Tag : condo

1488 ผลลัพธ์
“แอสเซทไวส์” ลุยศึกอสังหา ปี 2567   เปิด 12 โครงการใหม่ และธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์  

“แอสเซทไวส์” ลุยศึกอสังหา ปี 2567  เปิด 12 โครงการใหม่ และธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์  

แอสเซทไวส์ หรือ ASW  เผยแผนธุรกิจชู 3 กลยุทธ์หลัก “Execute / Expand / Explore” มุ่งนำธุรกิจเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” ลุยเปิด 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 25,920 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาท และรุกแผนเปิดโครงการแนวราบ รวมถึงขยายทำเลครอบคลุมกรุงเทพฯ EEC และภูเก็ต เสริมแกร่งด้วยธุรกิจใหม่เพิ่มรายได้ต่อเนื่อง ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์  และธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ พร้อมปรับทัพผู้บริหารขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตแข็งแกร่งรับทุกสถานการณ์ นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ASW” เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ดีของแอสเซทไวส์ โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม, บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านระดับลักชัวรี เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าในหลากหลายเซ็กเมนต์ บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต  ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมรวม 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,260 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้เดิม 12 โครงการ และสามารถทำยอดขายปี 2566 ได้ถึง 16,486 ล้านบาท สูงทะลุเป้าที่วางไว้ ซึ่งเติบโตกว่า 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา   “สำหรับทิศทางอสังหาฯ ในปี 2567 นี้ แอสเซทไวส์ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง โดยปี 2567 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 25,920 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 9 โครงการ และ แนวราบ 3 โครงการ พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 17,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 8% จากปี 2566  และเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท  ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” กับการพัฒนาแอสเซทไวส์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในทุกมิติ โดยบูรณาการ 3 กลยุทธ์หลักซึ่งประกอบไปด้วย สำหรับพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ต  THE TITLE ภายใต้บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ในเครือแอสเซทไวส์ ซึ่งล่าสุดได้เปิดขายโครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมแล้วกว่า 80%  เพื่อต่อยอดความสำเร็จ  ในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเดอะ ไทเทิล เฮอริเทจ บางเทา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท  โครงการเดอะ ไทเทิล เซเรนิตี้ ในยาง มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท  และ โครงการเดอะ ไทเทิล ราไวย์  มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว (BOTANICA Grand Avenue) ลักชัวรี่พูลวิลล่าที่เป็นเมกะโปรเจ็คต์ มูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านบาท ในสัดส่วน 30% ทำให้พอร์ตอสังหาฯ ในภูเก็ตของแอสเซทไวส์มีความครบเครื่องมากยิ่งขึ้น มีโปรดักต์ครอบคลุมทั้ง Leisure คอนโดมิเนียม และวิลล่าระดับลักชัวรี สำหรับการหารายได้ประจำสมำเสมอต่อเนื่อง ทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อเป็นการสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income)  ประกอบด้วยธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ภายใต้โครงการ Mingle Mall ที่ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ , Well Aesthetic & Wellness Center  พื้นที่เช่าสำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประเภทศูนย์สุขภาพและคลินิกด้านความงาม บนใจกลางย่านรัชดาภิเษก ล่าสุดกับ มิงเกิ้ล สปอร์ต วิลเลจ (Mingle Sport Village at Rangsit) ศูนย์กีฬาในร่มเอาใจสายรักสุขภาพ รวมถึง Rocket Fitness  บริหารงานของ “บริษัท เทรเชอร์ เอ็ม จำกัด” ในเครือแอสเซทไวส์ รวมถึง ZAAP World ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่าง ๆ  ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่จะเข้ามาเติมเต็ม และเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแอสเซทไวส์อีกด้วย พร้อมกันนี้ แอสเซทไวส์ยังมีโครงการที่สร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนในปี 2567 อีกจำนวน 9 โครงการ ซึ่งแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 7  โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9,557 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 2 โครงการ และปัจจุบัน บริษัทฯ มียอด Backlog อยู่ ถึง 19,500 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนโครงการในกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน13,700 ล้านบาท โครงการในทำเล EEC จำนวน 1,800 ล้านบาท และโครงการในภูเก็ตอีกกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567 ต่อเนื่องไปถึงปี 2569 บทความน่าสนใจ AssetWise เข้าถือหุ้น 57% TITLE “รุกตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต” สร้างรายได้ 10,000 ล้านบาทใน 3 ปี แอสเซทไวส์  กวาดยอดขายไตรมาสแรกเกือบ  3,500 ล้าน ลุยต่อเปิด 3 โครงการใหม่  
SC ASSET ตั้งเป้า5ปี 150,000 ล้าน ภายใต้แนวคิด “มหาศาล มั่นคง สมดุล“

SC ASSET ตั้งเป้า5ปี 150,000 ล้าน ภายใต้แนวคิด “มหาศาล มั่นคง สมดุล“

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา SC ทำยอดขายนิวไฮ 4 ปีต่อเนื่อง ต่อไปทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะเวลา 5 ปี จากนี้ (2567-2571)  คาดว่าจะสร้างรายได้รวมกว่า 150,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากหลากหลายธุรกิจทั้งในส่วนของ อสังหาฯที่อยู่อาศัย โรงแรม และคลังสินค้า ภายใต้แนวคิด “มหาศาล  มั่นคง สมดุล”   SC ASSET ธุรกิจบนความหลากหลายเริ่มจาก  มหาศาล การสร้างรายได้รวม (portfolio revenue) รวม 5 ปี (2567-2571) จากหลากหลายธุรกิจที่คาดว่าจะทำรายได้มากกว่า 150,000 ลบ. สำหรับเป้าหมายและแผนธุรกิจในปี 2567 คาดการณ์จะทำยอดขายนิวไฮ 28,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น โครงการแนวราบ 65% และโครงการแนวสูง 35% โครงการเพื่อขายทั้งสิ้น 86 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 91,000 ล้านบาท เป็นการเปิดโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,000ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 25,000 ล้านบาท โดยมีไฮไลท์เป็นแบรนด์ใหม่ชื่อ “คอนนาเซอร์” (Connoisseur) ราคาเริ่มต้น 80 ล้านบาท และบ้านไลฟ์สไตล์เฉพาะ และโครงการใหม่แนวสูง 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “เรฟเฟอเรนซ์” (Reference) มั่นคง : ลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุน D/E น้อยกว่า 1.5 สมดุล : ส่วนผสมกำไร จากธุรกิจที่หลากหลาย โดยมีกำไรจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (engine 2) มากกว่า 25%ในส่วนธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ มาจาก 4 ธุรกิจหลัก แบ่งเป็น 1.อาคารสำนักงานให้เช่า มีพื้นที่เช่ารวม 120,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากอาคารสำนักงานรวม 6 อาคาร 2.โรงแรม มีจำนวนห้องพักรวม 545 ห้อง จากโรงแรม 3 โครงการ โดยเปิดแล้วที่ “YANH ราชวัตร” ขนาด 78 ห้องและกำลังจะเปิดปลายปี 2567 นี้ “ครอโม” (Kromo) ทำเลสุขุมวิท 29 บริหารโดย CurioCollection by Hilton จำนวน 306 ห้อง และเปิดต้นปี 2568 ในทำเลพัทยา จำนวน 161 ห้อง 3.คลังสินค้า มีพื้นที่เช่ารวม 160,000 ตร.ม. จากคลังสินค้ารวม4 โครงการ ดำเนินการแล้วที่ทำเลนครสววรค์พื้นที่ 16,000 ตร.ม. กำลังจะเปิดในปี 2567 นี้และปี 2568 อีก 144,000 ตร.ม. ใน 3 ทำเลคือ บางนา กม.20, บางนา กม.22 และแหลมฉบัง และยังมีการร่วมลงทุนกับสตอเรจเอเชีย บุกตลาด Self Storageภายใต้แบรนด์ “i-Store” 4.อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าในสหรัฐอเมริกา มีห้องพักรวม78 ห้อง ใน 4 ทำเลใจกลางเมืองบอสตัน   ในส่วนของภารกิจ SCeroMission ดำเนินธุรกิจอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการออกแบบ สร้าง ใช้ ทิ้ง จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก 25% ในปี 2573 ที่ผ่านมาองค์กรได้มีการติดตั้ง Solar Roof บริเวณอาคารสำนักงาน และโครงการบ้าน ติดตั้ง EV Charger ณ อาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม เปลี่ยนหลอดไฟ LED เปลี่ยนระบบทำความเย็น ในอาคารสำนักงาน ช่วยลด GHG ได้กว่า 1,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ในปี 2565-2566 และตั้งเป้าหมายว่าจะลดก๊าซเรือนกระจก 15% จากการดำเนินงานตามปกติ ในปี 2567 นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปอย่างมั่นใจว่า “SC พร้อมและมุ่งมั่นสำหรับการเติบโตในทศวรรษที่ 3 ตามวิสัยทัศน์ SC the Evolution เติบโตด้วยการปรับตัวตามบริบท เติบโตด้วยการสร้างคุณค่าสู่คนและโลก เติบโตด้วยธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม คลังสินค้า ออฟฟิศ”   บทความน่าสนใจ SC เปิดบ้านหรูซีรีส์ใหม่ “อยู่แบบใหม่ แบบสับ” bangkok boulevard signature westgate Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา โครงการ Modern Luxury เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น  
เวหา หัวหิน คอนโดลักชัวรี ทุกยูนิตเห็นทะเลหัวหิน

เวหา หัวหิน คอนโดลักชัวรี ทุกยูนิตเห็นทะเลหัวหิน

PROUD  พาชมโครงการใหม่ “เวหา หัวหิน” คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ที่ทุกห้อง 100% เห็นวิวทะเล ภายใต้คอนเซ็ปท์ “New Lifestyle Seaview Residences”     เวหา หัวหิน คอนโดลักชัวรี อาคารความสูง 31 ชั้น  ทั้งหมด 364 ยูนิต พื้นที่เดียวกับวานา นาวา และติดกับโรงแรมฮอลิเดย์  อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน  โดดเด่นด้วยการออกแบบ Single Corridor ทำให้ทุกยูนิตได้รับวิวทะเลแบบเต็มที่   มาพร้อมด้วยส่วนกลางมากกว่า 2,700 ตร.ม. สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ บ่อแช่น้ำร้อนบนชั้นดาดฟ้า ห้อง Kids Club, Sky Theatre และอื่นๆ อีกมาก ที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ได้อย่างเต็มที่     นอกจากนี้ทุกห้องจะได้รับเอกสิทธิ์ในการเข้าใช้บริการ สวนน้ำ วานา นาวา ฟรี ถึง 5 ปี เริ่มตั้งแต่ทำสัญญา  ได้รับการบริการแบบ Hotel Serviced จาก ฮอลิเดย์  อินน์ รีสอร์ทวานา นาวา หัวหิน   พร้อมส่วนลดต่างๆ ในโรงแรมในเครือ     แบบห้องมีให้เลือก Penthouse Horizon Bay ขนาด 147 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 22.39 ล้านบาท One Bed Extra Bliss 2 ขนาด ได้แก่ 59 ตร.ม. และ 61 ตร.ม ราคาเริ่มต้นที่ 7.85 ล้านบาท Two Bedroom ขนาด 56 ตร.ม.ที่เป็นห้องหน้ากว้างมาพร้อมระเบียงใหญ่ และอ่างจากุซซี่ One Bed Room Plus ขนาด 45 ตร.ม. 1 ห้องนอน ที่มาพร้อมกับห้องอเนกประสงค์ริมระเบียง One Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. โดยทุกห้องมาพร้อมกับ Double Skin Balcony หรือระเบียงแบบ 2 ชั้น ที่สามารถใช้งานยืดหยุ่น สามารถปรับพื้นที่ให้เป็นแบบ Indoor หรือ Semi Outdoorได้     ใครสนใจ ชมโครงการพร้อมสัมผัสวิวทะเลได้ที่ เซลล์ แกลลอรี่ โครงการ เวหา หัวหิน ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน ชั้น 25  ห้องตัวอย่างที่ได้เห็นวิวจริงไม่ต้องพึ่ง AI  ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/unveilthenewpreciousnews หรือโทร 02 026 8999   บทความน่าสนใจ เปิดเหตุผล พราว เรียลเอสเตท บุกตลาดกทม. กับวิธีทางสร้างรายได้ 15,000 ล้าน พราว เรียลเอสเตท ปั้นโปรเจ็กต์ “เวหา” 2,290 ล้าน ชู 6 ไฮไลท์คอนโดลักชัวรี่สูงสุดในหัวหิน
RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค คอนโดใหม่ล่าสุดของ AP THAILAND

RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค คอนโดใหม่ล่าสุดของ AP THAILAND

  RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค คอนโดใหม่ล่าสุดของ AP THAILAND ทำเลดีอยู่บนถนนเจริญนคร โครงการอยู่ฝั่งตรงข้ามของ ICONSIAM  การเดินทางสะดวกอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีเจริญนคร แค่ 100 เมตร เชื่อมต่อการเดินสะดวกใช้เวลาไม่นาน เข้าสู่ใจกลาง CBD สีลม-สาทรได้ภายใน 5 นาที ไม่ว่าจะเป็นระบบรถ ต่อเรือ หรือระบบราง   พื้นที่เจริญนคร นอกจากไอคอนสยามที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการแล้ว โดยรอบโครงการ เจริญนครจัดได้ว่าเป็นศูนย์รวม โรงแรมระดับโลก โรงพยาบาล สถานศึกษาชั้นนำทั้งรัฐและเอกชน หรือ โรงเรียนนานาชาติ อาคารสำนักงานไฮเอนด์มากมาย     RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค คอนโดไฮไรส์ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “BLUECHIP DESIGN RESIDENCE” เป็นอาคารสูง 29 ชั้น สร้างบนที่ดิน 4 ไร่ จำนวนหยูนิต 577 ที่จอดรถ 60%  การดีไซน์ได้แรงบันดาลใจจาก Japanese – Italian Craftsmanship ความสมดุลระหว่างความงดงาม และสุนทรียะการใช้ชีวิตเหนือระดับ พร้อมส่วนกลาง รวมกว่า 3.3 ไร่     ประกอบไปด้วย อยู่ที่ชั้น  G - Wharf Yard Garden + Private Sanctuary Yard สวนด้านหน้าโครงการ Main Lobby Lounge, Co-working space, Welcome Foyer  ชั้น  6 Yacht Garden Terrace  ชั้น 28  สระว่ายน้ำ+ Jacuzzi Pool + Kid Pool + Pool bar + Pool deck +Fitness + Artistic Pavilion  และ ชั้น 29  Iconic Lounge ,Sky living room, Private Club, The Grand Yacht Lounge, Private Meeting Room ที่จะได้เห็นวิวเมืองสวยๆ   RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค มีรูปแบบห้อง SIMPLEX 1-Bedroom เพดานสูง 3 เมตร เริ่มต้น 5.6 ล้านบาท SIMPLEX 2-Bedroom เพดานสูง 3 เมตร เริ่มต้น 16 ล้านบาท VERTIPLEX ชั้น 23-27 เพดานสูง 4.45 เมตร* เริ่ม 9.5 ล้านบาท จุดเด่นคือห้อง Vertiplex  เพดานสูง double volume  ความสูง 4.45 เมตร มีชั้นลอย ความสูงทำให้มีความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านโปร่งสบายไม่อึดอัด  พิเศษขึ้นภายห้องนอนที่อยู่ชั้นลอย ใส่ห้องน้ำมาให้ด้วย แก้ปัญหาขึ้นลงเข้าห้องน้ำได้สะดวกมากขึ้น     RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค  อีกหนึ่งโครงการร่วมทุนใหม่ล่าสุด ที่มีครบสะดวกทั้งภานในอาคาร และการเดินทางพร้อมทั้งการใช้ชีวิตติดห้าง ติดรถไฟฟ้า ราคาเริ่มต้น 159,000 บาท/ ตร.ม. หรือ ราคาเริ่ม 5.6 ล้านบาท จนไปถึง 30 ล้านบาท วันงานเปิดตัว กวาดยอดขายกว่า 4,000 ล้านบาท ปิดการขายได้มากถึง 80% จากทั้งโครงการ   บทความน่าสนใจ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี “Create Your Own Etiquette วิถีแห่งที่สุดของชีวิตสุนทรียะในแบบของคุณ” Life พหลฯ ลาดพร้าว ตอบโจทย์ชีวิตไร้ขีดจำกัด RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน คอนโดใหม่ใจกลางเมืองวิวคุ้งน้ำเจ้าพระยา
Supalai Sense Srinakarin – Staycation คอนโดแนวใหม่ ใกล้ห้างและรถไฟฟ้า

