถเข้าถึงการใช้งานด้วยตนเองได้ตลอดเวลา ผู้อยู่อาศัยสามารถรับของได้ในเวลา ที่ตนเองสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง รวดเร็ว ง่าย สะดวกสบาย รวมทั้งมั่นใจได้ในความปลอดภัย 100% เนื่องจากผู้ที่นำพัสดุมาส่ง จะต้องใช้บัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนในการดำเนินการเข้าระบบฝากของ พร้อมระบุเลขห้อง และเบอร์โทรศัพท์ของผู้อยู่อาศัย หลังจากนั้นระบบจะส่งข้อความไปยังสมาร์ทโฟน ของผู้รับ พร้อมพาสเวิร์ด และ QR Code เพื่อนำมาสแกนรับพัสดุด้วยตนเอง ภายใต้การดูแลและบริหารจัดการโดยบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมนเนจเมนท์ จำกัด บริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในเครือเอพี” เอพี (ไทยแลนด์)  เป็นรายแรกของธุรกิจ ที่ริเริ่มพัฒนาและติดตั้งล็อคเกอร์อัจฉริยะ Smart POD ที่พร้อมใช้งานได้จริง ด้วยต้องการส่งมอบคุณภาพชีวิตสมบูรณ์แบบในทุกมิติ สร้างสรรค์และพัฒนาคอนโดมิเนียมคุณภาพที่พรั่งพร้อมด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยท่ามกลางสังคมเมืองแห่งโลกอนาคต ผ่านแนวคิดสำคัญ คือ 1. Space Innovation & Technology – วิธีคิดในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่ทุกพื้นที่ต้องพร้อมสนับสนุนชีวิตสู่ความสำเร็จในอนาคต เชื่อมต่อและขับเคลื่อนพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ เอพีได้ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ภายใต้แนวคิด IoT (Internet of Things) เข้าไปกับการออกแบบสเปซ เพื่อให้ทุกพื้นที่สามารถเชื่อมต่อโลกไซเบอร์ ตลอดจนควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนได้ตลอด 24 ชั่วโมง 2. 24/7 Safety & Convenient นวัตกรรมความปลอดภัยและความ-สะดวกสบายตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ นวัตกรรมที่เอื้อให้ควบคุมทุกอย่างได้แบบ Real Time เพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่าน Application ที่เอพีพัฒนาขึ้น ส่งเสริมให้การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในคอนโดเอพีให้สะดวกสบายและปลอดภัยกว่าเดิม “สำหรับการดำเนินธุรกิจของเอพี (ไทยแลนด์) เรามุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์การพัฒนาไปสู่ ‘คุณภาพชีวิตที่ดี’ ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านคุณภาพ การบริการ การอำนวยความสะดวกสบาย และความปลอดภัย    โดยได้รับความร่วมมืออย่างดี จาก มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG) พันธมิตรทางธุรกิจ ในการส่งต่อแนวคิดในการบริหารจัดการคุณภาพ สู่การสร้างกรอบแนวคิดหลัก ในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในบริบทของการพัฒนาคอนโดมิเนียมเอพี ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘AP INNOVATION FOR QUALITY LIVING’ นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ที่ผ่านการผสมผสานประสบการณ์ใน    การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ากับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น ‘เจ้าแห่งนวัตกรรม คอนโดมิเนียม’ เพื่อคุณภาพชีวิตสมบูรณ์แบบในทุกมิติ สร้างสรรค์และพัฒนาคอนโดมิเนียมคุณภาพที่แวดล้อมคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยท่ามกลางสังคมเมืองแห่งโลกอนาคต” นายวิทการ กล่าวสรุป บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) คือ ผู้นำด้านการปฏิวัติออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่อยู่อาศัย ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยพื้นที่ใช้สอยที่สะดวกสบาย ทำเลที่ดีเยี่ยม รวมไปถึงคุณภาพในการก่อสร้าง การบำรุงรักษา บริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าเอพีได้ใช้ชีวิตที่ดีที่สุดและเติมเต็มความสุขในแบบที่ปรารถนา
“LIFE อโศก – พระราม 9” คอนโดใหญ่ใจกลางย่านธุรกิจใหม่ของกรุงเทพฯ : รีวิวคอนโด

“LIFE อโศก – พระราม 9” คอนโดใหญ่ใจกลางย่านธุรกิจใหม่ของกรุงเทพฯ : รีวิวคอนโด

“LIFE อโศก – พระราม 9” จากเอพี โดดเด่นกว่าอย่างไร ? LIFE อโศก – พระราม 9 เป็นตัวเลือกอันดับแรกและดีที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมใหม่ ด้วยจุดแข็งที่แตกต่าง ดังนี้   1. Location (ทำเล) นอกจากเป็นศูนย์รวมโครงข่ายคมนาคมเมืองที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ยังเป็นศูนย์กลางย่านธุรกิจแห่งใหม่ รายล้อมด้วยบริษัทชั้นนำของไทยและบริษัททุนต่างชาติ เป็นทำเลที่ ถูกจับตามองจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะเอเชีย อาทิ ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน และญี่ปุ่น     2. Facility (สิ่งอำนวยความสะดวก) ครั้งแรกของคอนโดมิเนียมไทยกับการดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางที่ใหญ่ที่สุดกว่า 7.5 ไร่ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ยุคดิจิตอล เป็นความสมบูรณ์พร้อมของการยกระดับคุณภาพการชีวิตอย่างไร้รอยต่อ   3. New Innovative Design (นวัตกรรมดีไซน์พื้นที่) การจัดวางผังยูนิตและสเปซภายในแบบใหม่ “New Interlocked Layout” ที่ลงตัวและคุ้มค่ากว่าเดิม แตกต่างด้วยหน้ากว้างของห้องที่มากถึง 7 เมตร และ 5 เมตร ระหว่างห้องสตูดิโอ ขนาด 27.5 ตารางเมตร ที่เน้นความโปร่งโล่ง กับห้องชุดแบบ One Bed-Plus ขนาด 35 ตารางเมตร ที่เน้นความเป็นสัดส่วนของฟังก์ชั่นการใช้งาน พื้นที่พิเศษปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์และห้องครัวแบบปิด   4. Price (ราคาเร้าใจ) การเข้าใจความต้องการของลูกค้าในด้านราคาของตัวสินค้า ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยบริหารแพ็คเกจราคาขายเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อทุกกลุ่ม ตอบโจทย์การใช้ชีวิตใจกลางเมืองในราคาที่เอื้อมถึง เริ่มต้นเพียง 2.45 ล้านบาท (หรือที่เริ่มต้น 98,000 บาท ต่อ ตร.