บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE บริษัทผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ของไทย แถลงว่า บริษัทฯได้ลงทุนใช้นวัตกรรมท่อน้ำทิ้งเปี่ยมประสิทธิภาพล่าสุด คือ Geberit Sovent ในการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับเวิลด์คลาส นิมิต หลังสวน โดยนวัตกรรมสุดยอดนี้ได้รับเลือกใช้ในโครงการที่พักอาศัยและโรงแรมระดับห้าดาวในยุโรปและอเมริกา และนิมิต หลังสวน นับได้ว่าเป็นโครงการที่พักอาศัยแรกและโครงการเดียวในประเทศไทยที่เลือกใช้ระบบจัดการน้ำจดสิทธิบัตรนี้
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เพซมุ่งมั่นนำเสนอที่พักอาศัยเปี่ยมคุณภาพและตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนระยะยาวให้แก่ลูกค้า โดยเราสรรหานวัตกรรมทรงประสิทธิภาพและแนวคิดใหม่ๆจากทั่วโลกที่มอบความสวยงามและมีความง่ายต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น เดียวกับการลงทุนเลือกระบบน้ำทิ้ง Geberit Sovent เพราะเป็นระบบที่สนองตอบความตั้งมั่นและวิสัยทัศน์ของเราในการมอบบ้านที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าคนสำคัญของเพซ”
ระบบ Sovent ของเกเบอริท เป็นระบบน้ำทิ้งสำหรับอาคารสูงที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม ช่วยให้การออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยสามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด อีกทั้งยังเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของเกเบอริท ปัจจุบันได้มีการใช้ระบบนี้ในส่วนคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ และโรงแรมห้าดาวทั้งในยุโรปและอเมริกาเหนือ อาทิเช่นโรงแรมฮิลตัน, Maastoren Rotterdam เนเธอร์แลนด์, The Bosco Verticale อิตาลี และ Bella Sky เดนมาร์ค เป็นต้น
ระบบ Sovent ของเกเบอริทในโครงการ นิมิต หลังสวน ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ลดเสียงรบกวนเมื่อเทียบระบบน้ำทิ้งแบบเดิมที่เชื่อมกับของเพื่อนบ้านทั้งด้านบนล่างและห้องที่ติดกัน ช่วยลดพื้นที่ในช่องเซอร์วิสและช่วยขจัดปัญหาน้ำรั่วลงไปห้องด้านล่าง ทำให้การบริหารจัดการและการซ่อมแซมทำได้ภายในยูนิตหรือเรียกว่า Self-Contained และเป็นทางเลือกที่ไม่เพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับเจ้าของบ้าน อีกทั้งมีการติดตั้งที่เรียบร้อย ทำให้ระบบ Sovent สามารถเพิ่มคุณค่าให้กับการลงทุนในระยะยาว ทำให้ที่อยู่สวยงามดูแลง่ายตอบโจทย์ความเป็นที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์อย่างแท้จริง
“เกเบอริทมีความภูมิใจที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในระบบสำคัญเพื่อเติมเต็มและตอบโจทย์ปรัชญาในการรังสรรค์และนำเสนอมาตรฐานในการอยู่อาศัยที่ยอดเยี่ยมที่สุดแก่ลูกค้าของเพซ“ กนกศรี ปคุณวรกิจ ผู้จัดการส่วนงานประเทศไทย บริษัทเกเบอริท กล่าว “ด้วยความร่วมมือโดยการใช้ระบบน้ำทิ้ง Sovent ที่ โด่งดังไปทั่วโลกของเรา จะทำให้โครงการ นิมิต หลังสวน จัดได้ว่าเป็นโครงการที่พักอาศัยทรงคุณค่าระดับแนวหน้าของประเทศไทย คุ้มค่าในการลงทุนและอยู่อาศัย”
โดยฟีเจอร์อื่นๆของโครงการที่จะเพิ่มมูลค่าในระยะยาวของโครงการ นิมิต หลังสวน ประกอบด้วย กระจกอินซูเลท หรือ Insulated Glass Unit ซึ่งเป็นกระจกที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถกันแสงอาทิตย์กันความร้อนและเสียง ทำให้ผู้พักอาศัยประหยัดค่าไฟ นอกจากนั้นแล้ว นิมิต หลังสวนยังใช้แอร์ระบบ VRV Water Cooled Package หรือระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ ซึ่งสามารถวางคอนเดนซอร์ไว้ในตัวอาคาร มอบความยืดหยุ่นในการออกแบบห้อง และเป็นระบบที่เหมาะกับพื้นผิวอาคารที่มีความครีเอทีฟ และทำให้ลูกบ้านสามารถใช้ระเบียงได้อย่างเต็มที่
นิมิต หลังสวน เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่กรรมสิทธ์ฟรีโฮลด์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนทำเลถนนหลังสวน พร้อมขนาดพื้นที่โครงการรวมกว่า 2 ไร่ ติดสวนลุมพินีและมีมูลค่าโครงการประมาณ 8 พันล้านบาท ประกอบด้วยเรสซิเดนซ์ทั้งหมด 178 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 78 – 640 ตารางเมตร ปัจจุบัน โครงการ นิมิตหลังสวน มียอดขายแล้วกว่าร้อยละ 90 ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 6.914 พันล้านบาท โดยขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะสามารถสร้างถึงชั้น 50 ภายในปลายปีนี้
โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เพซก่อสร้างสำเร็จและปิดการขายเรียบร้อยแล้วประกอบด้วย โครงการไฟคัส เลน ศาลาแดง เรสซิเดนเซส และ โครงการแลนด์มาร์คมหานคร ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 3 โครงการโดยมีมูลค่ารวมกันทั้งหมดกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท
โดยโครงการที่มีการทยอยโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ ได้แก่ 1) เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก มียอดแบ็คล็อค 2.062 พันล้านบาท และมียูนิตรอขายอีก 301 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถโอนห้องที่เหลือทั้งหมดได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2018 2) โครงการมหาสมุทร วิลล่า มียอดแบ็คล็อค 649 ล้านบาท และมีวิลล่ารอขายมูลค่าประมาณ 3.095 พันล้านบาท และ 3) โครงการนิมิต หลังสวน มียอดขายแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นยอดแบ็คล็อคคิดเป็นมูลค่า 6.914 พันล้านบาท และห้องชุดรอขายมูลค่าประมาณ 1.086 พันล้านบาท และ 4) โครงการ วินด์เชลล์ นราธิวาส มียอดแบ็คล็อค 792 ล้านบาท และมีห้องชุดรอขายอีกมูลค่าประมาณ 2.208 พันล้านบาท โดยทั้งโครงการนิมิต หลังสวน และ โครงการวินด์เชลล์ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถโอนและรับรู้รายได้ภายในปี 2562