Tag : คอนโดติดรถไฟฟ้า

192 ผลลัพธ์
รีวิวคอนโดติดรถไฟฟ้า Niche MONO Sukhumvit-Puchao เฟอร์ฯ ครบ จบในที่เดียว

รีวิวคอนโดติดรถไฟฟ้า Niche MONO Sukhumvit-Puchao เฟอร์ฯ ครบ จบในที่เดียว

ขึ้นชื่อว่าเป็นคอนโดติดรถไฟฟ้า ใครๆ ก็อยากจะอยู่ทำเลแบบนี้จริงไหมคะ เพราะเป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุด ประหยัดเวลาได้อีกเยอะ แต่พอมาดูเรื่องราคาของโครงการเหล่านี้แล้ว ก็ทราบกันดีว่าสูงใช้ได้เลยทีเดียวถึงจะได้ห้องขนาดเหมาะๆ พอที่จะอยู่ได้อย่างไม่อึดอัด แต่ในรีวิวฉบับนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับคอนโดติดรถไฟฟ้าแค่ไม่กี่ก้าว ในราคาเริ่มต้นแค่ 2.59 ล้านบาท แต่ได้ขนาดห้องเริ่มต้นถึง 35 ตร.ม. แถมยังได้เฟอร์นิเจอร์ Design ดี จาก Concept “MADE FROM HER” ตามสไตล์ของ SENA ค่ะ        ทำเลของคนทำงาน แถมติดรถไฟฟ้า รถไฟฟ้าสายสีเขียว ถือเป็นระบบขนส่งสาธารณะหลักของบ้านเราเลยค่ะ เพราะช่วงใจกลางเมืองล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งออฟฟิศ และสิ่งอำนวยความสะดวกชื่อดังมากมาย ซึ่งก็มีโครงการส่วนต่อขยายเพิ่มกระจายออกไปเพื่อให้เดินทางเข้าสู่กลางเมืองได้ง่ายยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นก็มีส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งก็มีผู้ใช้บริการกันอย่างคึกคักทีเดียวค่ะ   Niche MONO Sukhumvit-Puchao ตั้งอยู่ริมถ.สุขุมวิทฝั่งขาเข้า ซึ่งถ้าโครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ก็จะมีทางเข้า-ออก ได้ 2 ทาง คือ ถ.สุขุมวิท เป็นประตูหลัก และถ.ทางรถไฟสายเก่า ด้านหลังโครงการ โดยโครงการจะอยู่ห่างจากตัวสถานีปู่เจ้า เพียง 30 เมตร เท่านั้นเองค่ะ รถไฟฟ้าจึงเป็นตัวเลือกการเดินทางที่สะดวกที่สุด ประมาณ 15 นาทีก็ถึงทองหล่อแล้ว หรือห่างออกไปเพียง 1 สถานีก็จะเป็นจุด Interchang สายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง ในอนาคตที่กำลังดำเนินการก่อสร้างกันอยู่ ส่วนใครที่ใช้รถยนต์ก็สามารถใช้ถ.กาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งใต้) ห่างจากโครงการประมาณ 1.5 กิโลเมตร หรือจะใช้ถ.วงแหวนอุตสาหกรรม เพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างถ.พระราม3-สาทร ได้สะดวกสบาย   ย่านปู่เจ้าฯ เอง โดดเด่นในเรื่องของการเป็นแหล่งทำงาน โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมชื่อดังหลายบริษัท เช่น พานาโซนิค, โตโยต้า ฯลฯ หรือแม้แต่บริษัทที่อยู่แนวถ.บางนา-ตราดทั้งหมด ก็ยังสามารถเดินทางไป-มาตรงนี้ได้สะดวกเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ โดยใกล้กับโครงการที่สุดคือบิ๊กซี สาขาสำโรง 2 อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการพอดิบพอดี เลยไปอีกนิดก็จะพบกับอิมพีเรียลสำโรง เซ็นทรัลบางนา และไบเทคบางนา จุดนี้จึงถือว่ามีดีมานท์อยู่ไม่แพ้โซนทำงานอื่นๆ   ภาพรวมโครงการ Niche MONO Sukhumvit-Puchao คอนโดมิเนียม High Rise 12 ชั้น 3 อาคาร มี 3 รูปแบบ 1 Bed Plus, Living Plus และ 2 Bedroom ขนาดห้อง 35-48 ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็นขนาดห้องที่ใหญ่ตั้งแต่ขนาดเริ่มต้น สามารถอยู่ได้จริงแบบไม่อึดอัด ทั้งหมด 572 ยูนิต ร้านค้า 1 ยูนิต   Facilities จะถูกวางเอาไว้ทั้ง 3 อาคารเลยค่ะ ในแต่ละอาคารก็จะมีหน้าตาต่างกันออกไปทั้ง 3 อาคาร 3 สไตล์ เชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมด โดยแบ่งเป็นอาคาร A คอนเซป Active เพิ่มความสดชื่นเติมพลังให้ร่างกายด้วยฟิตเนสพร้อมอุปกกณ์ และมีการแบ่งโซน Lady ไว้ให้ หรือจะวิ่งออกกำลังท่ามกลางบรรยากาศสวนสีเขียว อาคาร B คอนเซป Family ให้ช่วงเวลากิจกรรมของครอบครัวด้วยสระว่ายน้ำ โซนจากุซซี่ หรือจะสตรีม, ซาวน่า ก็มีให้เลือกพักผ่อนได้เต็มทีสำหรับทุกคนในครอบครัว อาคาร C คอนเซป Connecting พื้นที่สำหรับคนรุ่นใหม่ให้ได้นั่งทำงาน นัดประชุม แบบ Co-working Space หรือรับแขกได้ที่คอนโดของตัวเอง   บรรยากาศรอบอาคารที่ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว พร้อมจุดนั่งพักผ่อน ให้ได้บรรยากาศของธรรมชาติล้อมรอบตัว มีลานจอดจักรยาน และ EV charger เพื่อรองรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า   ส่วนกลางของแต่ละอาคารลูกบ้านสามารถใช้ร่วมกันได้ เพื่อความต้องการของลูกบ้านได้อย่างครบครัน จะมีส่วนกลางทั้ง In Door และ Out Door ไม่ว่าจะเป็น ฟิตเนส, สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 28*5 เมตร (รวมสระเด็ก) Jacuzzi, Outdoor Co kitchen, Co-working Space และ Sky Lounge   Floor Plan 3 อาคารจะถูกวางเรียงกันตามความลึกของที่ดินค่ะ แต่ละอาคารจะมีลิฟท์ 3 ตัว บันไดหนีไฟ 2 จุด โดยจะเรียกอาคาร A อยู่ด้านในสุดของโครงการ ฝั่งติดกับถ.ทางรถไฟสายเก่า มี 198 ยูนิตยูนิต แต่จะเปิดขายชาวต่างชาติ อาคาร B เป็นอาคารเดียวที่เปิดขายอยู่ในช่วงเปิดตัวนี้ ซึ่งจะอยู่ตรงกลางของพื้นที่โครงการพอดี เป็นอาคารที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุดเพียง 176 ยูนิต และอาคาร C จะอยู่อาคารแรกจากหน้าโครงการ มี 198 ยูนิต ทั้ง 3 อาคารจะมียูนิตส่วนใหญ่จะหันหน้าออกไปทางทิศเหนือ วิวฝั่งสำโรงและใจกลางเมือง และทิศใต้ วิวทางช้างเอราวัณค่ะ   เป็นที่ทราบกันดีว่า โครงการจาก SENA ที่ใส่ใจเรื่องแหล่งพลังงานสะอาดมาตลอดระยะเวลาหลายปีก็จะมีการติดตั้ง Solar Rooftop เอาไว้ในทุกโครงการ เพื่อดึงแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับส่วนกลาง ส่งผลให้ค่าส่วนกลางมีราคาถูกลงกว่าปกติค่ะ   Unit Plan ทุกยูนิตจะถูกแบ่งห้องภายในเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วนชัดเจน ซึ่งจะเน้นไปที่ฟังก์ชั่นการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งดีไซน์ตามแบบฉบับ SENA โดยเฉพาะ ชนิดที่เรียกได้ว่าพอเห็นก็รู้ได้เลยค่ะ ว่านี่คือเฟอร์นิเจอร์จากโครงการของเสนาตาม Concept “MADE FROM HER”     เปิดห้องตัวอย่าง ที่ Sale Gallery จะมีห้องตัวอย่างให้ชม 2 ห้องด้วยกันค่ะ คือห้อง 1 Bed Living Plus ขนาด 34.86 ตร.ม. กับ 1 Bed Plus ขนาด 36.70 ตร.ม. โดยจากหน้า Sale Gallery ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการจริง เราจะสังเกตเห็นได้ว่าอยู่ติดกับรถไฟฟ้าสถานีปู่เจ้าฯ ในฝั่งที่เป็นบันไดเลื่อนขึ้นสถานีด้วยนะคะ สะดวกสบายมากจริงๆ   1 Bed Living Plus ขนาด 34.86 ห้องตัวอย่างแรก ชื่อก็บอกลักษณะอยู่แล้วนะคะว่าเน้นพื้นที่ห้อง Living Room สำหรับคนที่ชอบใช้พื้นที่ในส่วน Common Area ไม่ว่าจะชอบดูหนัง ทำกับข้าว หรือมีเพื่อนมาหาที่ห้องบ่อยๆ ซึ่งจะเป็นห้องแนวลึก เริ่มจากห้องนั่งเล่น ลึกเข้าไปเป็นห้องครัวแล้วเชื่อมต่อด้วยระเบียงห้อง ความสูง Floor To Ceiling 2.7 เมตร และจะได้ Digital Door Lock ทุกยูนิตค่ะ สำหรับ Type นี้ในช่วงเปิดตัวโครงการจะได้เฟอร์นิเจอร์ ดังนี้ ตู้เก็บรองเท้า และของอเนกประสงค์ เคาน์เตอร์วางทีวี โต๊ะทานข้าว เคาน์เตอร์ครัวครบชุด เตาแม่เหล็กไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน เครื่องปรับอากาศ เตียง 6 ฟุต (ไม่รวมฟูก) โต๊ะทำงาน ตู้เสื้อผ้า Build in ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมด จากแบรนด์ Kohler (รวมฉากกั้นอาบน้ำ)   ห้องครัวเปิดมีพื้นที่เชื่อมต่อลึกเข้าไปจากห้องนั่งเล่นค่ะ โดยจะมีโต๊ะทานข้าวลักษณะแบบบาร์วางกั้นแยกห้องให้ดูเป็นสัดส่วนขึ้น โดยพื้นครัวจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ได้เคาน์เตอร์ครัวแบบ One Wall Kitchen ใช้วัสดุ Top หินสังเคราะห์ ภายในตู้มีฟังก์ชั่นที่คว่ำจานที่สามารถเลื่อนลงมาได้ เพื่อหยิบจับได้สะดวกติดตั้งเอาไว้ให้เรียบร้อยตามแบบค่ะ และเชื่อมต่อด้วยระเบียง เวลาทำครัวจะเหมาะกับการเปิด   ภายในห้องนอนจะวางเตียงไว้กลางห้องแล้วเหลือพื้นที่เดินได้รอบเตียง บริเวณหน้าต่างห้องสามารถวางโต๊ะทำงานไว้ได้พอดีกับความยาวของโต๊ะ มี Build in ตู้เสื้อผ้า ซึ่งมีหน้าบานฝั่งทึบกับฝั่งที่เป็นกระจกโปร่งแสง วางอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำในตัวค่ะ   ภายในห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์มาตามที่เห็นทั้งหมดค่ะ ยกเว้นแค่ฉากกั้นอาบน้ำ ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง กระจกเงา โถสุขภัณฑ์ สายชำระ แกนส่ทิชชู่ ราวแขวนผ้า ฝักบัว ชั้นวางของ     1 Bed Plus ขนาด 36.70 ตร.ม. ห้องตัวอย่างถัดมาค่ะ จะเป็นห้องมุมของอาคาร B แบ่งสัดส่วนห้องออกอย่างชัดเจน เน้นพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ห้องครัวปิด ห้องนั่งเล่น ห้องอเนกประสงค์ เชื่อมต่อกันในแนวลึกแล้วกั้นแต่ละห้องด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ส่วนอีกฝั่งของห้องจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำในตัว และระเบียงค่ะ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้มาสำหรับ Type นี้ คือ ตู้เก็บรองเท้า และของอเนกประสงค์ เคาน์เตอร์วางทีวี เคาน์เตอร์ครัวครบชุด เตาแม่เหล็กไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน เครื่องปรับอากาศ Sofa Bed เตียง 6 ฟุต (ไม่รวมฟูก) ตู้เสื้อผ้า Build in ชุดสุขภัชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดจากแบรนด์ Kohler (รวมฉากกั้นอาบน้ำ)   ส่วนแรกของห้องจะเป็นห้องครัวปิดค่ะ มีเคาน์เตอร์ครัวแบบ One Wall Kitchen ซึ่งจะมีฟังก์ชั่นที่คว่ำจานสามารถจับเลื่อนลงมาได้ติดตั้งเอาไว้ให้ เพื่อหยิบจับได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และช่องสำหรับวางตู้เย็นทางขวามือ ส่วนทางซ้ายจะเป็นชั้นวางของ Build in มาให้ และเป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าค่ะ   พื้นที่กลางห้องเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งจะได้เคาน์เตอร์วางทีวีมาให้ตามแบบ เชื่อมต่อด้านในสุดของห้องด้วยห้องเอนกประสงค์มาพร้อมกับ Sofa Bed ที่สามารถจัดให้เป็นห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือ หรือจะเป็นอีกหนึ่งห้องนอนก็ได้นะคะ   เข้าไปดูในห้องนอนกันบ้างค่ะ โดยจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน High Ceiling 3 บาน วางเตียงเอาไว้กลางห้องแล้วเหลือพื้นที่ทางเดินรอบเตียง ข้างเตียงจะมีระเบียงส่วนตัวกั้นด้วยเหล็กโปร่ง     อีกด้านหนึ่งของห้องนอนจะมีมุมที่เป็น Walk In Closet อยู่หน้าห้องน้ำในตัวค่ะ เวลาจะอาบน้ำแต่งตัวก็สะดวกขึ้นเยอะ ส่วนภายในห้องน้ำก็จะแยกส่วนเปียก-แห้งเอาไว้ให้ พร้อมสุขภัณฑ์ตามแบบห้องตัวอย่างทั้งหมด แต่จะไม่ได้เพียงฉากกั้นอาบน้ำค่ะ    Niche MONO Sukhumvit-Puchao ถือเป็นคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า ซึ่งเปิดให้บริการแล้วในปัจจุบันที่เปิดมาในราคาดีที่สุด แถมยังให้เฟอร์นิเจอร์ฟังก์ชั่นดีๆ ที่หาได้เฉพาะในโครงการจาก SENA เท่านั้นค่ะ เพราะคำว่า “MADE FROM HER” ก็ยังคงเป็นคอนเซปที่ทำออกมาแล้วโดนใจใครหลายคน ไม่ใช่เฉพาะผู้หญิงเท่านั้นค่ะ แต่เพราะความใส่ใจทุกดีเทลชีวิตจากแนวคิดแบบผู้หญิงเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่สามารถครองใจกลุ่มลูกค้าได้อยู่เสมอ   รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม Niche MONO Sukhumvit-Puchao คอนโดติดรถไฟฟ้า จาก SENA PITI SUKHUMVIT 101 PITI EKKAMAI Niche MONO Itsaraphap
SENA เปิดเกมชิงพื้นที่ ปั้นคอนโด “นิช โมโน สุขุมวิท–ปู่เจ้า” โชว์จุดชิค กับ  facilities 3 อาคาร 3 สไตล์

SENA เปิดเกมชิงพื้นที่ ปั้นคอนโด “นิช โมโน สุขุมวิท–ปู่เจ้า” โชว์จุดชิค กับ facilities 3 อาคาร 3 สไตล์

SENA นำร่องเปิดตัวคอนโดใหม่ล่าสุด “นิช โมโน สุขุมวิท–ปู่เจ้า” ขานรับการขยายตัวของเมืองตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงแบริ่ง–เคหะสมุทรปราการ ย้ำแนวคิดการพัฒนาคอนโดแบบ “MADE FROM HER” บนทำเลที่ดีที่สุดเพียง 30 เมตรจาก BTS ปู่เจ้า ราคาเริ่ม 2.59 ล้านบาท* พร้อมเปิดขายรอบ Soft opening 30- 31 มีนาคมนี้ สำหรับลูกค้าลงทะเบียน www.sena.co.th รับส่วนลด Gift Voucher 100,000 บาท*  และลุ้นทอง มูลค่ากว่า 100,000 บาท    นางสาวสมพิศ ศรีระทัด ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่าจากอานิสงค์เส้นทางการเดินรถไฟฟ้าทั้งโครงข่ายคมนาคมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือ รถไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมเปิดให้บริการล้วนแต่ส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมย่านดังกล่าวยังมีดีมานด์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ทางเสนาได้พัฒนาโปรเจกต์ใหม่บนโลเคชั่นที่ดีที่สุดในย่านสุขุมวิทตอนปลาย และพร้อมเปิดขายคอนโดมิเนียมหรู “นิช โมโน สุขุมวิท – ปู่เจ้า” ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 5 ไร่เศษ ติดถนนสุขุมวิท ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีปู่เจ้า เพียง 30 เมตร พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม สูง 12 ชั้น จำนวน 3 อาคาร 572 ยูนิต และ 1 ร้านค้า โดยมีห้องชุดพักอาศัยให้เลือก 2 แบบ คือ แบบ 1 ห้องนอนพลัสและลิฟวิ่งพลัส ขนาดพื้นที่ใช้สอย 35 – 37 ตรม.และแบบ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย  48 ตรม. ราคาเริ่ม 2.59 ล้านบาท*หรือเฉลี่ยต่อตารางเมตรละ 79,000 บาท รวมมูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท โดยเริ่มก่อสร้างแล้วตั้งแต่ต้นปี 2562 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2562 โดยเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมาทางโครงการได้เปิดให้ชมห้องตัวอย่างเป็นครั้งแรก ซึ่งมีลูกค้าสนใจและให้การตอบรับที่ดี   การออกแบบยังคงดึงแนวคิดความละเอียดของผู้หญิง “MADE FROM HER” ใส่ใจทุกดีเทลของชีวิต มาสร้างเอกลักษณ์ทุกมิติด้านฟังก์ชั่นและเติมเต็มพื้นที่ส่วนกลางให้หลากหลายและสร้างความต่างให้มากกว่าด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ครบคุ้มและ facilities 3 อาคาร 3 สไตล์ เป็น Connecting facilities ประยุกต์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยได้อย่างลงตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์โครงการ “RECHARGE” ทั้งแบบ  Active facilities, Family facilities , Connecting facilities เพื่อตอบโจทย์การใช้งานตามพฤติกรรมของลูกค้า อาทิ  Entrance Lobby & Social Lounge, Fitness (Male & Female) , Jacuzzi, Outdoor Co kitchen (BBQ Area) , Steam & Sauna, Co-working Space, Swimming Pool & Kid Pool ,Play Room , EV Charger   ด้านนายปรีชา ศุภปีติพร  กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอคคิวท์ เรียลตี้ จำกัด กล่าวว่าหากพูดถึงทำเลเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) นับว่ามีการปรับราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุด 40% เนื่องจากรถไฟฟ้าก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว (เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2561) ที่ผ่านมา ทั้งหมด 9 สถานี ได้แก่ สถานีสำโรง ปู่เจ้าสมิงพราย ช้างเอราวัณ โรงเรียนนายเรือ ปากน้ำ ศรีนครินทร์ แพรกษา สายลวด และเคหะสมุทรปราการ จึงส่งผลให้ราคาที่ดินในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวปรับสูงขึ้น โดยราคาที่ดินขณะนี้อยู่ที่ราวเกือบ 2-3 แสนบาท/ตารางวา ซึ่งพื้นที่นี้ยังมีการเติบโตและขยายตัวได้อีกมาก     ด้วยศักยภาพทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง เคหะสมุทรปราการนั้น สามารถตอบสนองความต้องการของคนทำงานในเมืองและคนทำงานในย่านสมุทรปราการ ที่สำคัญการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าจะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดฯ รอบสถานีรถไฟฟ้า โดยเฉพาะ “สถานีปู่เจ้า” ซึ่งเป็นแหล่งชุมชน  ใกล้นิคมอุตสาหกรรม ในจังหวัดสมุทรปราการ นอกจากนี้ห่างไป 1 สถานีตรงสถานีสำโรงจะเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรงทำให้สถานีสำโรงเป็นอินเตอร์เชนจ์ที่สำคัญจุดหนึ่ง และหากผังเมืองสมุทรปราการมีการปรับสีผังใหม่ให้สอดรับการพัฒนา ก็จะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางในการเดินทางเชื่อมต่อเข้าเมือง โดยจะเป็นทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งงานและช๊อปปิ้ง อีกทั้งยังมองว่า แนวโน้มทั้งดีมานด์และซัพพลายของตลาดที่อยู่อาศัยในเส้นทางนี้จะไปได้ดี   ทั้งนี้ ทางเสนาเตรียมเปิดขายรอบ Soft Opening ระหว่างวันที่ 30 – 31 มีนาคม 2562 ณ Sale Gallery โครงการ “นิช โมโน สุขุมวิท – ปู่เจ้า” สำหรับลูกค้าลงทะเบียนรับ Gift Voucher Central 100,000 บาท*และร่วมลุ้นทอง มูลค่ากว่า 100,000 บาท  พร้อมพบโปรโมชั่นอีกมากมายภายในวันงาน      
รีวิวคอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ “Triple Y Residence” คอนโดของคน Gen Y

รีวิวคอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ “Triple Y Residence” คอนโดของคน Gen Y

Triple Y Residence คอนโดสามย่าน มิตรทาวน์ ของคน Gen Y ประชากรที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในอนาคต ก็คงจะต้องเป็นกลุ่มคนที่เรียกกันว่า Gen Y ค่ะ ถ้าให้พูดชัดๆ ก็คือคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2540 เป็นกลุ่มที่เพิ่งต้นวัยทำงาน ซึ่งก็เพิ่งเติบโตมาจากความเป็นเด็กมหา’ลัย ที่อยู่ท่ามกลางสังคมดิจิตอลนั่นเองค่ะ แล้วคนกลุ่มนี้มาสำคัญกับเรื่องที่อยู่อาศัยอย่างไร เรามาดูจากหลากหลายมุมมองกันค่ะ   ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับชาว Gen Y กันคร่าวๆ ก่อนค่ะ เพราะวัยหนุ่มๆ สาวๆ กลุ่มนี้เขายืนอยู่ท่ามกลางยุคที่โลกหมุนเปลี่ยนผ่านระหว่างโลกอนาล็อกสู่ดิจิตอลอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันจะใช้เวลาอยู่บนโลกอ่อนไลน์สูงสุดมากกว่ากลุ่มช่วงอายุอื่นๆ ทำให้สามารถเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเองอยู่ตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่คนวัยนี้มักจะค้นหาอะไรใหม่ๆ ด้วยตัวเอง ชอบมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ควบคู่กันไปด้วย โจทย์นี้ทำให้ “คอนโดมิเนียม” เป็นคำตอบที่ตรงใจที่สุด   ทุกวันนี้เราจะเห็นคอนโดมิเนียมออกแบบตกแต่งมาอย่างหรูหรา ใช้หินอ่อนบวกกับอลูมิเนียมเงาวับ คล้ายไปกันหมด แต่จะมีสักกี่แห่งที่ออกแบบมาเพื่อให้ตอบการใช้ชีวิตจริงของกลุ่มคนนั้นๆ เช่น ภายในห้องพักอาศัยใช้โทนสีอ่อนดูอบอุ่น เหมาะกับการพักผ่อน มี Day Bed เป็นมุมอ่านหนังสือในช่วงเวลาชิลๆ  ส่วนกลางมี Co-Learning Space, ฟิตเนส, คาเฟ่ เปิดตลอด 24 ชม. Co-Kitchen ให้ได้ทำอาหารหนักๆ พร้อมจัดปาร์ตี้ได้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นติดห้อง และสิ่งสำคัญคือทำเลอันเหมาะสมจริงๆ สำหรับคนตั้งแต่ Gen Y ลงไป คืออยู่ใกล้สถาบันการศึกษาและที่ทำงาน ซึ่งเราต้องเดินทางไป-กลับอยู่เกือบทุกวัน และยังต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยิ่งอยู่ใกล้คอนโดของเรามากเท่าไหร่ ชีวิตก็ยิ่งสะดวกสบายขึ้น   สำหรับครอบครัวในยุคหลังมานี้เริ่มตระหนักดีถึงความสำคัญทางการศึกษา อาจด้วยเพราะสภาพสังคมที่ต้องแข่งขันกันมากขึ้น เพื่อหวังอนาคตที่ดีของลูกหลาน การเข้าเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปจึงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน, โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ แต่ละแห่งก็มีที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกันทั้งนั้นใช่ไหมคะ แต่ถ้าการเดินทางเข้ามาถึงสถาบันที่ตัวเองเรียนอยู่ ต้องใช้เวลาฝ่าฟันกับรถติดอยู่ทุกเช้าจรดค่ำ จนใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนมากกว่าอยู่บ้านพักเสียอีก เพราะกว่าจะถึงบ้านก็ค่ำมืด แล้วต้องตื่นแต่เช้าตรู่เข้ามาในเมืองอีกอยู่ดี ฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดนั่นคือการหาคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษาให้ได้มากที่สุด เพื่อประหยัดเวลาเดินทาง สู้เอาเวลาที่อยู่บนท้องถนนมานั่งอ่านหนังสือ หรือเข้าโรงเรียนกวดวิชาใกล้ๆ กันนี้ แถมมีเวลาพักผ่อนมากกขึ้นกับสิ่งอำนวยความสะดวกรอบตัว ไม่ดีกว่าเหรอคะ?       กว่า 19 ล้านคนของคนกลุ่มนี้ ไปจนถึงกลุ่ม Demand ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ซึ่งจะมีเข้ามาใหม่อยู่ทุกปี อย่างเฉพาะที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในแต่ละปีการศึกษาจะมีนิสิตตบเท้าเข้ามาใหม่ประมาณ 6,000-7,000 คน/ปี นี่ยังไม่รวมบุคลากร รวมถึงผู้ที่ทำงานในละแวกนี้อีกนะคะ เพราะแนวโน้มของคน Gen Y มีแนวโน้มนิยมเช่ามากกว่าซื้อ(ลิงค์ไปที่บทความเก่า) เรียกได้ว่าเป็นกลุ่ม Demand อันหอมหวล บวกกับทำเลที่ทั้งเดินทางง่ายและรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ สำหรับในมุมมองของนักลงทุน              Triple Y Residence เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ SAMYAN MITRTOWN มิกซ์ยูสใจกลางเมืองฝั่งตรงข้ามจามจุรีสแควร์ ซึ่งจะมี ทางเดินเชื่อมตรงจาก MRT สามย่าน มาถึงหน้าโครงการไม่ต้องเสี่ยงอันตรายข้ามถนน ให้อารมณ์เหมือนในต่างประเทศเลยค่ะ ทั้งหมดบนพื้นที่กว่า 14 ไร่ ที่จะกลายมาเป็น Point สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา คนทำงาน และนักท่องเที่ยว เพราะจะประกอบไปด้วย Office Grade A 30% 31 ชั้น ลิฟท์โดยสาร 14 ตัว แยกลิฟท์ขนของ พื้นที่ใช้สอย 48,000 ตร.ม. อยู่ทางฝั่งถ.พระราม 4 Retail 30% 6 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 36,000 ตร.ม. แบ่งโซนเป็น Eating Library 43% Learning Library 29% Living Library 28% หน้าโครงการตรงหัวมุมสี่แยก ยาวไปทางถ.พญาไท Residence 15% แบ่งเป็นคอนโดฯ 516 ยูนิต โรงแรม 112 ยูนิต ฝั่งใกล้กับคณะนิติศาสตร์ จุฬา Shared Parking 25% รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดถึง 222,000 ตร.ม.       คอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ "Triple Y Residence" Triple Y Residence เป็นชื่อเรียกในส่วนของคอนโดมิเนียม 33 ชั้น ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 11 ขึ้นไปโดยแบ่งเป็น 3 Type คือ 1 Bedroom 34 ตร.ม. จำนวน 459 ยูนิต 1 Bedroom+ 40 ตร.ม. จำนวน 19 ยูนิต 2 Bedroom 68 ตร.ม. จำนวน 38 ยูนิต           ส่วนชั้นล่างของอาคารเป็นโรงแรมที่เรียกว่า Triple Y Hotel จำนวน 112 ห้อง   Facility ของคอนโดมิเนียมจะแยกออกจากกันกับส่วนของโรงแรม มีเพียง Lobby เท่านั้นที่ใช้ร่วมกัน ซึ่งตัว Lobby เมื่อใช้ร่วมกันกับโรงแรมก็จะต้องมีพนักงานอยู่ตลอด 24 ชม. ค่ะ ฉะนั้นเรื่องของความปลอดภัยก็หายห่วงค่ะ โดยส่วนกลางของคอนโดมิเนียมก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงของกลุ่ม Real Demand ที่เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ไปจนถึงกลุ่มคนทำงาน ไม่ว่าจะเป็น Study zone, Fitness, Co-Kitchen, Laundry zone, สระว่ายน้ำแบบ Outdoor     Triple Y Residence เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Lease Hold หรือสิทธิการเช่า 30 ปีค่ะ แม้ว่าฟังดูเผินๆ อาจจะทำให้ลังเลอยู่สักหน่อย แต่จริงๆ แล้วความเป็น Lease Hold ก็มีข้อดีตรงที่ว่า ราคาขายทั่วไปจะถูกกว่าแบบ Free Hold ประมาณ 20-30% เมื่อเทียบในทำเลเดียวกัน และตลอดระยะเวลา 30 ปี ทางโครงการจะช่วยดูแลที่พักอาศัยของคุณให้ดูน่าอยู่ ดูใหม่อยู่เสมอ โดยที่เราไม่ต้องไปลงแรงอะไรมากให้เสียเวลากับเหล่าปัญหาจุกจิกที่ทุกคอนโดมักจะเจอกันอยู่เสมอ ส่งผลดีทั้งการปล่อยเช่าได้ราคาดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้อยู่อาศัยเองก็แฮปปี้ไปด้วย         พร้อมเปิดขาย Pre-sale Event ในวันที่ 10 มี.ค. 62 ราคาเริ่มต้นพิเศษ 4.49 ล้านบาท สิทธิพิเศษ สำหรับผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน Pre-sale Event รับส่วนลด 100,000 บาท ทันที คลิก tripleyresidence หรือ โทร 065-275-7472 รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม คอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ Triple Y Residence บทความอื่นๆ เกี่ยวกับ คอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ 19 ร้านคอนเซ็ปต์ “ใหม่” ในสามย่านมิตรทาวน์ เปิด 5 ไฮไลท์ “MITRTOWN OFFICE TOWER” “สามย่านมิตรทาวน์” มิกซ์ยูส 9,000 ล้าน โปรเจ็กต์แรกที่เปิดบนถนนพระราม 4 “สามย่านมิตรทาวน์” เปิดพื้นที่ 24 ชั่วโมง ให้คนกรุงใช้ชีวิตทั้งวันทั้งคืน “กิน ดื่ม ทำงาน และออกกำลังกาย”  
ออริจิ้นฯ เตรียมเปิด “Knightsbridge สุขุมวิท-เทพารักษ์” รับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง

ออริจิ้นฯ เตรียมเปิด “Knightsbridge สุขุมวิท-เทพารักษ์” รับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง

การลงทุนโครงข่ายระบบรถไฟฟ้า และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง) ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) เป็นอีกโครงการที่มาเติมเต็มโครงข่ายขนส่งมวลชน กรุงเทพฯโซนตะวันออก เป็นเส้นทางเชื่อมกรุงเทพฯตอนบนกับตอนล่าง นับตั้งแต่ถนนลาดพร้าว บางกะปิ ศรีนครินทร์ และเทพารักษ์  เมื่อบวกกับปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ เช่น ชุมชนขยายตัวและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่เป็นตัวเพิ่มศักยภาพที่น่าสนใจ ทำให้ตลอดแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่มีระยะทาง 30.4 กม. รวม 23 สถานี นายกฯพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานพิธีกดปุ่มสร้างปลายเดือนสิงหาคม 2561 มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการปี 2564 คาดการณ์จะมีผู้โดยสารให้บริการประมาณ 220,000 คน-เที่ยวต่อวัน ส่งผลเกิดการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยคึกคัก   “ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ ” (Knightsbridge Sukhumvit-Theparak) คอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุด!!  ที่ บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เจ้าของโครงการยืนยันว่าเป็นโครงการบนถนนเทพารักษ์ ทำเลศักยภาพที่พร้อมเจิดจรัส เพียง 0 เมตรจากสถานี MRT ทิพวัล และเชื่อมต่อกับสถานี Interchange สำโรง (สายสีเขียวสุขุมวิท) เพียง 1 สถานี เชื่อมต่อถนนเส้นหลักถึง 2 เส้นทั้งสุขุมวิทและศรีนครินทร์     โครงการ “ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ ” ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 1ไร่ พัฒนาเป็นอาคารสูง 35 ชั้น 1อาคาร จำนวน 474 ยูนิต และ 1Shop  มีห้องให้เลือกตั้งแต่ขนาดพื้นที่ 23 - 55 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาขายเฉลี่ยที่ 90,000 บาทต่อตร.ม.  มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,490 ล้านบาท มีที่จอดรถ Auto Parking 49% กำหนดเริ่มก่อสร้าง ปี 2562 คาดแล้วเสร็จในปี 2564  (อาคารจะสร้างเสร็จพร้อมรถไฟฟ้าเปิดใช้งาน) โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็นกลุ่มพนักงานบริษัทแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และ โซนเทพารักษ์,บางนา,บางพลี,สมุทรปราการ เจาะกลุ่มคนที่มีระดับรายได้ 35,000 บาทต่อเดือนโดยประมาณ   โครงการดังกล่าวออกแบบโดยบริษัท โบว์มอนท์ พาร์ทเนอร์ส จำกัดหนึ่งในผู้ออกแบบที่อยู่อาศัยที่มีความคิดสร้างสรรค์ และมีผลงานมากมายเป็นที่ยอมรับและรู้จักกันดีในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ของบริษัทผู้ออกแบบผสานกับความเป็นผู้เชี่ยวชาญมีฐานข้อมูลด้านการตลาดของ ออริจิ้น ฯ จึงสร้างความโดดเด่นในโครงการทุกพื้นที่การอยู่อาศัยรวมถึงพื้นที่ส่วนกลางที่โดดเด่น ชั้นบนสุด Rooftop Facility สวนชั้นดาดฟ้า พร้อมจุดชมวิวได้รอบทิศ 360 องศา อีกทั้งยังตอกย้ำจุดเด่นแบรนด์ Knightsbridgeให้แตกต่างจากโครงการการอื่นในย่านเดียวกันนั่นคือ จะเน้นไปที่ความพรีเมี่ยมของทำเล จำนวนยูนิตไม่มากนัก และรวมไปถึงความเป็นส่วนตัวในการใช้พื้นที่ส่วนกลางได้เต็มอิ่มในราคาที่จับต้องได้  มีระบบรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด CCTV 24 ชั่วโมง ปัจจุบันเปิดรับลงทะเบียนสำหรับรับข่าวสารข้อมูลโครงการแล้วที่ www.origin.co.th หรือ http://www.origin.co.th/register/knightsbridge-sukhumvit-thepharak หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 020-300-000     นอกจากนี้ยังมีอีก 5 ปัจจัยสำคัญที่นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท ออริจิ้น ฯ บอกว่าเป็นเหตุผลที่บริษัทฯเลือกลงทุนพัฒนาโครงการ “ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์” บนถนนเทพารักษ์ที่มีความโดดเด่นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต นั่นคือ   โครงการอยู่ติดกบรถไฟฟ้าสถานีเทพารักษ์ 0 เมตรและเชื่อมต่อกับ interchange สายสีเขียว สถานีสำโรง ซึ่งมีโครงสร้างและแนวโน้ม ในการรับผลประโยชน์จากการพัฒนาของที่ดินได้ทั้งสองสาย ถนนเส้นนี้เป็น 1 ใน ถนนเพียง 3 สายบนแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทที่เป็นถนน 4 เลน และ มีรถไฟฟ้าตัดผ่านกลางซอย ทำเลเทพารักษ์อยู่เชื่อมต่อ ถนน เส้นหลักถึง 2 เส้น (สุขุมวิท และ ศรีนครินทร์) รวมไปถึงตัวโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนหลัก (8 เลน) ที่สามารถรองรับการพัฒนาของที่ดินรวมไปถึงการลงทุนต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขยายตัวของทำเลสุขุมวิท ลูกค้าต่างชาติทั้งเอเซียและยุโรปมีความต้องการห้องพักอาศัยในเมืองใกล้แนวรถไฟฟ้าในทำเลเที่เดินทาง สะดวกและอุดมสมบูรณ์ในราคาค่าเช่าที่ถูกลงพร้อมกับการขยายตัวของแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีเหลืองที่เชื่อมต่อจุด Interchangeบางนา-สุวรรณภูมิ มีการเจริญเติบโตในด้านการลงทุนต่างๆ ทั้งที่พักอาศัย,Community Mall,โรงแรม และ โรงเรียนนานาชาติ   ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการที่อุดมไปด้วยห้างสรรพสินค้าและ Avenue ชั้นนำ พร้อมความสะดวกสบายในการเดินทางบนถนนเทพารักษ์ที่เป้นถนนที่มีความกว้างถึง 8 เลนเชื่อมกับถนนหลัก 2 เส้นทางทั้งสุขุมวิทและศรีนครินทร์ สะดวกสาบายกับการเดินทางด้วยรถยนต์ใกล้ทางด่วนและวงแหวนอุตสาหกรรม จะช่วยทำให้ชีวิตกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่...ที่ต้องการใช้ชีวิตส่วนตัวที่จะได้รับผลประโยชน์จากการมาของรถไฟฟ้าทั้งสายสีเหลืองและสายสีเขียวในแง่ของการเจริญเติบโตของที่ดิน และโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆในอนาต   บริษัทฯมั่นใจว่า โครงการ “ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ ” จะเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้นๆที่ต้องการแยกครองครัว หรือใช้ชีวิตส่วนตัว อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องเช่าที่อยู่อาศัย และเห็นความสำคัญของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่จะสร้างเสร็จในปี 2564 และจากข้อมูลที่ได้จากการสำรวจพบว่า มีกลุ่มคนที่เดิมมีบ้านอยู่บริเวณเทพารักษ์ สำโรง ปู่เจ้าสมิงพราย ที่ต้องการแยกครอบครัว แต่ไม่มีเงินมากพอจะซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบ จึงเลือกซื้อคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่อยู่ใกล้บ้านเดิมของตนเอง              
วี พร็อพเพอร์ตี้ฯ ส่งโครงการ “เวอร์เทียร์ สุขุมวิท” ลงตลาดคอนโดนิเนียม Luxury ติดสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง

วี พร็อพเพอร์ตี้ฯ ส่งโครงการ “เวอร์เทียร์ สุขุมวิท” ลงตลาดคอนโดนิเนียม Luxury ติดสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง

“สุขุมวิท” ถนนเส้นนี้ได้ชื่อว่าเป็นถนนที่สะท้อนถึงความทันสมัย แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ ชาวต่างชาติรู้จัก ถือว่าเป็นทำเลที่ต้องจับตามองตลอดเวลาในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะย่านใจกลางสุขุมวิทอย่างพระโขนงแห่งนี้ โดยภาพรวมการพัฒนาของวงการอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันพบว่า ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมนั้นเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับความต้องการ (demand) ของผู้ซื้อที่ขยับเพิ่มขึ้นตามอย่างต่อเนื่องตามแนวรถไฟฟ้า มีการขยายการพัฒนาออกไปจากบริเวณใจกลางสุขุมวิทอย่าง อโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัยไปสู่ “พระโขนง” ทำเลกึ่งกลางที่อดีตเคยถูกมองข้าม แต่วันนี้... ย่านพระโขนง กำลังก้าวสู่บริบทความเป็นเมืองใหม่ที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเดินทาง เรื่องของไลฟ์สไตล์ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน   ..และที่นี่ทำเลพระโขนงมีคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้ทำเลเอกมัย และทองหล่อ เหนือกว่าด้วยที่ตั้งโครงการที่ติดสถานีรถไฟฟ้า ด้วยราคาเปิดตัวที่น่าสนใจนั่นก็คือ โครงการ  “เวอร์เทียร์ สุขุมวิท” (Vertier Sukhumvit) คอนโดมิเนียมระดับ Luxury ติดสถานีรถไฟฟ้า เปิดตัวใหม่ล่าสุดในทำเลดังกล่าว ที่ บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (V Property) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์เน้นพัฒนโครงการที่อยู่อาศัยเฉพาะทำเลศักยภาพ เเละเน้นการพัฒนาที่ดินเฉพาะแปลงที่หายากเท่านั้นอย่างเช่น บริเวณรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือ สายสุขุมวิทเป็นหลัก ตั้งใจพัฒนาโครงการโดยเน้นจุดเด่นของทำเล และราคาที่สมเหตุสมผล   นายพรชัย เลิศอนันต์โชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ V Property กล่าวว่า Mid Sukhumvit เป็น จุดศูนย์กลางแห่งการเชื่อมต่อถนนหลักที่สำคัญเข้าสู่ใจกลางย่านธุรกิจชื่อดังมากมายของถนนสุขุมวิทตอนกลางกับตอนปลาย ที่สามารถเชื่อมไปสู่ทำเลอื่นด้วยถนนเส้นสำคัญๆ ไม่ว่าเป็น สุขุมวิท 71 ที่เชื่อมไปยังถนนเพชรบุรี ถนนรามคำแหง ถนนพัฒนาการ หรือพระราม 9 หรือหากวิ่งเส้นพระราม 4 ก็เข้าสู่ถนนสีลม สาทรได้ และที่สำคัญยังเป็นจุดเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาในอนาคต   ด้วยศักยภาพของทำเลใจกลางสุขุมวิทที่มี Demand สูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี บริษัทฯจึงเลือกทำเลติด BTS สถานีพระโขนง ลงทุนพัฒนาโครงการ เวอร์เทียร์ สุขุมวิท เป็นคอนโดมิเนียม ไฮไรส์ 31 ชั้น 1 อาคาร พร้อมที่จอดรถอัจฉริยะ ทั้งอาคารมีห้องพักอาศัยทั้งสิ้น 227 ยูนิตรวมมูลค่า 1.8 พันล้านบาท กำหนดราคาขายเริ่ม 180,000 บาทต่อตารางเมตร แบ่งชั้นพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 4-28 ชั้นส่วนกลางอยู่ชั้น 1-3 และชั้น 29-30 ตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 1 ไร่ ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีพระโขนง ใกล้กับจุดเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-พระโขนง-สะพานพระราม 9-ท่าพระ) ในอนาคตด้วย เดินทางด้วยรถยนต์ก็สะดวกเพราะที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้กับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษฉลองรัช โครงการมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 2 ปี 2564 (ค.ศ.2021)     โครงการ เวอร์เทียร์ สุขุมวิท ถูกออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “RARE COLLECTIBLE LOCATION” เป็นแนวคิดการพัฒนาที่พักอาศัย บนทำเลที่หายากและน้อยคนนักที่จะได้เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมหรูทำเลติดถนนสุขุมวิทและสถานีรถไฟฟ้าใจกลางเมือง ผสานการออกแบบเน้นความเป็นส่วนตัวสูง และความสะดวกสบายของผู้พักอาศัยทั้งเรื่องการเดินทาง ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการเลือกใช้ชีวิตแบบคนเมืองอย่างแท้จริง รายละเอียดห้องชุดมีดังนี้ แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 – 42 ตร.ม. จำนวน 183 ยูนิต แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 48 – 52 ตร.ม. จำนวน 38 ยูนิต แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 86 ตร.ม.จำนวน 6 ยูนิต (สามารถจดทะเบียนบริษัทได้) สำหรับพื้นที่ส่วนกลางเน้นตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียม และมีสไตล์โดดเด่นสะท้อนเอกลักษณ์ของผู้อยู่อาศัย ประกอบไปด้วย Atelier Lobby Lounge, Business Meeting Lounge, Sky Aquarium Pool, Jacuzzi และ Pool Terrace, Vertical Oasis & Pinnacle Pavilion, Crystal Fitness เป็นต้น และด้วยจำนวนยูนิตพักอาศัยที่น้อยเพียง 6-10 ห้อง ต่อ 1 ชั้น อีกทั้งโครงการยังออกแบบให้ทุกยูนิตเป็นแบบ “Single  Loaded Corridor หรือไม่มีห้องตรงข้าม” เพื่อเน้นความเป็นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบให้แก่ผู้ที่ได้ครอบครองห้องชุด ซึ่งโครงการให้ความสำคัญเป็นพิเศษ   ด้วยศักยภาพของทำเลและการออกแบบโครงการ ที่ใส่ใจทุกรายละเอียดเน้นความเรียบหรู และการใช้งานได้อย่างลงตัว ทำให้ลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากฐานลูกค้าเก่าที่มี Brand Loyalty กับ V Property และอีกส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าใหม่ซึ่งก็มีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ “ผมมั่นใจว่า โครงการ เวอร์เทียร์ แค่คุณได้เป็นเจ้าของก็ถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว ทำเลติดสถานีแบบนี้ถือว่าหายากมาก ที่สำคัญราคาสมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับโครงการเปิดใหม่ๆเมื่อปีที่ผ่านมา” นายพรชัย เลิศอนันต์โชค CEO บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าว   ในวันที่ 16-17 ก.พ.นี้ โครงการ เวอร์เทียร์ สุขุมวิท จัดงาน Exclusive Pre-Sales พร้อมเปิดให้จองห้องภายในงาน ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนรับส่วนลด 500,000 บาท ได้ที่ www.vertierbangkok.com หรือเข้าชมโครงการ ณ Vertier Sales Gallery รถไฟฟ้าสถานีพระโขนงทางออกประตู 2 เพียง 50 เมตร          
มิกซ์ดีไซน์ แมทช์เฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัว

มิกซ์ดีไซน์ แมทช์เฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัว

มิกซ์ดีไซน์ แมทช์เฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัว ถ้าได้ผ่านไปผ่านมาแถวทองหล่อบ่อยๆ เชื่อว่าหลายคนคงจะเริ่มคุ้นตากับโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 จาก SINGHA ESTATE ที่มี Sales Gallery อยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 36 กันบ้างแล้ว ต้องบอกว่าโครงการนี้มีความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบ โดยมีที่ปรึกษาจากทีมดีไซน์เนอร์ระดับโลกทำให้โครงการนี้จัดเป็นโครงการ ที่น่าจับตามองมากในเวลานี้ ปัจจุบันโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 มียอดขายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 60% โครงการนี้ไม่ได้มีดีแค่จุดเด่นของทำเลที่ตั้งที่อยู่ใจกลางสุขุมวิท ติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อเท่านั้นนะคะ งานดีไซน์ของคอนโดมิเนียมทั้ง Exterior และ Interior ต้องเรียกว่าเป็นการลงรายละเอียดในทุกๆ ตารางนิ้ว เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง   โครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 ได้ทีมออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายเจ้า แถมยังเป็นทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านแทบทั้งสิ้น อย่างงานด้านสถาปัตยกรรมก็ได้ “Tandem” บริษัทออกแบบสัญชาติไทยที่มีประสบการณ์มากมาย มาร่วมมือกับบริษัทสถาปนิกชื่อดังจากอเมริกาอย่าง “SOM” Skidmore, Owings and Merrill (Thailand) Co. Ltd เป็นที่ปรึกษา ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการออกแบบอาคารสูง และฝากผลงานไว้มากมาย ทำให้ดีไซน์ตัวอาคารของ THE ESSE Sukhumvit 36 สวยสะดุดตาเป็นที่สุด   ส่วนงานภูมิสถาปัตยกรรม ทาง SINGHA ESTATE เลือก “Shma” เป็นผู้ออกแบบ ในขณะที่ Interior ส่วนกลางได้ “dwp” (Design Worldwide Partnership) มาเป็นอีกแรงสำคัญที่ทำให้บรรยากาศภายในมีกลิ่นอายที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบภูมิปัญญาไทย กับการออกแบบที่เป็นสากล ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้แนวคิด “The Essence of Luxurious Living is HARMONY OF CONTRAST” ที่ต้องการสื่อสารถึง “การใช้ชีวิตที่มีความสมดุลในความแตกต่างอย่างกลมกลืน”   แน่นอนว่ารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เห็นในโครงการทั้งหมดนี้ เกิดจากการผสมผสานเอกลักษณ์ของดีไซน์เนอร์แต่ละคนไว้อย่างลงตัว   จริงอยู่ที่ทางโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 เปิดขายห้องชุดแบบ Fully Fitted เพื่อให้เจ้าของห้องชุดได้มีโอกาสสร้างสรรค์การตกแต่งห้องตามสไตล์ตัวเองได้อย่างเต็มที่ แต่ความชื่นชอบที่หลากหลายและแตกต่างกัน ก็สามารถนำมา Mix and Match จนได้สไตล์ส่วนตัวที่ไม่ซ้ำกับใคร บางครั้งเราอาจจะนึกไม่ถึงเลยว่าเฟอร์นิเจอร์ในสไตล์ Loft จะสามารถเข้ากันได้ดีห้องสไตล์ Classic หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เรียบง่าย หากเพิ่มเติมโลหะสีทองหรือสีทองแดงเข้าไป จะสามารถเพิ่มความน่าสนใจให้กับชิ้นงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่เราเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ให้ถูกชิ้น จัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม ก็สามารถผสมผสานวัสดุ และสไตล์ Mix & Match กันได้อย่างกลมกลืน   การออกแบบหรือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้กับห้องใดๆ ไม่ได้มีกฏกำหนดตายตัวเสมอไปหรอกค่ะ เราเชื่อว่าห้องนั้นๆ จะถูกตกแต่งอย่างไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบ รสนิยม ความพึงพอใจของเจ้าของห้องเป็นหลัก ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้มา คือห้องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และสามารถบ่งบอกถึงตัวตนของเจ้าของห้องได้ดีที่สุดนั่นเองค่ะ   ก็เหมือนกับที่ THE ESSE Sukhumvit 36 ที่ผสมผสานเอกลักษณ์งานออกแบบของดีไซน์เนอร์หลากหลายสัญชาติ ให้มารวมกันได้อย่างลงตัวที่สุด และเพื่อให้เจ้าของห้องชุดรู้สึกว่าการตกแต่งห้องเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องจ้าง Interior Designer เสมอไป ที่โครงการจึงจัดชุดเฟอร์นิเจอร์สวยๆ จาก LOAM ARTISANAL LIVING มาจัดโปรโมชั่นพิเศษ (Limited Offer) ให้เจ้าของห้องได้มีโอกาสเลือกห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่จะมา Mix& Match ความหรูหราอย่างมีสไตล์ได้ตามใจคุณ เริ่มต้นกันด้วยห้อง 1 Bedroom กับ Furniture Package จาก LOAM ARTISANAL LIVING มูลค่า 500,000 บาท ชุดเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นทั้งในห้องนั่งเล่นและห้องนอน สี Earth Tone สบายตา ทำให้เราสามารถแต่งเติมสีสันด้วยของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพิ่มเติมเข้าไปได้ง่ายขึ้น รับรองว่าไม่ซ้ำกับใครแน่นอนค่ะ     ส่วนห้อง 2 Bedroom ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยค่ะ เพราะมูลค่า Furniture Package มากถึง 700,000 บาทเลย ชุดเฟอร์นิเจอร์สวยๆ จาก LOAM ARTISANAL LIVING มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว งานดีไซน์เรียบหรู แต่ก็แอบซ่อนกิมมิกเก๋ๆ ไว้ในเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นด้วยนะคะ     นอกจาก Exclusive Furniture Package ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ทาง SINGHA ESTATE ยังได้เสนอเงื่อนไขพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ชำระค่าห้องผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ จะได้คะแนนสะสมสูงสุด 20 เท่า**   จะมามัวรีรอไม่ได้แล้วค่ะ คอนโดสวยๆ ใจกลางเมือง ติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ แถมยังได้เฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ดังครบเซ็ต ในราคาเริ่มต้น 12.6 ล้านบาท* แบบนี้มีจำนวนจำกัด และหาที่ไหนไม่ได้ง่ายๆ แล้วนะจ๊ะ รีบคลิกลงทะเบียนกันที่ http://bit.ly/2ws3h1s  หรือ โทร. 1221    
Aspire Erawan ก้าวเดียวจากรถไฟฟ้า ราคาแค่ล้านกว่า : รีวิวคอนโด

Aspire Erawan ก้าวเดียวจากรถไฟฟ้า ราคาแค่ล้านกว่า : รีวิวคอนโด

ราคาคอนโดมิเนียมสมัยนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า ยิ่งติดรถไฟฟ้ามากเท่าไรราคาก็พุ่งสูงขึ้นทุกวันจนใกล้จะเอื้อมถึงยากเข้าไปทุกที โดยเฉพาะทำเลช่วงสุขุมวิทตอนต้นที่แม้จะอุดมสมบูรณ์รอบด้าน แต่ราคาคอนโดมิเนียมเฉลี่ย/ตร.ม. ก็เริ่มต้นที่แสนปลายๆ ขึ้นไปแล้ว แถมยังไม่ได้ติดรถไฟฟ้าอีกต่างหาก ซึ่งในรีวิวฉบับนี้เราจะพาทุกท่านไปชมคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ติดรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท ชนิดที่ห่างจากหน้าโครงการเพียงก้าวเดียว แต่ราคาเริ่มต้นแค่ 1.89 ล้านบาทเท่านั้น (เริ่ม 63,000 บาท/ตร.ม.) ทำเลดี ราคาโดนแบบนี้ ลองไปทำความรู้จักด้วยกัน พร้อมกับโปรโมชั่นที่ให้มากที่สุดแห่งปีกันค่ะ ทำเลสุขุมวิทช่วงปลาย ขึ้นชื่อว่าถนนสุขุมวิท เชื่อว่าใครๆ คงรู้จักกันดี โดยเฉพาะช่วงต้นไปจนถึงช่วงกลาง เพราะเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญชื่อดังมากมาย เริ่มตั้งแต่ถนนพระราม 1 ที่บริเวณสยาม แหล่งรวมวัยรุ่นทุกยุคทุกสมัยจนมาเชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิทบริเวณเพลินจิต-นานา-อโศก-พร้อมพงษ์-ทองหล่อ ที่ถือให้เป็นสุขุมวิทช่วงต้น ต่อด้วยเอกมัยไปจนถึงอุดมสุขที่เป็นช่วงกลาง และจากบางนาออกไปจึงถือเป็นสุขุมวิทช่วงปลาย ซึ่งในโซนนี้หากใครได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองก็จะรู้สึกถึงความเรียบง่าย ไมวุ่นวายมากนักเมื่อเทียบกับสุขุมวิทช่วงต้น เพราะย่านนี้ยังคงเป็นชุมชนเดิมอยู่ อาคารสูงยังน้อยมาก       สุขุมวิทช่วงปลาย แม้จะยังดูไกลออกไปอยู่พอสมควร แต่เดือนธันวาคมนี้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากสถานีสำโรงในปัจจุบันก็จะเปิดให้บริการยาวไปจนถึงสถานีเคหะสมุทรปราการ นี่จะกลายเป็นสิ่งสำคัญที่จะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนในแง่ของการเดินทางจากชานเมืองเข้าไปสู่ในเมืองนั้นสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกในละแวกนี้นั้นก็ไม่แพ้โซนอื่นๆ เลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กซี สำโรง, โลตัส ศรีนครินทร์, ฟู๊ดแลนด์ ศรีนครินทร์  ที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการมากนัก ส่วนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญก็จะมี เมกา บางนา, เซ็นทรัล บางนา ส่วนโรงพยาบาลก็มีทั้งรัฐและเอกชน เช่น รพ.เปาโล เมโมเรียล สมุทรปราการ, รพ. เอราวัณ, รพ.สำโรงการแพทย์, รพ.ศิครินทร์ ฯลฯ     Aspire Erawan ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิทขาเข้า หน้าโครงการติดกับ BTS สถานีช้างเอราวัณ อย่างที่เรียกได้ว่า 0 เมตร สามารถเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างทองหล่อ-อโศก-สยาม ได้เลยไม่ต้องเปลี่ยนเส้นทาง หากใครที่ใช้รถยนต์ก็สามารถใช้ถ.กาญจนาภิเษก เป็นหลักในการเดินทางไปไหนมาไหนได้เลยค่ะ เพราะอยู่ห่างจากโครงการไม่ถึง 1 กิโลเมตร ไม่ว่าจะออกนอกเมืองไปทางพระราม 2 หรือบางนาแล้วเชื่อมต่อกับบูรพาวิถีก็สะดวกสบาย หรือจะเข้าสู่ตัวเมืองก็ยังสามารถใช้ถ.กาญจนาภิเษก แล้วเชื่อมต่อกับวงแหวนอุตสาหกรรมไปลงที่ถ.พระราม 3 ก็จะสามารถเข้าสู่ช่วงสาทรได้ง่ายๆ ใช้เวลาเพียง 30 นาที และยังใกล้ทางด่วนบางนา เพียง 15 นาที เชื่อมต่อเข้ากรุงเทพฯ ชั้นในได้อย่างสะดวกสบายเพียง 15 นาที         ภาพรวมโครงการ Aspire Erawan คอนโดมิเนียม High Rise 1 อาคาร 31 ชั้น 1,576 ยูนิต ชั้น B1-4 เป็นที่จอดรถ 553 คัน (35%) ไม่รวมซ้อนคัน ยูนิตพักอาศัยจะอยู่ที่ชั้น 6-30 พื้นที่ทั้งหมด 6-1-89.5  ไร่ ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท ดีไซน์อาคารได้แรงบันดาลใจมาจากความเป็น Modern Japanese นำมาผสมผสานกับกลิ่นอายแบบ Industrial เกิดเป็นโครงการที่ดูเรียบง่าย แต่ได้ประโยชน์ใช้สอยมาก     เดินชม Facility สิ่งอำนวยความสะดวกจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้นด้วยกันค่ะ เริ่มตั้งแต่บริเวณเหน้าโครงการที่มี Shop ซึ่งมีที่จอดรถด้วย ทำให้บุคคลภายนอกสามารถแวะมาใช้บริการได้ด้วยเช่นกันค่ะ ทางเดินจากหน้าโครงการก็มีการกั้นระหว่างทางเดินที่มีหลังคาไปตลอดทางกับทางรถยนต์แยกกันอย่างชัดเจน เมื่อเข้ามาถึงตัวโครงการก็จะพบ Drop Off จะเริ่มเข้าสู่ตัวอาคาร โดยจะมีทั้ง Lobby ใต้อาคารให้ได้นั่งเล่นรับลม และ Lobby ภายในอาคารที่ต้องใช้คีย์การ์ดผ่านเข้าไปเท่านั้น เชื่อมต่อไปจนโถงลิฟท์หลัก ซึ่งก็จะมีประตูคีย์การ์ดกั้นอีกชั้นหนึ่งเพิ่มความปลอดภัยแก่ลูกบ้าน   ชั้น 5 Facility หลักของโครงการ จะมีทั้ง Co-Working Space ในห้องที่มีฟรี Wifi ได้วิวรถไฟฟ้าด้านหน้าโครงการ Active Fitness พร้อมอุปกรณ์ระดับโปร และ Game Room ให้มีกิจกรรมสังสรรค์ใหม่ๆ กับเพื่อน รวมถึงห้องสตีมที่อยู่ภายในห้องน้ำส่วนกลาง และสระว่ายน้ำระบบเกลือ แยกสระเด็ก มีสวนสีเขียวให้ได้นั่งพักผ่อนรอบๆ           Rooftop เปลี่ยนบรรยากาศออกกำลังกายในฟิตเนสมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติบนชั้น Rooftop ไม่ว่าจะเป็น Jogging Track, Sky Yoga หรือชอบความท้าทายอย่าง Boxing Zone, Climb Zone และยังมี Bar-B-Q Zone และจุดชมวิวให้ได้นั่งพักผ่อนพร้อมชมทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยา แล้วทอดสายตาออกไปเป็นแนวใจกลางเมือง     ไม่ใช่แค่ติดสถานีรถไฟฟ้าเท่านั้นนะคะ แต่หน้าโครงการยังเป็นบันไดเลื่อนขึ้นสถานีด้วยค่ะ   Shop หน้าโครงการมีประมาณ 3 Shop (7-11, ร้านอาหาร Time to eat และร้านการแฟ D'oro) ทางเข้ากั้นด้วย Keycard Access Control และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.    ทางเดินเข้าตัวโครงการประมาณ 150 เมตร   Drop off ก่อนจะเข้าถึงตัวอาคารค่ะ   Lobby ด้านนอกแบบ Semi ก่อนจะเข้าสู่ภายในอาคารก็ต้องผ่านด้วย Keycard Access Control เช่นกันค่ะ   Lobby ด้านใน   มีการติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ AED เอาไว้ตามนโยบายจาก AP (THAILAND)   ห้อง Mail Box     ขึ้นมาที่ชั้น 5 ค่ะ เป็นชั้นที่อยู่อาศัยชั้นแรก และยังเป็น Facility หลักด้วย   Co-Working Space พร้อมฟรี Wifi ค่ะ         สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 13 x 30 เมตร ลึก 1.2 เมตร และสระเด็กลึก 0.5 เมตร ค่ะ     Game Room สามารถเบิกอุปกรณ์สำหรับเล่นได้จากนิติบุคคลค่ะ    Active Fitness พร้อมอุปกรณ์   ภายในห้องน้ำทั้งชาย-หญิง จะมีล็อกเกอร์เก็บของและห้องสตีมอยู่ด้วยค่ะ   ขึ้นมาที่ชั้น Rooftop ชั้น 31 โดยขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 30 แล้วเดินขึ้นบันไดมาอีก 1 ชั้นค่ะ   Jogging Track ให้ได้วิ่งสูดอากาศธรรมชาติ    Boxing Zone    Climb Zone ความท้าทายใหม่บนคอนโดฯ    หรือจะจัด Meeting เล็กๆ กับคนรู้ใจที่ Bar-B-Q Zone    Sight Seeing ก็มีอยู่หลายจุดค่ะ ไม่ว่าจะชอบวิวเมือง หรือวิวแม่น้ำเจ้าพระยาก็เลือกนั่งได้ตามใจชอบ        Foor Plan พื้นที่ตัวอาคารเข้าไปจากถนนสุขุมวิทประมาณ 150 เมตร ซึ่งอาคารจะถูกวางแนวยาวทางทิศเหนือ แล้วมีส่วนที่ต่อออกมาทางทิศใต้ 2 ส่วนขนานกัน โดยจะแบ่งลิฟท์แบบล็อคชั้นออก 2 ส่วนนี้เช่นกันค่ะ เป็นทางด้านตะวันออกจะมี 4 ตัว ลิฟท์เซอร์วิช 2 ตัว และลิฟท์ทางฝั่งตะวันตกมี 2 ตัว บันไดหนีไฟกระจายอยู่ถึง 5 จุด ยูนิตพักอาศัยจะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกันกับ Facility สำหรับยูนิตฝั่งทิศเหนือจะได้ City View ซึ่งจะมองไปเห็นช้างสามเศียร และถนนกาญจนาภิเษก ส่วน Wing ทางขวามือด้านหน้าโครงการจะได้วิวทางถนนสุขุมวิทและสระว่ายน้ำกลางโครงการ และ Wing ทางซ้ายมือจะได้วิวสระว่ายน้ำกลางโครงการ และแม่น้ำเจ้าพระยาที่โอบล้อมด้วยพื้นที่ว่างสีเขียวขนาดใหญ่             Unit Plan ยูนิตพักอาศัยสำหรับ Aspire Erawan จะได้ห้องแบบ Fully Furnished (ช่วงโปรโมชั่น) ทั้งเฟอร์นิเจอร์ Built In และแบบลอยตัวค่ะ โดยมีขนาดเริ่มต้นที่ STUDIO 25.50 ตร.ม. ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่สุดคือ 2 Bedroom 47 ตร.ม. (ซึ่งตอนนี้ห้องแบบ STUDIO ขายหมดแล้ว) ซึ่ง Layout สำหรับโครงการนี้จะมีลักษณะที่เน้นแสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามาอย่างทั่วถึงภายในห้อง และเน้นครัวปิดแยกเป็นสัดส่วน แม้จะมีบางยูนิตที่เป็นครัวเปิดเพื่อทำให้มีพื้นที่โล่งขึ้น แต่ก็ยังสามารถสร้างประตูกระจกบานเลื่อนปิดได้ และห้องน้ำจะใช้แบบสำเร็จรูปยกมาจากโรงงานติดตั้งที่โครงการเรียบร้อย มีข้อดีตรงที่มีรอยต่อน้อย ดังนั้นจึงเกิดการรั่วซึมได้ยาก ทำความสะอาดก็ง่ายตามไปด้วย และเมื่อเกิดปัญหาก็สามารถเข้ามาซ่อมแซมได้เลย ไม่ต้องซ่อมจากห้องอื่นๆ อย่างห้องน้ำทั่วไป     STUDIO 25.50 ตร.ม.    1 Bedroom 29.50-30.00 ตร.ม.   1 Bedroom Plus A 35.00 ตร.ม.   1 Bedroom Plus A 35.00 ตร.ม.     2 Bedroom 47.00 ตร.ม.   ชมห้องตัวอย่าง 30.00 ตร.ม. หลังจากเดินชมส่วนกลางของโครงการกันแล้ว ก็เข้าไปชมห้องตัวอย่างกันต่อค่ะ โดยห้องตัวอย่างแรกคือ 1 Bedroom 30.00 ตร.ม. ซึ่งเป็น Layout ห้องยอดฮิตทีเดียวค่ะ เพราะแบ่งฟังก์ชั่นอย่างเป็นสัดส่วนชัดเจน ทั้งห้องนั่งเล่น เชื่อมต่อลึกเข้าไปเป็นห้องนอน แยกส่วนห้องครัวปิดกับห้องน้ำไปจนถึงระเบียงขนาดเพียงพอให้วางราวตากผ้าได้สบายๆ โดยรวมแล้วถือว่าขนาดกำลังพอดีสำหรับการอยู่อาศัย 1-2 คน และสิ่งที่จะได้มากับห้องด้วย ได้แก่ โซฟา โต๊ะทานข้าว เคาน์เตอร์ทีวี เตียงขนาด 5 ฟุต ไม่รวมฟูก ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง เครื่องปรับอากาศ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมด เคาน์เตอร์ครัว   ประตูห้องใช้แบบกุญแจล็อคกับก้านโยกค่ะ   ทุกยูนิตมีความสูง Floor To Ceiling 2.5 เมตร ไฟห้องแบบ Downlight และพื้นห้องปูด้วยลามิเนต     เคาน์เตอร์ทีวี Built In มาให้พร้อมกับเป็นตู้เก็บของไปด้วยในตัว   ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ส่วนรางเลื่อนจะติดซ่อนอยู่ด้านบนประตูค่ะ ทำให้เวลาเดินมีความ Smooth ยิ่งขึ้น และไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่นจับด้วยค่ะ      ภายในห้องนอนค่ะ   หน้าต่างข้างเตียงนอนทุกห้องจะใช้บานกระทุ้ง ไม่รวมผ้าม่านนะคะ   เครื่องปรับอากาศติดตั้งไว้ให้ปลายเตียง หากเปิดประตูห้องนอนไว้ก็จะเย็นออกไปถึงห้องนั่งเล่นได้ค่ะ   ไปต่อกันที่ห้องน้ำ และห้องครัวปิดค่ะ   ห้องน้ำสำเร็จรูปยกพื้นสูง ภายในแยกส่วนเปียก-แห้ง โถสุขภัณฑ์กับอ่างล้างหน้าใช้แบรนด์ American Standard ก๊อกน้ำและฝักบัวจากแบรนด์ Grohe        ห้องครัวปิดปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ค่ะ มีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นทางขวามือของเคาน์เตอร์ครัว     ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขอบอลูมิเนียมสีขาว   พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคค่ะ   Condensing Unit แขวนไว้เหนือศรีษะ หันออกนอกระเบียงค่ะ    ห้องตัวอย่าง 35.00 ตร.ม. ห้องตัวอย่างถัดมานั่นคือ 1 Bedroom Plus 35.00 ตร.ม. สำหรับห้องนี้แม้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นจากห้องที่แล้วไม่มาก แต่ด้วยการวาง Layout ที่ดี จึงทำให้ออกมาดูกว้างขวางขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ ซึ่งจะได้ห้องเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ห้อง สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานของแต่ละคนได้อย่างอิสระ เพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ได้ตอบโจทย์ที่สุด       สำหรับบางห้องจะได้โปรโมชั่นรวม Digital Door Lock จากแบรนด์ Samsung ด้วยค่ะ   ห้องนั่งเล่นขนาดกว้างขวางมากขึ้น     ทั้ง 2 ห้องจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซ่อนรางไว้ด้านบนเหมือนกันค่ะ   ห้องนอนแรกค่ะ จะได้ทั้งตู้เสื้อผ้า เตียงนอน 5 ฟุต ไม่รวมฟูก ไม่รวมผ้าม่านค่ะ   หากใครที่ใช้ครัวบ่อยๆ ก็สามารถกั้นประตูกระจกเพิ่มเติมให้กลายเป็นครัวปิดได้ค่ะ   สำหรับห้องตัวอย่างนี้จะตกแต่งห้องอเนกประสงค์ให้เป็นห้องนอนค่ะ แต่ก็สามารถปรับเป็นฟังก์ชั่นได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการ   จากห้องอเนกประสงค์จะเชื่อมต่อกับระเบียงโดยกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนค่ะ   Condensing Unit แขวนไว้หันหน้าออกนอกระเบียง และยังมีกริลเพื่อผลักลมร้อนออก เมื่อมองจากด้านนอกอาคารก็ยังสวยงามเป็นระเบียบขึ้นด้วยค่ะ        ภายในห้องน้ำจะแยกส่วนเปียก-แห้ง พร้อมติดตั้งกระจกบานใหญ่มาให้ด้วยค่ะ   Aspire Erawan ไม่ใช่แค่ติดสถานีรถไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วยนะคะ เรื่องทำเลที่ตั้งจึงถือว่าหาได้ยากไม่น้อยสำหรับถนนสายสุขุมวิท แม้อาจจะยังเป็นทำเลที่ไม่มีใครเอ่ยถึงกันนัก แต่เชื่อว่าหากลองได้เข้าไปสัมผัสด้วยตัวเองแล้วก็จะค้นพบว่า ความเงียบสงบมีอยู่จริงแม้จะอยู่ติดกับรถไฟฟ้าก็ตามที แล้วยิ่งติดรถไฟฟ้าขนาดนี้ถ้าทำเลขยับเข้าเมืองไปอีกไม่กี่สถานี ราคาก็พุ่งขึ้นมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัวเลยค่ะ ซึ่งในราคา 1.89 ล้านบาท แบบนี้หาไม่ได้แน่นอนค่ะ       https://www.youtube.com/watch?v=E5FQnbS3Ozo
MARU Ekkamai 2-มารุ เอกมัย 2 : รีวิวคอนโด

MARU Ekkamai 2-มารุ เอกมัย 2 : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : MARU Ekkamai 2 (มารุ เอกมัย 2) เจ้าของโครงการ : บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ซอยเอกมัย 2 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. พื้นที่โครงการ : 1-2-77 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 32 ชั้น จำนวนยูนิต : 333 ยูนิต ที่จอดรถ : 48% หรือ 165 คัน ขนาดห้อง : -  1 Bedroom (S) ขนาด 29.00 ตร.ม. -  1 Bedroom Simplex ขนาด  32.50 – 35.50 ตร.ม. -  2 Bedrooms Simplex ขนาด 54.00 – 60.50 ตร.ม. -  1 Bedroom Duplex ขนาด  41.00 – 42.00 ตร.ม. -  2 Bedroom Duplex ขนาด  45.00 – 76.00 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - สวนลอยฟ้า - ล๊อบบี้ - ที่จอดรถ - ห้องเมล์บ๊อกซ์ - กล้อง CCTV - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 5,400,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 196,000บาท/ตร.ม. ค่าส่วนกลาง : 75 บาท/ตร.ม. ค่ากองทุน : 750 บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : ก.ย. 2563 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม HIGH RISE  ยกระดับความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนห้องสูงสุด เพียง 16 ห้อง/ชั้น เพียง 450 เมตร จาก BTS เอกมัย ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง :  BTS เอกมัย สถานที่ใกล้เคียง : Big C เอกมัย, Park Lane, Gateway เอกมัย, Major เอกมัย, รพ.สุขุมวิท, วัดธาตุทอง
MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI นิยามใหม่ของการใช้ชีวิต..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI นิยามใหม่ของการใช้ชีวิต..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

ต้องยอมรับจริงๆ ค่ะว่าการเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งสำหรับการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย ซึ่งย่านฮอตฮิตใจกลางเมืองอย่าง “สยาม-ราชเทวี” ก็เป็นอีกพิกัดหนึ่งที่หลายคนมาดหมายอยากอยู่อาศัย เพราะแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์เลือกปักหมุดสร้างคอนโดมีเนียมขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คอนโดฯ เป็นตึกสูงหน้าตาซ้ำกันไปหมด แถมรูปแบบห้องก็เป็นพิมพ์เดียวกันดูอึดอัดไม่น่าอยู่เอาซะเลย     ถ้าใครกำลังตามหาคอนโดดีไซน์สวยงามไม่เหมือนใครอยู่ล่ะก็ โครงการ "MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI (มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี)" ในตระกูล มาเอสโตร เรสซิเด้นซ์  (Maestro Residences) จาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ถือว่าเป็นคำตอบที่ดีของชีวิตคุณเลยค่ะ เพราะที่นี่ไม่เหมือนคอนโดอื่นๆ ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ออกแบบที่ผสมผสานความลงตัวของสถาปัตยกรรมแบบคอนเทมโพรารีเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังสะดวกสบายด้วยที่ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี เพียง 300 เมตร และใช้เวลาเพียง 5 นาทีถึงสยาม แหล่งช็อปปิ้งใจกลางเมืองของวัยรุ่น นอกจากนี้พื้นที่โครงการยังมีความเป็นส่วนตัวเนื่องจากตั้งอยู่ในซอย ทำให้ภายในมีพื้นที่โล่งกว้างท่ามกลางความเป็นธรรมชาติแม้อยู่ใจกลางเมือง จนทำให้รู้สึกว่านี่แหละมันคือคอนโดที่เป็นเหมือน “บ้าน” จริงๆ   สำหรับโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่ใจกลางเมือง เงียบสงบเนื่องจากอยู่ในซอยเพชรบุรี 12 ตัดกับซอยพญานาค โดยเป็นซอยที่อยู่ติดกับ BTS สถานีราชเทวี จุดเด่นของโครงการคือตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ CBD, แหล่งงาน, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย สามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ตอบโจทย์ลูกบ้านทั้งคนมีรถและไม่มี โดยมีให้เลือกหลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเข้าหรือออกเมือง พร้อมทั้งอยู่ใกล้ทางด่วนยมราช และมีซอยย่อยที่ลัดเลาะไปได้โดยไม่ต้องใช้เส้นหลัก ที่สำคัญตัวโครงการสามารถเข้าออกได้ถึง 3 ทาง ทั้งจากถนนเพชรบุรี เข้าตรงซอยเพชรบุรี 12, ถนนพญาไท เข้าตรงซอยพญานาค และสามารถทะลุออกถนนบรรทัดทองได้ ซึ่งก็ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงคับคั่งได้เป็นอย่างดี     ใครที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกสุดๆ ไปเลยค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยเพชรบุรี 12 ตัดกับซอยพญานาคที่อยู่ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี บริเวณหน้าซอยพญานาคก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้ใช้บริการ และมีรถเมล์, รถแท็กซี่ผ่านไปมาตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีเรือโดยสารคลองแสนแสบที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ ท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือท่าเรือสะพานหัวช้าง ที่สำคัญตัวโครงการอยู่ห่างจาก BTS ราชเทวีเพียง 300 เมตร ก็ถึงบันไดเลื่อนขึ้นตัวสถานีแล้วค่ะ โดยเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ แถมข้างทางก็เป็นแหล่งชุมชนทำให้ไม่รู้สึกเปล่าเปลี่ยว ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้าการเดินทางเลย ด้วยความที่เป็นย่านที่พักอาศัยจึงค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เพราะในซอยจะมีร้านอาหาร Street food รวมไปจนถึงร้านค้าต่างๆ ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยตลอดเช้ายันค่ำ หรือขยับข้ามฝั่งตรงข้ามไปก็มี Coco Walk แหล่งไลฟ์สไตล์ ที่มีร้านแฮงก์เอ้าท์ และคาเฟ่ต่างๆ ใครอยากไปช็อปปิ้งก็สามารถใช้ BTS จากสถานีราชเทวีนั่งรถไปสถานีเดียวก็จะถึงสถานีสยาม จุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลมที่มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามแสควร์วัน, สยามดิสคัฟเวอรี่, มาบุญครอง และจามจุรีสแควร์ หรือถัดไปอีกหน่อยถนนราชประสงค์ก็จะเป็นเซ็นทรัลเวิลด์แล้วค่ะ แถมยังรายล้อมไปด้วยสถานที่ศึกษาชั้นนำ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรียกได้ว่าโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม - ราชเทวี เหมาะสำหรับชีวิตคนเมืองที่แท้จริง   1. วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS นะคะ โดยนั่งมาลงที่สถานีราชเทวี 2. สำหรับทางออกรถไฟฟ้าไปโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี จะอยู่ที่ทางออก 1 ค่ะ 3. เดินลงบันได BTS มาให้สังเกตที่ซอยพญานาคก็เดินเข้าไปเลยค่ะ 4. ปากซอยพญานาคจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมเอเชียนะคะ ทำให้มีรถและผู้คนผ่านไปมาตลอด ไม่เปลี่ยวแน่นอน 5. เดินตรงเข้ามาในซอยจะพบกับร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมถึงร้านชื่อดังอย่าง Sushi Masa ด้วย 6. นอกจากร้านอาหารก็มีร้านคาเฟ่น่ารักๆ อย่าง Lazy Mary ด้วยนะ 7. เดินตรงเข้าไปอีกหน่อยจะพบกับเซเว่นค่ะ จากจุดนี้ก็สังเกตให้ดีจะเห็นว่ามีป้ายสีส้มด้านขวาชี้พิกัดโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี อยู่ด้วย 8. เดินเลี้ยวเข้ามาในซอยข้างเซเว่นไม่ทันเหนื่อยก็ถึงโครงการแล้วค่ะ   เจาะลึกโครงการ   โครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี เป็นคอนโด Low Rise 1 อาคาร สูง 8 ชั้น พร้อมที่จอดรถชั้นใต้ดิน จำนวน 179 ยูนิต บนที่ดิน 1-1-59 ไร่ ด้วยขนาดห้องชุดตั้งแต่ 26.72 – 64.81 ตารางเมตร โดยทางโครงการเน้นการออกแบบที่ผสานกับธรรมชาติ เริ่มตั้งแต่บริเวณคอนโดจะมีพื้นที่สีเขียวล้อมรอบช่วยเพิ่มบรรยากาศของธรรมชาติ ถึงแม้จะอยู่กลางเมืองก็ตาม ด้านการออกแบบของสถาปัตยกรรมก็ออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ จากการผสมผสานรูปแบบคอนเทมโพรารี เข้ากับความมินิมอล ออกมาเป็นรูปแบบศิลปะแนวคอนเทม – มินิมอลลิซึม (Contem – Minimalism) ที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ด้วยความพิถีพิถันและใส่ใจทุกรายละเอียด ความอบอุ่น สุขุม ทันสมัยได้ถูกนำมารวมกันและนำมาตกแต่งภายในคอนโดมิเนียมและห้องพักด้วยความมีชีวิตชีวาและความงามสไตล์สแกดิเนเวียน เรโทร ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรเป็นอย่างดี โทนสีพาสเทล และวัสดุโลหะที่เข้ากันอย่างลงตัว ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อความหรูหราสไตล์ยุโรปได้มาผสมผสานกับความทันสมัยอย่างลงตัว มาเอสโตร 14 จึงถือเป็นคอนโดฯ ที่น่าสนใจในย่านสยาม – ราชเทวี อีกโครงการหนึ่ง   ในส่วนของ Facilities เรียกว่าครบครันทีเดียว เพราะถึงแม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่ก็ยังใส่ใจในเรื่องการใช้ชีวิตของลูกบ้านที่ต้อง Balance ระหว่างการทำงานและการพักผ่อน รวมถึงการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติและสัตว์เลี้ยง ซึ่งเอกลักษณ์สำคัญของคอนโดจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) คือนโยบาย Pet-friendly ที่อนุญาตให้ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ โดยจัดสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดให้ลูกบ้านทุกยูนิต และมีกฎระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข อาทิ  - การนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาเลี้ยง จะต้องขออนุญาตฝ่ายบริหารอาคารฯ และลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูล โดยชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียน จำนวน 3,600 บาท/ต่อตัว/ต่อปี (ค่าใช้จ่ายนี้จะนำมาเป็นกองทุนในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและลงน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์) - ชำระเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท/ต่อตัว (เรียกเก็บครั้งแรกครั้งเดียว) และจะคืนให้เมื่อเจ้าของห้องชุดเลิกเลี้ยงสัตว์/สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต และไม่พบการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดและ/หรือพบความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าของห้องชุด/เจ้าของร่วม/อาคารชุดรวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง) - สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของห้องชุดจะเลี้ยง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ เจ้าของห้องชุดสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้ 1 ตัว / พื้นที่น้อยกว่า 50 ตร.ม. และไม่เกิน 50 ตร.ม. 2 ตัว / พื้นที่ 100 ตารางเมตร 3 ตัว / พื้นที่ 150 ตารางเมตร เป็นต้นไป (จำนวนสูงสุดของสัตว์เลี้ยงจะมีได้ไม่เกิน 3 ตัวต่อ 1 ห้องชุดเท่านั้น) - สัตว์เลี้ยงจะต้องมีสายผูก/จูงและมีผู้ดูแลตลอดเวลาที่อยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง กฎระเบียบ ข้อห้าม ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในโครงการ รวมถึงบทลงโทษ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ประจำโครงการ   ไม่เพียงเท่านี้ทางโครงการยังออกแบบให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับความสุขของลูกบ้านอย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่พื้นที่ชั้น 1 ที่มีจุดจอดรับส่ง และแร็คจอดจักรยาน เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับล็อบบี้, ห้องจดหมาย, ห้องซักรีด รวมถึงสระว่ายน้ำใจกลางโครงการที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ นอกจากนี้ยังมีห้องสตีมและซาวน่า มีโซนอ่านหนังสือ และสวนเพื่อให้มาอ่านหนังสือเล่มโปรด ขยับมาที่ชั้น 2 ก็มีสวนเพื่อการเรียนรู้ หากใครอยากออกกำลังกายในร่มก็เพียงแค่กดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 9 ก็จะพบกับห้องฟิตเนสที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์มากมาย หรือถ้ารักการสังสรรค์ทางโครงการก็มี Party Patio, ห้องคาราโอเกะ, ลานบาร์บีคิวที่ชั้นดาดฟ้าพร้อม Sky Lounge, Sky Cabana เพื่อให้เป็นสถานที่แห่งความสุขของลูกบ้านทุกช่วงเวลา แถมยังมีความปลอดภัยสูงเพราะทางโครงการออกแบบให้ลูกบ้านทุกยูนิตใช้คีย์การ์ดแบบล็อคชั้นซึ่งขึ้นไปได้เฉพาะชั้นตัวเองและส่วนกลางเท่านั้น อีกทั้งยังให้ความรู้สึกอุ่นใจไปกับกล้องวงจรปิด และรปภ. ที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จาก Master Plan จะมีทางเข้าโครงการจุดเดียวนะคะ และมีจุด Drop-off ก่อนจะเข้าสู่ Lobby ซึ่งแบ่งออกเป็นพื้นที่ส่วนกลาง และห้องพักอาศัยประมาณ 5 ห้อง สำหรับที่จอดรถจะอยู่บริเวณชั้นใต้ดินค่ะ สระว่ายน้ำถูกออกแบบไว้ตรงกลางโครงการเลยนะคะ จากภาพจะเห็นว่ามีบันไดเชื่อมต่อไปยังสวนเพื่อการเรียนรู้บริเวณชั้น 2 ด้วย บริเวณริมสระจัดวางเตียงนอนอาบแดดสีขาวสบายตาไว้รองรับความสุขของลูกบ้าน จากภาพจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ สระว่ายน้ำจะถูกโอบล้อมไปด้วยความเขียวขจีไม้ประดับนานาพรรณ ขยับเข้ามาที่พื้นที่ส่วนกลางด้านใน บริเวณชั้น 1 นอกจากมีสระว่ายแล้วยังมีห้อง Library อีกด้วย ภายในห้องดูกว้างขวางและเงียบสงบ โดยทางโครงการจัดวางชุดโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาแบบเข้าชุดไว้หลากหลายมุม หากลูกบ้านคนไหนต้องการทำงานหรือทำการบ้านเงียบๆ ก็สามารถเลือกใช้มุมเคาน์เตอร์ ที่ออกแบบมาพร้อมรองรับอุปกรณ์สายชาร์ตต่างๆ หรือใครอยากติวการบ้านกับเพื่อน, มีครูมาสอนพิเศษจะเลือกนั่งเป็นมุมนี้ก็ดูลงตัว ก่อนจะพาไปดูส่วนกลางชั้นอื่นๆ เมื่อเดินไปยังโถงลิฟท์จะพบกับส่วนของห้องจดหมายก่อนนะคะ สำหรับแปลนชั้น 2-8 จะเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดค่ะ โดยความพิเศษของชั้น 2 ทางโครงการได้ออกแบบสวนเพื่อการเรียนรู้มาไว้รองรับลูกบ้านด้วย สำหรับสวนเพื่อการเรียนรู้จะมีบันไดเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำบริเวณชั้น 1 ด้วยนะคะ บรรยากาศบริเวณสวนเพื่อการเรียนรู้ชั้น 2 ค่อนข้างร่มรื่นและผ่อนคลายทีเดียว เหมาะแก่การมานั่งอ่านหนังสือสบายๆ ทางโครงการจัดวางที่นั่งไว้ให้เลือกสรรหลากหลายมุมทีเดียวค่ะ แปลนของพื้นที่ชั้น 9 นะคะ ซึ่งจะรวม Facilities ส่วนกลางหลักๆ โดยจัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่ส่วนกลางที่กระจายอยู่ในพื้นที่ชั้น 1 และชั้น 2 บริเวณชั้นดาดฟ้าถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่รองรับความสุขลูกบ้านหลากหลายมุมทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ลานโยคะ, สนามเด็กเล่น, ลานบาร์บีคิว, สกายเลาจน์, ห้องคาราโอเกะ และ pet zone จากภาพจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าแม้ทางโครงการจะออกแบบให้มีพื้นที่นั่งเล่นหลากหลายมุมแค่ไหน แต่ก็ยังมีรั้วระแนงเล็กๆ สีดำกั้นแยกระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงไม่ให้รบกวนกัน และอยู่ร่วมกันอย่างสุขใจ ลานบาร์บีคิวที่ออกแบบมาพร้อมรองรับปาร์ตี้เล็กๆ ของลูกบ้าน นอกจากมีที่นั่งรองรับลูกบ้านมากมายแล้ว ในส่วนของลานบาร์บีคิว ยังมาพร้อมเตาและอ่างล่างมือด้วย บรรยากาศบริเวณดาดฟ้าชั้น 9 ในมุมกว้าง จะเห็นได้ว่าทางโครงการใส่ใจตั้งแต่พื้นที่พักผ่อนและมุมส่วนตัวมากมาย รวมถึงนำความเขียวขจีของต้นไม้มาประดับประดาให้ลูกบ้านรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอยู่เสมอ แม้ว่าจะอยู่ใจกลางเมืองก็ตาม นอกจากมีมุมพักผ่อนให้เลือกสรรมากมายแล้ว ยังมีฟิตเนสอยู่ที่บริเวณชั้น 9 อีกด้วย ภายในห้องฟิตเนสโอบล้อมไปด้วยหน้าต่างกระจกใสให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายพร้อมกับชมวิวเมืองอย่างเพลิดเพลิน พื้นที่ติดกับห้องฟิตเนสนั้นจะเป็นส่วนของห้อง Karaoke ค่ะ ภายในห้องคาราโอเกะมาพร้อมกับโซฟาตัวยาว และชุดโฮมเธียร์เตอร์เพื่อรองรับกิจกรรมสังสรรค์ของลูกบ้านอย่างเต็มเปี่ยม   เปิดประตูห้องตัวอย่างที่พร้อมเข้าอยู่แล้ววันนี้   สำหรับโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี มีแบบห้องหลักๆ อยู่ 3 แบบ คือ 1 Bedroom Suite ขนาด 26.72 - 30.91 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 32-35.66 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาด 60.55 - 64.81 ตร.ม. ที่มาในรูปแบบ Fully Furnished พร้อมชุดครัวแบรนด์ Electrolux สุขภัณฑ์ต่างๆ เครื่องปรับอากาศ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งถ้าลูกบ้านตัดสินใจซื้อจะขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้น แถมทุกยูนิตยังสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ด้วยนะคะ เรียกว่าถ้าถูกใจก็พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยทีเดียว   ในครั้งนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างถึง 3 ห้องด้วยกัน เริ่มกันด้วยห้อง 1 Bedroom Suite AA1-1 ขนาด 29.65  ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นแบบหน้าแคบลึก พื้นที่ใช้สอยจัดมาได้ลงตัวทีเดียวค่ะ โดยเปิดเข้ามาจะเจอส่วนครัวและห้องน้ำก่อน เพื่อให้พื้นที่ด้านในเป็นส่วนพักผ่อนอย่างเตียงนอนและโซฟานั่งเล่น ภายในห้องดูโปร่งโล่งสบาย ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้เราได้เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ที่ได้เพียงผนังฉาบเรียบสีขาว กับ Fully Furnished ตามมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Suite AA1-1 ขนาด 29.65  ตร.ม. เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับส่วนของ Pantry ครัวก่อนเลยค่ะ ถัดไปจะเป็นส่วนของ Living Area ที่ตอบโจทย์ต่อการพักผ่อนได้ดี ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย ชุดเคาน์เตอร์ครัว ลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ ซึ่งมาพร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าเท่านั้น นอกจากเว้นช่องไว้ให้ใส่ไมโครเวฟอย่างพอดิบพอดีแล้ว บริเวณลิ้นชักยังมีช่องสำหรับใส่อุปกรณ์ช้อนส้อม และมีดให้ด้วย พื้นที่ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัว ติดกับประตูทางเข้าจะเป็นตู้เก็บของและตู้รองเท้าแบบบิลต์อินนะคะ ติดกับตู้เก็บของจะเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งมีพื้นที่เล็กๆ หน้าห้องเหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ได้ด้วย เรามาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง เดินเข้ามาจะพบกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลาง ขวามือจะเป็นโถสุขภัณฑ์ของแบรนด์ Kohler พื้นที่ในสุดจะเป็นโซนเปียกที่ทางโครงการกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้แล้ว แถมยังยกธรณีสูงหนึ่งเสต็ป เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ ภายในห้องน้ำ ภายใน Shower Area ผนังข้างฝักบัวถูกเจาะช่องให้สามารถวางอุปกรณ์อาบน้ำได้ กลับออกมาด้านนอก ก่อนจะเข้าไปส่วนพักผ่อนจะเห็นว่าทางโครงการได้เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนมาให้ค่ะ เมื่อเปิดประตูด้านในส่วนพักผ่อนเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นมุมทำงานและระเบียงค่ะ ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป พื้นที่ลึกเข้ามาด้านใน ทางโครงจัดวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ไว้ให้ดูเป็นไอเดียนะคะ ลูกบ้านสามารถใช้เป็นมุมนี้เป็นมุมทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้เช่นกันค่ะ ซึ่งมุมนี้จะอยู่ติดกับระเบียงนะคะ โดยทางโครงการกรุผนังกระจกใสไว้เพื่อความโปร่งโล่ง ระเบียงมีขนาดกำลังดี สามารถวางราวตากผ้าได้ โดยคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ทำระแนงเหล็กกั้นเพื่อความเรียบร้อยไว้ให้แล้ว กลับเข้ามาด้านในส่วนของห้องนอนกันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถวางที่นอน 5 ฟุต ได้สบายๆ พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ตัวบานพับจะใช้แบบ Soft closed ค่ะ   ห้องตัวอย่างอีกห้องที่เราได้ชมกันคือ 1 Bedroom A4-3 ขนาด 35.10 ตร.ม. ลักษณะห้องจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส จัดวาง Layout ไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจน เชื่อมต่อพื้นที่การใช้งานอย่าง Pantry มุมรับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นไว้ด้วยกัน ทางโครงการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินเพื่อทำให้ผู้อาศัยสามารถจัดวางข้าวของเครื่องใช้ได้อย่างเป็นระเบียบและใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ทั้งนี้ภายในห้องชุดยังมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ชุดครัว Pantry Set เครื่องปรับอากาศ ตามมาตรฐานเหมือนกับห้องแรกค่ะ   แปลนห้อง 1 Bedroom A4-3 ขนาด 35.10 ตร.ม. นะคะ สำหรับไทป์นี้เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัวเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดที่กว้างและใหญ่กว่า เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปแบบตัวไอ (i) จะได้วัสดุเหมือนอย่างในห้องตัวอย่างก่อนหน้าเช่นกัน พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้รองเท้าและตู้เก็บของ พร้อมเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วค่ะ เดินต่อเนื่องเข้ามาที่โถงกลาง Living Area ที่เชื่อมมุมรับประทานอาหารและมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน จากภาพจะเห็นว่าแม้จะจัดวางโซฟาตัวยาวแล้ว แต่ยังเหลือพื้นที่กว้างพอสำหรับวางโต๊ะและเก้าอี้รับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ได้สบายๆ ทางโครงการได้จัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2-3 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่างในส่วน Living Area นะคะ จะเห็นได้ว่าบริเวณตรงกลางมีพื้นที่เหลือมากพอสำหรับวางโต๊ะกลางด้วย ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งมีประตูบานเลื่อนกั้นให้ออกมารับลมได้ โดยระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ทำระแนงเหล็กกั้นไว้ให้แล้วเพื่อความเรียบร้อย กลับมาที่ภายในห้อง บริเวณคอนโซลทีวีมีขนาดกว้างพอรองรับจอขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ พื้นที่ติดกันนั้นจะเป็นส่วนของห้องนอนที่เป็นประตูแบบทึบค่ะ เข้ามาในส่วนของห้องนอนกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนดูโปร่งโล่งสบาย โอบล้อมด้วยกระจกใส เอื้อต่อการพักผ่อน พื้นที่ติดกับหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ ทางโครงการจัดวาง Daybed ไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดสรรส่วนนี้ให้เป็นมุมพักผ่อนของสัตว์เลี้ยงก็ยังได้ เมื่อวาง Daybed แล้วจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ มีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ พื้นที่ติดกับเตียงนั้นจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ลึกเข้าไปนั้นจะเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำค่ะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ตรงกลางจะเป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างมือที่อยู่ติดกับชุดสุขภัณฑ์ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ พื้นที่ในสุดจะเป็นส่วนเปียก ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ทางโครงการเจาะช่องให้สำหรับวางของใช้ส่วนตัวให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ   และห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 2 Bedroom B1-1 ขนาด 64.81 ตร.ม. ที่นับว่าเป็นขนาดใหญ่สุดของโครงการ ลักษณะเป็นห้องหน้าแคบลึก แต่พอเดินเข้ามาจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ไว้ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวที่มาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ต่อเนื่องมายังมุมรับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับโต๊ะกลางได้ด้วย ติดกันนั้นมีประตูบานเลื่อนอีกชั้นให้ออกไปสัมผัสอากาศด้านนอกที่ระเบียงได้ ส่วนพื้นที่ลึกเข้ามาด้านในตรงกลางจะเป็นห้องน้ำ ก่อนต่อเนื่องไปยังห้องนอนใหญ่ และห้องนอนเล็ก ภายในห้องบิลต์อิน ตู้ เตียงไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom B1-1 ขนาด 64.81 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอครัวที่ลึกยาวเข้าไปก่อนเลยนะคะ โดยครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน เป็นแบบ One Wall-Kitchen เหมือนดั่งห้องตัวอย่างสองห้องก่อนหน้าเลยนะคะ ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างก่อนหน้าทั้งสองห้องเลยค่ะ พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้เก็บรองเท้าและตู้เก็บของขนาดใหญ่มาให้แล้ว ซึ่งสามารถเก็บของได้เยอะมาก แถมยังไม่รบกวนสายตาเนื่องจากมีหน้าบานเปิดปิดด้วยค่ะ เดินเข้ามาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ ซึ่งมีขนาดกว้างขวางมากเพราะสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างขวางกำลังดี ระยะห่างของโซฟากับทีวีของห้องนี้จะห่างเกือบ 2 เมตรนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับวางทีวีขนาด 42 นิ้วขึ้นไป แถมลูกบ้านยังสามารถจัดวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ตรงกลางไว้สำหรับวางโต๊ะได้ด้วย ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ ระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ อีกทั้งยังกั้นระแนงเพื่อบังคอมเพรสเซอร์แอร์ให้เรียบร้อยแล้ว มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ จะเห็นว่าการจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้องตัวอย่างที่สอง เพียงแต่ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่า พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในตรงกลางจะเป็นห้องน้ำนะคะ ก่อนต่อเนื่องไปยังห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ สำหรับห้องน้ำด้านนอก ตรงกลางจะเป็นชุดเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ด้านขวามือเป็นโถสุขภัณฑ์ ฝั่งด้านซ้ายมือเป็นพื้นที่อาบน้ำ กั้นกลางด้วยกระจกใส พื้นภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนนะคะ   และก็เหมือนกับห้องน้ำในห้องตัวอย่างก่อนหน้า ผนังฝั่งเปียกจะเจาะช่องไว้ให้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้ ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกสบายได้ดีทีเดียว ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3.5 ไปจนถึง 5 ฟุตได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ เข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนขนาดกว้างพอจัดให้เป็นโซนพักผ่อน และโซน Walk-in Closet ที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนเหมือนดั่งห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้ สำหรับห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะจัดวางสุขภัณฑ์ไว้ตรงกลาง จัดชุดเคาน์เตอร์ล้างหน้าไว้ชิดริมประตู โดยมีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ภายในพื้นที่ส่วนเปียกนอกจากจะเจาะช่องที่ผนังฝั่งฝักบัวไว้ให้สามารถวางของได้แล้ว ยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศได้อีกด้วย ออกมาจากห้องน้ำ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิวต์อินขนาดใหญ่ยาวขนานไปกับผนัง ก่อนจะต่อเนื่องมายังโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานที่ทางโครงการจัดวางไว้ให้เป็นไอเดียแก่ลูกบ้าน ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสผสมกับหนังทึบเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางที่นอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่ให้เดินรอบๆ และวางโต๊ะข้างเตียงได้ด้วยค่ะ ทางโครงการจัดวางเก้าอี้นวมไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดสรรพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นมุมของเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวโปรดก็ยังได้ค่ะ   นับว่าโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เหมาะสำหรับคนเมืองอย่างแท้จริงเลยนะคะ ใครที่อยากมีคอนโดดีๆ เลี้ยงสัตว์ได้ พร้อมยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความรู้สึกของความเป็นที่สุดอย่างเต็มอิ่ม แถมยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวีเพียงแค่ 300 เมตร สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายไม่ว่าจะมีรถส่วนตัวหรือไม่มี ที่สำคัญคือสามารถเข้า-ออกได้ถึง 3 เส้นทาง ถนนพญาไท, ถนนบรรทัดทอง และถนนเพชรบุรี นอกจากนี้ยังแวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคครบครัน ในราคาเอื้อมถึงได้ เริ่มต้น 4.5 ล้านบาท* เมื่อพิจารณาจากทำเล ห้องที่แต่งครบ มีเฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมเข้าอยู่แบบนี้ ถือว่าคุ้มค่าและหาได้ไม่ง่ายเลยนะคะ ไม่ว่าจะจับจองไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็บไว้เป็นทางเลือกในการลงทุนปล่อยเช่า อาทิ นักเรียน, นักศึกษา, คนทำงาน และชาวต่างชาติ ก็น่าจะได้ผลตอบแทน Capital gain ที่ดีไม่ใช่น้อย
BTS เสียบ่อย แล้วคอนโดติดรถไฟฟ้ายังจำเป็นอยู่ไหม

BTS เสียบ่อย แล้วคอนโดติดรถไฟฟ้ายังจำเป็นอยู่ไหม

โอ้โห!!! BTS เสียทั้งวันทั้งคืนมา 3 วันรวด แถมล่าสุดพ่วงมาด้วย MRT ก็เสียไปด้วยอีก เหล่ามนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายก็ได้แต่ถอนใจ ทำอะไรไม่ได้นอกจากโวยวายผ่านโซเชียลกันสนั่น เมื่อเป็นเช่นนี้หลายคนที่เคยหวังให้รถไฟฟ้าเป็นการเดินทางหลักที่จะช่วยให้ชีวิตแสนสะดวกสบายในเมืองกรุงก็เป็นอันพังทลายในพริบตา แล้วแบบนี้หากคิดจะลงทุนควักเงินซื้อคอนโดราคาแสนแพงติดสถานีรถไฟฟ้ายังจำเป็นอยู่หรือไม่     ระบบคมนาคมขนส่งในบ้านเราเป็นที่ทราบกันดีว่า “ยังไม่มีอะไรสมบูรณ์พร้อม” จริงไหมคะ รถเมล์ก็รอนานกว่าจะมาแต่ละสาย วินมอเตอร์ไซค์ก็เรียกค่าโดยสารแพง แท็กซี่ก็ช่างเลือก เรือด่วนเจ้าพระยา เรือคลองแสนแสบก็มีเส้นทางไม่ครอบคลุมมากนัก พอเก็บเงินซื้อรถยนต์หวังความสะดวกสบาย แต่ต้องติดอยู่บนถนนหลายชั่วโมง ซึ่งถ้านับเวลาที่อยู่บนถนนก็สามารถขับรถออกต่างจังหวัดได้เลยใช่ไหมคะ สุดท้ายรถไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกที่ประหยัดเวลาที่สุดสำหรับการเดินทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑลบางช่วงที่รถไฟฟ้าเข้าถึง หากไม่เกิดเหตุการณ์เสียบ่อยในชั่วโมงเร่งด่วนเช่นนี้     ในส่วนของคอนโดมิเนียมหลายโครงการก็พยายามหาทำเลเหมาะๆ ใกล้สถานี เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตอันเร่งรีบ แบบที่ลงมาจากคอนโดปุ๊บ เดินอีกไม่กี่ก้าวก็ขึ้นสถานีรถไฟฟ้าไปทำงานได้เลย ประหยัดเวลาไปได้อีกเยอะเลยค่ะ แต่หากสถาณการณ์รถไฟฟ้าในปัจจุบันยังไม่สู้ดีอยู่  เช่นนี้ ประกอบกับราคาคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าอันแสนแพง เราก็คงอาจจะต้องย้อนกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองกันใหม่ว่า คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราจริงหรือไม่ เพราะสิ่งที่พอจะเป็นทางออกของการเดินทางในกรุงเทพฯ ได้ในขณะนี้ คือนอกจากจะต้องเผื่อเวลาการเดินทาง ก็ต้องวางแผนการเดินทางเอาไว้หลากหลายเส้นทางด้วย เช่น ใครที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวถ้าใช้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ก็อาจจะต้องหาโครงการที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าไปพร้อมๆ กับมีป้ายรถเมล์ วินมอเตอร์ไซค์อยู่ใกล้ๆ ไปด้วย แต่ถ้าใครใช้รถยนต์  ส่วนตัว นอกจากจะมองหาคอนโดมิเนียมที่ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนแล้ว ก็ต้องสามารถเลือกไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ด้วยเป็นแผนสำรองในบางวันเอาไว้ หรือจะเลือกอยู่คอนโดมิเนียมใกล้กับออฟฟิศไปเลยก็น่าสนใจนะคะ จะได้ตัดปัญหาเรื่องการเดินทางออกไปเลย   สุดท้ายแล้วคอนโดมิเนียมทำเลดี ไม่ได้หมายความว่าจะต้องติดสถานีรถไฟฟ้าให้มากที่สุดเสมอไป แต่คอนโดมิเนียมที่ตั้งบนทำเลอัน  เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ตัวผู้อยู่อาศัยเองจริงๆ มากกว่า ถึงจะเรียกว่าเป็นคอนโดมิเนียมทำเลดีที่สุดสำหรับตัวเราเอง ฉะนั้นก็ลองถาม  ความต้องการของตัวเองดูให้ดีค่ะ ว่าโครงการทำเลไหนจึงจะตอบโจทย์เราได้มากที่สุด
The Room Phayathai – เดอะ รูม พญาไท : รีวิวคอนโด

The Room Phayathai – เดอะ รูม พญาไท : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ :  The Room Phayathai (เดอะ รูม พญาไท ) เจ้าของโครงการ : บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ที่ตั้งโครงการ : ถนนศรีอยุธยา แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พื้นที่โครงการ : 2-2-22.9 ไร่ ลักษณะโครงการ : High Rise จำนวนอาคาร : 1 อาคาร จำนวนชั้น : 38 ชั้น จำนวนยูนิต : 437 ยูนิต ที่จอดรถ : ประมาณ 64% (รวมจอดซ้อนคัน)   ขนาดห้อง : - Studio : 27.8 ตร.ม. - 1 Bedroom : 37.8 ตร.ม. - 2 Bedrooms : 64.7-73.4 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 5,300,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 190,000 บาท/ตร.ม. จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม รูปแบบห้องดีไซส์ใหม่ โปร่งกว่า.. กว้างกว่า.. หนีความวุ่นวาย มาสัมผัส Skyline ของกรุงเทพ บนชั้น Rooftop Facilities เชื่อมต่อทุกการเดินทาง ใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย, 2 ทางด่วนและสะพานจตุรทิศ ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS สถานีพญาไท, ARL ราชปรารภ สถานที่ใกล้เคียง : อาคารวรรณสรณ์, คิง เพาเวอร์ รางน้ำ, ไบหยก ทาวเวอร์, เซ็นทรัลเวิลด์, สยามพารากอน, รพ.ราชวิถี, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
SHAA ASOKE คอนโดลักซ์ชัวรี่ที่..เหนือกว่าใครในทุกด้าน : รีวิวคอนโด

