Tag : รีวิวคอนโดติดรถไฟฟ้า

69 ผลลัพธ์
DECO @ Bearing Condominium คอนโดทำเลดี ใกล้ BTS แบริ่ง : รีวิวคอนโด

DECO @ Bearing Condominium คอนโดทำเลดี ใกล้ BTS แบริ่ง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งหลายคนก็มักจะมองหาโครงการที่อยู่ติด หรือใกล้รถไฟฟ้าเป็นอันดับแรกๆ โดยยอมแลกกับราคาห้องที่สูงหน่อยเนื่องจากการเดินทางสะดวก แต่สำหรับโครงการ “Deco Condominium” ที่เราจะพาไปดูในครั้งนี้ เปิดราคาเริ่มต้นมาที่ 1.2 ล้านบาทเท่านั้น แถมยังอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าแบริ่งเพียง 300 เมตรเอง ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าโครงการนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง Deco Condominium เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ในซอยสุขุมวิท 70/5 ค่ะ ซึ่งมีทั้งหมดด้วยกัน 4 อาคาร ถึงจะเป็นโครงการที่อยู่เข้ามาในซอย แต่ก็เป็นซอยที่เชื่อมต่อไปออกถนนทางรถไฟสายเก่า และถนนสรรพวุธได้นะคะ จึงไม่แปลกใจเลยที่ถนนในซอยนี้มีรถผ่านเข้าออกเป็นจำนวนมาก ถ้าหากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก พอลงจากสถานีแบริ่งก็ถึงปากซอยสุขุมวิท 70/5 เลยค่ะ หน้าปากซอยสังเกตุเห็นง่าย เพราะมีปั๊มน้ำมันเอสโซ่ และ 7-11 แถมด้วยวินมอเตอร์ไซค์ ถ้าวันไหนขี้เกียจเดิน ก็เรียกใช้บริการพี่วินต่อเข้าซอยได้ทันที  หรือถ้าจะเดินก็ได้เช่นกันค่ะ เพราะระยะทางแค่ 300 เมตรจัดว่าเดินได้สบายอยู่แล้ว เพียงแต่ถนนในซอยต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินนิดนึงนะคะ พื้นที่ในบริเวณใกล้ๆ โครงการ เป็นแหล่งชุมชน ที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อหาได้ไม่ยากค่ะ ลึกเข้าไปในซอยสุขุมวิท 70/5 ยังมีตลาดชุมชน เป็นแหล่งพึ่งพาได้ดีทีเดียว หรือถ้าข้ามมาฝั่งซอยแบริ่ง (สุขุมวิท 107) ก็จะมีทั้ง Community Mall แผงลอยขายอาหารอีกเพียบเลย สภาพแวดล้อมจัดว่าอุดมสมบูรณ์ เลยขึ้นไปยังมีตลาดสำโรง, ห้าง Big C ในขณะที่ขึ้นไปทางด้านถนนบางนาตราด ก็มีทั้ง Bitec บางนา ที่มี Event แทบทุกวัน รวมถึงห้างใหญ่อย่าง Central บางนา ก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินไปค่ะ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ นอกเหนือจากเรื่องแหล่งช๊อปปิ้ง ที่พึ่งพาเรื่องปากท้องแล้ว รอบๆ โครงการยังมีสาธารณูปโภคต่างๆ แวดล้อมอยู่ครบถ้วนดีทีเดียว ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล แหล่งงาน การค้าธุรกิจ โดยเฉพาะย่านอุตสาหกรรมบนถนนปู่เจ้าสมิงพราย ก็ถือเป็นแหล่งงานที่สำคัญแห่งหนึ่งของย่านนี้เลยค่ะ ดังนั้นคนที่ทำงานในย่านนี้อยู่แล้วจึงให้ความสนใจกับโครงการ Deco Condominium ไม่น้อย หรือในแง่ของการซื้อไว้สำหรับปล่อยเช่า ก็น่าพิจารณาไว้เหมือนกันนะคะ   Deco Condominium   โครงการ Deco Condominium จัดว่าเป็นคอนโดมิเนียมในราคาประหยัด ทุกคนสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้โดยง่ายค่ะ ใครจะเชื่อว่าโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้าขนาดนี้จะเปิดราคามาที่ 1.2 ล้านบาทเท่านั้น แต่หนึ่งเหตุผลที่ทางโครงการทำราคาได้ดึงดูดใจขนาดนี้ก็คือ การจัด Facility ส่วนกลางไว้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนไหนที่ลูกบ้านไม่ค่อยได้ใช้ หรือใช้ได้ไม่คุ้มค่าก็ลดส่วนนี้ลง ค่าส่วนกลางที่ลูกบ้านจะต้องจ่ายก็ถูกลงไปด้วยเช่นกัน โดย Facility หลักๆ ที่ทางโครงการจัดไว้ให้ก็คือ Private Garden Sky และ Fitness ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 2 แปลนนี้จะเป็นของชั้น 2-6 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ย 12 ยูนิตต่อชั้น ชั้น 7 จำนวนยูนิตจะลดลงเหลือ 11 ยูนิต เนื่องจากมีห้อง 2 ห้องนอนเพิ่มขึ้นมา ชั้น 8 จะเป็นชั้นสูงสุดของโครงการ จำนวนยูนิตจะลดลงเหลือเพียง 8 ยูนิต เพราะจะมีสวนลอยฟ้าแทรกอยู่ด้วย สวนลอยฟ้าบนชั้น 8 ของโครงการ   เปิดห้องตัวอย่าง สำหรับห้องพักอาศัยของ Deco Condominium มีให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ นั่นคือ Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedroom โดยห้องตัวอย่างที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้เราชมนั้นเป็นห้อง Type ที่มีเยอะที่สุด นั่นคือห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.19 ตร.ม. แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 26.19 ตารางเมตร มีแปลนห้องแบบ 3 มิติ ให้ดูด้วยนะคะ เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจมากยิ่งขึ้น ภายในห้องถูกออกแบบมาให้สามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ได้สูงสุด เปิดประตูห้องเข้ามาก็จะเจอกับส่วนของพื้นที่นั่งเล่น วางชุดโซฟา และโต๊ะกินข้าวเล็กๆ ได้ค่อนข้างพอดีเลยค่ะ ในขณะที่พื้นที่ห้องนอนก็จัดไว้เป็นสัดส่วน กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเรียบร้อย เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนนะคะ โครงการวางโซฟา 2 ที่นั่ง ติดกับโต๊ะทานอาหารมาให้ดูเป็นตัวอย่าง อีกด้านจะเป็นชั้นวางทีวี ตรงนี้โครงการไม่ได้ให้มาด้วยนะคะ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอน กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ด้านในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง วางเตียงลงไปแล้วยังมีพื้นที่ข้างเตียงเหลืออีกนิดหน่อย ให้วางโคมไฟหรือโต๊ะข้างเตียงได้ ด้านปลายเตียงจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงาน แบบในห้องตัวอย่าง แอร์จะแขวนอยู่ปลายเตียง จากห้องนอนเข้าไปด้านในอีก จะเป็นส่วนของครัวแบบเปิด เคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาด้วย แบบนี้เลยนะคะ มีซิ้งค์ล้างจานและพื้นที่เตรียมอาหาร ติดกับส่วนครัวจะเป็นพื้นที่โล่ง ก่อนจะออกไปที่ระเบียง ตรงนี้เหมาะกับการวางโต๊ะทานอาหาร อาจจะย้ายโต๊ะทานอาหารตรง Living Area มาวางไว้ตรงนี้ ก็จะได้พื้นที่วางโซฟาใน Living Area เพิ่มขึ้นอีกนะคะ ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่จะค่อนข้างกว้างเลยนะคะ ห้องน้ำจะอยู่ติดกับครัวอีกด้าน การจัดการ Layout ในห้องน้ำ สุขภัณฑ์จะใช้ของ Cotto นะคะ อย่างอ่างล้างหน้าอันนี้ มาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว และชั้นวางของอีกนิดหน่อย โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ติดกัน ด้านในสุดจะเป็น Shower Box โครงการติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้เป็นบานเลื่อน 2 ตอน ห้องที่ทางโครงการขายให้ จะเป็นห้องพร้อมชุดครัวและสุขภัณฑ์เท่านั้นนะคะ แต่ถ้าห้องแบบ 1 Bedroom ยังไม่ถูกใจ ห้องแบบ 2 Bedroom อาจจะเป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่เพิ่งจะสร้างครอบครัวค่ะ หรือถ้าคิดจะลงทุนไว้สำหรับปล่อยเช่า ห้อง 1 Bedroom หรือ Studio ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ ราคาเปิดตัวมาไม่แรง ตกแต่งห้องให้น่าอยู่ซักหน่อย น่าจะหาผู้เช่าได้ไม่ยากเกินไปนัก เพราะอย่างที่บอกว่า ทำเลของโครงการไม่ได้ไกลจากแหล่งงานอุสาหกรรมเลย โอกาสที่จะมีผู้เช่าอย่างต่อเนื่องจึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว สำหรับใครที่สนใจอยากเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่าง หรือดูโครงการจริง ก็สามารถแวะไปที่ Sale Gallery ในซอยสุขุมวิท 70/5 ได้ หรือจะดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.decocondo.com
The Bangkok Thonglor เปิดห้องตัวอย่างครั้งแรก!!!! : รีวิวคอนโด

The Bangkok Thonglor เปิดห้องตัวอย่างครั้งแรก!!!! : รีวิวคอนโด

The Bangkok Thonglor อีกหนึ่งโครงการที่ถูกจับตามอง และได้รับความสนใจมากที่สุดในทำเล “ทองหล่อ” ตั้งแต่มีข่าวว่า Land & Houses ได้ที่ดินสวยต้นซอยทองหล่อ เพื่อขึ้นคอนโดสุดหรู หลายๆ คนก็คอยตามข่าวความคืบหน้ามาเรื่อยๆ มีทั้งข่าวหลุด ภาพหลุด ข้อมูลหลุดมาให้ได้เห็นกันเป็นระยะ และสุดท้ายก็มีข้อมูลจากทางโครงการออกมาให้เห็น ทั้งรูป Perspective และข้อมูลโครงการ รวมถึงแปลนห้องก็มีให้เห็นมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่วันนี้เราจะพาทุกคนไปเปิดห้องตัวอย่างของโครงการเป็นครั้งแรก!! จากปากซอยทองหล่อเข้ามาเพียง 300 เมตร บริเวณหัวมุมปากซอยทองหล่อ 1 ก็จะเห็นพื้นที่โครงการ The Bangkok Thonglor อยู่ตรงหน้าพอดี ซึ่งบริเวณช่วงต้นๆ ของซอยทองหล่อ จะค่อนข้างเหมาะกับการอยู่อาศัยนะคะ เนื่องจากไม่ค่อยพลุกพล่านด้วย Community Mall ร้านอาหาร สถานที่ Hangout ยามค่ำคืน เหมือนช่วงกลางซอย อีกอย่างการเดินทางก็สะดวก เพราะอยู่ใกล้กับถนนสุขุมวิท อยากขึ้นรถไฟฟ้าก็อยู่ในระยะเดินได้สบายๆ ค่ะ ในขณะที่ถ้าใช้รถส่วนตัวสะดวกมากเช่นกัน ซอยทองหล่อ 1 เชื่อมไปออกซอยสุขุมวิท 53 ได้ รวมถึงซอยย่อยอื่นๆ ในซอยทองหล่อก็เชื่อมกับซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) ได้อีกเช่นกัน อันที่จริงเรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการ แทบจะไม่ต้องพูดอะไรให้มากแล้ว เพราะใครๆ ก็คงรู้จัดซอยทองหล่อดี เอาเป็นว่า เราขอข้ามไปดูที่ตัวโครงการกันเลยดีกว่าค่ะ Timeless Designs The Bangkok Thonglor ได้รับการออกแบบตัวอาคารให้มีดีไซน์เรียบหรู สวยงาม เหนือกาลเวลา (Timeless Designs) ภายนอกตกแต่งตัวกระจกเรียบไร้กรอบทั้งหมด ประกอบกับ Façade กระจกตัดแต่งเหลี่ยมมุมคล้ายกับแท่งคริสตัล รูปแบบอาคารจึงดูแพงมาก หลังจากที่โครงการสร้างเสร็จ ตึกนี้จะกลายเป็น Landmark ที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของทองหล่อเลยทีเดียวค่ะ The Bangkok Thonglor มีจำนวนยูนิตเพียง 148 ยูนิตเท่านั้น จัดว่าน้อยมากๆ สำหรับอาคารสูง 31 ชั้น ในขณะที่พื้นที่จอดรถมีมากถึง 120% แถมยังเป็นแบบ Auto Parking เพิ่มความสะดวกสบาย ให้กับลูกบ้านแบบสุดๆ กันไปเลย Top Triple Floor พื้นที่ส่วนกลางของ The Bangkok Thonglor ทางโครงการจัดไว้ในส่วนที่ดีที่สุด นั่นคือ บริเวณ 3 ชั้นบนสุดของตัวอาคาร เพื่อให้ลูกบ้านทุกคนได้ใช้ Facility ทั้งหมดได้อย่างเต็มที่ เริ่มกันที่ชั้น 28 ซึ่งแบ่งเป็นพื้นที่ของ Sky Reading Lounge, Sky Fitness และ Upper Sky Terrace Sky Reading Lounge Upper Sky Terrace ขยับขึ้นมาที่ชั้น 29 ก็จะได้สัมผัสกับ Sky Japanese Onsen ชนิดที่เรียกว่า เต็มพื้นที่ทั้งชั้นกันไปเลย โดยจัดแบ่งโซนแยกชาย หญิง ไว้เรียบร้อยค่ะ ลองจินตนาการถึงการแช่บ่อน้ำร้อน Onsen ท่ามกลาง Sky View ที่เปิดโล่งมองเห็นดวงไฟระยิบระยับกับวิวท้องฟ้าในยามเย็น ก็เกินบรรยายได้แล้วค่ะ และจุดที่ Peak ที่สุดของโครงการนั่นคือ ตำแหน่ง Top of The Crown บนชั้น 31 ซึ่งเป็นพื้นที่ของ 360 Degree Rooftop Swimming Pool ใครจะเชื่อว่ายอดอาคารแห่งนี้จะถูกเนรมิตให้เป็นสระว่ายน้ำทั้งหมด เราเชื่อว่าน่าจะเป็นประสบการณ์ขั้นสุด ที่หาที่ไหนเทียบได้ยากมากๆ เพราะมันคงเหมือนเราได้แหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้าแน่ๆ ว่ายไปทางไหนก็เจอ Top View แบบ 360 องศา ไร้สิ่งกีดขวาง บดบังสายตา เป็นใครก็คงอยากจะขึ้นมาสัมผัสด้วยตัวเองซักครั้ง บรรยากาศของสระว่ายน้ำบนชั้นที่สูงที่สุดของโครงการ นอกเหนือจาก Facility เด่นๆ ที่เรายกตัวอย่างมา พื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการ The Bangkok Thonglor ยังไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะยังมี Lobby Lounge สุดหรู ซึ่งการตกแต่ง และรายละเอียดน่าจะเทียบได้กับโรงแรมหรูระดับ 6 ดาวเลยทีเดียว ในขณะที่ยังคงมีพื้นที่สวนที่บริเวณชั้น 1 และ Pocket Garden บนชั้น 22 อีกด้วย   เปิดประตูห้องตัวอย่าง The Bangkok Thonglor ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนในการพักผ่อนมากๆ ดังนั้นจึงออกแบบให้มียูนิตเฉลี่ยต่อชั้นเพียง 7 ยูนิตเท่านั้น โดยคำนึงถึงรายละเอียด ฟังก์ชันภายในห้องพักอาศัยแบบสูงสุด นอกจากการคัดสรรวัสดุระดับพรีเมี่ยมแล้ว พื้นที่ใช้สอยภายในห้องก็กว้างขวาง ด้วยขนาดห้องเริ่มต้นที่ 55.80 ตร.ม. (1 Bedroom) แต่ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดู เป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 84.30 ตร.ม. ค่ะ ห้อง Type นี้ จะเป็นห้องในตำแหน่งมุมอาคารเกือบทั้งหมดนะคะ ไปดูภาพห้องจริงกันเลยค่ะ ด้วยทำเล Prime Location ของกรุงเทพฯ ริมถนนทองหล่อแบบนี้  The Bangkok Thonglor จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง ทาง Land & Houses ประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 25 ล้านบาท หรือ 370,000 บาท / ตารางเมตร ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียม Luxury ในระดับเดียวกันแล้ว ถือว่าราคาไม่ได้หนีห่างกันมากเลยนะคะ.... ล่าสุดมีข่าวออกมาว่า โครงการ The Bangkok Thonglor เตรียมจะเปิด Pre-Sale วันที่ 17 มิถุนายน 2560 ที่ โรงแรม Grande Centre Point สุขุมวิท 55 แล้วค่ะ แต่ช่วงนี้ถ้าใครสนใจ อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือจะนัดหมายเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ ก็ติดต่อได้ที่ http://www.lh.co.th/condo/projects/คอนโด-The-Bangkok-Thonglor หรือ โทร. 1198
98 WIRELESS ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส : รีวิวคอนโด

98 WIRELESS ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส : รีวิวคอนโด

98 WIRELESS คอนโดมิเนียมหรูระดับซูเปอร์ลักซ์ซัวรี่บนถนนวิทยุ ทำเลทองใจกลางเมือง หนึ่งในคอนโดหรูที่แพงที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้ ด้วยตัวโครงการที่อยู่ในแหล่งธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ และใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิต เพียง 350 เมตร จึงตอบโจทย์ได้ดีกับคนที่ต้องการที่พักอาศัยที่เชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง       รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    70 ล้านบาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 580,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 25 ชั้น 1 อาคาร ที่ตั้งโครงการ    ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พื้นที่โครงการ    ประมาณ 2 ไร่ จำนวนห้อง     77 ยูนิต ที่จอดรถ    191 คัน หรือคิดเป็น 240% คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนมกราคม 2560 ค่าส่วนกลาง    150 บาท/ตารางเมตร ด้วยตัวโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุฝั่งขาเข้า ติดกับบ้านพักเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งจะห่างจาก BTS สถานีเพลินจิตเพียง 350 เมตร เท่านั้น จึงเรียกได้มาสะดวกมากๆ ในการเดินทาง และยังอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมืองอีกมากมาย   สถานที่สำคัญใกล้เคียง Park Venture Complex Central Embassy BTS เพลินจิต Central ชิดลม   ลักษณะห้องและขนาดห้อง 2 Bedrooms 3 Bathrooms ขนาด 119.75 - 143.50 ตารางเมตร 3 Bedrooms 4 Bathrooms ขนาด 237.75 - 366.25 ตารางเมตร 3 Bedrooms 4 Bathrooms Duplex ขนาด 231.50 - 245.50 ตารางเมตร Penthouse (4 Bedrooms 5 Bathrooms) Duplex ขนาด 553.25 ตารางเมตร The One (3 Bedrooms 4 Bathrooms) Duplex ขนาด 948 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก 1st Floor : The Wireless Hall (Entrance Hall & Grand Staircase) The Embassy Hall (Reception) Gampu Lounge (Lobby Lounge) Embassy Terrace (Garden Terrace) Bicycle Storage Room Driver's Lounge 2nd Floor : Stage Lounge (Business Lounge) Attache Suites (Private Meeting Room) Wittayu Tea Room 3rd Floor : Swimming Pool & Patumwan Jacuzzi Ploenjit Spa (Spa & Massage Room) The Parlour (Manicure Room) 98 Fitness (Fitness Studio Equipped By Technogym) The Play Room (Children's Playroom) The Studio (Multi-purpose Exercise Room) Steam Room Fundamental Services : On-site Concierge Service By Quintessentially Butler Service Bentley Limousine Service 24-hour Doorman 24-hour Valet Parking Service 24-hour Maintenance & Home Service Support 24-hour Security with Gated Control Additional Services (Free Apply) : Housekeeping Dry Cleaning & Laundry Services Grocery Shopping & Delivery Services สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-201-3198 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://98wireless.com/
พรีวิว Knightsbridge Prime Sathorn ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการ : รีวิวคอนโด

พรีวิว Knightsbridge Prime Sathorn ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการ : รีวิวคอนโด

ล่าสุด บริษัท ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กำลังจะเปิดโครงการน้องใหม่ล่าสุด “Knightsbridge Prime Sathorn” บนทำเลสุดฮ็อตริมถนนนราธิวาสฯ ซึ่งถือเป็นการจับทำเลใจกลางเมืองอีกแห่งที่น่าจับตามองมากของค่ายนี้ ถ้าใครที่ติดตามข่าวอสังหาฯ อยู่เป็นประจำ จะรู้ว่าผู้พัฒนารายนี้เริ่มขยับตัวเข้ามาเล่นตลาดคอนโดมิเนียมในเมืองมากขึ้น โดยโครงการล่าสุดที่เราจะนำข้อมูลมาเสนอให้รู้ก่อนใครในวันนี้จัดเป็นแบรนด์ตัวท็อปของออริจิ้นกันเลยทีเดียว รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,200,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 150,000 บาท/ตารางเมตร เจ้าของโครงการ    บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    726 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 500 คัน (คิดเป็น 70%) เนื้อที่ทั้งหมด    2 - 3 - 68.92 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    ไตรมาสที่ 3 ปี 2017 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาสที่ 3 ปี 2019 Knightsbridge Prime Sathorn เปิดตัวมาในราคาที่น่าตกใจมากครับ ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นที่ 130,000 บาท หรือราวๆ 3 ล้านบาทสำหรับห้องขนาดเริ่มต้น!!! ซึ่งคอนโดส่วนใหญ่ที่อยู่ในย่านสาทร-สีลมจริงๆ ยังไม่มีรายไหนเปิดราคามาได้ต่ำกว่านี้ แถมทำเลที่ตั้งของโครงการก็อยู่ริมถนนใหญ่อย่าง ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ บริเวณปากซอยนราธิวาสฯ 13 ห่างจากสี่แยกสาทร-นราธิวาสที่มีรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี เพียง 650 เมตรเท่านั้น ถือว่าอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้สบายๆ ครับ ปัจจุบันยังมีสถานีรถด่วน BRT (สถานีอาคารสงเคราะห์) อยู่ติดหน้าที่ตั้งโครงการเลยด้วย แต่ต่อไปในอนาคตคาดว่าจะเปลี่ยนเป็นที่ตั้งของสถานีรถ Monorail สายสีเทา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการเดินทางของลูกบ้านให้สะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก   นอกจากนี้บริเวณที่ตั้งของโครงการ Knightsbridge Prime Sathorn ยังอยู่ในแหล่งรวมของอาคารสำนักงานเกรด A อันเป็น CBD หลักของกรุงเทพ ซึ่งมีทั้ง ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่, ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์, HSBC, Tisco, Samsung, AIA, กรุงเทพประกันภัย, CP, สถานฑูตต่างๆ และโรงแรมระดับ 5 ดาวอีกมากมาย ยังไม่นับรวมสถานศึกษา สถานพยาบาลชั้นนำอีกหลายแห่งที่รายล้อมอยู่ในย่านนี้ อาทิเช่น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน, โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก, โรงเรียนเซนโยเซฟคอนแวนต์, เตรียมอุดมศึกษา, สาธิตจุฬาฯ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพฯ, โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน, โรงพยาบาลเซนหลุยส์, โรงพยาบาล BNH, โรงพยาบาลเลิดสิน, โรงพยาบาลจุฬา ฯลฯ สำหรับแหล่งช็อปปิ้ง ร้านค้า ร้านอาหารในย่านนี้ ก็จัดว่าอุดมสมบูรณ์และมีให้เลือกมากมายในหลายระดับ เราขอยกตัวอย่างกันแบบคร่าวๆ พอนะครับ (ไม่งั้นคงต้องอาศัยพื้นที่อีกยาว) เช่น ห้างเซนทรัลพระราม 3, สีลมคอมเพล็กซ์, แมคโคร, โลตัส และแหล่งช็อปปิ้งของชาวออฟฟิศอย่าง ซอยละลายทรัพย์, ฮ่องกงพลาซ่า, ตลาดตึก ITF เป็นต้น ในขณะที่บรรดาร้านอาหารดังๆ ก็มีเยอะไม่แพ้กัน เช่น Dean & Deluca, Paul (บนตึก Empire), Rocket, Starbuck (มีสาขาแทบทุกตึกตรงแยกสาทรเลยครับ), Tenyuu Grand, Chef Man, Blue Elephent, Secret Garden, Amontre, Vertigo & Moon Bar, Nahm Restaurant, สมบูรณ์โภชนา, สามย่านซีฟู้ด, ครัวเจ๊ง้อ ฯลฯ เท่าที่ยกตัวอย่างมานี้ก็เรียกว่าครบครันมากพอที่เราแทบจะไม่ต้องขยับไปไหนไกลจากย่านนี้เลยนะครับ ทีนี้มาดูที่ตัวโครงการกันบ้างครับ Knightsbridge Prime Sathorn ออกแบบมาเป็นอาคาร High Rise 43 ชั้น แต่ความสูงเทียบเท่ากับตึกทั่วไปที่ 53 ชั้น รูปแบบอาคารถูกออกแบบมาในลักษณะตัว Z เพื่อให้ทุกห้องสามารถเปิดรับวิวได้สวยไม่แพ้กัน ทั้ง City View ด้านสาทร สีลม และวิวด้านเจริญกรุง รวมถึงวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาในบางตำแหน่งของตึก ในขณะที่พื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดมาเต็มที่ครับ บนชั้นดาดฟ้าจะมีทั้ง สระว่ายน้ำที่ยาวถึง 35 เมตร แบ่งเป็น Lap Pool และ Therapy Pool, Fitness, ห้อง Metropolitan Club และห้อง Media Club ส่วนบริเวณชั้น 1 จะแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านของโครงการครับ และเรื่องสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ที่จอดรถ ทางโครงการจัดระบบจอดรถอัจฉริยะ (Automation Parking Lots) มาให้เลยทีเดียว นับว่าอำนวยความสะดวกสบายกันให้เต็มที่มากๆ ครับ ไม่ต้องวนจอดรถให้เสียเวลา ตอนนี้คงอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยครับว่า หน้าตาของห้องแต่ละ Type จะเป็นเช่นไรบ้าง ซึ่ง Type หลักๆ จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Monoplex และ Duplex หรือก็คือห้องแบบ 1 ชั้น และ 2 ชั้นนั่นเอง รวมแล้วทั้งโครงการมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 726 ยูนิตครับ ลักษณะห้องและขนาดห้อง Type A : 1 Bedroom Plus Duplex ขนาด 44 ตารางเมตร ราคา 5.8 - 6.7 ล้านบาท Type B : 1 Bedroom Duplex ขนาด 37 ตารางเมตร ราคา 4.5 - 5.5 ล้านบาท Type C : 1 Bedroom Plus Monoplex ขนาด 30 ตารางเมตร ราคา 4.4 - 4.6 ล้านบาท Type D : 1 Bedroom Monoplex ขนาด 24 ตารางเมตร ราคา 3.2 - 3.5 ล้านบาท โดย Monoplex จะมีขนาด 24 ตร.ม. และ 30 ตร.ม. ความสูงของ Floor to Ceiling อยู่ที่ 2.6 เมตร โดย Layout ของห้องสัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยเอาไว้เป็นสัดส่วนเรียบร้อยครับ สำหรับห้องขนาด 30 ตร.ม. จะพิเศษกว่าตรงที่มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมา ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามต้องการ หรือจะจัดให้เป็นห้องนอนเล็กอีกห้องก็ได้ ส่วน Duplex ซึ่งอยู่ที่ชั้น 24-42 จะมีขนาด 37 ตร.ม. และ 44 ตร.ม. ความสูง Floor to Ceiling ประมาณ 4.4 เมตร โดดเด่นด้วยห้องหน้ากว้าง 5 เมตรเลยนะครับ ส่วนการจัดวาง Layout ของห้องก็จะให้ Common Area อยู่ในโซนชั้นล่าง และจัดให้พื้นที่ของห้องนอนไว้ที่ชั้นบน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้มากยิ่งขึ้น โดยภาพรวมของ Knightsbridge Prime Sathorn ต้องบอกว่าเป็นโครงการเด่นของ ออริจิ้น ที่น่าจับตาเลยก็ว่าได้นะครับ ทั้งการเลือกทำเลที่ตั้ง และการกำหนดกลุ่มตลาดไว้ให้อยู่ในระดับราคาที่จับต้องได้มากขึ้น ดังนั้นกลุ่มคนในระดับกลาง พนักงานออฟฟิศในระดับเมเนเจอร์ก็สามารถเอื้อมถึง กลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มคนทำงานในย่าน CBD ของสาทร-สีลม ที่อยากได้ที่พักอาศัยใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวก และมีสาธารณูปโภคครบครัน รวมถึงกลุ่มที่ชอบลงทุนในอสังหาฯ ก็คงจะเล็งที่จะจับจองไว้ปล่อยเช่าอีกเช่นกัน เนื่องจากในย่านนี้มีบริษัทใหญ่ๆ และบริษัทต่างชาติเยอะ กลุ่มผู้เช่าที่เป็นชาวต่างชาติก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าจะสร้างผลตอบแทนที่เกิดจากการเช่าได้ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งถ้าเทียบกับโครงการอื่นๆ ในระแวกเดียวกันแล้ว ต้องบอกว่า Knightbridge Prime Sathorn ทำราคาได้ถูกกว่าราคาตลาดจนน่าตกใจเลยล่ะ ส่วนใครที่สนใจโครงการนี้ และต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนเปิดขายจริงในช่วงต้นเดือนตุลาคม สามารถไปลงทะเบียนไว้ล่วงหน้าที่นี่ http://knightsbridge-sathorn.origin.co.th/Sathorn   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-030-0000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : knightsbridge-sathorn.origin.co.th/Sathorn
JW Condo@Donmuang : รีวิวคอนโด

