Tag : Art&Design

72 ผลลัพธ์
อมรินทร์กรุ๊ป ทรานส์ฟอร์มจากธุรกิจสิ่งพิมพ์  สู่ Omni Media – Omni Chanel

อมรินทร์กรุ๊ป ทรานส์ฟอร์มจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ สู่ Omni Media – Omni Chanel

อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ อย่างเป็นทางการ ตอกย้ำการเป็นธุรกิจที่เป็นมากกว่า พริ้นติ้ง หรือ พับลิชชิ่ง สู่ภาพลักษณ์ใหม่ Omni Media - Omni Chanel เป็นธุรกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านออนไลน์ ธุรกิจด้านอีเวนต์  ธุรกิจด้านดิจิทัล ตั้งเป้าพร้อมขยายโอกาสสู่กิจการด้านอื่นในอนาคต     นางระริน  อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทอมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด(มหาชน)  กล่าวว่า อมรินทร์กรุ๊ป เป็นองค์กรอันดับ 1 ด้านการสื่อสารแบบครบวงจร ผ่านโมเดลธุรกิจที่เป็นกลยุทธ์หลัก Omni Media - Omni Channel  ครอบคลุมสื่อมากที่สุดในประเทศ ผนึกรวมทุกภาคส่วนในเครือ ทั้ง On Print, Online, On Ground, On Air และ On Shop เราผสานรวมกันเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยความครอบคลุมนี้ถือเป็นจุดแข็งและกลยุทธ์สำคัญในการเดินหน้าทำธุรกิจของอมรินทร์กรุ๊ป ซึ่งแบ่งธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่มธุรกิจหลัก และ 2 ธุรกิจที่ร่วมทุน ประกอบด้วย 5 กลุ่มธุรกิจอมรินทร์ 1.ธุรกิจมีเดียแอนด์อีเวนต์   ธุรกิจที่ประสานกับสื่อ นิตยสาร สื่อออนไลน์ ไปจนถึงธุรกิจจัดงานแฟร์และอีเวนต์  ที่จะช่วยให้ลูกค้าของอมรินทร์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.ธุรกิจสำนักพิมพ์  เป้าหมายเพิ่มจำนวนการผลิตหนังสือเล่มประมาณ 500 ปก และหนังสือดิจิทัลประมาณ  770 เรื่องต่อปี อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าโดยสามารถเลือกรูปแบบการอ่านได้มากมายทั้งการอ่านหนังสืออ่านแบบดิจิทัล หรือจะออดิโอ Multi-platformในรูปแบบที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด และมุ่งขยายความหลากหลายของคอนเทนต์เพื่อเข้าถึงคนทุกเพศทุกวัย สร้างสังคมแห่งการอ่านให้ประเทศไทย 3.ธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์   ธุรกิจการพิมพ์ที่ให้บริการได้ตั้งแต่การพิมพ์หนังสือเล่มเดียวไปจนถึงหลักล้านเล่ม นอกจากนี้ยังมุ่งพัฒนาไปที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายใต้สัญลักษณ์ AM GREEN 4.ธุรกิจจัดจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์ และ Digital Content  โดยบริษัทอมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด ที่มีเครือข่ายร้านพันธมิตรมากกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ และธุรกิจค้าปลีกอย่างร้านนายอินทร์ และแพลตฟอร์มดิจิทัล ปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 26 ล้านรายต่อปี และมีแพลตฟอร์มใหม่อย่าง Mareads ที่สามารถอ่านนิยายเป็นตอนๆ มาให้บริการ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ช่วยในการขยายฐานการอ่านและรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5.ธุรกิจทีวีดิจิทัล  โดยบริษัทอมรินทร์เทเลวิชั่น จำกัด ช่อง AMARIN TV 34HD  เป็นสื่อทีวีดิจิทัลที่ยังรักษาความนิยมของผู้ชมทั่วประเทศอยู่ใน TOP 7 ที่มีครบทุกแพลตฟอร์ม มีรายการที่มีคุณภาพครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายและเข้าถึงผู้ชมทั่วประเทศ ด้วยการเชื่อมต่อประสบการณ์อันหลากหลายผ่านทั้งช่องทาง On Air และ Online ในทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงผ่าน 34HD App ที่จะสามารถรับชมรายการผ่านอุปกรณ์ หรือ Device ต่างๆ ได้เข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น ทำให้ปัจจุบัน Amarin TV 34HD สามารถเข้าถึงผู้ชมทั่วประเทศเฉลี่ย 10 ล้านคนต่อวัน และมีผู้ติดตามในสื่ออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มมากกว่า 42 ล้านคน   ส่วนใน 2 บริษัทที่อมรินทร์ถือหุ้นร่วม คือ บริษัทคาโดคาวะ อมรินทร์ จำกัด เป็นผู้นำในเรื่องของ Light NOVEL และ MANGA และบริษัทเด็กดี อินเตอร์ แอคทีฟ จำกัด ผู้นำตลาดนิยายและ Education Platform ปี 65 ผลประกอบการนิวไฮด์ สำหรับผลประกอบการในปี 2565 ของบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,274.45 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 1,313.84 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นถึง 44.4 % ซึ่งมีเหตุผลหลักมาจาก รายได้จากธุรกิจผลิตงานพิมพ์และจำหน่ายหนังสือมีการเติบโตถึงร้อยละ 91.5 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 โดยมาจากการขยายตัวของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และการเติบโตของธุรกิจการจัดจำหน่ายหนังสือเล่มผ่านหน้าร้านหนังสือต่าง ๆ และโดยเฉพาะผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีการอัตราการเติบโตถึงร้อยละ 83.4 รายได้จากธุรกิจมีเดียและอีเวนต์ รวมการให้บริการโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อออนไลน์ และการจัดงานแสดงสินค้าและอีเวนต์ต่าง ๆ ซึ่งในปี 2565 มีอัตราการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 72.9 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 โดยเฉพาะรายได้จากการจัดงานแสดงสินค้าที่เติบโตถึงร้อยละ 147.6 โดยบริษัทสามารถดำเนินการจัดงานแสดงสินค้าได้ใกล้เคียงกับแผนงานที่วางไว้ทั้งงานบ้านและสวนแฟร์ที่มีการจัดงานถึง 3 ครั้ง งานอมรินทร์ เบบี้แอนด์ คิดส์ แฟร์ ที่มีการจัดงานในระหว่างปีถึง 4 ครั้ง รวมทั้งงานอื่น ๆ รายได้จากธุรกิจสื่อทีวีดิจิทัล ที่ยังคงรักษาระดับรายได้ไว้ได้ แม้ว่ายอดในการซื้อสื่อทีวีดิจิทัลในอุตสาหกรรมจะมีมูลค่ารวมที่ลดลง แต่บริษัทยังมีรายได้ 1,287.33 ล้านบาท ใกล้เคียงกับรายได้ในปี 2564 ที่มีรายได้ 1,282.36 ล้านบาท 3 ปีเตรียมลงทุนกว่า 2,100 ล้าน         ปี 2566-2568 ตั้งงบลงทุนกว่า 2,100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 800 ล้านบาท โอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ และจากการร่วมมือกับคู่ค้า 600 ล้านบาท คอนเทนต์หนังสือ, ดิจิทัล, โทรทัศน์ ทั้งรูปแบบการซื้อลิขสิทธิ์ต่างประเทศ และสร้าง Local Content เพื่อพัฒนา Soft Power ให้กับประเทศไทย 250 ล้านบาท Infrastructure เช่น การสร้างสตูดิโอใหม่, การพัฒนาพื้นที่ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ 250 ล้านบาท Technology เช่น AI, ML เพื่อต่อยอดธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ 250 ล้านบาท Packaging เครื่องจักรและเทคโนโลยีการพิมพ์รองรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์   นอกจากการดำเนินกิจการต่าง ๆ แล้ว  สิ่งที่เราทำควบคู่มาตลอดเกือบครึ่งศตวรรษ ภายใต้พันธกิจหลัก “เราทำงานเพื่อความสุข และความรุ่งโรจน์ของสังคม” ภายในงาน AMARIN EXPO 2023 จะมีการเปิดตัวโครงการ “อมรินทร์ อาสา” 2 โครงการสำคัญในปีนี้ คือ โครงการ “หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี, บริษัท ซีเจเวิร์ค จำกัด (CJ WORK) และค่ายเพลง   WHAT THE DUCK ในโครงการ “หนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่” ระดมทุน 50 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ป่วยด้วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดขั้นวิกฤต ผ่านรูปแบบมิวสิคแคมเปญ และโครงการ “อ่านพลิกชีวิต” ร่วมบริจาคหนังสือจำนวน 150,000 เล่ม  ให้ห้องสมุดโรงเรียนกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ   ด้านนายศิริ  บุญพิทักษ์เกศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทอมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด ยังเสริมว่า  Amarin TV 34HD เป็นสื่อที่จะช่วยเชื่อมโยงในทุกภาคส่วนเพื่อสร้างสังคม (Community) แห่งการแบ่งปัน และมอบสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม เหมือนที่เราได้ทำมาตลอดโดยเฉพาะในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ด้วยการเป็นสื่อกลางช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด - 19  การระดมทุนจากผู้ชมของเราที่มีจิตศรัทธาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย การนำเสนอคอนเทนต์ที่มีส่วนช่วยคนในสังคมและชุมชน เพื่อที่เราจะเติบโตไปด้วยกัน บนเส้นทางหรือสังคมที่ยั่งยืน ภายใต้สโลแกนและทิศทางการทำงานของเรา “Sustainable Route” เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนไปกับรายการต่างๆ ของช่องในแบบ “Real Life Entertainment สนุก เข้มข้น บนความจริง” ซึ่งเป็นแนวคิดและจุดยืนหลักของช่อง (Concept & Positioning)  และเป็นเอกลักษณ์ของ Amarin TV 34HD นั่นเอง   ขณะที่นายเจรมัย  พิทักษ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจ Media & Event  ยังเสริมว่า ธุรกิจ Media&Event ของเรามีทีมงานที่ทำสื่อหลากหลายในมือ และมีความชำนาญด้านการจัดงานแฟร์และอีเว้นต์  จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการให้จัดแคมเปญ วางแผนการตลาด และจัดงานอีเว้นต์อย่างมากมาย และสำหรับงาน AMARIN EXPO 2023 ที่เรากำลังจัดอยู่ เป็นงานแฟร์ล่าสุดที่ตั้งใจรวบรวมเนื้อหา กิจกรรม และสินค้าหลากหลายแบรนด์จากทั้งเครืออมรินทร์ รวมความสุขให้แก่ทุกครอบครัว สร้างประสบการณ์ใหม่กับ 5 โซน ช็อปสนุกกว่า 1,100 บูธ ได้แก่ บ้านและสวน, Amarin Baby&Kids, กินดีอยู่ดี, Explorers และร้านนายอินทร์   พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น  Mini Concert จากศิลปินชื่อดัง, Meet & Greet ศิลปินดารา, พิธีกร และผู้ประกาศข่าวจาก Amarin TV รวมถึงกิจกรรมเสวนาที่น่าสนใจ พร้อม Workshop อีกมากมาย  โดยเราจะใช้ข้อมูลเชิงพฤติกรรมของผู้อ่านจากสื่อออนไลน์ และผู้ชมงาน อีเวนต์ที่จัดในแต่ละปี มาวิเคราะห์อย่างมืออาชีพ และถูกต้องตามหลักการเป็นฐานข้อมูลอ้างอิง เพื่อพัฒนาธุรกิจ  Media & Event ให้เป็นผู้จัดงานที่เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด และเป็นสื่อออนไลน์ที่ทำได้มากกว่าการเข้าถึง Reach  แต่สามารถให้คำตอบ และทางเลือกที่ดี รวมถึงสร้างความมั่นใจ และสร้างโอกาสให้ธุรกิจต่าง ๆ ให้ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ   นอกจากงานแฟร์ที่เราจัดเป็นประจำอยู่แล้ว ในปีถัดไป  เราได้เตรียมขยายงานแฟร์ใหม่ๆ เช่น งาน AMARIN EXPO ที่จะไปจัดตามส่วนภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่, งานบ้านและสวน Pets Fair, งาน   บ้านและสวน Garden & Farm Festival, งานกินดี อยู่ดี   และจากการร่วมทุนกับ Dek-D ก็จะมีการขยายงาน  T-CAS ของ Dek-D ร่วมกับ National Geographic Thailand เพื่อให้รองรับผู้มาร่วมงานมากยิ่งขึ้น   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -Review Your Living พาเดินงาน บ้านและสวนแฟร์ 2018
[PR News] CPN ผนึกพันธมิตร ปักธงสีรุ้งรับเดือน Pride Month จัดงาน THAILAND’S PRIDE CELEBRATION 2023

[PR News] CPN ผนึกพันธมิตร ปักธงสีรุ้งรับเดือน Pride Month จัดงาน THAILAND’S PRIDE CELEBRATION 2023

CPN ปักธงสีรุ้งรับเดือน Pride Month ผนึกพันธมิตรจัดงาน THAILAND’S PRIDE CELEBRATION 2023 “PRIDE FOR ALL” สร้างแลนด์มาร์กเทศกาลระดับโลกที่ทุกคนต้องมาเยือน ปลุกเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวไตรมาส 2   โดยในงานแถลงข่าวได้รับเกียรติจาก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน พร้อมด้วย ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ, ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา , มร.เรอโน เมแยร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย UNDP, เมทินี กิ่งโพยม CEO จาก Muse by Metinee, ชุมาพร แต่งเกลี้ยง ผู้ก่อตั้งบางกอกไพรด์ , ภก.พิรพัฒน์ ศรีวัฒนวงศ์ ผู้อำนวยการธุรกิจความงาม ประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด และ ประภัสสร กาญจนสูตร ศิลปินผู้เชื่อในความเท่าเทียมของมนุษย์   ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท ซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมเป็นหัวหอกในการผนึกกำลังพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันผลักดันให้งานฉลองเทศกาล Pride Month ของประเทศไทยเป็น Top of Pride Destination ของคนทั่วโลก และยกระดับสู่การเป็นเจ้าภาพ World Pride 2028 ชาติแรกในเอเชียตามเป้าหมายที่มีร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไตรมาส 2 และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยชู 3 แนวคิดสำคัญ ได้แก่ 1.สร้าง Global Impact ยกระดับงานไพรด์ประเทศไทย ให้เป็นเดสติเนชั่นระดับโลกด้วย Great partnership การผนึกกำลังร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก และพันธมิตรชั้นนำภาครัฐ-เอกชน จัดงานฉลองเทศกาลไพรด์ยิ่งใหญ่ผ่านพื้นที่ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ Global destination ชูไทยเป็น 1 ในแลนด์มาร์กแห่งการฉลองเทศกาลที่ทั่วโลกอยากมาเยือน เทียบชั้น NYC Pride นิวยอร์ก, EuroPride 2019 & Pride Week เวียนนา ออสเตรีย, Tokyo Rainbow Pride ญี่ปุ่น และTaiwan LGBT Pride เพราะประเทศไทยเป็นเดสติเนชั่นที่เหมาะสม เปิดกว้าง และยอมรับในความแตกต่าง หลากหลาย และการสร้าง Global awareness สร้างกระแสผ่าน Tourist Platform ทั่วโลก เหมือนที่เราประสบความสำเร็จมาแล้วจากการจัดงานเคานต์ดาวน์ และเทศกาลสงกรานต์ 2.จับเทรนด์ Rainbow Economy เศรษฐกิจสีรุ้งมาแรง-กำลังซื้อสูง ขานรับนโยบาย “เศรษฐกิจดี” ของกรุงเทพมหานคร มุ่งปั้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศให้คึกคัก ยกระดับงานไพรด์ของไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จับ 2 กลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่ม LGBTQIAN+ กำลังซื้อสูง ตลาดสำคัญในยุค Genderless เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการใช้จ่ายสินค้าและท่องเที่ยวมากกว่ากลุ่มทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารระดับสูง รายได้ดี มีรสนิยมดี สร้างเม็ดเงินมหาศาลในหลายอุตสาหกรรม เช่น ท่องเที่ยว ภาพยนตร์ ดนตรี บันเทิง รวมไปถึงอุตสาหกรรมการแพทย์ จากข้อมูล พบว่า ปัจจุบัน LGBTQIAN+ ทั่วโลกมีมากถึง 486 ล้านคน อยู่ในเอเชีย 288 ล้านคน และเป็นคนไทย 4 ล้านคน โดยมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 50,000-85,000 ต่อคน กลุ่ม Gen Z ที่เปิดกว้างสนับสนุนความเท่าเทียม ให้ความสำคัญกับ Brand value แบรนด์ดัง Global & Local ผลิต Collectible items ช่วง Pride Month อาทิ สายกิน: Daisen กับเมนูซูชิสีรุ้ง, ไอศกรีม Guss Damn Good พิเศษเฉพาะเทศกาลไพรด์ (เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล ลาดพร้าว), สายแฟชั่น: พบกับไอเท็ม Pride คอลเลคชั่น สุดว้าวจาก Adidas, Calvin Klein, Casetify, CPS CHAPS, Guess, Nike, Comma And มัลติแบรนด์คอนเซ็ปต์สโตร์แห่งใหม่ล่าสุดที่เซ็นทรัลเวิลด์ รวมถึง LEGO และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย 3.ชู Pride Highlight ตอบโจทย์ทุก GEN ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ สร้างปรากฏการณ์ PRIDE ทั่วประเทศ ตลอดเดือนมิถุนายน 2566 ให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเป็น Trendsetter ของทุกจังหวัด โดยมีไฮไลต์พิเศษมากมาย อาทิ The Biggest Pride Parade โบกสะบัดธงสีรุ้งใน 8 สาขาทั่วประเทศ อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ จัด 2 งานใหญ่: Pride Fashion Parade จาก Muse by Metinee โดย ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม และศิลปินดัง-นักศึกษากว่า 500 คน และงาน Bangkok Pride 2023 ร่วมกับกรุงเทพมหานครฯ และนฤมิตรไพรด์ ขบวนพาเหรดธงสีรุ้งสุดตระการตาใหญ่ที่สุดในไทยกว่า 8 เมตร ประกาศก้องความหลากหลายและเท่าเทียม โดยขบวน Bangkok Pride2023 จะเคลื่อนตัวจากแยกปทุมวัน ถึงแยกราชประสงค์ พร้อมผู้คนนับแสนที่ร่วมขบวนอย่างยิ่งใหญ่ และโชว์สุดพิเศษ มินิคอนเสิร์ต การฉลองความหลากหลายทางเพศ โดย ผู้ว่าราชการจังหวัด คณะเอก อัคราชฑูต หน่วยงานราชการ และตัวแทนจากชุมชน LGBTQIAN+ ​โดยเซ็นทรัลเวิลด์เป็นไฮไลต์เดสติเนชั่นสุดท้ายฉลองร่วมกัน สมเป็น World’s Best Festive Destination, เซ็นทรัล พัทยา และเซ็นทรัล มารีนา จัดงาน Pattaya International Pride Festival 2023 ไพรด์พาเหรดเลียบชายหาดเมืองพัทยา, Central Phuket Pride For All ไพรด์พาเหรดครั้งแรกใหญ่สุดในภาคใต้​ พร้อมแฟชั่นโชว์ร่วมกับไซม่อนคาบาเร่ต์ และสาขาอื่นๆ อีกมากมาย คือ เซ็นทรัล ขอนแก่น, อุบล, อุดร และสมุย Pride Happening อาทิ Pride Talk ร่วมกับ UNDP และสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ฟังเสวนาจาก LGBTQIAN+ คนสำคัญในวงการ สร้างแรงบันดาลใจที่เซ็นทรัลเวิลด์, พัทยา, ภูเก็ต, อุดร, ขอนแก่น, เชียงใหม่, ชลบุรี, Pride Competition ชมการประกวด Miss International Queen ชุดประจำชาติ ที่เซ็นทรัลเวิลด์, Pride Market อาทิ centralwOrld ร่วมกับ SpicyDisc และ Tinder แอพหาคู่ที่ฮิตที่สุดในโลก presents "ตลาดโสด MADE WITH PRIDE" 1-4 มิ.ย.66 เป็นต้นและ Pride Concert จากศิลปินดังที่เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล พัทยา, ภูเก็ต, อุบล, ชลบุรี Pride Vibes ชม Installation Art จากศิลปินดัง เตยยี่-ประภัสสร เจ้าของผลงาน Seat the Pride ฉลองความเท่าเทียม ตลอด 2 เดือนเต็มที่เซ็นทรัลเวิลด์ (มิ.ย. - ก.ค. 2566) และ เซ็นทรัล ชลบุรี ในคอนเซ็ปต์งาน "Mirror Mirror: Reflect Yourself” และพลาดไม่ได้ จุดเช็คอินสีรุ้ง Pride Photo landmark ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ พบกับกิจกรรมพิเศษจาก กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) ผู้นำนวัตกรรมด้านความงามที่ใหญ่ที่สุดของโลก ปีนี้มีกิจกรรมพิเศษ ที่จะให้ผู้ที่สนใจร่วมโชว์“This is my look” ของคุณเอง โดยผู้โชคดีจะได้รับรางวัล Beauty package มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท จาก 5 คลินิกความงามชั้นนำ  V Square Clinic, Nitipon Clinic, The Klinique, SLC Clinic, KKC Clinic สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ Facebook page, TikTok “Central Pattana” พร้อมชมขบวนพาเหรดที่เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล พัทยา, มารีน่า, ภูเก็ต, อุบล, และอุดร อยากให้ทุกคนรู้สึกมั่นใจ และเชื่อมั่นในตัวเองว่าสามารถดูดีและมีเสน่ห์  โดยไม่คำนึงถึงเพศหรือเชื้อชาติเป็นตัวเองอย่างแท้จริง ในทุกสถานการณ์ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสุขและความพึงพอใจในการเป็นตัวเองได้อย่างอิสระ   เตรียมพบปรากฏการณ์แลนด์มาร์กสีรุ้งสุดยิ่งใหญ่ กับงาน Thailand’s Pride Celebration 2023 “Pride For All” ตลอดเดือนมิถุนายน นี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ
ทอสเท็ม ฉลอง 100 ปี ตั้งเป้าโต 20%  เดินหน้าขยายโชว์รูมบุกตลาดคอนซูเมอร์

ทอสเท็ม ฉลอง 100 ปี ตั้งเป้าโต 20% เดินหน้าขยายโชว์รูมบุกตลาดคอนซูเมอร์

ทอสเท็ม (TOSTEM) ฉลองครบรอบ 100 ปี การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตู-หน้าต่างอะลูมิเนียมสำเร็จรูป  รุกตลาดปี 2566 เปิดตัวนวัตกรรมสีใหม่ “DUSK GRAY” ชูจุดเด่นด้วยเทคโนโลยีหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรมการชุบสีอะลูมิเนียมด้วยกระแสไฟฟ้าระบบอะโนไดซ์และเคลือบผิวด้วยระบบ TEXGUARD พร้อมขนทัพนวัตกรรมเรือธงและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทุกเซกเมนต์ พร้อมเดินหน้าขยายโชว์รูมครอบคลุมทั่วประเทศ จับตลาดคอนซูเมอร์ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 20%   นายวิชา วรสายัณห์ ลีดเดอร์ กลุ่มธุรกิจเฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี บริษัท แอล เอช ที เอเซีย เซลส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมแบรนด์ ทอสเท็ม (TOSTEM)  เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ว่า หลังจากเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้ามาอย่างยาวนานถึง 100 ปีในประเทศญี่ปุ่น และครบ 40 ปีในการตั้งโรงงานประเทศไทย ถึงเวลาก้าวเข้าสู่ศตวรรษใหม่ในปีนี้พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำ ในงานสถาปนิก’66 (Architect Expo 2023) งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมสีใหม่ “DUSK GRAY” ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดและหนึ่งเดียวในอุตสาหกรรมการชุบสีอะลูมิเนียมด้วยกระแสไฟฟ้าระบบอะโนไดซ์และเคลือบผิวด้วยระบบ TEXGUARD   นอกจากนี้ บริษัทได้ขนทัพนวัตกรรมเรือธงและผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ GRANTS ดีไซน์ใหม่ เพื่อเปิดมุมมองให้ลูกค้าได้มีความสุขกับทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างเต็มสายตา GRANTS Corner Sliding Doors นวัตกรรมโซลูชั่นที่มอบทิวทัศน์แบบพาโนรามาที่ไร้สิ่งกีดขวาง ขยายขนาดพื้นที่พักผ่อนด้วยบานเลื่อนเข้ามุมที่เลื่อนเปิดบานออกโดยไม่เหลือเสามุมบดบังสายตา ผลิตภัณฑ์ประตูบานเลื่อนเข้ามุมบนรางเรียบ ดีไซน์เพื่อเชื่อมต่อสเปซภายในและภายนอกตัวบ้านด้วยดีไซน์แบบเข้ามุมที่เลื่อนเปิดออกได้โล่ง เหมาะสำหรับพื้นที่พักผ่อน ที่ได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ และรับแสงสว่างธรรมชาติได้สูงสุด กลุ่มผลิตภัณฑ์ ATIS กับ Streamline Design ดีไซน์ไร้รอยต่อที่มาพร้อมกับ อุปกรณ์อันสวยงาม เส้นกรอบ พื้นผิวกรอบประตูหน้าต่างและการใช้งานทำงานร่วมกันอย่างนุ่มนวล และบานหน้าต่างรูปแบบใหม่ที่สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น รวมถึง Smart Insect Screen นวัตกรรมมุ้งลวดล่องหน ที่ช่วยป้องกันแมลงและมลพิษจากภายนอกมุ้งลวดที่สามารถเพิ่มการมองเห็น เชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกได้มากขึ้น โดยทอสเท็มพร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษและกิจกรรมทางการตลาดมาร่วมในงานสถาปนิก’66 ครั้งนี้กับส่วนลด 10% สำหรับทุกผลิตภัณฑ์ของทอสเท็มและลุ้นรับตั๋วเครื่องบิน (ไป-กลับ) ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 5  รางวัล / รางวัลละ 2 ที่นั่ง   นายวิชา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้ว โดยในช่วงสถานการณ์ก่อนโควิด-19 ระบาด รายได้ส่วนใหญ่ของทอสเท็มประมาณ 80% มาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์แบบโครงการหรืออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ แต่หลังวิกฤตโควิด-19 เริ่มมีสัดส่วนรายได้จากตลาดลูกค้าที่อยู่อาศัยรายย่อยเพิ่มมากขึ้น จาก 20% เป็น 30% ของยอดขายทั้งหมด   ทั้งนี้ ทางทอสเท็มวางแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าอยู่อาศัย (Retails) มากขึ้น พร้อมขยายส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มรายได้สูง  Upper mass – Luxury segment เพราะพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป คืออยู่บ้านมากขึ้นจึงเลือกมองหาอุปกรณ์ในบ้านเอง ได้เลือกซื้อ สัมผัส ทดลอง และเห็นสินค้าจริงเพื่อนำไปปรับปรุงบ้านให้อยู่อาศัยอย่างสะดวกสบายมากขึ้น  ซึ่งทอสเท็มได้วางแผนกลยุทธ์การตลาดที่จะขยายสัดส่วนลูกค้ารายย่อยกลุ่มนี้ต่อไป   ทอสเท็มได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อ สัมผัส ทดลอง และเห็นสินค้าจริงผ่าน TOSTEM Flagship Showroom โดยปัจจุบันทอสเท็มมีโชว์รูมและเดโม่รูมอยู่ในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ ทอสเท็มแฟลกชิปโชว์รูม (TOSTEM Flagship Showroom) ที่คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์, ทอสเท็มโชว์รูม ในบุญถาวร สาขาราชพฤกษ์,  ทอสเท็ม เดโม่รูมในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต รวมถึงยังผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจขยาย TOSTEM Studio ที่บริหารโดยตัวแทนจำหน่าย ขยายโชว์รูมในพื้นที่จริงให้ครอบคลุมในต่างจังหวัดโดยเน้นหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว เพื่อหวังขยายตลาดลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัย, รีสอร์ท และบริษัทรับสร้างบ้านในพื้นที่ดังกล่าว โดยขณะนี้ได้ทำการเปิด TOSTEM Studio ไปแล้ว 4  แห่ง ในจังหวัดปทุมธานี พิษณุโลก อุดรธานี และขอนแก่น และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 10 แห่ง ได้แก่ จังหวัดเชียงราย อุบลราชธานี นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง กาญจนบุรี เพชรบุรี สงขลา โดยคาดภายในสิ้นปี 2566 ทอสเท็ม จะสามารถขยายโชว์รูมครอบคลุมได้ครบทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศ   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -[PR News] ทอสเท็มเปิดตัว “ATIS” นวัตกรรมประตูหน้าต่างรวม 2 ฟังก์ชั่นในหนึ่งบาน
ค้นหาไอเดียสุดว้าว การใช้วัสดุก่อสร้างใน งานสถาปนิก’66

