Tag : เตาปูน

รีวิวคอนโด ส่องทำเลเตาปูน-บางโพ ฉบับอัปเดต 2563

รีวิวคอนโด ส่องทำเลเตาปูน-บางโพ ฉบับอัปเดต 2563

ย้อนเวลากลับไปกว่า 10 ปีที่แล้ว ในบ้านเราเริ่มเข้าสู่ยุคคอนโด Fever วิถีของคนเมืองเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง ด้วยการหันมาใช้ชีวิตในแนวสูงกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า หรือแม้แต่ทำเลนอกเมือง แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สังเกตกันบ้างไหมคะ? ว่าในทุกทำเลที่เหล่าผู้พัฒนาสังหาฯ ไปทำโครงการในแต่ละพื้นที่จะต้องมีองค์ประกอบที่ดีอยู่หลายด้าน ไม่ว่าจะด้วยสิ่งที่มีอยู่เดิมหรือการพัฒนาในอนาคต อาทิ ศูนย์การค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตลาด โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา สถานที่สำคัญต่างๆ การเดินทางก็ต้องสะดวกทั้งการใช้รถส่วนตัวและสาธารณะ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าที่ยังคงเป็นปัจจัยหลักของการเดินทางอันสะดวกสบายมากที่สุดในบ้านเรา ซึ่งตามแผนทั้งหมด 13 สาย ครอบคลุมทั่วทั้งกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ทำให้สถานี Interchange กลายเป็นอีกจุดขายสำคัญของคอนโดมิเนียม เมื่อเอ่ยถึงสถานี Interchange ทุกวันนี้ก็เริ่มมีมากขึ้นตามรถไฟฟ้าที่ขยายตัวอยู่ทั่วทุกมุมเมือง หลายจุดมีความน่าสนใจแตกต่างกันไป แต่จุดที่เป็น Interchange ล่าสุด ณ เวลานี้ นั่นคือ สถานีเตาปูน ที่กำลังจะกลายเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญที่ทำให้วงแหวนสายสีน้ำเงินสมบูรณ์ในอีกไม่ช้า สำหรับ Update Status คอนโดในครั้งนี้ เราจะประเดิมย่านแรกกันที่ถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ซึ่งเป็นถนนเส้นที่มีรถไฟฟ้าที่เป็น Interchange ของสายสีน้ำเงินเองกับสายสีม่วง และสถานีบางโพ ที่เป็นสถานีก่อนจะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางฝั่งธนบุรี แล้วเหล่าคอนโดฯ ทั้ง 8 โครงการบนถนนเส้นนี้จะมีความคืบหน้าอะไรบ้าง เราไปอัปเดตพร้อมๆ กันค่ะ ไอดีโอ โมบิ บางซื่อ แกรนด์ อินเตอร์เชนจ์ ถ้าดูจากที่ตั้งของโครงการ แม้จะได้ขึ้นชื่อว่าอยู่บนถนนประชาราษฎร์ สาย 2 แต่ทางเข้า - ออก จะอยู่ทางฝั่งถนนประชาชื่นค่ะ โดยที่ดินจะอยู่หัวมุมสี่แยกประชาชื่นพอดี โดยโครงการนี้สร้างเสร็จช่วงปลายปี 2560 ปัจจุบันยังคงมียูนิตเหลือขายอยู่ ในราคาเริ่มต้นที่ 2.68 ล้านบาท มีห้องปล่อยเช่าในช่วงราคา 9,500 - 35,000 บาทต่อเดือน นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ ในบรรดาโครงการคอนโดมิเนียมบนถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ทั้งหมด “นิช ไพรด์ เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” จาก Sena ถือว่าติดกับสถานีรถไฟฟ้ามากที่สุดเลยค่ะ คือลงมาจากสถานี ทางออก 4 ไม่กี่ก้าว ไม่ต้องข้ามถนน ก็ถึงตัวโครงการเลยค่ะ โดยเตรียมจะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์กันในเดือนเมษายน 2563 นี้แล้ว ซึ่งช่วงก่อนเปิดอาคารมีโปรโมชั่นราคาเริ่มต้นที่ 3.59 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 100 กว่ายูนิตค่ะ     ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ ถ้าเดินลงมาจากสถานี ทางออกที่ 1 เราจะพบกับ “ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์” ก่อนเป็นโครงการแรก สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2558 แน่นอนว่า sold out ไปแล้ว แต่ยังคงทำราคาค่าเช่าได้ดีไม่แพ้โครงการรุ่นน้องในย่านเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันราคาค่าเช่าอยู่ที่ 10,000 – 32,000 บาทต่อเดือน ริชพาร์ค 2 @เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ ถือเป็นคอนโดฯ โครงการแรกๆ ของย่านนี้ โดยสร้างเสร็จตั้งแต่ปลายปี 2557 ซึ่งเป็นโครงการที่ทำราคามาถูกที่สุดในปัจจุบันของถนนเส้นนี้ โดยราคาตอนเปิดตัวอยู่ที่ 1.88 ล้านบาท ส่วนราคาโปรโมชั่นปัจจุบัน 1.99 ล้านบาท ส่วนค่าเช่าประมาณ 8,000 - 12,000 บาทต่อเดือน เดอะ สเตจ เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์ 1 ใน 3 โครงการคอนโดมิเนียมจาก Real Asset (แอบกระซิบกันนิดนึงค่ะว่า กำลังจะเป็นทั้งหมด 4 โครงการแล้ว) สำหรับโครงการนี้สร้างเสร็จปลายปี 2560 ราคาตอนเปิดตัวอยู่ที่ 1.89 ล้านบาท ปัจจุบันมีโปรโมชั่นก่อนปิดโครงการช็อค One price ผ่อนล้านละ 1,500 บาท* อยู่ฟรี 2 ปี* เริ่มต้น 2.99 ล้านบาท สำหรับห้องขนาด 33.20 ตร.ม. ค่าเช่าปัจจุบันประมาณ 9,000 - 15,000 บาทต่อเดือน ด้วยตัวโครงการที่ทำออกมาได้สวยทีเดียว ใครที่ได้มือแรกๆ ไปก็ถือว่าคุ้มค่ะ เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์ โครงการนี้เห็นยูนิตเพียบ แต่หมดเรียบแล้วนะคะ สำหรับ “เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์” จากค่ายใหญ่ Pruksa ที่นับว่าเป็นโครงการที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในละแวกนี้ถึง 1,734 ยูนิต และยังตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าเกตเวย์ บางซื่อ มากที่สุด ประมาณ 60 เมตรเท่านั้น เรียกว่าแทบจะเดินไปได้ทุกวันแบบไม่ต้องเสียเวลาขับรถวนให้เวียนหัว ปัจจุบันทำราคาค่าเช่าที่ 8,000 - 25,000 บาทต่อเดือน ซึ่งตัวอาคารสร้างเสร็จประมาณปี 2557 ใกล้เคียงกับ ริชพาร์ค 2 ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ถ้านับจากสี่แยกบางโพ โครงการนี้ถือว่าอยู่ใกล้ที่สุดเลยค่ะ นั่นหมายความว่าก็จะใกล้กับรถไฟฟ้า สถานีบางโพ ประมาณ 80 เมตร และยังห่างจากศูนย์การค้าเกตเวย์ บางซื่อ ประมาณ 100 เมตรเท่านั้น แต่สำหรับ “ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ” จะมีความแตกต่างจากโครงการก่อนหน้านี้ เพราะคอนโดฯ ถูกวางให้อยู่ใน High End Segment ซึ่งราคาเปิดตัวอยู่ที่ 3.9 ล้านบาท และแม้ว่าอาคารจะสร้างเสร็จเมื่อปี 2560 แต่ปัจจุบันทำราคาค่าเช่าได้ถึง 12,000 - 45,000 บาทต่อเดือน 333 Riverside ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นคอนโดจาก Land & House แต่เมื่อไรที่เราได้เห็นคอนโดจาก Developer เจ้านี้ ก็มักจะไม่ทำให้เราผิดหวังค่ะ ซึ่ง “333 Riverside” เป็นโครงการหรูที่สุดบนถนนเส้นนี้ แถมยังอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนด้านหน้าก็เงียบสงบมาก มีบันไดสถานีบางโพมาเกยถึงหน้าโครงการอีกต่างหาก แม้ว่าโครงการแห่งนี้จะสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2560 มีราคาเปิดตัวที่ 5 ล้านบาท แต่ทุกวันนี้โครงการยังคงสวยงามโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำ ประกอบกับบรรยากาศภายในโครงการแล้ว ทำให้ 333 Riverside กลายเป็นคอนโดฯ ที่ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในหัวหินหรือพัทยาเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งปัจจุบันทำราคาค่าเช่าที่ 18,000 -150,000 บาทต่อเดือน   นี่คือ Update Status สำหรับคอนโดฯ ทั้งหมด 8 โครงการ บนถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ที่เชื่อว่าในอนาคตอีก 2 - 3 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าทุกวันนี้ขึ้นไปอีก ด้วยองค์ประกอบแวดล้อมใกล้เคียงที่กำลังจะขยายตัว อาทิ สถานีกลางบางซื่อ รัฐสภาแห่งใหม่ และท่าเรือบางโพที่เตรียมปรับปรุงใหม่ สิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงผลักสำคัญทำให้ทำเลโซนนี้เติบโตอย่างแทบจะพลิกโฉมต่อไป และสำหรับคอลัมน์ของเราในครั้งถัดไปจะพาไปอัปเดตกันในทำเลไหน อย่าลืมติดตามกันนะคะ รายละเอียดโครงการและสิ่งที่น่าสนใจในย่านเตาปูน-บางโพ รีวิวคอนโด The Stage Taopoon Interchange  รีวิวคอนโด 333 Riverside รีวิวคอนโด Ideo Mobi บางซื่อ-แกรนด์ อินเตอร์เชนจ์ รีวิว Gateway Bangsue ปลุกบางซื่อให้มีชีวิตชีวา
ชีวาทัย Interchange : รีวิวคอนโด

ชีวาทัย Interchange : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปดูคอนโด High Rise ของชีวาทัย ในทำเลที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน สำหรับโครงการชีวาทัย Interchange นี้ แต่ก่อนเป็นโครงการคอนโดที่มีชื่อว่า “Cross Point At Taopoon Station” แล้วนำมาพัฒนาต่อ จึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็น ชีวาทัย Interchange ตามปัจจุบัน การเดินทาง สำหรับเรื่องการเดินทางก็สามารถเลือกได้หลายเส้นทางเลยนะครับ เนื่องจากว่าโครงการตั้งอยู่ตรงแยกเตาปูนพอดี ไม่ว่าจะเป็นทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี วิ่งตรงจากติวานนท์ วงศ์สว่าง มาถึงแยกเตาปูน, ถนนประชาชื่น ตรงมาจากงามวงศ์วาน เรียบคลองประปามาเรื่อยๆ ก่อนเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ก็ได้ ส่วนใครมาจากทางจรัญฯ ข้ามสะพานพระราม 7 มาแล้ววกเข้าถนนประชาราษฏร์ สาย 1 ก่อนมาเลี้ยวซ้ายที่แยกบางโพ เข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ได้ก็เหมือนกัน อีกเส้นทางหนึ่งคือถนนสามเสน วิ่งตรงมาเรื่อยๆ ก่อนมาเลี้ยวขวาที่แยกบางโพ เข้าถนนประชาราษฏร์สาย 2 แผนที่เส้นทางรอบๆ โครงการ เราซูมลงมาดูกันใกล้ๆ อีกหน่อย จะเห็นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้ๆ กับแยกเตาปูน ติดกับตัวสถานี MRT เตาปูนเลยล่ะครับ การเดินทางครั้งนี้เราใช้ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เราตรงมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เรื่อยๆ ก่อนจะตรงผ่านแยกวงศ์สว่าง ตรงนี้เป็นแยกวงศ์สว่าง ถ้าเลี้ยวขวาจะไปทางวงศ์สว่าง ผ่านบิ๊กซี ก่อนขึ้นสะพานพระราม 7 ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปทางประชาชื่น รัชโยธิน เราตรงไปทางบางซื่อ เตาปูน ต่อเลยครับ ตามเส้นทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรีเราจะเห็นแนวรถไฟฟ้า มาตลอดทาง ปลายปีนี้ รถไฟฟ้าสายนี้ก็จะเริ่มเปิดทดลองให้บริการแล้วนะครับ ที่เห็นด้านหน้าจะเป็นแนวรถไฟชานเมืองสายสีแดง เราตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกเตาปูน จะเห็นสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนอยู่ด้านหน้า ถึงแยกเตาปูนแล้วให้ชิดขวาไว้นะครับ เพราะเราต้องเลี้ยวขวาที่แยกนี้ เลี้ยวขวามาแล้วให้รีบชิดซ้ายเลยนะครับ เพราะตัวโครงการจะอยู่ห่างจากแยกเตาปูนแค่นิดเดียว ถึงแล้วล่ะครับ สำนักงานขายจะตั้งอยู่ริมถนนประชาราษฎร์สาย 2 หน้าไซต์ก่อสร้างโครงการเลย ตอนนี้ตัวโครงการสร้างไปเยอะแล้วนะครับ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้ลูกบ้านได้ย้ายเข้าอยู่ได้ภายในสิ้นปีนี้ วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการ​ ชีวาทัย Interchange ก็มีความสำคัญมากๆ เพราะอยู่ในจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินพอดิบพอดี ชนิดที่เดินออกจากโครงการมาเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนแล้ว หรือถ้าจะบอกว่าบันไดสถานีแทบจะเกยหน้าโครงการเลยก็คงจะไม่เกินไปนัก แต่ก็ใช่ว่าการที่ตัวโครงการอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าจะไม่มีข้อพึงระวังนะครับ เรื่องเสียงดังรบกวนอาจจะมีโอกาสเล็ดลอดมาบ้าง รวมถึงมลภาวะทางอากาศเนื่องจากอยู่ใกล้สี่แยกใหญ่ด้วย ทั้งนี้คนที่อยู่ในห้องสูงๆ หน่อยก็จะห่างไกลปัญหาเหล่านี้ได้มากกว่าห้องล่างๆ ครับ สภาพแวดล้อมในย่านนี้ยังคงความเป็นชุมชนเก่า ค่อนข้างสงบ จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย ยิ่งการมาของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ยิ่งทำให้การเดินทางในอนาคตค่อนข้างสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต ดังนั้นเรื่องอาหารการกินและสาธารณูปโภคต่างๆ ที่แวดล้อมอยู่รอบๆ จึงจัดว่าครบครันมาก เราไปดูกันดีกว่าว่าใกล้ๆ โครงการมีอะไรน่าสนใจบ้าง จากสถานีเตาปูนมาทางถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี นิดเดียวจะมีร้านสะดวกซื้อ และร้านขายอาหาร อยู่หลายร้านเลยครับ ใกล้ๆ กันก็มีตลาดสดให้เลือกซื้อเลือกหา มีทั้งผัก ผลไม้ ของสด ของแห้ง เสื้อผ้า จากถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี เราสามารถเดินทะลุตลาดสดมาออกถนนประชาชื่นได้เลยครับ บรรยากาศบนถนนประชาชื่น ถ้าใครไม่ชอบเดินตลาดสด ข้ามมาฝั่งถนนประชาชื่นก็จะมีเทสโก้ โลตัส ไว้คอยบริการ ถ้าเดินมาแล้วขี้เกียจเดินกลับก็มีพี่วินมอไซค์ คอยรับ-ส่ง อยู่หน้าโลตัส สำหรับตัวโครงการ ชีวาทัย Interchange เป็นคอนโด High Rise สูง 26 ชั้น โดยแบ่งชั้น1-5 เป็นพื้นที่จอดรถ และตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไปก็จะเป็นพื้นที่พักอาศัย ซึ่ง Facility หลักภายในโครงการจะรวมกันอยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งก็เป็นไปตามมาตรฐานเลย ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย... ทางเข้าโครงการ จากถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ที่ชั้น G จะเป็น Lobby และเป็นที่จอดรถส่วนหนึ่ง ซึ่งที่จอดรถจะเริ่มตั้งแต่ชั้น G ขึ้นไปถึงชั้น 5 หน้าตาของ Lobby ที่ชั้น G ชั้น 6 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย Facility หลักของโครงการก็จะอยู่ที่ชั้น 6 ทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนส สระว่ายน้ำและฟิตเนสบนชั้น 6 จากชั้น 7 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14 ยูนิตต่อชั้น ห้องมุมทั้ง 4 ด้านจะเป็นห้อง 2 ห้องนอน พาชมห้องตัวอย่าง ห้องพักทั้งหมดของโครงการมีทั้งแบบ 1 Bedroom, 2 Bedroom และ 3 Bedroom ซึ่งแบบ 1 Bedroom ตอนนี้ขายหมดเกลี้ยงแล้วนะครับ สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูกันในวันนี้ จึงเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ซึ่งมีขนาดห้องตั้งแต่ 51 ตร.ม​. ไปจนถึงขนาด 57 ตร.ม. โดยที่ห้องแบบ 2 Bedroom นี้จะอยู่ในตำแหน่งมุมตึกทั้งหมด ทำให้สามารถเปิดรับวิวได้อย่างเต็มที่ แถมห้องที่ทางโครงการขายให้ก็เป็นแบบ Fully Furnished มีเฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่เรียบร้อย หน้าตาห้องตัวอย่างจะเป็นอย่างไรบ้าง เรามีรูปพร้อมคำบรรยายกันแบบชัดๆ มาฝากครับ โดยที่รูปทั้งหมดถ่ายจากห้องตัวอย่างที่อยู่บนอาคารจริง ไม่ใช่ห้องในสำนักงานขายนะครับ ห้องแรกเรามาดูที่ห้อง Type B2 ขนาด 57.40 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ มองตรงเข้าไปข้างในจะเป็น Living Area ส่วน Dining Area วางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area ระยะห่างของทีวีกับโซฟาจะประมาณนี้นะครับ สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งแบบ L-Shape ได้สบายๆ ฝั่งชั้นวางทีวี โครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีเล็กๆ ไว้ให้ ติดกับ Living Area จะมีระเบียงใหญ่อยู่ด้วย ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงที่ได้จะกว้างประมาณนี้นะครับ อีกด้านจะเป็นจุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ ห้องที่เราทำการรีวิวนี้จะอยู่ที่ชั้น 7 มองจากระเบียงออกมาจะเห็นสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน มุมมองย้อนกลับไปทางประตูหน้าห้อง คราวนี้เราเข้าไปดูในครัวกันบ้าง เคาน์เตอร์ครัวที่โครงการจัดไว้ให้จะได้แบบนี้เลยนะครับ เป็นชุดครัวของ Starmark สังเกตที่ผนังทางโครงการจะติดกระจกให้ด้วยนะครับ เวลามีเศษอาหาร หรือน้ำมันกระเด็นไปโดนผนัง จะได้ทำความสะอาดได้ง่ายๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้จะประกอบด้วยเตาไฟฟ้า 4 หัว ของ Teka พร้อมฮูดดูดควันของ Teka เหมือนกัน ส่วนด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของ และจุดวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟของ Teka ที่เป็นทั้งไมโครเวฟและเตาอบเครื่องนี้ก็ได้ด้วยนะครับ จุดวางเครื่องซักผ้าจะอยู่ข้างๆ ไมโครเวฟ แต่เครื่องซักผ้าไม่ได้ให้ด้วยนะครับ ภายในครัวจะมีประตูเล็กๆ สามารถเปิดออกไปที่ระเบียงได้ เวลาซักผ้าเสร็จแล้วก็เอาออกมาตากที่ระเบียงได้เลย อีกด้านจะเป็นห้องน้ำ สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะใช้ของ Mogen ทั้งหมดนะครับ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ใต้อ่างล้างหน้ามีตู้เก็บของเล็กๆ ให้ด้วย กระจกเงาได้ขนาดพอดีตัว กระจกเงาสามารถเปิดได้นะครับ มีตู้เก็บของซ่อนอยู่ด้านหลัง โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box พื้นที่ใน Shower Box กว้างพอสมควร ชุดฝักบัวของ Mogen พร้อม Rain Shower ออกจากห้องน้ำกับห้องครัวมา มองตรงผ่าน Living Area ไปจะเป็นทางเข้าห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ที่แยกกันอยู่คนละด้าน เรามาดูห้องนอนทางซ้ายกันก่อน หน้าบานประตูห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะเป็นสีขาว มือจับประตูเป็นลูกบิดแบบที่เห็นเลยนะครับ เมื่อดูจากแปลนห้องแล้ว ขนาดของห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะไม่ต่างกันมากนะครับ ห้องนี้จะใหญ่กว่านิดหน่อย จะเรียกว่าเป็น Master Bedroom ก็ได้ วางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังดีเลยครับ ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป เตียงจะวางอยู่ติดกับหน้าต่าง ด้านบนจะเป็นบานเปิด 3 บาน ส่วนด้านล่างจะเป็นบาน Fix ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควรนะครับ สามารถ Built in เป็นโต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง หรือจะเปลี่ยนเป็นชั้นวางทีวีก็ได้ ใกล้ๆ กันจะเป็นตู้เสื้อผ้า ตรงกลางระหว่างโต๊ะทำงานกับตู้เสื้อผ้ามีหน้าต่างบานเล็กๆ อีก 1 จุด ติดกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นห้องน้ำในตัว การจัดวาง Layout ในห้องน้ำ และสุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกันห้องน้ำ ห้องแรกที่เราดูกันมาแล้ว อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Mogen โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box เหมือนเดิมนะครับ แต่ขนาดของห้องนี้จะเล็กกว่าห้องน้ำด้านนอกนิดหน่อย ชุดฝักบัว มาพร้อม Rain Shower เหมือนเดิม เราข้ามมาดูที่ห้องนอนอีกห้องกันบ้าง ห้องนอนห้องนี้ขนาดจะเล็กลงมาอีกนิดหน่อย เตียงใช้ขนาด 5 ฟุตเหมือนกัน หน้าต่างข้างเตียงจะเป็นบานเปิดบานเดียว ปลายเตียงไม่มีที่เหลือพอให้ Built in ชั้นวางทีวีนะครับ อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง วางอยู่ใกล้ๆ กับตู้เสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะคล้ายๆ กับห้อง Master Bedroom นะครับ ห้องตัวอย่างอีกห้องเป็นแบบ 2 ห้องนอนเหมือนกันนะครับ การจะวาง Layout แทบจะไม่ต่างกับห้องเมื่อกี้เลย จะต่างกันแค่ขนาด ห้องนี้นี้ขนาดจะเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 59.20 ตารางเมตร อย่างที่บอกนะครับว่าการจัดวาง Layout แทบจะเหมือนกับห้องเมื่อกี้เป๊ะๆ เข้ามาแล้วก็เจอส่วน Dining Area อยู่หน้าห้องก่อนเลยครับ โต๊ะทานอาหารก็วางขนาด 4 ที่นั่งเหมือนกัน ถัดเข้ามาด้านในเป็นส่วน Living Area มองย้อนกลับออกไปหน้าห้อง ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area เหมือนเดิมนะครับ ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กัน จุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ก็อยู่ที่ระเบียง เรากลับเข้ามาดูที่ห้องครัวกันต่อ ชุดเคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะเป็นของ Starmark เหมือนกัน ซิ้งค์ล้างจากทรงสี่เหลี่ยมแบบฝัง เตาไฟฟ้า 4 หัวของ Teka มาพร้อมฮูดดูดควัน ด้านบนเป็นตู้แขวนผนัง มีประตูเล็กๆ ออกไปที่ระเบียงเหมือนเดิมครับ อีกด้านเป็นห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กับห้อง Type B2 อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Mogen กระจกเงามีตู้อยู่ด้านหลังเหมือนกัน โถสุขภัณฑ์วางอยู่ระหว่างเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ากับ Shower Box Shower Box จะอยู่ด้านในสุดเหมือนเดิมนะครับ ขนาดก็จะเท่าๆ กันกับห้อง Type B2 เราออกมาดูที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้องกันต่อ เริ่มจากห้องนอนเล็กทางซ้ายมือกันก่อน ห้องนี้วางเตียง 5 ฟุตจะพอดีเลยนะครับ ปลายเตียงไม่มีที่เหลือแล้ว ถ้าอยากดูทีวีในห้องนอน ก็ต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแล้วล่ะครับ โต๊ะเครื่องแป้งจะ Built in ไว้ที่ข้างเตียง ใกล้ๆ กันจะเป็นตู้เสื้อผ้าขนาด 2 บาน เราข้ามไปดูห้อง Master Bedroom กันต่อ ห้องนี้การจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้อง Master ของ Type B2 เลยนะครับ แต่ขนาดจะใหญ่กว่านิดหน่อย เตียงที่โครงการจัดไว้ให้เป็นเตียงขนาด 5 ฟุต เตียงจะวางติดกับหน้าต่าง ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ด้านปลายเตียง ใกล้ๆ กับชั้นวางทีวี ส่วนในห้องน้ำก็จะคล้ายๆ กับห้องน้ำด้านนอกนะครับ การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กัน อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม โถสุขภัณฑ์อยู่ระหว่างอ่างล้างหน้ากับ Shower Box Shower Box อยู่ด้านในสุด ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower อย่างที่ทราบกันแล้วว่า โครงการ ชีวาทัย Interchange ได้เปรียบมากในเรื่องทำเลที่ตั้ง เพราะอยู่ติดกับทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าเลย ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นๆ ถึงจะอยู่ในทำเลเดียวกัน แต่ก็ยังตั้งอยู่ห่างจากตัวสถานีรถไฟฟ้าออกไปอย่างน้อย 300 เมตร จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครๆ ก็ให้ความสนใจโครงการนี้ก่อนรายอื่นๆ ปัจจุบันห้องแบบ 2 Bedroom ยังมีเหลือให้เลือกจับจองอีกพอสมควร ถ้าใครกำลังมองหาห้องพักอาศัยในย่านนี้ แนะนำให้นัดหมายเพื่อเข้าไปชมห้องตัวอย่างในสถานที่จริงกันก่อนครับ เผื่อจะได้ตัดสินใจซื้อในเร็ววัน เพราะคาดว่าในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการเมื่อไหร่ ราคาห้องก็คงขยับสูงขึ้นไปอีกแน่ๆ แล้วจะต้องมาเสียดายทีหลัง
The Stage Taopoon Interchange : รีวิวคอนโด

The Stage Taopoon Interchange : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ จะพาทุกคนไปชมเยี่ยมโครงการ The Stage Taopoon Interchange ในเครือของ Real Asset อีกหนึ่งโครงการที่เกาะติดแนวรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน แถมพ่วงด้วยสายสีม่วงเข้าไปอีก เพราะจุดนี้เป็นสถานีเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายพอดี ทำเลนี้เลยเพิ่มระดับความน่าสนใจขึ้นมาได้อีกเยอะเลยทีเดียว   การเดินทาง การเดินทางมายังโครงการ The Stage Taopoon Interchange ของเราในครั้งนี้ เริ่มต้นกันจากถนนประชาชื่นครับ มุ่งหน้ามาทางเตาปูนจนสุดถนน ซึ่งจะตัดกับถนนประชาราษฎร์สาย 2 พอดี ตรงนี้เราจะเริ่มเห็นรางรถไฟฟ้ากันแล้ว จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 2 กันเลย วิ่งตรงข้ามแยกเตาปูนมาอีกหน่อยก็จะเห็นตัวโครงการตั้งอยู่ทางซ้ายมือแล้วครับ การเดินทางด้วยรถยนต์จึงไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ เพราะสามารถเลือกลงทางด่วนรัชดาภิเษก ตรงแยกประชานุกูลแล้ววิ่งมาตามถนนประชาชื่นก็ได้ หรือจะเลือกข้ามสะพานพระราม 7 มาจากฝั่งถนนจรัญสนิทวงศ์ก็ได้เช่นกัน แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็จะเป็นการเดินทางที่พึ่งพาเป็นหลักได้ เพราะช่วยประหยัดเวลาและหลีกเลี่ยงปัญหารถติดได้มาก แถมตัวสถานีรถไฟฟ้าก็อยู่ห่างจากหน้าโครงการไปไม่เกิน 400 เมตร เรียกว่ากำลังเดินได้สบายๆ ครับ แต่ถ้าขี้เกียจเดินหน่อย บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าก็มีวินมอเตอร์ไซค์พร้อมให้บริการอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเดินทางด้วยรถบริการสาธารณะอื่นๆ ก็ค่อนข้างสะดวกเช่นกัน ทั้งรถเมล์ และรถแท็กซี่ เนื่องจากบริเวณแถบนี้มีทั้งโรงเรียน และโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆ รถราจึงมีวิ่งบริการเป็นจำนวนมากอยู่พอสมควรเลยทีเดียวครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ เริ่มจากถนนประชาชื่น บริเวณแยกประชานุกูล หน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น นะครับ ให้ตรงผ่านแยกประชานุกูลไปทางบางซื่อเลยครับ โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ ประชาชื่น อีกโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้โครงการ จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาชื่น ขับมาจนถึงแยกประชาชื่น ก่อนจะถึงแยกจะเห็นโลตัส ประชาชื่น หรือที่คนแถวนี้เรียกว่าโลตัส เตาปูน อยู่ด้านซ้ายมือ ถึงแยกแล้วให้เลี้ยวขวา เข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปทางเตาปูน ตามป้าย เลี้ยวขวามานิดหน่อย ก็จะเจอ MRT สถานีเตาปูน Interchange บรรยากาศบนถนนประชาราษฎร์ สาย 2 จะมีคอนโด ขึ้นมาหลายโครงการ ทั้ง Rich Park ที่สร้างเสร็จแล้ว โครงการ ชีวาทัย Interchange และ The Tree Interchange ที่กำลังก่อสร้างอยู่ การเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนการจราจรอาจจะติดขัดสักหน่อยนะครับ จากสถานี MRT เตาปูนมาประมาณ 350 เมตร ก็จะถึงสำนักงานขายโครงการแล้วครับ วิเคราะห์ตัวโครงการ โครงการ The Stage Taopoon Interchange เป็นคอนโด High Rise ตั้งอยู่บนประชาราษฎร์สาย 2 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนมาประมาณ 350 เมตร ก็จะถึงหน้าทางเข้าโครงการ ถ้าดูตามรูปที่ดินของโครงการแล้ว จะเห็นว่าตัวที่ตั้งโครงการจริงๆ จะอยู่ด้านในถัดจากถนนเข้ามาอีกประมาณ 100 เมตร ซึ่งเดิมบริเวณนี้เป็นที่ดินของโรงเรียนเทพสัมฤทธิ์วิทยา ถ้าหากใครที่คุ้นเคยกับทำเลแถบนี้อยู่แล้วก็คงจะนึกภาพตามได้ไม่ยากครับ ด้วยความที่ตัวที่ดินอยู่ถัดเข้ามาด้านใน จึงค่อนข้างลดปัญหาเรื่องมลภาวะทางเสียงไปได้พอสมควรเลยนะครับ เพราะถ้าตัวอาคารที่พักอาศัยอยู่ติดถนนใหญ่ และใกล้กับรางรถไฟฟ้ามากกว่านี้ คงหลีกเลี่ยงเรื่องเสียงรบกวนได้ยาก ในขณะที่พื้นที่รอบๆ โครงการยังเป็นที่พักอาศัยทั้งอาคารพาณิชย์และบ้านเดี่ยวเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีเพื่อนบ้านเป็นตึกสูงของโครงการ The Tree Interchange ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเท่านั้นที่อยู่ในระยะประชิด ยังดีหน่อยที่ลักษณะของที่ดินโครงการบังคับให้ตัวอาคารที่พักอาศัยหันหน้าไปทางทิศเหนือ-ใต้ เลยหมดปัญหากังวลเรื่องตำแหน่งห้องที่จะถูกตึกข้างๆ บดบังวิวไปได้เยอะเลย อย่างที่บอกไปแล้วว่าพื้นที่โดยรอบยังเป็นบ้านพักอาศัยที่อยู่มาก่อนนานแล้ว สภาพแวดล้อมโดยรอบจึงยังคงความเป็นชุมชนอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วก็ตาม อาคารพาณิชย์ริมถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ยังคงมีร้านค้า