JW Condo@Donmuang : รีวิวคอนโด

JW Condo@Donmuang คอนโด Low Rise โครงการใหม่จาก JW Real Estate บนถนนสรงประภา ตรงข้ามสนามบินดอนเมือง ใกล้รถไฟฟ้า สายสีแดง รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   1,500,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เจ. ดับบลิว. เรียลเอสเตท จำกัด ลักษณะคอนโด   Low Rise สูง 8 ชั้น  6 อาคาร จำนวนห้อง   673 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   5 - 3 - 76.3 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ที่จอดรถ   ประมาณ 300 คัน (อาคารจอดรถสูง 10 ชั้น 1 อาคาร) สถานที่สำคัญใกล้เคียง สนามบินดอนเมือง เซียร์ รังสิต IT Square ฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต เซ็นทรัล รามอินทรา เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เมืองทองธานี โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 24.10 ตารางเมตร จำนวน 12 ยูนิต 1 ห้องนอน ขนาด 37.60 - 47.70 ตารางเมตร จำนวน 42 ยูนิต 1 ห้องนอน ขนาด 35 - 37.50 ตารางเมตร จำนวน 42 ยูนิต 1 ห้องนอน ขนาด 29.60 - 37.00 ตารางเมตร จำนวน 161 ยูนิต 1 ห้องนอน ขนาด 26.20 - 35.20 ตารางเมตร จำนวน 346 ยูนิต แบบห้อง Type A แบบห้อง Type B แบบห้อง Type C แบบห้อง Type D แบบห้อง Type E สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำในร่ม Fitness สนามเด็กเล่น Free Wifi ระบบ Audio Phone สวนหย่อม ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-573-8888 , 02-573-9999 , 089-177-4444 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.jwgroupthailand.com
Artemis Sukhumvit 77 : รีวิวคอนโด

Artemis Sukhumvit 77 : รีวิวคอนโด

Artemis Sukhumvit 77 (อาร์ทิมิส สุขุมวิท 77) คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น สร้างเสร็จก่อนขาย ในซอยสุขุมวิท 77 ใกล้ BTS อ่อนนุช จาก ETCC Engineering รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น     2,000,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    เริ่มต้น 77,000 บาท เจ้าของโครงการ   CTCC Engineering Co., Ltd. ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     673 ยูนิต ร้านค้า 3 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 288 คัน คิดเป็น 40% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) พื้นที่โครงการ    3 - 3 - 53 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนสุขุมวิท 77  แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 59 ค่าส่วนกลาง    40 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง Pickadaily Bangkok บิ๊กซี อ่อนนุช เทสโก้ โลตัส สุขุมวิท 50 ซีคอน สแควร์ พาราไดซ์ พาร์ค ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.58 - 35.24 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 45.07 - 53.97 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 74.11 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby ร้านค้า ที่จอดรถ สระว่ายน้ำ สวนลอยฟ้า Access Card Control CCTV รปภ. 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-730-3255 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : artemis-condo.com
Private Nirvana Residence North ‘n East : รีวิวบ้าน