ค้นหาไอเดียสุดว้าว การใช้วัสดุก่อสร้างใน งานสถาปนิก’66

งานสถาปนิก’66 งานสถาปนิก’66 เป็นอีกงานหนึ่ง ที่คนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ต่างตั้งตารอคอย เพื่อเช้าชมงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่จะมาโชว์ผลงาน และผู้ที่มามองหาแรงบันดาลใจในการออกแบบ และการใช้วัสดุเพื่อการก่อสร้าง ซึ่งผู้เข้าร่วมงาน จะได้พบกับนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่ทันสมัย แปลกใหม่  ที่ถูกออกแบบและพัฒนา แล้วนำมาแสดงภายในงาน เพื่อให้คนในแวดวงได้อัปเดต และนำเอาวัสดุต่าง ๆ เหล่านั้น ไปใช้ในงานก่อสร้าง และงานออกแบบต่าง ๆ ของตนเองหรือลูกค้า   งานสถาปนิก’66 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-30 เมษายน 2566 ที่อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี  มาด้วยการจัดงานภายใต้แนวคิด "ตำถาด : Time of Togetherness”   ภายในงาน นอกจากจะยกขบวนนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จากผู้ประกอบการระดับแนวหน้า ทั้งไทยและต่างประเทศ ที่ร่วมแสดงสินค้ากว่า 800 ราย ยังมีการเนรมิตพื้นที่ไฮไลท์ อย่าง Thematic Pavilion โชว์ศักยภาพของวัสดุผ่านการใช้งานในรูปแบบใหม่ ๆ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับการนำเอาไปใช้ ในการต่อยอดของผู้ประกอบการ สถาปนิก และนักออกแบบ 4 พื้นที่ Thematic Pavilion ใน งานสถาปนิก’66 สำหรับพื้นที่โชว์ศักยภาพของวัสดุ ผ่านการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ มีด้วยกัน 4 พื้นที่ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของแบรนด์ซัพพลายเออร์วัสดุก่อสร้างและสถาปนิก ดังนี้ 1.VG & TOA x Hypothesis  ครั้งแรกกับการร่วมกันระหว่าง VG เจ้าของรางน้ำฝนและหลังคาไวนิลคุณภาพสูง และผู้นำด้านนวัตกรรมสีทาบ้านภายใต้แบรนด์ TOA จับมือ สถาปนิกจาก Hypothesis เนรมิตพื้นที่ให้มีความสมมาตร ตรงกลางมีการติดตั้งพีระมิดกระจกรูปแบบน้ำผุด โดยสามารถเดินเข้ามาได้จากทุกทิศทาง สามารถมองความต่างของวัสดุที่แขวนติดตั้งจากแต่ละแบรนด์อย่างชัดเจน และดูกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันเมื่อมองจากภายนอก ซึ่งถือเป็นการออกแบบที่โดดเด่นและลงตัวเป็นอย่างมาก 2.WOODDEN x PAVA architects  หยิบอัตลักษณ์อย่างไม้ เปลี่ยนมุมมองใหม่ให้เข้าถึงได้ โดยเฉพาะ "ไม้สัก" ซึ่งเป็นวัสดุที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้สัมผัส บอกเล่าเรื่องราวด้วยการสร้างสรรค์ผ่านมุมมองสถาปนิกให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ในรูปแบบ enclosed space ที่จะช่วยให้ผู้เข้าชมสัมผัสความสงบจากป่าไม้สักคอนทราสต์กับบรรยากาศภายนอกทันทีที่ก้าวเข้ามา อีกทั้ง ยังสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตของไม้สักตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ บอกได้เลยว่าผู้ที่หลงใหลวัสดุที่ทำจาก “ไม้” ต้องไม่พลาด 3.THAI KOON STEEL & THAI PREMIUM PIPE x Context Studio  ฉีกกฎเดิมๆ ของงานเหล็ก สู่การสร้างสรรค์ให้พลิ้วไหวจาก Context Studio โดยการนำวัสดุอย่างท่อและโซ่มาออกแบบได้อย่างกลมกลืนและน่าสนใจ สร้างรูปลักษณ์ใหม่ในพื้นที่จำกัด ด้วยวิธีการปรับองศาการติดตั้งท่อเหล็ก เปลี่ยนเส้นตรงให้อยู่ในรูปทรงเกลียว (spiral) สอดประสานกันเพื่อให้ความรู้สึกที่พลิ้วไหวแต่ยังได้ฟังก์ชันที่สอดรับกันเพื่อสร้างความแข็งแรง และโครงสร้างทุกชิ้นสามารถนำกลับไปใช้ใหม่ได้  แบบนี้บอกได้เลยว่าเป็นการออกแบบที่คิดถึงการใช้งานและสิ่งแวดล้อมด้วย 4.EMPOWER STEEL x ACa Architects  ผลงานการถอดรหัสเหล็กที่แข็งแรงสู่โมเลกุลในยูนิตที่เล็กลงทรงเรขาคณิต สื่อถึงความเป็นธาตุโลหะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่มีความพลิ้วไหว สร้างจินตนาการใหม่ๆ โดยใช้เหล็กจาก EMPOWER STEEL ที่มีนวัตกรรมทำสีและพิมพ์ลวดลายมาตัดเป็นชิ้นนับหมื่นแผ่น บากร่องเพื่อต่อขึ้นเป็นโครงสร้าง (Modular Structure) โชว์พื้นผิว สี ฉีกกฎเหล็กจากอุตสาหกรรมทั่วไป สู่งานดีไซน์ที่หลากหลายตามจินตนาการ สำหรับผู้สนใจ สามารถเข้ามาสัมผัส และเรียนรู้แนวคิด การออกแบบสถาปัตยกรรม บนพื้นที่ Thematic Pavilion  ได้ภายในงานสถาปนิก’66 นี้ พร้อมพบกับ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และการออกแบบ รวมถึงแรงบันดาลใจอีกมากมาย ภายในงานสถาปนิก’66    อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -[PR News] เริ่มแล้ว! “สถาปนิก’65”  กระตุ้นเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง – หนุนเม็ดเงินสะพัดกว่า 2 หมื่นล้าน
[PR News] TOTO จับมือ ASA จัดงานใหญ่เพื่อสังคม สร้างแรงบันดาลใจให้วงการออกแบบไทย

[PR News] TOTO จับมือ ASA จัดงานใหญ่เพื่อสังคม สร้างแรงบันดาลใจให้วงการออกแบบไทย

TOTO จับมือ ASA จัดงาน TOMOHIKO YAMANASHI LECTURE BREAKING THE NORM โตโต้ ร่วมกับสมาคมสถาปนิกสยามฯ ตอบสนองพันธกิจในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม ผ่านการจัดกิจกรรมบรรยาย “TOMOHIKO YAMANASHI LECTURE: BREAKING THE NORM” โดย คุณ โทโมฮิโกะ ยามานาชิ สถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่น ผู้ได้รับรางวัลในแวดวงสถาปนิกมากมาย หวังจุดประกายแรงบันดาลใจให้วงการออกแบบของประเทศไทย TOTO จับมือ ASA จัดงาน TOMOHIKO YAMANASHI LECTURE: BREAKING THE NORM บริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมือกับ สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมบรรยาย “TOMOHIKO YAMANASHI LECTURE: BREAKING THE NORM” โดยได้รับเกียรติจาก คุณ โทโมฮิโกะ ยามานาชิ (Mr. Tomohiko Yamanashi) สถาปนิกชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ผู้ได้รับรางวัลในแวดวงสถาปนิกมากมาย มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ แง่มุม และแนวความคิดในการออกแบบโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร NBF OSAKI BUILDING (2011) ที่ได้รับรางวัล AIJ prizes (2014) สำหรับการนำเทคโนโลยี “BIOSKIN” ระบบช่วยระบายความร้อนของอาคารมาใช้ในการออกแบบ อากาศโดยรอบอาคารจะเย็นลงโดยใช้ความร้อนจากการระเหยกลายเป็นไอของน้ำฝน ที่หมุนเวียนสะสมอยู่ในท่อเซรามิก ช่วยลดภาระเครื่องปรับอากาศในการทำความเย็นภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับว่าเป็นการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงไว้ซึ่งความสวยงามที่มองเห็นได้จากภายนอกโดยคำนึงถึงผู้คนในสังคมเป็นสำคัญ   TOTO จับมือ ASA จัดงาน TOMOHIKO YAMANASHI LECTURE BREAKING THE NORM “ส่วนตัวแล้ว ในด้านการออกแบบผมจะให้ความสำคัญกับ 3 สิ่งด้วยกัน” คุณ โทโมฮิโกะ ยามานาชิ กล่าว “อันดับแรกคือ การคำนึงถึงลูกค้า เนื่องจากว่าสถาปนิกเป็นผู้ได้รับการขอร้องจากลูกค้า อันดับที่ 2 คือคิดถึงบริษัท Nikken Sekkei แต่อย่างไรก็ตามผลงานที่เราสร้างนั้นจะดำรงอยู่ในสังคม ดังนั้นสถาปนิกจำเป็นต้องคำนึงถึงสังคมด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ได้สร้างความหมายใหม่ พร้อมกับการแก้ปัญหาให้กับสังคม” นอกจากโครงการดังกล่าวแล้ว คุณ โทโมฮิโกะ ยามานาชิ ยังพูดถึงโครงการที่โดดเด่นและได้รับรางวัลด้านการออกแบบหลายรางวัลด้วยเช่นกัน อย่าง โครงการ HOKI MUSEUM (2010) ที่ได้รับรางวัล JIA Grand Prix (2011) ผลงานดังกล่าวเป็นเอกลักษณ์ และสร้างความรู้สึกน่าสนใจให้กับผู้ที่พบเห็น     “ในตอนที่พิพิธภัณฑ์ HOKI เปิดใช้งานแล้ว ผมรู้สึกถึงความสำเร็จมากกว่าตอนที่เพิ่งสร้างเสร็จ ราวกับว่าผมเป็นผู้ที่ถ่ายทอดผลงานภาพเสมือนจริงที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์เหล่านั้นด้วย ผมมีโอกาสได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ที่กล่าวว่า มูลค่าของภาพวาดเสมือนจริงเหล่านั้น เพิ่มขึ้นตั้งแต่ที่พิพิธภัณฑ์ HOKI สร้างเสร็จ อย่างที่ได้กล่าวไป ผมมีความสุขกับสถาปัตยกรรมที่เราได้สร้างความหมายใหม่ให้สังคม สำหรับผลงานด้านสถาปัตยกรรมแล้ว แม้คนที่ไม่อยากมองก็ยังต้องเห็นอยู่ดี แม้คนที่ไม่อยากดูก็ยังต้องใช้งานอยู่ดี ดังนั้นผมเชื่อว่าการออกแบบที่ดีจะเป็นสิ่งที่สามารถให้ความหมายและคุณค่าใหม่ๆ แก่สังคมได้”   นอกจากนี้ ภายในงานบรรยายยังมีการกล่าวถึงผลงานของคุณ โทโมฮิโกะ ยามานาชิ อีกหลายโครงการ อาทิ JIMBOCHO THEATER (2007), MOKUZAI KAIKAN (2009), TOHO GAKUEN SCHOOL OF MUSIC (2014), ON THE WATER (2015) ฯลฯ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างดี     นาย ทาคายะสุ ชิมาดะ ประธานบริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในหัวเรือใหญ่ของการจัดงานในครั้งนี้ เปิดเผยว่า บริษัท โตโต้ เชื่อมั่นว่าการออกแบบสถาปัตยกรรมนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดียิ่งขึ้นตามปรัชญาของบริษัทฯ และเป็นหนึ่งสิ่งที่สะท้อนถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละประเทศได้ การที่บริษัท โตโต้ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมวัฒนธรรมในประเทศที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ ทำให้ TOTO เข้าใจและเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในประเทศนั้นๆ ได้อย่างลึกซึ้ง รวมถึงในประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน   TOTO จับมือ ASA จัดงาน TOMOHIKO YAMANASHI LECTURE: BREAKING THE NORM “นอกจากนี้บริษัท โตโต้ เชื่อว่าคุณค่าและความหลากหลายของผลงานที่ได้จากสถาปัตยกรรมจะมีบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ จึงมุ่งหวังที่จะเป็นสะพานเชื่อมเพื่อถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ตลอดจนแนวคิดของสถาปนิกและนักออกแบบ ระหว่างสถาปนิกในประเทศไทย และสถาปนิกชาวญี่ปุ่น รวมถึงบทบาทของสถาปนิกที่มีต่อผู้คนในสังคม” นาย ทาคายะสุ ชิมาดะ เปิดเผยกับสื่อมวลชน   ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าวในการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสถาปนิกชาวญี่ปุ่น และวงการออกแบบในประเทศไทย บริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้ร่วมมือกับทางสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อวงการออกแบบภายในประเทศอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านความบันเทิงอย่างการสนับสนุนกิจกรรม งานวิ่ง ASA Run ซึ่งทางบริษัท โตโต้ เองก็สนับสนุนและให้ความร่วมมือในการจัดงานทั้งในปี 2018 และ 2019   ตลอดจนกิจกรรมที่เต็มไปด้วยองค์ความรู้ที่มีประโยชน์ เช่น การพาชมโรงงานผลิตภัณฑ์ของทาง TOTO การจัดงานประกวดออกแบบห้องน้ำ “TRANSIT CENTER DEVELOPMENT 2019”  และ “THE BANGKOK TOILET DESIGN 2022” ที่เปิดโอกาสให้สถาปนิกและนักศึกษาซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสแสดงฝีมือในด้านการออกแบบห้องน้ำสาธารณะ งานสัมมนาวิชาการเกี่ยวกับ Universal Design หรือการออกแบบเพื่อทุกคน รวมถึงก่อนหน้านี้ยังเคยร่วมกันจัดงาน Shigeru Ban Lecture 2019 ซึ่งได้รับความสนใจและได้รับผลตอบรับจากผู้คนในแวดวงสถาปัตยกรรมและการออกแบบเป็นอย่างดี จนทำให้เกิดการจัด Architect Talk ขึ้นอีกครั้งในปีนี้ นั่นคือกิจกรรมงานบรรยาย “TOMOHIKO YAMANASHI LECTURE: BREAKING THE NORM” ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา   “กิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นคุณประโยชน์ต่อวงการวิชาชีพเป็นอย่างมาก ผมอยากขอขอบคุณทาง TOTO มา ณ ที่นี้ เนื่องจากว่าโอกาสดังกล่าวไม่ได้มีขึ้นบ่อยๆ” นาย ชนะ สัมพลัง นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าว “การเชิญสถาปนิกชื่อดังจากต่างประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ สร้างโอกาสให้สถาปนิกไทยได้พบปะกับสถาปนิกระดับโลกที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถมากมาย น่าจะเป็นประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่เข้าฟังได้เป็นอย่างดี และไม่ใช่เพียงแค่มีประโยชน์ต่อวงการออกแบบเท่านั้น แต่ยังมีคุณูประการที่สำคัญต่อผู้คนในสังคม ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และผลักดันให้เกิดสิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็คือพันธกิจของทางสมาคมสถาปนิกสยามฯ และทางบริษัท โตโต้ ยึดถือในการดำเนินงานมาโดยตลอด”   นอกเหนือจากการจัดกิจกรรมอย่างงานบรรยายของสถาปนิกชื่อดังแล้วนั้น นาย ทาคายะสุ ชิมาดะ ประธานบริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด และ นาย ชนะ สัมพลัง ในนามของสมาคมสถาปนิกสยามฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างองค์ความรู้เป็นวงกว้าง พร้อมมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนกิจกรรมที่สร้างคุณประโยชน์ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนต่อไปในอนาคต โดยงาน“TOMOHIKO YAMANASHI LECTURE: BREAKING THE NORM”  จัดขึ้นในวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ สยามสแควร์วัน ชั้น 7   บทความที่น่าสนใจ [PR News] เลอ เมอริเดียน จับมือ โตโต้ พลิกโฉมโรงแรมใหม่ “โตโต้” เดินเครื่องโรงงานผลิตแห่งที่ 2 ในไทย โชว์เทคโนโลยีตอกย้ำผู้นำสุขภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ เมื่อสุขภัณฑ์เป็นมากกว่าส้วม        
[PR News] SB Design Square ร่วมกับ ELLE DECOR

[PR News] SB Design Square ร่วมกับ ELLE DECOR

SB Design Square ร่วมกับ ELLE DECOR เผยโฉมไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์คอลเลคชันล่าสุด ‘A Parisian State of Mind’ นำสัมผัสแห่งแรงบันดาลใจในสไตล์ปารีเซียง มาถ่ายทอดสู่งานดีไซน์ให้เหมือนได้ใช้ชีวิตอยู่ใจกลางมหานครปารีสในทุกวัน SB Design Square ร่วมกับ ELLE DECOR  นายพิเดช ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ กล่าวถึงแนวทางการสร้างสรรค์โปรเจคพิเศษด้านความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยโซลูชันที่ล้ำหน้าและไม่ซ้ำใครว่า ในฐานะผู้นำด้านเฟอร์นิเจอร์และการแต่งบ้าน ภายใต้แนวคิด Home Design Solutions การสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานดีไซน์ใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเติมเต็มความต้องการของไลฟ์สไตล์เทรนด์ในทุกช่วงเวลาจึงเป็นความท้าทายให้ SB Design Square ต้องเฟ้นหาความใหม่ที่พิเศษสุดมานำเสนอในแต่ละปี โดยอาศัยความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำที่พร้อมจะดึงจุดเด่นของแบรนด์นั้นๆ มาผสานกับความเชี่ยวชาญที่เรามี เพื่อส่งมอบโซลูชันในการอยู่อาศัยโดยมีดีไซน์เข้ามาเติมเต็มเพื่อความสุขในทุกโมเมนต์ของการใช้ชีวิต โดยล่าสุดในปีนี้ SB Design Square ได้ผสานความร่วมมือกับ ELLE DECOR แบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นระดับโลกจากฝรั่งเศส สร้างสรรค์ผลงานไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ที่มีกลิ่นอายแบบฉบับของปารีเซียงสไตล์ ที่มุ่งเน้นถ่ายทอดความงดงามทางแฟชั่นกับศิลปะในการออกแบบและผลิตเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่นำเข้าจากทั่วโลกผ่านเทคโนโลยีการผลิตสุดทันสมัยได้อย่างไม่จำกัด ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ถูกหล่อหลอมผ่านมุมมองสร้างสรรค์ให้กลายเป็นคอลเลคชันพิเศษ ที่มีดีไซน์ทันสมัยและรายละเอียดการผลิตสุดประณีตให้สัมผัสถึงความเป็นเฟมินีน มีเสน่ห์โดดเด่นกว่าใครภายใต้ความเรียบอย่างมีสไตล์ในคอลเลคชัน ‘A Parisian State of Mind’ “SB Design Square ต้องการที่จะผสมผสานเรื่องของการแต่งบ้านเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยให้มากขึ้น ต้องการสร้างความคิดที่ว่า ‘การแต่งบ้านเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวัน’ ให้เหมือนกับการเลือกซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นของชิ้นใหญ่ ซึ่งคอลเลคชัน ‘A Parisian State of Mind’ จะสะท้อนแนวคิดไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ได้เป็นอย่างดี” นายพิเดช ชวาลดิฐ  กล่าวถึงแนวคิดในการสร้างสรรค์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ ‘A Parisian State of Mind’ “ความร่วมมือในครั้งนี้เสมือนเป็นการย้ำให้เห็นถึง ความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงคิดค้นเทคโนโลยีการผลิตต่างๆ ที่ทันสมัย เพื่อยกระดับความเป็น     Home Design Solutions    ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทั้งเรื่องสินค้าและบริการช่วยออกแบบตกแต่งที่ครบ   วงจร ด้วยความที่เราเป็นผู้นำจึงสามารถสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ที่โดดเด่น เพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ นำเสนอในราคาที่สามารถจับต้องได้  โดยเราได้นำลวดลายของ ELLE DECOR มาผสมผสานลงไปในชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์ในคอลเลคชัน A Parisian State of Mind ที่นำสัมผัสแห่งแรงบันดาลใจในสไตล์ปารีเซียงมาถ่ายทอดสู่งานดีไซน์ที่เหมือนให้เราใช้ชีวิตอยู่ใจกลางมหานครปารีสในทุกวัน”   ด้านมุมมองต่อทิศทางการพัฒนางานด้านดีไซน์โซลูชันของ SB Design Square จากปัจจุบันสู่อนาคตนั้น นายพิเดช กล่าวเสริมว่า จากพฤติกรรม work from home ที่เกิดขึ้นในกว่า 2 ปีที่ผ่านมาที่ทำให้  "บ้าน" ไม่ได้เป็นแค่เพียง "ที่อยู่อาศัย" แต่ยังกลายเป็นออฟฟิศ ห้องประชุม ฟิตเนส ร้านกาแฟ หรือแม้กระทั่งโรงภาพยนตร์ ประกอบกับการเริ่มเปิดประเทศ ส่งผลให้ภาพรวมสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะสินค้าในลักษณะไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ ที่ผสานประสบการณ์ใหม่เข้ากับฟังก์ชันที่ลูกค้าต้องการ SB Design Square จึงได้ร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เดินหน้าแนวคิดในการพัฒนาเพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์เทรนด์ในส่วนนี้มาอย่างต่อเนื่อง และจากกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้เราได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในทุกปี โดย SB Design Square จะไม่หยุดที่จะเข้าถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คน ด้วยเหตุนี้เราจึงนำ Big Data ที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบ Personalization ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ร่วมกับพาร์ทเนอร์แบรนด์ที่หลากหลายเพื่อเป้าหมายในการขยายกลุ่มลูกค้าในทุกเซกเมนต์ในอนาคต นางสาวปรียรัติ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ลาร์กาแดร์ แอคทีฟ เอ็น เตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดูแลลิขสิทธิ์ของแบรนด์ ELLE DECOR ในประเทศไทยกล่าวถึงความพิเศษของคอลเลคชันใหม่ภายใต้โปรเจคพิเศษ SBDS X ELLE DECOR ว่า คอลเลคชัน A Parisian State of Mind ประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านกว่า 50 ชิ้น ซึ่งเราได้ผสมผสานลายพริ้นท์ ELLE Signature และ Parisian Touch ซึ่งสะท้อน DNA ของแบรนด์ในความเป็นผู้นำด้านแฟชั่นมาลงอยู่ในคอลเลคชันนี้ และสะท้อนให้เห็นว่า ELLE เป็นมากกว่าสินค้าแฟชั่น แต่หากคือทุกๆช่วงชีวิตของผู้หญิง ELLE ที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็มีสไตล์ไปหมด ความโดดเด่นของคอลเลคชันนี้คือ  ELLE Signature ที่เน้นลาย Signature Monogram สุดคลาสสิค รวมไปถึง The Parisian Journey ที่นำ ELLE Eiffel มาทำให้ห้องของคุณมีชีวิตชีวาดั่งมหานครปารีส และที่ขาดไม่ได้คือลายพริ้นท์camo ที่เป็นลายที่เป็น MUST HAVE ของ Fall Winter 2022 นี้เลยทีเดียว ซึ่งความร่วมมือกับ SB Design Square ในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถ makeover ห้องของคุณจากห้องธรรมดาให้มีความหรูหรา มีสไตล์ น่าค้นหา และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ สร้างบรรยากาศในบ้านของคุณให้เป็น #ParisianAnywhere ได้อย่างไม่มีที่ติ ทั้งนี้ ไลฟ์สไตล์เฟอร์นิเจอร์ในคอลเลคชัน A Parisian State of Mind พร้อมเปิดให้ได้สัมผัสเพื่อสร้างแรงบัลดาลใจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ในทุกวัน ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sbdesignsquare.com หรือเข้าชมสินค้าจริงได้ที่ SB Design Square สาขาคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ และ SB Design Square สาขาราชพฤกษ์     บทความน่าสนใจ SB สาขา CDC ปรับลุคเป็น Flagship Store ส่ง Zelection Built-in ปฏิวัติวงการบิลท์อิน
สีจระเข้  เปิดแฟลกชิพ สโตร์  โชว์ผลิตภัณฑ์ พร้อมสร้างประสบการณ์ใช้จริงให้ลูกค้า​