ม. เท่านั้น) คุ้มค่าที่สุดสำหรับทั้งการอยู่อาศัย และการลงทุน   โดดเด่นทั้งการดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งาน   LIFE อโศก - พระราม 9 ผสานความงดงามของการดีไซน์เข้ากับการใช้งานในยุคดิจิตอล ด้วยเสน่ห์ของ การออกแบบคอนเซปต์ดีไซน์ให้โอ่อ่าหรูหรา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาทิ การนำเสน่ห์และคุณสมบัติของ Crystal ที่สะท้อนแสงและมีความมันวาว มาออกแบบตกแต่งพื้นที่ภายในโครงการต่างๆ ดังนี้     1. The Grand Parlour Lobby สะดุดตาเมื่อก้าวเข้ามาภายในโครงการ สะท้อนความหรูหราโอ่อ่าตั้งแต่ก้าวแรก ให้การต้อนรับอย่างหรูหราลงตัวกับบรรยากาศสุดประทับใจในทุกมุมมอง ด้วยการออกแบบโดยใช้ คอนเซปต์ Modern Luminous     2. Sanctuary Pavilion พื้นที่พักผ่อนภายนอกอาคาร ที่เป็นมากกว่าการพักผ่อนท่ามกลางสวนขนาดใหญ่ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มออกซิเจน-พลังงานสะอาดให้กับชีวิต และทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายท่ามกลางเมืองที่วุ่นวาย ออกแบบให้มี 2 ชั้นเพื่อสามารถเปิดรับวิวได้อย่างรอบด้าน เป็นจุดดึงสายตาได้เสมือนคริสตัลที่สะท้อนแสงอยู่กลางพื้นที่สีเขียว     3. The Third Place พื้นที่ Co-working space 2 ชั้น ดีไซน์ตอบรับพฤติกรรมผู้อยู่อาศัยจริง ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานแบบกลุ่มและเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็น Community Bench Space หรือ Individual Cocoon ที่รองรับ ไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ ช่วยเชื่อมต่อทุกมิติของการดำเนินชีวิตในเมืองยุคดิจิตอลอย่างไม่มีสะดุด ทำให้ชีวิตประจำวันกับการทำงานผสานกันได้อย่างลงตัวอย่างแท้จริง     LIFE อโศก - พระราม 9 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว ด้วยความโดดเด่น ดังนี้ 1. 24-HOUR CONNECTED WORLD ผสานเทคโนโลยีในการดีไซน์พื้นที่ส่วนกลาง เพื่อชีวิต Digital Community อย่างเต็มรูปแบบ ด้วย Infrastructure ที่พร้อมรองรับสิ่งอำนวยความสะดวก และสัญญาณ Wi-fi ในพื้นที่ส่วนกลางทุกจุด ทั้งยังจัดสรรพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับ การใช้งานในรูปแบบ Co-working Space ที่จะทำให้การเชื่อมต่อเป็นเรื่องง่าย พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานจริง รองรับวิถีชีวิตการทำงานที่ยืดหยุ่นไม่ยึดติดกับกรอบของเวลาหรือสถานที่ สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา 2. AP COMMUNITY APPLICATION ทุกอย่างควบคุมได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ภายใต้วิสัยทัศน์ AP Digital Community สัมผัสอนาคตแห่งการอยู่อาศัยได้ด้วย AP COMMUNITY APPLICATION อย่างเต็มรูปแบบ ที่จะเข้ามาส่งเสริมให้การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในโครงการเอพีให้สะดวกสบายและปลอดภัยในรูปแบบที่สะดวกกว่าเดิม โดยสามารถสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ให้ควบคุมทุกอย่างได้แบบ real time รองรับการจองใช้พื้นที่ส่วนกลาง ระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งยังสามารถเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ในโครงการได้สะดวกสบายกว่าที่เคย     รายละเอียดโครงการ   ชื่อโครงการ LIFE อโศก – พระราม 9 ที่ตั้งโครงการ ถนนอโศก-ดินแดง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร มูลค่าโครงการ 9,000 ล้านบาท จำนวนยูนิตพักอาศัย 2,248 ยูนิต และ 2 ร้านค้า ราคาเริ่มต้น 2.75 ล้านบาท (หรือเริ่มต้น 98,000 บาท ต่อ ตารางเมตร) ข้อมูลเฉพาะ คอนโดมิเนียมร่วมทุนโครงการที่ 11 ระหว่างบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (Mitsubishi Estate Group หรือ MEC) ทำเล 300 เมตร จาก MRT สถานีพระราม 9 ขนาดพื้นที่โครงการ ประมาณ 8-3-11 ไร่ อาคารชุดพักอาศัยจำนวน 1 อาคาร 2 ทาวเวอร์ (ทาวเวอร์ A สูง 42 ชั้น ทาวเวอร์ B สูง 46 ชั้น) ลักษณะโครงการ อาคารชุดพักอาศัยจำนวน 1 อาคาร สูง 42 ขั้น และ 46 ชั้น ชั้น 1 โถงตอนรับขนาดใหญ่ พื้นที่ส่วนกลางพร้อม Co-Working Space ห้องน้ำส่วนกลาง สวนขนาดใหญ่ (Jogging track และ 2 มุมพักผ่อน) ห้องจดหมาย 1 ร้านค้า ห้อง MBD ห้องพักขยะ และที่จอดรถ ชั้น 2 Extra Co-Working Space ห้องสำนักงานนิติ ห้องประชุม ห้องแม่บ้าน และห้องน้ำส่วนกลาง ชั้น 2-6 ที่จอดรถ ชั้น 7 ชั้นพักอาศัย และสวนเชื่อมลานจอดรถ (Outdoor working space, Jogging route และ Open law court) ชั้น 8-35 ชั้นพักอาศัย (Residential Area) ชั้น 36 ชั้นพักอาศัย + สวนพักผ่อน ชั้น 37-41 ชั้นพักอาศัย (Residential Area) ชั้น 42 Rooftop Facility (Sky Deck, Swimming Pool, Jacuzzi, Social Deck, Amphitheater, Machine Room และห้องน้ำส่วนกลาง) ชั้น 43-44 ชั้นพักอาศัย (Residential Area) ชั้น 45 Rooftop Facility (Sky Lounge, Double space Fitness, Sky Garden, 2 Swimming Pool และ Kid’s pool ชั้น 46 พื้นที่หนีไฟทางอากาศ   ลักษณะห้องชุด   Studio Type ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 25 – 27.5 ตารางเมตร ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 32 ตารางเมตร ห้องชุด 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 35 - 40 ตารางเมตร ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 45 - 58 ตารางเมตร จำนวนที่จอดรถ จำนวน 905 คัน   สิ่งอำนวยความสะดวก   พื้นที่ต้อนรับขนาดใหญ่พร้อม Co- working space ที่รองรับการเชื่อมต่อ 24 ชั่วโมง ด้วย Free Wifi ทั่วบริเวณส่วนกลาง สร้างความเป็นส่วนตัวด้วย Cocoon เก้าอี้นวมแบบส่วนตัว สวนขนาดใหญ่พร้อม Jogging track สำหรับผู้รักสุขภาพ และ 2 Pavilion สำหรับพักผ่อนในสวน พร้อมต้นไม้ขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ Garden ชั้น 7 และ 36 (ชั้น 7) สวนพักผ่อนที่เชื่อมต่อระหว่าง 2 อาคาร โดยในสวนมีซุ้มที่นั่งที่มีระบบรองรับ Electronic Gadget (ชั้น 36) สวนหย่อมชมวิว Super Tower Rooftop ชั้น 42 - 45 Horizon Bay หรือสวนลอยฟ้าบนชั้นดาดฟ้าที่เชื่อมต่อทั้ง 2 ทาวเวอร์เข้าด้วยกัน มีลูกเล่นระดับลดหลั่น 3 ชั้น Elite Fitness แบบ Double Floor (ชั้น 42) Active pool สระว่ายน้ำความยาวถึง 40 เมตรพร้อมผ่อนคลายด้วยส่วน Jacuzzi, Pinnacle Deck จุดชมวิวเมืองบนชั้นบนสุด Social Deck ที่นั่งพักผ่อนแบบ Semi-Outdoor, Amphitheater ขนาดใหญ่ ซึ่งมีชั้นบนเป็น Horizon Garden อีกทั้งยังสามารถเดินเชื่อมไปที่ Elite Fitness ได้ (ชั้น 45) Fitness ฟิตเนสครบวงจรความสูง 2 ชั้น ที่มีมากถึง 5 โซน รองรับทุกความต้องการของทุกเพศทุกวัย พร้อมทั้งเครื่องออกกำลังกายที่หลากหลาย อีกทั้งห้องน้ำในตัวแยกชายและหญิง Sky Lounge ด้วย Exclusive Couch สำหรับรองรับกิจกรรมหลายรูปแบบ สระว่ายน้ำ 2 ชั้น ประกอบด้วย สระ Active Pool ยาว 50 เมตร ส่วนชั้น 2 เป็น Scenic Glass Pool สระว่ายน้ำขอบกระจกใส ลิฟต์โดยสาร 10 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว ค่าสาธารณูปโภค 50 บาทต่อตารางเมตร เงินกองทุนส่วนกลาง 500 บาทต่อตารางเมตร (จ่ายครั้งเดียวในวันโอนกรรมสิทธิ์) เริ่มก่อสร้าง เดือนธันวาคม ปี 2560 ก่อสร้างแล้วเสร็จ ประมาณไตรมาส 4 ปี 2563
Life Asoke-Rama 9 “พลาดจองครั้งนี้ อาจไม่มีโอกาสให้แก้ตัว” : รีวิวคอนโด