Private Nirvana Residence North ‘n East : รีวิวบ้าน

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูโครงการ Private Nirvana Residence North ‘n East ในย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ (ถนนประดิษฐ์มนูธรรม) โซนด้านหลัง CDC เลยครับ สำหรับโครงการนี้จะแบ่งออกเป็นฝั่ง North และ East นะครับ พื้นที่โครงการอยู่ติดกัน แต่แยกส่วนการดูแลออกจากกันอย่างชัดเจน โดยที่ Private Nirvana Residence North จะมีแบบบ้านเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น  ในขณะที่ Private Nirvana Residence East ที่เราจะพาไปดูกันในครั้งนี้ เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ซึ่งเราได้ข่าวว่าทางโครงการมีการปรับปรุง ปรับเปลี่ยนวัสดุกันนิดหน่อย เดี่ยวไปดูกันครับว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   North เริ่มต้น 15.50 ล้านบาท , East  เริ่มต้น 23.50 ล้านบาท เจ้าของโครงการ   Private Nirvana Co., Ltd. ลักษณะโครงการ   บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 54 ยูนิต และ 3 ชั้น จำนวน 57 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ   ซอยโยธินพัฒนา 11 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เนื้อที่ทั้งหมด   โครงการ North เนื้อที่ 12 - 2 - 96 ไร่ , East เนื้อที่ 14 - 0 - 11 ไร่ ค่าส่วนกลาง   65 บาท/ตารางวา วิธีการเดินทางไปยัง Private Nirvana การเดินทางในครั้งนี้ เราเริ่มต้นจากแยกเกษตร วิ่งมาตามถนนประเสริฐมนูกิจมาเรื่อยๆ จนถึงแยกเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ตรงแยกนี้เราเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม มุ่งหน้าไปทางลาดพร้าวอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยโยธินพัฒนาได้เลย ซึ่งจุดสังเกตุหลักๆ ตรง หน้าปากซอยคือ ห้าง Chic Republic จากนั้นก็ให้ชิดขวาสังเกตุป้าย “บ้านลาดพร้าว” ตรงด้านหลัง Chic Republic เลยครับ ซอยนี้ชื่อว่า “ซอยโยธินพัฒนา 11” เลี้ยวขวาเข้าไปอีกประมาณ  600 เมตร จะเห็นโครงการ 15 Gates ตรงนี้ก็เลี้ยวซ้ายและข้ามสะพานข้ามคลองไปอีกนิดหน่อย ก็ถึงหน้าทางเข้าโครงการ Private Nirvana Residence North ‘n East  ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือแล้วครับ ต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่าพอถึงหน้าโครงการแล้วหลายคนอาจจะงงๆ หน่อย เพราะฝั่งตรงข้ามโครงการ Private Nirvana Residence North ‘n East จะเป็นโครงการรุ่นพี่ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วชื่อโครงการ Private Nirvana Residence ตั้งอยู่ฝั่งขวามือ แต่ถ้าเรามาจากทางแยกลาดพร้าว ก็วิ่งตรงมาตามถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์) มาเรื่อยๆ พอเห็น The Crystal Park ทางซ้ายมือ ก็ชิดขวาเตรียมกลับรถมาที่ซอยหลัง Chic Republic เหมือนเดิม   การเดินทางในย่านนี้จะสะดวกมากกว่าถ้าใช้รถส่วนตัว ทั้งเรื่องเส้นทางถนนที่เชื่อมต่อกับถนนหลายสาย ทั้งลาดพร้าว-รัชดา ประเสริฐมนูกิจ-พหลโยธิน-วิภาวดี เพชรบุรี-พระราม 9 หรือวงแหวนรอบนอก-มอเตอร์เวย์  ทำให้สามารถเดินทางเข้าออกเมืองได้ง่ายหลากหลายทาง และยังมีด่านขึ้นลงทางด่วนอยู่ไม่ไกลอีกด้วย แต่สภาพการจราจรในบริเวณนี้อาจจะหนาแน่นอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็นของวันทำงาน ทั้งแยกลาดพร้าว และแยกเกษตรนวมินทร์ ที่มีปริมาณรถเยอะเป็นปกติอยู่แล้ว ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ในแถบนี้อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควรครับ ด้วยตำแหน่งที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยซึ่งถือว่าค่อนข้างเป็นส่วนตัว แต่ก็มีข้อดีในเรื่องของความเงียบสงบกว่าโครงการที่อยู่ติดถนนใหญ่   เราซูมลงมาใกล้ๆ จะเห็นว่าโครงการ Private Nirvana Residence North 'n East จะตั้งอยู่ภายในซอยโยธินพัฒนา 11 หรือซอยที่ติดกับ Chic Republic นั่นเอง เราเริ่มกันตรงถนนประดิษฐ์มนูธรรม ก่อนจะเลี้ยวเข้าถนนโยธินพัฒนาหรือซอยข้างๆ Chic Republic กันเลยนะครับ พอเลี้ยวซ้ายเข้าซอยโยธินพัฒนานิดเดียว ให้เตรียมตัวเลี้ยวขวาเข้าซอยโยธินพัฒนา 11 เลยนะครับ ปากซอยจะมีป้ายหมู่บ้านลาดพร้าวติดอยู่ สังเกตได้ไม่ยากครับ จากนั้นตรงเข้าซอยไปเรื่อยๆ เลยครับ ตรงมาเรื่อยๆ จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายนะครับ สังเกตุที่ป้ายบอกทางของโครงการ จะมีอยู่ตลอดทาง รับรองไม่หลงแน่นอนครับ เลี้ยวซ้ายมาแล้วตรงไปอีกนิดเดียวก็ถึงโครงการแล้วครับ ถึงหน้าโครงการอาจจะสับสนสักหน่อยนะครับ เพราะจะมี Private Nirvana อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งขวาจะเป็นโครงการ Private Nirvana Residence โครงการแรก ซึ่งสร้างเสร็จ และลูกบ้านเข้าอยู่เรียบร้อยแล้ว ส่วนโครงการ Private Nirvana Residence North 'n East จะอยู่ฝั่งซ้ายมือ ทางเข้าโครงการ เข้ามาแล้วจะเห็นสำนักงานขายโครงการอยู่ทางขวามือ สถานที่สำคัญใกล้เคียง CDC Chic Republic The Crystal Central Festival East Ville Crystal Park The Walk (Index Living Mall) Festival Walk Tesco Lotus Home Pro วิเคราะห์รอบโครงการ โครงการ Private Nirvana Residence North ‘n East อยู่ในบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์) ในย่านที่มี Community Mall ชิคๆ อยู่ใกล้ๆ เป็นจำนวนมาก ไล่ตั้งแต่ Chic Republic, CDC, Crystal Park, The Walk, Festival Walk, Navamin City Avenue และห้าง Central Festival East Ville ที่กำลังจะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ ซึ่งแต่ละแห่งก็มีสไตล์ร้านค้า ร้านอาหารที่ค่อนข้างแตกต่างชัดเจน นับเป็นแหล่งช็อปปิ้งหลักๆ ที่คนในย่านนี้พึ่งพาอาศัยได้หายห่วง แต่ถ้าไม่อยากออกไปไหนไกล ช่วงปากทางเข้าซอยโยธินพัฒนาก็มีซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วย เช่นเดียวกับร้านอาหารก็มีให้เลือกพอสมควร รวมถึงในย่านนี้ก็มีร้านอาหารดังอีกหลายร้านให้เลือกแทบไม่ซ้ำกันเลยทีเดียว   ทำเลในแถบนี้จะเป็นที่อยู่อาศัยในรูปแบบบ้านเดี่ยวแทบทั้งนั้น ซึ่งแต่ละโครงการก็มีขนาดใหญ่อยู่ไม่น้อยเลย ตลอดทางเข้ามาที่โครงการมีเพื่อนบ้านให้อุ่นใจเยอะมากทั้ง 15 Gates, Town X+, บ้านลาดพร้าว และ Private Nirvana Residence แต่บรรยากาศในซอยก็ไม่ได้พลุกพล่านมากนะครับ ยิ่งเข้ามาในโครงการ Private Nirvana Residence North ‘n East ด้วยแล้ว ยิ่งเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยมากๆ ซึ่งอันนี้คือข้อดีอย่างหนึ่งของโครงการที่อยู่ลึกเข้ามาในซอยแบบนี้ครับ เดี๋ยวเราไปดูที่ตัวโครงการกันเลยดีกว่า   โครงการ Private Nirvana Residence North ‘n East จะแบ่งพื้นที่ของโครงการออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ นะครับ หลังจากผ่านประตูทางเข้าโครงการมาจะเจอกับสำนักงานขายและสะพานข้ามคลองบ้านบึง จากนั้นเราก็จะเข้าสู่พื้นที่ส่วนแรก โซนนี้ในอนาคตจะเป็นพื้นที่ของ Sport Complex ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางรวม Facility หลักๆ ของโครงการทั้ง สระว่ายน้ำขนาดมาตรฐานโอลิมปิค ฟิตเนสขนาดใหญ่ สตูดิโอโยคะ ห้องแอโรบิค ห้องซาวน่า ห้องสตีม แยกชายหญิง รวมไปถึงห้องสมุด และมุมพักผ่อน โดยในส่วนของ Sport Complex ลูกบ้านทุกหลังจะได้สิทธิ์ใช้ฟรี 2 ปี หลังจากนั้นทางโครงการจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมราคาพิเศษในลักษณะ Member สำหรับลูกบ้านที่ต้องการใช้บริการต่อ ทำให้ลูกบ้านที่ไม่ต้องการ หรือไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ Sport Complex ไม่ต้องรับภาระค่าส่วนกลางตรงส่วนนี้ครับ   ถนนหลักเข้าสู่โครงการ ด้านขวามือจะเป็นสำนักงานขายโครงการ สะพานข้ามคลองบ้านบึง ก่อนเข้าสู่พื้นที่ส่วนแรกของโครงการ พอข้ามคลองบ้านบึงมา ที่เห็นพื้นที่โล่งๆ ทางขวามือจะเป็น Sport Complex ของโครงการ ถนนหลักของโครงการจะกว้าง 12 เมตร ส่วนถนนย่อยจะกว้าง 10 เมตร   พื้นที่ส่วนที่ 2 และ 3 จะเป็นโซนที่พักอาศัยครับ โดยจะแบ่งเป็น Private Nirvana Residence North และ Private Nirvana Residence Eastแต่ละส่วนจะมีประตูทางเข้า-ออกของตัวเอง และมีการแยกนิติบุคคลออกจากกันด้วยเช่นกัน ในขณะที่พื้นที่และจำนวนบ้านในแต่ละโซนก็จะต่างกันออกไปด้วยนะครับ ซึ่งจะขอแยกรายละเอียดคร่าวๆ ให้ได้เห็นกันดังนี้   Private Nirvana Residence North มีพื้นที่ทั้งหมด 12.6 ไร่ โดยแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนที่ดินขนาด 52.4-82.5 ตร.วา จำนวน 54 หลัง ซึ่งเหมาะกับครอบครัวขนาดไม่ใหญ่มากครับ มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 265 ตร.ม. แบ่งเป็น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ห้องแม่บ้าน และจอดรถได้ 2 คัน ในขณะที่ Private Nirvana Residence East มีพื้นที่ 14 ไร่ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น บนที่ดินขนาด 63.6-94.2 ตร.วา จำนวน 57 หลัง โดยมีให้เลือกทั้งแบบ 3 ห้องน 5 ห้องน้ำ หรือ 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ ซึ่งทั้ง 2 แบบ มาพร้อมกับห้องแม่บ้านและที่จอดรถ 3 คันเหมือนกันครับ อันนี้ก็จะเหมาะกับครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ด้วยพื้นที่ใช้สอยมากถึง 430 ตร.ม. เลยทีเดียว แบบบ้านทั้งฝั่ง Private Nirvana Residence North และ Private Nirvana Residence East ดูจากภายนอกจะมีความใกล้เคียงกันมาก ด้วยคอนเซปต์ในการออกแบบ “Living Along The Trees” ให้รูปแบบบ้านอิงแอบไปกับธรรมชาติ แทรกพื้นที่สีเขียวร่มรื่นในหลายๆ ส่วนของบ้าน และพื้นที่โครงการ ดีไซน์ตัวบ้านมาในสไตล์โมเดิร์น เรียบๆ ร่วมสมัย ไม่ฉูดฉาด สวยเก๋แบบดีเทลไม่ต้องเยอะ แต่ดูสวยเนี๊ยบกันอีกนานครับ ความเนี๊ยบเรียบง่ายยังขยายรวมไปถึงระบบสายไฟลงดินที่เก็บเรียบร้อยทั้งโครงการ ช่วยเพิ่มให้ทัศนียภาพรอบๆ บ้านสบายตา ไม่มีสายไฟระโยงระยางให้เกะกะสายตาครับ พาชมบ้านตัวอย่าง Private Nirvana Residence บ้านตัวอย่างที่เราเลือกมาให้ชมกันในครั้งนี้ เป็นบ้านในโซน Private Nirvana Residence East นะครับ เพราะได้ข่าวว่าทางโครงการมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมดีไซน์ วัสดุ การตกแต่ง ให้ดูทันสมัยและตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนไหนบ้างเดี๋ยวเราค่อยๆ ไล่ดูกันไปทีละส่วนพร้อมกันครับ   ก่อนอื่นต้องแจ้งให้ทราบก่อนนะครับว่าบ้านทุกหลังทางโครงการจะไม่ได้รวมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งอย่างที่เห็นในบ้านตัวอย่าง ซึ่งอันนี้ลูกบ้านสามารถตกแต่งภายในกันได้เต็มที่เลย นอกเหนือจากวัสดุ สุขภัณฑ์ สิ่งปลูกสร้างหลักๆ ที่มากับตัวบ้านแล้ว สิ่งที่ทางโครงการจะให้มาพร้อมตัวบ้านด้วยก็คือ ระบบสัญญาณกันขโมย. กล้อง CCTV 4 จุด, ประตูรั้วรีโมท, Digital Door Lock ที่ประตูหลัก, เครื่องปรับอากาศ 5 เครื่อง และเครื่องทำน้ำร้อน 3 เครื่อง ทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างคร่าวๆ เท่านั้น สเปควัสดุ อุปกรณ์คุณภาพอื่นๆ ยังมีอีกหลายรายการเลยทีเดียว   บ้านตัวอย่างหลังนี้เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาด 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ และ 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว ถ้าดูจากแปลนบ้านของ Private Nirvana จะสังเกตุได้ว่าส่วนใหญ่จะค่อนข้างเรียบง่าย เน้นไปในส่วนพื้นที่ใช้สอยให้คนในบ้านได้มีพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกัน ในขณะที่พื้นที่ส่วนตัวก็ยังคงเหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ เริ่มด้วยบริเวณชั้นล่างจะให้น้ำหนักกับ Living Area ที่เชื่อมมุมนั่งเล่นกับครัวเข้าด้วยกัน ทำให้วางโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ๆ ได้สบาย ยิ่งถ้าจะจัดปาร์ตี้เชิญเพื่อนๆ ซัก 10-15 คนก็ยังรับไหวนะครับ ตรงห้องครัวจะมีประตูเปิดออกไปที่ส่วนของครัวไทยที่อยู่ด้านหลังบ้านด้วย เวลาคุณแม่บ้านทำกับข้าวก็ไม่ต้องห่วงเรื่องกลิ่นจะรบกวนเข้าในบ้าน อีกจุดที่เราชอบมากคือ ประตูกระจกบานใหญ่ที่อยู่ด้านข้างของตัวบ้านทั้งสองด้าน ซึ่งทำให้ตัวบ้านดูโปร่งและกว้างมากขึ้นไปอีก แถมยังช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติ และวิวสีเขียวของสวนข้างบ้านได้อีกด้วย นอกจากนี้ทางโครงการยังมีการปรับพื้นที่ใช้สอยในชั้นนี้ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มห้องนอนเล็กอีกห้องพร้อมห้องน้ำในตัว สามารถใช้เป็นห้องรับรองแขก หรือจะเป็นห้องสำหรับสมาชิกในบ้านก็ได้เช่นกัน แปลนบ้านที่ชั้น 1 เราเริ่มจากด้านหน้าบ้านกันเลยนะครับ ตัวบ้านออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น เน้นความเรียบเท่ห์ไม่เหมือนใคร พื้นที่หน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 3 คัน ครอบครัวไหนที่มีรถหลายคันนี่เหมาะเลยครับ จากนั้นลองมองขึ้นไปดูที่หลังคาจะเป็นหลังคา เซรามิก เอ็กเชลล่า ของ SCG ซึ่งนำความร้อนต่ำเมื่อเทียบกับกระเบื้องหลังคาคอนกรีตทั่วไป แถมยังทำความสะอาดตัวเองได้ดี จึงทำให้สีสวยตลอดอายุการใช้งาน ลานจอดรถหน้าบ้านปูด้วยกระเบื้องตามแบบที่เห็นในบ้านตัวอย่างเลยครับ พื้นที่กว้างขวางมากพอไม่ใช้ว่าจอด 3 คันแบบเบียดๆ นะครับ ตรงบริเวณที่จอดรถจะมีห้องเก็บของ ซึ่งเป็นแบบประตูบ้านเลื่อน สามารถเก็บเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ ได้เลย ประตูห้องเก็บของเป็นบานเลื่อน พื้นที่ภายในกว้างพอที่จะเก็บข้าวของและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ได้พอสมควร ทำให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น ทางเดินเข้าบ้านปูกระเบื้องบนพื้นหญ้าและโรยหิน ก่อนถึงประตูบ้านเป็นชานพักยกพื้นสูงขึ้นมาอีกเล็กน้อย ชานพักบริเวณนี้จะปูด้วยกระเบื้องโทนสีเทา มีที่กว้างพอใช้เป็นมุมนั่งใส่รองเท้าได้สบายๆ ประตูบานหลักจะใช้แบบ Digital Door Lock ของ Samsung ทุกหลังนะครับ อันนี้เป็นสเปคที่ทางโครงการเพิ่มเข้ามาให้ทีหลัง จากที่ก่อนหน้าจะใช้เป็นคันโยกล็อคสองชั้น ประตูหลักบานนี้วัสดุเป็นอลูมิเนียม YKK AP อย่างดี มีขอบยางปิดสนิทกันทั้งฝุ่นแมลง และเสียงรบกวนได้ดีทีเดียว ตรงด้านข้างเจาะช่องแสง ทำให้โถงทางเดินบริเวณนี้มีแสงธรรมชาติช่วยส่องสว่างมากขึ้นครับ บริเวณผนังใกล้กับประตูจะมีชุดสวิชไฟ และสัญญาณกันขโมยของ DSC ติดอยู่ สะดวกมากในการตั้งสัญญาณกันขโมยก่อนออกจากบ้าน ด้านข้างประตูจะเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 ประตูที่อยู่ติดกันนั่นเป็นห้องใต้บันไดครับ ห้องใต้บันไดนอกจากจะเป็นห้องเก็บของแล้ว ยังเป็นห้องระบบไฟและกล้องวงจรปิดด้วย ซึ่งพื้นที่ภายในก็กว้างใช้ได้เลยทีเดียว Living Area โซนแรกเมื่อเดินเข้าบ้านมา วางชุดรับแขกไว้ชุดใหญ่ติดกับประตูกระจก ซึ่งเปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ทำให้มุมนี้ดูโอ่อ่าสบายตามากๆ ครับ จริงๆ พื้นที่บริเวณนี้กว้างพอจะวางชุดโซฟาขนาด 7-8 ที่ได้สบายๆ แต่ในบ้านตัวอย่างเลือกชุดที่เล็กลงมาหน่อย เพื่อให้เหมาะกับบรรยากาศสบายๆ สามารถมองเห็นสวนข้างบ้านได้ชัดเจน ส่วนพื้นบริเวณชั้นล่างจะปูด้วยกระเบื้องนำเข้าลายหินอ่อนแผ่นใหญ่ทั้งหมด Living Area บริเวณชั้นล่าง จัดแบ่งเพื่อที่ใช้สอยให้มี Dining Area เชื่อมต่อถึงกัน พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางสามารถจัดปาร์ตี้ได้สบาย พร้อมด้วย Pantry ครัวฝรั่งแบบครบชุด ในบ้านตัวอย่างเลือกวางมีโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ขนาด 6 ท่าน และ Built-in ตู้เก็บของเต็มผนังติดกับ Pantry เลย เคาน์เตอร์ครัว Built-in มาแบบจัดเต็ม เน้นโทนสีเทา-ขาวเรียบหรู มีพร้อมทั้งตู้แช่ไวน์ ไมโครเวฟ อีกด้านตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัว Built ตู้ด้านหลังแขวนทีวี เป็นอีกมุมสังสรรค์ของครอบครัว Island Counter ทำครัวขนาดใหญ่ มีพื้นที่วางข้าวของสำหรับเตรียมอาหารมากมาย ทางโครงการติด Hood ลอยดีไซน์ทันสมัย ไว้เป็นไอเดียสำหรับใครที่อยากได้ครัวเปิดกลางบ้าน ก็สามารถเก็บไว้เป็นแนวทางตกแต่งได้ Dining Area มุมนี้อยู่ติดกับประตูกระจกบานใหญ่อีกด้าน แสงธรรมชาติช่วยส่องสว่างได้เต็มที่ พื้นที่ข้างบ้านด้านที่ติดกับห้องครัว มีชานบ้านกว้างวางชุดสนามไว้นั่งเล่นจิบชาในสวนได้ หรือจะเปิดประตูกระจกออกเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดปาร์ตี้ให้กว้างขึ้นไปอีกก็ได้ ประตูกระจกบานใหญ่เต็มบาน กรอบอลูมิเนียม YKK AP แน่นหนามากๆ และถึงจะเป็นกระจกบานใหญ่แต่ก็เลื่อนได้สมู๊ทดีมาก พื้นชานบ้านด้านข้างต่ำกว่าพื้นบาน 2 ระดับ แต่ก็ไม่มากนะครับไม่ต้องกลัวเดินสะดุด ใน Living Area ทางโครงการ Built-in ตู้สูงเต็มเพดาน ซึ่งใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างทั้งเป็นตู้เก็บของ เก็บรองเท้า อีกด้านที่หันเข้าหาโต๊ะกินข้าวใช้แขวนทีวี และที่สำคัญยังทำหน้าที่เป็นเหมือผนังกั้นแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้นด้วย ด้านหลังตู้ Built-in ถูกกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น บริเวณโถงทางเดินนี้จะมีประตูออกไปยังห้องครัวไทยด้านหลังบ้าน ห้องน้ำ และห้องนอกเล็กอีกหนึ่งห้องครับ ห้องน้ำที่ชั้นล่างนี้ภายในมีกระจกบานใหญ่ อ่างล้างมือ และชุดสุขภัณฑ์ ผนังเจาะช่องหน้าต่างบานกระทุ้งให้แสงจากด้านนอกส่องสว่างได้มากขึ้น แปลนบ้านแบบใหม่ ทางโครงการจัดเพิ่มห้องนอนเล็กมาอีกหนึ่งห้องที่บริเวณชั้นล่าง ห้องนี้สามารถใช้เป็นห้องนอกแขก หรือปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงาน ห้องเอนกประสงค์อื่นๆ ก็ได้นะครับ ประตูห้องนอนเป็นบานไม้ มือจับเป็นแบบคันโยกของ Hafele ภายในห้องนอนเล็กพื้นที่ค่อนข้างกะทัดรัตอยู่สักหน่อย แต่ก็มีประตูกระจกบานใหญ่ที่เปิดออกไปยังสวนข้างบ้านได้ ทำหน้าที่ให้แสงสว่าง และช่วยให้ห้องดูสบายตามากขึ้น ภายในห้องจัดวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตไว้ได้กำลังดี ตกแต่งด้วยโทนสีอุ่นๆ ตัดกับสีเขียวจากต้นไม้ด้านนอก ทำให้ห้องน้ำน่าอยู่มากเลยทีเดียวครับ ประตูกระจกบานใหญ่สูงเต็มเพดาน เป็นบานอลูมิเนียม YKK AP เหมือนกับส่วนอื่นๆ ซึ่งเด่นในเรื่องกันน้ำ กันลม กันเสียงได้ดี ถึงจะเป็นห้องที่อยู่ด้านล่าง ก็ไม่ห้องห่วงเรื่องเสียงรบกวนครับ ด้านปลายเตียงทางโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ ไว้ แถมมีช่องหน้าต่างเล็กเพิ่มแสงสว่างให้มุมนี้ด้วย ภายในห้องนอนเล็กมีห้องน้ำในตัวด้วยนะครับ สะดวกและเป็นส่วนตัวมากๆ เลย ประตูห้องน้ำใช้เป็นกระจกบานเลื่อน พื้นห้องน้ำจะปูด้วยกระเบื้องสีเทาและดรอปพื้นต่ำลงมาจากห้องนอนเพื่อป้องกันปัญหาน้ำล้นเข้าห้อง พื้นที่ในห้องน้ำมีขนาดค่อนข้างจำกัดนะครับ ทำให้การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำต้องเรียงค่อนข้างชิดกันอย่างที่เห็น ห้องอาบน้ำกั้นกระจกเทมเปอร์ กั้นพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เหนืออ่างล้างหน้าก็มีกระจกให้บานใหญ่มาก พื้นด้านในห้องอาบน้ำดรอปต่ำลงไปอีกหนึ่งสเตปนะครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำจะล้นออกนอกห้องเวลาอาบน้ำ หน้าต่างบานกระทุ้งด้านในห้องน้ำทางโครงการเลือกใช้กระจกสีขุ่นบานใหญ่ นอกจากจะให้แสงสว่างภายในห้องน้ำได้ดีแล้ว ยังสามารถเปิดออกเพื่อช่วยระบายความอับชื้นได้อีกด้วย ส่วนประตูอีกบานที่อยู่ด้านหลังตู้ Built-in จะเป็นประตูเปิดออกไปที่ครัวไทยทางด้านหลังบ้านนะครับ เปิดประตูออกมาจะเห็นเป็นลานซักล้างและพื้นที่ครัวขนาดไม่กว้างมากนะครับ ในขณะที่ทางโครงการก็ปูพื้นกระเบื้องและเว้นพื้นที่มาให้เรียบร้อยแล้ว ด้านที่ติดกับหลังประตู เว้นช่องวางท่อไว้สำหรับเครื่องซักผ้าให้เรียบร้อย พื้นตรงนี้จะยกขึ้นมาอีกเล็กน้อย เผื่อไว้เวลาทำความสะอาดห้องครัว น้ำจะได้ไม่เลอะเทอะไปถึงด้านล่างเครื่อง อีกด้านเป็นเคาน์เตอร์ครัวขนาดไม่ใหญ่มาก มาพร้อมกับซิงค์ล้างจาน ครัวบริเวณนี้เปิดโล่งถึงด้านหลังบ้านไม่มีประตูกั้นอีกชั้นนะครับ ถัดจากบริเวณครัวไทยออกมาที่ด้านหลังของตัวบ้าน จะเป็นลานซักล้าง พื้นส่วนหนึ่งปูกระเบื้องไว้และปลูกต้นไม้ได้ยาวตลอดริมรั้วเลย หันกลับมาอีกด้านของส่วนซักล้าง ตรงนี้จะเป็นทางเข้าห้องนอนแม่บ้านและห้องน้ำ ส่วนตรงมุมรั้วจะเป็นตำแหน่งวางแท็งค์น้ำและปั๊มน้ำ ห้องน้ำแม่บ้านจะอยู่แยกออกมาจากตัวห้องนะครับ อยู่ตรงส่วนซักล้างใกล้ๆ กันนั่นแหละครับ ภายในห้องน้ำก็จะมีอ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ และฝักบัวครบชุด แต่ไม่ได้แยกส่วนแห้งส่วนเปียกให้เท่านั้นเอง ติดกับห้องน้ำ จะเป็นห้องแม่บ้าน ซึ่งอยู่บริเวณริมสุดของตัวบ้านด้านหลังเลยครับ พื้นที่ภายในขนาดกระทัดรัดครับ วางที่นอนและตู้เก็บของได้อีกหน่อย มีหน้าต่างบานเกล็ดอีกบาน ด้านล่างนี้เป็นเทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ 360 องศา ที่เรานำมาช่วยในการทำรีวิว ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพของส่วนต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น สามารถใช้เม้าส์หมุนที่ภาพไปทางซ้าย-ขวา หรือขึ้น-ลง ได้เลยนะครับ Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA บริเวณ Living Area ที่ชั้น 1 Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA                                                                                           ห้องนอนเล็กที่ชั้น 1 ในขณะที่แปลนของชั้น 2 และ 3 จะเป็นพื้นที่พักอาศัยที่เน้นความเป็นส่วนตัวขึ้นมากอีก แต่ก็ไม่ลืมพื้นที่นั่งเล่นที่สมาชิกในบ้านจะได้มาสังสรรค์ร่วมกัน โดยทางโครงการเลือกออกแบบให้ห้องนั่งเล่นของครอบครัวบริเวณชั้น 2 เป็นแบบ Double Space ที่มาพร้อมกับระเบียงรอบด้าน ซึ่งเราสามารถปลูกต้นไม้ ทำสวนเล็กๆ ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับตัวบ้าน แถมยังได้มุมพักผ่อนที่ผ่อนคลายและเป็นส่วนตัวกว่าการนั่งเล่นในสวนหน้าบ้านอีกนะครับ ในขณะที่พื้นที่ที่เหลืออีกกว่าครึ่งบนชั้นนี้ถูกตกแต่งเป็น Master Bedroom ที่จัดเต็มด้วยทุกรายละเอียดของการอยู่อาศัย ทั้งบริเวณห้องนอนขนาดใหญ่ มีมุมนั่งเล่นในห้อง Walk in Closet ขนาดใหญ่ และห้องน้ำกว้างขวางที่มาพร้อมชุดสุขภัณฑ์ที่ทันสมัยมากๆ แปลนบ้านชั้น 2 ขึ้นมาบนชั้น 2 จะเป็นโถงทางเดินไปยังส่วนต่างๆ ของชั้นนี้ครับ พื้นของชั้นบนจะปูด้วยไม้เอนจิเนียรมาตรฐานการส่งออกสวยงาม ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นให้กับตัวบ้านได้เป็นอย่างดี บนชั้น 2 มีห้องน้ำแยกออกมาให้อีกหนึ่งห้องนะครับ อยู่ใกล้ๆ กับบันไดทางขึ้นเลย ซึ่งทางโครงการก็ออกแบบให้พื้นที่ตรงนี้สามารถใช้สอยประโยชน์ได้มากขึ้น ด้วยการ Built-in Pantry เล็กๆ เพิ่มเข้ามา Pantry บริเวณหน้าห้องน้ำนี้ถูกจัดไว้เป็นอย่างดีครับ มีซิงค์ล้างจานบนเคาน์เตอร์ พร้อมด้วยตู้เก็บของทั้งด้านบนและล่าง แถมเว้นช่องไว้วางตู้เย็นมาให้แล้ว เป็นอีกหนึ่งมุมสำหรับจัดเตรียมเครื่องดื่มและของว่างเล็กๆ น้อยๆ สำหรับสมาชิกในบ้าน โดยไม่ต้องเดินกลับลงไปถึงชั้นล่างครับ ห้องน้ำที่บริเวณชั้น 2 นี้ ยังคงมีเพียงอ่างล้างหน้าและชุดสุขภัณฑ์นะครับ ไม่ได้มีส่วนอาบน้ำ เพราะเป็นห้องน้ำส่วนกลาง สำหรับสมาชิกทุกคนเวลามารวมตัวกันทำกิจกรรมที่บริเวณชั้น 2 นี้ครับ จะได้ไม่ต้องรบกวนห้องน้ำในห้องส่วนตัวของกันและกัน อ่างล้างหน้ายี่ห้อ Kohler ขนาดใหญ่ มีพื้นที่วางของด้านข้างมากขึ้น และบริเวณ top เหนืออ่างล้างหน้าเป็น Low Wall ทำเคาน์เตอร์เล็กๆ ใช้วางของได้เพิ่มมากขึ้น ใต้อ่างล้างหน้ามีลิ้นชักสำหรับเก็บข้าวของเครื่องใช้ ซึ่งน่าจะเพียงพอและช่วยให้ภายในห้องน้ำเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นด้วย เหนืออ่างล้างหน้าติดกระจกเงาบานใหญ่ ทำเป็น Light Box เพิ่มแสงสว่างและบรรยากาศไปอีกแบบ ในห้องน้ำมีระเบียงเล็กๆ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเต็มพื้นที่ นอกจากจะช่วยให้แสงธรรมชาติมากขึ้นแล้ว ยังสามารถเปิดออกไปที่ระเบียงได้ด้วยนะครับ ซึ่งทางโครงการจัดเป็นสวนเล็กๆ โรยหินกรวดสวยๆ และปลูกต้นไม้ช่วยพรางสายตาอีกชั้นหนึ่ง โซนถัดมาที่บริเวณชั้น 2 จะถูกแบ่งเป็น Living Area และ Master Bedroom ครับ ซึ่งพื้นที่สองส่วนนี้อยู่ติดกันเลย ในขณะที่ Master Bedroom ก็ยังไม่เสียความเป็นส่วนตัวไปซักนิดครับ Living Area บนชั้น 2 นี้จะกินพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งเลยนะครับ ทางโครงการจัดให้เป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยระเบียงที่จัดเป็นสวนสวยร่มรื่น อย่างที่เห็นนะครับ Living Area ใช้ประตูกระจกบานใหญ่จรดเพดานทั้ง 2 ด้าน ทำให้บริเวณนี้ได้รับแสงธรรมชาติแบบเต็มๆ ทางโครงการเลือกตกแต่งมุมนี้เป็นมุมนั่งเล่น อ่านหนังสือ พร้อมกับมุมทำงานเล็กๆ ซึ่งสมาชิกในครอบครัวจะได้ทำกิจกรรมร่วมกันได้ จึงจัดวางโชฟาไว้ชุดใหญ่ และ Built-in ชั้นวางหนังสือเต็มผนัง ซึ่งสูงขึ้นไปถึงบนชั้น 3 เลยทีเดียว ไฮไลท์ของ Living Area ที่ชั้น 2 นี้ ทางโครงการเพิ่มความหรูหราด้วยเพดานแบบ Double Space ซึ่งกินพื้นที่ขึ้นไปถึงชั้น 3 ทำให้บริเวณนี้ดูโอ่โถงสบายตาจนเกือบลืมไปว่าเรากำลังนั่งอยู่บนชั้น 2 ของตัวบ้านนะเนี่ย อีกมุมที่เห็นชัดเจนว่าเพดานสูงขึ้นไปถึงชั้น 3 เลยนะครับ ส่วนประตูกระจกรอบด้านก็เปิดได้ทุกบาน แถมยังสูงเกือบเต็มผนังอีกเช่นกัน ในโซนนี้จะได้แอร์แบบฝังช่องแบบที่เห็นด้วย ด้านหนึ่งของ Living Area จัดเป็นมุมทำงานเล็กๆ ใกล้กับประตูกระจกมีพื้นที่สีเขียวด้านนอกให้พักสายตาได้เป็นอย่างดี ประตูกระจกสามารถเปิดออกไปที่ระเบียงได้ทุกบาน และกรอบประตูก็เป็นอลูมิเนียมมีตัวล็อคแน่นหนา สามารถกันเสียง กันน้ำ กันลมได้เป็นอย่างดี พื้นที่ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้างเลยนะครับ พื้นปูด้วยกระเบื้องสีดำกันลื่น และดรอปต่ำลงมาจากพื้นบ้านอีกประมาณ 5 ซม. ไม่ต้องกลัวเรื่องน้ำจะล้นเข้าบ้านเวลาฝนตกหนักๆ นอกจากนี้ทางโครงการยังปลูกต้นไม้ไว้ให้ความร่มรื่นยาวตลอดแนวระเบียง ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวเหมือนเราได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ตามคอนเซปต์การออกแบบเลยล่ะครับ ไปดู Master Bedroom กันบ้างครับ เปิดประตูห้องตรงสุดโถงทางเดินมาก็จะเจอกับ Living Area อีกมุมที่เป็นส่วนตัวในห้องนอนใหญ่ ทางโครงการจัดแบ่งพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นมุมนั่งเล่นดูทีวีภายในห้องนอน ด้วยการจัดวางชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง จะได้นั่งดูหนัง ดูทีวีกันสบายๆ และตรงผนังห้องด้านนี้ก็ Built-in เป็นชั้นหนังสือโดยแขวนทีวีไว้ตรงกลางมีบานเลื่อนเปิดปิดได้ ส่วนผนังด้านขวามือมีหน้าต่างบานใหญ่ ช่วยเพิ่มแสงสว่างให้กับห้องได้อีกทาง พื้นที่ใน Master Bedroom กว้างมากขนาดที่วางเตียงขนาด King Size ลงไปแล้วยังเหลือพื้นที่ว่างอีกมาก ตำแหน่งวางเตียงทางโครงการเลือกไว้ใกล้กับหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่อีกด้านของผนังห้องด้วย ภายในห้องค่อนข้างสว่างมากเหมือนกันนะครับในช่วงกลางวัน เนื่องจากห้องนี้มีหน้าต่างใหญ่ๆ มากถึง 2 ด้านด้วยกัน แสงอาทิตย์ส่องทั่วถึงทั้งห้องแน่นอนครับ ส่วนพื้นห้องยังคงเป็นไม้เอนจิเนียร์สีเข้ม ในขณะที่ปลายเตียงก็เจาะตำแหน่งปลั๊กเผื่อไว้สำหรับแขวนทีวีได้ด้วย ถ้าใครชอบนอนดูทีวีจากบนเตียง ก็สามารถปรับเปลี่ยนบริเวณ Living Area ในห้องให้ใช้สอยประโยชน์อื่นๆ ได้นะครับ ถัดจากห้องนอนเข้าไป จะเป็นพื้นที่ของ Walk in Closet ซึ่งทางโครงการตกแต่งผนังด้านนี้ไว้ด้วยไม้ลายเดียวกันทั้งหมด บานประตูเข้าสู่ห้องแต่งตัวเป็นบ้านสวิงคู่ แต่ของจริงจะไม่มีประตูมาให้นะครับ จะเปิดโล่งเดินถึงกันได้เลย ภายในห้องแต่งตัวจะ Built-in ตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของรูปตัว L ไว้เต็มผนังด้านหนึ่ง แล้วใช้บานหน้าตู้เป็นกระจกเงาทั้งหมด ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น และยังใช้เป็นกระจกส่องเวลาแต่งตัวไปพร้อมๆ กัน ผนังอีกด้านก็ Built-in ตู้ไว้อีกเช่นกัน ในชณะที่ด้านตรงข้ามใกล้ๆ กับช่องหน้าต่างที่ให้แสงสว่างกำลังดี จัดไว้เป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งวางกระจกบานใหญ่ไว้ให้เห็นเป็นไอเดียนะครับ ของจริงเจ้าของบ้านสามารถเลือกตกแต่งโต๊ะตู้ได้ตามใจชอบเลยครับ ด้านเดียวกับโต๊ะเครื่องแป้ง มีประตูบานสวิงเป็นกระจกใส่เปิดเข้าไปสู่ห้องน้ำของ Master Bedroom ภายในห้องน้ำของ Master Bedroom ทางโครงการเลือกใช้วัสดุและการตกแต่งในโทนสีขาวสะอาดจนแสบตา ต่างจากบรรยากาศในห้องนอนและห้องแต่งตัวไปเลยทีเดียว อ่างล้างหน้าติดตั้งไว้ให้ 2 ชุด พร้อมกระจกเงาเต็มบานใหญ่ ในขณะที่ด้านล่างของอ่างล้างหน้ามีลิ้นชักเก็บของมาพร้อม และมีพื้นที่วางของเหลือเฟือเลย ด้านล่างของกระจกเป็น Low Wall ไว้ใช้วางของได้ครับ ในขณะที่ด้านหลังกระจกก็ติด Light Box ใช้ไฟสีส้มๆ ช่วยสร้างบรรยากาศอุ่นๆ ให้ในห้องน้ำ อ่างอาบน้ำแบบจากุชซี่ วางไว้ด้านที่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ ด้านนอกเป็นผนังบล็อกแก้วที่ช่วยให้แสงผ่านได้ดี และทางโครงการก็เลือกปลูกต้นไม้เพิ่มไว้อีกจุด ช่วยเพิ่มบรรยากาศการอาบน้ำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น อีกด้านของห้องน้ำ กั้นกระจกแยกส่วนห้องอาบน้ำ และห้องทำธุระส่วนตัวไว้อย่างเป็นสัดส่วนเรียบร้อยมากๆ ชุดสุขภัณฑ์ใน Master Bedroom จะเป็นโถอัจฉริยะของ TOTO เพียงแค่เราเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาสุขภัณฑ์ก็จะเปิดขึ้นพร้อมใช้งานทันทีครับ หน้าตาสุขภัณฑ์เลือกดีไซน์กันมาแบบเรียบหรู ซึ่งตรงส่วนนี้เป็นส่วนที่ทางโครงการปรับสเปคของเข้ามาใหม่นะครับ แบบเดิมจะเป็นชุดสุขภัณฑ์แบบปกติ ชุดสุขภัณฑ์อัตโนมัติของ TOTO มีเซนเซอร์และแผงควบคุมมาครบ แผงควบคุมการทำงานของชุดสุขภัณฑ์ก็มาแบบมาตรฐาน ซึ่งปัจจุบันตามโรงแรมและห้างใหญ่ๆ ก็นิยมใช้กันแล้ว ในส่วนของห้องอาบน้ำจะปูด้วยกระเบื้องสีดำลายหินอ่อนกันลื่น มีชุดฝักบัวพร้อมก๊อกน้ำแบบหัวผสมติดตั้งมาเรียบร้อย ผนังด้านหนึ่งเจาะช่องสำหรับวางเครื่องใช้อาบน้ำ พื้นที่ในห้องน้ำกว้างมาก อาบน้ำได้สบายเลย แถมยังก่อที่นั่งเผื่อไว้นั่งอาบน้ำขัดตัวมาให้อีก และพื้นของห้องอาบน้ำนี้ก็ดรอปลงมาจากพื้นห้องน้ำปกติอีก 5 เซนติเมตร ไม่ต้องกลัวน้ำจะล้นออกนอกบริเวณเลย เพดานด้านบนของห้องอาบน้ำมี Rain Shower มาให้ด้วย ในขณะที่อีกด้านใช้เป็นผนังบล๊อกแก้วเกือบเต็มพื้นที่ เพื่อเพิ่มความสว่างให้กับห้องน้ำ นอกเหนือจากดวงไฟ Down Light แบบปกติครับ พื้นที่ในห้องน้ำกว้างขวาง สามารถใช้งานพร้อมๆ กันได้สบายหายห่วง ระหว่างอ่างอาบน้ำ และเคาน์เตอร์ล้างหน้า มีประตูกระจกบานเล็กอีกบาน ที่สามารถเปิดออกไปที่ระเบียงด้านนอกได้ เปิดออกไปแล้วจะเห็นว่าเป็นตำแหน่งที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ แต่ถ้าอ้อมไปอีกด้านจะสามารถเดินออกไปที่ระเบียงตรงอ่างอาบน้ำได้ด้วยเช่นกัน Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA Living Area บนชั้น 2 Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA ห้อง Master Bedroom Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA ตู้เสื้อผ้าแบบ Walk in Closet ภายในห้อง Master Bedroom ก่อนเข้าไปถึงห้องน้ำ Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA                                                                                ห้องน้ำภายใน Master Bedroom ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง ที่ชั้น 3 ก็ต้องบอกว่ามีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยหน้ากันเลย ทุกห้องมีห้องน้ำในตัว แถมด้วยมุมอ่านหนังสือ หรือจะจัดให้เป็นมุมห้องพระหน้าห้องก็ได้ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะเชื่อมถึงพื้นที่นั่งเล่นที่ชั้น 2 ด้วย แปลนบ้านของชั้น 3 ขึ้นมาถึงที่ชั้น 3 กันบ้าง พื้นบริเวณโถงทางเดินและในห้องนอนยังคงเป็นไม้เอนจิเนียร์สีอ่อน ภายในบ้านยังคงได้รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่จากหน้าต่างบานใหญ่ตามจุดต่างๆ รอบบ้าน ทางด้านซ้ายมือของบันได จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งทางโครงการจัดตกแต่งให้เป็นมุมนั่งเล่น อ่านหนังสือ จิบชาสวยๆ ตรงมุมนี้บรรยากาศจะโล่งโปร่งสบายมากๆ เลยทีเดียว เพราะเป็นจุดเชื่อมถึงโถงนั่งเล่นที่ชั้น 2 ด้วย เพดานบริเวณ Double Space ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยไม้ แขวน Chandelier สวยๆ มุมนั่งเล่นตรงนี้น่าจะถูกใจใครหลายๆ คนไม่มากก็น้อย มุมด้านในสุด ทางโครงการ Built เป็นหิ้งพระเรียบๆ สไตล์โมเดิร์น เข้ากับสไตล์การตกแต่งของบ้าน จากชั้น 3 สามารถก้มลงไปดูบริเวณโถงนั่งเล่นที่ชั้น 2 ได้เลยนะครับ จะว่าไปแล้วก็ดูเหมือนจะสูงมากเหมือนกัน คนกลัวความสูงอาจมีหวิวๆ ได้ ถ้ามองจากชั้น 3 ลงมา จะสามารถมองเห็นบริเวณโถงนั่งเล่นได้ชัดเจนเกือบจะทุกส่วน รวมไปถึงที่ระเบียงด้านนอกด้วยเลยนะเนี่ย อีกมุมของโถงทางเดินบริเวณชั้น 3 ครับ ตกแต่งมาแบบเรียบง่ายแต่มีสไตล์ครับ เรามาดูห้องนอนเล็กห้องแรกกันดีกว่า ห้องนี้ตกแต่งมาในสไตล์เข้มๆ เน้นโทนสีเทาดำ เฟอร์นิเจอร์เลือกใช้เป็นแบบลอยตัวเสียส่วนใหญ่ ภายในห้องเลยดูสบายๆ ไม่อึดอัด คล้ายๆ กันกับส่วนอื่นๆ ของตัวบ้านนะครับที่จะเน้นให้มีหน้าต่าง เปิดช่องให้แสงธรรมชาติเข้ามาเยอะๆ ภายในห้องนี้ก็เช่นกันครับ มีช่องหน้าต่างมากถึง 3 บานด้วยกัน ภายในห้องเลยสว่างได้โดยที่แทบจะไม่ต้องเปิดไฟเลยในช่วงกลางวัน ผนังอีกด้านของห้อง ทางโครงการเลือก Built-in ด้วยไม้ย้อมสีเทาดำ พร้อมจัดวางตำแหน่งสำหรับแขวนทีวีมาให้แล้ว แถมยังแอบซ่อนตู้เสื้อผ้าเอาไว้ที่ผนังด้านนี้ด้วย ถ้าดูเผินๆ ก็แทบจะมองไม่เห็นประตูตู้เสื้อผ้าเลยนะครับ ต้องสังเกตุกันดีๆ หน่อย ถัดเข้ามาด้านในสุดของห้องจะเป็นพื้นที่ของห้องน้ำ และมุมทำธุระส่วนตัว แล้วก็มีประตูกระจกบานเล็กที่สามารถเปิดออกไปที่ระเบียงด้านนอกได้อีกเช่นกัน ส่วนนี้จะวางอ่างล้างหน้าพร้อมติดตั้งกระจกให้เต็มบาน ด้านล่างมีพื้นที่วางเก้าอี้เล็กๆ หรือตะกร้าผ้าได้ อีกอย่างมุมนี้เปิดรับแสงจากภายนอกได้ดีเลยครับ เพราะกำแพงบล็อคแก้วตรงระเบียงนั่นแหละ ทางโครงการเลือกใช้ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำที่มีดีไซน์ทันสมัย สวยงามดีนะครับ อีกด้านของห้องน้ำ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ภายในกั้น Shower Box ไว้เรียบร้อย ชุดสุขภัณฑ์ของ Kohler ตามมาตรฐานครับ ชุดฝักบัวพร้อมก๊อกหัวผสม ถึงจะไม่มีช่องวางของ แต่ Low Wall ตรงนี้ก็วางของได้เยอะพอตัวเลยแหละ ตรง Shower Box มีประตูกึ่งหน้าต่างบานใหญ่ สามารถเปิดออกเพื่อช่วยระบายความชื้นได้ และพื้นที่ด้านนอกที่เปิดไปจะเป็นระเบียงเล็กๆ ที่ไว้วางคอมเพรสเซอร์แอร์ครับ พื้นและผนังใน Shower Box เลือกใช้กระเบื้องสีเข้ม มี texture กันลื่นได้ดี และมีการออกแบบตำแหน่งสโลปสำหรับการระบายน้ำที่ดีด้วย พื้นของ Shower Box จะดรอปต่ำลงมาจากพื้นห้องน้ำอีกประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อป้องกันน้ำล้นออกไปที่ห้องด้านนอก สุดโถงทางเดินของชั้น 3 บริเวณหน้าห้องนอนห้องสุดท้ายจะมีหน้าต่างบานใหญ่ เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ เปิดออกไปจะเห็นระเบียงเล็กๆ ซึ่งเป็นตำแหน่งวางคอมเพรสเซอร์แอร์ของห้องนอนเล็กครับ ส่วนห้องนอนเล็กห้องสุดท้ายที่อยู่ด้านในสุดทางเดิน จะถูกตกแต่งในอีกสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป ห้องนี้จะเลือกวางเตียงในขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย ซึ่งพื้นที่ภายในห้องก็ยังเหลือให้ใช้สอยกันได้สบายๆ ทางด้านปลายเตียงทางโครงการ Built-in เป็นมุมทำงานเล็กๆ ติดกับจุดแขวนทีวีสูงเต็มผนัง ซึ่งของจริงจะไม่มีตู้ไม้ตรงนี้มาให้นะครับ อันนี้ทางโครงการตกแต่งไว้ให้ดูเป็นไอเดียการจัดแบ่งพื้นที่เท่านั้น ข้างๆ ผนังด้านที่แขวนทีวีจะเป็นทางเดินไปในโซนแต่งตัว และห้องน้ำครับ ผนังด้านที่แขวนทีวี อีกด้านคือตู้และชั้นวางของนั้นเอง ซึ่งการที่ทางโครงการเลือก Built-in มาในลักษณะนี้ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของให้มากขึ้น และเป็นการแบ่งพื้นที่ใช้สอยให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น อีกด้านก็ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าเต็มผนังอีกเช่นกัน ตรงนี้เลยเหมือนเราได้ Walk in Closet ขนาดย่อมๆ เพิ่มเข้ามาในห้องนอนเล็กเลยล่ะครับ บริเวณหน้าห้องน้ำ ก็จัดโต๊ะเครื่องแป้งไว้เป็นมุมแต่งตัวเล็กๆ แล้วก็มีประตูกระจกเปิดออกไปที่ระเบียงได้เหมือนกับห้องอื่นๆ อีกเช่นกัน ห้องน้ำในห้องนอนเล็กนี้จะรวมทุกอย่างไว้ด้านใน ไม่ได้แยกอ่างล้างหน้ามาไว้นอกห้องน้ำแบบห้องก่อนหน้านะครับ ประตูห้องน้ำยังคงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบเดียวกัน Shower Box ด้านในก็มีประตูกึ่งหน้าต่างที่เปิดออกไปด้านนอกได้เหมือนกัน และกันพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ให้เรียบร้อย อ่างล้างหน้าของห้องนี้เป็นแบบลอยตัวนะครับ แต่เลือกเจาะช่องติดกระจกบานใหญ่ กับใช้ Low Wall เป็นที่วางของแทน ชุดฝักบัวและ Low Wall สำหรับวางของเป็นแบบเดียวกันกับห้องนอนก่อนหน้านี้เป๊ะเลยครับ เช่นเดียวกันกับการดรอปพื้นห้องน้ำ และตำแหน่งการสโลปของจุดระบายน้ำ Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA โถงทางเดินบริเวณชั้น 3 มองลงไปเห็น Living Area ที่ชั้น 2 Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA ห้องนอนห้องแรกบนชั้น 3 Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA ห้องนี้เป็นห้องนอนที่ 2 Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA โครงการตกแต่งเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk in Closet ก่อนเข้าไปยังห้องน้ำ Private Nirvana Residence North ‘n East เป็นหนึ่งในโครงการที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับ ทั้งเรื่องทำเลที่ตั้ง ที่อยู่ในย่านที่มีการเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง และมีร้านอาหารให้เลือกมากมาย ที่สำคัญทาง Developer เจ้าของโครงการก็ใส่ใจรายละเอียดต่างๆ อยู่ตลอดเวลา มีการปรับเพิ่มวัสดุ และดีไซน์พื้นที่ภายในบ้านจากแบบแรกที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ก็ได้พัฒนาให้ตอบโจทย์ลูกบ้านมากขึ้น แถมยังเลือกใช้วัสดุต่างๆ อย่างดี ได้คุณภาพเหมาะสมกับราคาบ้านมากๆ เลยทีเดียว วัสดุหลายชิ้นเป็นของนำเข้าจากต่างประเทศ หรือถ้าเป็นวัสดุในบ้านเราก็จะเลือกที่เป็นวัสดุที่ได้มาตรฐานการส่งออก เพื่อให้บ้านที่เราเลือกมีคุณภาพ แข็งแรง คงทนอยู่กับเราไปได้นานๆ แบบไร้ปัญหาจุกจิกกวนใจ..... เจ้าของโครงการดูแลเอง จัดเต็มมาให้แบบพรีเมี่ยม ใครที่กำลังมองหาบ้านคุณภาพไม่ควรพลาดโครงการนี้นะครับ โครงการบ้านอื่นๆ ที่น่าสนใจ รีวิวบ้านแฝด ใกล้เลียบด่วน “Private Nirvana THROUGH Ekamai-Raminthra” รีวิว บ้าน Nirvana BEYOND พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา รีวิวบ้าน เฉลิมพระเกียรติ ร.9 “THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา”
Life ปิ่นเกล้า : รีวิวคอนโด

