กรุงเทพฯ – เอสซีจี เดินหน้ารุกตลาดบริการส่งด่วน ผนึกพันธมิตร ยามาโตะ เอเชีย ทุ่มงบ 633 ล้านบาท เปิดตัวธุรกิจขนส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน “เอสซีจี เอ็กซ์เพรส” (SCG EXPRESS) ตอบเทรนด์อีคอมเมิร์ซที่เติบโตกว่า 12% ในปี 59 ชูจุดเด่นผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน ภายใต้แนวคิดส่งมอบบริการที่มีคุณภาพและเอาใจใส่ ดูแลรับส่งพัสดุประดุจแม่แมวเอาใจใส่ดูแลลูกแมว มาพร้อม 4 รูปแบบบริการ ได้แก่ บริการขนส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วนถึงบ้าน หรือ ทัค-คิว-บิง (TA-Q-BIN) บริการส่งเอกสารหรือพัสดุภัณฑ์ด่วนระหว่างบริษัทถึงบริษัท (Document TA-Q-BIN) บริการเก็บเงินปลายทาง (TA-Q-BIN COLLECT) และรายแรกและรายเดียวที่มีบริการขนส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิ (COOL TA-Q-BIN) ประเดิมให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมเปิดศูนย์บริการเอสซีจี เอ็กซ์เพรสแห่งแรกที่บางซื่อ ตั้งเป้าเปิดจุดให้บริการรับส่งพัสดุ เพิ่มเป็น 110 สาขา ภายในปี 60 ทั้งในรูปแบบศูนย์บริการเอสซีจี เอ็กซ์เพรส (Service Point) และตัวแทนรับพัสดุเอสซีจี เอ็กซ์เพรส (Service Agent)
นายนิธิ ภัทรโชค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ตลาดในประเทศ ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า ปัจจุบันเทรนด์ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทกับธุรกิจและไลฟ์สไตล์การจับจ่ายซื้อสินค้าของผู้บริโภคมากขึ้น แนวโน้มธุรกิจการค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ช (E-commerce) โดยมีมูลค่าตลาดเติบโตกว่า 12% ในปี 59 ส่งผลให้ธุรกิจบริการส่งด่วนในประเทศเติบโตตามไปด้วย จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าจับตามอง ดังนั้น “เอสซีจี” ในฐานะองค์กรแห่งนวัตกรรมที่มุ่งมั่นในการพัฒนาเพื่อตอบความต้องการของผู้คน ได้ร่วมกับพันธมิตร “บริษัท ยามาโตะ เอเชีย จำกัด” (YAMATO ASIA PTE., LTD) ผู้นำตลาดการขนส่งพัสดุย่อยประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวธุรกิจใหม่ “เอสซีจี เอ็กซ์เพรส” (SCG EXPRESS) ธุรกิจส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน ภายใต้แนวคิด “Deliver Your Happiness”
“การร่วมมือกันในครั้งนี้ เป็นการผสานความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมและคุณภาพของ “เอสซีจี” เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจขนส่งพัสดุย่อยของ “ยามาโตะ เอเชีย” ที่ได้รับความพึงพอใจสูงสุดจากผู้บริโภคในญี่ปุ่น โดยได้ร่วมกันวิจัยตลาดและศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทยกว่า 2 ปี เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการส่งมอบบริการที่ตอบความต้องการของตลาดและผู้บริโภค และช่วยยกระดับมาตรฐานการให้บริการขนส่งสินค้าในประเทศไทย โดยใช้งบประมาณเบื้องต้นกว่า 633 ล้านบาท” นายนิธิกล่าว
“เอสซีจี เอ็กซ์เพรส” ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน มุ่งมั่นส่งมอบบริการที่มีคุณภาพและดูแลรับส่งพัสดุประดุจแม่แมวเอาใจใส่ดูแลลูกแมว โดยได้นำแนวทางและมาตรฐานการให้บริการรับส่งสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งเรื่องความสุภาพและความเต็มใจในการให้บริการ มาประยุกต์และถ่ายทอดให้แก่พนักงานขนส่งสินค้า (Sales Driver) ในประเทศไทย โดยมี 4 รูปแบบบริการให้เลือก ได้แก่ บริการขนส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วนถึงบ้านหรือทัค-คิว-บิง (TA-Q-BIN) บริการรับพัสดุถึงบ้านลูกค้าและจัดส่งถึงปลายทางในวันถัดไป, บริการส่งเอกสารหรือพัสดุภัณฑ์ด่วนระหว่างบริษัทถึงบริษัท (DOCUMENT TA-Q-BIN), บริการเก็บเงินปลายทาง (TA-Q-BIN COLLECT) สามารถเลือกชำระได้ทั้งเงินสดและบัตรเครดิต และยังเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่มีบริการขนส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิ (COOL TA-Q-BIN) จัดส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือผู้รับ ซึ่งมี 2 รูปแบบบริการ คือ สินค้าแบบแช่เย็น (Chilled) ระบบควบคุมอุณหภูมิที่รักษาความเย็นได้ 0-8 องศาเซลเซียส สินค้าแช่แข็ง (Frozen) ระบบควบคุมอุณหภูมิที่รักษาความเย็นได้ต่ำกว่า -15 องศาองศาเซลเซียส สำหรับขนาดพัสดุมีให้เลือกตั้งแต่ กว้าง+ยาว+สูง ขนาดไม่เกิน 160 เซนติเมตร น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 25 กิโลกรัม และราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 40 บาท เป็นต้นไป
โดยในช่วงเปิดตัวธุรกิจ ประเดิมให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นพื้นที่แรก พร้อมเปิดศูนย์บริการเอสซีจี เอ็กซ์เพรส สาขาบางซื่อเป็นสาขาแรก โดยตั้งอยู่ที่อาคาร 26A เอสซีจี สำนักงานใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 38 ตารางเมตร สำหรับผู้ที่สนใจสามารถใช้บริการส่งพัสดุผ่านศูนย์บริการฯ หรือใช้บริการรับพัสดุถึงบ้าน (Pick up Service) ผ่านคอลเซ็นเตอร์ โทร.02-239-8999 นอกจากนี้ยังสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและใช้บริการผ่านเว็บไซต์ www.scgexpress.co.th และแอพพลิเคชั่น SCG EXPRESS ทั้งระบบ IOS และ Android ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“บริษัทจะเดินหน้าสร้างการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายหลัก ที่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ช (B2C) กลุ่มผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และประชาชนทั่วไป (C2C) โดยจะเน้นสื่อสารถึงจุดเด่นด้านคุณภาพและความเอาใจใส่ในการให้บริการ ที่ต้องการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ตลอดจนความพร้อมของทีมพนักงานขนส่งสินค้าที่มีจำนวนกว่า 130 คน ซึ่งสามารถรองรับการขนส่งพัสดุได้สูงสุด 5,000 กล่อง/วัน เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างการจดจำแบรนด์เอสซีจี เอ็กซ์เพรส ขณะเดียวกันจะเร่งเดินหน้าเปิดจุดให้บริการรับส่งพัสดุ เพิ่มเป็น 110 สาขา ภายในปี 60 ทั้งในรูปแบบศูนย์บริการเอสซีจี เอ็กซ์เพรส (Service Point) และตัวแทนรับพัสดุเอสซีจี เอ็กซ์เพรส (Service Agent)” นายนิธิ กล่าวสรุป