Supalai Sense Srinakarin – Staycation คอนโดแนวใหม่ ใกล้ห้างและรถไฟฟ้า

Supalai Sense Srinakarin - Staycation คอนโดแนวใหม่ ใกล้ห้างและรถไฟฟ้า กระแสของตลาดอสังหาฯช่วงนี้วนมาถึงทำเล “ศรีนครินทร์” ที่กำลังคึกคักเป็นพิเศษเพราะ Developer หลายเจ้าเข้ามาปักหมุดและเริ่มทำการขายโครงการคอนโดมิเนียมในย่านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และบริเวณใกล้ๆ ห้างซีคอนสแควร์ ทำให้ช่วงปลายปี 2023 นี้ ถนนศรีนครินทร์เป็นทำเลทองของคอนโดเลยก็ว่าได้   สำหรับโครงการใหม่ล่าสุดที่เราจะพาไปดูกันในครั้งนี้ เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise จาก “ศุภาลัย” ภายใต้แบรนด์ใหม่ “Supalai Sense” ซึ่งดีไซน์ในคอนเซปต์ “Sense of Staycation” ที่ต้องการให้บรรยากาศภายในโครงการให้ทุกวันเหมือนวันพักผ่อน ในขณะเดียวกันก็ปักหมุดบนทำเลที่เดินทางสะดวก และเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยและการลงทุน     Sense of Location ก่อนอื่นเราขอพูดถึงเรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการ “Supalai Sense Srinakarin” ที่เชื่อว่าพอพูดถึงชื่อศรีนครินทร์แล้ว ใครๆ ก็คงปักหมุดในใจไปที่ตำแหน่งของห้างดังอย่าง “ซีคอนสแควร์” แน่ๆ ซึ่งตัวโครงการตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้าง ในซอยศรีนครินทร์ 42 หรือซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8 ถัดจากปากซอยเข้าไปเพียง 500 เมตรเท่านั้น พื้นที่ในย่านนี้เป็นโซนที่อยู่อาศัย มีอาคารพานิชย์ หอพัก อพาร์ทเม้นท์ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด คึกคักและอุดมสมบูรณ์มากตั้งแต่ปากซอยเข้าไปเลย         ในห้างซีคอนสแควร์เอง ก็มีทั้ง Lotus's, Don Don Donki รวมถึงร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำมากมาย ซึ่งถือว่าเป็นห้างดัง ห้างประจำของคนในย่านนี้ นอกจากห้างซีคอนสแควร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้ว บริเวณใกล้ๆ ยังมีตลาดนัดรถไฟ ห้างพาราไดซ์พาร์ค และสวนหลวงร.9 ก็อยู่ในระยะที่เรียกว่าพอเดินไหว และไม่ไกลจนเกินไปนัก          ในขณะที่การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองก็มี สถานีสวนหลวงร.9 และสถานีศรีนครินทร์ 38 สามารถไปเชื่อมต่อกับแอร์พอร์ตลิงค์ได้ที่สถานีหัวหมาก หรือถ้าลัดไปออกทางซอยอุดมสุข ก็จะเจอกับแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวบริเวณสถานีอุดมสุข และสถานีปุณณวิถี ได้เช่นกัน และด้วยความที่ถนนของซอยศรีนครินท์ 40 สามารถเชื่อมต่อได้หลากหลายเส้นทางก็ทำให้การเดินทางด้วยรถส่วนตัวมีความคล่องตัวไม่แพ้กัน ทั้งเส้นทางไปออกซอยอ่อนนุช 46 และซอยอ่อนนุช 44 หรือจะออกไปทางถนนอุดมสุข (ซอยสุขุมวิท 103) และทางถนนวิชิรธรรมสาธิต (ซอยสุขุมวิท 101/1) ก็ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกเดินทางเข้าเมือง หรือต้องไปทำงานในโซนไหนก็สะดวกเหมือนกัน      Sense of Staycation จากความตั้งใจในการปั้นแบรนด์ “Sense” ที่อยู่ในระดับเดียวกับ “City Resort” แต่อัพเลเวลขึ้นมา ทั้งในเรื่องของการดีไซน์ใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น ทั้งการเลือกใช้สีให้บรรยากาศอบอุ่นผ่อนคลาย การเลือกใช้เส้นสายโค้งมนสบายตา และรูปแบบห้องที่หลากหลายเหมาะกับการพักผ่อน เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนทำงานที่มองหาที่อยู่อาศัยทดแทนการเช่า และมองหาคอนโดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ในขณะที่ยังได้สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งภายในและนอกโครงการครบครัน     ภายใต้คอนเซปต์การออกแบบ “Sense of Staycation เปลี่ยนวันธรรมดาให้กลายเป็น Vacation” ศุภาลัยจึงออกแบบให้อาคารโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลาง เน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้เห็นบรรยากาศของสวนและสระว่ายน้ำ เหมือนได้ไปเที่ยวพักผ่อนในรีสอร์ททุกวัน พร้อมกับจัดยูนิตพิเศษ เป็นห้องแบบ Pool Access ที่มีเพียง 7 ยูนิตเท่านั้น!!       นอกจากนี้พื้นที่ส่วนกลาง และ Facility ต่างๆ ก็ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เช่น จุด Food Drop ของแต่ละตึก สำหรับการส่งอาหารแบบ Delivery, ห้องรับพัสดุที่เป็น Drop Store ขนาดใหญ่ ไม่ต้องมีปัญหาพัสดุวางเกะกะจนล้นห้องนิติฯ, จุดรองรับ EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงห้อง Private Storage ที่ทางศุภาลัยใส่ไว้ในทุกๆ โครงการใหม่ เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของส่วนตัวสำหรับลูกบ้านที่ต้องการซื้อห้องเก็บของเพิ่ม   Lobby เป็น Double Space ที่สามารถมองเห็นทั้ง Fitness + ห้อง Co-working Space Lobby Co-working Space   ขณะเดียวกัน Facility พื้นฐานที่ต้องมีในคอนโด ทางศุภาลัยก็จัดมาเต็มที่ ทั้งสระว่ายน้ำ Infinity Edge ระบบน้ำเกลือ แยกสระเด็กพร้อมจากุชชี่, ฟิตเนส, Jogging Trail, Co-working Space, พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ และ Roof Garden เพื่อเพิ่มพื้นที่พักผ่อน, Vending Machine, ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง, การเข้าออกด้วยระบบ Face Scan และสแกนทะเบียนรถ รวมถึงการเพิ่มบริการ Shutter Service รับ-ส่งจากสถานีสวนหลวง ร.9 ให้กับลูกบ้านอีกด้วย   ภาพรวมส่วนกลางในตึก A Roof Garden  พื้นที่ส่วนกลางบริเวณชั้น 2 มีทั้งสระว่ายน้ำ สวน และมุมพักผ่อน Pocket Garden และ บันได Jogging Trail  Room Type Supalai Sense Srinakarin แบ่งเป็น 3 อาคารที่โอบล้อมส่วนกลางไว้ โดยตึก A สูง 7 ชั้น (ไม่รวมดาดฟ้า) ส่วนตึก B และ C สูง 8 ชั้น (ไม่รวมดาดฟ้า) บริเวณชั้น 1 เป็นพื้นที่จอดรถใต้อาคารและนอกอาคารรวม 40% (ไม่นับซ้อนคัน) ในส่วนของ Facility จะเริ่มที่บริเวณชั้น 2 และทั้งหมดจะรวมอยู่ที่ ตึก A ดังนั้นตึกนี้จะมีข้อดีที่สะดวกต่อการใช้ Facility ต่างๆ และมีจำนวนยูนิตน้อย เพียง 57 ยูนิตเท่านั้น ให้ความเป็นส่วนตัวและยังเป็น Single Corridor ทั้งหมด รวมถึงยูนิตพิเศษที่เป็น Pool Access ก็มีเพียง 7 ยูนิตเท่านั้น ที่ลูกบ้านจะได้บรรยากาศเหมือนพักอยู่ในรีสอร์ททุกวัน แค่เดินออกมาที่ระเบียง ก็สามารถลงสระว่ายน้ำได้เลยทันที   พื้นที่จอดรถบริเวณชั้น 1 อาคารทั้ง 3 ตึก โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางไว้ตรงกลาง ห้องรูปแบบ Pool Access ที่มีเพียง 7 ยูนิต และเป็นแบบ Single Corridor   ส่วนอีก 2 อาคาร จะได้เปรียบเรื่องความสงบ เป็นส่วนตัวสำหรับการพักอาศัย โดยที่ตึก B และตึก C จะมีจำนวนห้องตึกละ 210 ยูนิต ทั้งโครงการมีจำนวนยูนิตรวม 477 ยูนิต โดยมีรูปแบบห้องหลักๆ 3 แบบคือ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus (Me Corner) และ 2 Bedroom ในขนาดตั้งแต่ 25-53 ตารางเมตร ห้องทุกรูปแบบมีการจัด Layout เป็นสัดส่วนชัดเจน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งห้องส่วนใหญ่เป็นลักษณะครัวปิด และมีห้องน้ำอยู่นอกห้องนอน     สำนักงานขายปัจจุบันตั้งอยู่ที่ ห้างซีคอนสแควร์ ชั้น 3 ฝั่งโลตัส ซึ่งมีห้องตัวอย่างให้ชม 2 แบบ เราเริ่มกันด้วยห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาด 33 ตารางเมตร (1B1) ที่เชื่อว่าใครเห็นก็คงถูกใจรูปแบบของห้องนี้แน่ๆ ด้วยการแบ่งพื้นที่การใช้งานได้เป็นสัดส่วน ได้ครัวปิดติดระเบียง พื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง เชื่อมต่อกับบริเวณรับประทานอาหารได้อย่างลงตัว ภายในห้องนอนมีมุมสำหรับ Walk-in Closet เล็กๆ เป็นสัดส่วน รวมถึงหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอนที่สามารถเปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่                      ภายในห้องน้ำทุกห้องใช้ชุดสุขภัณฑ์ของ Hafele ทั้งหมด โดดเด่นด้วยการเลือกชุดฝักบัว ก๊อกน้ำ สายชำระ และราวแขวนผ้าเป็นสีดำทั้งหมด รวมถึงเครื่องทำน้ำอุ่นก็ยังเป็นสีดำจาก Stiebel Eltron ส่วนในห้องครัวก็ติดตั้งเคาน์เตอร์ครัว พร้อมชั้นเก็บของมาให้ พร้อมเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันของ Hafele มาให้ด้วยเช่นกัน       ห้องตัวอย่างอีกห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 25 ตารางเมตร (1A1) ซึ่งเป็นรูปแบบที่กะทัดรัดลงมาหน่อย แต่ยังคงความเป็นสัดส่วน เปิดเข้าห้องมาจะเจอกับครัวปิด มีประตูกระจกกั้นครัวให้แยกจากพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนชัดเจน พื้นที่ด้านในเป็น Living Area เปิดกว้างที่มีมุมนั่งเล่นกับที่นอนแชร์พื้นที่ร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีมุมเล็กๆ บริเวณริมหน้าต่าง สำหรับตั้งโต๊ะทำงานหรือใช้เป็นมุมอ่านหนังสือได้พอดี เหมาะกับการอยู่อาศัยคนเดียวง่ายๆ หรือเหมาะกับการปล่อยเช่าเช่นกัน              บริเวณครัวให้ชุดเคาน์เตอร์พร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันติดตั้งให้เรียบร้อย รวมถึงในห้องน้ำก็เป็นชุดสุขภัณฑ์จาก Hafele ทั้งหมด        หลังจากเห็นต้องตัวอย่างแล้ว เรามาดูเรื่องราคากันบ้าง Supalai Sense Srinakarin เปิดราคาเริ่มต้นมาที่ 1.42 ล้านบาท* เริ่มต้น 57,000 บาท/ตารางเมตรเท่านั้น แถมยังขายมาแบบ Fully Fitted ให้ครบทั้งชุดครัว Hob & Hood, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องทำน้ำอุ่น, ฉากกั้นอาบน้ำ รวมถึง Digital Door Lock ด้วย!! พร้อมการรับประกันโครงสร้างนานถึง 10 ปี* และประกันส่วนควบอีก 3 ปี* ถ้าเป็นลูกบ้านก็อุ่นใจกันไปยาวๆ ได้เลย ที่สำคัญในราคาเริ่มต้นเพียง 1.42 ล้านบาท* ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่ามากๆ เทียบกับสเปคที่ได้ ซึ่งแทบจะหาไม่ได้จากโครงการอื่นๆ ในระแวกเดียวกัน ในขณะเดียวกันในย่านนี้ นอกจากจะเป็นเป้าหมายของกลุ่มลูกค้าที่มองหาคอนโดไว้อยู่อาศัยเองแล้ว ยังมีกลุ่มผู้เช่าไม่น้อยเลย ทั้งกลุ่มลูกเรือ นักบิน หรือกลุ่มวัยเรียนและคนที่ทำงานในเมือง ด้วยการเดินทางที่สะดวกทั้งไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือเข้าสู่ใจกลางเมือง อัตราการเช่าห้องในย่านศรีนครินทร์มีความต้องการค่อนข้างต่อเนื่อง และอัตรา Yield เฉลี่ยสูงถึง 5-6% ต่อปี (อ้างอิงจากข้อมูลของทางศุภาลัย) แล้วยิ่งเป็นตึกใหม่ที่มี Facility ครบครันแบบนี้ ก็ยิ่งดึงดูดผู้เช่าใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี     ใครที่สนใจ สามารถไปดูห้องตัวอย่างของ Supalai Sense Srinakarin ก่อนได้ที่ Sale Gallery บนห้างซีคอนสแควร์ และในวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้ ทางโครงการเปิดรอบ Pre-Sale อย่างเป็นทางการ ลองแวะไปสอบถามโปรโมชั่นพิเศษเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ขายได้ หรือลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://bit.ly/3SN1KPe     บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ศุภาลัยเปิดตัว พรีเซ้นเตอร์คนแรก เคลียร์ชัดศุภาลัยบ้านไม่แคบ ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 7 แบบบ้านใหม่ เอาใจทาสแมว ศุภาลัย เอสเซ้นส์  โครงการพรีเมี่ยมแห่งแรกในอ่างศิลา    
RML เปิดให้ชมโฉม ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ คอนโดฯ ลักชัวรี่ พร้อมอยู่ ใจกลางสาทร

RML เปิดให้ชมโฉม ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ คอนโดฯ ลักชัวรี่ พร้อมอยู่ ใจกลางสาทร

