Tag : condo

1512 ผลลัพธ์
เอพี ไทยแลนด์ ปี68 พร้อมต่อยอดครองความเป็นหนึ่ง สร้างที่สุด…ให้ชีวิตดีที่สุด

เอพี ไทยแลนด์ ปี68 พร้อมต่อยอดครองความเป็นหนึ่ง สร้างที่สุด…ให้ชีวิตดีที่สุด

เอพี ไทยแลนด์ ปี68 พร้อมต่อยอดครองความเป็นหนึ่ง สร้างที่สุด...ให้ชีวิตดีที่สุด เปิดโครงการใหม่มูลค่า 65,000 ล้านบาท ที่สุดทุกมิติในอุตสาหกรรม    บมจ. เอพี ไทยแลนด์ ตั้งเป้าปี 2568 ขยายพอร์ตสินค้าในเครือเอพีพร้อมขายกระจายทั่วประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 226 โครงการ โดยเป็นโครงการพัฒนาใหม่ จำนวน 42 โครงการ มูลค่าประมาณ 65,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท ทาวน์โฮม และบ้านแฝด 18 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 20,200 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่า 3,300 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 55,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 52,900 ล้านบาท   ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา (2567) บริษัทฯ มียอดขายสุทธิสูงสุดในอุตสาหกรรมถึง 46,752 ล้านบาท มีรายได้รวมจากสินค้ากลุ่มแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 47,125 ล้านบาท กำไรสุทธิเท่ากับ 5,020 ล้านบาท และมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.70 เท่า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการบริหารจัดการสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนในระดับที่ไม่เกิน 1 เท่า ณ 23 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้มูลค่า 41,621 ล้านบาท     เจาะกลยุทธ์ เอพี “สร้างที่สุด...ให้ชีวิตดีที่สุด”   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า บริษัทฯ​ ยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ใหญ่ “ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” และในปี 2568 นี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีของความท้าทายด้วยปัจจัยต่างๆ รอบด้าน แต่อย่างไรก็ตามเพื่อคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในปีนี้ทุกกลุ่มธุรกิจในเครือเอพี ไทยแลนด์ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจไปด้วยกัน ภายใต้แผนกลยุทธ์ “สร้างที่สุด...ให้ชีวิตดีที่สุด” ด้วยการสร้างที่สุดในทุกๆ มิติ ทั้งผ่านสินค้าหลักอย่างบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม บ้านแฝด และคอนโดมิเนียม หรือผ่านประสบการณ์การอยู่อาศัยด้วยเซอร์วิสต่างๆ ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้น เพื่อส่งมอบชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ให้กับทุกคน   ทั้งนี้ปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายอสังหาริมทรัพย์ไว้ที่ 55,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 52,900 ล้านบาท กับที่สุดแรกด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 42 โครงการ มูลค่า 65,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท ทาวน์โฮมและบ้านแฝด จำนวน 18 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 20,200 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่า 3,300 ล้านบาท และเมื่อรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (ongoing projects) จะทำให้ เอพี ไทยแลนด์เป็นที่สุดด้วยจำนวนโครงการมากที่สุดรวม 226 โครงการ ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย   ด้วยเทรนด์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เอพีเราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัย ตลอดจนเซอร์วิสต่างๆ ให้สอดรับกับวิถีชีวิตและความต้องการที่เปลี่ยนไป ซึ่งภายใต้กลยุทธ์ “สร้างที่สุด...ให้ชีวิตดีที่สุด” นั้น บริษัทฯ ได้ทำงานร่วมกับทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ เพื่อนำพาเอพีครองความเป็นหนึ่ง ตลอดจนสร้างที่สุดให้เกิดขึ้นในทุกๆ Touch Point ของการอยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์เครือเอพี โดยมี 3 DNA สำคัญในการส่งมอบความเป็นที่สุดที่ลูกค้าจะสัมผัสได้จากโครงการใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในปีนี้ ได้แก่     Diversity & Desires สร้างที่สุด...ให้ทุกพื้นที่สะท้อนตัวตน บนความเข้าใจในความแตกต่างและความชอบส่วนตัว เพื่อให้สิ่งที่เป็นที่สุดในชีวิต อยู่กับคุณตลอดไป ครอบคลุมทุกมิติของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่การให้ความสำคัญในการพัฒนาแบบบ้านโมเดลใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกพื้นที่รองรับกับไลฟ์สไตล์ที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น รวมถึงการเลือกทำเลศักยภาพ ซึ่งเป็นจุดแข็งของเอพี เพื่อให้บ้านที่คุณเลือก เป็นที่สุดในชีวิตที่อยู่กับคุณตลอดไป   Craft Space & Design สร้างที่สุด...ในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันในทุกรายละเอียด เพื่อการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ ด้วยการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยแนวคิด Empathy Design ที่นอกเหนือจากการสร้างพื้นที่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แล้ว แต่ยังเติมเต็มสุนทรียศาสตร์ในการอยู่อาศัย สร้างเสน่ห์ให้ทุกประสบการณ์พิเศษและแตกต่าง ด้วยดีไซน์ที่งดงามเหนือกาลเวลา   Elevation & Intuitive Living สร้างที่สุด...ให้ทุกสิ่งรอบตัวเป็นเรื่องง่าย เพื่อชีวิตดีๆ ที่ไม่ต้องคิด ด้วย Service ที่ทำให้ทุกเรื่องง่าย ตอบโจทย์ชีวิตอย่างลงตัว ด้วยความตั้งใจในการออกแบบประสบการณ์ที่ทำให้การอยู่อาศัยเป็นเรื่องง่าย สบาย และสมบูรณ์แบบ โดยไม่ต้องคิดหรือจัดการให้ยุ่งยาก เพราะทุกอย่างถูกคิดและเตรียมไว้ให้แล้ว ด้วยบริการต่างๆ ในเครือเอพี ไทยแลนด์ ที่ครอบคลุมทุกเรื่องการอยู่อาศัย   เบอร์ 1 ผู้นำตลาดทาวน์โฮมและบ้านแฝดที่ไม่หยุดนิ่ง  นายเมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮมและบ้านแฝด บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมเอพีมีอัตราการเติบโตด้านยอดขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% ในปีที่ผ่านมา จนทำให้วันนี้เรายังคงครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มสินค้าทาวน์โฮมและบ้านแฝดมากที่สุด สำหรับในปีนี้กลุ่มธุรกิจทาวน์โฮมและบ้านแฝดยังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งในทุกมิติ โดยตั้งเป้าสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมสานต่อกลยุทธ์หลักขององค์กร ในการ “สร้างที่สุด...ให้เกิดขึ้นในทุกมิติ เพื่อให้ลูกค้าก้าวไปสู่ที่สุดของชีวิต” โดยในปีนี้เรามีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 18 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท ครอบคลุมครบทั้ง 6 Sub-Brand ตั้งแต่ระดับราคา 1.49 - 25 ล้านบาท   ทั้งนี้ สร้างที่สุดแรกคือ การเป็นอันดับ 1 ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝดครอบคลุมทุกโซนของกรุงเทพฯ มากที่สุด ภายใต้กลยุทธ์ Zoning Expansion Strategy ถือเป็น key สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงการที่ครอบคลุมทั้งในแง่ของจำนวน รูปแบบโครงการ และแพ็กเกจราคาที่หลากหลาย ที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจมีจำนวนโครงการที่กระจายครอบคลุมพื้นที่มากถึง 11 โซน กับจำนวนโครงการพร้อมอยู่มากที่สุดกว่า 70 โครงการ ซึ่งมั่นใจว่าสินค้าทาวน์โฮมและบ้านแฝดเอพีมีสินค้าที่พร้อมขาย พร้อมโอนมากที่สุดในอุตสาหกรรม   ที่ผ่านมาการพัฒนาโครงการของเอพีประสบความสำเร็จอย่างมาก สร้าง AP Community ให้เกิดขึ้นในหลายทำเลใหญ่ ซึ่งถ้านับ AP Community ที่เอพีลงทุนพัฒนาไปแล้วรวมได้กว่า 1,000 ไร่ ซึ่งในปีนี้มีแผนขยายความสำเร็จในการสร้าง AP Community ไปยังทำเล เมืองเอก วิภาวดี-รังสิต ด้วยขนาดที่ดินรวมกว่า 120 ไร่ ด้วยศักยภาพของทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เชื่อมต่อทางด่วนบางพูน และ ติดถนน 345 เชื่อมไปยังโซนราชพฤกษ์ เพื่อเข้าสาทร หรือ ถนนกาญจนาภิเษก-วงแหวน ไปยังนนทบุรี พระราม 5 ได้หลากหลายเส้นทาง โดยเตรียมเปิดตัวทาวน์โฮมและบ้านแฝดใหม่ในทำเล เมืองเอก วิภาวดี-รังสิต จำนวน 3 โครงการ ซึ่งพร้อมจะเปิดขายโครงการแรก คือ Grande Pleno วิภาวดี-รังสิต บ้านแฝดไซส์ใหญ่ เริ่มต้น 5.49 ล้านบาท ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้     สร้างที่สุดในมิติที่ 2 กับที่สุดของแบบบ้านที่มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตอบทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในทุกเซกเมนต์  ซึ่ง ณ ปัจจุบันเรามีแบบบ้านกว่า 100 โมเดล และในปีนี้มีการพัฒนาแบบบ้านใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 13 โมเดล ด้วยทาวน์โฮมและบ้านแฝดในคอนเซ็ปต์ใหม่ เช่น CoLive Model ทาวน์โฮมแรกที่ลูกค้าสามารถปล่อยเช่าแยกชั้นได้ ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม Solo Living ที่ชอบใช้ชีวิตคนเดียว Mirth Model ทาวน์โฮม 2 ชั้นที่มาพร้อมกับ Duplex Space พื้นที่พิเศษที่เพิ่มมากขึ้น Xavier Model ทาวน์โฮม 3 ชั้นที่มากับคอนเซ็ปต์บ้านเล่นระดับ หรือ Asher Model บ้านแฝดหน้ากว้างสุด 16.4 เมตร เป็นต้น     สร้างที่สุดที่ 3 กับการสร้างมาตรฐานใหม่ของพื้นที่ส่วนกลางที่ดีที่สุดในทาวน์โฮมและบ้านแฝด เพื่อให้พื้นที่ส่วนกลางไม่ได้เป็นเพียงจุดพักผ่อน แต่คือการออกแบบส่วนกลางที่ผสานแนวคิดความยั่งยืน โดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน พร้อมยังทำให้สภาพแวดล้อมภายในโครงการร่มรื่นสวยงามน่าอยู่ ด้วยการให้ความสำคัญกับการใช้นวัตกรรมมาช่วยในการประหยัดพลังงาน เช่น 24Fitness ฟิตเนสที่พร้อมเปิด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันในแต่ละช่วงเวลา และมีการออกแบบระบบเปิด-ปิดไฟแยกตามโซนการใช้งานเพื่อประหยัดพลังงาน การออกแบบ Eco Waste Station สถานีจัดการขยะอย่างเป็นระบบเพื่อความสะอาดและความยั่งยืน โดยในทาวน์โฮมและบ้านแฝดทุกโครงการจะมีการออกแบบตัวอาคารที่เป็นจุดจัดการขยะไว้อย่างเป็นสัดส่วนตามมาตรฐานการแยกขยะที่ทางภาครัฐกำหนดขึ้น พร้อมรณรงค์ผ่านแคมเปญ แยก.เท.ได้ เพื่อเชิญชวนลูกบ้านร่วมกันแยกขยะก่อนทิ้ง โดยในปีนี้มีการตั้งเป้า recycle ขยะให้ได้ที่ 100 ตัน จากทุกโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝด เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 20,000 ต้น หรือการใช้ระบบ Solar Roof เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลาง โดยจะติดตั้งเพิ่มเติมในส่วนของ Main Gate นอกเหนือจากติดตั้งไปแล้วในส่วนของพื้นที่ Club House     The Greatest Home ที่สุดของบ้านที่เข้าใจชีวิต นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า บ้านเดี่ยวเอพีเรายังคงพัฒนาสินค้าภายใต้จุดยืน FUNCTIONAL IS BEAUTIFUL บ้านที่สวยที่สุด คือบ้านที่เข้าใจชีวิต ที่ที่ทุกตารางนิ้วถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อให้ใช้งานได้จริง และเข้าใจทุกชีวิตในบ้านมากที่สุด โดยในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวมีแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 15 โครงการ มูลค่า 26,500 ล้านบาท โดยในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวพร้อมจะสร้างที่สุดภายใต้แนวคิด The Greatest Home เพื่อสร้างที่สุดของที่อยู่อาศัย ที่เติมเต็มทุกพื้นที่ชีวิตของทุกเจเนอเรชัน ซึ่งนอกเหนือจากการ Maintain ความสำเร็จในตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 7-20 ล้านบาท ปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่บ้านเดี่ยวเอพีมีการเปิดตัวแบบบ้านใหม่ครบทุกแบรนด์พร้อมกัน การเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ทั้งหมดนี้เพื่อให้เติมเต็มความต้องการพื้นที่ชีวิตที่แตกต่าง และครอบคลุมทุกเซกเมนต์ นอกจากนี้เพื่อสร้างการเติบโตที่มากยิ่งขึ้น เราจึงมาพร้อมที่สุดแรกกับการ เปิดตัว ‘Majestic Collection’ คอลเลกชันบ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี แบรนด์ The Palazzo และบ้านกลางกรุง ในเซกเมนต์ราคาประมาณ 50-100 ล้านบาทขึ้นไป โดย ‘Majestic Collection’ สะท้อนนิยามของความสง่างามเหนือกาลเวลา ด้วยการออกแบบที่งดงามเหนือกาลเวลา ที่ไม่เพียงแต่เป็นบ้าน แต่คือผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ที่ผสานความประณีตในทุกรายละเอียดเข้ากับความหรูหราสง่างาม ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาที่สุดของการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง     3 ที่สุดของโครงการกับ ‘Majestic Collection’ 1) The Palazzo กรุงเทพกรีฑา ราคา 75-120 ล้านบาท 2) The Palazzo ปิ่นเกล้า-บรมฯ ราคา 50-85 ล้านบาท 2 ที่สุดของบ้านเดี่ยวระดับ Flagship ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมระดับ World-Class ผสานงานดีไซน์ที่พิถีพิถันในทุกรายละเอียด สร้างสรรค์พื้นที่อยู่อาศัยให้เป็นเสมือน ‘Masterpiece’ ที่หลอมรวมทั้งความโอ่อ่าของพื้นที่ ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับสูง และงานออกแบบที่สะท้อนรสนิยมเหนือระดับ กับจุดเด่นคฤหาสน์หรูที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขนาดพื้นที่ใช้สอยสูงสุดกว่า 1,000 ตร.ม. พิเศษด้วยการออกแบบพื้นที่พิเศษเฉพาะในแต่ละเจเนอเรชัน และส่วนกลางที่ไม่ได้เป็นเพียง Facilities แต่เป็นแลนด์มาร์กแห่งการใช้ชีวิตระดับ Majestic Living อย่างแท้จริง ซึ่งพร้อมเปิดให้เข้าชมแบบ Private Preview ในวันที่ 29-30 มีนาคมนี้ และ 3) บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์ 57 The Rarest of Rarity ที่สุดของดีไซน์และโลเคชันสุดยูนีคใจกลางเมือง กับบ้านแนวคิดใหม่สูง 4-5 ชั้น พร้อมชั้นดาดฟ้า เพียงแค่ 9 หลัง มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท ที่ให้ทั้งความเป็นส่วนตัว ความโอ่อ่า และความสะดวกสบาย ในพื้นที่แนวตั้ง ซึ่งพร้อมเปิดขายในช่วงไตรมาส 2     อีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าสนใจในปีนี้กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว มีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ BEON [บีร์ออน] เพื่อยกระดับที่อยู่อาศัยให้เปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับการใช้ชีวิต กับที่สุดของบ้านเดี่ยวสุดโมเดิร์นสูง 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 614- 814 ตารางเมตร ดีไซน์ใหม่สุด Exclusive พิเศษในเรื่องของการออกแบบสเปซให้มี Ultra Volume เชื่อมต่อพื้นที่ทุกชั้นภายในเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีไลฟ์สไตล์ Unique และมองหาบ้านเดี่ยวในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก โดยมีแผนเปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์ “BEON” ในทำเลแรกแถวนวลจันทร์ ซึ่งพร้อมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง     LIFE Condo ให้ความสำเร็จได้ใช้ชีวิต  นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในปีนี้กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม พร้อมสร้างที่สุด...เพื่อให้คุณเริ่มชีวิตที่อยากใช้ ไปกับคอนโดใหม่จากเอพี โดยในปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 6 โครงการ มูลค่า 20,200 ล้านบาท ด้วยการสร้างเมจิกให้เกิดขึ้นผ่านวิธีคิดในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและสเปซภายในห้องชุด ทลายข้อจำกัดเดิมๆ ในการใช้ชีวิตแนวตั้ง เพื่อสร้างความรู้สึกใหม่ให้ทุกพื้นที่สะท้อนตัวตน โดยคีย์ไฮไลต์ของปีกับ LIFE CONDO ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Version 2025: Success Like no Others - ให้ความสำเร็จได้ใช้ชีวิต ซึ่ง LIFE CONDO Version 2025 พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่เกิดขึ้นในทุก Moment ของชีวิต ด้วย 5 นวัตกรรมพื้นที่ขอบคุณชีวิต ได้แก่     Modular Flow Design แนวคิดในการออกแบบเพื่อสร้างพื้นที่ใช้สอยใหม่ ค้นหาพื้นที่ที่ซ่อนอยู่ ด้วยวิธีคิดใหม่ในการจัดสรรสเปซ ทั้งในมิติแนวตั้ง (Vertical) และแนวนอน (Horizontal) จนเกิดเป็นสเปซใหม่ที่ให้ความรู้สึกใหม่ ทั้งยังให้ทุกพื้นที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างกลมกลืนและลงตัว ตลอดจนการให้ความสำคัญกับแสงและการไหลเวียนของอากาศ Openness to Biodiversity เชื่อมต่อชีวิตเมืองเข้ากับธรรมชาติ ด้วยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อสุขภาพกายและใจ ให้รู้สึกและเข้าถึงความเป็นธรรมชาติได้ในทุกสัมผัส ด้วยแนวคิด Stand-alone facilities พื้นที่ส่วนกลางที่ทำให้ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชันการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น Botanical Gym ที่ทำให้การออกกำลังกาย แวดล้อมเหมือนอยู่ในสวน หรือ ‘Biodiverse Co-Working Forest’ ที่ช่วยสร้างพื้นที่ทำงานในบรรยากาศของป่าในเมือง New Feel-Safe Design แนวคิดในการออกแบบที่มุ่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์ที่เป็นมิตรกับทุกชีวิตที่อยู่อาศัยภายในโครงการ ครอบคลุมไปถึงการออกแบบที่อยู่อาศัยร่วมกันระหว่างมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ด้วยความใส่ใจในการออกแบบอาคารอยู่อาศัยที่มี function พิเศษให้ความอุ่นใจเกิดขึ้นทั้งกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงและตัวสัตว์เลี้ยงเอง A Building That Gives Back สะท้อนถึงความรับผิดชอบที่เรามีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยไม่เพิ่มภาระหรือค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า เช่น การเลือกใช้พรรณไม้ช่วยฟอกอากาศ เพื่อร่วมสร้างอากาศที่ดีให้กับลูกค้า และคืนอากาศที่ดีกลับให้ชุมชนข้างเคียง การติดตั้งระบบ EV Charger การติดตั้งหลอดไฟที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน เป็นต้น Choose the Persona of Your City คอนเซ็ปต์ในการพัฒนา LIFE CONDO ที่มอบทางเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง Micro-Village in Inner City Concept เป็น Low-Rise Rare Collection ถึงทำเลจะตั้งอยู่ในเมือง แต่ยังคงบรรยากาศที่สงบและส่วนตัว และ Metropolis-Within City Concept เป็น High-Rise Super Facilities โครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองอย่างแท้จริง ที่ไม่เพียงแต่สะดวกในการเข้าถึงชีวิตเมืองที่เต็มไปด้วยกิจกรรม แต่ยังมาพร้อมกับ ‘Super Facilities’ ที่ครบและจัดเต็มในแบบเอพี     โดย LIFE สาทร-นราธิวาส 22 คือ LIFE CONDO ในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่เตรียมเปิดตัวเป็นโครงการแรก ซึ่งมาในรูปแบบ Micro-Village in Inner City Concept สูง 8 ชั้น 2 อาคาร มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท จำนวน 416 ยูนิต ทำเลที่ตั้งอยู่ในซอยนราธิวาส 22 ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความเงียบสงบในบรรยากาศรีทรีต โดยเตรียมเปิดจองรอบ VVIP Day ในวันที่ 22 - 23 มีนาคมนี้ ด้วยราคาเริ่มต้น 3.6 ล้านบาท ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ https://apth.ly/oj6r   ข่าวอื่นที่น่าสนใจ ซีคอน เปิดตัวโครงการบ้าน Your Home: Your Family ซีรีส์ 2 เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยเดินเครื่องธุรกิจฝ่าทุกความผันผวนปี 68 AWC ลงเสาเอก “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” โครงการมิกซ์ยูสใหญ่ที่สุดในไชน่าทาวน์  
ORN ประกาศแผนปี 68 ทุ่ม 2,148 ล้านบาท เปิด 3 โครงการ

