Tag : AP Thailand

18 ผลลัพธ์
รีวิวทาวน์โฮม รามอินทรา “บ้านกลางเมือง รามอินทรา” ความสมบูรณ์แบบของการอยู่อาศัย

รีวิวทาวน์โฮม รามอินทรา “บ้านกลางเมือง รามอินทรา” ความสมบูรณ์แบบของการอยู่อาศัย

Feel @ Ramintra ถ้าจะหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัวสักหลัง สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือการเดินทางไปไหนมาไหนได้ สะดวกสบายที่สุด ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นทางด่วน และรถไฟฟ้าใช่ไหมคะ? ทางด่วนใกล้บ้านเราเชื่อมต่อเข้าไปถึงในเมือง เพื่อความสะดวกเวลาทำงาน หรือไปสนามบิน ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดได้ง่าย ยิ่งถ้ามีรถไฟฟ้าผ่านด้วยแล้วล่ะก็ จะยิ่งทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางที่ดีเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรากำลังพูดถึงโซนรามอินทราค่ะ เพราะสามารถใช้ ทางด่วนฉลองรัช หรือกาญจนาภิเษกได้ง่าย ในอนาคตก็กำลังจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย - มีนบุรี ผ่านตลอดทั้งถนน โดยตอนนี้กำลังก่อสร้างไปแล้วคาดว่าจะเปิดให้บริการประมาณปี 2564 จะมีอะไรสะดวกสบายไปกว่านี้ล่ะคะ Fine @ Facility    สิ่งอำนวยความสะดวกก็สำคัญไม่แพ้การเดินทาง เพราะก็คงไม่มีใครอยากฝ่ารถติดขับรถออกไปไกลๆ เสียเวลาเป็นวัน เพียงเพื่อไปหาซื้อของต่างๆ หรือหาอาหารรับประทานซักมื้อ ซึ่งในโซนรามอินทราเองก็มีความสะดวกมากพอ และมีห้างร้านให้เลือกหลากหลาย ตามแต่ความต้องการ จะมีอะไรน่าสนใจบ้างลองตามไปชมด้วยกันค่ะ   Fashion Island และ The Promenade Fashion Island และ The Promenade อยู่ติดกันเลยค่ะ เดินเชื่อมต่อกันได้เลย เป็นห้างสรรพสินค้าที่ครองความนิยม อย่างไม่เสื่อมคลายของชาวรามอินทรา ไม่ใช่แค่มีทุกอย่างครบครันในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต  ร้านค้า-บริการ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ฟิตเนส นอกจากนั้นยังขยันมี Event หมุนเวียนกันมาชวนให้เดินเล่นอยู่ตลอด ซึ่งบริเวณด้านหน้าก็จะคึกคักเกือบจะตลอดเวลาเลยค่ะ มีรถสาธารณะอยู่หลากหลายเส้นทาง หรือใครที่ใช้รถยนต์ ก็สะดวกมาก เพราะสามารถเข้าสู่ถ.กาญจนาภิเษก ได้ใกล้นิดเดียว หรือจะเลือกไปทางถ.รัชดา-รามอินทรา เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการเดินทางแห่งหนึ่งของโซนนี้เลยค่ะ   CentralPlaza Ramindra เป็นห้างสรรพสินค้าอีกแห่งที่น่าสนใจในย่านนี้ค่ะ ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ก็การันตีอยู่แล้ว ประกอบกับทำเลที่อยู่ใกล้กับ วงเวียนหลักสี่ ซึ่งในอนาคตอีกไม่กี่ปีก็จะกลายเป็นอีกจุด Interchange สำคัญ ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (ส่วนต่อขยาย) กับสายสีชมพูแคราย - มีนบุรี และจะเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางจากชานเมืองเข้าสู่ตัวเมืองได้ง่ายมากขึ้น     Ease Park คอมมูนิตี้มอลล์ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับใครที่แค่อยากจะซื้อของในซุปเปอร์มาร์เกต หาอะไรทาน หรือแค่ Drive thru มารับกาแฟไปดื่ม ไม่ต้องเสียเวลาวนหาที่จอดรถนานๆ ไม่ต้องเปลืองเวลาเดินให้เมื่อย Ease Park จึงเป็นอีก หนึ่งคำตอบที่ดีของคนในย่านนี้ค่ะ   Cr.ภาพจาก FB:ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา เปลี่ยนบรรยากาศมาเดิน Night Market บนพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าเป็นตลาดนัดช่วงกลางคืน ตั้งแต่ยุคแรก ของบ้านเราที่มีมาหลายปี มีผู้คนมาเดินจับจ่ายใช้สอยเยอะแทบทุกวัน เพราะเป็นแหล่งชอปสุดชิว มีสินค้าหลากหลาย เต็มไปด้วยของกินอร่อยๆ เพียบ เปิดทุกวันตั้งแต่ช่วงเย็นเดินกันจนเมื่อยยาวไปถึงตีสอง นอกจากนี้ที่ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม หรือเรียกกัน ติดปากว่าเลียบด่วนรามอินทราแห่งนี้ ยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร บรรยากาศดี คอมมูนิตี้ ห้างสรรพสินค้า อีกมากมาย หลายแห่ง แต่ก็ไม่แปลกนะคะที่ได้รับความนิยมกันมากขนาดนี้ เพราะเป็นถนนที่มีทางด่วนฉลองรัชพาดผ่านตลอดทั้งสาย การเดินทางก็ทั้งง่ายทั้งสะดวกขึ้นอีกเยอะ   Cr.ภาพจาก FB:Siamparkcity สวนสยามทะเล-กรุงเทพฯ Cr.ภาพจาก FB:Safari World Fun @ สวนสยาม และซาฟารีเวิลด์ ลองนึกดูนะคะ ในกรุงเทพฯ จะมีสักกี่แห่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนไม่ไกลจากบ้านเรา ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ส่วนมากก็จะนึกอะไรไม่ออกเลยนอกจากไปเดินห้าง แต่ถ้าลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเล่นสวนน้ำ สนุกกับเครื่องเล่น หรือโชว์ของเหล่าสัตว์แสนรู้ อย่างสวนสยาม และซาฟารีเวิลด์แล้วล่ะก็รับรองว่าจะได้อีกบรรยากาศในการพักผ่อน หย่อนใจชิวๆ แบบที่ตัวเมืองกรุงเทพฯ ชั้นในไม่มีอย่างนี้แน่นอนค่ะ ยิ่งหากครอบครัวไหนมีลูกหลานแล้วล่ะก็ พาออกไปเรียนรู้นอกห้องเรียนด้วยตัวเอง แถมยังใกล้บ้านก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีอีกรูปแบบหนึ่งนะคะ   ทาวน์โฮม รามอินทรา "บ้านกลางเมือง รามอินทรา" ทาวน์โฮมโมเดลใหม่ล่าสุด Luxurious Master Bedroom Multi-Functional Room 3 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 145 ตารางเมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 18 ตร.วา ฟังก์ชั่นตอบสนองความเป็นส่วนตัว ด้วยพื้นที่ชั้น 3 ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้เต็มพื้นที่ ภายในโครงการได้ความเงียบสงบภายในโครงการบนพื้นที่กว่า 23 ไร่ ซึ่งจะมีสวนสาธารณะ และสวนหย่อมกระจายอยู่ในโครงการรวมแล้วกว่า 1 ไร่ พร้อมมีสโมสรส่วนกลางที่มีทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส อุ่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง, ระบบ Katsan และ กล้อง CCTV ตรงทางเข้า–ออกโครงการ     บ้านกลางเมือง รามอินทรา ตั้งอยู่ภายในซ.กาญจนาภิเษก 6/1 ท่ามกลางทำเลที่ตั้งแวดล้อมไปด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ใกล้ทางด่วน 2 สาย ทั้งถ.กาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก) ซึ่งจะไปเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ได้ และทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ (จตุโชติ) ที่จะพาเข้าสู่ย่านใจกลางเมืองได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นพระราม 9 เอกมัย ทองหล่อ และถนนสุขุมวิท โดยเส้นทางหลักที่ใช้เดินทางเข้าสู่ตัวโครงการ คือ ถ.คู้บอน แล้ววิ่งเส้นคู่ขนานกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ซ.กาญจนาภิเษก 6/1 ที่สำคัญค่ะ ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีคู้บอน อยู่ตรงปากทางเข้าถ.คู้บอนพอดี ก็จะยิ่งทำให้มีทางเลือกในการเดินทางได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น   พาชมทาวน์โฮม รามอินทรา "บ้านกลางเมือง รามอินทรา" เมื่อเข้ามาในซ.กาญจนาภิเษก 6/1 ก็จะพบว่าทางเข้าโครงการบ้านกลางเมือง รามอินทรา จะอยู่ติดกับโครงการ Pleno รามอินทรา โดยจะมี Main Gate ที่พร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. กล้อง CCTV ซึ่งสามารถเข้าไปชมบ้านตัวอย่างและส่วนกลางจริงภายในโครงการกันได้แล้วค่ะ    ก่อนอื่นเราจะพาไปชม Club House สีขาวโดดเด่นท่ามกลางบรรยากาศของสวนสีเขียว ใช้เส้นสายโค้งมนส่งไปถึงลายฉลุบนตัวอาคาร ซึ่งเมื่อไรที่กระทบกับแสงอาทิตย์ก็จะเกิดเป็น Shadow&Shade ผสานกันระหว่างสวนธรรมชาติกับสถาปัตยกรรมกลางโครงการ เมื่อก้าวเข้าสู่ตัว Club House ชั้นล่าง เราจะถูกต้อนรับด้วยเสียงของน้ำจาก SALT SYSTEM SWIMMING POOL ริมสระใต้ร่มเงาของอาคารมี Sunbed ให้ได้นอนพักอย่างผ่อนคลาย ส่วนใครที่ชอบออกกำลังกายแบบ ACTIVE ขึ้นมาอีกก็จะมีห้องฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ เพดานสูงบวกกับกระจก Full Height ล้อมรอบให้ได้ชมวิวธรรมชาติภายนอกไปด้วยอยู่ที่ชั้น 2      ได้เวลาเข้าไปชมทาวน์โฮมตัวอย่างกันแล้วค่ะ โดยตัวทาวน์โฮมจริงที่ลูกบ้านจะได้นั้นมีกันสาดบริเวณลานจอดรถหน้าบ้านแบบพับเก็บได้ ชุดสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทุกห้อง ปั๊มน้ำ แทงค์น้ำ และเครื่องปรับอากาศ Daikin พร้อมติดตั้งมาให้ พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังฉาบเรียบทาสีขาว โดยหน้าบ้านจะสามารถจอดรถยนต์ได้ 2 คัน มีเฉลียงหน้าบ้านสำหรับวางรองเท้า และใช้ประตูทางเข้าหลักเป็นกระจกบานเลื่อนพร้อมระบบ Double Lock    เข้าสู่ชั้นแรกในตัวทาวน์โฮมจะพบกับพื้นที่กว้างๆ สำหรับจัดเป็น Living Room และเชื่อมต่อลึกเข้าไปด้านในก็สามารถทำเป็น Kitchen Room ลักษณะแบบครัวเปิด พร้อมพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 4-6 ที่นั่งได้สบายๆ โดยจะมี Powder Room ที่ใช้ประตูเลื่อนบานทึบอยู่ระหว่าง Living Room กับ Kitchen Room เหมาะสำหรับใช้เพื่อรับแขก จึงไม่จำเป็นต้องมีส่วนเปียกค่ะ ซึ่งห้องน้ำทุกห้องจะมีหน้าต่างกระจกฝ้าบานกระทุ้งด้านบนเหนือศรีษะด้านในสุดของห้อง เพื่อเพิ่มแสงเข้ามาภายใน และยังช่วยให้เปิดระบายความอับชื้นได้ดีอีกด้วย              ด้านในสุดของชั้นแรกนี้จะมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นก่อนออกไปทางหลังบ้าน แต่หากเป็นที่ดินแปลงมุมก็จะได้ประตูกระจกด้านข้างเพิ่มอีก ช่วยให้ออกไปยังพื้นที่ข้างบ้านได้สะดวกขึ้น และยังช่วยเพิ่มแสงธรรมชาติเข้าสู่ด้านในให้ดูโปร่งยิ่งขึ้นด้วยนะคะ โดยสำหรับบ้านตัวอย่างหลังนี้พื้นที่บริเวณหลังบ้านจะถูกจัดให้เป็น Glass House ในบรรยากาศนั่งจิบชาท่ามกลางสวนส่วนตัวในบ้าน ก็เป็นอีกไอเดียแต่งทาวน์โฮมที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ทีเดียวค่ะ   ขึ้นมาบนชั้น 2 กันบ้างค่ะ ตัวพื้นจะปูด้วยลามิเนต ซึ่งประกอบไปด้วยห้องนอน 2 ห้อง แยกเป็นฝั่งทางหน้าบ้านกับทางหลังบ้าน ส่วนบริเวณตรงกลางจะเป็นห้องน้ำค่ะ ก่อนอื่นเข้าไปชมที่ห้องนอนแรกทางฝั่งหลังบ้านกันก่อนค่ะ จะเป็นห้องที่มีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนอยู่กลางห้อง มีมุมสำหรับ Built in ตู้เสื้อผ้าได้พอดี พื้นที่ภายในห้องสามารถวางเตียงขนาด 3.5-5 ฟุตได้ พร้อมกับโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงาน ถือว่าเป็นห้องนอนขนาดเริ่มต้นของบ้านที่ได้ขนาดกำลังดีเลยค่ะ   ห้องน้ำจะแยกส่วนเปียก-แห้ง ออกจากกัน โดยจะใช้สุขภัณฑ์จาก American Standard ครบชุดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง ก๊อกน้ำ โถสุขภัณฑ์ แกนใส่ทิชชู่ สายชำระ ฝักบัว และยังมีกระจกเงาติดตั้งมาให้ด้วย พื้นและผนังห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิคแบบที่เห็นนี้เลยค่ะ   ห้องนอนที่ 2 ฝั่งหน้าบ้านจะได้ระเบียงส่วนตัวเพิ่มขึ้นมา โดยกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ส่วนระเบียงจะกั้นด้วยราวกันตกเป็นเหล็กโปร่ง   ขึ้นมาชั้นบนสุดของบ้านค่ะ ซึ่งที่ชั้น 3 นี้จะมีทั้งห้องอเนกประสงค์ เป็นพื้นที่เปิดโล่งอยู่ด้านนอกใกล้กับบันได ห้องน้ำ และ Master Bedroom เป็นชั้นที่เหมาะสำหรับคุณพ่อ-คุณแม่ ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีกหน่อย เพราะห้องอเนกประสงค์สามารถดัดแปลงได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นแยกออกมาจากชั้นล่าง ห้องทำงาน ฯลฯ ซึ่งจะได้ความโปร่ง ไม่ดูทึบจนเกินไป   สำหรับห้องน้ำของชั้น 3 จะออกแบบมาให้เป็นประตูแบบ Double Access เชื่อมต่อระหว่างห้องอเนกประสงค์ด้านนอก กับส่วน Walk In Closet  ภายในห้อง Master Bedroom ส่วนสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทางโครงกรจะติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานค่ะ ทั้งอ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง เสริมตู้เก็บของไว้ด้านล่าง โถสุขภัณฑ์ สายชำระ แกนใส่ทิชชู่ ส่วนเปียกด้านในสุดก็ติดตั้งฝักบัวเอาไว้ พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ตลอดแนวผนังส่วนแห้ง    สุดท้ายที่ Master Bedroom ของจะมีส่วน Walk In Closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำ มีพื้นที่สามารถ Built in ตู้เสื้อผ้าได้มากขึ้นตลอดแนวผนัง และมีระเบียงส่วนตัวออกไปยังฝั่งหน้าบ้าน โดยจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ราวกันตกเหล็กโปร่งแบบเดียวกันกับระเบียงชั้น 2 ถือเป็นชั้นที่ได้ความสะดวกสบายที่สุดค่ะ    รามอินทราเป็นย่านเดียวที่ให้ความรู้สึกครบทั้ง Feel Fun Fine มีสีสันหลากหลายครบครันสำหรับทุกคนในครอบครัว เฉกเช่นเดียวกันกับ “บ้านกลางเมือง รามอินทรา” ที่มีพื้นที่สามารถรองรับทุกคนในครอบครัวได้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน สวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ทุกสิ่งก็พร้อมสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.79 ล้านบาท   เปิดจองโซนใหม่ หน้าคลับเฮ้าส์ #เป็นเจ้าของบ้านได้ง่าย ผ่อนล้านละ 1,000 บาท* ส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท* ฟรี เครื่องปรับอากาศ* และค่าจดจำนองการโอน* ภายใน 30มิถุนายน 62 นี้เท่านั้น (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) รายละเอียดโครงการทาวน์โฮม รามอินทรา "บ้านกลางเมือง รามอินทรา" บ้านกลางเมือง รามอินทรา โครงการอื่นๆ จาก AP (Thailand) บ้านกลางเมือง บางนา-วงแหวน Pleno รามอินทรา บางชัน สเตชั่น Pleno ราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ  
‘เอพี ไทยแลนด์’ สุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชน บริษัทอันดับ 1 ที่คนไทยเชื่อถือที่สุด

‘เอพี ไทยแลนด์’ สุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชน บริษัทอันดับ 1 ที่คนไทยเชื่อถือที่สุด

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ครองตำแหน่งองค์กรและแบรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้บริโภคไทยให้ความชื่นชมและเชื่อถือมากที่สุด ในหมวดอสังหาริมทรัพย์ จากผลการสำรวจเพื่อเฟ้นหา ‘สุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชนปี 2019 (Thailand’s Most Admired Brand 2019)’ รางวัลการันตีแรกในปี 2019 ที่นำไปสู่เป้าหมายหลัก ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘AP WORLD’ ผู้สร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี มีสินค้าและบริการคุณภาพครอบคลุมทุกความต้องการเชิงลึกของตลาดอย่างแท้จริง ผ่านกระบวนการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า“รางวัลสุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชนปี 2019 (Thailand’s Most Admired Brand 2019) ที่ทางเอพี ไทยแลนด์ได้รับจากงานวิจัยโดยนิตยสารแบรนด์เอจนั้น ถือว่าสะท้อนภาพความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคคนไทยมีต่อสินค้าและบริการในเครือเอพี ไทยแลนด์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจากผลวิจัย 3 อันดับแรกที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนไทยนั้น ประกอบด้วยระบบการรักษาความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ซึ่งเอพี ไทยแลนด์ได้รับการโหวตจากผู้บริโภคให้เป็นอันดับ 1 ใน 3 ประเด็นที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในยุคปัจจุบัน นับเป็นความสำเร็จต่อเนื่องจากการเป็น ‘องค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อันดับ 1 ในใจผู้บริโภคประจำปี 2018 (The Most Admired Company 2018)’ เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยเราเชื่อว่าความสำเร็จของ เอพี ไทยแลนด์เกิดจากการเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งประกอบกับการนำประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 27 ปี มาคิดวิเคราะห์ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นทั้งในด้านนวัตกรรม การออกแบบ แผนพัฒนาโครงการ กระบวนการทำงาน ตลอดจนการดูแลหลังการขาย โดยมีเป้าหมายให้ลูกบ้านในเครือเอพีรู้สึกว่าเขาไม่ได้เพียงซื้อบ้าน แต่ทุกคนในครอบครัวได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีจากเอพี”   “กระบวนการที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติของการอยู่อาศัย ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคำว่า คุณภาพชีวิต ทุกคนตีความในมุมมองที่แตกต่างกัน อีกทั้งมิติของคำว่าคุณภาพชีวิตยังสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับความสำคัญที่คนในสังคมคำนึงถึง อย่างเช่น วันนี้เรื่อง PM 2.5 กลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพชีวิตไปแล้ว ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเราอาจจะยังไม่รู้เลยว่า PM 2.5 คืออะไร และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตเพียงใด ดังนั้น คำตอบในเรื่องคุณภาพชีวิตเปลี่ยนแปลงได้ตามบริบททางสังคมที่เราอยู่ เพราะฉะนั้นกระบวนการค้นหาความต้องการแฝง หรือ Unmet Need จึงมีความสำคัญมากต่อการพัฒนานวัตกรรมที่นำมาสู่พิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในที่สุด” นายวิทการ กล่าว   ทั้งนี้ จากการขยายวิสัยทัศน์ไปสู่การเป็นองค์กรที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนในสังคม ภายใต้แนวคิด AP WORLD, A Vision for Quality of Life นั้น ถือเป็นการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับเอพี ไทยแลนด์ อีกทั้งยังเอื้อต่อการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างที่มากขึ้น ผ่านการดำเนินธุรกิจในเครือ 6 รูปแบบ  1) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สําหรับคนเมือง คลอบคลุมสินค้าทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดและทาวน์โฮม ราคาเริ่ม 2 ล้านจนถึง 50 ล้านขึ้นไป 2) ธุรกิจที่ปรึกษาด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการคลอบคลุม ทั้งการรับฝากขาย ฝากเช่า ทั้งในและต่างประเทศ 3) ธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ดูแลคุณภาพชีวิตในโครงการต่างๆ ทั้งที่อยู่ในเครือเอพีและบริษัทอื่นๆ รวมถึงอีก 3 ธุรกิจใหม่ที่ได้จัดตั้งขึ้น 4) ธุรกิจสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพชีวิต ลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินชีวิตมอบประสบการณ์ใหม่ 5) ธุรกิจการพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบของคนในสังคม 6) ธุรกิจการศึกษาดิสรัปวิธีการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคนในสังคมด้วยกระบวนการใหม่ๆ ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจากวิสัยทัศน์ที่มุ่งสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในสังคม ประสานกับความแข็งแกร่งในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการขยายไปยังธุรกิจใหม่ๆ จะต่อยอดให้เอพี ไทยแลนด์ยังคงเป็นองค์กรและแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคไทยต่อไป   “เอพีผสานนวัตกรรมเข้าไปในทุกๆ กระบวนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงวิธีคิดของคนในองค์กรในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะทำให้ทุกคนในสังคมได้ประโยชน์สูงสุด เราใส่ใจในทุกขั้นตอน ด้วยเหตุนี้แบรนด์ของเอพีจึงได้รับรางวัล ‘สุดยอดแบรนด์ครองใจมหาชนปี 2019 (Thailand’s Most Admired Brand 2019)’ โดยนิตยสารแบรนด์เอจ แบรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้บริโภคไทยให้ความชื่นชมและเชื่อถือมากที่สุด ซึ่งเอพี (ไทยแลนด์) ยังคงเดินหน้า และไม่หยุดยั้งในการศึกษาค้นคว้า เพื่อส่งมอบนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่จะสร้างความแตกต่าง ทั้งด้านคุณภาพ ความสะดวกสบาย ความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต พร้อมก้าวสู่เป้าหมายสูงสุด นั่นคือการสร้าง ‘AP WORLD’ พิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ให้เกิดขึ้นอย่างทั่วถึงในสังคม” นายวิทการ กล่าวสรุป    
‘เอพี ไทยแลนด์’ สานต่อวิสัยทัศน์ ‘AP WORLD’ เปิดตัวแนวคิด ‘PROJECT GROW’

‘เอพี ไทยแลนด์’ สานต่อวิสัยทัศน์ ‘AP WORLD’ เปิดตัวแนวคิด ‘PROJECT GROW’