เปิดให้ชม คอนโดฯ ลักชัวรี่ พร้อมเข้าอยู่  เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ (Tait Sathorn 12)  ครั้งแรก ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Live The Iconic Life’ ที่สุดของการใช้ชีวิตที่แตกต่างใจกลางสาทร ชูไฮไลต์โครงการ ‘สะดวกทุกมิติของการใช้ชีวิต-ดีไซน์โดดเด่นการันตีรางวัล 3 ปีซ้อน- พื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มกว่า 2,000 ตร.ม.’ เผยโครงการกระแสแรง! กวาดยอดขายถล่มทลายไปถึง 97% ราคาขายเฉลี่ย 200,000 บาท/ตร.ม.ขึ้นไป เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ เป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง RML และโตเกียว ทาเทโมโนะ โดยมีสัดส่วนการลงทุน 51:49 เป็นคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ความสูง 40 ชั้น จำนวน 231 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท ที่ตั้งใจพัฒนาภายใต้แนวคิด  Live The Iconic Life – ที่สุดของการใช้ชีวิตอย่างแตกต่างใจกลางสาทร ปลดล็อกการใช้ชีวิตที่เหนือระดับ กับความเป็นไอคอนิคไลฟ์หรือสุดยอดชีวิตที่แตกต่าง ผ่าน 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่   THE ICONIC LOCATION: ตั้งอยู่ในซอยสาทร 12 ห่างจาก BTS เซนต์หลุยส์เพียง 180 เมตร สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสาทร และถนนสีลม มอบความสะดวกสบายให้การเดินทางของทั้งผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวและ Public Transportation ทั้งยังห้อมล้อมด้วยคาเฟ่ ร้านอาหารชื่อดัง แหล่งไลฟ์สไตล์ยามค่ำคืน พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน โรงแรม 5 ดาว สถานทูต ฯลฯ นับว่าเป็นทำเลที่ upscale และ happening ที่สุดบนเส้นสาทร-สีลม     THE ICONIC DESIGN: แลนด์มาร์กใหม่ของย่านสาทรที่สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกอันดับหนึ่งของไทยอย่าง ‘A49’ และภูมิสถาปัตย์โดย ‘Shma’ ซึ่งอาคารได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเฉพาะตัวด้วยรูปทรงไล่ระดับ Iconic Slope ลดหลั่นกันลงไปแต่ละชั้นบริเวณยอดอาคาร ดีไซน์โมเดิร์นคมชัดดูสะอาดตาด้วยกระจกบานสูง การันตีคุณภาพงานออกแบบทั้งภายนอกภายใน โดยได้รับรางวัลในด้านงานออกแบบและความเป็นสุดยอดคอนโดฯ ลักชัวรี่ 3 ปีซ้อน ได้แก่ รางวัล Best Luxury Condominium Project จากเวที International Finance Award ในปี 2564 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่คอนโดฯ ลักชัวรี่ที่มีมาตรฐานระดับอินเตอร์, รางวัล Best Luxury Condo Architectural Design จาก PropertyGuru Thailand Property Awards ในปี 2565 ในฐานะคอนโดฯ ลักชัวรี่ที่มีสถาปัตยกรรมภายนอกยอดเยี่ยม และนวัตกรรมดีไซน์ที่ทันสมัย และล่าสุดปีนี้ได้รับรางวัล Best Exposure Condo จาก Livinginsider Awards ซึ่งมอบให้แก่คอนโดฯ ที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมภายนอกที่มีรูปทรงสวยงาม   THE ICONIC FACILITIES: เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ มอบประสบการณ์ใช้ชีวิตสุดไอคอนิค ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างครบครัน ตั้งแต่บริเวณล็อบบี้ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้า 6 ชั้นบนยอดอาคารครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,000 ตร.ม. ได้แก่ Outdoor Lobby ซึ่งเชื่อมต่อกับสวนด้านหน้าของโครงการ ให้ความรู้สึกเสมือนพักในโรงแรม ด้านหลังโครงการ พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงและพื้นที่สีเขียว โครงการออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกบ้านสามารถนำสัตว์เลี้ยงออกมาเดินเล่นบริเวณนี้ได้   สระว่ายน้ำระบบปราศจากคลอรีน ที่มอบวิวเมืองสวย และอยู่ในร่มแบบ Semi Outdoor ไม่ทำให้ผิวเสียทั้งจากแสงแดดตรง และสารเคมี สามารถใช้งานได้ในเวลากลางวัน และด้านข้างสระแบ่งเป็นสระเด็ก และ Jacuzzi ที่ช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและความเครียดจากการใช้งานมาตลอดทั้งวัน เลาจน์สำหรับนั่งพักผ่อน และชมวิวเมือง ที่เปิดรับทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ได้อย่างตระการตา ห้องแอมพิเธียเตอร์สำหรับชมภาพยนตร์ขนาดใหญ่และจัดกิจกรรม ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของโครงการ เพราะเป็นพื้นที่ที่ถูกดีไซน์เพื่อการรับชมภาพยนตร์ และมอบประสบการณ์แบบ เอ็กซ์คลูซีฟได้ทั้งความเป็นส่วนตัวและความบันเทิงไปพร้อมกัน รวมทั้งห้องนี้ยังสามารถจัดกิจกรรมสังสรรค์กับครอบครัวหรือชวนเพื่อนๆ มาได้ด้วย   ห้องออกกำลังกายอเนกประสงค์พร้อมห้องยิมสตูดิโอ ที่มีจุดเด่น คือ ออกแบบให้เป็นห้องกระจกเต็มบาน รับวิวเมืองได้เต็มสายตา สามารถออกกำลังกายไปด้วยและชมวิวเมืองได้แบบพาโนรามา โดยห้องออกกำลังกาย แบ่งเป็น 2 โซน ช่วยลดความหนาแน่น และมีอุปกรณ์ออกกำลังกายจากแบรนด์อันดับ 1 ของโลกจากอิตาลีอย่าง Technogym ให้เล่นมากกว่า 20 ฟังก์ชั่น นอกจากนี้ ยังมีห้องสตูดิโอ สำหรับให้ครูมาสอนโยคะ ซ้อมเต้น หรือกิจกรรมอื่นๆ ได้  ห้องรับประทานอาหาร และจัดกิจกรรมส่วนตัว เหมาะสำหรับจองเพื่อจัดปาร์ตี้หรือเชิญเชฟที่ถูกใจมาทำอาหารรับประทานร่วมกับครอบครัวและเพื่อนๆ และห้องนี้ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ด้านข้างห้องซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมได้ จุดพักผ่อนชั้นดาดฟ้า ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของย่านสาทร เห็นทั้งวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและวิวเมือง ช่วงเย็นๆ มานั่งกินลมชมวิว เล่นโยคะรับอาทิตย์ยามเช้า หรือจะนอนอาบแดดบริเวณนี้ก็ได้     เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ มีห้องหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่เปิดรับกลุ่มคนหลากหลายทั้งคนโสด คู่รัก ไปจนถึงครอบครัวขนาดเล็ก ซึ่งขายหมดไปหลายรูปแบบแล้ว ปัจจุบันเหลือห้องขนาด 1-2 ห้องนอน โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอย ตั้งแต่ 68 - 118 ตร.ม. ทั้งนี้มีห้องตัวอย่างใหม่ให้ชมบนตึกจริง 2 ห้อง คือ แบบ 1 ห้องนอน ‘ดิ ไอคอนิค สวีท’ ที่มีพื้นที่ห้องอเนกประสงค์สามารถปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย พื้นที่ใช้สอย 68 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นเพียง 17.9 ล้านบาท และแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย ตั้งแต่ 79-118 ตร.ม. โดยยูนิต 2 ห้องนอนปัจจุบันที่เหลืออยู่แต่ละห้องมี layout ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งผู้ซื้อจะได้แบบห้องที่มีแบบเดียวในโลก ถือว่าเป็นไอคอนิคไลฟ์แท้จริง และทุกห้องอยู่บนชั้นสูงทั้งหมด มอบวิว ทั้งแบบพาโนรามา หรือ 360 องศา   บทความน่าสนใจ ชาญอิสสระ อวดโฉม โครงการ ดิ อิสสระ สาทร ครั้งแรก ชู Luxury Urbanature Anil สาทร 12 คอนโด WELL Building Standard 1 เดียวในไทย  
ชาญอิสสระ อวดโฉม โครงการ ดิ อิสสระ สาทร ครั้งแรก ชู Luxury Urbanature

ชาญอิสสระ อวดโฉม โครงการ ดิ อิสสระ สาทร ครั้งแรก ชู Luxury Urbanature

ดิ อิสสระ สาทร ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม ชูจุดเด่น Luxury Urban & Nature ด้วยดีไซน์แบบ Single Corridor เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยพร้อมกับ Layout ห้องที่เป็น Flexible Area ปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้ตามความต้องการ     ดิ อิสสระ สาทร ทำเลที่ตั้งนับว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ มีสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรวมที่ดี อีกทั้งยังมีการคมนาคมที่สะดวกสบาย กลาง CBD เชื่อมต่อการเดินทางเข้า-ออก เมือง อาทิ พระราม 3 สาทร สีลม นางลิ้นจี้ ไปยังโซนพระราม 2 ได้อย่างสะดวกสบาย  ตัวโครงการตั้งอยู่บน ถนนจันทน์-สาทร ที่อยู่ใกล้ใจกลางย่านธุรกิจอย่างสีลม สาทร ใกล้ขนส่งมวลชนอย่าง รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน รถด่วนพิเศษ (BRT) เรือด่วนเจ้าพระยา อีกทั้งย่านนี้ยังเป็นแหล่งรวมของอร่อยมากมาย มีอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย ตั้งแต่สตรีทฟู้ดจนถึงมิชลินสตาร์ มีสถานที่แฮงค์เอาท์พักผ่อน หย่อนใจหลังเลิกงาน     โครงการเป็นรูปแบบ ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม ที่ชาญอิสสระ ตั้งใจพัฒนาออกมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตการอยู่อาศัยที่ครบครัน ตั้งอยู่ทำเล ถนนจันทน์-สาทร สูง 37 ชั้น จำนวน 270 ยูนิต พร้อมกับระบบการจอดรถแบบ Auto Parking สถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV) และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เตรียมพร้อมให้กับลูกค้าได้อยู่อาศัยอย่างเหนือระดับ ออกแบบโดย บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49)  ที่ออกแบบโครงการให้สะท้อนไลฟ์สไตล์ การอยู่อาศัย ความเป็นสังคมเมืองและธรรมชาติได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ   ดิ อิสสระ สาทร ทุกยูนิตจะให้ความสำคัญกับขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้อง  มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่    32.75 - 188.76 ตร.ม. เริ่มที่ 1 Bed, 1 Bed+, 2 Bed, 2 Bed+, 3Bed และ Penthouse ซึ่งแต่ละรูปแบบได้มีการออกแบบ Layout ของห้องที่เป็น Flexible Area ช่วยให้ปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้ตามความเหมาะสม และความต้องการ   พื้นที่ส่วนกลาง จะได้สัมผัสวิวเมืองแล้ว ยังได้สัมผัสธรรมชาติของวิวคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา-บางกะเจ้า เริ่มจากชั้น 1 The Park ที่เป็นโซนของสวน พื้นที่พักผ่อนสนามหญ้ากว้าง สนามเด็กเล่น บ่อน้ำ ศาลาพักร้อน ที่ชั้น 29 The Haven เป็นโซน The Sky Gym, The Game, The Space, The Water, The Therapy, The Garden ต่อที่ ชั้น 33 The View มีการนำ Concept Floating Forest เนรมิตออกมาให้เป็นลักษณะของสวนป่าที่มีความสงบ เหมาะต่อการพักผ่อน ด้วยการนำเก้าอี้ในแบบต่างๆ รองรับการนั่งหรือนอนชมวิวด้านบางกะเจ้า   ในส่วนของชั้น The Herb ซึ่งประกอบด้วย พื้นที่ปลูกผักสวนครัว และสมุนไพร ให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสธรรมชาติและศึกษาสมุนไพรชนิดต่างๆ โซน The Horizon พื้นที่ออกกำลังกาย ที่อยู่บนชั้นที่สูงที่สุด ทำให้ได้เทควิวที่สวยงามมากที่สุด     สำหรับโครงการ ดิ อิสสระ สาทร ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม ตั้งอยู่ทำเล ถนนจันทน์-สาทร สูง 37 ชั้น จำนวน 270 ยูนิต ราคาโปรโมชั่นเริ่มต้น 5.59 ล้านบาท สำหรับช่วงเปิดตึกครั้งแรก โครงการเตรียมจัดแคมเปญพิเศษงาน Grand opening รับโปรโมชั่น Extreme Free เพียงลูกค้าจองห้องในระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2566 รับ อาทิ iPhone 15 pro max, ฟรีเฟอร์นิเจอร์แพกเกจ Euro Creation มูลค่า 1-3 ล้านบาท  ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  charnissara      บทความเกี่ยวข้อง CI มอบแคมเปญ Heart Deal Feel Good ลดครั้งใหญ่ 10 โครงการ ทุกยูนิตจ่ายเพียง 70% ดิ อิสสระ สาทร ส่งโปรฯ แรง “Omakase Deal” รีวิวคอนโดย่านสาทร วิวคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา THE ISSARA SATHORN
Tonson One Residence  คอนโดหรูหราเหนือระดับ บนทำเลพรีเมียมย่านชิดลม

Tonson One Residence  คอนโดหรูหราเหนือระดับ บนทำเลพรีเมียมย่านชิดลม

Tonson One Residence  คอนโดระดับไฮเอนด์  เป็นโครงการ High Rise สูง 29 ชั้น 80 ยูนิต บนที่ดินซอยต้นสน ขนาดเกือบ 1 ไร่ อยู่ในพื้นที่ดีที่สุดของกรุงเทพ ในย่าน ชิดลม เพลินจิต ที่รวมเอาความหรูหราไว้รอบๆ โครงการ ทั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และ ออฟฟิศพรีเมี่ยมมากมายโดยรอบ   จุดเด่นสำคัญของโครงการนี้ เป็นที่ดินแบบ Freehold คือผู้ซื้อจะได้ครอบครองกรรมสิทธิ์เด็ดขาด  ซึ่งส่วนใหญ่ที่ดินในย่านนี้จะเป็นลักษณะ Leasehold     ซอยต้นสนเป็นอีกซอยหนึ่งที่อยู่กลางเมืองกรุงเทพ ที่มีความสงบ ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น การเดินทางสะดวก อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS ชิดลม คือเพียง 350 เมตร ใกล้ห้างสรรพสินค้า Central Embassy, Central Chidlom, HomePro เพลินจิต, Mercury, Central World, Amarin Plaza, Gaysorn Village, The Market Bangkok, Big C ราชดำริ  และโรงเรียนนานาชาติ Mater Dei School, Mulberry House International Pre-Sxhool   โครงการ Tonson One Residence มีห้องให้เลือกหลักๆ ด้วยกัน 4 รูปแบบ ตั้งแต่แบบ 1 ห้องนอน จนถึง Penthouse Duplex ขนาด 57-387.50 ตาราง  มีจุดเด่นที่ทุกยูนิตมีลิฟท์คอริดอร์  ที่เป็นส่วนตัวห้องใครห้องมัน ที่สามารถขึ้นลงได้เฉพาะห้องของตัวเองและส่วนกลางเท่านั้น   พื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการ  มีให้พื้นที่ส่วนกลางเหมาะสมหลากหลายและ เป็นส่วนตัว  Garden on Ground Floor Concierge Service  Multi-Purpose Lounge with Professional Kitchen for Private Event 25 meters Swimming Pool and Jacuzzi Pool ,Technogym Equipment with Private Training Room Adjustable Lounge for Private Meeting ,Driver Room     Tonson One Residence   ปัจจุบันยอดจองกว่า 90% และเริ่มโอนไปแล้วกว่า 40%  โดยห้องที่เหลืออยู่จะมีราคาเริ่ม 23-190 ล้านบาท คอนโดที่เป็นแบบ Freehold กลางเมืองแบบนี้ เริ่มหายากมาก สนใจเข้าไปชมห้องจริง อาคารสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว     บทความน่าสนใจ ROMM Convent Luxury Wellness Condominium ความสุขของชีวิตที่ดีและยืนยาว Anil สาทร 12 คอนโด WELL Building Standard 1 เดียวในไทย  
อรสิรินโฮลดิ้ง เตรียมขาย IPO 406.5 ล้านหุ้นใน SET หลังก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง

อรสิรินโฮลดิ้ง เตรียมขาย IPO 406.5 ล้านหุ้นใน SET หลังก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง

ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง อรสิริน โฮลดิ้ง ดีเวลลอปเปอร์จากเชียงใหม่ เตรียมขายไอพีโอ 406.5 ล้านหุ้น เข้า SET ผนึก APM ที่ปรึกษาการเงิน เดินสายโรดโชว์นำเสนอข้อมูลแก่กองทุน นักลงทุนสถาบันต่างประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง พร้อมพบนักลงทุนรายย่อย 15 จังหวัดทั่วประเทศ มั่นใจพื้นฐานแกร่ง นักลงทุนตอบรับดี   ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ORN เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือ ไฟลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ของ ORN ในวันที่ 23 สิงหาคม 2566  เป็นที่เรียบร้อยแล้ว   โดยบริษัทจะเดินหน้านำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับกองทุน นักลงทุนสถาบัน ต่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ในวันที่ 23-25 สิงหาคม 2566 สำหรับการนำเสนอข้อมูลในครั้งนี้คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกองทุนต่างประเทศเป็นอย่างดี  เนื่องจาก ORN เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบและแนวสูงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มายาวนานกว่า 17 ปี และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคง ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM กล่าวว่า ปัจจุบัน อรสิริน  หรือ ORN มีทุนจดทะเบียน 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทและมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 1,093.50 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 406.50 ล้านหุ้น หรือ 27.10% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)   โดยหลังจากนี้ เตรียมเดินหน้านำเสนอข้อมูลธุรกิจของบริษัท พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนกลุ่มต่างๆ และผู้ที่สนใจ โดยจะทำการโรดโชว์ในประเทศทั้งหมด 15 จังหวัดในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2566  รวมถึงนำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์ แก่เจ้าหน้าที่นักวิเคราะห์ เจ้าหน้าที่การตลาด ณ ห้องค้าบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายในปีนี้   ขณะที่นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจของบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง เสริมสร้างศักยภาพทางการเงิน เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต   ปัจจุบัน ORN ประกอบธุรกิจการลงทุนถือหุ้นบริษัทอื่น (Holding Company) มีกลุ่มธุรกิจหลักคือ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการแนวราบ แนวสูง ประเภทที่อยู่อาศัยเพื่อขาย บนทำเลคุณภาพจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและการพัฒนา ณ วันที่ 31 มี.ค. 2566 จำนวนรวม 18 โครงการ ภายใต้แบรนด์สินค้า ได้แก่ THE ESCAPE , HABITAT , BELIVE , ORNSIRIN , ORNSIRIN VILLE , URBAN MYX , THE ASTRA , ARISE และ THE NEXT มูลค่าขายโครงการรวมประมาณ 15,533 ล้านบาท มีมูลค่าคงเหลือขายรวมประมาณ 2,329 ล้านบาท เป็นที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จแล้วหรือที่อยู่ระหว่างก่อสร้างที่เปิดขายแล้ว แบ่งเป็นมูลค่าคงเหลือขายโครงการแนวราบประมาณ 712 ล้านบาท และโครงการแนวสูงประมาณ 1,617 ล้านบาท รวมถึงมีที่ดินรอการพัฒนาหรืออยู่ระหว่างก่อสร้างที่ยังไม่เปิดขายรวมประมาณ 3,850 ล้านบาท บริษัทยังคงมุ่งเน้นเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง เตรียมแผนขยายโครงการบนทำเลคุณภาพ ชูกลยุทธ์พัฒนาที่อยู่อาศัย ด้วยการออกแบบฟังก์ชันและนวัตกรรมการอยู่อาศัยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ลูกบ้านทุกโครงการ ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำ ผู้พัฒนาอสังหาฯภูมิภาคอย่างแข็งแกร่ง   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -อรสิริน ดีเวลลอปเปอร์รายแรกของภาคเหนือ เตรียม IPO ใน SET  ปี 66
ROMM Convent Luxury Wellness Condominium ความสุขของชีวิตที่ดีและยืนยาว