Life Asoke-Rama 9 “พลาดจองครั้งนี้ อาจไม่มีโอกาสให้แก้ตัว” : รีวิวคอนโด

ตั้งแต่ต้นปีมา เราจะเห็นว่า AP เปิดตัวโครงการแบรนด์ “Life” ไปแล้ว 2 โครงการ นั่นคือ “Life Ladprao” และ “Life ๑ Wireless” ซึ่งแต่ละทำเลที่เปิดมาก็สร้างกระแส เรียกเสียงว้าวได้ตลอดๆ เป็นที่จับตามอง และให้การตอบรับชนิดที่ว่าเปิดให้จองแต่ละทีแทบจะต้องกางเสื่อต่อคิวล่วงหน้ากันก่อนวันเปิดจองเลยทีเดียว แม้แต่ต่อที่ Life ๑ Wireless เปิดให้จองออนไลน์ยอดจองก็หมดเกลี้ยงในพริบตาอีก   พูดถึงแบรนด์ “Life” ต้องบอกว่าทาง AP มีการปรับเปลี่ยนลุคของแบรนด์ให้ดูหรูหรา และทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ทั้งตัวอาคารที่ใส่ใจเรื่องการดีไซน์ให้มีมิติแปลกตา พร้อมกับจัดหนักในส่วนของ Facility ส่วนกลาง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองให้มากขึ้น โดยยังไม่ทิ้งจุดเด่นเรื่องทำเลที่เดินทางสะดวกและใกล้รถไฟฟ้า จากเสียงตอบรับที่ผ่านมาเป็นเครื่องการันตีได้ว่า Life คือแบรนด์หนึ่งของ AP ที่ประสบความสำเร็จมากๆ ในปีนี้ ดังนั้นเมื่อมาถึง Life ตัวสุดท้ายของปี จึงต้องเปิดให้ดัง ปังให้สุด กับ “Life Asoke-Rama 9”   ปักหมุด New CBD - “อโศก - พระราม 9” ทำเลในฝัน ทำเลในย่าน “อโศก - พระราม 9” ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง และหลายๆ ครั้งก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทำเลในย่านนี้ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด มีทั้งศักยภาพในการลงทุน และความเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย รวมถึงแนวโน้มของราคาที่อยู่อาศัยในย่านนี้มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เราคงไม่ต้องเจาะลึกถึงศักยภาพทำเลไปมากกว่านี้ให้เสียเวลา แต่จะพาเข้าประเด็นถึงทำเลที่ตั้งโครงการ Life Asoke-Rama 9 กันเลย Life Asoke-Rama 9 ได้ที่ดินริมถนนอโศก-ดินแดง ห่างจากแยกพระราม 9 นิดเดียวเอง จากตัวโครงการไปยังสถานีรถไฟฟ้า MRT พระราม 9 มีระยะห่างเพียง 300 เมตรเท่านั้น ในรัศมี 2-3 กิโลเมตรรอบ โครงการจัดว่าอุดมสมบูรณ์ และเพียบพร้อมไปด้วยสาธารณูปโภคต่างๆ มากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร แหล่ง Hangout สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล อาคารสำนักงานอีกเพียบ ที่ตั้งของโครงการอยู่ติดกับถนนอโศก-ดินแดง ใกล้กับแยกพระราม 9 นิดเดียวเอง การเดินทางมายังโครงการสะดวกมากๆ สามารถเลือกได้หลายเส้นทาง รวมถึงหลายวิธีการเดินทาง เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน Airport Rail Link เลยขึ้นไปอีกหน่อยก็เป็นสถานี Interchange กับสายสีเขียวด้วย หรือจะเลือกการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ทั้งรถเมล์ แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็มีให้เลือกใช้บริการได้เกือบ 24 ชั่วโมงเลย ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเติมขึ้นมา เชื่อมต่อกันที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในอนาคตก็จะสะดวกมากขึ้นไปอีกแน่นอน นอกจากนี้การเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็มีความสะดวกไม่แพ้กัน เพราะสามารถเข้า-ออกโครงการได้ 2 ทาง คือ จากทางด้านถนนอโศก-ดินแดง (ซอยไม้ดัด ข้างๆ Rhythm Asoke) และทางด้านถนนจตุรทิศ ถนนเส้นนี้ใช้เป็นทางเลี่ยงรถติดบนถนนอโศก-ดินแดงได้ดี ตรงมาจากพญาไทแป๊บเดียวก็ถึงโครงการแล้ว นอกจากนี้ห่างออกไปไม่ไกลยังมีด่านทางด่วนพระราม 9 การเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพมหานครจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดาย   Life Asoke-Rama 9 Life Asoke-Rama 9 เปิดภาพแรกมาด้วยความหรูหราอลังการของ Facility ที่อัดแน่นอยู่บน Rooftop ซึ่งทำให้เราอยากทำความรู้จักกับโครงการนี้ให้มากขึ้น จะได้ไม่พลาดโอกาสเป็นเจ้าของคอนโด Life เหมือนที่ผ่านมา ไหนๆ ก็เปิดมาด้วยเรื่อง Facility แล้ว เราเลยจะพาไปส่องข้อมูลของโครงการ Life Asoke-Rama 9 ให้ครบทุกซอกมุมกันไปเลย ได้ยินมาว่าแค่พื้นที่ส่วนกลางบน Rooftop ก็มีขนาดรวมกว่า 1.5 ไร่แล้ว บวกรวมกับพื้นที่สวนรอบๆ โครงการ และ Pocket Garden ที่ชั้นต่างๆ อีก รวมๆ แล้วพื้นที่ส่วนกลางของ Life Asoke-Rama 9 ก็มีมากถึง 7.5 ไร่เลยทีเดียว แปลนของ Facility บนชั้น Rooftop ชั้น 44 - 45    Highlight อยู่ที่บริเวณ Rooftop ซึ่งรวบรวม Facility หลักๆ ไว้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น สระว่ายน้ำ ที่มีมากถึง 3 สระ อันแรกเป็น Lap Pool ขนาดมาตรฐานโอลิมปิก 50 เมตร ใช้ว่ายออกกำลังกายได้สบายๆ ขณะเดียวกันเหนือขึ้นไปด้านบนสระ เพิ่มสระกระจกลอยฟ้าแบบ Aquarium Sky Pool เปิดรับวิวรอบตัวเหมือนได้แหวกว่ายท่ามกลางหมู่ดาวกันไปเลย ส่วนสระสุดท้ายมีขนาด 45 เมตร ซึ่งมาพร้อมกับ Jacuzzi เพื่อการผ่อนคลายโดยเฉพาะ   พื้นที่บนยอดตึกเปิดรับวิวได้แบบ 360 องศา เปิดมุมมองของ City View ได้สวยเต็มตา ดังนั้น Facility ส่วนใหญ่จึงถูกออกแบบมาให้เปิดรับวิวได้ทุกมุม เช่น Sky Lounge หันไปทางพระราม 9 และ Amplitheater หันไปทางมักกะสัน, Sky Deck ชมวิวตึก Super Tower รวมถึงห้อง Fitness ใหญ่อลังการด้วยพื้นที่มากถึง 2 ชั้น พื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้ามีการเล่นระดับพื้นที่เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับ Facility ให้มีความสวยงามแปลกตา และเพิ่มมุมพักผ่อนชมวิวให้มากขึ้น ลูกบ้านทุกยูนิตจะได้มีโอกาสใช้ได้อย่างเต็มที่ Sky Deck ชมวิว Super Tower จากบนยอดตึกของโครงการ ภาพจำลองของพื้นที่ Amplitheater ที่หันหน้าไปทางมักกะสัน Sky Lounge เปิดรับ City View ได้สวยงามเต็มตามากๆ Sky Fitness กินพื้นที่มาถึง 2 ชั้นเลยทีเดียว   นอกจาก Facility บนชั้นดาดฟ้าแล้ว ที่บริเวณชั้น 7 และชั้น 36 ยังทำเป็น Pocket Garden เพิ่มพื้นที่พักผ่อนสบายตาให้มากขึ้นไปอีก โดยพื้นที่บริเวณชั้น 7 จัดแบ่งเป็นสวนร่มรื่นขนาดใหญ่ พร้อมมุมนั่งทำงานส่วนตัว (มี wifi บริการทุกจุด)  ในขณะที่อีกด้านเป็นเหมือนลานอเนกประสงค์สำหรับทำกิจกรรม ออกกำลังกายท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวสบายตา แต่ถ้าอยากนั่งเล่นชม Super Tower แบบสงบๆ Pocket Garden ที่บริเวณชั้น 36 น่าจะเหมาะ เพราะถูกออกแบบเป็นระเบียงกว้าง พร้อมด้วยขอบระเบียงกระจกที่เปิดโล่งให้วิวสวยปรากฏชัดสุดสายตา ความอลังการของพื้นที่ส่วนกลางยังไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะที่บริเวณรอบๆ โครงการตั้งแต่บริเวณทางเข้ายังร่วมรื่นไปด้วยสวนขนาดใหญ่ กินพื้นที่บริเวณชั้นล่างมากถึง 3 ไร่ ซึ่งประกอบไปด้วย Pavilion 2 แห่ง พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อนใต้ร่มไม้ และ Jogging Track รอบสวน Pavillion ในสวน พื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางร่มไม้ใหญ่รอบโครงการ   ด้วยความที่ตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เป็น 2 Tower ดังนั้น Lobby ของโครงการจึงแบ่งเป็น 2 แห่ง โดย Lobby ของแต่ละ Tower ก็มีความสวยงามอลังการไม่แพ้กันเลยทีเดียว โดย Lobby ของ Tower A มีฝ้าเพดานสูงถึง 4.4 เมตร ออกแบบมาอย่างหรูหราด้วยลวดลายเส้นสายโลหะที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี เพิ่มเติมด้วยมุมนั่งพัก ผ่อน ที่สามารถใช้เป็นจุดนัดหมาย มุมรับแขก หรือมุมนั่งทำงานก็ได้ เพราะมีบริการ wifi ทั่วพื้นที่ บริเวณด้านหน้าทางเข้าของโครงการ  Life Asoke-Rama 9 จุด Drop Off บริเวณ Tower B หรูหราด้วยการตกแต่งด้วยแสงไฟ และลวดลายจากโลหะสีทอง Lobby A พร้อมพื้นที่ทำงาน มุมอ่านหนังสือ เปิดรับวิวสวนสีเขียวสบายตา พร้อม wifi ทั่วพื้นที่ส่วนกลาง Lobby B ฝ้าเพดานสูงถึง 4.4 เมตร ทำให้บรรยากาศโปร่งสบาย พร้อมมุมนั่งเล่นเป็นส่วนตัว   ขยับมาดูที่ Lobby ของ Tower B กันบ้าง ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะมีบริเวณกว้างขวาง โปร่งสบายตามากๆ ด้วยฝ้าเพดานสูงถึง 6 เมตร ทำให้ Lobby นี้ถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่า ทั้งพื้นที่ของ Co-Working Space, บริเวณชั้นลอยมี Private Meeting Room พร้อม Automation Control Panel และสัญญาน wifi เป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านสามารถมาใช้เป็นห้องประชุมงานได้ด้วย นอกจากนี้ทาง AP ยังตั้งใจออกแบบให้ Lobby แห่งนี้มีความหรูหราอลังการมากกว่าที่ไหนๆ ด้วยกระจกบานใหญ่จรดฝ้า 6 เมตรที่จะเปิดรับวิวสวนได้อย่างเต็มที่ เชื่อว่า Lobby ของ Life Asoke-Rama 9 น่าจะเป็น Lobby ที่สวยอลังการที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว Lobby ของ Tower B อลังการด้วยฝ้าเพดานสูงถึง 6 เมตร มีมุมทำงานเป็นสัดส่วน แถมยังเพิ่มพื้นที่ชั้นลอยจัดเป็น Co-Working Space และตั้งใจ Design ให้มีมุมอ่านหนังสือแบบ Cocoon เพื่อความเป็นส่วนตัว Co-Working Space และ Meeting Room พร้อมอุปกรณ์ครบครัน สามารถใช้นัดหมายประชุมงานได้สบายๆ   จากพื้นที่ส่วนกลางที่ยกตัวอย่างมา หลายคนอาจจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าทาง AP ตั้งใจจัดมาให้เต็มที่แค่ไหน แต่ก็ต้องออกตัวไว้ก่อนว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราสามารถเก็บข้อมูลมาฝากกันได้ Facility ของจริงภายในโครงการยังมีรายละเอียดอีกมากจนไม่สามารถบรรยายได้หมดในคราวเดียว ส่วนต่อไปที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ส่วนของที่พักอาศัย เราเชื่อว่าหลายๆ คนอยากจะรู้แล้วว่า โครงการ Life Asoke-Rama 9 มีห้อง Type ไหนให้เลือกบ้าง แจ้งให้ทราบกันก่อนว่าห้องทั้งหมด 2,248 ยูนิตของโครงการขายให้แบบ Fully Fitted และมีการออกแบบใหม่ด้วยคอนเซปต์การจัดวางพื้นที่แบบ Inter Lock ทำให้ห้องมีหน้ากว้างมากขึ้น เพื่อเน้นในการเปิดรับวิวได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจุดเด่นที่เห็นได้ชัดจากการออกแบบด้วยระบบ Inter Lock นี้ จะทำให้ห้อง Studio 27.5 ตร.ม. กับห้อง 1 Bedroom Plus 35.5 ตร.ม. ถูกวางคู่กันเสมอ ดังนั้นห้อง Studio จะได้หน้ากว้างที่มากเกือบ 5 เมตร เลยทีเดียว บรรยากาศภายในห้อง Studio ก็จะโปร่งสบายมากขึ้นกว่าเดิม ขนาดห้องเริ่มต้นที่ Studio 25 - 27.5 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม.,1 Bedroom Plus ขนาด 35 – 40 ตร.ม.  และ 2 Bedroom 45- 58 ตร.ม. ซึ่งภายในห้องก็ออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองได้รอบด้าน สำหรับใครที่สนใจ รีบคลิกลงทะเบียน https://goo.gl/w6m2Gd รับส่วนลดเพิ่ม 300,000 บาท* จะได้ไม่พลาดโอกาสเป็นเจ้าของ Life Asoke-Rama 9 แล้วเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการจอง โดยแบ่งเป็น – รอบ AP iBooking จองผ่านระบบออนไลน์ในวันที่ 8 พ.ย. นี้ และ Pre-Sale ที่สำนักงานขาย ในวันที่ 11-12 พ.ย. นี้  
‘เอพี ไทยแลนด์’ เดินหน้าติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED ที่คอนโดเอพี รณรงค์ให้คนไทยตระหนักและพร้อมรับมือ ‘ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน’ มหันตภัยเงียบคร่าชีวิต

‘เอพี ไทยแลนด์’ เดินหน้าติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED ที่คอนโดเอพี รณรงค์ให้คนไทยตระหนักและพร้อมรับมือ ‘ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน’ มหันตภัยเงียบคร่าชีวิต

รายแรกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จัดสรรพื้นที่คอนโดเอพีเป็น “พื้นที่ช่วยชีวิต” ติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ เพื่อคุณภาพชีวิตของลูกบ้านเอพีกว่า 25,000 ครอบครัว เอพีรณรงค์ให้คนไทยเท่าทันและพร้อมรับมือ ‘ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน’ ที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็ง และอุบัติเหตุ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมืองและคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้า จัดแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญเพื่อสังคม “ขอพื้นที่เล็กๆ ให้หัวใจได้เต้นต่อ” (The Smallest Space to Save Lives) ต่อยอดแนวคิดในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพไปสู่การส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคมเอพีและสังคมวงกว้าง ด้วยการตระหนักถึงอันตรายจาก “ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน” ที่คร่าชีวิตคนไทยได้ในทุกเพศ ทุกวัย ด้วยการเดินหน้าติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ (AED) ในคอนโดมีเนียมของเอพีที่ส่งมอบไปแล้ว รวมถึงคอนโดมิเนียมโครงการอื่นๆ ที่บริหารจัดการโดย บริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมนเนจเมนท์ จำกัด บริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในเครือเอพี รวมทั้งสิ้นกว่า 40 โครงการ คิดเป็นผู้อยู่อาศัยกว่า 25,000 ครอบครัว และเตรียมร่วมรณรงค์ส่งต่อความรู้การกู้ชีพขั้นพื้นฐานก่อนส่งถึงมือแพทย์สู่ประชาชน เพื่อให้ตระหนักและพร้อมรับมือเมื่อพบผู้ประสบภาวะดังกล่าว ทั้งนี้ จากสถิติพบว่าภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันคือสาเหตุการเสียชีวิตสูงสุดอันดับที่ 3 (รองจากมะเร็งและอุบัติเหตุ) คร่าชีวิตคนไทยถึง 54,000 คนต่อปี (เฉลี่ยถึง 6 คนต่อชั่วโมง) ปัจจุบัน  เอพีได้เริ่มทะยอยติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED ในคอนโดมีเนียมที่บริหารจัดการโดยทีมเอพีแล้ว โดยแผนจะติดตั้งให้ครบทั้งสิ้นกว่า 40 โครงการที่โอนกรรมสิทธิ์เข้าอยู่แล้ว งานแถลงข่าวครั้งนี้ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) โดย นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม ร่วมกับ พล.ต.ต. นายแพทย์โสภณ กฤษณะรังสรรค์ ประธานมูลนิธิสอนช่วยชีวิตและที่ปรึกษาคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และบริษัทรักษาความปลอดภัยไทยซีคอม จำกัด รณรงค์ถ่ายทอดความรู้การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support – BLS) สู่สังคม นอกจากนี้ เอพีพร้อมเป็นตัวแทนเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมเปลี่ยนพื้นที่เล็กๆ ให้เป็นพื้นที่ที่สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ ผ่านแคมเปญ “ขอพื้นเล็กๆ ให้หัวใจได้เต้นต่อ” (The Smallest Space to Save Lives) เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดของเอพี คือ “การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับสังคมไทย โดยเริ่มต้นที่สังคมเล็กๆ ในโครงการต่างๆ ของเอพี” พร้อมกันนี้ เอพียังได้มอบเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED ให้กับศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค ท่าเรือสาทร และศูนย์ประสานงาน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน เขตธนบุรี เพื่อติดตั้งเป็นสาธารณะประโยชน์ในการช่วยกู้ชีพหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์)  กล่าวว่า “ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า  ผู้ประสบภาวะดังกล่าวควรได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เพราะมิฉะนั้นอาจถึงแก่ชีวิต บมจ. เอพี เราให้ความสำคัญอย่างมากกับคุณภาพชีวิต และการสร้างคุณค่าให้กับพื้นที่ทุกพื้นที่เพื่อคุณภาพชีวิต เราจึงริเริ่มจัดสรรพื้นที่ 0.1 ตารางเมตรภายในคอนโดของเราเป็น ‘พื้นที่ช่วยชีวิต’ โดยได้เริ่มติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED เพื่อช่วยชีวิตในเบื้องต้นของผู้ที่ประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันก่อนส่งถึงมือแพทย์ ประกอบกับการสนับสนุนด้านข้อมูลพื้นฐานที่ได้รับจากพันธมิตรทางธุรกิจของเอพีอย่าง มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED ถือเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตพื้นฐานที่ติดตั้งในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น ทั้งพื้นที่สาธารณะและพื้นที่อยู่อาศัย ซึ่งจากข้อมูลพบว่าประเทศญี่ปุ่นมีเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED ติดตั้งมากที่สุดในโลกประมาณ 6 แสนกว่าเครื่อง” “ปัจจุบัน เอพีมีคอนโดที่สร้างเสร็จและบริหารจัดการโดยบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมนเนจเมนท์ จำกัด บริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในเครือเอพีอยู่รวมกว่า 40 โครงการ และราวกว่า 25,000ครอบครัวที่เราดูแล เราจึงไม่ลังเลที่จะติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED เพื่อให้ลูกบ้านรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจในคุณภาพชีวิต โดยเราเดินหน้าทะยอยติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED แล้ว และจะติดตั้งให้ครบทั้งหมดกว่า 40 โครงการโดยเร็วที่สุด และสำหรับคอนโดมิเนียมใหม่ที่กำลังจะก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2560 นี้เป็นต้นไป บริษัทก็จะมีการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED ไว้เช่นกัน ” นายวิทการกล่าว “คอนโดมิเนียมกว่า 40 โครงการที่มีการติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED นั้น จะมีเจ้าหน้าที่ภายใต้การดูแลของบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมนเนจเมนท์ จำกัด รวมกว่า 300 คน ซึ่งผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support) ที่ได้รับการรับรองจากบริษัทรักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม และคณะกรรมการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยคอนโดมิเนียมในแต่ละโครงการจะมีเจ้าหน้าที่ประจำการและพร้อมให้ความช่วยเหลือหากลูกบ้านของเอพีประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันตลอด 24 ชม.” นายวิทการกล่าวเสริม ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน คือ ภาวะที่หัวใจไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างทันที ซึ่งภาวะนี้เกิดได้กับทุกคน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นโรคหัวใจหรือมีโรคประจำตัวอื่น และไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า เมื่อหัวใจหยุดเต้นลงจะไม่มีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะใดๆ ในร่างกาย สมองเมื่อขาดเลือดมาเลี้ยงจะหยุดทำงานในทันที ดังนั้นผู้ที่สมองขาดเลือดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันจะหมดสติลงในเวลาเพียง 10 วินาที ซึ่งผู้ป่วยที่หมดสติควรได้รับการช่วยเหลือภายในระยะเวลา 4 นาที หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ เนื้อสมองจะเริ่มเสียหาย หากผู้ที่อยู่ใกล้เคียงมีประสบการณ์การใช้เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED สลับกับการทำ CPR จะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ *จากสถิติที่ประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ที่ประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หากได้รับการช่วยชีวิตภายในระยะเวลา 4 นาทีหลังเกิดเหตุด้วยการทำ CPR (การช่วยฟื้นคืนชีพ หรือปั้มหัวใจด้วยมือ) สลับกับการใช้เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED จะสามารถเพิ่มโอกาสในรอดชีวิตได้มากถึง 50% แต่หากได้รับการช่วยชีวิตด้วยการทำ CPR เพียงอย่างเดียวจะมีโอกาสรอดชีวิตเพียง 27% พล.ต.ต. นายแพทย์โสภณ กฤษณะรังสรรค์ ประธานมูลนิธิสอนช่วยชีวิตและที่ปรึกษาคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า “จากการศึกษาพบว่า การสอนแพทย์กู้ชีพเพียงหน่วยงานเดียวไม่สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ เนื่องจากภาวะนี้มักเกิดนอกโรงพยาบาล และผู้ป่วยไม่สามารถถึงโรงพยาบาลภายใน 4 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่จะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทัน ดังนั้นการช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน คือการส่งต่อความรู้ให้ประชาชนทั่วไปสามารถทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้เมื่อประสบเหตุ และควรมีอุปกรณ์เครื่อง AED ติดตั้งอยู่ในจุดที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ทันที” “ในฐานะตัวแทนประธานมูลนิธิสอนช่วยชีวิตและที่ปรึกษาคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ผมขอชื่นชมเอพี (ไทยแลนด์) ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมไทย โดยการริเริ่มติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED ทำให้สังคมไทยทัดเทียมนานาประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในพลังขับเคลื่อนสังคมให้เกิดความตระหนักถึงภัยใกล้ตัว ซึ่งถ้าทุกคนมีความรู้ในการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน รู้จักวิธีการโทรขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานเฉพาะด้านซึ่งที่ประเทศไทยคือ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เบอร์ 1669 เราทุกคนสามารถร่วมกันลดปริมาณการสูญเสียได้” พล.ต.ต. นายแพทย์โสภณกล่าวและเสริมว่า “นอกจากอาคารที่พักอาศัยที่มีหลายครอบครัวพำนักอย่างคอนโดมิเนียมแล้ว สถานที่ที่มีผู้คนสัญจรคับคั่งและควรมีการติดตั้ง AED เพื่อช่วยชีวิตด้วย ได้แก่ สนามบิน สถานีขนส่ง ท่าเรือ รถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น” เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED เป็นเครื่องที่ใช้กับผู้ที่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน โดยเครื่องจะทำการวินิจฉัยคลื่นหัวใจโดยอัตโนมัติและทำการรักษาด้วยการปล่อยกระแสไฟเพื่อกระตุกหัวใจทำให้หัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ เพียงผู้ใช้อุปกรณ์ปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่เสียงบรรยายของเครื่อง AED ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือชีวิตผู้ที่ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) คือ บริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์เพื่อพื้นที่ใช้สอยที่ไม่จำกัดเพื่อการใช้ชีวิตของคนเมือง ครอบคลุมทั้งมิติด้าน คุณภาพ การบริการ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้าง ‘คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน โดยเริ่มต้นกับสังคมเล็กๆ ในโครงการต่างๆ ของเอพี เพื่อมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมไทย’ ติดตามข้อมูลแคมเปญเพิ่มเติมได้ที่ http://www.SmallestSpaceToSavLives.com
‘เอพี ไทยแลนด์’ มุ่งลดคาร์บอนในอากาศ จับมือ ‘บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป’ ลงนามเปิดตัวโครงการ ‘ChargeNow’ สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า นวัตกรรมล้ำหน้าแห่งอนาคต

‘เอพี ไทยแลนด์’ มุ่งลดคาร์บอนในอากาศ จับมือ ‘บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป’ ลงนามเปิดตัวโครงการ ‘ChargeNow’ สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า นวัตกรรมล้ำหน้าแห่งอนาคต