สีจระเข้ เปิดแฟลกชิพ สโตร์ โชว์ผลิตภัณฑ์ พร้อมสร้างประสบการณ์ใช้จริงให้ลูกค้า​

สีจระเข้ เปิดแฟลกชิพ สร้างประสบการณ์สัมผัสสินค้าจริง ตอบสนองความต้องการลูกค้ากลุ่มนิชมาร์เก็ต อยากเห็นของจริง พร้อมบริการช่างทาสี มั่นใจสิ้นปีสร้างยอดขายตามเป้า 50 ล้าน ปี 66 เตรียมต่อยอดแฟลกชิพ ขยายจุดโชว์ในร้านดีลเลอร์ที่มีกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ ประเดิมโซนภาคตะวันออก ก่อนขยายสาขาตามหัวเมืองใหญ่   นายพงษ์พันธุ์ ประทีปมโนวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวแฟลกชิพ สโตร์ แห่งใหม่ที่สำนักงานใหญ่ ย่านถนนกรุงเทพกรีฑา เพื่อใช้เป็นจุดแสดงผลิตภัณฑ์สีจระเข้ (SEE JORAKAY) และการใช้งาน สำหรับกลุ่มลูกค้าที่สนใจสินค้า  ต้องการเห็นการใช้งานจริง รวมถึงการรับบริการให้คำปรึกษา ด้านการใช้งานสีแบบครบวงจร   สำหรับสีจระเข้ ถือเป็นผลิตภัณฑ์สีพรีเมียม จับตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยผลิตจากวัตถุดิบที่มาจากหินปูนธรรมชาติ 100% จากประเทศสเปน จึงเป็นสีแบรนด์เดียวที่เป็นสีธรรมชาติ และรายแรกของไทย โดยที่ผ่านมาจะเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งหลังจากเปิดตัวสีจระเข้ในงานสถาปนิกครั้งที่ผ่านมา ลูกค้าให้การตอบรับและสนใจในสีจระเข้ มีการสอบถามผ่านช่องทางเข้ามาเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติถึง 10 เท่า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มีความต้องการเห็นผลิตภัณฑ์ และการใช้งานจริง นอกเหนือจากข้อมูลทางช่องทางออนไลน์เท่านั้น บริษัทจำเป็นต้องมีแฟลกชิพ สโตร์ เพราะสีไม่มีหน้าร้าน เป็นสีเฉพาะกลุ่ม ลูกค้าต้องการเห็นการใช้งานจริงและต้องการได้รับคำปรึกษา รวมถึงต้องการได้รับบริการทาสี บริษัทจึงต้องต่อยอดความต้องการลูกค้าให้ได้สัมผัสสีจริง และการบริการแบบครบวงจร   โดยแฟลกชิพ สโตร์ นอกจากจะแสดงการใช้งานผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่าง ๆ และเทรนด์สี ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ยังจะมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนขยายจุดแสดงสินค้าและการใช้งานสีจระเข้ ในลักษณะช้อปอินช้อป ในร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของบริษัท ที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 3,000 แห่ง เบื้องต้นจะขยายสาขาในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และภาคตะวันออก ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนารูปแบบ รวมถึงคัดเลือกร้านค้าตัวแทนจำหน่าย คาดว่าจะเริ่มขยายสาขาแฟลกชิพ สโตร์ได้ในปีหน้า   นายพงษ์พันธุ์ กล่าวอีกว่า การขยายร้านแฟลกชิพ สโตร์ในครั้งนี้ บริษัทยังไม่ได้หวังผลตอบรับในด้านยอดขาย แต่คาดว่าจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งภายใน 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่ากลุ่มสีจระเข้จะมียอดขายคิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดขายรวมของบริษัท ซึ่งบริษัทยังมีการทำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์สีจระเข้ในด้านอื่น ๆ อีกต่อเนื่องด้วย   อย่างไรก็ตาม ในด้านยอดขายของปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายไว้ 50 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงต้นปีนี้จะมีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงปัจจัยลบต่าง ๆ หลายอย่าง อาทิ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น แต่ยอดขายตั้งแต่ปีจนถึงปัจจุบัน ยังถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ครึ่งปีหลังการทำตลาดยังเหนื่อย เพราะปัญหาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในภาพรวม​ เราพยายามบริหารจัดการทั้งระบบ ไม่ได้จัดการเฉพาะด้านสินค้า และกลุ่มลูกค้าของสีจระเข้ไม่ได้คอนเซิร์นเรื่องราคาเป็นหลัก แต่เน้นคุณภาพของสินค้าและความคุ้มค่า ด้านนายชินธร อรรถสารประสิทธิ์ ผู้จัดการส่วนผลิตภัณฑ์ กล่าวว่า นโยบายของบริษัท ต้องการนำเสนอสินค้านวัตกรรม และมีจุดเด่นที่ชัดเจนสู่ผู้บริโภค จึงพัฒนากลุ่มสี Color Cement ซึ่งเป็นสี Cement Based หลังจากนั้น ได้ต่อยอดมาสู่ผลิตภัณฑ์สีจากวัตถุดิบหลักธรรมชาติอื่น ๆ โดยจับมือกับผู้นำสีด้านนี้ในประเทศสเปน ร่วมกันเปิดตลาดสีธรรมชาติจาก Limebase เป็นรายแรกในประเทศไทย ด้วยความโดดเด่นของ Graphenstone ที่มีกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสูง   เมื่อ 2 ปีที่แล้ว บริษัทได้ตัดสินใจสร้างแบรนด์สีจระเข้ ที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจน  มีความโดดเด่นในเรื่องความเป็นธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของโครงการหรือแม้แต่ช่างผู้ใช้งาน     โดยภายในแฟลกชิปสโตร์ยังมีโซนให้ทดสอบสินค้าจริง โซนสำหรับนั่งทำงาน บริการกาแฟ พร้อมบริการแนะนำสินค้า เลือกสี และออกแบบลายโดยผู้เชี่ยวชาญ จบครบทุกขั้นตอนภายในที่เดียว   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -สีจระเข้ รีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบเกือบ 20 ปี ปูทางสร้างยอดขาย 300 ล้าน -7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ประโยชน์มากกว่า ในราคาสุดคุ้ม
เรื่องสไตล์ไม่มีถูกผิด NocNoc แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ

เรื่องสไตล์ไม่มีถูกผิด NocNoc แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ

เรื่องสไตล์ไม่มีถูกผิด NocNoc แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายคนต้องปรับเปลี่ยนวิถีการทำงานมาเป็นรูปแบบ Work From Home ทำให้เวลาเกือบทั้งหมดถูกใช้ไปในมุมต่างๆ ภายในบ้าน แน่นอนว่าพอต้องอยู่บ้านนานๆ ก็ต้องนึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน อยากจะตกแต่งซ่อมแซมบ้าน หรือจัดมุมทำงานใหม่ ในขณะที่หลายคนเริ่มขยับขยาย หาบ้านใหม่ คอนโดใหม่ เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป    ถ้าเป็นคนรักบ้านและชื่นชอบการตกแต่งบ้านด้วยแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก NocNoc.com แพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ที่รวบรวมสินค้า เฟอร์นิเจอร์ วัสดุตกแต่งบ้านพร้อมบริการที่ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่ง ตรงกับสโลแกนที่ว่า “NocNoc เคาะจบทุกเรื่องบ้าน” เพราะแค่เข้าไปที่เว็บไซต์ก็สามารถเลือกหาวัสดุและสินค้าตกแต่งบ้านได้ตามหมวดหมู่ต่างๆ ที่ต้องการ ตั้งแต่หมวด “Home Improvement” ที่รวบรวมสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง วัสดุปูพื้น งานต่อเติมหนักๆ ทั้งหลาย หรือจะเป็นหมวด “Home and Living” ที่เป็นกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งหลากหลายรูปแบบ และหมวด “Home Appliance” ซึ่งรวบรวมสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านไว้เพียบ ซึ่งปัจจุบัน NocNoc.com เป็น marketplace ที่มีสินค้ามากกว่า 200,000 รายการ จากผู้ขายกว่า 2,000 รายเลยทีเดียว แถมยังสามารถเปรียบเทียบราคาพร้อมรับดีลพิเศษจากร้านค้าอีกด้วย      จากแพลตฟอร์มบนเว็บไซต์ที่หลายคนคุ้นชินและเรียกชื่อ NocNoc.com กันจนติดปากมาแล้วกว่า 3 ปี ล่าสุดทางเว็บไซต์ได้มีการ Rebranding ชื่อเรียกมาเป็น “NocNoc” เพื่อให้กระชับมากขึ้น พร้อมเปิดตัว Application บนมือถือในชื่อเดียวกัน ด้วยประสบการณ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา NocNoc เล็งเห็นความต้องการและปัญหาที่ผู้บริโภคพบเจอเวลาที่อยากหาสไตล์การตกแต่งบ้านที่ตรงใจ แต่อาจจะจับต้นชนปลายไม่ถูก หรือนึกไม่ออกว่าจะหาเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการได้จากที่ไหน และถ้าต้องหาช่างมาซ่อมแซมบ้านด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะหาช่างที่ถูกใจ    NocNoc จึงมุ่งมันที่จะเป็น Complete Journey ด้านการตกแต่งบ้าน โดยมีการพัฒนาและปรับปรุงแพลตฟอร์มให้ใช้งานได้ง่าย ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง รวมถึงหาช่างผู้มีความเชี่ยวชาญในสายงานได้ครบจบทุกขั้นตอนในที่เดียว และยังมุ่งเน้นให้ NocNoc เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนได้สนุกสนานกับการตกแต่งบ้านได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และค้นหาทุกสไตล์ที่เป็นตัวเองได้ง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส ทั้งบนเว็บไซต์ NocNoc และ NocNoc Application ซึ่งเราจะพาไปดูกันว่าทำไม NocNoc Application ถึงสะดวกกว่า สบายกว่าเดิม และจะช่วยแก้ปัญหาการตกแต่งบ้านได้ดีขึ้นกว่าเดิมจริงมั้ย? เพราะสไตล์เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีถูกผิด ทุกคนมีความต้องการอยากให้บ้านน่าอยู่และตกแต่งในสไตล์ที่ตรงใจ แสดงความเป็นตัวเองได้มากที่สุด แต่บางครั้งการเลือกหาของตกแต่งบ้านก็ทำให้เราจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะหาสิ่งที่ต้องการได้จากที่ไหน หรืออาจจะอธิบายไม่ถูกด้วยซ้ำว่าสไตล์ที่ชอบที่เรากำลังค้นหาเรียกว่าสไตล์อะไรกันแน่ พอเราไปเลือกดูภาพสวยๆ ตามอินเตอร์เน็ต บางทีไอเดียในหัวก็พรั่งพรูมาเรื่อยๆ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นก็ดี ผนังสีนี้ก็สวย แล้วโซฟาในห้องนั่งเล่นต้องสไตล์ไหนดี? เชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะต้องเคยเกิดขึ้นกับทุกคนแน่นอน และถึงแม้ว่าสิ่งที่เราชอบจะไม่ตรงกับสไตล์มาตรฐาน ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกคนมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นสไตล์การตกแต่งบ้านของเราก็ไม่จำเป็นต้องซ้ำแบบกับใคร..ใช่มั้ยล่ะ?   ถ้าเราลองสมัครเข้ามาที่ NocNoc Application แค่ขั้นตอนแรกก็ช่วยให้เรา “ค้นพบแรงบันดาลใจที่จะสร้างสไตล์แบบเวรี่คุณ” ได้แล้ว แค่ลองไปเลือกภาพสไตล์ที่โดนใจบน NocNoc Application จากนั้น AI ก็จะคำนวณให้เรียบร้อยแล้วว่า ความชอบของเรามีส่วนผสมของสไตล์อะไรบ้าง แต่ละสไตล์คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรารู้สึกว้าวมากกับฟังก์ชั่นนี้ เพราะจากที่เราคิดว่าเราเป็นคนที่ชอบสไตล์ Minimal, Japandi หรือ Industrial แต่สไตล์ในชีวิตจริงเกิดจากการผสมผสานสไตล์ต่างๆ เอาไว้ด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความชื่นชอบส่วนตัว เมื่อเรารู้จักสไตล์ของตัวเองแล้ว การตกแต่งบ้านของเราก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น แถมยังทำให้ “แรงบันดาลใจ” ที่เราเห็นมีความชัดเจนและกลายเป็น “แรงบันดาลจริง” ได้ที่บ้านของเรา   พอเราค้นพบตัวตนและสไตล์ที่แท้จริงของเราแล้ว ไม่ว่าเราอยากจะเลือกตกแต่งห้องไหนในบ้าน ก็แสนจะง่ายดาย เพราะใน NocNoc Application มีตั้งแต่ภาพตัวอย่างบ้านมากมายให้ดูเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ช่วยทำให้เราเห็นภาพห้องที่อยากได้มากขึ้น ว่าอยากจะตกแต่งแบบไหน  และด้วยความที่ NocNoc เป็นศูนย์รวมสินค้า วัสดุ เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านไว้มากมาย แต่การจะหาสินค้าสไตล์ที่ใช่ในราคาโดนใจ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ NocNoc จัดแบ่งประเภทสินค้าไว้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน รวมถึงการเลือกช้อปปิ้งตามประเภทห้องที่ต้องการได้เลย ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น, ห้องกินข้าว, ห้องทำงาน, ห้องนอน, ห้องครัว, ห้องน้ำ ฯลฯ หรือ เลือกจากสไตล์ภาพตัวอย่างที่ชอบก็ได้เช่นกัน แค่คลิกเข้าไปในภาพ ก็จะมี tag แจ้งชื่อรุ่น และขนาดไว้เรียบร้อย อีกทั้งยังสามารถคลิกต่อไปที่หน้าสั่งซื้อ พร้อมรับคูปองส่วนลดเพิ่มจาก NocNoc ได้เลยทันที      ส่วนถ้าใครยัง No Idea และกำลังต้องการหา “Your Home Inspirealtion แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ” จาก NocNoc เราอยากแนะนำให้ Download NocNoc Application ใส่มือถือเอาไว้เลย ซึ่งสามารถติดตั้งได้ทั้งระบบ Android และ iOS จากนั้นค่อยๆ หาแรงบันดาลใจของคุณผ่านทางภาพตัวอย่างหลากหลายสไตล์ที่คุณสามารถเซฟแบบที่ใช่ สไตล์ที่ชอบไว้เป็นคอลเล็คชั่นส่วนตัวได้ตลอดเวลา พร้อมเมื่อไหร่ก็แค่กดสั่งซื้อ แล้วรอรับสินค้าที่บ้านได้เลย สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินเข้าห้างให้เสี่ยงโควิด-19 แถมยังได้สินค้าราคาคุ้มค่าสุดๆ อีกด้วย   Download NocNoc Application ได้แล้ววันนี้ App Store / Google Play : https://bit.ly/3ahhAxb      
เปิด 12 ไอเดีย 24 นักสร้างสรรค์ เบื้องหลังการออกแบบพาวิลเลียน งานสถาปนิก’65

เปิด 12 ไอเดีย 24 นักสร้างสรรค์ เบื้องหลังการออกแบบพาวิลเลียน งานสถาปนิก’65

หลังจากเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้หลายกิจกรรมไม่ว่าจะด้านธุรกิจ หรือด้านสังคม ได้หยุดชะงักลง ไม่สามารถจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ แต่สำหรับปีนี้ สถานการณ์ทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย ประชาชนส่วนใหญ่มีการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแล้วอย่างน้อยก็ 2 เข็ม ทำให้กิจกรรมต่าง ๆ เริ่มกลับมาจัดกันได้ปกติ อย่างเช่น งานสถาปนิก ที่เคยจัดประจำทุกปี   ในปีนี้งานสถาปนิก ’65  หรือ  Architect’22​ ก็เริ่มกลับมาจัดงานแล้ว โดยกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2565 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี  ภายใต้แนวคิด CO-WITH CREATORS: พึ่งพา-อาศัย   หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของงานสถาปนิก ’65 ที่เชื่อว่าหลายคนตั้งตารอ ในการจะเข้าไปมองหาไอเดียมาใช้ในงาน หรือการออกแบบสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยของตนเอง คือ การจัดแสดงนิทรรศการ ที่แต่ละปีก็มีธีมการจัดแสดงแตกต่างกัน  สำหรับปีนี้เป็นการจัดงานภายใต้แนวคิด “CO-WITH CREATORS: พึ่งพา-อาศัย” งานนิทรรศการจึงได้รวบรวมผลงานการสร้างสรรค์พาวิลเลียน ของสถาปนิกและนักสร้างสรรค์ 24 คน รวมทั้งหมด 12 ผลงาน ซึ่งแต่ละผลงานจะทำให้ผู้ชมเกิดแรงบันดาลใจและได้ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ กลับบ้านไปอย่างแน่นอน 12 ผลงาน จาก 24 นักสร้างสรรค์พาวิลเลียน สถาปนิก '65 1.Co-with COVID : ชีวิต-ก้าวผ่าน-วิกฤต นิทรรศการที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของ สาริน นิลสนธิ สถาปนิกหนุ่มผู้เชี่ยวชาญการออกแบบพื้นที่ขนาดเล็กจาก D KWA Design Studio และ ผศ.เจะอับดุลเลาะ เจ๊ะสอเหาะ ศิลปินผู้ทรงคุณวุฒิจาก Patani Artspace ซึ่งทั้งสองคนได้ยกการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาเป็นไอเดียในการสร้างสรรค์พาวิลเลียนแห่งนี้ ทีมออกแบบได้ใช้ผ้าเป็นวัสดุหลักในการทำโครงสร้างและตัวกำหนดขอบเขตของพาวิลเลียน และภายในมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ เพื่อสอดแทรกเนื้อหาที่พยายามตอบคำถามเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกันในยุคโรคระบาด   นอกจากนี้ พวกเขายังจำลองความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตด้วยเอฟเฟคที่เกิดขึ้นจากวัสดุต่างๆ เช่น ท่อนำแสง (Lighting tube) แทนสิ่งมีชีวิต หรือ วัสดุสะท้อนแสงแทนเชื้อไวรัส เป็นต้น ซึ่งการจำลองนี้พยายามแสดงให้เห็นว่ามีชีวิตคู่ขนานที่ต้องอยู่ร่วมกันและพึ่งพาอาศัยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตั้งแต่พวกเขาเกิดจนกลับสู่ธรรมชาติ และยังทำให้ผู้ชมคิดถึงเรื่องกฎเกณฑ์ของธรรมชาติและวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตอีกด้วย 2.Local Innovation : ภาคภูมิ-ภูมิภาค Co-breathing house  Co-breathing house เป็นพื้นที่ส่วน Local Innovation pavilion ของงานสถาปนิกประจำปีนี้ ซึ่งถูกออกแบบโดย คำรน สุทธิ สถาปนิกจาก Eco Architect ผู้เชื่อว่าสถาปัตยกรรมทุกหลังที่ออกแบบจะต้องอยู่สบายและหายใจร่วมกับธรรมชาติ และ จีรศักดิ์ พานเพียรศิลป์ หรือ Joez19 ช่างภาพสายธรรมชาติที่เคยถ่ายภาพโฆษณาให้ Apple จนมีโอกาสพา Tim Cook ไปท่องเที่ยวเมืองไทย   จุดเด่นของพาวิลเลียนนี้ คือ การแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 6 ห้องที่สามารถเข้าถึงได้เป็นลำดับแบบ linear circulation โดยแต่ละห้องจะมีการนำวัสดุพื้นถิ่นไทยมาทดลองทำเป็นเปลือกอาคาร (Facade) และมีการออกแบบผนังกั้นภายในห้องให้มีความกลมกลืนกับวัสดุพื้นถิ่นที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีการเล่นภาพ เสียง และสัมผัส เพื่อให้คนที่อยู่ในห้องซึบซับทุกเนื้อหาของวัสดุพื้นถิ่นในแต่ละภาคที่อยู่ภายในได้อย่างเต็มที่ 3.Professional Collaboration : พึ่งพา-อาศัย  ปกรณ์ อยู่ดี และวิภาดา อยู่ดี จาก INLY STUDIO ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น อยากสร้างพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกเสมือนอยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่นที่ถูกปกคลุมด้วยขยะรีไซเคิล ภายใต้โจทย์ที่ได้รับมอบหมายให้ออกแบบพื้นที่ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของพวกเขา รวมถึงชูบุคลิกและแนวคิดของ ดร.ณัฐพงศ์ นิธิอุทัย ผู้ก่อตั้งธุรกิจเพื่อสังคม ‘ทะเลจร’ ให้โดดเด่นด้วย พวกเขาจึงร่วมกันสร้างพาวิลเลียนที่ชื่อว่า Professional collaboration ขึ้นมา   สำหรับโครงสร้างของพาวิลเลียนจะเป็นการนำงานประติมากรรมมาจัดเรียงกัน เพื่อให้เกิดการรับชมแบบ 360 องศา แถมยังสร้างประสบการณ์การรับชมที่ไม่เหมือนกันในแต่ละจุดของพาวิลเลียนอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นพาวิลเลียนนี้ยังทำให้คนตระหนักถึงจุดเด่นของวัสดุจากขยะในเรื่องความยืดหยุ่นและการใช้งานหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงปัญหาเรื่องขยะในมหาสมุทร และการแก้ไขปัญหาขยะด้วยการรีไซเคิลซึ่งเป็นเรื่องที่ ดร.ณัฐพงศ์ พยายามสื่อสารมาตลอด 4.รังมดแดง (Rang Mod Deang)  มดแดงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องพึ่งพาสิ่งรอบตัวเพื่อดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นแหล่งอาหาร ที่พักอาศัย ไปจนถึงสมาชิกภายในรังเองต่างก็มีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำภายในรัง เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ ธรรศ วัฒนาเมธี และ อัชฌา สมพงษ์ สองสถาปนิกจาก Chan Cher Architects and Design จังหวัดสกลนคร และ ศุภชัย แกล้วทนงค์ นักออกแบบผลิตภัณฑ์แห่ง Nakkhid Design Studio ร่วมกันสร้างพาวิลเลียนที่สามารถจัดแสดงหุ่นจำลอง (Model) ได้ 100 ชิ้น จากสำนักงานสถาปนิก 100 แห่ง   โดยหุ่นจำลองแต่ละชิ้นก็เปรียบเสมือนตัวอ่อนของมดหรือไข่มดที่สมาชิกของสมาคมสถาปนิกสยามในพระราชูปถัมภ์ (ASA) ได้เลี้ยงดูฟูมฟักจนเติบโตขึ้นเป็นผลงาน แถมยังสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานแบบพึ่งพาอาศัยกันอีกด้วย นอกจากนี้ภายในพาวิลเลียนยังมีการนำฟอร์มของไข่มดแดงมาทำเป็นแท่นจัดวางงานและโคมไฟตกแต่ง พร้อมนำวัสดุธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นของจังหวัดสกลนครและซี่ลูกกรงไม้กระถินณรงค์มาเป็นองค์ประกอบเสริมอีกด้วย 5.Street Wonder ดร.ณรงค์วิทย์ อารีมิตร  สถาปนิกผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทออกแบบระดับนานาชาติ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (ขอนแก่น) และ สร้างสรรค์ ณ สุนทร นักสร้างสรรค์จากเชียงใหม่ ได้รับโจทย์ให้ออกแบบพื้นที่สำหรับจัดแสดงผลงานนิสิตนักศึกษาสถาปัตยกรรม (ASA Student and Workshop) ซึ่งมีลักษณะเป็นพาวิลเลียนที่สามารถนำเสนอและเผยแพร่ความรู้ความสามารถของนักศึกษาสถาปัตยกรรม รวมถึงการทำความเข้าใจสภาวะแวดล้อม และปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตนักศึกษาได้เป็นอย่างดี   พวกเขายังต้องสร้างนิทรรศการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด จึงได้ข้อสรุปออกมาว่า จะไม่เน้นการสร้าง แต่ใช้การหยิบยืมและปรับวิธีการใช้สิ่งต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ใหม่กับบริบทใหม่ และด้วยเศรษฐกิจที่ตกต่ำจาก COVID-19 ทีมออกแบบจึงค้นหาหน่วยเล็กๆ ของประชาชนที่สามารถตอบโจทย์เรื่องการเคลื่อนที่ได้   สุดท้าย พวกเขาสนใจรถเข็นอาหารของพ่อค้าแม่ค้าในตลาด และอยากทำงานร่วมกับกลุ่มคนเหล่านั้นเพื่อให้เกิดประโยชน์ซึ่งกันและกัน จึงได้สร้างพาวิลเลียน Street Wonder ที่ชื่อพ้องเสียงกับ Street vendor (ผู้ค้าขายบนท้องถนน) ที่ได้นำเงินที่ใช้สร้างพาวิลเลียนไปเช่า รถเข็น โต๊ะ และที่นั่งจากพ่อค้าแม่ค้าตามทางเท้าและท้องถนน มาทำเป็นองค์ประกอบพื้นฐานในการทำพาวิลเลียนแทนการสร้างใหม่ 6.The Hijab  พาวิลเลียนที่ต้องการสื่อถึง ‘ฮิญาบ’ โดยสาโรช พระวงค์ สถาปนิก นักเขียน และอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และเอ็มโซเฟียน เบญจเมธา นักออกแบบเซรามิกจากจังหวัดปัตตานี ได้เนรมิตพื้นที่นี้โดยการใช้ไม้เคร่ามาขึ้นรูปเป็นโครงสร้างของพาวิลเลียนพร้อมใช้ผ้าสีดำมาห่อหุ้มตัวโครงสร้างไว้ สำหรับตัวผ้านอกจากจะสื่อถึงฮิญาบอันเป็นตัวแทนความรู้สึก วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของภาคใต้แล้ว สีดำบนตัวผ้ายังช่วยดูดซับสี และทำให้ผู้ชมมีสมาธิในการรับชมงานนิทรรศการมากขึ้น พร้อมกันนั้น มันยังกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดความอยากรู้อยากเห็นผลงานหรือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังผืนผ้าสีดำอีกด้วย 7.กำแพงแห่งปัญญา (Wall of Wisdom)  พาวิลเลียนสำหรับจัดแสดงผลงานรางวัลการออกแบบสถาปัตยกรรมดีเด่นและนิทรรศการรางวัลอาคารอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมประจำปี 2565 ที่เกิดขึ้นด้วยฝีมือของ ธนชาติ สุขสวาสดิ์ และ กานต์ คำแหง สองสถาปนิกจาก Pommballstudio และ  กาญจนา ชนาเทพาพร เจ้าของแบรนด์แฟชั่น BWILD ISAN   ตัวพาวิลเลียนถูกนำเสนอในลักษณะ sculpture architecture ซึ่งมีการนำแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เป็นธรรมชาติมาปรับและใช้เป็นแนวทางในการกำหนดพื้นที่และพัฒนารูปลักษณ์ พร้อมแนวคิดในการออกแบบพาวิลเลียนให้คล้ายคลึงกับการลำเลียงอาหารของใบไม้ โดยมีการใช้ผนังกั้น (Partition) มาใช้เป็นองค์ประกอบของจุดจัดแสดงหลักและตัวถ่ายทอดแนวคิดในการออกแบบ ตัวผนังกั้นทั้งหมดถูกนำมาจัดเรียงซ้อนกันเพื่อสร้างทางสัญจรที่ถูกแยกออกเป็นแฉก   นอกจากนี้ ผนังแต่ละผืนจะมีความสูงต่ำไม่เท่ากัน โดยมีการวางไล่เรียงลำดับต่ำไปสูง และจากเล็กไปใหญ่สลับกัน เพื่อจำลองการซ้อนทับกันของวัสดุจากธรรมชาติอย่างหน่อไม้และเปลือกไม้ ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้ยังทำให้ผู้ชมเกิดประสบการณ์และการรับรู้ที่หลากหลายแบบไม่ซ้ำกันในแต่ละจุดอีกด้วย 8.ชาวนาและช่างก่อสร้าง (Farmer and Builder) ซัลมาน มูเก็ม จากกลุ่มสถาปนิกมุสลิมเพื่อชุมชน และ รติกร ตงศิริ นักสร้างสรรค์ และผู้ก่อตั้ง ‘ป่านาคำหอม’ ได้ร่วมกันสร้างสรรค์พาวิลเลียนสำหรับจัดแสดงนิทรรศการประกวดแบบภาครัฐ ซึ่งพื้นที่ภายในต้องการเล่าเรื่องของกลุ่มชาวนาไทอีสานที่เป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ทำนาประณีตแบบอินทรีย์ จึงมีการจัดแสดงพันธุ์ข้าวที่ชาวนาไทอีสานอนุรักษ์ไว้กว่า 150 สายพันธุ์ เพื่อเล่าถึงความหลากหลายของพันธุ์ข้าวที่เป็นการส่งต่อวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษมาจนถึงชาวนารุ่นปัจจุบัน   การก่อสร้างพื้นที่นี้จะใช้เทคนิคที่เป็นการนำทักษะเชิงช่างพื้นฐานของช่างก่อสร้างมาใช้ในการออกแบบ พร้อมกับการนำวัสดุจากงานก่อสร้างง่ายๆ มาใช้ เพื่อสื่อถึงความงามและศิลปะที่เกิดขึ้นจากฝีมือของช่างเหล่านี้ นักออกแบบยังอยากให้คนเห็นถึงว่าอาชีพช่างมีบทบาทสำคัญและเท่าเทียมกับวิชาชีพอื่น 9.หมอบ้านอาษา หนึ่งในไฮไลท์ของงานสถาปนิกที่ผู้คนเฝ้ารอทุกปี คือ คลินิกหมอบ้านอาษา ซึ่งเป็นพาวิลเลียนที่เปิดให้ทุกคนสามารถปรึกษาทุกปัญหาเรื่องบ้านและการก่อสร้างกับทีมสถาปนิกที่เป็นจิตอาสาได้ โดยการออกแบบบูทของปีนี้เป็นฝีมือของ จักรพันธุ์ บุษสาย และ วาสิฏฐี ลาธุลี สองสถาปนิกจาก S OO N T A R E E + และ วีรดา ศิริพงษ์ นักออกแบบผลิตภัณฑ์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ ‘carpenter   พวกเขาร่วมกันเสนอแนวคิดที่ผสมกันระหว่างปรัชญาในการออกแบบผลงานของวีรดากับกระบวนการการออกแบบของทีมสถาปนิก  S OO N T A R E E + ผ่านการออกแบบพาวิลเลียนที่สร้างขึ้นจากฟอร์มสามเหลี่ยมด้านเท่าขนาด 1 เมตรที่ถูกนำมาประกอบกันเป็นฟอร์มของพาวิลเลียน ซึ่งสามเหลี่ยมด้านเท่านับเป็นเอกลักษณ์ของ ”TRI SCALE” สินค้าที่เป็นภาพจำของ ‘carpenter   สำหรับตัวพาวิลเลียนได้ถูกสร้างขึ้นจากไม้อัด OSB ที่ได้จากเศษไม้และขี้เลื่อย, ผ้าจากแบรนด์ moreloop ที่เหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ และยังใช้แผ่นโพลีคาร์บอเนตใส ซึ่งเป็นวัสดุก่อสร้างที่หาได้ง่ายในท้องตลาดเพื่อสร้างให้พื้นที่พาวิลเลียนมีความกึ่งทึบกึ่งโปร่งแสง แถมยังทำให้ตัวพื้นที่ดูน่าดึงดูดขึ้นอีกด้วย 10.ASA SHOP PLAYBRARY ASA SHOP จะเป็นพื้นที่สำหรับขายหนังสือ สื่อสิ่งพิมพ์ และผลิตภัณฑ์จากสมาคมสถาปนิกสยามฯ นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ในการจำหน่ายงานออกแบบของเหล่าสถาปนิกและนักสร้างสรรค์ด้วย ซึ่งการออกแบบพาวิลเลียนในปีนี้เป็นผลงานของ ชารีฟ ลอนา สถาปนิกและดีไซน์เนอร์ผู้คิดบวกจาก Studio Act of Kindness และ สเริงรงค์ วงษ์สวรรค์ จากแบรนด์กระเป๋าชื่อดังอย่าง Rubber Killer   ทั้งสองอยากให้พื้นที่นี้เหมาะสมกับทุกคน พวกเขาเลยเนรมิตพื้นที่ experience space ที่ทำให้เกิดความสนุกในการเรียนรู้และทุกคนใช้งานได้ สำหรับสินค้าที่อยู่ในร้านจะถูกจัดเรียงเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมด เพราะทีมออกแบบอยากเล่นกับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เริ่มกลับมาอยู่ในพื้นที่สาธารณะอีกครั้ง หลังจากอยู่ภายใต้มาตรการรักษาระยะห่างในช่วงเวลาของโรคระบาดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา   ความโดดเด่นของพื้นที่แห่งนี้ คือ มีการจัดสรรพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนตามการใช้งาน ได้แก่ ส่วนขาย ส่วนนั่งเล่น และส่วนชมสินค้า และตัวโครงสร้างยังทำมาจากวัสดุทางสถาปัตยกรรม การออกแบบภายใน และการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้ต่อได้หลังงานจบ 11.'รส < ลด > สัมผัส' (Touchless) สำหรับพื้นที่ที่เป็นจุดนัดพบ พักผ่อน และรับประทานของว่างในงานอย่าง ASA Club จะถูกรังสรรค์โดย ปรัชญา สุขแก้ว สถาปนิกจาก Nuzen ผู้ทำงานสถาปัตยกรรมที่สร้างจากความไม่เชื่อ (An Architecture from disbelief) และ สุเมธ ยอดแก้ว เจ้าของค่ายเพลงอินดี้จากเชียงใหม่ Minimal Records โดยตัวพาวิลเลียนได้ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดการลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจนเหลือเพียงใจความสำคัญ   ตัวโครงสร้างของพาวิลเลียนจะทำมาจากกระดาษซึ่งถูกนำมาขึ้นรูปเป็นหุ่นจำลองกระดาษหรือการจัดการพื้นที่ของลังกระดาษ และยังมีการนำความโดดเด่นของนักออกแบบมาผสมและแสดงในรูปแบบแสงและเสียงที่เป็นเอฟเฟคที่ซ่อนอยู่ในตัวงาน จนเกิดเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ที่ถ่ายทอดมุมมองและเรื่องราวของครีเอเตอร์ออกมาได้เป็นอย่างดี 12.ขวัญ (เอย ขวัญ มา) (Spiral) สำหรับลานกิจกรรมภายในงานได้รับการออกแบบโดย ปณชัย ชัยจิรรัตน์ และ ปุญญิศา ศิลปรัศมี สองนักออกแบบจากพื้นที่ศิลปะร่วมสมัยในอุดรธานี Noir Row Art Space และ ภูริทัต ชลประทิน สถาปนิกผู้มีสไตล์โดดเด่นจาก Thammada Architect ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากลวดลายก้นหอยอันเป็นภาพจำของเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงในจังหวัดอุดรธานี และมีการพัฒนาไอเดียต่อโดยการนำลายเส้นก้นหอยหรือขวัญที่อยู่กับร่างกายมนุษย์มาช้านาน มาทำเป็นพาวิลเลียนชื่อว่า ขวัญ (เอย ขวัญ มา)’ หรือ ‘Spiral’ ซึ่งมีวิธีการสร้างโดยการนำเส้นฝ้ายมาขึ้นรูปด้วยการเรียงเป็นเส้นๆ ตามโครงฉากที่ถูกออกแบบให้เป็นเสมือนผนังบางๆ วนโดยรอบพื้นที่ ก่อให้เกิดน้ำหนักตามสีที่ถูกเรียงซ้อนทับกัน สำหรับผู้สนใจเข้าชมงานเตรียมตัวให้พร้อมไปชมนิทรรศการได้ตลอด 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2565 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี  สามารถลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่: https://bit.ly/36s6t2A หรือ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.asaexpo.org   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -งานสถาปนิก’63 โดนพิษโควิด-19 เลื่อนจัดงานเป็นวันที่ 7-12 กรกฎาคมนี้
10 ไอเดีย เปลี่ยนผนังห้องธรรมดาด้วยเทปกาวง่ายๆ ทำได้เอง