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าและผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัย สานต่อวิสัยทัศน์ ‘AP WORLD’ ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี สร้างพิมพ์เขียวใหม่ให้กับเมืองที่สมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศ (Eco System) ล่าสุดเปิดตัวแนวคิด ‘PROJECT GROW’ ปรัชญาแห่งการสร้างมาสเตอร์แพลนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ผ่านการออกแบบที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่มีสุขภาพกายและใจที่ดี การพัฒนาพื้นที่สีเขียว การรักษาสิ่งแวดล้อม และการเอื้อประโยชน์สู่สังคมรอบข้างอย่างสูงสุด นำร่องแนวคิดการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเมืองด้วยการอนุรักษ์ต้นไม้เก่าอายุกว่า 50 ปีบนที่ดินพัฒนาโครงการ ‘RHYTHM EKKAMAI ESTATE’ เพื่อเติมเต็มคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนและสังคมเมือง เพราะต้นไม้เปรียบเสมือนประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตที่เป็นตัวแทนความทรงจำที่ดี และความผูกพันกับคนในชุมชน พร้อมจับมือพันธมิตรกลุ่มบิ๊กทรีส์ และเครือข่าย ต้นไม้ในเมืองต่อยอดจุดประกายความตระหนักและให้ความรู้ในการดูแลต้นไม้แก่คนรุ่นใหม่ ในงาน ‘AP GROW DAY’ 30 มีนาคมนี้ที่สวนรถไฟ   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตออกซิเจนลดอุณหภูมิ และฟอกอากาศได้ดีจะมีรูปทรงของต้นที่แผ่ร่มเงาในพื้นที่บริเวณกว้าง และมีใบเล็กละเอียด จึงไม่น่าแปลกใจที่ต้นจามจุรีจะได้รับการจัดอันดับให้เป็นต้นไม้ที่ให้ประโยชน์ในด้านสิ่งแวดล้อมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในการอนุรักษ์ต้นไม้ประวัติศาสตร์ทั้ง 3 ต้นในที่ดินโครงการ RHYTHM EKKAMAI ESTATE ถือว่าเป็นความท้าทาย เพราะการเคลื่อนย้ายต้นไม้ใหญ่ ไปพร้อมๆ กับการจัดสรรพื้นที่ในโครงการให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มพื้นที่ และต้องทำอย่างถูกวิธี เพื่อให้ต้นไม้ทุกต้นรอด และสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน”   “จากวิสัยทัศน์ ‘AP WORLD’ ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านการสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้าที่สมบูรณ์ ไปด้วยระบบนิเวศ (Eco System) นั้น ในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สิ่งที่เอพีดำเนินงานยังคงเกี่ยว เนื่องต่อการพัฒนาเมือง และคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างมาก เราจึงไม่สามารถให้ความสำคัญเฉพาะเรื่องของการออกแบบก่อสร้างเพียงอย่างเดียว ‘PROJECT GROW’ จึงถือเป็นปรัชญาที่ทีมเอพีจะนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างมาสเตอร์แพลนในการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ เคียงคู่ไปกับการออกแบบพื้นที่ภายในโครงการ การให้ความสำคัญกับวิธีการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง   การเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสภาพแวดล้อม ตลอดจนการร่วมสร้างสังคมให้ตระหนักรู้ โดยเริ่มต้นจากเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด ซึ่งสำหรับเอพีแล้วเริ่มต้นด้วยการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่ต้องทำควบคู่ไปกับรายละเอียดอื่นๆ ในการพัฒนาโครงการ สำหรับคอนโดมิเนียม RHYTHM EKKAMAI ESTATE ที่เป็นโครงการนำร่องภายใต้แนวคิด ‘PROJECT GROW’ ปรัชญาแห่งการสร้างมาสเตอร์แพลนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนนั้น เอพีมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะรักษาให้ต้นจามจุรีใหญ่ทั้ง 3 ต้น อยู่คู่กับชุมชนย่านเอกมัยตราบนานเท่านาน ในขณะเดียวกัน เรายังคงมองถึงการจัดสรรให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วภายในโครงการสามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด เราจึงตัดสินใจย้ายต้นจามจุรี ที่แต่ละต้นมีขนาดสูงประมาณ 20 เมตร หรือเท่าตึกสูง 8 ชั้น โดยมีคุณธราดล ทันด่วน หรือครูต้อรุกขกรผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่ในงานภูมิทัศน์เมืองมาเป็นที่ปรึกษาและดูแลการย้ายต้นไม้ในครั้งนี้ให้สำเร็จและเติบโตต่อไป” นายวิทการกล่าว   “ถ้าเราดูจากภายนอกเราก็เห็นว่าต้นไม้น่าจะมีสุขภาพดี แต่เมื่อทีมรุกขกรได้ขุดลงไป กลับพบปัญหาเกี่ยวกับรากที่ติดอยู่กับแผ่นปูนใต้ดินทำให้ทีมงานต้องแก้ปัญหาเรื่องรากก่อนเริ่มเคลื่อนย้ายไปปลูกในตำแหน่งใหม่ที่วางไว้ ส่วนอีกต้นหนึ่งพบปัญหาลำต้นเอียงก็ต้องปรับลำต้นให้ตรง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับสิ่งปลูกสร้างในอนาคต ความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพของทุกๆ ฝ่ายจะช่วยสานต่อให้ความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิต ที่ดีให้กับสังคมเมืองภายใต้วิสัยทัศน์ใหญ่ ‘AP WORLD’ ประสบความสำเร็จได้ในเร็ววัน” คุณวิทการ กล่าวสรุป   ล่าสุดเอพี ไทยแลนด์ เตรียมต่อยอด จัดงาน ‘AP GROW DAY’ เพื่อจุดประกายให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ต้นไม้ และสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง มุ่งให้คนกับต้นไม้ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยจับมือกับภาครัฐ, กลุ่มบิ๊กทรีส์, เครือข่ายต้นไม้ในเมือง เพื่อขยายแนวร่วมรักษ์ต้นไม้ ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่ ภารกิจพลิกฟื้นคืนพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองร่วมกับ ‘แพตตี้ - อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา’ ดารานักแสดงคนดัง ตัวแทนคนรุ่นใหม่ครั้งแรกกับการเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจศึกษาธรรมชาติในมุมมองที่สูงกว่า 25 เมตร กับกิจกรรม Tree Climbing ปีนต้นไม้ใต้ร่มเงาจามจุรียักษ์อายุกว่า 50 ปี และกิจกรรม Zip Line ผจญภัยผ่านต้นไม้ใหญ่นานาพันธ์กับความยาวกว่า 50 เมตร รวมถึงการให้ความรู้เรื่องต้นไม้ การตรวจสุขภาพต้นไม้ จากรุกขกรมืออาชีพ ปิดท้ายกิจกรรมด้วยการรับฟังดนตรีในสวนกับ บอย ตรัย ภูมิรัตน และรับพันธุ์ไม้พิเศษกลับบ้าน งาน ‘AP GROW DAY’ จะจัดขึ้นในวันที่ 30 มีนาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 18.00 น. ที่สวนรถไฟ กรุงเทพฯ โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ ที่ www.APprojectgrow.com (รับจำนวนจำกัด)          
AP เปิดตัว “RHYTHM เอกมัย เอสเตท” ครั้งแรกกับการใช้ชีวิตแนวตั้ง เติมเต็มทุกประสบการณ์ของคำว่าบ้าน

AP เปิดตัว “RHYTHM เอกมัย เอสเตท” ครั้งแรกกับการใช้ชีวิตแนวตั้ง เติมเต็มทุกประสบการณ์ของคำว่าบ้าน

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ย้ำตำแหน่งเจ้าคอนโดฯ ใจกลางเมือง พร้อมเผยโฉมคอนโด High-rise ใหม่ล่าสุด 'RHYTHM เอกมัย เอสเตท' บนทำเลศักยภาพย่านเอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ เตรียมเจาะดีมานด์คนเมืองกลุ่ม Upper Hi-End ชูจุดเด่นด้านนวัตกรรมดีไซน์ที่ส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยมิติใหม่บนพื้นที่แนวสูง สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม และการบริหารขนาดห้องชุดพร้อมแพ็คเกจราคาขายที่ตอบสนองความต้องการจริงของดีมานด์ในย่าน ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท (เริ่ม 185,000 บาทต่อตารางเมตร) คุ้มค่าสำหรับการลงทุนทั้งการอยู่อาศัยเองและการปล่อยเช่าระยะยาว ด้วยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณ 5-6% โดยจะเปิดจองรอบพิเศษครั้งแรกที่งาน Vertical World ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน วันที่ 21-24 มีนาคมนี้   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “การกลับมาของแบรนด์ RHYTHM ในรอบ 3 ปีครั้งนี้ เอพีใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่คุณภาพการก่อสร้างในทุกขั้นตอนด้วยการใช้ ‘AI BIM’ (Artificial Intelligence Building Information Modeling) เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ ที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในทุกกระบวนการทำงาน และสร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์ที่แตกต่างเพื่อเจาะลูกค้ากลุ่ม Upper Hi-End โดยเอพีเลือกเฟ้นทำเลที่โดดเด่นใจกลางเมืองอย่างทำเลเอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อที่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ใจกลางเมืองที่พร้อมส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกบ้านอย่างยั่งยืน”   “จาการศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงของผู้อยู่อาศัยย่านเอกมัย-ทองหล่ออย่างลึกซึ้ง เพื่อนำมาพัฒนา ‘RHYTHM เอกมัย เอสเตท’ ให้เป็นคอนโดฯ ที่แตกต่างและตอบโจทย์รองรับความต้องการของทุกช่วงชีวิต โดยการศึกษาพบว่ารูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมืองเปลี่ยนไป ต้องการอยู่อาศัย ในคอนโดที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการอยู่อาศัยในบ้าน มีพื้นที่ส่วนกลางที่ที่รองรับทั้งการใช้งานร่วมกันและความเป็นส่วนตัวได้จริง ให้สัมผัสความร่มรื่นของพื้นที่สีเขียว อีกทั้งยังคุ้มค่าการลงทุน ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเอง และการต่อยอดลงทุนในอนาคต ทั้งหมดนี้ทำให้เอพีสร้างสรรค์นวัตกรรมการดีไซน์ใหม่ครั้งแรกในเมืองไทย การออกแบบสถาปัตยกรรมอาคารสูงที่มอบประสบการณ์ทุกย่างก้าวเหมือนการใช้ชีวิตในบ้าน พร้อมด้วยล็อบบี้แนวตั้ง 7 ชั้นที่ช่วยลดข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ส่วนกลางอย่างชาญฉลาด เปิดมุมมองสู่ Chamchuri Outdoor Terrace พื้นที่สีเขียวร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่เดิมและพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 4,800 ตารางเมตร มอบประสบการณ์มิติใหม่ของการอยู่อาศัยบนพื้นที่แนวสูงได้อย่างไร้รอยต่อ ทุกฟังก์ชั่นสเปซภายใน ‘RHYTHM เอกมัย เอสเตท’ ทั้งพื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่ภายในยูนิตที่พักอาศัยถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้ทุกตารางนิ้ว เพื่อเติมเต็มให้การอยู่คอนโดฯ รู้สึกสงบ อบอุ่น ร่มรื่น เป็นส่วนตัวเหมือนได้อยู่บ้าน” นายวิทการ กล่าวเสริม   “สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดในทำเล ‘เอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ’ นับเป็นทำเลที่ดีมานด์ทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และฮ่องกงให้ความสนใจต่อเนื่อง เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รายล้อมด้วยสถานที่ทำงาน พร้อมทั้งการเดินทางที่สะดวก รองรับไลฟ์สไตล์ได้อย่างหลากหลาย ทำให้ย่านเอกมัยเป็นทำเลศักยภาพในการลงทุน ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและการปล่อยเช่าในอนาคตของโซนสุขุมวิทเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจซัพพลาย ณ ไตรมาส 4/2561 พบจำนวนประมาณ 1,500 ยูนิต ส่วนใหญ่มีราคาขายเฉลี่ย 220,000 – 275,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งไม่สอดรับกับสิ่งที่ตลาดมองหา” นายวิทการ กล่าวเพิ่มเติม   “ดังนั้น คีย์สำคัญที่เอพีตั้งใจมาโดยตลอดในการพัฒนาทุกโครงการในเครือ คือ การนำเสนอสินค้าที่แตกต่าง รวมถึงการบริหารขนาดห้องชุดและแพ็คเกจราคาขายที่ตอบรับกับดีมานด์จริงในแต่ละย่าน การันตีได้จากความสำเร็จของการเปิดขาย RHYTHM เอกมัย ที่เอพีได้ทำการเปิดขายเมื่อปี 2559 และเมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเปิดโอนในไตรมาส 4/2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากลูกค้าในการโอนห้องชุด จนสามารถทำการโอนได้ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งปัจจุบันราคารีเซลของ RHYTHM เอกมัย มีแนวโน้มการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 15% (หรือปรับตัวขึ้นจากราคาเปิดตัวที่ 190,000 บ./ตร.ม. เป็นรีเซลประมาณ 220,000 บ./ตร.ม)  และหากพิจารณาประกอบกับภาพรวมผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าระยะยาว (Rental Yield) ของคอนโดฯ ในย่านนี้ ที่พบอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 5 - 6%  ต่อปี  ทำให้ภาพรวมตลาดของคอนโดในทำเลนี้ เป็นที่สนใจของลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ RHYTHM เอกมัย เอสเตทนี้ เรามั่นใจทั้ง การนำเสนอสินค้าที่แตกต่าง การบริหารขนาดห้องชุดควบคู่กับปัจจัยด้านราคาที่จับต้องได้ จะทำให้ได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จอีกครั้งอย่างแน่นอน” นายวิทการ กล่าวสรุป   RHYTHM เอกมัย เอสเตท คอนโดมิเนียมร่วมทุนระหว่าง เอพี และมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัท ในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป - MECG) มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท (ราคาเริ่มต้น 185,000 บาท / ตร.ม.) โครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2-0-84.1 ไร่ สูง 32 ชั้น จำนวน 303 ยูนิต ประกอบด้วยห้องชุดที่หลากหลาย พร้อมตอบทุกไลฟ์สไตล์คอนเมือง อาทิ 1) ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 35.00 ตารางเมตร 2) ห้องชุด 1 ห้องนอน (แบบพิเศษ) ขนาด 39.50-40.00 ตารางเมตร 3) ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาด 74.50 – 86.50 ตารางเมตร 4) ห้องชุด 2ห้องนอน (Duplex) ขนาด 64.00-129.50 ตารางเมตร  5) ห้องสกายวิลล่า ขนาด 109.00-121.00 ตารางเมตร 6) ห้องเพนท์เฮ้าส์ ขนาด 100.00-177.00ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในชั้น 1-7 ชั้น 31-32 และชั้น Rooftop        
เอพี ไทยแลนด์ รุกธุรกิจอสังหาฯ ปี 62 บุกทุกเซ็กเมนต์ ชูธุรกิจขาย-เช่า-บริหารจัดการ

เอพี ไทยแลนด์ รุกธุรกิจอสังหาฯ ปี 62 บุกทุกเซ็กเมนต์ ชูธุรกิจขาย-เช่า-บริหารจัดการ

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ประกาศโตสวนกระแสกว่า 30% ด้วยสถิติการรับรู้รายได้ (รวม 100%JV) ปี 61 สูงเป็นประวัติการณ์กว่า 38,020 ล้านบาท รวมทั้งความสำเร็จสวนภาพรวมตลาดจากยอดขายรวม อยู่ที่ 41,298 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายถึง 104% พร้อมเดินหน้าประกาศแผนธุรกิจอสังหาฯ ปี 62 มุ่งสู่เป้ายอดขายที่ 41,800 ล้านบาท และเป้ารายได้รวมที่ 35,900 ล้านบาท (รวม 100%JV) ด้วยการรุกตลาดเปิดขายอสังหาริมทรัพย์ครบทั้ง 9 แบรนด์ในพอร์ทโฟลิโอ รวม 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,800 ล้านบาท พร้อมต่อยอดความแข็งแกร่งของ BC และ SMART สู่การเป็นเบอร์ 1 ภายใต้วิสัยทัศน์ AP WORLD การสร้างสรรค์ โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมนำพาเอพีก้าวเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีสินค้าและบริการคุณภาพครอบคลุมทุกความต้องการเชิงลึกของตลาดอย่างแท้จริง   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากวิสัยทัศน์ใหญ่ขององค์กร AP WORLD ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการสร้างพิมพ์เขียวที่สมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศ (Eco System) ที่เอพีพัฒนาขึ้น ผ่านการขยายขอบเขตธุรกิจไปสู่ธุรกิจนอกอสังหาริมทรัพย์แล้ว เอพียังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเราอย่างไม่หยุดยั้ง ปีนี้เอพีได้วางกลยุทธ์ในการดำเนินงาน 4 มิติหลัก เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ และความมั่นใจว่าสินค้า และบริการของเอพีจะตอกย้ำวิสัยทัศน์การส่งมอบโลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้นได้จริง”   กลยุทธ์ในการดำเนินงาน 4 มิติสู่ความสำเร็จของเอพี (ไทยแลนด์) ในปี 2562 ได้แก่ 1.เปิดตัวโครงการครบ 9 แบรนด์ ในทุกเซ็กเมนต์ ตอกย้ำความเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีสินค้าครอบคลุม ทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัย โดยในปีนี้เอพีเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,800 ล้านบาท เป็นคอนโด 5 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท (เป็นคอนโดร่วมทุน 3 โครงการ มูลค่า 18,300 ล้านบาท) และแนวราบ 34 โครงการ มูลค่ารวม 34,400 ล้านบาท (แบ่งเป็นทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 16,780ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 17,620 ล้านบาท   2.สร้างความแตกต่างด้วยสินค้าที่ตอบความต้องการของคนทุกช่วงชีวิต ด้วยเล็งเห็นถึงรูปแบบครอบครัว (Family Pattern) ที่มีความหลากหลาย และต่างไปจากเดิม เอพีจึงออกแบบและจัดวางพื้นที่ในตัวบ้าน และพื้นที่ส่วนกลางให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของครอบครัวคนรุ่นใหม่ รองรับการอยู่อาศัยของคนหลากหลายรุ่น ผ่าน 3 แนวคิดสำคัญในการออกแบบ ได้แก่ (1) SPACE TRANSFORMATION – ออกแบบให้พื้นที่ในทุกๆ ตารางนิ้วสอดคล้องกับการใช้งานจริงทั้งในวันนี้และในอนาคต (2) HUMAN CONNECTION – สร้างสรรค์ระบบนิเวศที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยทุกวัยเชื่อมต่อกันได้ในสังคมของเอพี และสังคมรอบข้างอย่างมีคุณภาพ และ (3) LIFE-LONG COMMUNITY – การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ช่วยยกระดับให้โครงการของเอพีมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และอำนวยความสะดวกเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยของลูกบ้านในเครือ ได้อย่างยั่งยืน   3.ผสานกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ยกระดับคุณภาพคอนโดมิเนียมในเครือเอพีอย่างต่อเนื่อง ด้วย ‘AI BIM’ (Artificial Intelligence Building Information Modeling) เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ ที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในทุกกระบวนการทำงาน และมีจุดเด่นในด้านการบริหารสิ่งอำนวยความสะดวกในที่พักอาศัย (Facility Management) หลังจากส่งมอบโครงการ โดยในปี 2562 นี้ เอพีได้นำเทคโนโลยี ‘AI BIM’ มาใช้แบบครบวงจรในการพัฒนาคอนโดฯ แบบ High-Rise ทุกโครงการ   4.ต่อยอดความแข็งแกร่งของ BC และ SMART ช่วยให้เอพีก้าวไปสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการอยู่อาศัยอย่างครบวงจร (Total Solution Community Developer) โดยในปีนี้ 'บีซี' (BC) ซึ่งเป็นบริษัท Property Agent อันดับ 1 ของไทย พร้อมรุกต่อในตลาดที่เป็นเมืองรองในต่างประเทศ อาทิ คุนหมิง หนานจิง ซีอานในจีน และโอซาก้า ฟุกุโอกะในญี่ปุ่น หลังประสบความสำเร็จในเมืองหลัก เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และอีกหลายเมืองในประเทศจีน และญี่ปุ่นมาแล้ว นอกจากนี้ 'สมาร์ท' (SMART) บริษัท Property Management เตรียมเปิดตัว SMART PLATFORM ที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตและประสบการณ์การอยู่อาศัยของกว่า 55,000 ครัวเรือน ในกว่า 200 โครงการ ที่ไม่ใช่เฉพาะในเครือของเอพี ภายในไตรมาส 3   นายวิทการ เปิดเผยแผนการพัฒนาคอนโดมิเนียมปี 2562 ว่า “เอพีมุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนเมืองที่มองหาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ในทุกเซ็กเมนต์ โดยในปีนี้ เอพีเตรียมเปิดตัว 5 คอนโดมิเนียมใหม่ รวมมูลค่า 22,400 ล้านบาท ภายใต้ 4 แบรนด์ในเครือ ได้แก่  ASPIRE ใน 2 ทำเล ได้แก่ สุขุมวิท – อ่อนนุช และอโศก – รัชดา ที่เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่/คนทำงาน โดยมีโครงการร่วมทุนระหว่าง เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัท ในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป - MECG) รวมทั้งสิ้น 3 โครงการ มูลค่า 18,300 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ THE ADDRESS,  RHYTHM, และ LIFE”   นายวิทการ กล่าวเสริมว่า “ไฮไลท์สำคัญของไตรมาสแรก คือ การเปิดตัว ‘RHYTHM เอกมัย เอสเตท’ คอนโดในกลุ่ม Upper High-End บนทำเลเอกมัยเชื่อมต่อทองหล่อ มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท จำนวน 303 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท (เฉลี่ย 210,000 ล้านบาท / ตร.ม.) โดดเด่นด้วยการจัดวางโครงสร้างอาคารรูปแบบใหม่ เพื่อส่งมอบมิติใหม่ของการใช้ชีวิตแนวสูงที่ไม่ต่างจากการพักอาศัยในบ้าน พร้อมไฮไลท์การออกแบบ Multi-Storey & Floating Lobby 7 ชั้น ครั้งแรกในประเทศไทยที่เปิดมุมมองสู่ Outdoor Terrace การดีไซน์พื้นที่สีเขียวรวมต้นไม้ใหญ่เดิม และพื้นที่ส่วนกลางกว่า 4,800ตารางเมตรและครั้งแรกกับ Sky Villa ยูนิตพิเศษพร้อมทางเข้าผ่านสวนส่วนตัว โดยจะเปิดจองรอบพิเศษครั้งแรกที่งาน Vertical World ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน วันที่ 21-24 มีนาคมนี้”   ด้านแผนพัฒนาโครงการแนวราบ นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจแนวราบ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2561 ที่ผ่านมา สินค้าแนวราบของเอพี ได้รับการตอบรับที่ดีเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะสินค้าบ้านเดี่ยวของเรามีรายได้เติบโตขึ้นถึง 80% ในขณะเดียวกันสินค้าทาวน์โฮมแบรนด์ บ้านกลางเมือง ยังคงรักษาความเป็นเบอร์ 1 ไฮเอนด์ทาวน์โฮมในเมือง ที่สร้างมูลค่ายอดขายอันดับที่ 1 นั่นเป็นเพราะผลลัพธ์จากกระบวนการทำ Design Thinking อย่างต่อเนื่องตลอด 2-3 ปี เพื่อหาคำตอบที่แท้จริงของจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญว่า อะไรคือคุณภาพชีวิตที่คนไทยต้องการ โดยเราพบว่าที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่กว้างขวางเกินไป และไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเปล่าประโยชน์ และไม่คุ้มค่า ฉะนั้น ‘ที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่’ อาจไม่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่คนไทยต้องการในทุกโลเคชั่น เราจึงมุ่งเน้นพัฒนาให้บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมทุกแบรนด์ในเครือเอพีมีแบบบ้านโมเดลใหม่ที่หลากหลาย รวมถึงการนำเสนอสเปซฟังก์ชั่นที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้สามารถยืดหยุ่นต่อการใช้งานในวันนี้ และในอนาคต สามารถอยู่ได้อย่างยาวนาน”   “เพื่อรักษาความไว้วางใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างถึงที่สุด เอพีจึงออกแบบบ้านให้สอดรับกับความต้องการเหล่านั้น เน้นการนำนวัตกรรมทางความคิดในการออกแบบที่อยู่อาศัย 3 ข้อมาใช้ให้เกิดเป็น ‘บ้านกลางเมืองและพลีโน่ โมเดลใหม่ปี 2019’ ที่โดดเด่นตั้งแต่การดีไซน์สถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน ตอบสนองความเป็นปัจเจกของแต่ละครอบครัว รวมทั้งการปรับพื้นที่ใช้สอยภายในใหม่ทั้งหมด ทั้งสเปซฟังก์ชั่นที่รองรับการอยู่ร่วมกันของครอบครัวใหญ่ 2-3 เจนเนอร์เรชั่น ทุกตารางนิ้วสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้แบบเต็มพื้นที่ จัดวางพื้นที่สีเขียวขนาดเล็กเข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อเพิ่มความร่มรื่น โดยที่ผู้อยู่อาศัยไม่ต้องเสียเวลามากในการดูแล โฟกัสทำเลศักยภาพ ใจกลางเมือง พร้อมแพ็คเกจราคาขายที่จับต้องได้ โดยเตรียมเปิดตัว บ้านกลางเมือง ไฮเอนด์ทาวน์โฮม 3 ชั้น และพลีโน่ พรีเมี่ยมทาวน์โฮม 2 ชั้น โมเดลใหม่ปี 2019 เร็วๆ นี้”นายภมร กล่าว   “และในส่วนของการเสริมแกร่งสินค้าบ้านเดี่ยวทุกแบรนด์ในเครือเอพี อาทิ THE PALAZZO, THE CITY และ CENTRO ตอกย้ำการเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในใจผู้บริโภค นอกจากการนำเสนอนวัตกรรมสเปซที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกความต้องการของทุกช่วงชีวิตแล้ว ในปีนี้เราได้นำร่องยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน (Infrasturcture) ในพื้นที่ส่วนกลาง โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ภายใต้คีย์สำคัญ คือ เน้นประโยชน์ ที่แท้จริงและการคืนกลับที่ยั่งยืนในการใช้ชีวิตของลูกบ้าน อาทิ เทคโนโลยี Solar Cell การผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง และ Water Recycle Systemระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ในพื้นที่สวนของโครงการ เป็นต้น หรือการนำร่องใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพของโครงการของเรา” นายภมร กล่าวเสริม   “ในปี 2562 นี้ เอพีพร้อมรุกตลาดแนวราบในทุกทำเล ภายใต้พันธกิจสำคัญในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้านเอพีอย่างแท้จริง ด้วยแผนการพัฒนาโครงการใหม่ถึง 34 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 34,400 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 17,620 ล้านบาท ทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 16,780 ล้านบาท ซึ่งการรุกตลาดแนวราบนั้นจะขยายทำเลให้ครอบคลุมทุกทำเล เช่น ย่านดอนเมือง วัชรพล พหลโยธิน สวนหลวง ราชพฤกษ์ บางใหญ่ สวนผัก อ่อนนุช พระราม 2 สายไหม เป็นต้น บนทำเลที่ติดถนนใหญ่และเป็น Multiple Connect ที่เชื่อมต่อทางลัด ทางด่วน หรือระบบขนส่งขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยด้วยการลดเวลาที่ใช้ไปกับการเดินทาง” นายภมร กล่าวสรุป   สรุปแผนการดำเนินงานธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2562 เอพี เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 39 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 56,800 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 22,400 ล้านบาท แนวราบ 34 โครงการ มูลค่า 34,400 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายยอดขาย 41,800 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้รวม 35,900 ล้านบาท (100%JV) ในครึ่งปีแรกเอพีเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่า 30,440 ล้านบาท แนวราบ 17 โครงการ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 6 โครงการ และทาวน์โฮม 11 โครงการ มูลค่ารวม 16,840 ล้านบาท และ 4 คอนโดมิเนียมใหม่ ได้แก่ ASPIRE สุขุมวิท – อ่อนนุช มูลค่า 1,600 ล้านบาท  ASPIRE อโศก – รัชดา มูลค่า 2,500 ล้านบาท RHYTHM เอกมัย เอสเตท มูลค่า 3,200 ล้านบาท (โครงการร่วมทุน) และ LIFE สาทร SIERRA มูลค่าโครงการ 6,300 ล้านบาท (โครงการร่วมทุน)   ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 50,025 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 7,935 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม (100%JV) มูลค่า 42,090 ล้านบาท (แบ่งเป็นคอนโดเอพี มูลค่า 2,310 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ทั้งหมดในปีนี้ และเป็นโครงการร่วมทุน มูลค่า 39,780 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 2562 ประมาณ 7,569 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566)      
‘เอพี ไทยแลนด์’ เปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่ เตรียมเปิด 39 โครงการ