Life ปิ่นเกล้า : รีวิวคอนโด

ไม่นานมานี้ เราเพิ่งจะได้ยินข่าวว่าทาง AP เตรียมจะเปิดตัวโครงการใหม่ย่านปิ่นเกล้า ในแบรนด์ Life ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการภายใต้ความร่วมมือกับทาง Mitsubishi Estate แต่ยังไม่ทันไรก็มีกระแสว่าโครงการ Life ปิ่นเกล้า ได้รับการตอบรับที่ดีเกินความคาดหมาย แค่ช่วงทดลองเปิด Pre-sale ก็มียอดจองล้นหลามแล้ว งานนี้พวกเราทีมงานเลยรีบเข้าไปเก็บข้อมูลโครงการ และภาพห้องตัวอย่างมาให้ดูกันแบบด่วนๆ เลยครับ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น     3,000,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise สูง 23 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    803 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   4 - 3 - 86.3 ไร่ ที่จอดรถ    52% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปี 2561 ค่าส่วนกลาง    34 บาท/ตารางเมตร/เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ค่ากองทุน    450 บาท/ตารางเมตร เก็บครั้งแรกในวันโอนกรรมสิทธิ์ การเดินทาง ทำเลที่ตั้งโครงการ Life ปิ่นเกล้า อยู่ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้กับซอยจรัญฯ 40/1 ห่างจากแยกบรมราชชนนีประมาณ 450 เมตรเท่านั้น แต่จุดเด่นสำคัญของโครงการอยู่ที่ ห่างจากหน้าโครงการไปเพียง 40 เมตรก็จะเป็นบันไดทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (สถานีบางยี่ขัน) ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างครับ และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานพอๆ กับที่คอนโด Life ปิ่นเกล้า เลยด้วย การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองด้วยรถไฟฟ้าสำหรับลูกบ้านของโครงการจึงนับว่าสะดวกสุดๆ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าศักยภาพของทำเลในแถบนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และได้รับความสนใจมากเลยทีเดียว นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT ในอนาคตอันใกล้แล้ว ปัจจุบันการเดินทางมายังโครงการ ก็สามารถทำได้หลากหลายวิธีเช่นกัน เหมือนที่เราลองเลือกเส้นทางถนนจรัญสนิทวงศ์ ตั้งแต่แยกท่าพระซึ่งเป็นต้นถนน ลองวิ่งมาเรื่อยๆ จนข้ามแยกบรมราชชนนีมาแล้วค่อยมากลับรถมายังโครงการ ตลอดเส้นทางตอนนี้อาจจะติดขัดบ้าง เพราะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ในขณะนี้ ทำให้การจราจรไม่ค่อยคล่องตัวเท่าที่ควร แต่เชื่อว่าถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จแล้ว การจราจรจะคล่องตัวขี้นอีกเยอะ ไหนจะรถไฟฟ้า และอุโมงค์ข้ามแยกต่างๆ อีก น่าจะช่วยลดปัญหารถติดไปได้ไม่มากก็น้อยเลยครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ เราเริ่มกันบริเวณสะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่เลยนะครับ เราตรงไปตามถนนจรัญสนิทวงศ์เรื่อยๆ เลยนะครับ ลงจากสะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่นิดหน่อย จะเป็นแยกท่าพระ เราลงอุโมงค์ลอดใต้แยกไปเลยนะครับ พอขึ้นมาจากอุโมงค์แล้วจะเริ่มเจอกับการก่อสร้างรถไฟฟ้า ที่ทอดยาวตลอดแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ การจราจรอาจจะหนาแน่นสักหน่อยนะครับ เพราะถนนถูกบีบลงมาเหลือ 2 เลน ตรงมาตามถนนจรัญสนิทวงศ์เรื่อยๆ จะเจอตลาดบางขุนศรี อยู่ทางซ้ายมือ เลยจากตลาดบางขุนศรีมาจะเจอแมคโคร สาขาจรัญสนิทวงศ์ ตรงมาอีกหน่อยเราจะเจออีกหนึ่งแยก คือแยกบรมราชชนนี แยกนี้เราก็ตรงลงอุโมงค์อีกเหมือนกันนะครับ พอขึ้นมาจากอุโมงค์แล้วจะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ทางด้านขวามือ ที่ตั้งโครงการจะอยู่ฝั่งขวามือนะครับ ต้องตรงไปกลับรถอีกประมาณ 300 เมตร บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน Susco กลับรถมาแล้วเราก็เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการกันเลยครับ หน้าตาของสำนักงานขายโครงการ วิเคราะห์รอบโครงการ Life ปิ่นเกล้า เป็นคอนโด High Rise สูง 23 ชั้น บนเนื้อที่ประมาณ 4.3 ไร่ โดยทาง AP ได้เสนอคอนเซปต์แนวคิดที่ว่า “Discover The New Joy of Old Memories” ซึ่งเป็นการบอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของพื้นที่ ผสมผสานเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตชุมชนของย่านนี้ มาสู่รูปแบบการใช้ชีวิตที่พิถีพิถัน เรียบหรูและลงตัวสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่ทาง AP มุ่งเน้นให้เป็นลูกค้าหลักคือ กลุ่มคนในพื้นที่ กลุ่มพ่อค้าชาวไทยเชื้อสายจีนที่ต้องการซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือส่งต่อให้ลูกหลานต่อไป รวมไปถึงกลุ่มหมอ และข้าราชการระดับสูงซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และด้วยความที่คนกลุ้มนี้จะมีความคุ้นชินกับพื้นที่อยู่แล้ว จึงน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทางโครงการได้รับการตอบรับอย่างดีด้วยยอดจองถล่มทลายเหนือความคาดหมายแบบนี้ พื้นที่ฝั่งธนบุรีในย่านนี้มีความคึกคักและมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากมาตั้งแต่อดีตแล้วครับ ร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดสด ตลาดน้ำ รวมกันอยู่หนาแน่นเข้าขั้นอุดมสมบูรณ์มาก แถมด้วยสถาบันศึกษาชื่อดัง โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง แหล่งช็อปปิ้งก็แวดล้อมอยู่ใกล้ๆ ทุกอย่าง เป็นทั้งพื้นที่ชุมชนการค้า ศูนย์งานราชการครบถ้วน การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง หรือข้ามเข้าสู่ฝั่งพระนครก็ทำได้หลายเส้นทาง สามารถเดินทางได้ทั้งรถ และเรือ รวมถึงรถไฟฟ้าที่จะมีในอนาคตด้วยอีกอย่าง ไม่ว่าจะมองในด้านใดพื้นที่บริเวณนี้ก็ถือว่ามีศักยภาพตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัยมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยล่ะครับ ในส่วนของพื้นที่ภายในโครงการ ก็เน้นให้มีพื้นที่สีเขียวมากถึง 3 ไร่ นับตั้งแต่ทางเข้าสู่ตัวโครงการที่มีการผสานความร่มรื่นของทิวไม้และสายน้ำ ภายใต้แนวคิด “Mura” A Village within Nature ในขณะที่ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำในระบบน้ำเกลือแบบ Infinity Edge Pool ยาว 40 เมตร พร้อมวิวสะพานพระราม 8 ในมุมที่สวยที่สุด, ห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่ให้วิวแบบ Panoramic ในบรรยากาศเหมือนได้ออกกำลังกายอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และห้องซ่าวน่า สตีมแยกชายหญิง รวมถึง Casual Space พื้นที่สำหรับพักผ่อน หรือไว้พบปะพูดคุยสังสรรค์ ซึ่งทางโครงการตั้งใจจัดสรรไว้ให้ลูกบ้านของ Life ปิ่นเกล้าโดยเฉพาะ นอกจากนี้เรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน ทางโครงการก็ไม่ลืมให้ความสำคัญนะครับ โดยเฉพาะยูนิตพักอาศัยที่อยู่บนชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับพื้นที่ส่วนกลาง ทางโครงการก็มีการออกแบบตกแต่งสวนไว้เป็นแนวยาว เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องด้านที่ติดกับสระว่ายน้ำมากขึ้นด้วย มาดูกันที่ Master Plan ของโครงการกันก่อนนะครับ ด้านหน้าโครงการจะเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนด้านในตัวอาคารด้านหน้าจะเป็น Main Lobby สำนักงานนิติบุลคล Mail Box และร้านค้า ส่วนพื้นที่ด้านในจะเป็นที่จอดรถตั้งแต่ชั้น 1 ขึ้นไปถึง ชั้น 4 สวนสไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมผสานกันของทิวไม้และเสียงน้ำ กับแนวคิด "Mura" A Village within Nature ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ บรรยากาศของโถง Lobby ที่ชั้น 1 ชั้น 5 จะเป็นชั้นที่มี Facility หลักของโครงการ ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำ แบบ Infinity Edge Pool ความยาวกว่า 40 เมตร พร้อมห้องฟิตเนส, Casual Space, Steam และ Sauna ส่วนพื้นที่อีกด้านจะเป็นห้องพักอาศัย บรรยากาศของสระว่ายน้ำ บนชั้น 5 ได้วิวฝั่งสะพานพระราม 8 บรรยากาศของห้องฟิตเนส บนชั้น 5 Casual Space พื้นที่สำหรับพบปะกันของลูกบ้าน ตั้งแต่ชั้น 8-23 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด พื้นที่โล่งตรงนี้จะเป็นสถานที่ก่อสร้างโครงการนะครับ ด้านนี้จะเป็นทิศตะวันออกที่หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา จะสังเกตเห็นว่ายังไม่มีตึกสูงขึ้นมาบังวิว ภาพมุมสูงในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะหันไปทางสะพานพระราม 8 ยังไม่มีตึกสูงขึ้นมาบังวิว ด้านทิศเหนือที่หันไปทางบางพลัดก็เช่นกันนะครับ ยังไม่มีตึกสูงมาบังวิว ภาพมุมสูงของทิศเหนือ หันไปทางสถานีรถไฟฟ้าบางยี่ขัน ด้านทิศใต้จะมีอาคารสูงขึ้นอยู่นิดหน่อย ส่วนด้านหน้าโครงการจะเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีตึกสูงเพียงตึกเดียวคือคอนโดคอมมอนเวลธ์ ปิ่นเกล้า สูง 22 ชั้น แต่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้จนบังวิวซะทีเดียวนะครับ ภาพมุมสูงของทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงห้องพักอาศัยกันบ้างนะครับ Life ปิ่นเกล้า มีห้องให้เลือกหลายขนาดเช่นกัน โดยมีขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ 26 ตร.ม. ไปจนถึงห้องขนาด 60.50 ตร.ม.ซึ่งเป็นขนาดใหญ่สุด สำหรับการอยู่อาศัยในลักษณะของครอบครัวมากยิ่งขึ้น แต่ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ในขนาด 35 ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็น Highlight ของโครงการเลยทีเดียวครับ โดย Layout ของห้องนี้จะถูกจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้พิเศษมากขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานให้ตอบโจทย์มากกว่าเดิม ด้วยพื้นที่ของ Walk in Closet ในห้องนอนที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้าวของได้มากขึ้น และเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าเดิม แน่นอนว่าพื้นที่ในส่วนนี้เจ้าของห้องยังสามารถปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้ความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องนอนเล็ก หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ก็ตามแต่ความจำเป็นใช้งานเลยครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ภายในห้องก็ถือว่าจัดสรรปันส่วนกันได้อย่างลงตัวมากๆ เลยทีเดียว เดี๋ยวไปดูตามรูปที่เก็บมาฝากกันเลยครับ แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาไม่ถือว่าใกล้กันเท่าไหร่ ด้านที่วางโซฟามีพื้นที่ให้วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้เลยนะครับ แถมยังมีที่เหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโต๊ะทำงานได้อีกด้วย ส่วนฝั่งชั้นวางทีวี เลยจาก Living Area เข้ามาด้านใน ฝั่งที่ติดกับชั้นวางทีวี จะเป็นส่วนครัวแบบเปิด พร้อมโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปตัว L ด้านล่างจะมีช่องวางเครื่องซักผ้า และไมโครเวฟ ซิงค์ล้างจานทรงสี่เหลี่ยม เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka พร้อมฮูดดูดควัน ต่อมาเรามาดูห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องครัวกันต่อนะครับ อ่างล้างหน้าวางอยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม วางอยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ Shower Box จะอยู่ด้านในสุด เราออกไปมาดูที่ห้องนอนด้านนอกกันต่อนะครับ ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดของห้องนอนค่อนข้างกว้างพอสมควรนะครับ โครงการวางเตียง 6 ฟุตลงไปแล้วยังมีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลือให้วางอย่างอื่นได้อีกนิดหน่อย หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่แบบนี้เลยนะครับ มีบานกระทุ้งเป็นบานเล็ก 1 บาน ที่เหลือจะเป็นบาน Fix ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอให้เดินได้ ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอนด้วย คงต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนัง เหมือนในห้องตัวอย่างแทนนะครับ ถัดจากห้องนอนเข้าไปด้านในอีกหน่อย จะเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบ Walk in Closet บริเวณโต๊ะเครื่องแป้งจะมีช่องกระจกมองออกไปเห็นส่วนครัว ระเบียงจะอยู่ติดกับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านี้นะครับ ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน จุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียง หันหน้าออกด้านนอก ใครที่กำลังสนใจโครงการ Life ปิ่นเกล้า อยู่ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างได้แล้วนะครับ ซึ่งนอกเหนือจากการซื้อไว้อยู่อาศัยเองแล้ว ทำเลในย่านจรัญฯ-ปิ่นเกล้า ยังนับว่าเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีศักยภาพน่าเก็บสะสมไว้ลงทุนด้วยนะครับ เพราะนอกจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เป็นรูปเป็นร่างให้เห็นแล้ว ก็ยังมีโครงการทางด่วนในอนาคต (ทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนสายตะวันตก) มาลงใกล้ๆ อีกด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้ศักยภาพของทำเลในย่านนี้มีความพร้อมมากขึ้น และเป็นที่ต้องการของตลาดสูงขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน
Regent Home @ Bangson Station : รีวิวคอนโด