10 ไอเดีย เปลี่ยนผนังห้องธรรมดาด้วยเทปกาวง่ายๆ ทำได้เอง

10 ไอเดีย เปลี่ยนผนังห้องธรรมดาด้วยเทปกาวง่ายๆ ทำได้เอง ในช่วงที่ต้องทำงานแบบ work from home นี้ การอยู่ในห้องทั้งวันหลายคนคงจะเกิดอาการเบื่อ อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนบรรยากาศภายในห้อง หรือลองตกแต่งสิ่งรอบๆ ข้างบ้าง เพื่อเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับห้องเดิมที่เราเห็นอยู่ทุกวันจนชินตา ครั้งนี้เรามีไอเดียมานำเสนอ ใช้อุปกรณ์ไม่เยอะ และสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ที่สำคัญใช้งบประมาณไม่มาก ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศจากห้องเดิมให้เหมือนได้ห้องใหม่กันไปเลย   ครั้งนี้เราเลือกวิธีการอย่างง่าย ที่เชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง อย่างการทาสีผนัง บางคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นงานที่ยากเพราะไม่เคยทำ แต่จริงๆ แล้วเราสามารถทำได้ด้วยตัวเองเพียงแค่ใช้เทปกาวเป็นตัวช่วยสร้างแพทเทิร์นลวดลายต่างๆ เพื่อเปลี่ยนสีผนังห้อง และปรับบรรยากาศให้ห้องของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น แล้วจะมีแพทเทิร์นลวดลายอะไรบ้างไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า   10 ไอเดีย เปลี่ยนผนังห้องธรรมดาด้วยเทปกาวง่ายๆ ทำได้เอง   1.Color blocking การทาสีบล็อกแบบนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการทาผนังโดยใช้เทปกาว เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วผนังจะมีสีเดียวกัน และยังเป็นลายที่มีการใช้เทปกาวก็จำนวนน้อยกว่าเทคนิคอื่นๆ เหมาะสำหรับห้องที่เปิดกว้างและมีพื้นที่ผนังโล่งกว้าง การทาสีบล็อกแบบนี้เป็นวิธีที่ดีอีกรูปแบบนึงในการไม่ทำให้พื่นที่ดูว่างโล่งจนเกินไป     2.Triangle pattern หากว่าคุณกำลังมองหาการออกแบบลวดลายฝาผนังที่เรียบง่าย สบายตา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังดูมีดีไซน์เก๋ไม่น่าเบื่อจนเกินไป ลายสามเหลี่ยมนี้ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี ซึ่งแพทเทิร์นนี้อาจจะใช้เวลาทาสีนานมากขึ้นอีกหน่อย เนื่องจากต้องรอให้สีแต่ละส่วนแห้งก่อนจึงจะทาสีในส่วนถัดไปได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว ลองเลือกชุดสีที่ใกล้เคียงกัน หรือเลือกใช้สีที่เป็นคู่ตรงข้ามกันหากคุณต้องการความฉูดฉาดโดดเด่นไม่ซ้ำใคร รับรองว่าจากผนังบานเรียบๆ จะป๊อปขึ้นทันตา     3.Vertical stripes ลายทางแนวตั้งก็เป็นอีกหนึ่งลายที่นิยมใช้กันมาก เนื่องจากมีความดึงดูดสายตา และสามารถช่วยให้ห้องที่มีเพดานต่ำดูสูงขึ้นได้ ส่วนใหญ่เรามักจะเลือกใช้เทปกาวให้มีขนาดเท่าๆ กัน หรือกะระยะแบ่งความกว้างให้สม่ำเสมอ แต่ถ้าอยากจะลองเปลี่ยนความกว้างของแถบสีแต่ละแถบให้กว้างขึ้น หรือเป็นแพทเทิร์นแบบไม่เท่ากันเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับผนังก็น่าสนใจไม่น้อย แม้กระทั่งการเลือกทาแถบสีไปจนถึงบนเพดานเลยก็สวยไปอีกแบบ     4.Horizontal stripes เทคนิคการทาสีเป็นแถบแนวนอนนั้นเหมือนกับการใช้กระดาษกาวแบ่งแถบสีเส้นแนวตั้งเลย แค่เปลี่ยนจากการใช้เทปกาวแปะขึ้นลงก็สลับเป็นซ้ายขวาแทน ลวดลายแพทเทิร์นแนวนอนนี้เป็นอีกรูปแบบที่ดีในการช่วยให้ห้องแคบรู้สึกกว้างขึ้น นอกจากนี้การใช้ลายทางกว้างเท่ากันก็ช่วยให้ความรู้สึกสว่างและโปร่ง สบายตามากขึ้นด้วย ซึ่งเราอาจจะเพิ่มลูกเล่นของสีเข้าไปโดยใช้เฉดสีต่างๆ ของสีเดียวกันก็จะสร้างเอฟเฟกต์แบบ Ombre หรือการไล่สีให้กับผนังธรรมดาสวยขึ้นได้ โดยให้เริ่มด้วยสีที่เข้มที่สุดอยู่ด้านล่างแล้วค่อยๆ ไล่เฉดสีขึ้นไป และใช้สีที่สว่างที่สุดทาด้านบน     5.Geometric blocks หากคุณเบื่อกับแพทเทิร์นง่ายๆ ลายเดิมๆ แล้ว ลองเลือกใช้รูปแบบของรูปทรงเรขาคณิตมาช่วยให้ผนังดูสดใส และมีลวดลายที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้ ทั้งรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ วางทับซ้อนกัน หรือรูปสามเหลี่ยมที่หลากหลายมาใช้ หรือแม้แต่การนำรูปทรงในแบบต่างๆ มามิกซ์แอนด์แมทช์เข้าด้วยกัน และลองใช้สีโทนตรงข้ามกัน ทั้งโทนร้อนหรือโทนเย็นมาสร้างลูกเล่นเพิ่มเข้าไปให้กับผนังขาวๆ มีรูปแบบที่ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น     6.Paint a trellis วิธีการของลวดลายแบบตาข่ายนี้ เป็นการทาสีให้เป็นช่องบนผนัง ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการสร้างความรู้สึกให้เหมือนกับมีสวนอยู่ในห้อง โดยเราจะใช้เทปกาวสร้างลวดลายตาข่ายเพื่อหลอกตา เพียงแค่กะระยะห่างให้เท่าๆ กัน แล้วเลือกทาสีเฉพาะช่องที่เว้นไว้ จากนั้นเราสามารถลองวาดเถาวัลย์ พวกไม้เลื้อยอย่าง Wisteria หรือแม้แต่เลือกหาไม้ประดับทั้งของไม้จริง และไม้ประดิษฐ์มาประดับเพิ่ม ก็เป็นทางเลือกที่ทำให้ห้องดูร่มรื่มและสบายตาได้อีก     7.Herringbone pattern ลวดลายกางปลานี้คนส่วนใหญ่มักจะนำไปเป็นลายสำหรับปูพื้นห้อง เพราะเป็นลายที่เพิ่มความหรูหรา และเป็นแพทเทิร์นที่สวยงาม เพียงแค่ใช้วัสดุจากไม้เข้ามา ก็ทำให้บรรยากาศของห้องดูคลาสสิค อีกทั้งยังเป็นรูปแบบที่นิยมกันมาอย่างยาวนาน ครั้งนี้เราลองเปลี่ยนจากลวดลายบนพื้นมาเป็นลวดลายกางปลาบนผนังดูบ้าง โดยเราสามารถวาดได้ด้วยตัวเอง เป็นเส้นทะแยงไปมาอย่างเป็นระเบียบ แต่ถ้าอยากได้เส้นของลายกางปลาเท่าๆ กัน ก็แค่ใช้เทปกาวแปะเป็นแนวเฉียงสลับกัน ทั้งนี้อาจจะใช้สีที่คล้ายกับไม้ด้วยก็ได้ หรือลองเลือกเป็นสีโทนอ่อนไม่เข้มจนเกินไป ก็จะเพิ่มความน่าสนใจได้เช่นกัน     8.Diamond pattern ลวดลายเพชรนี้ก็เป็นแพทเทิร์นอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถใช้เทปกาวในการสร้างสรรค์งานศิลปะลงบนผนังได้ไม่ยาก และเป็นอีกลายที่คลาสสิค เพียงแค่ใช้เทปกาวแปะเป็นแนวเฉียงสลับซ้ายขวาในแนวทะแยงมุมในมุมที่เท่าๆ กัน แล้วทางสีในช่องที่ต้องการได้เลย แค่นี้ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับห้องที่เปิดโล่งและมีพื้นที่เยอะที่จะทำให้ห้องสดใสขึ้นมาได้ทันที     9.Argyle ลวดลายนี้เป็นการเพิ่มความยากและเลเวลอัพการทาผนังให้ดูมืออาชีพมายิ่งขึ้น เพราะเป็นแพทเทิร์นที่กินเวลากว่ารูปแบบของ Diamond pattern ในขั้นเริ่มต้นอาจจะมีความคล้ายกัน แต่อาจจะใช้เทปกาวเยอะกว่า และมีความซับซ้อนมากกว่าในการเลือกสี และการเลือกเว้นระยะของแถบสีให้มีเส้นเล็กหรือใหญ่เพื่อสร้างลวดลายที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงการเลือกทาสีในเฉดเดียวกันแต่มีความเข้มอ่อนไม่เท่ากันในแต่ละช่อง ซึ่งต้องอาศัยการวางแผนที่ดี แต่เมื่อเสร็จแล้ว แพทเทิร์นนี้จะช่วยให้ห้องดูโมเดิร์นขึ้นมาได้     10.Gingham ผนังลายตารางถือเป็นแพทเทิร์นยอดฮิตสุดคลาสสิคอีกอันนึงที่น่ารัก สดใส และนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมักจะเลือกใช้สีอ่อนไม่ว่าจะเป็นสีโทนร้อนหรือโทนเย็นก็ได้หมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกสีพาสเทลมาใช้กับลายตารางก็จะเพิ่มความหวานให้กับห้องได้ เนื่องจากเรามักจะเลือกสีที่มาใช้ตัดกับพื้นสีขาวเดิมของผนัง แค่นี้ก็จะช่วยให้ไม่ดูทึบและหนักเกินไป เราสามารถทาได้ทั้งผนังในบางผนังของห้อง หรือจะทาแค่ครึ่งเดียวของผนังก็น่าสนใจเช่นกัน ซึ่งเป็นอีกแพทเทิร์นยอดนิยมที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับในทุกๆ งานศิลปะจริงๆ   เป็นอย่างไรบ้างกับไอเดียการออกแบบเพ้นท์ผนังด้วยเทปกาวที่เรานำมาฝากในครั้งนี้ ใครที่กำลังเบื่อกับสีผนังห้องเรียบๆ แบบเดิม ก็สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับผนังที่มีหรือส่วนอื่นๆ ในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องโถง ห้องนอน หรือแม้แต่ห้องครัว ไม่ต้องกลัวว่าจะทำเองไม่ได้ ลองเลือกลวดลายง่ายๆ เป็นการเริ่มต้นก่อน เราเชื่อว่าทุกคนสามารถทำตามได้อย่างแน่นอน และจะยิ่งเพิ่มความภาคภูมิใจได้เมื่อเสร็จแล้ว เพราะทุกอย่างเราได้ทำด้วยสองมือของตัวเอง   cr. fromhousetohome   บทความที่น่าสนใจ แต่งห้องนอน 12 ราศี ให้ถูกโฉลก  เฮง ๆ ปัง ๆ กับ  “หมอช้าง” ของแต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย ความรัก หาคู่แท้  
ถอดรหัสเทรนด์สีใหม่ ปี 64 เพื่อที่อยู่อาศัยในยุค New Normal

ถอดรหัสเทรนด์สีใหม่ ปี 64 เพื่อที่อยู่อาศัยในยุค New Normal

เข้าสู่ปีใหม่ปี 2564 อย่างเป็นทางการแล้ว เชื่อว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ หลายคนจะใช้เป็นโอกาสในการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ หรือการตั้งเป้าหมายการทำงานหรือการใช้ชีวิต แต่สำหรับคนที่มีความคิดจะปรับปรุงบ้าน หรือห้องพัก สร้างสีสันการอยู่อาศัยรับปีใหม่  เพราะ “สี” จัดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในยุค New Normal ผู้คนมักใช้เวลาส่วนใหญ่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบ้านที่พักอาศัยมากขึ้น สำหรับปี 2564 นี้ เรามีเทรนด์สีใหม่ในปี 2564 จาก TOA ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปนิกนักออกแบบชื่อดังของไทย  มาแนะนำให้กับการอยู่อาศัยในปี 2564 ภายใต้แนวคิด “TOA COLOR DECODING TRENDS 2021 - ถอดรหัสเทรนด์สีแห่งปี 2564” เพราะ TOA เล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำสีสัน มาช่วยเติมเต็มพื้นที่ความสุข สร้างสุขภาวะที่ดีให้กับที่อยู่อาศัยตามสไตล์การใช้ชีวิตวิถีใหม่ โดยการถอดรหัสสีครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก 10 กลุ่มสถาปนิกและนักออกแบบชื่อดังของไทย มาร่วมกันสร้างสรรค์พลังความคิดของแต่ละท่านในงานออกแบบ โดยมีสีสันเป็นสื่อกลางในการเล่าเรื่องราว จนเกิดเป็นผลงานการออกแบบเฉดสี 10 แรงบันดาลใจ สู่ 10 เฉดสีใหม่  ดังนี้ 1.คุณอมตะ หลูไพบูลย์  ผู้ร่วมก่อตั้ง Department of ARCHITECTURE  2.คุณพงศ์ภัทร เอื้อสังคมเศรษฐ์ และคุณปานดวงใจ รุจจนเวท  ผู้ก่อตั้ง Anonym 3.คุณชนะ สัมพลัง สถาปนิก พาร์ทเนอร์บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด  4.คุณจีรเวช หงสกุล ผู้ก่อตั้ง บริษัท สถาปนิก ไอดิน 5.คุณจูน เซคิโน สถาปนิกเจ้าของรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นแห่งเอเชีย 2018 6.คุณกิจธเนศ ขจรรัตนเดช Interior Designer ผู้ก่อตั้ง Taste Space 7.คุณมนัสพงษ์ สงวนวุฒิโรจนา สถาปนิกและDesign Director แห่ง Hypothesis  8. PHTAA Living Design โดยคุณพลวิทย์ รัตนธเนศวิไล, คุณหฤษฎี ลีละยุวพันธ์ และคุณธนวรรธน์ ปัจฉิมะศิริ 9.ม.ล.วรุตม์  วรวรรณ สถาปนิกและผู้ก่อตั้ง Vin Varavarn Architects และ 10.คุณวสุ วิรัชศิลป์ สถาปนิกผู้ก่อตั้ง VaSLab ARCHITECTURE   จากแนวคิดในการเลือกใช้สีสันที่มีความหลากหลายของเหล่าสถาปนิกและนักออกแบบชั้นนำทั้ง 10 กลุ่ม TOA จึงได้นำข้อมูลมาทำการศึกษาและวิจัยโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของสีสันที่มีความสัมพันธ์กับทัศนคติ รสนิยม และบริบทในการอยู่อาศัยของผู้คนในปี 2021 (TRENDSCOPE) แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.Psychology อิทธิพลของสีในเชิงจิตวิทยาที่ส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ 2.Culture & Lifestyle แรงบันดาลใจจากสีสันในมุมมองต่างๆ ผ่านศิลปะ ดนตรี ภาพยนตร์ และวัฒนธรรมอาหาร 3.Experience ประสบการณ์จากการเดินทาง การสัมผัส พบเห็น ถ่ายทอดเป็นเป็นสีสันแห่งภาพจำ บอกเล่าเรื่องราวที่ประทับใจ 4.Element Design & Material สีสันของวัสดุ ทั้งจากธรรมชาติและการสังเคราะห์ขึ้น หรือสีสันที่เกิดจากองค์ประกอบในงานออกแบบ 5.Science หลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้เกิดสีสันในรูปแบบใหม่ๆ จนทำให้เกิดเป็น 10 เทรนด์สีใหม่ ประจำปี 2564 (New Colors 2021) ประกอบด้วย กลุ่มสี Muted แสดงถึงความเรียบง่ายของสีโทนกลางๆ ด้วย 5 เฉดสี ที่มักใช้เป็นสีพื้นฐานในการออกแบบ ง่ายต่อการจับคู่ผสมผสานกับวัสดุที่หลากหลายได้อย่างลงตัว กลุ่มสี Chroma แสดงถึงการเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปด้วยสีสันที่ชัดเจนและจัดจ้านอีก  5 เฉดสี เพื่อแต่งแต้มและกระตุ้นให้ชีวิตวิถีใหม่ มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
งานสถาปนิก’63 โดนพิษโควิด-19 เลื่อนจัดงานเป็นวันที่ 7-12 กรกฎาคมนี้

