เนื่องจากตลาดอสังหาฯปี 2016 แนวโน้มความชัดเจนว่าตลาด Residential มีความตึงตัวค่อนข้างสูงมากและในบางพื้นที่พบว่า demand ลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับ home office ที่ยังคงร้อนแรง ขณะที่ supply ยังคงมีน้อย ประกอบกับความหนาแน่นของ office ให้เช่าในเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบันค่อนข้างสูง และปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 5% จุดประกายให้ บริษัท แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เปิดตัวโครงการ The Element Rama 9 บนทำเลที่มีศักยภาพสูงสุด เดินทางสะดวกไม่ว่าจะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ อโศก ทองหล่อ เอกมัย ใช้เวลาเพียง 15 นาที ใกล้ the nine Concept โครงการเป็น home office design Modern Luxury รองรับพนักงานได้ประมาน 25-30 คน ที่จอดรถ 6 คัน เริ่มต้นที่ 22.9 ล้านบาท ด้านตัวแทนขาย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์(ประเทศไทย) จำกัด มั่นใจ ดิวิลอปเปอร์มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาโครงการแนวราบ ประกอบกับตัวเลขดีมานด์ล้น คาดว่าปลายปีนี้จะสามารถปิดการขายได้หมด!!
ธนะสิทธิ์ เฟื่องไพศาล กรรมการผู้จัดการ เผยว่า “ผมมองว่าคนที่ทำธุรกิจ size m ที่มีกำลังซื้อและอยากขยายธุรกิจหรือมองหา ที่ทำงานในทำเลที่ดีและอยู่อาศัยในที่เดียวกันอย่างลงตัวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันนั้นยังมีอีกมากและตัดสินใจไม่ยากที่จะเปลี่ยนจากการจ่ายค่าเช่าเป็นผ่อนกับทางธนาคารเพื่อซื้อขาด ผมมองว่า product นี้น่าจะรองรับความต้องการในตลาดนี้ได้เป็นอย่างดี และหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากโครงการอาคารพาณิชย์ที่นิคมลาดกระบังทำให้รู้สึกชอบโครงการแนวราบเพาะสามารถแบ่งเฟสในการสร้างและขายทยอยโอนได้ไม่เหมือนกับคอนโดมิเนียมที่ต้องสร้างเสร็จทั้งโครงการจึงจะโอนได้”
“โดยเรามองหาทำเลเพื่อทำ home office มาระยะหนึ่งแล้ว ดูที่ดินหลาย 10 แปลง เพราะมองเห็นโอกาสเนื่องจาก product ที่เราพัฒนานั้นยังเป็นส่วนน้อยที่ทำออกมาขายในตลาดและยังมีความต้องการออฟฟิศเพื่อทำงานและอยู่อาศัยในที่เดียวกันในทำเลที่ดีประกอบกับจังหวะดีที่เราได้ที่ดินแปลงนี้มาซึ่งอยู่ในทำเลที่เหมาะมากๆ เดินทางสะดวกไม่ว่าจะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ อโศก ทองหล่อ เอกมัย ใช้เวลาเพียง 15 นาที ใกล้ the nine ซึ่งจากที่ research ข้อมูลพบว่าพื้นที่ละแวกนี้มีคนทำ office ในบ้านเยอะแต่เป็นการดัดแปลงพื้นที่ตัวบ้านมาเป็นออฟฟิศซึ่งทำให้พื้นที่ใช้สอยไม่ลงตัวนักและจากผลสำรวจโครงการที่มีลักษณะเดียวกันนี้ยังมียอดขายที่ดี จึงมีแนวคิดเกิดเป็น “โครงการ The Element Rama 9” จากความตั้งใจที่จะทำให้โครงการนี้ตอบโจทย์สำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ผู้ที่ต้องการขยายธุรกิจในทำเลที่มีศักยภาพแบ่งพื้นที่ใช้สอยเพื่อทำงานและอยู่อาศัยอย่างลงตัว