Regent Home @ Bangson Station : รีวิวคอนโด

Regent Home@Bangson Station คอนโด High Rise แบนด์ Regent Home บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีบางซ่อน รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    999,900 บาท เจ้าของโครงการ    Regent Green Power Co., Ltd. ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 24 ชั้น 4 อาคาร จำนวนห้อง     ประมาณ 4,000 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    15 - 1 - 0 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    กลางปี 2558 คาดว่าจะสร้างเสร็จ    ปลายปี 2560 สถานที่สำคัญใกล้เคียง ตลาดนัดชุมทาง สยามยิปซี บิ๊กซี วงศ์สว่าง เทสโก้ โลตัส SCG โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น โรงพยาบาลบางโพ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ใช้ระบบ key-card ควบคุมการเข้า-ออกโครงการ มีระบบกล้องวงจรปิด CCTV โดยรอบภายในอาคาร พนักงานรักษาความปลอดภัย ที่จอดรถ 3 ชั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    02-551-4162-4 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.rgphome.com
Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา คอนโดใหม่สไตล์รีสอร์ท ติดถนนสรงประภา : รีวิวคอนโด

Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา คอนโดใหม่สไตล์รีสอร์ท ติดถนนสรงประภา : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมโครงการ “Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา” คอนโดน้องใหม่จาก บริษัท ปรีดา เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งมีความน่าสนใจมากๆ เพราะเปิดมาด้วยราคาเริ่มต้นแค่ 1.2 ล้านบาท* เท่านั้น แถมยังอยู่ในทำเลที่ใกล้ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (โครงการอนาคต) ใกล้สนามบินดอนเมือง ใกล้ทางด่วนศรีรัช และยังใกล้แยกศรีสมาน แถมมีห้างโรบินสัน ศรีสมาน เป็นแหล่งช็อปปิ้งสำคัญที่อยู่ห่างออกไปแค่แยกเดียวเท่านั้น เป็นไงครับ.... แค่ข้อมูลเบื้องต้นก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ยครับ ตามไปดูรายเอียดเพิ่มเติมกันเลยดีกว่า     แผนที่โครงการ   แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ สำนักงานขายของโครงการ เห็นเด่ดชัดอยู่ติดถนนสรงประภา ตัวโครงการ Grene Condo ตั้งอยู่ริมถนนสรงประภา มุ่งหน้าสู่แยกศรีสมาน หรือห่างจากปากทางฝั่งถนนวิภาวดีเข้ามาเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งศักยภาพของทำเลในย่านนี้มีความพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยมากเลยทีเดียว เนื่องจากแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เช่น ตลาดสดวัฒนานันท์ วัดดอนเมือง ตลาดนัดบุญอนันต์ โรงเรียนพระหฤทัย ดอนเมือง โรงเรียนสีกัน (วัฒนานันท์อุปถัมภ์) วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง สถานีรถไฟดอนเมือง สนามบินดอนเมือง โรบินสัน ศรีสมาน รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (โครงการอนาคต / กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง) ฯลฯ ซึ่งที่ว่าข้างต้น เป็นเพียงจุดใหญ่ๆ ที่จะทำให้เรานึกภาพตามออกได้ง่ายว่ารอบๆ โครงการมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง แต่ถ้าหากได้มีโอกาสมาดูบรรยากาศรอบๆ โครงการด้วยตัวเอง จะเห็นว่านอกจากที่ต่างๆ ที่เรายกตัวอย่างมานั้น ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน รวมถึงร้านปลีกย่อยอีกเพียบ จัดได้ว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ ในส่วนของการเดินทางนั้น ตัวโครงการก็อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ทั้งด่านทางด่วนศรีรัช (ด่านศรีสมาน) ถนนวิภาวดี-รังสิต ดอนเมืองโทลเวย์ ขับรถเข้า-ออกเมืองได้สะดวกมากๆ แถมหน้าโครงการยังมีทั้งรถสองแถว รถเมล์ วินมอเตอร์ไซค์ ให้เลือกออกไปต่อรถเมล์ รถตู้ รถไฟ หรือรถไฟฟ้า (ในอนาคต) ได้ง่ายๆ อีก การเดินทางมายังโครงการจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่ว่าจะมีรถส่วนตัวหรือไม่ก็ตาม คอนโด สไตล์ รีสอร์ท โครงการ Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 6 ตึกด้วยกัน โดยมีคอนเซปต์การออกแบบให้เป็นคอนโดมิเนียม สไตล์ รีสอร์ท เปิดขายพื้นที่ด้านในก่อน และเพื่อให้แต่ละเฟสได้บรรยากาศผ่อนคลายสไตล์รีสอร์ทกันอย่างเต็มที่ จึงมีการวางแปลนของอาคารแบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยแต่ละเฟสจะมี 3 ตึก วางตัวโอบล้อมพื้นที่สีเขียวส่วนกลางไว้ ซึ่งแต่ละเฟสก็จะมี Main Facility เป็นของตัวเองกันไปเลย แยกการใช้งาน รวมถึงแยกนิติฯ ดูแลออกจากกันด้วยครับ ทางเข้าโครงการ ใต้อาคารและรอบๆ โครงการจะเป็นที่จอดรถ Facility หลักๆ ของโครงการจะอยู่ตรงกลางระหว่างอาคารต่างๆ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่รอบๆ ที่อาคาร A1 ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2ขึ้นไปจนถึงชั้น 8 อาคาร B1 ชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถส่วนหนึ่ง ส่วนอีกด้านจะเป็นห้องพักอาศัย เป็นห้อง Type B ขนาด 30 ตารางเมตร จำนวน 9 ยูนิต ที่ติดกับสวนส่วนกลาง สามารถเดินออกมาที่สวนได้เลย ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปถึงชั้น 8 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดครับ พื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคารพักอาศัย จะเป็นส่วนที่รวม Main Facility ทั้งหมดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ พร้อมศาลานั่งเล่นริมน้ำ สวนรอบสระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น จุดชมวิว ลานบาสเกตบอล และลู่วิ่งรอบโครงการ ส่วนห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่า ห้องสมุด และ Co-Working Space ก็จะอยู่ในบริเวณชั้น 1 ของอาคาร B1 และ B2 ซึ่งนบเป็นพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 8 ไร่ 1 งาน 93 ตารางวา พื้นที่สีเขียวรอบๆ สระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่นั่งเล่นรอบๆ ฟิตเนสขนาดใหญ่ที่ชั้น 1 ของอาคาร B1 อีกจุดเด่นหนึ่งของโครงการคือ ห้องพักส่วนหนึ่งในบริเวณชั้น 1 ของอาคาร B1 และ B2 จะหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำ ทำให้ได้บรรยากาศการพักผ่อนสไตล์รีสอร์ทอย่างแท้จริง ซึ่งห้อง Type นี้มีจำนวนจำกัดนะครับ และได้ข่าวว่ามักจะได้รับความสนใจในอันดับต้นๆ เลยทีเดียว เผลอๆ จะถูกจับจองหมดก่อนห้อง Type อื่นแน่ๆ เดี๋ยวเราไปดูกันเลย ว่าทางโครงการมีห้อง Type ไหนให้เลือกกันบ้าง เปิดห้องตัวอย่าง ที่ Sale Gallery ของโครงการ Grene ดอนเมือง-สรงประภา มีห้องตัวอย่างให้ชมด้วยกัน 2 ห้อง แต่แบ่งเป็น 3 Type นะครับ.... ห้องตัวอย่างห้องแรก จะเป็นห้องตัวอย่างของห้อง 2 Type ด้วยกัน นั่นคือ ห้องขนาด 25 ตร.ม. และห้องขนาด 30 ตร.ม. ซึ่งห้องทั้ง 2 Type นี้มี Layout ภายในห้องเหมือนกันเป๊ะทุกอย่างเลย แต่ต่างกันกันที่พื้นที่ระเบียงที่เพิ่มขึ้นมา โดยห้องขนาด 30 ตร.ม. จะเป็นห้องที่อยู่บริเวณชั้น 1 ที่เราบอกว่าหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำนั่นเอง ห้อง Type นี้จะได้ระเบียงยาวเต็มหน้ากว้างของห้องเพิ่มขึ้นมา พร้อมกับมีประตูออกไปยังพื้นที่ส่วนกลางได้เลย......  ก่อนจะงงไปมากกว่านี้ เรามาดูแปลนห้องเพื่อเปรียบเทียบกันดีกว่าครับ แปลนห้อง Type B ขนาด 25 ตารางเมตร แปลนห้อง Type B ขนาด 30 ตารางเมตร ดูภาพแปลนห้องกันไปแล้ว ทีนี้มาดูบรรยากาศภายในห้องกันครับ พื้นที่ใช้สอยภายในห้องก็ขนาด 25 ตร.ม. เลยครับ เปิดเข้าห้องมาก็จะเจอกับส่วนนั่งเล่นเลย ในขณะที่พื้นที่ของห้องนอนก็เป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้ให้เรียบร้อยครับ พื้นที่ครัวเป็นครัวเปิดอยู่ติดกับระเบียง ทำให้ช่วยในการระบายกลิ่นจากการทำอาหารได้ดีขึ้น ส่วนห้องน้ำก็อยู่อีกด้านของครัวครับ ถือว่าเป็นการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในห้องไว้อย่างลงตัวดีทีเดียว เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ด้านที่วางโซฟาโครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาให้ ติดกับโต๊ะทำงานขนาดกะทัดรัด ด้านที่วางทีวีโครงการวางชั้นวางเล็กมาให้ เข้ากับพื้นที่ได้พอดี ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอน ซึ่งโครงการกั้นกระจกบานเลื่อน 3 ตอนมาให้เรียบร้อย ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ จะเห็นว่ามีพื้นที่ข้างเตียงเหลืออยู่ทั้ง 2 ด้าน ช่วยให้ไม่รู้สึกอึกอัด หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่ เป็นบาน Fix และมีบานกระทุ้งเป็นบานเล็ก 1 บาน จะมีตู้เสื้อผ้า Built-in อยู่ปลายเตียง ปลายเตียงโครงการยังเตรียมพื้นที่และปลั๊กให้ด้วย เผื่ออยากมีทีวีไว้ในห้องอีกสักเครื่อง ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้องเป็นห้องขนาด 34 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่สุดและจะเป็นห้องในตำแหน่งมุมตึกนะครับ ห้อง Type นี้จะได้เปรียบที่สามารถเปิดรับวิว รับแสง รับลมได้หลายด้าน ทั้งในส่วนของห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัว แปลนห้อง Type C ขนาด 34 ตารางเมตร พื้นที่ห้องนอนถูกกั้นไว้เป็นสัดส่วนเรียบร้อย ไม่ใช่ประตูกระจกบานเลื่อนแบบห้องก่อนหน้า จึงให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าเวลามีเพื่อนมาเยี่ยมห้อง ในขณะที่พื้นที่ครัวก็ได้เป็นครัวปิด ทางโครงการกั้นประตูกระจกบานเลื่อนมาให้เสร็จสรรพ ห้องนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำครัว ทำกับข้าวจริงจังขึ้นมาอีกหน่อยครับ บานประตูห้องจะได้แบบที่เห็นนี้เลยนะครับ เปิดประตูเข้าห้องมาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อน ข้างๆ ประตูโครงการวางตู้เก็บรองเท้ามาให้ด้วย ห้อง Type นี้จะได้พื้นที่ Living Area ขนาดใหญ่เลยนะครับ โครงการวางโซฟายาว 4 ที่นั่ง มาให้ ด้านชั้นวางทีวีโครงการก็จัดชั้นมาให้เรียบร้อยเลยครับ โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง วางอยู่ใกล้ๆ กับโซฟา ติดกับโต๊ะทานอาหารจะได้หน้าต่างบานใหญ่เป็นบานเลื่อน 2 ตอน ด้านหลังโต๊ะทานอาหารจะเป็นห้องครัวแบบปิด มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนกั้น ด้านในโครงการจัดชุดครัวมาให้เต็มสูบเลยนะครับ แยกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนี้จะเป็นเคาน์เตอร์ครัวยาว พร้อมเตาไฟฟ้า 2 หัว ยี่ห้อ Teka ส่วนด้านบนจะเป็นชั้นลอยเก็บของ และฮูดดูดควันของ Teka เหมือนกันครับ และด้านล่างเป็นตู้เก็บของและช่องวางไมโครเวฟ อีกฝั่งจะเป็นเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจานและจุดวางตู้เย็น ด้านบนมีชั้นลอยวางของให้ด้วย ระเบียงจะอยู่ต่อจากห้องครัว กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1.2 เมตร คอมเพรสเซอร์แอร์จะถูกแขวนไว้ด้านบน หันหน้าเข้าหาระเบียง มุมมองจากระเบียงกลับเข้าไปด้านในครัว กลับเข้ามาด้านใน ห้องน้ำจะอยู่ติดกับ Living Area ด้านหน้าห้องนอน สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะใช้ของ Mogen เหมือนห้อง Type B กระจกเงาจะได้ขนาดพอดีตัว ฝั่งตรงข้ามมีชั้นวางของ ด้านในสุดจะเป็นส่วนเปียกอาบน้ำ แต่โครงการไม่ได้กั้นฉากอาบน้ำมาให้นะครับ อาจจะต้องกั้นเพิ่มกันเอง ห้องนอนจะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุต มาให้ วางเตียงลงไปแล้วยังพอมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือ ช่วยให้ไม่รู้สึกอึดอัด หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่ เป็นบานสไลด์ 2 ตอน ด้านปลายเตียงโครงการ Built in ตู้เสื้อผ้านบานใหญ่ วางอยู่ติดกับโต๊ะทำงาน นอกจากห้องตัวอย่างที่มีให้ชมแล้ว ทางโครงการยังห้องแบบสตูดิโอ ขนาด 22 ตร.ม. ให้เลือกจับจองกันด้วยนะครับ ซึ่งห้องที่ทางโครงการจัดไว้ ทุกยูนิตก็ขายมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง เคาน์เตอร์ครัว สุขภัณฑ์ เสร็จสรรพเกือบจะพร้อมเข้าอยู่ได้เลยทีเดียว แบบนี้ไม่ว่าจะซื้ออยู่เอง หรือซื้อไว้ลงทุนปล่อยเช่าก็คุ้มค่าน่าลงทุนมากๆ เพราะราคาเปิดตัวมาไม่แรงเลย อยู่ในเรทที่จับจองกันได้ง่ายๆ คนที่ผ่านไปผ่านมาในย่านนี้ก็ให้ความสนใจกันเยอะ ได้ข่าวว่าถูกจับจองกันไปพอสมควรแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเลยด้วยนะเนี่ย ใครที่สนใจสามารถแวะไปชมห้องตัวอย่างกันได้ที่ Sale Gallery ก่อนได้ หรือไปลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษกันได้ที่ http://www.grenecondo.com/donmuang/th/register.php หรือ โทร. 02-055-9224
ISSI Condo สุขสวัสดิ์ : รีวิวคอนโด

