ข่าวโปรโมชั่น

 

ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด

1 ... 77 78 79 ... 105
“เดอะทรี ลาดพร้าว 15” คอนโดใหม่ในเมือง ราคาไม่เกิน 2 ล้าน เพื่อเติมเต็มทุกด้านของชีวิต

“เดอะทรี ลาดพร้าว 15” คอนโดใหม่ในเมือง ราคาไม่เกิน 2 ล้าน เพื่อเติมเต็มทุกด้านของชีวิต

พฤกษา ผู้นำวงการอสังหาฯ รุกหนัก เตรียมเปิดตัวคอนโดใหม่ ภายใต้แบรนด์ “เดอะทรี” ทำเลในเมือง ซอยลาดพร้าว 15 ชูจุดขายเรื่องให้สิ่งอำนวยความสะดวกที่มากกว่า เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้าหลายสาย รูปแบบโครงการมีความเป็นส่วนตัว มีเพียง 214 ยูนิต เตรียมเปิดจองในงาน VIP Day 3-4 ก.พ.นี้ เริ่มเพียง 1.49 ล้านบาท นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “วันที่ 3-4 ก.พ.นี้ จะเปิดขายโครงการใหม่ “เดอะทรี ลาดพร้าว 15” ซึ่งถือเป็นทำเลที่อยู่ในเมือง สะดวกสบายในการเดินทาง... ซึ่งมีเพียงแค่ 214 ยูนิต  มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท  โดย “ย่านลาดพร้าว-จตุจักร” ถือเป็นหนึ่งในทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก เป็นทั้งศูนย์กลางห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหาร และแหล่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว, ยูเนี่ยน มอลล์, Big C, Lotus, Gourmet Market  เป็นจุดศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางราง ระหว่างรถไฟฟ้า BTS, MRT และ SRT มีจุด Interchange มากถึง 5 จุด และยังใกล้สวนสาธารณะขนาดใหญ่ถึง 3 แห่ง รวมกว่าหลายร้อยไร่ ไม่ว่าจะเป็นสวนจตุจักร สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนรถไฟ ซึ่งถือเป็นปอดของคนเมือง และเป็นจุดเด่นอีกจุดหนึ่งในย่านนี้ เดอะทรี ลาดพร้าว 15 สุนทรียภาพแห่งการอยู่อาศัย จากสถาปัตยกรรมที่ร่วมสมัยสไตล์นีโอคลาสสิก สู่การออกแบบที่ผสมผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน โดยพัฒนาเป็นอาคารสูง 8 ชั้น 1 อาคาร มีแบบห้องพักให้เลือกถึง 4 แบบ ได้แก่ Superior, Deluxe, Premier และ Suite ขนาดตั้งแต่ 22.30 - 30.30 ตารางเมตร มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากถึง 2 โซน คือ ในบริเวณอาคารพักอาศัย และคลับเฮาส์ที่แยกออกจากตัวอาคาร ประกอบไปด้วย โถงต้อนรับแบบ Exclusive & Elegant Lobby Hall ใช้หิน White Carrara และ White Volakas ซึ่งเป็นหินจริงในการตกแต่งทั้งโถง โซนพักผ่อน Lucent & Shady Glass House สวนส่วนกลางที่มากถึง 3 จุด ได้แก่ Superior & Panoramic Grand Garden สวนพักผ่อนบนชั้นดาดฟ้า Superior & Panoramic Sky-Height Garden สวนพักผ่อนลอยฟ้า ชั้น 8 Superior & Panoramic Rooftop Garden ห้องอเนกประสงค์ Social & Connection Space สระว่ายน้ำ Refresh & Relieve Aqua Pool ห้องออกกำลังกาย Healthy & Fine Fitness เครื่องว่ายน้ำทวนกระแส Swimming Jet พร้อมมุมพักผ่อนที่ปลายสระ Blazing classic space ซึ่งตกแต่งด้วยหิน Onyx ให้แสงสามารถส่องผ่านได้ เข้าออกโครงการสะดวกสบายด้วยระบบ One Card for All Access ใช้เพียงแค่บัตรเดียวเริ่มตั้งแต่หน้าโครงการจนถึงห้องพักอาศัย ระบบไฟ LED ทั้งโครงการ ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว ด้วยจุดเด่นของโครงการทั้งในด้านของทำเล ดีไซน์ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้มากกว่าโครงการอื่นๆ ในระดับเดียวกัน สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยในย่านนี้ได้เป็นอย่างดี โครงการเดอะทรี ลาดพร้าว 15 เปิดตัวในราคาเริ่มต้นเพียง 1.49 ล้านบาท ผ่อนเริ่มต้นเพียง 1,999 บาท/เดือน พร้อมเปิดจองในงาน VIP Day วันที่ 3-4 กุมภาพันธ์นี้ รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท และ Gift Voucher สูงสุด 15,000 บาท เปิดให้ชมห้องตัวอย่างแล้ววันนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 1739 หรือ thetreecondo.pruksa.com
เฮเฟเล่ แนะนำกระจกอัจฉริยะ เติมเต็มความล้ำสมัยสำหรับยูสเซอร์ใน ยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์

เฮเฟเล่ แนะนำกระจกอัจฉริยะ เติมเต็มความล้ำสมัยสำหรับยูสเซอร์ใน ยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์

บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด กระจกอัจริยะ (HÄFELE BATHROOM MIRROR) ที่สุดแห่งความล้ำสมัยที่ตอบโจทย์ยูสเซอร์ยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง ด้วยฟังก์ชั่น ระบบไฟทั้งด้านหน้ากระจก (Front Light) และหลังกระจก (Background Light) ซึ่งสามารถปรับรูปแบบของแสงได้ทั้งวอร์มไลท์ (Warm Light) และคลูไลท์ (Cool Light) ให้เหมาะสำหรับการพักผ่อนหรือเวลาแต่งหน้า ซึ่งระดับของแสงได้รับการรับรองค่าความถูกต้องของแสงซีอาร์ไอ 90 (CRI 90) และยังสามารถจดจำพฤติกรรมการใช้งานได้ด้วย แสงไฟหน้ากระจกที่สว่างสดใสสามารถลดการเกิดเงาจากแสงบนเพดานได้ ทำให้มองเห็นใบหน้าชัดทุกมุมโดยไม่มีแสงด้านอื่นตกระทบ มีฮีทเตอร์ (Heater) ในตัวสำหรับกำจัดไอน้ำ ช่วยรักษาอุณหภูมิกระจกกับในห้องน้ำให้เท่านั้นเพื่อให้กระจกใสสว่างอยู่ตลอดเวลา พิเศษกับความสามารถสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน ด้วยการเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธในการเปิดเพลง ตลอดจนสามารถปรับระดับแสง, เลือกสีของแสง และปรับอุณหภูมิของฮีทเตอร์กระจกได้ สแตนบายการทำงานได้ถึง 45 นาที เพื่อการประหยัดพลังงาน มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 900x600 มิลลิเมตร ราคา 24,500 บาท, 900x900 มิลลิเมตร ราคา 29,960 บาท และ 1,200x900 มิลลิเมตร ราคา 35,310 บาท ทุกขนาดสามารถปรับได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน กระจกอัจฉริยะจากเฮเฟเล่ HÄFELE BATHROOM MIRROR นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ผสานดิจิทัลเข้าไปในทุกๆ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เพื่อให้ทุกจังหวะชีวิตเป็นเรื่องง่ายและล้ำสมัยเหนือใคร กระจกอัจฉริยะจากเฮเฟเล่ HÄFELE BATHROOM MIRROR มีวางจำหน่ายแล้วที่เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ  ทุกสาขา อาทิ สุขุมวิท 64, พัทยา, หัวหิน, ภูเก็ต, และสาขาเชียงใหม่ หรือตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เฮเฟเล่ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 02-741-7171 หรือเลือกชมเลือกซื้อสินค้าผ่านเแคทตาล็อคออนไลน์ ได้ที่ www.hafelethailand.com. www.hafelethailandshop.com  หรือ LINE @hafele
“วี พร็อพเพอร์ตี้” กางแผนลุยครึ่งปีแรก 2561 ส่ง “ไอคอน สุขุมวิท 77” (IKON Sukhumvit 77) By V Property รุกตลาดคอนโดมิเนียมรับต้นปี

“วี พร็อพเพอร์ตี้” กางแผนลุยครึ่งปีแรก 2561 ส่ง “ไอคอน สุขุมวิท 77” (IKON Sukhumvit 77) By V Property รุกตลาดคอนโดมิเนียมรับต้นปี

ปลื้มปี 60 โต 90% พร้อมลุยปี 2561 เปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 3,500 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก ประเดิม “ไอคอน สุขุมวิท 77” บาย วี พร็อพเพอร์ตี้ รุกไตรมาสแรก ชูจุดขายคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ในแนวคิด Living Extraordinary คอนโดแต่งครบบนทำเลศักยภาพกับเส้นทางลัด เพียง 3 นาที ถึง BTS อ่อนนุช เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างเต็มที่ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท พร้อมส่งเพลงและมิวสิค วิดีโอพิเศษร่วมกับนักร้องหนุ่ม “แสตมป์ อภิวัชร์” สื่อสารกับลูกค้า มั่นใจดันยอดขายครึ่งปีแรก 2,000 ล้านบาท นายพรชัย เลิศอนันต์โชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 มียอดรอรับรู้รายได้รวม 3,000 ล้านบาท เทียบกับปี 2559 เพิ่มขึ้น 90% เนื่องจากยอดรอรับรู้รายได้จากโครงการวีธารา สุขุมวิท 36 มูลค่า 2,700 ล้านบาท “สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทปี 2561 บริษัทฯ วางแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนเมือง ทั้งทำเลที่ดีที่ยังเน้นในเส้นสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้า เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ทั้งนี้ ในไตรมาสแรก ได้เปิดตัวโครงการใหม่ ได้แก่ ไอคอน สุขุมวิท 77 (IKON Sukhumvit 77) By V Property ซึ่งตั้งอยู่แนวรถไฟฟ้า ใกล้แหล่งคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบาย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน” ไอคอน สุขุมวิท 77 (IKON Sukhumvit 77) เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวนรวม 442  ยูนิต บนพื้นที่ 3-3-55 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ซึ่งมีเส้นทางลัด เพียง 3 นาที สามารถเดินทางถึง BTS อ่อนนุช ซึ่งเป็นสถานีหน้าด่านสำหรับรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว ที่ทำให้เดินทางออกนอกเมืองได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับแหล่งคอมมิวนิตี้มอลล์ เพียง 20 เมตร เปรียบเสมือนมีห้างสรรพสินค้าส่วนตัวของตนเอง ไอคอน สุขุมวิท 77 มาพร้อมแนวคิด Living Extraordinary ทุกอย่างลงตัวในแบบคุณ ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบในสไตล์โมเดิร์น (Modern Style) สะท้อนพลัง Dynamic Flow โดยการเล่น สี ที่นิ่งเรียบ เน้นการใช้พื้นที่ในห้องพักสูงสุดด้วยการขยายพื้นที่ระเบียง  เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการมีพื้นที่ใช้สอยอย่างกว้างขวาง ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น และให้ความรู้สึกสงบผ่อนคลาย มาพร้อมอุปกรณ์ในห้องที่ครบครัน ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด โดยมี 4 รูปแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น สตูดิโอ 1 ห้องนอน 1 ห้องนอนพลัส และ 2 ห้องนอน “และเพื่อให้ตอบโจทย์แนวคิด Living Extraordinary เรายังเน้นสิ่งอำนวยความสะดวกในระดับพรีเมี่ยมที่ผ่านกระบวนการคิดมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น 24hr Co-thinking space พื้นที่สำหรับเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ โดยไม่ต้องให้เวลาเป็นข้อจำกัด 24hr Dynamic Fitness ฟิตแอนด์เฟิร์มด้วยพื้นที่สุขภาพที่สามารถออกกำลังกายได้ตลอดเวลาถึงแม้จะเลิกงานดึก สระว่ายน้ำหินอ่อนสีขาว ที่มาพร้อมกับระบบนวดตัว Smart Locker  ซึ่งสามารถรับของที่สั่งจากออนไลน์ได้แม้จะหลังเวลาทำงานของนิติบุคคล นอกจากนี้ยังมี Double Volume Lobby Lounge ห้องรับรองแขกตกแต่งด้วยผนังหินอ่อนสีขาวสะท้อนความทันสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ ทั้งยังเสริมความมั่นใจให้กับผู้พักอาศัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยทั้ง Digital door lock และ Individual floor locked ที่เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้เจ้าของห้องพักในแต่ละชั้น กล้องวงจรปิด และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง “คอนเซ็ปท์การพัฒนาโครงการนี้เกิดจากการศึกษาพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย และวิเคราะห์ทำเล ซึ่งมาจากยุทธศาสตร์สำคัญของเรา ในการพัฒนาโครงการแนวสูงระดับ Luxury บริเวณรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทเป็นหลัก เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์เป็นสำคัญ รวมถึงสะท้อนตัวตนของลูกค้าผ่านที่อยู่อาศัย ที่พร้อมด้วยคุณภาพ และราคาที่เอื้อมถึงได้ ซึ่งในการเปิดตัว ไอคอน สุขุมวิท 77 ครั้งนี้ เราได้จัดทำเพลง และมิวสิควีดีโอ Modern Man ขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อสื่อถึงแนวคิดของโครงการฯ และการอยู่อาศัยที่เป็นตัวของตัวเองในสไตล์ของคนเมืองรุ่นใหม่ โดยได้ร่วมมือกับนักร้องหนุ่ม แสตมป์ - อภิวัชร์  เอื้อถาวรสุข ร่วมสร้างสรรค์และขับร้อง รวมถึงจัดทำเป็นมิวสิควิดีโอสุดพิเศษที่มีเรื่องราวสะท้อนไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของคนในแบบ Living Extraordinary เพื่อที่จะมอบเป็นความพิเศษให้กับแก่ลูกค้าของเรา โดยสามารถรับชมผ่านทาง Youtube : V Property development ในครึ่งปีแรก นอกจาก โครงการ ไอคอน สุขุมวิท 77 แล้ว เรายังมีแผนส่งโครงการใหม่ เพื่อเป็นตัวเลือกที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า อีก 1 โครงการ ได้แก่ เวอร์เทีย (Vertier) คอนโดมิเนียมบนทำเลติดรถไฟฟ้า BTS สถานีพระโขนง มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะทำให้ช่วงครึ่งปีแรกจะสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 2,000 ล้านบาท” นายพรชัย กล่าวในตอนท้าย ทั้งนี้ สำหรับโครงการไอคอน สุขุมวิท 77 (IKON Sukhumvit 77) จะเปิดให้จองเป็นครั้งแรก (VVIP Day) ในวันเสาร์ที่ 27 มกราคมศกนี้ เวลา 9:00-17:00 น. ณ โรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ เทอร์มินัล 21 โดยจะเริ่มลงทะเบียนและรับบัตรคิวเวลา 8.30 น. ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดสูงสุดถึง 100,000 ได้ที่ www.ikon77.com สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ โทร. 0 2204 7900 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ikon77.com หรือ https://www.facebook.com/VPropertyDevelopmentTH/
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดตัว Wealth STAR โครงการสร้างสุดยอดที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพ

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดตัว Wealth STAR โครงการสร้างสุดยอดที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพ

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า หลังจากธนาคารได้ปรับช่องทางสาขาโดยเพิ่มพื้นที่ในการให้คำปรึกษาทางการเงินในปีที่ผ่านมา มาในปี 2561 จะเป็นปีที่ธนาคารรุกธุรกิจ Wealth ไปอีกขั้น กับการพัฒนากุญแจสำคัญคือ คน เพื่อก้าวให้ทันกับโลกการทำงานธนาคารที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วจากเทคโนโลยีที่เกิดใหม่ตลอดเวลา ช่องทางการให้บริการธุรกรรมการเงินได้รับการพัฒนาให้สะดวก เร็ว และง่ายขึ้นด้วยดิจิตอลแบงก์กิ้ง ประกอบกับความเคลื่อนไหวทางสังคมตอนนี้จะเห็นได้ว่า คนตื่นตัวเรื่องการออมการลงทุนกันมากขึ้น คนเริ่มวางแผนการเงินเพื่อดูแลตัวเองยามเกษียณ ภาครัฐเองก็ให้ความสำคัญและบรรจุเรื่องการออมไว้ในวาระแห่งชาติ ปัจจัยทั้งหมดนี้เป็นแรงผลักให้ธนาคารต้องสร้างคนการเงินเลือดใหม่เข้าสู่ตลาดการเงิน รองรับกับความต้องการที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น จนเกิดเป็นโครงการสร้างสุดยอดที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพ ภายใต้ชื่อโครงการ “Wealth STAR” เพื่อเป้าหมายในการสร้างที่ปรึกษาทางการเงิน (financial advisor) สายพันธุ์ใหม่ เข้าสู่ตลาดการเงิน ส่งมอบคำปรึกษาทางการเงินที่เป็นประโยชน์และตอบโจทย์ลูกค้าด้วยความเข้าใจ ทั้งนี้ ธนาคารจะใช้จุดแข็งเรื่อง Wealth ผนวกเข้ากับประสบการณ์จากสนามการทำงานจริงของคนซีไอเอ็มบี ผสานองค์ความรู้ของผลิตภัณฑ์การเงินที่หลากหลายถึงขั้นผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนซึ่งได้รับการบูรณาการจากกลุ่มซีไอเอ็มบีทั่วทั้งอาเซียน ทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ให้ Wealth STAR คนรุ่นใหม่ผู้มีความต้องการอันแรงกล้า (passion) ที่จะเข้ามารับบทบาทคนทำงานธนาคารยุคใหม่ ที่ไม่ได้ให้บริการเพียงแค่ฝากถอนและนำเสนอผลิตภัณฑ์ แต่เป็นงานที่ทวีความซับซ้อนและท้าทายกว่านั้น “คนที่จะมาเป็น Wealth STAR ไม่จำเป็นต้องเก่ง ผลการเรียนเป็นเลิศ จบมหาวิทยาลัยดัง จบโทเมืองนอก คนที่เราอยากได้คือเด็กรุ่นใหม่ที่มีความกระหายจะเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน รู้ว่าตัวเองอยากทำอาชีพนี้ อยากให้ความรู้คน อยากช่วยลูกค้าวางแผนการเงินด้วยการค้นหาตัวตนลูกค้ามากกว่าแค่ขายของ อยากพาลูกค้าทำฝันให้เป็นจริง อยากเห็นคนรอบข้างมีความสุข เพราะสิ่งเหล่านี้สะท้อนทัศนคติที่ดีซึ่งมีค่าและหายากกว่า เราจะเป็นพี่เลี้ยงติดปีกความรู้และฝึกฝนทักษะเพื่อสร้างคนกลุ่มใหม่เข้าสู่เส้นทางสายอาชีพการเงินในระยะเวลาอันสั้น ขณะเดียวกันคนเก่าเราก็ไม่ทิ้ง เพราะเป้าหมายที่ไกลกว่านั้น คือ เราอยากสร้างชุมชนของ financial advisor เป็นที่รวมกันของที่ปรึกษาทางการเงินรุ่นลายครามมากประสบการณ์และที่ปรึกษาทางการเงินเลือดใหม่ที่เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าเจนวายให้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกัน” นายอดิศร กล่าว นางกนกไพ วงศ์สถิตย์พร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรัพยากรบุคคล ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า โครงการ Wealth STAR เป็นโครงการนำร่องของธนาคารในการปรับรูปแบบการสรรหาและพัฒนาบุคลากรให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในยุค Industry 4.0 โดยไม่จำกัดพื้นฐานความรู้หรือประสบการณ์การทำงานด้านการเงินการธนาคารเท่านั้น ดังนั้น โครงการ Wealth STAR จึงเปิดกว้างสำหรับทุกคนที่มีใจรักและปรารถนาจะเติบโตเข้าสู้สายอาชีพที่ปรึกษาทางการเงิน โดยเปิดรับสมัครนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่จบใหม่ในทุกสาขาวิชาหรือผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานมาแล้วไม่เกิน 2 ปี และเปิดรับทั้งผู้สมัครจากภายนอกหรือพนักงานภายในที่ต้องการจะเข้าสู่สายอาชีพนี้ โครงการ Wealth STAR เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 22 มีนาคม 2561 โดยผู้สมัครจะต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกที่เข้มข้นทั้งการสัมภาษณ์โดยผู้บริหาร หรือการเข้าร่วมกระบวนการคัดสรร (Assessment Center) เพื่อเฟ้นหาผู้สมัครที่ฉายแววเป็น Wealth STAR ที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพ รุ่นแรกจำนวน 25 คน โดยธนาคารจะประกาศผลการคัดเลือกวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 นางกนกไพ เปิดเผยว่า ผู้ได้รับคัดเลือกเป็น Wealth STAR จะเข้ารับการอบรมในหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะ ซึ่งได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับพื้นฐานของผู้เรียน โดยความร่วมมือระหว่างธนาคารและผู้เชี่ยวชาญจากหลายสถาบัน ภายใต้ CIMB Wealth Academy ความน่าตื่นเต้นที่รออยู่ คือ Wealth STAR ทั้ง 25 คน นอกจากจะได้เรียนรู้พื้นฐานด้านธุรกิจธนาคารและการลงทุน ทักษะการขายและการบริการ การเสริมสร้างบุคลิกภาพในบทบาทที่ปรึกษาทางการเงินอย่างมืออาชีพในห้องเรียนแล้ว จะได้ลงไปเรียนรู้การทำงานจริง (on the job training) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญ การประชุม งานสัมมนา ซึ่งเชื่อมโยงโดยเครือข่ายอันแข็งแกร่งในอาเซียนและเครือข่ายนอกอาเซียนของ CIMB Group และ CIMB-Principal เป็นโอกาสทองของ Wealth STAR ที่จะได้เรียนรู้ พบปะ และทำงานกับกูรูการเงิน ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสายงาน จากในและต่างประเทศ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมจากองค์กรข้ามชาติอย่างกลุ่มซีไอเอ็มบีและพันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่ม “โครงการ Wealth STAR เป็นมิติใหม่ที่รอคุณอยู่ ถ้าคุณได้เป็น Wealth STAR ตลอดการเรียนรู้คุณจะมีพี่เลี้ยง (Mentor) ทำหน้าที่ให้คำแนะนำและรับฟัง พิเศษยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารจะเป็นสปอนเซอร์ในการสอบใบอนุญาตที่ปรึกษาทางการเงินและนักวางแผนการเงินคุณ เราจะพาคุณบรรลุเป้าหมายสุดยอดที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพสายพันธุ์ใหม่ พร้อมใบประกอบวิชาชีพใน 1 ปี แล้วถ้าคุณผ่านด่านแรกไปได้ คุณจะสามารถเริ่มต้นก้าวแรกที่แข็งแกร่งในการทำงานตำแหน่งที่ปรึกษาทางการเงินกับธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เป็นระยะเวลา 1 ปี รวมเวลาทั้งสิ้นแม้จะกินเวลาแค่ 2 ปีกับการเรียนรู้ที่บ้านหลังนี้ แต่สามารถพูดได้ว่าคุณภาพเทียบเท่ากับเส้นทางการทำงานปกติถึง 5 ปี มีโอกาสก้าวเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่มีฝีมือหาตัวจับยาก มีโอกาสเติบโตในสายอาชีพนี้แบบก้าวกระโดด อยู่ที่ว่าตัวคุณจะคว้าโอกาสนี้ไว้หรือไม่” นาง กนกไพ กล่าว ผู้สนใจสามารถยื่นใบสมัครได้ที่ www.cimbthai.com หรือ wealthacademy@cimbthai.com ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. - 22 มีนาคม 2561 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02 626 7777
เนอวานา บียอนด์ พระราม 2 เปิดตัวบ้านเดี่ยว 2 ชั้นแบบใหม่ครั้งแรก ชูจุดเด่นดีไซน์ ฟังก์ชัน และความแข็งแรง รองรับครอบครัวใหม่ที่มองหาบ้านเดี่ยว ในโครงการพรีเมี่ยม และกลุ่มสร้างบ้านบนที่ดินตัวเอง

เนอวานา บียอนด์ พระราม 2 เปิดตัวบ้านเดี่ยว 2 ชั้นแบบใหม่ครั้งแรก ชูจุดเด่นดีไซน์ ฟังก์ชัน และความแข็งแรง รองรับครอบครัวใหม่ที่มองหาบ้านเดี่ยว ในโครงการพรีเมี่ยม และกลุ่มสร้างบ้านบนที่ดินตัวเอง

เนอวานา ไดอิ เปิดบ้านเดี่ยว 2 ชั้นรูปแบบใหม่ครั้งแรก ประเดิมโครงการเนอวานา บียอนด์ พระราม 2 พร้อมเปิดตัว 3 แบบบ้านใหม่สไตล์โมเดิร์น เน้นการใช้ Human-Centered Design ในการออกแบบ พร้อมตอบโจทย์ในการอยู่อาศัยของกลุ่ม 3 GENS และรองรับกลุ่มขยายครอบครัวใหม่ สนนราคาเริ่มต้น 15-30 ล้านบาท รวมถึงยังรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านบนที่ดินตัวเอง    นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD เปิดเผยว่า บ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ เนอวานา บียอนด์ มีรูปแบบที่โดดเด่น พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบรับการอยู่อาศัยได้ตรงกับความต้องการ ทุกโครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ติดถนนใหญ่ ศรีนครินทร์ และพระราม 2 ซึ่งในทุกๆ โครงการของ เนอวานา บียอนด์ ได้ออกแบบให้มีความโดดเด่นในแง่รูปลักษณ์และการใช้งานเน้นการออกแบบด้วย Human-Centered Design คือ คำนึงถึงประสบการณ์ของผู้อยู่อาศัยเป็นสำคัญ ทำให้เราดีไซน์ฟังก์ชันและพื้นที่ใช้สอยตรงกับความต้องการ  ทำเลและสินค้าจะต้องตอบโจทย์ในการอยู่อาศัยของลูกค้าอย่างสูงสุด “เนอวานา บียอนด์ พระราม 2 เป็นโครงการบ้านเดี่ยว ที่ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่พระราม 2 เราได้วิเคราะห์ ความต้องการของลูกค้าในทำเลนี้ พบว่าเป็นกลุ่มครอบครัวขยาย อยู่ด้วยกัน 3 เจนเนอเรชั่น (3GENS) ต้องการหาบ้านหลังใหญ่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เดินทางเข้าเมืองสะดวก และไม่ไกลจากทำเลที่คุ้นเคย เราจึงพัฒนาโครงการนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้อย่างชัดเจน ทำให้เราได้แบบบ้าน ที่เหมาะกับความต้องการอย่างแท้จริง สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการแรกที่เรานำบ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่มานำเสนอลูกค้าเพื่อตอบรับกับความต้องการที่หลากหลาย เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น  โดยดีไซน์ใหม่นี้เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกของบ้านเนอวานา บียอนด์ ที่ต่างจากบ้านเนอวานา บียอนด์ รูปแบบแรก ที่จะเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น เล่นระดับ โดยบ้านเดี่ยว 2 ชั้น รูปแบบใหม่มีให้เลือกทั้งสิ้น 3  คือ แบบ Sane แบบ Reach และ แบบ Quest มีพื้นที่ใช้สอยเริ่มที่ 232 – 365 ตารางเมตร บนที่ดินขนาดใหญ่ 60 – 100 ตารางวา ถูกออกแบบโดย เน้น space management ที่ดี ยังคงจุดแข็งเรื่องการออกแบบของบ้านเนอวานา ที่ยังมี Space โปร่งโล่ง ไม่ว่าจะเป็น High Ceiling หรือ Double Volume Space ห้องนอนทุกห้องถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่มีห้องน้ำในตัว เสมือนเป็น Master Bedroom ทุกห้อง เพื่อให้ทุกคนได้อยู่อาศัยอย่างสบาย อีกทั้งโครงการยังออกแบบให้มีห้องนอนบริเวณชั้นล่างในทุกแบบ เพื่อตอบรับ ผู้สูงอายุ ของกลุ่มลูกค้า 3GENS ในราคาเริ่มต้นเพียง 15-30 ล้านบาท” นายศรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับบ้าน 2 ชั้นรูปแบบใหม่นี้ ใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างระบบ Prestressed concrete ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทาน มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน เพราะผลิตจากทางโรงงานของเราโดยตรง แต่ยังคง Concept ของบ้าน Nirvana ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Design, Space Management ที่ดี รวมถึงเรื่อง  การนำแสง และลมธรรมชาติเข้ามาใช้ในบ้านให้มากที่สุด ซึ่งทำให้บ้าน โปร่ง โล่ง สบาย อากาศหมุนเวียนได้ดี การใช้ผนัง Prestressed concrete ที่หนาถึง 15 เซนติเมตร พร้อมใช้กระจก Low E ทำให้บ้านเย็น ป้องกันความร้อน และเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี การออกแบบภายในแบบ Double volume space ที่ทำให้บ้านภูมิฐาน  โดดเด่น และโปร่งโล่ง ด้านนายนันทชาติ กลีบพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน)  กล่าวเสริมว่า  การเปิดตัวบ้านในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดตัวอีก 1 ธุรกิจของเราด้วย คือ การรับสร้างบ้านบนที่ดินของลูกค้า ซึ่งเรามีความพร้อมที่จะรุกธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างเต็มตัว โดยใช้ความได้เปรียบในแง่ของ Design ที่ดีเป็นหลัก และงานก่อสร้างที่มีมาตรฐานและส่งมอบบ้านได้ตรงเวลาทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าและบริการอย่างพอใจ อีกทั้งเป็นครั้งแรกในวงการรับสร้างบ้านที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่จะได้เห็นบ้านจริง Space จริง วัสดุจริง ก่อนตัดสินใจสร้างบ้านเพราะเรามีบ้านตัวอย่างให้ลูกค้าได้ดูก่อนตัดสินใจครบทุกแบบ “สำหรับในทำเลพระราม 2 เรามองว่าสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ในระดับ B ขึ้นไปได้หลากหลายมากขึ้น และปัจจุบันทำเลพระราม 2 ถือว่าเป็นทำเลที่มีการเติบโตสูง มีความคล่องตัวในการอยู่อาศัยและการเดินทาง สามารถเชื่อมตรงไปยังย่านใจกลางเมือง ไม่ว่าจะเป็นพระรามสี่ พระรามสาม สีลม สาธร ได้รวดเร็วใช้เวลาไม่เกิน 30-50 นาที และในอนาคตมองว่าทำเลพระราม 2 จะมีมูลค่าของสินทรัพย์สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการขยับขยายเมืองออกมาสู่ภายนอกมากขึ้น หากสังเกตจะเห็นได้ว่าทำเลนี้มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด โดยเฉพาะถนนพระรามสองที่เชื่อมโยงถึงเมืองมหาชัยที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีคอมมูนิตี้มอลล์ โมเดิร์นเทรด หรือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ มาเปิดใหม่ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับกำลังซื้อที่สูงขึ้นจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME ในทำเลพระราม 2 และมหาชัย เชื่อว่าอนาคตของทำเลพระราม 2 ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง“ นายนันทชาติ กล่าว  นายนันทชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ เนอวานา บียอนด์ พระราม 2 พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว 2-3 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้น 50.5 – 102 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 232 – 550 ตารางเมตร จำนวน 120 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 66  ยูนิต และ บ้านเดี่ยว 2 ชั้นรูปแบบใหม่ จำนวน 54 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการทั้งหมด 41-2-88 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้นที่ 15 ไปจนถึง 50 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพติดถนนใหญ่พระราม 2 เยื้องเซ็นทรัล ใกล้จุดขึ้น-ลง ทางด่วน 2 ทาง ทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร เชื่อมต่อสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว ทางด่วนวงแหวนอุตสาหกรรม(บางพลี-พระราม 2) กาญจณาภิเษก ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ เซ็นทรัล พระราม 2, โลตัส, บิ๊กซี, โฮมโปร เป็นต้น โครงการมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 4 ไร่ ทำให้ลูกค้าได้อยู่อาศัยท่ามกลางธรรมชาติ มีระบบความปลอดภัยระดับ premium ทั้งตัวโครงการ และภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น Double gate entrance / CCTV / 24hr security guard / Digital door lock / Magnetic sensor / Motion sensor light / Smoke detector ทำให้ลูกค้ามั่นใจในเรื่องความปลอดภัยในการอยู่อาศัย ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 30% มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการจะเปิดให้ชมบ้านเดี่ยว 2 ชั้นรูปแบบใหม่เป็นครั้งแรก โดยได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้าที่สนใจบ้าน ในโครงการ เนอวานา บียอนด์ พระราม 2 โดยได้คัดเลือกบ้านแปลงสวยในราคาเริ่มต้นเพียง 15 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1787    
แสนสิริประกาศบุกหนักแนวราบ ชิงยอดขายต้นปี ประเดิมโครงการแรก “บุราสิริ บางนา” มูลค่าโครงการ 2,200 ลบ. พรีเซลล์ 3-4 ก.พ.นี้

แสนสิริประกาศบุกหนักแนวราบ ชิงยอดขายต้นปี ประเดิมโครงการแรก “บุราสิริ บางนา” มูลค่าโครงการ 2,200 ลบ. พรีเซลล์ 3-4 ก.พ.นี้

ตลาดอสังหาฯ เดือดตั้งแต่ต้นปี ดีเวลลอปเปอร์ค่ายใหญ่ แสนสิริ นำทัพโดย คุณวิลาสิณี เดชอมรธัญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ สั่งบุกหนักแนวราบ ชิงยอดขายก่อนใคร ประเดิมโครงการแรก “บุราสิริ บางนา” มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท จำนวน 327 ยูนิต ใกล้จุดขึ้นลงทางพิเศษบูรพาวิถี  และเชื่อมต่อถนนหลายเส้นทาง ทั้งถ.เทพารักษ์     ถ.บางนา-ตราด รวมทั้งใกล้สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ดีไซน์โดดเด่นภายใต้คอนเซ็ปต์ “วิถีชีวิตริมน้ำ” (THE  HIGH LIFE ON THE RIVERBANK) ร่มรื่นกับพื้นที่สวนขนาดใหญ่ 3 ไร่ ตอบรับการพักผ่อนแบบจัดเต็ม อีกทั้งชูความเป็นผู้นำเทคโนโลยีสุดล้ำ ด้วย SIRI Lifetech เตรียมพรีเซลส์ 3-4 ก.พ.นี้ เริ่มต้นที่ 4.19 ล้านบาท พิเศษ! เฉพาะวันงาน มอบส่วนลดเพิ่มถึง 100,000 บาท แอบกระซิบว่าโครงการนี้น่าจองมาก เหมาะกับทุกเจน พร้อมดีไซน์ฟังก์ชั่นสำหรับผู้สูงอายุ Elderly care  Solution แถมยังอยู่ย่านบางนาทำเลว้าวมาแรง ที่เร็วๆ นี้ปี’63 กำลังจะสร้าง Trust City  ศูนย์การแสดงสินค้าระดับโลกครบวงจรที่สุดแห่ง AEC คาดว่าดีมานด์ต้องพุ่งปรี๊ดแน่นอน สนใจลงทะเบียนได้เลยที่เว็บไซต์ https://www.sansiri.com/singlehouse/burasiri-bangna/th หรือ โทร Call Centre.1685  
ศุภาลัย เดินเกมบุกอสังหาฯ จังหวัดชลบุรี พร้อมเปิดโครงการใหม่ ทำเลดี ใกล้ชายหาดบางแสน

ศุภาลัย เดินเกมบุกอสังหาฯ จังหวัดชลบุรี พร้อมเปิดโครงการใหม่ ทำเลดี ใกล้ชายหาดบางแสน