‘เอพี ไทยแลนด์’ เปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่ เตรียมเปิด 39 โครงการ

‘เอพี ไทยแลนด์’ ปิดปี ’61 คาดโตสวนกระแสกว่า 30% เติบโตเป็นประวัติการณ์ ขึ้นแท่นอันดับ 2 ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายได้สูงสุด ดินหน้าเต็มสูบ ชูวิสัยทัศน์และพันธกิจยิ่งใหญ่ พัฒนาระบบนิเวศใหม่ นำเทคโนโลยีเชื่อมโยงกับการใช้ชีวิตยุคใหม่ ทำวิสัยทัศน์ ‘มอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้คนในสังคม’   บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัยของประเทศไทย ประกาศความสำเร็จคาดปิดปี 2561 ธุรกิจโดยรวมโตสวนกระแส 30% ขึ้นแท่นอันดับ 2 ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายได้สูงสุด เดินหน้าประกาศวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่ นำองค์กรก้าวสู่ศักราชใหม่ที่มากกว่าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเป็นรายแรกที่ริเริ่มสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้แนวคิด ‘AP World, A New Vision of Quality of Life’ สร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า พร้อมเปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่นอกธุรกิจอสังหาฯ อย่างสมภาคภูมิ ได้แก่ SEAC (เอสอีเอซี) VAARI (วาริ) และ CLAYMORE (เคลย์มอร์) มุ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกและการเติบโตที่ยั่งยืน ตั้งเป้าภายในปี 2565 ทั้ง 3 ภาคธุรกิจใหม่จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพีให้เติบโตแบบก้าวกระโดดแตะหลัก 60,000 ล้านบาท   นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า “ในปี 2561  ที่ผ่านมาธุรกิจโดยรวมของเอพี ไทยแลนด์เติบโตมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เราคาดการณ์ว่า ในปี 2561 บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 30% จากปีก่อนหน้า ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เอพี ไทยแลนด์ ขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีรายได้สูงสุดของเมืองไทย การเติบโตแบบสวนกระแสของเอพีเป็นผลลัพธ์ของความสำเร็จในทุกธุรกิจที่เราดำเนินกิจการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในสินค้าทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ต่างได้รับ    การตอบรับที่ดีจากตลาด สะท้อนได้ทั้งจากยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี”   นอกจากนี้ ธุรกิจอื่นๆ ในเครือเอพี ทั้ง ธุรกิจ Property Agent ภายใต้ชื่อ ‘BC (บีซี)’ ที่ให้บริการรับฝากขาย ฝากเช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ และไม่ได้จำกัดอยู่ที่สินค้าของเอพีเพียงอย่างเดียว มีผลการดำเนินงานที่เติบโตแบบก้าวกระโดด มีอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อ-ขาย-เช่า ผ่าน บีซี รวมมูลค่าสูงกว่า 12,000 ล้านบาทก้าวขึ้นเป็น Property Agent อันดับ 1 ของประเทศอย่างเต็มภาคภูมิ และธุรกิจ Property Management ภายใต้ชื่อ ‘SMART (สมาร์ท)’ เป็นธุรกิจบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ส่งผลให้วันนี้ สมาร์ทได้รับความไว้วางใจให้เข้าบริหารจัดการคุณภาพชีวิตในโครงการต่างๆ ที่ไม่ใช่แต่เฉพาะเครือเอพีกว่า 55,000 ครอบครัว ในกว่า 200 โครงการ ซึ่งก้าวต่อไปทั้งสองบริษัท ‘บีซีและสมาร์ท’ จะยังคงเดินหน้าขยายขอบเขตการให้บริการเพื่อเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง   ทั้งนี้ ทั้ง 3 ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของเอพี ไทยแลนด์ในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของเมืองไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกช่วงชีวิตของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์และครบวงจรที่สุด (Space Expert for Living Satisfaction) ซึ่งก้าวต่อไปจากนี้ เอพี ไทยแลนด์จะไม่หยุดอยู่เพียงภาคธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่จะก้าวไปสู่ศักราชใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘AP World, A New Vision of Quality of Life’ วิสัยทัศน์ในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า ซึ่งจะสมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศ (Eco System) ที่เอพีพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นรายแรกที่ริเริ่มสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้ง ยังเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน บริษัทฯ จึงพร้อมเปิดตัว 3 ภาคธุรกิจใหม่ (Disruptive Business) ได้แก่ 1) VAARI ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพชีวิต 2) CLAYMORE ดำเนินธุรกิจสร้างและผลักดันนวัตกรรมดีไซน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบ และ 3) SEAC ดำเนินธุรกิจในการดิสรัปวิธีการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคน ในสังคมด้วยกระบวนการใหม่ๆ  ผ่านความร่วมมือจากสถาบันระดับโลก   ทั้ง 3 ธุรกิจใหม่จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยเสริมวิสัยทัศน์ในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประสบความสำเร็จ เคียงคู่ไปกับ Core Business คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริษัทในเครือ ที่จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าภายในปี 2565 สามภาคธุรกิจใหม่นี้จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพีให้เติบโตแบบก้าวกระโดดแตะหลัก 60,000 ล้านบาท      นายอนุพงษ์กล่าวว่า “หนทางในการไปถึงวิสัยทัศน์ในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีนั้น มีความท้าทายหลัก   3 ประการที่เราจะต้องตระหนัก ต้องบริหารจัดการ และต้องเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม นั่นคือ 1. โลกที่กำลังดิสรัปและทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คำถาม คือ เราจะนำ Technology มาช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้นได้อย่างไร 2. เราจะรู้จักและพัฒนานวัตกรรมให้สอดคล้องและตอบรับกับความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบที่แตกต่างกันของคนในสังคมได้อย่างไร 3. เราจะพัฒนาความรู้ ความสามารถของ ‘คนในองค์กรและคนในสังคม’ ให้ก้าวทันกระแสดิสรัปชั่นได้อย่างไร ดังนั้นการขยายองค์กรสู่ 3 ภาคธุรกิจใหม่ล่าสุดของเรา จึงช่วยตอบโจทย์และเติมเต็มให้วิสัยทัศน์ในการมอบคุณภาพชีวิตแก่คนในสังคมให้เป็นผลสำเร็จ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเอพีแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”   บริษัทใหม่ทั้ง 3 มีลักษณะการดำเนินธุรกิจ และเป้าหมายสำคัญแตกต่างกัน ดังนี้ บริษัท วาริ จำกัด: ดำเนินธุรกิจสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพชีวิต (LIFE MANAGEMENT ECOSYSTEM) ที่จะมาจุดประกายคุณภาพชีวิตในวันข้างหน้าให้มีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์สังคมแห่งการอยู่อาศัยในอุดมคติให้เกิดขึ้น ลดทอนความซ้ำซ้อนที่เป็น Pain ของผู้อยู่อาศัยในวันนี้ และมอบประสบการณ์ใหม่ที่ยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ผ่านนวัตกรรมดีไซน์ที่เข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์ของคนในสังคม บริษัท เคลย์มอร์ จำกัด: ดำเนินธุรกิจการพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบของคนในสังคม ผ่านการสร้างทีมนวัตกรรมที่มีจิตวิญญาณในการเป็นผู้ประกอบการขึ้นภายในองค์กร มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการเป็น Innovation Lab สร้างนวัตกรรมโดยใช้กระบวนการ Stanford Design Thinking ต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เดิมไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยมีเป้าหมายให้นวัตกรรมที่คิดค้น จับต้องได้ และใช้งานได้จริง SEAC (เอสอีเอซี): ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน ดำเนินธุรกิจในการดิสรัปวิธีการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคนในสังคมด้วยกระบวนการใหม่ๆ มุ่งพัฒนาความพร้อม ความสามารถของคนให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในวันนี้และอนาคต โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันระดับโลก อาทิ Stanford University ที่มีมุมมองในเรื่องการเรียนรู้ตรงกัน เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถและกระบวนการคิดของผู้นำในเมืองไทยและระดับภูมิภาคให้มีศักยภาพทัดเทียมผู้นำระดับโลก   “การรุกขึ้นมาปรับวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของเอพี ไทยแลนด์ ไปสู่การเป็นบริษัทที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมแทนที่จะเป็นเพียงผู้ส่งมอบที่อยู่อาศัยเพียงเท่านั้นซึ่งสุดท้ายแล้วนวัตกรรมหรือระบบนิเวศต่างๆ ที่ถูกพัฒนาจะเปิดกว้างให้บริการกับทุกคนไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นลูกค้าเอพีเท่านั้น โดยเราคาดหวังว่า ดอกผลที่เกิดขึ้นจากการขยายภาคธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ AP World นี้ จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพี ไทยแลนด์ให้เติบโตแบบดับเบิ้ล หรือตั้งเป้าสร้างรายได้รวมแตะหลัก 60,000 ล้านบาทภายในปี 2565” นายอนุพงษ์ กล่าว   นอกจากความสำเร็จด้านผลประกอบการณ์แล้ว ในปี 2561 ที่ผ่านมายังเป็นเกียรติยศของเอพี ไทยแลนด์ จากการคว้ารางวัลทรงเกียรติ ทั้งจากในประเทศและระดับนานาชาติ มาครองได้มากถึง 14 รางวัล อาทิ ‘บริษัทผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชียประจำปี 2018’ จากเวที The Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards (ACES) ประเทศสิงคโปร์, ‘ที่สุดของบริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2018’ จากเวที Property Guru Asia Property Awards 2018 และได้รับการจัดอันดับให้เป็น ‘The Most Admired Company 2018’ องค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ในใจผู้บริโภคประจำปี 2018 อีกด้วย      
‘เอพี ไทยแลนด์’ รุกตลาดบ้านเดี่ยวไตรมาส 2 เปิดตัว 2 โครงการใหม่ เจ๋งกว่าใครกับโมเดลบ้านใหม่ รองรับครอบครัวขยาย

‘เอพี ไทยแลนด์’ รุกตลาดบ้านเดี่ยวไตรมาส 2 เปิดตัว 2 โครงการใหม่ เจ๋งกว่าใครกับโมเดลบ้านใหม่ รองรับครอบครัวขยาย

เอพี เผยดีมานด์บ้านเดี่ยวเซ็กเมนต์กลางบนแนวโน้มสดใส วางแผนบุกตลาดไตรมาส 2 ต่อเนื่อง เตรียมประกาศเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ ‘CENTRO’ บน 2 ทำเลศักยภาพ ‘รังสิตคลอง 4 - วงแหวน’ และ ‘ราชพฤกษ์ – สวนผัก’ มูลค่าโครงการรวม 2,200 ล้านบาท   นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดีมานด์สินค้าบ้านเดี่ยวเซ็กเมนต์กลางบนในระดับราคา 5 – 15 ล้านบาทขึ้นไปนั้น ได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง การันตีจากอัตราการเติบโตด้านยอดขายสินค้าแนวราบ ในไตรมาส 1 ของเอพีที่ผ่านมา มีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 64% หรือเท่ากับ 5,200 ล้านบาท ถือเป็นดัชนีที่ชี้ให้เห็นถึงความต้องการจริงจากลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยใหม่ โดยเฉพาะการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่วางแผนขยายครอบครัว รวมถึงกลุ่มวัยทำงานที่มีรายได้มากขึ้น และอยากขยับจากการอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมมาเป็นบ้านเดี่ยวทำเลศักยภาพใหม่ๆ ที่มีความสะดวกในการเดินทางเชื่อมต่อสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว   สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ CENTRO ที่จะเปิดขายในไตรมาส 2 นี้ ประกอบด้วย 2 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ โครงการ “CENTRO รังสิต คลอง 4-วงแหวน” บนขนาดที่ดินประมาณ 61 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,130 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยสูงสุด 175 ตารางเมตร  จำนวนทั้งสิ้น 279 หลัง เพียง 5 นาที ถึงวงแหวนกาญจนาฯ ซึ่งจะเริ่มเปิดขายวันที่ 28-29 เมษายน ราคาเริ่มต้น 2.95-4.75 ล้านบาท และโครงการ “CENTRO ราชพฤกษ์-สวนผัก” บนขนาดที่ดินประมาณ 31 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,070 ล้านบาท บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่ 2 ชั้น 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถ ขนาดพื้นที่ใช้สอยสูงสุด 342 ตารางเมตร พร้อมเอกสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวท่ามกลางสังคมคุณภาพเพียง 176 หลัง บนทำเลศักยภาพ ให้การเดินทางเข้าออกโครงการเป็นเรื่องง่าย และรวดเร็วด้วย The Bridge  Fast Track เส้นทางส่วนตัวพิเศษเฉพาะลูกบ้านโครงการ ที่สามารถเชื่อมต่อสู่ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนฯ เพียง 5 นาที พร้อมเปิดขายในเดือนพฤษภาคม ราคาเริ่ม 7.2-12 ล้านบาท     นายรัชต์ชยุตม์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กลยุทธ์รุกตลาดด้วยการเปิดโมเดลบ้านใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่างผ่านการออกแบบสินค้าที่ตอบความต้องการเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น โดยไฮไลท์พิเศษของบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ CENTRO แบบบ้านใหม่ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 2 นี้ มีจุดเด่นคือ เพิ่ม “พื้นที่ที่จอดรถยนต์ในร่มได้สูงสุดถึง 3 คัน” ตอบโจทย์ครอบครัวขยาย โดยเฉพาะผู้อยู่อาศัยที่มีครอบครัวใหญ่มีรถยนต์จำนวนมาก และเข้า-ออกบ้านในเวลาที่ไม่ตรงกัน นอกจากนี้ยังเพิ่มจำนวน “พื้นที่เอนกประสงค์” ทั้งชั้นบนและชั้นล่างถึง 2 ห้อง ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย รวมถึงพื้นที่ส่วนนี้ยังสามารถต่อเติม และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ได้ในอนาคต พร้อมพื้นที่ชั้นล่างที่สามารถใช้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุ หรือห้องทำงานโดยไม่ต้องกั้นห้องเพิ่ม เป็นต้น โมเดลบ้านใหม่ข้างต้นชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการดีไซน์แบบบ้านของเราในแต่ละครั้ง จะพัฒนาจากกความต้องการและพฤติกรรมการใช้ชีวิตจริงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในแต่ละทำเล และนำมาต่อยอดพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ เพื่อให้ได้ทั้งสเปซ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบรับกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ภายใต้แนวคิด การสร้างความต่างจากการออกแบบสินค้าที่ตอบความต้องการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม โดยมีมาตรฐานคุณภาพ เพื่อให้บ้านเดี่ยวเครือเอพี ต้องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวคนเมือง     “เอพียังได้จัดแคมเปญเพื่อส่งเสริมการขายสินค้าบ้านเดี่ยวครั้งใหญ่แห่งปี “ULTIMATE PRIZE” กับกองทัพบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ภายใต้แบรนด์ CENTRO, THE CITY, MIND และ THE PALAZZO กว่า 25 โครงการ พร้อมโปรโมชั่นที่เร้าใจด้วยที่สุดของข้อเสนอไร้ขีดจำกัดมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท อาทิ ส่วนลดสูงสุด 4 ล้านบาท พร้อมลุ้นรับ Mercedes-Benz GLA เป็นต้น ด้วยที่สุดแห่งข้อเสนอไร้ขีดจำกัด ซึ่งถือเป็นแคมเปญคืนกำไรให้กับลูกค้าครั้งยิ่งใหญ่ ร่วมพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของแคมเปญ ‘ULTIMATE PRIZE’ ได้แล้ววันนี้ – 17 มิถุนายนนี้เท่านั้น พบกับข้อเสนอพิเศษนี้ได้ที่ Sales Gallery ของโครงการที่ร่วมรายการ โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าทั้งหมดนี้จะได้รับการตอบรับที่ดี และช่วยดันยอดขายแนวราบให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน” นายรัชต์ชยุตม์ กล่าวสรุป  
LIVEVOLUTION แคมเปญใหญ่จาก AP ให้คุณจับจองทาวน์โฮมล้ำสมัย บนทำเลที่ดีที่สุดก่อนใคร

LIVEVOLUTION แคมเปญใหญ่จาก AP ให้คุณจับจองทาวน์โฮมล้ำสมัย บนทำเลที่ดีที่สุดก่อนใคร