ISSI Condo สุขสวัสดิ์ : รีวิวคอนโด

คราวนี้เราจะพาไปดู ISSI Condo คอนโดมิเนียมสไตล์โมเดิร์นสูง 24 ชั้น อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจของชาญอิสสระ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุขสวัสดิ์ ในทำเลที่ใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน และยังเกาะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่คาดว่าจะมีการก่อสร้างในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย   การเดินทาง สำหรับเรื่องการเดินทาง โครงการ ISSI Condo Suksawat ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่บริเวณปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 ถ้าหากขึ้นทางด่วนข้ามสะพานพระราม 9 หรือสะพานแขวนมาสามารถเลือกลงได้ทั้งทางลงสุขสวัสดิ์ และทางลงพระราม 2 เริ่มจากบนทางด่วนกันเลยนะครับ เราอยู่บนทางด่วนศรีรัช มุ่งหน้าไปทางดาวคะนอง ตามป้ายดาวคะนองไปเลยครับ ตามป้ายดาวคะนองมาเรื่อยๆ มาถึงตรงนี้ให้ชิดขวาตามป้าย เพื่อที่จะเบี่ยงออกไปขึ้นสะพานพระราม 9 ขึ้นสะพานพระราม 9 มาแล้วจะเห็นธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือ ลงสะพานมาเราก็ตามป้ายดาวคะนองต่อไปอีกนะครับ มาถึงตรงนี้จะเห็นป้ายบอกให้เบี่ยงซ้าย ก็ถึงจุดลงทางด่วนแล้วล่ะครับ ลงมาจากทางด่วนก็จะเข้าสู่ถนนพระราม 2 คราวนี้เราจะไม่ตามป้ายดาวคะนองแล้วนะครับ เราจะเลี้ยวขวาไปทางพระประแดงตามป้ายเลย เลี้ยวขวามาแล้วเราก็เข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้วล่ะครับ ตรงจากแยกมานิดหน่อยจะเห็นบิ๊กซี สุขสวัสดิ์อยู่ด้านซ้ายมือ ก็แสดงว่าใกล้ถึงโครงการแล้วล่ะครับ ให้ชิดซ้ายไว้ได้เลย เลยจากบิ๊กซีมานิดเดียวจะเห็นซอยสุขสวัสดิ์ 17 คอนโดจะอยู่ติดกับซอยนี้เลย ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ สำนักงานขายโครงการก็จะตั้งอยู่หน้าไซต์ก่อสร้างนี่เลยครับ หรือใครที่อยากลงทางด่วนที่ถนนสุขสวัสดิ์เลยก็ได้เหมือนกันนะครับ ระยะทางอาจจะไกลกว่าลงที่ถนนพระราม 2 แต่ระหว่างทางไปโครงการจะมีตลาด มีร้านอาหาร ให้เลือกซื้อหามากกว่าทางฝั่งถนนพระราม 2 ขอเริ่มจากจุดที่ลงสะพานพระราม 9 เลยนะครับ ลงสะพานมาแล้วให้ชิดซ้ายเพื่อที่จะออกถนนสุขสวัสดิ์เลย เมื่อเข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้ว เราต้องกลับกลับรถก่อนนะครับ จากจุดลงทางด่วนมาประมาณ 550 เมตร จะเจอที่กลับรถ พอกลับรถมาแล้วก็ตรงยาวๆ เลยครับ ตรงนี้จะเป็นจุดขึ้นทางด่วนขาเข้าเมือง ตรงมาอีกหน่อยจะเจอโลตัส บางปะกอก อยู่ทางขวามือ ถ้าเบื่อบิ๊กซีที่อยู่ข้างๆ โครงการก็มาเดินโลตัสตรงนี้ได้นะครับ ฮ่าๆ ข้างๆ โลตัสจะเป็นตลาดสดบางปะกอก เย็นๆ จะมีร้านอาหารอยู่หน้าตลาดเยอะแยะเลยครับ จากตลาดบางปะกอกมาประมาณ 1 กม. ก็จะเจอโครงการอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วล่ะครับ เลยจากบิ๊กซีมาเราต้องกลับรถอีกรอบนึง เพื่อเข้าโครงการที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นอกจากนี้ยังสามารถใช้สะพานกรุงเทพข้ามมายังฝั่งธนฯ เลี้ยวเข้าถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินที่แยกมไหสวรรค์ แล้วตรงต่อมายังถนนสุขสวัสดิ์จนถึงที่ตั้งโครงการ หรือถ้าถนนเส้นนี้รถติดเกินไปเพราะกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอุโมงค์ข้ามแยก ก็ยังสามารถเลี่ยงไปใช้ถนนราษฎร์บูรณะ เพราะเป็นเส้นที่ขนานกับถนนสุขสวัสดิ์และมีหลายซอยที่เชื่อมต่อถึงกัน เช่น ซอยสุขสวัสดิ์ 13, 15/1, 19 และ 25 ซึ่งซอยเหล่านี้ช่วยได้เยอะเลยนะครับ เราจะได้ไม่ต้องกลับรถไปกลับรถมาให้วุ่นวาย หรือจะเลือกไปใช้สะพานภูมิพลก็เป็นอีกเส้นทางที่สะดวกดีไม่แพ้กัน ทั้งข้ามไปยังปู่เจ้าฯ และเข้าเมืองมาที่ฝั่งพระราม 3 ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนบนถนนสุขสวัสดิ์ ต้องบอกว่ามีตัวเลือกไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งรถเมล์ที่วิ่งผ่านหลายสาย รถตู้ รถกะป๊อ แท็กซี่ แล้วที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งเป็นตัวช่วยชั้นดีเลยนะครับในวันที่รีบสุดๆ ที่สำคัญในอนาคตยังมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่านหน้าโครงการอีก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำการก่อสร้างในปีสองปีนี่แหละครับ รับรองว่าได้ใช้กันแน่ๆ วิเคราะห์ทำเลรอบโครงการ ในส่วนของทำเลที่ตั้งโครงการ ISSI Condo Suksawat  ต้องบอกว่าอยู่ในย่านที่คึกคักมากทีเดียว ทั้งนี้เพราะทำเลแถบนี้อยู่ในย่านที่อยู่อาศัยซึ่งมีอยู่เดิม บรรยากาศโดยรอบจึงมีทั้งร้านค้า วัด โรงเรียน และตลาด แต่ในขณะเดียวกันตัวโครงการก็ไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนซะทีเดียวนะครับ จัดว่าระดับความสะดวกสบายอยู่ใกล้กำลังดี อาศัยเดินซักนิด นั่งรถอีกซักหน่อยก็มีครบแทบทุกอย่างครับ เอาที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะเป็นห้าง Big C สุขสวัสดิ์ ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าโครงการไปเพียง 120 เมตรเท่านั้น เอาไว้เป็นแหล่งจับจ่ายซื้อของใช้จำเป็นได้ และระหว่างทางเดียวกันนี้ก็มีสำนักงานสรรพากรอยู่ด้วย แถมยังมีคิวรถกระป๊ออีกหลายสายจอดรออยู่บริเวณนี้ จะไปไหนมาไหนใกล้ๆ ก็สะดวกดีครับ แล้วถ้าเดินเลยขึ้นไปทางซอยสุขสวัสดิ์ 19 ก็มีของกินอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ทั้งรถเข็นขายอาหาร แผงลอย ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารก็มีเยอะตั้งแต่ปากซอยเลย โดยเฉพาะในซอยสุขสวัสดิ์ 19 ที่คึกคักมากหน่อย เพราะมีทั้งวัดและโรงเรียนอีก 2 แห่งในซอย ช่วงเลิกเรียนจะขายของกันคึกคักดี แถมยังเป็นซอยใหญ่ทะลุไปออกที่ซอยราษฎร์บูรณะ 14 ได้อีกด้วย น่าจะเป็นที่พึ่งพาในเรื่องปากท้องได้เป็นอย่างดี ส่วนถ้าจะเลยออกไปไกลหน่อย รอบๆ นี้ก็ยังมีห้าง Big C ราษฎร์บูรณะ, Big C บางปะกอก, ห้าง Central พระราม 2, Tesco Lotus, ตลาดดาวคะนอง ฯลฯ หรือไม่ก็ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าฝั่งพระนครไปเลย จากที่เราลองเดินสำรวจรอบๆ โครงการก็เห็นว่าซอยสุขสวัสดิ์ 17 เป็นซอยตันนะครับ ในซอยมีอพาร์ทเม้นท์ หอพักสูง 7-8 ชั้นอยู่ 2-3 ตึก ช่วงเช้าและเย็นจะได้ยินเสียงเด็กนักเรียนบ้างนิดหน่อย เพราะหลังซอยติดกับโรงเรียนบางประกอกวิทยาคมที่อยู่ในซอยสุขสวัสดิ์ 19 นอกเหนือจากนี้ก็เป็นบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 2-3 ชั้น รวมถึงพื้นที่รอบๆ ก็ไม่มีตึกสูง ยังเป็นบ้านในแนวราบถ้าจะมีก็แค่ตึกแถวสูง 4-5  ชั้น ที่มีอยู่ใกล้ๆ บ้าง ห้องพักของ ISSI Condo จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องถูกบังวิวซักเท่าไหร่ แถมทางโครงการ ISSI Condo Suksawat ก็เลือกออกแบบให้สระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลางอยู่ทางด้านซอย 17 เลยได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง และไม่ค่อยถูกรบกวนจากภายนอก สภาพแวดล้อมโดยรวมของโครงการจึงค่อนข้างเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย สำหรับตัวอาคารของโครงการ ISSI Condo Suksawat เป็นอาคารเดี่ยวรูปตัว U สูง 24 ชั้น มีจำนวนยูนิตรวมทั้งหมด 892 ยูนิต โดยส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 5 เป็นต้นไป ล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่บนชั้น 5 ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำขนาด 6x25 เมตร แยกสระเด็กและจากุชชี่ ห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องสตรีม และสวนพักผ่อน Sunken Seat Forest Seat นอกจากนี้ยังมีทางโครงการยังจัดพื้นที่นั่งเล่นอ่านหนังสือพร้อม wi-fi แถมด้วย Sky Garden บนดาดฟ้า รวมถึงสนามเด็กเล่น, Sport Ground สำหรับคนที่ชอบเล่นกีฬา และยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟในพื้นที่โครงการอีกด้วย เรียกว่าจัดมาให้เต็มที่กันเลย ส่วนในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ก็เป็นไปตามมาตรฐานทั้งระบบ CCTV รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง และระบบ Access Control สิ่งอำนวยความสะดวกหลักๆ ทางโครงการก็จัดมาแน่นตามที่บอกไปแล้วข้างต้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องให้สะดุดตา สะดุดใจไร้ที่ติเลยนะครับ เพราะเท่าที่เห็นจำนวนลิฟท์โดยสารที่ทางโครงการจัดมาให้ก็ต้องตกใจว่ามีเพียง 3 ตัว (ไม่รวมลิฟท์เซอร์วิส 1 ตัว) เท่านั้น ซึ่งนับว่าอัตราส่วนการใช้หนาแน่นมากๆ จนเข้าขั้นอึดอัดกันเลยทีเดียว เพราะลิฟท์ 1 ตัวต่อจำนวนห้องร่วมๆ 300 ห้อง จะใช้ลิฟท์แต่ละทีคงต้องรอกันนานมากหน่อย แถมตำแหน่งของลิฟท์ก็อยู่ที่โซนกลางของอาคาร เท่ากับว่าห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายและขวา หรือตำแหน่งปลายของตัว U ก็ต้องเดินกันไกลเลย ถ้าซื้อของเข้าบ้านเยอะๆ ก็เหนื่อยกันหน่อยนะครับ เช่นเดียวกันกับห้องทิ้งขยะที่ก็ต้องเดินในระยะเหนื่อยแทบไม่ต่างกัน ดังนั้นการเลือกตำแหน่งห้องว่าจะอยู่ใกล้ หรือไกลลิฟท์ ก็น่าจะต้องลองชั่งใจกันดูนิดนึงว่าจะยังไงดี จะเลือกเดินใกล้ หรือเดินไกลแต่ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า Master Plan จะแสดงให้เห็นภาพรวมคร่าวๆ ของโครงการ ทางเข้า-ออก สวนสีเขียวรอบๆ โครงการ และที่จอดรถบางส่วนในชั้น G สนามกีฬาด้านหลังโครงการ ที่ชั้น 2-4 จะเป็นที่จอดรถ ซะส่วนใหญ่ แต่ก็มีห้องพักอาศัยอยู่ด้วยที่ด้านขวา และด้านหลังของอาคาร ที่ชั้น 2 จะมี 14 ยูนิต ที่ชั้น 3-4 จะมีห้องพักอาศัยอยู่ 19 ยูนิต ขึ้นมาถึงที่ชั้น 5 จะเป็นชั้นที่มี Facility หลักของโครงการอยู่ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องสตรีม และสวนพักผ่อน Sunken Seat Forest Seat พร้อมกับห้องพักอาศัยที่โอบล้อม Facility อยู่ทั้ง 3 ด้าน สระว่ายน้ำขนาด 6x25 เมตร แยกสระเด็กและจากุชชี่ บนชั้น 5 ที่ชั้น 6-24 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด Sky Garden บนชั้นดาดฟ้า ขณะนี้ ISSI Condo Suksawat กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างไปมากกว่า 80% แล้วนะครับ เราจึงค่อนข้างเห็นภาพรวมของตัวโครงการได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งเรื่องทิศทางของแดดและวิว ซึ่งห้องทางฝั่งด้านหลังโครงการโดยเฉพาะบนชั้นสูงๆ จะค่อนข้างได้เปรียบเรื่องวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นเดียวกันกับห้องทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ยังพอเห็นวิวแม่น้ำบ้างในบางมุม ส่วนห้องทางด้านหน้าโครงการที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเสียเปรียบเรื่องวิวหน่อย เพราะจะเห็นเป็นวิวเมืองแทน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีตึกสูงมาบังสายตา ได้วิวมุมกว้างๆ สบายตากันไป ในขณะที่ห้องที่อยู่ทางด้านในก็จะหลบแดดได้บ้าง เรื่องวิวก็ได้วิวสวนและวิวสระว่ายน้ำจากส่วนกลางไปแทน ใครชอบมุมไหน ทิศไหนก็ลองไปเลือกๆ ไปเล็งที่โครงการกันตามสะดวกครับ พาชมห้องตัวอย่าง พาไปดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า ซึ่งทางโครงการเตรียมห้องแบบ 1 Bedroom ไว้ให้ชมด้วยกัน 2 Type ครับ เริ่มกันที่ห้องแรกที่มีขนาดประมาณ 25 ตร.ม. เป็น Type D05 เปิดประตูเข้าห้องมาก็จะเจอกับเคาน์เตอร์ครัว​ที่อยู่ทางขวามือ พื้นที่ครัวขนาดกระทัดรัดเหมาะกับขนาดห้องเลยนะครับ มีเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L พร้อมซิงค์ล้างจาน และชั้นเก็บของมาให้ด้วย แต่ไม่มีชุดเตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้นะครับ อันนี้ต้องติดเพิ่มเอง แต่ที่จริงแล้วห้องขนาดนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะกับการทำครัวหนักๆ เท่าไหร่ แค่ไมโครเวฟซักเครื่องสำหรับเตรียมหรืออุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ ก็คงเพียงพอแล้วครับ ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนซึ่งกั้นแบ่งไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน บรรยากาศภายในห้องตัวอย่างดูโปร่งสบายตาดีนะครับ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการตกแต่งห้องให้ดูเรียบง่าย สบายตา ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์กำลังดี และจัดไว้เป็นสัดส่วนดีทีเดียวครับ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงไอเดียในการตกแต่งเท่านั้นนะครับ เพราะของจริงที่เราจะได้คือ ห้องเปล่าๆ และผนังฉาบเรียบเท่านั้น ส่วนห้องน้ำภายในห้องก็มาพร้อมสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า ประตูบานเลื่อนกั้นห้องอาบน้ำ พร้อมชุดฝักบัว ตามมาตรฐาน Cotto  ซึ่งพื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำก็ขนาดกระทัดรัดกำลังดีครับ เสียตรงที่วางของตรงอ่างล้างหน้าน้อยไปนิด แต่ยังดีที่ทางโครงการมีเว้นช่องเก็บตรงหน้าห้องอาบน้ำไว้ให้ เลยพอช่วยเพิ่มที่เก็บของได้บ้าง แปลนห้อง Type D05 ขนาด 24.90 ตารางเมตร เข้ามาให้ห้องแล้วมองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดห้องเตียงนอน ด้านซ้ายมือ โครงการทำเป็นตู้เก็บของซ่อนอยู่ ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องครัว มีเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L สำหรับเตรียมอาหาร ไม่มีชุดเตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้ พร้อมซิงค์ล้างจาน และชั้นเก็บของ ทั้งด้านบนและด้านล่าง ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนซึ่งกั้นแบ่งไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน โครงการจะใช้ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนนะครับ ทำให้เปิดได้กว้างขึ้น โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน อยู่ติดกับประตูบานเลื่อนของห้องครัว ภาพมุมกว้างห้องครัวและโต๊ะทานอาหาร ส่วน Living Area ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น และสีโทนอ่อน ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งดีครับ ชั้นวางทีวีทำเป็นชั้น Built in เล็กๆ ทำให้ห้องดูโล่งขึ้น โซฟาถูกจัดวางไว้ติดกับปลายเตียงเลยนะครับ เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด Living Area จะอยู่ติดกับระเบียง มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน สำหรับเปิดปิด มีธรณีประตูขึ้นมานิดหน่อยนะครับ เวลาก้าวเข้า-ออก ก็ระวังสะดุดกันด้วย ขนาดของระเบียงห้องกว้างกำลังพอดีนะครับ สามารถวางเครื่องซักผ้าที่ระเบียงได้เลย อย่างที่บอกนะครับ เตียงนอนจะอยู่ติดกับโซฟาเลย วางเตียง 5 ฟุตกำลังพอดีครับ จะได้ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป ข้างเตียงจะมีหน้าต่าง ด้านบนจะเป็นบานเลื่อน ส่วนด้านล่างจะเป็นบาน Fix อีกด้านของเตียงจะเป็นห้องน้ำ เห็นตู้ขาวๆ หน้าห้องน้ำนั่นคือตู้เสื้อผ้านะครับ ตู้เสื้อผ้าที่โครงการจัดไว้ให้ดูจะเป็นหน้าบานสไลด์แบบที่เห็นนะครับ เพราะถ้าใช้บานเปิดแบบปกติก็จะติดเตียง อาจจะทำให้ใช้งานได้ลำบาก เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันต่อ การวางสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าทรงกลมมีที่วางของเล็กๆ ของ 2 ข้าง Shower Box จะกั้นด้วยประตูบานสไลด์ 3 ตอน ชุดฝักบัวของ Cotto ส่วนห้องอีกเป็น Type C07 ซึ่งมีขนาดห้องเกือบๆ 30 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยมากกว่า แต่ก็ยังคงเป็นแบบ 1 Bedroom นะครับ สำหรับ Layout ของห้องนี้จะดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น ด้วยการแบ่งพื้นที่ใช้สอยแยกออกจากกันอย่างชัดเจน พอเปิดเข้าห้องมาก็จะเจอพื้นที่นั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนซึ่งถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเรียบร้อย ในขณะที่พื้นที่ด้านขวาของห้องจะถูกกั้นเป็นโซนห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียง เรื่องวัสดุ สุขภัณฑ์ที่มาพร้อมกับห้องจะหน้าตาเหมือนกับห้องก่อนหน้าเลย เพียงแค่ต่างกันเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องตำแหน่งการจัดวางเท่านั้นครับ ห้อง Type นี้จะดีหน่อยสำหรับคนที่ชอบทำครัว เพราะตำแหน่งห้องครัวอยู่ติดกับระเบียง สามารถเปิดประตูช่วยระบายกลิ่นกับข้าวได้ แถมพื้นที่ครัวก็กว้างกว่า เหมาะกับการใช้งานมากกว่าด้วย แปลนห้อง Type C07 ขนาด 29.39 ตารางเมตร ห้อง Type นี้เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ห้องนี้จะแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น Living Area จะแยกออกจากห้องนอนอย่างชัดเจน ชั้นวางทีวีเป็นชั้น Built in เล็กๆ เหมือนกัน ภาพอีกมุมของ Living Area โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่านอยู่ติดกับประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ที่กั้นระหว่าง Living Area กับห้องนอน ภายในห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือ ให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้ หน้าต่างภายในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้อง Type D05 ส่วนด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่วางอยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้ง มุมมองจากเตียงนอนออกไปที่ส่วน Living Area คราวนี้เราเข้าไปดูห้องครัวกับห้องน้ำที่แอบอยู่ด้านในกันต่อ เคาน์เตอร์ครัวของ Type นี้จะเป็นแนวยาว จะมีช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง พื้นที่เตรียมอาหาร ซิ้งค์ล้างจาน ชั้นลอยเก็บของ ระเบียงจะอยู่ติดกับห้องครัวนะครับ ข้อดีคือสามารถระบายกลิ่นอาหารออกนอกอาคารได้ง่าย เครื่องซักผ้าวางไว้ที่ระเบียงเหมือนกันนะครับ จากระเบียงเราย้อนกลับเข้าไปดูที่ห้องกันต่อ สุขภัณฑ์ที่ใช้และการจัดวางจะคล้ายๆ กับห้อง Type D05 เลยนะครับ ต่างกันตรงที่ Shower Box จะย้ายมาอยู่ตรงกลางระหว่างอ่างล้างหน้ากับโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าแบบเดียวกันเลย ขนาดของ Shower Box ประมาณนี้นะครับ มาพร้อมกับชุดฝักบัวของ Cotto สำหรับโครงการ ISSI Condo Suksawat ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจไม่น้อยเลยในทำเลย่านสุขสวัสดิ์ เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดริมถนนใหญ่ และอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ยิ่งพอรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมใช้งานแล้ว การเดินทางเข้าเมืองก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้นอีกหลายเท่า ในขณะที่การเดินทางในรูปแบบอื่นๆ ก็ยังสะดวกอยู่เช่นเดิม เรื่องสาธารณูปโภคต่างๆ ก็ค่อนข้างพร้อม มีห้าง Big C อยู่ใกล้พอๆ กับร้านสะดวกซื้อเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือซื้อเพื่อการลงทุน โครงการนี้ก็ยังคงความน่าสนใจได้ไม่น้อยเลยครับ ใครที่สนใจคงต้องรีบไปกันหน่อย เพราะได้ข่าวว่าเหลือห้องว่างไม่มากแล้ว
Ashton Chula – Silom : รีวิวคอนโด

Ashton Chula – Silom : รีวิวคอนโด

Ashton Chula - Silom คอนโดหรู สูง 56 ชั้น โครงการใหม่ล่าสุดจากอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ บนถนนพระราม 4 ใกล้ MRT สามย่าน รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   5,900,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 250,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด   High Rise สูง 56 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง   1,182 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   4 - 3 - 66.90 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนพระราม 4 แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สามย่าน จามจุรี แสควร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา วัดหัวลำโพง มาบุญครอง เซ็นเตอร์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 24.5 - 34.5 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 55 - 65 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการกว่า 1 ไร่ Social Club สระว่ายน้ำ Fitness Sky Lounge Access Key Card ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.ananda.co.th
333 Riverside : รีวิวคอนโด

333 Riverside : รีวิวคอนโด

วันนี้เรายังคงวนเวียนอยู่ในย่านเตาปูน บางโพ เพราะแถวนี้มีคอนโดโครงการใหม่ผุดขึ้นหลายโครงการเลยครับ คราวนี้จะพาไปดูโครงการ 333 Riverside คอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา จาก Land & House โครงการนี้น่าสนใจทีเดียวครับ นอกจากจะอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้วิวสวยๆ แล้ว ยังอยู่ติดกับตัวสถานี MRT บางโพอีกต่างหาก   การเดินทาง สำหรับการเดินทางสามารถมาได้จากหลายเส้นทางนะครับ ไม่ว่าจะมาจากทางพระราม 5 เข้าถนนพิบูลย์สงคราม ก่อนจะมาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 1 หรือจะมาจากทางประชาชื่น วงศ์สว่าง ก่อนจะเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตรงเข้าบางโพ อีกฝั่งก็จะมาจากทางด้านสามเสน ผ่านแยกเกียกกาย เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 1 ไปเลี้ยวซ้ายที่แยกบางโพ ก็ถึงตัวโครงการแล้วครับ   แต่เมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางจะสะดวกขึ้นอีกเยอะเลยครับ เพราะทางขึ้นสถานีบางโพจะตั้งอยู่หน้าโครงการเลย สามารถเดินออกจากโครงการแล้วขึ้นรถไฟฟ้าได้ทันที ไม่ต้องต่อรถให้เสียเวลา โครงการจะตั้งอยู่สุดถนนประชาราษฎร์สาย 2 ใกล้ๆ กับท่าเรือบางโพ (แต่ตอนนี้ปิดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า) เลยแยกบางโพมานิดหน่อย ตัวสถานีรถไฟฟ้าบางโพจะตั้งอยู่เยื้องๆ กับโครงการนะครับ ไม่ได้ตั้งอยู่หน้าโครงการเลย แต่บันไดขึ้นลงสถานีจะมาอยู่หน้าทางเข้าโครงการพอดี ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว วันนี้เราขอเริ่มต้นจากถนนพิบูลย์สงคราม บริเวณใกล้ๆ โรงเรียนสตรีนนทบุรี เลยมาจะเจอมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เลยจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มาจะเจอแยก ให้เลี้ยวขวาไปทางบางโพ ตามป้ายเลยครับ จากนั้นขับตรงไปทางบางโพ มาจนถึงแยก ให้เลี้ยวขาวอีกครั้งเพื่อเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 1 จากนั้นตรงมาจนถึงแยกบางโพ จะสังเกตเห็นรางรถไฟฟ้าอยู่ข้างหน้า ตรงนั้นแหละครับคือรถไฟฟ้าสถานีบางโพ ให้ไปเลี้ยวขวาที่แยกบางโพได้เลยครับ เลี้ยวขวาเข้ามาแล้ว จะเห็นสถานีบางโพกำลังก่อสร้างอยู่ข้างบน ถึงทางเข้าโครงการแล้วครับ เลี้ยวขวาเข้าไปได้เลยยย ทางเข้าสำนักงานขายดู Luxury สมกับเป็นคอนโดหรู วิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากสำนักงานขาย ท่าเรือบางโพที่อยู่ใกล้โครงการ แต่ตอนนี้ปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อหลีกทางให้การก่อสร้างรถไฟฟ้า และอีกหนึ่งเส้นที่คือจากถนนประชาชื่น บริเวณแยกประชานุกูล หน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น มุ่งหน้าไปทางเตาปูน แล้วไปเลี้ยวขวาที่แยกประชาชื่น หน้าโลตัส เตาปูน เข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตรงไปผ่านแยกบางโพก็ถึงโครงการ หรือใครมาทางด่วนศรีรัช ฝั่งขาออก มาลงรัชดาภิเษก ลงมาแล้วมาเลี้ยวซ้ายที่แยกประชานุกูล เข้าถนนประชาชื่น ก็มาเส้นทางนี้ได้เหมือนกันนะครับ เริ่มจากแยกประชานุกูล ตรงหน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น เลยนะครับ จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาชื่น ขับมาจนถึงแยกประชาชื่น ก่อนจะถึงแยกจะเห็นโลตัส ประชาชื่น หรือที่คนแถวนี้เรียกว่าโลตัส เตาปูน อยู่ด้านซ้ายมือ ถึงแยกให้เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปทางบางโพ ตามป้ายเลยครับ เลี้ยวขวามานิดหน่อย ก็จะเจอ MRT สถานีเตาปูน Interchange จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ไปจนถึงแยกบางโพ ใกล้ถึงแยกบางโพแล้วให้ชิดขวาไว้นะครับ เพราะทางที่เราจะตรงไปจะเบี่ยงออกไปทางขวาหน่อย เพื่อหลบการก่อสร้างรถไฟฟ้า ไฟเขียวแล้วก็ตรงเข้าไปเลยครับ ทางอาจจะแคบหน่อย เพราะติดงานก่อสร้างรถไฟฟ้า วิเคราะห์ตัวโครงการ โครงการ 333 Riverside เป็นคอนโด High Rise 2 อาคาร อาคาร A สูง 41 ชั้น อาคาร B สูง 42 ชั้น และอาคาร Low Rise สูง 4 ชั้น อีก 1 อาคาร ตัวโครงการจะตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำมากที่สุดคืออาคาร Low Rise 4 ชั้น หรือที่เรียกว่า Villa ส่วนอาคาร High Rise ทั้ง 2 อาคารจะล่นระยะเข้ามาอีก โดยอาคาร A ห้องฝั่งทิศตะวันตกจะหันหน้าไปทางถนนจรัญสนิทวงศ์ได้วิวแม่น้ำเต็มๆ แต่ก็จะได้รับแดดในตอนบ่ายเต็มๆ เหมือนกัน ส่วนอีกฝั่งทิศตะวันตกเป็น City View หันไปทางบางโพ เตาปูน ฝั่งนี้จะได้รับแดดตอนเช้า ส่วนอาคาร B แยกออกไป 2 ฝั่งมีช่องตรงกลางเป็นรูปสามเหลี่ยม ห้องฝั่งที่ได้วิวแม่น้ำจะหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หันไปทางเกียกกาย โรงพยาบาลยันฮี ฝั่งจรัญฯ ส่วนห้องอีกฝั่งจะหันไปทางทิศเหนือ ทางวงศ์สว่าง สะพานพระราม 7 เรื่องสภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการยังคงเป็นอาคารพาณิชย์ ร้านอาหารเล็กๆ ฝั่งตรงข้ามโครงการจะมีโรงเรียนทหารพลาธิการ และมีโรงพยาบาลบางโพอยู่ใกล้ๆ ส่วนซูปเปอร์มาร์เก็ตก็จะมีโลตัส เตาปูนและบิ๊กซี วงศ์สว่าง ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่อาจจะไม่ต้องไปไกลถึงโลตัส บิ๊กซีก็ได้นะครับ เพราะพื้นที่ว่างหน้าโครงการอาจจะเปลี่ยนคอมมูนิตี้ มอลล์ ในอนาคต บันไดทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าทอดมาถึงหน้าโครงการ ที่ชั้น 1 จะเป็น Lobby แยกของแต่ละอาคาร มีลิฟท์โดยสารอาคารละ 3 ตัว และที่จอดรถใต้อาคารตั้งแต่ชั้น 1-4 ประมาณ 800 คัน Facility หลักของโครงการจะอยู่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ แยกสระเด็ก ที่อยู่เยื้องๆ มาทางอาคาร A ฟิตเนส สวนสีเขียวที่อยู่หน้าอาคาร B และเป็นชั้นที่เริ่มมีห้องพักอาศัย บริเวณ Facility บนชั้น 5 ฟิตเนส หันหน้าออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา Reading Room วิวแม่น้ำ Villa สูง 4 ชั้น จำนวน 16 ยูนิต จะเป็นส่วนที่อยู่ใกล้แม่น้ำมากที่สุด แต่นี้ขายหมดไปเรียบร้อยแล้วครับ อาคาร A ชั้น 5 นอกจากจะเป็นชั้นที่มี Facility แล้วยังเป็นชั้นที่เริ่มต้นของห้องพักอาศัย มีทั้งหมด 12 ยูนิต ส่วนชั้นที่ 6 - 41 เฉลี่ย 13 ยูนิตต่อชั้น อาคาร B ชั้น 5-6 มี 11 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้น 7 - 42 เฉลี่ย 12 ยูนิตต่อชั้น พาชมห้องตัวอย่าง แบบห้องของโครงการจะมีทั้งหมด 3 แบบ คือ 1 ห้องนอน ขนาด 45.50 – 51.10 ตารางเมตร แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 83.20 – 94.10 ตารางเมตร และแบบ Villa ขนาด 141.70 – 192.70 ตารางเมตร แต่ห้องตัวอย่างที่โครงการเตรียมไว้ให้ดูจะมี 2 แบบ คือ 1 ห้องนอน ขนาด 45.8 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 85.7 ตารางเมตร เรามาดูแบบ 1 ห้องนอนกันก่อนนะครับ เนื่องจากวันที่เราเข้าไปทำการรีวิว มีผู้สนใจมาชมห้องตัวอย่างอยู่หลายคน เราเลยไม่ได้ภาพแบบ 1 ห้องนอนมาด้วย เลยจะขอใช้ภาพของโครงการอธิบายแทนนะครับ เมื่อเข้าไปในห้องแล้วจะเจอกับส่วนของครัวและโต๊ะทานอาหารที่อยู่หน้าห้องก่อนเลย ถัดเข้าไปจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียง ส่วนห้องนอนจะได้ห้องนอนขนาดใหญ่เลยครับ วางเตียง 5-6 ฟุต ได้สบายๆ ห้องน้ำทางโครงการตกแต่งให้สวยงามด้วยกระเบื้องโมเสค แบบห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 45.8 ตารางเมตร เข้าไปในห้องจะเห็นส่วนของครัวอยู่ทางขวามือก่อนนะครับ เลยจากโต๊ะทานอาหารเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area ห้องนอน แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาดห้องจะกระโดดมาเป็น 85.7 ตารางเมตร เข้าห้องมาแล้วจะเจอกับโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งก่อนเลย ส่วนครัวจะเป็นแบบปิดอยู่ด้านขวาสุดของห้อง ส่วน Living Area จะอยู่เลยมาจากโต๊ะทานอาหาร ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงขนาดใหญ่ ทางเดินเข้าไปที่ห้องนอนจะผ่านห้องนอนเล็กก่อนนะครับ ห้องนอนเล็กนี่สามารถวางเตียงได้ขนาดประมาณ 3 ฟุตเห็นจะได้ ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำห้องแรก มาถึงสุดทางเดินจะเป็นห้องนอนใหญ่ ภายในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำอีก 1 ห้อง แบบห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 85.7 ตารางเมตร ที่นี่จะใช้ระบบ Digital Door Lock นะครับ ที่หน้าห้องจะมี Mail Box ติดอยู่ด้วย ไม่ต้องคอยลงไปเปิดดู Mail Box ข้างล่างอีกแล้ว ตู้เก็บของขนาดใหญ่อยู่หน้าประตู เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน อยู่ที่หน้าห้องก่อนนะครับ ส่วนด้านขวาสุดเป็นห้องครัว เดี๋ยวไปดูในครัวกันต่อเลย ครัวจะเป็นแบบปิดนะครับ กั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อน ด้านที่ติดกับโต๊ะทานอาหารจะทำเป็นกระจกมองจากครัวออกไปด้านนอก ทำให้ในครัวดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นเคาน์เตอร์ยาวมีพื้นที่ทำอาหาร เตรียมอาหาร ได้เยอะทีเดียว ด้านล่างจะเป็นช่องลิ้นชักเก็บของ ที่วางไมโคเวฟ และที่เห็นแวบๆ มุมซ้ายสุดคือเครื่องซักผ้า ต่อออกมาจากครัวจะเป็นที่ว่างแบบนี้อยู่ จริงๆ แล้วถ้าเอาเครื่องซักผ้ามาวางตรงนี้น่าจะใช้งานได้สะดวกกว่านะครับ คอมเพรสเซอร์แอร์จะวางอยู่ด้านนอก หันหน้าออกนอกห้องแบบนี้ ประตูกระจกบานเลื่อนกั้นระหว่างครัวกับระเบียงเล็กๆ ที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์เมื่อกี้ เข้ามาดูด้านในกันต่อนะครับ ต่อไปเป็นส่วนของ Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ประมาณนี้นะครับ ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ระเบียงที่ได้ก็ใหญ่สมควรนะครับ ที่สำคัญระเบียงจะโล่งไม่มีคอมเพรสเซอร์แอร์วางเกะกะอยู่ด้วย ทางเดินเข้าไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้อง เจอชั้นวางของหน้าห้องก่อนเลย เราแวะมาดูที่ห้องนอนเล็กกันก่อนนะครับ เตียงของห้องตัวอย่างที่โครงการทำไว้ให้ดูจะเป็นเตียง Built-in ขนาดจึงพอดีกับตัวห้องแบบที่เห็น ขนาดก็จะพอๆ กับเตียง 3 ฟุต โต๊ะนั่งทำงานข้างๆ เตียง นั่งกับพื้นเลย ดีไซด์น่ารักดีนะครับ ฝั่งตรงข้ามกับห้องนอนเล็ก จะเป็นห้องน้ำห้องแรก อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มีตู้เก็บของอยู่ข้างๆ ให้ด้วย ผนังห้องน้ำด้านที่ติดอ่างล่างหน้าจะตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค เพิ่มความหรูหราขึ้นไปอีก กระจกเงาขนาดพอดีกับอ่างล่างหน้า โถสุขภัณฑ์ Shower Box จะกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ มี Rain Shower ให้ด้วยนะครับ มาดูที่ห้องนอนใหญ่ต่อนะครับ ห้องนอนใหญ่วางเตียง 5-6 ฟุตแล้วยังมีที่ว่างรอบๆ เตียงเหลือให้ทำอย่างอื่นอีกเยอะเลย ชั้นวางทีวีที่ปลายเตียง หรือใช่ทีวีแบบแขวนก็ได้เช่นกัน ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่าง ทางโครงการ Built-in Daybed ไว้นั่งชมวิวที่ริมหน้าต่าง ให้ดูเป็นไอเดียด้วย หน้าต่างจะเป็นบานฟิก และมีบานกระทุ้งให้ 1 บาน ข้างเตียงอีกฝั่งจะเป็นโต๊ะข้างเตียงวางติดอยู่กับตู้เสื้อผ้า ต่อไปจะเป็นห้องน้ำอีกห้องที่อยู่ในห้องนอนใหญ่ การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ห้องน้ำห้องนี้จะใหญ่กว่าห้องแรกนะครับ อ่างล้างหน้าและตู้เก็บของ ขนาดของ Shower Box ถือว่ากว้างพอสมควร อาบพร้อมกัน 2 คนได้สบายเลยครับ อิอิ ^_^ ห้องนี้ก็มี Rain Shower ให้เหมือนกันนะครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน ที่ตั้งของโครงการ 333 Riverside ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีเลยทีเดียวครับ เพราะตัวโครงการที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาและรถไฟฟ้าสถานีบางโพ แถมยังอยู่ในย่านชุมชน ใกล้ตลาดสด โรงพยาบาล และโรงเรียน ซึ่งเหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่พักอาศัยเกาะแนวรถไฟฟ้า และอยู่ไม่ห่างจากความเจริญมากนัก ซึ่งในอนาคตทำเลย่านนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะนอกจากรถไฟฟ้าที่เข้ามาในย่านนี้แล้ว ยังมีรัฐสภาแห่งใหม่ที่กำลังอยู่ก่อสร้างอยู่อีกด้วย ส่วนการซื้อเพื่อลงทุนสำหรับการปล่อยเช่า อาจจะต้องคิดกันหนักหน่อยนะครับ เนื่องจากห้องมีขนาดใหญ่ เริ่มต้นที่ 45 ตารางเมตร ราคาต้นทุนจึงอาจจะสูงตามไปด้วย แถมตัวโครงการยังอยู่ห่างไกลจากแหล่งธุรกิจใจกลางเมือง ขณะที่การซื้อเพื่อขายต่อในอนาคตอาจจะมีโอกาสที่ดีกว่า เพราะอย่างที่บอกนะครับว่าศักยภาพของทำเลในย่านนี้มีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต แต่อย่างไรก็ดีผู้ลงทุนควรศึกษาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ให้รอบคอบก่อนการลงทุนด้วยนะครับ
รีวิวคอนโด ติวานนท์ “Amber by Eastern Star”