งานสถาปนิก’63 โดนพิษโควิด-19 เลื่อนจัดงานเป็นวันที่ 7-12 กรกฎาคมนี้

งานสถาปนิก’63 เจอวิกฤตไวรัสโควิด-19 เลื่อนจัดงานไปวันที่ 7-12 กรกฎาคมนี้ พร้อมเตรียม 8 มาตรการเสริมสร้างความปลอดภัยในการเข้าจัดแสดงและเข้าชมงาน ยังมั่นใจผู้ประกอบการในวงการเข้าร่วมงาน 700 บริษัท   นายอัชชพล ดุสิตนานนท์ นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก และยังส่งผลต่อการจัดงานสถาปนิกในปี 2363 ด้วย ซึ่งปกติจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม แต่จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คณะผู้จัดงานได้ตระหนักถึงความปลอดภัยและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ร่วมแสดงสินค้า ผู้ชมงาน ผู้เกี่ยวข้อง จึงมีมติให้เลื่อนการจัดงานออกไปเป็นวันที่ 7-12 กรกฎาคมนี้ จากกำหนดเดิมจะจัดวันที่ 28 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2563   สำหรับงานสถาปนิก’63 ซึ่ถือเป็นงานจัดแสดงสินค้านวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรม และวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในปี 2563 เตรียมจัดในธีม “มองเก่า ให้ใหม่ : Refocus Heritage” ซึ่งเป็นการปรับมุมมองในการมองและการอนุรักษ์มรดกทางสถาปัตยกรรมใหม่ เป็นการปรับจูนความคิดให้มองสิ่งเดิมๆ แตกต่างออกไป   ดร. วสุ โปษยะนันทน์ ประธานการจัดงานสถาปนิก’63 กล่าวว่า ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง สถานการณ์ไวรัสในครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันว่าการปรับตัว ปรับทัศนคติเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเสมอ และเราหวังว่าการเลื่อนกำหนดการจัดงานสถาปนิก’63 ในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ ทั้งในส่วนของผู้มาจัดแสดงสินค้า รวมถึงผู้เข้าชมงานเอง สามารถมางานสถาปนิกและเดินชมนวัตกรรมและนิทรรศการต่างๆ ได้อย่างอุ่นใจเช่นเคย สำหรับการจัดงานสถาปนิกเป็นเวทีสำคัญของวงการสถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง ที่จัดขึ้นเพียงปีละหนึ่งครั้ง เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการมาร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อแสดงศักยภาพ โดยคาดว่าการจัดงานในครั้งนี้จะมีผู้ประกอบการพร้อมร่วมจัดแสดงงานและสนับสนุนอุตสาหกรรมกว่า 700 บริษัท จากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ   ในส่วนของกลุ่มผู้ซื้อได้รับการตอบรับที่ดี จากบริษัทชั้นนำที่เกี่ยวข้องกับวงการสถาปนิก ผู้ประกอบการด้านอาคารและการก่อสร้าง การออกแบบตกแต่งภายใน บริษัทในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมต่างๆ จากกลุ่มประเทศ CLMV ที่กำลังมีการพัฒนาโครงการก่อสร้างมากมายภายในกลุ่มประเทศนั้น นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด หรือ นีโอ ผู้บริหารงานสถาปนิก’63 กล่าวว่า การจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ (Exhibition) เป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพบปะเพื่อให้เกิดแลกเปลี่ยนความร่วมมือภายในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจและผลักดันให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน   ทั้งนี้ ทางสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ มีนโยบายในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าของประเทศไทย และมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานการจัดงานแสดงสินค้าของไทยสู่ระดับสากล โดยการออกแคมเปญ Exhibiz in Market และ ASEAN+6 Privilege Campaign สนับสนุนค่าใช่จ่ายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจร่วมชมงานจากต่างประเทศ เตรียม 8 มาตรการป้องกัน “ไวรัสโควิด-19” เพื่อเป็นการดูแลความปลอดภัยและสุขภาพของผู้เข้าร่วมงานอย่างสูงสุด ทางคณะผู้จัดงานได้ร่วมกับศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในการวางมาตรการเฝ้าระวังเเละป้องกันโรคระบาดภายใต้การควบคุมของระบบการจัดการด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับการจัดประชุมสัมมนา เเละนิทรรศการ มอก.22300 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน ดังนี้   1.เตรียมแอลกอฮอล์บริการลูกค้า ณ ทางเข้าอาคารหลัก ห้องประชุมย่อยรวมถึงห้องน้ำ เพื่อใช้ทำความสะอาด   2.ติดตั้งเครื่องเทอร์มัลสแกน (Thermo scan) บริเวณทางเข้าอาคารหลักและหน้างาน สำหรับคัดกรองอุณหภูมิร่างกาย และผู้ป่วยที่เข้าข่ายต้องคัดแยกเพื่อเฝ้าระวังติดตามอาการ   3.จัดเตรียมอุปกรณ์เทอร์มัลสแกน (Thermo Gun) สำหรับตรวจวัดอุณหภูมิ คัดกรองผู้ป่วย โดยมีการติดสติกเกอร์ต่างสีในแต่ละวัน เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลที่เข้าร่วมงานได้รับการตรวจคัดกรองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   4.เตรียมห้องปฐมพยาบาลเพื่อคัดกรองผู้ป่วยโดยมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ประจำการ   5.ประสานทีมแพทย์และพยาบาล จากสถาบันบำราศนราดูรให้การช่วยเหลือสนับสนุนทางการแพทย์   6.จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้สร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 พร้อมขอความร่วมมือผู้เข้ามาใช้บริการปฏิบัติตามข้อแนะนำในการป้องกันการแพร่ระบาด   7.เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอาคาร สถานที่ บริเวณห้องจัดงาน จุดบริการอาหารเครื่องดื่ม ห้องน้ำ และอื่นๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกวัน ตลอดจนฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในพื้นที่จัดแสดงงานทั้งการก่อสร้างและหลังจากการรื้นถอน   8.จัดเตรียมถังขยะสำหรับทิ้งหน้ากากอนามัยโดยเฉพาะ เพื่อการนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี   งานสถาปนิก’63 “มองเก่า ให้ใหม่: Refocus Heritage” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-12 กรกฎาคม 2563 ระหว่างเวลา 10.00 – 20.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.architectexpoasia.com  
1 ปี การเดินทาง “ไอคอนสยาม” กับความสำเร็จใน 7 สิ่งมหัศจรรย์

1 ปี การเดินทาง “ไอคอนสยาม” กับความสำเร็จใน 7 สิ่งมหัศจรรย์

วันที่ 30 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา คือ วันครบรอบ 1 ปี ของการเปิดให้บริการ “ไอคอนสยาม” อภิมหาโปรเจ็กต์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ของ 3 บริษัทระดับบิ๊ก ที่ร่วมกันปั้นโปรเจ็กต์นี้ขึ้น ได้แก่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เครือเจริญโภคภัณฑ์  และบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดิเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด  ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์ถึง 55,000 ล้านบาท กับระยะเวลาการพัฒนาในระยะเวลา 5 ปี ​ เนรมิตโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้สำเร็จ   ย้อนหลังไป 7 ปีก่อน นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม  ได้ประกาศวิสัยทัศน์ไว้เมื่อว่าจะต้องพัฒนาโครงการให้สำเร็จ  พร้อมกับสร้างให้ไอคอนสยามเป็น Game Changer Destination ที่สามารถสร้างศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวกลางเมืองของกรุงเทพฯ อยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและฝั่งธนบุรีได้สำเร็จ   โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา คงเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จดังกล่าว ได้เป็นอย่างดี และบริษัทได้ทำภารกิจสำคัญตามวิสัยทัศน์ที่ประกาศไว้สำเร็จลุล่วงแล้วทุกประการ  ที่สำคัญโครงการไอคอนสยาม เป็นโครงการของบริษัทคนไทยสามารถดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย ผ่านการลงทุนเปิดธุรกิจร้านต่างๆ ในโครงการ เป็นมูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น Apple Store สาขาแรกในประเทศไทย และ Luxury Brands ต่างๆ ที่แม้จะเปิดในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ก็ให้ความเชื่อมั่นและเปิดอีกสาขาระดับแฟล็กชิฟสโตร์ในไอคอนสยามได้ “เวลาผ่านพ้นมา 1 ปี  หลายร้านมีผลประกอบการที่ดี  และหลายร้านมียอดขายเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากสาขาสยามพารากอน”   นอกจากนี้ ไอคอนสยาม ยังสามารถสร้างสิ่งที่ถือว่าเป็น “ไฮไลท์” ของโครงการ แถมเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยว นักช้อปปิ้ง ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ  กับการสร้าง 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม ที่ถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จ  โครงการระดับบิ๊กเช่นนี้ (แม้จะมีสิ่งมหัศจรรย์บางอย่างไม่แล้วเสร็จ แต่ไม่ได้เริ่มต้นพัฒนาขึ้นแล้ว) 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม ประกอบด้วย 1.สุขสยาม พื้นที่รวบรวม Local Heroes ศิลปิน ช่างฝีมือ ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชนจำนวนมาก ซึ่งอยู่ในทุกมุมประเทศ ให้ได้มีโอกาสเข้ามาค้าขายในไอคอนสยาม ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา สุขสยามได้ดึงดูดผู้คนเข้ามาที่สุขสยามไม่ต่ำกว่า 50,000 – 70,000 คนต่อวัน  ยิ่งไปกว่านั้นผู้ประกอบการหลายรายได้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวจนได้มีโอกาสไปทำธุรกิจในต่างประเทศแล้วอีกด้วย 2.ริเวอร์ พาร์ค จากปณิธานของไอคอนสยามในการอุทิศพื้นที่ในโครงการขนาดใหญ่ 10 ไร่ ให้เป็น Community Space วันนี้ริเวิอร์พาร์คได้กลายเป็นพื้นที่สำคัญที่ชุมชนสามารถมาใช้ประโยชน์ได้เสมือนเป็นระเบียงหน้าบ้าน  มีการใช้พื้นที่ในการจัดประเพณีไทย 12 เดือน เต็มตลอดทุกเดือน เกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อาทิ ประติมากรรมเทียนพรรษายักษ์ที่เดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานีเข้าสู่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก กลายเป็น world class destination ที่สามารถดึงดูดผู้คนจากทั่วประเทศและทั่วโลก 3.การแสดงระบำสายน้ำ แสง สี เสียง มัลติมีเดีย การแสดงที่ยาวและยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้พิสูจน์ความสำเร็จแล้ว ในการทำให้แม่น้ำเจ้าพระยากลายเป็น New Global Destination ด้วยการมี World Class Attraction ที่ทรงพลัง ซึ่งนอกเหนือจากการดึงดูดผู้คนให้มาชมการแสดงได้อย่างล้นหลามแล้ว ล่าสุดการแสดงระบำสายน้ำ แสง สี เสียง มัลติมีเดีย ของไอคอนสยาม ยังได้รับคัดเลือกให้ได้รางวัลชนะเลิศ รางวัล Gold Stevie Award 2019 สาขา Art, Entertainment & Public - Art Event จาก The International Business Awards การประกวดธุรกิจนานาชาติประจำปี 2019 บนเวทีระดับโลก 4.ทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การประชุมระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทย บนชั้น 7 ด้วยความจุขนาด 2,700  ที่นั่ง  รองรับการจัดงานประชุม ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และสามารถรองรับโชว์ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศได้ซึ่งจะจุดประกายให้กับอุตสาหกรรม MICE และทำให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางของการประชุมนานาชาติและการแสดงระดับชั้นนำของโลก 5.ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก พื้นที่ศิลปะและพิพิธภัณฑ์ระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทย โดยได้เปิดเฟสแรก ‘ไอคอนสยาม อาร์ท สเปซ’ เมื่อเดือนกันยายนศกนี้ พื้นที่ 2,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินไทยทุกแขนงตั้งแต่ศิลปินรุ่นใหม่ ศิลปินท้องถิ่น ไปจนถึงศิลปินระดับชาติใช้แสดงผลงาน โดยงานแรก กลุ่มบริษัทโตชิบา ประเทศไทย ได้จัดนิทรรศการศิลปกรรม “นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” งานแสดงผลงานจากประกวดศิลปกรรม “นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” ของศิลปินทั่วประเทศ ภายใน 1 เดือนถึงวันนี้มีผู้ชมงานมากถึง 100,000 คน   หลังจากนี้จะเปิดเฟสสองคือ ‘ริเวอร์ มิวเซียม ฮอลล์’ จะเป็นพื้นที่สำหรับการจัดแสดงงานสำคัญจากทั่วโลก และการร่วมมือกับแบรนด์ดังระดับโลก และส่วนสุดท้ายคือ ‘ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก’ ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์ระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทยจะเปิดให้บริการปลายปี 2563 ทั้งหมดนี้จะทำให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นจุดศูนย์กลางวงการศิลปะโลกอีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 6.รถไฟฟ้าสายสีทอง ระบบคมนาคมขนส่งทางราง ซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวผ่านถนนเจริญนครไปสิ้นสุดที่โรงพยาบาลตากสินรวม 3 สถานี และในอนาคตจะเป็น Feeder Line ที่เชื่อมเข้ากับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง ขณะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)  โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้กลางปี 2563   รถไฟฟ้าสายสีทอง จะเป็นรถไฟฟ้าสายแรกในประเทศไทยที่เปิดเดินรถโดยใช้ระบบ AGT (Automated Guideway Transit) ทำให้ก่อสร้างบนพื้นที่จำกัดได้ จึงไม่ต้องเวนคืนที่ดินของประชาชน อีกทั้งการเดินรถระบบนี้มีน้ำหนักเบา ส่งผลให้สามารถใช้โครงสร้างเสาขนาดเล็กกว่าระบบเดิม นอกจากนั้นตัวรถเป็นระบบล้อยาง ทำให้เวลาเดินรถเสียงจะเงียบกว่ารถไฟฟ้าแบบเดิม ลดผลกระทบด้านเสียง และ AGT ยังเป็นระบบเดินรถแบบไร้คนขับ (Driverless) ที่จะถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ควบคุมการเดินรถด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะควบคุมระยะเวลาในการเดินรถได้อย่างแม่นยำและมีความปลอดภัยสูง 7.ปรากฏการณ์รวมโลกในรอยไทย  จากศิลปินไทยระดับอาจารย์ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินท้องถิ่นจากทั่วประเทศไทย และรวมถึงผลงานสร้างสรรค์โดยศิลปินต่างชาติ ได้แสดงความสามารถและผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะซึ่งกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งโครงการกว่า 100 ชิ้น หรือแม้กระทั่งในร้านค้าต่างๆ เป็นการสนับสนุนผลงานสร้างสรรค์ของศิลปินและช่างฝีมือไทยเหล่านั้นให้ได้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาโลก และจะยังมีเพิ่มเติมเข้ามาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 ปีของการเปิดดำเนินการ  โครงการไอคอนสยามยังได้รางวัลจากเวทีต่างๆ ทั่วโลก มาเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จอีกมากายหลายรางวัล อาทิ  การได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัล ‘ออกแบบดีที่สุดในโลก’ จากสภาการค้าปลีกโลก (World Retail Congress) และคว้ารางวัลชนะเลิศสูงสุดด้าน ‘การออกแบบที่ดีที่สุด’ จากสมาคมศูนย์การค้าโลก (International Council of Shopping Centers – ICSC) ถือเป็น 1 ปี ของเส้นทางความสำเร็จที่สวยงามจริงๆ   ข้อมูลเพิ่มเติม ไอคอนสยาม
รวมโปรโมชั่นเฟอร์นิเจอร์-ของตกแต่งบ้าน เดือนพฤศจิกายน 2562

รวมโปรโมชั่นเฟอร์นิเจอร์-ของตกแต่งบ้าน เดือนพฤศจิกายน 2562

รวมโปรโมชั่นเฟอร์นิเจอร์-ของตกแต่งบ้าน ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี จะมีที่ไหนเสนอโปรโดนๆ กันบ้าง ตามมาดูกันเลย   THE AUTUMN LIVING SALE  อุปกรณ์ตกแต่งบ้านและเครื่องครัว ลดสูงสุด 70%* จากแบรนด์ดังๆมากมาย อาทิ ANOLON, AKEMI, BOHEMIA, BUGBEAT, BERGHOFF, BOX BOX, CHEF N, CALPHALON, CUISIPRO, CUISINART, CIRCULON, CPK KITCHENKLASS ฯลฯ   สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก M Card ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ รับเพิ่มสูงสุด 8,000 M Point เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทขึ้นไป* จากแบรนด์ที่ร่วมรายการ   สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก SCB M VISA รับบัตรกำนัลห้างฯ 200 บาท เมื่อช้อป 7,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ รับบัตรกำนัลห้างฯ 700 บาท เมื่อช้อป 20,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ   สิทธิพิเศษสำหรับบัตรเครดิตชั้นนำ ลดเพิ่ม / เครดิตเงินคืน สูงสุด 25%* กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ แบ่งชำระ 0%* ทุกชิ้น นานสูงสุด 6 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ   ที่แผนก The Living เดอะมอลล์ทุกสาขา ยกเว้นสาขารามคำแหง, งามวงศ์วาน วันที่ 17 ต.ค.-7 พ.ย. 62      SB Designsquare ของแต่งบ้าน เริ่มต้น 99.- โคมไฟ และของแต่งบ้าน หลากสไตล์ ราคาเริ่มต้นเพียง 99 บาท อาทิ  Clearance Sale ตู้เสื้อผ้าราคาพิเศษ ลดสูงสุด 45%, ชุดห้องนอนครบเซ็ต เริ่มต้น 9,900 บาท, Habitat Grand Sale up to 70% ฯลฯ ช้อปออนไลน์ ผ่อนสบาย 0% รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 50,000 บาท กับบัตรเครดิต ธนชาต และช้อปออนไลน์สุดฟิน กับบัตรเครดิตกรุงศรีฯ เฉพาะที่  SB Design Square ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. 62 - 30 พ.ย. 62   ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษผ่าน Line Häfele Thailand “ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษผ่าน Line Häfele Thailand” ลุ้นตู้เย็นมินิเรทโท, ไมโครเวฟ, ฝักบัว X-Jet และบัตรสตาร์บัคมูลค่า 100 บาท จำนวน 100 รางวัล พร้อมรับสิทธิประโยชน์สุดพิเศษ ตั้งแต่วันนี้-30 พฤศจิกายน 2562 จับรางวัล วันที่ 4 ธันวาคม 2562 และประกาศผลรายชื่อผู้โชคดีทางเว็บไซต์ www.hafelethailand.com   Index Living Mall จัดโปรฯ “BUY 1 GET 1” ว้าว!! ของฟรี มีอยู่จริง ที่คนรักบ้านต้องไม่พลาด อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (Index Living Mall) ชวนคุณว้าว!! กับของฟรี มีอยู่จริงด้วยโปรโมชั่น “BUY 1 GET 1” สินค้า ซื้อ 1 แถม 1 พบกับทัพเฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้าน และของใช้ภายในบ้าน ยกขบวนมาลดราคานับร้อยรายการ อาทิ   สินค้าซื้อ 1 ฟรี 1 ช้อปชุดห้องนอน (ตู้เสื้อผ้า 4 บาน+เตียง) รุ่น ออแกโน่ 16,990 บาท รับฟรี ตู้วางทีวี มูลค่า 5,990 บาท   สินค้า ซื้อ 1 แถม 1 อาทิ เก้าอี้ทานอาหาร, เก้าอี้สำนักงาน, หมอนหนุน, ชุดเครื่องนอน, ผ้าม่าน, ชุดจาน, แก้วมัค, ชุดเครื่องครัว, กล่องอเนกประสงค์ ฯลฯ   สินค้าสุดคุ้ม เลือกซื้อคู่กันสินค้าในราคาพิเศษ 25,990 บาท อาทิ เลือกที่นอน 6 ฟุต โซฟา, ชั้นวางของ 5 ชั้น, อาร์มแชร์,   ลุ้นรับรถยนต์ สมาชิก Joy Card รับสิทธิ์ลุ้นรถยนต์ The All-New NISSAN NOTE มูลค่า 640,000.- เพียง ช้อปที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ และเดอะ วอล์ค สาขาเกษตร-นวมินทร์ และสาขาราชพฤกษ์ ครบทุก 1,000 บาท ตั้งแต่วันนี้-8 ม.ค. 2563 พร้อมรับ สิทธิ์ผ่อนสบายๆ 0% นานสูงสุด 6 เดือน   สนุกช้อปได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 13 พ.ย. 62 ที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ทุกสาขา (สินค้าหมดแล้วหมดเลย)   Homepro SALE SALE โปรโมชั่นสำหรับช้อปปิ้งออนไลน์ เพียงกรอกโค้ด SALE10 ลดเพิ่ม 10% ตั้งแต่บาทแรก ไม่จำกัดส่วนลดสูงสุด ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2562-6 พฤศจิกายน 2562   เทศกาลชวนช้อป 11.11 เทศกาลชวนช้อป 11.11 IKEA ช้อปโปรโมชั่นพิเศษได้ทั้งที่สโตร์อิเกียและออนไลน์ 11 วัน 11 โปรโมชั่น ไม่ซ้ำกันสักวัน! ตั้งแต่ 1–11 พ.ย. 62 สินค้ามีจำนวนจำกัด   Power Buy After Shock Sale ช้อปออนไลน์ กับ Power Buy รับไปเลยคูปองส่วนลดเฉาะสินค้าที่ร่วมรายการ วันที่ 25 ต.ค.–6 พ.ย. 62      
เปิด Fresh Taiwan สินค้าไลฟ์สไตล์ สุดล้ำจากไต้หวัน

เปิด Fresh Taiwan สินค้าไลฟ์สไตล์ สุดล้ำจากไต้หวัน

ช่วงปลายปีแบบนี้เชื่อว่าหลายคนจะต้องหาซื้อของขวัญกันเอาไว้บ้างแล้วใช่ไหมคะ แต่ถ้าใครอยากจะหาของขวัญหรือสินค้าที่เป็นนวัตกรรม ดีไซน์สวย ไม่ต้องกลัวว่าจะซื้อไปซ้ำกับใครแล้วล่ะก็ ต้องไม่พลาดที่จะไปเดินงาน Style Bangkok Fair 2019 ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ของงานนั่นคือการนำเอาสินค้าจากต่างประเทศมาไว้ในงานด้วย โดยครั้งนี้เราจะพาไปทำความรู้จักสินค้า Fresh Taiwan จากไต้หวัน ที่เห็นแล้วจะต้องรู้สึกอยากจะได้เป็นเจ้าของสักชิ้นแน่นอนค่ะ   Fresh Taiwan คือโครงการที่กระทรวงวัฒนธรรมไต้หวัน จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์และการสร้างแบรนด์ของ Designer ชาวไต้หวัน แล้วผลักดันไปไกลระดับโลก ซึ่งการมาร่วมจัดพาวิลเลี่ยนภายในงาน Style Bangkok Fair 2019 ถือเป็นครั้งที่ 6 แล้ว โดยในแต่ละปีก็มีหลากหลายแบรนด์ใหม่ๆ มาโชว์ผลงานที่สามารถซื้อกลับไปเป็นของขวัญแบบไม่ซ้ำใคร หรือจะเจรจาธุรกิจก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ   สำหรับปีนี้ไต้หวันพาวิลเลี่ยนจะมาในธีม “ไฮไลท์” (HIGHTLIGHT) เน้นสินค้าที่เป็นนวัตกรรมคุณภาพ ความสร้างสรรค์ และฟังก์ชันที่ล้ำสมัย สะท้อนไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งหมด 10 แบรนด์ ซึ่ง 8 ใน 10 แบรนด์จะเป็นครั้งแรกที่มาร่วมงานนี้ ได้แก่ 49101 Electronics, Vinaera, Eye Candle, Singular Concept, Conquer Casa, Hands, Dilio, และ CLARECHEN รวมถึงแบรนด์ที่กลับมาอีกครั้งอย่าง bi.du.haev และ Fyber Forma จะมีสินค้าตัวไหนน่าสนใจบ้าง เรานำมาฝากกันค่ะ   Dilio สินค้าตกแต่งบ้านที่ไม่ใช่แค่วางประดับไว้เท่านั้น แต่ยังเป็นที่รองน้ำมันหอมระเหย ด้วยส่วนผสมเฉพาะจากวัสดุหลักที่เป็นซีเมนต์พิเศษ จะช่วยให้กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยฟุ้งกระจายและคงทนอยู่ได้นานขึ้นด้วย   bi.du.haev (Biduhaev cold brew system) ใครที่ชื่นชอบกาแฟสกัดเย็น หรือที่เรียกกันว่า cold brew จะต้องอยากมีเครื่องนี้ไว้ครองครองค่ะ ด้วยวัสดุของทั้งตัวเครื่องทำมาจากแก้ว ทำให้การแฟ cold brew แก้วโปรดได้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น   Vinaera เครื่องเติมอากาศในไวน์ สำหรับคอไวน์โดยเฉพาะจะต้องสะดุดตากับเจ้าเครื่องเติมอากาศในไวน์ครั้งแรกของโลก สินค้าตัวนี้จะมีอยู่ 2 รุ่นด้วยกันค่ะ Vinaera Classic กังหันน้ำไวน์ไฟฟ้า และ Vinaera Pro เครื่องเติมอากาศไฟฟ้าแบบปรับได้   49101 Electronics หูฟังบลูทูธ คนรักเสียงเพลงก็ย่อมจะต้องหาหูฟังดีๆ ไว้สักอันใช่ไหมคะ โดยหูฟังแบรนด์ 49101 มีความโดดเด่นตรงที่เป็นหูฟังบลูทูธสามารถเปลี่ยนเป็นสายชาร์จความเร็วสูงได้ และยังสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ในตัวได้ด้วย   Fyber Forma กระเป๋ากันน้ำ กระเป๋าหลากหลายดีไซน์ มีคุณสมบัติพิเศษด้านนอกกันน้ำ ผิวสัมผัสนุ่มละเอียดคล้ายหนัง น้ำหนักเบา ด้านในกรุด้วยผ้าอ่อนนุ่ม เพิ่มความทนทาน     หากใครอยากจะสัมผัสของจริง แล้วซื้อเก็บไว้เป็นของขวัญในช่วงสิ้นปีก็แนะนำให้รีบมาในงาน Style Bangkok Fair 2019 ในวันที่ 17-21 ตุลาคม 2562 นี้เท่านั้นนะคะ รับรองว่าไม่เหมือนใครแน่นอน    
เสน่ห์ของวันวาน Kanvela House