บมจ.ศุภาลัย บุกตลาดอสังหาฯ จังหวัดชลบุรี เตรียมเปิด “ศุภาลัย พรีโม่ บางแสน” ติดถนนใหญ่ ใกล้แหล่งชุมชน เพียง 5 นาที ถึงชายหาดบางแสน Pre-Sales 27-28 มกราคม 2561 นี้ ณ สำนักงานขาย พร้อมพบสิทธิพิเศษมากมาย นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดชลบุรีมีแนวโน้มเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น ความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่มาก ประกอบกับในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพ-ชลบุรี-ศรีราชา-ระยอง ทำให้เกิดการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน คาดว่าจะสามารถดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการทั้งบ้านเดี่ยว บ้านรุ่นใหม่ ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ในจังหวัดชลบุรีจำนวน 7 โครงการ และล่าสุดได้เข้าไปเปิดตัวโครงการใหม่ “ศุภาลัย พรีโม่ บางแสน” ชูแนวคิด “บ้านสวยทำเลดี ใกล้ชายหาดบางแสน” “ศุภาลัย พรีโม่ บางแสน” มูลค่าโครงการ 563 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการประมาณ 21 ไร่ ออกแบบสไตล์โมเดิร์น ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านรุ่นใหม่ และทาวน์โฮม 3 - 4 ห้องนอน 2 - 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอยเริ่ม 113 - 175 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 2.19 ล้านบาท ใส่ใจทุกรายละเอียดของการออกแบบ ตลอดจนเลือกสรรวัสดุที่มีคุณภาพ ประหยัดพลังงาน ให้คุณได้เต็มอิ่มกับการพักผ่อนหรือพักตากอากาศอย่างเป็นส่วนตัว พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ อาทิ สวนส่วนกลาง ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV และระบบเข้า - ออกอัตโนมัติ Easy Pass โดดเด่นด้วยทำเลศักยภาพ ติดถนนใหญ่ ใกล้แหล่งชุมชน เพียง 5 นาที ถึงชายหาดบางแสน สะดวกสบายทุกการเดินทาง ใกล้ถนนมอเตอร์เวย์ แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่สำคัญ อาทิ ตลาดหนองมน บิ๊กซี แหลมทอง มหาวิทยาลัยบูรพา และชายหาดบางแสน สำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใกล้ชายหาดบางแสน เชิญเลือกแปลงโดนใจในราคาพิเศษ  ก่อนใครในงาน Pre-Sales 27-28 มกราคม 2561 นี้ พร้อมพบสิทธิพิเศษมากมาย ณ สำนักขายโครงการ โทร. 1720 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.supalai.com
เมเจอร์ฯ เปิดตัว “มิวนีค หลังสวน” คอนโดฯ หรูฟรีโฮลด์ในทำเลหลังสวน ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท เปิดจอง 10 - 11 ก.พ.นี้

เมเจอร์ฯ เปิดตัว “มิวนีค หลังสวน” คอนโดฯ หรูฟรีโฮลด์ในทำเลหลังสวน ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท เปิดจอง 10 - 11 ก.พ.นี้

เมเจอร์ฯ ตอกย้ำผู้นำอสังหาฯระดับลักซ์ชัวรี่  เปิดตัว “มิวนีค หลังสวน” (MUNIQ Langsuan) คอนโดฯหรู ไฮไรซ์แบบฟรีโฮลด์ มูลค่า 4,085 ล้านบาท  ดีไซน์เหนือระดับบนทำเลสุดพรีเมียมใจกลางเมือง แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และใกล้สวนลุมพินี ดีเดย์เปิดจอง 10 - 11 ก.พ.นี้ หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงกับโครงการ  “MUNIQ Sukhumvit 23” (มิวนีค สุขุมวิท 23) คอนโดมิเนียมหรูไฮไรซ์ บนทำเลระดับพรีเมียมย่านอโศก - สุขุมวิท มูลค่า 2,800 ล้านบาท ไปเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ล่าสุด เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่  ต้อนรับศักราชใหม่ด้วยการเปิดตัวเมกะโปรเจ็กต์ “มิวนีค หลังสวน” (MUNIQ Langsuan) คอนโดมิเนียมหรูไฮไรซ์แบบฟรีโฮลด์ (Freehold) ที่สามารถส่งต่อเป็นมรดกล้ำค่าแก่ทายาท บนทำเลพรีเมียมใจกลางเมืองย่านหลังสวน เชื่อมต่อถนนสารสิน ถนนต้นสน และถนนวิทยุ ซึ่งถือเป็นย่าน CBD ของกรุงเทพฯ  เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS ชิดลม ใกล้ทางด่วนเพลินจิต และพระราม 4 แวดล้อมด้วยสถานที่สำคัญและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ศูนย์การค้าชั้นนำ สถาบันการศึกษา โรงแรมหรู โรงพยาบาล ธนาคาร ร้านอาหารชื่อดัง ตลอดจนเป็นย่านที่ตั้งของสถานทูตและเป็นพื้นที่หนึ่งเดียวใจกลางเมืองที่อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ อย่างสวนลุมพินี ทั้งยังโดดเด่นด้วยดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ภายใต้แนวคิด “Live Your Everlasting Romance” ผสานศิลปะในการออกแบบ และการใช้สอยพื้นที่อย่างลงตัว โดยเตรียมเปิดจองเฟสแรกกุมภาพันธ์นี้ ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “โครงการมิวนีค หลังสวน ถือเป็นโครงการระดับพรีเมียมที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการที่พักอาศัยใจกลางเมืองอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบพื้นที่ใช้สอยอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การตกแต่งที่งดงามเหนือกาลเวลา โดดเด่นด้วยการใช้วัสดุคุณภาพมาตรฐานจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และโดยเฉพาะทำเลบริเวณหลังสวน ซึ่งถือเป็นแหล่งธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งของสถานทูตหลายแห่ง และอยู่ติดกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เพียงเดินข้ามไป 100 เมตรก็ถึงประตูทางเข้าสวนลุมพินี ทั้งยังอยู่ใกล้โครงการหลังสวน วิลเลจ ที่มีทัศนียภาพสวยงาม และศูนย์ Medical Center นอกจากนี้ ปัจจุบัน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่พัฒนาโครงการบนถนนเส้นนี้แบบลีสโฮลด์ (Leasehold) เนื่องจากพื้นที่แปลงสวย ที่เหมาะแก่การพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์มีอยู่อย่างจำกัด แต่โครงการ มิวนีค หลังสวน แทบจะเป็นพื้นที่ผืนสุดท้ายที่พัฒนาโครงการแบบฟรีโฮลด์ (Freehold) ท่ามกลางตึกสูงที่เป็นลีสโฮลด์บนถนนหลังสวน จึงส่งผลให้ที่ดินบนทำเลหลังสวนมีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพฯ โดยปัจจุบันนี้ราคาตกอยู่ตารางวาละ 500,000 บาท (ที่มา : กรมธนารักษ์   รอบบัญชี ปี 2559-2562) และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี มิวนีค หลังสวน จึงถือเป็นโครงการที่มีมูลค่า เหมาะกับการซื้อเพื่อเป็นที่พักอาศัย และการลงทุนอย่างมาก” สำหรับโครงการ มิวนีค หลังสวน  อยู่สุดถนนหลังสวน ซอย 7 ตั้งอยู่ในซอยต้นสน มีขนาด 1-1- 66.5 ไร่ สูง 28 ชั้น จำนวน 166 ยูนิต  ทุกห้องถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ โล่งสบาย มอบความเป็นส่วนตัวที่เหมาะกับการพักอาศัยอย่างแท้จริง รวมถึงใช้เฟอร์นิเจอร์และวัสดุคุณภาพมาตรฐานระดับโลก โดยขนาด 1 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอย  50 - 78 ตร.ม. ขนาด 2 ห้องนอน มีพื้นที่ 83 - 101 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน มีพื้นที่ 121 - 179 ตร.ม. นอกจากนี้ยังมียูนิตพิเศษ เดอะ คอลเลคชั่น ที่มีขนาดพื้นที่ 71 - 254 ตร.ม. ส่วนพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางออกแบบไว้อย่างหรูหรามีระดับและพรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ ฟิตเนส สระน้ำอุ่น สระเด็ก สปา ซาวน่า จากุชชี่ สวนลวยฟ้า เลานจ์สำหรับการผ่อนคลายสังสรรค์ พร้อมห้อง Private Chef ขณะเดียวกันยังสะดวกสบายด้วยบริการจุดชาร์จรถไฟฟ้า (EV Chargers) ที่จอดรถซูเปอร์ไบค์ ที่จอดรถออโตเมติกปาร์คกิ้ง (Automatic Parking) ซึ่งสามารถรองรับรถยนต์ได้ถึง 185 คัน หรือ 111% ของจำนวนห้อง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบสูงสุด ผู้บริหารเมเจอร์ฯ กล่าวต่อว่า “กลุ่มเป้าหมายของโครงการมิวนีค หลังสวน เป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 30 ปีขึ้นไป ที่เริ่มประสบความสำเร็จในธุรกิจ ที่มีไลฟ์สไตส์ทันสมัย ให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัย เน้นความเป็นส่วนตัว แต่ใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ดังนั้นการออกแบบจึงอยู่ภายใต้แนวคิด “Live Your Everlasting Romance” ผสานศิลปะเข้ากับการออกแบบที่มีความสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัว คือ มีศิลปะในการใช้ชีวิต มีความรับผิดชอบในการทำงานและรู้จักหาความสุขให้กับตนเอง เรียกว่าสมดุลทั้ง ชีวิตการทำงาน ชีวิตส่วนตัว และครอบครัว ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัยอย่างมาก เนื่องจากสะท้อนไลฟ์สไตล์ของเขาได้เป็นอย่างดี” ส่วนความคาดหวังในยอดการจอง ดร.สุริยา เชื่อมั่นว่าจะได้รับกระแสตอบรับที่ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้การส่งออกของไทยดีขึ้น การลงทุนจากภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้น ทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ผนวกกับกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าระดับบน ยังมีสภาพคล่องค่อนข้างสูง ขณะที่แนวโน้มอสังหาฯระดับลักซ์ชัวรี่ในทำเลพรีเมียมนั้น ยังคงเป็นที่ต้องการของลูกค้าระดับบน ที่ต้องการซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองมากขึ้น หรือนักลงทุนชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมในทำเลไพร์มแอเรียในกรุงเทพฯ เนื่องจากมี Capital Gain สูง โครงการ มิวนีค หลังสวน ยังมีเส้นทางคมนาคมสะดวกอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ แต่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความเงียบสงบ และแวดล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียว โดยราคาต่อ ตร.ม. เริ่มต้นอยู่ที่ 12.9 ล้านบาท หรือ 265,000 บาทต่อ ตร.ม.ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรของมิวนีค หลังสวน อยู่ที่ 310,000 บาท ซึ่งหลังจากเปิดตัวโครงการ และเริ่ม Pre-Sales ในเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่าจะมียอดจองไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ” ดร.สุริยา กล่าวทิ้งท้าย คุณอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) กล่าวเสริมว่า “ตลาดคอนโดมิเนียมมีปัจจัยบวกสนับสนุนค่อนข้างมาก จึงทำให้คอนโดในย่านกลางเมืองปีนี้มีซัพพลายใหม่เพิ่มขึ้น 10% หรือ ราว 1.2 – 1.5 หมื่นยูนิต จากปีที่แล้วเปิดตัวกว่า 1.2 หมื่นยูนิต อีกทั้งหลังสวนเป็นย่านที่มีศักยภาพสูง เพราะจะเป็นศูนย์กลางเมืองใหม่ แลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ กำลังจะเปลี่ยนไป โซนศูนย์กลางจะย้ายมาอยู่แถวเส้นหลังสวนโดยรอบสวนลุมพินีเนื่องจากมีโครงการขนาดใหญ่ทั้งคอนโดมิเนียมและโครงการมิกซ์ยูสขึ้นค่อนข้างมาก พื้นที่อยู่ริมถนนใหญ่ แวดล้อมด้วยสถานฑูต โรงแรม อาคารสำนักงาน และใกล้กับรถไฟฟ้า ประกอบกับในปีนี้ น่าจะได้รับสัญญาณดี ๆ จากภาคเศรษฐกิจ จีดีพีที่เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจมีตัวเลขที่ดีขึ้น บรรยากาศการทำธุรกิจและการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างสดใส โดยนักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังคงให้ความสำคัญและสนใจคอนโดมิเนียมในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง”  โครงการ มิวนีค หลังสวน จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณกลางปี 2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  MJD.TH/MUNIQ หรือ โทร. 1266
“แลนด์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป” คาดอสังหาฯกรุงเทพฝั่งตะวันตกเติบโต 4-5% ดันแบรนด์ ‘เดอะบาลานซ์’ เปิดโครงการสองยึดพื้นที่ปิ่นเกล้า-สาย 5

“แลนด์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป” คาดอสังหาฯกรุงเทพฝั่งตะวันตกเติบโต 4-5% ดันแบรนด์ ‘เดอะบาลานซ์’ เปิดโครงการสองยึดพื้นที่ปิ่นเกล้า-สาย 5

“แลนด์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป” ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โซนกรุงเทพฯ ตะวันตกยาวนานกว่า 20 ปี เจ้าถิ่นตลาดอสังหาฯ แนบราบย่านศาลายา ชูความสำเร็จปั้นแบรนด์ ‘เดอะ บาลานซ์’ ครองใจผู้บริโภค ปิดการขายโครงการแรกแล้ว รุกต่อเนื่อง โครงการสอง ‘เดอะ บาลานซ์ ปิ่นเกล้า-สาย 5’ มูลค่า 1,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว บ้านแฝดหลังใหญ่ เนื้อที่เริ่มต้น 36.7-52.5 ตารางวา ฟังค์ชั่นเด่น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ในราคา 3-5 ล้านบาท รองรับการเติบโตตลาดอสังหาฯ ย่านปิ่นเกล้า-สาย 5 ทำเลชั้นดีของกรุงเทพตะวันตก ทางเลือกของผู้อยู่อาศัยคนรุ่นใหม่ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่อย่างมีนัยยะ ทั้งไลฟ์สไตล์ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เดินทางเชื่อมต่อย่านธุรกิจรวดเร็วหลากหลายเส้นทาง อาทิ ทางด่วนตัดใหม่ศรีรัชวงแหวน-รถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน - ศาลายา) นายชนะ เลิศลุมพลีพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท แลนด์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป จำกัด ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทำเลกรุงเทพฝั่งตะวันตกกว่า 20 ปี เปิดเผยถึงภาพรวมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในระยะ 1-2 ปี ที่ผ่านมา พบว่า ทำเลที่ดินกรุงเทพฝั่งตะวันตก โซนศาลายา-พุทธมณฑล มีความเจริญอย่างต่อเนื่องมาจากตัวเมืองฝั่งปิ่นเกล้า จรัญสนิทวงศ์ และถนนบรมราชชนนี กลายเป็นทำเลขยายของตลาดอยู่อาศัยแห่งใหม่ที่คนเมืองยุคใหม่ต้องการ เพราะมีระบบขนส่งมวลชนและการคมนาคมรองรับสะดวก ไม่ว่าจะเป็นรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน - ศาลายา) ซึ่งกำลังก่อสร้างช่วงแรก บางซื่อ-ตลิ่งชัน รวมถึงการเปิดใช้ทางด่วนตัดใหม่ศรีรัชวงแหวน ทำให้ผู้ที่ทำงานในตัวเมืองโซนพระนคร ปิ่นเกล้า จรัญสนิทวงศ์ หรือโซนสาทร สีลม จตุจักร ฯลฯ ให้ความสนใจมองหาที่อยู่อาศัยในย่านศาลายา-พุทธมณฑล มากขึ้น นอกจากนี้รอบพื้นที่ย่านศาลายา-พุทธมณฑล ยังมีไลฟ์สไตล์ใหม่มารองรับ ทั้งไลฟ์สไตล์ มอลล์ และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เซ็นทรัล ศาลายา เป็นต้น บริษัทมีเป้าหมายพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องภายใต้แบรนด์ใหม่ เดอะ บาลานซ์ (The Balanz) ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2558 เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทมีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อเนื่องโดยตั้งเป้าหมายในระยะเวลา 3 ปี (ปี 2560-2562) บริษัทจะมีรายได้จากยอดขาย เดอะ บาลานซ์ แตะระดับ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ 250 ล้านบาท ในปี 2560 ที่ผ่านมา และประมาณการยอดรับรู้รายได้ในปี 2561 คิดเป็น 400 ล้านบาท และในปี 2562 อีก 450 ล้านบาท นายสยาม เลิศลุมพลีพันธุ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แลนด์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงผลสำเร็จของการสร้างแบรนด์ ‘เดอะ บาลานซ์’ ว่า บริษัทพัฒนา เดอะ บาลานซ์ (ศาลายา) เป็นโครงการแรก ในปี 2558 มีลูกค้าให้ความไว้วางใจในบริษัทเป็นอย่างดี จึงสามารถปิดการขายได้ทั้งโครงการแล้ว ล่าสุด บริษัทเปิดขาย เดอะ บาลานซ์ (ปิ่นเกล้า – สาย 5) โครงการลำดับที่สองที่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2560 ได้รับผลตอบรับที่แรงเช่นเดียวกัน โดยยอด Pre-Sale เพียง 10 เดือน ขายแล้วกว่าร้อยละ 50 หรือประมาณ 120 ยูนิต ซึ่งรับรู้เป็นรายได้ในปี 2560 แล้ว ประมาณ 150 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 320 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ภายในสิ้นปี 2561 สำหรับ เดอะ บาลานซ์ (ปิ่นเกล้า - สาย 5) มีมูลค่าโครงการรวม 1,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 45 ไร่ มีจำนวนทั้งหมด 236 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 3.39 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด ‘สมดุลแห่งชีวิตเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขที่แท้จริง (The True Balance of Happiness)’ ผสานความเป็นไทยกับยุคสมัยใหม่อย่างลงตัว ตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยของครอบครัวขนาดใหญ่ ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยสูง แต่อยู่ในทำเลสงบ ผ่อนคลายกับบ้านหลังใหญ่ อยู่สบาย เน้นความโปร่งโล่ง ในสังคมคุณภาพ บนทำเลศักยภาพย่านปิ่นเกล้า-สาย 5 ใจกลางความสะดวกครบวงจร สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง (Selective Location) อาทิ ถนนบรมราชชนนี เพียง 3 กิโลเมตร จากถนนเพชรเกษม 6 กิโลเมตร และทางลัดสู่ถนนพุทธมณฑลสาย 4 เพียง 3 กิโลเมตร ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนส่วนต่อขยายตลิ่งชัน – ศาลายา และใกล้ทางด่วนตัดใหม่ศรีรัชวงแหวน สามารถขึ้นจากทางยกระดับได้ง่าย นอกจากนั้นยังรายล้อมด้วยไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ อาทิ ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา และมหาวิทยาลัยมหิดล ทั้งนี้ เดอะ บาลานซ์ ปิ่นเกล้า -สาย 5 มีจุดเด่นด้วยการก่อสร้างบ้านทุกหลังด้วยอิฐมอญแดง  มีความโดดเด่นของการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เลือกสรรวัสดุคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม ลงตัวด้วยพื้นที่ใช้สอยและฟังค์ชั่นที่ให้มากกว่า และเพิ่มความมั่นใจกับระบบความปลอดภัยในโครงการถึง 3 ระดับ (Triple-Security) ด้วยประตูทางเข้าโครงการ 2 ชั้น (Double Gate) พร้อมติดตั้งระบบสัญญาณกันขโมยตัวบ้านทุกหลัง ขณะที่แบบบ้าน ออกแบบด้วยดีไซน์ใหม่ เน้นส่วนผสมความเป็นไทยกับยุคสมัยใหม่อย่างลงในสไตล์ไทยโมเดิร์น โดยมีแบบบ้านหลังใหญ่ 3 แบบ ได้แก่ บ้านสุขสราญ (Zuk Saran) เนื้อที่เริ่มต้น 52.5 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย180 ตารางเมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน และ 2 ที่จอดรถ แบบบ้านเดี่ยวขนาดพอดีๆ สำหรับทุกการเริ่มต้นชีวิต ด้วยฟังก์ชั่นที่ลงตัว พร้อมเพิ่มพื้นที่โถงอเนกประสงค์ชั้น 2 และห้องนอนชั้นล่าง บ้านสุขสบาย (Zuk Sabai) เนื้อที่เริ่มต้น 42 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 140 ตารางเมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ บ้านแนวคิดใหม่สไตล์บ้านเดี่ยว หลังใหญ่ คุ้มค่า ที่ให้ห้องนอน Master มาพร้อมกับห้องน้ำในตัว Walk-In Closet และห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างเปิดรับวิวสวนเต็มอิ่ม และบ้านสุขใจ (Zuk Jai) เนื้อที่เริ่มต้น 36.7 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 130 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ บ้านดีไซน์ใหม่สไตล์ไทยโมเดิร์น เติมเต็มการใช้ชีวิตให้สมบูรณ์แบบกับฟังค์ชั่นที่ครบครัน พร้อมพื้นที่สวนเดินได้รอบบ้าน นอกจากนี้บ้านทุกหลังยังติดตั้งระบบไฟโรงรถอัจฉริยะ (Auto Lighting) สะดวกปลอดภัยเมื่อเข้าบ้าน อีกทั้งยังคุ้มค่าเหนือราคากับสังคมบ้านเดี่ยว ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ คลับเฮาส์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำระบบเกลือ ห้องคิดส์รูม โถงพักผ่อน สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ตลอดจนให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้อยู่อาศัยจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยคุณภาพการก่อสร้างด้วยอิฐแดงทั้งหลัง (Brick Construct Quality) หน้าต่างทรงสูงโปร่ง ขนาดใหญ่ หันหน้าสู่พื้นที่สีเขียว เพื่อพร้อมเปิดรับโอโซนบริสุทธิ์จากธรรมชาติ นายปิติ เลิศลุมพลีพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท แลนด์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทมองภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ศาลายา-พุทธมณฑล จะมีอัตราการเติบโตราวๆ ร้อยละ 4-5 สอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเติบโตราวๆ ร้อยละ 5-7 สำหรับแผนงานกลยุทธ์ในปีนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์เพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยอาศัยความเชี่ยวชาญจากการพัฒนาโครงการในพื้นที่กรุงเทพฝั่งตะวันตกมากว่า 20 ปี ทำให้รู้ลึกรู้จริงและเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่เป็นอย่างดี และตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นการก่อสร้างที่มีคุณภาพ จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาโดยตลอด ทั้งยังลงทุนพัฒนาโครงการด้วยเงินทุนของบริษัททั้งหมด ทำให้มีความคล่องตัวทางการเงิน สามารถพัฒนาโครงการใหม่เหมาะสมกับคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึง ทั้งนี้ บริษัทเตรียมจัดงานเปิดตัวโครงการเดอะ บาลานซ์ ปิ่นเกล้า-พุทธมณฑลสาย 5 ในวันที่ 3-4  กุมภาพันธ์ 2561 นี้ ด้วยราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 2.99 ล้านบาท เฉพาะวันงานเท่านั้น พร้อมมอบโปรโมชั่นสุดพิเศษให้กับลูกค้าที่จองในงาน ได้แก่ ฟรีเครื่องปรับอากาศ ฟรีค่าส่วนกลาง ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ นอกจากนี้ในงานยังมีมินิคอนเสิร์ตจาก “เบน ชลาทิศ” และพิธีกรรับเชิญพิเศษ “กันต์ กันตถาวร” พร้อมกิจกรรมมากมายในบรรยากาศสบายๆ พร้อมอาหารและเครื่องดื่มตลอดงาน
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ วิเคราะห์อสังหาฯ ปี 61 คาดทาวน์เฮาส์มาแรง ส่วนคอนโดระดับกลาง-บนไปได้สวย