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ริเริ่มโครงการ ‘ChargeNow’ เครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตอกย้ำความเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาเพื่อเท่าทัน และล้ำหน้าต่อเทรนด์การใช้ชีวิตด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่เพียงแต่ที่อยู่อาศัย แต่ยังหมายรวมถึงคุณภาพสังคมและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของสังคมเมืองอีกด้วย เอพีมุ่งหวังนำพาสังคมไทยไปสู่สังคมไร้การปล่อยก๊าซคาร์บอนในที่สุด โดยจะเริ่มสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้ากับคอนโดมิเนียมเครือเอพี และขยายต่อไปยังโครงการอื่นๆ ในอนาคต นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม กล่าวว่า “เอพี (ไทยแลนด์) เราดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์สำคัญ คือ ‘AP Think Different’ โดยเราให้ความสำคัญกับการคิดต่าง และพัฒนาธุรกิจเพื่อความสำเร็จแบบยั่งยืน เราจึงไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนา เพื่อเท่าทันและล้ำหน้าต่อเทรนด์การใช้ชีวิต และเทรนด์การอยู่อาศัยในอนาคต และตอนนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 26 โดยเป้าหมายสูงสุดของเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับคนเมือง เรามุ่งมั่นที่จะสร้าง       ที่อยู่อาศัยซึ่งตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิตอันทันสมัย เราเปิดรับทุกไอเดียใหม่ๆ ทางเลือกในการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงการใช้พื้นที่ต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อการมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของผู้อยู่อาศัย และเอพี (ไทยแลนด์) มองว่าโครงการ ChargeNow จึงเป็นแง่มุมใหม่ของการใช้ชีวิตอันทันสมัย และยังสามารถลดจำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างแท้จริง เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตร ผู้ริเริ่มโครงการที่ดี และล้ำสมัยอย่างโครงการ ChargeNow เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย และนำไปสู่การใช้ชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมเติบโตไปกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนในอนาคต” “การสนับสนุนให้คนไทยหันมาใช้รถยนต์ระบบไฟฟ้า และระบบปลั๊กอิน ไฮบริดจะช่วยให้สามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศได้ เนื่องจากการหันมาใช้รถยนต์ระบบไฟฟ้า หรือระบบปลั๊กอิน ไฮบริดจะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันได้ถึง 50% เมื่อลดการใช้ปริมาณน้ำมันจะสามารถลดการผลิตมลพิษทางอากาศได้ด้วยเช่นกัน” นายวิทการกล่าวเสริม ในปัจจุบัน โครงการ ChargeNow ให้บริการสถานีสาธารณะในการชาร์จรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 65,000 แห่ง ใน 27 ประเทศทั่วโลก ด้วยวิธีการชาร์จที่สะดวกและรวดเร็ว สำหรับในประเทศไทย สถานีโครงการ ChargeNow จะแสดงที่ตั้งผ่านสมาร์ทโฟน และในเว็บไซต์ ซึ่งสามารถช่วยให้ลูกค้าทราบได้ว่าสถานีไหนว่างพร้อมให้บริการหรือมีการใช้งานอยู่ โดยลูกค้าจะได้รับการ์ด ChargeNow และสามารถเข้ารับบริการในสถานีซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ลูกค้าสะดวก ลูกค้าจะได้รับบิลค่าบริการทุกสิ้นเดือนเช่นเดียวกับบิลค่าบริการโทรศัพท์มือถือ โครงการ ChargeNow จะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนล่วงหน้าสำหรับเจ้าของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าที่มีหัวชาร์จ AC ทั้งแบบ Type 1 (SAE J1772) และ Type 2 (IEC 62196) ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดหรือยี่ห้อใดโดยจะมีการชี้แจงถึงรายละเอียดในการลงทะเบียนล่วงหน้า ในช่วงประมาณไตรมาสที่สามของปี 2560 นี้ “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง”
LEVO_ลาดพร้าว

LEVO_ลาดพร้าว

ปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เอพี เดินหน้าบุกตลาดแนวราบ เปิดตัว 10 ทาวน์โฮมใหม่พร้อมกันเป็นครั้งแรก ส่งแบรนด์ ‘บ้านกลางเมือง’ และ ‘พลีโน่’ 10 ทำเลไฮไลท์ใจกลางเมือง มูลค่าโครงการรวม 9,050 ล้านบาท นำเสนอนวัตกรรมพื้นที่และดีไซน์แบบบ้านใหม่ล่าสุด ตอกย้ำตำแหน่งเจ้าแห่งนวัตกรรมดีไซน์พื้นที่ใช้สอยเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง เปิดตัวแคมเปญ “Phenomenal 10” สร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่กับการเปิดตัวทาวน์โฮมแบรนด์ “บ้านกลางเมือง” และ “พลีโน่” 10 โครงการใหม่ 10 ทำเลไฮไลท์ใจกลางเมือง เปิดจองราคาพรีเซลเริ่ม 1.69 – 8.99 ล้านบาท พร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุด “จ่ายน้อย คืน 100%” และรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ คงที่ 2.89% นาน 3 ปี ผ่อนต่ำเริ่มต้นเพียงล้านละ 3,400 บาท/เดือน นาน 3 ปี จากธนาคารไทยพาณิชย์ และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับลูกค้าทาวน์โฮมเอพีที่จองซื้อช่วงพรีเซลวันที่ 19 - 20 สิงหาคมนี้ ณ เซลส์ แกลเลอรี่ แต่ละโครงการเท่านั้น นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “สินค้าทาวน์โฮมในกลุ่มเซ็กเมนต์กลาง – บนยังคงได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด โดยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นสินค้ากลุ่มนี้เป็นสินค้าเพื่อการอยู่อาศัยจริง และที่ผ่านมายังไม่พบว่าความต้องการซื้อลดลงแต่อย่างใด ซึ่ง ‘บ้านกลางเมือง’ ของเอพีถือครองสัดส่วนผู้นำตลาดไฮเอ็นท์ทาวน์โฮมเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 40% ของตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นในเมือง โดยเอพีมุ่งสานต่อเป้าหมายในการรักษาความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง เราพร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่เน้นย้ำจุดแข็งทั้ง ‘การเป็นหนึ่งเดียวเรื่องทำเลที่ตั้ง’ ‘การพัฒนานวัตกรรมดีไซน์และแบบบ้านใหม่ๆ’ พร้อมการออกแบบที่หรูหราสอดรับกับพฤติกรรมลูกค้าครอบครัวเมือง ทั้งหน้ากากบ้านและฟังก์ชั่นการใช้งานภายใน ซึ่งเชื่อมั่นว่าทั้งหมดนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีและช่วยดันยอดขายให้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” ทั้งนี้ รายละเอียดแคมเปญ Phenomenal 10 นอกจากไฮไลท์สำคัญคือ การเปิดตัว 10 โครงการทาวน์โฮมใหม่ 10 ทำเลไฮไลท์ใจกลางเมืองพร้อมกัน ซึ่งประกอบไปด้วย บ้านกลางเมือง ไฮเอ็นท์ทาวน์โฮม 3 ชั้น 4 ทำเลไฮไลท์ ได้แก่ บ้านกลางเมือง  สาทร – สุขสวัสดิ์ บ้านกลางเมือง ลาดพร้าว – เสรีไทย บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์ – พระราม 5 และ บ้านกลางเมือง รามอินทรา – วัชรพล และ พลีโน่ พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น 6 ทำเลไฮไลท์ ได้แก่ 1.) พลีโน่ ราชพฤกษ์ 2.) พลีโน่ ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ 3.) พลีโน่ พหลโยธิน – รังสิต 4.) พลีโน่ สุขุมวิท – บางนา พลีโน่ รามอินทรา – วงแหวน พลีโน่ พหลโยธิน – วัชรพล นอกจากจะตั้งอยู่บนโลเคชั่นที่ดีที่สุดในย่านติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วนและสามารถเดินทางได้หลากหลายเส้นทางเชื่อมต่อสู่เมืองแล้ว ยังมาพร้อมแบบบ้านดีไซน์ใหม่ ผสานความหรูหราและความงามจากธรรมชาติเข้าสู่พื้นที่ภายใน และการบริหารพื้นที่ภายในที่พร้อมรองรับการใช้งานได้อย่างคุ้มค่าเต็มพื้นที่ทุกตารางนิ้ว ตลอดจนสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการอยู่อาศัยจริง เหนือระดับด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ซึ่งทั้ง 10 โครงการ จะมานำเสนอในราคาพรีเซล เริ่มต้นเพียง 1.69 – 8.99 ล้านบาท พิเศษเฉพาะลูกค้าที่จองซื้อ บ้านกลางเมืองและพลีโน่ 10 ทำเลใหม่ ช่วงพรีเซลระหว่างวันที่ 19 - 20 สิงหาคมนี้เท่านั้น  
‘เอพี ไทยแลนด์’ แจงผลประกอบการครึ่งปีแรก เติบโตอย่างมั่นคง สร้างรายได้รวมสูงกว่า 10,500 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิกว่า 1,100 ล้านบาท เตรียมเปิดตัว 18 โครงการใหม่มูลค่า 28,750 ล้านบาท

‘เอพี ไทยแลนด์’ แจงผลประกอบการครึ่งปีแรก เติบโตอย่างมั่นคง สร้างรายได้รวมสูงกว่า 10,500 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิกว่า 1,100 ล้านบาท เตรียมเปิดตัว 18 โครงการใหม่มูลค่า 28,750 ล้านบาท

 เอพีประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2560 เติบโตอย่างมั่นคง ยิ้มรับผลความสำเร็จใน 4 โครงการร่วมทุนที่เริ่มทะยอยโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีรายได้รวมมากถึง 10,593 ล้านบาท  โตขึ้นกว่า 23% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปีก่อนหน้า ด้านกำไรสุทธิโตขึ้น 18% หรือเท่ากับ 1,157 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าลุยเปิดพรีเซล 18 โครงการใหม่ ครั้งแรกกับการเปิดตัวโครงการแนวราบพร้อมกันมากสุด ด้วย 10 ทาวน์โฮมแบรนด์ บ้านกลางเมือง - พลีโน่ เริ่ม 1.69 – 8.99 ล้านบาท และ 7 บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่แบรนด์ เดอะ ซิตี้ - เซนโทร เริ่ม 9.8 - 35 ล้านบาท และ 1 คอนโดใหม่ ไลฟ์ อโศก-พระราม 9 เริ่ม 110,000 บาทต่อตารางเมตร นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า จากกลยุทธ์ "คิดและสร้างความแตกต่าง” (AP THINK DIFFERENT) ที่เน้นย้ำจุดแข็งของเอพีในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ โดดเด่นด้วยดีไซน์และการจัดสรรพื้นที่ใช้สอย ตลอดจนการประสบความสำเร็จในคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับทางกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่คอนโดมิเนียมร่วมทุนก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้มากถึง 4 โครงการ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมสูงถึง 10,593 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่รวมผลการดำเนินงานจากคอนโดมิเนียมร่วมทุนในสัดส่วน 51% กับทางกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท โดยแบ่งเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1 เท่ากับ 5,129 ล้านบาท และไตรมาส 2 เท่ากับ 5,464 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2559 ถึง 23% ด้านกำไรสุทธิครึ่งปีแรกเท่ากับ 1,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2559 ที่มีกำไรเท่ากับ 981 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกนี้แบ่งเป็นเกิดในช่วงไตรมาส 2 เท่ากับ 608 ล้านบาท และไตรมาส 1 เท่ากับ 549 ล้านบาท ทั้งนี้ความคืบหน้าทางด้านยอดขายครึ่งปีแรกบริษัทฯ สามารถสร้าง ยอดขายรวมได้มากเป็นอันดับที่ 2 ของธุรกิจหรือเท่ากับ 15,000 ล้านบาท แต่หากรวมยอดขายจากโครงการใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดพรีเซลไปเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้กับโครงการ LIFE ONE WIRELESS (ไลฟ์ วัน ไวร์เลส) ตลอดจนโครงการอื่นๆ ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายรวม 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.) มากถึง  23,300 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 76.9% คิดเป็น 89.5% ของเป้าหมายยอดขายรวม 26,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้ในปีนี้ สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง (5 เดือน ส.ค.-ธ.ค.) บริษัทฯ พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่อีกจำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวม 28,750 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบมากถึง 17 โครงการ มูลค่า 19,750 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ และทาวน์โฮม 10 โครงการ และคอนโดมิเนียมร่วมทุน  1 โครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะพร้อมเปิดพรีเซลระหว่างช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าในช่วงเวลาที่เหลือพร้อมกับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง (5 เดือน ส.ค.-ธ.ค.) จะสามารถสร้างยอดขายได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน ภาพรวมการร่วมทุนกับทางกลุ่มมิติซูบิชิ เอสเตล หนึ่งในผู้นำการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในประเทศญี่ปุ่น ตลอดที่ผ่านมา (เริ่มร่วมทุนปี 2014) ได้ดำเนินพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกันทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 41,000 ล้านบาท สร้างยอดขายรวมได้มากถึง 80% และ 4 ใน 10 โครงการร่วมทุนได้แก่ RHYTHM สุขุมวิท 36-38, Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง RHYTHM อโศก 2 และ Aspire สาทร-ท่าพระ ก่อสร้างแล้วเสร็จเริ่มส่งมอบแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ในช่วงครึ่งปีหลัง 5 เดือนที่เหลือ (ส.ค.-ธ.ค.) นี้บริษัทฯ เตรียมจัดงานเปิดตัว 17 โครงการแนวราบ ณ สำนักงานขายของทุกโครงการ โดยทั้ง 17 โครงการล้วนมีความพิเศษในเรื่องของนวัตกรรมดีไซน์ที่ได้รับพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าในแต่ละทำเล โดยวันที่ 19-20 สิงหาคมนี้กับงาน THE PHENOMENAL 10 กับครั้งแรกในการเปิดตัว 10 ทาวน์โฮมใหม่ใจกลางเมืองแบรนด์ “บ้านกลางเมือง และพลีโน่” พร้อมกัน พบราคาพรีเซลพร้อมข้อเสนอทางการเงินจ่ายน้อย คืน 100% และรับส่วนลดเพิ่ม 100,000 บาทเมื่อลงทะเบียนล่วงหน้า ได้แก่ (1) บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์ (2) บ้านกลางเมือง ลาดพร้าว-เสรีไทย (3) บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม 5  (4) บ้านกลางเมือง รามอินทรา-วัชรพล (5) พลีโน่ ราชพฤกษ์ (6) พลีโน่ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ (7) พลีโน่ พหลโยธิน-รังสิต (8) พลีโน่ สุขุมวิท-บางนา (9) พลีโน่ รามอินทรา-วงแหวน และ (10) พลีโน่ พหลโยธิน-วัชรพล เริ่ม 1.69-8.99 ล้านบาท พร้อมงานพรีเซลเปิดตัว 7 บ้านเดี่ยวโมเดลใหม่ ในวันที่ 29-1 ตุลาคมนี้ ประกอบด้วยแบรนด์ THE CITY บ้านเดี่ยวเพื่อครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับ 4 พิกัดใหม่ (1) THE CITY พัฒนาการ (2) THE CITY บางนา-กม.7 (3) THE CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ (4) THE CITY ปิ่นเกล้า - บรมฯ ราคาเริ่ม 9.8-35 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวแบรนด์ CENTRO สำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่กับ 3 พิกัดใหม่ (5) CENTRO บางนา-กม.7 (6) CENTRO พหล-วิภาวดี (7) CENTRO รามอินทรา-จตุโชติ เริ่ม 4.99-15 ล้านบาท พิเศษลงทะเบียนและจองในงานพรีเซลรับ Iphone 8 และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับคอนโดมิเนียม LIFE อโศก-พระราม 9 บริษัทฯ พร้อมเปิดพรีเซลในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้เช่นกัน ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน (31 กรกฎาคม) บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 34,500 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่า 3,820 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 30,680 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2564
The Phenomenal 10 ปรากฏการณ์ครั้งแรกของ AP ที่คุณจะได้เป็นเจ้าของทาวน์โฮมทำเลดีก่อนใคร

The Phenomenal 10 ปรากฏการณ์ครั้งแรกของ AP ที่คุณจะได้เป็นเจ้าของทาวน์โฮมทำเลดีก่อนใคร

