นารายณ์ พร็อพเพอตี้ฯ ครึ่งปีหลัง 61 รุก 3 โปรเจ็ค มูลค่า 3,500 ลบ. ปลื้มยอดขาย “เดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56” เฟสแรกติดลมบนมียอด 90% ส่งทาวเวอร์ B ราคาเริ่มต้น 1.84 ล้านบาท ลุยตลาดที่พักอาศัยย่านฝั่งธน จัดเต็มสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันกว่า 30 รายการ เปิดขาย 30 มิ.ย. ภายใต้แนวคิด “ It’s My World” ตอบทุกโจทย์การใช้ชีวิตผู้อยู่อาศัย ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 3,000 ล้านบาท และมี backlog ที่จะทยอยรับรู้รายได้ รวมกว่า 5,500 ล้านบาท
นายเจนต์ชัย ลิ้มวัฒนะกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารายณ์ พร็อพเพอตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯในปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว พบว่าโครงการแนวราบมีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ ราคาคอนโดในกลุ่ม High-end และ Luxury ปรับตัวสูงขึ้นมาก เนื่องจากราคาที่ดินที่สูงขึ้น และมีกำลังซื้อใหม่จากกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยมีเหตุผลและปัจจัยหลายอย่าง เช่น อสังหาฯในประเทศไทยราคาไม่แพง เป็นประเทศที่น่าอยู่ การซื้อ-ขายไม่ยุ่งยาก จึงเป็นที่สนใจของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ และพบว่ามีสัดส่วนผู้ซื้อที่เป็น Real Demand เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มนักเก็งกำไรและนักลงทุน โดยที่ผ่านมาลูกค้า Real Demand จะใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อช้ากว่ากลุ่มนักเก็งกำไรหรือนักลงทุน ส่งผลให้การขายโครงการโดยทั่วไปชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน แต่ภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังคงดีอยู่ กลุ่มคนชั้นกลางของประเทศ ซึ่งเป็นฐานของความต้องการภายใน (Domestic Demand) ยังคงมีมาอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่จะไม่เข้ามาเร็วเหมือนกลุ่มนักลงทุน
ดังนั้นโครงการที่จะออกตัว ณ สถานการณ์แบบนี้ ควรเป็นโครงการที่มีพื้นฐานการอยู่อาศัยที่ดีจริง ทำเลใกล้รถไฟฟ้าเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งจับจ่ายใช้สอย มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่โดดเด่น ในราคาที่ย่อมเยาว์ จะมีโอกาสการขายที่สูงกว่า ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดในการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับพื้นฐานการอยู่อาศัยของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก โดยที่ผ่านมาบริษัทฯให้ความสำคัญในการเลือกทำเลและการออกแบบโครงการ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกโครงการสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ในทุกมิติและไม่เร่งพัฒนาโครงการจำนวนมากเกินไปจนไม่สามารถควบคุมคุณภาพได้ สำหรับปีนี้มีแผนเปิดขายโครงการใหม่และเฟสต่อเนื่อง จำนวน 3 โครงการ แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว Luxury 1 โครงการ ,ทาวน์โฮม 1 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีนโยบายการลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ตั้งงบซื้อที่ดินเพิ่มเติมกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 3,000 ล้านบาท และมี backlog ที่จะทยอยรับรู้รายได้ รวมกว่า 5,500 ล้านบาท
สำหรับโครงการ “เดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56” เป็นการเปิดขายเฟสต่อเนื่องหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการขายอาคาร C โดยมียอดขายแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในส่วนที่จะเปิด Pre-Sales คือ ทาวเวอร์ B เป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 31 ชั้น ราคาเริ่มต้นที่ 1.84 ล้านบาท ภายใต้คอนเซปต์ “It’s My World” ชีวิตที่ใช่ในโลกแบบของเรา” ที่จะมาตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย ด้วยแนวคิด Live มีครบทุกการอยู่อาศัย ห้องอยู่สบายไม่อึดอัด