ร้านอาหาร และธนาคารพาณิชย์ ที่ให้ความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันได้ตามสมควร รวมถึงโรงเรียนเทพสัมฤทธิ์วิทยาที่ยังคงอยู่ทางด้านหลังโครงการ และโรงพยาบาลบางโพที่อยู่ห่างออกไปเพียง 300 เมตรเท่านั้น ในขณะที่ถัดออกไปทางแยกเตาปูนก็มีตลาดสด และห้างโลตัสเตาปูนที่สามารถเป็นที่พึ่งพาให้จับจ่ายซื้อหาข้าวของที่จำเป็นได้ไม่ยาก ทำเลในย่านนี้จึงถือว่าเหมาะกับการอยู่อาศัยพอสมควรเลยทีเดียว บรรยากาศ 2 ข้างทางบนถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ยังคงเป็นอาคารพาณิชย์เรียงรายอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง จะมีร้านอาหารอยู่ประปราย อย่างที่เห็นนี่คือร้านข้าวมันไก่ ที่อยู่ใกล้โครงการที่สุด ฝั่งตรงข้ามก็จะมีร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายใบ้ ร้านอร่อยที่อยู้ใกล้ๆ คอนโด เดินเลยมาอีกหน่อยก็จะถึงทางขึ้นรถไฟฟ้า ระยะทางจากโครงการถึง MRT ประมาณ 350 เมตร ถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการแล้ว น่าจะเพิ่มความสะดวกสบายให้คนในย่านนี้ขึ้นเยอะเลยครับ สำหรับตัวโครงการเป็นคอนโดอาคารเดี่ยวสูง 36 ชั้น มียูนิตรวมทั้งหมด 773 ยูนิต โดยส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไป  ในขณะที่พื้นที่ตั้งแต่ชั้น 1-6 จะถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่จอดรถ ซึ่งสามารถรองรับปริมาณรถได้ถึง 447 คันเลยทีเดียว  ถือว่าทางโครงการจัดมาให้เต็มที่มากๆ เมื่อเทียบกับคอนโดแนวรถไฟฟ้าในระดับเดียวกัน พื้นที่ส่วนกลางหลักๆ จะอยู่ที่ชั้น 6-7 มีทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำขนาด 25 x 8 เมตร พื้นที่พักผ่อน รวมถึงห้องสมุด และ Play Room ด้วย ซึ่งจะอยู่รวมกันกับพื้นที่พักอาศัยบนชั้น 7 นั่นเอง ห้องพักบนชั้นนี้จะสะดวกเวลาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางในการออกกำลังกาย แต่ก็ต้องแลกกับเป็นส่วนตัวที่เสียไปบ้างครับ นอกจากนี้ที่พื้นที่บนดาดฟ้าชั้น 36 ยังมีสวนหย่อม และมุมพักผ่อนไว้ให้รับลมชมวิวได้อีกด้วย แต่จะว่าไปแล้วพื้นที่ส่วนกลางที่ทางโครงการจัดสรรมาให้นั้น ออกจะกระทัดรัดไปซักหน่อย ถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตรวมแล้ว สัดส่วนของการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางค่อนข้างหนาแน่นเลยทีเดียว เช่นเดียวกันกับลิฟท์โดยสารที่ทางโครงการจัดไว้ให้ 4  ตัว เฉลี่ยออกมาแล้ว ลิฟต์ 1 ตัว ต่อ 194 ยูนิต นับว่าหนาแน่นเอาเรื่องถึงแม้จะมีลิฟต์ขนของแยกมาต่างหากแต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้นะครับ เพราะอย่างไรการใช้งานก็แยกส่วนกันอยู่ดี ถึงเวลาใช้งานจริง ช่วงเช้าๆ ที่ทุกคนรีบจะออกไปทำงานพร้อมๆ กัน คงต้องรอลิฟต์กันนานหน่อย พ้นจากเรื่องส่วนกลางไปแล้ว เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยภายในโครงการก็เป็นไปตามมาตรฐานเลยครับ ทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการใช้ Key Card ในการเข้าสู่ตัวอาคาร ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานที่เราพอจะคาดเดากันได้ไม่ยาก ภาพมุมกว้าง เมื่อมองจากโค้งน้ำเจ้าพระยา แบบจำลองโครงการ จะเห็นระยะทางที่ตัวโครงการร่นจากถนนเข้าไปประมาณ 100 เมตร ทางเข้าโครงการ ชั้น G จะเป็น Lobby ขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับ Shop อีก 4 Shop และมีที่จอดรถอีกบางส่วน ส่วนที่จอดรถหลักๆ จะอยู่ที่ชั้น 1-6 หน้าตาของ Lobby ที่ชั้น G Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 7 ทั้งสระว่ายน้ำแยกสระเด็ก Reading Room และ Play Room นอกจาก Facility แล้ว ชั้น 7 ก็จะเป็นชั้นที่เริ่มต้นของห้องพักอาศัยด้วยนะครับ ห้องสมุดที่ชั้น 7 สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 8x25 เมตร พร้อมแยกสระเด็ก แบบจำลองบนชั้น 7 ส่วน Fitness จะอยู่ที่ชั้น 8 เป็นชั้นลอยขึ้นมาจาก Facility ที่ชั้น 7 ชั้น 9 - 36 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยประมาณ 26 ยูนิตต่อชั้น Roof Garden บนชั้นดาดฟ้า พาชมห้องตัวอย่าง แบบห้องหลักๆ ของโครงการ The Stage Taopoon Interchange มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ขนาดห้องเริ่มต้นกันที่ 26 ตร.ม. โดยประมาณ ถึงจะเป็นห้องขนาดเล็กสุดของโครงการ แต่ก็มีการจัดวาง Layout ไว้เป็นสัดส่วน เปิดประตูห้องมาก็จะเจอในส่วนของ Living Area ก่อน ถัดเข้าไปจะเป็นพื้นที่ของห้องนอน ซึ่งทางโครงการกั้นประตูกระจกเลื่อนบานใหญ่ไว้ให้เป็นสัดส่วน ส่วนอีกด้านจะเป็นพื้นที่ของห้องครัว และห้องน้ำ  แน่นอนว่าในโซนนี้ก็มีประตูกระจกบานเลื่อนแยกไว้ชัดเจนอีกเหมือนกัน แต่เวลาจะเข้าห้องน้ำจะต้องเดินผ่านห้องครัวก่อนทุกครั้ง ในขณะที่ระเบียงด้านนอกก็มีพื้นที่กระทัดรัด เพียงแค่พอวางเครื่องซักผ้า กับแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ สำหรับห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ชมกัน จะเป็นห้องขนาด 33.2 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน Layout ของห้องนี้จัดมาได้ค่อนข้างน่าสนใจแปลกตา เปิดห้องมาเราจะเจอ Living Area ที่ค่อนข้างกว้างขวางดีทีเดียว พอวางชุดโซฟาไปแล้ว ก็ยังมีที่เหลือสำหรับโต๊ะกินข้าวได้อีกชุด ในห้องตัวอย่างจึงจัดวางโต๊ะกินข้าวไว้ชิดผนังด้านที่ติดกับห้องครัวให้เห็นเป็นไอเดียด้วย การกั้นห้องจะมีลักษณะเป็นผนังทึบ ไม่ใช่ประตูกระจกบานเลื่อนอย่างห้องแบบแรก ซึ่งข้อดีของการกั้นห้องแบบนี้คือ ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ผนังของห้องครัวด้านที่ติดกับพื้นที่นั่งเล่น ถูกเจาะช่องติดกระจกบานใสไว้ส่วนหนึ่ง ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการเปิดรับแสงจากธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะให้ความรู้สึกขาดๆ เกินๆ ไปบ้างเพราะโดยส่วนตัวไม่ค่อยชินกับการออกแบบลักษณะนี้จริงๆ ครับ พื้นที่ห้องครัวจัดไว้เป็นสัดส่วนดี ทั้งประตูบานเลื่อนที่ช่วยป้องกันปัญหากลิ่นรบกวน และประตูระเบียงที่ติดกับห้องครัวก็ช่วยในเรื่องการระบายกลิ่นได้อีกทาง ในขณะที่พื้นที่ของห้องนอนจะจัดสรรพื้นที่ใช้สอยมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว เปิดประตูบานสวิงเข้าไป เตียงนอนจะอยู่ใกล้หน้าต่างที่เป็นกระจกเข้ามุม เปิดรับแสงและวิวได้เต็มที่มากๆ อีกด้านเป็นพื้นที่ของห้องน้ำ และโซนแต่งตัวหน้าห้องน้ำที่ดูแล้วลงตัวดีครับ แบบห้อง Type A 1 ห้องนอน ขนาด 33.20 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ อย่างที่บอกว่า Living Area ที่นี่ค่อนข้างจะกว้างทีเดียว ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาอยู่ราวๆ 3 เมตร สามารถตั้งทีวีจอใหญ่ได้สบายๆ เลยครับ โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ทางโครงการจัดวางไว้ข้างๆ โซฟา ในส่วน Living Area ติดกับผนังครัวที่ทำเป็นช่องกระจกมองเข้าไปเห็นในครัวได้ วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง อาจจะดูเล็กไปหน่อยนะครับ เพราะต้องเผื่อพื้นที่ให้ดต๊ะทานอาหาร ชั้นวางทีวีที่โครงการ Built-in มาให้ดู ดูจากระยะห่างแล้ว คงจะต้องใช้ทีวีจอใหญ่หน่อยครับถึงจะได้อรรถรส เลยเข้ามาด้านใน จะเป็นส่วนครัว ครัวจะเป็นแบบปิดนะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เคาน์เตอร์ครัวจะหน้าตาแบบนี้นะครับ มีช่องวางไมโครเวฟด้านล่าง แต่จะไม่ได้กระจกติดผนังกันเปื้อนแบบในภาพนะครับ เคาน์เตอร์ครัวจะมีซิงค์ล้างจานแบบฝังอยู่ทางขวามือ ทางซ้ายจะเป็นเตาไฟฟ้า ด้านล่างจะเป็นช่องวางไมโครเวฟและตู้เก็บของ ซิงค์ล้างจาน เตาไฟฟ้า 2 หัว ของ Teka มารพ้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ระเบียงจะอยู่ติดกับครัวเลยนะครับ จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน รางและขอบประตูกระจกเป็นอลูมิเนียมสีดำ ขนาดของระเบียงก็จะกว้างประมาณนี้นะครับ จุดที่วางเครื่องซักผ้าอยู่ที่ระเบียง คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่เหนือเครื่องซักผ้า หันหน้าออกนอกระเบียง กลับเข้ามาข้างใน เราจะไปดูที่ห้องนอนกันต่อ ในห้องตัวอย่างกับแปลนห้องหัวเตียงจะสลับด้านกันนะครับ เข้าห้องนอนมาแล้วประตูจะอยู่ด้านปลายเตียง ไม่ใช่หัวเตียงเหมือนในแปลนห้อง ห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตกำลังดีเลยนะครับ มีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลือให้ทำอย่างอื่นได้อีก ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้สะดวก แต่จะวางชั้นวางทีวีก็จะดูแคบไป ควรจะใช้ทีวีแบบแขวนผนังจะดีกว่าครับ หน้าต่างในห้องนอนด้านปลายเตียงจะทำกระจกเข้ามุมไว้ด้วย จะมีบานกระทุ้ง 1 บาน ข้างเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่างเว้นที่ไว้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟสวยๆ ก็โอเคนะครับ ข้างเตียงอีกฝั่งจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่วางอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอน ติดกับตู้เสื้อผ้า การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าของ MOGEN มีมาเฉพาะตัวอ่างนะครับ ไม่มีเคาน์เตอร์และตู้เก็บของด้านล่างให้ ทำให้แทบจะไม่มีที่วางของเลย โถสุขภัณฑ์ก็ของ MOGEN เหมือนกันครับ มีที่แขวนทิชชู่อยู่ด้านข้าง ส่วน Shower Box จะกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดฝักบัวที่ได้ ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนที่ทางโครงการทำห้องตัวอย่างไว้คือ ห้องขนาด 56.1 ตร.ม. ห้องนี้มีพื้นที่กว้างขวางให้ใช้สอยได้ค่อนข้างเหลือเฟือ เปิดประตูเข้าห้องมาจะเป็นพื้นที่โซนกลางห้องที่จัดสรรเป็นส่วนพักผ่อน และมุมรับประทานอาหาร โถงกลางห้องนี้จะโล่งโปร่ง เปิดรับแสงธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เพราะมีระเบียงอยู่ติดกับพื้นที่นั่งเล่นนั่นเอง ส่วนห้องนอนจะแยกออกเป็น 2 ฝั่ง โดยห้องนอนใหญ่จะใช้พื้นที่ด้านหนึ่งไปเต็มๆ ภายในห้องมีห้องน้ำในตัวเสร็จสรรพ พร้อมมุมแต่งตัวหน้าห้องน้ำที่สามารถจัดวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งแบบ Built-in ได้อย่างลงตัว ในขณะที่อีกฟากของห้องจะเป็นห้องนอนเล็กขนาดกระทัดรัดกำลังดี อยู่ติดกับห้องน้ำเล็กที่ต้องเดินออกมาเข้าจากทางห้องนั่งเล่น ส่วนห้องครัวก็อยู่ถัดจากห้องน้ำมาทางด้านหน้าห้องครับ แน่นอนว่าห้องครัวมีประตูบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วนเช่นกัน ห้องแบบนี้ค่อนข้างเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก เพราะมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ทำให้ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัวเพียงพอ ในขณะที่พื้นที่ส่วนกลางห้องก็กว้างพอที่จะให้สมาชิกทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้อีกด้วย Type B 2 ห้องนอน ขนาด 56.10 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนนะครับ แต่ก่อนจะเข้าไปถึงห้องนั่งเล่นเรามาดูส่วนที่อยู่ด้านหน้าห้องกันก่อน ด้านซ้ายมือจะเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ตู้เก็บของที่ทางโครงการ Built-in มาให้ดูอยู่หน้าห้องใกล้กับโต๊ะทานอาหาร ถัดจากโต๊ะทานอาหารเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง ห้องนั่งเล่นจะไม่ใหญ่มากนะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีประมาณ 2 เมตร วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง จะพอดีกับผนังห้อง ชั้นวางทีวี Built-in เล็กๆ หรือว่าจะใช้ทีวีแบบแขวนผนังก็ได้ครับ พื้นที่ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน คอมเพรสเซอร์แอร์หันหน้าออกนอกระเบียง ฝั่งขวาจะเรียงกัน 3 ห้องนะครับ คือ ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องนอนเล็ก เริ่มจากครัวก่อน ครัวจะอยู่ด้านขวามือตรงข้ามกับโต๊ะทานอาหารจะเป็นครัวแบบปิด กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ในครัวอาจจะดูอึดอัดไปสักหน่อยนะครับ เพราะไม่ได้อยู่ติดระเบียงเหมือน Type A ตัวท็อปเป็นลามิเนตสีขาว ซิงค์ล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka ฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ช่องวางไมโครเวฟจะอยู่ด้านล่าง ตู้เก็บจาน ชาม ช้อน ส้อม ด้านล่าง ชั้นลอยเก็บของด้านบน มาต่อที่ห้องน้ำ สุขภัณฑ์ที่ใช้และการจัดวางจะเหมือนกับ Type A Shower Box มาดูที่ห้องนอนเล็กต่อนะครับ ทางโครงการวางเตียงขนาด 3 ฟุตให้ดู ทำให้พื้นที่รอบๆ เตียงเหลืออยู่พอสมควร ปลายเตียงมีเหลือให้เดินได้สบายๆ หน้าต่างข้างเตียงจะเป็นบานฟิกและมีบานกระทุ้ง 1 บาน อีกฝั่งจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า เราข้ามฝั่งมาดูที่ห้องนอนใหญ่กันต่อนะครับ ห้องนอนใหญ่วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้เลยครับ ปลายเตียงมีที่เหลือให้ Built-in ชั้นวางทีวีได้เลย หน้าต่างด้านหัวเตียงทำเป็นกระจกเข้ามุมให้ด้วยนะครับ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้าจะมีอยู่ 2 ฝั่ง หน้าห้องน้ำ ภาพมุมกว้างของห้องนอนใหญ่ มองไปที่ห้องน้ำ การวางสุขภัณฑ์จะคล้ายๆ ห้องน้ำห้องแรกนะครับ แต่ห้องนี้จะได้อ่างล้างหน้าที่มีที่วางของได้เยอะขึ้นหน่อย อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ MOGEN มีที่วางของรอบๆ และใต้อ่าง ส่วนโถสุขภัณฑ์ก็จะเหมือนเดิมครับ Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดฝักบัวที่ได้ ห้องทั้งหมดที่ทางโครงการขายมาให้เป็นห้องเปล่าๆ นะครับ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์แถมมาให้ด้วย เว้นแต่ชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้น นอกจากนี้ห้องจริงที่ได้ฝ้าเพดานก็สูง 2.6 เมตร แตกต่างจากระยะที่เห็นในห้องตัวอย่างนิดหน่อยครับ ใครรักชอบแบบไหนก็เลือกกันได้ตามสะดวก Type A1L 1 ห้องนอน ขนาด 26.3 ตารางเมตร Type A1R 1 ห้องนอน ขนาด 26.3 ตารางเมตร Type A2R 1 ห้องนอน ขนาด 33.2 ตารางเมตร Type B1L1 2 ห้องนอน ขนาด 56.1 ตารางเมตร Type B1L2 2 ห้องนอน ขนาด 56.1 ตารางเมตร Type B2 2 ห้องนอน ขนาด 61.4 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน ทำเลที่ตั้งของโครงการ The Stage Taopoon Interchange อยู่ในย่านที่เหมาะกับการอยู่อาศัย เพราะค่อนข้างสงบ ในขณะที่ยังอยู่ในย่านชุมชน ใกล้ตลาดสด โรงพยาบาล และโรงเรียน ซึ่งเหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่พักอาศัยเกาะแนวรถไฟฟ้า และอยู่ไม่ห่างจากความเจริญมากนัก นอกจากนี้พื้นที่บริเวณนี้ยังมีแนวโน้มที่จะมี โอกาศเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากห่างออกไปทางด้านเกียกกาย กำลังมีการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ รวมถึงสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการก็เป็นสถานี Interchange ที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีม่วงไว้ด้วยกัน ทำให้การเดินทางในอนาคตค่อนข้างสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่การซื้อหาห้องเพื่อการลงทุนในย่านนี้ อาจจะต้องทำการบ้านกันหนักหน่อย เพราะทำเลในแถบนี้ยังมีตัวเลือกอื่นๆ ให้เปรียบเทียบอีกมาก จึงอาจจะทำให้การปล่อยเช่าห้องมีคู่แข่งในด้านราคาเป็นจำนวนมาก ผลตอบแทนที่ได้ก็อาจจะไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร นักลงทุนจึงควรพิจารณาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจ
ชีวาทัย Interchange : รีวิวคอนโด

ชีวาทัย Interchange : รีวิวคอนโด

โครงการ: ชีวาทัย Interchange (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 2,790,000 บาท บาท/ตารางเมตร 108,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด จุดเด่น คอนโดหรูจากชีวาทัย เดินทางสะดวกใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย สถานีเตาปูน เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2558 ที่ตั้ง: ชีวาทัย Interchange (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 1-3 -12.5 ไร่ ที่ตั้ง ถนนประชาราษฎ์ สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พิกัดโครงการ 13.806380,100.529826 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT Interchange สถานีเตาปูน   สถานที่สำคัญใกล้เคียง จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูน เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCG) รัฐสภาแห่งใหม่   ลักษณะโครงการ: ชีวาทัย Interchange (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedroom 3 Bedroom ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom ขนาด 26 – 40.5 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 51.6 – 67.4 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 87 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 26 ชั้น จำนวนห้อง 279 ยูนิต ส่วนกลาง: ชีวาทัย Interchange (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 170 รวมจอดซ้อนคัน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 50 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) -   สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำระบบเกลือ ห้องออกกำลังกายมุมมอง 360 องศา สวนลอยฟ้า สวนสีเขียวภายในโครงการ กล้อง CCTV ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. ระบบป้องกันอัคคีภัย Smoke & Heat Detector และ Fire Alarm   เพิ่มเติม: ชีวาทัย Interchange (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-910-5655 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.chewathaiinterchange.com/ ข้อมูล ณ วันที่ 4 กันยายน 2557
The Stage Taopoon Interchange : รีวิวคอนโด