รีวิวคอนโด ติวานนท์ “Amber by Eastern Star”

เคยผ่านมาดูคอนโดแนวรถไฟฟ้า สายสีม่วง ช่วงถนนกรุงเทพ - นนท์ ก็หลายครั้งแล้ว ซึ่งทำเลในแถบนี้ยังคงมีคอนโดโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้เลยจะพาไปดูอีกโครงการใกล้กับรถไฟฟ้า สายสีม่วง สถานีแยกติวานนท์ ถ้าใครได้ผ่านมาบนถนนสายนี้อาจจะพอคุ้นตากับป้ายโครงการ Amber By Eastern Star กันบ้าง การเดินทาง เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าแยกติวานนท์เพียง 50 เมตรดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด ถ้าหากว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานในปี 2559 ในอนาคตอันใกล้การเดินทางเข้าออกเมืองก็จะประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น   ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็มีเส้นทางให้เลี่ยงได้หลายทางเหมือนกัน เพราะตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ-นนท์ ซึ่งเชื่อมต่อเข้ากับถนนหลายเส้น เริ่มตั้งแต่ด่านทางด่วนงามวงศ์วานและด่วนประชานุกูล ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางเข้าออกเมืองให้รวดเร็วกว่าเส้นทางปกติ หรือถ้าจะใช้ถนนรัชดาภิเษกก็วิ่งกันได้ยาวๆ ส่วนสะพานข้ามแม่น้ำก็มีทั้งสะพานพระราม 7 ข้ามมาฝั่งจรัญสนิทวงศ์ได้ รวมถึงสะพานพระราม 5 ก็เป็นอีกเส้นที่เลี่ยงไปออกถนนราชพฤกษ์ได้เช่นกัน รวมถึงถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนนครอินทร์ ถนนงามวงศ์วาน ถนนประชาชื่น และถนนวิภาวดี ดังนั้นใครที่มีรถส่วนตัวอยู่แล้วก็ถือว่าค่อนข้างได้เปรียบถ้าเลือกซื้อห้องในทำเลแถบนี้ เพราะยังไงก็มีเส้นทางเข้า-ออกเมืองได้หลากหลาย ติดก็แค่เรื่องการจราจรที่ติดขัดเอาการ ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า หรือตอนเย็น เผลอๆ ติดไม่เว้นวันหยุดอีก จะขับรถไปไหนมาไหนก็ต้องทำใจเผื่อเวลากันมากหน่อย   แต่ถ้าเลือกเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน หรือบริการรถสาธารณะก็สามารถเดินทางได้ค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียว เพราะมีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย แถมป้ายรถเมล์ก็อยู่หน้าโครงการเลย ไปไหนมาไหนในระยะใกล้ๆ จึงสะดวกมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่ถัดออกไปไม่ไกล รวมถึงรถแท็กซี่ก็หาเรียกได้ไม่ยากอีกด้วย เสียแต่ว่าการจราจรบริเวณนี้ค่อนข้างจะติดหนัก ก็ได้แต่ลุ้นว่าถ้ารถไฟฟ้าเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้เมื่อไหร่อะไรๆ ก็จะดีขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย   แผนที่โครงการ คอนโด ติวานนท์ แผนที่รอบๆ โครงการครับ ตัวโครงการจะอยู่ใกล้ MRT แยกติวานนท์ ประมาณ 50 เมตรนะครับ การเดินทางวันนี้ผมขอเริ่มจากถนนรัชดาภิเษก ฝั่งขาออก มุ่งหน้าแยกวงศ์สว่างนะครับ ตรงนี้จะเป็นสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ ให้เบี่ยงออกทางซ้าย เพื่อไปรอเลี้ยวขวาที่แยกวงศ์สว่างนะครับ ตรงนี้คือสี่แยกวงศ์สว่าง ให้เลี้ยวขวาไปทางนนทบุรีนะครับ ถ้าตรงไปจะไปทางสะพานพระราม 7 ถ้าใครขับเลยขึ้นสะพานข้ามแยกนี้ไปต้องไปกลับรถใต้สะพานพระราม 7 เลยนะครับ พอเลี้ยวขวามาแล้วก็จะเจอกับ MRT สถานีวงศ์สว่างเลยนะครับ ให้ขับตรงไปอีก สถานีถัดไปก็จะเป็นสถานีแยกติวานนท์แล้วล่ะครับ ขับตรงมาอีกประมาณ 1.7 กม. ก็จะถึงสถานีแยกติวานนท์แล้วนะครับ แต่สำนักงานขายของโครงการจะอยู่ฝั่งตรงข้าม ต้องตรงไปอีกหน่อยเพื่อกลับรถนะครับ ถึงแล้วครับ สำนักงานขายโครงการ วิเคราะห์ตัวโครงการ คอนโด ติวานนท์ ทำเลที่ตั้งของโครงการ Amber by Eastern Star ตั้งอยู่ในเขตชุมชนที่อยู่อาศัยเดิม ซึ่งมีอาคารพาณิชย์ และร้านค้ารายล้อมอยู่พอสมควร ถึงจะไม่ได้สะดวกครบครันแต่ก็ไม่ถือว่าลำบากเลย เพราะติดๆ กันกับหน้าโครงการมีทั้งร้านขายของชำ และร้านสะดวกซื้อให้พึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ถัดไปในซอยใกล้ๆ ก็มีร้านอาหารแผงลอยเปิดขายในช่วงกลางวัน เพราะในซอยมีโรงงานอยู่ ตอนกลางวันจนถึงเย็นๆ จึงยังพอหาของกินได้ไม่ยาก เลยไปอีกหน่อยบริเวณหน้าปั๊มเชลล์ก็มีรถเข็นขายอาหารในช่วงเย็นถึงค่ำอีกหลายร้าน หรือถ้าอยากซื้อขนมนมเนยและข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ติดๆ กับที่ตั้งโครงการก็มีร้านขายของชำ และร้านสะดวกซื้อให้พึ่งพาได้ ถึงจะไม่ได้อยู่ในทำเลที่ผู้คนพลุกพล่านมีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดหาอะไรไม่ได้เลยนะครับ เพราะในบริเวณรอบๆ มีทั้ง The Mall งามวงศ์วาน, Central รัตนาธิเบศร์, Big C  หรือถ้าจะเลยไปถึง Central ลาดพร้าวก็ถือว่าไปได้ไม่ยากนัก อาหารการกินถ้าเลยมาทางหน้ากระทรวงสาธารณสุขก็จะมีให้ร้านค้าให้เลือกมากมายเข้าขั้นอุดมสมบูรณ์มาก รวมถึงโรงพยาบาลนนทเวช โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก็อยู่ไม่ไกลนัก ดังนั้นบริเวณรอบๆ นี้จึงถือว่าค่อนข้างพร้อมกับการอยู่อาศัยดีทีเดียว   เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าเลย จึงทำให้โครงการนี้เป็นที่น่าสนใจมากพอสมควร อีกทั้งเจ้าของโครงการยังเป็น Developer รายใหญ่ มีความน่าเชื่อถือสูงจึงไว้วางใจได้ว่าจะไม่มีการทิ้งงาน ถ้าใครเคยเห็นโบรชัวร์โครงการ หรือได้เข้าไปดูโมเดลตึกที่สำนักงานขายแล้ว จะเห็นว่า Amber By Eastern Star มีดีไซน์อาคารที่สะดุดตา น่าสนใจมาก ทั้งการเล่นระดับให้ลดหลั่นลงมา และจัดเป็นสวนลอยฟ้าไว้ในหลายๆ ชั้น รวมถึงหน้าตาอาคารที่เหมือนจรวดดูทันสมัยจึงดึงดูดใจผู้ที่พบเห็นได้ไม่ยาก ตัวตึกเป็นอาคาร High Rise สูง 37 ชั้น มียูนิตรวมทั้งหมด 563 ยูนิต โดยพื้นที่ส่วนกลางแบ่งเป็นสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ ซึ่งรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกันที่ชั้น 5 ส่วนพื้นที่สีเขียวก็มีทั้งสวนลอยฟ้าที่อยู่ตามชั้นต่างๆ ที่ลดหลั่นกันลงมาตามการออกแบบอาคาร แต่ยังไม่รู้เลยนะครับว่า ถ้าทางโครงการเลือกใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบล็อคชั้น ลูกบ้านแต่ละห้องจะสามารถขึ้นไปใช้สวนที่กระจายอยู่ทั่วทั้งตึกได้หรือไม่ หรือจะขึ้นได้เฉพาะชั้นที่เป็นห้องตัวเอง ส่วนเรื่องที่จอดรถนั้น ทางโครงการจัดพื้นที่ไว้ให้ตั้งแต่ชั้น 1-4 ซึ่งสามารถรองรับรถได้จำนวน 189 คัน (ไม่นับรวมจอดซ้อนคัน) อาจจะเพราะทางโครงการต้องการเน้นกลุ่มคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยติดกับรถไฟฟ้าและใช้รถไฟฟ้าเป็นหลักในการเดินทาง เรื่องที่จอดรถจึงไม่ค่อยเน้นจำนวนเท่าไหร่ แต่ถ้าใครที่มีรถส่วนตัวต้องใช้อยู่เป็นประจำเรื่องที่จอดรถของโครงการดูจะน่าเป็นห่วงว่าจะต้องแย่งกันจอดกับลูกบ้านคนอื่นๆ ถ้าที่จอดรถไม่พอขึ้นมาจริงๆ อันนี้มีปัญหาตามมาแน่ๆ พิจารณากันให้ดีๆ นะครับ นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีระบบ CCTV ครอบคลุมทุกพื้นที่โครงการ รวมถึง Digital Door Locked ที่มีให้ทุกห้อง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่ทางโครงการได้จัดเตรียมไว้ให้ ไม่มากไม่น้อยไปจัดว่าแค่เพียงพอต่อการใช้งานขั้นพื้นฐานครับ รูปร่างหน้าตาของอาคารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โมเดลจำลองของโครงการครับ หน้าตาของสระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้น 5 ครับ สวนลอยฟ้าที่กระจายกันอยู่ตามชั้นต่างๆ สวนสีเขียวด้านหน้าโครงการ เราเปลี่ยนมาดูรอบๆ โครงการกันบ้างนะครับ ฝั่งตรงข้ามจะเห็นสำนักงานขายของโครงการ Bangkok Horizon ของ CMC ตั้งอยู่ด้วยนะครับ ซึ่งโครงการนี้เป็นคอนโด High Rise สูง 34 ชั้น ความสูงจะพอๆ กับ Amber เลยนะครับ เดินเลยที่ตั้งโครงการมาอีกหน่อย ก็จะมี Family Mart ให้ได้ฝากท้องกันด้วยนะครับ ตั้งอยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้านี่เลย ที่ติดกับ Family Mart ก็จะเป็นทางขึ้น-ลงสถานีรถไฟฟ้าครับ มีพี่วินไว้ให้บริการด้วยนะครับ เผื่อใครขี้เกียจขับรถไปซื้อของที่บิ๊กซี พาชมห้องตัวอย่าง คอนโด ติวานนท์ Amber By Eastern Star มีห้องให้เลือกด้วยกัน 2 แบบครับ คือ ห้องแบบ 1 ห้องนอน ที่ขนาดพื้นที่ใช้สอย 33-37 ตร.ม. และห้องแบบ 2 ห้องนอน ที่ขนาดพื้นที่ 55-76 ตร.ม. จุดเด่นของห้องที่นี่คือ ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร รวมถึงทิศทางของตึกที่วางตัวตามลักษณะที่ดิน ทำให้ห้องส่วนใหญ่หันหน้าไปทางทิศเหนือและใต้ และได้วิวมุมสูงที่ค่อนข้างเต็มตาเลยทีเดียว เราไปดูห้องตัวอย่างในสำนักงานขายกันเลยดีกว่า เริ่มด้วยห้อง Type A4 ซึ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน เปิดประตูห้องเข้ามาก็จะเจอพื้นที่ของครัวที่อยู่หลังประตูห้องก่อนเลย Pantry ครัวจะอยู่ทางด้านขวามือ เปิดครัวเปิดเล็กๆ ที่เหมาะกับการเตรียมอาหารเล็กๆ น้อยๆ มากกว่าการทำครัวแบบจริงจัง ไม่อย่างนั้น กลิ่นกับข้าวคงได้กระจายไปทั่วห้อง ถัดจากครัวเข้ามาก็เป็นพื้นที่นั่งเล่น มุมนี้เอาไว้นั่งดูทีวีสบายๆ ในระยะที่กำลังพอดีสำหรับทีวีขนาดไม่เกิน 42 นิ้ว เพราะระยะห่างจากโซฟาถึงทีวีมีไม่มากนัก ส่วนพื้นที่ติดหน้าต่างที่เป็นส่วนพิเศษหน่อย เนื่องจากเป็นกระจกเข้ามุมทำให้เปิดรับแสงและวิวได้มากขึ้น มุมนี้สามารถวาง Day Bed ซักตัว หรือจะจัดเป็นมุมนั่งทำงานก็ได้อีกเช่นกัน  ส่วนอีกด้านของห้องเป็นพื้นที่ของห้องนอนซึ่งมีห้องน้ำในตัว พื้นที่ในห้องนอนค่อนข้างแคบนะครับ วางเตียงขนาด 5 ฟุตลงไปแล้วก็เหลือที่ปลายเตียงอีกนิดเดียวจนแทบจะเดินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หน้าห้องน้ำจัดเป็นมุมแต่งตัว วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ ได้  ส่วนในห้องน้ำก็จัดแบ่งพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียกไว้เรียบร้อยด้วยกระจกเทมเปอร์ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็เป็นไปตามมาตรฐานทั่วไปครับ ไม่ได้หรูหราอย่างที่คาดหวังเอาไว้ ข้อเสียสำคัญของห้อง Type นี้ก็คือ ไม่มีระเบียง!! ในขณะที่ในห้องเตรียมตำแหน่งติดตั้งเครื่องซักผ้ามาให้แล้วที่เคาน์เตอร์ครัว ซึ่งผมยังนึกไม่ออกว่าซักผ้าเสร็จแล้วจะเอาผ้าไปตากที่ไหน   เราไปดูห้อง Type B 2 ซึ่งเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนกันบ้างดีกว่า เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอพื้นที่ครัว และห้องนั่งเล่นแทบไม่ต่างกับห้องแบบแรกเลยทีเดียว  แต่ห้อง Type นี้มีระเบียงนะครับ อยู่ติดกับห้องนั่งเล่นพอดี ถึงพื้นที่ระเบียงจะไม่ได้กว้างมาก แต่ก็พอจะวางเครื่องซักผ้าได้พอดี ซึ่งทางโครงการก็ทำระแนงเหล็กบังตาไว้ให้เรียบร้อย  ส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้อยู่เหนือเครื่องซักผ้าได้พอดี ถัดเข้ามาที่โซนด้านในซึ่งเป็นพื้นที่ของห้องนอน เราจะเจอกับห้องนอนเล็กก่อนซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ พื้นที่ของห้องนอนเล็กก็เล็กสมชื่อ ลักษณะห้องออกไปในแนวยาว วางเตียง 3.5 ฟุต แล้วก็มีที่ให้ตกแต่งได้อีกนิดหน่อย ในห้องตัวอย่างทางโครงการตกแต่งห้องนี้ให้เป็นห้องทำงาน และมุมพักผ่อนเพิ่มเติม โดยผนังห้องส่วนหนึ่งเป็นกระจกใส และไม่มีบานประตู จึงให้ความรู้สึกว่าห้องกว้างขึ้น แต่ของจริงผนังจะเป็นผนังปูนตามปกตินะครับ ถัดเข้าไปด้านในสุดจะเป็นห้องนอนใหญ่ ซึ่งมีห้องน้ำอยู่ในตัว  พื้นที่ในห้องนอนก็กว้างขึ้นเล็กน้อย แต่ก็แทบจะไม่รู้สึกเท่าไรนัก เพราะมีเหลี่ยมมุมของเสาอาคารที่จำกัดพื้นที่การตกแต่ง พอวางเตียงลงไปแล้ว ปลายเตียงก็เหลือที่ว่างแค่พอให้เดินได้เท่านั้น จะว่างชั้นเก็บของ หรือจะตกแต่งอะไรเพิ่มเติมก็ทำได้ยาก อย่างมากก็ทำได้แค่แขวนทีวีอีกเครื่องเท่านั้น เอาเป็นว่าพื้นที่โดยรวมแค่พอใช้งานได้เท่านั้นนะครับ ถ้ามีสมบัติเยอะเข้าขั้นนักสะสมคงไม่มีที่ให้เก็บของแน่ๆ   จากที่ได้ชมห้องตัวอย่างมาก ต้องบอกว่าการออกแบบภายในยังขาดๆ เกินๆ อยู่ การตกแต่งห้องให้ลงตัวคงทำได้ยากซักหน่อย ที่สำคัญทางโครงการก็ขายห้องมาให้แบบห้องเปล่าๆ นะครับ ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ตามแบบห้องตัวอย่างแถมมาให้ด้วย จะมีก็แค่ ชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้นที่ได้มาพร้อมห้อง ซึ่งวัสดุที่ทางโครงการเลือกมานั้นค่อนข้างธรรมดามากเมื่อเทียบกับห้องในระดับนี้ และภาพความหรูหราที่คาดหวังเอาไว้จากที่ได้เห็นรูปแบบอาคารก็ถูกลดทอนลงไปมากเลยทีเดียว เรามาเริ่มกันที่ Type A แบบ 1 ห้องนอนกันก่อนนะครับ เมื่อเปิดประตุเข้ามาแล้ว จะเจอส่วนของครัวก่อนเลย จะเป็นครัวแบบเปิดนะครับ เหมาะกับการเตรียมอาหารมากกว่าการทำทานเอง เคาน์เตอร์ครัวจะค่อนข้างจะเล็กนะครับ อย่างที่บอกว่าเหมาะสำหรับการเตรียมอาหารมากกว่า เพราะไม่มีเตาไฟฟ้า และฮูดดูดควันให้ด้วย มีช่องวางเครื่องซักผ้าอยู่ด้านล่างนะครับ อีกฝั่งจะเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่านครับ ส่วนถัดเข้าไปด้านในจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ ระยะห่างจากโซฟาถึงทีวีไม่มากนะครับ วางทีวีขนาดไม่เกิน 42 นิ้ว กำลังดีครับ มองมุมกลับออกมาหน้าห้องนะครับ เรามาดูที่ห้องนอนกันบ้างนะครับ ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังพอดีนะครับ จะเหลือพื้นที่ปลายเตียงให้เดินนิดหน่อย ส่วนทีวีต้องแขวนผนังเหมือนห้องตัวอย่างแทนครับ ตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งวางอยู่หน้าห้องน้ำนะครับ ว่าแล้วเราก็เข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยดีกว่าครับ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเป็นของ American Standard ส่วนอาบน้ำจะแยกเป็นสัดส่วนมีนะครับ กระจกเทมเปอร์กั้นส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ชุดฝักบัวที่ได้ครับ มาดูแบบ 2 ห้องนอนกันบ้างนะครับ เปิดเข้ามาก็จะเจอครัวอีกเหมือนกันครับ จะคล้ายๆ กับ Type A แต่จะไม่มีช่องใส่เครื่องซักผ้าอยู่ด้านล่างแล้วนะครับ โต๊ะทานอาหารก็จะมาอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัวเลย ตู้เย็นจะวางอยู่ติดผนังเดียวกันกับประตูห้องเลยนะครับ ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นส่วน Living Area ส่วน Living Area จะอยู่ติดกับระเบียงเลยนะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีจะพอๆ กับห้อง Type A เลยครับ ส่วนของระเบียงจะกว้างประมาณนี้นะครับ ด้านซ้ายของระเบียงจะเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า คอมเพรสเซอร์แอร์จะวางอยู่เหนือเครื่องซักผ้านี่แหละครับ เรามาดูที่ห้องนอนเล็กกันต่อนะครับ ผนังด้านหน้าห้องจะทำเป็นกระจกเข้ามุม มองออกมาก็จะเห็นส่วนครัวที่อยู่หน้าห้อง แต่ห้องจริงที่ได้จะเป็นผนังปูนปกตินะครับ ดูข้างในแล้วก็เล็กสมชื่อจริงๆ ครับ วางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ก็น่าจะพอแล้วนะครับ จะได้มีที่ว่างให้วางอย่างอื่นด้วย แต่ห้องตัวอย่างที่ตกแต่งให้ดู ออกจะเป็นแนวห้องทำงานมากกว่านะครับ ห้องน้ำด้านนอกจะอยู่ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กนะครับ การวางสุขภัณฑ์จะคล้ายๆ กับห้อง Type A เลยครับ เดินเลยเข้ามาดูที่ห้องนอนใหญ่กันต่อนะครับ ขนาดห้องก็ไม่ได้ใหญ่เหมือนชื่อเท่าไหร่นะครับ วางเตียง 5 ฟุต กำลังเหมาะครับ มีพื้นที่ปลายเตียงเหลือให้เดินได้นิดหน่อย ทีวีก็คงต้องแขวนผนังเอานะครับ เพราะไม่มีที่เหลือพอให้วาง Sideboard หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบาน Fix นะครับ ข้างเตียงจะมีที่เหลือนิดหน่อยให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้นะครับ ในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวอีก 1 ห้องนะครับ ตู้เสื้อผ้าจะวางอยู่หน้าห้องน้ำเลยนะครับ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็จะใช้ของ American Standard เหมือนกับห้อง Type A ครับ ส่วนเปียกก็จะแยกเป็นสัดส่วน มีบานกระจกเทมเปอร์กั้นระหว่างส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ความคุ้มค่าน่าลงทุน ของคอนโด ติวานนท์ ถึงแม้ตัวโครงการ Amber By Eastern Star จะมีความน่าสนใจอยู่ที่ทำเลที่ตั้งที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงเลย แต่ด้วยขนาดห้องเริ่มต้นที่ค่อนข้างใหญ่ จึงทำให้ราคาห้องสูงตามไปด้วย ซึ่งในแง่ของการลงทุนจึงทำให้ผู้ลงทุนมีต้นทุนสูงกว่าการลงทุนในโครงการอื่นๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกัน กว่าจะเกิด Upside Gain ก็ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะลงทุนห้องเพื่อขายต่อ หรือลงทุนไว้ปล่อยเช่าคงเหนื่อยหน่อย เพราะการปล่อยห้องเช่า ถ้าเปรียบเทียบกับห้องในโครงการอื่นๆ ที่อยู่ในทำเลใกล้เคียงก็ไม่ค่อยจะคุ้มค่าการลงทุนเท่าไหร่ แต่ถ้าหากมองห้องเอาไว้เพื่ออยู่อาศัยเอง ห้องของ Amber ก็จะได้เปรียบเรื่องขนาดห้องที่ใหญ่กว่าทำให้อยู่สบายกว่า แถมบรรยากาศของโครงการก็ดูสงบ ร่มรื่นดี รวมถึงอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ใกล้สาธารณูปโภคต่างๆ อีกด้วย คนที่ทำงานในย่านนี้อยู่แล้ว และกำลังมองหาที่อยู่ใหม่ ที่นี่ก็อาจจะเป็นอีกตัวเลือกที่น่าเก็บไว้พิจารณานะครับ โครงการคอนโดอื่นๆ ที่น่าสนใจ นิช โมโน ติวานนท์ The Politan Rive ยู ดีไลท์ @ บางซ่อน สเตชั่น
U Delight @บางซ่อน สเตชั่น : รีวิวคอนโด