ปฎิเสธไม่ได้ว่า “ทาวน์โฮม” คือตัวเลือกของที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมืองยุคใหม่ที่เป็นส่วนผสมลงตัวระหว่างบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทำเลที่ตั้งแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแล้ว ดีไซน์และฟังก์ชั่นใช้งานภายในบ้านยังตอบสนองการพักอาศัยได้เป็นอย่างดี แถมยังมาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการแบบครบครัน และยังเป็นอสังหาริมทรัพย์ชนิดที่ผู้ซื้อจะได้กรรมสิทธิ์ครอบครองในส่วนของที่ดินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต จึงไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไมปัจจุบันกรุงเทพฯ จะมีทาวน์โฮมโครงการใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเป็นตัวเลือกของผู้บริโภคมากมาย ซึ่งแบรนด์ที่สร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งทั้งหมด คงหนีไม่พ้นโครงการ “บ้านกลางเมือง” และ “PLENO” (พลีโน่) จาก AP Thai ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมืองที่มุ่งมั่นพัฒนาทาวน์โฮมจนกลายเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของประเทศไทย สามารถครองใจผู้บริโภคกว่า 50,000 ครอบครัว เนื่องจากมีจุดแข็งที่ได้เปรียบกว่าแบรนด์ใดๆ เพราะเข้าใจความต้องการและ Lifestyle ของผู้อยู่อาศัยได้อย่างตรงจุด ซึ่งไม่ใช่แค่ตอบโจทย์เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานเท่านั้น แต่วิธีคิดในการออกแบบสเปชของ AP นั้น คือการผสานฟังก์ชั่นเข้ากับความฝัน รสนิยม และอุดมคติในการใช้ชีวิต เพื่อประโยชน์สูงสุดและเข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านด้วยแนวคิด 5 BEST TOWNHOME สร้างจุดเด่นให้แตกต่างจากโครงการทั่วไปโดยปักหมุดแต่ทำเลศักยภาพ สามารถเชื่อมต่อการเดินทางหลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่ติดถนนใหญ่แต่ต้องเชื่อมต่อทางลัด ทางด่วน หรือระบบขนส่งขนาดใหญ่ได้ด้วย ที่สำคัญดีไซน์โมเดลแบบบ้านต้องตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัย โดยทาง AP ได้นำเทคโนโลยีเข้าไปเป็นส่วนผสมกับการออกแบบพื้นที่ภายใต้แนวคิด ‘สร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต’ หรือ SMART LIVING FUNCTION ที่นอกจากการลงลึก Design Space โดยเพิ่ม Design Detail เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ครบและสมบูรณ์แบบมากขึ้นแล้ว ยังคงดีไซน์ทุกรายละเอียดที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันของลูกบ้านทุกๆ คน เพื่อเติมเต็มความสุขแบบพร้อมอยู่ แถมยังนำเทคโนโลยีเพื่อการใช้ชีวิตที่จะตอบสนอง Lifestyle การอยู่อาศัยแห่งโลกอนาคตที่ครอบคลุมทุกมิติทั้งในด้านคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่มากขึ้น ก่อนจะส่งมอบบ้านที่เพียบพร้อมและดีที่สุดให้แก่ลูกบ้านนั่นเองค่ะ ทำเลศักยภาพ สามารถเลือกเดินทางได้หลากหลาย สำหรับแบรนด์ บ้านกลางเมือง และ PLENO นั้น ได้มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซน A, B, C และ D ซึ่งเป็นทำเลทองรอบกรุงเทพฯ โดยวันนี้เราขอหยิบยกทาวน์โฮม 4 โครงการ จาก 2 แบรนด์คุณภาพของ AP ประกอบด้วย "โครงการบ้านกลางเมือง พระราม 9 - อ่อนนุช, บ้านกลางเมือง สวนหลวง, บ้านกลางเมือง The Edition พระราม 9 - อ่อนนุช และโครงการพลีโน่ สุขุมวิท - บางนา" มาพูดถึงกันสักหน่อยค่ะ ซึ่งทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในโซน A ที่นับว่าเป็น Urbanite Living ให้ทุกการเดินทางเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายมากๆ ทั้งคนมีรถส่วนตัวและไม่มี เพราะด้วยทำเลศักยภาพที่ทาง AP เลือกให้เป็นที่ตั้งโครงการนั้นจะเชื่อมต่อทั้งทางด่วน, มอเตอร์เวย์ และกาญจนาวงแหวนรอบนอก อีกทั้งยังตั้งอยู่ในพิกัดที่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าเลย ไม่ว่าจะเป็นสถานีแอร์พอร์ตลิ้งค์บ้านทับช้าง (โครงการบ้านกลางเมือง พระราม 9 - อ่อนนุช และบ้านกลางเมือง The Edition พระราม 9 - อ่อนนุช), BTS สถานีบางนา (โครงการพลีโน่ สุขุมวิท - บางนา) พิกัดของทั้ง 4 โครงการ นั้นเอื้อต่อการเดินทางที่ง่ายและสะดวกสบายจริงๆ ค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถเลือกเส้นทางเข้าเมืองได้เยอะ ทั้งทางถนนเลียบมอเตอร์เวย์ ที่สามารถวิ่งตรงไปจนถึงพระราม 9 ได้ หรือใช้ทางแยกประเวศแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนอ่อนนุชวิ่งเข้าแยกสวนหลวง แล้วตรงไปถึงถนนสุขุมวิทก็ยังได้ค่ะ แถมถนนอ่อนนุชยังเชื่อมต่อเข้าถนนพัฒนาการสามารถไปถนนเพชรบุรีได้อีกด้วย ส่วนถ้าจะออกเมืองก็ใช้ทางแยกประเวศ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดกระบัง ก็จะสามารถไปสนามบินสุวรรณภูมิ และสามารถไปถนนกิ่งแก้วไปออกถนนบางนา-ตราดได้ค่ะ นอกจากนี้บริเวณโดยรอบก็มีสถานที่สำคัญมากมายทั้งห้างสรรพสินค้า, สถานศึกษา, สถานพยาบาล และสนามบินสุวรรณภูมิ แถมแบบบ้านทาวน์โฮมที่ถูกเลือกมาลงนั้นก็ไม่ได้มีราคาสูงมากไปกว่าคุณภาพเลย ซึ่งอยู่ในระดับราคาที่สามารถจับต้องได้ แต่จะมีรายละเอียดและจุดเด่นที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างไรบ้าง เราไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ.. บ้านกลางเมืองพระราม 9 - อ่อนนุช เริ่มต้นโครงการแรกกับ “บ้านกลางเมืองพระราม 9 – อ่อนนุช” ทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ที่สะท้อนถึงความเหนือระดับได้ในทุกมิติ ออกแบบภายใต้แนวคิด Free & Easy ทันสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา โดยตัวบ้านเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอยแบบ Flexible ที่สามารถออกแบบพื้นที่ส่วนตัว และปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นของทุกสัดส่วนในบ้านให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ทันสมัยได้อย่างลงตัว เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย กับพื้นที่ส่วนกลาง คลับเฮ้าส์ พร้อมสระว่ายน้ำและฟิตเนส และบริเวณพักผ่อน เติมเต็มแนวคิดใหม่ๆ และความสุขได้อย่างไม่รู้จบ บนทำเลใกล้มอเตอร์เวย์และวงแหวนกาญจนาภิเษก เพียง 5 นาทีถึงรถไฟฟ้า เดินทางถึงพระราม 9 ภายใน 10 นาที ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.99 ล้านบาท* พิกัดโครงการ บ้านกลางเมือง พระราม 9-อ่อนนุช:  (13.728025,100.703883) บ้านกลางเมือง สวนหลวง บ้านกลางเมือง สวนหลวง โครงการที่อยู่ทางโซนบางนา เป็นโครงการที่มี Product หลากหลาย ทั้งทาวน์โฮม 2 ชั้น, 3 ชั้น และบ้านแนวคิดใหม่ X-Trend Series ในดีไซน์ Modern Contemporary Style ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในครอบครัว ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ สู่การสร้างสรรค์พื้นที่อย่างลงตัว ด้วยการออกแบบพื้นที่ที่มากขึ้น เน้นความโปร่ง โล่ง สบาย ในสไตล์ Modern Contemporary ภายใต้สุนทรียะแห่งธรรมชาติ รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวที่เปี่ยมไปด้วยความร่มรื่น บนทำเลศักยภาพที่เลือกสรรมาอย่างดี พร้อมตอบรับทุกการพักผ่อนด้วย Facilities ครบครัน ทั้ง คลับเฮาส์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และ Jogging Track สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง ใกล้ทั้งทางด่วนบูรพาวิถี มอร์เตอร์เวย์ และวงแหวนรอบนอก เชื่อมต่อถนนอ่อนนุช และถนนศรีนครินทร์ ในราคาเริ่มต้นเพียง 4.69 ล้านบาท* พิกัดโครงการ บ้านกลางเมือง สวนหลวง: (13.670599,100.67296) บ้านกลางเมือง The Edition พระราม 9 – อ่อนนุช บ้านกลางเมือง THE EDITION พระราม 9-อ่อนนุช บ้านแนวคิดใหม่ในบรรยากาศรีสอร์ท ตอบรับความสุขของทุกวิถีชีวิตได้อย่างเต็มที่ ออกแบบภายใต้แนวคิด Multiple Space ขยายพื้นที่ใช้สอยภายใน พร้อมสวนรอบบ้าน และด้วยความลงตัวของพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น ด้วยนิยามการดีไซน์แบบ Maximum / More / Masterpiece ฟังก์ชั่นการใช้งานของแต่ละเสปซสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามจินตนาการ ผสานความเรียบหรูและทันสมัยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ให้คุณและครอบครัวได้ผ่อนคลายไปกับ คลับเฮ้าส์ดีไซน์หรู มาพร้อมสระว่ายน้ำและฟิตเนส และสวนพักผ่อน บนทำเลเชื่อมต่อสู่พระราม 9 เพียง 10 นาที* ใกล้ทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า Airport Link สถานีบ้านทับช้าง ในราคาเริ่มต้นเพียง 4.79 ล้านบาท* พิกัดโครงการ บ้านกลางเมือง THE EDITION พระราม 9-อ่อนนุช: (13.728025,100.703883) พลีโน่ สุขุมวิท - บางนา มาถึงโครงการสุดท้ายในโซน A ที่น่าสนใจไม่แพ้บ้านกลางเมืองเลย สำหรับแบรนด์ PLENO โครงการ PLENO สุขุมวิท-บางนา ฟังก์ชั่นแบบใหม่ของทาวน์โฮม 2 ชั้น บนทำเลศักยภาพ ใกล้ทางด่วน สามารถเข้าเมืองได้ง่ายและใกล้เมกะบางนา แบบบ้านมีการดีไซน์ฟังก์ชั่นภายในของพื้นที่ใช้สอยให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวใหม่ ด้วยการดีไซน์แบบ Flexible Space เพิ่มประโยชน์ของฟังก์ชั่นในการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยตามต้องการของการใช้งานจริง ชั้นล่างจะมี Foyer ช่วยทำให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น ชั้น 2 เพิ่ม Green Space มากขึ้น โดยฟังก์ชั่นของ Double Garden ของพื้นที่ชั้น 2 ช่วยเพิ่มสีเขียวของธรรมชาติให้กับความร่มรื่นของบ้าน โครงการมี Facilities ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะสระว่ายน้ำ และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ พร้อม Fitness และสนามเด็กเล่น  พักผ่อนอย่างลงตัวท่ามกลางธรรมชาติที่ บนคลับเฮ้าส์ที่โดดเด่นในการออกแบบที่หรูหรา ทำให้สะท้อนทุกรายละเอียดในการอยู่อาศัย ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.49 ล้านบาท* พิกัดโครงการ PLENO สุขุมวิท-บางนา : (13.6370711286343,100.673248618841)   เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของทาวน์โฮมที่มีกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม ชนิดที่ Sold Out ตั้งแต่วันเปิดจองในทุกๆ โครงการที่ผ่านมาทาง AP จึงไม่รอช้าที่จะกระจายความสุขให้เกิดขึ้นในวงการอสังหาฯ ของไทย ด้วยการจัดแคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ “LIVEVOLUTION” ครั้งแรกกับนวัตกรรมทาวน์โฮมแห่งอนาคต ที่รวบรวมทาวน์โฮมสุดล้ำสมัย 2 แบรนด์ดังอย่าง “บ้านกลางเมือง” และ “Pleno” บนสุดยอดทำเลกว่า 30 โครงการ นำมาจัดโปรโมชั่นพร้อมกันทั่วกรุงเทพฯ โดยทั้ง 2 แบรนด์จะนำเสนอบ้านทาวน์โฮมแบบใหม่ พร้อมราคา Pre-sale ที่ดึงดูดใจมากๆ (เริ่มที่ 1.69-9.29 ล้านบาท*) ตามด้วยข้อเสนอแห่งปี “ซื้อบ้านไม่มีดอกเบี้ยนาน 2 ปี*” ให้คุณเป็นเจ้าของทาวน์โฮมแบรนด์อันดับหนึ่งได้ง่ายๆ ภายในงานนอกจากทุกคนจะได้พบกับการเปิดตัวครั้งแรกของ “LIVEVOLUTION HOME” นวัตกรรมทาวน์โฮมแห่งอนาคต และแนวคิดการออกแบบที่ผสมผสานฟังก์ชั่น LIVEVOLUTION SMART และ LIVEVOLUTION SPACE เข้าไว้ด้วยกันเพื่อตอบโจทย์ Lifestyle การใช้ชีวิตของลูกบ้านได้ครบสมบูรณ์แบบทุกมุมมองมากยิ่งขึ้นแล้ว อีกหนึ่งความพิเศษในงานที่ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ ค่ะ สำหรับ "HALL OF FRAME” แคมเปญใหม่ที่ทาง AP จะรวบรวมที่ดินแปลงพิเศษ ทำเลพิเศษ พร้อมราคาสุดพิเศษ ทุกโครงการ ทุกทำเล จากบ้านกลางเมือง และ พลีโน่ ไปให้จับจองและเลือกสรรได้ตามความต้องการ ซึ่งข้อเสนอนี้จัดให้เฉพาะลูกค้าที่จองในงานนี้เท่านั้นนะคะ ดังนั้นถ้าไม่อยากพลาดโปรโมชั่นดีๆ แบบนี้ แนะนำให้ลงทะเบียน https://goo.gl/kb4ouD เพื่อลุ้นรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 100,000 บาท*! ไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย ก่อนจะไปเจอกันที่หน้างานวันที่ 10-11 มีนาคม 2561 ที่จะถึงนี้ ซึ่งงานจะจัดเพียง 2 วันเท่านั้น!!! สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1623
Aspire Sathorn – Ratchapruek เปลี่ยน..ชีวิตให้เพียบพร้อม ต่อติดทุกการเดินทาง : รีวิวคอนโด

Aspire Sathorn – Ratchapruek เปลี่ยน..ชีวิตให้เพียบพร้อม ต่อติดทุกการเดินทาง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปอัพเดทความคืบหน้าล่าสุดของคอนโดมิเนียมใหม่ที่อยู่ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีบางหว้า อินเตอร์เชนจ์ เพียงแค่ก้าวเดียวจาก Skywalk กับโครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek (แอสปาย สาทร-ราชพฤกษ์)” แบรนด์คอนโดคุณภาพจาก AP Thai นั่นเองค่ะ หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณสองปีก่อนหลายคนอาจจำกันได้ว่าทางโครงการได้เคยเปิดจองกันไปแล้ว และก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมากๆ แต่ด้วยประสบการณ์และชื่อเสียงที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนาน ทำให้ทางแบรนด์อยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกบ้าน โดยเล็งเห็นอนาคตว่าการมาถึงของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ที่ทำการเชื่อมต่อกับ BTS สถานีบางหว้า จะทำให้ทำเลย่านนี้ดูคึกคัก น่าสนใจ และเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น จึงได้หยุดทำการขายและมีการคืนเงินให้แก่ผู้จองเพื่อพัฒนาโครงการให้ดีขึ้นกว่าเดิม ปัจจุบันทางโครงการได้ดำเนินการก่อสร้างใกล้เสร็จเต็มทีแล้วนะคะ และการกลับมาครั้งนี้ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ค่ะ เพราะจุดเด่นนอกจากเรื่องของทำเลศักยภาพแล้ว ตัวอาคารยังถูก Re-design และปรับวาง Layout ภายในใหม่ทั้งหมด รวมถึงคัดสรรแต่วัสดุพรีเมี่ยมที่ดีกว่าเดิมมาใช้กับโครงการในราคาที่แทบไม่ต่างจากเดิมเลย เรียกว่าทุกคนสามารถจับต้องได้เช่นเดิม ซึ่งจะมีการ Pre-Sale อีกครั้งในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2561 นี้ ทำเลและการเดินทาง   ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า โครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ราชพฤกษ์ ใกล้กับท่าเรือสะพานตากสิน-เพชรเกษม สามารถเข้าออกได้ 2 ทาง ทั้งจากถนนราชพฤกษ์และถนนเทอดไท จุดเด่นคืออยู่ติด BTS สถานีบางหว้าที่อยู่บนถนนเพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์ บริเวณโดยรอบโครงการเป็นย่านชุมชนเก่าที่คึกคักพอสมควร เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยซะส่วนใหญ่ มีทั้งบ้านเรือนรวมถึงคอนโดฯ ทั้ง High Rise และ Low Rise อยู่หลายโครงการ โดยปกติแล้วคอนโดฯ ในโซนนี้ มักโฆษณาว่าอยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ แอสปาย สาทร-ราชพฤกษ์ นับว่าเป็นโครงการเดียวที่อยู่ติด BTS บางหว้ามากที่สุดในตอนนี้ค่ะ เพราะมี Skywalk ติดหน้าโครงการเลย นับว่าสะดวกสบายและมีความปลอดภัยมากทีเดียว   สำหรับการเดินทางของคนใช้รถยนต์ก็ถือว่าสะดวกและคล่องตัวอยู่พอตัวเลยนะคะ เพราะด้านหน้าโครงการสามารถกลับรถได้เลย และอย่างที่บอกไปว่าโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ราชพฤกษ์ ตรงหัวมุมถนนเทอดไทพอดี โดยถนนเทอดไทนั้นเป็นถนนสายหลักที่สามารถเชื่อมไปออกถนนบางแค และถนนเพชรเกษมได้ ซึ่งก็ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงคับคั่งได้เป็นอย่างดี แถมถนนบางแค และถนนเพชรเกษมก็มีร้านค้า, ตลาดสด, ห้างสรรพสินค้า ให้เลือกจับจ่ายมากมาย สาธารณูปโภคต่างๆ ก็มีครบถ้วนทั้งสถานศึกษา, โรงพยาบาล, ศาสนสถาน ไปจนถึงหน่วยงานราชการต่างๆ ใครที่ทำงานในเมืองก็น่าจะถูกใจและสะดวก เพราะจากโครงการสามารถวิ่งตรงเข้าใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว ด้วย 2 สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ใกล้ๆ ทั้งสะพานกรุงเทพ (ห่างประมาณ 5 กิโลเมตร) และสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน (ห่างประมาณ 6 กิโลเมตร) ก็มุ่งตรงสู่ย่าน CBD อย่างสาทร, สีลม, พระราม 4 แล้วค่ะ การเดินทางด้วยรถสาธารณะ บอกได้คำเดียวว่าสะดวกที่สุดค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ทำให้มีรถแท็กซี่ รวมถึงวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ที่สำคัญคืออยู่ติด BTS สถานีบางหว้า สามารถเดิน Skywalk มาลงหน้าโครงการได้สบายๆ หากใครอยากจะเข้าเมืองไปช็อปปิ้งเพลินๆ ก็สามารถใช้ BTS จากสถานีบางหว้า (ต้นสาย) นั่งไปลงที่สถานีสยาม ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลม ที่มีห้างสรรพสินค้ามากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามสแควร์วัน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่ โดยใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกของการเดินทางสำหรับคนเมืองที่อยากหนีความจอแจบนท้องถนน สามารถใช้เรือด่วนในคลองภาษีเจริญที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการได้ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงท่าเรือสะพานตากสิน-เพชรเกษม และท่าเรือด่วนสาทร ศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญของกรุงเทพแล้วค่ะ และในอนาคตสถานีบางหว้าก็จะกลายเป็นศูนย์กลางระบบการคมนาคมขนาดใหญ่ด้วยการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินอีกด้วย เรียกว่าถ้าเปิดให้ใช้บริการเมื่อไหร่ ความสะดวกสบายและตัวเลือกในการเดินทางก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางจากสยาม นั่งมาลงสถานีบางหว้านะคะ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 25 นาที จากสถานีจะมองเห็น MRT สายสีน้ำเงิน ที่เป็น Interchange กับ BTS สถานีบางหว้าเลยนะคะ ซึ่งก็ดูก่อสร้างใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ ตัวเลือกในการเดินทางก็มีเพิ่มขึ้นเท่านั้น สำหรับทางไปคอนโดจะอยู่ที่ทางออก 3 และ 4 นะคะ สังเกตป้ายที่บอกไปท่าเรือ สะพานตากสิน-เพชรเกษม และเดินตามลูกศรไปเลยค่ะ เดินลงบันไดมาจะเจอ Skywalk ก็เลี้ยวขวาไปตามทางเลยค่ะ ทางเดินเชื่อมจากตัวสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าข้ามคลองภาษีเจริญมายังฝั่งเทอดไทจะทอดยาวไปจนถึงหน้าคอนโดเลยนะคะ โดยทางโครงการได้ทำการเชื่อมต่อทางเดินบน Skywalk ให้ถึงหน้าทางเข้าโครงการเลยทีเดียว ระห่างทางเดินจะมีป้ายบอกทางอยู่ตลอดเลยนะคะ แถมยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลอยู่ตามจุดเป็นระยะๆ ด้วย ซึ่งก็ให้ความอุ่นใจเวลาเดินไปกลับคอนโดฯ ได้ระดับหนึ่งเลยค่ะ จาก Skywalk มีบันไดลงมาถึงท่าเรือ สะพานตากสิน-เพชรเกษมเลยนะคะ ถ้าใครอยากหลีกเลี่ยงรถติด ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวกสบายมากๆ ตัวโครงการตั้งอยู่บริเวณตรงหัวมุมถนนเทอดไทพอดี ดังนั้นจึงสามารถเดินตามป้ายที่ชี้ไปทางเทอดไทได้เลยค่ะ เดินตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นตัวคอนโดแล้วค่ะ เพราะอยู่ห่างจาก BTS สถานีบางหว้าเพียง 450 เมตรเท่านั้น ซึ่งเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ จาก Skywalk จะมองเห็นถนนเส้นราชพฤกษ์หน้าโครงการเลยนะคะ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดกลับรถไม่ไกล หากจะเข้าเมืองไปสาทรก็สามารถกลับรถใต้สะพานและมุ่งตรงไปได้เลย บริเวณใกล้ๆ โครงการเป็นย่านชุมชนเก่านะคะ ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยซะส่วนใหญ่ นอกจากบ้านเรือนก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารอยู่บ้างนะคะ ถ้าใครอยู่คอนโดและใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก เดินลงมาจากสถานีซื้อข้าวกลับไปคอนโดก็เป็นเรื่องที่สะดวก ติดกับทางลงโครงการ จะเป็นทางลงฝั่งถนนเทอดไทนะคะ ซึ่งเป็นย่านชุมชนเก่าที่คึกคักไม่เบา เนื่องจากเป็นซอยที่สามารถลัดเลาะเชื่อมต่อกับถนนบางแค และเพชรเกษมได้นั่นเอง ถัดจากทางลงฝั่งเทอดไท ก็จะเป็นทางลงสู่โครงการแล้วค่ะ ซึ่งอยู่ติดกับประตูทางเข้าเลย เปรียบเสมือนเป็น private walk way ประตูทางเข้าโครงการจะติดกับ Skywalk เพียงแค่ก้าวเดียวเลยนะคะ แถมยังเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ลูกบ้านด้วยการใช้ระบบ keycard ในการเข้าออก ที่ดินของโครงการฝั่งที่ติดกับถนนราชพฤกษ์จะมีคลองระบายน้ำเล็กๆ กั้นอยู่ จากภาพจะเห็นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ติดหัวมุมถนนเทอดไทเลยนะคะ   เจาะลึกโครงการ   โครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek” เป็นคอนโด High Rise สูง 32 ชั้น 1 อาคาร บนที่ดิน 4-3-13.6 ไร่ แบ่งออกเป็นร้านค้า 1 ยูนิต และที่พักอาศัย 1,049 ยูนิต มาพร้อมที่จอดรถ 419 คัน (คิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน) และมี EV Fharger ด้วย สำหรับลิฟท์โดยสารนั้นมีทั้งหมด 5 ตัว และมี Service Lift ไว้ขนของอีก 1 ตัว อย่างที่บอกไปว่าทางโครงการได้ทำการ Re-design ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เข้ากับยุค 2018 แบบที่ไม่มีใครเคยเห็นจากโครงการไหนของ Aspire มาก่อน ตัวอาคารถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่าย มี Façade ปกคลุมอาคารไว้ และแฝงความเก๋ด้วยการไล่โทนสีอ่อนเข้มแบบ Gradient ให้ตัวอาคารเกิดความมีมิติที่สวยงาม ดูแปลกตาและน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสีประจำโครงการอย่างสีมัสตาร์ด ที่นำมาตกแต่งรายละเอียดภายในอาคารบางจุด เพื่อเพิ่มสีสันและเป็นกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ ให้กับโครงการ   สำหรับพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันและคุ้มค่าเกินราคามากเลยค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมยุคใหม่เข้ากับความเป็นส่วนตัวที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกันและแยกเป็นส่วนตัว ในรูปแบบของ Facility ที่ใหญ่ขึ้นและมีความหลากหลายมากกว่าเดิม รวมถึงดีไซน์ให้ต่างไปจากเดิมและน่าใช้งานได้มากขึ้น เริ่มตั้งแต่บริเวณ Ground Floor พื้นที่ Lobby อันหรูหรา มาพร้อม multi function แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ Reception Hall, Lobby Loumge และ Semi Outdoor Area ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง โดยการทำ Co-working & sharing space ให้ลูกบ้านสามารถมานั่งทํางาน หรือรีแลกซ์ได้ แถมยังมี Internet แบบ Fibre optic เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในตอนนี้ให้บริการอีกด้วย จาก Master Plan จะมีทางเข้าโครงการจากถนนราชพฤกษ์นะคะ และมีจุด Drop-off ก่อนจะเข้าสู่ Lobby พื้นที่ Lobby ของโครงการออกแบบมาให้เป็น Co-working and Sharing Space อย่างสมบูรณ์ ด้วยจุดที่ลูกบ้านสามารถใช้ทํางาน ได้ถึง 4 จุดตามไลฟ์สไตล์ ประกอบด้วย Social lounge, meeting room, semi outdoor lounge และ techno booth ภาพบรรยากาศจำลองส่วนของโถงต้อนรับ Lobby Lounge ที่ดูหรูหราและทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Social Library Lounge ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Social Library Lounge โซนห้องสมุดที่มาพร้อมโต๊ะนั่งอ่านหนังสือแบบ Indoor สามารถนั่งคุยงาน ทํางานในห้องแอร์แบบ Casual ได้ แต่ถ้าใครต้องการความ private ก็เปลี่ยนไปใช้ Private Meeting Room อีกโซนแทนได้ค่ะ ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Private Meeting Room ออกแบบไว้รองรับลูกบ้านได้ถึง 6-8 คน สําหรับคุยงานจริงจัง ซึ่งสามารถปิดเป็นที่ประชุมได้แบบ private ซึ่งมาพร้อม TV ให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกด้วยค่ะ ภาพบรรยากาศจำลองห้อง Techno Booth ออกแบบให้ลูกบ้านสามารถมานั่งทำงานหรือติวหนังสือคนเดียว หรือเป็นคู่ได้ แถมยังมี TV ให้สามารถต่อ Laptop Present งานได้ แปลนอาคารชั้น 3 ซึ่งแบ่งเป็นที่จอดรถ และเป็นส่วนของที่พักอาศัย โดยเริ่มต้นตั้งแต่ชั้นนี้เลยค่ะ ในส่วนของสระว่ายน้ำ, ฟิตเนต และความสะดวกสบายอื่นๆ ถูกยกขึ้นไปไว้บนพื้นที่ชั้น 8 และ Rooftop ทั้งหมดเลยนะคะ โดยพื้นที่ชั้น 8 นั้นมีสระว่ายน้ำแบบ Overlap Pool ความยาวถึง 40 เมตร โดยจะแบ่งการใช้งานไว้ 2 ฟังก์ชั่น คือ Active Zone มาพร้อมสระว่ายน้ำ Lap pool ความยาวขนาด 25 เมตร สำหรับนักออกกำลังกายแบบจริงจัง ในส่วนของ Passive Zone แบ่งออกเป็น Relaxing Zone ประกอบด้วย Sunken bed, Social pool, kid pool, sunbed บนผิวน้ำ และ Pool Cabana/Pavilion แถมในโซนสระว่ายน้ำยังมีโซน Multifunction Deck เพื่อลูกบ้านที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสำหรับนั่งทำงานและพักผ่อน ซึ่งเป็นออฟชั่นเสริมจากชั้น GF ที่ทางโครงการตั้งใจมอบให้แก่ลูกบ้าน แปลนของพื้นที่ชั้น 8 เป็นส่วนของ Facility สำคัญอย่างสระว่ายน้ำและฟิตเนสนะคะ ซึ่งชั้นนี้จะมียูนิตห้องพักอาศัยรวมด้วย ภาพบรรยากาศจำลอง Facility ชั้น 8 ในส่วนของ Social Pool, kid Pool และ Sunken Bed ภาพบรรยากาศจำลอง Facility ชั้น 8 ที่ออกแบบ Landscape ใหม่ โดยทำทางเดินขนานไปกับผืนน้ำ นับว่าเป็นดีไซน์ที่แปลกใหม่ต่างจากโครงการ Aspire อื่นๆ สำหรับ Fitness ถูกวางขนานไปกับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ โอบล้อมด้วยกระจกใสให้ลูกบ้านได้ออกกำลังกายอย่างเพลิดเพลิน และเป็นครั้งแรกของแบรนด์ AP ที่มุ่งเน้นการออกกำลังกายอย่างแท้จริง โดยจัดเต็มเครื่องเล่นใหม่ๆ อย่าง Matrix และ Johnsons ให้ลูกบ้านแบบไม่มีกั๊ก ซึ่งแบ่งพื้นที่ทั้งหมดออกเป็น 5 Sections ได้แก่ Boxing Arena & dummies, ลานเครื่องออกกําลังกายที่มีถึง 5 เครื่อง รวมไปจนถึง S-Drive และ Rower, 2 Dumbbell racks & 2 benches, Cable Machine และ Multi-purpose area โซนเอนกประสงค์หลากหลายกิจกรรม เช่น Yoga, Yoga ball และ free style ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้องฟิตเนสที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครัน แถมยังดีไซน์โฉบเฉี่ยวเพิ่มความเก๋ด้วยการฝังเส้นไฟ LED สีเหลืองมัสตาร์ด (สีประจำโครงการ) ลงที่ขอบพื้น มาต่อกันที่ Rooftop พื้นที่ชั้น 32 ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดถึง 1,200 ตร.ม. เลยนะคะ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่งคือ Corecreational Sky Park และ Rooftop Garden เพื่อให้ลูกบ้านได้พักผ่อนในรูปแบบของลานกิจกรรม เป็น Sharing space ไม่ว่าจะเป็น Relax Sitting และ Amphitheater, Jogging track, BBQ area, Outdoor TRX และยังมีลานสำหรับกีฬาแบบกลุ่ม (Co-Sporting) ที่รองรับกีฬาหลากหลายประเภทเช่น ฟุตซอล, แฮนด์บอล, แชร์บอล, โยคะ อีกด้วย แปลนของพื้นที่ชั้น 32 นะคะ ซึ่งเป็น Facility บน Rooftop ขนาดใหญ่ ภาพมุมสูงอาคาร จะมองเห็นเนื้อที่บนดาดฟ้าทั้งหมด 1,200 ตร.ม. โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ Corecreational Sky Park และ Rooftop Garden เพื่อให้ลูกบ้านพักผ่อนได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมี Rooftop Garden พื้นที่สีเขียวและเป็น Buffer กันความร้อนเข้าตึกแล้ว ยังมีพื้นที่ 20% เป็น Urban Farming ที่ลูกค้า สามารถปลูกผักสลัดและสมุนไพรต่างๆ เพื่อนำมาประกอบอาหารได้ โดยโครงการมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดทุกวัน และมีจุดชมวิวเมือง City Scape ได้ 360 องศา มี Multifunction Deck สำหรับนั่งทำกลางเป็นจุดสูงสุด ของถนนราชพฤกษ์ได้พร้อมๆ กัน   เปิดแบบห้อง Aspire Sathorn – Ratchapruek ครั้งแรก!   สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek”  มีให้เลือกด้วยกันถึง 4 แบบด้วยกันนะคะ มีตั้งแต่ห้อง Studio ขนาด 26 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาด 31-32 ตารางเมตร, 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตารางเมตร และ 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 45-48 ตารางเมตร ทั้งนี้ทางแบรนด์ยังได้พัฒนา Layout รูปแบบใหม่ให้ดีและคุ้มค่ามากกว่าเดิม โดยนำมาใช้เป็นโครงการแรกของ AP ด้วย ซึ่งภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้หลายรูปแบบ ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งโล่ง สบาย ตอบโจทย์การใช้งานของลูกบ้านได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังจัดเต็มวัสดุให้เกินราคาจริงๆ ค่ะ เพราะเท่าที่เราสอบถามข้อมูลมาคร่าวๆ ก็พอจะเห็นถึง Spec ที่ต่างไปจากเดิมมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นประตูกั้นห้อง Full height ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา, ห้องน้ำสําเร็จรูปที่ใช้กระเบื้องเพื่อให้ลูกบ้านรู้สึกเหมือนห้องน้ำทั่วไป ข้อดีคือทำความสะอาดง่าย และมี service ที่ดีกว่า, ภายในครัวใช้กระเบื้องครัวขนาด 60 x 60 นิ้ว เหนือกว่าโครงการอื่นๆ ที่มักใช้กระเบื้องขนาด 30 x 30 นิ้วเท่านั้น และชุดครัว Hob hood ก็ใช้ Teka Sink MEG ด้วยค่ะ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ลูกบ้านจะได้รับทั้งหมดเลยนะคะ เพราะทางโครงการจะเปิดขายห้องแบบ Fully Fitted ในราคาที่แทบไม่ต่างจากเดิมเลยค่ะ   นอกจากการปรับ Layout และเพิ่ม Spec ที่คุ้มค่าให้ห้องพักอาศัยแล้ว ทางโครงการยังมอบ Fiber Optic to Room ให้ลูกบ้านสามารถใช้ Internet Hi-speed ได้สูงสุด ซึ่งเป็นครั้งแรกใน Product Aspire ด้วยค่ะ แถมโครงการคู่แข่งรอบข้างส่วนใหญ่จะใช้เป็นสายทองแดงปกติ ทำให้สามารถสมัคร Net fiber ได้แต่ความเร็วก็จะลดลงนั่นเองค่ะ นับว่าเป็นข้อดีที่เหนือกว่าอีกข้อเลย สำหรับใครที่กำลังสนใจโครงการนี้อยู่คงต้องอดใจรออีกนิดนะคะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าปัจจุบันตัวโครงการได้ดำเนินการก่อสร้างจนเกือบเสร็จแล้ว เหลือเพียงเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย ทีมงานจึงยังไม่สามารถเข้าไปเก็บภาพห้องตัวอย่างมาฝากได้ แต่เพื่อชาว Review Your Living ทุกคน วันนี้เราจึงมีภาพ Draft และภาพ Mockup room จากทางโครงการ มาให้พิจารณาก่อนที่ทาง AP จะมีการเปิดตัวใหญ่ในช่วงปลายเดือนที่จะถึงนี้ แปลนห้องทั้ง 4 แบบด้วยกันนะคะ ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ห้อง Studio ขนาด 26 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาด 31-32 ตารางเมตร, 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตารางเมตร และ 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 45-48 ตารางเมตร แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 31.5-32 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนห้องนั่งเล่นก่อน ติดกันนั้นเป็นห้องน้ำและส่วนห้องนอนอยู่ถัดไป ส่วนครัวเป็นแบบครัวปิดมีกั้นห้องมาให้ ห้องครัวมีระเบียงอยู่ด้านในสุด ตัวระเบียงสามารถวางแอร์คอมเพรสเซอร์ และเครื่องซักผ้าได้ ภาพตัวอย่างส่วนของ Living area ที่ดูกว้างขวาง ซึ่งลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ฝั่งขวามือของห้องนั่งเล่นจะเป็นส่วนครัวมีประตูบานเลื่อนกระจกใสกั้นไว้ให้ ติดกับคอนโซลทีวีจะเป็นห้องนำ้และห้องนอนที่เป็นประตูทึบ เพดานห้องสูง 2.55 เมตร ภาพตัวอย่างภายในห้องนอนโอบล้อมด้วยกระจกใส สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบายๆ แถมยังดูมีระยะพื้นที่ข้างเตียงเหลือพอให้เดินโดยรอบได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเหลือพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in closet พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้ด้วยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. นับว่าเป็นห้องไฮไลท์ของโครงการได้เลยค่ะ เพราะออกแบบมาให้ลูกบ้านสามารถจัดวาง Layout ได้ตามใจชอบ มีให้เลือกถึง 5 option สามารถปรับเปลี่ยนได้หลายฟังก์ชั่น โดยจะมีห้องอเนกประสงค์กั้นเพิ่มมาให้ 1 ห้อง ซึ่งเราสามารถที่จะจัดเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องทำงานได้ค่ะ ภาพตัวอย่างส่วนของ Living area ที่แบ่ง Zoning ของ Living Ding ชัดเจน โดยใช้ Furniture Built-in ท่ีเป็น Style BAY WINDOW BENCH เข้ามาเป็นตัวแบ่ง ZONE ทําให้พื้นที่ห้องดูกว้างขวางและลงตัวมากขึ้น ภาพตัวอย่างภายในห้องนอนจะมีขนาดกว้างพอสมควรเลยค่ะ สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบถ้วนแบบเหลือๆ ไม่อึดอัด มีช่องแสงป็นหน้าต่างบานฟิกซ์และบานกระทุ้ง แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 46.5-48 ตารางเมตร เป็นห้องขนาดใหญ่สุดของโครงการค่ะ เข้าห้องมาจะเจอส่วนกลางเป็นมุมรับประทานอาหารที่เชื่อมกับห้องนั่งเล่น มีห้องครัวแบบปิดกั้นอยู่ตรงกลางระหว่าง MasterBedroom และห้องนอนเล็ก ระเบียงจะอยู่ด้านหลังครัวนะคะ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนใหญ่ ซึ่งใช้ร่วมกันกับห้องนอนเล็ก เพราะมีประตูเข้าออก 2 ทาง ภาพตัวอย่างส่วนของ Living area เน้น Function ที่ห้อง Living ใหญ่ ยาวต่อเนื่องไปยังพื้นที่ Dining area โดยสามารถนั่งทานข้าวบริเวณเก้าอี้ที่เสมือนเป็น sofa ได้ เหมาะสําหรับตอนเพื่อนๆ มา Party จะได้นั่งต่อกันเป็นพื้นท่ีใหญ่ได้โดยไม่รู้สึกว่าแยกพื้นที่กัน ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้องนอนเล็กที่ดูกว้างขวางทีเดียว เพราะสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง Master Bedroom มีขนาดกว้างเลยทีเดียวค่ะ เพราะสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบ อัพเดทข้อมูลกันมาถึงตรงนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธใช่ไหมคะว่าโครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek” เป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพจาก AP Thai ที่น่าสนใจมากๆ นอกจากเป็น Product Aspire ตัวแรกในปี 2018 ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของ Spec, Design, Technology, และ Facilities อย่างแท้จริงแล้ว โลเคชั่นของโครงการยังสามารถเดินทางสะดวกทั้งคนใช้รถส่วนตัวและรถสาธารณะ เพราะอยู่ใกล้ Interchange บางหว้า ที่มีรถไฟฟ้าถึง 2 สาย (สายเขียวอ่อน BTS + สายสีน้ำเงิน MRT เสร็จภายใน 2 ปี) โดยสายสีฟ้าเป็นรถไฟลอยฟ้าเชื่อมต่อกับใต้ดิน วิ่งครบลูปรอบเมือง ที่สำคัญตัวโครงการมี Skywalk เปรียบเสมือนเป็น Private walk way ส่วนตัว ติดกับประตูทางเข้าเพียงแค่ก้าวเดียว ซึ่งโครงการเองก็เพิ่มความปลอดภัยให้ลูกบ้านอีกขั้นด้วยระบบ keycard เข้าออก   สำหรับคนที่สนใจไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่า บอกได้คำเดียวว่าคุ้มค่าแน่นอนค่ะ เพราะเป็นโครงการที่จองต้นปีก็สามารถย้ายเข้าอยู่ช่วงปลายปีเลย ไม่ต้องอดทนรอก่อสร้างอีกนานกว่าจะได้อยู่จริง จึงสามารถดึงดูด Real demand ได้ดี อีกทั้งราคายังสามารถจับต้องได้ โดยแตกต่างจากเดิมนิดหน่อยแต่ยังคงสูสีกับโครงการในตลาดด้วยราคา 87,000 บาท/ตร.ม. เท่านั้นค่ะ แถมทุกยูนิตขายแบบ Fully Fitted มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดี ซึ่งทางโครงการแอบกระซิบว่า โครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek” จะเปิด Pre-Sale ในวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ 2561 นี้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท* พิเศษ! สำหรับชาว Review Your Living สามารถลงทะเบียนรับส่วนลด 100,000 บาท ได้ที่นี่ https://goo.gl/7XdzS4 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร Call Center 1623
ปักหมุด “สุขสวัสดิ์” ทำเลน่าอยู่บนฝั่งธนฯ : รีวิวทาวน์โฮม