เสน่ห์ของวันวาน Kanvela House

  ใครจะคิดว่าอาคารเก่าโบราณริมคลองกรุงเกษม จะกลายมาเป็น Hostel x Cafe สุดชิคที่ยังคงกลิ่นอายของวันวานไว้อย่างเต็มเปี่ยมอย่าง “Kanvela House” ซึ่งไม่ว่าใครที่ผ่านมาเห็นก็คงสะดุดตาจนนึกอยากรู้ว่าหลังประตูบานเฟี้ยมสีเขียวเข้มนี้ มีอะไรบ้างที่ทำให้ดึงดูดความสนใจเราได้มากขนาดนี้   เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ “คุณแมค - ภีระสิทธิ์ สีมูลเสถียร” หนึ่งในเจ้าของ และผู้ที่เป็นหัวเรือในการทำให้อาคารเก่าที่ปิดร้างไว้นานหลังนี้ ได้ย้อนเวลากลับมาชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง จากภาพเดิมที่เป็นห้องเสื้อตัดสูท กรุตู้ไม้แบบ built-in สำหรับแขวนเสื้อสูท และเก็บผ้าไว้รอบด้าน บวกกับสภาพที่ปิดร้างมานาน ทำให้บรรยากาศภายในทรุดโทรมจนแทบจะนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะต้องเริ่มต้นทางไหน แต่พอตัดสินใจรื้อบรรดาตู้ไม้ ฝ้าเพดาน และโครงพื้นไม้เก่าออกทั้งหมดแล้ว บรรดากระเบื้องเดิมๆ โครงสร้างอาคารเก่าที่ยังคงอยู่ในสภาพดี ก็ทำให้ภาพของ Kanvela House ของคุณแมคเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆ   สงบ เงียบ ไร้กาลเวลา พื้นที่บริเวณชั้น 1 เกือบทั้งหมดเป็นพื้นที่ของคาเฟ่ชื่อ “Buddha & Pals” ที่เสิร์ฟกาแฟรสเยี่ยม และอาหารแบบ All Day Dinning ท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิคของอาคารเก่า ซึ่งไม่ว่าใครก็ต้องอดไม่ได้ รีบถ่ายรูปเช็คอินบน Instagram กันรัวๆ เสน่ห์ของอาคารนี้อยู่ที่โครงการสร้างเก่าแก่ ที่ยังคงสภาพไว้อย่างดี จนคุณแมคแทบจะไม่ได้แตะต้อง เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นพื้นปูกระเบื้องที่เป็นกระเบื้องโบราณที่มีมาแต่แรก และยังอยู่ในสภาพที่ดี รวมถึงโครงสร้างอาคารปูน ตั้งแต่คาน เสา และผนังก่ออิฐมอญ ที่ปูนอาจจะกระเทาะหลุดบ้าง มีคราบสีที่ไม่สม่ำเสมอบ้าง แต่กลับกลายเป็นร่องรอยของกาลเวลา ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ไม่สามารถเลียนแบบได้ เพียงแค่แต่งเติมบางส่วนให้แข็งแรงขึ้น และขัดแต่งให้สวยงามอีกหน่อย ก็กลายเป็นคาเฟ่เก๋ๆ ที่อยู่เหนือกาลเวลาไปโดยปริยาย       ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่เห็นทั้งหมด คุณแมคบอกว่ามีทั้งที่เป็นของเก่าจริงๆ และของใหม่ที่ทำเลียนแบบของเก่า ซึ่งกว่าจะได้แต่ละชิ้นมาก็มีเรื่องเล่ามากมาย บางชิ้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่คุณแมคไปเจอโดยบังเอิญ และซื้อเก็บไว้เองนานแล้ว โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะเอามาใช้ทำอะไรดี แล้วพอถึงเวลาที่ต้องตกแต่ง Kanvela House บรรดาข้าวของเหล่านี้ก็ถูกหยิบมาจัดวางไว้ตามมุมต่างๆ ผสมผสานจนกลายเป็นสไตล์การตกแต่งแบบ Rustic + Vintage ได้อย่างลงตัว   จากร่องรอยต่างๆ ในตัวอาคาร เราจะเห็นได้ว่า การรีโนเวทอาคารเก่าในครั้งนี้แทบจะไม่ได้แตะต้องตัวโครงสร้างเดิมเลย ฝ้าเพดานที่เดิมอาจจะถูกตีไว้ค่อนข้างเตี้ย ทำให้บ้านเก่าๆ มักจะดูแคบและอึดอัด พอรื้อฝ้าออกแล้วบรรยากาศโดยรวมก็ดูโล่ง โปร่งมากขึ้น ประกอบกับการเพิ่มเฟรมเหล็กกรุกระจกตลอดทั้งแนวด้านหน้าอาคาร เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ รอยอดีตต่างๆ ภายในอาคารก็ปรากฏความสวยงามให้เห็นได้เต็มตามากขึ้น จนเรายังอดทึ่งไม่ได้กับไอเดีย และความพิถีพิถันในรายละเอียดต่างๆ ที่คุณแมคใส่ใจดูแลด้วยตัวเองทุกส่วนอย่างแท้จริง   ค้ามคืนไปกับ Kanvela House จากคาเฟ่อันแสนชิวผ่านประตูไม้บานเลื่อนด้านหลังไปก็จะพบกับความสงบ ร่มรื่น ที่เหมือนแยกตัวออกมาจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง พื้นที่ตรงกลางที่เป็นรอยต่ออาคารส่วนหน้ากับส่วนหลัง ถูกเปิดโล่งให้รับแสงได้มากขึ้น การเพิ่มต้นไม้เข้ามาในบริเวณนี้ทำให้ได้บรรยากาศคล้าย Glass House เล็กๆ มีทั้งไม้ดอก และไม้ใบที่ให้ความสดชื่นสบายตาไปอีกแบบ ก่อนขึ้นไปชั้นบนซึ่งเป็นโซนของห้องพัก เราต้องถอดรองเท้าเก็บไว้ก่อนตามแบบธรรมเนียมบ้านไทย พื้นที่ชั้นบนถูกแบ่งออกเป็นห้องพักทั้งหมด 11 ห้อง โดยมีทั้งแบบดอร์ม และห้องเดี่ยว โดยห้องทั้งหมดนี้ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ผสานกับพื้นไม้ ฝ้าเพดาน และผนังไม้เดิมๆ ได้เป็นอย่างดี จนเราแอบทึ่งไอเดียที่คุณแมคดัดแปลงบ้านเก่าให้มีความร่วมสมัย พร้อมฟังก์ชั่นการใช้สอยที่พอเหมาะพอดีได้ขนาดนี้     ห้องแบบดอร์มจะเป็นห้องพักรวม แต่สเปซภายในห้องก็กว้างมากพอให้ทุกๆ เตียงมีพื้นที่ส่วนตัวและมีล็อคเกอร์ขนาดใหญ่มากพอที่จะใช้เก็บกระเป๋าหรือแบ็คแพ็คใบใหญ่ได้จริง เตียงสองชั้นโครงเหล็กถูกยึดกับโครงสร้างอาคารไว้เป็นอย่างดี แล้วใช้สีแดงสดมาช่วยสร้างมิติให้กับห้องมากขึ้น จนแทบจะลืมภาพห้องไม้โบราณไปได้เลย   ในขณะที่ห้องเดี่ยว ก็มีให้เลือกทั้งแบบเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ ขนาดห้องกำลังพอดีและเป็นส่วนตัว โทนการตกแต่งจะคงบรรยากาศเดิมของบ้านไม้ไว้มากกว่าห้องแบบดอร์ม ด้วยโทนสีที่สุขุมมากกว่า ประดับเพิ่มด้วยภาพวาดเก่า และเฟอร์นิเจอร์ไม้อื่นๆ อีกเล็กน้อยก็ลงตัว ได้กลิ่นอายบ้านไทยสมัยรัชกาล 5 อย่างเต็มเปี่ยม     ชานกว้างหน้าห้องพักบนชั้นสอง มีมุมพักผ่อนนั่งเล่นเยอะเลยค่ะ ทั้งมุมระเบียงที่ปลูกต้นไม้ไว้มากมาย หลายต้นสวยแปลกตาดี ในขณะที่ชานบ้านบริเวณนี้เปิดโล่งรับลมธรรมชาติเอื่อยๆ ได้เป็นอย่างดี มีชุดเก้าอี้หวาย และเก้าอี้ไม้สำหรับการหย่อนใจได้ตามต้องการ เหมาะกับการมาซึมซับความเรียบง่ายสไตล์ไทยๆ ที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา     Kanvela House ยังคงขับเคลื่อนตัวเอง และแต่งแต้มสีสันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยเจตนาที่ต้องการจะอนุรักษ์อาคารเก่าแก่นี้ไว้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ให้ถูกกลืนหายไปตามกระแสนิยม ในอนาคตพื้นที่ชั้นล่างจะมีร้านส้มตำสุดแซ่บเพิ่มเข้ามา แล้วคาเฟ่ชิคๆ ตอนกลางวัน จะเปลี่ยนเป็นแจ๊สบาร์แสนชิลในตอนกลางคืน ในขณะที่ห้องพักก็จะเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบมากขึ้น หลายๆ อย่างเป็นความตั้งใจของคุณแมคที่อยากให้ Kanvela House และ Buddha & Pals เป็นคอมมูนิตี้เล็กๆ ที่คนจะได้มาแฮงค์เอ้าท์หรือทำกิจกรรมร่วมกัน ท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิคโดยมีฉากหลังเป็นร่องรอยของอดีตอันสวยงาม แล้ว Kanvela ก็คงจะมีเรื่องเล่าสู่กันฟังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป   Kanvela House Address :  716 Krungkasem Road, Wat Sommanat, PomPrap SattruPhai, Bangkok, Thailand Tel. : 061 585 9283 Facebook : https://www.facebook.com/kanvelahouse/
แต่งคอนโดให้สวยจบ งบไม่บานปลาย

แต่งคอนโดให้สวยจบ งบไม่บานปลาย

ใครไม่เคย..คงไม่รู้หรอก!! กว่าจะได้คอนโดสวยๆ มีการตกแต่งในสไตล์ที่เป๊ะถูกใจโดยไม่เสียเวลา และไม่เจอปัญหางบบานปลายมันยากมากแค่ไหน หลายครั้งเราต้องเจอกับเรื่องที่หาเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการไม่เจอ หรือของตกแต่งที่ได้มาก็ไม่เข้ากับธีมที่คิดไว้ ต้องปวดหัวสารพัดจนหลายคนถึงกับเข็ดไปเลยก็มี   ตอนเห็นแบบห้องตัวอย่างหรือตอนเฟ้นหาภาพสไตล์การตกแต่งที่ต้องการจากอินเตอร์เน็ต อะไรๆ ก็ดูสวยงามเป็นเรื่องง่ายไปหมด แต่พอมาถึงหน้างานจริงอาจจะมืดแปดด้าน จนลืมไปว่าสิ่งที่ต้องทำคืออะไร อย่างที่บอกว่าถ้าใครไม่เคยลองตกแต่งห้องเองตั้งแต่เริ่มแรก คงจินตนาการไม่ออกหรอกว่า ปัญหาจุกจิกอีกมากมายที่จะตามมามีอะไรบ้าง ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำมืออาชีพที่จะมาช่วยให้ทุกเรื่องการตกแต่งจบได้อย่างสวยงาม แถมยังอยู่ในงบประมาณที่วางไว้ด้วย   ใครๆ ก็รู้ว่าที่ SB Design Square เค้ามีเฟอร์นิเจอร์ให้เลือกมากมาย แถมล่าสุดยังเอาใจชาวคอนโดด้วยบริการใหม่ที่เรียกว่า “CONDO SOLUTIONS” โดย Interior Designer มืออาชีพซึ่งจะเข้ามาให้คำปรึกษาพร้อมดูแลทุกรายละเอียดการตกแต่งคอนโดให้เราตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งมี Condo décor planer คอยให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลาการตกแต่ง   Step แรก สำหรับคนที่ยังไม่มีไอเดียว่าอยากตกแต่งห้องให้ออกมาสไตล์ไหนดี ให้ลองไปเดินเล่นที่ CONDO SOLUTIONS @SB Design Square ก่อนค่ะ เพราะเค้ามีแบบห้องตัวอย่างตกแต่งอย่างสวยงาม โดยจำลองแปลนห้องมาจากแบรนด์ชั้นนำต่างๆ มาให้เลือกมากถึง 6 สไตล์ด้วยกันที่สำคัญห้องแต่ละแบบใช้วัสดุ เฟอร์นิเจอร์อะไรบ้างอยู่ในงบประมาณเท่าไหร่เค้ามีป้ายบอกชัดเจนกันไปเลย เรามีแบบห้องตัวอย่างคร่าวๆ มาให้ดูกันค่ะ   ห้องแรกมาในสไตล์ Classy Urban เรียบหรูดูดีโดยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่หลากหลาย เน้นสีเอิร์ธโทน เพิ่มความหรูหราด้วยลายหินอ่อนสลับกับสีทองในขณะที่การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ก็เข้ากันได้ดี ห้องตัวอย่างนี้จำลองแบบมาจากโครงการ ไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท 66 มีขนาด 52 ตร.ม. และใช้งบประมาณในการตกแต่งเริ่มต้นที่ 5,500 บาท/ตร.ม.   ห้องต่อมาตกแต่งมาในสไตล์ Scandi Chic เน้นความเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ Built – In ที่มีสัดส่วนพอดีกับทุกมุมของห้องเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักคือไม้สีอ่อนตัดกับสีเทาและสีชมพูอ่อน ทำให้ห้องดูน่ารักสดใส แถมยังมีที่เก็บของให้เป็นระเบียบอีกเพียบ   ไอเดียตกแต่งห้องสไตล์นี้มาในแบบห้องขนาด 33.7 ตร.ม. และมีราคาค่าตกแต่งเริ่มต้นอยู่ที่ 7,800 บาท / ตร.ม. ค่ะ   อีกแบบห้องตัวอย่างค่ะที่ตกแต่งมาในสไตล์ Modern Luxury เรียบหรูบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยด้วยเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่คัดสรรมาอย่างดี เช่น ลายหินอ่อนสีดำ คริสตัลไฮกลอสอลูมิเนียมสีทอง และกระจกเงาสีเทา ทำให้ห้องสวยหรูดูแพงมาก ห้องตัวอย่างนี้มีขนาด 33.5 ตร.ม. ค่ะ และถ้าชอบการตกแต่งสไตล์นี้ ก็จ่ายในราคาเริ่มต้นแค่ 10,000 บาท / ตร.ม. เท่านั้น*   สไตล์ Metro Luxe ก็เป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจมาก มีจุดเด่นที่โดดเด่นไม่แพ้ห้องสไตล์ก่อนหน้านี้เลย ห้องถูกตกแต่งให้ด้วยโทนสีเข้มแต่ก็ไม่ได้ทำให้ห้องดูมืด ด้วยการตัดสีกับการตกแต่งด้วยพื้นโทนสว่าง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์สีแดง ที่ทำให้ห้องดูมีเสน่ห์มากขึ้น ด้านฟังก์ชั่นก็มีให้เลือกใช้งานมากมาย ทั้งจุดที่วางทีวี โต๊ะทำงาน หรือแม้กระทั่งตู้รองเท้าที่จัดมาให้แบบจุใจ แถมราคาค่าตกแต่งก็เริ่มต้น 5,600 บาท/ตร.ม. เท่านั้นค่ะ   เอาใจคนชอบสีขาวๆ ในโทนสว่างกับสไตล์ Classic White ห้องตัวอย่างนี้จำลองมาจากห้องของโครงการ Knightsbridge Prime อ่อนนุช ด้วยพื้นที่ใช้สอยขนาด 22 ตร.ม. แต่ไม่ห้องห่วงค่ะ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นสามารถใช้สอยประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และประหยัดพื้นที่ด้วย ด้านในถูกตกแต่งด้วยสีขาว และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิดผนังทั้ง 2 ฝั่ง เว้นทางเดินตรงกลางไว้ และโดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวในสไตล์วินเทจตัดกับลายหินอ่อน และเพิ่มการกรุกระจก เพื่อทำให้ห้องดูกว้างขึ้น และฟังก์ชั่นจัดเก็บต่างๆ ที่ถูกออกแบบไว้อย่างน่าใช้ ในราคาตกแต่งเริ่มต้นที่ 7,500 บาท/ตร.ม.   แบบห้องสุดท้ายที่เราเลือกมาให้ได้ชมกัน ขอเอาใจคนที่ชอบสไตล์ดิบๆ หน่อยกับการตกแต่งในแบบ Stylish Loft ผสมผสานความเป็นธรรมชาติของวัสดุที่เป็นไม้ไว้ให้ลงตัวกับความเท่ในสไตล์ Loft จึงน่าจะถูกใจคุณผู้ชายมากหน่อย แถมพื้นที่เก็บของก็มีฟังก์ชั่นดีใช้งานได้หลากหลายและทุกอย่างจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยถ้าใครอยากได้ห้องสไตล์นี้ก็มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 7,500 บาท/ตร.ม. ค่ะ   แต่สำหรับใครที่มีสไตล์ห้องที่อยากได้อยู่แล้วถือแปลนคอนโดของตัวเองไปเลยค่ะ ทีม Interior Designer ของ CONDO SOLUTIONS เค้าพร้อมจะช่วยให้ทุกดีไซน์ในฝันของคุณเป็นจริงได้ตามงบในกระเป๋าของคุณ   ถ้าวัสดุชิ้นไหนยังไม่โดนใจ อยากเปลี่ยนสีโซฟา สีเฟอร์นิเจอร์ หรืออยากได้ตู้เก็บของเยอะๆ หน่อย เปลี่ยนแบบโคมไฟ ดรอปฝ้าใหม่ ต่อเติมผนังเบากั้นห้อง หรือแม้แต่ลายผ้าม่าน และ wallpaper ทุกอย่าง custom ได้ตามใจกันให้สุดไปเลยจ้า และถ้าใครที่อยากเพิ่ม Home Automation เติมความสะดวกสบายให้ชีวิตประจำวันเป็นเรื่องง่าย เค้าก็มีบริการนะคะ และที่สำคัญเราสามารถรู้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ล่วงหน้าก่อนการตัดสินใจไปอีก ด้วยวิธีนี้เราก็จะหมดปัญหางบบานปลายไม่รู้จบแบบที่หลายๆ คนเคยเจอ   พอตกลงเลือกแบบและสไตล์ห้องที่โดนใจกันได้แล้ว พวกรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ที่เป็นปัญหาปวดหัวก็ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะนอกจากจะให้คำปรึกษาเรื่องการออกแบบตกแต่งแล้ว ทาง CONDO SOLUTIONS ยังมีบริการช่วยติดตามงานบริหารจัดการและวางแผนเวลา รวมถึงคอยประสานงานติดตั้งทั้งหมดให้เรียบร้อยก็บอกแล้วว่าเค้าบริการครบวงจรมาที่เดียวจบครบทุกเรื่องจริงๆ เรียกว่าแต่งห้องเสร็จแล้วก็เตรียมพร้อมเข้าอยู่ หรือปล่อยเช่ารับเงินเข้ากระเป๋าได้เลย   https://www.youtube.com/watch?v=c1ixaKYhcg0&feature=youtu.be   สำหรับโปรโมชั่นโดนใจที่จะช่วยให้เราสามารถคุมงบประมาณได้รัดกุมยิ่งขึ้นไปอีกกับ “Financial Promotion” พิเศษสุดๆ ที่เราจะสามารถได้คอนโดที่สวยเป๊ะปังในราคาเริ่มต้นที่ 5,500 บาท/ตร.ม. และยังได้ผ่อน 0% นานสูงสุด 4 เดือนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ยังไม่หมดค่ะ ยังได้รับบัตรกำนัลเงินคืนสูงสุดถึง 15%!! ส่วนสินค้าตกแต่งห้องเพิ่มเติมอื่นๆ ที่จะมาช่วยให้ห้องเราสวนครบสมบูรณ์ เช่น ผ้าม่านวอลเปเปอร์ ก็ลดเพิ่มกันไปอีกสูงสุด 10%   ทั้งตอบโจทย์ครบทุกเรื่องความสะดวกสบายได้ห้องสวยถูกใจ แถมยังช่วยแก้ทุกปัญหาจุกจิกปวดหัว และควบคุมค่าใช้จ่ายให้เราได้อย่างรัดกุม บริการรอบด้านขนาดนี้แล้ว จะไม่ไปที่ CONDO SOLUTIONS @ SB Design Square ได้ยังไงล่ะ แวะเวียนไปดูห้องคอนโดตัวอย่าง และโปรโมชั่นเด็ดๆ ทั้งหมดได้ที่ CONDO SOLUTIONS @ SB Design Square ทั้ง 3 สาขา (สาขาบางนา, สาขาเซ็นทรัลเวิล์ด และสาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต) ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคมนี้     #ระวังแต่งเองเจ็บเอง #ห้องสวยก็ไปได้สวย #แต่งกับนาย #naphat_nine #SBCondoSolutions #SBDesignSquare #condodesign      
6 ไอเดียแต่งเติมความสดใส ต้อนรับซัมเมอร์ กับคอลเล็คชั่นสุดพิเศษ SOMMAR 2019/ซอมมาร์ 2019 จากอิเกีย

6 ไอเดียแต่งเติมความสดใส ต้อนรับซัมเมอร์ กับคอลเล็คชั่นสุดพิเศษ SOMMAR 2019/ซอมมาร์ 2019 จากอิเกีย

เซย์กู๊ดบายลมหนาวที่ผ่านเข้ามาในช่วงสั้นๆ แล้วมาเตรียมต้อนรับซัมเมอร์อันแสนสดใสกันดีกว่า...หากพูดถึงหน้าร้อน หลายคนคงนึกถึงวันหยุดยาว และโปรแกรมท่องเที่ยวในฝันที่จะได้ออกเดินทางไปเติมพลังให้กับตัวเองกันทั้งนั้น แต่แน่นอน การไปเที่ยวไกลๆ สำหรับหลายๆ คนไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะเรื่องวันลาและค่าใช้จ่าย อิเกีย จึงขอเสนอ 6 ไอเดียสุดคูลที่จะช่วยให้ทุกคนเนรมิตช่วงเวลาสบายๆ แห่งการพักร้อนรับซัมเมอร์กันได้แบบง่ายๆ อย่างการทานไอศกรีมในช่วงพักเที่ยง สนุกสนานไปกับการปิกนิกที่บ้าน หรือนัดเพื่อนไปว่ายน้ำเล่นหลังเลิกเรียน   มาปรับเข้าสู่โหมดพักร้อนแบบง่ายๆ กับคอลเล็คชั่น SOMMAR 2019/ซอมมาร์ 2019 จากอิเกีย สร้างช่วงเวลาแห่งความสนุกให้กับชีวิตด้วยดีไซน์กราฟิกสุดเท่ และลายพิมพ์สีสันสดใส พบกับสารพันไอเท็มแต่งบ้านที่มีให้เลือกสรรอย่างละลานตา ตั้งแต่ผ้าขนหนูสีสันสุดจี๊ด เบาะรองนั่ง จานชาม ตะกร้าปิกนิกดีไซน์เฉียบ และอื่นๆ อีกมากมาย ผลงานการออกแบบร่วมของสองดีไซเนอร์ Lotta Kühlhorn และ Malin Unnborn ผู้ขึ้นชื่อเรื่องงานรูปทรงเรขาคณิตและลวดลายกราฟิกสีสดใส ร่วมด้วยเหล่าดีไซเนอร์จาก Textilgruppen & Papperian ที่ขึ้นชื่อเรื่องงานกระดาษและผ้า   6 ไอเดีย เติมความสดใส  เปลี่ยน “บ้าน” ให้กลายเป็นที่พักผ่อนสุดชิลรับหน้าร้อน   1. มุมเล็กๆ สำหรับจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่  ไม่มีสนามใหญ่หลังบ้านก็ไม่เป็นไร เพราะระเบียงเล็กๆ ก็เป็นจุดเริ่มต้นวันพักผ่อนดีๆ ได้เหมือนกัน เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการจิบกาแฟสักถ้วยริมระเบียง เคล้าคลอไปกับแสงแดดอุ่นๆ หรือจะเพิ่มบรรยากาศของการพักร้อนด้วยการหยิบชุดว่ายน้ำหรือผ้าขนหนูสีสดใสออกมานอนผึ่งแดดรับกลิ่นอายฤดูร้อนก็ย่อมได้   ไอเท็มเด็ดห้ามพลาดสำหรับเที่ยวทะเลปีนี้!   ผ้าเช็ดตัว รุ่น SOMMAR 2019/ซอมมาร์ 2019 ราคา 499 บาท   ปลอกหมอนอิง รุ่น SOMMAR 2019/ซอมมาร์ 2019 ราคา 199 บาท   ผ้าเมตร รุ่น SOMMAR 2019/ซอมมาร์ 2019 ราคา 199 บาท/เมตร   2. ขยับออกมานั่งเล่นกลางแจ้งกันเถอะ รังสรรค์มุมเล็กๆ ใต้ต้นไม้ สูดอากาศ และอาบแดดอุ่นๆ ก็เหมือนได้ไปพักร้อนชิลๆ แล้ว ลองย้ายโซฟาเล็กๆ ออกมาเป็นมุมพักผ่อนหย่อนใจ ใช้นั่งจิบน้ำชายามบ่าย หรือปรับเป็นมุมนั่งเล่นชมพระอาทิตย์ตกดินก็ดี เพิ่มสีสันด้วยพรมสีสดใส หรือโคมไฟที่มีลวดลาย ก็มีสไตล์ไปอีกแบบ   โซฟา 2 ที่นั่ง รุ่น HAVSTEN/ฮาฟสเติน ใช้ได้ทั้งใน/นอกอาคาร ราคา 17,200 บาท   โคมไฟ รุ่น SOLVINDEN/ซูลวินเดน ราคา 199 – 1,499 บาท   3. จิบน้ำชายามบ่ายสักนิด รู้หรือไม่ว่าการดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ ในสภาพอากาศร้อนๆ แบบนี้ สามารถช่วยให้ร่างกายเย็นลงได้ อ่านมาถึงตรงนี้อาจชวนให้ขมวดคิ้ว แต่จริงๆ แล้ว การที่เรายิ่งเพิ่มอุณหภูมิให้ร่างกาย ยิ่งเท่ากับทำให้ความร้อนระเหยออกจากผิวหนังได้มากขึ้น ร่างกายจึงเย็นลงนั่นเอง รู้แล้วอย่ารอช้า มาเตรียมชุดน้ำชากันดีกว่า   กาน้ำชา รุ่น SOMMAR 2019/ซอมมาร์ 2019 ราคา 499 บาท   ถ้วยพร้อมจานรอง รุ่น SOMMAR 2019/ซอมมาร์ 2019 ราคา 299 บาท   แก้วน้ำ รุ่น SOMMAR 2019/ซอมมาร์ 2019 ราคา 249 บาท/6 ใบ ถาด รุ่น SOMMAR 2019/ซอมมาร์ 2019 ราคา 199 บาท   ตะกร้าปิกนิก รุ่น SOMMAR 2019/ซอมมาร์ 2019 ราคา 790 บาท   4. สบายแท้ ไม่กลัวฝน ไม่กลัวแดด ตกแต่งมุมนั่งเล่นสำหรับนั่งกินไอศกรีมเย็นๆ ท้าแดดซัมเมอร์ และใช้หมอนอิงใบเล็กๆ เพิ่มความสบายเวลาเอนหลังพิงดูสิ ทริคไม่ลับคือ ใช้หมอนอิงหุ้มด้วยปลอกหมอนที่มีคุณสมบัติกันน้ำและสีสดไม่ซีดจางง่าย นอกจากจะช่วยคงสีสันสดใสแห่งซัมเมอร์แล้ว ยังหมดห่วงเรื่องเปียกน้ำ เพราะแค่สะบัดเบาๆ ก็ไล่น้ำออกจากหมอนได้หมด   หมอนอิง รุ่น FUNKÖN/ฟุนเคิน ราคา 299 บาท   ปลอกหมอนอิง รุ่น FESTHOLMEN/เฟสโทลเมน ราคา 359 บาท   5. เบาะอเนกประสงค์ ไม่ว่าคุณจะใช้เวลาวันหยุดหน้าร้อนไปกับการโต้รุ่งดูซีรีส์โปรดอยู่ในบ้าน หรือออกมานั่งอ่านหนังสือรับแสงอาทิตย์ยามเย็น ลองใช้เบาะนั่งเล็กๆ เป็นตัวช่วยเพิ่มความสบาย เปิดสภาวะทิ้งตัวลงบนเบาะนุ่มๆ หรือใช้เพื่อพักเท้าก็ชิลไปอีกแบบ เบาะนั่งและผ้าหุ้มเบาะ รุ่น OTTERÖN-INNERSKÄR/อทเตเริน-อินเนร์แควร์ ราคา 1,980 บาท   6. ยิ่งเยอะ ยิ่งครึกครื้น พอถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ อิเกียขอชวนทุกคนออกมาทำอาหาร จัดปาร์ตี้เล็กๆ กลางแจ้งกัน อย่ามัวแต่อุดอู้อยู่ในบ้าน เพราะการกินข้าวด้วยกัน หมายถึงความอร่อยที่เพิ่มขึ้น เสียงหัวเราะที่ดังขึ้น และรอยยิ้มที่กว้างขึ้นด้วย หาโอกาสเติมรอยยิ้มให้อิ่มกายอิ่มใจรับซัมเมอร์กันดีกว่า ทำเลเหมาะๆ สำหรับการจัดปาร์ตี้ อาจเป็นได้ทั้งที่สนามหลังบ้าน ริมชายหาด หรือสวนสาธารณะ แล้วอย่าลืมชวนคนที่คุณรักมากันเยอะๆ เพราะยิ่งเยอะ ก็ยิ่งครึกครื้น ชาร์จแบตให้ตัวเองในวันหยุด เติมความสดใสรับหน้าร้อนได้ง่ายๆ ด้วยคอลเล็คชั่นรับซัมเมอร์จากอิเกีย พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ อิเกีย เมกาบางนา และ อิเกีย บางใหญ่ ที่เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ IKEA.co.th      
6 ตึกสูงระฟ้าใจกลางมหานครทั่วโลก กับ สถาปัตยกรรม “โมโนลิธ” ความเรียบที่ไม่ง่าย