ด้าน Concept โครงการเป็น home office เน้นตอบโจทย์การทำงานพร้อมทั้งอยู่อาศัยอย่างลงตัวทั้งพื้นที่ใช้สอยและทำเลที่ตั้งรองรับพนักงานได้ประมาน 25-30 คน พร้อมกับ design Modern Luxury โดยใช้รูปทรงสีเหลี่ยมเรียบง่าย แต่เพิ่มมิติให้ตัวอาคารด้วยการใช้วัสดุที่หลากหลาย ทั้งเหล็ก ปูน กระจก และไม้ มีพื้นที่ธรรมชาติในบ้านหลายส่วน เริ่มจากชั้น1 เป็นที่จอดรถซึ่งจอดรถได้ถึง 6 คันและส่วนของ reception เพื่อใช้ต้อนรับผู้มาติดต่อ ชั้น 2 ออกแบบให้มีระเบียงกว้างกระถางต้นไม้ที่มีความลึกพอปลูกต้นไม้ใหญ่ได้ เพื่อบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติที่ร่มรื่นในส่วนชั้นสำนักงาน รวมถึง ชั้น3,4 พื้นที่ ภายในที่เว้นไว้สำหรับปรับพื้นที่ให้เข้ากับความต้องการการใช้งานให้ตรงกับลักษณะของธุรกิจที่ทางลูกค้าต้องการ ชั้น 5 หรือชั้นบนสุดที่เป็นส่วน Master Bedroom จะมีระเบียงขนาดใหญ่สำหรับจัดสวนชั้นดาดฟ้า เพื่อพักผ่อนหย่อนใจในสวนได้อย่างเป็นส่วนตัว ราคาเริ่มต้นที่ 22.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 700++ ล้านบาท
เป้าหมายหลักคือกลุ่มนักธุรกิจ sme ที่ต้องการขยายธุรกิจ( size m ) เจ้าของธุรกิจที่กำลัง start up, กลุ่มเจ้าของธุรกิจที่เช่าออฟฟิศในเมืองและต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนมากขึ้นได้ทั้งอยู่อาศัยและดำเนินธุรกิจโดยเปลี่ยนค่าเช่าเป็นการผ่อนธนาคาร กำหนดเปิดขาย 27-28 สิงหาคม 2559 ระยะเวลาการก่อสร้างเสร็จสมบรูณ์ภายใน ไตรมาส 2 ปี 2561
นอกจากนี้ผู้บริหารรุ่นใหม่ยังเผยกลยุทธ์การขายและทำการตลาดว่า “เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่ามีความชะลอตัวมาตั้งแต่ปี2558โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่มีจำนวนกว่า 100,000 ยูนิตรอโอนประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้คนไม่กล้าใช้เงินเท่าไรนัก แต่ยังคงมี segment นี้ซึ่ง supply ที่มีอยู่ในตลาดยังไม่มากนักและยังทำยอดขายได้อยู่เรื่อยๆคือกลุ่มที่เป็น product high end ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป จึงทำให้ผมสนใจใน segment นี้ประกอบกับที่ตั้งโครงการอยู่ในทำเลที่เหมาะสมกับ product มาก กลยุทธ์ของเรานอกจากเลือกที่จะอยู่ใน segment ที่มี supply ไม่เยอะแล้วอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนา product ออกมามีคุณภาพสูงสูดเน้นทุกรายละเอียดและทำให้ ลูกค้าที่ซื้อโครงการของเราได้ความคุ้มค่ามากที่สุดโดยที่ลูกค้าสามารถเทียบราคา, ขนาดตัวบ้าน และ วัสดุต่างๆที่เราให้กับโครงการอื่นๆได้เลย ส่วนช่องทางการประชาสัมพันธ์แบ่งเป็น offline และ online และตั้ง target ไปที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเรา ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าจะสามารถปิดการขายและจบโครงการภายในปี 2560 แผนในอนาคตผมยังคงสนใจที่ดินในเมืองและยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนา product segment ที่เป็น Home office หรือ Luxury home ระดับ high end เพราะมองเห็นถึงศักยภาพของที่ดินและกำลังซื้อ เราจึงมั่นใจว่าจะพัฒนาโครงการใน segment นี้ต่อไป
ด้าน คุณพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์(ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ความต้องการพื้นที่ออฟฟิศบริเวณพระราม9 รามคำแหง ศรีนครินทร์ ณ ปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดี โดยมีอัตราการเช่าสูงถึงร้อยละ 93 และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2554 โดยมีพื้นที่ที่ว่างเพียงร้อยละ 7 หรือประมาณ 18,000 ตารางเมตร และคาดว่าพื้นที่เช่าในย่านนี้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนภายใน 3 ปีข้างหน้า จากสาเหตุที่ไม่มีอุปทานใหม่ๆเกิดขึ้นในพื้นที่