ROMM Convent Luxury Wellness Condominium ความสุขของชีวิตที่ดีและยืนยาว

  ROMM Convent โครงการใจกลางเมืองที่  Concept “CBD Retreat Residences” เพื่อคุณภาพที่ดีและยืนยาวในทุกมิติ LIVE. WELL. LIFE  โดยโครงการมี  Holistic Wellness Solution การบริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ผ่านทางแอปพลิเคชัน BeDee by BDMS โรงพยาบาลบีเอ็นเอชที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ   ROMM Convent BeDee by BDMS  จะทำให้ลูกบ้านเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ตลอด 24 ชม. ลูกบ้านสามารถขอคำแนะนำและได้รับความช่วยเหลือด้านสุขภาพเบื้องต้น พร้อมประสานต่อไปยังบริการเฉพาะทางด้านต่างๆ นอกจากนั้นยังมีบริการพิเศษกว่าใคร อย่าง  การทำกายภาพบำบัด หรือการจัดหาพยาบาลพิเศษมาดูแลถึงห้องชุด หรือการสั่งยามาส่ง เป็นการดูแลเป็นพิเศษระดับ VVIP จาก BNH Royal Heritage Membership และลับส่วนลดสูงสุด 20%     ROMM Convent  มีทำเลอยู่บนทำเล CBD  ในถนนคอนแวนต์ และมี โรงพยาบาลบีเอ็นเอชตรงข้ามโครงการ ใกล้แหล่งสำนักงาน โรงเรียนชื่อดัง โรงพยาบาลที่ทันสมัย ใกล้พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของคนกรุงเทพอย่างสวนลุม การเดินทางใกล้รถไฟฟ้า BTS และ MRT   ROMM Convent เป็นคอนโด High-Rise สูง 32 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการ 1-2-40.7 ไร่ จำนวนห้องชุดพักอาศัยทั้งหมด 180 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกทั้งหมด 7 แบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 34.5 ตารางเมตร 1 Bedroom (Deluxe) พื้นที่ใช้สอย 48-51 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 60 ตารางเมตร 2 Bedroom (Sky Villa) พื้นที่ใช้สอย 84 – 128 ตารางเมตร 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 147-192 ตารางเมตร Duplex พื้นที่ใช้สอย 71 – 97 ตารางเมตร Penthouse พื้นที่ใช้สอย 418 – 468 ตารางเมตร     สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ อาทิ Automated Parking ที่สามารถรองรับได้ถึง 110% , Lobby, FitLab Café and Co-working Space, Sensory Garden, Wellness Lounge, Teens Club (Music and Study Room), Swimming Pool, Kids Pool, Jacuzzi, Gym, Wellness Studio, Meditation Pod, Onsen and Treatment Room, Rooftop Garden and BBQ Yard, ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.     โครงการ ROMM Convent ที่พร้อมการบริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม Holistic Wellness Solution  พร้อมกับการบริการจากโรงพยาบาลชั้นนำด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยผ่าน “แอปพลิเคชัน BeDee by BDMS และ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช” ซึ่งลูกบ้านสามารถเข้าถึงบริการด้านดูและสุขภาพและรักษาสุขภาพ รวมถึงการดูแลผู้สูงอายุหรือแม้แต่ คุณแม่หลังการคลอดบุตร ได้ตลอด 24 ชม. แถมทำเลที่อยู่ใจกลาง CBD ที่มากพร้อมด้วยความสะดวกสบายกับราคา เริ่มต้น 8.5 ล้านบาท   บทความน่าสนใจ VI ARI บ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury เริ่ม 82 ล้าน หนึ่งเดียวในย่านอารีย์ Anil สาทร 12 คอนโด WELL Building Standard 1 เดียวในไทย  
[PR News] “ณ วีรา รามอินทรา” พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างจริงครั้งแรก แถมโปรส่วนลด 200,000 บาท

[PR News] “ณ วีรา รามอินทรา” พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างจริงครั้งแรก แถมโปรส่วนลด 200,000 บาท

ณวรางค์ แอสเซท ได้ฤกษ์เปิดตัวโครงการ ณ วีรา รามอินทรา มูลค่า 550 ล้าน ภายใต้แนวคิด “ให้คุณเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่ได้ทุกวัน ..CRAFT YOUR EVERYDAY” คอนโดฯ ใหม่ให้ครบเกินคุ้ม ย่านลาดปลาเค้าใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู แค่ 3 นาที พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างครั้งแรก ด้วยราคาเริ่มต้น 1.49 ล้าน แถมส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท ชูจุดเด่นทำเลทองเพื่อการอยู่อาศัย ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยจริง และลงทุนปล่อยเช่า   นายอภิภู พรหมโยธี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด  เปิดเผยว่า ได้เตรียมเปิดตัวโครงการ ณ วีรา รามอินทรา คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ล่าสุดของบริษัทพร้อมให้ชมห้องตัวอย่างครั้งแรกในวันที่ 26 -27 ส.ค.นี้ โดยเปิดขายห้องชุดในราคาเริ่มต้นเพียง 1.49 ล้านบาท และยังจัดโปรโมชั่นต้อนรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ด้วยส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท สำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์​ https://navarangasset.com/projects/naveera-ramintra/   สำหรับโครงการ  ณ วีรา รามอินทรา ตั้งอยู่บริเวณซอยลาดปลาเค้า 72 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีลาดปลาเค้า เพียง 3 นาที บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ มูลค่า 550 ล้านบาท มีจำนวน 218 ยูนิต พัฒนาภายใต้แนวคิด “ให้คุณเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่ได้ทุกวัน ..CRAFT YOUR EVERYDAY” คอนโดฯ ใหม่ให้ครบเกินคุ้ม ด้วยการดีไซน์ห้องที่ลงตัวเพื่อการอยู่อาศัยอย่างมีความสุข พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุคใหม่ อาทิ คลับเฮ้าส์สองชั้นที่มี Co-working space ฟิตเนสวิวธรรมชาติ รูฟท้อป สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ลานบาร์บีคิว   นายอภิภู กล่าวว่า โครงการ ณ วีรา รามอินทรา ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านลาดปลาเค้า เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีลาดปลาเค้า ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อมุ่งสู่ทุกจุดหมายในกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ยังใกล้กับแหล่งการศึกษาชั้นนำ อาทิ มหาวิทยาลัยศรีปทุมและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงแปดถึงสิบห้านาทีเท่านั้น ใกล้แหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ ทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ใช้ระยะเวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาที ใกล้กับสถานีราชการและแหล่งงานต่าง ๆ มากมายด้วย ความต้องการอยู่อาศัยของคนยุคปัจจุบัน ยังคงคำนึงถึงเรื่องทำเลที่ตั้ง ซึ่งต้องเดินทางสะดวก สามารถเชื่อมต่อกับบริการรถสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน    สำหรับโครงการ  ณ วีรา รามอินทรา นับว่าเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว เพราะใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส ในอนาคตยังจะเชื่อมต่อสายสีน้ำตาลและสีม่วงด้วย ซึ่งบริษัทตั้งใจพัฒนาดังกล่าวเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการอยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่ นักศึกษา ผู้ที่อยู่ย่านลาดปลาเค้าและต้องการขยับขยายจากบ้านเดิมแต่ยังรักในทำเลที่คุ้นเคย รวมทั้งกลุ่มนักลงทุนที่มองหาความคุ้มค่าสมราคา เพราะสามารถซื้อและปล่อยเช่าให้กับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือกลุ่มคนทำงานในบริเวณใกล้เคียงได้ด้วย โครงการมีห้องทั้งหมด 218 ห้อง โดยมีห้องทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ TYPE A  :  1 BEDROOM              22.07 -22.87 SQ.M. TYPE B  :  1 BEDROOM              26.42-27.34  SQ.M. TYPE C  :  1 BEDROOM PLUS   35.13-35.74   SQ.M. TYPE D1  :  2 BEDROOM            41.04            SQ.M. TYPE D2  :  2 BEDROOM            41.72            SQ.M.   โดยทุกห้องจะออกแบบในสไตล์โมเดิร์นมาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์แบบครบครัน ภายในวันงานโครงการมีโปรโมชั่น จองพร้อมทำสัญญาในงานรับ Voucher Central มูลค่า 5,000 – 10,000 บาท พิเศษเฉพาะในงานวันที่ 26 -27 ส.ค.นี้ เท่านั้น   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -ณวรางค์ แอสเซท ได้แรงหนุนสายสีชมพูสร้างใกล้เสร็จ ส่ง “ณ รีวา รามอินทรา” รับลูกค้าย่านลาดปลาเค้า -“ณวรางค์ แอสเซท” กางแผน 3 ปี ผุดโปรเจ็คต์ใหม่กว่า 5,000 ล้าน พร้อมเปิดตัว “ณ วีรา พหลฯ-อารีย์” คอนโดฯ เพื่อคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน
10 ปี AP Thailand – Mitsubishi Estate ผ่าแนวคิด Inclusive Living การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน

10 ปี AP Thailand – Mitsubishi Estate ผ่าแนวคิด Inclusive Living การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน

10 ปี AP Thailand - Mitsubishi Estate ผ่าแนวคิด Inclusive Living การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน 10 ปี AP Thailand - Mitsubishi Estate นับว่าเป็นการร่วมมือกันทางธุรกิจที่ยาวนานและแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยเลยก็ว่าได้ ด้วยผลงานร่วมทุน ร่วมพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า 24 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 116,300 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดของคนเมือง พร้อมประกาศเดินหน้าความร่วมมือภายใต้โรดแมป “From Strength to Strength”     ที่ผ่านมาเราคงเคยได้ยินการออกแบบเพื่อมวลชน หรือ Universal Design (UD) มาบ้าง ซึ่งแนวคิดการออกแบบสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเจาะจงไปที่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสที่มีข้อจำกัดในการใช้เท่านั้น แต่ปัจจุบัน Universal Design (UD) ก็เริ่มมีบทบาทและถูกนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ล่าสุด เราได้รู้จักกับคำว่า “Inclusive Living” (การออกแบบพื้นที่เพื่อทุกคน) จาก AP Thailand ยิ่งประกอบกับการได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นในวาระฉลองครบรอบ 10 ปี แห่งการร่วมมือกันทางธุรกิจระหว่าง AP Thailand – Mitsubishi Estate จึงทำให้เข้าในแนวคิดของคำว่า Inclusive Living มากยิ่งขึ้นไปอีก     หนึ่งในความท้าทายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมาในช่วงหลายปีนี้ คือการออกแบบและพัฒนา “พื้นที่ที่เข้าถึงความต้องการของทุกคน” โดยเฉพาะการออกแบบคอนโดมิเนียมสำหรับคนเมืองที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์อย่างรอบด้าน ทั้งการเดินทางที่สะดวก ติดแนวรถไฟฟ้า มีพื้นที่ส่วนกลาง และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมการไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงสเปซของคนแต่ละช่วงวัย รวมถึงการปรับเปลี่ยนสเปซเพื่อการอาศัยอยู่ร่วมกันของผู้คนได้อย่างสะดวกสบาย ดังนั้นแนวคิด “การออกแบบพื้นที่เพื่อทุกคน” หรือ Inclusive Living ในคอนโดมิเนียมแต่ละโครงการ จึงมีความซับซ้อนในการออกแบบมากกว่าการพัฒนาโครงการทั่วๆ ไป เนื่องจาก “ทุกคนล้วนมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน” ทั้งช่วงวัย ไลฟ์สไตล์ ความพิเศษทางกายภาพ หรือแม้แต่วัฒนธรรมที่หลากหลาย จึงเป็นโจทย์ที่สำคัญในการออกแบบเพื่อทุกคนที่อาศัยอยู่ร่วมกันได้รับความสะดวกสบายครบครันมากที่สุด   และเมื่อการร่วมมือกันพัฒนาที่อยู่อาศัยของ AP Thailand กับ Mitsubishi Estate จากประเทศญี่ปุ่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่การร่วมทุน แต่หมายรวมไปถึงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี นวัตกรรมร่วมกันชนิดที่มีทีมงานจากญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมานั่งทำงานประจำร่วมกับ AP ที่สำนักงานใหญ่ เราจึงมีโอกาสได้เห็นการออกแบบพื้นที่ในโครงการต่างๆ ที่ JV (Joint Venture) ร่วมกันต่างไปอย่างมีนัยสำคัญ   แล้ว Inclusive Living ต่างกับ Universal Design อย่างไร? ต้องยอมรับว่าญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการใส่ใจในรายละเอียดมากๆ ยิ่งในเรื่องการออกแบบที่อยู่อาศัยด้วยแล้ว ยิ่งมีรายละเอียดที่เกินความคาดหมายไปมาก เราได้เห็นการออกแบบด้วยแนวคิด Inclusive Living ผ่านโครงการ The Parkhouse Nishi Shinjuku Tower 60 คอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ใจกลางโตเกียว ภายใต้การพัฒนาโดย Mitsubishi Estate ตัวโครงการโดดเด่นด้วยการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง (Facilities) เพื่อให้ทุกคนได้มีสภาพแวดล้อม การใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้โดยไม่เกิดอุปสรรคในการใช้ชีวิต ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยใด หรือมาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกันก็ตาม   เริ่มตั้งแต่การเลือกวัสดุปูพื้นชนิดพิเศษซึ่งกันลื่นได้อย่างดีแม้กรณีพื้นเปียก, ทางเดินแบบไร้สเตปตั้งแต่บริเวณ Drop Off พร้อมติดตั้ง Braille Block ตลอดทาง, ราวจับแบบ 2 ระดับ เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งเด็กและคนชรา พร้อมอักษรเบรลล์บริเวณมือจับเพื่อการสื่อสารให้ผู้พิการทางสายตาทราบได้ว่าเดินอยู่ในตำแหน่งไหนและกำลังนำทางไปสู่ที่ใด ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้ คุณอาจจะคุ้นชินหรือเคยเห็นมาบ้างแล้วในแนวคิด Universal Design ในขณะที่แนวคิดแบบ Inclusive Living มีรายละเอียดที่ลงลึกมากไปอีก อย่างเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะถูกมองข้ามหรือคิดไม่ถึง เช่น ระดับความสูงของปุ่มกดลิฟต์, ความหน่วงของการเปิดปิดประตูลิฟต์ สำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดในการใช้งานแบบปกติ, การติดตั้งกระจกด้านในลิฟต์เพิ่ม เพื่อให้ผู้ที่ใช้รถเข็นมองเห็นพื้นที่ด้านหลังก่อนออกจากลิฟต์, รูปแบบของสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เป็นสากล สามารถเข้าใจได้ง่ายแม้จะต่างชาติ ต่างภาษากัน รวมถึงตำแหน่งการติดตั้งสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อให้เห็นได้ชัดเจน     และรายละเอียดที่เหนือกว่าของแนวคิด Inclusive Living คือ การคิดออกแบบไปถึง “Bio Living” การคำนึงการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ภายในโครงการ ไม่ว่าจะเป็นพืชในสวน ความหลากหลายของพันธุ์พืชเพื่อเกื้อกูลกันในระบบนิเวศน์ รวมไปถึงการคิดคำนึงถึงคนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อาศัยอยู่รอบๆ โครงการที่จะได้รับประโยชน์จากการอาศัยอยู่ร่วมกันในชุมชนไปพร้อมๆ กันอีกด้วย     อีกหนึ่งในฟังก์ชันที่น่าสนใจภายในโครงการคือ การนำแนวคิด ENGAWA – Multi Generation Facility มาออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อมุ่งเน้นการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันของลูกบ้านที่อาศัยอยู่ภายในโครงการขนาดใหญ่ เพื่อให้พื้นที่ส่วนนี้ในการทำกิจกรรมร่วมกัน สามารถรองรับได้ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงคุณพ่อคุณแม่ และคนสูงวัย ได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันได้อย่างราบรื่น AP Thailand ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ ตลอดระยะเวลา 10 ปีแห่งความร่วมมือทางธุรกิจในการพัฒนาคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ผ่าน 24 โครงการที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ด้วยการนำหลากหลายแนวคิดจากพันธมิตรอย่าง Mitsubishi Estate มาพัฒนาโดยมุ่งเน้นถึง “การออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานของคนทุกกลุ่ม” โดยเฉพาะการดีไซน์พื้นที่สาธารณะ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงได้ง่ายอย่างเข้มข้นและจริงจัง เพื่อตอบโจทย์คุณภาพชีวิตในทุกมิติของการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง     ซึ่งเร็วๆ นี้ AP Thailand – Mitsubishi Estate พร้อมส่ง 2 โครงการ Masterpiece ร่วมทุนที่เป็นความภาคภูมิใจแห่งปี บนที่ดินแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ โดยมีไฮไลต์แรก “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” โครงการระดับเพรสทีจ-ลักซ์ บนทำเลใจกลางมหานคร จาก BTS ราชเทวี เพียง 150 เมตร พร้อมเผยโฉมห้องชุด  1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร PANORAMIC CITY VIEW ราคาเริ่มต้น 8.29 ล้านบาท และเตรียมเปิดโอนในวันที่ 26 - 27 สิงหาคมนี้   และอีกหนึ่งไฮไลต์คือ การเปิดแฟล็กชิปโครงการร่วมทุนใหม่ล่าสุด “RHYTHM เจริญนคร” บนที่ดินขนาด 4 ไร่ ตรงข้ามไอคอนสยาม เพียง 100 เมตรจากรถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีเจริญนคร ตอบโจทย์ลูกค้าไฮเอนด์ และเป็นต้นแบบ Super Condominium ที่รวมความเป็นที่สุดไว้ในหนึ่งเดียว โดยมีแผนเตรียมเปิดขายในเดือนพฤศจิกายนนี้   #APxMEC10YearOfPartnership #APFromStrengthToStrength #APThai #ชีวิตดีๆที่เลือกเองได้ #RHYTHMCharoennakhonIconic #TheAddressSiamRatchathewi #APThaiUpdate2023 บทความที่เกี่ยวข้อง เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัว “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี”  
[PR News] นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป พร้อมเปิดตัว “หลับดี” 3 แห่งในญี่ปุ่นและไทย

[PR News] นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป พร้อมเปิดตัว “หลับดี” 3 แห่งในญี่ปุ่นและไทย

นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เตรียมเปิด 3 ที่พักใหม่ “หลับดี” ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เกาะเต่าและย่านไชน่าทาวน์ (สามยอด) ใจกลางกรุงเทพฯ ประเทศไทย   นายนที นิธิวาสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยว่า นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ผู้พัฒนาและประกอบธุรกิจที่พักแบรนด์หลับดีและโรงแรมเครือมาราสก้า ประกาศความพร้อมเปิดตัวที่พักแบรนด์หลับดี (Lub d) เพิ่มอีก 3 แห่งในปี 2566 และ 2567 ได้แก่ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ หลับดี เกาะเต่าและหลับดี ไชน่าทาวน์  กรุงเทพฯ โดยทั้ง 3 แห่งได้ออกแบบให้มีเอกลักษณ์ รวมถึงประสบการณ์การต้อนรับอันโดดเด่นของแบรนด์หลับดี ถือเป็นที่พักแนวไลฟ์สไตล์ ดีไซน์ทันสมัย เพื่อนักเดินทางรุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายชัดเจน และเน้นความคุ้มค่า การเปิดตัวที่พักแบรนด์หลับดีเพิ่มเติมอีก 3 แห่งถือเป็นการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ เสริมสร้างและสะท้อนความแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทที่กำลังขยายสาขาในเอเชีย หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินธุรกิจโรงแรมและบริการในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ โรงแรมหลับดีได้ขยายกิจการไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้งในไทยและประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันโรงแรมหลับดีได้เปิดให้บริการแล้วถึง 5 แห่ง ได้แก่ หลับดีในไทย 3 แห่ง เสียมราฐ กัมพูชา 1 แห่ง และกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ อีก 1 แห่ง   สำหรับในปีนี้ หลับดีมีแผนเปิดให้บริการโรงแรมเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง คือ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ในช่วงเดือนกันยายน และนอกจากนี้ยังมีแผนเปิดให้บริการเพิ่มเติมในปี 2567 อีก 2 แห่ง คือ หลับดี เกาะเต่า  ในไตรมาสที่ 1 และหลับดี ไชน่าทาวน์  กรุงเทพฯ ในไตรมาสที่ 3   โดยหลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฮอนมาจิ เมืองโอซาก้า หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ถือเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ เนื่องจากเป็นการเปิดตัว หลับดีที่แรกในญี่ปุ่น แขกผู้เข้าพักจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศของเมืองที่มีสีสัน แถมยังเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ที่สำคัญที่พักแห่งนี้ยังมอบโอกาสให้นักเดินทางจากทั่วโลกมาพบปะทำความรู้จักกันท่ามกลางกลิ่นอายวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการต้อนรับอย่างอบอุ่นในรูปแบบเฉพาะตัวของหลับดี ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกสุดทันสมัยไว้คอยให้บริการ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ยังเต็มไปด้วยการตกแต่งที่ทันสมัยพร้อมด้วยผลงานศิลปะจากศิลปินท้องถิ่น ที่จะทำให้บรรยากาศไม่น่าเบื่อและสนุกสนาน พร้อมเปิดให้บริการ ในเดือนกันยายน 2566 ส่วนหลับดี เกาะเต่า ตั้งอยู่ที่อ่าวโตนด ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 20 แหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดของโลก มีหาดหน้าที่พักอันเงียบสงบ ทรายขาวละเอียดและน้ำใสสวยงาม เนื่องจากเกาะเต่าเป็นจุดหมายปลายทางในดวงใจของนักดำน้ำลึก หลับดี เกาะเต่า จึงเปิดโรงเรียนสอนดำน้ำไว้คอยให้บริการด้วยเช่นกัน ใครที่พร้อมออกผจญภัย ทริปดำน้ำอันแสนเร้าใจอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นที่พักในฝันของผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยอย่างแท้จริง โดยหลับดี เกาะเต่ามีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2567   ขณะที่หลับดี ไชน่าทาวน์ กรุงเทพฯ เตรียมจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสามยอด ที่รายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ เยาวราช ชุมชนชาวจีนที่เก่าแก่ วัดวาอาราม ถนนคนเดินริมคลองโอ่งอ่าง และย่านการค้าพาหุรัด ชุมชนชาวอินเดียอันมีเสน่ห์  ใครได้มาสัมผัสบรรยากาศจะได้รับประสบการณ์ดี ๆ ที่ไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน   ด้านนางสาวนิธิดา นิธิวาสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบรนด์หลับดี กล่าวว่า หลับดีกำลังเติบโตทั่วเอเชียเพราะเราปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทางรุ่นใหม่ซึ่งอยากให้ที่พักที่เป็นมากกว่าที่พัก   ที่พักของเราเป็นพื้นที่สำหรับการเข้าสังคมและทำกิจกรรมเพื่อสัมพันธภาพและประสบการณ์ที่มีความหมายของนักเดินทางหนุ่มสาว หลับดีเป็นเหมือนแหล่งเติมพลังสำหรับการเดินทางสำรวจที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของนักเดินทางเหล่านี้   นางสาวนิธิดา อธิบายด้วยว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นในปี 2551 หลับดีตั้งเป้าที่จะเปิดที่พักทั้งในเมืองและเกาะต่าง ๆ ทั่วเอเชียมาโดยตลอด เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่อยากได้ที่พักที่สะดวกสบาย ราคาจับต้องได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สำรวจสิ่งแปลกใหม่และของแท้ดั้งเดิมอย่างเต็มที่   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ประกาศรายได้การให้บริการ-โรงแรมโตรับท่องเที่ยวฟื้นตัว ชูดิจิทัล-กลยุทธ์บริหาร RevPar สู่เป้ากว่า 10,000 ล้าน -AWC จับมือ โนบุ ผุดโรงแรม Plaza Athenee สร้างแลนด์มาร์กในนิวยอร์ก-กรุงเทพฯ
เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัว “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” โปรเจ็กต์ร่วมทุน เพรสทีจ-ลักซ์ คอนโด กับ มิตซูบิชิ เอสเตท

เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัว “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” โปรเจ็กต์ร่วมทุน เพรสทีจ-ลักซ์ คอนโด กับ มิตซูบิชิ เอสเตท

เอพี ไทยแลนด์ พร้อมเผยโฉม THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี เพรสทีจ-ลักซ์ คอนโดมิหนึ่งเดียว ภายใต้การร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท ชูจุดเด่น เพียง 150 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี กับคอนเซ็ปต์ Create Your Own Etiquette - วิถีแห่งที่สุดของชีวิตสุนทรียะในแบบคุณ กับ 3 วิธีคิดในการออกแบบที่รังสรรค์จากความเข้าใจชีวิตเหนือระดับใจกลางเมือง   นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” เพรสทีจ-ลักซ์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ THE ADDRESS โครงการเดียวที่พัฒนา ภายใต้การร่วมทุนกับทางบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป)  มูลค่าโครงการ 8,600 ล้านบาท  อยู่ห่างเพียง 150 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี ถือเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ในพอร์ตสินค้าระดับเพรสทีจ–ลักซ์ที่บริษัทฯ ไม่ได้เปิดตัวมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งการเฟ้นหาที่ดินใจกลางเมือง ที่ตอบโจทย์ทั้งคุณค่าและมูลค่าถือเป็นคีย์สำคัญในการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์ THE ADDRESS โดยโครงการ THE ADDRESS สยาม–ราชเทวี พัฒนาขึ้นจากความเข้าใจถึงการใช้ชีวิตคุณภาพทุกองค์ประกอบ พร้อมส่งมอบการพักอาศัยที่สมบูรณ์ หนึ่งเดียวบนทำเลมากมูลค่า ในย่านสยามเชื่อมต่อราชเทวี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Create Your Own Etiquette - วิถีแห่งที่สุดของชีวิตสุนทรียะในแบบคุณ” กับ 3 วิธีคิดในการออกแบบที่รังสรรค์จากความเข้าใจชีวิตเหนือระดับใจกลางเมือง ได้แก่ 3 วิธีคิดปั้น “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” 1.SOPHISTICATION DESIGN ตั้งใจออกแบบตั้งแต่ภายนอก จนถึงพื้นที่ภายในทุกมิติ ด้วยการออกแบบพื้นที่ภายในห้องพักแบบพิเศษให้มีส่วน Cantilever ที่ยื่นออกมาเพื่อเปิดมุมมองได้กว้างกว่าเดิม รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 4 ไร่ สู่การรับวิวสวยของทัศนียภาพใจกลางทำเลราชเทวีได้ถึง 360 องศาจาก The Sky Facilities ชั้น 50 เพิ่มสุนทรียะแห่งการใช้ชีวิตในอาคารที่สูงที่สุดในราชเทวี ที่ให้ความรู้สึกที่พิเศษ 2.BEST QUALITY & FINEST MATERIALS วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในโครงการ ได้รับการเลือกเฟ้นจากผู้ผลิต และแหล่งที่ดีที่สุดจากทั่วโลก สะท้อนความประณีตในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น หินอ่อน Palissandro Bluette และ หินอ่อน Venice Grey ที่มีลวดลายสวยงามหรูหรา เพิ่มความพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ในพื้นที่ส่วนกลางแต่ละแห่ง  รวมถึงหิน Limestone  หินสีขาวที่มีความพิเศษ โดยนำมากรุส่วน Façade ด้านหน้าของตึก   นอกจากนี้ ยังมีหินอ่อน Statuario (สตาตูอาริโอ้) เนื้อหินสีขาวแทรกด้วยเส้นแร่หนาบางสีเทาอ่อน ซึ่งเป็นหินที่โปรดปรานของเหล่าประติมากร ที่ถูกนำมาต่อเป็นลวดลายบุ๊คแมกซ์ขนาดใหญ่ในส่วนของ The Grande Chamber ล็อบบี้ต้อนรับ การเลือกใช้ผ้าบุจากแบรนด์ระดับโลก Hermès Furnishing Fabrics and Wallpapers สะท้อนความลักชัวรีที่มีเอกลักษณ์ นำมาใช้ในงานตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางในส่วน The Sky Chamber อาทิ ชุดเฟอร์นิเจอร์ Signature Arm Chair และผนังหลักของห้อง ที่พร้อมเติมเต็มไลฟ์สไตล์ที่หรูหราเฉพาะตัวของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างชัดเจน 3.PRECIOUS LOCATION ตั้งอยู่ในโลเคชันมากคุณค่าและมูลค่าใจกลางเมือง บนตำแหน่งที่ดินที่ดีที่สุดในย่านสยามเชื่อมต่อราชเทวี เพียง 150 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี และไม่ไกลจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีพญาไท ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจสำคัญ ใจกลางย่านชอปปิง ไลฟ์สไตล์ และศูนย์กลางย่านสถานศึกษา โดยโครงการพร้อมเปิดให้ชมทุกพื้นที่อย่างเป็นทางการในวันที่ 26 - 27 สิงหาคมนี้  ดีไซน์เพื่อชีวิตระดับเพรสทีจ - ลักซ์ ลงทะเบียนนัดหมายล่วงหน้า รับส่วนลดสูงสุด 1,000,000 บาท 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร พร้อมพาโนรามิควิว ราคาเริ่มต้น 8.29 ล้านบาท   สำหรับข้อมูลโครงการ THE ADDRESS สยาม–ราชเทวี ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3-1-55 ไร่  มูลค่าโครงการ 8,600 ล้านบาท ที่พักอาศัยสูง 50 ชั้น จำนวนเรสซิเดนส์ทั้งสิ้น 880 ยูนิต ประกอบด้วยห้องทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ 1.ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 31 - 35 ตารางเมตร 2.ห้องชุด 1 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาด 50 ตารางเมตร 3.ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาด 51.5 - 69.5 ตารางเมตร 4.ห้องชุด 2 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาด 65 ตารางเมตร 5.ห้องชุด 3 ห้องนอน ขนาด 86 ตารางเมตร   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เอพี ไทยแลนด์ มิตซูบิชิ เอสเตท 10 ปีกับผลงานชิ้นโบว์แดง 24 โครงการร่วมทุน มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท
เสนา นำร่องแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เปิดตัว “เสนา เวล่า สุขุมวิท – บางปู”

เสนา นำร่องแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เปิดตัว “เสนา เวล่า สุขุมวิท – บางปู”

เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ชูแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เตรียมส่ง “เสนา เวล่า สุขุมวิท - บางปู” ทาวน์โฮม ฟังก์ชันใหม่ ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ช่วยประหยัดค่าไฟสูงสุด 25 ปี พร้อมแนวคิด geo fit+ จากญี่ปุ่นที่นำมาปรับใช้ให้เหมาะกับการอยู่อาศัยของคนไทย และนวัตกรรมประหยัดพลังงาน มุ่งสู่การสร้างบ้านพลังงานเป็นศูนย์ ลดค่าไฟ ลดคาร์บอน     ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวคิดบ้านพลังงานเป็น 0 รายแรกของประเทศไทย เปิดเผยว่า เสนามุ่งมั่นในการนำพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวคิด “The Essential Lifelong Trusted Partner” เพื่อสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีให้ลูกค้าในทุกช่วงชีวิต ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ส่วนหนึ่งของแนวคิดนี้สะท้อนผ่านการเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง ที่จะมุ่งสู่การสร้างสังคมแบบ Decarbonized Lifestyle   โดยในส่วนโครงการแนบราบ เสนาพัฒนาบนแนวคิด “บ้านพลังงานเป็น 0” ที่คิดละเอียดและใส่ใจทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง และสุขภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงการติดตั้งโซลาร์รูฟ เพื่อผลิตพลังงานสะอาดใช้เอง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมามีงานวิจัยร่วมกับ Chula Unisearch เพื่อทำการศึกษาทดลองบ้านพลังงานเป็น 0 ที่เหมาะสำหรับประเทศไทย และผลการวิจัยพบว่าบ้านขนาดใหญ่ของเสนา สามารถลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 38% ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการ “เสนา เวล่า สุขุมวิท - บางปู” พัฒนาบนแนวคิด “บ้านพลังงานเป็น 0” พร้อมนำแนวคิด “SMART CITY” ไม่ว่าจะเป็น Smart Energy, Smart Mobility, Smart Living ,Smart Environment เป็นต้น มาปรับใช้ในโครงการเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ง่าย ๆ ผ่านการอยู่อาศัยภายในบ้าน   โครงการประกอบด้วย ทาวน์โฮมอิสระ 2 ชั้น และบ้านแฝด 2 ชั้น จำนวน 170 ยูนิต แบ่งเป็น ทาวน์โฮมอิสระ จำนวน 156 ยูนิต ที่ดินเริ่มต้น 27 ตร.วา 4 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และบ้านแฝด จำนวน 14 ยูนิต ที่ดินเริ่มต้น 36 ตร.วา 4 ห้องนอน 1 ห้องครัว 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้กว้างเทียบเท่าบ้านเดี่ยว และมีพื้นที่สีเขียว  พร้อมด้วยนวัตกรรมโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ช่วยประหยัดค่าไฟสูงสุดตลอดอายุการใช้งาน 25 ปี พื้นที่ส่วนกลาง สระว่ายน้ำระบบเกลือ คลับเฮ้าส์บริเวณกลางโครงการ ฟิสเนต สวนย่อมส่วนกลาง ระบบกล้อง CCTV พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้นที่ 4.59 ล้านบาท   นอกจากนี้ โครงการยังถูก​ออกแบบด้วยแนวคิด geo fit+ (จีโอฟิต พลัส) จากพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น เน้นการออกแบบและตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัย 3 ด้าน ได้แก่ geo fit+ itsumo เปลี่ยนช่วงเวลาธรรมดาให้แสนพิเศษ geo fit+ tsunagu การสร้างความยั่งยืนในอนาคต และ geo fit+ mamoru ใส่ใจคนที่คุณรักในทุกมิติของการใช้ชีวิต ที่มุ่งเน้นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด #ที่เยอะจะทำอะไรก็ได้ ใส่ใจต่อผู้อยู่อาศัย สะท้อนความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัย เพื่อนำมาปรับปรุง ออกแบบพัฒนาในทุกมิติ รองรับครอบครัวใหญ่ ครอบครัวขยาย ด้วยราคาที่คุ้มค่า โครงการตั้งอยู่บนทำเล ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เดินทางสะดวก มีรถสาธารณะผ่าน ติดถนนสุขุมวิท-บางปู อยู่ใกล้แหล่งชุมชนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกสบาย และความปลอดภัยให้กับคุณและทุกคนในครอบครัว ซึ่งบริษัทได้เตรียมจัดงานพรีเซลล์ครั้งแรก วันที่ 26 – 27 กรกฎาคม 2566  นี้   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เสนาฯ เปิดโมเดล​ บ้านพลังงานเป็นศูนย์ เดินหน้าสู่บริษัท ด้านความยั่งยืน
Flexi Mega Space Bangna คอนโดของคนรักษ์โลก ในแบบ Low Carbon