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ วิเคราะห์อสังหาฯ ปี 61 คาดทาวน์เฮาส์มาแรง ส่วนคอนโดระดับกลาง-บนไปได้สวย

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยทิศทางอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 พบตลาดทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียมยังขยายตัวดี กำลังซื้อระดับกลาง-ระดับบนยังไปได้ต่อโดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมแนวสูง และทาวน์เฮาส์บนทำเลรอบนอกกรุงเทพฯ พร้อมมองเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนหันพักอาศัยในคอนโดมิเนียมมากขึ้น จากเดิมได้รับความนิยมในกลุ่มวัยทำงาน เริ่มขยายสู่กลุ่มครอบครัวและวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากจากโจทย์ด้านทำเลและการเดินทางที่สะดวก นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้คาดการณ์ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ปี 2561 ทิศทางโดยรวมจะทรงตัวต่อเนื่องจากปี 2560 โดยยอดขายทั้งปี 2560 คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว อยู่ที่ประมาณ 95,723 ยูนิต ซึ่งชะลอตัวจากปี 2559 ประมาณ 4% แม้ว่าครึ่งปีแรก’60 จะมีการขยายตัวได้ดีแต่ตลาดบ้านเดี่ยวยังคงชะลอตัว เหตุผลหลักมาจากหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และแม้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์ในปัจจุบันจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นตามลำดับมาอยู่ที่ 33.9 ในเดือน ธ.ค. 2560 นั้นแต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดัชนีที่ตำกว่ามาตรฐานที่  50.0 จึงอาจเป็นเหตุให้เกิดภาวะกำลังซื้อต่ำเพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ปัจจุบันภายในประเทศ  โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับล่าง ซึ่งเป็นอุปทานหลักในตลาด นอกจากความกดดันต่อภาระหนี้สินแล้วยังถูกกดดันจากผู้ให้บริการสินเชื่อที่ควบคุมการให้สินเชื่อที่รัดกุมมากขึ้นทำให้ผ่านการอนุมัติยากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามคาดว่าภาพรวมตลาดปี 2561 แม้จะยังคงเติบโตใกล้เคียงกับปี 2560 ซึ่งยังคงมีกำลังซื้อในกลุ่มตลาดคอนโดมิเนียม รองลงมาคือทาวน์เฮาส์ และตามด้วยบ้านเดี่ยว โดยคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์กลุ่มตลาดระดับกลางถึงกลุ่มระดับบนจะเป็นที่ต้องการในตลาดสูงขึ้น และตลาดบ้านเดี่ยวกลุ่มระดับกลางยังเป็นอุปทานหลักและมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี เนื่องจากตลาดระดับกลาง-บน ยังมีแรงขับโดยเฉพาะจากกลุ่มตลาดแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียมเป็นหลักเช่นเดิม และจะเริ่มขยายพื้นที่เติบโตตั้งแต่พื้นที่ชั้นในไปยังแถบชั้นกลางของกรุงเทพฯ คอนโดระดับล่างที่เคยขยายตัวได้ดีเมื่อ 4-5 ปีก่อนจะเริ่มลดลงสาเหตุจากราคาที่ดินที่ดันตัวสูงขึ้นและการปรับผังเมืองในบางพื้นที่ที่จะทำให้ตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่วนตลาดแนวราบคาดว่าทาวน์เฮาส์จะเป็นตลาดที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯจนถึงปริมณฑลจะเกิดการขยายตัว ทั้งนี้หากมองด้านอัตราการเติบโตในปี 2561 พบว่า หากเทียบทั้ง 3 ตลาดจนถึงสิ้นปีนี้คาดว่า ทาวน์เฮาส์จะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด รองลงมาคือคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว ซึ่งอัตราการขยายตัวน่าจะใกล้เคียงกับปี 2560 ที่อุปทานทาวน์เฮาส์ขยายตัวขึ้นจากปี 2559 ที่ 4% รองลงมาคือคอนโดมิเนียมที่ 1% และบ้านเดี่ยวอุปทานจะชะลอลงจากปีก่อน อย่างไรก็ตามในปี 2561 ที่จะถึงนี้สถานการณ์ภาพรวมตลาดที่เติบโตยังคงเป็นตลาดกลางและระดับบน “อีกสาเหตุหนึ่งที่ตลาดบ้านเดี่ยวชะลอมาจากไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยปัจจุบันผู้คนหันมาซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมมากขึ้น แม้กลุ่มเป้าหมายหลักในปัจจุบันยังเป็นกลุ่มคนวัยทำงานแต่ปัจจุบันกลุ่มคนที่อยู่แบบครอบครัวขนาดเล็ก 2-4 คน ก็เริ่มหันมาพักอาศัยในคอนโดด้วยเพราะสะดวกในการเดินทาง และไลฟ์สไตล์ของคนเริ่มเปลี่ยนไป  นอกจากนี้ผู้บริโภคกลุ่มหลักของคอนโดมิเนียมในปัจจุบันมีแนวโน้มช่วงอายุที่ขยายกลุ่มกว้างขึ้นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ที่มากขึ้นด้วย เนื่องจากคอนโดมิเนียมในปัจจุบันตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนหลากหลายกลุ่ม Generation จึงทำให้เห็นวัยผู้ใหญ่ใกล้เกษียณเริ่มเข้ามาลงทุนในอสังหาฯประเภทนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามยังเกิดตลาดใหม่สำหรับกลุ่มนักลงทุนมีนักลงทุนหน้าใหม่วัยทำงานเริ่มต้น 3 – 5 ปีที่หันมาลงทุนอสังหาฯ เพิ่มมากขึ้น โดยเน้นลงทุนระดับล่าง – กลาง โดยมีแนวโน้มในการซื้อเพื่อผ่อนดาวน์เป็นการเก็บเงิน และขายต่อเพื่อได้ Capital Gain หรือซื้อเพื่อปล่อยเช่า โดยใช้ค่าเช่ามาผ่อนชำระเพื่อเป็นรายได้เสริมและเป็นสินทรัพย์ของตนเอง” นายอนุกูล กล่าว
เลือกฝ้าเพดานยิปซัมที่ใช่ ให้บ้านของคุณ

เลือกฝ้าเพดานยิปซัมที่ใช่ ให้บ้านของคุณ

หลายๆคนมักมองข้ามความสำคัญของการเลือกฝ้าเพดาน และคิดว่าห้องไหนๆภายในบ้าน ก็ติดตั้งฝ้าเพดานแบบเดียวกันได้หมดเพราะลักษณะภายนอกของแผ่นฝ้าเพดานดูไม่แตกต่างกัน หากจำเป็นต้องมีการซ่อมแซม หรือ ทำฝ้าเพดานใหม่ เจ้าของบ้านอย่างเรามักยกให้เป็นหน้าที่ของผู้รับเหมา หรือช่างติดตั้ง เนื่องจากคนเหล่านั้นมีประสบการณ์และความชำนาญด้านการก่อสร้างและตกแต่งสูง แต่ความเป็นจริง เรื่องฝ้าเพดาน เป็นเรื่องสำคัญเพราะฝ้าเพดานเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่จะทำให้การอยู่อาศัยในบ้านลงตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปสำหรับเจ้าของบ้านที่จะมีส่วนในการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับการใช้งาน เพื่อการอยู่อาศัยในระยะยาว ประหยัดเวลาและความยุ่งยากในการซ่อมแซมภายหลัง และก่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด คุณยุทธศักดิ์ นฤชัยปราโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสถาปัตยกรรม บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม (สระบุรี) จำกัด กล่าวว่า เราควรเลือกฝ้าเพดานให้ตอบโจทย์การใช้งานอย่างเหมาะสม เนื่องจากในแต่ละส่วนของบ้าน มีปัจจัยแวดล้อมที่ก่อให้เกิดสภาพที่ต่างกัน เช่น ความร้อน ความชื้น หรือ การเกิดคราบรา พูดง่ายๆ คือ การเลือกฝ้าเพดานสำหรับบ้านพักอาศัย แบ่งตามการใช้งานหลักได้ 4 ประเภท ได้แก่ การใช้งานภายในบ้านทั่วไป  การใช้งานในห้องน้ำ ห้องชั้นบนหรือห้องใต้หลังคา หรือการใช้งานบริเวณฝ้าชายคา ซึ่งการใช้งานแต่ละประเภทจะมีวิธีการเลือกฝ้าเพดานยิปซัมที่มีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกัน ภายในบ้านทั่วไป ควรคำนึงถึงฝ้าที่มีคุณสมบัติพื้นฐานช่วยให้ห้องเงียบและเย็นสบายขึ้น ด้วยแผ่นฝ้ายิปซัมมาตรฐาน ตราช้าง พลัส ที่มีความแข็งแกร่งทั่วแผ่น ติดตั้งง่าย เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานและได้ความสวยเรียบเนียนทั้งผืน แผ่นยิปซัมทนชื้น ตราช้าง พลัส ห้องชั้นบนหรือห้องใต้หลังคา เป็นพื้นที่ที่จะสะสมความร้อนได้ง่ายๆ เนื่องจากความร้อนที่สะสมผ่านมาทางหลังคาในช่วงกลางวันและทำให้ห้องร้อนในช่วงกลางคืน ที่ผ่านมามักจะถูกแนะนำให้ปูฉนวนกันความร้อนร่วมกับการใช้แผ่นฝ้ายิปซัมมาตรฐาน ทั้งนี้ แผ่นยิปซัมป้องกันความร้อน ตราช้าง พลัส จึงมีคุณสมบัติสะท้อนรังสีความร้อนได้สูงถึง 93.7% ช่วยลดความร้อนที่ผ่านมาทางหลังคา แถมยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นด้วย แผ่นยิปซัมป้องกันความร้อน ตราช้าง พลัส ห้องน้ำ เป็นพื้นที่ที่มีความชื้นสูง และมีการใช้งานอย่างเป็นประจำ หากมีการระบายอากาศที่ไม่ดี ไอน้ำจะขึ้นไปกระทบกับแผ่นฝ้าเพดานโดยตรงและอาจส่งผลให้ฝ้าเพดานแอ่นตัว บวม และชำรุดเสียหายได้ง่ายขึ้นจึงจำเป็นต้องเลือกใช้แผ่นฝ้าที่สามารถทนความชื้นได้ดี ดูดซึมน้ำต่ำ มีความแข็งแกร่งทั่วแผ่นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการบวม แอ่นตัว และหดตัว ซึ่งผลิตภัณฑ์ แผ่นยิปซัมทนชื้น ตราช้าง พลัส สามารถตอบโจทย์ความต้องการให้เจ้าของบ้าน ด้วยเนื้อแผ่นชนิดพิเศษผสมสารป้องกันการดูดซึมความชื้น ทำให้ทนชื้นได้ดีและดูดซึมน้ำต่ำ เหมาะกับฝ้าเพดานในห้องน้ำอย่างมาก แผ่นยิปซัมทนชื้น ตราช้าง พลัส แผ่นยิปซัมเวเทอร์บล็อค ตราช้าง  “ยิปซัม ตราช้าง” ในฐานะผู้นำนวัตกรรมฝ้าเพดานและระบบผนังยิปซัมแนวหน้าของประเทศไทย จึงให้ความสำคัญกับนวัตกรรมที่สามารถตอบสนองความต้องการและการใช้งานที่หลากหลาย เพื่อให้งานก่อสร้างและตกแต่งภายในเป็นเรื่องง่ายสำหรับช่างและเจ้าของบ้าน  ผลิตภัณฑ์ของยิปซัมตราช้าง จึงถูกออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ประสิทธิผลสูงสุด” คุณยุทธศักดิ์ กล่าวเสริม มาช่วยกันเลือกฝ้าเพดานยิปซัมที่ใช่ ให้บ้านของคุณ เจ้าของบ้านสามารถสอบถามข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนยิปซัมตราช้าง โทร. 02-555-0000 หรือ www.siamgypsum.com หรือ facebook fanpage : @GypsumTraChangTH”
ผ่ามุมคิด Digital Gen ส่องผลงานจาก “Young Webmaster Camp ครั้งที่ 15”

ผ่ามุมคิด Digital Gen ส่องผลงานจาก “Young Webmaster Camp ครั้งที่ 15”