ORN ประกาศแผนปี 68 ทุ่ม 2,148 ล้านบาท เปิด 3 โครงการ

ORN ประกาศแผนปี 68 ทุ่ม 2,148 ล้านบาท เปิด 3 โครงการ ตั้งเป้ารายได้โตแรง 60% พร้อมเร่งเครื่อง 2 ธุรกิจใหม่ ORN ประกาศแผนธุรกิจปี 68 เดินหน้าลุยอสังหาฯ เชียงใหม่-ภูเก็ต เตรียมเปิดตัว 3โครงการใหม่ “HABITAT” “THE ASTRA” และคอมมูนิตี้มอลล์ครบวงจร THE BACKYARD มูลค่ารวม 2,148 ล้านบาท โชว์ Backlog แน่น 1,763 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 68-69 ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2,218 ล้านบาท โตไม่ต่ำกว่า 60% ขณะที่ Mill Hill International School Thailand พร้อมเปิดการเรียนการสอน ก.ย. 68     นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) (ORN) กล่าวว่า บริษัทฯ เดินหน้าลุยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ตเต็มกำลัง โดยมุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาฯ แนวราบ แนวสูง ระดับกลาง-บน ที่มีคุณภาพตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติได้อย่างครอบคลุม โดยปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,148  ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการแนวราบ HABITAT บ้านหรูสไตล์ Neo Classic มูลค่าโครงการ 568 ล้านบาท เปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568 โครงการคอนโดมิเนียม THE ASTRA คอนโดฯระดับลักชัวรี บนทำเลศักยภาพ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มูลค่าโครงการ 1,380 ล้านบาท เปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568 โครงการคอมมูนิตี้มอลล์ THE BACKYARD ขนาด 4,000 ตร.ม. มูลค่าโครงการรวม 200 ล้านบาท ศูนย์กลางใหม่แห่งการช้อปปิ้งและการพักผ่อนครบวงจร ภายในโครงการประกอบด้วย ร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์สุขภาพ และ พื้นที่การศึกษา บนอาคาร 2 ชั้น พร้อมให้บริการภายใน ไตรมาส 4/2568     ส่วนงบประมาณลงทุนปีนี้อยู่ที่ 2,595 ล้านบาท แบ่งเป็น ลงทุนซื้อที่ดินในจ.เชียงใหม่ และภูเก็ต จำนวน 500 ล้านบาท งบรองรับการพัฒนาโครงการใหม่จำนวน 1,469 ล้านบาท และงบปรับปรุงการดำเนินงาน การก่อสร้าง ให้สอดรับต่อการดำเนินการด้าน ESG จำนวน 626 ล้านบาท   นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORN กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ยังสามารถขยายตัวต่อได้ ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเมือง การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว และนโยบายภาครัฐกระตุ้นภาคอสังหาฯ เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถเช่าอสังหาฯ ในประเทศไทยระยะยาว เป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนชาวไทยที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนปล่อยเช่า และ ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่มากขึ้น ORN ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความท้าทาย และสร้างโอกาสในตลาดที่เปลี่ยนแปลง โดยมุ่งเน้นพัฒนาบ้านและคอนโดฯ ให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ การให้ความสำคัญด้านการออกแบบพื้นที่สอดคล้องกับทุกไลฟ์สไตล์และความปลอดภัยด้านสุขภาพ พัฒนานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงกลยุทธ์การตลาดส่งเสริมการขายอย่างเข้มข้นและการบริการหลังการขาย อีกทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยผสานแนวคิดด้าน ESG ในการกำหนดนโยบายแนวทางการดำเนินงาน รวมถึงการพัฒนาโครงการอสังหาฯแนวราบ-แนวสูงทุกโครงการ ช่วยเพิ่มโอกาสทางการขาย ทั้งนี้ โครงการแนวราบ-แนวสูงกลุ่มราคาระดับกลาง-บน ยังคงมีความต้องการจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ แม้ตลาดอสังหาฯเชียงใหม่จะเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ORN มั่นใจในศักยภาพการแข่งขัน ด้วยคุณภาพของโครงการที่ตอบโจทย์ด้านการออกแบบให้รองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างลงตัว พิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีที่มีมาตรฐาน ควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน การกำหนดราคามี่เหมาะสม-คุ้มค่า เพื่อส่งมอบโครงการคุณภาพบนทำเลศักยภาพแก่ลูกค้า ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 27 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 14 โครงการ แนวสูง 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,551 ล้านบาท และมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 1,763 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568 -69 โดยตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 2,218 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 60%     สำหรับความคืบหน้าของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ Mill Hill International School Thailand โรงเรียนสัญชาติอังกฤษแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ มีเป้าหมายนำปรัชญาและคุณค่าตามมาตรฐานการศึกษาระดับโลก เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาการศึกษาที่มีคุณภาพในจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือ   ปัจจุบันการก่อสร้างเฟสแรกแล้วเสร็จ ประกอบด้วย อาคารอำนวยการ และอาคารเรียนชั้นปฐมวัย โดยอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 4 อาคาร มีนักเรียนให้ความสนใจสมัครแล้วกว่า 130 ราย และอยู่ระหว่างการคัดเลือกคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ โดยจะรองรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 3 ถึง 10 ปี มีกำหนดเปิดทำการในเดือนกันยายนปี พ.ศ. 2568 เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล-Year 6 ซึ่งจะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป พร้อมแผนขยายไปยังระดับYear 13 ในอนาคต  ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ สร้างความมั่นคงของรายได้ในระยะยาว    
สโคป สร้างสีสันต้อนรับ “สโคป ทองหล่อ” ปล่อยทีเซอร์รูปแบบแอนิเมชัน

สโคป สร้างสีสันต้อนรับ “สโคป ทองหล่อ” ปล่อยทีเซอร์รูปแบบแอนิเมชัน

สโคป สร้างสีสันต้อนรับ “สโคป ทองหล่อ” ปล่อยทีเซอร์รูปแบบแอนิเมชัน บริษัท สโคป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง ปล่อยแอนิเมเต็ดทีเซอร์ต้อนรับ “สโคป ทองหล่อ” โครงการแฟลกชิปใหม่ล่าสุด ที่สะท้อนคุณภาพมาตรฐานของแบรนด์สโคป โดยทีเซอร์หนึ่งตอนความยาว 45 วินาทีนี้ มีชื่อว่า “A Sky Manor” เป็นผลงานของ “อันเดรอา มอนจา” (Andrea Mongia) ศิลปินนักวาดภาพประกอบระดับโลก ชาวอิตาเลียน ที่ถ่ายทอดความเป็นเลิศในทุกตารางเมตรของ สโคป ทองหล่อ ผ่านลายเส้นและสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ กับคอนเซปต์ Your Penthouse. Your Floor. Your Horizon. เพื่อให้มุมมองการเป็นเรสซิเดนท์ที่ดีที่สุดในทุกๆ องค์ประกอบพร้อมเส้นขอบฟ้าส่วนตัวของสโคป ทองหล่อ ซึ่งเป็นโครงการที่มีความสูงถึง 32 ชั้น รูปแบบAll Penthouse แห่งแรกและแห่งเดียวในไทย หนึ่งชั้นมีหนึ่งยูนิต จำนวนรวมเพียง 18 ยูนิต ซึ่งพร้อมเปิดตัวให้ได้เยี่ยมชมในไตรมาสแรกปี 2568 นี้     นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด เผยว่า “โครงการ สโคป ทองหล่อ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนความตั้งใจของเราที่จะมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับโลกให้แก่ลูกค้า ในครั้งนี้เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับศิลปินระดับโลกอย่าง อันเดรอา มอนจา ซึ่งสามารถถ่ายทอดความพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบของ สโคป ทองหล่อ ได้อย่างสมบูรณ์แบบผ่านแอนิเมชันสุดพิเศษ ผมเชื่อมั่นว่าทีเซอร์ชิ้นนี้จะช่วยสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจและใส่ใจในทุกตารางเมตรของทุกโครงการภายใต้แบรนด์สโคป และสร้างความตื่นเต้นก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสแรกปี 2568 ของสโคป ทองหล่อ”   มร. อันเดรอา มอนจา เป็นศิลปินนักวาดภาพประกอบและนักออกแบบชื่อดังชาวอิตาเลียน วัย 35 ปี ปัจจุบันพำนักอยู่ที่กรุงโรม มีผลงานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติด้วยสไตล์การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นลายเส้นเรียบง่ายแต่มากด้วยรายละเอียด ประกอบกับการใช้สีที่ชวนดึงดูดสายตา อันเดรอาเคยร่วมงานกับแบรนด์และสื่อชั้นนำระดับโลก เช่น Apple, Google, Louis Vuitton, Loro Piana, The New York Times, The Wall Street Journal และ Forbes โดยผลงานถ่ายทอดเรื่องราวและอารมณ์ที่มีความลึกซึ้งในความเรียบง่าย เสมือนกับแนวคิดและการออกแบบของแบรนด์สโคป ที่ความหรูหราถูกเล่าผ่านการเลือกใช้ของคุณภาพสูงในรูปแบบที่เรียบง่ายสไตล์โมเดิร์นมินิมอล     อันเดรอา มอนจา ได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้ว่า “โครงการ สโคป ทองหล่อ มีความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทั้งในด้านสถาปัตยกรรมและคุณค่าในทุกองค์ประกอบ การออกแบบที่พิถีพิถันผสมผสานความหรูหรา และความทันสมัย ให้ทุกตารางเมตรสะท้อนถึงความเรียบง่ายที่เหนือกาลเวลา การสร้างสรรค์แอนิเมชันครั้งนี้ ผมจึงได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมที่งดงาม การเชื่อมโยงกับภูมิทัศน์โดยรอบ และพื้นที่อยู่อาศัยที่เปิดโล่งรับแสงสว่างอย่างเต็มที่ ผมต้องการให้ผลงานนี้เชื่อมโยงผู้ชมกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์สโคป ทั้งความเรียบง่าย ความหรูหรา และความลงตัวของคุณภาพ ผมหวังว่างานชิ้นนี้จะทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความปรารถนาที่จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดของแบรนด์ และสามารถสัมผัสได้ถึงความหลงใหลในรายละเอียดที่ทั้งผมและทีมงานสโคปใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง”   “สโคป ทองหล่อ” ตั้งอยู่บนย่านที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียม กับศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์คนเมือง เดินทางสะดวกเพียง 1 ก้าว จาก BTS ทองหล่อ หนึ่งในย่านที่มีคุณค่าและได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ ได้รับออกแบบตกแต่งภายในโดย Thomas Juul-Hansen นักออกแบบภายในระดับโลก (ที่เคยออกแบบให้กับโครงการ สโคป หลังสวน) ซึ่งโครงการ สโคป ทองหล่อ ได้รับการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และรสนิยมของผู้ซื้อ พื้นที่อยู่อาศัยที่สะท้อนทั้งคุณภาพและความพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ และ Thomas Juul-Hansen เองก็เป็นที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมของที่นี่ด้วยเช่นกัน (Thomas Juul-Hansen เป็นทั้ง Interior และ Exterior Designer ที่แรกและที่เดียวในไทย) ทำให้ สโคป ทองหล่อ เป็นดั่ง Landmark ใหม่ที่โดดเด่นสะดุดตาบนถนนสุขุมวิท-ทองหล่อ ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เพื่อการอยู่อาศัยที่เหนือระดับ   สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสัมผัส ความเป็น “สโคป ทองหล่อ” ในรูปแบบ animated teaser (แอนิเมเต็ดทีเซอร์) สุดพิเศษได้แล้ววันนี้ที่ https://www.scopecollection.com/residences/scope-thonglor / 02-028-9788 พร้อมเตรียมพบกับการเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในไตรมาสแรก ปี 2568 นี้  “SCOPE – Simply. Best.” ข่าวอื่นที่น่าสนใจ AWC เปิดตัว ‘Jurassic World: The Experience @ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น PROUD ชูแนวคิด ALL IS WELL เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน  
PROUD ชูแนวคิด ALL IS WELL เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืนสำหรับทุกโครงการ

PROUD ชูแนวคิด ALL IS WELL เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืนสำหรับทุกโครงการ

PROUD ชูแนวคิด ALL IS WELL เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืนสำหรับทุกโครงการ ตั้งเป้าปี 2025 เปิด 3 โครงการหรู ดันรายได้แตะหมื่นล้าน    PROUD พลิกโฉมวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ด้วยแนวคิด "ALL IS WELL" มุ่งมั่นสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทุกมิติของชีวิตเพื่อชีวิตที่ดีและยั่งยืน สัมผัสประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับ ผ่านการออกแบบมาตรฐานระดับโลกที่ใส่ใจสุขภาพของผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันสำหรับทุกการพักผ่อน การบริการพิเศษสำหรับผู้อยู่อาศัยทุกโครงการ สร้างชุมชนที่อบอุ่น และไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรต่อโลก แย้มแผนปี 2025 เตรียมแผนเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ บน 3 ทำเลชานเมืองกรุงเทพ หัวหินและภูเก็ต มูลค่ารวม 9,200 ล้านบาท วางเป้ารายได้แตะ 10,000 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดด ย้ำพันธกิจ ESG ปรับโครงการสร้างการดำเนินงานสู่ความยั่งยืน วางเป้า Net Zero ภายในปี 2050 พร้อมพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มศักยภาพธุรกิจเข้าเกณฑ์ของกองทุน THAI ESG ในอนาคต   นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า จากการดำเนินงานตลอดมาภายใต้ DNA ของพราวที่ถ่ายทอดสู่การสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ที่ตอบโจทย์ด้านความเป็นอยู่ที่ดี ไม่เพียงทำเลที่ตั้งระดับ Rare Location และการออกแบบอันงดงาม แต่เป็นองค์ประกอบอันครบครันเพื่อการอยู่อาศัย อาทิ การบริการเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การดูแลในระยะยาว และความยั่งยืนที่ทำให้สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและบริบทโดยรอบได้อย่างดี เหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่ลูกค้าของพราวให้คุณค่าและตอบรับอย่างดีเสมอมา ทำให้พราว เรียล เอสเตท ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้    สอดคล้องกับภาพรวมตลาดโลกที่สะท้อนแนวโน้มด้านการให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยข้อมูลจาก Global Wellness Institute ระบุว่า ธุรกิจด้านสุขภาพทั่วโลกเติบโตถึง 7.3% ต่อปี และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 8.99 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 313 ล้านล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเติบโตสูงที่สุดในปี 2023-2028    ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพในไทยเองก็เติบโต 10% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ซึ่งจะสร้างโอกาสอีกมากมายสำหรับผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ PROUD จึงมุ่งสร้างโครงการที่อยู่อาศัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อรองรับเทรนด์การเติบโตนี้   นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD  กล่าวว่า PROUD มุ่งมั่นยกระดับธุรกิจผ่านการสร้างเอกลักษณ์และความแตกต่างให้กับอสังหาฯไทยในด้าน well-being and sustainability ด้วยแนวคิดเพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน “ALL IS  WELL” เสริมความชัดเจนของรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากกว่า (More Than Just Living) ที่ PROUD มุ่งมั่นสร้างสรรค์มาตลอด โดยในปี 2025 เดินหน้ากลยุทธ์สำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในฐานะ Well-being Developer ผ่าน 5 องค์ประกอบเพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน ได้แก่  WELL-CRAFTED DESIGN: การออกแบบเพื่อสุขภาวะและความปลอดภัยของทุกชีวิต WELL-LIVING AMENITIES: สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการอยู่อาศัยและพักผ่อนกายใจ WELL-CURATED SERVICES: บริการพิเศษและสิทธิประโยชน์ที่พร้อมดูแลบ้านคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย  WELL COMMUNITY: สังคมที่อบอุ่นและน่าอยู่ผ่านการบริหารโครงการและกิจกรรมมากมาย เพื่อสานต่อการดูแลในระยะยาว WELL SUSTAINABILITY: การอยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการออกแบบเพื่อทุกไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน   ทั้งนี้ PROUD จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืน โดยร่วมมือกับหน่วยงานชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เช่น เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ และ Spacely AI เพื่อพัฒนาโครงการที่ได้มาตรฐานระดับโลก พร้อมเดินหน้ายกระดับมาตรฐานอาคารไทยสู่ระดับโลกด้วย Fitwel มาตรฐานอาคารเพื่อสุขภาวะที่ดีและ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) มาตรฐานอาคารเขียวเพื่อความเป็นผู้นำด้านพลังงานและ สิ่งแวดล้อม ซึ่งได้มีการนำมาตรฐาน FITWEL มาพัฒนาคอนโดมิเนียมและเดินหน้ารับรองในทุกโครงการเพื่อการสร้างรากฐานที่ดีและการดูแลในระยะยาวสำหรับผู้อยู่อาศัย โดยโครงการ InterContinental Residences Hua Hin ที่ได้รับรองมาตรฐาน Fitwel Built Certification ในประเภท Multifamily Residential เป็นแห่งแรกในไทย และโครงการ Vehha Hua Hin ได้รับการรับรอง Fitwel Design Certification เป็นที่เรียบร้อย     สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2025 สานต่อการออกแบบที่อยู่อาศัยและบริการภายใต้แนวคิด ภายใต้แนวคิด  “ALL IS WELL” เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 3 โครงการ มูลค่ารวม 9,200 ล้านบาท บนพื้นที่ 3 ทำเลศักยภาพชานเมืองกรุงเทพฯ  หัวหิน และภูเก็ตซึ่งถือเป็นการขยายสู่ทำเลใหม่ของ PROUD ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการคุณภาพระดับลักชัวรี และขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง     นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD  กล่าวว่า PROUD มีพัฒนาการที่ดีต่อเนื่อง จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ บนทำเลที่มีศักยภาพ เปิดโครงการไม่มากแต่เน้นการออกแบบและบริการที่ดีที่สุด ส่งผลให้ฐานะการเงิน และมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ประสบความสำเร็จเข้าไปทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของบริษัท และความมั่นใจจากลูกค้ากลุ่มเรียลดีมานด์ จากการตอบรับที่ดีในทุกโครงการของ PROUD ส่งผลให้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่าประมาณ 10,899 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ ตั้งแต่ ปี 2024 - ปี 2026 การเติบโตที่แข็งแกร่งสะท้อนภาพที่ชัดเจนว่าบริษัทสามารถเติบโตได้ในสภาวะตลาดอสังหาฯชะลอตัว   อย่างไรก็ตาม PROUD มุ่งมั่นรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโต จากการพัฒนาโครงการพร้อมขยายไปบนทำเลที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง และทำเลใหม่ที่ภูเก็ตในปีหน้า โดยตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2025 ไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 6 เท่าจากปี 2023 พร้อมตั้งงบประมาณ 3,000 ล้านบาทไว้สำหรับจัดหาที่ดินพัฒนาโครงการเพิ่มเติม   นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เพื่อสร้างความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว สอดคล้องกับบโยบายด้านการพัฒนาความยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยมีเป้าหมายการลดการชดเชยคาร์บอนจนเป็นกลาง ( Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 พร้อมวางแผนการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน (ALL IS WELL) สำหรับทุกชีวิตอย่างแท้จริง และพัฒนาบริษัทให้มีศักยภาพเข้าเกณฑ์ของกองทุน THAI ESG ในอนาคต ทำความรู้จัก PROUD (พราว เรียล เอสเตท) หรือสอบถามรายละเอียดโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืนเพิ่มเติมได้ที่ www.proudrealestate.co.th หรือโทร 02-026-8999  
เดอะ คิวเว่ เซ็นทรัลพาร์ค นวมินทร์–รามอินทรา – คอนโดติดสวน 76 ไร่