ปักหมุด “สุขสวัสดิ์” ทำเลน่าอยู่บนฝั่งธนฯ : รีวิวทาวน์โฮม

“สุขสวัสดิ์” ทำเลย่านชุมชนเก่าขนาดใหญ่ฝั่งธนฯ ที่มักเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งถือว่าเป็นย่านที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากเพราะเป็นโซนที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของเขตเมืองกรุงเทพฯ ออกมาสู่รอบนอกมากขึ้น จุดเด่นของทำเลในย่านนี้คือระยะทางที่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองเลย โดยเฉพาะย่านธุรกิจอย่างสาทร รวมทั้งยังมีโครงข่ายคมนาคมที่หลากหลาย ทำให้การเดินทางเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย นอกจากนี้ยังรองรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ที่จะมีขึ้นในอนาคตอีกด้วย วันนี้เราเลยเลือกปักหมุดทำเลย่าน “สุขสวัสดิ์” เพื่อจะพาทุกคนไปดูเรื่องของศักยภาพ ตลอดจนการเดินทาง รวมถึงไลฟ์สไตล์และสิ่งอำนวยความสะดวกของคนในย่านนี้ว่าจะน่าอยู่ขนาดไหน ทำไมต้องเป็น “สุขสวัสดิ์” อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า “สุขสวัสดิ์” เป็นชื่อของถนนที่มีระยะทางยาวประมาณ 28 กิโลเมตร ตั้งแต่แยกจอมทองจนถึงแยกพระสมุทรเจดีย์ซึ่งถือเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีความเจริญเป็นอันดับต้นๆ ในกรุงเทพตอนใต้ และมีการเดินทางสะดวกสบาย ประกอบกับความเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยมานาน แนวโน้มการพัฒนาทำเลดังกล่าวจึงเจิรญขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มีแหล่งพาณิชยกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสาธารณูปการหลักรองรับการใช้ชีวิตที่เพียบพร้อม นับได้ว่าเป็นย่านที่มีศักยภาพอยู่แล้วในปัจจุบัน และจะมีการพัฒนาที่ดินเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต นอกจากนี้ทำเลสุขสวัสดิ์ยังอยู่ใกล้ถนนกาญจนาภิเษก หรือถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีระยะทางส่วนใหญ่เป็นทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 เป็นถนนสายสำคัญที่มีเส้นทางเป็นวงแหวนล้อมรอบตัวเมืองกรุงเทพมหานคร และเชื่อมต่อได้ถึง 4 จังหวัดด้วยกัน ได้แก่ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็เป็นเงื่อนไขของความอุดมสมบูรณ์อันดับต้นๆ ที่ทำให้ใครหลายคนตัดสินใจอยากขยับขยายครอบครัวจากถิ่นฐานเดิมมาอยู่อาศัยในย่านนี้ เดินทางสะดวกรวดเร็ว เลือกได้หลากหลายเส้นทาง เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าถนนสายหลักอย่างสุขสวัสดิ์ สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้ทั้งถนนพุทธบูชา, พระราม 2, ประชาอุทิศ, จอมทอง, เอกชัย, บางขุนเทียน, สมเด็จพระเจ้าตากสิน และพระราม 3 ซึ่งเป็นถนนที่เข้านอกออกเมืองได้ง่ายมากๆ ค่ะ แถมยังมีถนนหนทางในซอกซอยต่างๆ อีกเพียบที่จะลัดเลาะหลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่นได้หายห่วง นอกจากนี้ยังเดินทางได้สะดวกมากขึ้นด้วยทางด่วนที่เชื่อมต่อกับถนนสุขสวัสดิ์อย่างทางพิเศษเฉลิมมหานคร โดยทางด่วนเส้นนี้จะเชื่อมไปยังจุดต่างๆ ในกรุงเทพด้วย เช่น วิภาวดีรังสิต, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สะพานเหลืองหัวลำโพง, สุขุมวิท, โซนบางนา และท่าเรือคลองเตย เป็นต้น ซึ่งสามารถเดินทางไปพระราม 3 สาทร ได้อย่างรวดเร็ว เพราะใกล้จุดขึ้น-ลง ด่านดาวคะนอง และด่านสุขสวัสดิ์ ทำให้เดินทางเข้าสู่ย่านธุรกิจได้ภายในไม่กี่นาที และยังสามารถเลือกเดินทางด้วยถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ข้ามสะพานภูมิพล 1 เพื่อเชื่อมต่อกับพระราม 3 โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าทางด่วน หรือหากข้ามสะพานภูมิพล 2 ไปก็สามารถเชื่อมต่อกับถนนปู่เจ้าสมิงพราย และถนนสุขุมวิทได้สะดวก หรือจะไปเชื่อมกับถนนกาญจนาภิเษกก็สามารถเดินทางออกต่างจังหวัดได้เช่นกัน ในส่วนของการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนก็ถือว่าสะดวกไม่ใช่น้อยเลยนะคะ เพราะอีกไม่เกิน 3 ปีข้างหน้า ถนนสุขสวัสดิ์จะเป็นส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ที่เป็นส่วนต่อขยายมาจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงคลองบางไผ่-เตาปูน) ซึ่งพื้นที่ย่านสุขสวัสดิ์มีสถานีที่ใกล้ๆ คือ สถานีดาวคะนอง, สถานีบางปะกอก, สถานีประชาอุทิศ โดย Interchange Station อยู่ที่สถานีวงเวียนใหญ่ เชื่อมต่อกับรถไฟสายชานเมืองสีแดงเข้มช่วงหัวลำโพง-บางบอน-มหาชัย ทำให้การเดินทางในอนาคตจะมีศักยภาพเพิ่มขึ้น และเชื่อมโยงไปสู่ใจกลางเมืองได้มากขึ้น และการมาถึงของรถไฟฟ้าเหล่านี้จะทำให้แนวโน้มพื้นที่สุขสวัสดิ์มีการพัฒนาและเจริญมากขึ้นอีกแน่นอนค่ะ ล้อมรอบด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน จุดเด่นของย่าน “สุขสวัสดิ์” นอกจากการเดินทางที่สะดวกสบายเชื่อมต่อตัวเมืองได้หลากหลายเส้นทาง ยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้าอย่าง เซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2 และ 3, บิ๊กซี สุขสวัสดิ์, เทสโก้โลตัส สุขสวัสดิ์และโฮมโปร ไม่เพียงเท่านี้ยังมีแหล่งไลฟ์สไตล์สุดชิคแห่งใหม่อย่าง The Up Rama 3 คอมมูนิตี้มอลล์ย่านพระราม 3 ที่รวมร้านอาหารพร้อมด้วยร้านค้าและบริการต่างๆ อีกมากมายเพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของครอบครัว หรือถ้าอยากใกล้ชิดธรรมชาติก็สามารถไปเที่ยวบางกระเจ้า สถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนปอดของคนกรุงเทพได้ในพิกัดที่ง่ายต่อการไปถึง นอกจากนี้ยังมีสวนสาธาระณะขนาดใหญ่อย่างสวนสุขภาพลัดโพธิ์บริเวณใต้สะพานภูมิพลอีกด้วย เรียกว่าผู้อาศัยในย่านนี้มีตัวเลือกในเรื่องของการพักผ่อนรวมถึงอาหารการกินที่เยอะและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพทีเดียวค่ะ เซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 3 เทสโก้ โลตัส พระราม 3 The Up พระราม 3 บางกระเจ้า ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง บางกระเจ้าพื้นที่ปั่นจักรยานที่เปรียบเสมือนปอดของคนกรุงเทพ บรรยากาศสบายๆ ที่บางกระเจ้า นอกจากแหล่งไลฟ์สไตล์ที่เรายกตัวอย่างไปแล้วนั้น ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลนครธน, โรงพยาบาลบางปะกอก 3 และ 9, โรงพยาบาลบางมด และสถานศึกษาชื่อดังตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัยเลยค่ะ เพราะมีทั้ง โรงเรียนสารสาสน์ สุขสวัสดิ์, โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี, โรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม, โรงเรียนเลิศหล้า และมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ทำให้เป็นทำเลที่มีชีวิตและสามารถอยู่อาศัยได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากทำเลสุขสวัสดิ์มีเส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อด้วยการคมนาคมหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางสัญจรทางบก หรือแนวโน้มระบบขนส่งมวลชนทางรถไฟฟ้า ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ดีเวลลอปเปอร์หลายรายเข้ามาปักหมุดทำเลในย่านนี้ แต่แบรนด์ที่น่าสนใจและได้รับการตอบรับดีที่สุดก็คือ “บ้านกลางเมือง” ของ บริษัท เอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ AP Thai ผู้นำและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ โดยชูคอนเซ็ปต์ทาวน์โฮมที่เดินทางง่ายใกล้ใจกลางเมือง ฟังก์ชั่นครบสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ถึง 2 โครงการ ได้แก่ บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39 และ บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์ ซึ่งมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ค่ะ บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39 โครงการ บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39 เป็นโครงการ ทาวน์โฮมสไตล์โมเดิร์นที่เกิดขึ้นใหม่แห่งเดียวในย่านนี้ ซึ่งจุดประสงค์ของกลุ่มผู้ใช้งานคืออยู่อาศัยเป็นครอบครัว จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนเมืองที่ต้องการบ้านอยู่อาศัยสำหรับครอบครัวมากกว่าการเลือกอยู่คอนโด โดยไม่ลืมใส่ความหรูหราและเลือกคุณภาพให้แก่ลูกบ้าน ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 328 หลัง ขนาดเริ่มต้นอยู่ที่  18 - 20 ตร.ว. นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ คลับเฮ้าส์ ฟิตเนส สวนสาธารณะ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยอีกด้วย มีรูปแบบบ้านให้เลือกถึง 4 แบบด้วยกัน   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น : 5.99 - 7.99 ล้านบาท เจ้าของโครงการ : บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด ลักษณะโครงการ : ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น และทาวน์โฮม 3 จำนวน 328 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ : ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ แบบบ้าน Iconic ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร แบบบ้าน Urbanist ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 145 ตารางเมตร แบบบ้าน Iconic ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 193 ตร.ม. 3.5 ชั้น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน โดดเด่นด้วย Double Volume Space และ Sky Living Room แบบบ้าน Urbanist ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 145 ตรม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่น Triple Bedroom และ Multi-purpose Room พร้อมระเบียงส่วนตัวบนชั้น 3 บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์ สำหรับโครงการ บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์  เป็นโครงการทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด ด้วยคอนเซ็ปต์ที่เน้นการใช้ชีวิตในทุกๆ ด้านอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ที่อยู่อาศัย จุดเด่นอยู่ที่ทำเลศักยภาพ ทำให้เกิดความคล่องตัวสามารถเชื่อมโยงการใช้ชีวิตในเมืองได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือจับจ่ายใช้สอย ซึ่งนับว่าเป็นโครงการบ้านที่น่าสนใจที่สุดในย่านนี้ จุดประสงค์ของกลุ่มผู้ใช้งานคือ ครอบครัวที่จะขยายมาจากครอบครัวใหญ่ เป็นวัยทำงาน เนื่องจากสามารถเข้าถึงโซนออฟฟิศชั้นนำได้อย่างสะดวก และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ทาวน์โฮมแบรนด์ “บ้านกลางเมือง” ยังถูกพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งโมเดลใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาก็คือ “Terraria Model” ออกแบบภายใต้วิธีคิดนวัตกรรมดีไซน์พื้นที่แห่งอนาคต (Innovation for Future Living) โดยมีจุดเด่น คือ 1. การออกแบบพื้นที่ สีเขียว (Design for Green Living) ซึ่งนอกจากจะให้ความสำคัญกับการนำต้นไม้เข้ามาอยู่ในตัวอาคารในรูปแบบ Pocket Garden เข้ามาไว้ในทาวน์โฮมถึง 2 จุดในชั้น 2 และชั้น 3 แล้วนั้น ยังคำนึงถึงการออกแบบมุมมอง (Design Approach) ทั้งจากภายในและภายนอก 2. การออกแบบพื้นที่รองรับการปรับเปลี่ยน (Design for Flexible Living) ตามความต้องการใช้พื้นที่ที่หลากหลาก ด้วย Flexible Wall ผนังภายในแบบ พิเศษที่รองรับการปรับเปลี่ยน ขยับขยายได้จริง ยืดหยุ่นได้หลากหลายรูปแบบโดยไม่กระทบโครงสร้าง หลักของบ้าน ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้อาศัย ขณะที่ความลงตัวเชิงฟังก์ชั่นและความคุ้มค่าทุกตารางนิ้วของพื้นที่ใช้สอยภายในทั้ง 3 ชั้น ยังเชื่อมต่อการใช้งานได้อย่างไม่จำกัด อาทิ เพิ่มพื้นที่เก็บของ (ด้านหน้าและใต้บันได) การบริหารพื้นที่ครัวแบบเข้ามุม และเพิ่มพื้นที่พักผ่อนพิเศษ ที่สามารถรองรับ ทั้งการเป็นส่วนนั่งเล่นของครอบครัวหรือพื้นที่ทำงานได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยดีไซน์โมเดิร์นอย่างเป็นเอกลักษณ์ของโครงสร้างสถาปัตยกรรมดีไซน์ภายนอก ซึ่งด้วยวิธีคิดการออกแบบพื้นที่แห่งอนาคตทั้งหมดนี้ นับเป็นการพลิกประวัติศาสตร์การดีไซน์ ฉีกกรอบคำจำกัดความของทาวน์โฮมแบบเดิมๆ ได้อย่างโดดเด่นและน่าสนใจเป็นอย่างมาก   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น : 4.99 - 9.29 ล้านบาท เจ้าของโครงการ : บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด ลักษณะโครงการ : บ้านแฝด 3 ชั้น และ ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร จำนวน 168 ยูนิต พื้นที่โครงการ : 20-1-41.2 ไร่ ที่ตั้งโครงการ : ซอยสุขสวัสดิ์ 39 ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้ทางขึ้น-ลง ทางด่วน และวงแหวนรอบนอก แบบบ้านแฝด 3 ชั้น  MAJESTIC ขนาดพื้นที่ใช้สอย 222 ตร.ม. แบบบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น  MARQUE ขนาดพื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม. แบบบ้าน MAJESTIC ขนาดพื้นที่ใช้สอย 222 ตร.ม. เป็นบ้านแฝด 3 ชั้นแนวคิดใหม่ตอบรับทุกไอเดียสร้างสรรค์ได้ อย่างเต็มรูปแบบด้วยพื้นที่และฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้น ภาพจำลองแปลนพื้นที่ชั้น 1 ของบ้านแฝดแบบ MAJESTIC ภาพจำลองแปลนพื้นที่ชั้น 2 ของบ้านแฝดแบบ MAJESTIC ภาพจำลองแปลนพื้นที่ชั้น 3 ของบ้านแฝดแบบ MAJESTIC แบบบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น MARQUE ขนาดพื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม. พร้อมฟังก์ชั่นใหม่ เติมเต็ม ความสุขให้เพิ่มขึ้นด้วย DOUBLE GARDEN, FLEXIBLE SPACE, EXTRA SPACE ภาพบรรยากาศจำลองการตกแต่งห้องนั่งเล่นที่ดูหรูหรา น่าใช้งาน ภาพบรรยากาศจำลองการตกแต่งห้องนอนที่เอื้อต่อการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการ ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณคลับเฮ้าส์ พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ เหตุผลที่ควรเลือกซื้อบ้านจาก AP Thai ต้องบอกเลยว่าทำเลของโครงการทั้งสองนี้มีความโดดเด่นมากๆ ค่ะทั้ง “บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39” และ “บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์” เพราะตั้งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ส่วนต่อขยายในอนาคต เตาปูน-ราษฏร์บูรณะ) รอบๆ โครงการทั้งสองโครงการเดินทางได้สะดวกมากๆ ไม่ว่าเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือจะเป็นการเข้าสู่ใจกลางเมืองด้วยรถส่วนตัว ทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร, สะพานภูมิพล รวมถึงถนนวงแหวน กาญจนา ก็ถือว่าเป็นเส้นทางสายสำคัญที่จะทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิมค่ะ แถมยังแวดล้อมไปด้วยสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งแหล่งช็อปปิ้ง สถาบันการศึกษาชั้นนำ รวมถึงสถานพยาบาลเอกชนอีกหลายแห่ง เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเป็นที่สุดค่ะ ใครที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อบ้านในย่านนี้ แนะนำให้พิจารณาจาก 2 โครงการนี้เลยค่ะ ว่าโครงการไหนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณในกระเป๋ามากกว่ากัน ถ้างบประมาณเริ่มต้นจำกัดหน่อย “บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39” อาจจะเป็นคำตอบที่ดี ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 5.89 ล้านบาทเท่านั้น กับทำเลที่เดินทางได้สะดวก มีรถไฟฟ้าอยู่ไม่ไกล แต่ถ้าอยากได้บ้านที่มีพื้นที่ใช้มากขึ้นจะขยับมาที่ “บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์” ก็เป็นความคิดที่ดีทีเดียวค่ะ เพราะมีแบบบ้านสไตล์โมเดิร์นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ คือบ้านแฝดที่เน้นพื้นที่ใช้สอยเยอะสุดๆ และบ้านทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ล่าสุดของบ้านกลางเมือง ซึ่งเพิ่มฟังก์ชั่นให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอยได้ตามต้องการ ด้วยราคาเริ่มต้น 9.29 ล้านบาท อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่า นอกจากเรื่องทำเลย่านสุขสวัสดิ์ที่น่าสนใจแล้ว หลายคนคงกำลังอยากเป็นเจ้าของบ้าน บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39 และ บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์ แล้วใช่ไหมคะ? ลองคลิกเข้าไปดูรายละเอียดโครงการทั้งสองได้ที่ลิงค์นี้เลยค่ะ www.apthai.com/ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. Call Center 1623 ล่าสุด! ได้ยินมาว่า โครงการ บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ และบ้านกลางเมือง สาทร สุขสวัสดิ์ มี campaign ร่วมกัน Smart Living @sathorn สามารถลงทะเบียน รับส่วนลดเพิ่ม 100,000 บาท โดยราคาเริ่มต้น 4.99 - 9.29 ล้านบาทเท่านั้น
‘เอพี’ มั่นใจ ศักยภาพไทยปี 61 แข็งแกร่ง ผนึกกำลัง ‘มิตซูบิชิ เอสเตท’ เดินหน้าลงทุนต่อเนื่องใน 4 คอนโดใหม่ รวมมูลค่าโครงการร่วมทุน 5 ปีสูงกว่า 74,430 ล้านบาท

