Major Lifesape

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ อีก 5 ปีทรานฟอร์ม สู่ Lifescape Developer

ทุกวันนี้ การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ตอบโจทย์ในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานและการอยู่อาศัย ถือเป็นเรื่องพื้นฐาน และธรรมดาที่ทุกโครงการต้องมี เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบาย และมีราคาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายสามารถซื้อได้ ซึ่งทุกดีเวลลอปเปอร์ทำกันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว  แต่จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก และยังทำให้รูปแบบการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตปกติประจำวัน เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกด้วย

 

โจทย์สำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของดีเวลลอปเปอร์นับจากนี้ จึงไม่ได้ตอบโจทย์เพียงแค่การอยู่อาศัยเท่านั้น แต่ต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยด้วย ซึ่งแน่นอนคำตอบไม่ใช่แค่เรื่องของการพัฒนาที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่หมายความคือ สิ่งต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตและการใช้ชิวิตของผู้อยู่อาศัยด้วยนั่นเอง

 

จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หลายดีเวลลอปเปอร์เริ่มเพิ่มสินค้าและบริการที่จะมาตอบสนองความต้องการและการใช้ชีวิตของลูกค้าตนเอง สิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน​ คือ เรื่องของสุขภาพและสุขอนามัย ที่หลายดีเวลลอปเปอร์ได้นำมาให้บริการกับลูกค้า ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบริษัท เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) คือหนึ่งในดีเวลลอปเปอร์ที่ก้าวไปในทิศทางดังกล่าวด้วย

Major Lifescape 5years

ลงทุน 150 ล.ลุยธุรกิจสุขภาพเทคโนโลยี

นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย่า ในปีนี้บริษัทเตรียมเงินลงทุน​ 150 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจใหม่ ได้แก่ ​ธุรกิจด้านสุขภาพ (Healthsape) ซึ่งจะมีการผลิตสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวกับสุขภาพออกมาให้บริการ ซึ่งใช้งบลงทุน 100 ล้านบาท  และภายใน 5 ปีจะใช้งบลงทุนราว 500 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังขยายธุรกิจด้าน​เทคโนโลยี (Techsape) ปีนี้คาดใช้งบลงทุน 50 ล้านบาท และ 5 ปี จะใช้ งบลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

 

เทคโนโลยีและสุขภาพ เข้ามามีบทบาทกับผู้คนมากขึ้น ตั้งแต่เกิดจนตาย และเรามองเป็น Future Opportunity ที่อีก 10 ปีข้างหน้าจะมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของคนมากขึ้น

ปี 68 ทรานฟอร์มสู่ Lifescape Developer

จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่นำมาสู่รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป และเกิดความต้องการที่อยู่อาศัยไม่ใช่แค่ปัจจัย 4 แต่ต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตด้วย ทำให้ เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งผ่านวิกฤตโควิด-19 ที่ถือว่าเป็นวิกฤตที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจมากที่สุด หากเปรียบเทียบกับในอดีตที่เผชิญวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551 แต่บริษัทสามารถผ่านพ้นมาได้ จึงได้นำเอาจุดแข็งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา มาปรับให้เข้ากับวิสัยทัศน์ใหม่ในการขับเคลื่อนองค์ต่อไปในอนาคต ด้วยการมองเทรนด์และโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กับรูปแบบและวิถีชีวิตของคนที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

 

โดยวางแผนธุรกิจภายในระยะ 5 นับจากนี้ หรือภายในปี 2568 สู่การเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต หรือ Lifescape Developer ไม่ใช่ดีเวลลอปเปอร์ที่พัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นความจำเป็นพื้นฐานของคนเพียงอย่างเดียว แต่จะมีหลากหลายธุรกิจ ที่เข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้น ซึ่งดำเนินการภายใต้แนวคิด “Crafting Lifescape to Excellence” ซึ่งมีด้วยกัน 5 แกนหลัก ได้แก่

1.Attention to Details

ทุกรายละเอียดมีความหมาย เน้นใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อสะท้อนความเป็นลักชัวรีในทุกเซ็กเมนต์

2.Understanding Lifestyle

เข้าใจการใช้ชีวิตที่แตกต่าง มุ่งพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกบริบท

3.Top-Notch Quality

คุณภาพสำคัญเป็น ที่หนึ่ง ด้วยการจัดการด้านคุณภาพแบบครบวงจร ตั้งแต่ก่อนการก่อสร้าง กระทั่งหลังการส่งมอบโครงการ

4.Best Caring Service

บริการด้วยหัวใจ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ ที่เหนือระดับให้กับลูกบ้าน

5.Enduring Purpose

คิดทุกมิติ เพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน

Major Lifescape 5keys

เพิ่มพอร์ตธุรกิจใหม่ 20%

สำหรับเป้าหมายในระยะ 5 ปี หลังจากการปรับโครงการธุรกิจ จะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย โดยรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจอสังหาฯ แต่จะมีรายได้อื่นเสริมเข้ามา โดยตั้งเป้าหมาย มีรายได้รวมที่ 12,000 ล้านบาท ในปี 2568  ธุรกิจอสังหาฯ​เพื่อขาย มีสัดส่วน 65% จากปี 2563 อยู่ที่ 96% ขณะที่รายได้ประจำจากธุรกิจสำนักงานและโรงแรม มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 8% จากปีก่อนอยู่ที่ 3% ส่วนรายได้ จากงานบริการ ซึ่งดำเนินการภายใต้บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด หรือ MDPC มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 7% จากปีก่อนที่ 1% และธุรกิจใหม่ จะมีสัดส่วน 20% จากปัจจุบันยังไม่มีรายได้

ส่วนธุรกิจอสังหาฯ นีนี้ บริษัทยังคงมีการเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดตัว 5 โครงการใหม่ มูลค่า11,300 ล้านบาท เน้นกลุ่มลักชัวรี เป็นแนวราบ  2 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 35%   และคอนโด 3 โครงการ มูลค่ารวม 7,300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 65%  นำร่องด้วยบ้านเดี่ยวโครงการ Malton Gates กรุงเทพกรีฑา มูลค่า 2,000 ล้านบาท ภายใต้แนวคิดที่ตอบโจทย์สุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งร่วมพัฒนากับพันธมิตรสถาบันชั้นนำด้านสุขภาพ

 

ปีนี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขาย ไว้ที่ 7,500 ล้านบาท คาดรายได้รวม 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ รวม 7,598 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการทยอย ส่งมอบโครงการอสังหาฯ เพื่อขายตามแผน ประมาณ 7,000 ล้านบาท และการรับรู้ รายได้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาฯ (สำนักงาน, โรงแรม, บริการ) ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมียอด รอรับรู้รายได้ (Backlog) ทั้งหมด 6,400 ล้านบาท จะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด