ธนาสิริ กรุ๊ป หรือ THANA หุ้นอสังหาฯ จิ๋วแต่แจ๋วในเมืองนนท์ ประกาศผลการดำเนินงานปี 2560 ด้วยยอดขาย 986 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 24 % ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นถึง 84% อยู่ที่ 32.3 ลบ. จากปีก่อนมีกำไร 17.5 ลบ. ยอดโอน 828 ลบ. โตขึ้น 5.2 % เป็นผลมาจากความพร้อมของสินค้า ปรับกระบวนการตรวจรับมอบบ้านและการยื่นขอสินเชื่อลูกค้า (Pre-approve) ให้สอดคล้องกับการขายมากขึ้น คุมค่าใช้จ่ายทางการตลาดให้เหมาะสม ปรับกลยุทธ์การตลาด หันมาใช้การตลาดแบบออนไลน์ และไดเรกมาร์เก็ตติ้งให้มากขึ้น เชื่อว่า ในปี 2561 น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี มียอดขายที่รอรับรู้รายได้แล้วกว่า 280 ล้านบาท ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่15-20 %
นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายใต้ชื่อ THANA เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2561 (วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561) ได้มีมติอนุมัติงบการเงินและงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยฉบับตรวจสอบแล้ว สำหรับปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 นั้น บริษัทฯได้รายงานว่ามีผลกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) จากงบการเงินรวมสำหรับปี 2560 จำนวน 32.3 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 14.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 84.3 บริษัทฯจึงขอชี้แจงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงของผลการดำเนินงานสำหรับงวดปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ดังนี้
เกี่ยวกับบริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทบ้านจัดสรรพร้อมที่ดินเพื่อขาย ประเภททาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว โดยเน้นการพัฒนาโครงการในเขตปริมณฑลย่านจังหวัดนนทบุรี รวมถึงในส่วนภูมิภาคที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น โซนภาคอีสานและภาคใต้ เป็นต้น ในระดับราคาโดยเฉลี่ยประมาณ 3 – 5 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “ธนาซิโอ” “ธนาวิลเลจ” “ธนาฮาบิแทต” “ธนาคลัสเตอร์” “ธนาเรสสิเดนท์” และ “สิริ วิลเลจ” สาหรับโครงการในส่วนภูมิภาค โดยแต่ละแบรนด์จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างครอบคลุม ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทได้พัฒนาโครงการไปแล้วกว่า 26 โครงการ โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 10.2 พันล้านบาท โดยบริษัทมีบริษัทย่อย ทั้งสิ้น 3 บริษัท ประกอบธุรกิจ ดังนี้
TPD ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยจะเป็นผู้พัฒนาโครงการ และเจ้าของโครงการ เน้นการพัฒนาโครงการในส่วนภูมิภาค ที่มีการเติบโตทาง เศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ในอดีตที่ผ่านมามีโครงการอยู่ในจังหวัดภูเก็ตและสกลนคร โดยบริษัทได้เข้าถือหุ้นอยู่ร้อยละ 99.6% เมื่อปี 2551 (TPD ก่อตั้งเมื่อปี 2533 ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาทและมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 50 ล้านบาทในปี 2560 ทำให้มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 100 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทเป็น 99.8%) ทั้งนี้ในการออกแบบก่อสร้างโครงการ บริษัทจะเป็นผู้กำหนดรูปแบบโครงการและ รายละเอียดการออกแบบว่าจ้างผู้รับเหมาเพื่อดำเนินงานก่อสร้าง รวมถึงเป็นผู้จัดหา วัสดุก่อสร้างหลักเองทั้งหมด แต่ในส่วนของฝ่ายขาย วิศวกรผู้ควบคุมงานก่อสร้าง (Foreman) และฝ่ายจัดการ จะดำเนินการโดยพนักงานของ TPD เอง
TMC จัดตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท บริษัทถือ หุ้น 99.9% โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจด้านที่ปรึกษา, ด้านบริหารจัดการ และขายซอฟท์แวร์ระบบการทำงานต่างๆ
PMS เป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัท โดยจัดตั้งเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2557 ด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยจะเป็นผู้พัฒนาโครงการและเป็นเจ้าของโครงการในภาคอีสาน เริ่มต้นที่ จ.อุดรธานี เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ธนาสิริ พร๊อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (TPD) กับ กลุ่มบริษัท อีสานพิมานกรุ๊ป จำกัด และนายธัชกร แต้ศิริเวช (พันธมิตรของ บริษัทที่ จ.สกลนคร) โดย TPD ถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60.7%