เดอะ คิวเว่ เซ็นทรัลพาร์ค นวมินทร์–รามอินทรา – คอนโดติดสวน 76 ไร่

บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC บุกตลาดย่านนวมินทร์ เปิดตัวโครงการ “เดอะ คิวเว่ เซ็นทรัลพาร์ค นวมินทร์–รามอินทรา” (The Cuvee Central Park Nawamin-Raminthra) คอนโดมิเนียมติดสวนสาธารณะ 76 ไร่ วิวทะเลสาบขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่รักสุขภาพและการออกกำลังกาย ในรูปแบบ Luxury Style   เพื่อให้คุณใช้ชีวิต..ได้มากกว่าเดิม “Life is more” เพราะการใช้ชีวิตไม่ควรมีข้อกำจัด MORE HEALTH สูดอากาศบนโอเอซิสใจกลางเมือง MORE CONNECT เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์กับทุกจุดหมาย MORE SPACE พื้นที่แห่งความสุข เพื่อชีวิตที่ยืนยาว MORE EXPERIENCEสัมผัสชีวิตระดับหรูในทุกย่างก้าว   “เดอะ คิวเว่ เซ็นทรัลพาร์ค นวมินทร์–รามอินทรา” ที่สุดแห่งคอนโด Relax&Recovery เชื่อมต่อโอเอซิสพื้นที่ทะเลสาบใจกลางเมือง เพื่อให้คุณได้พักผ่อนอย่างแท้จริง พร้อมสัมผัสอากาศบริสุทธิ์และความสงบท่ามกลาง “สวนนวมินทร์ภิรมย์” และ “สวนเสรีไทย” เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์กับทุกจุดหมายได้มากกว่า เดินทางสะดวก สามารถเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจด้วย MRT สวนนวมินทร์ภิรมย์ ที่อยู่ใกล้เพียง 200 เมตร ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ที่จะเปิดให้บริการประชาชนได้ภายในปี 2571 เชื่อมต่อการเดินทางแบบไร้รอยต่อ ใกล้ Interchange แยกลำสาลี เพียง 2 สถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายสีน้ำตาล สายสีเหลือง และสายสีส้ม นอกจากนี้ยังเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิได้ง่าย ๆ เชื่อมต่อ Airport Rail Link     “เดอะ คิวเว่ เซ็นทรัลพาร์ค นวมินทร์–รามอินทรา” คอนโด High Rise สูง 34 ชั้น คอนโดเพื่อคนรักสุขภาพครบที่สุดในย่านนวมินทร์ ตั้งอยู่บนถนนนวมินทร์ ระหว่างซอยนวมินทร์ 20 กับ 22 เนื้อที่โครงการขนาด 4 ไร่ 3 งาน 77 ตารางวา จำนวนห้องพัก 666 ยูนิต มีให้เลือกหลายรูปแบบในวิวธรรมชาติ ทั้ง 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน และเพนต์เฮาส์ ที่จอดรถรองรับ 299 คัน พร้อมส่วนกลางที่ออกแบบมาให้สอดคล้องกับเสน่ห์ของธรรมชาติที่ติดสวนสาธารณะ เสมือนให้คุณได้พักผ่อนในทุก ๆ วัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสุขภาพ อาทิ FULLY FITNESS CENTER & SPORTS CLUB ออกกำลังกายท่ามกลางวิวสวนสวย AQUA BIKE & YOGA PILATES, ONSEN JACUZZI, SAUNA & STEAM ROOM ให้คุณได้ Relax ได้ทุกวัน INFINITY EDGE POOL สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และร้านค้าอำนวยความสะดวก จำนวน 2 ห้อง   “เดอะ คิวเว่ เซ็นทรัลพาร์ค นวมินทร์–รามอินทรา” มั่นใจในทำเลศักยภาพ เชื่อมต่อถนนเส้นหลัก ใกล้ถนนรามคำแหง 3.2 กม. ใกล้ถนนประเสริฐมนูกิจ 6.2 กม. ใกล้ถนนลาดพร้าว 7 กม. และทางพิเศษกาญจนาภิเษก 12 กม. เชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเดินทางไปโรงเรียน สถาบันศึกษา โรงพยาบาล หรือเดินทางไปชอปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ   MORE DESIGN โครงการถูกออกแบบให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือกาลเวลา ด้วยเส้นสายโค้งมนของอาคาร โอบล้อมด้วยแสงระยิบระยับ สะท้อนภาพจำลองทางช้างเผือกที่ไร้ขอบเขต รูปทรงลื่นไหลของตัวอาคาร แสดงถึงการเดินทางที่ไม่มีจุดสิ้นสุด การออกแบบภายในผสานแรงบันดาลใจของห้องกระจก ที่มอบแสงจากธรรมชาติผ่านเข้าพื้นที่ส่วนกลาง เชื่อมโยงผู้พักอาศัยกับธรรมชาติอย่างไร้รอยต่อ “เดอะ คิวเว่ เซ็นทรัลพาร์ค นวมินทร์–รามอินทรา” คอนโดแห่งการพัฒนาสุขภาพและจิตใจเข้าใจคนวัยทำงานย่านนวมินทร์ที่ต้องการซื้อคอนโดในราคาที่คุ้มค่า ไม่ว่าอยู่เอง ปล่อยเช่า หรือเก็งกำไร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Life is more ใช้ชีวิต...ได้มากกว่าเดิม” เริ่มก่อสร้างแล้ว คอนโดแห่งใหม่แห่งแรกย่านนวมินทร์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไปมาง่าย เดินทางได้สะดวก ราคาเริ่มต้นเพียง 1.XX ล้านบาท   Pre-Sale! ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ! พร้อมรับข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ https://bit.ly/4egQVMs โทร 1172 กด 98 ติดต่อสำนักงานขาย : https://maps.app.goo.gl/uf6jZcnp7CrDM6Ls8 LINE : https://lin.ee/TKOpQUO   ข่าวอื่นที่น่าสนใจ ซีเค แอสเสท เปิดตัวโครงการริมน้ำสุดหรูที่เก่าแก่กว่า 100 ปี
[Preview] SUPALAI BLU สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดฯ ฝั่งธนฯ ขับรถยนต์ 10 นาทีถึงสาทร

[Preview] SUPALAI BLU สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดฯ ฝั่งธนฯ ขับรถยนต์ 10 นาทีถึงสาทร

SUPALAI BLU สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดฯ ฝั่งธนฯ ขับรถยนต์ 10 นาทีถึงสาทร SUPALAI BLU สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดมิเนียม High Rise สี Blue Nova สูง 32 ชั้น 771 ยูนิต ขนาดพื้นที่โครงการ 4 ไร่กว่า พร้อมแบบห้องหลากหลายให้เลือกได้ตรงใจ ตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน ขนาด 29-122.5 ตารางเมตร ในราคาเบาๆ เริ่มต้น 1.89 ล้านบาท โล่ง โปร่ง สบาย ด้วยเพดานสูง 2.7 เมตร อีกทั้งรองรับการใช้ชีวิตกับดีไซน์แบบ Multi-Function Living ที่ออกแบบพื้นที่ให้ตอบโจทย์ทุกการอยู่อาศัย พร้อมครัวปิดเป็นสัดส่วน ดีไซน์ชีวิตเองได้หลากหลายกับ Favorite Corner ที่ให้มุมโปรด..ปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ส่วนใครที่ของเยอะก็หมดปัญหาสัมภาระล้นห้อง ด้วยห้องเก็บของส่วนตัวสำหรับยูนิตพิเศษ และใช้ชีวิตแบบที่วาดฝันไว้ บนจักรวาลส่วนกลาง     เดินทางได้สะดวกสบายมากกว่า เพราะ SUPALAI BLU สาทร-ราชพฤกษ์ เชื่อมต่อใจกลางเมืองด้วยสถานีบางหว้า Interchange ครบครันทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT พร้อม Shuttle Service รับ-ส่งถึงสถานี ทำเลศักยภาพ ติดถนนใหญ่ มุ่งสู่สาทรเพียง 10 นาที โดยแวดล้อมด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ รพ.พญาไท 3, ตลาดพลู, เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ, มหาวิทยาลัยสยาม, ไอคอนสยาม, รร.กรุงเทพคริสเตียน และรร.อัสสัมชัญ แนวคิดในการออกแบบอาคาร ตัวอาคารออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์ Stella Nova หรือนวดารา โดยนำองค์ประกอบของอวกาศมาใช้ในการออกแบบคือ • Flow ความพริ้วไหวไหลลื่นอิสระของเส้นในห้วงอวกาศ เส้นแสงแห่งดวงดาว ความอิสระที่มอบผ่านเส้นให้งานออกแบบรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวเป็นเอกลักษณ์ • Unique เอกลักษณ์จากสี Blue Nova ให้ความรู้สึกถึงจักรวาล โทนสีน้ำเงินที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และเป็นสีที่สื่อถึงความสงบและอิสระ • Twinkle ประกายระยิบระยับจากดวงดาว สู่องค์ประกอบของอาคารเพื่อเพิ่มจุดเด่นของจักรวาล   แนวคิดในการวางผัง เน้นการออกแบบที่คำนึงถึงการประหยัดพลังงาน อาคารจึงถูกออกแบบและให้ความสำคัญในเรื่องต่างๆ อาทิ การวางผังโครงการเพื่อลดความร้อนจากแสงแดดยามบ่าย เข้ามาภายในอาคารและห้องพักอาศัย โดยวางอาคารเป็นรูปตัว I โดยหันด้านอาคารตามแนวทิศเหนือ-ใต้ เพื่อลดการตกกระทบจากแสงแดด และเปิดมุมมองไปยังภายนอกได้โดยรอบโครงการ การใช้กระจกเขียวตัดแสงและระเบียงเฉียงเพื่อลดความร้อนจากแสงแดดภายนอกเข้าสู่ตัวอาคาร ห้องพักที่สามารถรับลมและแสงแดดจากธรรมชาติได้ดีขึ้น อีกทั้งยังใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อผู้พักอาศัยและสิ่งแวดล้อม สวนพื้นที่สีเขียวในโครงการขนาดใหญ่มีถึง 3 ชั้น เพื่อให้การพักผ่อนของผู้อยู่อาศัยที่ใกล้ชิดธรรมชาติ และยังช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวอาคาร   Facility Full Facilities จัดเต็มส่วนกลางที่มากถึงกว่า 20 รายการ อาทิ BLU Aqua Pool สระว่ายน้ำไซส์เท่าสระโอลิมปิก, Stella Lounge, Sky Jogging Track, BLU Active Gym และ Galaxy Theater   ชั้น 1 • Starry Lobby พื้นที่พักคอย ใช้สำหรับการนั่งพักผ่อน และทำกิจกรรมต่างๆ ในส่วนโซนที่นั่งทำงาน มีมุมบาร์เล็กๆ ส าหรับนั่งอ่านหนังสือ และโซนประชุมขนาดเล็ก ที่จัดส่วนพื้นที่ใช้งานกันกับห้อง Mailbox • Kid’s Planet สนามเด็กเล่น ส าหรับปีนป่ายมีติดตั้งสไลด์เดอร์ • Natural Space สวนชั้น 1 มีรูปแบบการปลูกลายเส้นไม้พุ่ม สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์อวกาศที่ลายพื้นทางเข้า สวนพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้เพิ่มมุมมองที่สวยงามของส่วนต้อนรับ โซน Drop off มีน้ำพุประติมากรรม • BLU Storage ห้องเก็บของส่วนบุคคล ภายห้องเป็นห้องเปล่า ระบบให้แสงสว่างแบบแบตเตอรี่   ชั้น 6 • BLU Aqua Pool สระว่ายน้ำ ขนาด 50 เมตร แบบ Infinity Edge Pool ระบบเกลือ มี Pool Bed และ Jacuzzi • BLU Active Gym พื้นที่สำหรับออกกำลังกาย • BLU Active Space พื้นที่ทำกิจกรรม ที่มาพร้อมเครื่องเล่นเกม และอุปกรณ์ต่างๆ ตกแต่งในแนว Active • Hybrid Club มีโซน Live สด และโซนทำอาหารแบบครัวไม่หนัก และพื้นที่สำหรับนั่งคุยงานหรือเรียนพิเศษอ่านหนังสือ • Galaxy Theater ห้องดูหนังสำหรับคนทุกกลุ่ม มีโซนโซฟาด้านใน ที่มากันเป็นคู่หรือมาชมกันเป็นครอบครัวได้ • BLU Terrestrial (Terrestrial แปลว่ากลุ่มดาวเคราะห์) เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมกึ่งภายนอก (ไม่ปรับอากาศ) สำหรับนั่งพัก และทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย และที่มีนั่งแบบชิงช้า • Rock Climbing ที่ปีนหน้าผาจำลอง • Orbit Garden สวนพักผ่อนชั้น 6 มี Gazebo สำหรับนั่งชมวิว   ชั้น 32 • Sky Garden พื้นที่สวนชั้น 32 มีจุดนั่งชมวิว และสวนสำหรับพักผ่อน • Stella Lounge พื้นที่พักผ่อนที่อยู่สูงที่สุดสามารถชมวิวเมือง และชมวิวรอบๆ โครงการได้เป็นอย่างดี เป็นพื้นที่นั่งทำงาน และนั่งเล่นพักผ่อนได้ มีมุมอ่านหนังสือและเคาน์เตอร์บาร์ขนาดเล็กนั่งชมวิวได้ดี • Sky Jogging Track ทางวิ่งออกกำลังระยะทาง 100 เมตร มีจุดนั่งพักผ่อน และชมวิวในมุมที่สูงที่สุดในโครงการ   ค้นหาจักรวาลของคุณที่พร้อมให้เข้าชมห้องตัวอย่างได้แล้ววันนี้ ณ สำนักงานขายโครงการSUPALAI BLU สาทร-ราชพฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น. พิเศษ! เป็นเจ้าของก่อนใครในงาน Pre-sales วันที่ 26-27 ตุลาคมนี้ ลงทะเบียนก่อนเข้าเยี่ยมชมโครงการ รับส่วนลดพิเศษ 10,000 บาท เฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น https://bit.ly/47czAlK สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.1720 หรือ www.supalai.com   โครงการอื่นๆ ที่น่าสนใจ RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค คอนโดจาก AP THAILAND Supalai Sense Srinakarin - Staycation คอนโดแนวใหม่ ใกล้ห้างและรถไฟฟ้า SASARA Hua Hin โครงการสุดว้าว ติดหาดที่ดีที่สุดใน หัวหิน    
CPANEL ปรับพอร์ต พุ่งเป้างานภาครัฐ เสริมแกร่งธุรกิจ

CPANEL ปรับพอร์ต พุ่งเป้างานภาครัฐ เสริมแกร่งธุรกิจ

CPANEL ปรับพอร์ต พุ่งเป้างานภาครัฐ เสริมแกร่งธุรกิจ CPANEL เผยทิศทางธุรกิจช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 ปรับกลยุทธ์รับมือทุกสถานการณ์ ขยายฐานลูกค้างานภาครัฐเพิ่มขึ้น และงานภาคเอกชนต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายขยับสัดส่วนงานภาครัฐ 40% เอกชน 60% เพื่อลดความผันผวน สร้างการเติบโตอย่างมั่นคง พร้อมมุ่งเน้นเพิ่มศักยภาพผลิตภัณฑ์ ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุน แรงงาน ตอบสนองความต้องการของตลาด สร้างยอดขาย รักษา Backlog แตะ 1,418ล้านบาท หนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน   นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) (CPANEL) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 มีสัญญาณการเติบโตของงานกลุ่มโครงการภาครัฐต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนความต้องการที่อยู่อาศัยแนวสูงในเมืองใหญ่และแนวโน้มการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนมากขึ้น ผลักดันให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างคุณภาพสูงเพิ่มขึ้น       บริษัทฯ จึงปรับกลยุทธ์เพื่อลดความผันผวน กระจายความเสี่ยง และรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าในกลุ่มภาครัฐและงานเอกชนประเภทโครงการแนวสูงมากขึ้น รวมถึงงานอาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนงาน ภาครัฐที่ 40% ภาคเอกชน 60 % ทั้งนี้ คาดว่าจะมีโอกาสเข้ารับงานกลุ่มงานภาครัฐ และงานใหม่เข้ามาเพิ่ม ในช่วงไตรมาส 4/2567  เป็นต้นไป   นอกจากนี้ มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาสินค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุน ประหยัดพลังงาน และเตรียมความพร้อมด้านกำลังการผลิต รองรับงานโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและงานโครงการภาครัฐ เปิดโอกาสสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น รักษาปริมาณงานในมือ (Backlog) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ประมาณ 1,418 ล้านบาท     อีกทั้ง บริษัทมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutral ในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตบนโลก และดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดย CPANEL เป็นบริษัทผู้ผลิตแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Carbon Footprint Organization (CFO)   “ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 การก่อสร้างของภาคอสังหาริมทรัพย์และงานโครงการภาคเอกชน ชะลอตัวตามสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่บริษัทยังสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง มีผลการดำเนินงานดีกว่าค่าเฉลี่ยของภาพรวมอุตสาหกรรมการก่อสร้าง บริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน CPANEL จะสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและเป็นผู้นำในตลาดผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของประเทศไทย” นายชาคริต กล่าว   ข่าวอื่นที่น่าสนใจ ซีเค แอสเสท เปิดตัวโครงการริมน้ำสุดหรูที่เก่าแก่กว่า 100 ปี ใจกลางย่านเชลซี didacta asia 2024 เปิดเวทีการศึกษาครั้งใหญ่     
ซีเค แอสเสท เปิดตัวโครงการริมน้ำสุดหรูที่เก่าแก่กว่า 100 ปี ใจกลางย่านเชลซี กรุงลอนดอน