“ไอเดีย” และ “ความคิดสร้างสรรค์”  ถือเป็นพลังที่คนรุ่นใหม่ หรือ Digital Generation มีอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งมุมมองและผลงานของ “Digital Gen” เหล่านี้สามารถนำไปต่อยอดและนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงของสังคมได้ ล่าสุดบมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย ร่วมกับสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย  ธนาคารไทยพาณิชย์ และสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) จัดโครงการ  “Young Webmaster Camp ครั้งที่ 15” ภายใต้ธีม “Digital Innovation ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่โลกอนาคต” ค่ายเจาะลึกวิชาชีพเว็บมาสเตอร์   เพื่อเปิดพื้นที่ให้เหล่านิสิต-นักศึกษาที่มีใจรักในการทำเว็บไซต์เข้าอบรม และลงมือปฏิบัติจริงในการสร้างสรรค์เว็บไซต์ พร้อมเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ จากกูรูผู้เชี่ยวชาญและวิทยากรชื่อดังในวงการ พร้อมประชันไอเดีย โชว์มุมมองและผลงานกันอย่างเต็มที่ สำหรับการประกวดผลงานของน้องๆ ในปีนี้แบ่งรางวัลออกเป็น 5 รางวัลประกอบด้วย 1.รางวัล CP ALL Social Innovation Award 3 รางวัล  2.รางวัล Best Team Work  3.รางวัล Best Imagination  4.รางวัล Best Innovationและ5.รางวัล The Winner โดยทีมที่ได้รับรางวัล The Winner ในปีนี้ได้แก่ทีม C กับการรังสรรค์ผลงานที่รวมร้านเช่าชุดแฟนซีเเละชุดราตรีให้บริการอย่างครบวงจรภายใต้ชื่อเว็บไซต์ “RARTY”  น้องเจค - นายอริญชย์ ตรงสันติพงษ์ Web Programmer จากทีม C ทีมที่คว้ารางวัล The Winner กล่าวถึงแนวคิดของการจัดทำเว็บไซต์ “RARTY” ว่าหนึ่งในปัญหาที่พบเจอในสังคมคือเวลามีงานเลี้ยงหรือต้องไปงานที่มีธีม ผู้เข้าร่วมงานต้องวุ่นวายกับการหาซื้อชุด ทางทีมจึงมองว่าหากพัฒนาเว็บไซต์ที่ให้บริการเช่าชุดน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี เมื่อได้แนวคิดที่ต้องการแล้วก็ต้องมาหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งจากการสืบค้นพบว่าเว็บไซต์ประเภทนี้ยังไม่มี จึงคิดว่าหากพัฒนาขึ้นมาได้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความเป็นไปได้ สำหรับรูปแบบของเว็บไซต์จะเป็นการรวบรวมร้านให้เช่าชุดประเภทต่างๆ เช่นชุดแฟนซี ชุดราตรี ชุดว่ายน้ำ ฯลฯ โดยในเว็บไซต์จะทำการแยกประเภทและหมวดหมู่ของชุดอย่างชัดเจน เพื่อความสะดวกต่อการค้นหา โดยรายได้ของทางเว็บไซต์จะมาจากเปอร์เซ็นต์ของร้านที่เข้าร่วมนั่นเอง “ถึงโครงการจะจบแล้ว และทีมสามารถคว้ารางวัล The Winner มาได้ แต่เพื่อนๆ ในทีมก็มีแนวคิดที่จะนำโมเดลนี้ไปพัฒนาต่อยอดร่วมกันเพื่อสร้างเป็นธุรกิจใหม่ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันต่อไป” น้องเจคกล่าว อีกหนึ่งรางวัลที่น่าสนใจและได้รับการกล่าวถึงในงานคือ รางวัล CP ALL Social Innovation Award รางวัลที่มอบให้กับเว็บไซต์เพื่อสังคม โดยทีมที่ได้รับรางวัลนี้มี 3 ทีมประกอบด้วย 1.ทีม F พัฒนาเว็บไซต์ “Dreamand” เว็บการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือน้อง ๆ ที่ขาดโอกาส  2.ทีม H  จากเว็บไซต์ “ONCE A NATIVE” เว็บที่จะพาเที่ยวท้องถิ่นไทยในเเบบของคุณเอง และ3.ทีม B จากเว็บไซต์ “KIDS2MAX” เว็บรวมคอร์สเรียนสำหรับเด็ก น้องไก่อู - นางสาวพรรณลักษณ์ เตชะศรีอมรรัตน์ ตัวแทนทีม F หนึ่งในทีมที่ได้รับรางวัล CP ALL Social Innovation Award กับผลงานที่มีชื่อว่า “Dreamand” กล่าวว่าเว็บไซต์นี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่ต้องการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและเด็กด้อยโอกาสที่มีอยู่ในสังคมไทยเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเว็บไซต์นี้จึงเปรียบเสมือนสื่อกลางให้คนในสังคมได้ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กกลุ่มนี้ผ่านหน้าเว็บ สำหรับเด็กที่ผ่านการตรวจสอบจากทีมงาน จะถูกดึงเข้ามาอยู่ในแคมเปญของการเข้าไปช่วยเหลือ ทำให้คนในสังคมสามารถเข้าไปช่วยเหลือเด็กกลุ่มนั้นได้สะดวกและรวดเร็ว “แม้ในปัจจุบันจะมีหน่วยงานที่รับดูแลเด็กกลุ่มนี้โดยเฉพาะ แต่ก็ยังมีเด็กที่ด้อยโอกาสอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ พวกเราจึงคิดสร้างเว็บไซต์นี้ขึ้นมา เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการส่งมอบความช่วยเหลือของคนในสังคมสู่เด็กๆเหล่านี้” น้องไก่อูกล่าว ด้านว่าน-นางสาวเมธปรียา คำนวณวุฒิ ผู้จัดการโครงการ “Young Webmaster Camp ครั้งที่ 15” กล่าวถึงภาพรวมของการจัดงานในครั้งนี้ว่า ผลงานของน้องๆ ที่เข้าร่วมค่ายในครั้งนี้ ถือว่ามีพัฒนาการจากครั้งที่ผ่านๆ มาอย่างเห็นได้ชัด โดยมีการวางแผนการทำผลงานที่ละเอียดเป็นขั้นเป็นตอนและมีทักษะพื้นฐานที่แน่นมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าน้องๆ มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคม และสามารถหยิบยกเอาปัญหาเหล่านั้นมานำเสนอได้อย่างน่าชื่นชม เช่น ปัญหากลุ่มเด็กด้อยโอกาสที่ยังรอผู้สนับสนุนอยู่ที่เป็นจำนวนมาก “ยอมรับว่าเด็กสมัยนี้เก่งมากขึ้น สิ่งที่เราพยายามช่วยเติมเต็มให้คือเรื่องการทำงานเป็นทีม เพราะนอกจากเรื่องเทคโนโลยี (Hard Skill) ที่น้องๆ สามารถเรียนรู้และค้นคว้าได้ด้วยตัวเองแล้ว เรื่องของการทำงานร่วมกับผู้อื่น (Soft Skill)  ถือเป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่น้องๆ ทุกคนจะต้องมีเมื่อจบจากรั้วมหาวิทยาลัยและก้าวสู่ชีวิตการทำงาน” นางสาวเมธปรียาเสริม สำหรับเกณฑ์การตัดสินในทุกๆ ปีคณะกรรมการจะโฟกัสที่เว็บนั้นๆ สามารถพัฒนาต่อยอดให้เกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ ความสมดุลของทีมระหว่างเรื่องHard Skill  และ Soft Skill ส่งผลให้ผลงานมีความโดดเด่นและสมบูรณ์ที่สุด ภายในระยะเวลาที่จำกัด Young Webmaster Camp  เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในนโยบายด้านส่งเสริมการศึกษา พัฒนาเยาวชน ที่ซีพี ออลล์ มุ่งหวังให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการได้รับความรู้ด้านการพัฒนาเว็บไซต์อย่างรอบด้าน นำความรู้ไปปรับใช้ในวิชาชีพ  พร้อมบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งอนาคตให้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในสังคม ก่อเกิดไอเดีย เปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่โลกอนาคต 
สิริ เวนเจอร์ส เผยก้าวแกร่ง PropTech ระยะยาว  3 ปี ลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท ในสตาร์ทอัพ พัฒนา 4 นวัตกรรมอสังหาฯ ล่าสุดจับมือ Partner ชั้นนำ ทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ เตรียมเปิดมิติใหม่เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ

สิริ เวนเจอร์ส เผยก้าวแกร่ง PropTech ระยะยาว 3 ปี ลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท ในสตาร์ทอัพ พัฒนา 4 นวัตกรรมอสังหาฯ ล่าสุดจับมือ Partner ชั้นนำ ทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ เตรียมเปิดมิติใหม่เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ

สิริ เวนเจอร์ส บริษัทร่วมทุนในรูปแบบ Corporate Venture Capital เพื่อทำการวิจัยและลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯและการอยู่อาศัยอย่างครบวงจรเต็มรูปแบบเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล ภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2018 พร้อมก้าวสำคัญในการผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ได้แก่ Plug and Play และ SOSA แพลตฟอร์ม พาร์ทเนอร์จากซิลิคอน วัลเล่ย์ สหรัฐอเมริกา และอิสราเอล เตรียมเปิดมิติใหม่สำหรับการเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบรอบด้าน ผ่านการจัดสรรเงินลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาทในระยะเวลา 3 ปี เพื่อสร้างสรรค์และต่อยอดนวัตกรรมสำหรับการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตอย่างไร้รอยต่อในยุคดิจิทัล นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา แสนสิรินับว่ามีการรุกปรับองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือ การบริหารด้านเทคโนโลยีเพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำด้านเทคโนโลยีสำหรับอสังหาฯ และการอยู่อาศัยอย่างเต็มรูปแบบ (Digital Transformation) ซึ่งกลยุทธ์การดำเนินงานของแสนสิรินั้นครอบคลุมในทุกมิติของการใช้ชีวิต ผ่าน Siri LifeTech ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในยุคดิจิทัล รวมถึงการพัฒนายกระดับการดำเนินงานภายในองค์กรแสนสิริให้ก้าวสู่การเป็น Performance Organization ทั้งในเรื่อง Big data, Sale Force เป็นต้น โดยมี สิริ เวนเจอร์ส เป็นผู้เสาะหาและพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ผ่านพาร์ทเนอร์ชั้นนำและสตาร์ทอัพที่มาร่วมกันพัฒนาให้นวัตกรรมนั้นเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ โดยหลังจากที่มีการจัดตั้ง บริษัท สิริ เวนเจอร์ส เป็นระยะเวลาหนึ่งปี นับว่าประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมทั้งด้านการลงทุนในสตาร์ทอัพผ่านการเปิดโครงการ “Siri Venture Partnership” เพื่อเฟ้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสูงมาร่วมพัฒนาต่อยอดธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีการยกระดับกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ  รวมถึงการผลักดันระบบนิเวศของสตาร์ทอัพด้านอสังหาฯและการอยู่อาศัยให้เกิดขึ้นจริงในไทย ดังนั้น ในปีนี้เราจึงวางแผนระยะยาวในการขับเคลื่อน ด้วยงบประมาณลงทุนต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งสิ้น 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะครอบคลุมทั้งส่วนงานการพัฒนาเทคโนโลยี การลงทุนร่วมกับพันธมิตร รวมทั้งการร่วมทุนกับสตาร์ทอัพชั้นนำทั้งในประเทศและระดับโลก หลังจากที่ผ่านมามีความร่วมมือกับ Farmshelf สตาร์ทอัพจากอเมริกา พลิกโฉมการปลูกผักอัจฉริยะภายในที่พักอาศัย ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากลูกบ้านแสนสิริ นอกจากนี้ในอนาคตยังมีแผนต่อยอดความร่วมมือในประเทศอื่นๆ อาทิ ฝรั่งเศส หรือ จีน เพื่อร่วมขับเคลื่อนให้เกิดระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพในประเทศไทยที่สมบูรณ์แบบและยั่งยืนอีกด้วย นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภค เป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการในยุคปัจจุบัน ที่จะต้องมีการเรียนรู้และปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนไป จากความสำเร็จในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาของสิริ เวนเจอร์ส สะท้อนให้เห็นว่าเราได้เสาะแสวงหาเทคโนโลยี (Technology Acquisition) มาให้กับทั้งแสนสิริและลูกบ้าน รวมทั้งเป็นเสมือนประตูที่เชื่อมต่อลูกบ้านแสนสิริไปยังเทคโนโลยีและผู้ให้บริการใหม่ๆ และก้าวต่อไปของเราคือการมุ่งต่อยอดธุรกิจและเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยเน้นใน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านการลงทุนในสตาร์ทอัพ – ซึ่งจะเน้นการลงทุนในเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับแกนธุรกิจหลักของแสนสิริ ด้วยงบประมาณ 1,500 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี 2) ด้านความร่วมมือในการผลักดันให้เกิดระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพ (Ecosystem Partner) โดยการจับมือกับพันธมิตรเพื่อผนึกกำลังยกระดับระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพด้าน PropTech และ LivingTech ในไทยและภูมิภาคให้เติบโตอย่างยั่งยืน 3) ด้านการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม (Lab & Development) มุ่งพัฒนาสร้างสรรค์ “Sansiri Home Service Application” เพื่อเปิดประตูสู่มิติใหม่ของการใช้ชีวิตของลูกบ้านแสนสิริ รวมถึงเชื่อมโยงกลุ่มลูกค้าผ่านเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในไทยและทั่วโลก ด้านการลงทุนในสตาร์ทอัพ (Startup Investment) ในปีนี้สิริ เวนเจอร์สจะรุกลงทุนในสตาร์ทอัพโดยเน้นนวัตกรรม 4 ด้านที่สอดคล้องกับธุรกิจอสังหาฯ ของแสนสิริ ได้แก่ PropTech – นวัตกรรมเพื่อส่งเสริมด้านการซื้อขายแนวใหม่ การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ หรือ Know-how ใหม่ ๆ ที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หลากหลายยิ่งขึ้น LivingTech – นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยใหม่ๆ ที่จะมาเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกบ้านแสนสิริได้อย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านความสะดวกสบาย ความบันเทิง ความปลอดภัย และยังช่วยลดค่าใช้จ่าย ผ่านทสตาร์ทอัพที่ สิริ เวนเจอร์ส ลงทุนไปแล้ว เช่น Appysphere สตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญในเรื่องซอฟต์แวร์การพัฒนา Home Automation, Onionshack สตาร์ทอัพที่ร่วมพัฒนา Thai Voice AI, Techmatics สตาร์ทอัพที่พัฒนาหุ่นยนต์แสนดีที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว Health & Wellness Tech – นวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิต และสุขภาพองค์รวมของลูกบ้าน ซึ่งรวมไปถึงนวัตกรรมด้านอาหาร (FoodTech) ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตในเมืองเป็นไปได้อย่างสมดุล โดยในปี 2018 สิริ เวนเจอร์สยังมีแผนลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีเทคโนโลยีทางด้าน Health Monitoring สำหรับสังคมสูงวัยที่มีจะบทบาทสำคัญในสังคมไทยในอนาคตอีกด้วย Construction Tech – นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีด้านการออกแบบ ก่อสร้าง ควบคุมคุณภาพ รวมไปถึงวัสดุในการก่อสร้างใหม่ๆ เพื่อให้โครงการของแสนสิริตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคดิจิทัล และลดต้นทุนโดยรวม โดยการนำ AR (Augmented Reality) ร่วมกับ BIM (Building Information Management) เข้ามาใช้ในการควบคุมคุณภาพการก่อสร้าง จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาสิริ เวนเจอร์สมีการรุกลงทุนในสตาร์ทอัพมากมายทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น Farmshelf สตาร์ทอัพด้าน LivingTech จากสหรัฐอเมริกาที่กำลังมาแรง ซึ่งนอกจากการลงทุนในสตาร์ทอัพแล้ว ล่าสุด สิริ เวนเจอร์สยังได้ร่วมมือกับ Innovation Platform ระดับโลก 2 ราย คือ “Plug and Play” จากซิลิคอน วัลเล่ย์ส สหรัฐอเมริกา และ “SOSA” จากอิสราเอล ซึ่งทั้งสองเป็นเครือข่ายของสตาร์ทอัพเกือบหมื่นรายจากทั่วโลก ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงสิริ เวนเจอร์สให้พบกับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพและเกี่ยวเนื่องได้เร็วและมากขึ้น โดยกิจกรรมที่ร่วมมือกันนั้นจะเริ่มตั้งแต่การเฟ้นหาจากโจทย์ปัญหา การจัดโปรแกรม Accelerate การจัดการ pitch รวมถึงการเฟ้นหาโอกาสในการร่วมลงทุน มร.ชอน เดฮ์พานาฮ์ รองประธานฝ่ายบริหาร ฝ่ายพันธมิตรองค์กรและนวัตกรรม จากบริษัท Plug and Play ที่มีส่วนการสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพอันแข็งแกร่งของซิลิคอน วัลเล่ย์ กล่าวถึงก้าวสำคัญในการจับมือกับสิริ เวนเจอร์สว่า “Plug and Play เป็นแพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายที่เชื่อมโยงสตาร์ทอัพกับนักลงทุนและองค์กรจากทั่วโลก ทำให้เกิดประโยชน์ร่วมสร้างให้ธุรกิจเหล่าเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ในขณะเดียวกันนักลงทุนและองค์กรจะได้ร่วมต่อยอดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันในเครือข่ายของเรามีสตาร์ทอัพกว่า 6,000 รายจากทั่วโลกในหลากหลายสาขา มี corporate partner มากกว่า 220 บริษัท และมีออฟฟิศตั้งอยู่ในกว่า 28 แห่งทั่วโลก ในวันนี้เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จับมือกับ สิริ เวนเจอร์ส บริษัทที่มีพันธกิจในการมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ Disruptive Technology ทั้ง 4 ด้านอย่างเป็นรูปธรรม โดยเรามั่นใจว่าจะสามารถร่วมกันต่อยอดเพื่อผลักดันให้มีนวัตกรรมตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยใหม่ๆ ที่เกิดจากสตาร์ทอัพ ได้อย่างแน่นอน” ด้าน มิสโรนี เคเน็ท ฮาร์เมลิน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจจากบริษัท SOSA กล่าวถึงการเป็นพาร์ทเนอร์กับสิริ เวนเจอร์สว่า “SOSA เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในประเทศอิสราเอล เพื่อเพิ่มโอกาสในการเชื่อมต่อสตาร์ทอัพกับนักลงทุนและองค์กรต่างชาติทั่วโลก โดยปัจจุบันเรามีเครือข่ายสตาร์ทอัพกว่า 5,000 ราย ทั้งที่มุ่งเน้นสร้างเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการก่อสร้างโดยตรง สามารถเติบโตในตลาดได้อย่างยั่งยืน ในวันนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่เราจะได้ร่วมกับสิริ เวนเจอร์ส ในการมองหาความโดดเด่นของสตาร์ทอัพที่จะสามารถต่อยอดในการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ สำหรับลูกบ้านแสนสิริได้” ด้านความร่วมมือในการผลักดันให้เกิดระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพในไทย (Ecosystem Partner) มุ่งเน้นการผนึกกำลัง (Synergy) กับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญและมีจุดมุ่งหมายเช่นเดียวกัน เพราะสิริ เวนเจอร์สเชื่อว่าหากเราสนับสนุนสตาร์ทอัพโดยตรงอย่างเดียวก็จะได้เพียงแค่จำนวนหนึ่ง แต่หากทำงานร่วมกับพันธมิตรแล้วช่วยกันผลักดันระบบนิเวศโดยรวม จะช่วยให้ประเทศไทยผลิตสตาร์ทอัพที่มีคุณภาพและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก ในปีนี้สิริเวนเจอร์สได้ร่วมจับมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากมาย ยกตัวอย่างเช่น Microsoft Thailand ในการร่วมสนับสนุนการแข่งขันพัฒนานวัตกรรมสำหรับนักศึกษา “Microsoft Imagine Cup Thailand 2018” ในหัวข้อการแข่งขัน Smart Living on the Cloud ซึ่่่งทางสิริ เวนเจอร์ส ได้เชิญ Unicef พันธมิตรของแสนสิริ มาร่วมในโครงการเดียวกันด้วย นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรทั้งที่เป็น Accelerator มหาวิทยาลัย และองค์กรรัฐที่มีส่วนผลักดันการเติบโตของสตาร์ทอัพอีกมากมาย ด้านการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม (Lab & Development) มุ่งเน้นการยกระดับ Sansiri Home Service Application ไปอีกขั้น ให้เป็นมากกว่าแอพลิเคชั่นที่อำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านแสนสิริ แต่ยังเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงลูกบ้านไปยังพันธมิตรที่มาร่วมพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ นอกจากนั้น พันธมิตรต่างๆ ยังสามารถร่วมต่อยอดเทคโนโลยี ทั้งในด้าน Home Automation หรือ Voice AI ภาษาไทย เพื่อให้เกิดเป็นนวัตกรรมบริการรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมในทุกมิติของการใช้ชีวิต และพร้อมที่จะขยายขอบข่ายบริการในตลาดที่กว้างขึ้น โดยทีม Lab & Development จะนำเทคโนโลยีของสตาร์ทอัพที่เราไปลงทุนเข้ามาใช้งานกับลูกบ้านผ่านทางแอพฯ ที่พัฒนาขึ้น “ด้วยแผนการดำเนินการธุรกิจที่มุ่งเน้นทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการลงทุน (Investment), ด้านความร่วมมือในการผลักดันให้เกิดระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพในไทย (Ecosystem Partner) และด้านการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม (Lab & Development) พร้อมเงินลงทุน 1,500 ล้านบาท ใน 3 ปีนี้  สิริ เวนเจอร์ส จึงพร้อมที่จะเปิดประตูสู่มิติใหม่สำหรับการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบครบวงจร ทั้งในเรื่องของการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์และเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยให้กับทุกคน ซึ่งในเร็วๆ นี้ เราจะมีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆที่น่าตื่นเต้น อาทิ ด้านพลังงานทดแทนอัจฉริยะ โครงการบ้านอัพเกรดได้ รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ใหม่ๆของ Home Service App ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกด้านรวมถึงการยกระดับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยผ่านการสร้างระบบนิเวศเพื่อการพัฒนาด้าน PropTech และ Living Tech ที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นในประเทศไทย” นายจิรพัฒน์ กล่าวปิดท้าย        
ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง แนะลงทุนเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มมูลค่าอสังหาฯ ปล่อยเช่า

ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง แนะลงทุนเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มมูลค่าอสังหาฯ ปล่อยเช่า

การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า นับเป็นการลงทุนอันดับต้นที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุน เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาวทำรายได้สม่ำเสมอจากการปล่อยเช่าในแบบรายเดือนและรายวัน มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3-5% ในแต่ละปี ทั้งนี้อสังหาฯ ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจแก่นักลงทุน ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในทำเลทองใจกลางธุรกิจ ติดเส้นทางรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ติดศูนย์การค้าและแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากมีลูกค้าผู้เช่าเป็นกลุ่มนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ สามารถกำหนดราคาเช่าที่ให้ผลตอบแทนสูง นับเป็นโจทย์ที่ต้องขบคิดให้รอบคอบและรัดกุมของนักลงทุน นางสาวกมนนัทธ์ เต็มไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (SONDER living) แบรนด์ แกลเลอรี่ (Brand Gallery) ที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านนำเข้าระดับไฮเอนด์ ที่รวบรวมผลงานจาก 7 แบรนด์ 7 ดีไซน์เนอร์ชื่อดังของโลก แนะนำเทคนิคในการลงทุนในเฟอร์นิเจอร์เพื่อเพิ่มโอกาสตัดสินใจเช่า และเพิ่มมูลค่าอสังหาฯ ให้เช่า เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า หัวใจสำคัญเริ่มจากการพิจารณาดูว่าคอนโดหรือบ้านให้เช่า ตั้งอยู่ในทำเลทอง ศูนย์กลางธุรกิจหรือใกล้สนามบิน รวมทั้งคอนโดหรือบ้านตากอากาศในแหล่งท่องเที่ยว มีกลุ่มผู้เช่าที่เป็นนักธุรกิจ ผู้บริหารต่างชาติ หรือ Expat หรือมีผู้เช่าระยะสั้นเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้มีกำลังซื้อสูงอยู่ในกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ก็เหมาะที่จะลงทุนเฟ้นหาเฟอร์นิเจอร์ดี ๆ ไว้ตกแต่งเพื่อเพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจจูงใจผู้เช่าให้ตัดสินใจเช่าเพราะผู้เช่ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความพึงพอใจ ซึ่งตรงกับรสนิยมของตนเองมาก่อนราคาค่าเช่า ลำดับต่อมาการพิจารณาซื้อเฟอร์นิเจอร์ในสไตล์ที่เหมาะกับกลุ่มผู้เช่าเพื่อดึงดูดให้ผู้เช่าตัดสินใจเช่าได้ง่ายดายขึ้น  ยกตัวอย่างเช่น เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ เรียบหรู ดูคลาสสิกและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สำหรับกลุ่มผู้เช่าที่เป็นผู้บริหาร นักธุรกิจ หรือเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซด์เก๋ ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนพักอยู่ในโรงแรมหรือรีสอร์ท เน้นสไตล์ที่เข้ากับบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวนั้น เพื่อเป็นตัวดึงดูดความชอบของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ตัดสินใจเลือกเช่า และช่วยเพิ่มราคาห้องเช่าจากราคาปล่อยเช่าปกติเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากลูกค้าที่มีกำลังซื้อมักตัดสินใจเช่าอสังหาฯ ที่ถูกใจมาก่อนราคา และลำดับท้ายสุด ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีความคงทนแข็งแรง ผลิตขึ้นมาจากจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานได้นาน และเป็นแบบที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอไม่ล้าสมัย ทำให้ลงทุนเพียงครั้งเดียวแต่ใช้งานได้ระยะยาว ที่สำคัญเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ยังสามารถขายต่อได้ราคาหากไม่มีความจำเป็นใช้งานแล้ว โดย SONDER living Thailand Flagship Gallery จะเน้นเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์และมีคุณภาพ ผลิตจากโรงงานของ Rochdale Spears ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่มีประสบการณ์ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์มากว่า 30 ปี ควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้ชิ้นงานคุณภาพดีที่สุดจากงานออกแบบของดีไซเนอร์ชื่อดัง “เราพบว่ามีกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อเฟอร์นิเจอร์เพื่อใช้สำหรับตกแต่งอสังหาฯ ให้เช่าที่มีอยู่ในพอร์ตฯ ซึ่งการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายสามารถช่วยเพิ่มราคาค่าเช่าจากราคาปล่อยเช่าปกติประมาณ 2-3 % เลยทีเดียว” นางสาวกมนนัทธ์กล่าว การลงทุนแต่งเฟอร์นิเจอร์ในอสังหาฯ ให้เช่า หากเฟ้นหาอย่างเหมาะสมและชาญฉลาด เป็นอีกหนึ่งวิธีเพิ่มมูลค่าบ้านหรือคอนโดให้ได้ค่าเช่าที่สูงขึ้น และหากลงทุนเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ให้มีสไตล์ก็จะยิ่งช่วยให้ปล่อยเช่าได้ง่ายขึ้น เป็นการสร้างความแตกต่างและสร้างจุดดึงดูดให้น่าอยู่อาศัยมากกว่าการใช้เฟอร์นิเจอร์ทั่วไป สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้จะต้องมีสไตล์ที่ถูกตาต้องใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพียงแค่นี้บ้านหรือคอนโดของเราก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว พบกับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านไฮเอนด์ 7 แบรนด์ จาก 7 ดีไซเนอร์อย่าง Thomas Bina, Tracey Boyd, Andrew Martin, Maison 55, Nellcote Studio, Coup&Co., และ Kelly Hoppen ได้ที่ SONDER living Thailand Flagship Gallery บนถนนพระรามเก้า ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10:00 – 19:00 น. และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น. รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าเยี่ยมชมที่ Official Website: www.sonderliving.com/th หรือที่ Facebook:  sonderlivingthailand
“แสนสิริ” เปิดเกมรุกหนัก รับปี’61 ลุยส่งแคมเปญกวาดยอด 6,000 ลบ. “ปรากฏการณ์ดาวสุขเต็มฟ้า” จัดเต็มแบบที่ไม่เคยมีใครให้มาก่อนในวงการ รับกว่า 17 ล้าน!! แจกหนัก รับรางวัลทุกเดือน

“แสนสิริ” เปิดเกมรุกหนัก รับปี’61 ลุยส่งแคมเปญกวาดยอด 6,000 ลบ. “ปรากฏการณ์ดาวสุขเต็มฟ้า” จัดเต็มแบบที่ไม่เคยมีใครให้มาก่อนในวงการ รับกว่า 17 ล้าน!! แจกหนัก รับรางวัลทุกเดือน

“แสนสิริ” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เปิดเกมรุกหนัก รับปี’61 ประกาศผู้นำอสังหาฯ กับปรากฏการณ์สะเทือนวงการ ส่งแคมเปญ “ดาวสุขเต็มฟ้า” จัดเต็มแบบที่ไม่เคยมีใครให้มาก่อนในหน้าประวัติศาสตร์ ตั้งเป้ากวาดยอด 6,000 ล้านบาท สร้างสีสันและกระตุ้นตลาดคึกคักต้อนรับไตรมาส 1 -- รับกว่า17 ล้าน!! แจกหนัก รับรางวัลทุกเดือนกว่า 80 รางวัล รางวัลที่ 1 ส่วนลด รางวัลละ 1 ล้านบาท จำนวน 3 รางวัล รางวัลที่ 2 บัตรกำนัล SB Furniture รางวัลละ 300,000 บาท จำนวน 21 รางวัล รางวัลที่ 3 บัตรกำนัลเครื่องใช้ไฟฟ้าจาก SAMSUNG รางวัลละ 100,000 บาท  จำนวน 60 รางวัล ยิ่งตัดสินใจเร็ว ยิ่งมีลุ้นสิทธิ์มากกว่า พบดีลพิเศษ และทัพโครงการพร้อมอยู่ และโครงการใหม่ บ้านเดี่ยว คอนโดฯ และทาวน์เฮาส์ ทั่วประเทศ เริ่มแล้ววันนี้ – 31 มี.ค. นี้ นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ปีนี้ แสนสิริ พร้อมลุยประกาศความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ก่อนใครตั้งแต่เริ่มต้นศักราชใหม่    กับโปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษที่ยิ่งใหญ่และไม่เคยมีใครให้เท่านี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ ถือเป็นการสร้างสีสันและความคึกให้กับตลาดอสังหาฯตั้งแต่เริ่มต้นปี กับแคมเปญ “ปรากฏการณ์ดาวสุขเต็มฟ้า” ที่เราขนทัพมาแบบจัดหนักและจัดเต็มกับหลากหลายโครงการให้ได้เลือกจับจอง นับเป็นครั้งแรกที่เราคืนกำไรขอบคุณลูกค้าโดยการมอบส่วนลดและสิทธิพิเศษมากที่สุดและคุ้มค่าที่สุดที่ไม่เคยมีใครให้มากเท่านี้ มาก่อนในวงการอสังหาฯ ที่ให้กว่า 17 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงลุ้นรับรางวัลทุกเดือน รวมกว่า 80 รางวัล โดยเราจับฉลากแจกหนักทุกเดือน ทุก 1 ล้านบาท รับ 1 สิทธิ์จับฉลากชิงโชค ซึ่งโอกาสในการรับรางวัลนั้นสูงมาก เราหวังว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าและนักลงทุนมากกว่าปีก่อนๆ และสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 6,000 ล้านบาท การมีโครงการและโปรโมชั่นเร้าใจ ตรงกับความต้องการลูกค้าและการกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจเร็วขึ้นผ่านแคมเปญนี้ จะช่วยผลักดันให้ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกทะลุเป้าได้แน่นอน” “นอกจากส่วนลดและสิทธิพิเศษที่อัพเกรดแบบเหนือกว่าแล้ว ความพิเศษของปีนี้ คือ เรายังส่งโครงการคอนโดใหม่เข้าร่วมด้วย ซึ่งไม่ได้มีเพียงเฉพาะแค่โครงการพร้อมอยู่เท่านั้น เนื่องจากเราเล็งเห็นถึงความต้องการของลูกค้าในเมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงนำโครงการใหม่เข้าร่วมด้วยพร้อมนำเสนอความคุ้มค่า เพื่อเพิ่มทางเลือกในการอยู่ศัยในทุกระดับโครงการ อาทิ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ, คุณ บาย ยู, โอกะ เฮาส์ และ คาวะ เฮาส์ โดยมีโครงการที่อยู่อาศัยที่เข้าร่วมรายการทั้งหมดกว่า 61 โครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และทาวน์เฮาส์ ครอบคลุมทุกระดับราคาตั้งแต่แบรนด์นาราสิริ ตลอดจน ดีคอนโด หลากหลายทำเลทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ โคราช เขาใหญ่ ชะอำ ขอนแก่น อุดรธานี สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต เป็นต้น โดยมอบโปรโมชั่นสุดคุ้มกับยูนิตสวยโดนใจ ในจำนวนจำกัด” นายอุทัย กล่าว พบกับไฮไลท์สุดปัง กับแคมเปญโปรโมชั่น “ปรากฎการณ์ดาวสุขเต็มฟ้า” ได้แล้ววันนี้ ลุ้นจับฉลากและรับรางวัลทุกเดือน รวมมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท โดยทุก 1ล้านบาท รับ 1 สิทธิ์จับฉลาก สำหรับลูกค้าที่จองและโอนโครงการพร้อมอยู่ หรือจองและทำสัญญาสำหรับโครงการใหม่ ภายในช่วงระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้ -31 มี.ค.2561 จับรางวัลและประกาศรางวัลประจำทุกเดือนทางหน้า แสนสิริ เฟซบุ๊ค และเว็บไซต์ www.sansiri.com/โครงการพร้อมอยู่ ต่อที่ 1 รับข้อเสนอพิเศษมากมายจากโครงการ และ ต่อที่ 2 รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2 ล้านบาท ต่อยูนิตจากต่อที่ 1 ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 36 โครงการ คอนโด 18 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 7 โครงการ ทั่วประเทศ อาทิเช่น โครงการใหม่คอนโดมิเนียม คุณ บาย ยู ลดสูงสุด 1,000,000 บาท เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า ห้องแต่งพิเศษเริ่ม 5 ล้าน บาท บ้านเดี่ยว ทาว์นเฮ้าส์พร้อมอยู่ในกรุงเทพฯ นาราสิริ พระราม 2 และ นาราสิริ ปิ่นเกล้า-สาย1 รับฟรี! Living Package 1,000,000 บาท สิริ สแควร์ เจริญกรุง 80 ลดสูงสุด 1,000,000 บาท เชียงใหม่ เศรษฐสิริ สันทราย รับส่วนลดกว่า 300,000 บาท หรือไม่ว่าจะเป็น คอนโดตากอากาศพร้อมอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก อย่าง ภูเก็ตบ้านเดี่ยวและคอนโดพร้อมอยู่ 4 โครงการ รับข้อเสนอพิเศษสูงสุดกว่า 1,000,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการอื่นๆอีกมากมายที่ยกทัพพร้อมมามอบโปรฯเด็ดๆอีกครั้งแบบจัดเต็ม ต่อที่ 3 ลุ้นรับรางวัลทุกเดือน ทุก 1 ล้านบาท รับ 1 สิทธิ์จับฉลาก รางวัลที่ 1 ส่วนลด รางวัลละ 1 ล้านบาท จำนวน 3 รางวัล รางวัลที่ 2 บัตรกำนัลจาก SB Furniture รางวัลละ 300,000 จำนวน 21 รางวัล รางวัลที่ 3 บัตรกำนัลเครื่องใช้ไฟฟ้าจาก SAMSUNG รางวัลละ 100,000 จำนวน 60 รางวัล โอกาสทอง แบบนี้ไม่ควรพลาด พิสูจน์ความแรงของโปรโมชั่นเด็ดโดนใจจำนวนจำกัด แจกหนัก จัดเต็ม!!    “ปรากฎการณ์ดาวสุขเต็มฟ้า” ได้แล้ววันนี้ ถึง 31 มี.ค.61 พบกับข้อเสนอพิเศษนี้ได้ที่ Sale Galley ของโครงการที่เข้าร่วมรายการ หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1685 หรือ http://www.sansiri.com/โครงการพร้อมอยู่
ไซมิส แอสเสท เปิดตัว คอนโดมิเนียมหรูไฮเอน ติด MRT ศูนย์สิริกิติ์  “ไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ ควีนส์” สถาปัตย์แห่งการใช้ชีวิต  Free Hold แปลงเดียวในย่านอโศก - รัชดาฯ

ไซมิส แอสเสท เปิดตัว คอนโดมิเนียมหรูไฮเอน ติด MRT ศูนย์สิริกิติ์ “ไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ ควีนส์” สถาปัตย์แห่งการใช้ชีวิต Free Hold แปลงเดียวในย่านอโศก - รัชดาฯ

บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู “ไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ ควีนส์” (Siamese Exclusive Queens) เป็นคอนโดระดับไฮเอน เริ่มต้นคุณภาพชีวิตที่เหนือกว่า บนทำเลที่เรียกว่าที่ดีที่สุด Free Hold เพียงไม่กี่แปลงบนเส้น อโศก - รัชดาฯ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่จะทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายง่ายขึ้น เพราะติดกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เพียง 50 เมตร สามารถเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจได้อย่างง่ายดาย ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ และ District แห่งใหม่อย่างศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ ตลอดจน ดิ เอ็มสเฟียร์ที่จะเปิดให้บริการในอนาคต รวมถึงแหล่งการศึกษา โรงพยาบาลชั้นนำ ฯลฯ  สำหรับลูกค้าที่จองในวันเอ๊กซ์คลูซีพเดย์ วันเสาร์ ที่ 20 มกราคม 2561 นี้ จะได้ราคาห้องชุดสุดพิเศษ ในราคา Pre-Sale รวมถึงส่วนลดสูงสุด 800,000 บาท พร้อม iPhone X วันนี้ วันเดียวเท่านั้น “ไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ ควีนส์” มีพื้นที่โครงการ 2 - 0 - 44 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 4,600 ล้านบาท ออกแบบโดยบริษัท สถาปนิก 49 จำกัด สัมผัสชีวิตแบบ Luxurious ทุกตารางเมตร ด้วยดีไซน์ห้องชุดที่มอบความโปร่งสบายด้วยเพดานสูง 2.7 เมตร และห้องชุดแบบ Penthouse ที่มีความสูงพิเศษของฝ้าเพดานที่ 3.85 เมตร พร้อมระเบียงแบบกระจกสไตล์ Juliet Balcony โครงการ ไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ ควีนส์ เป็นอาคารชุดพักอาศัยจำนวน 1 อาคาร สูง 33 ชั้น ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น มีห้องชุดให้เลือกตั้งแต่ 1 – 3 ห้องนอนและเพนท์เฮาส์ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.71 – 150.67 ตร.ม. และห้องชุดเพื่อพาณิชย์จำนวน 1 ยูนิต รวม 332 ยูนิต อาคารจอดรถอัตโนมัติจำนวน    1 อาคาร สูง 12 ชั้น ชั้นใต้ดิน 6 ชั้น ในราคา Pre-Sale วันงาน Exclusive Day พิเศษที่สุดวันเดียวเท่านั้น ให้สัดส่วนความสุขลงตัวในทุกองศาการใช้ชีวิต ผ่อนคลายกับสระว่ายน้ำและห้องออกกำลังกายบนชั้น 33 รวมถึง Roof Top Garden ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ใจกลางกรุงเทพมหานครได้แบบ 360 องศา และสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ตั้งแต่ชั้น 28 อีกด้านหนึ่งจะเห็นวิวของสวนเบญจกิติที่สวยงามอีกด้วย ใช้ชีวิตที่ลักชัวรีกว่าที่เคยกับโครงการ “ไซมิส เอ๊กซ์คลูซีพ ควีนส์” ในทำเลศักยภาพสูงใจกลางเมือง ติดกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เพียง 50 เมตร ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ อีกขั้นของความโล่งสบายด้วยเพดานสูง 2.7 เมตร ชมห้องตัวอย่างและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โครงการฯ พร้อมจองวันที่ 20 มกราคม 2561 นี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ โทร. 061-636-0111 อีเมล์ : siamese_queens@siameseasset.co.th Fanpage :  www.facebook.com/SiameseAssetThailand Website : www.siameseasset.co.th
เศรษฐสิริ แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น 2 บ้านเดี่ยวระดับซุเปอร์ลักชัวรี่ ดีไซน์เหนือระดับ ใกล้เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ราคาเริ่มต้นที่ 15 ล้านบาท