‘เอพี’ มั่นใจ ศักยภาพไทยปี 61 แข็งแกร่ง ผนึกกำลัง ‘มิตซูบิชิ เอสเตท’ เดินหน้าลงทุนต่อเนื่องใน 4 คอนโดใหม่ รวมมูลค่าโครงการร่วมทุน 5 ปีสูงกว่า 74,430 ล้านบาท

เอพี ไทยแลนด์ ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน เชื่อมั่นศักยภาพเศรษฐกิจไทยปี 2561 สดใส บรรยากาศการซื้อขายกลับสู่ภาวะปกติ ดีมานด์ตลาดคอนโดระดับกลางถึงบนตลาดตอบรับดี ผนึกกำลัง มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป พันธมิตรทางธุรกิจ กางแผนพัฒนาปี 61 เร่งสานต่อการลงทุนหลังแผนการโอนกรรมสิทธิ์ 6 คอนโดร่วมทุนแรกออกมาสวยงาม ด้าน มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ประกาศงบลงทุนในไทย มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ประเดิมลงนามร่วมทุนคอนโดแพคแรกกับ 4 โครงการใหญ่ รวมมูลค่าโครงการร่วมทุน 5 ปี สูงกว่า 74,430 ล้านบาท นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า “เอพี ไทยแลนด์ ได้ยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง กับ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป  (หรือ MECG) ยิ่งขึ้นเป็นปีที่ 5 โดยต้นปี 2561 นี้เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป มีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บนอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นปีได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกัน จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 23,000 ล้านบาท โดย LIFE สุขุมวิท 62 จะเป็นโครงการแรกที่พร้อมเปิดในเดือนมีนาคม ผ่านระบบ AP i-Booking และโครงการอื่นๆ จะทยอยเปิดตัวตามแผนงานที่กำหนดไว้ ณ ปัจจุบันรวมมูลค่าโครงการร่วมทุน 5 ปีสูงถึง 74,430 ล้านบาท” “เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายเดียวที่มีโมเดลร่วมทุนในแบบการจัดตั้งบริษัทแม่ในไทย ภายใต้ชื่อ “บริษัท พรีเมียม เรสซิเดนท์ จำกัด” เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการภายใต้การร่วมทุน ซึ่งในปีนี้ทางมิตซูบิชิ เอสเตทได้ส่งทีมงานจากญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มานั่งทำงานประจำร่วมกับทีมงานเอพีเพิ่มมากขึ้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการอนุมัติและดำเนินการต่างๆ แผนการร่วมทุนกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด โดยในปีที่ผ่านมา เอพีได้พัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมทุนใน Scale ที่ใหญ่ขึ้น   ทั้ง LIFE วิทยุ LIFE ลาดพร้าว และ LIFE อโศก-พระราม 9 ซึ่งทั้ง 3 โครงการส่งผลให้ยอดขายในส่วนของคอนโดมิเนียมโตขึ้นมากถึง 180% หากเทียบกับปีก่อนหน้า” นายอนุพงษ์ กล่าวเสริม มร. โชจิโร โคจิมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย ในนามของมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป กล่าวถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพเศรษฐกิจไทยและความสำเร็จในการพัฒนาโครงการร่วมกับ เอพี (ไทยแลนด์) ว่า "สำหรับงบลงทุนพัฒนาอสังหาฯ ในต่างประเทศของ MECG รวม 3 ปี (2561 - 2563) อยู่ที่ 4 แสนล้านเยน (หรือประมาณ 1.17 หมื่นล้านบาท) เป็นการลงทุนในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ยุโรป จีน โอเชียเนีย และกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการลงทุนนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไป โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ทาง MECG เห็นโอกาสจากรายได้ต่อครัวเรือนของคนในกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นทุกปี การขยายตัวของจำนวนประชากรที่ย้ายถิ่นฐานจากต่างจังหวัด อีกทั้งระบบขนส่งมวลชนที่พัฒนาไปมาก ส่งผลให้เกิดการกระจายออกของศูนย์กลางความเจริญของเมืองรูปแบบใหม่ ที่ทำให้วิถีการใช้ชีวิตของคนไทยมีความคล่องตัวในลักษณะครอบครัวขนาดเล็กลงมากขึ้น” “จากการร่วมมือกันที่ผ่านมา มีผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก ทั้งในส่วนของยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ โดยในส่วนของยอดขายคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนปี 2557 - 2560 ทั้งสิ้น 11 โครงการ มียอดขายรวมเฉลี่ย 90% จากมูลค่ารวมทั้งสิ้น 51,430 ล้านบาท โดยเป็นโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ (1) RHYTHM สุขุมวิท 36 – 38 (2) ASPIRE รัชดา – วงศ์สว่าง (3) ASPIRE สาทร – ท่าพระ (4) RHYTHM อโศก 2 และ 2 โครงการล่าสุด ที่ได้เปิดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/2560 ที่ผ่านมา คือ (5) Life ปิ่นเกล้า และ (6) RHYTHM รางน้ำ โดยลูกค้าให้การตอบรับโอนกรรมสิทธิ์ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเป็นผลจากการทำงานร่วมกันในการพัฒนาและประยุกต์ใช้ AP Check List หนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการควบคุมคุณภาพสินค้าที่เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการออกแบบพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งใจจะเดินหน้าทำงานร่วมกับเอพีฯ ต่อไปในการพัฒนาคอนโดมิเนียมตอบคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต เพื่อป้อนตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้เรายังคงตั้งเป้าจะพัฒนาโครงการร่วมกับเอพี ด้วยมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท” มร. โชจิโร โคจิมา กล่าวเสริม ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แห่งความร่วมมือและมิตรภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เอพี (ไทยแลนด์) และ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ยังคงให้ความสำคัญกับการนำความเชี่ยวชาญของเอพี และ MECG สู่การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ครอบคลุมการพัฒนาที่อยู่อาศัย การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเข้มข้นและจริงจัง ที่จะสร้างความแตกต่าง ครอบคลุมทุกมิติทั้งในด้าน ‘คุณภาพ’ ‘บริการ’ ‘ความสะดวกสบาย’ และ ‘ความปลอดภัย’ นำเสนอให้เกิดขึ้นจริงในคอนโดมิเนียมเครือเอพี ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต” (Innovation for Quality Living in the Future) มุ่งยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมนานาประเทศ  โดยมีเป้าหมายในเฟสแรกจะร่วมพัฒนาคอนโดมิเนียม 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้การร่วมทุนครั้งแรกเมื่อปี 2557 จนถึงวันนี้ เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท ได้พัฒนาโครงการร่วมกันมูลค่าสูงถึง 74,430 ล้านบาท “ด้วยความพร้อมด้านทีมงานคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยคุณภาพ และพันธมิตรคุณภาพภายใต้ passion เดียวกันที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัยคุณภาพ ผมเชื่อว่า เอพี ไทยแลนด์จะสามารถสร้างความแตกต่างและความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และยังคงเป็น 1 ใน 3 ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยจะนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยแห่งอนาคต ผ่านการคิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เท่าทันต่อโลกในอนาคต เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมไทยให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ" คุณอนุพงษ์กล่าวสรุป สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 61 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจประเทศที่น่าจะเติบโตได้ถึง 3.8 – 4% กิจกรรมการตลาดและบรรยากาศการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงต้นปี 61 การแข่งขันในตลาดอสังหาฯ ยังคงเกิดจากผู้ประกอบการรายใหญ่ประมาณ 10 รายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ถือครองส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 80% ดังนั้น ผู้ประกอบการที่หวังจะโตต่อต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็วและแบ่งย่อยเป็นกลุ่มที่ซับซ้อน และต้องบาลานซ์พอร์ตสินค้าคอนโดมิเนียมและแนวราบให้สมดุล โดยเชื่อว่าสินค้าคอนโดมิเนียมที่ตอบตลาดระดับกลางถึงบนมีแนวโน้มเติบโตได้ดี เพราะมีซัพพลายในตลาดไม่มาก และสต๊อกส่วนใหญ่ถูกระบายออกไปในปีที่ผ่านมา ขณะที่สินค้าแนวราบยังโตได้ต่อเนื่อง จากกำลังซื้อเรียลดีมานด์  “เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมการดีไซน์ เพื่อการอยู่อาศัยในเมือง”
‘เอพี ไทยแลนด์’ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ คาดปีหน้าตลาดระดับกลางถึงบนยังแรง

‘เอพี ไทยแลนด์’ ประกาศนิวไฮด์ ด้วยยอดขายปี 60 ถึงกว่า 41,000 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ คาดปีหน้าตลาดระดับกลางถึงบนยังแรง

บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) สร้างเซอร์ไพรส์ตลาดอสังหาฯ โชว์สถิติใหม่ ด้วยยอดขาย ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2560 ถึง 41,600 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 85%  และเกินจากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 26,000 ล้านบาทถึง 60%  ซึ่งมาจากสินค้าแนวราบที่ขายได้ต่อเนื่อง รวมถึงการปลุก    แบรนด์ LIFE CONDO ใน 3 ทำเลเด็ดคือ วิทยุ ลาดพร้าว และอโศก-พระราม 9 โดยในปี 2560 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 25 โครงการ มูลค่ารวม 49,040 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่า 12,350 ล้านบาท ทาวน์โฮม 13 โครงการ มูลค่า 12,590 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 24,100 ล้านบาท เผยสูตรสำเร็จพัฒนาอสังหาฯ เชื่อมโยง 4 มิติ โลเคชั่น – สินค้าที่โดนใจผู้บริโภค - การตั้งแพคเกจราคา-ซัพพลายคงเหลือ คาดปีหน้าตลาดระดับกลางและบนยังไปได้ดี สินค้าแนวราบเป็นที่น่าจับตามอง คอนโดต้องเจาะลึกเป็นรายเซกเมนต์ นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปีนี้ เอพี ไทยแลนด์ประสบความสำเร็จอย่างมากสามารถสร้างยอดขายรวมของสินค้าทั้งกลุ่มคอนโด และแนวราบได้มากถึง 41,600 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากว่า 85%  และเกินจากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ 26,000 ล้านบาทถึง 60% โดยแบ่งเป็นยอดขายที่เกิดจาก สินค้าแนวราบมูลค่า 14,525 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 27,075 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีนี้ นอกจากจะมาจากสินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีแล้ว ยังมาจากการประสบความสำเร็จในการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ LIFE จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ LIFE วิทยุ LIFE ลาดพร้าว และ LIFE อโศก-พระราม 9  ซึ่งทั้ง 3 โครงการสามารถปิดการขายได้ประมาณ 90%” การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในครั้งนี้ สะท้อนภาพความสำเร็จของวิธีคิดในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแบบของเอพี ที่นำมิติทั้ง 4 ด้านมาเชื่อมโยงกันเพื่อออกแบบโมเดลสินค้าและราคาขายที่เข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมิติทั้ง 4 ด้านประกอบด้วย 1) โลเคชั่น  2) โปรดักส์ที่เข้าถึงความต้องการแฝง 3) การกำหนดแพคเกจราคาขายที่สอดรับกับความสามารถในการผ่อนชำระและ 4) การศึกษาจำนวนซัพพลายคงเหลือแต่ละเซกเมนต์ นอกจากนั้น 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้รับความร่วมมืออย่างดีจากมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG) พันธมิตรทางธุรกิจ ในการส่งต่อแนวคิดในการบริหารจัดการคุณภาพ สู่การสร้างกรอบแนวคิดหลักในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในการพัฒนาคอนโดมิเนียมของเอพี ด้วยการผสมผสานประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ากับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะแนวคิดเรื่อง IoT (Internet of Thing) ตลอดจนนวัตกรรมการก่อสร้างสำเร็จรูปในระบบโมดูลาร์ อย่างห้องน้ำสำเร็จรูปที่ให้ค่า Defect เท่ากับศูนย์ สำหรับคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนระหว่างเอพี (ไทยแลนด์) และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG)  มีทั้งหมด 11 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 50,830 ล้านบาท มียอดขายรวมเฉลี่ย 85% ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 1) RHYTHM สุขุมวิท 36 – 38 2) ASPIRE รัชดา – วงศ์สว่าง 3) ASPIRE สาทร – ท่าพระ 4) RHYTHM อโศก 2 โดยทั้ง 4 โครงการมีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งในปี 2561 เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ยังคงจับมือเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับตลาดคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ได้คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 ว่า ภาพรวมธุรกิจยังคงสอดรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ การแข่งขันยังคงเกิดจากผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลักที่ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ซัพพลายที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางและบนขึ้นไปยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค การเปิดตัวของสินค้าใหม่แนวราบยังคงเป็นตลาดที่น่าจับตามอง ส่วนคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลางถึงบนยังคงมีกำลังซื้อ ส่วนตลาดระดับล่างค่อนข้างน่ากังวลเพราะมีสต๊อกสร้างเสร็จคงเหลือจำนวนมาก กระแสการมาของเทคโนโลยีถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นตัวช่วยที่เปิดโอกาสให้เราเข้าใจและรู้จักลูกค้ามากขึ้น แต่สุดท้ายผู้ประกอบการก็จะต้องเป็นคนค้นหาให้เจอว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของตนเองกำลังมองหาอะไร สำหรับการอยู่อาศัยในโลกอนาคต   “เอพี (ไทยแลนด์) กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง”
‘The Symphony of VITTORIO’ สัมผัสประสบการณ์เสียงแห่งงานศิลป์

‘The Symphony of VITTORIO’ สัมผัสประสบการณ์เสียงแห่งงานศิลป์

  โครงการ ‘VITTORIO’ สุดยอดอัลตร้า-ลักซ์คอนโด ใจกลางย่านสุดหรู The Em District บนถนนสุขุมวิท 39 โดยบริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) รังสรรค์ประสบการณ์การชมงานศิลปะรูปแบบใหม่ ผ่านงาน ‘The Symphony of Vittorio’ ครั้งแรกกับการชมงานศิลปะแบบ “Sonic-Visual Journey” ที่เรียนเชิญแขกวีไอพีและเซเลบริตี้ชื่อดังของเมืองไทยร่วมสัมผัสความวิจิตรตระการตา ในคุณค่าของงานศิลป์ ถ่ายทอดผ่านงานดนตรีที่ประพันธ์และคัดเลือกโดยศิลปินทางดนตรีแนวหน้าของไทยได้แก่ บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ สมเกียรติ อริยะชัยพานิชย์ และทฤษฎี ณ พัทลุง     นายสรรพสิทธิ์ ฟุ้งเฟื่องเชวง ผู้อำนวยการสายงานคอร์ปอเรทมาร์เก็ตติ้ง บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “งาน ‘The Symphony of VITTORIO’ ตั้งใจรังสรรค์ประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้แขกผู้มีเกียรติร่วมสัมผัสการผสมผสานสุนทรียศาสตร์แห่งศิลปะและดนตรีเข้าด้วยกัน บนพื้นที่ของ VITTORIO คอนโดหรูระดับอัลตร้า-ลักซ์  ที่ตกแต่งด้วยชิ้นงานศิลปะที่ประเมินค่าไม่ได้ อาทิ งานจิตรกรรมและประติมากรรมจากศิลปินไทยที่โด่งดังทั้งในและต่างประเทศ อาทิ อาจารย์เขียน ยิ้มศิริ อาจารย์-นุกูล ปัญญาดี คุณพินรี สัณฑ์พิทักษ์  อาจารย์เสนีย์ แช่มเดช และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิทักษ์ สง่า โดยล้วนเป็นชิ้นงานที่งดงามและทรงคุณค่า (มูลค่ารวมสูงกว่า 30 ล้านบาท)     ผู้ร่วมงานได้สัมผัสกับประสบการณ์รูปแบบใหม่แห่งการชมงานศิลปะผ่านความงามที่สัมผัสได้ทางสายตา และบทเพลงไพเราะทางโสตสัมผัส ประกอบกับการฟังบทเพลงที่ประพันธ์และเรียบเรียงโดย 3 ศิลปินทางดนตรีชั้นนำของประเทศ ได้แก่ Soul Master คุณบุรินทร์ บุญวิสุทธิ์  New Aged Music Pioneer    คุณสมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ และ Classical Conductor  คุณทฤษฎี ณ พัทลุง โดยไฮไลท์ของงานครั้งนี้ศิลปินทั้ง 3 ได้แต่งเพลงให้กับผลงานประติมากรรม “งอกงาม” ผลงานของศิลปินแห่งชาติ อาจารย์เขียน ยิ้มศิริ เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน นอกจากนี้ ศิลปินแต่ละท่านยังประพันธ์และคัดสรรบทเพลง หรือดนตรีจากแรงบันดาลใจที่ได้จากผลงานจิตรกรรมทั้งหมดที่แสดงอยู่ที่ VITTORIO ที่พร้อมส่งมอบที่สุดของการใช้ชีวิตภายใต้คอนเซ็ปต์ Living in the Masterpiece อีกด้วย”   หากเสน่ห์ของเมืองฟลอเรนซ์คืองานจิตรกรรมและประติมากรรมที่แฝงตัวอยู่ในทุกพื้นที่แล้ว สำหรับ VITTORIO ทุกพื้นที่ล้วนได้รับการจัดวางสเปซอย่างละเอียด เพื่อเสริมให้จิตรกรรมและประติมากรรมที่เอพีเลือกสรรมาประดับ VITTORIO ดูโดดเด่นทรงคุณค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน    VITTORIO มีจำนวนเรสซิเดนซ์เพียง 88 ยูนิต ภายในอาคารที่พักอาศัยความสูง 28 ชั้น ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัยระดับ Ultra Luxury ราคาเริ่มต้น 31 ล้านบาท พร้อมส่งมอบที่สุดของการใช้ชีวิตระดับมาสเตอร์พีซแล้ววันนี้  www.vittorio-residence.com  
‘เอพี ไทยแลนด์’ ย้ำภาพผู้นำนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิต จับมือ ‘อินฟินิท’ เปิดตัว ‘Smart POD’ ล็อคเกอร์อัจฉริยะ สุดยอดนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยเป็นรายแรกในธุรกิจ

‘เอพี ไทยแลนด์’ ย้ำภาพผู้นำนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิต จับมือ ‘อินฟินิท’ เปิดตัว ‘Smart POD’ ล็อคเกอร์อัจฉริยะ สุดยอดนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยเป็นรายแรกในธุรกิจ