6 ตึกสูงระฟ้าใจกลางมหานครทั่วโลก กับ สถาปัตยกรรม “โมโนลิธ” ความเรียบที่ไม่ง่าย

6 ตึกสูงระฟ้าใจกลางมหานครทั่วโลก กับ สถาปัตยกรรม “โมโนลิธ” ความเรียบที่ไม่ง่าย...แรงบันดาลใจสู่ดีไซน์ระดับเวิลด์คลาสแห่งแรกของไทย “เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ” แลนด์มาร์กแห่งใหม่ สูงที่สุดบนทองหล่อ   ในโลกของการออกแบบอาคารสำนักงานระฟ้า โรงแรม และที่อยู่อาศัยยุคปัจจุบันทั่วโลก มีการแข่งขันกันในเรื่องของการสร้างอาคารที่มีความมั่นคงแข็งแรง ทว่ามาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามและแปลกใหม่ เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้พบเห็น ซึ่งความแปลกใหม่เหล่านั้นได้เลือนหายไปตามยุคสมัยเช่นกัน แต่ทราบหรือไม่ว่า ยังมีสถาปัตยกรรมอยู่รูปแบบหนึ่ง ที่ยังคงท้าทายเหนือกาลเวลามาหลายพันปีโดยไม่คลายเสน่ห์แห่งความงดงามมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ นั่นคือ สถาปัตยกรรมแบบ “โมโนลิธ” (Monolith) ซึ่งแปลว่าหินหรือเสาหินขนาดใหญ่เพียงก้อนเดียว   และในยุคปัจจุบัน สถาปัตยกรรมแบบโมโนลิธ นั้นได้หมายถึง ตัวอาคารที่มีจุดเด่นในเรื่องรูปทรง ที่มีลักษณะเป็นแท่งสมมาตร อัตราส่วนความกว้างของฐานอาคารต่อความสูงอยู่ที่ 1:10 จากพื้นดินไปจนถึงยอดอาคาร เน้นลักษณะภายนอกอาคารแบบมินิมัล โดยลดทอนรายละเอียดต่างๆ จนเกิดเป็นความเรียบ...แต่ไม่ง่าย... ให้ความรู้สึกมั่นคง สง่างาม โดดเด่น เป็นแลนด์มาร์กคงความโดดเด่น ในทุกยุคทุกสมัย การออกแบบงานสถาปัตยกรรม “โมโนลิธ” นิยมนำมาใช้ในการสร้างตึกระฟ้าระดับโลกมากมายที่มีความโดดเด่นและมักตั้งอยู่ในใจกลางเมือง กลางย่านธุรกิจสำคัญ รวมถึงมักจะกลายเป็นแลนมาร์กของเมืองนั้นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ กลางเกาะแมนฮัตตัน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นเขตที่นิยมสร้างอาคารด้วยสถาปัตยกรรมรูปทรงโมโนลิธมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก    One World Trade Center แมนฮัตตัน, นิวยอร์ก (เครดิตภาพ: Aecom.com) One World Trade Center เป็นอาคารหลังใหม่ที่สร้างขึ้นในพื้นที่ พื้นที่ 65,000 ตารางเมตรของพื้นที่ทั้งหมด ปัจจุบัน อาคารแห่งนี้ถือว่าสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นอาคารที่สูงเป็นลำดับที่ 6 ของโลก ด้วยความสูง 1,776 ฟุต หรือ 541 เมตร โดยผู้สร้างตั้งใจให้เป็นอาคารที่โดดเด่นทั้งในแง่ของการดีไซน์และประโยชน์ใช้สอย นี่จึงเป็นที่มาของการสร้างให้อาคารหลังนี้มีความสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเลือกสร้างในสไตล์โมโนลิธที่มีความสมมาตร มากด้วยรายละเอียดในการออกแบบที่   สวยโดดเด่น และตอบทุกโจทย์เรื่องฟังก์ชั่น   432 Park Avenue แมนฮัตตัน, นิวยอร์ก (เครดิตภาพ: Businessinsider.com) 432 Park Avenue เป็นอาคารที่พักอาศัยที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนิวยอร์ก ไม่ไกลจากสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ค จึงทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่งดงามของเกาะแมนฮัตตันและเมืองนิวยอร์กได้อย่างเต็มที่ ด้วยความสูง 1,396 ฟุตที่ถือว่าเป็นอาคารที่พักอาศัยที่สูงที่สุดในซีกโลกตะวันตก และเป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับสองในนิวยอร์ก ทำให้ 432 Park Avenue เป็นอาคารสไตล์โมโนลิธที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นในยุคปัจจุบัน   Millenium Hilton Hotel แมนฮัตตัน, นิวยอร์ก (เครดิตภาพ: Pinterest: Bruce Cairns) อีกหนึ่งอาคารที่อยู่ไม่ไกลจาก One World Trade Center คือ อาคารซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของโรงแรมมิลเลเนียม ฮิลตัน ซึ่งตั้งอยู่มุมถนนฟูลตันสตรีทตัดกับถนน เชิร์ชสตรีท โรงแรมแห่งนี้ ซึ่งเลือกสะกดชื่อ “Millenium” แบบผิดไวยากรณ์เพื่อเพิ่มความสะดุดตาให้กับชื่อ มีห้องพักทั้งหมด 471 ห้อง ตั้งอยู่ภายในอาคารสูง 55 ชั้นที่ออกแบบให้มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมสูงขึ้นไปตรงๆ เป็นดีไซน์โมโนลิธที่มินิมอลอย่างที่สุด ทว่าก็โดดเด่นในทันทีที่ได้พบเห็น   Seagram Tower แมนฮัตตัน, นิวยอร์ก (เครดิตภาพ: archspeech.com) อีกหนึ่งอาคารสำคัญทางสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1958 และยังคงโดดเด่นมาจนถึงปัจจุบัน คือ Seagram Tower (ซีแกรม ทาวเวอร์) ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนพาร์คอเวนิว มิดทาวน์ นิวยอร์ก อาคารโมโนลิธแห่งนี้ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอเมริกัน-เยอรมัน ลุดวิก มีส์ ฟาน เดอ โรฮ์ ด้วยความตั้งใจในการเผยให้เห็นโครงสร้างของตัวอาคารเมื่อมองจากด้านนอก ซึ่งถือว่าล้ำหน้ากว่ายุคสมัยและได้กลายเป็นอาคารหลังสำคัญที่ส่งอิทธิพลต่องานออกแบบทางสถาปัตยกรรมในสหรัฐอเมริกามาจนถึงปัจจุบัน   Al Sharq Tower ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เครดิตภาพ: arabexperts.ae) อาคารสไตล์โมโนลิธส่วนใหญ่มักจะออกแบบมาในลักษณะแท่งสี่เหลี่ยม ทรงสูงตรง แต่ Al Sharq Tower (อัล ชาร์ก ทาวเวอร์) อาคารที่ พักอาศัยระดับไอคอนที่เมืองดูไบนั้นออกแบบให้เป็นเหมือนแท่งทรงกระบอก 9 แท่งมัดรวมอยู่ด้วยกัน กลายเป็นอาคารหลังใหม่ในดีไซน์ที่ดูหรูหราและอยู่เหนือกาลเวลาอย่างไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งเมื่อเปิดไฟประดับในเวลากลางคืนยิ่งเผยให้เห็นความโดดเด่นของตัวอาคารที่มีความสูง 360 เมตร ทว่ายังคงสัดส่วนการออกแบบอาคารโมโนลิธให้มีความกว้างฐานและความสูงในอัตราส่วน 1:10 เช่นเดิม   Montparnasse Tower ปารีส, ฝรั่งเศส (เครดิตภาพ: inexhibit.com) โดยทั่วไปแล้ว เมืองปารีสไม่อนุญาตให้มีการสร้างอาคารสูงในตัวเมือง สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในตัวเมืองปารีสจึงมีแต่หอไอเฟลเท่านั้น จนกระทั่ง Tour Montparnasse หรือ Montparnasse Tower ถูกก่อสร้างขึ้นด้วยความสูงถึง 210 เมตร ปฏิเสธไม่ได้ว่า อาคารแห่งนี้เปิดโอกาสให้ผู้คนทั้งในปารีสและนักท่องเที่ยวได้ชมวิวเมืองปารีสอย่างเต็มตา และมองเห็นหอไอเฟลในอีกหนึ่งมุมที่สวยที่สุด ส่วนในเชิงของการออกแบบ อาคารแห่งนี้ยังคำนวณองศาของการจัดวางกระจกทุกบานอย่างตั้งใจเพื่อให้ทั้งอาคารกลายเป็นกระจกสะท้อนวิวเมืองขนาดใหญ่ เกิดเป็นภาพลวงตาที่ทำให้ตัวอาคารกลมกลืนไปกับเมืองปารีสได้อย่างน่าสนใจ     สถาปัตยกรรมโมโนลิธในเมืองไทย สำหรับในประเทศไทยหลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับสถาปัตยกรรมสไตล์โมโนลิธมากนัก เพราะเบื้องหลังของ ความเรียบเท่ของอาคารระฟ้ารูปทรงโมโนลิธในมหานครใหญ่ทั่วโลก แฝงไว้ซึ่งรายละเอียดมากมายตั้งแต่กระบวนการออกแบบที่เน้นเทคนิคในการออกแบบและการก่อสร้างที่มีรายละเอียดมากกว่าอาคารปกติ เช่น การคำนวณเรื่องแรงลม หรือ สัดส่วนของอาคารที่เหมาะสม รวมถึงการเลือกใช้วัสดุพิเศษ เช่น กระจกชนิดพิเศษรอบอาคาร และการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้แตกต่างไปจากการก่อสร้างอาคารทั่วไป จึงทำให้อาคารรูปทรงโมโนลิธโดดเด่นกับทุก ๆ สายตาของผู้พบเห็น   The Monument Thong Lo (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) สถาปัตยกรรมรูปทรงโมโนลิธแห่งแรก ของเมืองไทย ล่าสุด แสนสิริ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศไทยที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยด้วยดีไซน์ที่เปี่ยมด้วยรสนิยม ควบคู่การออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานที่ลงตัว และบริการพิเศษเพื่อการใช้ชีวิตที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในการอยู่อาศัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการสถาปัตยกรรมของประเทศไทย ด้วยการนำสถาปัตยกรรมแบบโมโนลิธมาใช้ในการออกแบบโครงการเดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่สูงที่สุดบนถนนทองหล่อด้วยความสูงถึง 45 ชั้นหรือ 177 เมตร โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์รูปทรงอาคารที่สูงตรงตั้งตระหง่าน โดยนำที่จอดรถลงไปไว้ในชั้นใต้ดินเพื่อความสวยงามเช่นเดียวกับอาคารสูงระฟ้าในมหานครใหญ่ทั่วโลก   พร้อมเพิ่มความงดงามด้านหน้าอาคารด้วยงานประติมากรรมขนาดใหญ่สระว่ายน้ำดีไซน์ระดับไอคอนิก สูงถึง 10 เมตร ยาว 28 เมตร กว้าง 9.5เมตร แรงบันดาลใจจากต้นไม้ใหญ่ ประกอบด้วยสระเด็กและสระน้ำวนในบริเวณเดียวกัน พื้นของสระเป็นหินไวท์ คลาวด์ (White Cloud) สีขาวดุจก้อนเมฆตัดกับสีฟ้าของน้ำ รายล้อมไปด้วยพรรณไม้นานาชนิดเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจของครอบครัวยุคใหม่ในพื้นที่ที่เป็นโอเอซิสใจกลางเมือง (Urban Oasis) อย่างแท้จริง   เตรียมพบกับนิยามใหม่ของการอยู่อาศัยของโครงการ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ กับพื้นที่กว้างขวางเสมือนบ้านเดี่ยว Luxury is Spaceบนทำเลทองหล่อ ได้เร็วๆ นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1685      
เติมพลังความสดใสให้กับชีวิตด้วยคอลเล็คชั่นใหม่จากอิเกีย

เติมพลังความสดใสให้กับชีวิตด้วยคอลเล็คชั่นใหม่จากอิเกีย

อิเกีย แนะนำคอลเล็คชั่นใหม่จากหลากหลายดีไซเนอร์ชื่อดัง ที่จะมาช่วยเติมพลังงานให้กับชีวิตประจำวัน พร้อมเริ่มต้นปีใหม่ เปิดรับสิ่งดีๆ ด้วยลวดลายกราฟิกและสีสันที่สดใส ตั้งแต่ปลอกผ้านวม ตู้ โคมไฟ และอุปกรณ์จัดเก็บของใช้ต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ในการจัดเก็บ แวะมาเพิ่มความสุข เติมไอเดียใหม่ๆ ในการแต่งบ้านด้วยคอลเล็คชั่นใหม่ๆ มากมายจากอิเกีย ที่มีครบทั้งดีไซน์ คุณภาพ ประโยชน์ใช้สอย และราคาที่ย่อมเยา   คอลเล็คชั่น SOMMARASTER/ซอมมารัสเตอร์ อบอุ่นกับลวดลายดอกไม้สดใสสไตล์เรโทร ออกแบบโดย Emma Hagman จาก Studio Kelkka ได้รับแรงบันดาลใจจากงานดีไซน์แบบสวีเดนยุค 1960 นำกลิ่นอายฤดูใบไม้ผลิมาสู่ห้องนอนด้วยชุดปลอกผ้านวมที่ทอจากผ้าฝ้าย 100% จากฝ้ายในแหล่งปลูกอย่างยั่งยืน ผ่านการปลูกอย่างพิถีพิถันและใส่ใจ ปลอกผ้านวม กว้าง 150 x ยาว 200 ซม. + ปลอกหมอน 2 ใบ ราคา 790 บาท   คอลเล็คชั่น NORDMELA/นูร์ดเมียลา ผู้ช่วยที่จะทำให้การจัดเก็บไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ตู้ลิ้นชัก NORDMELA/นูร์ดเมียลา ตอบโจทย์การจัดเก็บได้ทุกห้องในบ้าน สะดวกแก่การเคลื่อนย้าย สามารถปรับใช้ได้ตามต้องการ หรือเพิ่มที่จัดเก็บเสริมจากโซลูชั่นที่มีอยู่แล้วก็ได้ ตู้ลิ้นชักพร้อมตู้แขวนเสื้อผ้า ราคา 8,990 บาท ตู้ 4 ลิ้นชัก แบบแนวนอน สามารถปรับใช้เป็นเก้าอี้นั่งได้ ราคา 7,990 บาท   คอลเล็คชั่น TISKEN/ทิสเก็น เนรมิตห้องน้ำให้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุดโดยไม่ต้องเจาะกระเบื้องด้วยอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในห้องน้ำที่สามารถดูดติดผนังได้ ตั้งแต่จานรองสบู่และที่ใส่แปรงสีฟัน ที่แขวนม้วนกระดาษ รวมไปถึงที่เสียบฝักบัวและตะกร้า รับน้ำหนักได้มากถึง 3 กิโลกรัม ครบครันทุกฟังก์ชั่นการจัดเก็บในห้องน้ำ ชั้นเข้ามุมแบบดูดติดผนัง ราคา 299 บาท ตะขอแขวนแบบดูดติดผนัง ราคา 139 บาท (2 ชิ้น) ที่วางหัวฝักบัวแบบดูดติดผนัง ราคา 129 บาท   คอลเล็คชั่น YTTERBYN/อึตเตร์บึน เติมความสดใสให้ห้องครัวด้วยบานตู้ลายกราฟิกสไตล์ยุค 1970 ผลงานการออกแบบของ 10-Gruppen กลุ่มนักออกแบบที่ทรงอิทธิพลในสวีเดน เป็นที่รู้จักแพร่หลายด้วยแพทเทิร์นอันสะดุดตา เสริมแต่งห้องครัวให้ไม่จำเจกับชุดบานตู้ที่แต่ละบานมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ แต่สามารถผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืน บานตู้ กว้าง 40 x สูง 60 ซม. ราคา 1,250 บาท บานตู้ กว้าง 60 x สูง 60 ซม. ราคา 1,550 บาท   โคมแขวนเพดาน รุ่น GRIMSÅS/กริมสวส เปลี่ยนผนังห้องเรียบๆ ให้เป็นงานศิลปะ ด้วยการเล่นแสงและเงา มีให้เลือกสองแบบ ได้แก่ ลายฉลุดอกไม้สีขาวและลายฉลุปลาดาวสีเหลือง ออกแบบโดย Marcus Arvonen, Lisa Hilland และ Bea Szenfeld โคมแขวนเพดาน ขนาด 55 ซม. ราคา 1,390 บาท   คอลเล็คชั่น RABBLA/รับบลา เนรมิตให้การจัดเก็บเป็นเรื่องง่ายๆ ครบทั้งเรื่องความสวยงามและความยั่งยืน ปรับใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ใช้เป็นอุปกรณ์จัดเก็บเสริมในตู้เสื้อผ้าได้อย่างลงตัว หรือจะใช้จัดเก็บในพื้นที่เปิดก็ได้ สามารถใช้เก็บของในห้องน้ำได้ เพราะทนความชื้นได้เป็นอย่างดี มีให้เลือกหลายขนาด มาพร้อมช่องเล็กๆ ที่ใช้เก็บของชิ้นเล็กอย่างถุงเท้า เครื่องประดับ ฯลฯ ทำจากไม้ไผ่และผ้าโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล แข็งแรงทนทาน และแน่นอนว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กล่องแบ่งช่อง ยาว 25 x กว้าง 35 x สูง 10 ซม. ราคา 499 บาท กล่องผ้าพร้อมฝาปิด กว้าง 25 x ลึก 35 x สูง 20 ซม. ราคา 590 บาท กล่องผ้าพร้อมฝาปิด กว้าง 35 x ลึก 50 x สูง 30 ซม. ราคา 790 บาท   คอลเล็คชั่น KNALLGUL/คนัลล์กุล แปลงโฉมโต๊ะทำงานให้สดใสไฉไลกว่าเดิมด้วยสีสันจากชุดเครื่องเขียน ซีรีส์ KNALLGUL/คนัลล์กุล ประกอบด้วย แผ่นรองเขียน สมุดโน้ต แพลนเนอร์ กล่องใส่เครื่องเขียน ฯลฯ แถมยังช่วยให้โต๊ะทำงานเป็นระเบียบ เปิดรับความคิดสร้างสรรค์ได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญ เหมาะกับคนรักษ์โลก เพราะกระดาษทั้งหมดได้มาจากแหล่งผลิตอย่างยั่งยืนหรือไม้ในพื้นที่ป่าที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล รีไซเคิลได้ 100% และใยกระดาษผ่านกระบวนการรีไซเคิลซ้ำได้ถึง 7 ครั้ง   พบคอลเล็คชั่นใหม่ๆ อีกมากมาย ได้ที่อิเกีย เมกาบางนา อิเกีย บางใหญ่ ที่เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต และศูนย์บริการสั่งซื้อและรับสินค้าอิเกีย จังหวัดภูเก็ต หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ IKEA.co.th        
เปลี่ยนห้องนอนกระตุ้นความหวาน กระชับรัก

เปลี่ยนห้องนอนกระตุ้นความหวาน กระชับรัก

ใกล้วันวาเลนไทน์เข้ามาทุกที เทศกาลของคนมีคู่ที่จะยิ่งทวีความสวีทหวานให้คนโสดอิจฉาตาร้อนกันเล่นๆ  ส่วนคู่รักที่ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ก็อย่าปล่อยให้จืดจางนะคะ ลองหมั่นเติมความหวานให้ชีวิตคู่โดยเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวเราอย่างการจัดตกแต่งห้องนอนเสียใหม่ เพื่อกระตุ้นความหวาน กระชับรักให้แนบแน่นด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้ค่ะ   เปลี่ยนให้เป็นห้องนอนสุดหวาน สี เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย ลองเปลี่ยนสีผนังห้องสักด้าน หรือติดวอลเปเปอร์ให้มีสีสันตามที่อยากให้เป็นค่ะ เช่น สีแดง จะช่วยกระตุ้นความสนุกสดใส เร่าร้อน, สีชมพู เพิ่มความหวานน่ารัก น่าทะนุถนอม หรือจะเป็นสีม่วง ที่มีงานวิจัยออกมาบอกว่าจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ดี เท่านี้ห้องนอนของเราก็จะดูสวย น่ารักกว่าผนังสีขาวรอบด้านแบบเดิมๆ     ทำให้เตียงน่าล้มตัวลงนอน หากเตียงของเรานั้นเก่าเสื่อมสภาพไปแล้ว ก็ควรจะเปลี่ยนเถอะค่ะ เลือกแบบที่เหมาะกับสรีระของเรากับคุณแฟน นุ่มสบาย ขณะเดียวกันก็ต้องแข็งแรงทนทานด้วย ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้เตียงรก เพราะเวลากลับมาเหนื่อยๆ จะได้พร้อมล้มตัวลงนอน แล้วอย่าลืมเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนให้ดูสดใส เข้ากับบรรยากาศของห้อง ซึ่งก็ควรคำนึงถึงเนื้อผ้าที่มีความนุ่มลื่นให้สัมผัสที่ดีด้วยนะคะ   ตกแต่งไฟให้โรแมนติก แสงไฟโทน Warm White จะช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูนุ่มนวลชวนฝัน ยิ่งถ้าได้ไฟแบบ Dim Light ปรับความสว่างได้ตามต้องการก็จะยิ่งช่วยให้ห้องนอนของคุณโรแมนติกขึ้น แต่ถ้าห้องไหนไม่มีไฟแบบ Dim Light ก็ลองไปหาซื้อไฟ LED แบบเส้น สำหรับตกแต่งมาเปิดแทนไฟห้องปกติ ก็จะยิ่งทำให้ห้องดูน่าสนใจขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ     ภาพถ่ายเตือนความทรงจำ รูปถ่ายก็มีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ไม่แพ้ข้ออื่นเลยนะคะ ลองหารูปที่ถ่ายคู่กันในหลายช่วงเวลา เช่น ตอนคบกันใหม่ๆ วันที่ไปเที่ยวด้วยกัน รูปในวันสำคัญ ฯลฯ  มาตกแต่งห้อง ไม่ว่าจะแปะผนัง ใส่กรอบแบบเก๋ๆ ตั้งไว้ ช่วยย้ำเตือนความทรงจำในวันหวานๆ   กลิ่นกระตุ้นอารมณ์ กลิ่นหอมจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของคนเราได้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายหลับสบาย หรือรู้สึกเซ็กซี่เย้ายวนก็ตาม ฉะนั้นก็ลองหาน้ำหอมปรับอากาศ สเปรย์น้ำหอม หรือเทียนหอม มาไว้ในห้องล่ะก็จะดีมากเลยค่ะ และสุดท้ายอาจจะมีดอกไม้ใส่แจกันประดับเอาไว้ช่วยเพิ่มบรรยากาศความสดชื่น และกลิ่นหอมจากดอกไม้สดให้ยิ่งโรแมนติกเข้าไปอีก   ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ ว่าจะช่วยเสริมให้คู่ของคุณยิ่งมีความสัมพันธ์แนบแน่นขึ้นไปอีกขนาดไหน สิ่งสำคัญคืออย่าลืมเอาใส่ใจ ดูแลซึ่งกันและกันนะคะ        
เทคนิคการออกแบบ “ครัวที่ใช่ในสไตล์คุณ” จากอิเกีย