เศรษฐสิริ แจ้งวัฒนะ-ประชาชื่น 2 บ้านเดี่ยวระดับซุเปอร์ลักชัวรี่ ดีไซน์เหนือระดับ ใกล้เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ราคาเริ่มต้นที่ 15 ล้านบาท

“บ้าน”...เปี่ยมไปด้วยความหมายมากกว่าการอยู่อาศัย เป็นที่แห่งความทรงจำที่จะบันทึกช่วงเวลาดีๆ ของชีวิตที่ตราตรึงในความประทับใจ และเป็นมรดกล้ำค่าจากรุ่นสู่รุ่น การจะมองหาบ้านสักหนึ่งหลังจึงจะต้องเป็นบ้านที่เหนือกาลเวลา มีศักยภาพไม่สิ้นสุด “เศรษฐสิริ แจ้งวัฒนะ – ประชาชื่น 2” บ้านเดี่ยวที่รังสรรค์ผ่านการออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ด้วยที่สุดแห่ง Timeless Design มีความสง่างาม และคำนึงถึงการทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยบ้านก็จะไม่ถูกลดทอนคุณค่าไปตามกาลเวลา ทุกการออกแบบมีความใส่ใจในทุกรายละเอียดก่อเกิดเป็นที่อยู่อาศัยที่มีการดีไซน์อย่างเหนือระดับ ในสไตล์ Modern Classic ที่เรียบง่าย แต่คงไว้ซึ่งความโดดเด่น และความร่วมสมัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘A New Honour as You Define’ ความสำเร็จ ที่คุณเลือกนิยามได้ด้วยตัวเอง โครงการออกแบบด้วยความเข้าใจความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้อยู่อาศัยอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้เกิดเป็นสถาปัตยกรรมที่อยู่อาศัยที่สร้างสรรค์ แปลกใหม่ แตกต่าง และเหนือระดับกว่าที่เคย เน้นการออกแบบให้ดูสง่า หรูหรา แต่เรียบง่าย สะท้อนชีวิตอย่างเต็มภาคภูมิ ตั้งแต่พื้นถนนทางเข้า วงเวียนน้ำพุ รวมไปถึง CLUBHOUSE ที่ดูมีระดับสำหรับผู้มาเยือนโครงการ เข้ามาจนถึงคลับเฮาส์ที่ดีไซน์มีการเล่นระดับในช่องเสา ประตูหน้าต่าง ทำให้เกิดความรู้สึกแบบ Embassy Look ที่ดูยิ่งใหญ่ เหนือกาลเวลา รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตอบรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างได้อย่างสมบูรณ์  คำนึงถึงความป็นส่วนตัวและเกิดประโยชน์สูงสุด แบ่งฟังก์ชันการใช้งานเป็นสัดส่วน ตั้งแต่โถงรับรองขนาดใหญ่ (Lobby) เป็นแบบ Double Volume  ให้ความรู้สึกโอ่อ่า กว้างขว้าง สง่างามแบบ Luxury Design พร้อมพื้นที่ออกกำลังกาย (Fitness) ที่มีอุปกรณ์มาตรฐานระดับสากล เพลิดเพลินกับการออกกำลังกายสามารถเปิดรับชมทัศนียภาพได้ 360 องศา แบบ Panoramic view ที่มาครบครันพร้อมกับสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด Half Olympic (27 x 8 ม.) และสระเด็ก นอกจากนี้ยังเพิ่มพื้นที่สำหรับสังสรรค์กับเพื่อนหรือครอบครัว ไม่ว่าจะปาร์ตี้ หรือจัดบาร์บีคิวก็ทำได้ในวันพักผ่อน รองรับกิจกรรมของครอบครัวได้อย่างไม่จำกัด รวมทั้งยังเพลิดเพลินใกล้ชิดกับธรรมชาติได้เต็มอิ่ม ด้วยสวนส่วนกลางขนาดใหญ่เกือบ 2 ไร่ และพื้นที่สีเขียวและสวนหย่อมรวมกันทั้งหมดมากกว่า 7 ไร่ รวมทั้งยังมีที่สำหรับการเรียนรู้ของเจ้าตัวน้อย สนามเด็กเล่นที่ได้ผู้เชี่ยวชาญอย่างโรงพยาบาลสมิติเวช ดูแลเรื่องการออกแบบให้เหมาะสมกับการเรียบรู้และพัฒนาการของเด็ก (Edutainment Playground) สำหรับตัวบ้านคัดสรรทุกวัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม ตั้งแต่พื้น ฟังก์ชั่น จรดเพดาน ตามคอนเซ็ปต์ Timeless Design บ้านที่ทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา พร้อมนวัตกรรมล้ำสมัย Innovation Home Design เติมเต็มในทุกพื้นที่ เพื่อความสุขของทุกคนในครอบครัว ประหยัดพลังงานด้วยระบบ Solar Attics และ Air Flow เหนือระดับกับห้องน้ำด้วยระบบ Jacuzzi และ Flush Toilet Automatic ห้องน้ำที่รองรับ TV พร้อมเครื่องปรับอากาศตอบโจทย์ Lifestyle คนรุ่นใหม่ พร้อมดีไซน์ Universal Design ปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นให้ครบทุกการใช้งาน ออกแบบพื้นที่ให้เกิดความสะดวกกับทุกคนในครอบครัว รวมทั้งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาและเข้มงวดกว่าเดิม ด้วย Security Home Automation ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ เศรษฐสิริ แจ้งวัฒนะ – ประชาชื่น 2 เดินทางสะดวก อยู่บน ถ. เลียบคลองประปา รอบข้างสามารถวิ่งเชื่อมไปยังแจ้งวัฒนะหรือสรงประภาได้ มีจุดขึ้นลงทางด่วนโดยรอบ และใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ แหล่งทำงานขนาดใหญ่และอาคารสำนักงานอีกหลายแห่ง โดยเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนพื้นที่ 59 ไร่ ยูนิตเงียบ สงบ เป็นส่วนตัว  มีเพียง 149 ยูนิตที่จะสามารถเข้ามาอยู่อาศัยได้อย่างเต็มภาคภูมิ ประกอบด้วย 3 แบบบ้าน พื้นที่ใช้สอย 263, 353 และ 437  ตารางเมตร ราคา 15-30 ล้านบาท พร้อมเปิดให้สัมผัสความสง่างาม อย่างเต็มภาคภูมิแล้ววันนี้ พิเศษ! ต้อนรับปีจอ มอบโปรโมชั่น “ความสุขเต็มฟ้า” รับคะแนนสะสมบัตรเครดิตเพิ่ม 500,000 คะแนน* เฉพาะวันที่ 15 ม.ค. – 31 มี.ค.60 สอบถามรายละเอียดและนัดหมายเข้าชมโครงการ โทร 02-085-8035 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com
พฤกษา ประกาศแผนปี 61 มุ่งรักษาความเป็นที่หนึ่งในตลาดและสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ตั้งเป้ายอดขายและรายได้โต 13% และ >10% ตามลำดับ

พฤกษา ประกาศแผนปี 61 มุ่งรักษาความเป็นที่หนึ่งในตลาดและสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ตั้งเป้ายอดขายและรายได้โต 13% และ >10% ตามลำดับ

พฤกษา ผู้นำอันดับหนึ่งในวงการอสังหาฯ ประกาศแผนปี 61 ตั้งเป้ายอดขาย 53,742 ล้านบาท รายได้ 50,500 ล้านบาท ชูกลยุทธ์รักษาความเป็นที่หนึ่งในตลาด มุ่งสร้างแบรนด์ โดยเน้นการใช้นวัตกรรมและดิจิทัล พร้อมจับมือพันธมิตรร่วมพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการของที่อยู่อาศัยให้ดียิ่งขึ้น นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2561 ว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ละพันธกิจของบริษัทฯ ที่จะก้าวไปสู่แบรนด์อันดับหนึ่งในใจคนไทย และเป็นที่หนึ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ พฤกษาจึงใส่ใจทุกคุณภาพเพื่อทั้งชีวิตที่ดีขึ้น ในปีนี้จึงมุ่งเน้นศึกษาเรื่องเมกะเทรนด์ของตลาด โดยอีก 5 ปีข้างหน้ามูลค่าตลาด Smart Home จะเติบโตเพิ่มสูงขึ้น 13.65% บริษัทฯ จึงนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มคุณภาพและบริการ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในวันนี้และอนาคต อาทิ การเยี่ยมชมโครงการใหม่ผ่านระบบ VR รวมถึงการสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้านผ่านระบบ AI เป็นต้น รวมถึงพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อรองรับสำหรับสังคมสูงวัย นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ใช้แผนกลยุทธ์การตลาดแบบ Digital Marketingเพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ส่งผลให้เว็บไซต์พฤกษามียอดผู้เข้าชมสูงสุด และก้าวขึ้นมาเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยปีที่ผ่านมามียอดขายที่มาจากสื่อดิจิทัล16,101 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 98% ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2561 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่าจะมียอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 5% มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 4.20 แสนล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนโครงการลงทุนด้านการคมนาคมของภาครัฐบาล ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 53,742 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 13% และรายได้ 50,500 ล้านบาท หรือเติบโต >10% รวมถึงการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้เติบโต >13.5% โดยมาจากแผนการเปิดโครงการใหม่ จำนวน 75 โครงการ มูลค่า 66,700 ล้านบาท และการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ รวมถึงการร่วมกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้าให้ดียิ่งขึ้น อาทิ การใช้เสาเข็มมาตรฐาน มอก. ของ GEL, ร่วมมือกับ SCG พัฒนาวัสดุก่อสร้างที่ทันสมัยมาใช้ในโครงการ และการพัฒนาคุณภาพสีทาบ้านร่วมกับ TOA เป็นต้น ด้านความคืบหน้าของโรงพยาบาลวิมุตขณะนี้โครงการได้ผ่าน EIA และกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างโดยใช้งบประมาณ 650 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ในปี 2020 ด้าน นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในปีนี้ภาพรวมตลาดของกลุ่มธุรกิจแวลูมีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน อยู่ที่ 4.79% ทั้งตลาดบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม สำหรับแผนกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจแวลูในปีนี้ยังคงเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดับกลาง-ล่าง เพื่อรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเดิม และขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังระดับกลาง – บนมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมในทุกเซ็กเมนต์ โดยนำนวัตกรรม “พฤกษา 4.0” มาใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยทุกโครงการ พร้อมจับมือร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาโครงการแนวราบบนถนนบางนา-วงแหวน มูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการเมกะโปรเจคที่ใหญ่ที่สุดของปีนี้ นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในปีนี้พฤกษาเตรียมเดินหน้าลุยตลาดพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,800 ล้านบาท และเป้ารายได้ไว้ที่ 3,500 ล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่ จำนวน 8 โครงการ มูลค่า 10,260 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องครั้งใหญ่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และมีปัจจัยความเสี่ยงของการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ บริษัทฯ จึงเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีจำนวนยูนิตไม่เยอะ ซึ่งจะให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า โดยพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบใหม่ให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัวเพื่อสร้างความแตกต่างจากตลาดและคู่แข่ง ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าพฤกษาได้ประสบความสำเร็จในตลาดพรีเมียมเป็นอย่างสูง และในปีนี้ก็มั่นใจได้ว่าจะเป็นอีกปีที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้เช่นกัน
แกรนด์ ยูนิตี้ รุกขยายกลุ่มเป้าหมายในเมือง ยึดทำเลติดรถไฟฟ้า พร้อมปรับแบรนดิ้งใหม่ ตั้งเป้าดันยอดขายกว่าเท่าตัวในปีนี้

แกรนด์ ยูนิตี้ รุกขยายกลุ่มเป้าหมายในเมือง ยึดทำเลติดรถไฟฟ้า พร้อมปรับแบรนดิ้งใหม่ ตั้งเป้าดันยอดขายกว่าเท่าตัวในปีนี้

บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (Grand Unity Development Co., Ltd.) หนึ่งในบริษัทชั้นนำผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียม ในเครือบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) พร้อมเดินหน้าธุรกิจในปี 2561 รุกขยายกลุ่มเป้าหมายในเมืองด้วยทำเลใหม่ติดรถไฟฟ้า พร้อมการปรับแบรนดิ้งใหม่ให้ชัดเจนเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Simply Makes Sense. เดินหน้าเปิดตัวสี่โครงการคอนโดใหม่ โดยในปี 2561 นี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 10,000 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตประมาณ 160% จากปีที่ผ่านมา (ยอดขายในปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 3,800 ล้านบาท) ในปีนี้ แกรนด์ ยูนิตี้ พร้อมเสริมศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อตอบโจทย์การตลาดที่มีการแข่งขันสูงและไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการขยายกลุ่มเป้าหมายขึ้นสู่ตลาดบนมากขึ้น กับการเสนอทำเลใหม่ติดสถานีรถไฟฟ้า จากโครงการเดิมที่ได้ทำเลใกล้รถไฟฟ้า 500 เมตร ถึง 1 กิโลเมตร เป็นทำเลติดสถานีรถไฟฟ้า เพื่อรับกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อมากขึ้น โดยได้ 4 ทำเล ที่มี 4 จุดเด่นพร้อมเปิดตัวในปีนี้ ซึ่งทั้ง 4 โครงการนี้มีมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท และอีกหนึ่งกลยุทธ์หลักของปีนี้คือการสร้างตัวตนและเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจนขึ้น โดยยกแนวคิด Simply Makes Sense. สื่อวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าและผู้ลงทุน ว่าบริษัทใส่ใจทุกรายละเอียด และเข้าใจในกลุ่มลูกค้า เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้ “ใช้ชีวิต...บนเหตุผลของคุณ” อย่างแท้จริง ด้วยการมอบพื้นที่การอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตโดยออกแบบมาเพื่อให้เกิดความสะดวกสบายและลงตัวในทุกการใช้งาน ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งผู้พักอาศัยสามารถมั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มค่าในการอยู่อาศัยกับทุกโครงการของ แกรนด์ ยูนิตี้ นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า “ด้วยแนวโน้มของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่เน้นเลือกโครงการคอนโดในทำเลที่เดินทางสะดวก และสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง  แกรนด์ ยูนิตี้เราจึงเลือกสรรทำเลใหม่ติดรถไฟฟ้า ตอบความต้องการของผู้พักอาศัย และให้ความสำคัญกับงานดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง ใช้วัสดุคุณภาพ คำนึงถึงความสมเหตุสมผลของราคากับสิ่งที่ได้รับ และทุกโครงการต้องการผ่านรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก่อนเริ่มขายทุกโครงการด้วย” ซึ่งรายละเอียดที่สะท้อนถึงความใส่ใจที่แกรนด์ ยูนิตี้มอบให้กับผู้อยู่อาศัย ได้แก่ การติดตั้ง Tempered Glass หรือกระจกนิรภัยทั้งโครงการ ที่มอบความปลอดภัยและอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย การติดตั้ง WC Pod หรือห้องน้ำสำเร็จรูปที่ง่ายต่อการดูแลง่ายและซ่อมแซมได้โดยไม่รบกวนผู้พักอาศัยห้องรอบข้าง และ Private Balcony หรือการออกแบบระเบียงให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง ทั้งยังเรียบร้อยสะอาดตา ให้ความเป็นส่วนตัวด้วยระแนงที่ออกแบบมาอย่างดี นอกจากนี้ แกรนด์ ยูนิตี้ ยังได้พันธมิตรในการออกแบบอาคาร การตกแต่งภายใน การพัฒนานวัตรกรรมสำหรับการก่อสร้าง และการบริหารงานก่อสร้างจากทีมชั้นนำของประเทศ อาทิ บริษัท ดีพี อาร์คิเทคส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท พี ไอ เอ อินทีเรีย จำกัด บริษัท สยามสตีลอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด รวมถึงบริหารจัดการโครงการโดยบริษัท เซนเซส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด “ในปี 2561 นี้ แกรนด์ ยูนิตี้ ตั้งเป้าหมายหลักในการสร้างเอกลักษณ์และจุดยืนที่ชัดเจนในสายตาของผู้บริโภค เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยนำเสนอความเรียบง่าย และ make sense ในทุกพื้นที่ของการอยู่อาศัย” นายสิริพงศ์ กล่าวเสริม ล่าสุดแกรนด์ ยูนิตี้ ประกาศเปิดตัว 4 โครงการใหม่ในปี 2561 คือ เซียล่า (Ciela) เดอ ลาพีส (De Lapis)  เดนิม (Denim) และ แมสซารีน (Mazarine) โดยมีโลเคชั่นติดรถไฟฟ้า บนทำเลที่เป็นเป็นแหล่งชุมชน หรือศูนย์รวมการคมนาคมของกรุงเทพฯ และมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง อาทิ โครงการย่านมหาวิทยาลัยศรีปทุม โครงการวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้วิวโค้งน้ำสวยไม่เหมือนใคร  หรือแหล่งช้อปปิ้งย่านจตุจักร เป็นต้น “ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 เราจะเปิดสองโครงการ คือ เซียล่า (Ciela) สำหรับผู้ที่ต้องการพักอาศัยในทำเลย่านการศึกษาของมหาวิทยาลัยศรีปทุม และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเดอ ลาพีส (De Lapis) ที่จะมาตอบโจทย์ผู้มองหาคอนโดริมแม่น้ำย่านจรัญสนิทวงศ์ 81 ซึ่งทั้งสองโครงการจะตอบรับกับแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้น ให้ลูกค้าของเราสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ในกรุงเทพฯ ได้อย่างง่ายดาย โดยเราหวังว่าความโดดเด่นของสองโครงการนี้จะช่วยยกระดับการอยู่อาศัยของคนเมือง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตบนเหตุผลของตัวคุณเองมากขึ้น” นายสิริพงศ์ กล่าวปิดท้าย  
ชินวะ เรียล เอสเตท ไทยแลนด์ บินตรงญี่ปุ่น เยี่ยมชมสำนักงานใหม่ พร้อมรวบรวมนวัตกรรมสุดล้ำ เข้าโครงการใหม่ปีนี้