Flexi Mega Space Bangna คอนโดของคนรักษ์โลก ในแบบ Low Carbon

Flexi โดย บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ไลฟ์สไตล์คอนโดเพื่อคนรุ่นใหม่ (GEN Z) โดยเริ่มเปิดตัวโครงการใหม่ที่โลเคชั่นบางนา  Flexi Mega Space Bangna เคาะราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านภายใต้ 4 แนวคิด 1.FLEXIBLE FUCTION  ฟังก์ชันห้องและพื้นที่ส่วนกลางที่ ‘ปรับเปลี่ยน’ ได้ ตอบสนองทุกความต้องการ ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิต ไปสนุกกับชีวิตให้เต็มที่ ทั้งการทำงานที่เรารักและปาร์ตี้สนุกกับเพื่อนหลังเลิกงาน   2.FLEXIBLE FACILITIES ส่วนกลางดีไซน์สวย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ครบทุกความต้องการ ทั้ง Co-Living, Co-Working Space, Meeting Room, Fitness, Lounge Area สำหรับพักผ่อนหรือปาร์ตี้กับเพื่อน ทำให้ #ไปมุมไหนๆ ก็น่าเก็บมาอวดในโซเชียล 3.FLEXIBLE LIVING ปลดล็อกการใช้ชีวิตด้วยห้องแต่งครบ Fully Furnished ทุกยูนิตของ Flexi ให้เฟอร์นิเจอร์มาตรฐานที่ตั้งใจออกแบบรองรับทุกการใช้งาน ลดภาระทางการเงินให้ผู้อยู่อาศัยพร้อมข้อเสนอทางการเงินที่ดี ทำให้ ไปถึงสิ้นเดือนสบายๆ ไม่ต้องอด   4.FLEXIBLE SUSTAINABILITY เพื่อให้ลูกบ้านของเสนามีคุณภาพชีวิตที่ดีและใช้ชีวิตแบบลดคาร์บอนพร้อมรักษ์โลกได้ง่ายๆ ด้วยนวัตกรรม Smart Tech ภายใต้การพัฒนาอย่างยั่งยืน จากแนวคิด Smart City อย่างเช่น Solar Rooftop การนำพลังงานสะอาดมาใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางให้กับลูกบ้าน Smart Mobility อย่าง V Move เพื่อการเดินทางแบบไร้รอยต่อ ด้วย Shuttle Bus ไปส่งลูกบ้านที่จุดขนส่งสาธารณะ BTS, MRT รวมถึงจัดพื้นที่สำหรับ Ev Charger Station ในพื้นที่จอดรถทำให้คุณ Flexi Mega Space Bangna คอนโดสไตล์ Modern Japandi  โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการ 3-1-72.80 ไร่  พัฒนาเป็นคอนโด High-Rise สูง 32 ชั้น จำนวน 1 อาคาร จำนวนห้องชุดพักอาศัยทั้งหมด 807 ยูนิต จุดเด่นที่ฟังก์ชันเพดานสูง 2.9 ม. มีห้องพักให้เลือกมากมายแบบหลักๆ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 1 Bedroom Exclusive และ 2 Bedrooms ขนาดเริ่มต้น 22.50-50 ตร.ม. ตกแต่งครบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท   โครงการอยู่ติดถนน ถนนบางนา-ตราด การเดินทาง 2.1 กิโลเมตรถึง รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และ 7 กิโลเมตร ถึงแยกบางนา รถไฟฟ้าสายสีเขียว (เคหะ-คูคต) ที่จะตรงเข้าเมืองได้อย่างรวดเร็ว ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกรอบ  บางนาแหล่งที่อยู่อาศัยระดับไฮเอ็น  เป็นแหล่งใกล้สถานศึกษาโรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาลชั้นนำ และ ออฟฟิศบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ   ภายในโครงการ มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าโครงการ เปรี่ยบเหมือนกำแพงขนาดใหญ่ที่กัน มลพิษ ฝุ่นควัน จากถนนใหญ่ไม่ให้เข้าสู่โครงการLobby จะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volumeสำหรับพื้นที่ส่วนกลางหลักๆจะประกอบด้วย สระว่ายน้ำ / Fitness / Yoga / Co-Working Space และ Multi-Purpose Room  ที่จอดรถคิดจำนวน 45% แบบรวมจอดซ้อนคัน โครงมีรถไฟฟ้า Shuttle Service คอยบริการรับ-ส่งให้ฟรีด้วยครับ Flexi Mega Space Bangna คอนโดแห่งที่ 2 บนผืนที่ดินขนาดใหญ่ติดถนนใหญ่บางนา-ตราด อีกหนึ่งโครงการของทางเสนาที่เปิดตัวในปีนี้ เป็นคอนโด High Rise ที่จุด ฝ้าสูงโปร่ง 2.9 เมตร ประหยัดพลังงาน สะอาด Low Carbon  แต่งเฟอร์ฯครบพร้อมอยู่ สนใจเปิดให้ชมห้องตัวอย่างแล้ว   บทความน่าสนใจ Nue Mega+ Bangna คอนโดแนวคิดใหม่ ชีวิตติดห้างดีกว่าที่เคย!! Niche Mono Mega Space Bangna คอนโดสูงพร้อมอยู่แห่งแรก ยืนหนึ่งบนถนนบางนา-ตราด Mulberry Grove The Forestias Villas บ้านคลัสเตอร์ แนวคิดใหม่เพื่อความสุขที่เพิ่มขึ้นของทุกเจเนอเรชั่นในครอบครัว  
เพอร์เฟค สรุปผลงานครึ่งปีแรกปรับตัวดีทุกพอร์ต ลุยเปิด 9 โครงการใหม่ ดันรายปีกลุ่มบริษัท​ 13,000 ล้าน​   

เพอร์เฟค สรุปผลงานครึ่งปีแรกปรับตัวดีทุกพอร์ต ลุยเปิด 9 โครงการใหม่ ดันรายปีกลุ่มบริษัท​ 13,000 ล้าน​  

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค สรุปผลงานครึ่งปีแรก ปรับตัวดีขึ้นทุกพอร์ต รายได้เติบโต 17.2% กำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 35.7% ครึ่งปีหลังแนวโน้มเติบโตกว่าครึ่งปีแรก ลุยเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 13,250 ล้านบาท หนุนรายได้รวมทั้งปีให้อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท ด้านธุรกิจโรงแรมยอดจองคึกคักจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพ ช่วง 6 เดือนแรกมีอัตราเข้าพักสูง 70%   นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในครึ่งปี 2566 ปรับตัวดีขึ้น มีการฟื้นตัวในทุกหมวดธุรกิจ ส่งผลให้ครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 4,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  โดยเป็นผลจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโต 0.3% ธุรกิจโรงแรมซึ่งเติบโต 125.2%  จากธุรกิจให้เช่าและบริการอีก 56.0% ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้น ปรับตัวแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 35.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 25.5% โดยครึ่งปีแรกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีกำไรขั้นต้น 33.3% เทียบกับปีก่อนที่ 29.4%  ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวอย่างชัดเจนที่ระดับ 48.2% เทียบกับครึ่งปีแรกของปีก่อนที่ 6.3% และธุรกิจให้เช่าและบริการ ทำได้ 9.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ติดลบ 1.1% อีกทั้งยังมีส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนเข้ามาอย่างมีนัยยะ เป็นจำนวน 116 ล้านบาท เป็นบวกเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2565 ที่มีผลขาดทุนที่ 42 ล้านบาท   สำหรับรายได้จากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 13,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 9,600 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม 2,850 ล้านบาท และธุรกิจเช่าและบริการ 550 ล้านบาท นอกจากนี้ยังจะมีรายได้จากโครงการร่วมทุนอีก 5,000 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังมีความพร้อมในการเปิดโครงการใหม่ได้อย่างเต็มที่ โดยจะเดินหน้าเปิด 9 โครงการ มูลค่ารวม 13,250 ล้านบาท ซึ่งยังคงเน้นตลาดแนวราบและกระจายในทุกเซกเม้นต์ ขณะเดียวกัน ยังเน้นทำการตลาดสินค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่ที่อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ ซึ่งบริษัทมีโครงการบ้านหรู 6 โครงการในแบรนด์ “เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ” และ “เลค เลเจนด์” ที่สามารถรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งมีดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน  พร้อมกันนี้ยังมีการพัฒนาแบบบ้านรุ่นใหม่ในโครงการเดิม รวมทั้งมีแผนการตลาดและส่งเสริมการขายอย่างเข้มข้น   สำหรับธุรกิจโรงแรมของกลุ่มบริษัทมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพ ซึ่งมีอัตราเข้าพักเพิ่มสูงขึ้น โดย 6 เดือนแรกของปีนี้อัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 70% เทียบกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 35% ขณะที่โรงแรมในต่างจังหวัดยังคงได้รับความนิยมจากคนไทยที่ท่องเที่ยวในประเทศ โดยอัตราเข้าพักเฉลี่ย 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 50% อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมทั้งปีนี้ จะมากกว่าปีก่อนถึง 57% โดยเป็นผลพวงมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งของโครงการใหม่ ที่กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในครึ่งปีหลัง     อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เพอร์เฟคลุยพัฒนา 6 โครงการบ้านหรู จับตลาดใกล้โรงเรียนนานาชาติ
[PR News] กลุ่มบริษัทรีโว่ เปิด “ไอเจ้นท์ พระราม 9” พรีเมียมทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น

[PR News] กลุ่มบริษัทรีโว่ เปิด “ไอเจ้นท์ พระราม 9” พรีเมียมทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น

กลุ่มบริษัทรีโว่ เปิด “ไอเจ้นท์ พระราม 9” พรีเมียมทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น  เริ่ม 4.99 ล้าน ต่อยอดความสำเร็จ โครงการ ไอเจ้นท์ พรีเมี่ยมทาวน์โฮม พัฒนาการ   นางสาวสุทธิสินี อยู่สวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีโว ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กลุ่มบริษัท รีโว  ที่ร่วมทุนระหว่าง รีโวกรุ๊ป, บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB และ เค.อาร์.ซี. เอ็นจิเนียริ่ง เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จอย่างดี จากการพัฒนาโครงการ ไอเจ้นท์ พรีเมี่ยมทาวน์โฮม พัฒนาการ จึงได้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ “ไอเจ้นท์ พรีเมียมทาวน์โฮม พระราม 9” ทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น จำนวน 72 ยูนิต เรามีนโยบายที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด จึงมีความมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยให้ความสำคัญในเรื่องของนวัตกรรม และสิ่งแวดล้อมของที่อยู่อาศัยสำหรับชีวิตเมืองในปัจจุบัน นอกจากนี้ จากความต้องการของตลาดบ้านแนวราบ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง เป็นกลุ่มลูกค้าในตลาดระดับกลางถึงระดับบนที่มีกำลังซื้อ ประกอบกับพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปหลังเกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อาทิ การทำงานที่บ้าน (Work from home) ทำให้มีความต้องการบ้านแนวราบมากกว่า บริษัทจึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ เพราะมีพื้นที่ใช้สอยที่มา และมีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต   สำหรับโครงการ ไอเจ้นท์ พรีเมียมทาวน์โฮม พระราม 9  พรีเมียมทาวน์โฮม 3 ชั้น โครงการใหม่ บนทำเลใหม่ ย่านพระรามเก้า กับแบบบ้านที่ขายดีที่สุดเพียง 72 หลัง โดยมีจุดเด่นห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ 3 ห้อง พร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง และห้องอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย ด้วยฟังก์ชันและดีไซน์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี มีความเป็นส่วนทุกพื้นที่ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ส่วนกลางที่ออกแบบในสไตล์ Mid Century ที่มีทั้งคลับเฮ้าส์, ลานนวดเท้าเพื่อสุขภาพ, ฟิตเนส, Co-Working Hall พร้อม Library Room และพื้นที่สีเขียว รองรับกิจกรรมการอยู่อาศัย นอกจากนี้ ทางโครงการยังมีระบบ Smart Life Security สร้างความอุ่นใจด้วยระบบแจ้งเตือน Triple Active Alert เพื่อความสุขและอุ่นใจของทุกคนในครอบครัว โครงการตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ใกล้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์สถานีบ้านทับช้าง ใกล้รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองสถานีหัวหมาก อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อถนนหลักได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนอ่อนนุช ถนนพัฒนาการ ถนนมอเตอร์เวย์ เชื่อมเข้าถนนพระราม 9 และทางด่วนศรีรัช   โครงการ​ไอเจ้นท์ พระราม 9 พร้อมเปิดจองทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น รอบพิเศษสำหรับคนพิเศษ VIPday วันที่ 19-20 สิงหาคมนี้  ด้วยบ้านโซนพิเศษในราคาเริ่มต้นที่ 4.99 ล้านบาท จองวันนี้ กู้ 100% พร้อมรับโปรโมชั่นฟรี เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน เครื่องปรับอากาศ  Smart Home Gadget ค่าใช้จ่าย ณ วันโอน และพิเศษยิ่งขึ้น เมื่อลงทะเบียนออนไลน์รับส่วนลด 50,000 บาท อีกด้วย ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์พร้อมส่วนลดพิเศษได้ที่ https://www.eigen-rama9.com/ (เงื่อนไขต่าง ๆ เป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -พรีบิลท์ ปั้นแบรนด์ “พรรณนา” ลุยตลาดบ้านลักชัวรี่ราคา 15 ล้านอัพ !!
Nue Mega+ Bangna คอนโดแนวคิดใหม่ ชีวิตติดห้างดีกว่าที่เคย!!

Nue Mega+ Bangna คอนโดแนวคิดใหม่ ชีวิตติดห้างดีกว่าที่เคย!!