ซีเค แอสเสท เปิดตัวโครงการริมน้ำสุดหรูที่เก่าแก่กว่า 100 ปี ใจกลางย่านเชลซี กรุงลอนดอน

ซีเค แอสเสท เปิดตัวโครงการริมน้ำสุดหรูที่เก่าแก่กว่า 100 ปี ใจกลางย่านเชลซี บริษัท ซีเค แอสเสท โฮลดิ้งส์ จำกัด  (CK Asset Holdings Limited) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ข้ามชาติชั้นนำจากฮ่องกง จัดงานแถลงข่าวประกาศเปิดตัวโครงการ Powerhouse at Chelsea Waterfront สู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ โครงการพาวเวอร์เฮาส์ (Powerhouse)  เป็นการพัฒนาโครงการอันเป็นสัญลักษณ์ที่ก้าวข้ามจินตนาการแห่งการพักอาศัยที่หรูหราท่ามกลางการโอบล้อมด้วยแลนด์มาร์คประวัติศาสตร์ทางอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ แห่งสุดท้ายของกรุงลอนดอน   อเล็กซานดรา เฉิน (Miss Alexandra Chan) ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด กลุ่มบริษัท ฮัทชิสัน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (Hutchison Property Group Limited) และโฆษกของ ซีเค แอสเสท  กล่าวถึง โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดตัวล่าสุดนี้ว่า  Powerhouse at Chelsea Waterfront เป็นโครงการที่อยู่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ที่นำเสนอความโดดเด่นอย่างแท้จริงของการผสมผสานระหว่างความหรูหราร่วมสมัย และความอลังการทางประวัติศาสตร์ได้อย่างลงตัว โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,100,000 ปอนด์สเตอร์ลิง โครงการพัฒนาบนทำเลชั้นนำของเชลซีแห่งนี้ มอบโอกาสอันยอดเยี่ยมสำหรับการอยู่อาศัย ในพื้นที่ริมแม่น้ำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงลอนดอน   นอกเหนือจากนั้น การเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การตกแต่งภายในที่ออกแบบให้พื้นที่โปร่งโล่ง พร้อมกับความสวยงาม ครอบคลุมไปถึงอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกระดับเวิลด์คลาส ยังมอบความมั่นใจได้ถึงการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยแบบเหนือระดับ     โครงการพาวเวอร์เฮาส์ (Powerhouse) ตั้งอยู่ฝั่งเหนือของแม่น้ำเทมส์ ในย่านหรูหราของเขตรอยัลโบโร (Royal Borough) ของเคนซิงตัน และเชลซี ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยของคนดังระดับโลกหลายคน  ห้องชุดพักอาศัยของโครงการฯ ได้รับการออกแบบด้วยความใส่ใจทุกขั้นตอน  การตกแต่งภายในที่ให้ความรู้สึกถึงความโปร่งโล่งอย่างที่หาได้ยากในทำเลกรุงลอนดอน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่หรูหรา และหนึ่งในทัศนียภาพเหนือแม่น้ำเทมส์ที่ดีที่สุดของกรุงลอนดอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอาคารตะวันตก (Tower West) อาคารที่อยู่อาศัยสูง 37 ชั้น ซึ่งอยู่ติดกัน   สำหรับโครงการ Chelsea Waterfront มีมูลค่าการพัฒนาโดยรวม 1.8 พันล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 79,000 ล้านบาท)  ปัจจุบันอาคาร 2 หลังแรกในโครงการเสร็จสมบูรณ์และพร้อมสำหรับการเข้าอยู่อาศัยแล้ว ได้แก่ พาวเวอร์เฮาส์ (Powerhouse) และอาคารตะวันตก (Tower West) มีจำนวนห้องชุดรวม 434 ยูนิต ปัจจุบันปิดการขายแล้วประมาณ 60%  ขณะที่ อีก 2  อาคารที่กำลังจะเปิดตัวสำหรับโครงการในเฟส 2      ทั้งนี้ ราคาห้องชุดพักอาศัยโครงการ Powerhouse ซึ่งเป็นอาคารสูง 13 ชั้น มีราคาเริ่มต้นที่ 1,100,000 ปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 47,717,520 บาท) สำหรับห้องชุดขนาด 59.2 ตารางเมตร อีกทั้งยังมีตัวเลือกอื่นๆ ที่พร้อมตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย ได้แก่  ห้องชุดแบบ 3 ห้องนอน ขนาด 104 ตารางเมตร  หรือแบบ 3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ขนาด 153.6 ตารางเมตร และห้องชุดสุดหรู 4 ห้องนอน ขนาด 161 ตารางเมตรความโดดเด่นของโครงการ Powerhouse คือ การผสมผสานห้องชุดพักอาศัยที่กว้างขวาง เข้ากับมรดกอาคารเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 100 ปี บนหนึ่งในทำเลที่ตั้งที่น่าเป็นเจ้าของมากที่สุดของริมแม่น้ำกรุงลอนดอน     นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการใหม่ระดับหรู ควบคู่กับข้อจำกัดของกฎระเบียบเกี่ยวกับผังเมือง (planning restrictions) ของกรุงลอนดอน กระตุ้นให้เกิดความต้องการอสังหาริมทรัพย์ระดับบน ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น   ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนของกรุงลอนดอนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลตอบแทนจากการลงทุนที่แข็งแกร่ง จากผู้ซื้อต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงนักลงทุนชาวไทย   ขณะที่ นโยบายของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ซึ่งอนุญาตให้ชาวไทยและต่างชาติอื่นๆ มีสิทธิ์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้โดยไม่มีเงื่อนไขกีดกันใดๆ นอกเหนือจากเงื่อนไขด้านการเงินตามข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ยังเป็นปัจจัยหนุนให้โครงการ Powerhouse at Chelsea Waterfront เป็นโอกาสการลงทุนอันยอดเยี่ยม   ทั้งนี้ นักลงทุนไทย มีแรงจูงใจอย่างยิ่งจากโอกาสในการพักอาศัยระยะยาว สำหรับบุตรหลานที่ไปศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาชั้นนำของกรุงลอนดอน ขณะที่ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงอย่างมาก 2 แห่ง ก็อยู่บริเวณใกล้เคียง ได้แก่ โรงเรียนโทมัส แบตเตอร์ซี (Thomas’s Battersea) ซึ่งมีนักเรียนคนดังอย่าง เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และสมาชิกราชวงศ์คนอื่นๆ และโรงเรียน Godolphin and Latymer เมื่อผนวกกับระยะเวลาการเช่าซื้อ 975 ปี (มีผลตั้งแต่เดือนกันยายน 2565) โครงการนี้จึงช่วยมอบการลงทุนที่ปลอดภัยและสามารถส่งต่อเป็นมรดกของครอบครัว   ปัจจุบัน มีผู้ซื้อและนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรจากทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น ซีเค แอสเสท จึงได้ใช้กลยุทธ์ในการขยายตลาดให้ครอบคลุม นอกเหนือจากตัวแทนขายอย่างเป็นทางการแล้ว ยังเปิดกว้างเพื่อเข้าถึงและเจาะตลาดตัวแทนอิสระ รวมทั้งเอเจนซี่ขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเสนอโครงสร้างค่าคอมมิชชั่นที่น่าสนใจให้  เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ขยายวงกว้างไปในประเทศไทย และนานาชาติต่อไป   ลูกค้า และตัวแทนขายที่สนใจ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ: https://page.line.me/chelseawaterfront
SASARA Hua Hin โครงการสุดว้าว ติดหาดที่ดีที่สุดใน หัวหิน

SASARA Hua Hin โครงการสุดว้าว ติดหาดที่ดีที่สุดใน หัวหิน

โครงการ ศศรา หัวหิน ลักชัวรี่ บีชฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์    “SASARA Hua Hin Luxury Beachfront Residence” โครงการสุดว้าวบน หาดที่ดีที่สุดใน หัวหินที่ทอดยาวถึง 8 กิโลเมตร   ศศรา หัวหินโครงการ Low Rise สูง 4 ชั้น 5 อาคาร จำนวน 110 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่ 1 งาน 43.6 ตร.ว. บริเวณเขาตะเกียบ มีขนาดพื้นที่ห้องเริ่มต้น 37 - 160 ตร.ม. พร้อมพื้นที่หน้าหาดที่มีความยาว 47  เมตร       โครงการออกแบบมาให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ อากาศให้เหมาะกับการอยู่อาศัยริมทะเล ห้องรับลมท่ายเทอากาศได้ดี ผสมผสานสถาปัตยกรรมเขตร้อนชื้น ที่มีลักษณะเด่นด้านการใช้วัสดุธรรมชาติด้วย “ อิฐดินเผา terracotta bricks - terracotta tile” เป็นวัสดุ craft ที่ให้ความรู้สึกที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ภายใต้คอนเซปต์ “The Art of Escape”     ความเป็นส่วนตัวสูง มีจำนวนยูนิตน้อย มีส่วนกลางเยอะมาก ด้านการเดินทางสะดวก ใกล้ถนนเพชรเกษม เดินทางด้วยรถยนต์จากกรุงเทพประมาณ 200 กิโลเมตร ใกล้แหล่งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า Bluport Huahin 5.4 กม.โรงพยาบาลชั้นนำ, ตลาด Cicada Market 2.9 กม. ฯลฯ   อีกจุดเด่นของ  ศศรา หัวหิน ตั้งอยู่ในโลเคชั่น เพื่อการพักผ่อนที่หลากหลาย  เช่น สนามกอล์ฟ, เส้นทางปั่นจักรยาน, Surf, ขี่ม้า บนชายหาดยาว 8 กิโลเมตร ดีที่สุดสำหรับสาย Activity กิจกรรมจัดเต็มตลอดทั้งวัน   โครงการมีห้องให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ ห้องแบบ    1 ห้องนอน, ห้องแบบ 2 ห้องนอน และห้องแบบ 3 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท และสำคัญขายหมดไปแล้ว 90% สิ่งอำนวยความสะดวก   สระว่ายน้ำ 5 แบบ 5 สไตล์ ใจกลาง Landscape ที่สวยงาม ประกอบด้วย Lagoon Pool , Lap Pool, Step Waterfall and Hidden Jacuzzi, Kid’s Pool และ Entertainment Pool พร้อมด้วยกิจกรรมมากมายทั้งภายในและภายนอกโครงการ อาทิ บีช คลับ ฟิตเนส พูลคลับ เรือคายัก เซิร์ฟบอร์ด กิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกริมชายหาดมากมาย พร้อมพื้นที่หน้าหาดที่มีความยาว 47  เมตร ตั้งอยู่บนหาดเขาตะเกียบยาว 8 กิโลเมตร  ระบบรักษาความปลอดภัย      เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม. พร้อมระบบ CCTV เข้า-ออก โครงการด้วยระบบ Key card   โครงการน่าสนใจ THEW TALAY เปิดรีเทลปั้นแลนด์มาร์คใหม่ ชะอำ-หัวหิน รีวิวคอนโด พักผ่อนแบบคลูๆ ที่ “Blu ชะอำ-หัวหิน”
“แอสเซทไวส์” ลุยศึกอสังหา ปี 2567   เปิด 12 โครงการใหม่ และธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์  

“แอสเซทไวส์” ลุยศึกอสังหา ปี 2567  เปิด 12 โครงการใหม่ และธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์  

แอสเซทไวส์ หรือ ASW  เผยแผนธุรกิจชู 3 กลยุทธ์หลัก “Execute / Expand / Explore” มุ่งนำธุรกิจเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” ลุยเปิด 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 25,920 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาท และรุกแผนเปิดโครงการแนวราบ รวมถึงขยายทำเลครอบคลุมกรุงเทพฯ EEC และภูเก็ต เสริมแกร่งด้วยธุรกิจใหม่เพิ่มรายได้ต่อเนื่อง ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์  และธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ พร้อมปรับทัพผู้บริหารขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตแข็งแกร่งรับทุกสถานการณ์ นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ASW” เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ดีของแอสเซทไวส์ โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม, บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านระดับลักชัวรี เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าในหลากหลายเซ็กเมนต์ บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต  ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมรวม 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,260 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้เดิม 12 โครงการ และสามารถทำยอดขายปี 2566 ได้ถึง 16,486 ล้านบาท สูงทะลุเป้าที่วางไว้ ซึ่งเติบโตกว่า 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา   “สำหรับทิศทางอสังหาฯ ในปี 2567 นี้ แอสเซทไวส์ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง โดยปี 2567 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 25,920 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 9 โครงการ และ แนวราบ 3 โครงการ พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 17,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 8% จากปี 2566  และเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท  ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” กับการพัฒนาแอสเซทไวส์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในทุกมิติ โดยบูรณาการ 3 กลยุทธ์หลักซึ่งประกอบไปด้วย สำหรับพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ต  THE TITLE ภายใต้บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ในเครือแอสเซทไวส์ ซึ่งล่าสุดได้เปิดขายโครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมแล้วกว่า 80%  เพื่อต่อยอดความสำเร็จ  ในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเดอะ ไทเทิล เฮอริเทจ บางเทา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท  โครงการเดอะ ไทเทิล เซเรนิตี้ ในยาง มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท  และ โครงการเดอะ ไทเทิล ราไวย์  มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว (BOTANICA Grand Avenue) ลักชัวรี่พูลวิลล่าที่เป็นเมกะโปรเจ็คต์ มูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านบาท ในสัดส่วน 30% ทำให้พอร์ตอสังหาฯ ในภูเก็ตของแอสเซทไวส์มีความครบเครื่องมากยิ่งขึ้น มีโปรดักต์ครอบคลุมทั้ง Leisure คอนโดมิเนียม และวิลล่าระดับลักชัวรี สำหรับการหารายได้ประจำสมำเสมอต่อเนื่อง ทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อเป็นการสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income)  ประกอบด้วยธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ภายใต้โครงการ Mingle Mall ที่ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ , Well Aesthetic & Wellness Center  พื้นที่เช่าสำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประเภทศูนย์สุขภาพและคลินิกด้านความงาม บนใจกลางย่านรัชดาภิเษก ล่าสุดกับ มิงเกิ้ล สปอร์ต วิลเลจ (Mingle Sport Village at Rangsit) ศูนย์กีฬาในร่มเอาใจสายรักสุขภาพ รวมถึง Rocket Fitness  บริหารงานของ “บริษัท เทรเชอร์ เอ็ม จำกัด” ในเครือแอสเซทไวส์ รวมถึง ZAAP World ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่าง ๆ  ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่จะเข้ามาเติมเต็ม และเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแอสเซทไวส์อีกด้วย พร้อมกันนี้ แอสเซทไวส์ยังมีโครงการที่สร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนในปี 2567 อีกจำนวน 9 โครงการ ซึ่งแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 7  โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9,557 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 2 โครงการ และปัจจุบัน บริษัทฯ มียอด Backlog อยู่ ถึง 19,500 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนโครงการในกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน13,700 ล้านบาท โครงการในทำเล EEC จำนวน 1,800 ล้านบาท และโครงการในภูเก็ตอีกกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567 ต่อเนื่องไปถึงปี 2569 บทความน่าสนใจ AssetWise เข้าถือหุ้น 57% TITLE “รุกตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต” สร้างรายได้ 10,000 ล้านบาทใน 3 ปี แอสเซทไวส์  กวาดยอดขายไตรมาสแรกเกือบ  3,500 ล้าน ลุยต่อเปิด 3 โครงการใหม่  
SC ASSET ตั้งเป้า5ปี 150,000 ล้าน ภายใต้แนวคิด “มหาศาล มั่นคง สมดุล“

SC ASSET ตั้งเป้า5ปี 150,000 ล้าน ภายใต้แนวคิด “มหาศาล มั่นคง สมดุล“

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา SC ทำยอดขายนิวไฮ 4 ปีต่อเนื่อง ต่อไปทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะเวลา 5 ปี จากนี้ (2567-2571)  คาดว่าจะสร้างรายได้รวมกว่า 150,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากหลากหลายธุรกิจทั้งในส่วนของ อสังหาฯที่อยู่อาศัย โรงแรม และคลังสินค้า ภายใต้แนวคิด “มหาศาล  มั่นคง สมดุล”   SC ASSET ธุรกิจบนความหลากหลายเริ่มจาก  มหาศาล การสร้างรายได้รวม (portfolio revenue) รวม 5 ปี (2567-2571) จากหลากหลายธุรกิจที่คาดว่าจะทำรายได้มากกว่า 150,000 ลบ. สำหรับเป้าหมายและแผนธุรกิจในปี 2567 คาดการณ์จะทำยอดขายนิวไฮ 28,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น โครงการแนวราบ 65% และโครงการแนวสูง 35% โครงการเพื่อขายทั้งสิ้น 86 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 91,000 ล้านบาท เป็นการเปิดโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,000ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 25,000 ล้านบาท โดยมีไฮไลท์เป็นแบรนด์ใหม่ชื่อ “คอนนาเซอร์” (Connoisseur) ราคาเริ่มต้น 80 ล้านบาท และบ้านไลฟ์สไตล์เฉพาะ และโครงการใหม่แนวสูง 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “เรฟเฟอเรนซ์” (Reference) มั่นคง : ลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุน D/E น้อยกว่า 1.5 สมดุล : ส่วนผสมกำไร จากธุรกิจที่หลากหลาย โดยมีกำไรจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (engine 2) มากกว่า 25%ในส่วนธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ มาจาก 4 ธุรกิจหลัก แบ่งเป็น 1.อาคารสำนักงานให้เช่า มีพื้นที่เช่ารวม 120,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากอาคารสำนักงานรวม 6 อาคาร 2.โรงแรม มีจำนวนห้องพักรวม 545 ห้อง จากโรงแรม 3 โครงการ โดยเปิดแล้วที่ “YANH ราชวัตร” ขนาด 78 ห้องและกำลังจะเปิดปลายปี 2567 นี้ “ครอโม” (Kromo) ทำเลสุขุมวิท 29 บริหารโดย CurioCollection by Hilton จำนวน 306 ห้อง และเปิดต้นปี 2568 ในทำเลพัทยา จำนวน 161 ห้อง 3.คลังสินค้า มีพื้นที่เช่ารวม 160,000 ตร.ม. จากคลังสินค้ารวม4 โครงการ ดำเนินการแล้วที่ทำเลนครสววรค์พื้นที่ 16,000 ตร.ม. กำลังจะเปิดในปี 2567 นี้และปี 2568 อีก 144,000 ตร.ม. ใน 3 ทำเลคือ บางนา กม.20, บางนา กม.22 และแหลมฉบัง และยังมีการร่วมลงทุนกับสตอเรจเอเชีย บุกตลาด Self Storageภายใต้แบรนด์ “i-Store” 4.อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าในสหรัฐอเมริกา มีห้องพักรวม78 ห้อง ใน 4 ทำเลใจกลางเมืองบอสตัน   ในส่วนของภารกิจ SCeroMission ดำเนินธุรกิจอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการออกแบบ สร้าง ใช้ ทิ้ง จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก 25% ในปี 2573 ที่ผ่านมาองค์กรได้มีการติดตั้ง Solar Roof บริเวณอาคารสำนักงาน และโครงการบ้าน ติดตั้ง EV Charger ณ อาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม เปลี่ยนหลอดไฟ LED เปลี่ยนระบบทำความเย็น ในอาคารสำนักงาน ช่วยลด GHG ได้กว่า 1,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ในปี 2565-2566 และตั้งเป้าหมายว่าจะลดก๊าซเรือนกระจก 15% จากการดำเนินงานตามปกติ ในปี 2567 นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปอย่างมั่นใจว่า “SC พร้อมและมุ่งมั่นสำหรับการเติบโตในทศวรรษที่ 3 ตามวิสัยทัศน์ SC the Evolution เติบโตด้วยการปรับตัวตามบริบท เติบโตด้วยการสร้างคุณค่าสู่คนและโลก เติบโตด้วยธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม คลังสินค้า ออฟฟิศ”   บทความน่าสนใจ SC เปิดบ้านหรูซีรีส์ใหม่ “อยู่แบบใหม่ แบบสับ” bangkok boulevard signature westgate Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา โครงการ Modern Luxury เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น  
เวหา หัวหิน คอนโดลักชัวรี ทุกยูนิตเห็นทะเลหัวหิน