เอพี (ไทยแลนด์) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง มุ่งสร้างความต่าง ยกระดับคุณภาพอสังหาริมทรัพย์ไทย ล่าสุดจับมือ บริษัท อินฟินิท เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรม เปิดตัว “Smart POD” ล็อคเกอร์อัจฉริยะที่-พร้อมใช้งานจริงเป็นรายแรกในธุรกิจ ตอบรับ lifestyle คนรุ่นใหม่ในโลกอนาคต Smart POD นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่เอพีริเริ่มนำมาตอบรับความต้องการของผู้อยู่อาศัย ผ่าน-แนวคิดสำคัญ “นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน – AP Innovation for Quality Living” ที่มุ่งผสานเทคโนสำคัญโลยี IOT (Internet of Things) และนวัตกรรมเข้ากับการออกแบบพื้นที่ชีวิต คำนึงถึงความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกสบาย ที่ลูกค้าเข้าถึงได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ของการอยู่อาศัยในคอนโด พร้อมเดินหน้าติดตั้งในทุกคอนโดใหม่ของเอพี ประเดิมคอนโดมิเนียม 4 โครงการล่าสุดที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเตรียมเดินหน้าโอนกรรมสิทธิ์์เพื่อรับรู้รายได้บางส่วนในไตรมาส 4 นี้ ได้แก่ Life ปิ่นเกล้า Life สุขุมวิท 48 Rhythm รางน้ำ และ Aspire เอราวัณ รวมจำนวน 3,376 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 11,500 ล้านบาท นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจ กลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “เอพีไม่เคยหยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เรายึดมั่นและจริงจังในเรื่องการศึกษาและรับฟังความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างมาก หนึ่งในกระบวนการของเราคือ หลังลูกค้าย้ายเข้าอยู่อาศัย ทีมดีไซน์เนอร์เอพีจะลงพื้นที่ทำการสำรวจ วิจัย เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นกลับมาพัฒนาสินค้าที่อยู่อาศัยให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานคุณภาพครอบคลุม ความต้องการในวันนี้และอนาคตอย่างต่อเนื่อง สำหรับการนำนวัตกรรมล็อคเกอร์อัจฉริยะ Smart POD มาติดตั้งใช้งานจริงให้กับลูกค้า คอนโดมิเนียมเอพีในครั้งนี้ เราต้องการอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ซึ่งต้องยอมรับการมาของเทคโนโลยีโดยเฉพาะเรื่อง IOT (Internet of Thing) ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่   ที่อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น  แต่การจัดส่งสินค้าต่อ ไปยังลูกบ้านที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมทุกวันนี้ ยังไม่ได้รับการออกแบบใหม่ให้เอื้อต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ซึ่งนวัตกรรมการรับ-ส่งสินค้าผ่าน ‘Smart POD’ ล็อคเกอร์อัจฉริยะ (Intelligent Locker) จะทำให้ผู้ส่งและผู้รับสามารถเข้าถึงการใช้งานด้วยตนเองได้ตลอดเวลา ผู้อยู่อาศัยสามารถรับของได้ในเวลา ที่ตนเองสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง รวดเร็ว ง่าย สะดวกสบาย รวมทั้งมั่นใจได้ในความปลอดภัย 100% เนื่องจากผู้ที่นำพัสดุมาส่ง จะต้องใช้บัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนในการดำเนินการเข้าระบบฝากของ พร้อมระบุเลขห้อง และเบอร์โทรศัพท์ของผู้อยู่อาศัย หลังจากนั้นระบบจะส่งข้อความไปยังสมาร์ทโฟน ของผู้รับ พร้อมพาสเวิร์ด และ QR Code เพื่อนำมาสแกนรับพัสดุด้วยตนเอง ภายใต้การดูแลและบริหารจัดการโดยบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมนเนจเมนท์ จำกัด บริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในเครือเอพี” เอพี (ไทยแลนด์)  เป็นรายแรกของธุรกิจ ที่ริเริ่มพัฒนาและติดตั้งล็อคเกอร์อัจฉริยะ Smart POD ที่พร้อมใช้งานได้จริง ด้วยต้องการส่งมอบคุณภาพชีวิตสมบูรณ์แบบในทุกมิติ สร้างสรรค์และพัฒนาคอนโดมิเนียมคุณภาพที่พรั่งพร้อมด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยท่ามกลางสังคมเมืองแห่งโลกอนาคต ผ่านแนวคิดสำคัญ คือ 1. Space Innovation & Technology – วิธีคิดในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่ทุกพื้นที่ต้องพร้อมสนับสนุนชีวิตสู่ความสำเร็จในอนาคต เชื่อมต่อและขับเคลื่อนพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ เอพีได้ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ภายใต้แนวคิด IoT (Internet of Things) เข้าไปกับการออกแบบสเปซ เพื่อให้ทุกพื้นที่สามารถเชื่อมต่อโลกไซเบอร์ ตลอดจนควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนได้ตลอด 24 ชั่วโมง 2. 24/7 Safety & Convenient นวัตกรรมความปลอดภัยและความ-สะดวกสบายตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ นวัตกรรมที่เอื้อให้ควบคุมทุกอย่างได้แบบ Real Time เพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่าน Application ที่เอพีพัฒนาขึ้น ส่งเสริมให้การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในคอนโดเอพีให้สะดวกสบายและปลอดภัยกว่าเดิม “สำหรับการดำเนินธุรกิจของเอพี (ไทยแลนด์) เรามุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์การพัฒนาไปสู่ ‘คุณภาพชีวิตที่ดี’ ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านคุณภาพ การบริการ การอำนวยความสะดวกสบาย และความปลอดภัย    โดยได้รับความร่วมมืออย่างดี จาก มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG) พันธมิตรทางธุรกิจ ในการส่งต่อแนวคิดในการบริหารจัดการคุณภาพ สู่การสร้างกรอบแนวคิดหลัก ในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในบริบทของการพัฒนาคอนโดมิเนียมเอพี ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘AP INNOVATION FOR QUALITY LIVING’ นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ที่ผ่านการผสมผสานประสบการณ์ใน    การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ากับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น ‘เจ้าแห่งนวัตกรรม คอนโดมิเนียม’ เพื่อคุณภาพชีวิตสมบูรณ์แบบในทุกมิติ สร้างสรรค์และพัฒนาคอนโดมิเนียมคุณภาพที่แวดล้อมคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยท่ามกลางสังคมเมืองแห่งโลกอนาคต” นายวิทการ กล่าวสรุป บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) คือ ผู้นำด้านการปฏิวัติออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่อยู่อาศัย ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยพื้นที่ใช้สอยที่สะดวกสบาย ทำเลที่ดีเยี่ยม รวมไปถึงคุณภาพในการก่อสร้าง การบำรุงรักษา บริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าเอพีได้ใช้ชีวิตที่ดีที่สุดและเติมเต็มความสุขในแบบที่ปรารถนา
Aspire สาทร-ท่าพระ เพียบพร้อมทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต : รีวิวคอนโด

Aspire สาทร-ท่าพระ เพียบพร้อมทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูคอนโดมิเนียมคุณภาพดีที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่และยังเดินทางสะดวกสบายห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูเพียงแค่ก้าวเดียว กับโครงการ “Aspire สาทร - ท่าพระ” จาก AP Thailand กันค่ะ ซึ่งถ้าย้อนไปเมื่อช่วงปี 59 นับว่าเป็นคอนโดฯ ที่สร้างความฮือฮาในย่านนี้เป็นอย่างมาก เพราะขายหมดในวันเดียวตั้งแต่วัน Pre-Sale แต่ปัจจุบันทางโครงการเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้อีกครั้งกับห้องหลุดดาวน์ Lot พิเศษ ซึ่งเราได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศตัวโครงการและห้องตัวอย่างรวมถึงเก็บภาพมาฝากกันด้วยค่ะ ทำเลที่ตั้งและการเดินทาง โครงการ Aspire สาทร - ท่าพระ ตั้งอยู่ติดถนนแยกรัชดา-ราชพฤกษ์ เลยนะคะ ด้านหน้าโครงการนั้นจะอยู่ติดกับถนนราชพฤกษ์ แต่ด้านข้างจะอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูค่ะ ซึ่งต้องบอกเลยว่าโครงการนี้ตั้งอยู่บนทำเลที่อุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะอยู่ใกล้ชุมชนที่มีกลุ่มคนอาศัยอยู่หนาแน่น รายล้อมไปด้วยหมู่บ้าน อาคารพาณิชย์ แหล่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ออฟฟิศ, สถานศึกษา, โรงพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า The Mall ท่าพระ ที่อยู่ใกล้มากๆ (ห่างเพียง 160 เมตร) สามารถเดินไปได้ รวมไปจนถึงร้านค้าและตลาดสดเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่ออย่าง ‘ตลาดพลู’ ที่มีร้านอาหารอร่อยๆ มากมายให้เลือกสรร   ในส่วนของการเดินทางก็จัดว่าสะดวกสบายมากทีเดียวค่ะ สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนเส้นหลักอย่างราชพฤกษ์ ฝั่งมุ่งหน้าไปทางวุฒากาศ แต่ก็เอื้อต่อการขับรถเข้าเมืองไปย่านสาทรนะคะ เพราะทางเข้า-ออกของโครงการนั้นอยู่ไม่ไกลจากจุดกลับรถ โดยสามารถกลับรถไปใช้เส้นราชพฤกษ์ขาเข้า ตรงไปเชื่อมกับถนนกรุงธนบุรี ขับตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ตากสิน-บางหว้า) ไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานตากสินก็จะเชื่อมกับโซนธุรกิจอย่างสีลม สาทร แล้วค่ะ นอกจากนี้ถนนราชพฤกษ์ ยังสามารถเชื่อมต่อสู่ถนนสายสำคัญเส้นอื่นๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนนกัลปพฤกษ์, ถนนเพชรเกษม, ถนนเทอดไท, ถนนรัชดาฯ-ท่าพระ, ถนนพระราม 3, ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน, ถนนกรุงธนบุรี, สะพานตากสิน และถนนสาทร ถ้าใครอยากเข้าออกเมืองในชั่วโมงเร่งด่วน ก็สามารถใช้ทางด่วนที่มีให้เลือกใช้ถึง 2 ด่าน คือทางด่วนศรีรัช ด่านสุรวงศ์ (ห่างเพียง 5.6 กม.) และทางด่วนเฉลิมมหานคร (ห่างเพียง 5.6 กม.)     สำหรับคนเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวกสบายไม่แพ้กันค่ะ อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ข้างต้นว่าจุดเด่นของโครงการอยู่ติดบันไดทางขึ้น-ลง BTS ตลาดพลู (ทางออก 3) เพียงแค่ก้าวเดียวค่ะ โดยทางโครงการได้ทำประตูเล็กๆ ใช้คีย์การ์ดสำหรับเข้า-ออกไว้ เพื่อให้ลูกบ้านที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกมากขึ้น ซึ่งสถานีนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรถไฟฟ้าสายหลักในการเข้าเมืองไปย่านสาทร เลยไปจนถึงสยามเลยค่ะ และในอนาคตบริเวณ BTS บางหว้าก็จะทำการ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงหัวลำโพง-บางแค) ให้สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้หลากหลายมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ใกล้ๆ โครงการยังมี BRT คอยบริการอยู่ด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับนักศึกษาและคนทำงานย่านพระราม 3 หรือบริเวณสีลมและสาทร เรียกได้ว่าสะดวกในการเดินทางมากๆ ที่สำคัญคือค่าโดยสารราคาถูกกว่ารถเมล์ไม่ปรับอากาศอีกด้วยค่ะ   เจาะลึกโครงการ สำหรับตัวโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร บนที่ดินกว่า 5 ไร่ มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 1,219 ยูนิต และมีที่จอดรถประมาณ 40% (รวมจอดซ้อนคัน) โดยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 6 แนวคิดโครงการมาในรูปแบบ Modern Japanese ที่ผสมกับ Natural Feeling ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Aspire ที่อยากให้คนเมืองได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติในสไตล์ญี่ปุ่นสมัยใหม่   ในส่วนของ Facility ก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ซึ่งทางโครงการก็จัดให้แบบเต็มที่ โดย Facility หลักๆ จะอยู่บริเวณชั้นล่างมีทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ความยาว 30 เมตร โดยลูกบ้าน สามารถลงเล่นน้ำได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องกลัวแดดร้อนเลย เพราะตัวโครงการเป็นอาคารสูงถึง 30 ชั้น จึงช่วยบังแดดได้เป็นอย่างดีเกือบตลอดทั้งวัน บริเวณสระว่ายน้ำจึงร่มรื่น นอกจากนี้ยังมีห้องฟิตเนส แบบ Double Floor, ห้องซาวน่า และล็อบบี้ขนาดใหญ่ ในขณะที่ดาดฟ้าชั้น 30 เป็นพื้นที่พักผ่อนชมวิวแบบพาโนโรมาท่ามกลางสวนสวยที่มาพร้อม Jogging Track รองรับการออกกำลังกายของลูกบ้าน บริเวณ Lobby ดูโออ่า กว้างขวาง รองรับลูกบ้านได้เป็นจำนวนมาก พื้นที่ด้านหนึ่งของโถง Lobby จะเป็นส่วน Mail Box นะคะ เมื่อเดินผ่านโถงกลาง Lobby ออกมาจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำและฟิตเนสค่ะ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นของพรรณไม้ ภายในห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่มาพร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ครบครันและทันสมัย บริเวณชั้นล่างของฟิตเนสจะเน้นรองรับกิจกรรมเวทเทรนนิ่ง โดยมีอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างครบครันเช่นเดียวกับชั้น 2 เลยค่ะ บรรยากาศอันร่มรื่นของสวนลอยฟ้าบริเวณชั้น 30 นอกจากพื้นที่พักผ่อนแล้ว ยังมี Jogging Track รองรับการออกกำลังกายของลูกบ้านอีกด้วย   เปิดห้องตัวอย่าง ปัจจุบันทางโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ มีลูกบ้านย้ายเข้ามาพักอาศัยกันเป็นจำนวนพอสมควรแล้วนะคะ ดังนั้นใครที่กำลังสนใจโครงการนี้อยู่สามารถติดต่อเข้ามาขอชมห้องในบรรยากาศจริงได้เลยค่ะ สำหรับห้องตัวอย่างที่เราเก็บภาพมาฝาก เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ที่ขนาด 30.50 นะคะ การออกแบบ Layout ภายในห้องค่อนข้างลงตัวเป็นสัดส่วนเรียบร้อยดีทีเดียว ซึ่งทางโครงการจะขายห้องแบบ Fully Fitted มาพร้อมเคาน์เตอร์ครัว, ห้องน้ำสำเร็จรูปจาก Mogen พื้นห้องลามิเนต หนา 8 มม. ผนังห้องจะเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว ไฟภายในห้องแบบดาวน์ไลท์ พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type ของ Samsung ให้ทุกยูนิตค่ะ แปลนห้องตัวอย่าง แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 30.50 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นก่อนเลยนะคะ ซึ่งก็ดูโปร่งโล่งเนื่องจากเพดานสูง 2.55 เมตร นับว่าเป็นความสูงกว่ามาตรฐานคอนโดทั่วไป ส่วนด้านซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ติดกันเป็นห้องครัวแบบปิดพร้อมระเบียงด้านในสุด พื้นที่นั่งเล่นทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวไว้เป็นตัวอย่างนะคะ จะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ด้านข้างเหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างหรือโคมไฟตั้งพื้นได้ด้วย ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีค่อนข้างกว้างขวางพอที่จะวางโต๊ะกลางดังห้องตัวอย่างในภาพเลยค่ะ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถบิลต์อินชั้นวางทีวีและวางของได้ตามใจ หรือจะวางเฟอร์นิเจอร์ขนาดพอเหมาะดังตัวอย่างที่ทางโครงการจัดวางไว้ก็ได้เช่นกันค่ะ ติดกับส่วนคอนโซลทีวีจะเป็นห้องน้ำค่ะ โดยทางโครงการจะกั้นประตูไม้สำเร็จรูปบานเรียบทาสีขาว ลูกบิดกลมมาตรฐาน และยกธรณีสูงขึ้นประมาณ 10 ซม. เพื่อป้องกันน้ำออกมายังส่วนห้องนั่งเล่น สำหรับห้องน้ำของโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ จะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปจากแบรนด์ Mogen นะคะ ซึ่งห้องน้ำสำเร็จรูปจะผลิตสำเร็จจากโรงงาน ตามรูปแบบที่ทางโครงการได้ออกแบบไว้ โดย ใช้เป็นผนังโครงสร้างเบา ส่วนแห้งเป็นพื้นคอนกรีต ปูกระเบื้อง ส่วนเปียกออกแบบผนังเป็นไฟเบอร์หล่อชิ้นเดียว พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์มาตรฐานให้ครบชุด โดยจะประกอบทุกส่วนมาจากโรงงาน และยกมาติดตั้งที่โครงการทีเดียว ส่วนข้อดีของห้องน้ำสำเร็จรูป คือช่วยประหยัดเวลาในการติดตั้ง, ลดข้อบกพร่องที่เกิดจากการติดตั้งของคนงานก่อสร้าง ง่ายต่อการซ่อมบำรุง และการติดตั้งรื้อถอน ลดปัญหาการรั่วซึมจากรอยต่อต่างๆ ได้เป็นอย่างดีค่ะ   ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนนะคะ ตกแต่งห้องน้ำโทนสีสว่างให้ความรู้สึกอบอุ่น สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำของ Mogen ทั้งหมดเลยนะคะ พื้นที่อาบน้ำนั้นมีการยกธรณีขึ้นสูงเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนได้ดี ส่วนพื้นบริเวณพื้นที่อาบน้ำนั้นใช้วัสดุเป็นไฟเบอร์ค่ะ เดินออกมาจากห้องน้ำ ไปต่อกันที่ห้องนอนกันดีกว่าค่ะ ห้องนอนจะเป็นประตูไม้สำเร็จรูปบานเรียบทาสีขาว ลูกบิดกลมมาตรฐาน บริเวณด้านข้างประตูมีพื้นที่เหลือพอให้สามารถวางตู้เสื้อผ้าหรือบิลต์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ สำหรับห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุต ได้นะคะ ซึ่งก็จะเหลือพื้นที่โดยรอบประมาณหนึ่ง ภายในห้องนอนนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งทีเดียว ล้อมรอบด้วยหน้าต่างกระจกใสจึงทำให้ได้แสงสว่างจากภายนอกค่อนข้างมาก ครัวจะมีประตูบานเลื่อนเพื่อป้องกันกลิ่นเข้ามารบกวนส่วนอื่นๆ เวลาประกอบอาหาร พื้นภายในห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกนะคะ ข้อดีคือง่ายต่อการทำความสะอาดและมีความคงทนในการใช้งาน ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารนั้นก็พอจะวางในห้องครัวได้นะคะ โดยสามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้ เคาน์เตอร์ครัวจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ โดย Top ครัวเป็น Particle และบานเปิดแบบ Soft Close ปิดผิวด้วยลามิเนตดูสวยงามน่าใช้งาน บริเวณด้านบนเคาน์เตอร์จะบิลต์อินชั้นวางของให้ 2 ชั้นนะคะ ซึ่งก็สามารถวางอุปกรณ์ของใช้ภายในครัวได้ครบครัน ถัดไปด้านในสุดของห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งก็กั้นด้วยประตูบานเลื่อน พื้นที่ในสุดเป็นส่วนระเบียงซักล้างนะคะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกเหมือนในครัวเลยค่ะ ขนาดระเบียงถ้าเทียบจากขนาดห้องแล้วถือว่ากว้างขวางกำลังดีเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถวางเครื่องซักผ้าได้สบายๆ และยังเหลือพื้นที่ให้สามารถตากผ้าหรือซักล้างได้เล็กน้อย วิวจากมุมระเบียงจะมองเห็น The Mall ท่าพระ เลยนะคะ ซึ่งอยู่ใกล้โครงการมากในระยะที่เดินเท้าได้   เปิดห้องตัวอย่างในบรรยากาศจริงของโครงการ “Aspire สาทร-ท่าพระ” กันไปแล้ว บอกได้คำเดียวเลยค่ะว่าน่าสนใจมาก ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่าก็คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ แถมโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วด้วย ไม่ต้องอดทนรอก่อสร้างอีกนานกว่าจะได้อยู่จริง   ใครที่กำลังมองหาคอนโดดีๆ ทำเลที่เชื่อมสู่สาทร ใกล้ห้างสรรพสินค้าด้วยระยะเดินเท้า ทั้งยังเดินทางสะดวกเพราะอยู่ติดรถไฟฟ้าเพียงแค่ก้าวเดียวแบบนี้ เราแนะนำให้ลองเข้ามาเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ   สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://goo.gl/zLoFBc หรือโทร 1623
The Phenomenal 10 ปรากฏการณ์ครั้งแรกของ AP ที่คุณจะได้เป็นเจ้าของทาวน์โฮมทำเลดีก่อนใคร

The Phenomenal 10 ปรากฏการณ์ครั้งแรกของ AP ที่คุณจะได้เป็นเจ้าของทาวน์โฮมทำเลดีก่อนใคร