บางห้องมีหลายฟังก์ชั่น วัสดุ คุณภาพดีเหมาะแก่การอยู่อาศัย Life ใช้ชีวิตใกล้รถไฟฟ้าเพียง 40 เมตร อยู่ตรงข้ามห้างสรรพสินค้า ทำให้ชีวิตสะดวกสบายอย่างไร้ขีดจำกัด และ Rest ผ่อนคลายวันที่เหนื่อยล้าแม้อยู่ภายในโครงการ สามารถอยู่ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ เพราะมี Facilities มากที่สุดในย่านฝั่งธนกว่า 30 รายการ มาพร้อมสวนขนาดใหญ่ บนพื้นที่โครงการกว่า 13 ไร่ ทั้งนี้มีกำหนดเปิดขายในส่วนของอาคาร B อย่างเป็นทางการในงาน “Pre-sales” วันที่ 30 มิถุนายนนี้ ณ สำนักงานขาย โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนใน Website :naraiproperty.com เพื่อมีสิทธิรับ Central Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท
โครงการเดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56 เป็นโครงการที่ถูกพัฒนาขึ้นในย่านทำเลที่ดีที่สุดอีกโครงการหนึ่ง บนเนื้อที่ 13-3-12.3 ไร่ จำนวนยูนิต 2,047 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 6,000 ล้านบาท ด้วยจุดเด่นของโครงการที่มากด้วยสวนขนาดใหญ่ Mega Park ไม่ต่ำกว่า 3 ไร่ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายภายในโครงการถึงกว่า 30 รายการ แบบที่ไม่มีที่ไหนเคยทำมาก่อน โครงการตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษมซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแค ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2562
ทั้งนี้โครงการถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน ด้วยโครงการอยู่ตรงข้ามห้างซีคอน บางแค และใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT ภาษีเจริญเพียง 40 เมตร การเดินทางโดยรถยนต์ก็สะดวกเพราะอยู่ติดถนนเพชรเกษม สามารถออกไปทางฝั่งเหนือด้วยถนนราชพฤกษ์ หรือจะเข้าเมืองย่านสาทรผ่านสะพานตากสินก็ได้โดยง่าย มีไลฟ์สไตล์สำหรับผู้ที่ชอบทำกิจกรรมต่างๆที่อยู่ภายในโครงการ เน้นพื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ และ Facility จัดเต็มโดยแบ่งออกเป็น 1 อาคาร 3 ทาวเวอร์ ประกอบด้วย ทาวเวอร์ A จำนวน 32 ชั้น, ทาวเวอร์ B จำนวน 31 ชั้น และ ทาวเวอร์ C จำนวน 29 ชั้น ซึ่งเปิดจองไปก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ทาวเวอร์ C มียอดขายแล้วกว่า 90 % โดยรูปแบบห้องประกอบด้วย ห้อง Studio ขนาด 25-25.5 ตารางเมตร ,ขนาด 1 ห้องนอน ขนาด26.5-37.5 ตร.ม. และขนาด 2 ห้องนอน 48.5-62 ตร.ม. มีสัดส่วนของจำนวนที่จอดรถมากถึง 50% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
จุดเด่นของโครงการที่ต้องไฮไลท์มีทั้งหมด 4 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 Star Pavilion ตั้งอยู่บนชั้น 32 ทาวเวอร์ A ที่ให้คุณพาเพื่อนมานั่งชิลล์ ชมวิวกรุงเทพฯแบบพาโนรามา ประกอบด้วย Mini Theatre & Karaoke Room ,SKY Private Party Room โซนที่ 2 Double Volume Co-Working Space บริเวณ ทาวเวอร์ A,B ชั้น 1,2 จัดพื้นที่ให้มี Co- Working Space ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ทันสมัยด้วยสไตล์การออกแบบ Modern Loft ใช้วัสดุไม้ผสมเหล็ก คัดสรรเอาธรรมชาติเข้ามาตกแต่งเพื่อให้เรารู้สึกไม่อึดอัด โซนที่ 3 Double Volume Fitness ระหว่างทาวเวอร์ B,C ชั้น 5,6 ฟิตเนสที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ห้องซาว์น่า ห้องโยคะ และอีกหนึ่งความน่าสนใจ คือ Boxing Stage บริเวณชั้น 5 เป็นเวทีมวย ให้ได้ปล่อยพลังกันเต็มอิ่ม ส่วนโซนที่ 4 Pools & Garden สระและสวนขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับ 3 อาคาร บริเวณกลางสวนมี Rain Pavilion ได้รับแรงบันดาลใจจากหยาดฝน เพื่อให้ผู้พักอาศัยให้ความรู้สึกถูกห้อมล้อมเอาไว้ด้วยธรรมชาติ สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือทั้ง 2 สระ พร้อมสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ เชื่อมกันระหว่าง 3 อาคาร ปัจจุบันโครงการผ่าน EIA และได้รับใบอนุญาตก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2563