เวหา หัวหิน คอนโดลักชัวรี ทุกยูนิตเห็นทะเลหัวหิน

PROUD  พาชมโครงการใหม่ “เวหา หัวหิน” คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ที่ทุกห้อง 100% เห็นวิวทะเล ภายใต้คอนเซ็ปท์ “New Lifestyle Seaview Residences”     เวหา หัวหิน คอนโดลักชัวรี อาคารความสูง 31 ชั้น  ทั้งหมด 364 ยูนิต พื้นที่เดียวกับวานา นาวา และติดกับโรงแรมฮอลิเดย์  อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน  โดดเด่นด้วยการออกแบบ Single Corridor ทำให้ทุกยูนิตได้รับวิวทะเลแบบเต็มที่   มาพร้อมด้วยส่วนกลางมากกว่า 2,700 ตร.ม. สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ บ่อแช่น้ำร้อนบนชั้นดาดฟ้า ห้อง Kids Club, Sky Theatre และอื่นๆ อีกมาก ที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ได้อย่างเต็มที่     นอกจากนี้ทุกห้องจะได้รับเอกสิทธิ์ในการเข้าใช้บริการ สวนน้ำ วานา นาวา ฟรี ถึง 5 ปี เริ่มตั้งแต่ทำสัญญา  ได้รับการบริการแบบ Hotel Serviced จาก ฮอลิเดย์  อินน์ รีสอร์ทวานา นาวา หัวหิน   พร้อมส่วนลดต่างๆ ในโรงแรมในเครือ     แบบห้องมีให้เลือก Penthouse Horizon Bay ขนาด 147 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 22.39 ล้านบาท One Bed Extra Bliss 2 ขนาด ได้แก่ 59 ตร.ม. และ 61 ตร.ม ราคาเริ่มต้นที่ 7.85 ล้านบาท Two Bedroom ขนาด 56 ตร.ม.ที่เป็นห้องหน้ากว้างมาพร้อมระเบียงใหญ่ และอ่างจากุซซี่ One Bed Room Plus ขนาด 45 ตร.ม. 1 ห้องนอน ที่มาพร้อมกับห้องอเนกประสงค์ริมระเบียง One Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. โดยทุกห้องมาพร้อมกับ Double Skin Balcony หรือระเบียงแบบ 2 ชั้น ที่สามารถใช้งานยืดหยุ่น สามารถปรับพื้นที่ให้เป็นแบบ Indoor หรือ Semi Outdoorได้     ใครสนใจ ชมโครงการพร้อมสัมผัสวิวทะเลได้ที่ เซลล์ แกลลอรี่ โครงการ เวหา หัวหิน ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน ชั้น 25  ห้องตัวอย่างที่ได้เห็นวิวจริงไม่ต้องพึ่ง AI  ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/unveilthenewpreciousnews หรือโทร 02 026 8999   บทความน่าสนใจ เปิดเหตุผล พราว เรียลเอสเตท บุกตลาดกทม. กับวิธีทางสร้างรายได้ 15,000 ล้าน พราว เรียลเอสเตท ปั้นโปรเจ็กต์ “เวหา” 2,290 ล้าน ชู 6 ไฮไลท์คอนโดลักชัวรี่สูงสุดในหัวหิน
RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค คอนโดใหม่ล่าสุดของ AP THAILAND

RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค คอนโดใหม่ล่าสุดของ AP THAILAND

  RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค คอนโดใหม่ล่าสุดของ AP THAILAND ทำเลดีอยู่บนถนนเจริญนคร โครงการอยู่ฝั่งตรงข้ามของ ICONSIAM  การเดินทางสะดวกอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีเจริญนคร แค่ 100 เมตร เชื่อมต่อการเดินสะดวกใช้เวลาไม่นาน เข้าสู่ใจกลาง CBD สีลม-สาทรได้ภายใน 5 นาที ไม่ว่าจะเป็นระบบรถ ต่อเรือ หรือระบบราง   พื้นที่เจริญนคร นอกจากไอคอนสยามที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการแล้ว โดยรอบโครงการ เจริญนครจัดได้ว่าเป็นศูนย์รวม โรงแรมระดับโลก โรงพยาบาล สถานศึกษาชั้นนำทั้งรัฐและเอกชน หรือ โรงเรียนนานาชาติ อาคารสำนักงานไฮเอนด์มากมาย     RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค คอนโดไฮไรส์ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “BLUECHIP DESIGN RESIDENCE” เป็นอาคารสูง 29 ชั้น สร้างบนที่ดิน 4 ไร่ จำนวนหยูนิต 577 ที่จอดรถ 60%  การดีไซน์ได้แรงบันดาลใจจาก Japanese – Italian Craftsmanship ความสมดุลระหว่างความงดงาม และสุนทรียะการใช้ชีวิตเหนือระดับ พร้อมส่วนกลาง รวมกว่า 3.3 ไร่     ประกอบไปด้วย อยู่ที่ชั้น  G - Wharf Yard Garden + Private Sanctuary Yard สวนด้านหน้าโครงการ Main Lobby Lounge, Co-working space, Welcome Foyer  ชั้น  6 Yacht Garden Terrace  ชั้น 28  สระว่ายน้ำ+ Jacuzzi Pool + Kid Pool + Pool bar + Pool deck +Fitness + Artistic Pavilion  และ ชั้น 29  Iconic Lounge ,Sky living room, Private Club, The Grand Yacht Lounge, Private Meeting Room ที่จะได้เห็นวิวเมืองสวยๆ   RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค มีรูปแบบห้อง SIMPLEX 1-Bedroom เพดานสูง 3 เมตร เริ่มต้น 5.6 ล้านบาท SIMPLEX 2-Bedroom เพดานสูง 3 เมตร เริ่มต้น 16 ล้านบาท VERTIPLEX ชั้น 23-27 เพดานสูง 4.45 เมตร* เริ่ม 9.5 ล้านบาท จุดเด่นคือห้อง Vertiplex  เพดานสูง double volume  ความสูง 4.45 เมตร มีชั้นลอย ความสูงทำให้มีความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านโปร่งสบายไม่อึดอัด  พิเศษขึ้นภายห้องนอนที่อยู่ชั้นลอย ใส่ห้องน้ำมาให้ด้วย แก้ปัญหาขึ้นลงเข้าห้องน้ำได้สะดวกมากขึ้น     RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค  อีกหนึ่งโครงการร่วมทุนใหม่ล่าสุด ที่มีครบสะดวกทั้งภานในอาคาร และการเดินทางพร้อมทั้งการใช้ชีวิตติดห้าง ติดรถไฟฟ้า ราคาเริ่มต้น 159,000 บาท/ ตร.ม. หรือ ราคาเริ่ม 5.6 ล้านบาท จนไปถึง 30 ล้านบาท วันงานเปิดตัว กวาดยอดขายกว่า 4,000 ล้านบาท ปิดการขายได้มากถึง 80% จากทั้งโครงการ   บทความน่าสนใจ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี “Create Your Own Etiquette วิถีแห่งที่สุดของชีวิตสุนทรียะในแบบของคุณ” Life พหลฯ ลาดพร้าว ตอบโจทย์ชีวิตไร้ขีดจำกัด RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน คอนโดใหม่ใจกลางเมืองวิวคุ้งน้ำเจ้าพระยา
Supalai Sense Srinakarin – Staycation คอนโดแนวใหม่ ใกล้ห้างและรถไฟฟ้า

Supalai Sense Srinakarin – Staycation คอนโดแนวใหม่ ใกล้ห้างและรถไฟฟ้า

Supalai Sense Srinakarin - Staycation คอนโดแนวใหม่ ใกล้ห้างและรถไฟฟ้า กระแสของตลาดอสังหาฯช่วงนี้วนมาถึงทำเล “ศรีนครินทร์” ที่กำลังคึกคักเป็นพิเศษเพราะ Developer หลายเจ้าเข้ามาปักหมุดและเริ่มทำการขายโครงการคอนโดมิเนียมในย่านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และบริเวณใกล้ๆ ห้างซีคอนสแควร์ ทำให้ช่วงปลายปี 2023 นี้ ถนนศรีนครินทร์เป็นทำเลทองของคอนโดเลยก็ว่าได้   สำหรับโครงการใหม่ล่าสุดที่เราจะพาไปดูกันในครั้งนี้ เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise จาก “ศุภาลัย” ภายใต้แบรนด์ใหม่ “Supalai Sense” ซึ่งดีไซน์ในคอนเซปต์ “Sense of Staycation” ที่ต้องการให้บรรยากาศภายในโครงการให้ทุกวันเหมือนวันพักผ่อน ในขณะเดียวกันก็ปักหมุดบนทำเลที่เดินทางสะดวก และเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยและการลงทุน     Sense of Location ก่อนอื่นเราขอพูดถึงเรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการ “Supalai Sense Srinakarin” ที่เชื่อว่าพอพูดถึงชื่อศรีนครินทร์แล้ว ใครๆ ก็คงปักหมุดในใจไปที่ตำแหน่งของห้างดังอย่าง “ซีคอนสแควร์” แน่ๆ ซึ่งตัวโครงการตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้าง ในซอยศรีนครินทร์ 42 หรือซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8 ถัดจากปากซอยเข้าไปเพียง 500 เมตรเท่านั้น พื้นที่ในย่านนี้เป็นโซนที่อยู่อาศัย มีอาคารพานิชย์ หอพัก อพาร์ทเม้นท์ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด คึกคักและอุดมสมบูรณ์มากตั้งแต่ปากซอยเข้าไปเลย         ในห้างซีคอนสแควร์เอง ก็มีทั้ง Lotus's, Don Don Donki รวมถึงร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำมากมาย ซึ่งถือว่าเป็นห้างดัง ห้างประจำของคนในย่านนี้ นอกจากห้างซีคอนสแควร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้ว บริเวณใกล้ๆ ยังมีตลาดนัดรถไฟ ห้างพาราไดซ์พาร์ค และสวนหลวงร.9 ก็อยู่ในระยะที่เรียกว่าพอเดินไหว และไม่ไกลจนเกินไปนัก          ในขณะที่การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองก็มี สถานีสวนหลวงร.9 และสถานีศรีนครินทร์ 38 สามารถไปเชื่อมต่อกับแอร์พอร์ตลิงค์ได้ที่สถานีหัวหมาก หรือถ้าลัดไปออกทางซอยอุดมสุข ก็จะเจอกับแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวบริเวณสถานีอุดมสุข และสถานีปุณณวิถี ได้เช่นกัน และด้วยความที่ถนนของซอยศรีนครินท์ 40 สามารถเชื่อมต่อได้หลากหลายเส้นทางก็ทำให้การเดินทางด้วยรถส่วนตัวมีความคล่องตัวไม่แพ้กัน ทั้งเส้นทางไปออกซอยอ่อนนุช 46 และซอยอ่อนนุช 44 หรือจะออกไปทางถนนอุดมสุข (ซอยสุขุมวิท 103) และทางถนนวิชิรธรรมสาธิต (ซอยสุขุมวิท 101/1) ก็ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกเดินทางเข้าเมือง หรือต้องไปทำงานในโซนไหนก็สะดวกเหมือนกัน      Sense of Staycation จากความตั้งใจในการปั้นแบรนด์ “Sense” ที่อยู่ในระดับเดียวกับ “City Resort” แต่อัพเลเวลขึ้นมา ทั้งในเรื่องของการดีไซน์ใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น ทั้งการเลือกใช้สีให้บรรยากาศอบอุ่นผ่อนคลาย การเลือกใช้เส้นสายโค้งมนสบายตา และรูปแบบห้องที่หลากหลายเหมาะกับการพักผ่อน เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนทำงานที่มองหาที่อยู่อาศัยทดแทนการเช่า และมองหาคอนโดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ในขณะที่ยังได้สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งภายในและนอกโครงการครบครัน     ภายใต้คอนเซปต์การออกแบบ “Sense of Staycation เปลี่ยนวันธรรมดาให้กลายเป็น Vacation” ศุภาลัยจึงออกแบบให้อาคารโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลาง เน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้เห็นบรรยากาศของสวนและสระว่ายน้ำ เหมือนได้ไปเที่ยวพักผ่อนในรีสอร์ททุกวัน พร้อมกับจัดยูนิตพิเศษ เป็นห้องแบบ Pool Access ที่มีเพียง 7 ยูนิตเท่านั้น!!       นอกจากนี้พื้นที่ส่วนกลาง และ Facility ต่างๆ ก็ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เช่น จุด Food Drop ของแต่ละตึก สำหรับการส่งอาหารแบบ Delivery, ห้องรับพัสดุที่เป็น Drop Store ขนาดใหญ่ ไม่ต้องมีปัญหาพัสดุวางเกะกะจนล้นห้องนิติฯ, จุดรองรับ EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงห้อง Private Storage ที่ทางศุภาลัยใส่ไว้ในทุกๆ โครงการใหม่ เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของส่วนตัวสำหรับลูกบ้านที่ต้องการซื้อห้องเก็บของเพิ่ม   Lobby เป็น Double Space ที่สามารถมองเห็นทั้ง Fitness + ห้อง Co-working Space Lobby Co-working Space   ขณะเดียวกัน Facility พื้นฐานที่ต้องมีในคอนโด ทางศุภาลัยก็จัดมาเต็มที่ ทั้งสระว่ายน้ำ Infinity Edge ระบบน้ำเกลือ แยกสระเด็กพร้อมจากุชชี่, ฟิตเนส, Jogging Trail, Co-working Space, พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ และ Roof Garden เพื่อเพิ่มพื้นที่พักผ่อน, Vending Machine, ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง, การเข้าออกด้วยระบบ Face Scan และสแกนทะเบียนรถ รวมถึงการเพิ่มบริการ Shutter Service รับ-ส่งจากสถานีสวนหลวง ร.9 ให้กับลูกบ้านอีกด้วย   ภาพรวมส่วนกลางในตึก A Roof Garden  พื้นที่ส่วนกลางบริเวณชั้น 2 มีทั้งสระว่ายน้ำ สวน และมุมพักผ่อน Pocket Garden และ บันได Jogging Trail  Room Type Supalai Sense Srinakarin แบ่งเป็น 3 อาคารที่โอบล้อมส่วนกลางไว้ โดยตึก A สูง 7 ชั้น (ไม่รวมดาดฟ้า) ส่วนตึก B และ C สูง 8 ชั้น (ไม่รวมดาดฟ้า) บริเวณชั้น 1 เป็นพื้นที่จอดรถใต้อาคารและนอกอาคารรวม 40% (ไม่นับซ้อนคัน) ในส่วนของ Facility จะเริ่มที่บริเวณชั้น 2 และทั้งหมดจะรวมอยู่ที่ ตึก A ดังนั้นตึกนี้จะมีข้อดีที่สะดวกต่อการใช้ Facility ต่างๆ และมีจำนวนยูนิตน้อย เพียง 57 ยูนิตเท่านั้น ให้ความเป็นส่วนตัวและยังเป็น Single Corridor ทั้งหมด รวมถึงยูนิตพิเศษที่เป็น Pool Access ก็มีเพียง 7 ยูนิตเท่านั้น ที่ลูกบ้านจะได้บรรยากาศเหมือนพักอยู่ในรีสอร์ททุกวัน แค่เดินออกมาที่ระเบียง ก็สามารถลงสระว่ายน้ำได้เลยทันที   พื้นที่จอดรถบริเวณชั้น 1 อาคารทั้ง 3 ตึก โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางไว้ตรงกลาง ห้องรูปแบบ Pool Access ที่มีเพียง 7 ยูนิต และเป็นแบบ Single Corridor   ส่วนอีก 2 อาคาร จะได้เปรียบเรื่องความสงบ เป็นส่วนตัวสำหรับการพักอาศัย โดยที่ตึก B และตึก C จะมีจำนวนห้องตึกละ 210 ยูนิต ทั้งโครงการมีจำนวนยูนิตรวม 477 ยูนิต โดยมีรูปแบบห้องหลักๆ 3 แบบคือ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus (Me Corner) และ 2 Bedroom ในขนาดตั้งแต่ 25-53 ตารางเมตร ห้องทุกรูปแบบมีการจัด Layout เป็นสัดส่วนชัดเจน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งห้องส่วนใหญ่เป็นลักษณะครัวปิด และมีห้องน้ำอยู่นอกห้องนอน     สำนักงานขายปัจจุบันตั้งอยู่ที่ ห้างซีคอนสแควร์ ชั้น 3 ฝั่งโลตัส ซึ่งมีห้องตัวอย่างให้ชม 2 แบบ เราเริ่มกันด้วยห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาด 33 ตารางเมตร (1B1) ที่เชื่อว่าใครเห็นก็คงถูกใจรูปแบบของห้องนี้แน่ๆ ด้วยการแบ่งพื้นที่การใช้งานได้เป็นสัดส่วน ได้ครัวปิดติดระเบียง พื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง เชื่อมต่อกับบริเวณรับประทานอาหารได้อย่างลงตัว ภายในห้องนอนมีมุมสำหรับ Walk-in Closet เล็กๆ เป็นสัดส่วน รวมถึงหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอนที่สามารถเปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่                      ภายในห้องน้ำทุกห้องใช้ชุดสุขภัณฑ์ของ Hafele ทั้งหมด โดดเด่นด้วยการเลือกชุดฝักบัว ก๊อกน้ำ สายชำระ และราวแขวนผ้าเป็นสีดำทั้งหมด รวมถึงเครื่องทำน้ำอุ่นก็ยังเป็นสีดำจาก Stiebel Eltron ส่วนในห้องครัวก็ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัว พร้อมชั้นเก็บของมาให้ พร้อมเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันของ Hafele มาให้ด้วยเช่นกัน       ห้องตัวอย่างอีกห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 25 ตารางเมตร (1A1) ซึ่งเป็นรูปแบบที่กะทัดรัดลงมาหน่อย แต่ยังคงความเป็นสัดส่วน เปิดเข้าห้องมาจะเจอกับครัวปิด มีประตูกระจกกั้นครัวให้แยกจากพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนชัดเจน พื้นที่ด้านในเป็น Living Area เปิดกว้างที่มีมุมนั่งเล่นกับที่นอนแชร์พื้นที่ร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีมุมเล็กๆ บริเวณริมหน้าต่าง สำหรับตั้งโต๊ะทำงานหรือใช้เป็นมุมอ่านหนังสือได้พอดี เหมาะกับการอยู่อาศัยคนเดียวง่ายๆ หรือเหมาะกับการปล่อยเช่าเช่นกัน              บริเวณครัวให้ชุดเคาน์เตอร์พร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันติดตั้งให้เรียบร้อย รวมถึงในห้องน้ำก็เป็นชุดสุขภัณฑ์จาก Hafele ทั้งหมด        หลังจากเห็นต้องตัวอย่างแล้ว เรามาดูเรื่องราคากันบ้าง Supalai Sense Srinakarin เปิดราคาเริ่มต้นมาที่ 1.42 ล้านบาท* เริ่มต้น 57,000 บาท/ตารางเมตรเท่านั้น แถมยังขายมาแบบ Fully Fitted ให้ครบทั้งชุดครัว Hob & Hood, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องทำน้ำอุ่น, ฉากกั้นอาบน้ำ รวมถึง Digital Door Lock ด้วย!! พร้อมการรับประกันโครงสร้างนานถึง 10 ปี* และประกันส่วนควบอีก 3 ปี* ถ้าเป็นลูกบ้านก็อุ่นใจกันไปยาวๆ ได้เลย ที่สำคัญในราคาเริ่มต้นเพียง 1.42 ล้านบาท* ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่ามากๆ เทียบกับสเปคที่ได้ ซึ่งแทบจะหาไม่ได้จากโครงการอื่นๆ ในระแวกเดียวกัน ในขณะเดียวกันในย่านนี้ นอกจากจะเป็นเป้าหมายของกลุ่มลูกค้าที่มองหาคอนโดไว้อยู่อาศัยเองแล้ว ยังมีกลุ่มผู้เช่าไม่น้อยเลย ทั้งกลุ่มลูกเรือ นักบิน หรือกลุ่มวัยเรียนและคนที่ทำงานในเมือง ด้วยการเดินทางที่สะดวกทั้งไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือเข้าสู่ใจกลางเมือง อัตราการเช่าห้องในย่านศรีนครินทร์มีความต้องการค่อนข้างต่อเนื่อง และอัตรา Yield เฉลี่ยสูงถึง 5-6% ต่อปี (อ้างอิงจากข้อมูลของทางศุภาลัย) แล้วยิ่งเป็นตึกใหม่ที่มี Facility ครบครันแบบนี้ ก็ยิ่งดึงดูดผู้เช่าใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี     ใครที่สนใจ สามารถไปดูห้องตัวอย่างของ Supalai Sense Srinakarin ก่อนได้ที่ Sale Gallery บนห้างซีคอนสแควร์ และในวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้ ทางโครงการเปิดรอบ Pre-Sale อย่างเป็นทางการ ลองแวะไปสอบถามโปรโมชั่นพิเศษเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ขายได้ หรือลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://bit.ly/3SN1KPe     บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ศุภาลัยเปิดตัว พรีเซ้นเตอร์คนแรก เคลียร์ชัดศุภาลัยบ้านไม่แคบ ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 7 แบบบ้านใหม่ เอาใจทาสแมว ศุภาลัย เอสเซ้นส์  โครงการพรีเมี่ยมแห่งแรกในอ่างศิลา    
RML เปิดให้ชมโฉม ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ คอนโดฯ ลักชัวรี่ พร้อมอยู่ ใจกลางสาทร