Nue Mega+ Bangna คอนโดแนวคิดใหม่ ชีวิตติดห้างดีกว่าที่เคย !! ไม่ต้องอาศัยอยู่ในย่าน CBD ใจกลางเมือง แต่เรายังสามารถเลือกชีวิตติดสบาย ตอบโจทย์ความสุข สนุกในทุกวันได้ด้วยตัวเอง อย่างโครงการ “Nue Mega Plus Bangna” (นิว เมกา พลัส บางนา) คอนโดติดห้างที่แค่ก้าวก็ถึงห้าง “เมกาบางนา” ได้ทันที   จริงอยู่ที่ทำเลในย่านบางนาช่วงนี้เป็นที่น่าจับตา และมีดีเวลอปเปอร์หลายรายผุดโครงการใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ หลายระดับราคาให้เลือก แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจัยในการหาที่อยู่ใหม่ซักแห่ง มีความต้องการที่แตกต่างกันตามข้อจำกัดและเงื่อนไขให้ต้องตัดสินใจมากมาย เราเลยจะพาทุกคนไปดูกันว่า ถ้าเราเลือกใช้ชีวิตในคอนโดติดห้างอย่าง Nue Mega Plus Bangna จะดีกว่าอย่างไรบ้าง?   + ทำเลที่ได้เปรียบ ถ้าใครเคยมองหาคอนโดในย่านบางนาจะพอเห็นภาพว่า ในละแวกที่ใกล้เคียงกันยังมีคอนโดมิเนียมอื่นให้เลือกอีก 2-3 โครงการ แค่บอกว่าอยู่ติดกับ “เมกาบางนา” ก็มีทั้ง A Space Maga 1, 2 และ NOWW Mega ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของเมกาบางนาเป็นตัวเทียบที่ไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้ ด้วยการชูจุดเด่นที่เป็นคอนโดติดห้างเหมือนกันแต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว เพราะการที่โครงการ Nue Mega Plus Bangna ปักหมุดริมถนนใหญ่ ถนนสายหลักอย่างถนนบางนา-ตราด (ขาเข้า) ย่อมได้เปรียบกว่าในเรื่องของการเดินทาง อย่างแรกคือ ไม่ต้องเข้าซอย ถ้าเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน แค่ลงรถก็เดินเข้าโครงการได้เลย ไม่ต้องต่อรถ หรือเดินต่อเข้าไปถึงที่พักในซอย (หรือผ่านห้างเมกาบางนา) ซึ่งนับว่าไกลพอสมควร และยังอาจจะมีเรื่องของความปลอดภัยระหว่างเดินทางเข้ามาเป็นอีกปัจจัย หากเรามีเหตุจำเป็นต้องกลับบ้านดึกบ่อยครั้ง การที่มีจุดขึ้น-ลงรถใกล้ๆ ทางเข้าโครงการเลยยังไงก็ย่อมดีกว่า     แล้วถ้าดูตามแผนโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (LRT – Light Rail Transit) หรือ รถไฟฟ้าสายสีเงิน ตำแหน่งของสถานีก็น่าอยู่ไม่ไกลจากบริเวณด้านหน้าโครงการ Nue Mega Plus Bangna อีกด้วย (ตามแผนสถานีจะอยู่ค่อนไปทางด้านหน้าเมกาบางนา) ดังนั้นเรื่องการเดินทางจึงได้เปรียบกว่าอีก 2 โครงการที่อยู่ด้านในแน่นอน   ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ก็มีความสะดวกไม่แพ้กัน ด้วยทำเลที่ตั้งที่ติดกับถนนบางนา-ตราด ใกล้ทางขึ้นลงด่านบางแก้ว ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) ซึ่งเชื่อมต่อไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพมหานครได้ไม่ยาก รวมถึงการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองผ่านเส้นทางวงแหวน และเชื่อมต่อกับสะพานภูมิพล 2 ก็ช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางเข้าสู่ถนนพระราม 3 ได้ไม่น้อยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาตัดถนนใหม่เป็นถนนสี่เลนจากศรีนครินทร์มาที่เมกาบางนา ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางในอนาคตให้มีเส้นทางให้เลือกใช้ได้มากขึ้นไปอีกเช่นกัน   + ติดเมกาบางนา มีครบ.. ง่ายแค่ก้าว ข้อดีของคอนโดติดห้างขนาดใหญ่ คือการได้อยู่ใกล้กับร้านอาหารมากมาย แหล่งช้อปปิ้ง มีครบทุกสิ่งที่ต้องการ เพียบพร้อมทั้งเรื่อง กิน ดื่ม เที่ยว เล่น เรียกได้ว่าแค่คุณก้าวเท้าออกจากคอนโดก็ถึงแล้ว หรือจะเลือกใช้เป็นจุดแวะกินข้าว จับจ่ายของใช้ก่อนกลับเขาบ้านก็นับว่าสะดวกอีกเช่นกัน คงไม่มีอะไรสะดวกมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว     ในบริเวณพื้นที่ของเมกาบางนา มีห้างใหญ่ๆ ที่หลายคนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ทั้งเซ็นทรัล, บิ๊กซี, โฮมโปร และ อิเกีย รวมถึงร้านอาหารชั้นนำที่น่าจะมีครบทุกแบรนด์ ทุกสไตล์เทียบกับห้างใจกลางเมืองได้เลยทีเดียว ดังนั้นตัวห้างเมกาบางนาจึงนับเป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งขนาดใหญ่ของคนที่พักอาศัยในย่านนี้ นอกจากการเป็นแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่แล้ว ในบริเวณเดียวกันยังมีกิจกรรมที่หลากหลายสำหรับทุกคนในครอบครัวให้เลือกทำ เช่น โรงหนัง, ฮาเบอร์แลนด์, Top Golf และ เมกา พาร์ค ซึ่งนับเป็นพื้นที่สันทนาการกลางแจ้งอีกจุด ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ หรือไว้เปลี่ยนบรรยากาศออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งนอกโครงการได้บ้าง โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปไกลๆ     ขณะเดียวกัน ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่อยู่ในย่านใกล้เคียงกับโครงการ Nue Mega Plus Bangna ก็พร้อมสำหรับทุกการอยู่อาศัยเช่นกัน ทั้งโรงพยาบาล, มหาวิทยาลัย, โรงเรียนนานาชาติ, โรงเรียนรัฐและเอกชน, สนามบินสุวรรณภูมิ, สนามกอล์ฟ ฯลฯ รวมทั้งแหล่งงานอีกมากมายทั้งบริษัทเอกชน, นิคมอุตสาหกรรม พร้อมรองรับตลาดงานที่หลากหลาย     + โครงการใหม่ Facility ครบตอบโจทย์ได้มากกว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่า Facility ในโครงการ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หลายคนใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อคอนโด เพราะราคาที่จ่ายจะต้องแลกมาด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่คุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้มากที่สุด ทีนี้เรามาดูกันว่าโครงการ Nue Mega Plus Bangna จัดเตรียม Facility ส่วนกลางอะไรไว้เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของลูกบ้านบ้าง?   เทียบกับโครงการอื่นที่สร้างเสร็จไปก่อนหน้าอย่าง A Space 1 กับคอนโดมิเนียมที่สร้างทีหลังอย่าง Nue Mega Plus Bangna ย่อมได้เปรียบกว่าในเรื่องของ Facility ที่ทันสมัยและตอบโจทย์วิถีชีวิตในปัจจุบันได้ดีกว่า เช่นการออกแบบให้มีพื้นที่ Grab & Go Station with UV Sterilizer ซึ่งออกแบบมาด้วยความเข้าใจวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ ที่นิยมสั่งอาหาร เครื่องดื่ม ทางออนไลน์บ่อยๆ ทางโครงการจึงจัดพื้นที่รับส่งอาหารให้แยกออกมาอย่างเป็นสัดส่วนเรียบร้อย พร้อมป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคด้วยการฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวี เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ลูกบ้านมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมี Smart Locker เพิ่มความสะดวกอีกขั้นในการรับพัสดุให้ลูกบ้านอีกด้วย         นอกจากนี้สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาในโครงการ ล้วนแต่ปรับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างทันยุคสมัยมากขึ้น เช่น จัดเตรียม EV Charging Station เพื่อรองรับการใช้รถไฟฟ้าที่จะเพิ่มมากขึ้น, Co-Creative Space & Tutoring Room พื้นที่สำหรับนั่งทำงานที่มากกว่าแค่พื้นที่ Co-Working Space ทั่วๆ ไป เพราะมีโซนที่จัดไว้เป็น Private Workstation เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการคุยงาน รวมถึง Facility มาตรฐานอื่นๆ แบบจัดเต็มถึง 5 ชั้น ตั้งแต่พื้นที่สีเขียวของสวนขนาดใหญ่บริเวณชั้น G, Breeze Court โซนพักผ่อน ชั้น 7, จนถึงสวนบน Rooftop และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น Sky Mega Gymnasium, Sky High Yoga, The Cloud Catertier Club, Sunset View Deck, Cinema Studio และอื่นๆ อีกมากมาย รวมกว่า 38 รายการ พร้อม Skyview Blu Lagoon สระว่ายน้ำขนาดใหญ่บนชั้น 38 หนึ่งเดียวในย่านนี้ แถม Facility ต่างๆ ยังออกแบบให้มีทั้งสไตล์ Passive และ Active พร้อมให้ความเป็นส่วนตัว โดนใจทั้งสาย Introvert และ Extrovert เพื่อให้ลูกบ้านทุกคนได้ใช้ชีวิตภายในโครงการได้อย่างเต็มที่     ในขณะเดียวกัน ถ้าไปลองเปรียบเทียบกับโครงการ NOWW Mega ที่กำลังอยู่ในระหว่างการขายและก่อสร้างเหมือนกัน ที่ถึงแม้จะชูจุดเด่นที่ค่าส่วนกลางค่อนข้างถูก แต่ก็ไม่มีสระว่ายน้ำ และค่าส่วนกลางที่แจ้งไว้อาจจะไม่ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายจริง เช่น ค่าจอดรถ รวมถึงค่าประกันอาคาร และค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ ซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่ายของลูกบ้านที่ต้องมีการเรียกเก็บเพิ่มเติม ปัจจัยในส่วนนี้จึงไม่ควรมองข้าม เนื่องจากหลายคนอาจจะลืมไปว่าหลังจากที่เราซื้อบ้านหรือคอนโดแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นรายจ่ายประจำที่เราควรใช้ในการคำนวณภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาวด้วยว่าคุ้มค่าหรือไม่   + ห้องแต่งครบ จบที่ 2.5 ล้านบาท* ขยับมาดูแบบห้องของ Nue Mega Plus Bangna กันบ้าง ซึ่งทางโครงการเป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 38 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ที่มียูนิตรวม 1,005 ยูนิต และมีแบบห้องให้เลือกด้วยกัน 5 แบบ ตั้งแต่Studio ขนาดเริ่มต้นประมาณ 21 ตร.ม. ไปจนถึง 2 Bedroom Plus ขนาดประมาณ 66 ตร.ม. โดยครั้งนี้เราจะยกห้องแบบ 1 Bedroom ขนาดประมาณ 26-30 ตร.ม. ขึ้นมาเทียบให้ดูว่ามีจุดเด่น หรือคุ้มค่ากว่าอย่างไร หากต้องนำมาข้อมูลต่างๆ มาใช้ในการตัดสินใจเปรียบเทียบ     โครงการมีห้อง Studio เป็นขนาดเริ่มต้น ที่น่าสนใจทั้งอยู่เองหรือจะลงทุนก็ดี แต่ถ้าหากเรามองว่าอาศัยเป็นบ้านหลักสำหรับ 1-2 คน ห้อง 1 Bedroomในราคา 2.5 ล้านบาท*  มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเป็นสัดส่วนที่ชัดเจน เป็นขนาดที่สามารถอยู่อาศัยได้จริงๆ แบบไม่อึดอัดจนเกินไป แต่ละคนยังพอมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง และอีกจุดเด่นที่ Nue Mega Plus Bangna ก็คือแบบห้องหน้ากว้าง ซึ่งจะให้บรรยากาศโดยรวมภายในห้องกว้างขวางกว่า และที่สำคัญ ห้องแบบ 1 Bedroom ยังมี Layout ให้เลือกทั้งแบบครัวเปิด หรือ ครัวปิดติดระเบียง ซึ่งมีข้อดีต่างกันตามรูปแบบไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านที่ไม่เหมือนกัน ไม่ได้จำกัด Layout ให้เลือกอยู่แค่แบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น   ห้องทั้งหมดของ Nue Mega Plus Bangna ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเครื่องปรับอากาศทุกห้อง เรียกได้ว่าตกแต่งครบพร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย มีเพียงแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่โครงการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ที่ซื้อหาเพิ่มเติมได้ตาม Lifestyle ส่วนอื่นๆ ที่เห็นในห้องตัวอย่าง เช่น โต๊ะ ตู้ เตียง ครัว ฯลฯ ทางโครงการออกแบบมาให้พร้อมกับห้องแล้ว ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่โครงการที่เลือกมาให้ ล้วนผ่านกระบวนการคิดการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ทั้งพื้นที่เก็บของ ตู้รองเท้า ที่วางกุญแจ เคาน์เตอร์ครัว พร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันที่ต่อระบบดูดควันออกไปนอกอาคาร เพื่อช่วยลดปัญหากลิ่นอาหารจากการทำครัวมาให้เสร็จสรรพ   ห้องตัวอย่างแบบ 1 Bedroom ที่มีให้ชมใน Sale Gallery จะมีด้วยกัน 2 ขนาด คือ ขนาดประมาณ 26 ตร.ม. และ 30 ตร.ม. ซึ่งมีทั้งแบบครัวเปิด หรือ ครัวปิดติดระเบียงให้ชม แต่ต่างกันที่ขนาดพื้นที่ใช้สอยในแต่ละส่วนนิดหน่อย ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.25 ตร.ม.   ในส่วนของ Spec ห้องที่เด่นในเรื่องของการออกแบบพื้นที่ใช้สอยแล้ว วัสดุต่างๆ ก็เลือกใช้ Spec ดีคุ้มค่าตัวห้อง ถึงแม้ราคาต่อตารางเมตรของ Nue Mega Plus Bangna จะมีค่าตัวสูงกว่าทั้งในแง่ของราคาเริ่มต้น หรือราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร แต่ก็คุ้มค่า เพราะแลกมาด้วยข้อดีหลายข้อที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ยิ่งถ้าเทียบกับห้องในขนาดที่ใกล้เคียงกัน (26-29 ตร.ม.) ด้วยแล้ว ในโครงการอื่นๆ อาจจะได้ห้องนอนที่กั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ หรือได้ห้องที่ตกแต่งแบบ Fully Fitted เท่านั้น   ถ้ามีโอกาสได้ไปดูห้องตัวอย่างที่ Sale Gallery ซึ่งทางโครงการตั้งใจตกแต่งให้ใกล้เคียงกับห้องจริงได้มากที่สุด (ยกเว้นของตกแต่งในห้อง) เราก็จะได้ลองสัมผัสวัสดุ สุขภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในห้อง ได้ลองจินตนาการถึงการใช้ชีวิตในห้องได้ชัดเจนขึ้น   ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.46 ตร.ม.   พอพูดถึงห้องที่ขายในรูปแบบแต่งครบพร้อมอยู่ บางคนอาจจะนึกถึง Niche Mono Mega Space Bangna  เพราะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว บนทำเลบางนา ซี่งอาจจะมีความใกล้เคียงกันในแง่ของขนาดห้อง การตกแต่งแบบ Fully Furnished แต่ก็ต้องยอมรับในข้อนึงว่า การปักหมุดที่ตั้งโครงการอยู่ติดห้างแบบ Nue Mega Plus Bangna ยังเป็นข้อได้เปรียบมากกว่าในเรื่องของความสะดวกสบาย และความอุดมสมบูรณ์ของการอยู่อาศัย   ตารางเปรียบเทียบข้อมูลของโครงการในย่านเดียวกัน   ในส่วนของการซื้อเพื่อการลงทุนปล่อยเช่านั้น หากมองว่าในย่านนี้มีการแข่งขันสูงในตลาดปล่อยเช่าเนื่องจากมีทางเลือกกระจายอยู่ในหลายโครงการ แต่ถ้าลองชั่งน้ำหนักด้วยข้อได้เปรียบต่างๆ ที่ Nue Mega Plus Bangna มี ก็น่าจะได้กลุ่มคนเช่าที่มีกำลังในการจ่ายที่สูงกว่าได้ไม่ยาก ด้วยห้องที่สร้างเสร็จทีหลัง โครงการใหม่กว่า ทันสมัยกว่า เดินทางสะดวกกว่า และถ้าในอนาคตรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (LRT – Light Rail Transit) สร้างเสร็จ ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาห้องมีมูลค่าสูงขึ้น และอาจจะทำกำไรส่วนต่าง (yield) ได้มากขึ้นทั้งจากการปล่อยเช่าหรือขายต่อก็ได้   พูดถึงจุดเด่น/ข้อดีมามากมายหลายข้อแล้ว จะบอกว่าโครงการ Nue Mega Plus Bangna ไม่มีข้อด้อย หรือจุดให้กังวลเลยก็คงจะเกินจริงไปบ้าง ต้องบอกกันตามตรงกว่า การที่ตัวโครงการตั้งอยู่ติดห้างเมกาบางนา คงหลีกเลี่ยงเรื่องการจราจรที่หนาแน่นบริเวณหน้าโครงการไม่ได้ แต่ถ้าเทียบกับความสะดวกสบายที่ได้รับ ก็ต้องบอกว่าคุ้มค่ามาก ซึ่งในอนาคตทำเลนี้อยู่บนแผนพัฒนารถไฟฟ้า หากรถไฟฟ้าเสร็จพร้อมใช้งาน ก็คงจะหมดข้อกังวลเรื่องรถติดไปได้มากเลยทีเดียว     สำหรับใครที่สนใจโครงการ Nue Mega Plus Bangna สามารถเข้าไปชมห้องตัวอย่างที่ Sale Gallery ติดเมกาบางนาได้แล้ว ซึ่งทางโครงการมีห้องตัวอย่างให้ชมด้วยกัน 4 แบบ สามารถเข้าไปลองสัมผัสบรรยากาศในห้องด้วยตัวเองก่อนได้ พร้อมรับข้อเสนอ ดาวน์ 0 บาท จองวันนี้ ไม่ต้องผ่อน รอโอนได้เลย ในราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท* สามารถลงทะเบียนรับโปรโมชั่นได้ที่ https://nobleurl.com/45n11qS    
บริทาเนีย ใช้กลยุทธ์การร่วมทุนพันธมิตร ปั้นโปรเจ็กต์ 5 จังหวัด กว่า 8,700 ล้าน

บริทาเนีย ใช้กลยุทธ์การร่วมทุนพันธมิตร ปั้นโปรเจ็กต์ 5 จังหวัด กว่า 8,700 ล้าน

บริทาเนีย เสริมแกร่งธุรกิจเดินหน้ากลยุทธ์ร่วมทุนพันธมิตร ทั้งด้านการเงินและเจ้าของที่ดิน  พัฒนาบ้านจัดสรร 10 โครงการ กระจายตัวใน 5 จังหวัด มูลค่ากว่า 8,700 ล้าน ในไตรมาส 2 ทำรายได้ 1,554 ล้าน พร้อมกำไรสุทธิ 348 ล้าน ขณะที่บอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.115 บาท  ส่วนครึ่งปีหลังโหมเปิด 16 โครงการใหม่ รวม 17,500 ล้าน  ช่วยหนุนยอดขาย-ยอดโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่อง   นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้แนวคิด “CRAFT a life you love” ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมาบริษัทได้เดินหน้าร่วมทุน (Joint Venture หรือ JV) กับพันธมิตรด้านการเงินการลงทุน (Financial Partner) และพันธมิตรเจ้าของที่ดิน (Landlord) เพื่อพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม จำนวน 10 โครงการ กระจายตัวใน 5 จังหวัด อาทิ นนทบุรี นครปฐม ชลบุรี นครราชสีมา และอุบลราชธานี คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 8,700 ล้านบาท ครึ่งปีแรกของปี 2566 เป็นช่วงเวลาที่เราให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานเพื่อการเติบโตสู่อนาคต การจับมือกับเหล่าพันธมิตรหลากหลายกลุ่มพัฒนาโครงการ จะเป็นบันไดก้าวสำคัญให้เรามีที่ดินแปลงศักยภาพเข้ามาอยู่ในพอร์ตฟอลิโออย่างรวดเร็ว พร้อมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่อย่างก้าวกระโดดในช่วงหลังจากนี้ สำหรับช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,554 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 348 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิ​ (Net Profit Margin หรือ NPM) อยู่ที่ราว 22% โดยโครงการสำคัญที่มีส่วนหนุนยอดโอนกรรมสิทธิ์ รายได้ และกำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าว ได้แก่ แกรนด์บริทาเนีย ราชพฤกษ์-พระราม 5 (Grand Britania Ratchaphruek-Rama 5) เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9 (Belgravia Exclusive Pool Villa Bangna-Rama 9) แกรนด์บริทาเนีย วงแหวน-รามอินทรา (Grand Britania Wongwaen Ramintra) แกรนด์บริทาเนีย พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา (Grand Britania Rama 9-Krungthep Kreetha) และบริทาเนีย บางนา-สุวรรณภูมิ (Britania Bangna-Suvarnabhumi) ขณะเดียวกัน สามารถปิดการขาย (Sold Out) โครงการบริทาเนีย คูคต สเตชั่น (Britania Khukhot Station) ได้ ซึ่งถือเป็นอีกเครื่องตอกย้ำการได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง จนสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว   นายสุรินทร์ กล่าวอีกว่า จากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญจ่ายปันผลสำหรับกำไรสะสมและผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย.66 ในอัตรา 0.115 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายเป็นเงินสดทั้งสิ้นไม่เกิน 98.1 ล้านบาท โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 สิงหาคม 2566 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่  25 สิงหาคม 2566 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 11 กันยายน 2566   สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 17,500 ล้านบาท กระจายตัวอยู่ใน 5 จังหวัด ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม 4 แบรนด์ แบ่งเป็น เบลกราเวีย (Belgravia) 2 โครงการ แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) 4 โครงการบริทาเนีย (Britania) 8 โครงการ และไบรตัน (Brighton) 2 โครงการ โดยถือเป็นการเปิดโครงการเพิ่มอย่างก้าวกระโดดในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่เปิดตัวเพียง 4 โครงการ   นอกจากนี้ เป็นเพราะช่วงครึ่งปีหลังถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และปัจจัยภายนอกด้านการเมืองและเศรษฐกิจน่าจะมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งผลผลักดันทั้งยอดขาย ยอดโอนกรรมสิทธิ์ และรายได้รวมของบริษัทให้สูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะนำร่องเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/2566 ก่อนจำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 5,900 ล้านบาท ได้แก่ แกรนด์บริทาเนีย วงแหวน – ประชาอุทิศ (Grand Britania Wongwaen-Parchauthit) แกรนด์บริทาเนีย ทวีวัฒนา (Grand Britania Thawi Watthana) บริทาเนีย บางนา-เทพารักษ์ (Britania Bangna Thepharak)   ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 2,260 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2566 นี้ เมื่อประกอบกับการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง และแผนการตลาด การจัดแคมเปญเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพิ่มเติม เชื่อว่าจะช่วยสร้างยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ใหม่ และรักษาระดับการเติบโตของบริษัทอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนได้ สำหรับ BRI เป็นผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้คอนเซปต์ CRAFT a life you love ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก พัฒนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านซีรีส์ใหม่ ทาวน์โฮม ครอบคลุมผู้บริโภคทุกเซ็กเมนท์ ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.เบลกราเวีย (Belgravia) บ้านเดี่ยวลักชัวรี ระดับราคา 20-50 ล้านบาท 2.แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับ High-End ราคา 8-20 ล้านบาท 3.บริทาเนีย (Britania) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับ Mid-end ราคา 4-8 ล้านบาท และ 4.ไบรตัน (Brighton) บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับเริ่มต้น (Entry) ราคา 2.5-4 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 พัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้น 34 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการสะสม 41,456 ล้านบาท   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -บริทาเนีย ผนึกเจ้าของ ม.เกษมบัณฑิต ปั้นโปรเจ็กต์ 34 ไร่ บนถนนร่มเกล้า -บริทาเนีย วางเป้า 3 ปี ติดTop 5 ตลาดบ้าน พร้อมลุยต่างจังหวัดจับคนระดับท็อป
แสนสิริ โชว์กำไรครึ่งปี 66 โตก้าวกระโดด 162%  ครึ่งปีหลัง เปิดโครงการใหม่ กว่า 56,700 ล้าน