The Stage Taopoon Interchange : รีวิวคอนโด

โครงการ: The Stage Taopoon Interchange (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,890,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 72,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท เรียล แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จุดเด่น คอนโดใหม่จาก Real Asset เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูน Interchange สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน ปีที่สร้างเสร็จ ปลายปี 2560 ที่ตั้ง: The Stage Taopoon Interchange (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 3 - 3 - 84.9 ไร่ ที่ตั้ง ถนนประชาราษฎร์ สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.805962,100.526333 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT สถานีเตาปูน Interchange   สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีเตาปูน MRT สถานีบางซื่อ เทสโก้ โลตัส เตาปูน โรงพยาบาลบางโพ บิ๊กซี   ลักษณะโครงการ: The Stage Taopoon Interchange (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedroom ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom ขนาด 33.25 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 56.10 – 61.41 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 36 ชั้น จำนวนห้อง 773 ยูนิต ส่วนกลาง: The Stage Taopoon Interchange (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 340 คัน (รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 50.5%) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 37 บาท (ชำระล่วงหน้า 2 ปี) ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท   สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนส่วนกลาง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. กล้องวงจรปิด Keycard Access   เพิ่มเติม: The Stage Taopoon Interchange (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 088-044-5551 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.realasset.co.th ข้อมูล ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2557
Rich Park 2 : รีวิวคอนโด

Rich Park 2 : รีวิวคอนโด

ครั้งนี้จะพาไปดู คอนโดมิเนียมในแบรนด์ Rich Park 2@ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านไหน แต่ถ้าจะใช้ชัดกว่านั้นก็ต้องบอกว่า คอนโดนี้ตั้งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) และสายสีม่วง (บางซื่อ-บางให่) จัดว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันสำหรับการเลือกหาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า การเดินทาง จากแยกวงศ์สว่าง วิ่งมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มุ่งหน้ามาจนถึงแยกเตาปูน และเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 2  ก็จะเห็นโครงการ Rich Park 2 ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นทำได้ไม่ยากเพราะสามารถเลือกเส้นทางเข้าเมืองได้ทั้งทางแยกวงศ์สว่าง วิ่งเข้าถนนรัชดา หรือจะเลือกขึ้นทางด่วนด่านรัชดาภิเษกตรงแยกประชานุกูลก็ได้ ในขณะที่เส้นทางฝั่งแยกเตาปูน สามารถไปขึ้นทางด่วนที่ด่านย่านพหลโยธิน ตรงถนนกำแพงเพชรได้อีกเหมือนกัน ถ้าหากว่าปกติอาศัยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว ก็ถือว่าสะดวกสบายมากๆ ทั้งเส้นทางเข้าเมือง และออกนอกเมือง ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายหลักๆ นั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงินยังไม่เปิดให้บริการ แต่ถ้าหากมีการเปิดให้ใช้เมื่อไร ก็น่าจะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวได้มากขึ้น เพราะทางขึ้นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย อยู่ห่างจากทางเข้าโครงการไม่เกิน 100 เมตร เอาเป็นว่าแค่ข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามโครงการก็สามารถเลือกวิธีการเดินทางได้ตามความสะดวก แต่ในระหว่างที่รถไฟฟ้ายังไม่สามารถใช้งานได้นั้น ก็ต้องอาศัยการเดินทางด้วยบริการขนส่งมวลชนอื่นๆ ไปก่อน ทั้งรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ ซึ่งสามารถหาเรียกได้ง่าย ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางมายังตัวโครงการก็จะสะดวกสบายมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว แผนที่ของโครงการ Rich Park 2 แผนที่รอบๆ โครงการ ใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีน้ำเงิน(บางซื่อ – ท่าพระ) และสายสีม่วง(บางซื่อ – บางให่) ประมาณ 80-100 เมตร จากแยกวงศ์สว่างให้ขับตรงไปทางเตาปูน ซึ่งทางซ้ายจะไปถนนประชาชื่น และทางขวาไปสะพานพระราม 9 เมื่อเลยแยกวงศ์สว่างมาแล้ว ให้ขับตรงไปตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เมื่อขับตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มาจนถึงแยกเตาปูน ให้เลี้ยวขวาไปทางบางโพ จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 อีกประมาณ 100 ม. ก็จะเจอโครงการอยู่ด้านซ้ายมือ วิเคราะห์ตัวโครงการ ณ วันที่เราเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ ตัวอาคารสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ และลูกบ้านก็เริ่มทยอยย้ายเข้ากันแล้ว ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้เห็นบรรยากาศในการอยู่อาศัยจริงได้ชัดเจนมายิ่งขึ้น รอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัยที่เป็นชุมชมเดิม ดังนั้นจึงมีทั้งร้านค้า แผงลอย ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อยู่เป็นจำนวนมาก จัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ถึงจะไม่ใช่แหล่งช็อปปิ้ง หรือย่านเศรษฐกิจการค้า แต่บรรยากาศก็คึกคัก มีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่านไม่แพ้กัน นอกจากการจับจ่ายใช้สอยเล็กๆ น้อยๆ ตามร้านค้าใกล้ๆ แล้ว ห้างที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะเป็นเทสโก้ โลตัส ประชาชื่น และ Big C วงศ์สว่าง ถึงจะไม่ใช่ห้างใหญ่หรูหรา แต่ก็พอให้พึ่งพาในการหาซื้อของใช้ที่จำเป็นได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป เลยจากบริเวณนี้ไป ก็เห็นจะต้องเดินทางเข้าเมืองเป็นเรื่องเป็นราวกันเลยทีเดียว กลับมาดูที่ตัวโครงการกันบ้าง Rich Park 2 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 26 ชั้น ตัวอาคารออกแบบเป็นรูปตัว L ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก รูปแบบอาคารไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เป็นเพียงตึกสูงเรียบๆ ทั่วไป บริเวณชั้นล่างแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้า รวมทั้งหมด 14 ห้อง ซึ่งยังเปิดให้บริการไม่ครบ เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีแค่ร้านซักรีดเท่านั้น ส่วนบริเวณร้านค้าอื่นๆ ยังเป็นห้องว่างๆ จึงยังไม่แน่ใจว่าจะในอนาคตอันใกล้ยังจะพอพึ่งพาร้านค้าในโครงการได้รึเปล่า ส่วนบริเวณที่พักอาศัยนั้น เริ่มกันตั้งแต่ชั้น 5 ในบางส่วน ซึ่งอยู่ใกล้กับ Facility ส่วนกลาง ถัดขึ้นไปที่ชั้น 6-26 จะเป็นพื้นที่ของห้องพักทั้งหมด ดูตามแปลนการจัดวางห้องของโครงการแล้ว ต้องบอกว่าแน่นเอี๊ยดเลยทีเดียว เพราะแต่ละชั้นมีจำนวนห้องมากถึง 34 ยูนิต ซึ่งนับยูนิตรวมทั้งโครงการก็มีมากถึง 720 ยูนิต ในขณะที่ลิฟท์โดยสารทางโครงการจัดเตรียมไว้แค่ 3 ตัวเท่านั้น เทียบเป็นอัตราความหนาแน่นอยู่ที่ 267 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่อยากจะนึกภาพว่าเราต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหนถ้าทุกห้องต้องออกไปทำงานพร้อมๆ กันในช่วงเช้า สำหรับ Facility ทั้งหมดของโครงการถูกจัดรวมไว้ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ส่วนเรื่องที่จอดรถก็นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว เพราะนับดูคร่าวๆ ก็ไม่น่าจะจอดได้เกิน 50% ซึ่งรวมแบบจอดซ้อนคันไว้ด้วยแล้ว ใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ก็เตรียมปวดหัวกับการแย่งชิงที่จอดรถกันได้เลย นอกเหนือจากที่เห็นนี้ก็ยังไม่เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติม จากบรรยากาศคร่าวๆ ระหว่างเยี่ยมชมโครงการ ก็ต้องบอกว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเรื่องความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านที่ทางโครงการยังไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน เช่น เรื่องร้านค้าภายใน เรื่องที่จอดรถ รวมถึงเรื่องการบริการของพนักงานขายที่ออกจะใส่ใจลูกค้าน้อยไปซักหน่อย จึงอดไม่มั่นใจเรื่องบริการหลังการขายของโครงการหากต้องเข้าอยู่อาศัยจริง ภาพจำลองรอบๆ โครงการ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ชั้น G นอกจากส่วนของ Lobby แล้วยังถูกแบ่งเป็น Shop อีกจำนวน 14 ยูนิต ชั้น 2 - 4 ถูกใช้เป็นที่จอดรถ คิดเป็น 50% รวมจอดซ้อนคัน Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ชั้น 6 - 25 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัย มีจำนวนยูนิตประมาณ 34 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้นบนสุดที่ชั้น 26 จะมียูนิตเหลือเพียง 12 ยูนิต และพื้นที่ส่วนหนึ่งถูกใช้เป็นพื้นที่สีเขียวส่วนกลาง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรามีโอกาสได้เยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 ในขณะที่โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นห้องตัวอย่างที่ได้ชมจึงเป็นห้องจริงที่ยังพอมีเหลือว่างอยู่บ้าง เรื่องตำแหน่งของห้องอาจจะเลือกมุมที่ถูกใจได้ยากขึ้น รวมถึงเรื่องราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตอนเปิดตัวอีกพอสมควร ดูจากการออกแบบจัดห้องในแต่ละชั้น ก็เห็นว่าทางโครงการค่อนข้างเน้นจุดขายด้านปริมาณมากกว่า เพราะห้องทั้งหมดเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน โดยมีขนาดพื้นที่เริ่มต้นอยู่ที่ 21 ตร.