  ปีนี้เราได้เห็น AP เปิดตัวโครงการเจ๋งๆ บนทำเลสุดฮ็อตไปหลายโครงการ ซึ่งแทบทุกโครงการที่ผ่านมาก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ชนิดที่ Sold Out ไปตั้งแต่วันเปิดจอง Pre-sale กันเลยทีเดียว.... และเร็วๆ นี้ AP กำลังจะส่งกองทัพบ้านทาวน์โฮมใหม่ใจกลางเมือง ลงตลาดอีกชุดใหญ่พร้อมโปรโมชั่นพิเศษที่ไม่ควรพลาด ในงาน “The Phenomenal 10”   “The Phenomenal 10” คือการรวบรวมโครงการบ้านทาวน์โฮมใหม่ล่าสุด บน 10 ทำเลศักยภาพทั่วเมือง ซึ่งมี 2 แบรนด์ดังของ AP อย่าง “บ้านกลางเมือง” และ “Pleno” เป็นพระเอกของงานนี้ โดยทั้ง 2 แบรนด์จะนำเสนอบ้านทาวน์โฮมมาพร้อมราคา Pre-sale ที่ดึงดูดใจมากๆ (เริ่มที่ 1.69-8.99 ล้านบาท*) ตามด้วยข้อเสนอเร้าใจ “จ่ายน้อย คืน 100%” ซึ่งข้อเสนอนี้จัดขึ้นเพื่องานนี้เพียง 2 วันเท่านั้น และเพื่อจะไม่ให้พลาดข้อเสนอพิเศษแบบนี้ เราแนะนำให้คุณคลิกลงทะเบียนไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย https://goo.gl/xRDTVy  ก่อนจะไปเจอกันที่หน้างานวันที่ 19-20 สิงหาคมที่จะถึงนี้ นอกจาก High Light พิเศษ โปรโมชั่นเด็ดของงาน “The Phenomenal 10” ที่กล่าวไปข้างต้นนี้แล้ว เดี๋ยวเราไปดูกันค่ะว่า กองทัพบ้านทาวน์โฮมทั้งหมดนี้ มีโครงการอะไร ทำเลไหนบ้าง เพื่อการตัดสินใจในขั้นต้นก่อนจะไปจองบ้านที่ Sale Gallery ของแต่ละโครงการค่ะ ก่อนจะไปถึงข้อมูลของแต่ละโครงการ เราอยากจะพูดถึงจุดเด่นของแบรนด์ Pleno และ บ้านกลางเมือง กันซักหน่อยค่ะ ถ้าพูดถึงโครงการภายใต้แบรนด์ “Pleno” เราจะนึกถึงโครงการบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น ในราคาที่จับต้องได้ง่าย สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แบบไม่เกินเอื้อม โดยมากจะเริ่มต้นที่ช่วงราคา 2 ล้านบาทค่ะ การออกแบบบ้านของแบรนด์ Pleno ที่ผ่านๆ มา ถือว่าทำออกมาได้ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเลยค่ะ ทั้งในส่วนของหน้าตาที่สวยงามในสไตล์ Modern และพื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้านที่จัดมาให้ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ขณะเดียวกันภายในโครงการก็มักจะมี Facility เพียบพร้อม ทั้งพื้นที่สีเขียวร่มรื่น, Club House ที่มีพร้อมทั้งสระว่ายน้ำ และห้องฟิตเนส สำหรับการเปิดตัวแบรนด์ Pleno ทั้ง 6 โครงการในครั้งนี้ ต้องบอกว่าเป็นการนำเสนอ บ้านทาวน์โฮมซีรี่ส์ใหม่ ซึ่งมีความเรียบหรูมากขึ้น ในขณะที่แต่ละโครงการก็โดดเด่นด้วยการออกแบบซุ้มประตูทางเข้าโครงการ และ Club House ให้มีความอลังการไม่แพ้กัน มาถึงแบรนด์ “บ้านกลางเมือง” กันบ้างค่ะ ซึ่งหลายคนคงคุ้นหูกับชื่อ “บ้านกลางเมือง” กันมานานแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นแบรนด์ทาวน์โฮมสร้างชื่อให้กับ AP เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นแบรนด์ที่บุกเบิกตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้น ในสังคมคุณภาพ ที่มักจะมีดีไซน์ของตัวบ้านมาให้ได้ว้าวกันบ่อยๆ ซึ่งโครงการบ้านกลางเมืองเน้นการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนเมืองที่ต้องการบ้านอยู่อาศัยสำหรับครอบครัวมากกว่าการเลือกอยู่คอนโด บ้านในแต่ละโครงการภายใต้แบรนด์นี้ จึงมักจะมีการปรับเปลี่ยนแบบแปลนของตัวบ้านอยู่บ่อยครั้ง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในแต่ละทำเลให้ได้ตรงใจที่สุด โดยไม่ลืมใส่ความหรูหรา และเลือกดีไซน์ล้ำสมัยนำเทรนตลาดอยู่เสมอ   แน่นอนว่า บ้านกลางเมือง ทั้ง 4 โครงการที่เปิดให้จองก่อนใครในครั้งนี้ ก็มีความพิเศษไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งในส่วนของทำเลที่ตั้ง ที่ยังคงอยู่ใกล้ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบายได้หลายเส้นทาง รวมถึงแบบบ้านดีไซน์ใหม่ ซึ่งเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้เยอะขึ้น และฟังก์ชั่นการดีไซน์ที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในบ้านได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยค่ะ คงไม่ง่ายเลยที่จะมีโครงการบ้านทาวน์โฮมมาให้เราเลือกพร้อมๆ กันมากถึง 10 โครงการแบบนี้ ดังนั้นเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวัน และเป็นการง่ายต่อการเลือกบ้าน เราเลยจัดกรุ๊ปโครงการตามจุดเด่นเรื่องการเดินทางดังนี้ค่ะ เริ่มจากกรุ๊ปแรก เน้นทำเลที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า เดินทางเข้าออกเมืองสะดวก แถมใกล้ทางด่วน ซึ่งได้แก่ Pleno ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ Pleno ราชพฤกษ์ บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม5 ทั้ง 3 โครงการในโซนนี้ อยู่บนทำเลศักยภาพที่มีการเดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งเป็นสายที่เปิดใช้งานแล้วในปัจจุบัน ถ้าดูจากแผนที่ตั้งของแต่ละโครงการก็จะเห็นว่า ไม่ได้ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงมากนัก ทั้ง 3 โครงการต้องบอกว่า เดินทางสะดวกมากไม่ว่าเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือจะเป็นการเข้าสู่ใจกลางเมืองด้วยรถส่วนตัว  ถนนราชพฤกษ์, ถนนกาญจนาภิเษก และทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ก็ถือว่าเป็นเส้นทางสายสำคัญที่จะทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิมค่ะ ในรัศมีใกล้ๆ โครงการ “Pleno ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ” “Pleno ราชพฤกษ์” และ “บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม 5” แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณูปโภค และแหล่งช็อปปิ้งมากมายเลยทีเดียวค่ะ เด่นๆ เลยคือช่วงวงเวียนพระราม 5 ซึ่งเป็นบริเวณที่รวมแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ ไว้ทั้ง The Walk, The Cystal, Home Pro และ Home Work โดยแต่ละห้างก็มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ อันเป็นแหล่งจับจ่ายของใช้เข้าบ้านได้เป็นอย่างดี นอกจากบริเวณวงเวียนพระราม 5 แล้ว ขยับออกมาอีกนิดตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็มีทั้งห้างเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์, Big C เลยไปอีกทางจนถึงบางใหญ่ก็ยังมี เซ็นทรัล West Gate, Index Living Mall และ Ikea ที่จัดเป็นแหล่งช็อปปิ้งยักษ์ใหญ่ประจำย่านเลยทีเดียว ใครที่คุ้นชินกับทำเลในแถบนี้ จะเห็นชัดเจนเลยว่า ความเจริญขยายตัวออกมาอย่างรวดเร็ว โซนราชพฤกษ์, ชัยพฤกษ์ และ พระราม 5 นี้ มีโครงการบ้านเกิดขึ้นมากมาย ร้านค้า ร้านอาหารเริ่มมีให้เห็นหนาตามากกว่าแต่ก่อน ยิ่งมีการเปิดใช้ “ทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก” เข้ามาอีก การจะตัดเข้าสู่โซนวิภาวดี, จตุจักร, ลาดพร้าว จึงประหยัดเวลาเดินทางขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ ใครที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อบ้านในย่านนี้ แนะนำให้ลองเลือกดูจาก 3 โครงการนี้เลยค่ะ ว่าโครงการไหนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณในกระเป๋ามากกว่ากัน ถ้างบประมาณเริ่มต้นจำกัดหน่อย “Pleno ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ” อาจจะเป็นคำตอบที่ดี ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1.69 ล้านบาทเท่านั้น กับทำเลที่เดินทางได้สะดวก มีรถไฟฟ้าอยู่ไม่ไกล หรือจะขยับมาที่ “Pleno ราชพฤกษ์” ก็ไม่เลวนะคะ ใกล้วงเวียนพระราม 5 มากหน่อย เดินทางเข้าออกเมืองได้หลายเส้นทาง ในราคาเริ่มต้นที่ 2.09 ล้านบาท แต่ถ้าอยากได้บ้านหลังใหญ่ และมีพื้นที่ใช้มากขึ้น เราแนะนำ “บ้านกลางเมือง ราชพฤษ์- พระราม 5” เลยค่ะ ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท คุณจะได้บ้านทาวน์โฮมที่หรูหรา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสมราคาที่จ่ายไป มาดูกรุ๊ปที่สองกันบ้าง เน้นการเดินทางเข้าเมืองด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก บนทำเลสวยใกล้ถนนวงแหวน ซึ่งได้แก่ บ้านกลางเมือง สาทร - สุขสวัสดิ์ Pleno สุขุมวิท-บางนา ทำเลของโครงการในกรุ๊ปที่สองนี้ ต้องบอกว่าโดดเด่นมากๆ ค่ะ “บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์” ตั้งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ส่วนต่อขยายในอนาคต เตาปูน-ราษฏร์บูรณะ) รอบๆ โครงการเดินทางได้สะดวกมากๆ ทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร, สะพานภูมิพล รวมถึงถนนวงแหวน กาญจนาภิเษก แถมยังแวดล้อมไปด้วยสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้ง แหล่งช็อปปิ้ง สถาบันการศึกษาชั้นนำ รวมถึงสถานพยาบาลเอกชนอีกหลายแห่ง เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเป็นที่สุดค่ะ ในขณะที่ “Pleno สุขุมวิท-บางนา” ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยทำเลที่ดีที่สุดบนถนนบางนา-ตราด (กม.7) ซึ่งพร้อมสำหรับการอยู่อาศัย สามารถเดินทางได้สะดวกเพราะมีเส้นทางลัดไปออก Mega Bangna ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การเดินทางเข้าออกเมืองเป็นเรื่องง่ายนิดเดียวค่ะ เพราะมีทั้งนถนนบางนา-ตราด และถนนวงแหวน กาญจนาภิเษกอยู่ใกล้แค่เอื้อม นอกจากนี้รอบๆ โครงการยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว รวมไปถึงสนามกอล์ฟ และสถานพยาบาลชั้นนำ แน่นอนว่า 2 โครงการในกรุ๊ปนี้ มีความแตกต่างกันค่อนข้างมากในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ราคา และกลุ่มเป้าหมาย แต่ความเพียบพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยนั้นดีไม่แพ้กันเลยนะคะ โครงการ “Pleno สุขุมวิท-บางนา” เปิดราคาเริ่มต้นมาที่ 2.99 ล้านบาท โครงการทำเลดีเกินราคา ซึ่งพร้อมกับฟังก์ชั่นบ้านแบบใหม่ที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในตัวบ้านให้มากขึ้น เพื่อการอยู่อาศัยที่รื่นรมย์กว่าเดิม ส่วนในฝาก “บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์” ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8.99 ล้านบาท แต่ก็โดดเด่นด้วยแบบบ้านที่มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ คือ บ้านแฝด X-Trend ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะสุดๆ และบ้านทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ล่าสุดของบ้านกลางเมือง ซึ่งเพิ่มฟังก์ชั่นให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอยได้ตามต้องการค่ะ ส่วนกรุ๊ปสุดท้ายนี้ ยังคงเน้นกลุ่มที่ใช้รถส่วนตัว เพราะทำเลสะดวกในการเดินทางเข้าเมืองด้วยทางด่วนค่ะ ได้แก่ Pleno พหลโยธิน-รังสิต Pleno พหลโยธิน-วัชรพล Pleno รามอินทรา-วงแหวน บ้านกลางเมือง รามอินทรา-วัชรพล บ้านกลางเมือง ลาดพร้าว - เสรีไทย บ้านทั้ง 5 โครงการนี้ จะตั้งอยู่ในค่อนไปทางโซนเหนือของกรุงเทพนะคะ ซึ่งทุกโครงการในกรุ๊ปนี้จะเน้นที่การเดินทางที่สะดวก ที่ตั้งอยู่ใกล้กับทางด่วน เกือบทั้งหมดอยู่ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก ยกเว้นโครงการ “Pleno พหลโยธิน-รังสิต” ที่ฉีกไปอยู่ทางด้านทางด่วนโทลเวย์ดอนเมืองค่ะ ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าทำเลทั้งหมดจะปักหมุดอยู่ใกล้กับเส้นทางหลักๆ ในการเดินทางเข้าออกเมืองที่สะดวกและรวดเร็วนั่นเอง แบบบ้านของ AP ที่เลือกมานั้น ต้องบอกว่าเป็นแบบที่สวยโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดีทุกตัว โครงการ Pleno ในโซนนี้ จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.19-2.49 ล้านบาทค่ะ โดยทั้ง 3 โครงการนี้จะเน้นพื้นที่สีเขียวรอบโครงการ ที่จะทำให้บรรยากาศร่มรื่นเหมาะกับการอยู่อาศัยมากขึ้นค่ะ ในขณะที่โครงการบ้านกลางกรุงทั้งสองทำเล มีราคาเริ่มต้นเพียง 3.89 ล้านบาทเท่านั้น ด้วยราคาเริ่มต้นเพียงเท่านี้ แต่ได้บ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า บ้านกลางเมืองในโซนนี้ดูจะคุ้มค่าคุ้มราคามากค่ะ ด้วยทำเลที่ตั้งที่ไม่ได้หนีกันมากกับโครงการอื่นๆ ในกรุ๊ปเดียวกัน เราเชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะเทใจให้กับบ้านกลางเมืองมากกว่าแน่นอน   เป็นอย่างไรบ้างคะ กับกองทัพ “The Phenomenal 10” ที่ AP เตรียมไว้ให้จับจองก่อนใครในวันที่ 19-20 สิงหาคมนี้ ต้องบอกว่าเป็นบ้านทาวน์โฮมที่ตอบโจทย์คนเมืองได้ดีทีเดียวค่ะ ทั้งเรื่องทำเล และราคาเริ่มต้นพิเศษๆ แบบนี้ แคมเปญดีจัดเต็มขนาดนี้เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องอยากจับจองเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน แถมโปรโมชั่นเจ๋งๆ ก็จัดมาให้เพียง 2 วันเท่านั้นเองด้วย สนใจโครงการไหน อย่าลืมคลิกไปลงทะเบียนกันนะคะ https://goo.gl/xRDTVy  แล้วไปเจอกันที่ Sales Gallery ทั้ง 10 โครงการนี้กันเลย
‘เอพี ไทยแลนด์’ โชว์ผลงาน 7 เดือนแรก สร้างยอดขายสูงกว่า 23,200 ล้านบาท เตรียมเปิดตัว 18 โครงการใหม่มูลค่า 28,750 ล้านบาท