แสนสิริ โชว์กำไรครึ่งปี 66 โตก้าวกระโดด 162% ครึ่งปีหลัง เปิดโครงการใหม่ กว่า 56,700 ล้าน

แสนสิริ ย้ำความแข็งแกร่งผู้นำอสังหาฯ โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก 66 ด้วยกำไรสุทธิ 3,203 ล้าน โตก้าวกระโดดถึง 162% ขณะที่กวาดรายได้รวมครึ่งปี 18,493 ล้านบาท โต 42% และรายได้รวมไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 9,988 ล้านบาท โต 27% เผยผลงานมาจากแนวราบเติบโตทุกเซกเมนต์ และคอนโดพร้อมอยู่ได้รับการตอบรับดีและ นับเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีของตลาดคอนโด รุกต่อครึ่งปีหลัง เปิด 39 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 56,700 ล้าน     นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลประกอบการรอบ 6 เดือน ปี 2566 แสนสิริมีกำไรสุทธิ 3,203 ล้านบาท เติบโต 162% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ เฉพาะไตรมาสที่ 2/2566 อยู่ที่ 1,621 ล้านบาท เติบโตขึ้น 77% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา อัตรากำไรสุทธิรอบ 6 เดือนสูงถึง 17.3% ของรายได้รวม ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจากอัตรากำไรสุทธิ 9.3% ของรายได้รวมจากช่วงเดียวกันของปีก่อน   ขณะที่รายได้รวมรอบ 6 เดือน อยู่ที่ 18,493 ล้านบาท เติบโต 42% จากรอบ 6 เดือนของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้รวมในช่วงไตรมาสแรก 8,505 ล้านบาท และรายได้รวมไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 9,988 ล้านบาท เติบโต 27% เป็นผลมาจากรายได้จากการขายโครงการที่เติบโตในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย อาทิ นาราสิริ พหล – วัชรพล บ้านเดี่ยวระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี และ เศรษฐสิริ ดอนเมือง โดยแบรนด์ “เศรษฐสิริ” ในปีนี้มีการพัฒนา 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 21,900 ล้านบาท  รวมถึงแบรนด์สราญสิริ โครงการสราญสิริ ราชพฤกษ์ – 345 ระดับราคา 5 – 10 ล้านบาท ที่กลุ่มลูกค้าให้การตอบรับที่ดีเช่นกัน นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในรอบครึ่งปี ยังมาจากโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ที่ได้รับการตอบรับที่ดี และเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีของตลาดคอนโด โดยคอนโดพร้อมอยู่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในทุกเซกเมนต์เช่นเดียวกัน อาทิ โครงการเอ็กซ์ที พญาไท, เอ็กซ์ที ห้วยขวาง, โอกะ เฮาส์, เดอะ เบส เพชรบุรี – ทองหล่อ, ดีคอนโด พนา และ เดอะ มูฟ บางนา เป็นต้น   แสนสิริยังสร้างยอดขายรวมไปได้ถึง 27,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 50% จากเป้าหมายยอดขาย 55,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลัง แสนสิริยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,700 ล้านบาท ไฮไลท์โครงการที่เตรียมเปิดตัวในไตรมาส 3 อาทิ “บูก้าน พัฒนาการ” บ้านเดี่ยวรูปแบบ Luxury Private Villa จำนวน 17 ยูนิต ราคา 65 - 115 ล้านบาท* เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายเดือนกันยายน และการเปิดตัว New Luxury Condominium หนึ่งในโครงการไฮไลท์ของแสนสิริในปีนี้ ทำเล “ราชเทวี” เตรียมเปิดตัวเดือนสิงหาคมนี้ แสนสิริยังมุ่งเดินหน้าสร้างรายได้และผลกำไร เพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วนรวมถึงผู้ถือหุ้น โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (Interim dividend) จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2566 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 สิงหาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 กันยายน 2566 นี้   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -แสนสิริ ตุนยอดโอน 4 เดือนแรก โต 28% กวาดรายได้แล้ว 9,200 ล้าน  -แสนสิริ เปิดทำเลโครงการใหม่ปี 66 บักหมุดพื้นที่กรุงเทพฯ​ และอีก 6 จังหวัด
โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ โชว์ครึ่งปีแรกโกยกำไร 990% ครึ่งปีหลังลุยเปิด 6 โครงการ

โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ โชว์ครึ่งปีแรกโกยกำไร 990% ครึ่งปีหลังลุยเปิด 6 โครงการ

โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์  ประกาศผลงานครึ่งปีแรกของปี 66 กวาดรายได้รวม 4,478 ล้านบาท เติบโต 76% และกำไรสุทธิทะยาน 184 ล้านบาท เติบโต 990%  ประกาศเดินหน้าลุยเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 17,900 ล้านบาทในครึ่งปีหลังนี้ พร้อมแจกข่าวดีจ่อปันผลระหว่างกาล 0.081 บาทต่อหุ้น เตรียม XD 24 สิงหาคม 2566 นี้ ส่งซิก Q3/66 นี้ จ่อบุ๊กกำไรพิเศษขายเงินลงทุนใน 2 โครงการร่วมทุนให้กับ PROUD   นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการเดินหน้าธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 สวนกระแสความท้าทายจากการฟื้นตัว ของสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ ที่ทยอยฟื้นตัวตามลำดับ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีรายได้รวมที่ 4,478 ล้านบาท เติบโต 76% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 184 ล้านบาท เติบโต 990% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน   แม้ว่าบริษัทจะไม่มีโครงการคอนโดมิเนียม ที่สร้างเสร็จพร้อมโอนในครึ่งปีแรกของปี 2566 แต่บริษัทยังคงรักษาการเติบโตของผลประกอบการไว้ได้ดี  โดยโครงการที่รับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีแรก ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นหลัก ๆ มาจากการส่งมอบโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) อาทิ โครงการโนเบิล บี19 สุขุมวิท โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 โครงการนิว โนเบิล ศรีนครินทร์–ลาซาล โครงการโนเบิล อราวน์ อารีย์ โครงการนิว โนเบิล งามวงศ์วาน และโครงการนิว โคฟ นอร์ธ ราชพฤกษ์ เป็นต้น สำหรับยอดขาย (Pre-sale) ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 4,040 ล้านบาท และยอดขายช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา อยู่ที่ 9,706 ล้านบาท  (รวมโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการ นิว ครอส คูคต สเตชัน ซึ่งทางบริษัทยังคงเป็นผู้บริหารโครงการในบทบาทเดิม) โดยยอดขาย 7 เดือนแรกของปี 2566 มาจากโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่เป็นจำนวน 2,808 ล้านบาท และโครงการเปิดใหม่และอยู่ระหว่างการก่อสร้างเป็นจำนวน 6,898 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2566  รวมมูลค่า 17,940 ล้านบาท (ไม่รวมโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ) ซึ่งจะทยอยรับรู้ใน 2-3 ปีข้างหน้า   ช่วงไตรมาส 2​ บริษัทเริ่มมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจตัวแทนและนายหน้าและบริการหลังการขายภายใต้บริษัท เซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัด ซึ่งธุรกิจดังกล่าวถือเป็นการต่อยอดจากธุรกิจหลัก และเป็นผู้ให้บริการหลังการขายครบวงจรเต็มรูปแบบ ทั้งบริการการฝากขาย-ปล่อยเช่า บริหารนิติบุคคล บริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ ทำให้มีการรับรู้รายได้ประจำอย่างต่อและเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้     นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกประจำปี 2566 จำนวน 0.081 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 111 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) ที่ 60.1% โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 24 สิงหาคม 2566 และคาดว่าจะทำการจ่ายเงินปันผลภายในต้นกันยายนนี้   สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมองเชิงบวก อย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งเห็นการฟื้นตัวของตลาดอย่างชัดเจน ตั้งแต่ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าลูกค้าต่างชาติจากประเทศจีนจะยังเข้ามาได้ไม่เต็มที่ก็ตาม แต่บริษัทได้มีการปรับพอร์ตกระจายฐานลูกค้าต่างชาติให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง และเมียนมาร์ เป็นต้น และยอมรับว่าพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าชาวต่างชาติในปัจจุบันเปลี่ยนไป โดยจะเน้นซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองมากขึ้น แต่ก็ยังมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุนเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน   โดยปี 2566 บริษัทได้มีการปรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงเหลือ  9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า22,200 ล้านบาท จากแผนเดิมที่จะเปิดตัวจำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวม 23,300 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้เตรียมเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 17,900 ล้านบาท โดยเริ่มจากโครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9-เอกมัย เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ High-End  และโครงการ โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ เป็นโครงการทาวน์โฮมระดับ High-End ติดแม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการคอนโดมิเนียนมขนาดใหญ่ที่ร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ บนถนนวิทยุ อีก 1 โครงการด้วย   นายธงชัย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงกระบวนการขายเงินลงทุนและโอนหุ้นดีล 2 โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ให้กับ PROUD เป็นอันเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยได้รับกระแสเงินสดกว่า 1,400 ล้านบาทเข้าบริษัททันที พร้อมบันทึกเป็นกําไรพิเศษในไตรมาส 3/2566 นี้ ช่วยเสริมผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้น   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -บอร์ด โนเบิล ขาย 2 เงินลงทุนใน 2 โครงการ 867.57 ล้าน ให้ พราว เรียล เอสเตท
DRT โชว์ผลงานไตรมาส 2/66 สูงกว่าเป้า  มีรายได้รวม 1,519.43 ล้าน โต 10.78%

DRT โชว์ผลงานไตรมาส 2/66 สูงกว่าเป้า มีรายได้รวม 1,519.43 ล้าน โต 10.78%

DRT เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ทำรายได้รวม 1,519.43 ล้าน เติบโต 10.78% สูงกว่าเป้าหมาย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 166.87 ล้าน​ ตอกย้ำขีดความสามารถการแข่งขัน ภายใต้แบรนด์ “ตราเพชร” ที่แข็งแกร่ง พร้อมบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต้นทุน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนุนอัตราการทำกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ครึ่งปีแรกทำกำไรสุทธิ 344.22 ล้าน​ พร้อมเร่งเครื่องครึ่งปีหลัง วางแผนเชิงรุกดันยอดขายเติบโตตามแผน   นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ว่า  บริษัททำรายได้รวม 1,519.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีกำไรสุทธิ 166.87 ล้านบาท ซึ่งมาจากขีดความสามารถการแข่งขันของบริษัท ที่มีความแข็งแกร่งของแบรนด์สินค้า และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ “ตราเพชร” รวมถึงช่องทางจัดจำหน่าย ที่ครอบคลุมความต้องการลูกค้าได้ดี ทั้งร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ ลูกค้าโครงการผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ รวมถึงการบริหารจัดการ ด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ย 80-90% สามารถบริหารจัดการความเสี่ยง จากปัจจัยต้นทุนวัตถุดิบได้ดีขึ้น เป็นผลให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 เพิ่มเป็น 25.16% ดีขึ้นจากไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 24.70% ตอกย้ำถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัท​ ที่แข็งแกร่งเอาชนะความท้าทาย และความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงาน ในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปีนี้ มีรายได้รวม 3,071.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 344.22 ล้านบาท ผลงานในไตรมาส 2 สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินงานของบริษัท และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นผลให้มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้ปรับตัวดีขึ้น และขับเคลื่อนการเติบโตของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้เช่นกัน   สำหรับแผนงานครึ่งปีหลัง บริษัทจะมุ่งทำงานเชิงรุกโดยมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถการแข่งขัน การทำตลาดภายใต้แบรนด์ "ตราเพชร"​ และตอกย้ำจุดแข็งด้านความหลากหลายผลิตภัณฑ์ ที่สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง รองรับความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างของลูกค้าในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย ควบคู่กับการบริหารจัดการด้านการผลิต ให้มีประสิทธิภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันเป้ายอดขายเติบโต 5% และรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 25-27% ได้ตามแผน   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -DRTโชว์ผลงาน Q1 ยังทำกำไร แม้รายได้ลดลงกว่า 7%
เอพี ไทยแลนด์ ประกาศรายได้ครึ่งปีแรก 23,856 ล้าน เตรียมเปิดตัว 40 โครงการใหม่ทั่วไทย

เอพี ไทยแลนด์ ประกาศรายได้ครึ่งปีแรก 23,856 ล้าน เตรียมเปิดตัว 40 โครงการใหม่ทั่วไทย

เอพี ไทยแลนด์ เผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 66 เติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยแรงส่งจากสินค้าทุกเซกเมนต์ในเครือ ดันครึ่งปีแรกรายได้รวมมากถึง 23,856 ล้าน กำไรสุทธิ 3,023 ล้าน ผลจากสินค้าแนวราบที่ยังคงรักษาสถานะการเติบโตได้อย่างคงที่ ประกอบกับรายได้จากสินค้ากลุ่มคอนโดที่ปรับตัวกลับคืน ครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัว 40 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 55,940 ล้าน  ​   นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 23,856 ล้านบาท กำไรสุทธิเท่ากับ 3,023 ล้านบาท   ทั้งนี้ ณ ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 12,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 11,805 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ 1,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1,478 ล้านบาท เท่ากับ 4.5% โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สินค้ากลุ่มแนวราบอย่างทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวยังถือเป็นคีย์ไดรฟ์สำคัญในการเติบโตทางรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้ที่เกิดขึ้นมาจากสินค้าแนวราบคิดเป็นมูลค่า 17,358 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของสัดส่วนรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งมีบ้านเดี่ยวแบรนด์ THE CITY, CENTRO และบ้านกลางเมือง เป็นกำลังหลักหนุนสร้างรายได้รวมในกลุ่มแนวราบ   สำหรับสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม ภาพรวมธุรกิจเริ่มมีแนวโน้มเป็นบวก ประกอบกับสัญญาณการโอนกรรมสิทธิ์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ รับรู้รายได้จาก ASPIRE รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน, ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม และคอนโดมิเนียมร่วมทุนอย่าง RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน ที่ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในไตรมาสที่ผ่านมา ณ 31 กรกฎาคม บริษัทฯ มียอดขายรวมกว่า 46,819 ล้านบาท และในครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมเปิดตัว 40 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 55,940 ล้านบาท โดยเป็นทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 19,550 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 14 โครงการ มูลค่า 24,750 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 8,300 ล้านบาท และต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่า 3,340 ล้านบาท ส่งผลให้ตลอดครึ่งปีหลังเอพีจะมีโครงการพร้อมขายทั้ง กทม. และต่างจังหวัดมากกว่า 179 โครงการ มูลค่ากว่า 143,367 ล้านบาท   ทั้งนี้ ในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ DIVE DEEPER IN PROPERTY BUSINESS ด้วยการทำงานแบบเจาะลึก เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียม กลุ่มธุรกิจพัฒนาบ้านเดี่ยว และกลุ่มธุรกิจพัฒนาทาวน์โฮม   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เอพี ไทยแลนด์ จบครึ่งปีแรกทำยอดกว่า 39,500 ล้าน เดินหน้าเปิดโปรเจ็กต์ครึ่งหลังอีก 40 โครงการ -เอพี ไทยแลนด์ 4 เดือนแรก ตุนยอดกว่า 14,264 ล้าน เปิด 16 โปรเจ็กต์ใหม่ Q2