เทคนิคการออกแบบ “ครัวที่ใช่ในสไตล์คุณ” จากอิเกีย

ห้องครัว เป็นอีกหนึ่งห้องสำคัญของบ้าน นอกจากจะเป็นพื้นที่เตรียมอาหารในแต่ละวันแล้ว ยังเป็นพื้นที่สานสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวให้ได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน ดังนั้นการออกแบบ ตกแต่ง และจัดเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ในครัวจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะคนที่รักการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจย่อมต้องมีครัวในฝันกันทั้งนั้น แต่ครัวในชีวิตจริงของหลายๆ บ้าน กลับตรงกันข้ามกับครัวในฝันโดยสิ้นเชิง ซึ่งสาเหตุก็อาจจะมาจากรูปแบบการอยู่อาศัยและพื้นที่ในบ้านที่ไม่เอื้ออำนวย   อิเกีย ห้างเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านชั้นนำจากประเทศสวีเดน จึงนำเสนอแนวทางการออกแบบ “ครัวที่ใช่” แนะวิธีเลือกห้องครัวที่ตอบโจทย์ ทั้งลักษณะพื้นที่ใช้สอย ความต้องการ และไลฟ์สไตล์การทำอาหารของแต่ละบ้าน พร้อมคำแนะนำสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกตัวน้อย ว่าจะออกแบบห้องครัวอย่างไรให้ปลอดภัยกับเด็กๆ สร้างความคุ้นเคยกับห้องครัวและการทำอาหาร เพื่อแบ่งปันความสุขร่วมกันในครอบครัว   ก่อนที่จะเริ่มออกแบบห้องครัว อยากให้ทุกบ้านถามตัวเองก่อนว่า เราคือใคร? อยู่อย่างไร? ใช้ชีวิตอย่างไร? และเราทำอะไรในห้องครัวบ้าง? การทำความเข้าใจความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนในบ้าน มีผลต่อการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ในบ้าน รวมถึงรูปแบบและขนาดของห้องครัวด้วย     การวางผังครัว ควรต้องคำนึงถึงฟังก์ชั่นหลักๆ ของการใช้งาน ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ เก็บ ล้าง และปรุง โดยที่สามส่วนหลักนี้มีทิศทางการใช้งานแบบวงจรสามเหลี่ยม หรือ Triangle Way เริ่มจากจุดที่จัดเก็บของสด เครื่องปรุง วัตถุดิบต่างๆ นำไปยังส่วนล้าง ก่อนเข้าสู่การประกอบอาหารที่ส่วนหุงต้มต่อไป  หากเราแบ่งสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยทั้งสามส่วนนี้ให้ลงตัวได้ ก็จะทำให้การเข้าครัวเป็นไปอย่างสะดวกสบายและง่ายยิ่งขึ้น การวางผังครัวที่ตอบโจทย์การใช้งาน นอกจากจะช่วยให้การทำครัวง่ายขึ้นแล้ว ยังเป็นอีกจุดที่สร้างความน่าสนใจให้กับบ้านด้วย เมื่อเราได้แผนผังห้องครัวรูปแบบที่ตรงใจแล้ว ก็ต้องแบ่งสัดส่วนพื้นที่จัดเก็บใน 3 ฟังก์ชั่นใช้งานหลัก โดยเริ่มจาก   เก็บ – เริ่มต้นที่ตู้เย็นซึ่งใช้เก็บสารพัดสิ่งตั้งแต่ผัก ของสด ไปจนถึงเครื่องปรุงบางชนิด เราควรจัดเก็บวัตถุดิบต่างๆ ในกล่องใสหรือขวดโหล เพื่อให้สะดวกในการหยิบใช้งาน และยังมองเห็นของข้างในได้ ว่ามีอะไรที่หมดและต้องเติมบ้าง ข้อดีในการจัดเก็บตู้เย็นให้เรียบร้อยคือ ประหยัดไฟ และช่วยให้หาของง่ายขึ้น หมดปัญหาเรื่องอาหารที่ถูกเก็บลืมจนหมดอายุ หากมีตู้ด้านบนเป็นตู้แขวนโล่ง อาจใช้เก็บแก้วน้ำ ชา กาแฟ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ เช่น กรรไกร ที่เปิดขวด และของแห้งทั้งหลาย สามารถเก็บไว้ในบริเวณเดียวกันได้ มีเคล็ดลับคือให้ใช้กล่องใสหรือขวดโหล เพื่อให้สามารถมองเห็นของข้างในได้ ว่ามีอะไรที่หมดและต้องเติมบ้าง   ล้าง – คือมุมอ่างล้างจาน ด้านใต้อ่างมักใช้วางถังขยะ ชุดครัวอิ เกียมีโซลูชั่นที่สามารถแบ่งถังขยะสำหรับขยะแห้ง ขยะเปียก และยังใช้เก็บอุปกรณ์สำหรับล้างจานได้ ส่วนท็อปครัวตรงกลาง ก็จะเป็นส่วนของราวแขวน บางบ้านที่ไม่มีที่คว่ำจานก็สามารถใช้ที่แขวนติดผนังแทนได้ และอาจใช้ชั้นวางเสริมช่วยเพิ่มพื้นที่วางของร่วมไปด้วยก็ได้   ปรุง - ส่วนนี้ควรเว้นระยะห่างระหว่างท็อปครัวกับตู้แขวนผนัง ประมาณ 55 ซม. เพื่อให้มี พื้นที่เพียงพอต่อการทำอาหาร และพื้นที่ระหว่างเตากับอ่างล้างจาน ควรห่างกันอย่างน้อย 80 ซม. เพื่อความสะดวกระหว่างประกอบอาหาร ส่วนมุมจัดเก็บและลิ้นชักข้างล่าง สามารถเพิ่มที่แบ่งช่องลิ้นชักสำหรับเก็บช้อนส้อม ระหว่างตัวผนังที่เป็น ส่วนทำอาหาร อาจจะหากระเบื้องสีขาวที่หาซื้อได้ง่าย หรือเลือกใช้แผ่นติดผนังกันคราบ เพื่อเพิ่มลวดลายให้กับผนังและยังทำความสะอาดง่ายอีกด้วย     ผังห้องครัวที่นิยมและพบในบ้านส่วนใหญ่มีอยู่ 5 แบบ ได้แก่   ครัวแบบผนังเดียว (Single-sided kitchen) เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด คอนโดมิเนียม หรือบ้านที่มีพื้นที่มาก แต่ต้องการใช้พื้นที่ผนังเพียงฝั่งเดียวสำหรับทำครัว ก็จะสามารถขยายพื้นที่ได้ไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับความต้องการ   ครัวสองฝั่ง (Double-sided kitchen) เหมาะกับบ้านที่มีลักษณะเป็นแนวยาว หรือบ้านที่ต้องการพื้นที่ครัวแบบแยกออกมาจากตัวบ้าน มีข้อดีคือ สามารถเข้าครัวได้พร้อมกันถึงสองคน   ครัวเข้ามุม (L-Shaped Kitchen) เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่ได้ต้องการแยกครัวออกมาเป็นสัดเป็นส่วนในอีกห้องหนึ่ง ไม่ต้องการก่อผนังเพิ่ม ผังครัวแบบเข้ามุมทำให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับทำครัว และยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารด้วย   ครัวแบบเกาะกลาง (Island Kitchen) กำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะการก่อเกาะกลางช่วยเพิ่มพื้นที่ในการใช้งาน โดยที่พื้นที่นี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่เก็บของเท่านั้น อาจจะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งทานอาหาร เป็นแพนทรีเล็กๆ พื้นที่สำหรับล้างจาน หรือเป็นพื้นที่ตั้งเตาประกอบอาหารก็ได้   ครัว 3 ผนัง  (U-Shaped Kitchen) เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวาง ครอบครัวใหญ่ๆ หรือสำหรับคนที่รักการทำอาหารและมักใช้ห้องครัวอยู่เสมอ ผังครัวแบบนี้ทำให้ใช้ครัวได้พร้อมกันหลายๆ คน และประกอบอาหารหลายๆ เมนูได้พร้อมกัน   ไอเดีย DIY ครัวแบบเกาะกลางง่ายๆ – สำหรับใครที่อยากมีครัวแบบเกาะกลาง อิเกียมีไอเดียมานำเสนอ ลองใช้โต๊ะ ชั้นวางของแบบมีล้อเลื่อน หรือรถเข็นมาตั้งตรงกลางแทนการสร้างเกาะกลาง ก็สามารถเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บ หรือปรุงอาหารได้แล้ว แถมยังปรับพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการอีกด้วย     ปิดท้ายด้วยเคล็ดลับการฝึกให้สมาชิกตัวน้อยได้มีส่วนร่วมในการปรุงอาหาร เพื่อปลูกฝังให้เขาได้ฝึกทักษะต่างๆ โดยไม่รู้สึกว่าห้องครัวเป็นบริเวณที่อันตราย โดยใช้เก้าอี้สองขั้น ช่วยเพิ่มความสูงให้เด็กสามารถใช้งานพื้นที่ท็อปครัวได้ และเพิ่มความปลอดภัยด้วยอุปกรณ์เสริมที่ช่วยยึดลิ้นชักเก็บของมีคม นอกจากนี้ ยังสามารถฝึกเรื่องความสะอาดและการจัดของให้เป็นระเบียบ เช่น ให้เด็กๆ ล้างจานชามของตัวเอง แล้วเก็บในตู้ที่เด็กสามารถเอื้อมถึง เพียงเท่านี้ ห้องครัวก็กลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขในบ้านได้ตามใจฝันแล้ว พบกับตัวช่วยดีๆ ในการเนรมิตครัวที่ใช่สำหรับคุณได้ที่อิเกีย มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ ออกแบบได้ตามความต้องการ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ IKEA.co.th/Kitchen      
ดูลักซ์ ประกาศ “สไปซ์ ฮันนี่” เป็นสีแห่งปี 2019 เติมความหวานให้กับชีวิต

ดูลักซ์ ประกาศ “สไปซ์ ฮันนี่” เป็นสีแห่งปี 2019 เติมความหวานให้กับชีวิต

บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล (AkzoNobel) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสีทาอาคารชั้นนำระดับโลกภายใต้แบรนด์สี “ดูลักซ์” ประกาศให้ “สไปซ์ ฮันนี่” (Spiced Honey) เป็นสีแห่งปี 2019 หรือที่รู้จักกันในรหัสสี (Creme Brulee 00YY 26/220)  จากการวิจัยเทรนด์ และพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกทำให้ได้ธีมหลักในปีนี้คือ “การปล่อยให้แสงสว่างเข้า"(let the light in) “สไปซ์ ฮันนี่” คือสีกลางโทนอบอุ่นในเฉดสีน้ำตาลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากประกายสีทองของน้ำผึ้ง เป็นเฉดสีที่มีความอเนกประสงค์และทันสมัย เข้ากับไลฟไสตล์และการการตกแต่งภายในได้หลากหลาย สะท้อนถึงความรู้สึกใหม่ของการมองโลกในแง่ดีที่พบได้จากการศึกษาเทรนด์ต่าง ๆ ทั่วโลกของเรา คุณ ฮีเลน เวน เจ็นท์ ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์สีระดับโลกของอั๊คโซ่โนเบล (Akzo Nobel’s Global Aesthetic Center) กล่าวว่า “สีสันของเราเกิดจากการทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์สีระดับโลกของอั๊คโซ่โนเบล ซึ่งมีบทบาทในการวิเคราะห์เทรนด์ ศึกษาเรื่องสีสัน และทิศทางของศิลปะมากว่า 25 ปี การประกาศให้ “สไปซ์ ฮันนี่” (Spiced Honey) เป็นสีแห่งปี 2019  ในวันนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าสามารถเลือกผลิตภัณฑ์สีทาอาคารด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้น” ในแต่ละปี นักออกแบบมืออาชีพชั้นนำจากทั่วโลกได้รับเชิญให้เข้าร่วมศึกษาเทรนด์และโมเมนต์สำคัญต่างๆ คุณฮีเลน กล่าวเสริมว่า “ในปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้พวกเราหลายคนรู้สึกสับสน ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องกลับมาให้ความสำคัญกับตัวเองเพิ่มมากขึ้น และตอนนี้เราพร้อมแล้วที่จะเปิดต้อนรับแสงสว่างให้เข้ามาสู่ภายใน ผลการศึกษาเทรนด์บอกว่าผู้คนทั่วโลกต่างรับรู้ถึงพลังใหม่ ๆ ความมุ่งหวัง และการมองโลกในแง่ดีเพิ่มมากขึ้น เราต้องการเข้าถึงและมีปฎิสัมพันธ์กับผู้คนเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดียิ่งขึ้น “สไปซ์ ฮันนี่” สะท้อนถึงสิ่งเหล่านี้ได้ดี และเป็นเฉดสีที่ให้ความรู้สึกสงบ ความทะนุถนอม การกระตุ้น หรือให้พลังงาน ขึ้นอยู่กับแสงและคู่สีที่เลือกใช้ ปีนี้เป็นปีที่ 16 แล้ว ที่ทางสีดูลักซ์ โดยบริษัทอั๊คโซ่โนเบล ได้มีการประกาศสีแห่งปี เพื่อช่วยสร้างสีสันและเพิ่มทางเลือกในการเลือกสีให้กับลูกค้า พร้อมความช่วยเหลือในทุกขั้นตอนตั้งแต่การสร้างแรงบันดาลใจไปจนถึงการออกแบบสี การแนะนำผลิตภัณฑ์และระบบการทาสี รวมถึงเครื่องมือที่หลากหลายและดิจิตอลโซโลชั่นใหม่ๆ เช่น แอปพลิเคชั่น  Dulux Visualizer เป็นต้น นอกจากการประกาศให้ “สไปซ์ ฮันนี่” เป็นสีแห่งปี 2019 แล้ว เรายังได้แนะนำพาเลทท์สีสำหรับการตกแต่งภายในทั้งหมด 4 ธีม ประกอบด้วย สีกลางโทนอบอุ่น สีพาสเทลอ่อน สีสดเข้ม และสีสว่างสดใส แต่ละธีมได้แรงบันดาลใจมาจากโทนสีต่างๆ รวมถึงความโดดเด่นของสีน้ำตาลประกายน้ำผึ้งที่มีความเป็นธรรมชาติ เหนือกาลเวลา ทนทาน สื่อถึงการปกป้อง ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า โดยคาดว่าพาเลทท์สีนี้จะได้รับความนิยมในวงการแฟชั่น สถาปัตยกรรม และดีไซน์ 1.สถานที่ผ่อนคลายแห่งความคิด (A soothing place to THINK) พาเลทท์สีนี้มีสีโทนอบอุ่นอย่างสีแห่งปี 2019 - สไปซ์ ฮันนี่ เป็นหัวใจหลัก พร้อมกับผสมผสานระหว่างโทนสีกลางอันน่าดึงดูดและมีสัมผัสของโทนสีชมพูอ่อนเบอร์กันดี และความพิถีพิถันของสีน้ำเงินเข้มเข้าไว้ด้วยกัน พาเลทท์สีนี้เข้ากันได้ดีกับการตกแต่งด้วยงานไม้ขัดเงา เฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุคกลางศตวรรษ (mid-century furniture) พรมปูพื้นลายกราฟิก และงานผ้าทอที่เน้นรูปลักษณ์ที่เก๋แต่คงไว้ซึ่งความสบายตา 2.สถานที่สงบเงียบแห่งความฝัน (A calming place to DREAM) พาเลทท์สีแห่งความฝันนี้ให้ความรู้สึกเงียบสงบและเป็นผู้ใหญ่แต่คงไว้ซึ่งความนุ่มนวลและอบอุ่น เป็นการผสมผสานกันอย่างอ่อนโยนของสีชมพูและสีฟ้าทีมีความโรแมนติก เสริมด้วย “สไปซ์ ฮันนี่” สีแห่งปี 2019 ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความสงบและลุคที่มีความพิถีพิถันได้อย่างลงตัว พาเลทท์สีนี้เหมาะกับการตกแต่งด้วยงานไม้สีอ่อน ของประดับจำพวกงานเซรามิกทำมือ และผ้าท้อที่สวยงาม ลุคนี้จะช่วยเสริมความรู้สึกนึกคิดให้เป็นศูนย์กลางของบ้านหลังนี้ 3.สถานที่อบอุ่นแห่งความรัก (A cosy place to LOVE) พาเลทท์สีนี้คือกลุ่มสีโทนอบอุ่นที่สุดของเราในปี 2019 เต็มไปด้วยเฉดสีโทนเข้ม รวมถึงสีเขียวธรรมชาติของป่าลึก สีเขียวเข้มนกเป็ดน้ำ และสีแดงเข้มของดินเผา ซึ่งเข้ากันได้ดีกับสีน้ำตาลโทนอบอุ่นอย่าง “สไปซ์ ฮันนี่” สีแห่งปี 2019 และสีกลางโทนอ่อน พาเลทท์สีแห่งความรักนี้สามารถตกแต่งร่วมกับเฟอร์นิเจอร์ไม้และภาพวาดลายพฤกษศาสตร์ ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศบ้านที่ผ่อนคลายแต่อบอุ่นสบาย เหมาะสำหรับการแบ่งปันกับคนที่คุณรัก 4.สถานที่สดใสแห่งการลงมือทำ (A vibrant place to ACT) พาเลทท์สีที่มีความขี้เล่นและสดใสนี้ผสมผสานไปด้วยสีแดงและสีเขียวสดใสเข้ากับสีชมพูอ่อนและสีน้ำเงินโดยเน้นสีเทาและสีขาว โดยมีโทนสีน้ำตาลทองอย่าง “สไปซ์ ฮันนี่” สีแห่งปี 2019 ยิ่งช่วยเสริมให้พาเลทท์สีนี้มีความอบอุ่นและให้บรรยากาศแห่งการต้อนรับ สามารถตกแต่งร่วมกับด้วยเฟอร์นิเจอร์หลากสไตล์ที่นำมาตกแต่งทาสีใหม่เพื่อเสริมความมีเอกลักษณ์ของเจ้าของห้อง เล่นกับรูปทรงกราฟิก ตกแต่งด้วยงานไม้ก๊อกและไม้อัดสีอ่อน และพรมสไตล์วินเทจช่วยให้บ้านหลังนี้กลับมามีชีวิตชีวา เป็นพื้นที่ที่เกิดแรงบันดาลใจและสร้างไอเดียเพื่อการลงมือทำ คุณ ออสการ์ วีเซนบีค กรรมการผู้จัดการ บริษัท อั๊คโซ่โนเบล เดโคเรทีฟ เพ้นท์ส ภูมิภาค เอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ กล่าวว่า “พวกเรา อั๊คโซ่โนเบล มีความภูมิใจในการช่วยเหลือให้ลูกค้าสามารถเลือกสีสันได้อย่างมั่นใจด้วยการให้ข้อมูลเทรนด์สีและธีมการตกแต่งภายในล่าสุด ทีมงานของเราทำงานตลอดทั้งปีเพื่อถ่ายทอดไอเดียเหล่านี้ให้กลายเป็นพาเลทท์สีต่าง ๆ ที่มีสีสันสวยงาม เราส่งมอบผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยเครื่องมือดิจิตอลที่มีความทันสมัย ลูกค้าจะสามารถสัมผัสประสบการณ์การออกแบบสีห้องผ่านหน้าจอมือถือ ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถตัดสินใจเลือกเฉดสีได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด ”   ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสีแห่งปี 2019 ได้ที่ www.dulux.co.th/cf2019 หรือ www.facebook.com/dulux นอกจากนี้ สามารถสั่งซื้อสีขนาดทดลอง Dulux Colour Play™ Tester ในเฉดสี “สไปซ์ ฮันนี่” เพื่อนำมาทดลองดูเฉดสีได้ก่อนใครได้ทาง www.lazada.co.th        
ต้อนรับปี 2562 กับ “ยิปซัมตราช้าง” ด้วยเคล็ดไม่ลับกับการจัดบ้านเสริมสิริมงคล

ต้อนรับปี 2562 กับ “ยิปซัมตราช้าง” ด้วยเคล็ดไม่ลับกับการจัดบ้านเสริมสิริมงคล

ต้อนรับปีใหม่ 2562 “ยิปซัมตราช้าง” แนะเคล็ดไม่ลับกับการจัดบ้านใหม่เสริมสิริมงคล เป็นการนำหลักศาสตร์ทาง “ฮวงจุ้ย” ผสมผสานเข้ากับการตกแต่งและจัดบ้านใหม่ เพื่อต้อนรับพลังงานบวก และสิ่งดีๆ ที่จะเข้ามาสู่สมาชิกในครอบครัว เสริมสิริมงคล โชคลาภ เงินทอง เจ้าของบ้านที่ต้องการรีโนเวทบ้านใหม่ เรามาเตรียมความพร้อมจัดบ้านใหม่เพื่อต้อนรับสิ่งดีๆ ในปี 2562 นี้กัน   จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับการลงมือจัดตกแต่งบ้านสิ่งแรกที่ควรทำคือ การทำความสะอาดบ้านให้หมดจด เริ่มตั้งแต่ด้านหน้าทางเข้าบ้าน โดยนอกจากจะต้องเก็บกวาดข้าวของที่ไม่ได้ใช้ออกให้หมด ไม่ขวางทางเข้าบ้านเพื่อเตรียมบ้านรับทรัพย์แล้ว ก็ควรที่จะจัดหาที่เก็บข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย  เพื่อช่วยเสริมในเรื่องของโชคลาภ เงินทอง ให้ไหลมาเทมา ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าคุณอยากให้เงินทองเข้าบ้าน เข้าหาคนในบ้านและครอบครัว พื้นที่ภายในบ้านก็ไม่ควรแออัด หรือยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ เฟอร์นิเจอร์ควรจัดวางให้เป็นที่เป็นทาง ไม่เกะกะสำหรับการเดินภายในบ้าน การนำต้นไม้หรือน้ำพุมาตั้งไว้ในบ้านก็ถือเป็นปัจจัยเสริมที่จะช่วยทำให้โชคลาภลื่นไหล บ้านร่มรื่นอยู่เย็นเป็นสุข   การจัดการกับพื้นที่ภายในบ้าน เจ้าของบ้านลองสำรวจว่ามีมุมไหนควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้าง อีกสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมในเรื่องของโชคลาภและเงินทอง ก็คือโทนสีที่จะนำมาเลือกใช้ในการออกแบบและตกแต่งพื้นที่ใช้สอยต่างๆภายในบ้านควรเลือกใช้สีโทนขาว ครีม หรือพาสเทล อาทิ ห้องนอน ซึ่งเปรียบเสมือนปอดของบ้าน เพื่อให้สามารถใช้ช่วงเวลาในการพักผ่อนในทุกค่ำคืนเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย  หรือห้องทานอาหารที่เปรียบเสมือนแหล่งเสบียง ถือเป็นหัวใจหลักของบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะใช้เวลาร่วมกันและแบ่งปันเรื่องราวของความสุขให้กับทุกคนภายในบ้าน เราควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านที่มีโทนสีที่เข้ากันด้วย สำหรับฝ้าเพดาน ถือเป็นอีกจุดสำคัญที่สามารถทำให้บ้านดูโปร่งสบายตา ไม่ว่าเราจะเลือกใช้ฝ้าเรียบสีพื้น หรือจะเลือกฝ้าที่มีลวดลายตามที่เราต้องการ โดยเฉพาะลายที่จะช่วยเสริมวาสนาให้กับบ้าน เพื่อรับทรัพย์รับโชคลาภในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง กับแผ่นฝ้าทีบาร์ เปเปอร์ทัช ตราช้าง ลายใหม่ “เรืองทรัพย์” มาพร้อมกับความเป็นมงคลด้วยใบของต้นกวักเงินกวักทองลักษณะคล้ายใบรูปหัวใจ โดยออกแบบให้เข้ากับพื้นหลังลายหินอ่อนสีขาว ผสมผสานความงามที่กลมกลืนกับธรรมชาติอย่างลงตัว เสริมความเป็นสิริมงคลให้ที่อยู่อาศัยเกิดโชคลาภ กิจการรุ่งเรือง และร่ำรวย  ทั้งนี้แผ่นทีบาร์ เปเปอร์ทัช ตราช้างมาพร้อมคุณสมบัติไม่แอ่นตัว คงทน และยังได้ฝ้าสวยสดใส มาตรฐานมอก 219-2552 แถมยังช่วยสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้ร่มเย็นอีกด้วย สำหรับเจ้าของบ้านที่ยึดหลักฮวงจุ้ยยังต้องคำนึงถึงแสงแดดจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่มีความแข็งแกร่งที่สุดซึ่งส่งผลกับชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก เพราะแสงธรรมชาติจะทำให้เรารู้สึกสบายและผ่อนคลาย การสร้างบ้านตามหลัก   ฮวงจุ้ยต้องอาศัยแสงจากด้านนอกเพราะช่วยให้เกิดการระบายอากาศที่ดีและช่วยดึงดูดโชคลาภมาสู่บ้านได้ และเจ้าของบ้านที่รักการอ่าน  จึงมีชั้นหนังสือภายในบ้านซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการพอกพูนความรู้ความก้าวหน้าให้กับผู้อยู่อาศัย แต่ต้องไม่ลืมด้วยว่าการจัดเก็บที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นก็ส่งผลกับฮวงจุ้ยของเราด้วยเช่นกัน   สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนยิปซัมตราช้าง โทร. 02-555-0000 หรือ www.siamgypsum.com หรือ facebook fanpage:@GypsumTraChangTH