RML เปิดให้ชมโฉม ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ คอนโดฯ ลักชัวรี่ พร้อมอยู่ ใจกลางสาทร

เปิดให้ชม คอนโดฯ ลักชัวรี่ พร้อมเข้าอยู่  เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ (Tait Sathorn 12)  ครั้งแรก ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Live The Iconic Life’ ที่สุดของการใช้ชีวิตที่แตกต่างใจกลางสาทร ชูไฮไลต์โครงการ ‘สะดวกทุกมิติของการใช้ชีวิต-ดีไซน์โดดเด่นการันตีรางวัล 3 ปีซ้อน- พื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มกว่า 2,000 ตร.ม.’ เผยโครงการกระแสแรง! กวาดยอดขายถล่มทลายไปถึง 97% ราคาขายเฉลี่ย 200,000 บาท/ตร.ม.ขึ้นไป เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ เป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง RML และโตเกียว ทาเทโมโนะ โดยมีสัดส่วนการลงทุน 51:49 เป็นคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ความสูง 40 ชั้น จำนวน 231 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท ที่ตั้งใจพัฒนาภายใต้แนวคิด  Live The Iconic Life – ที่สุดของการใช้ชีวิตอย่างแตกต่างใจกลางสาทร ปลดล็อกการใช้ชีวิตที่เหนือระดับ กับความเป็นไอคอนิคไลฟ์หรือสุดยอดชีวิตที่แตกต่าง ผ่าน 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่   THE ICONIC LOCATION: ตั้งอยู่ในซอยสาทร 12 ห่างจาก BTS เซนต์หลุยส์เพียง 180 เมตร สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสาทร และถนนสีลม มอบความสะดวกสบายให้การเดินทางของทั้งผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวและ Public Transportation ทั้งยังห้อมล้อมด้วยคาเฟ่ ร้านอาหารชื่อดัง แหล่งไลฟ์สไตล์ยามค่ำคืน พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน โรงแรม 5 ดาว สถานทูต ฯลฯ นับว่าเป็นทำเลที่ upscale และ happening ที่สุดบนเส้นสาทร-สีลม     THE ICONIC DESIGN: แลนด์มาร์กใหม่ของย่านสาทรที่สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกอันดับหนึ่งของไทยอย่าง ‘A49’ และภูมิสถาปัตย์โดย ‘Shma’ ซึ่งอาคารได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเฉพาะตัวด้วยรูปทรงไล่ระดับ Iconic Slope ลดหลั่นกันลงไปแต่ละชั้นบริเวณยอดอาคาร ดีไซน์โมเดิร์นคมชัดดูสะอาดตาด้วยกระจกบานสูง การันตีคุณภาพงานออกแบบทั้งภายนอกภายใน โดยได้รับรางวัลในด้านงานออกแบบและความเป็นสุดยอดคอนโดฯ ลักชัวรี่ 3 ปีซ้อน ได้แก่ รางวัล Best Luxury Condominium Project จากเวที International Finance Award ในปี 2564 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่คอนโดฯ ลักชัวรี่ที่มีมาตรฐานระดับอินเตอร์, รางวัล Best Luxury Condo Architectural Design จาก PropertyGuru Thailand Property Awards ในปี 2565 ในฐานะคอนโดฯ ลักชัวรี่ที่มีสถาปัตยกรรมภายนอกยอดเยี่ยม และนวัตกรรมดีไซน์ที่ทันสมัย และล่าสุดปีนี้ได้รับรางวัล Best Exposure Condo จาก Livinginsider Awards ซึ่งมอบให้แก่คอนโดฯ ที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมภายนอกที่มีรูปทรงสวยงาม   THE ICONIC FACILITIES: เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ มอบประสบการณ์ใช้ชีวิตสุดไอคอนิค ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างครบครัน ตั้งแต่บริเวณล็อบบี้ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้า 6 ชั้นบนยอดอาคารครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,000 ตร.ม. ได้แก่ Outdoor Lobby ซึ่งเชื่อมต่อกับสวนด้านหน้าของโครงการ ให้ความรู้สึกเสมือนพักในโรงแรม ด้านหลังโครงการ พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงและพื้นที่สีเขียว โครงการออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกบ้านสามารถนำสัตว์เลี้ยงออกมาเดินเล่นบริเวณนี้ได้   สระว่ายน้ำระบบปราศจากคลอรีน ที่มอบวิวเมืองสวย และอยู่ในร่มแบบ Semi Outdoor ไม่ทำให้ผิวเสียทั้งจากแสงแดดตรง และสารเคมี สามารถใช้งานได้ในเวลากลางวัน และด้านข้างสระแบ่งเป็นสระเด็ก และ Jacuzzi ที่ช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและความเครียดจากการใช้งานมาตลอดทั้งวัน เลาจน์สำหรับนั่งพักผ่อน และชมวิวเมือง ที่เปิดรับทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ได้อย่างตระการตา ห้องแอมพิเธียเตอร์สำหรับชมภาพยนตร์ขนาดใหญ่และจัดกิจกรรม ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของโครงการ เพราะเป็นพื้นที่ที่ถูกดีไซน์เพื่อการรับชมภาพยนตร์ และมอบประสบการณ์แบบ เอ็กซ์คลูซีฟได้ทั้งความเป็นส่วนตัวและความบันเทิงไปพร้อมกัน รวมทั้งห้องนี้ยังสามารถจัดกิจกรรมสังสรรค์กับครอบครัวหรือชวนเพื่อนๆ มาได้ด้วย   ห้องออกกำลังกายอเนกประสงค์พร้อมห้องยิมสตูดิโอ ที่มีจุดเด่น คือ ออกแบบให้เป็นห้องกระจกเต็มบาน รับวิวเมืองได้เต็มสายตา สามารถออกกำลังกายไปด้วยและชมวิวเมืองได้แบบพาโนรามา โดยห้องออกกำลังกาย แบ่งเป็น 2 โซน ช่วยลดความหนาแน่น และมีอุปกรณ์ออกกำลังกายจากแบรนด์อันดับ 1 ของโลกจากอิตาลีอย่าง Technogym ให้เล่นมากกว่า 20 ฟังก์ชั่น นอกจากนี้ ยังมีห้องสตูดิโอ สำหรับให้ครูมาสอนโยคะ ซ้อมเต้น หรือกิจกรรมอื่นๆ ได้  ห้องรับประทานอาหาร และจัดกิจกรรมส่วนตัว เหมาะสำหรับจองเพื่อจัดปาร์ตี้หรือเชิญเชฟที่ถูกใจมาทำอาหารรับประทานร่วมกับครอบครัวและเพื่อนๆ และห้องนี้ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ด้านข้างห้องซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมได้ จุดพักผ่อนชั้นดาดฟ้า ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของย่านสาทร เห็นทั้งวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและวิวเมือง ช่วงเย็นๆ มานั่งกินลมชมวิว เล่นโยคะรับอาทิตย์ยามเช้า หรือจะนอนอาบแดดบริเวณนี้ก็ได้     เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ มีห้องหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่เปิดรับกลุ่มคนหลากหลายทั้งคนโสด คู่รัก ไปจนถึงครอบครัวขนาดเล็ก ซึ่งขายหมดไปหลายรูปแบบแล้ว ปัจจุบันเหลือห้องขนาด 1-2 ห้องนอน โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอย ตั้งแต่ 68 - 118 ตร.ม. ทั้งนี้มีห้องตัวอย่างใหม่ให้ชมบนตึกจริง 2 ห้อง คือ แบบ 1 ห้องนอน ‘ดิ ไอคอนิค สวีท’ ที่มีพื้นที่ห้องอเนกประสงค์สามารถปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย พื้นที่ใช้สอย 68 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 17.9 ล้านบาท และแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย ตั้งแต่ 79-118 ตร.ม. โดยยูนิต 2 ห้องนอนปัจจุบันที่เหลืออยู่แต่ละห้องมี layout ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งผู้ซื้อจะได้แบบห้องที่มีแบบเดียวในโลก ถือว่าเป็นไอคอนิคไลฟ์แท้จริง และทุกห้องอยู่บนชั้นสูงทั้งหมด มอบวิว ทั้งแบบพาโนรามา หรือ 360 องศา   บทความน่าสนใจ ชาญอิสสระ อวดโฉม โครงการ ดิ อิสสระ สาทร ครั้งแรก ชู Luxury Urbanature Anil สาทร 12 คอนโด WELL Building Standard 1 เดียวในไทย  
ชาญอิสสระ อวดโฉม โครงการ ดิ อิสสระ สาทร ครั้งแรก ชู Luxury Urbanature

ชาญอิสสระ อวดโฉม โครงการ ดิ อิสสระ สาทร ครั้งแรก ชู Luxury Urbanature

ดิ อิสสระ สาทร ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม ชูจุดเด่น Luxury Urban & Nature ด้วยดีไซน์แบบ Single Corridor เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยพร้อมกับ Layout ห้องที่เป็น Flexible Area ปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้ตามความต้องการ     ดิ อิสสระ สาทร ทำเลที่ตั้งนับว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ มีสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรวมที่ดี อีกทั้งยังมีการคมนาคมที่สะดวกสบาย กลาง CBD เชื่อมต่อการเดินทางเข้า-ออก เมือง อาทิ พระราม 3 สาทร สีลม นางลิ้นจี้ ไปยังโซนพระราม 2 ได้อย่างสะดวกสบาย  ตัวโครงการตั้งอยู่บน ถนนจันทน์-สาทร ที่อยู่ใกล้ใจกลางย่านธุรกิจอย่างสีลม สาทร ใกล้ขนส่งมวลชนอย่าง รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน รถด่วนพิเศษ (BRT) เรือด่วนเจ้าพระยา อีกทั้งย่านนี้ยังเป็นแหล่งรวมของอร่อยมากมาย มีอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย ตั้งแต่สตรีทฟู้ดจนถึงมิชลินสตาร์ มีสถานที่แฮงค์เอาท์พักผ่อน หย่อนใจหลังเลิกงาน     โครงการเป็นรูปแบบ ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม ที่ชาญอิสสระ ตั้งใจพัฒนาออกมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตการอยู่อาศัยที่ครบครัน ตั้งอยู่ทำเล ถนนจันทน์-สาทร สูง 37 ชั้น จำนวน 270 ยูนิต พร้อมกับระบบการจอดรถแบบ Auto Parking สถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV) และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เตรียมพร้อมให้กับลูกค้าได้อยู่อาศัยอย่างเหนือระดับ ออกแบบโดย บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49)  ที่ออกแบบโครงการให้สะท้อนไลฟ์สไตล์ การอยู่อาศัย ความเป็นสังคมเมืองและธรรมชาติได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ   ดิ อิสสระ สาทร ทุกยูนิตจะให้ความสำคัญกับขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้อง  มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่    32.75 - 188.76 ตร.ม. เริ่มที่ 1 Bed, 1 Bed+, 2 Bed, 2 Bed+, 3Bed และ Penthouse ซึ่งแต่ละรูปแบบได้มีการออกแบบ Layout ของห้องที่เป็น Flexible Area ช่วยให้ปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้ตามความเหมาะสม และความต้องการ   พื้นที่ส่วนกลาง จะได้สัมผัสวิวเมืองแล้ว ยังได้สัมผัสธรรมชาติของวิวคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา-บางกะเจ้า เริ่มจากชั้น 1 The Park ที่เป็นโซนของสวน พื้นที่พักผ่อนสนามหญ้ากว้าง สนามเด็กเล่น บ่อน้ำ ศาลาพักร้อน ที่ชั้น 29 The Haven เป็นโซน The Sky Gym, The Game, The Space, The Water, The Therapy, The Garden ต่อที่ ชั้น 33 The View มีการนำ Concept Floating Forest เนรมิตออกมาให้เป็นลักษณะของสวนป่าที่มีความสงบ เหมาะต่อการพักผ่อน ด้วยการนำเก้าอี้ในแบบต่างๆ รองรับการนั่งหรือนอนชมวิวด้านบางกะเจ้า   ในส่วนของชั้น The Herb ซึ่งประกอบด้วย พื้นที่ปลูกผักสวนครัว และสมุนไพร ให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสธรรมชาติและศึกษาสมุนไพรชนิดต่างๆ โซน The Horizon พื้นที่ออกกำลังกาย ที่อยู่บนชั้นที่สูงที่สุด ทำให้ได้เทควิวที่สวยงามมากที่สุด     สำหรับโครงการ ดิ อิสสระ สาทร ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม ตั้งอยู่ทำเล ถนนจันทน์-สาทร สูง 37 ชั้น จำนวน 270 ยูนิต ราคาโปรโมชั่นเริ่มต้น 5.59 ล้านบาท สำหรับช่วงเปิดตึกครั้งแรก โครงการเตรียมจัดแคมเปญพิเศษงาน Grand opening รับโปรโมชั่น Extreme Free เพียงลูกค้าจองห้องในระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2566 รับ อาทิ iPhone 15 pro max, ฟรีเฟอร์นิเจอร์แพกเกจ Euro Creation มูลค่า 1-3 ล้านบาท  ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  charnissara      บทความเกี่ยวข้อง CI มอบแคมเปญ Heart Deal Feel Good ลดครั้งใหญ่ 10 โครงการ ทุกยูนิตจ่ายเพียง 70% ดิ อิสสระ สาทร ส่งโปรฯ แรง “Omakase Deal” รีวิวคอนโดย่านสาทร วิวคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา THE ISSARA SATHORN
Tonson One Residence  คอนโดหรูหราเหนือระดับ บนทำเลพรีเมียมย่านชิดลม

Tonson One Residence  คอนโดหรูหราเหนือระดับ บนทำเลพรีเมียมย่านชิดลม

Tonson One Residence  คอนโดระดับไฮเอนด์  เป็นโครงการ High Rise สูง 29 ชั้น 80 ยูนิต บนที่ดินซอยต้นสน ขนาดเกือบ 1 ไร่ อยู่ในพื้นที่ดีที่สุดของกรุงเทพ ในย่าน ชิดลม เพลินจิต ที่รวมเอาความหรูหราไว้รอบๆ โครงการ ทั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และ ออฟฟิศพรีเมี่ยมมากมายโดยรอบ   จุดเด่นสำคัญของโครงการนี้ เป็นที่ดินแบบ Freehold คือผู้ซื้อจะได้ครอบครองกรรมสิทธิ์เด็ดขาด  ซึ่งส่วนใหญ่ที่ดินในย่านนี้จะเป็นลักษณะ Leasehold     ซอยต้นสนเป็นอีกซอยหนึ่งที่อยู่กลางเมืองกรุงเทพ ที่มีความสงบ ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น การเดินทางสะดวก อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS ชิดลม คือเพียง 350 เมตร ใกล้ห้างสรรพสินค้า Central Embassy, Central Chidlom, HomePro เพลินจิต, Mercury, Central World, Amarin Plaza, Gaysorn Village, The Market Bangkok, Big C ราชดำริ  และโรงเรียนนานาชาติ Mater Dei School, Mulberry House International Pre-Sxhool   โครงการ Tonson One Residence มีห้องให้เลือกหลักๆ ด้วยกัน 4 รูปแบบ ตั้งแต่แบบ 1 ห้องนอน จนถึง Penthouse Duplex ขนาด 57-387.50 ตาราง  มีจุดเด่นที่ทุกยูนิตมีลิฟท์คอริดอร์  ที่เป็นส่วนตัวห้องใครห้องมัน ที่สามารถขึ้นลงได้เฉพาะห้องของตัวเองและส่วนกลางเท่านั้น   พื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการ  มีให้พื้นที่ส่วนกลางเหมาะสมหลากหลายและ เป็นส่วนตัว  Garden on Ground Floor Concierge Service  Multi-Purpose Lounge with Professional Kitchen for Private Event 25 meters Swimming Pool and Jacuzzi Pool ,Technogym Equipment with Private Training Room Adjustable Lounge for Private Meeting ,Driver Room     Tonson One Residence   ปัจจุบันยอดจองกว่า 90% และเริ่มโอนไปแล้วกว่า 40%  โดยห้องที่เหลืออยู่จะมีราคาเริ่ม 23-190 ล้านบาท คอนโดที่เป็นแบบ Freehold กลางเมืองแบบนี้ เริ่มหายากมาก สนใจเข้าไปชมห้องจริง อาคารสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว     บทความน่าสนใจ ROMM Convent Luxury Wellness Condominium ความสุขของชีวิตที่ดีและยืนยาว Anil สาทร 12 คอนโด WELL Building Standard 1 เดียวในไทย  
อรสิรินโฮลดิ้ง เตรียมขาย IPO 406.5 ล้านหุ้นใน SET หลังก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง

อรสิรินโฮลดิ้ง เตรียมขาย IPO 406.5 ล้านหุ้นใน SET หลังก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง

ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง อรสิริน โฮลดิ้ง ดีเวลลอปเปอร์จากเชียงใหม่ เตรียมขายไอพีโอ 406.5 ล้านหุ้น เข้า SET ผนึก APM ที่ปรึกษาการเงิน เดินสายโรดโชว์นำเสนอข้อมูลแก่กองทุน นักลงทุนสถาบันต่างประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง พร้อมพบนักลงทุนรายย่อย 15 จังหวัดทั่วประเทศ มั่นใจพื้นฐานแกร่ง นักลงทุนตอบรับดี   ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ORN เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือ ไฟลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ของ ORN ในวันที่ 23 สิงหาคม 2566  เป็นที่เรียบร้อยแล้ว   โดยบริษัทจะเดินหน้านำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับกองทุน นักลงทุนสถาบัน ต่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ในวันที่ 23-25 สิงหาคม 2566 สำหรับการนำเสนอข้อมูลในครั้งนี้คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกองทุนต่างประเทศเป็นอย่างดี  เนื่องจาก ORN เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบและแนวสูงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มายาวนานกว่า 17 ปี และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคง ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM กล่าวว่า ปัจจุบัน อรสิริน  หรือ ORN มีทุนจดทะเบียน 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทและมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 1,093.50 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 406.50 ล้านหุ้น หรือ 27.10% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)   โดยหลังจากนี้ เตรียมเดินหน้านำเสนอข้อมูลธุรกิจของบริษัท พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนกลุ่มต่างๆ และผู้ที่สนใจ โดยจะทำการโรดโชว์ในประเทศทั้งหมด 15 จังหวัดในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2566  รวมถึงนำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์ แก่เจ้าหน้าที่นักวิเคราะห์ เจ้าหน้าที่การตลาด ณ ห้องค้าบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายในปีนี้   ขณะที่นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจของบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง เสริมสร้างศักยภาพทางการเงิน เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต   ปัจจุบัน ORN ประกอบธุรกิจการลงทุนถือหุ้นบริษัทอื่น (Holding Company) มีกลุ่มธุรกิจหลักคือ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการแนวราบ แนวสูง ประเภทที่อยู่อาศัยเพื่อขาย บนทำเลคุณภาพจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและการพัฒนา ณ วันที่ 31 มี.ค. 2566 จำนวนรวม 18 โครงการ ภายใต้แบรนด์สินค้า ได้แก่ THE ESCAPE , HABITAT , BELIVE , ORNSIRIN , ORNSIRIN VILLE , URBAN MYX , THE ASTRA , ARISE และ THE NEXT มูลค่าขายโครงการรวมประมาณ 15,533 ล้านบาท มีมูลค่าคงเหลือขายรวมประมาณ 2,329 ล้านบาท เป็นที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จแล้วหรือที่อยู่ระหว่างก่อสร้างที่เปิดขายแล้ว แบ่งเป็นมูลค่าคงเหลือขายโครงการแนวราบประมาณ 712 ล้านบาท และโครงการแนวสูงประมาณ 1,617 ล้านบาท รวมถึงมีที่ดินรอการพัฒนาหรืออยู่ระหว่างก่อสร้างที่ยังไม่เปิดขายรวมประมาณ 3,850 ล้านบาท บริษัทยังคงมุ่งเน้นเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง เตรียมแผนขยายโครงการบนทำเลคุณภาพ ชูกลยุทธ์พัฒนาที่อยู่อาศัย ด้วยการออกแบบฟังก์ชันและนวัตกรรมการอยู่อาศัยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ลูกบ้านทุกโครงการ ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำ ผู้พัฒนาอสังหาฯภูมิภาคอย่างแข็งแกร่ง   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -อรสิริน ดีเวลลอปเปอร์รายแรกของภาคเหนือ เตรียม IPO ใน SET  ปี 66
ROMM Convent Luxury Wellness Condominium ความสุขของชีวิตที่ดีและยืนยาว

ROMM Convent Luxury Wellness Condominium ความสุขของชีวิตที่ดีและยืนยาว

  ROMM Convent โครงการใจกลางเมืองที่  Concept “CBD Retreat Residences” เพื่อคุณภาพที่ดีและยืนยาวในทุกมิติ LIVE. WELL. LIFE  โดยโครงการมี  Holistic Wellness Solution การบริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ผ่านทางแอปพลิเคชัน BeDee by BDMS โรงพยาบาลบีเอ็นเอชที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ   ROMM Convent BeDee by BDMS  จะทำให้ลูกบ้านเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ตลอด 24 ชม. ลูกบ้านสามารถขอคำแนะนำและได้รับความช่วยเหลือด้านสุขภาพเบื้องต้น พร้อมประสานต่อไปยังบริการเฉพาะทางด้านต่างๆ นอกจากนั้นยังมีบริการพิเศษกว่าใคร อย่าง  การทำกายภาพบำบัด หรือการจัดหาพยาบาลพิเศษมาดูแลถึงห้องชุด หรือการสั่งยามาส่ง เป็นการดูแลเป็นพิเศษระดับ VVIP จาก BNH Royal Heritage Membership และลับส่วนลดสูงสุด 20%     ROMM Convent  มีทำเลอยู่บนทำเล CBD  ในถนนคอนแวนต์ และมี โรงพยาบาลบีเอ็นเอชตรงข้ามโครงการ ใกล้แหล่งสำนักงาน โรงเรียนชื่อดัง โรงพยาบาลที่ทันสมัย ใกล้พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของคนกรุงเทพอย่างสวนลุม การเดินทางใกล้รถไฟฟ้า BTS และ MRT   ROMM Convent เป็นคอนโด High-Rise สูง 32 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการ 1-2-40.7 ไร่ จำนวนห้องชุดพักอาศัยทั้งหมด 180 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกทั้งหมด 7 แบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 34.5 ตารางเมตร 1 Bedroom (Deluxe) พื้นที่ใช้สอย 48-51 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 60 ตารางเมตร 2 Bedroom (Sky Villa) พื้นที่ใช้สอย 84 – 128 ตารางเมตร 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 147-192 ตารางเมตร Duplex พื้นที่ใช้สอย 71 – 97 ตารางเมตร Penthouse พื้นที่ใช้สอย 418 – 468 ตารางเมตร     สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ อาทิ Automated Parking ที่สามารถรองรับได้ถึง 110% , Lobby, FitLab Café and Co-working Space, Sensory Garden, Wellness Lounge, Teens Club (Music and Study Room), Swimming Pool, Kids Pool, Jacuzzi, Gym, Wellness Studio, Meditation Pod, Onsen and Treatment Room, Rooftop Garden and BBQ Yard, ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.     โครงการ ROMM Convent ที่พร้อมการบริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม Holistic Wellness Solution  พร้อมกับการบริการจากโรงพยาบาลชั้นนำด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยผ่าน “แอปพลิเคชัน BeDee by BDMS และ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช” ซึ่งลูกบ้านสามารถเข้าถึงบริการด้านดูและสุขภาพและรักษาสุขภาพ รวมถึงการดูแลผู้สูงอายุหรือแม้แต่ คุณแม่หลังการคลอดบุตร ได้ตลอด 24 ชม. แถมทำเลที่อยู่ใจกลาง CBD ที่มากพร้อมด้วยความสะดวกสบายกับราคา เริ่มต้น 8.5 ล้านบาท   บทความน่าสนใจ VI ARI บ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury เริ่ม 82 ล้าน หนึ่งเดียวในย่านอารีย์ Anil สาทร 12 คอนโด WELL Building Standard 1 เดียวในไทย  
[PR News] “ณ วีรา รามอินทรา” พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างจริงครั้งแรก แถมโปรส่วนลด 200,000 บาท

[PR News] “ณ วีรา รามอินทรา” พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างจริงครั้งแรก แถมโปรส่วนลด 200,000 บาท

ณวรางค์ แอสเซท ได้ฤกษ์เปิดตัวโครงการ ณ วีรา รามอินทรา มูลค่า 550 ล้าน ภายใต้แนวคิด “ให้คุณเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่ได้ทุกวัน ..CRAFT YOUR EVERYDAY” คอนโดฯ ใหม่ให้ครบเกินคุ้ม ย่านลาดปลาเค้าใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู แค่ 3 นาที พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างครั้งแรก ด้วยราคาเริ่มต้น 1.49 ล้าน แถมส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท ชูจุดเด่นทำเลทองเพื่อการอยู่อาศัย ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยจริง และลงทุนปล่อยเช่า   นายอภิภู พรหมโยธี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด  เปิดเผยว่า ได้เตรียมเปิดตัวโครงการ ณ วีรา รามอินทรา คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ล่าสุดของบริษัทพร้อมให้ชมห้องตัวอย่างครั้งแรกในวันที่ 26 -27 ส.ค.นี้ โดยเปิดขายห้องชุดในราคาเริ่มต้นเพียง 1.49 ล้านบาท และยังจัดโปรโมชั่นต้อนรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ด้วยส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท สำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์​ https://navarangasset.com/projects/naveera-ramintra/   สำหรับโครงการ  ณ วีรา รามอินทรา ตั้งอยู่บริเวณซอยลาดปลาเค้า 72 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีลาดปลาเค้า เพียง 3 นาที บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ มูลค่า 550 ล้านบาท มีจำนวน 218 ยูนิต พัฒนาภายใต้แนวคิด “ให้คุณเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่ได้ทุกวัน ..CRAFT YOUR EVERYDAY” คอนโดฯ ใหม่ให้ครบเกินคุ้ม ด้วยการดีไซน์ห้องที่ลงตัวเพื่อการอยู่อาศัยอย่างมีความสุข พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุคใหม่ อาทิ คลับเฮ้าส์สองชั้นที่มี Co-working space ฟิตเนสวิวธรรมชาติ รูฟท้อป สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ลานบาร์บีคิว   นายอภิภู กล่าวว่า โครงการ ณ วีรา รามอินทรา ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านลาดปลาเค้า เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีลาดปลาเค้า ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อมุ่งสู่ทุกจุดหมายในกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ยังใกล้กับแหล่งการศึกษาชั้นนำ อาทิ มหาวิทยาลัยศรีปทุมและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงแปดถึงสิบห้านาทีเท่านั้น ใกล้แหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ ทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ใช้ระยะเวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาที ใกล้กับสถานีราชการและแหล่งงานต่าง ๆ มากมายด้วย ความต้องการอยู่อาศัยของคนยุคปัจจุบัน ยังคงคำนึงถึงเรื่องทำเลที่ตั้ง ซึ่งต้องเดินทางสะดวก สามารถเชื่อมต่อกับบริการรถสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน    สำหรับโครงการ  ณ วีรา รามอินทรา นับว่าเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว เพราะใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส ในอนาคตยังจะเชื่อมต่อสายสีน้ำตาลและสีม่วงด้วย ซึ่งบริษัทตั้งใจพัฒนาดังกล่าวเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการอยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่ นักศึกษา ผู้ที่อยู่ย่านลาดปลาเค้าและต้องการขยับขยายจากบ้านเดิมแต่ยังรักในทำเลที่คุ้นเคย รวมทั้งกลุ่มนักลงทุนที่มองหาความคุ้มค่าสมราคา เพราะสามารถซื้อและปล่อยเช่าให้กับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือกลุ่มคนทำงานในบริเวณใกล้เคียงได้ด้วย โครงการมีห้องทั้งหมด 218 ห้อง โดยมีห้องทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ TYPE A  :  1 BEDROOM              22.07 -22.87 SQ.M. TYPE B  :  1 BEDROOM              26.42-27.34  SQ.M. TYPE C  :  1 BEDROOM PLUS   35.13-35.74   SQ.M. TYPE D1  :  2 BEDROOM            41.04            SQ.M. TYPE D2  :  2 BEDROOM            41.72            SQ.M.   โดยทุกห้องจะออกแบบในสไตล์โมเดิร์นมาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์แบบครบครัน ภายในวันงานโครงการมีโปรโมชั่น จองพร้อมทำสัญญาในงานรับ Voucher Central มูลค่า 5,000 – 10,000 บาท พิเศษเฉพาะในงานวันที่ 26 -27 ส.ค.นี้ เท่านั้น   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -ณวรางค์ แอสเซท ได้แรงหนุนสายสีชมพูสร้างใกล้เสร็จ ส่ง “ณ รีวา รามอินทรา” รับลูกค้าย่านลาดปลาเค้า -“ณวรางค์ แอสเซท” กางแผน 3 ปี ผุดโปรเจ็คต์ใหม่กว่า 5,000 ล้าน พร้อมเปิดตัว “ณ วีรา พหลฯ-อารีย์” คอนโดฯ เพื่อคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน
10 ปี AP Thailand – Mitsubishi Estate ผ่าแนวคิด Inclusive Living การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน

10 ปี AP Thailand – Mitsubishi Estate ผ่าแนวคิด Inclusive Living การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน

10 ปี AP Thailand - Mitsubishi Estate ผ่าแนวคิด Inclusive Living การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน 10 ปี AP Thailand - Mitsubishi Estate นับว่าเป็นการร่วมมือกันทางธุรกิจที่ยาวนานและแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเลยก็ว่าได้ ด้วยผลงานร่วมทุน ร่วมพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า 24 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 116,300 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดของคนเมือง พร้อมประกาศเดินหน้าความร่วมมือภายใต้โรดแมป “From Strength to Strength”     ที่ผ่านมาเราคงเคยได้ยินการออกแบบเพื่อมวลชน หรือ Universal Design (UD) มาบ้าง ซึ่งแนวคิดการออกแบบสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเจาะจงไปที่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสที่มีข้อจำกัดในการใช้เท่านั้น แต่ปัจจุบัน Universal Design (UD) ก็เริ่มมีบทบาทและถูกนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ล่าสุด เราได้รู้จักกับคำว่า “Inclusive Living” (การออกแบบพื้นที่เพื่อทุกคน) จาก AP Thailand ยิ่งประกอบกับการได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นในวาระฉลองครบรอบ 10 ปี แห่งการร่วมมือกันทางธุรกิจระหว่าง AP Thailand – Mitsubishi Estate จึงทำให้เข้าในแนวคิดของคำว่า Inclusive Living มากยิ่งขึ้นไปอีก     หนึ่งในความท้าทายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมาในช่วงหลายปีนี้ คือการออกแบบและพัฒนา “พื้นที่ที่เข้าถึงความต้องการของทุกคน” โดยเฉพาะการออกแบบคอนโดมิเนียมสำหรับคนเมืองที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์อย่างรอบด้าน ทั้งการเดินทางที่สะดวก ติดแนวรถไฟฟ้า มีพื้นที่ส่วนกลาง และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมการไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงสเปซของคนแต่ละช่วงวัย รวมถึงการปรับเปลี่ยนสเปซเพื่อการอาศัยอยู่ร่วมกันของผู้คนได้อย่างสะดวกสบาย ดังนั้นแนวคิด “การออกแบบพื้นที่เพื่อทุกคน” หรือ Inclusive Living ในคอนโดมิเนียมแต่ละโครงการ จึงมีความซับซ้อนในการออกแบบมากกว่าการพัฒนาโครงการทั่วๆ ไป เนื่องจาก “ทุกคนล้วนมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน” ทั้งช่วงวัย ไลฟ์สไตล์ ความพิเศษทางกายภาพ หรือแม้แต่วัฒนธรรมที่หลากหลาย จึงเป็นโจทย์ที่สำคัญในการออกแบบเพื่อทุกคนที่อาศัยอยู่ร่วมกันได้รับความสะดวกสบายครบครันมากที่สุด   และเมื่อการร่วมมือกันพัฒนาที่อยู่อาศัยของ AP Thailand กับ Mitsubishi Estate จากประเทศญี่ปุ่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่การร่วมทุน แต่หมายรวมไปถึงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี นวัตกรรมร่วมกันชนิดที่มีทีมงานจากญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมานั่งทำงานประจำร่วมกับ AP ที่สำนักงานใหญ่ เราจึงมีโอกาสได้เห็นการออกแบบพื้นที่ในโครงการต่างๆ ที่ JV (Joint Venture) ร่วมกันต่างไปอย่างมีนัยสำคัญ   แล้ว Inclusive Living ต่างกับ Universal Design อย่างไร? ต้องยอมรับว่าญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการใส่ใจในรายละเอียดมากๆ ยิ่งในเรื่องการออกแบบที่อยู่อาศัยด้วยแล้ว ยิ่งมีรายละเอียดที่เกินความคาดหมายไปมาก เราได้เห็นการออกแบบด้วยแนวคิด Inclusive Living ผ่านโครงการ The Parkhouse Nishi Shinjuku Tower 60 คอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ใจกลางโตเกียว ภายใต้การพัฒนาโดย Mitsubishi Estate ตัวโครงการโดดเด่นด้วยการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง (Facilities) เพื่อให้ทุกคนได้มีสภาพแวดล้อม การใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้โดยไม่เกิดอุปสรรคในการใช้ชีวิต ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยใด หรือมาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกันก็ตาม   เริ่มตั้งแต่การเลือกวัสดุปูพื้นชนิดพิเศษซึ่งกันลื่นได้อย่างดีแม้กรณีพื้นเปียก, ทางเดินแบบไร้สเตปตั้งแต่บริเวณ Drop Off พร้อมติดตั้ง Braille Block ตลอดทาง, ราวจับแบบ 2 ระดับ เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งเด็กและคนชรา พร้อมอักษรเบรลล์บริเวณมือจับเพื่อการสื่อสารให้ผู้พิการทางสายตาทราบได้ว่าเดินอยู่ในตำแหน่งไหนและกำลังนำทางไปสู่ที่ใด ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้ คุณอาจจะคุ้นชินหรือเคยเห็นมาบ้างแล้วในแนวคิด Universal Design ในขณะที่แนวคิดแบบ Inclusive Living มีรายละเอียดที่ลงลึกมากไปอีก อย่างเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะถูกมองข้ามหรือคิดไม่ถึง เช่น ระดับความสูงของปุ่มกดลิฟต์, ความหน่วงของการเปิดปิดประตูลิฟต์ สำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดในการใช้งานแบบปกติ, การติดตั้งกระจกด้านในลิฟต์เพิ่ม เพื่อให้ผู้ที่ใช้รถเข็นมองเห็นพื้นที่ด้านหลังก่อนออกจากลิฟต์, รูปแบบของสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เป็นสากล สามารถเข้าใจได้ง่ายแม้จะต่างชาติ ต่างภาษากัน รวมถึงตำแหน่งการติดตั้งสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อให้เห็นได้ชัดเจน     และรายละเอียดที่เหนือกว่าของแนวคิด Inclusive Living คือ การคิดออกแบบไปถึง “Bio Living” การคำนึงการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ภายในโครงการ ไม่ว่าจะเป็นพืชในสวน ความหลากหลายของพันธุ์พืชเพื่อเกื้อกูลกันในระบบนิเวศน์ รวมไปถึงการคิดคำนึงถึงคนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อาศัยอยู่รอบๆ โครงการที่จะได้รับประโยชน์จากการอาศัยอยู่ร่วมกันในชุมชนไปพร้อมๆ กันอีกด้วย     อีกหนึ่งในฟังก์ชันที่น่าสนใจภายในโครงการคือ การนำแนวคิด ENGAWA – Multi Generation Facility มาออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อมุ่งเน้นการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันของลูกบ้านที่อาศัยอยู่ภายในโครงการขนาดใหญ่ เพื่อให้พื้นที่ส่วนนี้ในการทำกิจกรรมร่วมกัน สามารถรองรับได้ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงคุณพ่อคุณแม่ และคนสูงวัย ได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันได้อย่างราบรื่น AP Thailand ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ ตลอดระยะเวลา 10 ปีแห่งความร่วมมือทางธุรกิจในการพัฒนาคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ผ่าน 24 โครงการที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ด้วยการนำหลากหลายแนวคิดจากพันธมิตรอย่าง Mitsubishi Estate มาพัฒนาโดยมุ่งเน้นถึง “การออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานของคนทุกกลุ่ม” โดยเฉพาะการดีไซน์พื้นที่สาธารณะ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงได้ง่ายอย่างเข้มข้นและจริงจัง เพื่อตอบโจทย์คุณภาพชีวิตในทุกมิติของการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง     ซึ่งเร็วๆ นี้ AP Thailand – Mitsubishi Estate พร้อมส่ง 2 โครงการ Masterpiece ร่วมทุนที่เป็นความภาคภูมิใจแห่งปี บนที่ดินแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ โดยมีไฮไลต์แรก “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” โครงการระดับเพรสทีจ-ลักซ์ บนทำเลใจกลางมหานคร จาก BTS ราชเทวี เพียง 150 เมตร พร้อมเผยโฉมห้องชุด  1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร PANORAMIC CITY VIEW ราคาเริ่มต้น 8.29 ล้านบาท และเตรียมเปิดโอนในวันที่ 26 - 27 สิงหาคมนี้   และอีกหนึ่งไฮไลต์คือ การเปิดแฟล็กชิปโครงการร่วมทุนใหม่ล่าสุด “RHYTHM เจริญนคร” บนที่ดินขนาด 4 ไร่ ตรงข้ามไอคอนสยาม เพียง 100 เมตรจากรถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีเจริญนคร ตอบโจทย์ลูกค้าไฮเอนด์ และเป็นต้นแบบ Super Condominium ที่รวมความเป็นที่สุดไว้ในหนึ่งเดียว โดยมีแผนเตรียมเปิดขายในเดือนพฤศจิกายนนี้   #APxMEC10YearOfPartnership #APFromStrengthToStrength #APThai #ชีวิตดีๆที่เลือกเองได้ #RHYTHMCharoennakhonIconic #TheAddressSiamRatchathewi #APThaiUpdate2023 บทความที่เกี่ยวข้อง เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัว “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี”  
[PR News] นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป พร้อมเปิดตัว “หลับดี” 3 แห่งในญี่ปุ่นและไทย