SHAA ASOKE คอนโดลักซ์ชัวรี่ที่..เหนือกว่าใครในทุกด้าน : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาทุกคนนั่งรถไฟฟ้า BTS ไปชมห้องตัวอย่างโครงการลักชัวรี่คอนโดมิเนียมที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เมื่อไม่นานมานี้ SHAA ASOKE (ฌาา อโศก) ของ KPN LAND หนึ่งในบริษัทอสังหาฯ ที่ให้ความสำคัญเรื่องการเลือก Location ที่จะต้องเป็น Prime of Prime เน้นให้ลูกบ้านเดินทางง่ายอยู่ใกล้ห้าง, โรงเรียน, โรงพยาบาล, สวนสาธารณะ ที่สำคัญคือความคุ้มค่าของที่ดินแปลงนั้นต้องสามารถมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต โดยครั้งนี้ทางโครงการเลือกปักหมุดในย่าน "อโศก" สุดยอดโลเคชั่นในความเป็นศูนย์รวมหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็น Interchange ของการเดินทางรถไฟฟ้า 2 สายสำคัญที่สุดของกรุงเทพคือสายสีเขียว BTS สถานีอโศก และสีน้ำเงิน MRT สถานีสุขุมวิท เต็มไปด้วยสำนักงาน โรงแรม และแหล่งบันเทิงไลฟ์สไตล์ที่ใครๆ ต่างหมายปองอยากอาศัยอยู่ในย่านนี้   ทำเลศักยภาพ ใจกลางเมืองอโศก   เราต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าที่ดินใน "ย่านอโศก" ที่สามารถพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมได้นั้นเหลือน้อยเต็มที และมีราคาสูง แต่ทาง KPN LAND ก็สามารถคว้ามาครอบครองไว้ได้ โดยตัวโครงการ ฌาา อโศก ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ในซอยสุขุมวิท 19 ใกล้ BTS อโศก, MRT สุขุมวิท, โรบินสัน และ Terminal 21 จุดเด่นอยู่ที่การเลือกโลเคชั่นที่ไม่พลุกพล่านมาก เพราะอยู่ในซอยย่อย ไม่วุ่นวายเหมือนทำเลติดถนนอโศก เหมาะเป็นย่านที่อยู่อาศัยเพราะในซอยแวดล้อมไปด้วยร้านอาหารบรรยากาศดี, เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์, โรงแรมต่างๆ, สปา, ร้านทำผม, เซเว่น-อีเลเว่น และปิดท้ายซอยด้วยโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ใครที่ใช้รถส่วนตัวก็นับว่าสะดวกสบาย เนื่องจากซอยสุขุมวิท 19 เชื่อมต่อกับซอยสุขุมวิท 15 ถนนสุขุมวิท และถนนอโศกมนตรี ทำให้ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนที่ถนนเส้นหลักได้ดี นอกจากนี้ยังมีเส้นทางลัดเลาะไปยังย่านอื่นๆ ได้ทั้ง นานา, พร้อมพงษ์ และทองหล่อ โดยสามารถเชื่อมต่อทั้งซอยสุขุมวิท 19, ซอยสุขุมวิท 15 และซอยสุขุมวิท 23 หรือถ้าใครอยากใช้ทางด่วน ตัวโครงการก็อยู่ห่างจากจุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัช และทางด่วนเฉลิมมหานครในรัศมีไม่ถึง 3 กิโลเมตร ทำให้การเดินทางโดยรถยนต์เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากทีเดียว     ในส่วนของการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกมากที่สุดแล้วค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าตัวโครงการตั้งอยู่ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าในย่านอโศก ใกล้ทั้งแหล่งงาน, โรงแรม, สถานศึกษา, สถานพยาบาล, สวนสาธารณะ รวมทั้งแหล่งช็อปปิ้งสำคัญของกรุงเทพฯ อย่าง Terminal 21 ห้างสรรพสินค้าระดับโลกที่เปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้แวะเวียนหลั่งไหลไม่ขาดสาย ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า 2 สายสำคัญที่สุดของกรุงเทพที่ Interchange กันระหว่าง BTS สายสีเขียว (สถานีอโศก) และ MRT สายสีน้ำเงิน (สถานีสุขุมวิท) ในระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ ไม่เกิน 5 นาที ซึ่งถ้าใครเป็นสายช็อปปิ้งก็คงถูกใจเพราะพิกัดจากโครงการสามารถเดินไปขึ้น Sky Walk เพื่อไป Terminal 21, Robinson หรือ Korean  Town ที่ตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 10 และ 12 หรือจะนั่งรถไฟฟ้า BTS ถัดไปอีก 1 ป้ายก็จะถึงสถานีพร้อมพงษ์ สวรรค์ของนักช้อปเพราะมีศูนย์การค้าระดับโลก The EM District ใจกลางสุขุมวิทอย่าง Emporium, Emquartier รวมทั้งห้าง Emsphere ที่กำลังจะเริ่มก่อสร้างอีกไม่นานต่อจากนี้ ใครที่รักการสังสรรค์ก็คงจะแฮปปี้เพราะนั่งรถไฟฟ้า BTS จากสถานีอโศกไปทองหล่อแค่เพียง 2 สถานี ก็จะถึงแหล่งแฮงก์เอ้าท์ยอดนิยมของคนรุ่นใหม่แล้วค่ะ แถมถ้าใครที่เป็นสายเดินทางก็ยิ่งถูกใจเพราะสามารถเชื่อมต่อไป Airport Link ได้จากรถไฟฟ้า MRT สถานีสุขุมวิทไปสถานีเพชรบุรีแค่เพียงสถานีเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ไม่ไกลจากโครงการมีบริการเรือด่วนคลองแสนแสบวิ่งระหว่างสะพานผ่านฟ้าถึงวัดศรีบุญเรือง โดยท่าเรือที่ใกล้โครงการคือท่าเรืออโศก ใครที่เบื่อการจราจรบนถนน จะไปใช้บริการทางเรือก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่น้อย   แต่ก่อนจะไปชมห้องตัวอย่างแบบเต็มๆ เราขอชวนไปชมสำนักงานขายดีไซน์โดดเด่นของโครงการ ฌาา อโศก กันก่อน โดยสำนักงานขายจะตั้งอยู่คนละที่กับตัวโครงการนะคะ ซึ่งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 (BTS สถานีพร้อมพงษ์) ตรงข้ามร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อดัง Philippe Restaurant เลยค่ะ โดยจากถนนใหญ่สุขุมวิท เราตรงเข้ามาในซอยสุขุมวิท 39 ประมาณ 300 เมตรก็จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมสำนักงานขายโครงการได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น.   การเดินทางไปสำนักงานงานขาย SHAA   1. เริ่มต้นการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ค่ะ ซึ่งทางไปสำนักงานขาย จะอยู่ที่ทางออก 3 นะคะ 2. เมื่อเดินบันไดลงมาก็หมุนตัวกลับเพื่อเดินย้อนไปปากซอยสุขุมวิท 39 ค่ะ 3. เดินตรงเข้าซอยสุขุมวิท 39 มาเรื่อยๆ จะผ่านโครงการ The Diplomat 39 ของ KPN LAND ด้วยค่ะ 4. จากถนนใหญ่สุขุมวิทตรงเข้ามาในซอยสุขุมวิท 39 ประมาณ 300 เมตรก็จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ โดยสำนักงานขายดีไซน์หรูหราแต่ยังมีความทันสมัยในสไตล์โมเดิร์นตามคอนเซ็ปต์ของโครงการคือ Modern Craftsmanship ภายในจะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย พร้อมที่นั่งรับรองลูกค้าหลากหลายมุม นอกจากนี้ยังมีส่วน Presentation โครงการ และห้องตัวอย่างให้เข้าชม 1 ห้องค่ะ   ยกระดับการอยู่อาศัยของคนเมือง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เพียบพร้อม   โครงการ ฌาา อโศก เป็นโครงการลักซ์ชัวรี่คอนโดมิเนียม High Rise 1 อาคาร ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ตัวอาคารสูง 24 ชั้น บนพื้นที่ 1-0-8 ไร่ ทั้งหมด 143 ยูนิต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ในสไตล์ Modern Craftsmanship โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยดีไซน์ Facade เป็นปริซึมกระจกที่เวลาแสงตกกระทบจะเกิดแสงสะท้อนวิบวับ ดูน่าค้นหา โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังคัดสรรแต่วัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยมมาใช้ในโครงการ โดยเลือกใช้อุปกรณ์ห้องน้ำ AXOR แบรนด์ดังจากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นผลงานการแบบของ Antonio Citterio ดีไซน์เนอร์ชื่อดังชาวอิตาลีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “Gentlemen Of Design” ด้วยการนำทองเหลืองมาใช้เป็นวัสดุหลักให้มีความคงทนสามารถใช้งานได้นาน ออกแบบเป็นเอกลักษณ์เน้นเรื่องรูปทรง มุมขอบ ความโค้งมน หลอมรวมเข้าด้วยกัน เพื่อให้ชิ้นงานมีความสวยงามโดดเด่น และยังคงความสวยงาม เหนือกาลเวลา โดยความพิเศษคือ สเป็คของ AXOR ที่ใช้ในห้องน้ำทุกยูนิตนั้นจะเป็นสีพิเศษ Red Gold ซึ่งเป็นสีที่คุณสมบัติทำให้กลมกลืนกับแสง สี ของสภาพแวดล้อม โดยยังคงความเป็นจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์เอง ทำให้ได้บรรยากาศในห้องน้ำที่หรูหราไม่เหมือนใครไม่ว่าจะเป็นก๊อกน้ำ, ราวแขวนผ้าเช็ดตัว, ชุดฝักบัว และที่แขวนทิชชู่ ผ่านงานฝีมือแบบชิ้นต่อชิ้น  ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันมากทีเดียวค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการของการใช้ชีวิตในเมืองเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีให้เลือกสรรมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำแบบในร่ม ในขณะที่ห้องฟิตเนสก็มาพร้อมเครื่องออกกำลังกายแบบจัดเต็ม อีกทั้งยังมีล็อบบี้ดีไซน์หรูหรา สไตล์ Modern Craftsmanship, Mailbox, ห้องอเนกประสงค์ต่างๆ รวมไปจนถึงสวนพักผ่อนที่ทุกส่วนสามารถใช้งานได้จริง นอกจากนี้ยังมาพร้อม Bicycle Garage และที่จอดรถถึง 100 คัน, EV Charger กล้องวงจรปิดแบบ CCTV, ระบบเข้าออกอัตโนมัติแบบ Access Control และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ภาพบรรยากาศจำลองด้านหน้าโครงการ SHAA ASOKE (ฌาา อโศก) ที่ถูกออกแบบโดยใช้กระจกเป็นวัสดุหลัก เวลาแสงตกกระทบจะเกิดแสงสะท้อนวิบวับ ดูน่าค้นหา โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครในย่านนี้ ภาพบรรยากาศจำลองสระว่ายน้ำในร่มบนชั้น 2 ของอาคาร ผนังวิวรอบด้านเป็นกระจกปริซึม มองออกไปด้านนอกชมวิวเมืองด้วยทัศนียภาพที่ต่างออกไป ภาพบรรยากาศจำลองห้องฟิตเนสที่เต็มไปด้วยเครื่องออกกำลังกายแบบครบครัน ภาพบรรยากาศจำลองอาคารด้านนอกของโครงการ SHAA ASOKE (ฌาา อโศก) จากภาพจะเห็นว่าแต่ละยูนิตที่พักอาศัยของโครงการจะมีระเบียงพร้อมราวกันตก ซึ่งใช้วัสดุเป็นกระจกเทมเปอร์ทำให้กลมกลืนกับดีไซน์ของอาคารและสามารถมองวิวได้อย่างกว้างไกล   พื้นที่ใช้ชีวิต..คุ้มค่าทุกตารางเมตร   นอกจากภายนอกอาคารที่โดดเด่นและแฝงงานดีไซน์เอาไว้ในทุกส่วนแล้ว ภายในห้องชุดประเภทต่างๆ ของโครงการ ฌาา อโศก มีห้องพักอาศัยให้เลือกตั้งแต่ 1 Bedroom, 2 Bedrooms และแบบ Duplex ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 34.25 ไปจนถึง 113.25 ตารางเมตร โดยทางโครงการคัดเลือกแต่วัสดุคุณภาพมาใช้ในทุกๆ ยูนิต รวมไปถึงการคำนึงถึงรูปแบบ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ตัวโครงการยังเปิดขายแบบ Fully Fitted ประกอบด้วยชุดสุขภัณฑ์ไฮเอนด์จากประเทศเยอรมนี AXOR ภายใต้แบรนด์ HANSGROHE ที่ผ่านความใส่ใจในรายละเอียดสุดปราณีตเป็นงานฝีมือแบบชิ้นต่อชิ้น โดยแบบ 1 ห้องนอนจะมีมูลค่ากว่า 4 แสนบาท และ 2 ห้องนอนมูลค่ากว่า 7 แสนบาท เนื่องจาก AXOR เลือกนำทองเหลืองมาใช้เป็นวัสดุหลักมีความคงทนสามารถใช้งานได้นาน ไม่เพียงเท่านี้ยังติดตั้ง Digital Door lock มาให้เรียบร้อยแล้ว โดยใช้แบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Baldwin ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกุญแจทั่วไป แต่มีความพิเศษกว่าใครคือผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้สามารถเปิดประตูบ้านได้ด้วยมือสัมผัสผ่านการเปิดบลูทูธบนมือถือ และยังสามารถส่งเป็น e-key ไปยังญาติหรือเพื่อนอีกได้ด้วยโดยที่เจ้าของบ้านอยู่ที่ไหนผู้มาเยือนก็สามารถเข้าห้องได้ แต่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินโทรศัพท์หายหรือแบตหมดก็ยังสามารถใช้กุญแจปกติแบบทั่วไปไขได้   ไม่รอช้า..เรามาเปิดประตูห้องตัวอย่างกันดีกว่า สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมคือแบบ 2 Bedroom ขนาด 69.50 ตารางเมตร ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่นจริงๆ ค่ะ พื้นจะเป็น Wood Polymer Composite ที่ทนทานต่อความชื้นและไม่บวมน้ำ ส่วนห้องครัวก็มาในลุคดูหรูหรา โดยทางโครงการทำ Built in ชุดครัวมาให้สูงจรดเพดาน ชุดครัวจะเป็นแบรนด์นำเข้าแบรนด์ Kuppersbusch มาพร้อมเตาไฟฟ้า 4 หัว (ถ้าเป็นแบบ 1 ห้องนอนจะได้ 2 หัวค่ะ), เครื่องดูดควัน, เตาอบ และตู้เย็น แถมยังออกแบบช่องเก็บของมาให้แบบจุใจพร้อมหน้าบานทุกตัวติด Soft closed มาให้เรียบร้อยแล้ว ทำให้แขกไปใครมาก็เห็นว่าครัวเป็นนระเบียบอยู่นั่นเองค่ะ ในส่วนของห้องน้ำ, ห้อง Master Bedroom และห้องนอนที่ 2 ห้องนั่งเล่นก็ยังจัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน พร้อมแบ่งมุมรับประทานอาหารไว้อีกด้วย และด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดที่ต้องการให้ลูกบ้านทุกยูนิตได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ ทางโครงการจึงเพิ่ม Home Application ให้ลูกบ้านทุกยูนิตสามารถควบคุมไฟ เครื่องปรับอากาศ ในอนาคตสามารถเพิ่มฟั่งชั่นอื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็น CCTV การควบคุมผ่าน Smart Phone ได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่คุณเลือกและควบคุมได้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณ   หน้าประตูติดตั้ง Digital Door Lock มาให้แล้วนะคะ โดยใช้แบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Baldwin ที่ผสานกับเทคโนโลยีมือถือ ใช้เปิดเข้าห้องแทนคีย์การ์ดหรือส่งคำอนุญาตให้เพื่อนเข้าห้องได้ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายที่สุด เรามาเริ่มจากห้องนอน Master Bedroom กันก่อนนะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน และเมื่อเปิดประตูบานเลื่อนไปยังระเบียงทางโครงการก็ติดไฟเพดานพร้อมทำท่อระบายน้ำมาให้เรียบร้อย ขนาดระเบียงกว้างกำลังดีเลยค่ะ จากภาพจะเห็นว่าเมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย พื้นที่ข้างเตียงติดกับห้องน้ำจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ห้องน้ำในห้อง Master Bedroom ใช้วัสดุและอุปกรณ์ห้องน้ำจาก AXOR ภายใต้แบรนด์ HANSGROHE แบรนด์สุขภัณฑ์ไฮเอนด์จากประเทศเยอรมนี จุดเด่นคือสีของอุปกรณ์ AXOR จะเป็นสี Red Gold ที่มีคุณสมบัติพิเศษทำให้กลมกลืนกับแสง สี ของสภาพแวดล้อม โดยยังคงความเป็นจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์เองทำให้ได้บรรยากาศในห้องน้ำจะต่างออกไป ไม่ว่าจะก๊อกน้ำ, ฝักบัว หรือที่แขวนทิชชู่ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ลูกบ้าน ต้องใช้งานทุกวัน ทางโครงการเลยให้ความสำคัญและตั้งใจออกแบบอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษมีอ่างอาบน้ำ และห้องอาบน้ำในตัว ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นห้องเข้ามุมมาให้เป็นกระจกเทมเปอร์แบบบานเปิด ยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งสเต็ปเพื่อกั้นระหว่างพื้นส่วนเปียกส่วนแห้ง มือจับประตูเป็นอลูมิเนียมรูปตัว U ใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ จากภาพจะเห็นว่าบานพับและมือจับประตูใช้สี Red Gold เข้าชุดกับสุขภัณฑ์เลยนะคะ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีขนาดกำลังดี ผนังเหนือเคาน์เตอร์ติดเต้าเสียบปลั๊กไฟพร้อมฝาครอบกันน้ำมาให้สำหรับเสียบไดร์เป่าผมเรียบร้อยแล้ว ท็อปเคาน์เตอร์ปูหินอ่อนสีดำขีดขาวให้ความรู้สึกหรูหรา มาพร้อมก็อกน้ำจาก AXOR สีพิเศษคือสี Red Gold ที่เพิ่มความพรีเมี่ยมและชวนสัมผัสได้เป็นอย่างดี ภายในพื้นที่ส่วนเปียก ทางโครงการสั่งหล่ออ่างอาบน้ำรูปทรงโค้งมนสีขาวสบายตาขึ้นมาใหม่ จากภาพจะเห็นได้ชัดเลยว่าอ่างอาบน้ำมีขนาดบางกว่าอ่างปกติทั่วไป นอกจากนี้ส่วนผนังเหนืออ่างจะแต่งด้วยหินอ่อนสีดำขีดขาวเพื่อเสริมความหรูหรา อีกทั้งยังมีฝักบัวแบรนด์ AXOR สี Red Gold พร้อมก๊อกน้ำติดตั้งมาให้เรียบร้อย สำหรับโถสุขภัณฑ์จะเป็นแบบ Wall Hung ที่วางระบบฝังผนังดูสวยงามและเรียบร้อย แถมยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย  ซึ่งทางโครงการก็ให้ที่แขวนทิชชู่ของ AXOR สี Red Gold เพื่อให้เข้าชุดกับอุปกรณ์ชิ้นอื่นภายในห้อง ซึ่งบอกได้เลยค่ะว่านอกจากจะดูแพง หรูหราสมราคาแล้ว ยังดูลงตัวในทุกๆ ส่วนเป็นอย่างดี เรามาดูต่อกันที่ห้องนอนที่ 2 กันก่อนเลย ภายในห้องนอนมีระเบียงในตัวแถมยังเชื่อมต่อกับระเบียงมุมนั่งเล่น พื้นที่มีขนาดกว้างพอจัดวางเตียงเดี่ยวขนาด 4 ฟุตพร้อมโต๊ะและตู้เสื้อผ้าได้แบบพอดี แต่ทางโครงการตกแต่งห้องตัวอย่างออกมาให้เป็นห้องพักผ่อนพร้อมโซฟาแบบ Daybed มาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งก็ดูเหมือนห้องอเนกประสงค์ค่ะ บางคนอาจใช้เป็นห้องเก็บเสื้อผ้าแบบ Walk in closet หรือจะทำเป็นห้องทำงานก็ยังได้ จากห้องนอนที่ 2 ไปดูในส่วนของ Living Room กันค่ะ พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนของ Living area นะคะ พื้นที่ส่วนนั่งเล่นมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ด้วยนะคะ โดยสามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้อย่างพอดิบพอดี มุมมองจากโต๊ะรับประทานอาหารไปยังส่วนนั่งเล่น ทางโครงการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งเอาไว้เป็นตัวอย่าง ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป สำหรับมุมนี้จะถูกโอบล้อมด้วยประตูกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง สามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ นอกจากสามารถวางโซฟาตัวยาวได้แล้ว ยังมีพื้นที่เหลือสำหรับโต๊ะข้างได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด Home Application ที่ทางโครงการติดตั้งให้ลูกบ้านทุกยูนิตสามารถควบคุมไฟ เครื่องปรับอากาศ รวมถึงผ้าม่านในอนาคต ผ่าน Smart Phone ได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่คุณเลือกและควบคุมได้ มาถึงส่วนครัว ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวไอ (I) มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, เตาอบ, อ่างล้างจาน 1 หลุม และตู้เย็นแบบบิลต์อิน นอกจากนี้ยังออกแบบหน้าบานเปิดปิดมาให้เรียบร้อย อีกทั้งยังเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าด้วยค่ะ ชุดครัวจะเป็นแบรนด์ Kuppersbusch นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมดเลยนะคะ สำหรับก็อกน้ำของอ่างล้างมือจะเป็นแบบ Shower คือเป็นสายฉีดที่สามารถยกออกมาได้ แถมยังเพิ่มความพรีเมียมโดยการพิมพ์ชื่อโครงการ SHAA ไว้ด้วย สำหรับตู้เย็นจะเป็นแบรนด์ของ Teka นะคะ ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องแยกส่วนแห้งและส่วนเปียกมาให้ ระยะใช้งานกำลังสบายๆ สำหรับส่วนอาบน้ำจะมีฉากกั้นห้องมาให้เป็นกระจกเทมเปอร์แบบบานเปิด วางบนธรณีที่ยกสูงหนึ่งสเต็ปเพื่อกั้นระหว่างพื้นส่วนเปียกส่วนแห้ง อุปกรณ์ภายในห้องน้ำจะเป็นของ AXOR  เหมือนในห้องน้ำห้อง Master Bedroom ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากๆ ค่ะ   ด้วยทำเล Prime Location ของกรุงเทพฯ ใกล้จุด Interchange ของการเดินทางรถไฟฟ้า 2 สายสำคัญที่สุดของกรุงเทพคือสายสีเขียว BTS สถานีอโศก และสีน้ำเงิน MRT สถานีสุขุมวิท แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแบบนี้ ฌาา อโศก จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Fitted ดังนั้นในห้องมาตรฐานจะเป็นผนังฉาบเรียบสีขาว และมีเคาน์เตอร์ครัวบิลต์อินพร้อมชุดครัวแบรนด์ Kuppersbusch มาพร้อมเตาไฟฟ้า,เครื่องดูดควัน, เตาอบ, ตู้เย็น, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ AXOR แบรนด์ไฮเอนด์จากประเทศเยอรมนี ที่มาในโทนสี Red Gold ดูหรูหรา สง่างาม และพรีเมี่ยมมากจริงๆ ค่ะ   นอกจากนี้ทางโครงการ ฌาา อโศก ยังมอบ Digital Door Lock แบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Baldwin ที่ผสานกับเทคโนโลยีมือถือ ใช้เปิดเข้าห้องแทนคีย์การ์ดหรือส่ง E-Key ให้เพื่อนเข้าห้องได้ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายที่สุดมาให้กับลูกบ้านทุกยูนิตด้วย ซึ่งทาง KPN LAND ประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 10 ล้านบาท* ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียม Luxury ในระดับเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะ Installment Term เริ่มต้นเพียง 30,000 บาท/เดือน นอกจากนี้แนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีมากในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มค่า
Niche MONO Tiwanon ครั้งแรกของคอนโดพร้อม CO-CREATION SPACE ครบวงจร : รีวิวคอนโด

Niche MONO Tiwanon ครั้งแรกของคอนโดพร้อม CO-CREATION SPACE ครบวงจร : รีวิวคอนโด

คอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับคนเมือง เพราะตอบโจทย์ชีวิตได้อย่างลงตัว และเมื่อตัดสินใจจะซื้อคอนโดฯ แล้ว เรื่องของการเลือกทำเล, แบรนด์, พื้นที่ส่วนกลาง ตลาดจนไปถึงการออกแบบตกแต่งถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเจ้าของก็ว่าได้ นั่นเพราะการได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เรารัก ดูสวยงามในสไตล์ที่เราชอบและอยากให้เป็นในแบบที่ต้องการมันคือความสุขทางใจอย่างหนึ่ง ซึ่งคอนโดที่เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างในวันนี้คือ โครงการ “Niche MONO Tiwanon (นิช โมโน ติวานนท์)” จาก เสนา ดีเวลลอปเมนท์ คอนโดมิเนียมแบรนด์หรูใหม่ล่าสุดในย่านติวานนท์ที่มี Co-Creation Space แบบครบวงจร อีกทั้งยังอยู่ใกล้ MRT สายสีม่วง สถานีกระทรวงสาธารณสุข เพียง 50 เมตร เรียกได้ว่าเดินทางสะดวกสบายเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวกสบาย โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ตัวโครงการอยู่ติดถนนถนนติวานนท์ ฝั่งเลขคู่ ซอยติวานนท์ 8 อยู่ใกล้กับกระทรวงสาธารณสุข และ MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขเลยค่ะ ซึ่งก็สะดวกทั้งคนมีรถส่วนตัวและไม่มี สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์นั้นถือมีตัวเลือกมากมายทีเดียวค่ะ เพราะมีถนนสายสำคัญให้เลือกใช้อยู่หลายสายทั้งถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนงามวงศ์วาน หากอยากหลบหนีช่วงเวลาที่จราจรติดขัดบริเวณแยกแครายก็สามารถใช้ทางด่วนพิเศษศรีรัช ขั้นที่ 2 (ถนนงามวงศ์วาน) โดยวิ่งผ่านเข้าไปในกระทรวงสาธารณสุขได้เลย หรือถ้าใครอยากจะเข้าเมืองไปแถวๆ ย่านรัชดาก็สามารถใช้ถนนกรุงเทพนนท์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เส้นทางสะพานพระราม 5 วิ่งไปราชพฤกษ์ได้อีกด้วย แถมถ้าอยากออกนอกเมืองก็สามารถวิ่งไปปทุมธานีโดยใช้ถนนติวานนท์วิ่งผ่านปากเกร็ดก่อน ซึ่งเส้นนี้ก็ไปแจ้งวัฒนะได้ด้วยนะคะ แต่ถ้าจะไปบางใหญ่ หรือบางบัวทองก็ต้องใช้เส้นรัตนาธิเบศร์เป็นหลักค่ะ มาต่อกันที่การเดินทางด้วยรถสาธารณะนับว่าเป็นเรื่องสะดวกมากๆ เนื่องจากตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ บรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคัก มีรถโดยสารวิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็น รถเมล์, แท็กซี่ และมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ทั้งนี้ตัวโครงการยังอยู่แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งห่างจากบันไดทางขึ้น MRT กระทรวงสาธารณสุข เพียง 50 เมตรเท่านั้น เรียกว่าเดินเท้าได้สบายๆ หรือถ้าใครอยากโดยสารทางน้ำก็สามารถเลือกใช้เรือที่ท่าน้ำนนท์ ต้นทางของเรือด่วนเจ้าพระยา โดยท่าเรือที่อยู่ใกล้ตัวโครงการที่สุดคือท่าเรือพิบูลย์สงครามแค่ 2.9 กิโลเมตร ซึ่งก็ตอบโจทย์คนไม่มีรถส่วนตัวได้ดีทีเดียว ในส่วนของอาหารการกินก็จัดว่าสะดวกสบายไม่แพ้กัน ด้วยความที่เป็นแหล่งงานและชุมชนจึงมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปจนถึงตลาดสดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยมากมายทั้งตลาดกระทรวงสาธารณสุข และตลาดพระราม 5 แถมพิกัดของห้างสรรพสินค้าชั้นนำยังอยู่ไม่ไกลเลยทั้ง Big C ติวานนท์, Lotus รัตนาธิเบศร์, พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, เซ็นทรัลพลาซ่า รัตนาธิเบศร์ และ Esplanade งามวงศ์วาน  แถมบริเวณโดยรอบยังแวดล้อมไปด้วยสถานศึกษา, สถานพยาบาลชั้นนำ รวมไปจนถึงสวนสาธารณะมากมาย อาทิ อุทยานมกุฏรมยสราญ, สวนสาธารณะในกระทรวงสาธารณสุขที่มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เป็นต้น 1. เริ่มต้นการเดินทางวันนี้เรานั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง มาลงที่สถานีกระทรวงสาธารณะสุข สำหรับทางออกไปโครงการจะอยู่ที่ทางออก 1 นะคะ 2. เมื่อเดินลงมาด้านล่างแล้วจะเจอกับถนนใหญ่ค่ะ ซึ่งทางไปโครงการนั้นต้องเดินไปทางฝั่งขวามือคือซอยติวานนท์ 6 ค่ะ 3. ระหว่างทางเดินไปโครงการก็จะมีร้านซ่อมรถและติดตั้งอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์ต่างๆ 4. เดินถัดมาอีกนิดก็พบกับร้านค้าอยู่หลายร้านเหมือนกันค่ะ 5. นอกจากร้านค้าแล้วยังมีร้านอาหารให้ฝากท้องอยู่หลายร้านเลย 6. เดินตรงไปเรื่อยๆ ข้ามคลองเล็กๆ มานิดเดียว สังเกตป้ายซอยติวานนท์ 8 ก็ถึงโครงการแล้วค่ะ 7. ตอนนี้ตัวโครงการยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างนะคะ จะเป็นส่วนของ Sales Gallery ก่อน 8. บริเวณหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์พอดิบพอดี ซึ่งสะดวกมากสำหรับลูกบ้านที่ไม่ใช้รถส่วนตัว แถมยังมีจุดกลับรถในระยะใกล้ๆ อีกด้วย   ภาพรวมโครงการ โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น จำนวน  1 อาคาร บนพื้นที่ 2 ไร่กว่า แบ่งออกเป็นที่พักอาศัย 526 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต รองรับที่จอดรถได้ประมาณ 39% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) เรียกว่าเป็นที่อยู่อาศัยแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนไทยยุคใหม่ได้ดีที่สุดและสมบูรณ์ในทุกด้าน เพราะสิ่งที่ทำให้โครงการแห่งนี้น่าจับตามองนอกจากเรื่องทำเลที่ดีแสนสะดวกสบาย สามารถเดินจากประตูโครงการเพียงแค่ 50 เมตร ก็ถึงรถไฟฟ้า MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ทางโครงการยังนำประสบการณ์ในด้านพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยเข้าใจความต้องการของลูกบ้านอย่างแท้จริง มาผสานเข้ากับความช่ำชองในการพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้อยู่อาศัย โดยติดตั้งโซลาร์ และ EV Charger ไว้ในโครงการ ในขณะที่ห้องชุดและรูปแบบของตัวตึกถูกออกแบบด้วยรสนิยมที่โดดเด่นไม่เหมือนใครในย่านติวานนท์ จากการคำนึงถึงความนำสมัยที่มีแบบฉบับเฉพาะตัว ด้วยการใช้โทนสี Monochrome ไล่เฉดสีขาว ดำ เทาเป็นหลัก ในขณะที่ห้องพักอาศัยก็ชูจุดเด่นด้วยการดีไซน์สไตล์ MOFF ขยายความสูงของห้องด้วยเพดานสูง 4.5 เมตร เพื่อให้ลูกบ้านได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แถมยังสามารถดีไซน์ได้ในแบบของตัวเอง ซึ่งก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ห้อง Penthouse ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางบอกได้คำเดียวว่าจัดเต็มแบบสุดๆ ไปเลยค่ะ เรียกว่าครบครันมากทีเดียว ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการของลูกบ้านผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มักใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ครั้งแรกของคอนโดที่มี Co-Creation Space แบบครบวงจร ถึง 5 ชั้น ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัว เริ่มตั้งแต่ชั้นบริเวณชั้นล่างทำเป็น Private Lobby สุดหรูโดยแบ่งออกเป็น Lobby ส่วนของ Residence และ Lobby ส่วนของทำงาน มาพร้อมร้านค้า, ห้อง Mail Box, ห้องนิติ, ห้อง First Aid, Locker, Laundry, Vending Machine ต่อเนื่องมายังพื้นที่ชั้น 2 จะเป็นส่วนของ Co-Creation Space, Workshop Space, Co-Meeting Space, Mind Space และ Media Hub Space สำหรับที่จอดรถจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 3 ไปจนถึงชั้น 9 ในขณะที่ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 9 โดยบริเวณชั้น 10 จะมีสวนสีเขียวขจี พร้อมโต๊ะทำงาน Outdoor ได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกไว้ด้วย ส่วน Facility หลักๆ จะถูกยกไปอยู่บริเวณชั้น 35-36 ประกอบด้วย Sky Fitness ห้องออกกำลังกายลอยฟ้าพร้อม Boxing Room และ Yoga อีกทั้งยังมี BBQ Terrace, Game Room, Party Room ส่วนสระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 36 โดยมาพร้อมสระเด็กและจากกุชชี่ นอกจากนี้ยังมี Hydro Pool ที่ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายแบบ Extremes ได้ อีกทั้งยังมี Sky Lounge และ Sunken Lounge เรียกว่าจัดเต็มเพื่อรองรับความสุขของลูกบ้านอย่างเต็มเปี่ยมก็ว่าได้ แถมยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีบริการ After Sales Services ซ่อม-เช่า-ขายต่อ ด้วยนะคะ Master Plan ของโครงการ แปลนพื้นที่ชั้นล่างสุด แบ่งออกเป็นสวนสวย, จุด Drop-off ก่อนจะเข้าสู่ Lobby ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นที่มีกลิ่นอายคอนเทมโพรารี   แปลนของพื้นที่ชั้น 2 ที่มีส่วนกลางกระจายอยู่ภายในมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Co-Creation Space, Workshop Space, Co-Meeting Space, Media-Hub Space และ Mind Space เป็นต้น ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Co-Creation Space ชั้น 2 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Co-Creation Space ชั้น 2 ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้น 1 โดยมีบันไดวนเป็นจุดเชื่อมกลาง ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Meeting Space ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Media-Hub Space ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Mind Space ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง WORKSHOP & ENTERTAINMENT SPACE แปลนอาคารชั้น 3-9 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมดเลยนะคะ แปลนของพื้นที่ชั้น 10 จะเริ่มเป็นยูนิตพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งที่ชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วย แปลนของพื้นที่ชั้น 35 นะคะ ซึ่งความพิเศษนอกจาก Facility ที่จัดเต็มแล้ว ยังมีสวนสวยพร้อมมุม BBQ Terrace อีกด้วย ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง CO-KITCHEN & BBQ TERRACE ภายบรรยากาศจำลองภายในห้อง SKY FITNESS แปลนของพื้นที่ชั้น 36 นะคะ ซึ่งจะรวม Facilities ส่วนกลางหลักๆ โดยจัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่ส่วนกลางที่กระจายอยู่ในหลายๆ ชั้น ภาพบรรยากาศจำลอง SKY INFINITY EDGE POOL สระว่ายน้ำลอยฟ้าแบบในร่ม ภาพบรรยากาศจำลองจะเห็นได้ชัดเลยว่าตัวอาคารเห็นวิวเมืองชัดเจน ไม่มีตึกไหนมาบดบังวิว ทำให้ลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางพร้อมชมวิวได้อย่างเต็มตา   เปิดประตูห้องตัวอย่าง โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” มีแบบห้องหลักๆ อยู่ 3 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 26.00 - 35.00 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 55.00 ตร.ม. และแบบ Moff ดีไซน์ใหม่มาพร้อมห้องเพดานสูงถึง 4.5 เมตร ให้ลูกบ้านสามารถใช้ฟังก์ชั่นอย่างคุ้มค่าในทุกตารางเมตร มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 26.00 - 35.00 ตร.ม. โดยทุกยูนิตขายแบบ Fully Furnished มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งถ้าหากลูกบ้านตัดสินใจซื้อ ก็เห็นจะขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้นเองค่ะ ทั้งนี้ทุกยูนิตจะได้เครื่องปรับอากาศเหมือนกันหมดเลยนะคะ โดยห้อง 1 Bedroom จะได้เครื่องปรับอากาศ 2 ตัว และห้อง 2 Bedroom จะได้เครื่องปรับอากาศ 3 ตัว   สำหรับห้องตัวอย่างที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องพักอาศัยแบบ Standard ค่ะ ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องไม่ได้รู้สึกเล็กอย่างที่คิดเลยค่ะ ด้วยการจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ที่จัดแบ่งพื้นที่แยกไว้อย่างเป็นสัดส่วน พร้อมแบ่งมุมรับประทานอาหารไว้อีกด้วย ในขณะที่ห้องครัวจะเป็นแบบปิด ซึ่งป้องกันเรื่องกลิ่นรบกวนได้มากขึ้นเพราะครัวอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ดี แปลนห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. นะคะ สำหรับประตูของห้องพักอาศัยจะเป็นแบบ Digital Door Lock ทุกยูนิตเลยค่ะ เมื่อเข้าห้องมาจะเจอห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่อยู่ติดกับมุมรับประทานอาหารเลยนะคะ ถัดเข้าไปเป็นห้อครัวแบบปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อนสามารถประกอบอาหารได้สบาย แถมยังมีระบายอากาศได้ดีเนื่องจากจากมีระเบียงอยู่ติดกับครัวนั่นเอง ส่วนห้องนอนจะเป็นประตูทึบและมีห้องน้ำอยู่ด้านในค่ะ บริเวณคอนโซลทีวี ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานมาให้แล้วนะคะ จากภาพจะเห็นชัดเจนเลยว่าทางโครงการแบ่งฟังก์ชั่นใช้งานไว้อย่างลงตัว เพราะสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ด้วย สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีเทาดำ ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร เคาน์เตอร์ครัวมีลิ้นชักที่มีตัวแบ่งช่องสำหรับเก็บช้อนส้อม ส่วนชั้นล่างลิ้นชั้นนั้นจะเป็นช่องสำหรับวางไมโครเวฟค่ะ ด้านบนออกแบบให้เป็นตู้ลอยแบบบานเปิดไว้สำหรับเก็บของค่ะ ซึ่งมีความพิเศษตรงที่สามารถเลื่อนออกมาเก็บจานชามได้ ด้านในสุดของครัวจะติดระเบียงนะคะ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็สามารถลดกลิ่นและระบายอากาศเวลาประกอบอาหารได้ดี พื้นที่ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ โดยทางโครงการจะติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนนะคะ ข้อดีคือไม่เปลืองเนื้อที่นั่นเองค่ะ ออกมาจากครัวมาต่อที่ห้องนอนกันบ้าง ภายในห้องนอนถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยนะคะ จะเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรอบเตียงนั้นสามารถเดินได้อย่างสบายๆ แถมยังเหลือพื้นที่ด้านข้างไว้เป็นมุมทำงานอีกด้วย มุมมองกลับเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดนะคะ จะเห็นว่าทางโครงการกรุหน้าต่างกระจกใสเชื่อมกับห้องนอนเพื่อเพิ่มความโปร่งโล่งให้แก่ห้องมากขึ้น แถมยังบิลต์อินตู้เสื้อผ้ามาให้เรียบร้อยแล้ว ติดกับตู้เสื้อผ้านั้นเป็นห้องน้ำค่ะ สำหรับตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นนะคะ คือนอกจากจัดเก็บเสื้อผ้าได้แล้วยังสามารถเก็บเครื่องประดับได้ด้วย ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง บริเวณโซนเปียก ทางโครงการเจาะช่องด้านในไว้ให้ลูกบ้านได้วางของใช้ส่วนตัว และกรุที่นั่งอาบน้ำตามสไตล์คนญี่ปุ่นมาให้เรียบร้อยแล้ว   ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. ห้องพักอาศัยแบบ MOFF ดีไซน์ใหม่มาพร้อมเพดานสูงถึง 4.5 เมตร ภายในแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน สำหรับห้องนี้เปิดประตูมาจะเจอส่วนครัวก่อน ตรงข้ามครัวจะเป็นตู้เก็บของและห้องน้ำ ก่อนจะมีประตูบานเลื่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางที่กว้างพอสำหรับวางวางโซฟาตัวยาวในส่วนของ Living Area ได้สบายๆ อีกทั้งยังสามารถแบ่งพื้นที่สำหรับมุมทำงานหรือมุมรับประทานอาหาร และระเบียงได้ด้วย ในขณะที่ห้องนอนจะมีบันไดทำหน้าที่เชื่อมต่อไปถึงด้านบน ซึ่งจัดพื้นที่มาให้แบบกำลังดี สามารถวางเตียงนอนขนาด 5-6 ฟุตได้ แต่ทางโครงการจะให้เตียงขนาด 5 ฟุตมาแล้วค่ะ ขาดแต่ฟูกเท่านั้น ซึ่งยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือสบายๆ แถมยังวางโต๊ะข้าง, ตู้เสื้อผ้า และมีห้องเก็บของเล็กๆ ให้ด้วยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Type B2 ขนาด 28 ตร.ม. แบบ MOFF นะคะ เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนเลยค่ะ ซึ่งชุดเคาน์เตอร์ครัวลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีเทา ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร ทางโครงการบิลต์อินตู้ลอย พร้อมออกแบบที่เก็บจานมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ นอกจากเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็น และช่องไมโครเวฟแล้ว ลิ้นชักยังมีช่องเก็บช้อนส้อมรวมถึงอุปกรณ์ครัวด้วยนะคะ พื้นที่ตรงข้ามกับ Pantry ครัว ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานไว้บริเวณหน้าห้องน้ำนะคะ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง เดินเข้ามาจะพบกับอ่างล่างมือก่อนเลยค่ะ ตรงกลางจะเป็นสุขภัณฑ์ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ฝั่งด้านขวามือเป็นพื้นที่อาบน้ำ กั้นกลางด้วยกระจกใส ผนังภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนนะคะ บริเวณโซนเปียก ทางโครงการก็ได้เจาะช่องด้านในไว้ให้ลูกบ้านได้วางของใช้ส่วนตัว และกรุที่นั่งอาบน้ำตามสไตล์คนญี่ปุ่นมาให้เช่นเดียวกับห้องตัวอย่างแรก ออกมาจากห้องน้ำ เปิดประตูบานเลื่อน 3 ตอนเข้ามาในบริเวณนั่งเล่นกันบ้างดีกว่าค่ะ ซึ่งเป็นแบบ Double Volume มีความสูง 4.5 เมตร จากภาพจะเห็นว่าระยะห่างจากโซฟาถึงทีวีนั้นกำลังดีเลยนะคะ แถมยังเหลือพื้นที่ตรงกลางอีกเยอะเลย ในส่วนของคอนโซลทีวี ทางโครงการได้บิลต์อินให้อยู่ติดกับบันไดทางขึ้นไปห้องนอนค่ะ พื้นที่ติดกันนั้นเป็นห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ มุมนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังมีความโปร่งโล่งชวนพักผ่อนเนื่องจากโอบล้อมด้วยประตูและหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนสามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ ระเบียงมีขนาดกว้างกำลังดี สามารถวางราวตากผ้าได้ โดยทางโครงการจะติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนไม่ให้เปลืองเนื้อที่นะคะ กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ใกล้กับบันไดสามารถจัดเป็นมุมรับประทานอาหารได้สบายๆ มุมมองจากโต๊ะรับประทานอาหารกลับเข้าไปด้านในห้องนะคะ จะเห็นว่าภายในห้องดูสูงโปร่ง แบ่งฟังก์ชั่นใช้งานเป็นสัดส่วนชัดเจน เหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง เดินไต่บันไดขึ้นมาจะพบกับตู้เสื้อผ้าก่อนเลยค่ะ ซึ่งทางโครงการบิลต์อินมาให้เรียบร้อยแล้ว แถมยังออกแบบให้สามารถจัดเก็บได้ตั้งแต่เสื้อผ้า, รองเท้า และเครื่องประดับ บริเวณเตียงนอนได้รับการออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ผนังด้านหลังเตียงเป็นเพียงการตกแต่งนะคะ ห้องจริงจะได้เป็นผนังฉาบเรียบเท่านั้น นอกจากนี้พื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้โดยรอบเลยนะคะ แถมยังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงอีกด้วย พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในทางโครงการออกแบบให้เป็นห้องเก็บของนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่มีของใช้เยอะ เพราะสามารถจัดเก็บได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เรียกว่าใช้พื้นที่คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ มุมมองกลับลงมาจากส่วนพักผ่อนนะคะ   สำหรับห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 1 Bedroom Type D1 ขนาด 35.00 ตร.ม. ลักษณะแปลนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เมื่อเดินเข้าไปด้านในให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวก่อนเลย และมีประตูบานเลื่อนที่กั้นไว้ก่อนเข้าห้องด้านใน พื้นที่ภายในเป็นส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอนและมุมนั่งเล่น พื้นที่ในสุดเป็นระเบียง ประตูห้องนอนจะได้แบบบานเลื่อน 3 ตอน สามารถเปิดปิดแยกส่วนจากห้องนั่งเล่นได้ ในห้องนอนมีพื้นที่วางโต๊ะ, ตู้, เตียง ได้ครบ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนนะคะ ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการก็ตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้เราได้เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ที่ได้เพียงผนังฉาบเรียบสีขาว กับ Fully Furnished ตามมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Type D1 ขนาด 35.00 ตร.ม. สำหรับไทป์นี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอครัวก่อนเหมือนห้องตัวอย่างที่สองเลยค่ะ โดยครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นและไมโครเวฟมาให้แล้วด้วย ด้านบนออกแบบให้เป็นตู้ลอยแบบบานเปิดไว้สำหรับเก็บของค่ะ ซึ่งก็มีที่เก็บจานและอุปกรณ์ได้มากมาย รวมถึงการออกแบบที่สามารถยืดอุปกรณ์ออกมาใช้งานได้ด้วย พื้นที่ฝั่งตรงข้ามบริเวณข้างประตูเข้าออกจะเป็นตู้เก็บของบิลต์อินจรดเพดานเลยนะคะ ซึ่งก็มีพื้นที่ด้านข้างเหลือพอสำหรับติดราวแขวน เปิดประตูบานเลื่อนเข้ามาด้านในส่วนพักผ่อนจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ ติดกับประตูบานเลื่อนจะเป็นมุมรับประทานอาหารเล็กๆ ก่อนจะถัดเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนนั่งเล่นที่มาพร้อมคอนโซลทีวี แถมมีระยะห่างกำลังดี สามารถวางโต๊ะกลางได้ พื้นที่ในสุดทางขวาจะเป็นมุมทำงานค่ะ พื้นที่ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนนะคะ โดยมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางเมื่อเลื่อนมาปิดก็จะให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวขึ้นมาทันที โซฟาจะเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นนะคะ คือนอกจากใช้นั่งพักผ่อนแล้ว ยังถูกออกแบบมาให้เก็บของได้อีกด้วย พื้นที่ต่อเนื่องจากมุมนั่งเล่นเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำนะคะ ซึ่งภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน บริเวณหน้าห้องน้ำจะเป็นมุมแต่งตัวนะคะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนนะคะ ตกแต่งห้องน้ำโทนสีสว่างให้ความรู้สึกอบอุ่น จากรูปจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนเปียกนั้นยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งเสต็ปนะคะเพื่อกันน้ำกระเด็นนั่นเอง พื้นที่ส่วนเปียกถูกออกแบบไว้รองรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ เพราะทางโครงการเจาะช่องวางของไว้ให้ที่ผนังถึงสองด้าน แถมยังกรุที่นั่งอาบน้ำแบบชาวญี่ปุ่นไว้ให้แล้วเรียบร้อย พื้นที่ห้องนอนมีขนาดกว้างกำลังดีเลยนะคะ สามารถจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย โดยเหลือพื้นที่เดินได้โดยรอบด้วยค่ะ ซึ่งพื้นที่ติดกับเตียงนั้นจะเป็นระเบียงให้ออกไปสัมผัสธรรมชาติยามเช้าได้ พื้นที่ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าได้สบายๆ เพราะทางโครงการติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนเรียบร้อยแล้ว ทำให้ไม่เปลืองเนื้อที่และใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่านั่นเองค่ะ   ด้วยทำเลใกล้ MRT สายสีม่วง สถานีกระทรวงสาธารณสุข เพียง 50 เมตร ติดถนนติวานนท์ ย่านชุมชนและแหล่งงานสำคัญของเมืองไทย อีกทั้งยังรายล้อมด้วยสาธารณูปโภคครบครันทั้ง สถานศึกษาชั้นนำ, สถานพยาบาลชั้นนำ, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และสวนสาธารณะสีเขียวขจีที่นับวันยิ่งหายากในเมืองหลวงแบบนี้ โครงการ “นิช โมโน ติวานนท์” จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Furnished ดังนั้นห้องพักอาศัยทุกยูนิตก็จะมี ชุดครัวที่มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน รวมถึงสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, เฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน และเครื่องปรับอากาศถึง 2 ตัว แถมยังจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางโดยมี Co-Creation Space แบบครบวงจรแห่งแรกในย่านติวานนท์ ซึ่งทางโครงการประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 2.4 ล้านบาท ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียมในย่านเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะแนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มค่า
Knightsbridge Tiwanon เพิ่มพื้นที่แห่งความสุข เพื่อชีวิตที่เพียบพร้อมกว่าใคร : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Tiwanon เพิ่มพื้นที่แห่งความสุข เพื่อชีวิตที่เพียบพร้อมกว่าใคร : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาทุกคนนั่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงไปดูห้องตัวอย่างของคอนโดมิเนียมใหม่ ที่อยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขเพียง 70 เมตร ซึ่งกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในย่าน “ติวานนท์” จาก ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ ซึ่งเลือกปักหมุดบนทำเลศักยภาพติดแนวรถไฟฟ้า ภายใต้ Top Brand อย่าง Knightsbridge กับโครงการ “Knightsbridge Tiwanon (ไนท์บริดจ์ ติวานนท์)” ด้วยแนวคิดใหม่เพิ่มพื้นที่การอยู่อาศัยให้มากกว่าใคร มาพร้อมห้องเพดานสูงถึง 4.2 เมตร ให้ลูกบ้านสามารถใช้ฟังก์ชั่นอย่างคุ้มค่าในทุกตารางเมตรแห่งความสุขได้ที่นี่..     ศักยภาพทำเลดี ติดถนนใหญ่ สำหรับโครงการ “ไนท์บริดจ์ ติวานนท์” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจมากเลยนะคะ ตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ (ถนนติวานนท์) ระหว่างซอยติวานนท์ 8 และซอยติวานนท์ 10 ซึ่งอยู่ใกล้กับกระทรวงสาธารณสุข และ MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุขเลยค่ะ การเดินทางของคนมีรถยนต์ก็จัดว่าสะดวกสบายทีเดียว เพราะมีถนนสายสำคัญให้เลือกใช้อยู่หลายสายเหมือนกัน ทั้งถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนงามวงศ์วาน หากใครอยากหนีรถติดบริเวณแยกแครายก็สามารถใช้ทางด่วนศรีรัช ขั้นที่ 2 (ถนนงามวงศ์วาน) โดยวิ่งผ่านเข้าไปในกระทรวงสาธารณสุขได้เลย หรือถ้าใครมีธุระจะเข้าเมืองไปย่านรัชดาก็สามารถใช้ถนนกรุงเทพนนท์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เส้นทางสะพานพระราม 5 วิ่งไปราชพฤกษ์ได้อีกด้วยค่ะ ส่วนใครที่อยากออกนอกเมืองก็สามารถวิ่งไปปทุมธานีโดยใช้ถนนติวานนท์วิ่งผ่านปากเกร็ดก่อน ซึ่งเส้นนี้ก็ไปแจ้งวัฒนะได้ด้วยนะคะ แต่ถ้าจะไปบางใหญ่ หรือบางบัวทองก็ต้องใช้เส้นรัตนาธิเบศร์เป็นหลักค่ะ ทั้งนี้การเดินทางด้วยรถสาธารณะก็เป็นเรื่องที่สะดวกสุดๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ บรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคัก มีรถโดยสารวิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งรถเมล์ รถตู้ แท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง เรียกว่าตอบโจทย์คนไม่มีรถส่วนตัวได้ดี เพราะมีตัวเลือกในการเดินทางมากทีเดียว แถมจุดเด่นของโครงการยังอยู่แนวรถไฟฟ้า ห่างจาก MRT กระทรวงสาธารณสุข เพียง 70 เมตรเท่านั้น เรียกว่าเดินเท้าได้สบายๆ เลยค่ะ ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้า ด้วยความที่เป็นแหล่งงานและชุมชนจึงมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปจนถึงตลาดสดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยมากมายทั้งตลาดกระทรวงสาธารณสุข และตลาดพระราม 5 แถมพิกัดของห้างสรรพสินค้าชั้นนำยังอยู่ไม่ไกล อาทิ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์, เอสพลานาด รัตนาธิเบศร์, บิ๊กซี ติวานนท์ และเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่หลากหลายทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ภายในกระทรวงสาธารณสุขยังมีพื้นที่สีเขียว และแหล่งอำนวยความสะดวกของคนย่านติวานนท์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ, สนามกีฬา หรือตลาดนัดขนาดใหญ่ ก็ล้วนแต่เหมาะกับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง 1. เริ่มต้นการเดินทางวันนี้เรานั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง มาลงที่สถานีกระทรวงสาธารณะสุขนะคะ 2. สำหรับทางออกไปโครงการ ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ จะอยู่ที่ทางออก 1 นะคะ 3. เมื่อแตะบัตรเดินตามป้ายมา จากบนสถานีก็มองเห็นตัวโครงการแล้วค่ะ ซึ่งอยู่ใกล้มากๆ 4. เมื่อเดินลงมาด้านล่างแล้วจะเจอกับถนนใหญ่นะคะ ซึ่งทางไปโครงการนั้นต้องเลี้ยวไปทางฝั่งขวามือค่ะ 5. ระหว่างทางเดินไปโครงการ ก็จะมีร้านอาหารให้ฝากท้องอยู่หลายร้านเหมือนกันค่ะ 6. บริเวณหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์พอดิบพอดี ซึ่งสะดวกมากสำหรับลูกบ้านที่ไม่ใช้รถส่วนตัว 7. นอกจากจะมีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการแล้ว ยังมีจุดกลับรถในระยะใกล้ๆ อีกด้วย 8. บรรยากาศในโครงการค่อนข้างร่มรื่นทีเดียวค่ะ พื้นที่รอบตัวอาคารนั้นถูกออกแบบให้เป็นที่วนรถรอบตึก สามารถจอดรถจะในอาคารได้ตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 6 ถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นส่วนของ Lobby แล้วค่ะ   ภาพรวมโครงการ โครงการ “ไนท์บริดจ์ ติวานนท์” เป็นคอนโด High Rise สูง 25 ชั้น จำนวน  1 อาคาร บนพื้นที่ 1-2-83 ไร่ แบ่งออกเป็นที่พักอาศัย 373 ยูนิต ในความเป็นส่วนตัวเพียง 21 ยูนิตต่อชั้น และรองรับที่จอดรถได้ประมาณ 47% (รวมจอดซ้อนคัน) ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Affordable Premium Condo ชูจุดขายด้วยการขยายความสูงของห้องด้วยเพดานสูง 4.2 เมตร เพื่อให้ลูกบ้านได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แถมยังสามารถดีไซน์ได้ในแบบของตัวเอง ซึ่งก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ห้อง Penthouse เลยทีเดียว ในขณะที่ตัวอาคารก็ยังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเป็นอย่างดี ทั้งการดีไซน์ที่ทันสมัยด้วยการใช้โทนสี Monochrome ไล่เฉดสีขาว ดำ เทาเป็นหลัก ซึ่งก็ถือว่าสวยงามอย่างมีสไตล์ สะท้อนความเป็น Top Brand ของ ออริจิ้น ที่มักสร้างคอนโดมิเนียมหรู ดีไซน์ล้ำกว่าใคร ในราคาคุ้มค่าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก ในส่วนของ Facility เรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ ค่ะ เริ่มตั้งแต่บริเวณชั้นล่างที่ทำเป็น Lobby สุดหรู ออกแบบให้เป็น Super high ceiling lobby ที่มีเพดานสูงถึง 6 เมตร พื้นที่ชั้น 2-6 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด โดยสามารถจอดรถประมาณ 144 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ส่วนพื้นที่ตั้งแต่ชั้น 7 เป็นต้นไปจะเริ่มเป็นยูนิตของห้องพักอาศัยค่ะ สำหรับ Facility หลักๆ นั้นจะถูกยกไปไว้ที่ชั้น 25 ทั้งหมด ซึ่งมาพร้อม Sky swimming pool สระว่ายน้ำเทควิวขอบฟ้า ที่เชื่อมต่อพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้าถึง 3 ชั้น บน Roof Top Garden สวนชมวิวบนดาดฟ้าอันแสนร่มรื่นที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการเลยก็ว่าได้ค่ะ นอกจากนี้ยังมี Fitness และ Sky lounge มุมพักผ่อนและพบประสังสรรค์ของลูกบ้าน ที่ล้วนแต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี เปิดประตูเข้าด้านในอาคาร จะพบกับบริเวณ Lobby ซึ่งมาในคอนเซ็ปต์ Super High Ceiling Lobby ดูโอ่อ่าและสูงโปร่ง ด้วยขนาดของพื้นที่บริเวณ Lobby มีขนาดกว้างมากพอจะจัดมุมรับแขกได้หลายจุด หากลูกบ้านมีแขกมาเยี่ยมเยียนก็สามารถนั่งรอที่บริเวณล็อบบี้ได้สบายๆ แปลนพื้นที่บริเวณชั้น 7 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่พักอาศัยไปจนถึงชั้น 24 แต่จุดเด่นของชั้นนี้จะส่วนของพื้นที่สีเขียวอย่างสวนพักผ่อนรวมอยู่ในชั้นเดียวกันด้วย บรรยากาศของพื้นที่สวนสีเขียวบริเวณชั้น 7 ซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ วิวเมืองบริเวณสวนชั้น 7 ก็จะประมาณนี้ค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมองวิวรอบด้านได้ถึง 270 องศาเลยล่ะ แปลนพื้นที่บริเวณชั้น 25 นะคะ ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตัวอาคาร ประกอบไปด้วยพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ อย่าง Sky swimming pool, Fitness, Sky family lounge และ สวนพักผ่อนชมวิว แถมห้อง Fitness จะอยู่สูงถัดขึ้นไปอีกชั้น ทำให้มุมมองจากพื้นที่ในส่วนนี้สามารถมองเห็นวิวของสระว่ายน้ำและวิวมุมสูงบริเวณรอบๆ โครงการได้อย่างจุใจ เดินเข้ามาในส่วนของ Sky family lounge ที่ดูโอ่อ่าและกว้างขวาง แถมยังไร่เรียงพื้นที่แบบ 3 ระดับ โดยมีบันไดต่อเนื่องไปยังส่วนของ Privacy Fitness ภายใน Sky family lounge จัดที่นั่งไว้สำหรับรองรับลูกบ้านหลายมุมเลยค่ะ มุมมองจากโถงกลางเข้าไปจะเห็นว่าพื้นที่ของ Sky family lounge ได้รับการออกแบบให้ดูสูงโปร่งด้วยเพดานแบบ Double Volume เพื่อให้ลูกบ้านได้พักผ่อนอิ่มเอมไปกับบรรยากาศที่เหนือกว่าคอนโดใดๆ ด้วยวิวแบบพาโนรามา ซึ่งผนังโดยรอบเป็นกระจกสูงขึ้นไปเสมอฝ้าเลยค่ะ ภายในจึงสว่างและโปร่ง เหมาะแก่การพักผ่อนมาก พื้นที่บาร์ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบไว้สำหรับรองรับปาร์ตี้เล็กๆ ของลูกบ้าน เดินไต่บันไดขึ้นมาในส่วนของ Privacy Fitness ภายในห้องโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ ออกมาจาก Sky family lounge จะมีประตูกระจกใสกั้น Sky swimming pool ไว้นะคะ ผลักออกไปจะเจอสระว่ายน้ำระบบเกลือ ที่มีความกว้าง 14 x 6 เมตร เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองแบบนี้เลยนะคะ มุมมองจากนอกอาคารจะเห็นว่าพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ สามารถมองเห็นวิวเมืองอย่างกว้างไกล และไม่มีอะไรมาบดบังเลยนะคะ   เปิดประตูห้องตัวอย่าง มาดูในส่วนของห้องพักอาศัยกันบ้างดีกว่าค่ะ สำหรับโครงการ “ไนท์บริดจ์ ติวานนท์” อย่างที่บอกไปข้างต้นว่ามียูนิตรวมทั้งหมด 373 ยูนิต แบ่งออกเป็นห้องพักอาศัยแบบธรรมดา Mono Type 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 25.9 – 33.9 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 43.40 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 51.4 – 58.4 ตร.ม. และห้องพักอาศัยดีไซน์พิเศษด้วยเพดานสูงถึง 4.2 เมตร โดยแบ่งออกเป็น 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 25.9 – 33.8 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 42.8 ตร.ม., 2 Bedroom  ขนาดตั้งแต่ 51.4 – 58.0 ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของโครงการเลยก็ว่าได้   ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งโล่ง สบาย โดยแยกพื้นที่นั่งเล่น ครัวและห้องนอนออกจากกัน ซึ่งจะต่างจากคอนโดทั่วไปในย่านนี้อย่างเห็นได้ชัดเลยนะคะ เพราะราคาระดับนี้แทบจะไม่มีโครงการไหนทำห้องครัวแบบปิดแยกออกมาเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็มีแค่ Pantry เล็กๆ เท่านั้น นอกจากนี้ห้องทุกยูนิตของโครงการ ยังเปิดขายมาแบบ Fully Furnished ด้วยค่ะ เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้สอยของลูกบ้านได้เป็นอย่างดี และทุกยูนิตจะได้แอร์ 2 ตัว โดยติดตั้งไว้ในห้องนั่งเล่นและห้องนอนเหมือนกันเลยนะคะ   สำหรับห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราได้ชมก็คือ 1 Bedroom ขนาด 33.20 ตร.ม ซึ่งเป็นห้องพักอาศัยแบบธรรมดาค่ะ ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องกว้างขวางทีเดียวค่ะ ด้วยการจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่แยกไว้อย่างสัดส่วน ห้องครัวจะเป็นแบบปิด ป้องกันเรื่องกลิ่นรบกวนได้มากขึ้นเพราะครัวอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ดี แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม เปิดประตู Digital Door lock เข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางขวาจะเป็นห้องครัว และทางซ้ายเป็นห้องนอนค่ะ พื้นที่ด้านข้างโซฟาสามารถจัดเป็นมุมรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้สบายๆ เลยนะคะ ซึ่งทางโครงการให้เฟอร์นิเจอร์มาพร้อมแล้วด้วย ลูกบ้านไม่จำเป็นต้องซื้อโต๊ะเพิ่มเลย มาในส่วนของห้องครัวกันบ้าง โดยครัวนั้นมีประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 2 ตอนนะคะ เพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร การที่กั้นห้องครัวด้วยกระจกก็เพื่อทำให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วย ส่วนเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น, เครื่องซักผ้า และไมโครเวฟมาให้เรียบร้อยแล้ว ด้านในสุดของครัวจะเป็นระเบียงค่ะ ซึ่งก็มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็สามารถลดกลิ่นและระบายอากาศเวลาประกอบอาหารได้ดีค่ะ ออกจากครัวมายังบริเวณหน้าห้องตรงกันข้ามจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่เปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน สุขภัณฑ์ที่ลูกบ้านจะได้รับก็ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางโถสุขภัณฑ์ไว้ตรงกลางห้อง บริเวณโซนเปียก ทางโครงการจะติดฉากกั้นอาบน้ำด้วยประตูกระจกมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ โดยจะเว้นช่องด้านบนสำหรับระบายอากาศ พื้นที่ตรงข้ามระหว่งห้องน้ำกับห้องนอนจะเป็นมุมทำงานนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ยังได้ ทางโครงการบิลต์อินเฟอร์นิเจอร์มาให้แล้วเรียบร้อย กลับเข้ามาในส่วนของห้องนอน ภายในห้องได้รับการออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว   ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 43 ตร.ม. ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน สำหรับห้องนี้เปิดประตูมาจะเจอส่วนรับประทานอาหารก่อน ซึ่งสามารถจัดวางพื้นที่ดินเนอร์สำหรับ 4 คนได้สบายๆ ถัดไปนั้นเป็นมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ได้ แถมมีระเบียงด้านข้างให้เปิดออกไปรับลมด้านนอก พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในบริเวณตรงกลางจะเป็นครัวแบบปิด ตรงข้ามครัวเป็นห้องน้ำ พื้นที่ติดครัวและห้องน้ำจะเป็นห้องนอน และห้องเอนกประสงค์ที่ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้อนนอนเล็กได้นั่นเอง แปลนห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 43 ตร.ม. หน้าประตูติดตั้ง Digital Door Lock มาให้แล้วนะคะ เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วนรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดริมระเบียงก่อนเลยนะคะ ภายในห้องบริเวณโถงกลางจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมรวมระหว่างครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างกำลังดี ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ด้านไว้สำหรับวางโต๊ะข้างด้วย หรือหากลูกบ้านอยากวางโซฟาตัวยาว 3 ที่นั่งก็ยังพอไหวค่ะ เพียงแต่จะไม่สามารถวางโต๊ะข้างได้ ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ มุมมองจากบริเวณห้องนั่งเล่นไปยังห้องนอนที่ติดกับห้องเอนกประสงค์นะคะ ซึ่งบริเวณตรงกลางจะเป็นพื้นที่ของห้องน้ำและห้องครัวแบบปิด สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีดำ ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้ายังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกค่ะ พื้นที่ตรงข้ามกับห้องครัวจะเป็นส่วนของห้องน้ำนั่นเองค่ะ ภายในห้องแบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ ออกจากห้องน้ำมายังห้องเอนกประสงค์กันบ้าง ฟังก์ชั่นพิเศษสำหรับห้องนี้คือพื้นที่ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนเล็กเหมือนในภาพ หรือใช้เป็นมุมทำงานก็ได้ทั้งนั้นค่ะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตครึ่ง แถมยังเหลือพื้นที่เดินได้โดยรอบ กลับเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ บริเวณหัวเตียงยังสามารถบิลต์อินชั้นวางเพื่อจัดเก็บของได้เหมือนห้องตัวอย่างเลยนะคะ   ห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง Duo Space 1 Bedroom ดีไซน์พิเศษด้วยเพดานสูงถึง 4.2 เมตรขนาดห้อง 28.50 ตร.ม.  ซึ่งห้องนี้จะต่างจากห้องแบบแรกๆ ทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout ของห้องค่ะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัว ก่อนจะมีประตูบานเลื่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางที่กว้างพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหาร และวางโซฟาตัวยาวในส่วนของ Living Area ได้สบายๆ อีกทั้งยังสามารถแบ่งพื้นที่สำหรับมุมทำงาน ระเบียง และห้องน้ำได้ด้วย ในขณะที่ห้องนอนจะมีบันไดทำหน้าที่เชื่อมต่อไปถึงด้านบน ซึ่งจัดพื้นที่มาให้แบบกำลังดี สามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ได้ มีพื้นที่ด้านข้างเหลือสบายๆ แถมยังวางโต๊ะข้างและตู้เสื้อผ้าได้อีกด้วยค่ะ แปลนห้อง Duo Space 1 Bedroom ขนาด 28.50 ตร.ม. สำหรับห้องนี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนเลยค่ะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวไอคู่นะคะ ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์จะเป็นที่วางตู้เย็นติดกันนั้นเป็นตู้เก็บของบิลต์อินสูงจรดเพดาน ซึ่งชุดเคาน์เตอร์ครัวลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น ทางโครงการบิลต์อินตู้ลอย พร้อมเว้นช่องสำหรับวางไมโครเวฟและเครื่องซักผ้ามาให้แล้วนะคะ ในส่วนของห้องครัวก่อนจะเข้าไปพื้นที่พักผ่อนด้านในจะมีประตูบานเลื่อนกั้นด้วยนะคะ เพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร เปิดประตูด้านในส่วนพักผ่อนเข้ามา จะเป็นโถงนั่งเล่นที่มีขนาดกว้างขว้าง และเป็นแบบ Double Volume ซึ่งจะมีความสูง 4.2 เมตร พื้นที่ติดกับครัวจะเป็นมุมรับประทานอาหารนะคะ พื้นที่ตรงข้ามกับมุมรับประทานอาหารจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน พื้นที่ส่วนเปียกจะถูกกั้นด้วยธรณีสูงขึ้นมานิดหนึ่ง เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ นอกจากนี้ลูกบ้านยังจะได้อุปกรณ์ตามภาพเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ติดตั้งกระจกเงายาวไปตามแนวผนังเลยค่ะ ข้อดีคือช่วยสะท้อนหลอกตาให้ห้องดูกว้างขึ้นมาง่ายๆ ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาตัวยาวขนาด 3 ที่นั่งเอาไว้ แถมระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป สามารถวางโต๊ะกลางได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด โดยห้องดูสูงโปร่ง เพราะโอบล้อมด้วยกระจกใสที่สูงจรดเพดานด้านบน ซึ่งมีความสูงถึง 4.2 เมตรเลยนะคะ บริเวณข้างโซฟายังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับจัดให้เป็นมุมทำงานอีกด้วยนะคะ ในส่วนของคอนโซลทีวี ทางโครงการได้บิลต์อินให้อยู่ติดกับบันไดทางขึ้นไปห้องนอนค่ะ บันไดทางขึ้นไปส่วนพักผ่อนจะเป็นโครงเหล็ก ปูลูกนอนด้วยไม้เนื้อแข็งสีอ่อน ราวจับเป็นเหล็กขึ้นโครงทาสีดำนะคะ เดินไต่บันไดขึ้นมาก็จะพบกับส่วนพักผ่อน ที่ทางโครงการทำระเบียงกั้นพื้นที่ปลายเตียงไว้ให้เรียบร้อยแล้ว สำหรับพื้นที่พักผ่อนนั้น ทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ จะเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรอบเตียงนั้นสามารถเดินได้อย่างสบายๆ จะเสียอย่างเดียวก็คือไม่มีผนังสำหรับติดตั้งทีวีเท่านั้นเองค่ะ บริเวณข้างเตียงยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะข้างเหมือนดั่งห้องตัวอย่างเลยนะคะ แถมโครงการยังบิลต์อินตู้เสื้อผ้ามาพร้อมเสร็จสรรพ เมื่อมองกลับลงมาจะเห็นว่าการจัดวาง Layout ของห้องนั้น ค่อนข้างกว้างขวางและลงตัวมากๆ ซึ่งลูกบ้านสามารถใช้งานพื้นที่ทุกส่วนได้อย่างคุ้มค่าทุกตารางเมตรจริงๆ ค่ะ   ใครที่ยังไม่เคยไปชมโครงการหรือกำลังตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดฯ ในแถบนี้อยู่แนะนำให้ไปชมบรรยากาศจริงดูค่ะ จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น แต่ต้องขอบอกเลยค่ะไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือลงทุนก็คุ้มค่าแน่นอน ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า MRT กระทรวงสาธารณสุขเพียง 70 เมตร แถมรอบๆ โครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายตั้งแต่ตลาดสดไปจนถึงห้างสรรพสินค้า และพื้นที่สีเขียวกว่า 1,000 ไร่ในกระทรวงสาธารณสุขที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสกับธรรมชาติ ต้องบอกว่าเป็นจุดแข็งที่ควรค่าแก่การลงทุนจริงๆ ค่ะ   พิเศษ!!! 15-16 ธ.ค นี้ " Origin แจกหนัก โปรแรงสุดแห่งปี" คอนโดพร้อมอยู่ 70 ม. จาก MRT !!! BIG YEAR BIG BONUS !!! *** แจก Bonus 10 เดือน !!! *** ** ฟรี ค่าส่วนกลาง 10 ปี ** แถมฟรี!! ค่าใช้จ่ายวันโอน *ค่าโอนกรรมสิทธิ์ *กองทุนอาคารชุด *มิเตอร์น้ำ *มิเตอร์ไฟ คอนโดพร้อมอยู่ 25 ชั้น ติดถนนใหญ่ ติวานนท์-แคราย "ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ ” ● คอนโดแต่งครบพร้อมอยู่ เพียง 70 ม. จาก MRT สถานี กระทรวงสาธารณะสุข ● ให้ความรูัสึกถึงความเป็นส่วนตัว และเงียบสงบ ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อย เพียง 373 ยูนิต กับเพดานสูง 4.2 เมตร ● เชื่อมต่อการคมนาคมที่สะดวกสบาย ด้วยทำเลติดถนนใหญ่ พร้อมเส้นทางไปขึ้นทางด่วนอย่างรวดเร็ว ● ใกล้สถานที่ราชการหลายแห่ง กระทรวงสาธารณะสุข , ศูนย์ราชการนนทบุรี ● ใกล้ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี้ ติวานนท์ ,โลตัส แคราย , เอสพลานาด งามวงศ์วาน ● พิเศษ!!! สุดๆ 1 นอน จาก 2.59 เหลือ 2.29 ลบ.* DUPLEX จาก 3.66 เหลือ 3.39 ลบ. เท่านั้น * ● นัดหมาย สัมผัสห้องจริง สถานที่จริงได้แล้ววันนี้ คลิก https://bit.ly/2QbGz9x สอบถามโทร 061 401 9000          
คอนโดติดรถไฟฟ้า ดีจริงหรือ?

คอนโดติดรถไฟฟ้า ดีจริงหรือ?

ทุกวันนี้เมื่อเอ่ยถึงคอนโดมิเนียมก็ต้องทำเลติดรถไฟฟ้า เพราะเป็นการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วที่สุด ท่ามกลางรถติดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในกรุงเทพมหานครแห่งนี้ หลายค่ายก็โหมโปรโมทกันยกใหญ่ว่ายิ่งติดรถไฟฟ้าก็ยิ่งดี แต่ทว่ายิ่งติดสถานีรถไฟฟ้ามากเท่าไร ราคาก็ยิ่งแพงขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกันใช่ไหมคะ ที่สำคัญก็ใช่ว่าจะมีสิ่งแวดล้อม หรือสิ่งอำนวยความสะดวกดีๆ ไปเสียทุกสถานี แล้วอย่างนี้จะดีจริงหรือ?   จากการประเมินสภาพจราจรทั่วโลก ประจำปี 2560 โดย INRIX Global Traffic Scorecard(บริษัทที่ทำการ วัดผลการจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วนรวมถึงช่วงเวลาอื่นๆ จากทั่วโลก) พบว่ากรุงเทพฯ ติดอันดับเมืองรถติดมากที่สุดอันดับ 16 ของโลก และยังเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย การเดินทางบนท้องถนนจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นทุกวัน และการแก้ปัญหาได้ดีที่สุดจึงหนีไม่พ้นรถไฟฟ้า เพราะสามารถลดระยะเวลาเดินทางลงได้มาก แม้ว่าทุกวันนี้ จะมีอยู่ไม่กี่สายก็ตาม หลายคนเลยพยายามมองหาที่พักอาศัยใกล้สถานีรถไฟฟ้า เพื่อแลกมากับ เวลาเดินทางที่สั้นลง เหนื่อยน้อยลง แต่ก็มีข้อควรระวังในการเลือกคอนโดมิเนียมติดสถานีรถไฟฟ้าด้วยนะคะ   เป็นที่ทราบกันดีว่ายิ่งติดรถไฟฟ้ามากเท่าไรก็ยิ่งมีราคาแพง โดยเฉพาะสถานีย่านใจกลางเมืองก็ย่อมเป็นโครงการระดับ Super Luxury ด้วยทำเล รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อมในทุกด้าน เช่น สถานีทองหล่อ, สถานีเพลินจิต, สถานีชิดลม, สถานีศาลาแดง, สถานีช่องนนทรี เป็นต้น แต่ถ้าเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้สถานีที่ห่างออกมา จากใจกลางเมืองก็คงต้องมาพิจารณากันเป็นรายสถานีกันไปค่ะ เพราะหลายสถานีก็ไม่ได้มีสภาพแวดล้อมที่ดีเท่าไรนัก หากไม่ใช่คนที่อยู่ย่านนั้นอยู่แล้วก็อาจจะไม่รับรู้ได้ อย่างที่เราจะยกตัวอย่างปัญหาจากบางสถานีแบบกว้างๆ ให้ได้ลองไปสังเกตกันดูค่ะ สถานีคนล้น เป็นสถานีที่มีคนใช้บริการกันเยอะมาก โดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วนเพื่อเดินทางเข้าไปทำงานในเมือง บางวันถึงขั้นล้นจนไม่สามารถขึ้นไปยังชานชาลาได้ และหากผู้โดยสารในขบวนก็เต็มมาจากสถานีก่อนหน้าอยู่แล้ว พอมาถึงสถานีถัดไปก็ขึ้นได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น กลายเป็นต้องเผื่อเวลากันมากขึ้นเพื่อรอคิวเบียดเข้าขบวนรถที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนจนแทบหายใจไม่ออก   สถานีน้ำท่วม เชื่อไหมคะว่ามีบางสถานีที่เวลาเกิดฝนตกหนักก็เกิดน้ำท่วมขังที่ถนนข้างใต้สถานีนั้นเอง แล้วยิ่งหากถนนช่วงที่น้ำท่วมนั้นอยู่หน้าคอนโดของเราพอดีล่ะคะ นอกจากผู้ที่ใช้บีทีเอสจะต้องเดินลุยน้ำแล้วเข้าคอนโดแล้วยังส่งผลถึงราคาขายห้องในอนาคตตามไปด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องดูดีๆ เลยค่ะ   สถานีเปลี่ยว แม้จะเป็นช่วงที่มีรถไฟฟ้าผ่าน แต่ก็ยังมีบางสถานีที่เป็นเหมือนแค่ทางผ่านค่ะ สิ่งอำนวยความสะดวก ใกล้สถานีก็แทบไม่มี แถมช่วงกลางคืนไม่ค่อยมีผู้คนเดินอยู่แถวนั้น ไฟก็ไม่สว่างก็ยิ่งเปลี่ยวเข้าไปกันใหญ่   สถานีมีแค่ตลาด ถ้าไลฟ์สไตล์ของคุณชอบเดินห้างสรรพสินค้าตากแอร์เย็นๆ นั่งทานร้านอาหารในห้างแล้วล่ะก็ คอนโดมิเนียมที่อยู่ในสถานีใกล้กับตลาดก็คงไม่เหมาะเท่าไร แม้จะอยู่ติดกับรถไฟฟ้าก็ตามใช่ไหมคะ บางแห่งก็เป็นตลาดสดอาจมีกลิ่นรบกวน ส่งผลต่อสภาพแวดล้อม สุดท้ายก็ไปกระทบกับราคาขายในอนาคตอีกต่างหาก   สถานีใกล้ห้างสรรพสินค้า หรือแหล่งร้านแฮงค์เอ้าท์ คอนโดมิเนียมที่ใกล้ทั้งสถานีรถไฟฟ้าพร้อมๆ กับห้างสรรพสินค้า ย่อมเป็นทำเลที่ดีมากใช่ไหมคะ แต่ในทางกลับกันหากไลฟ์สไตล์ของคุณชอบความเงียบสงบเป็นส่วนตัว เดินหาอะไรง่ายๆ ทานมากกว่า คอนโดมิเนียมทำเลนี้ก็คงไม่เหมาะค่ะ เพราะอาจมีค่าครองชีพที่สูงขึ้น ผู้คนพลุกพล่านอยู่เกือบตลอดเวลา และยิ่งหากใกล้แหล่งแฮงค์เอ้าท์ก็อาจได้รับผลกระทบจากเสียงดังช่วงกลางคืนได้   ห้องติดริมถนนใหญ่ โครงการที่ติดสถานีรถไฟฟ้าย่อมต้องอยู่ติดริมถนนใหญ่ไปด้วยใช่ไหมคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ควรระวังห้องที่อยู่ฝั่งริมถนนหน้าโครงการปค่ะ โดยเฉพาะยูนิตที่อยู่ชั้นไม่สูงจะได้รับผลกระทบจากเสียงบนท้องถนนที่ดังอยู่ตลอดเวลา และสิ่งที่จะตามมานั้นคือฝุ่นดำๆ ที่มักจะเกาะติดอยู่ที่ระเบียงเป็นประจำ ซึ่งเวลาเราตากผ้าไว้ที่ระเบียงก็ต้องโดนฝุ่นเหล่านี้ตามไปด้วยค่ะ   สุดท้ายหากคิดจะควักเงินสักก้อนเพื่อให้ได้อยู่คอนโดติดรถไฟฟ้าแลกกับความสะดวกสบายก็ต้องดูที่สถานีด้วยค่ะ ว่าเป็นสถานีอะไร สำรวจสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร ช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเป็นอย่างไร เวลาเราเข้าไปอาศัยอยู่จริงจะได้ ไม่เกิดปัญหาภายหลัง และเพื่อได้คอนโดที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุดค่ะ  
Atmoz Ladprao 15 – แอทโมซ ลาดพร้าว 15 : รีวิวคอนโด

Atmoz Ladprao 15 – แอทโมซ ลาดพร้าว 15 : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ   ชื่อโครงการ :   Atmoz Ladprao 15 (แอทโมซ ลาดพร้าว 15 ) เจ้าของโครงการ : บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด ที่ตั้งโครงการ : ซอยลาดพร้าว 15 แยก 1-10 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ลักษณะโครงการ : Low Rise จำนวนอาคาร : 3 อาคาร จำนวนชั้น : 8 ชั้น จำนวนยูนิต : 570 ยูนิต ที่จอดรถ : ประมาณ 45 % ขนาดห้อง : - 1 Bedroom : 25 – 26 ตร.ม. - Bedroom Exclusive : 27 – 28 ตร.ม. - 1 Bedroom Plus : 35 – 36 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - ฟิตเนส - Co-Working Space - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.   ราคาเริ่มต้น : 1,690,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 67,600 บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : ไตรมาส 1/2563 ค่าส่วนกลาง : 45 บาท/ตร.ม. ค่ากองทุน : 500 บาท/ตร.ม. จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม Low-Rise สูง 8 ชั้น ใกล้ รถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว เพียง 1 กม. และ BTS ลาดพร้าว ใกล้ บิ๊กซี ลาดพร้าว, เซ็นทรัล ลาดพร้าว และ ยูเนี่ยนมอลล์ ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS สถานีลาดพร้าว , MRT สถานีลาดพร้าว สถานที่ใกล้เคียง : ยูเนี่ยนมอลล์ , สวนลุมไนท์บาซ่าร์ , เซ็นทรัลลาดพร้าว , Tesco Lotus ลาดพร้าว , ศาลอาญา
La Citta Delre Thonglor 16 – ลา ซิตต้า ทองหล่อ 16 : รีวิวคอนโด

La Citta Delre Thonglor 16 – ลา ซิตต้า ทองหล่อ 16 : รีวิวคอนโด

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : La Citta Delre Thonglor 16 (ลา ซิตต้า ทองหล่อ 16 ) เจ้าของโครงการ : บริษัท หงส์นครพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ตั้งโครงการ : ซอยทองหล่อ 16 ถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒา กทม. พื้นที่โครงการ : 1-2-8 ไร่ ลักษณะโครงการ : Low Rise จำนวนอาคาร : 2 อาคาร จำนวนชั้น : 8 ชั้น จำนวนยูนิต : 51 ยูนิต ที่จอดรถ : ประมาณ 200% ขนาดห้อง : - TYPE A1 ขนาด 224.27 ตร.ม. - TYPE A2 ขนาด 257.86 ตร.ม. - TYPE B1 ขนาด 74.3 ตร.ม. - TYPE B2 ขนาด 122.18 ตร.ม. - TYPE B3 ขนาด 116.6 ตร.ม. - TYPE B4 ขนาด 147.1 ตร.ม. - TYPE B5 ขนาด 169.01 ตร.ม. - TYPE B6 ขนาด 184.27 ตร.ม. - TYPE B7 Duplex ขนาด 194.47 ตร.ม. - TYPE B8 Duplex ขนาด 218.91 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - ฟิตเนส - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.   ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร : 250,000-280,000 บาท/ตร.ม. ปีที่สร้างเสร็จ : ไตรมาส 1/2563 จุดเด่นโครงการ : คอนโดมิเนียม Low-Rise โดยสถาปนิกชั้นนำ A49 บนทำเลศักยภาพใจกลางทองหล่อ ในซอยทองหล่อ 16 เดินทางสะดวกสบาย เพียง 5 นาที ถึงรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ จาก  Hongnakorn Property ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : BTS สถานีทองหล่อ สถานที่ใกล้เคียง : รพ.สุขุมวิท , รร.นานาชาติเอกมัย , รร.ทอสี , Major เอกมัย , Hubba Thailand , J Avenue , Nihonmura Mall
ถ้าความรู้สึก คือเหตุผลของการใช้ชีวิต เดอ ลาพีส จรัญ 81 จะตอบทุกเหตุผลของคุณ : รีวิวคอนโด

ถ้าความรู้สึก คือเหตุผลของการใช้ชีวิต เดอ ลาพีส จรัญ 81 จะตอบทุกเหตุผลของคุณ : รีวิวคอนโด

หลังจากที่ GRAND UNITY ลงสนามในตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า ซึ่งได้เปิดตัวโครงการแรกไป จนได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี พอเริ่มเข้าไตรมาสที่ 2 ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าตัวที่ 2 คือ De LAPIS Charan 81 (เดอ ลาพีส จรัญฯ 81) รีวิวฉบับนี้เราก็ไม่พลาดที่จะพาไปชมห้องตัวอย่างก่อนเปิดให้ชมจริงในวันที่ 25 เมษายน นี้ค่ะ ทำเล ถนนจรัญสนิทวงศ์ เป็นถนนเส้นที่กำลังจะมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ – ท่าพระผ่านตลอดถนน ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปกว่า 80% แล้ว ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนี้ หากเสร็จสมบูรณ์เมื่อไรจะมีความโดดเด่นตรงที่วิ่งเป็นวงแหวนรอบกรุงเทพฯ ผ่านจุดสำคัญหลายแห่ง เช่น เตาปูน, บางซื่อ, พระรามเก้า, สุขุมวิท, สีลม, หัวลำโพง, สนามไชย, ท่าพระ และยังมีจุด Interchange กับรถไฟฟ้าสายอื่นอยู่หลายสถานี เช่น สถานีเตาปูน สายสีม่วง, สถานีหมอชิต สายสีเขียว, สถานีลาดพร้าว สายสีเหลืองในอนาคต, สถานีศูนย์วัฒนธรรม สายสีส้มในอนาคต, สถานีมักกะสัน แอร์พอร์ตเรลลิงก์ เป็นต้น เรียกได้ว่าในอนาคตจะกลายเป็นสายสำคัญอีกสายหนึ่ง ที่ผ่านทั้ง CBD และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯ มีกำหนดเปิดใช้บริการปี 2562  สำหรับสายหัวลำโพง-บางแค และปี 2563 สำหรับสายบางซื่อ-ท่าพระ และนอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในอนาคตแล้วก็มีอีกทางเลือกหนึ่งคือการเดินทางโดยเรือด้วยค่ะ โดยจากตัวโครงการ De LAPIS Charan 81 เราสามารถข้ามถนนไปขึ้นเรือข้ามฝากที่ท่าวัดอาวุธวิกสิตารามไปท่าเรือพายัพ แล้วต่อเรือด่วนเจ้าพระยาเดินทางต่อไปยังฝั่งนนทบุรี หรือท่าสาทรได้ง่ายแถมยังสะดวกรวดเร็วไม่ต้องกังวลกับรถติดด้วยนะคะ   สำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว หากจะเดินทางเข้ากรุงเทพชั้นใน ก็สามารถข้ามสะพานกรุงธน(ซังฮี้) แล้วตรงเข้าสู่อนุสาวรีย์ฯ ได้เลย ส่วนจุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัชใกล้ที่สุดตรงด่านบางกรวยบริเวณสะพานพระราม 7 จะใช้เวลาเพียง 5 นาทีก็ถึงจตุจักร และสามารถต่อไปยังพระราม 9 - บางนาได้ หรือจะขึ้นที่ด่านบางพลัดแล้วไปเชื่อมต่อกับถนนกาญจนาภิเษกก็สะดวกเช่นกันค่ะ    ย่านนี้แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลายแห่ง ส่วนสถานที่สำคัญใกล้กับโครงการก็มีมากมาย เช่น โรงพยาบาลยันฮี, โรงพยาบาลวชิรพยาบาล, เทสโก้โลตัส จรัญสนิทวงศ์, ที่ทำการไปรษณีย์บางอ้อ, ช่างชุ่ย, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า, เดอะเซ้นส์ ปิ่นเกล้า ฯลฯ ภาพรวมโครงการ   De LAPIS Charan 81 (เดอ ลาพีส จรัญฯ 81) คอนโดมิเนียม High Rise 32 ชั้น 1 อาคาร 635 ยูนิต อาคารจอดรถ 8 ชั้น 1 อาคาร รองรับได้ 260 คัน(40.88% ไม่รวมซ้อนคัน) แยกตัวออกจากอาคารพักอาศัยอยู่ทางด้านหลังสุดของโครงการ และร้านค้า 2 ยูนิตด้านหน้าโครงการ บนพื้นที่ 3-1-3.7 ไร่ ภายใต้แนวคิด “ถ้าความรู้สึกคือเหตุผลของการใช้ชีวิต เดอ ลาพีส จริญ 81 จะตอบทุกเหตุผลของคุณ” ใช้โทนสีขาว-เทามองดูทันสมัยอยู่เสมอสื่อถึงความโดดเด่นของทำเลที่ตั้งทั้งติดรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีบางพลัดเพียง 30 เมตร และยังได้วิวแม่น้ำเพราะใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ในช่วงถนนที่มีความใกล้ชิดกับแม่น้ำเจ้าพระยามากที่สุดในถนนจรัญสนิทวงศ์ ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท      Facility ของโครงการจะอยู่ที่ชั้น Lobby และชั้น Rooftop ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของทุกคน เริ่มตั้งแต่ Lobby เพดาน Double Volume High Ceiling สูงถึง 9 เมตร พร้อมชั้น Mezzanine ที่เป็น Co-working space เพิ่มความเป็น Private ในการทำงานด้วยการแยกห้องประชุมใหญ่ ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นปูพื้นด้วยกระเบื้องลายหินนำเข้าจาก Italy เพิ่มความหรูหราแต่ยังคงความทันสมัย รอบๆ อาคารจัดพื้นที่สีเขียวให้ได้นั่งทำงานหรือนั่งพบปะสังสรรค์พร้อมวิวธรรมชาติด้านนอก ชั้น 32 Rooftop ฝั่งหน้าโครงการถูกวางให้เป็นสระว่ายน้ำรูปตัว L แบบ Infinity Edge Swimming Pool ขนาด 5.7 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร แยกสระเด็กขนาด 3.5 x 3 เมตร ลึก 30 เซนติเมตร สวยงามแบบไร้ขอบเขต มาพร้อมกับ Sky Fitness ที่ล้อมรอบด้วยกระจก High Ceiling ให้ได้ออกกำลังกายไป ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไป รวมถึง Sky Lounge ที่ได้วิวมุมสูงเพิ่มความผ่อนคลายของการพักผ่อนด้วย Sky Garden สวนสีเขียวชั้นดาดฟ้า  Ground Floor Plan มองจากมุมนี้จะเห็นได้ว่าโครงการแบ่งออกเป็น 3 อาคารหลัก คือ อาคารสีขาวด้านหน้าติดถนนจะเป็น Sales Gallery ในปัจจุบัน และจะทำเป็น Shop ในอนาคต อาคารที่พักอาศัย และอาคารจอดรถด้านในสุดของพื้นที่โครงการ Rooftop Plan สระน้ำรูปตัว L ด้านหน้าโครงการ ฟิตเนสขนาดใหญ่ และ Sky Lounge อยู่ตรงข้ามกับโถงลิฟท์ ที่อาคารจอดรถบนชั้น Rooftop จัดให้เป็นพื้นที่สีเขียวด้วย ยูนิตพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2-31 ค่ะ ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ลิฟท์เซอร์วิส 1 ตัว บันไดหนีไฟ 2 จุด โดยจะมี 23 ยูนิต/ชั้น โดยรูปแบบห้องชุดมาพร้อมการตกแต่งแบบ Fully Fitted ทุกยูนิต   เปิดห้องตัวอย่าง De LAPIS Charan 81(เดอ ลาพีส จรัญฯ 81) โครงการตั้งอยู่ติดริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 81 อยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีบางพลัด ยืนอยู่หน้าโครงการมองตรงไปก็จะเห็นสถานีเลย โดย Sales Gallery อาคารสีขาวเข้ากับอาคารพักอาศัย ตั้งอยู่หน้าทางเข้าโครงการเลยค่ะ โดยตัวอาคารพักอาศัยกำลังดำเนินการสร้างอยู่ด้านหลังคาดว่าแล้วเสร็จประมาณเดือนกรกฎาคม 2562 ซึ่งหากโครงการสร้างเสร็จแล้วตัวอาคาร Sales Gallery ที่เห็นนี้จะถูกดัดแปลงเป็น Shop จำนวน 2 ยูนิตค่ะ ใครอยากสัมผัสสถานที่จริงต้องอดใจรอกันอีกหน่อยก็จะเปิดให้เข้าชมกันในวันที่ 25 เมษายน 2561 นะคะ ห้อง STUDIO ขนาด 26 ตร.ม. ความสูง Floor To Ceiling 2.75 เมตร พื้นห้องปูด้วยลามิเนต ใช้ไฟ Downlight และผนังจะได้แบบฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ เมื่อเปิดประตูห้องจะพบกับห้องนั่งเล่นเป็นอันดับแรก ซึ่งโครงการนี้ให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Fitted รวมถึงให้เครื่องปรับอากาศมาด้วย ส่วนห้องนี้จะได้เครื่องปรับอากาศมา 1 ตัว ติดตั้งอยู่ระหว่างปลายเตียงกับโซฟาค่ะ ใครที่มีรองเท้าหลายคู่ก็ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะขวามือหลังประตูมี Built in ตู้เก็บรองเท้าแบบนี้ให้มาด้วยค่ะ ขวามือตรงข้ามโซฟาจะมีพื้นที่วางเคาน์เตอร์ทีวี ทางซ้ายมือจะมีพื้นที่วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมวางโต๊ะกลางได้ เชื่อมต่อพื้นที่หลังโซฟาไปสู่ห้องครัวค่ะ ความพิเศษของห้องครัวโครงการนี้ คือ การดีไซน์ให้มี Kitchen Island ปูด้วย Top หินสังเคราะห์สีขาว มีลักษณะเป็นโต๊ะอเนกประสงค์แยกตัวจากเคาน์เตอร์ครัวปกติ ไม่ว่าจะทำเป็นพื้นที่เตรียมอาหาร โต๊ะทานข้าว โต๊ะทำงานก็แล้วแต่การใช้งาน และยังช่วยให้ห้องครัวดูแยกเป็นสัดส่วนมากขึ้นด้วยนะคะ ตรง Kitchen Island นี้เราจะสามารถนั่งทานอาหารไป ดูทีวีไปก็ได้มุมพอดีนะคะ เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้ดีจริงๆ เฉพาะห้องครัวความสูง Floor To Ceiling 2.55 เมตร Top ครัวหินสังเคราะห์สีขาว มาพร้อมกับอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควันจากแบรนด์ HAFELE เฉพาะส่วนเคาน์เตอร์จะกรุผนังด้วยกระเบื้องเซรามิค เพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่ายหากเกิดคราบจากการทำครัว ซ้ายมือถัดจากเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นได้พอดีค่ะ บานตู้และลิ้นชักทั้งหมดใช้ระบบ Soft Close มีช่องวางไมโครเวฟไว้ตรงกลาง ซึ่งเฟอร์นิเจอร์กับชุดครัวที่เราเห็นนี้ GRAND UNITY ร่วมกันดีไซน์พิเศษกับ Chic Republic ออกมาจากห้องครัว เดินลึกเข้าไปในห้องถัดจากห้องนั่งเล่นจะต่อด้วยพื้นที่วางเตียงนอนค่ะ มีพื้นที่สำหรับวางเตียงขนาด 5 ฟุต ข้างหน้าต่าง ยังมีพื้นที่เหลือสำหรับเป็นทางเดินระหว่างเตียงกับหน้าต่างค่ะ หน้างต่างใช้ขอบอลูมิเนียมสีขาว มีบานกระทุ้งเปิดออกได้ ปลายเตียงมีทางเดิน Walk-in Closet เชื่อมต่อไปถึงห้องน้ำค่ะ ซึ่งทางขวามือจะเป็นระเบียง ส่วนทางซ้ายตรงข้ามระเบียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Built in เรามาดูที่ระเบียง Private Balcony กันก่อนค่ะ กั้นด้วยกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีขาว ระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า โดยทางโครงการมีการต่อท่อน้ำพร้อมปลั๊กไฟด้านบนมาให้เรียบร้อยค่ะ ส่วน Condensing Unit จะถูกแขวนไว้ด้านบนหันหน้าออกนอกระเบียงค่ะ ระเบียงของทุกห้องจะติดตั้ง Grille Wall เป็นเหล็กสีขาว เพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าที่ตากเอาไว้ตรงระเบียงปลิวออกไป และยังช่วยเรื่องมุมมองจากภายนอก เพราะเมื่อมองเข้ามาที่ตัวอาคารจะดูสวยงามอยู่เสมอ ออกมาจากระเบียงก็จะพบกับตู้เสื้อผ้า Built in อยู่ตรงข้ามกันค่ะ โดยบานตู้จะใช้กระจก Tempered เพื่อป้องกันในกรณีที่เกิดการแตกก็จะมีลักษณะเป็นเม็ดข้าวโพดไม่มีเหลี่ยมคม ซึ่งพื้นที่ทางเดินตรงนี้เป็น Work In Closet อยู่หน้าห้องน้ำพอดีค่ะ ถือว่าเป็นห้อง STUDIO ที่คุ้มค่ามากจากการดีไซน์ที่คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยจริง สุดท้ายของห้องนี้เราตรงเข้าไปดูภายในห้องน้ำกันค่ะ ห้องน้ำมีความสูง Floor To Ceiling 2.35 เมตร ใช้สุขภัณฑ์จาก HAFELE ทั้งหมด แยกส่วนเปียกไว้ทางขวามือค่ะ กั้นส่วนเปียกด้วยบานกระจกแบบบานเปิด-ปิด มีธรณีประตูกั้นขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำล้นออก กำแพงในส่วนเปียกมีกระจกด้านล่างเป็นแบบฝ้าขาวขุ่นช่วยเพิ่มแสงสว่างจากด้านนอก และกระจกบานกระทุ้งด้านบนช่วยระบายอากาศได้ดีค่ะ พื้นที่ส่วนแห้งอีกด้านจะเป็นโถสุขภัณฑ์ค่ะ ตรงกลางห้องน้ำมีบานกระจกขนาดใหญ่มาให้ด้วยนะคะ อ่างล้างหน้าใช้แบบแขวนผนัง มีช่องสำหรับเก็บของด้านใต้อ่าง ใช้สีขาวเข้าชุดกันทั้งห้องเลยค่ะ 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. ความสูง Floor To Ceiling 2.75 เมตร พื้นห้องปูด้วยลามิเนต ใช้ไฟ Downlight และผนังจะได้แบบฉาบเรียบทาสีขาว ซึ่งห้องนี้จะได้เครื่องปรับอากาศมาด้วยจำนวน 2 ตัว ที่ห้องนั่งเล่น 1 ตัว และห้องนอน 1 ตัวค่ะ ซ้ายมือของห้องนั่งเล่นจะมีพื้นที่สำหรับวางเคาน์เตอร์ทีวีค่ะ ซึ่งจะอยู่ติดกับตู้เก็บรองเท้าแบบ Built in ชั้นบนสุดในตู้เก็บรองเท้าจะซ่อนตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าไว้ด้านในด้วย และเครื่องปรับอากาศเครื่องแรกของห้องนี้จะถูกติดตั้งอยู่เหนือพื้นที่วางเคาน์เตอร์ทีวีค่ะ ตรงข้ามเคาน์เตอร์ทีวีเป็นพื้นที่สำหรับวางโซฟาได้ขนาด 2-3 ที่นั่งค่ะ จะวางโต๊ะกลางเพิ่ม และวางโต๊ะทานข้าวเอาไว้ข้างโซฟาก็ยังมีพื้นที่เหลือค่ะ เชื่อมต่อจากห้องนั่งเล่นด้านหน้าลึกเข้าไปก็จะเป็นห้องนอน ซึ่งถูกกั้นด้วยประตูกระจกสูงชิดเพดานแบบบานเลื่อน 3 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีขาว ด้วยความสูงของกระจกทำให้รู้สึกไม่อึดอัดจนเกินไปค่ะ ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้กลางห้อง ข้างเตียงด้านประตูกระจกก็ยังพอมีที่เหลือสำหรับวางโต๊ะหัวเตียงขนาดเล็กได้ ข้างเตียงฝั่งใกล้กับหน้าต่างมีทางเดินเหลือค่ะ หน้าต่างมีกระจกบานกระทุ้ง 1 บาน และยังมีกระจกเข้ามุมเล็กๆ เป็นการเพิ่มช่องแสงธรรมชาติให้ภายในห้อง ปลายเตียงจะมีพื้นที่สำหรับวางเคาน์เตอร์ทีวี หรือจะวางโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้นะคะ ด้านบนติดตั้งเครื่องปรับอากาศมาให้อีก 1 เครื่อง พร้อมตู้เสื้อผ้า Built in หน้าบานเป็นกระจก Tempered บานเลื่อน 2 ตอน ออกมาจากห้องนอนไปดูอีกโซนของห้องกันค่ะ ห้องแบบ 1 Bedroom 26 ตร.ม. จะได้ห้องครัวปิด ใครที่ชอบทำอาหารไทยที่ค่อนข้างมีกลิ่นห้องนี้จะเหมาะมากค่ะ เคาน์เตอร์ครัวมีช่องสำหรับวางตู้เย็นอยู่ข้างเคาน์เตอร์ครัวพอดี Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีขาว ผนังกรุด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาอ่อน เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด มาพร้อมกับเตา 2 หัว เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานครบเซต ถัดจากเคาน์เตอร์ครัวก็เป็นระเบียง Private Balcony ค่ะ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีขาว ตรงนี้ระหว่างทำครัวเราสามารถเปิดประตูระเบียงออกช่วยระบายกลิ่นและควันได้ดีเลยค่ะ ระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าตรงใต้ Condensing Unit ที่หันออกนอกระเบียงค่ะ มีการต่อท่อน้ำ และติดตั้ง Grille Wall มาให้ค่ะ ออกจากระเบียงไปดูกันที่ห้องน้ำค่ะ มองจากมุมนี้จะเห็นชัดขึ้นค่ะว่าโซนครัวปิดจะแยกห้องน้ำ ห้องครัว และระเบียงออกมาอย่างเป็นสัดส่วนมากขึ้น ห้องน้ำแยกส่วนเปียกไว้ด้านขวามือค่ะ มีชั้นวางของที่มุมห้องด้วยนะคะ ส่วนแห้งก็จะมีโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังพร้อมช่องเก็บของข้างใต้ และกระจกเงาบานใหญ่ค่ะ 1 Bedroom Plus ขนาด 34.50 ตร.ม. เป็น Type ที่มีจำนวนมากที่สุดของโครงการ ความสูง Floor To Ceiling 2.75 เมตร พื้นห้องปูด้วยลามิเนต ใช้ไฟ Downlight และห้องนี้จะได้เครื่องปรับอากาศ 3 ตัว ค่ะ เริ่มจากห้องนั่งเล่นค่ะ ทางซ้ายมือมีพื้นที่สำหรับวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง พร้อมวางโต๊ะกลางได้ เครื่องปรับอากาศเครื่องแรกติดไว้เหนือโซฟาค่ะ ตรงข้ามโซฟาสามารถวางเคาน์เตอร์ทีวีได้ค่ะ พร้อมกับมีตู้เก็บรองเท้าที่มุมหน้าห้อง ตู้เก็บรองเท้าแบบ Built in หน้าตาเหมือนกันกับ 2 ห้องแรกก่อนหน้านี้ค่ะ ลึกเข้าไปจากห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อด้วยห้องนอน โดยจะกั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกสูงชิดเพดานแบบบานเลื่อน 3 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีขาว ภายในห้องนอนมีพื้นที่สำหรับวางเตียง 5 ฟุต ซึ่งจะสามารถวางโต๊ะทำงาน หรือโต๊ะหัวเตียงขนาดกลางๆ ได้ค่ะ หน้าต่างข้างเตียงบานกระทุ้ง เปิดออกได้ 1 บาน ใช้ขอบอลูมิเนียมสีขาวเข้ากันกับประตูกระจกหน้าห้องนอน ปลายเตียงติดตั้งเครื่องปรับอากาศเอาไว้ มีตู้เสื้อผ้า Built in หน้าบานเป็นกระจก Temper มีกระจกเข้ามุมเล็กๆ เพิ่มแสงธรรมชาติและเพิ่มมุมมองได้ดีขึ้นด้วยค่ะ จากห้องนอนออกไปดูอีกโซนของห้องกันค่ะ อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะประกอบไปด้วยห้องครัว ห้องน้ำ และห้องอเนกประสงค์พร้อมระเบียงค่ะ ห้องครัวมีความสูง Floor To Ceiling 2.55 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค ขวามือเป็นห้องอเนกประสงค์ ซ้ายมือเป็นห้องน้ำค่ะ เคาน์เตอร์ครัววัสดุ Top ด้วยหินสังเคราะห์สีขาว มาพร้อมกับซิงค์ล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน บานตู้และลิ้นชักใช้ระบบ Soft Close มีช่องสำหรับวางตู้เย็นทางขวามือของชุดเคาน์เตอร์ครัวค่ะ หันมาทางซ้ายมือจะพบกับห้องน้ำค่ะ ห้องนี้มี Kitchen Island แบบเดียวกับห้อง STUDIO ค่ะ แต่จะได้ขนาดที่ใหญ่กว่า นอกจากจะเพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ยังเป็นตัวช่วยกั้นระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่นได้เป็นสัดส่วนยิ่งขึ้น ห้องน้ำมีความสูง Floor To Ceiling 2.35 เมตร ปูพื้นกับผนังด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเดียวกันทั้งห้อง แยกส่วนเปียกด้านขวาค่ะ โถสุขภัณฑ์อยู่ทางด้านขวาของห้องน้ำ ตรงกลางเป็นอ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังพร้อมช่องเก็บของด้านใต้ เหนืออ่างล้างหน้าเป็นกระจกบานใหญ่ ส่วนเปียกกั้นด้วยกระจกประตูบานเปิด-ปิด ทั้งหมดในห้องน้ำที่เห็นนี้จะได้มาครบเซตเลยค่ะ ออกจากห้องน้ำไปดูที่ห้องอเนกประสงค์กันต่อค่ะ โดยห้องอเนกประสงค์นี้จะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ภายในห้องอเนกประสงค์นี้เราสามารถออกแบบให้เป็นห้องอะไรก็ได้ตามสไตล์ของเราเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องออกกำลังกายเบาๆ หรือห้องนอนขนาดเล็กอีกห้องก็ได้ค่ะ ห้องนี้จะได้เครื่องปรับอากาศมาอีก 1 ตัว ห้องอเนกประสงค์จะเชื่อมต่อกับระเบียง Private Balcony ค่ะ โดยจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีขาว ระเบียงมีขนาดใกล้เคียงกันกับห้อง Type อื่นๆ ค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าอยู่ใต้ Condensing Unit ที่หันหน้าออกนอกระเบียง และ Grille Wall สีขาว เมื่อโครงการสร้างเสร็จแล้วมองจากภายนอกเข้ามาที่อาคารก็จะดูสวยงามอยู่เสมอค่ะ เห็นแบบนี้แล้วเชื่อว่าทุกคนคงจะรู้สึกเหมือนกันค่ะว่าทั้งดีไซน์ เฟอร์นิเจอร์พร้อมเครื่องปรับอากาศ ทุกอย่างที่ให้มาครบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้ดี และเมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมใน Segment เดียวกันแล้ว De LAPIS Charan 81 เรียกได้ว่าคุ้มค่าในราคาที่คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าทำได้ยากแล้ว โดยเริ่มต้นเพียง 2.49 ล้านบาทสำหรับห้อง 1 Bedroom                   โดยจะเปิดให้จองอย่างเป็นทางการในวันที่ 19-20 พฤษภาคม 2561 โดยหากลงทะเบียนล่วงหน้าจะได้รับส่วนลดสูงสุด 250,000 บาท ลงทะเบียน >>> http://grandunity.co.th/delapis/register/
The selected flagship brand ตัวท็อป ทำเลใจกลางเมือง จาก LPN : รีวิวคอนโด

The selected flagship brand ตัวท็อป ทำเลใจกลางเมือง จาก LPN : รีวิวคอนโด

เพราะชีวิตที่สมบูรณ์แบบสร้างขึ้นได้ในทุกๆ วัน โดยมี “ที่อยู่อาศัย” เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มความสุขในชีวิตได้ การซื้อคอนโดมิเนียมก็เปรียบเสมือนการลงทุนและการฝากชีวิตไว้อีกนานหลายปี คงไม่แปลกถ้าการเลือกซื้อคอนโดฯ นั้นจำเป็นต้องใช้ความพิถีพิถันในการเลือกสรรเป็นพิเศษ นอกจากการออกแบบที่ได้มาตรฐาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันแล้ว ทำเลที่ตั้งยังต้องเอื้อต่อการเดินทางได้สะดวกรวดเร็วทั้งคนใช้รถส่วนตัวและรถสาธารณะ โดยปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนั้น ล้วนแต่มีอยู่ในโครงการใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในเวลานี้กับ โครงการ “Lumpini Selected Sutthisan -Saphankwai (ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย)” Flagship Top Brand ที่พัฒนาโดย บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN โดยจุดเด่นอยู่ที่การปักหมุดทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ใกล้สถานีรถไฟฟ้าในราคาคุ้มค่าให้ทุกคนสามารถจับจองได้ ซึ่งได้กระแสตอบรับดีมากๆ จากการเปิดตัวโครงการแรกคือ เดอะ ซีเล็คเต็ด เกษตร-งามวงศ์วาน ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา   *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยภาพนี้เป็นบรรยากาศจำลองโครงการ ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย ในมุมมองจากด้านหน้าเข้าไป   สะดวกสบายทุกการเดินทาง สำหรับทำเลที่ตั้งของโครงการ “ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย” นั้นตั้งอยู่บนถนนสุทธิสารวินิจฉัย (ตรงข้ามอินทามระ ซอย 7) ระหว่างแยกสะพานควายและแยกสุทธิสาร ซึ่งย่านสุทธิสารถือว่าเป็นย่านที่มีสีสัน มีชีวิตชีวาตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเต็มไปด้วยร้านค้า, ร้านอาหาร, แหล่งแฮงค์เอาท์เก๋ๆ, ห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงตลาดนัด อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลสวนสาธารณะ และโรงพยาบาล อีกด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบครบครัน แถมยังเป็นเส้นทางที่เชื่อมผ่านถนนหลักสายใหญ่ถึง 4 สาย ตั้งแต่ ถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนรัชดาภิเษก ไปจนถึงถนนลาดพร้าว ซึ่งมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนโทลเวย์อยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต ทำให้ไม่ว่าจะออกนอกเมืองไปทางสนามบินดอนเมือง หรือเข้าเมืองเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชก็ใช้เวลาเดินทางไม่นาน หรือจะเลือกเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะห่างออกไปประมาณ 1.1 กิโลเมตร ก็จะถึง BTS สถานีสะพานควาย และห่างจาก BTS สถานีอารีย์ประมาณ 1.6 กิโลเมตร เท่านั้น จึงสามารถเดินทางออกไปทั่วกรุงเทพฯ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะใช้รถยนต์หรือรถสาธารณะก็เป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากๆ ค่ะ     เพิ่มความอบอุ่นเสมือนอยู่บ้าน เพียบพร้อมไปด้วยพื้นที่พักผ่อนหลากหลาย   โครงการ “ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย” คือคอนโดมิเนียมแบบ High-Rise สูง 28 ชั้น 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการขนาด 1-3-55 ไร่ ที่ออกแบบมาให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ แต่ทว่ามีความสงบเพราะมีจำนวนยูนิตที่พักอาศัยทั้งหมดเพียง 389 ยูนิต (ตั้งแต่ชั้น 7-21 และ 23-28) และสามารถจอดรถได้ 157 คัน (ตั้งแต่ชั้น 2-6) ตัวอาคารถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยการไล่เฉดสีเทาเข้มไปจนถึงสีอ่อน เพื่อเน้นให้กลมกลืนกับแสงและเงา สร้างความรู้สึกอบอุ่น และสบายตาทุกครั้งที่มองมาที่ตัวอาคาร นับว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ถูกโอบกอดด้วยธรรมชาติ เพราะมีสวนสีเขียวขจีอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางหลายชั้น เริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ที่มีสวนรวมใจ (Green Togetherness Area) อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้องอเนกประสงค์ (Co-Working Zone), สำนักงานนิติบุคคล, พื้นที่รวมตู้หยอดเหรียญ, ห้องบริการจัดการพัสดุ, ห้องเฮ้าส์เวิร์ค (Housework Zone), ห้องเครื่อง, ห้องไฟฟ้า, ที่จอดรถจักรยานยนต์, ที่จอดรถยนต์ และที่จอดรถสำหรับผู้พิการ ทั้งหมดนี้จะอยู่ที่บริเวณชั้น 1 ค่ะ *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ซึ่ง Master Plan โครงการจะเริ่มจากทางเข้าที่อยู่ติดกับถนนสุทธิสารวินิจฉัย เมื่อเข้ามาจะเจอจุด Drop Off ล้อมรอบสวนสีเขียวขจี หรือที่ทางโครงการเรียกว่าสวนรวมใจ ภายในตัวอาคารที่ชั้น 1 เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ห้องอเนกประสงค์ (Co-Working Zone), สำนักงานนิติบุคคล, พื้นที่รวมตู้หยอดเหรียญ, ห้องบริการจัดการพัสดุ, ห้องเฮ้าส์เวิร์ค (Housework Zone), ห้องเครื่อง, ห้องไฟฟ้า เป็นต้น *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยภาพนี้เป็นบรรยากาศจำลองสวนรวมใจ (Green Togetherness Area) บริเวณหน้าอาคารชั้น 1 *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยภาพนี้เป็นบรรยากาศจำลองห้องอเนกประสงค์ (Co-Working Zone) รองรับการนั่งทำงานสบายๆ ไม่ต้องออกไปข้างนอก   นอกจากมีสวนรวมใจบริเวณชั้น 1 แล้ว พื้นที่ชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องชุดพักอาศัย ยังมีลานฟิตแอนด์เฟิร์ม (Fit & Firm Area), สวนอินฟินิตี้ (Infinity Garden) อยู่ในชั้นเดียวกันด้วย ซึ่งก็ช่วยให้ลูกบ้านเข้าถึงธรรมชาติได้ง่ายขึ้นท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ที่แทรกตัวอยู่ในทุกที่ เรียกได้ว่าเหมาะกับคนเมืองยุคใหม่ที่สามารถใช้ชีวิตแบบ Smart อย่างเต็มเปี่ยม เพราะมีพื้นที่รองรับความสุขทุกไลฟ์สไตล์อีกมากมาย โดยทางโครงการ “ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย” ได้ยก Facility หลักไปไว้ที่ชั้น 22 ซึ่งมาพร้อมกับ สระว่ายน้ำไร้ขอบ (Infinity Edge Pool), ลานกิจกรรม (Co-Living Area), ฟิตเนสโซน (Fitness Zone) และห้องโยคะ (Yoga Zone) ที่พร้อมรองรับวันพักผ่อนสบายๆ ของคุณ ไม่ว่าจะเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือนั่งอ่านหนังสือเล่มโปรด ก็ล้วนแต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับชีวิต *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ซึ่งแปลนของพื้นที่ชั้น 7 จะเริ่มเป็นยูนิตพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งที่ชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วย *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยภาพนี้เป็นบรรยากาศจำลองลานฟิตแอนด์เฟิร์ม (Fit & Firm Area) และสวนอินฟินิตี้ (Infinity Garden) บริเวณชั้น 7 *โครงการที่ส่งมอบอาจมีรายละเอียดบางประการที่เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ซึ่งภาพนี้จะเป็นแปลนพื้นที่บริเวณชั้น 22 นะคะ จะเป็น Facility ทั้งหมด *ภาพจำลองใช้เพื่องานโฆษณาเท่านั้น รายละเอียดบางประการของโครงการที่ส่งมอบ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยภาพนี้เป็นภาพบรรยากาศจำลองสระว่ายน้ำไร้ขอบ ซึ่งมุมมองเส้นขอบฟ้าตัดเส้นของน้ำให้ความงดงาม และอิ่มเอมกับวิวเมืองแบบเต็มเปี่ยม   คัดสรรเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดมารวมไว้ เพื่อพื้นที่ความสุขสำหรับลูกบ้าน ไม่เพียงแค่การออกแบบที่โดดเด่น สง่างาม และจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางอย่างเต็มพิกัด ซึ่งเน้นให้ลูกบ้านได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ โดยให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่แค่ก้าวขาออกไป ก็จะเจอสวนร่มรื่นหน้าบ้านแล้ว ทางโครงการ “ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย” ยังคำนึงถึงการใช้สอยต่างๆ โดยจัดแบ่งพื้นที่ได้อย่างลงตัวและอยู่ได้จริง อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ของผู้อาศัย มาพร้อมมาตรฐานอันสูงสุด และใส่ใจทุกรายละเอียดจนทำให้ห้องพักอาศัยทุกยูนิตมีความคุ้มค่าทุกตารางเมตร ซึ่งมีห้องพักอาศัยให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ คือ Studio ขนาดเริ่มต้น 25.00 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 27.00 ตารางเมตร, 1 Bedroom New Design ขนาดเริ่มต้น 31.00 ตารางเมตร โดยโครงการออกแบบห้องให้เป็นยูนิตพิเศษสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ด้วยการทำตู้เสื้อผ้าและตู้รองเท้าขนาดใหญ่แบบ Walk-in Closet เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของผู้หญิง และแบบสุดท้าย 2 Bedrooms ซึ่งมีขนาดเดียวคือ 46.50 ตารางเมตร ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นห้องไซส์เล็กหรือไซส์ใหญ่ก็สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งภายในห้องก็จะได้วัสดุคุณภาพที่ทางโครงการตั้งใจคัดสรรเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดมารวมไว้ เพื่อพื้นที่ความสุขสำหรับลูกบ้าน   นับว่าโครงการ “ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร - สะพานควาย” เป็นอีกหนึ่งโครงการใหม่จาก LPN ที่จะทำให้ลูกบ้านทุกคนมีโอกาสได้อยู่อาศัยท่ามกลางความสมบูรณ์แบบ มีชีวิตชีวา ณ ใจกลางเมือง อย่างแท้จริงเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการก็จัดสรรพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างลงตัว แถมยังรายล้อมไปด้วยสวนสีเขียวขจีที่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติผสมผสานความงดงามและร่มรื่นไว้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ Facility ชั้น 22 ก็สามารถมองเห็นวิวเมืองได้อย่างกว้างไกลหรือถ้าอยากจะแอคทีฟ ก็มีสระว่ายน้ำไร้ขอบ ห้องออกกำลังกาย หรือจะโยคะก็ยังได้ ที่สำคัญยังมั่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งทางโครงการยังมอบความพิเศษให้แก่ลูกบ้านด้วย Fully Furnished ที่พร้อมให้เราเข้าอยู่ได้ทันที ในราคาเริ่มต้น 2.59 ลบ. ฟรี! เฟอร์นิเจอร์*, เครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำน้ำอุ่น พร้อมระบบ "สมาร์ทรูม" (สตูดิโอ) จัดหนัก จัดเต็มขนาดนี้ “ไม่ควรพลาด” เลยนะคะ   พิเศษ! เฉพาะ วันที่ 28 เม.ย. นี้ เท่านั้น ทุกชั้นราคาเดียว เริ่ม 2.59 ล้าน* ฟรี! เฟอร์* + แอร์ + เครื่องทำน้ำอุ่น พร้อมระบบสมาร์ทรูม   สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดอื่นๆ โทร 02-689 6888  หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ goo.gl/BLyJ3k 
The Elegant Ladprao 1 – ดิ แอลเลแกนซ์ ลาดพร้าว 1 : รีวิวคอนโด

The Elegant Ladprao 1 – ดิ แอลเลแกนซ์ ลาดพร้าว 1 : รีวิวคอนโด

The Elegant Ladprao 1 (ดิ แอลเลแกนซ์ ลาดพร้าว 1 ) - คอนโดมิเนียมหรู Low Rise 8 ชั้น เพียง 147 ยูนิต ใกล้รถไฟฟ้า BTS ห้าแยกลาดพร้าว, MRT พหลโยธิน และเซ็นทรัลลาดพร้าว   รายละเอียดโครงการ เจ้าของโครงการ      บริษัท ทริปเปิ้ล แลนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ลักษณะคอนโด    คอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    0-3-80 ไร่ จำนวนห้อง    147 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ    ลาดพร้าวซอย 1 ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.   สถานที่สำคัญใกล้เคียง เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยน มอลล์ บิ๊กซี ลาดพร้าว เทสโก้ โลตัส ลาดพร้าว SCB Park สวนลุมไนท์บาซ่าร์ ตลาดนัดจตุจักร สวนวชิรเบญจทิศ ม.เซนต์จอห์น ลักษณะห้องและขนาดห้อง TYPE A 1 Bed Plus ขนาด 37.00 ตร.ม. TYPE B 1 Bed ขนาด 30.00 ตร.ม. TYPE C 2 Bed Plus ขนาด 38.625 ตร.ม.   สิ่งอำนวยความสะดวก Co-working & Meeting room สวนพักผ่อน สระว่ายน้ำ ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 084-888-8989 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.tripleland.co.th/
The Nigh Condo Pinklao-Charan – เดอะไนน์ คอนโด ปิ่นเกล้า-จรัญฯ : รีวิวคอนโด

The Nigh Condo Pinklao-Charan – เดอะไนน์ คอนโด ปิ่นเกล้า-จรัญฯ : รีวิวคอนโด

The Nigh Condo Pinklao-Charan (เดอะไนน์ คอนโด ปิ่นเกล้า-จรัญ ฯ) - คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น ภายใต้คอนเซป "เพราะคิดและใส่ใจอย่างผู้อยู่อาศัย" พร้อมบริการ Shuttle bus รับส่งระหว่างโครงการ ไปยัง กฟผ. และสถานีรถไฟฟ้า บางอ้อ (รพ.ยันฮี)   รายละเอียดโครงการ เจ้าของโครงการ บริษัท โชคสว่างเคหะการ จำกัด ลักษณะคอนโด คอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 300 ตร.วา จำนวนห้อง 77 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ ถนนเลียบทางด่วนศรีรัช - วงแหวนรอบนอก อำเภอบางกรวย จังหวัด นนทบุรี   สถานที่สำคัญใกล้เคียง เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ตั้งฮั่วเส็ง รร.โยธินบูรณะ รร.วัดวิมุตยาราม ม.พระจอมเกล้าพระนครเหนือ รพ.ยันฮี กฟผ.     ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบห้อง A 1  ขนาด 23.30-23.45 ตร.ม. แบบห้อง B 2  ขนาด 46.00-46.65 ตร.ม. แบบห้อง C 1  ขนาด 31.30 ตร.ม. แบบห้อง D 1  ขนาด 31.85 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก Co-Working Space Fitness Root Top Garden รถ Shuttle Bus ไป-กลับ กฟผ. และ MRT บางอ้อ ระบบรักษาความปลอดภัย  24 ชม.   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-115-4555, 086-399-0995 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  http://www.thenighcondo.com/  
THE BANGKOK SATHORN ที่สุดของความหรูหรา บนทำเลดีที่สุดแห่งสาทร : รีวิวคอนโด

THE BANGKOK SATHORN ที่สุดของความหรูหรา บนทำเลดีที่สุดแห่งสาทร : รีวิวคอนโด

เมื่อ “ทำเล” คือ หัวใจหลักในการเลือกซื้อคอนโดมิเนียม ไม่ว่าซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือเป็นการลงทุนเพื่อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินมรดกส่งต่อลูกหลานที่ล้วนแต่ทวีมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งถ้าสถานที่ตั้งของคอนโดแห่งนั้นอยู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจ (CBD : Central Business District) อย่าง “สาทร” ด้วยแล้วล่ะก็ ความสะดวกสบายทั้งแหล่งสาธารณูปโภคไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า, ร้านค้า, ร้านอาหาร, โรงแรมระดับ 5 ดาว, สถานพยาบาล และโรงเรียนชั้นนำต่างๆ ที่ปักหมุดรวมกันอยู่ในย่านนี้ ซึ่งการคมนาคมก็เอื้อต่อการเดินทางที่คล่องตัวทั้งรถไฟฟ้า, รถประจำทาง, รถแท๊กซี่ ในขณะที่การเชื่อมต่อของถนนสายหลักต่างๆ หรือแม้แต่การขึ้นลงทางด่วนก็ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้ครบทุกด้าน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ส่งผลให้ “ย่านสาทร” กลายเป็นทำเลทองที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากมายต่างหมายตาอยากครอบครองที่ดินย่านนี้ไว้ในแลนด์แบงค์   ซึ่งทาง Land and Houses บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศไทย ก็เปรียบเสมือนเสือปืนไวที่สามารถคว้าที่ดินแปลงสวยบนถนนสาทรมาได้สำเร็จ และเพื่อตอกย้ำความเป็นพี่ใหญ่ในวงการอสังหาฯ จึงนำไปพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ ภายใต้แบรนด์ “THE BANGKOK SATHORN (เดอะ แบงค็อค สาทร)” โครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี่บนถนนใหญ่สาทร ที่สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้อย่างชัดเจน ทั้งในด้านของออกแบบที่ดูหรูหรา โดยคำนึงถึงพื้นที่และฟังชั่นของที่อยู่อาศัยได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ยึดโลเคชั่นที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังสร้างสรรค์ Space of living ให้คุณถึง 3 อย่างด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Unit Space : ห้องกว้างอยู่สบาย Function เหมาะกับการอยู่อาศัยจริง, Privacy Space : ให้การอยู่อาศัย Condo เหมือนการอยู่บ้าน ด้วย Private life ส่งตรงถึงภายในห้อง และ Private lift lobby และ Recreation Space : ให้คุณได้ผ่อนคลายกับส่วนกลางแบบจัดเต็มในรูปแบบ Full Floor Facilities ถึง 2 ชั้น     โครงการหนึ่งเดียวบนทำเลที่ดีที่สุด "ย่านสาทร"   ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าโครงการ “THE BANGKOK SATHORN” ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพของประเทศไทยจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนสายหลักที่เชื่อมต่อไปยังสาทรใต้ สีลม พระราม 4 ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์เพียงแค่ 50 เมตร ซึ่งสามารถเดินเท้าได้สบายๆ แถมสุรศักดิ์เป็นสถานีเดียวที่อยู่บนถนนสาทร และยังห่างจากจุดขึ้น-ลงทางด่วนประมาณ 200 เมตรเท่านั้น อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากสะพานสาทรข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้การเดินทางของลูกบ้านเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมากๆ ทั้งคนใช้รถส่วนตัวและรถสาธารณะ ไม่ว่าจะไปเรียน ทำงาน ช็อปปิ้ง หรือ Hang out พิกัดรอบๆ โครงการก็พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารชั้นนำอย่าง Blue Elephant, Chef Man และ Nahm ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในระยะใกล้ๆ อย่างสีลมคอมเพล็กซ์ และเพียง 4 สถานีถึง Siam Paragon, Siam Center, Siam Discovery, Central World และเพียง 2 สถานีถึง iconsiam นอกจากนี้ยังมีสถานพยาบาลชื่อดัง อาทิ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช, โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ และยังมีสถานศึกษาชั้นนำมากมายไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน, โรงเรียนอัสสัมชัญ คอนเวนต์ สีลม, โรงเรียนเซ็นหลุยส์ ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการเลย จึงไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไมย่านสาทรถึงถูกจัดให้เป็นทำเลที่ดีมากแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนมูลค่าก็มีแต่เพิ่มขึ้น เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าชิ้นสำคัญที่ควรครอบครองเลยค่ะ     ความงดงามที่ควรค่าแก่การครอบครอง   นอกจากเลือกปักหมุดที่ดินแปลงสวยให้เป็นพิกัดคอนโดหรู ทำเลหนึ่งเดียวที่ดีที่สุดในย่านสาทรซึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ทาง Land and Houses ยังเข้าใจความต้องการของคนเมือง ที่อยากใช้ชีวิตอยู่กลางเมืองแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถเดินทางง่าย แต่ก็ยังชอบความสงบและความเป็นส่วนตัว จึงออกแบบให้ โครงการ “THE BANGKOK SATHORN” เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ระดับลักซูเปอร์ลักชัวรี่ สูง 50 ชั้น จำนวน 1 อาคาร 468 ยูนิต บนพื้นที่โครงการขนาด 4-3-79 ไร่ แบ่งออกเป็นอาคารจอดรถ สูง 3-5 ชั้น และมี Private Lift ทั้งหมด 14 ตัว ส่งตรงถึงหน้าห้องพักให้ความเป็นส่วนตัวทุกยูนิต พร้อมที่จอดรถกว่า 100% แถมยังให้ความสำคัญกับงานดีไซน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้ดี ผ่านคอนเซ็ปต์ “Precious Living” หลอมรวมความเป็นที่สุดแห่งคุณค่าของการอยู่อาศัยให้ดูโดดเด่นกว่าโครงการไหนๆ ในย่าน     ตัวอาคารถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยดีไซน์ที่มากด้วยฟาซาดกระจกตัดแต่งเหลี่ยมมุมคล้ายแท่งคริสตัล มีความสวยงามน่าจับตาถึงขนาดเตรียมเป็นแลนด์มาร์กอีกจุดของย่านนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งงานดีไซน์ตัวอาคารยังได้รับรางวัล International Property Award ประเภทคอนโดอยู่อาศัยตึกสูง หนึ่งเดียวในประเทศไทย ปี 2014-2015 ด้วยแนวคิด Simplify the natural form into the way of Modern living ที่เน้นการตกแต่งผนังตึกด้วยกระจกทั้งหมด ทำให้ดูหรูหราและยังได้มุมมองที่โปร่งโล่งในการอยู่อาศัย แถมลูกบ้านยังได้สัมผัสความสวยงามของวิวเมือง และวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างเต็มสายตา ทั้งยังเลือกใช้แต่วัสดุคุณภาพที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี   ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมออกแบบให้ห้องพักอาศัยให้ทุกพื้นที่สามารถใช้งานได้จริงและคุ้มค่าทุกตารางเมตร ซึ่งมีห้องพักอาศัยให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาด 57 - 67 ตร.ม. (มีให้เลือกทั้ง River View ฝั่งที่หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา และ City View), 2 Bedroom ขนาด 106 - 152 ตร.ม. (Panoramic View ห้องหัวมุมที่สามารถมองเห็นวิวได้กว้างกว่า) และ 1 Bedroom Duplex ที่มีให้เลือกถึง 2 วิว ทั้งวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และ City View ค่ะ ซึ่งภายในห้องก็จะได้วัสดุระดับ Luxury เช่นเดียวกับตัวอาคารเลยนะคะ แถมยังให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกบ้านด้วย Private Lift ส่งตรงถึงห้องพักส่วนตัวในแต่ละยูนิต ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเป็นส่วนตัวเหมือนอยู่บ้านนั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็น Luxury คอนโดที่อยู่ติดรถไฟฟ้า BTS และทางด่วนมากที่สุดในย่านนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ ที่สำคัญห้องพักอาศัยยังมีขนาดเหมาะสมกับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง เรียกได้ว่าหาไม่ได้อีกแล้วในตลาดตอนนี้!   บรรยากาศภายในห้องพักอาศัยที่ดูโอ่อ่าและโปร่งโล่งด้วยการจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่นและมุมรับประทานอาหารไว้ด้วยกัน การออกแบบและตกแต่งผนังอาคารด้วยกระจกทั้งหมดนั้น ทำให้ลูกบ้านได้มุมมองที่โปร่งโล่งในการอยู่อาศัย แถมยังได้สัมผัสความสวยงามของวิวเมืองได้อย่างเต็มสายตา ภายในห้องพักอาศัยได้รับการออกแบบมารตรฐานระดับสูงแต่ละห้องมีลิฟต์ส่วนตัวและยังมี Service Lift แยกต่างหากด้วยค่ะ การจัดฟังก์ชั่นภายในห้องนอนที่ครบครันทั้ง Walk-in Closet และห้องน้ำแบบ Sexy Bath   นอกจากพื้นที่ใช้ชีวิตที่ถูกคิดเพื่อให้ทุกตารางเมตรสามารถใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่าแล้ว ภายในโครงการ “THE BANGKOK SATHORN” ยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งพื้นที่ส่วนกลางชั้นบนสุดของอาคารที่นับว่าเป็นไฮไลท์เด็ด ตกแต่งเสมือนเพ้นต์เฮ้าส์ให้ลูกบ้านทุกคนได้ใช้พื้นที่นี้ร่วมกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Beyond Residential Facilities ให้การใช้ชีวิตของลูกบ้านเปี่ยมไปด้วยความสุขในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำงานที่รองรับการเจรจาธุรกิจด้วย Business Lounge และการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบที่สุดด้วยส่วนกลางถึง 4 โซน ซึ่งมาพร้อมกับ Private Garden มุมสงบใต้เงาไม้ใหญ่ในสวนขนาด 1,000 ตร.ม., Sky Lounges, สระว่ายน้ำถึงสองสระ Sky Boutique Pool และ Sky Family Pool เหนือน่านฟ้าใจกลางสาทร แถมยังมีห้องฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ไปจนถึงพื้นที่นั่งพักระหว่างออกกำลังกาย และยังมี Steam & Sauna อีกด้วยค่ะ   ภาพบรรยากาศบริเวณล็อบบี้ที่ดูโอโถ่งประดับด้วยประติมากรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ภาพบรรยากาศห้องประชุมสำหรับการประชุมส่วนตัว ภาพบรรยากาศสวนธรรมชาติขนาด 1,000 ตร.ม. ให้ลูกบ้านพักผ่อนอย่างสมบูรณ์แบบ ภาพบรรยากาศสระว่ายน้ำมุมมองเส้นขอบฟ้าตัดเส้นของน้ำ ความงดงามที่หาที่เปรียบไม่ได้ ภาพบรรยากาศห้องฟิตเนสที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ภาพบรรยากาศภายในห้องโยคะ   เต็มอิ่มกับงานดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็มมากกว่าใครบนที่ดินที่ดีที่สุดในย่านสาทรขนาดนี้ เชื่อไหมคะว่าโครงการ “THE BANGKOK SATHORN” มีราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 280,000 บาท เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับขนาดห้องก็กว้างและใหญ่กว่าโครงการคู่แข่งในย่านนี้ทั้งหมด บอกได้คำเดียวว่าคุ้มค่ามากๆ ค่ะ เพราะวัสดุคุณภาพที่นำมาใช้ในโครงการก็ยังเหนือกว่าใคร ที่สำคัญราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรก็ยังถูกกว่าโครงการน้องใหม่ในย่านสาทร-สีลม อีกด้วยนะคะ แม้ฝั่งหนึ่งของตัวอาคารจะตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ที่ทำให้สะดวกในการเข้าถึง ทว่ายังคงความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวจากการออกแบบได้เป็นอย่างดี   นอกจากนี้ทำเลที่ตั้งของโครงการยังอยู่ในย่านที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ทั้งในแง่ของการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน เพราะที่ดินย่านสาทรที่นำมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยนั้นมีน้อยมากๆ ค่ะ ประกอบกับราคาที่ดินในย่านนี้ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งโครงการ “THE BANGKOK SATHORN” เป็นโครงการเดียวในย่านนี้ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์มากที่สุด แถมยังแสดงสถานภาพของระดับความเป็นอยู่ได้เหนือกว่าใครทั้งหมด เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ แล้วก็คุ้มค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของ ในราคาเริ่มต้นประมาณ 18 ล้านบาท   พิเศษ! พบข้อเสนอสุดว้าวภายในเดือนมีนาคม 2561 นี้ นัดหมายชมโครงการ โทร 1198
Magnolias Ratchadamri Boulevard นิยามใหม่ของความหรูหรา..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

Magnolias Ratchadamri Boulevard นิยามใหม่ของความหรูหรา..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

หากพูดถึงคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เชื่อว่าภาพที่เกิดขึ้นในใจใครหลายคน คงเป็นภาพรูปแบบคอนโดที่ไม่ต่างกันมากนัก แต่แท้จริงแล้วอาคารที่มีลักษณะคล้ายกันทั้งหมดนั้น สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดีแล้วหรือไม่? วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันในรีวิวฉบับนี้ กับโครงการมิกซ์ยูส ระดับลักชัวรี่ “Magnolias Ratchadamri Boulevard (แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด)” ผลงานชิ้นโบว์แดงจาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ที่สร้างปรากฏการณ์ตื่นตาตื่นใจให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยไม่ใช่น้อย ทั้งในแง่ของงานดีไซน์ที่ฉีกรูปแบบคอนโดเดิมๆ ด้วยการออกแบบสไตล์โมเดิร์น โดยได้แรงบันดาลใจในรูปทรงอาคารจากกลีบดอกแมกโนเลีย ทำให้มีความโดดเด่นอ่อนช้อยสวยงาม จนกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางเมืองย่านราชดำริ นอกจากนี้ยังนำเสนอความเป็นที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมหรู, สำนักงาน และโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ (Waldorf Astoria Bangkok) แบรนด์โรงแรมระดับ 6 ดาว ในเครือฮิลตัน ที่มีสาขาอยู่ในเมืองสำคัญทั่วโลก ซึ่งมาเปิดใน South East Asia เป็นแห่งแรกในโครงการนี้ ภายใต้โจทย์ที่พักอาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งก็สอดคล้องกับปรัชญาของแมกโนเลียที่ว่า “คิดและสร้างสรรค์เพื่อความยั่งยืนของมนุษย์” ได้เป็นอย่างดี     ทำเลศักยภาพใจกลางเมือง   โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการอยู่ติดถนนราชดำริ ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสีลม อยู่ใกล้ๆ กับโรงแรมเอราวัณและเพนินซูล่า ซึ่งเป็นทำเลที่ดีที่สุดผืนสุดท้ายของราชดำริ ห่างจากแยกราชประสงค์มาประมาณ 200 เมตร จุดเด่นของโครงการคืออยู่ใจกลางเมือง ใกล้ CBD, แหล่งงาน, สถานศึกษา และห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ซึ่งตอบโจทย์ลูกบ้านทั้งคนมีรถและไม่มี สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนใกล้ที่สุดอยู่ที่ถนนพระราม 4 โดยจากถนนราชดำริหน้าโครงการตรงเข้าสู่สี่แยกศาลาแดง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพระราม 4 อีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบกับจุดขึ้น-ลงทางพิเศษเฉลิมมหานคร ไม่ว่าจะออกไปโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก, ฝั่งธนบุรี หรือกรุงเทพฯ โซนเหนือก็สะดวกทั้งหมด ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังทางยกระดับอุตราภิมุข (โทลเวย์) และจุดขึ้น-ลงทางด่วนอีกเส้นทางหนึ่ง คือวิ่งตรงผ่านหน้าห้างสรรพสินค้า Central World จนถึงสี่แยกราชปรารภ แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนจตุรทิศ เพื่อขึ้นทางพิเศษศรีรัชมุ่งตรงไปเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ก็จะไปสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างง่ายดาย     สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกมากที่สุดแล้วค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าตัวโครงการตั้งอยู่ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าในย่านราชประสงค์ ใกล้สถานที่สำคัญของกรุงเทพฯ อย่าง ศาลท่านท้าวมหาพรหม รวมทั้งแหล่งช็อปปิ้งสำคัญของกรุงเทพฯ ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS ถึง 2 สาย ทั้งสายสีเขียว (สถานีชิดลม) และสายสีเขียวเข้ม (สถานีราชดำริ) แถมบริเวณหน้าโครงการก็มีวินมอเตอร์ไซค์, รถเมล์, รถแท็กซี่ผ่านไปมาให้ใช้บริการตลอดทั้งวัน ซึ่งถ้าใครเป็นสายช็อปปิ้งก็คงถูกใจเพราะพิกัดจากโครงการสามารถเดินไปขึ้น Sky Walk เพื่อไปเซ็นทรัลเวิลด์, เกษรพลาซ่า และเซ็นทรัลชิดลม ในระยะเดินเท้าได้สบายๆ หรือถัดไปอีกหน่อยก็จะเป็นสยามสแควร์ ที่มีรถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม จุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลม และมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามแสควร์วัน, สยามดิสคัฟเวอรี่ ไปจนถึงมาบุญครอง ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยได้อย่างเพลิดเพลิน     และไม่ใช่ว่าเพียบพร้อมไปด้วยแหล่งช็อปปิ้ง สถานที่แฮงค์เอ้าท์เท่านั้นนะคะ ในส่วนของสถานศึกษา สถานพยาบาล รวมถึงสถานที่ราชการก็มีไม่น้อยเลยค่ะ ลองไล่เรียงคร่าวๆ ก็มี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย, โรงเรียนสอนภาษา AUA และสถานทูตประเทศต่างๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลตำรวจ, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วยังมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต, ราชกรีฑาสโมสร, วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร รวมไปจนถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างสวนลุมพินี และอีกมากมายจนบรรยายไม่หมดเลยค่ะ   เจาะลึกโครงการ   “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” เป็นโครงการลักชัวรี่ มิกซ์ยูส ตัวอาคารสูง 60 ชั้น บนพื้นที่ 6 ไร่ 2 งาน 70 ตารางวา ประกอบด้วยส่วนคอนโดมีเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ (Residence), สำนักงาน และโรงแรม ในส่วนของห้องพักหรูมีจำนวนทั้งหมด 316 ยูนิต เริ่มตั้งแต่ชั้น 17 – 54 ด้วยขนาดห้องชุดตั้งแต่ 48 – 360 ตารางเมตร โดยทำเป็นสัญญาเช่า (Leasehold) ระยะเวลา 30 ปี จากที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งทาง MQDC ต้องการความเป็น Masterpiece ให้ได้มาตรฐานระดับสูงสุดเทียบเท่าระดับโลก ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย รวมไปจนถึงการคัดสรรแต่วัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยมมาใช้ในโครงการ ครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการรวมตัวของเหล่าดีไซเนอร์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อความเป็นที่สุดของโครงการหรูใจกลางเมือง ซึ่งได้ DI Design และ The Beaumont Partners Co., Ltd. บริษัทออกแบบสัญชาติไทยชื่อดังมาทำงานร่วมกัน อีกทั้งยังมีบริษัทสถาปนิกระดับโลกอย่าง atelier ten จากนิวยอร์ก เข้ามาเป็นที่ปรึกษาการออกแบบเพื่อความยั่งยืน โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยดีไซน์โค้งมนเป็นรูปกลีบดอกแมกโนเลีย ทำให้มีความโดดเด่นอ่อนช้อยสวยงามที่สุดในย่านราชดำริ ซึ่งก็มุ่งเน้นประหยัดพลังงานโดยประยุกต์แนวคิดสถาปัตยกรรมของบ้านไทย ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองร้อนของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะทิศทางของแสงแดด มาออกแบบเป็นส่วนชายคา หรือ Sunshade ของตัวอาคารที่ถูกคำนวณอย่างแม่นยำ และดีไซน์ให้กลายเป็นส่วนประดับอย่าง Façade โอบล้อมอาคารร่วมกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ     ในส่วนงานออกแบบ Landscape ก็ได้บริษัท Shma เข้ามาดูแล ส่วนงาน Interior นั้นทางโครงการให้บริษัท PIA ผู้มีชื่อเสียงด้านการออกแบบและมีประสบการณ์กับโครงการระดับหรูมาเป็นผู้ดูแลค่ะ ทั้งนี้โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” จะเป็นโครงการที่พักอาศัยแห่งแรกของไทยที่กำลังจะได้รองรับมาตรฐาน LEED จากอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงานที่เข้มงวดที่สุดในโลก เพราะทางทีมดีไซเนอร์ได้คำนึงแสง ความร้อน อากาศ และการใช้น้ำในโครงการมาเป็นอย่างดี แถมยังเลือกใช้กระจกแบบ IGU และใช้ Sun Shading เพื่อลดความร้อนให้แก่ห้องอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีระบบหมุนเวียนน้ำบางส่วนที่คุณภาพดีและสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น รดน้ำต้นไม้ ตลอดจนระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ เพื่อใส่อากาศที่ปราศจากสารพิษเจือปนเข้าไปในโครงการ ทำให้มั่นใจได้เลยค่ะว่านอกจากความสวยหรู และการเดินทางที่สะดวกสบายแล้ว ผู้อยู่อาศัยจะได้คุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวแน่นอน     ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันมากทีเดียวค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัว เริ่มจากชั้น 1 เป็นพื้นที่ของเอ็กซ์คลูซีฟล็อบบี้, ห้องจดหมายและตู้ไปรษณีย์ ในส่วนของที่จอดรถก็สามารถจอดได้มากถึง 100% สำหรับ Facility บนอาคารจะอยู่ที่ชั้น 5 และชั้น 10 ประกอบด้วย ห้องสมุดพร้อมวิวสวนโค้งเล่นระดับที่ทางโครงการนำความเขียวขจีของธรรมชาติเข้าไปใส่ไว้ , ศูนย์ฟิตเนสและลู่วิ่งออกกำลังกายริมสวนแนวลาด, ห้องประชุม ห้องพบปะสังสรรค์, สระว่ายน้ำพร้อมสระเด็ก และส่วนจากุชชี่, ห้องอบไอน้ำและซาวน่า, ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมล็อกเกอร์, สำนักงานผู้อำนวยการประจำเรสซิเดนซ์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีกุญแจรีโมทนิรภัย สำหรับเปิดประตูและควบคุมลิฟท์อีกด้วย   เริ่มต้นกันที่บริเวณ Lobby ชั้น Ground Floor ก่อนเลยค่ะ ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็นส่วนต้อนรับ, พื้นที่รับรอง และ Mail Box พื้นที่ด้านหนึ่งของโถง Lobby จะเป็นส่วน Mail Box นะคะ มาในส่วนของโถงลิฟท์โดยสารกันบ้างค่ะ ซึ่งมีให้บริการลูกบ้านถึง 4 ตัว ทั้งยังดูหรูหรากว่าคอนโดฯ ทั่วไป ด้วยการประดับตกแต่งด้วยหินอ่อน บรรยากาศภายในห้องสมุดค่ะ ภายในห้องดูสูงโปร่ง โอบล้อมด้วยกระจกใส วิวบริเวณข้างห้องสมุดเป็นสวนนะคะ ข้อดีของการมีสวนอยู่ใกล้ๆ ทำให้เวลาอ่านหนังสือสามารถพักสายตามองต้นไม้สีเขียวขจีได้ จากบริเวณห้องสมุดมองออกไปจะเห็นพื้นที่สวนเล่นระดับด้วยนะคะ พื้นที่สวนขั้นบันไดที่ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจ บันไดวนขึ้นไปยังส่วนของสระว่ายน้ำและฟิตเนสนะคะ เมื่อเดินไต่บันไดขึ้นมาจะพบกับลานกว้างๆ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นของพรรณไม้ นอกจากจะมีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กแล้วยังมีส่วนของ Jacuzzi ด้วยนะคะ พื้นที่ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็นสวนแบบขั้นบันไดนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมองวิวเมืองรอบด้านได้อย่างจุใจ เดินต่อเนื่องไปยังห้อง Fitness นะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ กลับมาในส่วนของห้องอบไอน้ำและซาวน่า ที่มาพร้อมห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมล็อกเกอร์ แยกฝั่งชาย-หญิงด้วยนะคะ บรรยากาศด้านหน้าห้องอบไอน้ำและซาวน่า ต่อเนื่องมายังห้อง KID'S ROOM ที่ออกแบบมาสำหรับรองรับสมาชิกตัวน้อยในครอบครัวของลูกบ้าน   เปิดแบบห้อง Magnolias Ratchadamri Boulevard   สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” มีทั้งหมด 316 ยูนิตนะคะ ซึ่งมีแบบห้องพักหรูให้เลือกด้วยกันถึง 4 แบบ ตั้งแต่ 1 Bedroom ขนาด 48-60 ตารางเมตร จำนวน 88 ยูนิต, 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 72-106 ตารางเมตร จำนวน 220 ยูนิต, Penthouse ขนาดตั้งแต่ 209-300 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต และ Duplex Penthouse ขนาดตั้งแต่ 250-360 ตารางเมตร จำนวน 6 ยูนิต ปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้ นั่นคือห้อง 2 Bedroom ขนาด 89.47 และ 92.38 ตารางเมตรค่ะ โดยจะแตกต่างกันที่การจัดวาง Layout และวิวเท่านั้นค่ะ แต่ภายในห้องจะตกแต่งมาให้เสร็จสรรพแล้ว หากลูกบ้านเลือกห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์รวมมาด้วย ทางโครงการจะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ Olivia Living, Sonder Living,  CHANINTR และ Classic Chair เหมือนดั่งห้องตัวอย่างที่เราเก็บมาฝากกันวันนี้   ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบและตกแต่งอย่างพิถีพิถันในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่เรียบหรู แต่ยังคงงดงาม แถมยังคัดสรรและเลือกใช้แต่วัสดุคุณภาพแบรนด์ระดับโลก ดีไซน์ให้พื้นที่ส่วนครัวกว้างขวางติดตั้งชุดครัว Bulthaup แบรนด์หรูจากเยอรมนี ในทุกยูนิต อีกทั้งยังผสมผสานห้องครัวและพื้นที่ใช้สอยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันห้องน้ำก็ใช้แต่เครื่องสุขภัณฑ์ชั้นนำเช่นเดียวกับที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ทั่วโลก แถมยังสั่งทำอ่างอาบน้ำขนาดพิเศษแบรนด์ KASCH มาใช้ในโครงการด้วย ไม่รอช้า.. เราไปเปิดประตูดู Layout ของแต่ละห้องไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 89.47 ตารางเมตร ประตูจะเป็นแบบ Digital Door Lock นะคะ เปิดประตูเข้ามาเจอห้องน้ำ และห้องนอนเล็กก่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางนะคะ ซึ่งภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Olivia Living ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมด เรามาดูห้องน้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน ทางโครงการจัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก โดยใช้สุขภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมี่ยมทั้งหมด จากภาพจะเห็นว่าส่วนเปียกจะมีบานกระจกกั้นพร้อมยกธรณีสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำกระเด็นมาส่วนแห้ง ซึ่งที่พื้นด้านในจะเซาะร่องไว้สำหรับกันลื่นด้วยนะคะ ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ กระจกห้องนอนเป็นบานใหญ่มาก สูง 3 เมตรไม่มีอะไรมาบังสายตาเลยนะคะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ กลับเข้ามาบริเวณโถงกลางจะเป็นส่วนของมุมทำงาน มุมรับประทานอาหาร มุมนั่งเล่น และครัวเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด มุมทำงานที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวทีเดียวเลยนะคะ ต่อเนื่องมายังส่วนครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน ตรงข้ามกับมุมนั่งเล่นนะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวแอล (L) มาพร้อมไอส์แลนด์ตรงกลางสำหรับเตรียมอาหาร ระยะห่างระหว่างเคาน์เตอร์กับไอส์แลนด์มีขนาดกำลังดีเลยนะคะ สามารถเดินได้โดยรอบสบายๆ สำหรับชุดครัวจะเป็นแบรนด์ bulthaup นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน สำหรับอ่างล้างจานจะเป็นแบรนด์ FRANKE นะคะ ซึ่งก็เป็นแบรนด์คุณภาพที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเช่นกัน พื้นที่ติดกับครัวจะเป็นมุมนั่งเล่นนะคะ ซึ่งสามารถวางคอนโซลทีวี โซฟาตัวยาว พร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ สำหรับมุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ พื้นที่โถงกลางสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบายๆ เลยนะคะ มาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง สามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ เพราะบริเวณรอบๆ เตียงมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย ยิ่งถ้าใครที่ชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งไว้ที่ผนังปลายเตียงได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดเลยค่ะ จากระเบียงก็จะมองเห็น City view ประมาณนี้ มุมมองจากระเบียงกลับไปในห้องนอนใหญ่ ผนังหน้าห้องน้ำถูกบิลต์อินให้เป็นตู้เสื้อผ้าทั้งสองฝั่งเลยนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน ซึ่งรูปแบบจัดวางจะต่างกับห้องน้ำด้านนอก ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะมีอ่างอาบน้ำแบรนด์ KASCH ที่สั่งทำขึ้นมาพิเศษด้วยนะคะ   ห้องตัวอย่างต่อมาที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 92.38 ตร.ม. จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout เลยนะคะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะมีโถงกลางขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่ครัวแบบเปิดเชื่อมต่อกับมุมรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ส่วนห้องนอนจะถูกแบ่งออกไปทางฝั่งขวา โดยห้องนอนเล็กจะใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องโถงกลาง ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 92.38 ตารางเมตร สำหรับห้องนี้ เมื่อเปิดประตู Digital Door lock เข้ามาในห้องจะเจอส่วนนั่งเล่นและมุมรับประทานอาหารที่อยู่ติดริมระเบียงก่อนเลยนะคะ ภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Olivia Living ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมดเช่นเดียวกับห้องตัวอย่างแรกค่ะ ความแตกต่างนอกจาก Layout และขนาดห้องแล้ว ก็จะเป็นส่วนของวิวนี่แหละค่ะ โดยห้องนี้จะเป็นห้องที่ได้วิวฝั่งเซ็นทรัลเวิลด์ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นส่วนครัวนะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นรูปตัวแอล (L) จะได้วัสดุเหมือนในห้องตัวอย่างห้องแรกเลยนะคะ มีแตกต่างนิดหน่อยที่ขนาดและตำแหน่งของไอส์แลนด์ พื้นที่รับประทานอาหารที่อยู่ติดกับห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งข้อดีของระเบียงที่ติดกับมุมนี้คือช่วยระบายอากาศเวลารับประทานอาหารที่มีกลิ่นได้ดี พื้นที่ต่อเนื่องจากครัวเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำนะคะ เรามาเริ่มที่ฝั่งขวามือที่เป็นห้องน้ำก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องน้ำจะตกแต่งด้วยหินอ่อนเป็นส่วนใหญ่ โทนสีที่นำมาใช้ดูสะอาดตาและเลือกคู่สีได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ การวางฟังก์ชันโดยรวมใช้งานได้ดีทุกส่วน พื้นที่ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ล้างหน้าจะเป็นส่วนเปียกนะคะ ผนังฝั่งหนึ่งใน Shower Area จะถูกตกแต่งให้สวยงามด้วยด้วยหินอ่อน ตรงข้ามกับห้องน้ำจะเป็นห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน ภายในห้องนอนเล็กเมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย พื้นที่ติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ออกมาจากห้องนอนเล็ก เดินตรงเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนะคะ คือโซนพักผ่อน และโซนแต่งตัวที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ นอกจากเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบแล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วยค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอน จะเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ติดห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนๆ กับห้องน้ำด้านนอก จะต่างกันแค่เพิ่มอ่างอาบน้ำแบรนด์ KASCH ที่ทางโครงการสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำจะได้อ่างล้างหน้า มาพร้อมกับตู้ลอยที่มีหน้าบานเปิด-ปิดสำหรับเก็บของนะคะ ซึ่งห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านก็จะได้แบบนี้เลยนะคะ   ด้วยทำเล Prime Location ของกรุงเทพฯ ริมถนนราชดำริ ย่านธุรกิจสำคัญของเมืองไทยและแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับที่เพียบพร้อมแบบนี้โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการหรูที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Fitted ดังนั้นในห้องมาตรฐานก็จะมี ชุดครัวแบรนด์ bulthaup ที่มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน FRANKE รวมถึงสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็ยังเป็นแบรนด์นำเข้ามาเหมือนกันเกือบทุกรายการค่ะ อาทิ ก๊อกน้ำ Dornbracht และอ่างอาบน้ำ KASCH เป็นต้น ซึ่งทาง MQDC ประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 20 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ย ณ ปัจจุบันประมาณ 280,000 บาท/ตร.ม. ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียม Luxury ในระดับเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะแนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มแน่นอน..   ใครที่ไม่ติดเรื่องกำลังทรัพย์และกำลังมองหาคอนโดหรูที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายทุกอย่างแบบนี้ แนะนำให้แวะเข้าไปเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 083-095-5054  หรือ www.magnolias-ratchadamri.com
CIELA Sripatum คอนโดติดสถานีรถไฟฟ้า ในราคาที่เอื้อมถึง : รีวิวคอนโด

CIELA Sripatum คอนโดติดสถานีรถไฟฟ้า ในราคาที่เอื้อมถึง : รีวิวคอนโด

หากคุณผู้อ่านได้ติดตามรีวิวคอนโดมิเนียมของเราก็จะพอสังเกตได้ว่า คอนโดมิเนียมจาก GRAND UNITY ในแบรนด์คอนโด ยู หรือยู ดีไลท์ ก็มักจะเน้นโลเคชั่นที่ดี เดินทางสะดวกแม้ไม่ติดรถไฟฟ้า ที่สำคัญคือราคาจับต้องได้ไม่แรงจนเกินไป ซึ่งเมื่อเริ่มต้นปี 2561 นี้ GRAND UNITY ได้แถลงข่าวเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ถึง 4 แบรนด์ 4 โครงการ และหันมาเน้นพัฒนาโครงการในพื้นที่ติดรถไฟฟ้า โดย 1 ใน 4 โครงการนี้ได้เริ่มเผยโฉมออกมาแล้วบน ทำเลสุดฮอตอีกแห่งของกรุงเทพฯ นั่นคือย่านพหลโยธิน-เกษตร โดยในรีวิวฉบับนี้เราจะพาทุกท่านได้เข้าไปดูโครงการแรกของปีในชื่อแบรนด์ CIELA (เซียล่า) ภาพรวมโครงการ CIELA Sripatum (เซียล่า ศรีปทุม) คอนโดมิเนียมน้องใหม่ แต่ทว่ามาแรงตั้งแต่เริ่มเปิดตัวครั้งแรก ด้วยทำเลระดับพรีเมียม แต่อยู่ในราคาที่ไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับคอนโดติดสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม High Rise 28 ชั้น 1 อาคาร, อาคาร 1 ร้านค้า 1 อาคาร และ 1 อาคารจอดรถแยกตัวออกจากตัวอาคารที่พักอาศัย บนพื้นที่ 6-1-17.30 ไร่ ขนาด 21.50-60.00 ตร.ม. ทั้งหมด 900 ยูนิต ที่จอดรถ 40% ไม่รวมซ้อนคัน   การดีไซน์สถาปัตยกรรมภายนอกจะแตกต่างจากคอนโดฯ ที่เคยเห็นมาทั้งหมดของ GRAND UNITY โดย CIELA Sripatum จะเน้นความเรียบง่าย สบายตา เหมาะแก่การพักผ่อนที่ต้องเหนื่อยล้าจากภายนอกมาทั้งวัน แต่ใช้เส้นสายให้ดูร่วมสมัย (Contemporary) ที่จะทำให้อาคารดูไม่ล้าสมัย สามารถดูแลรักษาได้ง่ายในระยะยาว อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจรายละเอียดที่มีให้กับลูกบ้านนั่นคือเรื่องของวัสดุที่ถูกคัดเลือกมาใช้ให้เกิดประโยชน์และความปลอดภัยในระยะยาวมากที่สุด เช่น กระจกภายนอกอาคารรวมถึงประตูบานเลื่อนภายในห้องทั้งหมดใช้ Laminated Glass คือเป็น  กระจก 2 แผ่นประกบกันด้วยฟิล์ม ตรงกลางกระจกถูกกั้นด้วยฟิล์มเพื่อป้องกันหากเกิดการแตก ฟิล์มตรงกลางจะช่วยยึดเอาไว้ไม่ให้กระจกร่วงลงสู่ด้านล่าง, บานตู้เสื้อผ้าใช้กระจก Tempered Glass เวลากระจกแตกจะเป็นลักษณะเม็ดข้าวโพดไม่เป็นชิ้นแหลมคมแบบกระจกทั่วไป ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บได้, ระเบียงทุกห้องมีการติดตั้งตะแกรงอลูมิเนียมสีเดียวกันกับกรอบหน้าต่าง ช่วยเรื่องความสวยงามเมื่อมองจากภายนอก ช่วยป้องกันสายตาจากภายนอกให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และยังช่วยป้องกันของหล่นลงด้านล่างนอกอาคารได้อีกด้วย และห้องน้ำสำเร็จรูป WC Pod ที่ประกอบเสร็จมาจากโรงงานคุณภาพ ข้อดีคือป้องกันการรั่วซึมลงห้องด้านล่าง ในการซ่อมบำรุงท่อจะสามารถแก้ไขได้จากในห้องโดยไม่ต้องไปรื้อฝ้าเพดานของห้องข้างล่าง สิ่งเหล่านี้คือมาตรฐานวัสดุใหม่ที่จะใส่เข้าไปในทุกโครงการจาก GRAND UNITY   อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าโครงการนี้มีอาคารจอดรถแยกออกจากตัวอาคารพักอาศัยจึงทำให้ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 27 มีจำนวน 34-36 ยูนิต/ชั้น ส่วนชั้น 28 จะเป็น Facilities ที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้สำหรับผู้พักอาศัย มีลิฟท์โดยสารถึง 5 ตัว และลิฟท์เซอร์วิส 1 ตัว ระบบล็อคชั้นจากแบรนด์ Mitsubishi บันไดหนีไฟ 3 จุด ทั้ง 2 ฝั่งอาคารกับกลางอาคาร และลิฟท์โดยสารที่อาคารจอดรถอีก 2 ตัว   Floor Plan   Master Plan จะเห็นได้ว่าที่ดินมีลักษณะหน้าแคบ แต่ลึกเข้าไปคล้ายรูปตัว L หน้าโครงการติดริมถนนใหญ่ทางทิศตะวันออก มีทางออกหลังโครงการทางทิศเหนือไปออกถนนเลียบคลองบางเขน ขวามือเป็นตัว Sale Gallery ณ ปัจจุบันที่ในอนาคตจะทำเป็น Shop ต่อด้วยตัวอาคารพักอาศัยที่วางตามแนวที่ดิน และอาคารจอดรถอยู่ด้านท้ายสุดของที่ดิน สวนสีเขียวที่เป็นจุดใหญ่ทั้ง 2 ส่วนถูกเชื่อมต่อกัน Floor Plan ชั้นพักอาศัย ให้ลิฟท์มามากถึง 5 ตัว + ลิฟท์เซอร์วิช 1 ตัว ถือเป็นโครงการที่ให้จำนวนมาเยอะ ไม่ต้องกังวลช่วงเวลาเร่งด่วนจะรอลิฟท์นานเกินไป Floor Plan ชั้น 28 ซึ่งเป็น Facilities ชั้นไฮไลท์ของโครงการ     Unit Room   STUDIO 21.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.05 ล้านบาท 1 Bedroom 26.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท 1 Bedroom Plus 31.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.95 ล้านบาท 1 Bedroom Suite A 34.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.25 ล้านบาท 1 Bedroom Suite B 33.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.25 ล้านบาท 2 Bedroom 60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.39 ล้านบาท   Facilities เรื่องของรายละเอียดไม่ใช่เพียงเรื่องการใช้วัสดุเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการออกแบบ Facilities เพื่อสนองต่อทุกไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย โดยจะแบ่งออกเป็น 2 โซน เริ่มจากพื้นที่สีเขียวชั้นล่างรวมแล้ว 2,200 ตร.ม. จากหน้าโครงการแล้วเชื่อมต่อไปถึงตรงกลางระหว่างอาคารพักอาศัยกับอาคารจอดรถ และส่วนล็อบบี้รูปทรงตัว L พื้นที่ประมาณ 410 ตร.ม.   ส่วนกลางอีกโซนคือดาดฟ้าชั้น 28 ชั้นสูงสุดของอาคารประกอบไปดด้วย สระว่ายน้ำขนาด 4X25 เมตร ลึก 1.2 เมตร แยกส่วนสระเด็กขนาด 5X4 เมตร ลึก 30 เมตร ถูกวางไว้มุมด้านหน้าโครงการ SKY FITNESS ห้องออกกำลังกายขนาด 185 ตร.ม. ที่มีกระจกสูงล้อมรอบทั้งหมด SKY GARDEN สวนชั้นดาดฟ้ามีพื้นที่รวม 305 ตร.ม. พื้นที่ SKY LOUNGE ห้องรับรองชั้นดาดฟ้า พื้นที่ประมาณ 143 ตร.ม. และ Co-Working Space พื้นที่ 97 ตร.ม. ได้ความเป็นส่วนตัวในช่วงเวลาพักผ่อน ไปพร้อมๆ กับชมวิวเมืองด้านนอกที่มีความเคลื่อนไหวอย่างไม่เคยหยุดนิ่งไปด้วย   ทำเล CIELA Sripatum พื้นที่โครงการตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธินฝั่งขาออกตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม อีกทั้งยังใกล้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน สิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อมมากมายตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่างเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว, เมเจอร์ รัชโยธิน, อเวนิว รัชโยธิน, เซ็นทรัลรามอินทรา ไปจนถึงแถวเสนานิคม (ซ.พหลโยธิน 32) ที่มากมายไปด้วย Street Food ตลอดเส้นทางซึ่งสามารถไปทะลุออกวังหิน-โชคชัย 4 แหล่งของกินอร่อยๆ ราคาไม่แพง รวมถึงไม่ไกลจากโรงพยาบาลชื่อดังทั้งรัฐบาล-เอกชน เช่น โรงพยาบาลวิภาวิดี, โรงพยาบาลเปาโล เกษตร, โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เป็นต้น   การเดินทางจากโครงการด้วยระบบขนส่งสาธารณะคือรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ ซึ่งตัวโครงการจะอยู่ห่างจากสถานี BTS ศรีปทุมเพียง 12 เมตร เมื่อเปิดให้บริการเมื่อไรจะใช้เวลาเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองตรงเข้าสยามประมาณ 30 นาทีเท่านั้น และห่างจากสถานีที่เป็น Interchange กับสายสีน้ำเงิน บางซื่อ-หัวลำโพง สถานีพหลโยธินประมาณ 6 สถานี, สายสีชมพูแคราย-มีนบุรี บริเวณวงเวียนหลักสี่ประมาณ 2 สถานี และสายสีน้ำตาลแคราย-บึงกุ่ม บริเวณแยกเกษตรประมาณ 2 สถานีเช่นกัน ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ง่ายกว่าที่คิดมาก เพราะทางด้านหลังโครงการมีทางออกสู่ถนนเลียบคลองบางเขน (หรือเข้าทางปากซอยพหลโยธิน 49/1) ที่สามารถใช้เป็นเส้นทางลัดทะลุออกถนนวิภาวดี แล้วไปขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข (โทลเวย์) ได้เลย     ที่ดินริมถนนพหลโยธินในย่านนี้ตั้งแต่ช่วงสี่แยกเกษตรไปจนเชื่อมต่อกับสุดถนนวิภาวดีรังสิตบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ส่วนมากเป็นที่ดินของราชการไม่ว่าจะเป็นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (สำนักงานใหญ่) กรมป่าไม้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ทหารบก ทหารอากาศ ฯลฯ นั่นหมายความว่าทำเลติดรถไฟฟ้าช่วงนี้ค่อนข้างหายาก และมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเมื่อเทียบกับย่านที่มีผู้คนทั่วไปอาศัยอยู่อย่างแน่นขนัด ซึ่งในกรุงเทพฯ โซนเหนือบริเวณนี้ถือเป็นทำเลสำคัญแห่งอนาคตที่จะทำให้กรุงเทพฯ ดูเป็นเมืองศิวิไลซ์ได้ไม่ยากทั้งสถานีกลางบางซื่อจุดศูนย์รวมคมนาคมระบบรางที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน สายสีน้ำเงิน สายสีเขียว สายสีแดงเข้มที่ในอนาคตจะเชื่อมตั้งแต่สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา เชื่อมต่อไว้ด้วยสายเดียวกัน ทั้งหมดพร้อมเปิดใช้บริการประมาณปี 2563 รวมถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูงทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ และยังเป็นทั้งโรงแรม ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร รวมไว้อยู่ในที่เดียวอย่างครบวงจร ย่านนี้จึงถือได้ว่ามีการลงทุนจากทางภาครัฐสูงสุดของกรุงเทพฯ   สรุปว่าในแง่ของทำเลแล้วคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากก็เชื่อว่าทุกคนก็รับรู้ถึงศักยภาพที่มีอย่างเต็มเปี่ยมของย่านนี้ที่กำลังจะกลายเป็น New CBD แห่งใหม่ในอนาคตอย่างแน่นอน     ชมห้องตัวอย่าง โครงการนี้จะได้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Fitted ซึ่งสิ่งที่ทุกห้องจะได้มาเหมือนกัน คือ ตู้รองเท้า, ตู้เสื้อผ้า, ชุดครัว + HOB + HOOD, ผ้าม่าน ส่วนเครื่องปรับอากาศก็มีให้เช่นกันค่ะ แต่จะแยกออกเป็น Type ห้องได้ดังนี้ STUDIO 21.5 ตร.ม. ได้เครื่องปรับอากาศ 1 เครื่อง 1 Bedroom 26.5 ตร.ม. ได้เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง 1 Bedroom Plus 31.5 ตร.ม. ได้เครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง 1 Bedroom Suite A&B 33.5-34.5 ตร.ม. ได้เครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง 2 Bedroom 60 ตร.ม. ได้เครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง   ก่อนอื่นเราเข้าไปดูภายใน Sale Gallery กันก่อนค่ะ ภายในตกแต่งด้วยวัสดุกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสีขาว ตัดกับสีดำบางส่วน เพดานสูงโปร่ง ดูแล้วโล่ง ให้ความรู้สึกสบายๆ แต่แฝงความหรูหราเอาไว้ด้วย เข้ากับคอนเซ็ปต์ Contemporary ที่วางเอาไว้ ซึ่งมีห้องตัวอย่างอยู่ 2 ขนาดด้วยกันค่ะ ห้องตัวอย่างแรก 1 Bedroom 26.5 ตร.ม. เป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการ เมื่อเปิดห้องออกมาโซนแรกเราจะพบกับห้องนั่งเล่นค่ะ ความสูงจากพื้นถึงเพดาน 2.6 เมตร ปูพื้นด้วยลามิเนต ใช้ไฟแบบ Downlight ส่วนฝั่งซ้ายจะมีตู้เก็บรองเท้าทรงสูงใช้ลามิเนตเป็นวัสดุปิดผิว ต่อด้วยพื้นที่สำหรับวางเคาน์เตอร์ทีวีขนาดกลาง ฝั่งขวามือเป็นพื้นที่สำหรับวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง ต่อจากพื้นที่ห้องนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจก Laminated Glass แบบบานเลื่อน 3 ตอน ขนาดสูงชิดเพดาน ขอบอลูมิเนียมสีดำ ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้กลางห้องได้ โดยยังเหลือพื้นที่ทางเดินทั้ง 2 ข้างของเตียงพร้อมโต๊ะเล็กตรงหัวเตียง ข้างเตียงใช้หน้าต่างกระจก Laminated Glass บานใหญ่ แบบเปิดบานกระทุ้งได้ 1 บาน มาพร้อมกับผ้าม่านที่ทางโครงการให้มาด้วยเลยค่ะ ปลายเตียงเราจะได้ตู้เสื้อผ้าที่มีหน้าบานกระจก Tempered Glass และยังเหลือพื้นที่สำหรับวางชั้นหนังสือ โต๊ะทำงานขนาดเล็ก หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้ค่ะ ระหว่างห้องนอนกับเคาน์เตอร์วางทีวีจะกั้นอีกโซนของห้องด้วยบานประตูค่ะ โซนถัดมาของห้องจะเป็นห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงค่ะ โดยเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับห้องครัวก่อน ความสูงในห้องครัวจากพื้นถึงเพดานสูง 2.45 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค Top ครัวใช้วัสดุหินสังเคราะห์สีขาว ส่วนตู้เก็บทั้งด้านบนและด้านล่างปิดผิวด้วยลามิเนต เคาน์เตอร์ครัววางแบบ One Wall Kitchen เหลือช่องว่างสำหรับเป็นพื้นที่วางตู้เย็นไว้ด้านในสุดข้างประตูกระจก มีซิงค์ล้างจาน พร้อมเครื่องดูดครัว และเตาไฟฟ้า 2 หัวมาให้ด้วยค่ะ เชื่อมต่อด้วยระเบียงห้อง กั้นด้วยประตูกระจก Laminated Glass บานเลื่อนขอบอลูมิเนียมสีดำ ระเบียงห้องถูกกั้นด้วยกริลอลูมิเนียมสีดำ ด้วยบังสายตาจากด้านนอกเพิ่มความเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังช่วยป้องกันของตกลงไปด้านล่าง ส่วน Condensing Unit หันหน้าออกนอกตัวอาคาร และพื้นที่ใต้ Condensing Unit มีท่อน้ำเอาไว้ให้สำหรับวางเครื่องซักผ้า สุดท้ายที่ห้องน้ำค่ะ ความสูงจากพื้นถึงเพดาน 2.3 เมตร พื้นและพนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิคลายหินอ่อน อ่างล้างหน้าใช้แบบแขวนผนัง แยกโซนเปียก-แห้งออกจากกัน ส่วนโซนเปียกมีการเจาะผนังเป็น 2 ช่อง สำหรับวางของใช้ในห้องน้ำ ห้องตัวอย่างสุดท้าย 1 Bedroom Plus 31.5 ตร.ม. ห้องนั่งเล่นเป็นโซนแรกของห้องค่ะ ความสูงจากพื้นถึงเพดาน 2.6 เมตร ปูพื้นด้วยลามิเนต ใช้ไฟแบบ Downlight ซ้ายมือมีพื้นที่สำหรับวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางค่ะ ถ้าวางโซฟาขนาดเล็กลงมาหน่อยก็จะเหลือพื้นที่เอาไว้วางชั้นวางของ หรือโต๊ะทำงานก็ได้ด้วย ฝั่งตรงข้ามโซฟาสามารถวางเคาน์เตอร์วางทีวีเอาไว้ข้างๆ ตู้เก็บรองเท้าทรงสูงที่มุมกำแพงได้ ต่อจากห้องนั่งเล่นเข้ามาดูในห้องนอนกันต่อค่ะ ซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้าหน้าบานกระจก Tempered Glass สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตถัดจากตู้เสื้อผ้า อีกข้างของเตียงยังพอเหลือพื้นที่ให้เดินได้ค่ะ หน้าต่างใช้กระจก Laminated Glass ขอบอลูมิเนียมสีดำ สามารถเปิดบานกระทุ้งได้ 1 บาน มาพร้อมกับผ้าม่าน ต่อไปออกไปดูอีกโซนของห้องกันค่ะ อีกโซนของห้องมีช่องประตูตรงหลังเคาน์เตอร์วางทีวีในห้องนั่งเล่นค่ะ จะมีห้องครัว ห้องน้ำ ห้องอเนกประสงค์ และระเบียง ห้องครัวมีความสูงจากพื้นถึงเพดาน 2.45 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค Top ครัวใช้วัสดุหินสังเคราะห์สีขาว ตู้เก็บทั้งด้านบนและด้านล่างปิดผิวด้วยลามิเนต มีซิงค์ล้างจาน เครื่องดูดควัน และเตาไฟฟ้า 2 หัว ทั้งหมดนี้จะได้ไปทั้งชุดเลยค่ะ มองมุมนี้เราจะเห็นว่ามีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นเอาไว้ฝั่งตรงข้ามกับห้องครัว และด้านขวาของห้องครัวเป็นห้องน้ำค่ะ ภายในห้องน้ำมีความสูงจากพื้นถึงเพดาน 2.3 เมตร พื้นและพนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิคลายหินอ่อน แยกพื้นที่ส่วนเปียก-แห้ง ในส่วนเปียกมีการเจาะผนังเป็น 2 ช่องสำหรับวางของใช้ภายในห้องน้ำ ออกจากห้องน้ำไปที่ห้องสุดท้ายฝั่งตรงข้ามกันค่ะ เป็นห้องอเนกประสงค์ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบเปิดได้ทั้ง 2 ข้าง ภายในห้องอเนกประสงค์เราสามารถดัดแปลงได้หลากหลายการใช้งานไม่ว่าจะเป็นห้องแต่งตัว ห้องทำงาน หรือห้องนอนที่ 2 ก็ได้ค่ะ ห้องนี้จะเชื่อมต่อกับระเบียงห้อง กั้นด้วยกระจก Laminated Glass บานเลื่อน 2 ตอน พร้อมผ้าม่าน สุดท้ายที่ระเบียงห้องค่ะ กั้นด้วยกริลอลูมิเนียมโปร่งสีดำ ส่วน Condensing Unit หันหน้าออกนอกตัวอาคาร และพื้นที่ใต้ Condensing Unit มีท่อน้ำเอาไว้ให้สำหรับวางเครื่องซักผ้า ความโดดเด่นของโครงการนี้ อย่างแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องทำเลที่ว่ากันว่าจะเป็น New CBD แห่งอนาคตไปอย่างไร้ข้อกังขา ด้วยการมาของคมนาคมสำคัญที่จะกลายเป็นการเดินทางหลักให้กับคนกรุงเทพฯ ได้ดียิ่งขึ้น หรือแม้แต่เส้นทางลัดเลาะเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติด และช่วยย่นระยะทางไปสู่อีกถนนสายหลักและยังขึ้นทางด่วนได้ง่ายดาย ประกอบกับการสร้างมาตรฐานใหม่ที่ดียิ่งขึ้นจาก GRAND UNITY สะท้อนออกมาให้เห็นผ่านจากวัสดุคุณภาพและการออกแบบเพื่อตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยจริงได้เป็นอย่างดี เปิดจองโครงการอย่างเป็นทางการวันที่ 10 มีนาคม 2561 ลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดสูงสุด 250,000 บาท >>> https://goo.gl/x1KpeQ โทร. 02 652 4000