‘เอพี ไทยแลนด์’ โชว์ผลงาน 7 เดือนแรก สร้างยอดขายสูงกว่า 23,200 ล้านบาท เตรียมเปิดตัว 18 โครงการใหม่มูลค่า 28,750 ล้านบาท

เอพียิ้มรับผลการรายงานอันดับยอดขายจากสถาบันหลักทรัพย์ชั้นนำของประเทศ ขึ้นแท่นยอดขายครึ่งปีแรกสูงเป็นอันดับ 2 ของตลาดอสังหาฯ หากรวมยอดขายจากโครงการใหม่ ไลฟ์ วัน ไวร์เลส ที่เปิดพรีเซลไปเมื่อ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ดันยอดขายรวม 7 เดือนแรกมากถึง 23,200 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ90% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ พร้อมเดินหน้าลุยเปิดพรีเซล 18 โครงการใหม่ ครั้งแรกกับการเปิดตัวโครงการแนวราบพร้อมกันมากสุด ด้วย 10 ทาวน์โฮมแบรนด์ บ้านกลางเมือง - พลีโน่  เริ่ม 1.69 – 8.99 ล้านบาท และ 7 บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่แบรนด์ เดอะ ซิตี้ - เซนโทร เริ่ม 9.8 - 35 ล้านบาท และ 1 คอนโดใหม่ ไลฟ์ อโศก-พระราม 9 เริ่ม 110,000 บาท/ตารางเมตร นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานั้นถือเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก โดยครึ่งปีแรกบริษัทฯ สามารถสร้าง ยอดขายรวมได้มากเป็นอันดับที่ 2 ของธุรกิจหรือเท่ากับ 15,000 ล้านบาท ซึ่งหากรวมยอดขายจากโครงการใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดพรีเซลไปเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้กับโครงการ LIFE ONE WIRELESS (ไลฟ์ วัน ไวร์เลส) ตลอดจนโครงการอื่นๆ ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายรวม 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.) มากถึง  23,200 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 76% คิดเป็น 89% ของเป้าหมายยอดขายรวม 26,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้ในปีนี้ ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าในช่วงเวลาที่เหลือพร้อมกับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง (5 เดือน ส.ค.-ธ.ค.) จำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวม 28,750 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบจำนวน 17 โครงการ มูลค่า 19,750 ล้านบาทและ คอนโดมิเนียมร่วมทุนอีก 1 โครงการ  LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9,000 ล้านบาท เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน “เรายังคงโฟกัสที่เป้าหมายใหญ่ในการนำพาเอพีก้าวขึ้นสู่การเป็น TOP 3 Developer ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้กลยุทธ์สำคัญ "คิดและสร้างความแตกต่าง" (AP THINK DIFFERENT) ที่เน้นย้ำจุดแข็งของเอพี คือการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ โดดเด่นด้วยดีไซน์และการจัดสรรพื้นที่ใช้สอย รวมถึงวิสัยทัศน์ในการแบ่งปันองค์ความรู้เพื่อพัฒนาบุคลากรคุณภาพสู่วงการอสังหาฯ ไทย ซึ่งยอดขายที่เกิดขึ้นสะท้อนได้ถึงความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อสินค้าภายใต้การพัฒนาของเอพี โดยในช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือเวลาอีก 5 เดือน เราพร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมโดยเฉพาะโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม เรามีการดีไซน์แบบบ้านใหม่ทั้งหมด มีการสร้าง สรรค์นวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ขึ้นมา ทั้งหน้ากากบ้านและฟังก์ชั่นการใช้งานภายใน ซึ่งเชื่อมั่นว่าทั้งหมดนี้จะช่วยดันยอดขายให้เกินเป้าที่ตั้งไว้” ปี 2560 บริษัทฯ​ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 25 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 49,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่า 12,350 ล้านบาท ทาวน์โฮม 13 โครงการ มูลค่า 12,550 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 24,100 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวไปแล้วทั้งสิ้น 7  โครงการ โดยโครงการที่เปิดตัวล่าสุดคือ  LIFE ONE WIRELESS (ไลฟ์ วัน ไวร์เลส) มูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดพรีเซลไปแล้วเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้มูลค่า  6,466 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง (5 เดือน ส.ค.-ธ.ค.) บริษัทฯ พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่อีกจำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวม 28,750 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบมากถึง 17 โครงการ มูลค่า 19,750 ล้านบาท (บ้านเดี่ยว 7 โครงการ และทาวน์โฮม 10 โครงการ) และคอนโดมิเนียมร่วมทุน  1 โครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะพร้อมเปิดพรีเซลระหว่างช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ทั้งนี้ ในส่วนของแนวทางการดำเนินงานในการพัฒนาสินค้าแนวราบนอกจากการมุ่งสร้างความแตกต่างแล้ว บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายให้บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเครือเอพีต้องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวคนเมือง (THE ULTIMATE CHOICE FOR URBAN FAMILY) ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของจุดแข็งในการเป็นหนึ่งเดียวเรื่องทำเลที่ตั้ง การสร้างความต่างด้วยการออกแบบสินค้าที่ตอบความต้องการลูกค้าเฉพาะกลุ่มภายใต้มาตรฐานคุณภาพ ผ่านบ้านเดี่ยวแบรนด์ THE CITY และ CENTRO  พร้อมสานต่อความสำเร็จของแบรนด์ ‘บ้านกลางเมือง’ ในการเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮม ไฮเอนต์ 3 ชั้นในเมือง และการบุกตลาด PREMIUM AFFORDABLE ทาวน์โฮมราคา 2-4 ล้านบาท ด้วยแบรนด์พลีโน่ (PLENO) ในช่วงครึ่งปีหลัง 5 เดือนที่เหลือ (ส.ค.-ธ.ค.) นี้บริษัทฯ เตรียมจัดงานเปิดตัว 17 โครงการแนวราบ ณ สำนักงานขายของทุกโครงการ โดยทั้ง 17 โครงการล้วนมีความพิเศษในเรื่องของนวัตกรรมดีไซน์ที่ได้รับพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าในแต่ละทำเล โดยวันที่ 19-20 สิงหาคมนี้กับงาน THE PHENOMENAL 10 กับครั้งแรกในการเปิดตัว 10 ทาวน์โฮมใหม่ใจกลางเมืองแบรนด์ “บ้านกลางเมือง และพลีโน่” พร้อมกัน พบราคาพรีเซลพร้อมข้อเสนอทางการเงินจ่ายน้อย คืน 100% และรับส่วนลดเพิ่ม 100,000 บาทเมื่อลงทะเบียนล่วงหน้า ได้แก่ (1) บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์ (2) บ้านกลางเมือง ลาดพร้าว-เสรีไทย (3) บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม 5  (4) บ้านกลางเมือง รามอินทรา-วัชรพล (5) พลีโน่ ราชพฤกษ์ (6) พลีโน่ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ (7) พลีโน่ พหลโยธิน-รังสิต (8) พลีโน่ สุขุมวิท-บางนา (9) พลีโน่ รามอินทรา-วงแหวน และ (10) พลีโน่ พหลโยธิน-วัชรพล เริ่ม 1.69-8.99 ล้านบาท พร้อมงานพรีเซลเปิดตัว 7 บ้านเดี่ยวโมเดลใหม่ ในวันที่ 29-1 ตุลาคมนี้ ประกอบด้วยแบรนด์ THE CITY บ้านเดี่ยวเพื่อครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับ 4 พิกัดใหม่ (1) THE CITY พัฒนาการ (2) THE CITY บางนา-กม.7 (3) THE CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ (4) THE CITY ปิ่นเกล้า - บรมฯ ราคาเริ่ม 9.8-35 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวแบรนด์ CENTRO สำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่กับ 3 พิกัดใหม่ (5) CENTRO บางนา-กม.7 (6) CENTRO พหล-วิภาวดี (7) CENTRO รามอินทรา-จตุโชติ เริ่ม 4.99-15 ล้านบาท พิเศษลงทะเบียนและจองในงานพรีเซลรับ Iphone 8 และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับคอนโดมิเนียม LIFE อโศก-พระราม 9 บริษัทฯ พร้อมเปิดพรีเซลในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้เช่นกัน  “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย”
คอนโด Life ๑ Wireless : รีวิวคอนโด

คอนโด Life ๑ Wireless : รีวิวคอนโด

Life ๑ Wireless คอนโด High Rise สูง 43 ชั้น สไตล์ Modern Thai Colonial ใกล้ Central Embassy และ BTS เพลินจิต จาก AP Thailand รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น     4,900,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร    175,000 บาท/ตร.ม. เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 43 ชั้น พื้นที่โครงการ    4-2-47.1 ไร่ จำนวนห้อง    1,344 ยูนิต ที่จอดรถ    566 ไม่รวมซ้อนคัน ที่ตั้งโครงการ    ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ปีที่สร้างเสร็จ    ปี 2563 สถานที่สำคัญใกล้เคียง Central Embassy Central Chidlom Gaysorn Village Central World โรงแรม Park Hyatt Bamrungrad International Hospital โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย สถานฑูตอเมริกา สวนลุมพินี โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 24-28 ตร.ม. 1 Bedroom ขนาด 35-45 ตร.ม. 2 Bedroom ขนาด 63 ตร.ม. แบบ Studio มีขนาดตั้งแต่ 24-28 ตร.ม. แบบ Studio มีขนาดตั้งแต่ 24-28 ตร.ม. 1 Bedroom Type 35A ขนาด 35 ตร.ม. 1 Bedroom Type 35A ขนาด 35 ตร.ม. แบบ 1 Bedroom Type 38A ขนาด 38 ตร.ม. แบบ 1 Bedroom Type 38B ขนาด 38 ตร.ม. แบบ 1 Bedroom Type 38C ขนาด 38 ตร.ม. แบบ 1 Bedroom Type 43 ขนาด 43 ตร.ม. 2 Bedroom Type 45A ขนาด 45 ตร.ม. แบบ 2 Bedroom Type 45B ขนาด 45 ตร.ม. แบบ 2 Bedroom Type 63A ขนาด 63 ตร.ม. แบบ 2 Bedroom Type 63B ขนาด 63 ตร.ม. แบบ 2 Bedroom Type 63C ขนาด 63 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก One Wireless Botany / Cascade Garden and High Garden Promenade more than 1 rai Amphitheater Wireless Social Club and Leisure Theater Lounge with Sky View Lobby Dazzling Swimming Pool Panoramic View and Fitness สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.apthai.com/