[PR News] นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป พร้อมเปิดตัว “หลับดี” 3 แห่งในญี่ปุ่นและไทย

นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เตรียมเปิด 3 ที่พักใหม่ “หลับดี” ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เกาะเต่าและย่านไชน่าทาวน์ (สามยอด) ใจกลางกรุงเทพฯ ประเทศไทย   นายนที นิธิวาสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยว่า นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ผู้พัฒนาและประกอบธุรกิจที่พักแบรนด์หลับดีและโรงแรมเครือมาราสก้า ประกาศความพร้อมเปิดตัวที่พักแบรนด์หลับดี (Lub d) เพิ่มอีก 3 แห่งในปี 2566 และ 2567 ได้แก่ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ หลับดี เกาะเต่าและหลับดี ไชน่าทาวน์  กรุงเทพฯ โดยทั้ง 3 แห่งได้ออกแบบให้มีเอกลักษณ์ รวมถึงประสบการณ์การต้อนรับอันโดดเด่นของแบรนด์หลับดี ถือเป็นที่พักแนวไลฟ์สไตล์ ดีไซน์ทันสมัย เพื่อนักเดินทางรุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายชัดเจน และเน้นความคุ้มค่า การเปิดตัวที่พักแบรนด์หลับดีเพิ่มเติมอีก 3 แห่งถือเป็นการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ เสริมสร้างและสะท้อนความแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทที่กำลังขยายสาขาในเอเชีย หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินธุรกิจโรงแรมและบริการในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ โรงแรมหลับดีได้ขยายกิจการไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้งในไทยและประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันโรงแรมหลับดีได้เปิดให้บริการแล้วถึง 5 แห่ง ได้แก่ หลับดีในไทย 3 แห่ง เสียมราฐ กัมพูชา 1 แห่ง และกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ อีก 1 แห่ง   สำหรับในปีนี้ หลับดีมีแผนเปิดให้บริการโรงแรมเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง คือ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ในช่วงเดือนกันยายน และนอกจากนี้ยังมีแผนเปิดให้บริการเพิ่มเติมในปี 2567 อีก 2 แห่ง คือ หลับดี เกาะเต่า  ในไตรมาสที่ 1 และหลับดี ไชน่าทาวน์  กรุงเทพฯ ในไตรมาสที่ 3   โดยหลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฮอนมาจิ เมืองโอซาก้า หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ถือเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ เนื่องจากเป็นการเปิดตัว หลับดีที่แรกในญี่ปุ่น แขกผู้เข้าพักจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศของเมืองที่มีสีสัน แถมยังเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ที่สำคัญที่พักแห่งนี้ยังมอบโอกาสให้นักเดินทางจากทั่วโลกมาพบปะทำความรู้จักกันท่ามกลางกลิ่นอายวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการต้อนรับอย่างอบอุ่นในรูปแบบเฉพาะตัวของหลับดี ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกสุดทันสมัยไว้คอยให้บริการ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ยังเต็มไปด้วยการตกแต่งที่ทันสมัยพร้อมด้วยผลงานศิลปะจากศิลปินท้องถิ่น ที่จะทำให้บรรยากาศไม่น่าเบื่อและสนุกสนาน พร้อมเปิดให้บริการ ในเดือนกันยายน 2566 ส่วนหลับดี เกาะเต่า ตั้งอยู่ที่อ่าวโตนด ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 20 แหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดของโลก มีหาดหน้าที่พักอันเงียบสงบ ทรายขาวละเอียดและน้ำใสสวยงาม เนื่องจากเกาะเต่าเป็นจุดหมายปลายทางในดวงใจของนักดำน้ำลึก หลับดี เกาะเต่า จึงเปิดโรงเรียนสอนดำน้ำไว้คอยให้บริการด้วยเช่นกัน ใครที่พร้อมออกผจญภัย ทริปดำน้ำอันแสนเร้าใจอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นที่พักในฝันของผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยอย่างแท้จริง โดยหลับดี เกาะเต่ามีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2567   ขณะที่หลับดี ไชน่าทาวน์ กรุงเทพฯ เตรียมจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสามยอด ที่รายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ เยาวราช ชุมชนชาวจีนที่เก่าแก่ วัดวาอาราม ถนนคนเดินริมคลองโอ่งอ่าง และย่านการค้าพาหุรัด ชุมชนชาวอินเดียอันมีเสน่ห์  ใครได้มาสัมผัสบรรยากาศจะได้รับประสบการณ์ดี ๆ ที่ไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน   ด้านนางสาวนิธิดา นิธิวาสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบรนด์หลับดี กล่าวว่า หลับดีกำลังเติบโตทั่วเอเชียเพราะเราปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทางรุ่นใหม่ซึ่งอยากให้ที่พักที่เป็นมากกว่าที่พัก   ที่พักของเราเป็นพื้นที่สำหรับการเข้าสังคมและทำกิจกรรมเพื่อสัมพันธภาพและประสบการณ์ที่มีความหมายของนักเดินทางหนุ่มสาว หลับดีเป็นเหมือนแหล่งเติมพลังสำหรับการเดินทางสำรวจที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของนักเดินทางเหล่านี้   นางสาวนิธิดา อธิบายด้วยว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นในปี 2551 หลับดีตั้งเป้าที่จะเปิดที่พักทั้งในเมืองและเกาะต่าง ๆ ทั่วเอเชียมาโดยตลอด เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่อยากได้ที่พักที่สะดวกสบาย ราคาจับต้องได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สำรวจสิ่งแปลกใหม่และของแท้ดั้งเดิมอย่างเต็มที่   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ประกาศรายได้การให้บริการ-โรงแรมโตรับท่องเที่ยวฟื้นตัว ชูดิจิทัล-กลยุทธ์บริหาร RevPar สู่เป้ากว่า 10,000 ล้าน -AWC จับมือ โนบุ ผุดโรงแรม Plaza Athenee สร้างแลนด์มาร์กในนิวยอร์ก-กรุงเทพฯ
เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัว “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” โปรเจ็กต์ร่วมทุน เพรสทีจ-ลักซ์ คอนโด กับ มิตซูบิชิ เอสเตท

เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัว “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” โปรเจ็กต์ร่วมทุน เพรสทีจ-ลักซ์ คอนโด กับ มิตซูบิชิ เอสเตท

เอพี ไทยแลนด์ พร้อมเผยโฉม THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี เพรสทีจ-ลักซ์ คอนโดมิหนึ่งเดียว ภายใต้การร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท ชูจุดเด่น เพียง 150 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี กับคอนเซ็ปต์ Create Your Own Etiquette - วิถีแห่งที่สุดของชีวิตสุนทรียะในแบบคุณ กับ 3 วิธีคิดในการออกแบบที่รังสรรค์จากความเข้าใจชีวิตเหนือระดับใจกลางเมือง   นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” เพรสทีจ-ลักซ์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ THE ADDRESS โครงการเดียวที่พัฒนา ภายใต้การร่วมทุนกับทางบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป)  มูลค่าโครงการ 8,600 ล้านบาท  อยู่ห่างเพียง 150 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี ถือเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ในพอร์ตสินค้าระดับเพรสทีจ–ลักซ์ที่บริษัทฯ ไม่ได้เปิดตัวมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งการเฟ้นหาที่ดินใจกลางเมือง ที่ตอบโจทย์ทั้งคุณค่าและมูลค่าถือเป็นคีย์สำคัญในการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์ THE ADDRESS โดยโครงการ THE ADDRESS สยาม–ราชเทวี พัฒนาขึ้นจากความเข้าใจถึงการใช้ชีวิตคุณภาพทุกองค์ประกอบ พร้อมส่งมอบการพักอาศัยที่สมบูรณ์ หนึ่งเดียวบนทำเลมากมูลค่า ในย่านสยามเชื่อมต่อราชเทวี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Create Your Own Etiquette - วิถีแห่งที่สุดของชีวิตสุนทรียะในแบบคุณ” กับ 3 วิธีคิดในการออกแบบที่รังสรรค์จากความเข้าใจชีวิตเหนือระดับใจกลางเมือง ได้แก่ 3 วิธีคิดปั้น “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” 1.SOPHISTICATION DESIGN ตั้งใจออกแบบตั้งแต่ภายนอก จนถึงพื้นที่ภายในทุกมิติ ด้วยการออกแบบพื้นที่ภายในห้องพักแบบพิเศษให้มีส่วน Cantilever ที่ยื่นออกมาเพื่อเปิดมุมมองได้กว้างกว่าเดิม รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 4 ไร่ สู่การรับวิวสวยของทัศนียภาพใจกลางทำเลราชเทวีได้ถึง 360 องศาจาก The Sky Facilities ชั้น 50 เพิ่มสุนทรียะแห่งการใช้ชีวิตในอาคารที่สูงที่สุดในราชเทวี ที่ให้ความรู้สึกที่พิเศษ 2.BEST QUALITY & FINEST MATERIALS วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในโครงการ ได้รับการเลือกเฟ้นจากผู้ผลิต และแหล่งที่ดีที่สุดจากทั่วโลก สะท้อนความประณีตในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น หินอ่อน Palissandro Bluette และ หินอ่อน Venice Grey ที่มีลวดลายสวยงามหรูหรา เพิ่มความพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ในพื้นที่ส่วนกลางแต่ละแห่ง  รวมถึงหิน Limestone  หินสีขาวที่มีความพิเศษ โดยนำมากรุส่วน Façade ด้านหน้าของตึก   นอกจากนี้ ยังมีหินอ่อน Statuario (สตาตูอาริโอ้) เนื้อหินสีขาวแทรกด้วยเส้นแร่หนาบางสีเทาอ่อน ซึ่งเป็นหินที่โปรดปรานของเหล่าประติมากร ที่ถูกนำมาต่อเป็นลวดลายบุ๊คแมกซ์ขนาดใหญ่ในส่วนของ The Grande Chamber ล็อบบี้ต้อนรับ การเลือกใช้ผ้าบุจากแบรนด์ระดับโลก Hermès Furnishing Fabrics and Wallpapers สะท้อนความลักชัวรีที่มีเอกลักษณ์ นำมาใช้ในงานตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางในส่วน The Sky Chamber อาทิ ชุดเฟอร์นิเจอร์ Signature Arm Chair และผนังหลักของห้อง ที่พร้อมเติมเต็มไลฟ์สไตล์ที่หรูหราเฉพาะตัวของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างชัดเจน 3.PRECIOUS LOCATION ตั้งอยู่ในโลเคชันมากคุณค่าและมูลค่าใจกลางเมือง บนตำแหน่งที่ดินที่ดีที่สุดในย่านสยามเชื่อมต่อราชเทวี เพียง 150 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี และไม่ไกลจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีพญาไท ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจสำคัญ ใจกลางย่านชอปปิง ไลฟ์สไตล์ และศูนย์กลางย่านสถานศึกษา โดยโครงการพร้อมเปิดให้ชมทุกพื้นที่อย่างเป็นทางการในวันที่ 26 - 27 สิงหาคมนี้  ดีไซน์เพื่อชีวิตระดับเพรสทีจ - ลักซ์ ลงทะเบียนนัดหมายล่วงหน้า รับส่วนลดสูงสุด 1,000,000 บาท 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร พร้อมพาโนรามิควิว ราคาเริ่มต้น 8.29 ล้านบาท   สำหรับข้อมูลโครงการ THE ADDRESS สยาม–ราชเทวี ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3-1-55 ไร่  มูลค่าโครงการ 8,600 ล้านบาท ที่พักอาศัยสูง 50 ชั้น จำนวนเรสซิเดนส์ทั้งสิ้น 880 ยูนิต ประกอบด้วยห้องทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ 1.ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 31 - 35 ตารางเมตร 2.ห้องชุด 1 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาด 50 ตารางเมตร 3.ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาด 51.5 - 69.5 ตารางเมตร 4.ห้องชุด 2 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาด 65 ตารางเมตร 5.ห้องชุด 3 ห้องนอน ขนาด 86 ตารางเมตร   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เอพี ไทยแลนด์ มิตซูบิชิ เอสเตท 10 ปีกับผลงานชิ้นโบว์แดง 24 โครงการร่วมทุน มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท
เสนา นำร่องแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เปิดตัว “เสนา เวล่า สุขุมวิท – บางปู”

เสนา นำร่องแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เปิดตัว “เสนา เวล่า สุขุมวิท – บางปู”

เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ชูแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เตรียมส่ง “เสนา เวล่า สุขุมวิท - บางปู” ทาวน์โฮม ฟังก์ชันใหม่ ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ช่วยประหยัดค่าไฟสูงสุด 25 ปี พร้อมแนวคิด geo fit+ จากญี่ปุ่นที่นำมาปรับใช้ให้เหมาะกับการอยู่อาศัยของคนไทย และนวัตกรรมประหยัดพลังงาน มุ่งสู่การสร้างบ้านพลังงานเป็นศูนย์ ลดค่าไฟ ลดคาร์บอน     ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวคิดบ้านพลังงานเป็น 0 รายแรกของประเทศไทย เปิดเผยว่า เสนามุ่งมั่นในการนำพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวคิด “The Essential Lifelong Trusted Partner” เพื่อสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีให้ลูกค้าในทุกช่วงชีวิต ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ส่วนหนึ่งของแนวคิดนี้สะท้อนผ่านการเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง ที่จะมุ่งสู่การสร้างสังคมแบบ Decarbonized Lifestyle   โดยในส่วนโครงการแนบราบ เสนาพัฒนาบนแนวคิด “บ้านพลังงานเป็น 0” ที่คิดละเอียดและใส่ใจทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง และสุขภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงการติดตั้งโซลาร์รูฟ เพื่อผลิตพลังงานสะอาดใช้เอง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมามีงานวิจัยร่วมกับ Chula Unisearch เพื่อทำการศึกษาทดลองบ้านพลังงานเป็น 0 ที่เหมาะสำหรับประเทศไทย และผลการวิจัยพบว่าบ้านขนาดใหญ่ของเสนา สามารถลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 38% ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการ “เสนา เวล่า สุขุมวิท - บางปู” พัฒนาบนแนวคิด “บ้านพลังงานเป็น 0” พร้อมนำแนวคิด “SMART CITY” ไม่ว่าจะเป็น Smart Energy, Smart Mobility, Smart Living ,Smart Environment เป็นต้น มาปรับใช้ในโครงการเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ง่าย ๆ ผ่านการอยู่อาศัยภายในบ้าน   โครงการประกอบด้วย ทาวน์โฮมอิสระ 2 ชั้น และบ้านแฝด 2 ชั้น จำนวน 170 ยูนิต แบ่งเป็น ทาวน์โฮมอิสระ จำนวน 156 ยูนิต ที่ดินเริ่มต้น 27 ตร.วา 4 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และบ้านแฝด จำนวน 14 ยูนิต ที่ดินเริ่มต้น 36 ตร.วา 4 ห้องนอน 1 ห้องครัว 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้กว้างเทียบเท่าบ้านเดี่ยว และมีพื้นที่สีเขียว  พร้อมด้วยนวัตกรรมโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ช่วยประหยัดค่าไฟสูงสุดตลอดอายุการใช้งาน 25 ปี พื้นที่ส่วนกลาง สระว่ายน้ำระบบเกลือ คลับเฮ้าส์บริเวณกลางโครงการ ฟิสเนต สวนย่อมส่วนกลาง ระบบกล้อง CCTV พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้นที่ 4.59 ล้านบาท   นอกจากนี้ โครงการยังถูก​ออกแบบด้วยแนวคิด geo fit+ (จีโอฟิต พลัส) จากพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น เน้นการออกแบบและตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัย 3 ด้าน ได้แก่ geo fit+ itsumo เปลี่ยนช่วงเวลาธรรมดาให้แสนพิเศษ geo fit+ tsunagu การสร้างความยั่งยืนในอนาคต และ geo fit+ mamoru ใส่ใจคนที่คุณรักในทุกมิติของการใช้ชีวิต ที่มุ่งเน้นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด #ที่เยอะจะทำอะไรก็ได้ ใส่ใจต่อผู้อยู่อาศัย สะท้อนความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัย เพื่อนำมาปรับปรุง ออกแบบพัฒนาในทุกมิติ รองรับครอบครัวใหญ่ ครอบครัวขยาย ด้วยราคาที่คุ้มค่า โครงการตั้งอยู่บนทำเล ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เดินทางสะดวก มีรถสาธารณะผ่าน ติดถนนสุขุมวิท-บางปู อยู่ใกล้แหล่งชุมชนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกสบาย และความปลอดภัยให้กับคุณและทุกคนในครอบครัว ซึ่งบริษัทได้เตรียมจัดงานพรีเซลล์ครั้งแรก วันที่ 26 – 27 กรกฎาคม 2566  นี้   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เสนาฯ เปิดโมเดล​ บ้านพลังงานเป็นศูนย์ เดินหน้าสู่บริษัท ด้านความยั่งยืน