ชินวะ เรียล เอสเตท ไทยแลนด์ บินตรงญี่ปุ่น เยี่ยมชมสำนักงานใหม่ พร้อมรวบรวมนวัตกรรมสุดล้ำ เข้าโครงการใหม่ปีนี้

มร.โทโมยาสุ ยามาเบะ กรรมการผู้จัดการ และ นายวิชัย จุฬาโอฬารกุล กรรมการบริหาร บริษัท ชินวะ เรียล เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด บินตรงสู่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ต้นปี เพื่อเยี่ยมชมสำนักงานใหม่ของ ชินวะ กรุ๊ป พร้อมทั้งเดินสายเยี่ยมชมโครงการและรวบรวมนวัตกรรมการก่อสร้างและกิมมิคใหม่ๆ เพื่อเตรียมนำมารุกตลาดโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยปีนี้ หลังประสบความสำเร็จอย่างสวยงามจากโครงการรูเนะสุ ทองหล่อ 5 เมื่อปีที่แล้ว
ออลล์ อินสไปร์ กางแผนปี 61 เดินหน้าบุกอสังหาฯ เต็มรูปแบบ ลุยเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท

ออลล์ อินสไปร์ กางแผนปี 61 เดินหน้าบุกอสังหาฯ เต็มรูปแบบ ลุยเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท

บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และผู้นำในเรื่องการออกแบบที่อยู่อาศัยที่มีดีไซน์ตรงกับความต้องการของลูกค้า ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เดินหน้าวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000  ล้านบาท เตรียมขยายตลาดอสังหาฯ เต็มรูปแบบ โดยในปีนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของการบุกตลาดทั้งโครงการแนบราบ โครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบ High Rise และโครงการคอนโดมิเนียมระดับ ลักชัวรี่   คาดรายได้ปีนี้เติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท มองอนาคตเติบโตแบบก้าวกระโดด นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2561 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ยังคงมีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง เนื่องจากภาครัฐเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าหลายเส้นทางที่จะเริ่มทยอยเสร็จจะเป็นตัวช่วยผลักดันให้ตลาดเติบโต รวมถึงหนี้ภาคครัวเรือนในกลุ่มของลูกค้าระดับกลาง ระดับล่าง ที่มีแนวโน้มการปรับตัวลดลง จะเป็นปัจจัยเสริมให้ปีนี้เกิดกำลังการซื้อที่อยู่อาศัย และเกิดการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น บริษัทฯ เริ่มต้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบันพัฒนาโครงการมาแล้ว 11 โครงการ รวมกว่า 4,000 ยูนิต มูลค่ากว่า 8,700 ล้านบาท  ในส่วนของยอดขายปี 2560 อยู่ที่ 5,500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปี 2559 ที่มียอดขาย 2,300 ล้านบาท ขณะที่มียอดขายรอรับรู้รายได้ประมาณ 7,500 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นบริษัทอสังหาฯ น้องใหม่ที่เติบโตได้รวดเร็ว สำหรับแผนดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ในปีนี้อย่างน้อย 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของการบุกตลาดทั้งโครงการแนวราบ โครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบ High Rise และโครงการคอนโดมิเนียมระดับ ลักชัวรี่ นอกจากนี้ยังตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้านบาท  ยอดขาย อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท  ซึ่งยังคงพัฒนาโครงการโดยเน้นทำเลใกล้รถไฟฟ้าเดินทางสะดวก มากไปกว่านั้นต้องเป็นที่อยู่อาศัยที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ และสร้างประสบการณ์ชีวิตเหนือระดับให้แก่ผู้พักอาศัย สำหรับโครงการที่เป็นไฮไลท์ของปีนี้  คือ โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ จับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์และชาวต่างชาติ โครงการแนวราบพัฒนาในรูปแบบทาวน์โฮม และ โครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบ High Rise   ซึ่งทั้ง 3 โครงการถือว่าเป็นครั้งแรกในการบุกตลาดเซกเมนท์ใหม่ของ ออลล์ อินสไปร์ฯ เพื่อปรับตัวรับการแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้น ด้วยการขยายสินค้าไปในทุกสินค้า ทุกระดับราคา สร้างความยืดหยุ่นและบริหารความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ “ตลอดระยะเวลาของการดำเนินงาน บริษัทฯ วางรากฐานการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยให้ความสำคัญกับทุกบริบทและในทุกมิติความต้องการของผู้อยู่อาศัย รวมถึงการออกแบบที่อยู่อาศัยที่มีดีไซน์ตรงกับความต้องการของลูกค้าในราคาที่น่าจับต้องแล้ว ตามสโลแกน “Class of Living” มากกว่าการส่งมอบเพียงแค่ที่อยู่อาศัย เพราะชีวิตที่มีระดับ คือชีวิตที่คุณเลือกเอง” คุณธนากร กล่าวตอนท้าย ติดตามข่าวสารข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.allinspire.co.th หรือโทร 02 029 9999
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ บุกทำเลเทพารักษ์ รับรถไฟฟ้า ‘เหลือง-เขียว’ คืบหน้า เปิดตัว ‘ลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ ทาวน์โฮม - แลนซีโอ คริป บ้านหลังใหญ่’ ปรากฏการณ์ใหม่ของการอยู่อาศัยบนใจกลางทำเลเทพารักษ์

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ บุกทำเลเทพารักษ์ รับรถไฟฟ้า ‘เหลือง-เขียว’ คืบหน้า เปิดตัว ‘ลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ ทาวน์โฮม - แลนซีโอ คริป บ้านหลังใหญ่’ ปรากฏการณ์ใหม่ของการอยู่อาศัยบนใจกลางทำเลเทพารักษ์

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บุกตลาดโซนเทพารักษ์ เตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ “ลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ (LALIN TOWN Lio Bliss) เทพารักษ์-ตำหรุ” ปรากฏการณ์ใหม่ของการอยู่อาศัยบนใจกลางทำเลเทพารักษ์ ทาวน์โฮม 4 ห้องนอน 2 ที่จอดรถส่วนตัว พร้อมนวัตกรรมครัวไทย ในราคา Pre-Sale เพียง 1.89 ล้านบาท และ “ลลิล ทาวน์ แลนซีโอ คริป (LALIN TOWN Lanceo Crib) เทพารักษ์-ตำหรุ” บ้าน 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถ ปรับฟังก์ชั่นใช้สอยได้ตามใจ ในราคาเริ่มต้น 3-5 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขานรับแผนการลงทุนระบบขนส่งมวลชน สายสีเหลือง-สายสีเขียว เปิดลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ช้อปฟรีทั่วกรุง  20,000 บาท คลิก!! Lio Bliss : http://bit.ly/lalinliotamru Pre-sale วันที่ 20-21 มกราคม 2561 Lanceo Crib : http://bit.ly/lalinlanceotamru Pre-sale ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) มองตลาดที่อยู่อาศัยทำเลกรุงเทพตะวันออก ช่วง เทพารักษ์ ศรีนครินทร์ สุขุมวิท มาแรง เพราะรับแรงกระตุ้นจากความคืบหน้าของแผนการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และ รถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยายสมุทรปราการ-บางปู) ที่มีแผนก่อสร้างและจะเปิดให้บริการในอนาคต ช่วยเสริมความน่าสนใจ และความสะดวกในการคมนาคมให้กับทำเลดังกล่าวยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีถนนใหญ่ ขนาด 6-8 เลน รองรับแล้ว ประกอบกับทำเลดังกล่าวสามารถเชื่อมต่อถนนวงแหวนรอบนอกและทางด่วนบูรพาวิถี ซึ่งมุ่งตรงและเชื่อมต่อทุกมุมเมืองของกรุงเทพฯ รวมทั้งยังเป็นที่ตั้งของสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงใกล้ห้างสรรพสินค้าเมกา บางนา และ อีเกีย ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะโครงการแนวราบทำเลกรุงเทพตะวันออก ช่วง เทพารักษ์ ศรีนครินทร์ สุขุมวิท มีความต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทฯเตรียมเปิดตัวโครงการแนบราบในคอนเซปต์มิกซ์ยูส ภายใต้แบรนด์ ลลิลทาวน์ (LALIN TOWN) เพื่อรองรับตลาด พร้อมกัน 2 โครงการ ประกอบด้วย “ลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ (LALIN TOWN Lio Bliss) เทพารักษ์-ตำหรุ” ปรากฏการณ์ใหม่ของการอยู่อาศัยบนใจกลางทำเลเทพารักษ์ ทาวน์โฮม ฟังก์ชั่นใหญ่ ขนาด 4 ห้องนอน 2 ที่จอดรถส่วนตัว พร้อมครัวไทย ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท และ “ลลิล ทาวน์ แลนซีโอ คริป (LALIN TOWN Lanceo Crib) เทพารักษ์-ตำหรุ” บ้านหลังใหญ่ ขนาด 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถ โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นใช้สอยปรับได้ตามใจ ในราคาเริ่มต้น 3-5 ล้านบาท สำหรับจุดเด่นของทั้ง 2 โครงการ อยู่ที่การวางผังและพื้นที่สีเขียวของโครงการให้มีความร่มรื่นน่าอยู่ ในขณะที่การออกแบบตัวบ้าน มีดีไซน์โมเดิร์นทันสมัยในสไตล์ Modern Stripe Contemporary ซึ่งออกแบบโดยบริษัทออกแบบที่มีผลงานยอมรับในระดับโลก ให้เต็มที่กับฟังก์ชั่นการใช้งานที่เพิ่มขึ้น เพื่อทุกพื้นที่ในบ้านใช้งานได้สูงสุด ตอบโจทย์ความต้องการยิ่งกว่ากับ ทาวน์โฮมที่มาพร้อมนวัตกรรมครัวไทย และบ้านหลังใหญ่ที่สามารถปรับฟังก์ชั่นใช้สอยได้ เพื่อตอบโจทย์โมเดิร์นไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ นอกเหนือจากนั้นทั้ง 2 โครงการ ตั้งอยู่บนทำเลคุณภาพ ใจกลางเทพารักษ์ ที่รองรับการขยายตัวของทั้งระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยายสมุทรปราการ-บางปู) นอกจากนี้ ยังเดินทางเพียง 15 นาที ถึงสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง ที่สามารถเชื่อมต่อสู่เมืองได้อย่างสะดวกสบาย แวดล้อมด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิเช่น เมกา บางนา , อีเกีย , Market village สุวรรณภูมิ, Big C บางพลี, Lotus city park บางพลี, Robinson สมุทรปราการ, ไบเทคบางนา, สนามบินสุวรรณภูมิ และ ทางด่วนกาญจนาฯ สำหรับผู้ที่สนใจและกำลังมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลเทพารักษ์ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เปิดให้ลงทะเบียน Pre-Sale โครงการ “ลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ (LALIN TOWN Lio Bliss) เทพารักษ์-ตำหรุ” ทาวน์โฮม ฟังก์ชั่นใหญ่ ขนาด 4 ห้องนอน 2 ที่จอดรถส่วนตัว พร้อมนวัตกรรมครัวไทย ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท และ “ลลิล ทาวน์ แลนซีโอ คริป (LALIN TOWN Lanceo Crib) เทพารักษ์-ตำหรุ” บ้านหลังใหญ่ ขนาด 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถ โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นใช้สอยปรับได้ตามใจ ในราคาเริ่มต้น 3-5 ล้านบาท เปิดลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ช้อปฟรีทั่วกรุง  20,000 บาท คลิก! (Lio Bliss) http://bit.ly/lalinliotamru และ (Lanceo Crib) http://bit.ly/lalinlanceotamru สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ไลโอ บลิสซ์ โทร. 065-510-6041, แลนซีโอ คริป โทร. 065-510-6042 หรือเว็บไซต์ www.lalinproperty.com และ Line@ LalinSociety
‘เอพี ไทยแลนด์’ จับมือ ‘มูจิ’ ไลฟ์สไตล์แบรนด์ดังระดับโลก นำเสนอพื้นที่พักอาศัยสไตล์ญี่ปุ่น ผสานชีวิตส่วนตัวและการทำงานอย่างลงตัว

‘เอพี ไทยแลนด์’ จับมือ ‘มูจิ’ ไลฟ์สไตล์แบรนด์ดังระดับโลก นำเสนอพื้นที่พักอาศัยสไตล์ญี่ปุ่น ผสานชีวิตส่วนตัวและการทำงานอย่างลงตัว

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการ อสังหาริมทรัพย์และเจ้าแห่งนวัตกรรมคอนโดมิเนียมเพื่อส่งมอบ ‘คุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์อย่างยั่งยืน’ จับมือ ไลฟ์สไตล์แบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลก มูจิ ประเทศไทย (MUJI) ร่วมนำเสนอการดีไซน์ห้องชุดสู่อัตลักษณ์ใหม่ของสเปซคุณภาพ ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ชีวิตในอนาคต ด้วยดีไซน์พื้นที่การใช้ชีวิตที่ผสานชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว ผ่านความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์สเปซสำหรับการอยู่อาศัยของเอพี และความชำนาญในเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นการใช้งาน เพื่อการอยู่อาศัยอย่างพอเพียง พอดีและเป็นมิตรกับโลกของมูจิ นำร่องโครงการแรก Life  ปิ่นเกล้า ไฮเอ็นด์คอนโดพร้อมเข้าอยู่แห่งแรกและแห่งเดียวใจกลางปิ่นเกล้า ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท พร้อมเปิดชมห้องจริงแล้ววันนี้ นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์มากกว่า 25 ปีของเราที่เข้าใจการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์คนเมือง เรามีความเชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่การใช้ชีวิตคุณภาพ เอพีจึงมุ่งนำเสนอการออกแบบที่อยู่อาศัยร่วมกันแห่งอนาคต ผ่านวิธีการมองสเปซในทุกมิติ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมที่ทุกตารางนิ้วมีคุณค่า จึงต้องใช้ได้อย่างมากประโยชน์ ในครั้งนี้เราได้ผสานความเชี่ยวชาญในการบริหารสเปซของเรา ผนวกกับความเป็น Function Expert ของ  MUJI ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องความเรียบง่ายของผลิตภัณฑ์แล้ว แนวคิดการออกแบบของมูจิที่ละเอียดอ่อนในทุกๆขั้นตอน ยังสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของคนไทยยุคใหม่ ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้งานได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดทุกตารางนิ้ว” “โปรเจคพิเศษการออกแบบห้องชุด 1 Bedroom plus ขนาด 35 ตร.ม. โครงการ Life ปิ่นเกล้า โดดเด่นด้วยการโชว์เอกลักษณ์วัสดุจากธรรมชาติ อาทิ ลวดลายไม้ หิน และสวนแนวตั้ง ภายใต้วิธีคิดการวางแผนการใช้ชีวิตด้วยการออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพและผลิตภัณฑ์ตกแต่งมากประโยชน์ของมูจิ ทำให้เกิดความลงตัวของการผสานพื้นที่ส่วนตัวและชีวิตการทำงานเข้าไว้ด้วยกัน ในคอนเซปต์ “Co-working Space Insert layout” จัดสรรพื้นที่ห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ทำงาน ที่ผสานได้อย่างลงตัวกับการใช้ชีวิตประจำวัน ชั้นวางของ และตู้เก็บของสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน พื้นที่ทำงานขนาดใหญ่รองรับการทำงานเป็นกลุ่ม ทั้งยังสามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนได้ ผนังห้องสามารถใช้เขียน หรือปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สำหรับฉายโปรเจคเตอร์ หรือสามารถตกแต่งเพื่อความสวยงามได้เช่นเดียวกัน” นายวิทการ กล่าวเสริม มร. อากิฮิโระ คาโมโกริ กรรมการผู้จัดการ บจก. มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) กล่าวว่า “แบรนด์ MUJI เติบโตอยู่บนแนวคิดเชิงพัฒนาที่แตกต่างจากไลฟ์สไตล์แบรนด์อื่นๆ ที่เน้นความชัดเจนในด้านคอนเซปท์ด้วยแนวคิด Compact Life โดยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้รับการออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อการใช้งานจริงได้อย่างหลากหลาย ด้วยความโดดเด่นของการเลือกใช้วัสดุอิงธรรมชาติ  พร้อมด้วยโทนสีที่เน้นความสุขุมของผลิตภัณฑ์ ที่จะช่วยขับความโดดเด่นของงานอินทีเรียดีไซน์เพื่อสร้างสเปซให้เด่นยิ่งขึ้น พร้อมส่งเสริมความสำเร็จในการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและยั่งยืน และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน ” โครงการ Life ปิ่นเกล้า คอนโดมิเนียม 23 ชั้น บนเนื้อที่ 4.3 ไร่ มีทั้งหมด 803 ยูนิต ตั้งอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางยี่ขันเพียง 40 เมตร ผสมผสานรูปแบบแนวคิดญี่ปุ่น ที่มีความละเมียดละไม ทั้งยังนำความเป็นธรรมชาติเข้ามาอยู่ใกล้ตัวมากขึ้น ด้วยสระว่ายน้ำบรรยากาศในสวนแบบญี่ปุ่น และล็อบบี้เปิดรับวิวต้นไม้ เอพี ไทยแลนด์ เชิญเยี่ยมชมสเปซจริงการออกแบบห้องชุด 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตารางเมตร  ที่ๆ พื้นที่การใช้ชีวิตและการทำงาน ถูกดีไซน์ให้สอดผสานกันได้อย่างลงตัว ตอบรับไลฟ์สไตล์ของชีวิตในอนาคต พร้อมเปิดให้เข้าชมแล้ววันนี้ที่ Life ปิ่นเกล้า ข้อมูลเพิ่มเติม 1623 หรือ www.apthai.com

1 ... 77 78 79 ... 105