  ปีนี้เราได้เห็น AP เปิดตัวโครงการเจ๋งๆ บนทำเลสุดฮ็อตไปหลายโครงการ ซึ่งแทบทุกโครงการที่ผ่านมาก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ชนิดที่ Sold Out ไปตั้งแต่วันเปิดจอง Pre-sale กันเลยทีเดียว.... และเร็วๆ นี้ AP กำลังจะส่งกองทัพบ้านทาวน์โฮมใหม่ใจกลางเมือง ลงตลาดอีกชุดใหญ่พร้อมโปรโมชั่นพิเศษที่ไม่ควรพลาด ในงาน “The Phenomenal 10”   “The Phenomenal 10” คือการรวบรวมโครงการบ้านทาวน์โฮมใหม่ล่าสุด บน 10 ทำเลศักยภาพทั่วเมือง ซึ่งมี 2 แบรนด์ดังของ AP อย่าง “บ้านกลางเมือง” และ “Pleno” เป็นพระเอกของงานนี้ โดยทั้ง 2 แบรนด์จะนำเสนอบ้านทาวน์โฮมมาพร้อมราคา Pre-sale ที่ดึงดูดใจมากๆ (เริ่มที่ 1.69-8.99 ล้านบาท*) ตามด้วยข้อเสนอเร้าใจ “จ่ายน้อย คืน 100%” ซึ่งข้อเสนอนี้จัดขึ้นเพื่องานนี้เพียง 2 วันเท่านั้น และเพื่อจะไม่ให้พลาดข้อเสนอพิเศษแบบนี้ เราแนะนำให้คุณคลิกลงทะเบียนไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย https://goo.gl/xRDTVy  ก่อนจะไปเจอกันที่หน้างานวันที่ 19-20 สิงหาคมที่จะถึงนี้ นอกจาก High Light พิเศษ โปรโมชั่นเด็ดของงาน “The Phenomenal 10” ที่กล่าวไปข้างต้นนี้แล้ว เดี๋ยวเราไปดูกันค่ะว่า กองทัพบ้านทาวน์โฮมทั้งหมดนี้ มีโครงการอะไร ทำเลไหนบ้าง เพื่อการตัดสินใจในขั้นต้นก่อนจะไปจองบ้านที่ Sale Gallery ของแต่ละโครงการค่ะ ก่อนจะไปถึงข้อมูลของแต่ละโครงการ เราอยากจะพูดถึงจุดเด่นของแบรนด์ Pleno และ บ้านกลางเมือง กันซักหน่อยค่ะ ถ้าพูดถึงโครงการภายใต้แบรนด์ “Pleno” เราจะนึกถึงโครงการบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น ในราคาที่จับต้องได้ง่าย สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แบบไม่เกินเอื้อม โดยมากจะเริ่มต้นที่ช่วงราคา 2 ล้านบาทค่ะ การออกแบบบ้านของแบรนด์ Pleno ที่ผ่านๆ มา ถือว่าทำออกมาได้ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเลยค่ะ ทั้งในส่วนของหน้าตาที่สวยงามในสไตล์ Modern และพื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้านที่จัดมาให้ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ขณะเดียวกันภายในโครงการก็มักจะมี Facility เพียบพร้อม ทั้งพื้นที่สีเขียวร่มรื่น, Club House ที่มีพร้อมทั้งสระว่ายน้ำ และห้องฟิตเนส สำหรับการเปิดตัวแบรนด์ Pleno ทั้ง 6 โครงการในครั้งนี้ ต้องบอกว่าเป็นการนำเสนอ บ้านทาวน์โฮมซีรี่ส์ใหม่ ซึ่งมีความเรียบหรูมากขึ้น ในขณะที่แต่ละโครงการก็โดดเด่นด้วยการออกแบบซุ้มประตูทางเข้าโครงการ และ Club House ให้มีความอลังการไม่แพ้กัน มาถึงแบรนด์ “บ้านกลางเมือง” กันบ้างค่ะ ซึ่งหลายคนคงคุ้นหูกับชื่อ “บ้านกลางเมือง” กันมานานแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นแบรนด์ทาวน์โฮมสร้างชื่อให้กับ AP เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นแบรนด์ที่บุกเบิกตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้น ในสังคมคุณภาพ ที่มักจะมีดีไซน์ของตัวบ้านมาให้ได้ว้าวกันบ่อยๆ ซึ่งโครงการบ้านกลางเมืองเน้นการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนเมืองที่ต้องการบ้านอยู่อาศัยสำหรับครอบครัวมากกว่าการเลือกอยู่คอนโด บ้านในแต่ละโครงการภายใต้แบรนด์นี้ จึงมักจะมีการปรับเปลี่ยนแบบแปลนของตัวบ้านอยู่บ่อยครั้ง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในแต่ละทำเลให้ได้ตรงใจที่สุด โดยไม่ลืมใส่ความหรูหรา และเลือกดีไซน์ล้ำสมัยนำเทรนตลาดอยู่เสมอ   แน่นอนว่า บ้านกลางเมือง ทั้ง 4 โครงการที่เปิดให้จองก่อนใครในครั้งนี้ ก็มีความพิเศษไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งในส่วนของทำเลที่ตั้ง ที่ยังคงอยู่ใกล้ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบายได้หลายเส้นทาง รวมถึงแบบบ้านดีไซน์ใหม่ ซึ่งเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้เยอะขึ้น และฟังก์ชั่นการดีไซน์ที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในบ้านได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยค่ะ คงไม่ง่ายเลยที่จะมีโครงการบ้านทาวน์โฮมมาให้เราเลือกพร้อมๆ กันมากถึง 10 โครงการแบบนี้ ดังนั้นเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวัน และเป็นการง่ายต่อการเลือกบ้าน เราเลยจัดกรุ๊ปโครงการตามจุดเด่นเรื่องการเดินทางดังนี้ค่ะ เริ่มจากกรุ๊ปแรก เน้นทำเลที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า เดินทางเข้าออกเมืองสะดวก แถมใกล้ทางด่วน ซึ่งได้แก่ Pleno ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ Pleno ราชพฤกษ์ บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม5 ทั้ง 3 โครงการในโซนนี้ อยู่บนทำเลศักยภาพที่มีการเดินทางสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งเป็นสายที่เปิดใช้งานแล้วในปัจจุบัน ถ้าดูจากแผนที่ตั้งของแต่ละโครงการก็จะเห็นว่า ไม่ได้ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงมากนัก ทั้ง 3 โครงการต้องบอกว่า เดินทางสะดวกมากไม่ว่าเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือจะเป็นการเข้าสู่ใจกลางเมืองด้วยรถส่วนตัว  ถนนราชพฤกษ์, ถนนกาญจนาภิเษก และทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ก็ถือว่าเป็นเส้นทางสายสำคัญที่จะทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิมค่ะ ในรัศมีใกล้ๆ โครงการ “Pleno ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ” “Pleno ราชพฤกษ์” และ “บ้านกลางเมือง ราชพฤกษ์-พระราม 5” แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณูปโภค และแหล่งช็อปปิ้งมากมายเลยทีเดียวค่ะ เด่นๆ เลยคือช่วงวงเวียนพระราม 5 ซึ่งเป็นบริเวณที่รวมแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ ไว้ทั้ง The Walk, The Cystal, Home Pro และ Home Work โดยแต่ละห้างก็มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ อันเป็นแหล่งจับจ่ายของใช้เข้าบ้านได้เป็นอย่างดี นอกจากบริเวณวงเวียนพระราม 5 แล้ว ขยับออกมาอีกนิดตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็มีทั้งห้างเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์, Big C เลยไปอีกทางจนถึงบางใหญ่ก็ยังมี เซ็นทรัล West Gate, Index Living Mall และ Ikea ที่จัดเป็นแหล่งช็อปปิ้งยักษ์ใหญ่ประจำย่านเลยทีเดียว ใครที่คุ้นชินกับทำเลในแถบนี้ จะเห็นชัดเจนเลยว่า ความเจริญขยายตัวออกมาอย่างรวดเร็ว โซนราชพฤกษ์, ชัยพฤกษ์ และ พระราม 5 นี้ มีโครงการบ้านเกิดขึ้นมากมาย ร้านค้า ร้านอาหารเริ่มมีให้เห็นหนาตามากกว่าแต่ก่อน ยิ่งมีการเปิดใช้ “ทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก” เข้ามาอีก การจะตัดเข้าสู่โซนวิภาวดี, จตุจักร, ลาดพร้าว จึงประหยัดเวลาเดินทางขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ ใครที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อบ้านในย่านนี้ แนะนำให้ลองเลือกดูจาก 3 โครงการนี้เลยค่ะ ว่าโครงการไหนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณในกระเป๋ามากกว่ากัน ถ้างบประมาณเริ่มต้นจำกัดหน่อย “Pleno ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ” อาจจะเป็นคำตอบที่ดี ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1.69 ล้านบาทเท่านั้น กับทำเลที่เดินทางได้สะดวก มีรถไฟฟ้าอยู่ไม่ไกล หรือจะขยับมาที่ “Pleno ราชพฤกษ์” ก็ไม่เลวนะคะ ใกล้วงเวียนพระราม 5 มากหน่อย เดินทางเข้าออกเมืองได้หลายเส้นทาง ในราคาเริ่มต้นที่ 2.09 ล้านบาท แต่ถ้าอยากได้บ้านหลังใหญ่ และมีพื้นที่ใช้มากขึ้น เราแนะนำ “บ้านกลางเมือง ราชพฤษ์- พระราม 5” เลยค่ะ ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท คุณจะได้บ้านทาวน์โฮมที่หรูหรา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสมราคาที่จ่ายไป มาดูกรุ๊ปที่สองกันบ้าง เน้นการเดินทางเข้าเมืองด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก บนทำเลสวยใกล้ถนนวงแหวน ซึ่งได้แก่ บ้านกลางเมือง สาทร - สุขสวัสดิ์ Pleno สุขุมวิท-บางนา ทำเลของโครงการในกรุ๊ปที่สองนี้ ต้องบอกว่าโดดเด่นมากๆ ค่ะ “บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์” ตั้งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ส่วนต่อขยายในอนาคต เตาปูน-ราษฏร์บูรณะ) รอบๆ โครงการเดินทางได้สะดวกมากๆ ทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร, สะพานภูมิพล รวมถึงถนนวงแหวน กาญจนาภิเษก แถมยังแวดล้อมไปด้วยสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้ง แหล่งช็อปปิ้ง สถาบันการศึกษาชั้นนำ รวมถึงสถานพยาบาลเอกชนอีกหลายแห่ง เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเป็นที่สุดค่ะ ในขณะที่ “Pleno สุขุมวิท-บางนา” ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยทำเลที่ดีที่สุดบนถนนบางนา-ตราด (กม.7) ซึ่งพร้อมสำหรับการอยู่อาศัย สามารถเดินทางได้สะดวกเพราะมีเส้นทางลัดไปออก Mega Bangna ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การเดินทางเข้าออกเมืองเป็นเรื่องง่ายนิดเดียวค่ะ เพราะมีทั้งนถนนบางนา-ตราด และถนนวงแหวน กาญจนาภิเษกอยู่ใกล้แค่เอื้อม นอกจากนี้รอบๆ โครงการยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว รวมไปถึงสนามกอล์ฟ และสถานพยาบาลชั้นนำ แน่นอนว่า 2 โครงการในกรุ๊ปนี้ มีความแตกต่างกันค่อนข้างมากในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ราคา และกลุ่มเป้าหมาย แต่ความเพียบพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยนั้นดีไม่แพ้กันเลยนะคะ โครงการ “Pleno สุขุมวิท-บางนา” เปิดราคาเริ่มต้นมาที่ 2.99 ล้านบาท โครงการทำเลดีเกินราคา ซึ่งพร้อมกับฟังก์ชั่นบ้านแบบใหม่ที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในตัวบ้านให้มากขึ้น เพื่อการอยู่อาศัยที่รื่นรมย์กว่าเดิม ส่วนในฝาก “บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์” ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8.99 ล้านบาท แต่ก็โดดเด่นด้วยแบบบ้านที่มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ คือ บ้านแฝด X-Trend ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะสุดๆ และบ้านทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ล่าสุดของบ้านกลางเมือง ซึ่งเพิ่มฟังก์ชั่นให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอยได้ตามต้องการค่ะ ส่วนกรุ๊ปสุดท้ายนี้ ยังคงเน้นกลุ่มที่ใช้รถส่วนตัว เพราะทำเลสะดวกในการเดินทางเข้าเมืองด้วยทางด่วนค่ะ ได้แก่ Pleno พหลโยธิน-รังสิต Pleno พหลโยธิน-วัชรพล Pleno รามอินทรา-วงแหวน บ้านกลางเมือง รามอินทรา-วัชรพล บ้านกลางเมือง ลาดพร้าว - เสรีไทย บ้านทั้ง 5 โครงการนี้ จะตั้งอยู่ในค่อนไปทางโซนเหนือของกรุงเทพนะคะ ซึ่งทุกโครงการในกรุ๊ปนี้จะเน้นที่การเดินทางที่สะดวก ที่ตั้งอยู่ใกล้กับทางด่วน เกือบทั้งหมดอยู่ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก ยกเว้นโครงการ “Pleno พหลโยธิน-รังสิต” ที่ฉีกไปอยู่ทางด้านทางด่วนโทลเวย์ดอนเมืองค่ะ ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าทำเลทั้งหมดจะปักหมุดอยู่ใกล้กับเส้นทางหลักๆ ในการเดินทางเข้าออกเมืองที่สะดวกและรวดเร็วนั่นเอง แบบบ้านของ AP ที่เลือกมานั้น ต้องบอกว่าเป็นแบบที่สวยโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดีทุกตัว โครงการ Pleno ในโซนนี้ จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.19-2.49 ล้านบาทค่ะ โดยทั้ง 3 โครงการนี้จะเน้นพื้นที่สีเขียวรอบโครงการ ที่จะทำให้บรรยากาศร่มรื่นเหมาะกับการอยู่อาศัยมากขึ้นค่ะ ในขณะที่โครงการบ้านกลางกรุงทั้งสองทำเล มีราคาเริ่มต้นเพียง 3.89 ล้านบาทเท่านั้น ด้วยราคาเริ่มต้นเพียงเท่านี้ แต่ได้บ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า บ้านกลางเมืองในโซนนี้ดูจะคุ้มค่าคุ้มราคามากค่ะ ด้วยทำเลที่ตั้งที่ไม่ได้หนีกันมากกับโครงการอื่นๆ ในกรุ๊ปเดียวกัน เราเชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะเทใจให้กับบ้านกลางเมืองมากกว่าแน่นอน   เป็นอย่างไรบ้างคะ กับกองทัพ “The Phenomenal 10” ที่ AP เตรียมไว้ให้จับจองก่อนใครในวันที่ 19-20 สิงหาคมนี้ ต้องบอกว่าเป็นบ้านทาวน์โฮมที่ตอบโจทย์คนเมืองได้ดีทีเดียวค่ะ ทั้งเรื่องทำเล และราคาเริ่มต้นพิเศษๆ แบบนี้ แคมเปญดีจัดเต็มขนาดนี้เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องอยากจับจองเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน แถมโปรโมชั่นเจ๋งๆ ก็จัดมาให้เพียง 2 วันเท่านั้นเองด้วย สนใจโครงการไหน อย่าลืมคลิกไปลงทะเบียนกันนะคะ https://goo.gl/xRDTVy  แล้วไปเจอกันที่ Sales Gallery ทั้ง 10 โครงการนี้กันเลย
‘เอพี ไทยแลนด์’ ย้ำตำแหน่งเจ้าตลาดคอนโดติดแนวรถไฟฟ้า เปิดตัว ‘LIFE ONE WIRELESS’ ไฮเอ็นด์คอนโดมิเนียม มูลค่า 6,400 ล้าน พร้อมเผยแผนเตรียมส่งคอนโดแบรนด์ LIFE บุกตลาดในครึ่งปีหลัง

‘เอพี ไทยแลนด์’ ย้ำตำแหน่งเจ้าตลาดคอนโดติดแนวรถไฟฟ้า เปิดตัว ‘LIFE ONE WIRELESS’ ไฮเอ็นด์คอนโดมิเนียม มูลค่า 6,400 ล้าน พร้อมเผยแผนเตรียมส่งคอนโดแบรนด์ LIFE บุกตลาดในครึ่งปีหลัง

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง เสริมแกร่งความเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้า เตรียมรุกตลาดคอนโดครึ่งปีหลังผนึกกำลัง “มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป” (MEC) พันธมิตรญี่ปุ่น เปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ LIFE 2 ทำเลใหม่ใจกลางเมือง ประเดิมด้วย “LIFE ONE WIRELESS (ไลฟ์ วัน ไวร์เลส)” คอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็นด์ ภายใต้คอนเซปต์ “Live a Splendid Life” พบชีวิตสมบูรณ์แบบบนที่สุดของทำเลศูนย์กลางมหานคร ให้ผู้อยู่อาศัยได้เติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างสมดุล ด้วยวิธีคิดในการจัดวางผังโครงการที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบมุมมองจากภายในออกสู่ภายนอกในทุกมิติ ผ่านการผสานความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทั้งด้านสถาปัตยกรรม อินทีเรียดีไซน์ และแลนด์สเคปดีไซน์ เพื่อให้ทุกพื้นที่ภายในโครงการ LIFE ONE WIRELESS มอบมุมมองที่สวยที่สุดของกรุงเทพมหานคร พร้อมเอกลักษณ์การตกแต่งในสไตล์ Modern Thai Heritage ที่คงเสน่ห์และความเป็นเอกลักษณ์อันทรงคุณค่าไว้อย่างงดงาม แวดล้อมด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่และพื้นที่สีเขียวกว่า 1 ไร่ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับชีวิตดิจิตอลกับนวัตกรรมล้ำสมัยหนึ่งเดียวบนถนนวิทยุ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมืองบนทำเลที่ยากจะได้เป็นเจ้าของ นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยว่า “เอพีเข้าใจในความต้องการของลูกค้าและเทรนด์ที่อยู่อาศัยของคนเมืองเป็นอย่างลึกซึ้ง เราเน้นย้ำให้ทีมงานของเราคิดคำนึงเสมอว่า ‘ทำอย่างไรจึงจะสร้างความแตกต่าง และส่งมอบโครงการคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเอพีได้’ สำหรับคอนโดมิเนียมแบรนด์ LIFE ก็เป็นอีกโครงการหนึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และถือเป็นความภาคภูมิใจของเอพีเสมอมา ด้วยทำเลที่ตั้งที่โดดเด่นใจกลางเมือง สะดวกในการเดินทาง และมอบความสบายในการอยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด ‘Platform for Success’ ที่เรามุ่งมั่นจะให้คอนโดแบรนด์ LIFE เป็นคอนโดมิเนียมแห่งแรกและแห่งเดียวที่มอบความสะดวกสบายในการพักอาศัย และการเชื่อมต่อกับผู้คนได้อย่างไร้ขีดจำกัด ตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตยุคดิจิตอลของคนรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างดีที่สุด” โครงการ LIFE ONE WIRELESS ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท (เฉลี่ย 170,000 บาทต่อตารางเมตร) จะเปิดขายทาง iBooking apthai.com ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ และเปิดขายอย่างเป็นทางการ ณ สำนักงานขาย LIFE ONE WIRELESS ในวันที่ 29 กรกฎาคม   LIFE ONE WIRELESS ผสานความงดงามของการดีไซน์ เข้ากับความทันสมัยเพื่อชีวิตดิจิตอลไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ด้วยความโดดเด่น ดังนี้ 1. 24 Hours Connected World ผสานเทคโนโลยีในการดีไซน์พื้นที่ส่วนกลาง เพื่อชีวิต Digital Community อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการติดตั้ง Infrastructure ที่พร้อมรองรับสิ่งอำนวยความสะดวก และสัญญาณ Wi-fi ในพื้นที่ส่วนกลางทุกจุด ทั้งยังจัดสรรพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับการใช้งานในรูปแบบ Co-working Space ที่จะทำให้การเชื่อมต่อเป็นเรื่องง่าย พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์ที่พร้อมรองรับการใช้งานจริง รองรับวิถีชีวิตการทำงานที่ยืดหยุ่นไม่ยึดติดกับกรอบของเวลาหรือสถานที่ สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา   2. AP COMMUNITY APPLICATION ทุกอย่างควบคุมได้เพียงปลายนิ้ว ภายใต้วิสัยทัศน์ AP Digital Community สัมผัสอนาคตแห่งการอยู่อาศัยได้ด้วย AP COMMUNITY APPLICATION อย่างเต็มรูปแบบ ที่จะเข้ามาส่งเสริมให้การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในโครงการเอพีให้สะดวกสบายและปลอดภัยในรูปแบบใหม่ที่สะดวกกว่าเดิม โดยสามารถสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ให้ควบคุมทุกอย่างได้แบบ real time รองรับการเปิด-ปิดระบบไฟฟ้าในห้องพัก การจองใช้พื้นที่ส่วนกลาง ระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งยังสามารถเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ในโครงการได้สะดวกสบายกว่าที่เคย “สำหรับภาพตลาดคอนโดในย่านพื้นที่เชื่อมต่อกันระหว่างวิทยุ-หลังสวน-เพลินจิต-ชิดลม ส่วนใหญ่เกิดจากการพัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด ด้วยข้อจำกัดในการครอบครองและต้นทุนที่ดินที่ดีดตัวสูงขึ้นในทุกๆ ปี ทำให้การพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในย่านดังกล่าว โดยเฉพาะทำเลที่มีทางเข้า-ออกติดถนนเส้นหลักเป็นไปได้ยาก จากการสำรวจในย่านพื้นที่เชื่อมต่อดังกล่าว พบซัพพลายคงเหลือเพียง 998 ยูนิต หรือคิดเป็น 30 % ของจำนวนยูนิตที่เปิดตัวทั้งหมด ซึ่งคอนโดในกลุ่มไฮเอ็นด์ระดับราคาต่อตารางเมตรประมาณ 1.5 - 2 แสนบาท คงเหลือเพียงแค่ 330 ยูนิตเท่านั้น ดังนั้นจึงมั่นใจว่า LIFE ONE WIRELESS จะได้รับการตอบรับที่ดีจากดีมานด์ในตลาด ด้วยโลเคชั่นใจกลางเมืองบนทำเลมากมูลค่าและยากที่จะครอบครองอย่างถนนวิทยุ โดยเฉพาะคอนโดในระดับราคาตารางเมตรไม่เกิน 2 แสนบาท ที่เปิดขายอยู่บนถนนวิทยุยังไม่มีคอนโดเปิดใหม่ โดยเอพีจะนำความเชี่ยวชาญและความสำเร็จในการพัฒนาลักชัวรี่คอนโดภายใต้แบรนด์ The Address และ RHYTHM เพื่อรังสรรค์ให้ LIFE ONE WIRELESS เป็น Flagship แรกภายใต้แบรนด์ LIFE ที่รังสรรค์ทุกองค์ประกอบ เพิ่มระดับการอยู่อาศัยที่เน้นความลักชัวรี่ที่ผสานสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และการออกแบบที่คำนึงถึงทุกมุมมองที่ดีที่สุด เพื่อตอบดีมานด์และเป็นโครงการคอนโดที่ดีที่สุดในถนนวิทยุ” นายวิทการกล่าวเพิ่มเติม ปัจจุบัน (ณ 30 มิถุนายน 2560) เอพีมีคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (Ongoing Projects) จำนวน 15 โครงการ มูลค่าคงเหลือขายรวมประมาณ 12,300 ล้านบาท โดยเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างเอพีและ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MEC) 9 โครงการ มูลค่าคงเหลือขายรวมประมาณ 4,090 ล้านบาท ในส่วนของผลการดำเนินงานของเอพีจากกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 8,200 ล้านบาท และมั่นใจว่าจากการเปิดตัว LIFE ONE WIRELESS ไฮเอ็นด์คอนโดมิเนียมบนทำเลที่ดีที่สุดของถนนวิทยุ จำนวน 1,344 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท (ราคาเฉลี่ย 170,000 บาทต่อตารางเมตร) และ LIFE อโศก – พระราม 9 สุดยอดคอนโดมิเนียมที่พร้อมสนับสนุนความสำเร็จให้กับชีวิตคนเมืองยุคดิจิตอล ราคาเริ่มต้น 110,000 บาทต่อตารางเมตร จะช่วยโกยยอดขายคอนโดมิเนียมล็อตใหญ่ และทะลุเป้าหมายยอดขายคอนโดมิเนียมที่ตั้งไว้ที่ 12,400 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน
AP แตกไลน์บ้านกลางเมือง จับตลาดพรีเมี่ยม ชูจุดต่างเพิ่มพื้นที่และฟังก์ชั่น ประเดิมทำเลแรก “บ้านกลางเมือง พระราม 2”

AP แตกไลน์บ้านกลางเมือง จับตลาดพรีเมี่ยม ชูจุดต่างเพิ่มพื้นที่และฟังก์ชั่น ประเดิมทำเลแรก “บ้านกลางเมือง พระราม 2”

AP ตอกย้ำเจ้าตลาดทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้นในเมือง สบช่องว่างตลาดเดินหน้าขยายพอร์ตสินค้า ประเดิมตลาดครึ่งปีหลังส่งบ้านแนวคิดใหม่ภายใต้โมเดล X-TREND ลงจับตลาดระดับพรีเมี่ยม ชูจุดต่างสร้างมูลค่าเพิ่มที่มากขึ้นทั้งพื้นที่ใช้สอย ฟังก์ชั่นการใช้งานในแพ็คเกจราคาที่คุ้มค่า ลั่นมั่นใจกำลังซื้อด้วยตัวเลขซัพพลาย-ดีมานด์ไม่สอดคล้องกัน ปักธงทำเลแรกกับ บ้านกลางเมือง พระราม 2 หนึ่งเดียวบนทำเลที่ดีที่สุดใจกลางพระราม 2 ราคา 7-9 ล้านบาท เปิดขาย 12-13 กันยายน 2558 นี้ คุณวิทยากร จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สยางานกุลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เผยว่า ตลาดบ้านระดับพรีเมี่ยมบนโลเคชั่นในเมืองยังขยายตัวต่อเนื่อง โดนเฉพาะดีมานด์บ้านแนวราบที่เป็นสินค้าเรียลดีมานด์ ที่ผ่านมา AP ได้พัฒนาบ้านแนวราบที่หลากหลายครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ จับเซกเมนต์ลูกค้าครอบครัวคนเมืองกุล่มแมสจนถึงลักชัวรี่ และถ้ามองถึงส่วนแบ่งตลาดแนวราบของ AP ตลอดที่ผ่านมาจะพบว่า AP มีความโดดเด่นอย่างมากในตลาดทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้นในเมือง โดยครงส่วนแบ่งตลาดมากถึง 43% ดังนั้น AP จึงพร้อมนำความชำนาญในการพัฒนาที่อยู่อาศัย แตกไลน์สินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ บ้านกลางเมือง เพื่อเจาะตลาดครอบครัวในเมืองระดับพรีเมี่ยมที่มองหาที่อยู่อาศัยที่มีระดับ พร้อมพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากขึ้น แวดล้อมด้วยการเดินทางที่หลากหลาย และในปีนี้ AP พร้อมเปิดตัวโครงการแรก บ้านกลางเมือง พระราม 2 ภายใต้คอนเซ็ปท์บ้านแนวคิดใหม่ X-TREND ขยายความสุขได้ดั่งใจบนพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น ด้วยศักยภาพทำเลพระราม 2 ที่สามารถเชื่อมต่อ CBD อย่าง สาทร-สีลม ได้อย่างสะดวก ทำมห้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดในทำเลดังกล่าว แต่จากการสำรวจซัพพลายพบเฉพาะสินค้าทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวเท่านั้น ในขณะที่ไลฟ์สไตล์ครอบครัวเมืองในปัจจุบันเน้นประโยชน์จากพื้นที่ใช้สอยในบ้าน แต่ไม่ต้องการพื้นที่สวนมากนัก ดังนั้น AP จึงใช้ช่องว่างทางธุรกิจนี้ ต่อยอดพัฒนา บ้านแฝดในเมือง รวมจุดแข็ง "เพิ่มฟังก์ชั่นความเรียบหรูแบบบ้านเดี่ยว" และ "ขยายสเปซเต็มพื้นที่แบบทาวน์เฮ้าส์" ในแพ็คเกจราคาขายที่กลุ่มเป้าหมายมองหา "AP ได้ขยายสเปซในบ้านใหม่ ด้วยการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยในบ้านแบบเต็มพื้นที่ ตอนรับผู้มาเยือนด้วยส่วน Living Room ที่ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย เชื่อมต่อ Dining Area และส่วนครัวถึงกันได้อย่างลงตัว พร้อมให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตร่วมกันของครอบครัวคนเมืองขนาดใหญ่ (2-3 เจเนอเรชั่น) ด้วยห้องนอนชัเน 1 เตรียมไว้สำหรับผู้สูงอายุ ที่สามารถดัดแปลงเป็นห้องอเนกประสงค์และ Triple Master Bedroom ห้องนอนพร้อม Walk-in-closet (และห้องน้ำในตัวทุกห้อง) ที่ชั้น 2 และ 3 อีกทั้งยังเพิ่ม Multiplied Living Space ที่ชั้น 2 สามารถปรับฟังก์ชั่นพร้อมรองรับทุกกิจกรรมของสมาชิกในครอบครัว" สำหรับโครงการ บ้านกลางเมือง พระราม 2 ภายใต้โมเดล X-TREND เพิ่มคุณค่าทุกตารางนิ้วในบ้าน จะมีพื้นที่ใช้สอย 222 ตารางเมตร หน้ากว้าง 11 เมตร 3 ชั้น 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 พื้นที่อเนกประสงค์  (Multiplied Living Space) ที่จอดรถ 3 คัน มูลค่าโครงการ 380 ล้านบาท ให้ความเป็นส่วนตัวด้วยยูนิตที่น้อยเพียง 50 ยูนิต ระดับราคา 7-9 ล้านบาท