ม. และห้องใหญ่สุดก็พื้นที่ไม่เกิน 35 ตร.ม. ตำแหน่งในการจัดวาง เหลี่ยมมุม และเสาภายในห้อง จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีขนาดต่างกัน ส่วน Lay out แบ่งออกเป็นแบบหลักๆ  2 Type คือ Type A และ Type B ซึ่งต่างกันที่ผนังกั้นห้องนอน โดยห้องแบบ Type B จะใช้กระจกบานใหญ่แยกพื้นที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ข้อดีก็คือ ทำให้บริเวณห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่โซนกลางห้องไม่อึดอัดจนเกินไป ส่วนห้อง Type A ซึ่งมีหน้ากว้างกว่า การจัดวางตำแหน่งห้องนอนจึงอยู่คนละด้านกับห้องนั่งเล่น ผนังห้องจึงเป็นผนังทึบปกติ จากห้องตัวอย่างที่เรามีโอกาสได้ชม ต้องบอกว่าการจัด Lay out ห้องของ Rich Park 2 ดูไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องของเหลี่ยมมุมของห้องที่มีเสายื่นออกมา รวมถึงตำแหน่งในการติดตั้งทีวีในบางห้อง และตำแหน่งหน้าต่างที่มีเพิ่มเติมในห้องที่อยู่ตำแหน่งมุมตึก ซึ่งนอกจากจะดูแปลกจากที่เคยเห็นแล้ว ยังทำให้การตกแต่งห้องมีข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้น เช่น ต้องติดตั้งผ้าม่านเพิ่ม หรือการเลือกซื้อ เลือกวางเฟอร์นิเจอร์ที่ในตำแหน่งใกล้หน้าต่าง ตำแหน่งที่วางทีวีไม่ตรงกับแนวโซฟา หรือการแยกเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจาน กับเคาน์เตอร์เตรียมอาหารไว้คนละฝั่ง ลักษณะภายในห้องจึงดูเหมือนว่าขาดๆ เกินๆ ยังไงชอบกล นี่ยังไม่นับรวมถึงตำแหน่งห้องที่มีผลกับวิวด้านนอกอาคารเลยนะครับ เพราะบางห้องก็ถูกบังวิวกันเอง มองออกไปเห็นแต่กำแพงอีกฝั่งของห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ยื่นออกมา จะเลือกตำแหน่งห้องนอกจากการไปดูห้องจริงแล้ว แนะนำให้กางแปลนห้องควบคู่กันไปด้วยก็นะครับ จะได้เห็นชัดๆ ว่าห้องไหนยื่นเลยออกไป ห้องไหนเว้าเข้าด้านใน เพราะเค้าเล่นออกแบบเป็นลูกคลื่นบังวิวกันเอง ไม่รู้ว่าคนออกแบบตั้งใจให้เป็นแบบนี้รึเปล่า Type A ขนาด 30 ตารางเมตร Type A1 ขนาด 29 ตารางเมตร Type A2 ขนาด 28 ตารางเมตร Type A3 ขนาด 35 ตารางเมตร Type B ขนาด 30 ตารางเมตร Type B1 ขนาด 35 ตารางเมตร Type C ขนาด 35 ตารางเมตร Type D ขนาด 21 ตารางเมตร Type D1 ขนาด 21 ตารางเมตร Type E ขนาด 35.50 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน ข้อดีอย่างหนึ่งของโครงการ Rich Park 2 คือเรื่องทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน มีตลาด และที่สำคัญคืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นสถานี Inter change ทำให้ทำเลแถบนี้มีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง ถึงแม้ราคาห้องจะปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเปิดตัวมาแล้วก็ตาม ในขณะที่ศักยภาพภายในของตัวโครงการเอง ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน คะแนนความน่าสนใจจึงถูกฉุดดึงให้ลดลงไปไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ต้องการห้องพักไว้อยู่อาศัยเอง ถ้าไม่ติดเรื่องที่ตั้งที่อยู่ห่างไกลย่านสำนักงาน แหล่งธุรกิจ หรือหน่วยงานราชการใหญ่ๆ ทำเลแถบนี้ก็ยังพอเดินทางไปมาได้สะดวกพอสมควร แต่ถ้าพิจารณาในส่วนของห้องพักแล้ว คงต้องแนะนำให้ไตร่ตรองกันดีๆ ว่าถ้าหากต้องเข้ามาอยู่อาศัยจริงฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในห้องจะใช้งานได้สะดวก เหมาะสมหรือไม่ ไหนจะเรื่อง Facility ภายในโครงการอีก ต้องคำนึงถึงการใช้งานว่าเราจะได้ใช้งานจริงแค่ไหน คุ้มค่ากับค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายรึเปล่า เช็คข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้ครบถ้วนนะครับ หาข้อมูลเพิ่มเติมกันให้มากหน่อยจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เสียใจกันภายหลัง
Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

ครั้งนี้จะพาไปดู คอนโดมิเนียมในแบรนด์ Rich Park 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านไหน แต่ถ้าจะใช้ชัดกว่านั้นก็ต้องบอกว่า คอนโดนี้ตั้งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางซ่อน (MRT) และรถไฟชานเมืองสายสีแดง (รฟม.) จัดว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันสำหรับการเลือกหาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า การเดินทาง จากแยกวงศ์สว่าง วิ่งมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มุ่งหน้ามาทางแยกเตาปูน เป็นระยะทางแค่ 800 เมตร ก็จะเห็นโครงการ Rich Park 2 ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนใกล้ทางข้ามทางรถไฟพอดี สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นทำได้ไม่ยากเพราะสามารถเลือกเส้นทางเข้าเมืองได้ทั้งทางแยกวงศ์สว่าง วิ่งเข้าถนนรัชดา หรือจะเลือกขึ้นทางด่วนด่านรัชดาภิเษกตรงแยกประชานุกูลก็ได้ ในขณะที่เส้นทางฝั่งแยกเตาปูน สามารถไปขึ้นทางด่วนที่ด่านย่านพหลโยธิน ตรงถนนกำแพงเพชรได้อีกเหมือนกัน ถ้าหากว่าปกติอาศัยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว ก็ถือว่าสะดวกสบายมากๆ ทั้งเส้นทางเข้าเมือง และออกนอกเมือง   ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายหลักๆ นั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงยังไม่เปิดให้บริการ แต่ถ้าหากมีการเปิดให้ใช้เมื่อไร ก็น่าจะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวได้มากขึ้น เพราะทางขึ้นสถานีบางซ่อนอยู่ห่างจากทางเข้าโครงการไม่เกิน 50 เมตร ซึ่งบริเวณทางขึ้นนี้ก็อยู่ติดกับตัวสถานีรถไฟบางซ่อน (รฟม.) อีกเช่นกัน เอาเป็นว่าแค่ข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามโครงการก็สามารถเลือกวิธีการเดินทางได้ตามความสะดวก แต่ในระหว่างที่รถไฟฟ้ายังไม่สามารถใช้งานได้นั้น ก็ต้องอาศัยการเดินทางด้วยบริการขนส่งมวลชนอื่นๆ ไปก่อน ทั้งรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ ซึ่งสามารถหาเรียกได้ง่าย ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางมายังตัวโครงการก็จะสะดวกสบายมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว วิเคราะห์ตัวโครงการ ณ วันที่เราเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ ตัวอาคารสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ และลูกบ้านก็เริ่มทยอยย้ายเข้ากันแล้ว ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้เห็นบรรยากาศในการอยู่อาศัยจริงได้ชัดเจนมายิ่งขึ้น รอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัยที่เป็นชุมชมเดิม ดังนั้นจึงมีทั้งร้านค้า แผงลอย ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อยู่เป็นจำนวนมาก จัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ถึงจะไม่ใช่แหล่งช็อปปิ้ง หรือย่านเศรษฐกิจการค้า แต่บรรยากาศก็คึกคัก มีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่านไม่แพ้กัน นอกจากการจับจ่ายใช้สอยเล็กๆ น้อยๆ ตามร้านค้าใกล้ๆ แล้ว ห้างที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะมีแต่ Big C วงศ์สว่างที่ตั้งอยู่บริเวณแยกวงศ์สว่างเลย ถึงจะไม่ใช่ห้างใหญ่หรูหรา แต่ก็พอให้พึ่งพาในการหาซื้อของใช้ที่จำเป็นได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป เลยจากบริเวณนี้ไป ก็เห็นจะต้องเดินทางเข้าเมืองเป็นเรื่องเป็นราวกันเลยทีเดียว กลับมาดูที่ตัวโครงการกันบ้าง Rich Park 2 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 27 ชั้น ตัวอาคารออกแบบเป็นรูปตัว L ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก รูปแบบอาคารไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เป็นเพียงตึกสูงเรียบๆ ทั่วไป บริเวณชั้นล่างแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้า รวมทั้งหมด 12 ห้อง ซึ่งยังเปิดให้บริการไม่ครบ เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีแค่ร้านซักรีดเท่านั้น ส่วนบริเวณร้านค้าอื่นๆ ยังเป็นห้องว่างๆ จึงยังไม่แน่ใจว่าจะในอนาคตอันใกล้ยังจะพอพึ่งพาร้านค้าในโครงการได้รึเปล่า ส่วนบริเวณที่พักอาศัยนั้น เริ่มกันตั้งแต่ชั้น 4 ในบางส่วน ซึ่งอยู่ใกล้กับ Facility ส่วนกลาง ถัดขึ้นไปที่ชั้น 5-26 จะเป็นพื้นที่ของห้องพักทั้งหมด ดูตามแปลนการจัดวางห้องของโครงการแล้ว ต้องบอกว่าแน่นเอี๊ยดเลยทีเดียว เพราะแต่ละชั้นมีจำนวนห้องมากถึง 34 ยูนิต ซึ่งนับยูนิตรวมทั้งโครงการก็มีมากถึง 803 ยูนิต ในขณะที่ลิฟท์โดยสารทางโครงการจัดเตรียมไว้แค่ 3 ตัวเท่านั้น เทียบเป็นอัตราความหนาแน่นอยู่ที่ 267 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่อยากจะนึกภาพว่าเราต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหนถ้าทุกห้องต้องออกไปทำงานพร้อมๆ กันในช่วงเช้า สำหรับ Facility ทั้งหมดของโครงการถูกจัดรวมไว้ที่ชั้น 4 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ซึ่งขนาดของพื้นที่ส่วนกลางก็น้อยนิดมากๆ เมื่อเทียบกับจำนวนห้องทั้งหมด จนเกือบจะไม่สามารถใช้งานได้จริงเลย เพราะพื้นที่บริเวณชั้น 4 ถูกแบ่งเป็นห้องพักจำนวน 9 ยูนิตในโซนด้านทิศตะวันออก และแบ่งเป็นที่จอดรถในด้านทิศตะวันตก ดังนั้นพื้นที่ของ Facility จึงเหลือใช้แค่ส่วนหนึ่งของชั้นเท่านั้น ไหนๆ ก็เกริ่นถึงที่จอดรถกันไปบ้างแล้ว เรื่องที่จอดรถก็นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว เพราะนับดูคร่าวๆ ก็ไม่น่าจะจอดได้เกิน 40% ซึ่งรวมแบบจอดซ้อนคันไว้ด้วยแล้ว ใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ก็เตรียมปวดหัวกับการแย่งชิงที่จอดรถกันได้เลย นอกเหนือจากที่เห็นนี้ก็ยังไม่เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติม จากบรรยากาศคร่าวๆ ระหว่างเยี่ยมชมโครงการ ก็ต้องบอกว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเรื่องความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านที่ทางโครงการยังไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน เช่น เรื่องร้านค้าภายใน เรื่องที่จอดรถ รวมถึงเรื่องการบริการของพนักงานขายที่ออกจะใส่ใจลูกค้าน้อยไปซักหน่อย จึงอดไม่มั่นใจเรื่องบริการหลังการขายของโครงการหากต้องเข้าอยู่อาศัยจริง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรามีโอกาสได้เยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 ในขณะที่โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นห้องตัวอย่างที่ได้ชมจึงเป็นห้องจริงที่ยังพอมีเหลือว่างอยู่บ้าง เรื่องตำแหน่งของห้องอาจจะเลือกมุมที่ถูกใจได้ยากขึ้น รวมถึงเรื่องราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตอนเปิดตัวอีกพอสมควร ดูจากการออกแบบจัดห้องในแต่ละชั้น ก็เห็นว่าทางโครงการค่อนข้างเน้นจุดขายด้านปริมาณมากกว่า เพราะห้องทั้งหมดเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน โดยมีขนาดพื้นที่เริ่มต้นอยู่ที่ 21 ตร.ม. และห้องใหญ่สุดก็พื้นที่ไม่เกิน 35 ตร.ม. ตำแหน่งในการจัดวาง เหลี่ยมมุม และเสาภายในห้อง จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีขนาดต่างกัน ส่วน Lay out แบ่งออกเป็นแบบหลักๆ 2 Type คือ Type A และ Type B ซึ่งต่างกันที่ผนังกั้นห้องนอน โดยห้องแบบ Type B จะใช้กระจกบานใหญ่แยกพื้นที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ข้อดีก็คือ ทำให้บริเวณห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่โซนกลางห้องไม่อึดอัดจนเกินไป ส่วนห้อง Type A ซึ่งมีหน้ากว้างกว่า การจัดวางตำแหน่งห้องนอนจึงอยู่คนละด้านกับห้องนั่งเล่น ผนังห้องจึงเป็นผนังทึบปกติ จากห้องตัวอย่างที่เรามีโอกาสได้ชม ต้องบอกว่าการจัด Lay out ห้องของ Rich Park 2 ดูไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องของเหลี่ยมมุมของห้องที่มีเสายื่นออกมา รวมถึงตำแหน่งในการติดตั้งทีวีในบางห้อง และตำแหน่งหน้าต่างที่มีเพิ่มเติมในห้องที่อยู่ตำแหน่งมุมตึก ซึ่งนอกจากจะดูแปลกจากที่เคยเห็นแล้ว ยังทำให้การตกแต่งห้องมีข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้น เช่น ต้องติดตั้งผ้าม่านเพิ่ม หรือการเลือกซื้อ เลือกวางเฟอร์นิเจอร์ที่ในตำแหน่งใกล้หน้าต่าง ตำแหน่งที่วางทีวีไม่ตรงกับแนวโซฟา หรือการแยกเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจาน กับเคาน์เตอร์เตรียมอาหารไว้คนละฝั่ง ลักษณะภายในห้องจึงดูเหมือนว่าขาดๆ เกินๆ ยังไงชอบกล นี่ยังไม่นับรวมถึงตำแหน่งห้องที่มีผลกับวิวด้านนอกอาคารเลยนะครับ เพราะบางห้องก็ถูกบังวิวกันเอง มองออกไปเห็นแต่กำแพงอีกฝั่งของห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ยื่นออกมา จะเลือกตำแหน่งห้องนอกจากการไปดูห้องจริงแล้ว แนะนำให้กางแปลนห้องควบคู่กันไปด้วยก็นะครับ จะได้เห็นชัดๆ ว่าห้องไหนยื่นเลยออกไป ห้องไหนเว้าเข้าด้านใน เพราะเค้าเล่นออกแบบเป็นลูกคลื่นบังวิวกันเอง ไม่รู้ว่าคนออกแบบตั้งใจให้เป็นแบบนี้รึเปล่า ความคุ้มค่าน่าลงทุน ข้อดีอย่างหนึ่งของโครงการ Rich Park 2 คือเรื่องทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน มีตลาด และที่สำคัญคืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นสถานี Inter change ทำให้ทำเลแถบนี้มีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง ถึงแม้ราคาห้องจะปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเปิดตัวมาแล้วก็ตาม ในขณะที่ศักยภาพภายในของตัวโครงการเอง ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน คะแนนความน่าสนใจจึงถูกฉุดดึงให้ลดลงไปไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ต้องการห้องพักไว้อยู่อาศัยเอง ถ้าไม่ติดเรื่องที่ตั้งที่อยู่ห่างไกลย่านสำนักงาน แหล่งธุรกิจ หรือหน่วยงานราชการใหญ่ๆ ทำเลแถบนี้ก็ยังพอเดินทางไปมาได้สะดวกพอสมควร แต่ถ้าพิจารณาในส่วนของห้องพักแล้ว คงต้องแนะนำให้ไตร่ตรองกันดีๆ ว่าถ้าหากต้องเข้ามาอยู่อาศัยจริงฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในห้องจะใช้งานได้สะดวก เหมาะสมหรือไม่ ไหนจะเรื่อง Facility ภายในโครงการอีก ต้องคำนึงถึงการใช้งานว่าเราจะได้ใช้งานจริงแค่ไหน คุ้มค่ากับค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายรึเปล่า เช็คข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้ครบถ้วนนะครับ หาข้อมูลเพิ่มเติมกันให้มากหน่อยจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เสียใจกันภายหลัง  
Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

โครงการ: Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ (PREVIEW)   ราคา 1,880,000 บาท บาท/ตารางเมตร 90,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) จุดเด่น โครงการอยู่ใกล้สถานี Interchange เพียง 60 M ใกล้ตลาดและแหล่งชุมชน มี Upside gain สูง จุดด้อย โครงการอยู่ใกล้สถานี Interchange อาจมีข้อเสียเรื่องความไม่สงบ ละแวกโดยรอบไม่มีแหล่งสำนักงาน หรือหน่วยราชการขนาดใหญ่รองรับความต้องการหาที่พักอาศัย โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ ปลายป 2557 ที่ตั้ง: Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 3-0-64.6ไร่ ที่ตั้ง ถนนประชาราษฎ์ สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พิกัดโครงการ 13.806375, 100.528936 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT Interchange สถานเตาปูน สถานที่สำคัญใกล้เคียง Lotus เตาปูน Big C วงศ์สว่าง The Mall งามวงศ์วาน Major รัชโยธิน โรงเรียนสตรีนนทบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บริษัทเครือซีเมนต์ไทย ลักษณะโครงการ: Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี TYPE A : 1 ห้องนอน TYPE B : 1 ห้องนอน TYPE C : 1 ห้องนอน TYPE D : ห้อง Studio 21 ตร.ม. TYPE E : 1 ห้องนอน ขนาดห้องที่มี TYPE A : 28-35 ตร.ม. TYPE B : 30-35 ตร.ม. TYPE C : 35 ตร.ม. TYPE D : 1 ตร.ม. TYPE E : 5.5 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 1 อาคาร จำนวนห้องพักทั้งหมด 720 ยูนิต และ Shop House 14 ยูนิต รวม 734 ยูนิต จำนวนห้อง 734 ยูนิต (ห้องพัก 720 ยูนิต, Shop House 14 ยูนิต) ส่วนกลาง: Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 50 % ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 32 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ, ฟิสเนส, key card access, สวนหย่อม, กล้องวงจรปิด   เพิ่มเติม: Rich Park 2 เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-886-1817 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.rp.co.th/richy/rk2/th/home ข้อมูล ณ วันที่ 30 มีนาคม 2557