U Delight @บางซ่อน สเตชั่น : รีวิวคอนโด

U Delight เป็นอีกแบรนด์คอนโดที่พยายามเกาะแนวรถไฟฟ้าอยู่กลายๆ หลายโครงการชูจุดขายเรื่องใกล้รถไฟฟ้าไว้ชัดเจน แต่พอลองไปดูจริงๆ ก็มีทั้งใกล้บ้าง ไกลบ้าง แต่สำหรับโครงการ U Delight @บางซ่อน สเตชั่น นับว่าอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าแบบจริงจัง ด้วยระยะทางไม่เกิน 120 เมตร จากหน้าโครงการก็ถึงทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าบางซ่อนแล้วครับ การเดินทาง เนื่องจากตัวโครงตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกบ้านของ U Delight @บางซ่อน ทางโครงการคุยไว้ว่าระยะห่างจากหน้าโครงการกับสถานีรถไฟฟ้าแค่ 120 เมตรเท่านั้น แต่ระยะเดินจริงๆ ก็บวกไปอีกนิดหน่อยถึงจะไปถึงตัวสถานี เพราะ 120 เมตรเค้านับถึงแค่ทางขึ้นเท่านั้นครับ แต่ถึงยังไงก็ยังถือว่าใกล้อยู่ดีนั่นแหละ จะไปไหนมาไหนก็สะดวกมากโดยไม่ต้องห่วงปัญหาเรื่องรถติด แถมสถานีรถไฟฟ้าบางซ่อนยังเป็นสถานี interchange ที่เชื่อมต่อกับทางรถไฟสายสีแดง จึงยิ่งเพื่มทางเลือกในการเดินทางให้มากขึ้นไปอีก สำหรับการเดินทางด้วยรถส่วนตัวมายังโครงการก็ไม่ยากเย็นเลย เพราะทำเลที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนกรุงเทพ-นนทบุรีซึ่งตีคู่มากับถนนประชาชื่น จากถนนประชาชื่นสามารถเข้าซอยประชาชื่น 19 มาออกที่ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 32 ได้ แล้วเลี้ยวซ้ายมาอีกนิดหน่อยก็ถึง หรือจะเลือกวิ่งมาตามทางหลักถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี จากฝั่งวงศ์สว่างตรงมาเรื่อยๆ ที่ตั้งโครงการก็จะอยู่ทางด้ายซ้ายมือ แต่ถ้ามาจากฝั่งเตาปูนพอเลยสถานีตำรวจเตาปูนมาหน่อยก็เตรียมชิดขวากลับรถมาที่โครงการได้เลย นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ก็มีถนนอีกหลายสายที่ใช้เป็นเส้นทางเข้าออกเมืองได้เช่นกัน เส้นไหนติดมากก็เลี่ยงไปใช้อีกทางที่ติดน้อยกว่าได้ รวมถึงด่านทางด่วนรัชดาก็อยู่ห่างออกไปไม่เกินนัก จึงค่อนข้างสะดวกในการเดินทางสำหรับคนที่ต้องใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ส่วนใครที่ต้องการเดินทางด้วยรถประจำทาง หรือรถสาธารณะอื่นๆ ก็มีทั้งรถเมล์ที่วิ่งผ่านหลายสาย แถมป้ายรถเมล์ก็อยู่ถัดจากหน้าโครงการไปเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้การเดินทางด้วยรถเมล์ค่อนข้างสะดวกไม่แพ้วิธีการอื่นๆ เลย หรือถ้าจะใช้บริการแท็กซี่ หรือรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็หาเรียกได้ตลอดทั้งวัน แผนที่โครงการครับ ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ซึ่งจะอยู่ใกล้กับ MRT สถานีบางซ่อนประมาณ 120 เมตร นอกจากรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงแล้ว ยังมีรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ชื่อสถานีบางซ่อนเหมือนกัน ตั้งอยู่ใกล้ๆ ระยะทางประมาณ 540 เมตรอีกด้วย ซึ่งหากรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ก็นับว่าสะดวกมากเลยล่ะครับ แถมต่อจาก MRT บางซ่อนมาอีกสถานีเดียวก็จะเป็นสถานีเตาปู Interchange จุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสีน้ำเงิน ให้เปลี่ยนรถเข้าเมืองได้อย่างสบายๆ เลย วันนี้ขอเริ่มจากทางด่วนศรีรัช ฝั่งที่มาจากทางแจ้งวัฒนะนะครับ มาลงที่ถนนประชาชื่นแล้วให้เบี่ยงซ้ายเข้าถนนประชาชื่นนะครับ ระวังอย่าขึ้นสะพานนะครับ จะข้ามถนนประชาชื่นไปลงถนนรัชดาภิเษกแทน เมื่อเจอถนนประชาชื่นให้เลี้ยวขวาไปทางประชานุกูลตามป้ายนะครับ เมื่อเลี้ยวขวาออกมาแล้ว จะเจอ รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น อยู่ทางขวามือ ให้ขับเลยไปอีกนิดเดียวก็จะเจอแยกประชานุกูลแล้วครับ เมื่อถึงแยกประชานุกูลแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายไปทางวงศ์สว่างตามป้ายเลยนะครับ ถึงตรงนี้ถ้าหากใครมาทางด่วนศรีรัชฝั่งขาออก ให้ลงถนนรัชดาภิเษก ก็จะเจอแยกประชานุกูลเหมือนกัน ให้ขับตรงไปทางวงศ์สว่างได้เลยนะครับ จากนั้นขับตามถนนรัชดาภิเษกไปเรื่อยๆ จนถึงแยกวงศ์สว่าง ก่อนถึงแยกวงศ์สว่างจะมีสะพานข้ามแยก ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ ให้เบี่ยงออกซ้ายเพื่อที่จะไปเลี้ยงซ้ายที่แยกอีกที พอถึงแยกวงศ์สว่างให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ไปทางเตาปูน ตามป้าย จากนั้นขับตรงไปตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เรื่อยๆ นะครับ ตรงนี้จะเป็นทางรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน มองมาทางซ้ายมือจะเป็นสถานีของรถไฟชานเมือง คือสถานีบางซ่อน ตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเป็น MRT สถานีบางซ่อน แล้วล่ะครับ จากสถานี MRT บางซ่อนมาประมาณ 120 เมตร ก็ถึงสำนักงานขายของโครงการแล้วครับ จะมีป้ายบอกให้ไปจอดรถที่ไปรษณีย์บางซื่อซึ่งอยู่ข้างๆ สำนักงานขายนั่นเองครับ เราก็เข้ามาจอดที่นี่ได้เลยครับ อยู่ติดกับโครงการเลย นี่คือทางขึ้นลงรถไฟฟ้า MRT บางซ่อน ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 120 ม. หน้าตาจะต่างจากทางขึ้น BTS ที่เราคุ้นตา วิเคราะห์ตัวโครงการ โครงการ U Delight @บางซ่อน ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน ซึ่งเป็นสถานี interchange ที่เชื่อมต่อกับทางรถไฟสายสีแดง บริเวณรอบๆ จึงคึกคักมากพอสมควร เพราะบริเวณนี้เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยกันมาแต่เดิม ทำให้มีร้านค้า ร้านอาหารมากมายแต่ต้องเดินจากหน้าโครงการมาไกลอีกหน่อย แต่ด้วยระยะทางประมาณ 300-400 เมตร ก็ยังถือว่าเป็นระยะที่กำลังเดินได้สบายๆ ครับ บริเวณนี้มีทั้งตลาดสด ตลาดนัด และร้านอาหารเพียบ จึงไม่ต้องกลัวอดกันเลย ส่วนในระยะประชิดกับตัวโครงการก็มีที่ทำการไปรษณีย์ที่มีรั้วติดกัน ภายในยังมีร้านกาแฟเล็กๆ แถมฝั่งตรงข้ามก็มี 7-11 ด้วย ในแถบนี้จึงนับว่าอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว นอกจากนี้พื้นที่รอบๆ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้นรายรอบ ซึ่งมีทั้งร้านค้า อู่ซ่อมรถ อู่ทำสี ปัญหาเรื่องกลิ่นสีอาจจะต้องลุ้นกันหน่อยว่าจะมีกลิ่นลอยมารบกวนมากแค่ไหน แต่เท่าที่เดินๆ ดูรอบๆ ก็ยังไม่พบปัญหานะครับ คิดว่าทางอู่คงมีการจัดการที่ดีพอสมควร ด้านหลังโครงการจะมีอาคารของศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา ขึ้นมาในระยะเกือบประชิด ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ส่วนด้านอื่นๆ ที่เหลือก็ไม่มีตึกสูงอะไรมาบังวิวให้เสียอารมณ์เท่าไหร่ เรียกว่าห้องที่อยู่สูงๆ ก็จะได้วิวไกลสุดสายตากันไปเลย U Delight @บางซ่อน เป็นคอนโด High Rise สูง 26 ชั้นครับ ตัวตึกรูปทรงเป็นเอกลักษณ์สไตล์ U Delight เลย ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป โดยที่บริเวณส่วนหนึ่งของชั้น 5 ก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางซึ่งรวบรวมสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และมุมพักผ่อนไว้ด้วย ส่วนเรื่องที่จอดรถทางโครงการจัดไว้ให้ตั้งแต่พื้นที่ชั้น 1-4 นับรวมจอดแบบซ้อนคันแล้วก็สามารถจอดได้เกือบ 300 คัน แต่ว่าลูกบ้านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มเติมนะครับ ซึ่งก็แฟร์ดีสำหรับคนที่ไม่มีรถ นอกจากนี้ที่บริเวณชั้น 1 ด้านหน้าโครงการยังมีพื้นที่สวนใต้ร่มเงาของต้นจามจุรีต้นใหญ่ที่มีอยู่เดิม ซึ่งทางโครงการเลือกเก็บไว้และจัด Landscape บริเวณนี้ให้เป็นพื้นที่สีเขียวเพื่อเป็นมุมพักผ่อนให้กับลูกบ้าน ส่วนใต้อาคารนอกจากจะเป็นพื้นที่ของล็อบบี้แล้ว ก็ยังมีร้านค้าอีก 6 ร้าน ซึ่งน่าจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ให้กับลูกบ้านได้มากขึ้น เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ทางโครงการจัดไว้ให้จึงนับว่าครบถ้วนดีสำหรับการอยู่อาศัยในคอนโด ส่วนนี้เป็นแบบจำลองของอาคารครับ ชั้น G รอบๆ ตัวอาคารจะเป็นที่จอดรถบางส่วน ในตัวอาคารจะเป็นเป็น Lobby และร้านค้าจำนวน 6 ยูนิต (ที่เห็นสีเขียวในแปลน) ส่วนด้านหน้าตึกจะเป็นสวนสำหรับพักผ่อนของลูกบ้าน บรรยากาศด้านหน้าตึกจะติดกับถนนกรุงเทพ-นนทบุรีเลยนะครับ สวนสีเขียวด้านหน้ามีจุดเด่นที่ต้นจามจุรีขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านในร่มเงาอยู่หน้าโครงการ นี่คือต้นจามจุรีต้นจริงที่จะตั้งอยู่หน้าโครงการ ชั้น 2-4 จะถูกใช้เป็นที่จอดรถ แต่ที่ชั้น 4 ส่วนหนึ่ง (ในกรอบสีแดง) จะถูกทำเป็น Fitness ซึ่งอาจจะทำให้เสียบรรยากาศไปหน่อยที่ต้องมาออกกำลังกายในชั้นที่จอดรถ สระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 5 โดยมีพื้นที่สีเขียวรอบๆ สระ โดยชั้นนี้มียูนิตทั้งหมด 24 ยูนิต หน้าตาของสระว่ายน้ำ 7×25 เมตร ระบบเกลือ ที่อยู่บนชั้น 5 ครับ ส่วนชั้นที่ 6-26 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด ซึ่งแต่ละชั้นจะมี 24 ยูนิต พาชมห้องตัวอย่าง ที่สำนักงานขาย U Delight @บางซ่อน มีห้องตัวอย่างให้ชมแบบเดียวเท่านั้น คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ซึ่ง Layout ของห้องไม่ได้ต่างจากแบบห้องของ U Delight โครงการอื่นๆ เลย ดังนั้นใครที่เคยไปชมห้องของ U Delight มาแล้ว ก็น่าจะนึกภาพตามได้ไม่ยากครับ พื้นที่ห้องจัดมาไว้เป็นสัดส่วนตัว ห้องนอนและห้องครัวอยู่ด้านในสุดของห้อง ติดกับหน้าต่างและระเบียง ประตูห้องนอนเป็นประตูบานสวิงไม่ใช่กระจกบานเลื่อนจึงได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ห้องครัวเป็นครัวปิด โดยมีประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน แบ่งพื้นที่ให้เห็นชัดเจน และในครัวก็มีชุดครัวมาพร้อมใช้งาน ทั้งเคาน์เตอร์ครัวและตู้เก็บของ แต่ด้วยพื้นที่ครัวที่ค่อนข้างจำกัด ทางโครงการจึงแบ่งเคาน์เตอร์ครัวเป็น 2 ฝั่ง เวลาใช้งานจริงอาจจะต้องหมุนตัวกลับไปมากันหน่อย ส่วนพื้นที่โซนด้านหน้าห้องด้านหนึ่งเป็นห้องน้ำ ซึ่งแยกส่วนแห้งส่วนเปียกไว้ให้เรียบร้อยด้วยฉากกั้นแบบเลื่อนได้ ส่วนพื้นที่นั่งเล่นก็มีขนาดกำลังพอดีตัว สามารถวางโซฟาชุดเล็กๆ ได้แล้วยังเหลือที่ให้โต๊ะกินข้าวอีกชุด หรือถ้าจะปรับแต่งให้ใช้สอยประโยชน์อื่นๆ แทนก็ได้เช่นกัน เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่เห็นในห้องตัวอย่างว่าลงตัวกับพื้นที่พอดีเป๊ะๆ นั้น ถ้าอยากได้ต้องจ่ายเงินเพิ่มกันหน่อยนะครับ เพราะปกติทางโครงการขายให้เป็นห้องเปล่า ถ้าคิดว่าการหาเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งเองจะยุ่งยาก ก็แนะนำว่าให้เลือกซื้อห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์จะดีกว่า เพราะขนาดห้องที่ค่อนข้างกระทัดรัดและมีพื้นที่จำกัดจะทำให้เฟอร์นิเจอร์ไซส์มาตรฐานที่จะมาวางให้ลงตัวกับพื้นที่หาได้ยาก นอกเหนือจากห้องแบบนี้แล้ว ก็ยังมีห้องแบบ 2 ห้องนอนให้เลือกด้วย แต่ก็ต้องอาศัยดูตามแปลนเอาครับ ไม่มีห้องตัวอย่างให้ชม ถ้าใครเคยไปดูโครงการอื่นๆ ของ U Delight มาแล้วก็อาจจะได้เปรียบตรงที่อาจจะพอนึกสภาพห้องจริงออกได้ไม่ยาก ส่วนใครจะถูกใจเลือกห้องเปล่า หรือซื้อห้องพร้อมเฟอร์ฯ ก็แนะนำให้สอบถามรายละเอียดต่างๆ กับพนักงานขายให้ครบถ้วนนะครับ ว่าตกลงแถมอะไร มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนติดตั้งมาให้พร้อมห้องบ้าง ป้องกันความผิดพลาดและปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดภายหลังเนื่องจากผิดสเปคครับ แปลห้องแบบ 1 ห้องนอน Couple ขนาด 30 ตารางเมตรนะครับ ห้องตัวอย่างที่มีให้ชมกันคือแบบ 1 ห้องนอน Couple ขนาด 30 ตารางเมตร เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับส่วนของห้องนั่งเล่นก่อนนะครับ ซึ่งจะมีโต๊ะทานอาหารเล็กๆ ขนาด 2 ท่าน อยู่ข้างๆ โซฟาฝั่งที่ติดกับประตูห้อง โต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ท่าน สวิทช์ไฟที่อยู่หน้าประตูห้อง ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีประมาณ 3 เมตรนะครับ ด้านหลังทีวีจะเป็นห้องน้ำ ต่อจากห้องนั่งเล่นเข้าไปด้านใน จะเป็นห้องนอนอยู่ทางซ้าย และห้องครัวอยู่ทางขวาครับ เรามาดูที่ห้องนอนกันก่อนดีกว่านะครับ สำหรับห้องนอนหากเพิ่มเงินให้โครงการ Built in ให้ก็จะได้หน้าตาแบบนี้เลยนะครับ ด้านปลายเตียงจะมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางทีวีด้วยนะครับ หน้าต่างจะทำแบบเข้ามุมให้ด้วยนะครับ ตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบฝังผนังนะครับ จะมีโต๊ะเครื่องแป้งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเลย ข้ามมาดูที่ห้องครัวกันต่อนนะครับ ห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนให้ด้วยนะครับ ครัวค่อยข้างจะมีพื้นที่กระทัดรัตนิดนึงนะครับ ตู้เย็นจะถูกจัดไว้ด้านในติดกับระเบียงห้องเลย ซิ้งค์ล้างจานเป็นแบบฝังของ Hafele อีกฝั่งจะเป้นเตาไฟฟ้า มีฮูดดูดควันและชั้นลอยเก็บของอยู่ด้านบน และช่องใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่างครับ คอมเพรสเซอร์แอร์อยู่ตำแหน่งนี้นะครับ หันหน้าเข้าหาระเบียง ส่วนพื้นที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่นอกระเบียง ใต้คอนเพรสเซอร์แอรืตัวนี้แหละครับ สุดท้ายเป็นห้องน้ำนะครับ หน้าห้องน้ำจะมีตู้เก็บรองเท้าแบบนี้ให้ด้วยนะครับ ห้องน้ำจะมีธรณีประตูเตี้ยๆ แบบนี้กั้นครับ ตำแหน่งที่วางโถสุขภัณฑ์กับอ่างล้างหน้า อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่ โถสุขภัณฑ์ของ American Standard ห้องอาบน้ำจะมีกระตูบานเลื่อนปิดกั้นให้ด้วยครับ รูปร่างหน้าตาของฝักบัวของ VRH ที่ได้ครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน U Delight @บางซ่อน เป็นอีกหนึ่งโครงการที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว ทำให้ลูกบ้านที่ซื้อห้องในโครงการมีโอกาสได้ใช้บริการรถไฟฟ้าสำหรับเดินทางจริงๆ ไม่ต้องรอโครงการในอนาคตอื่นๆ ดังนั้นเรื่องการเดินทางสำหรับคนที่ไม่ใช้รถส่วนตัวจึงนับว่าสะดวกสบายมาก เพราะเดินนิดหน่อยก็ถึงตัวสถานีรถไฟฟ้าเลย แถมบริเวณใกล้ๆ ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารการกินเนื่องจากเป็นแหล่งชุมชมเดิม รวมถึงห้าง Big C วงศ์สว่าง และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ก็อยู่ใกล้ๆ เรื่องสาธารณูปโภคที่จำเป็นจึงนับว่าครบครัน เหมาะกับการอยู่อาศัยเลยทีเดียว ถ้าใครที่ต้องการที่อยู่อาศัยในย่านเตาปูน ประชาชื่น หรือต้องทำงานในระแวกนี้ โครงการ U Delight @ บางซ่อนจึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวเลย  แต่ในด้านของการลงทุนสำหรับปล่อยห้องเช่า บริเวณนี้อาจจะหาผู้เช่าได้ยากหน่อย เพราะค่อนข้างไกลจากแหล่งธุรกิจ และหน่วยงานราชการใหญ่ๆ ในขณะที่การลงทุนไว้เผื่อขาย ห้องในทำเลนี้ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตที่ดีอยู่ เพราะทำเลที่ตั้งใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่เป็นสถานี Interchange จึงอาจจะทำกำไรและได้ผลตอบแทนจากการซื้อขายห้องได้
M JATUJAK : รีวิวคอนโด

M JATUJAK : รีวิวคอนโด

โครงการ: M JATUJAK (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 3,500,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 130,000 บาท เจ้าของโครงการ Major Development., Plc. จุดเด่น “ชูจุดเด่นด้วยการออกแบบบนแนวคิดชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติสไตล์ Urban Forest (ป่าในเมือง) เพียงก้าวเข้าสู่โครงการก็เสมือนได้กลับสู่ธรรมชาติด้วยการตกแต่งด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่เยอะที่สุดกว่า 60 รายการ แถมทำเลเด่น สะดวกสบายในการเดินทาง เพราะอยู่บนแนวรถไฟฟ้า 2 สาย ทั้ง BTS หมอชิต และ MRT สวนจตุจักร” จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ เดือนสิงหาคม 2561 ที่ตั้ง: M JATUJAK (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด ประมมาณ 4 ไร่ ที่ตั้ง ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.797683,100.551310 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS หมอชิต , MRT สวนจตุจักร, MRT กำแพงเพชร สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สถานีจตุจักร MRT สถานีจตุจักร MRT สถานีกำแพงเพชร ตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาด อตก. เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว ยูเนี่ยน มอลล์ เจเจ มอลล์ ลักษณะโครงการ: M JATUJAK (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom ขนาด 28 – 56.5 ตร.ม. 2 Bedroom ขนาด 48 – 118 ตร.ม. จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น 32 ชั้น และ 34 ชั้น จำนวนห้อง 864 ยูนิต ส่วนกลาง: M JATUJAK (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 50% (รวมจอดซ้อนคัน) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 50 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค สนามกีฬาในร่มขนาดใหญ่ (สปอร์ต อารีน่า) ประกอบด้วย สนามแบตมินตัน, สนามสตรีทบาสเกตบอล และสนามฟุตซอล สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมจากุซซี่ ฟิตเนสอุปกรณ์ครบครับ บริการรถรับส่ง WI-FI พื้นที่ส่วนกลางตลอด 24 ชม. ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ระบบลิฟท์ความเร็วสูง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดอาคารและพื้นที่ส่วนกลาง ระบบการระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติ ระบบบำบัดน้ำเสีย เพิ่มเติม: M JATUJAK (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-261-7997 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.signatureofme.com ข้อมูล ณ วันที่
Rich Park 2 : รีวิวคอนโด

Rich Park 2 : รีวิวคอนโด

ครั้งนี้จะพาไปดู คอนโดมิเนียมในแบรนด์ Rich Park 2@ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านไหน แต่ถ้าจะใช้ชัดกว่านั้นก็ต้องบอกว่า คอนโดนี้ตั้งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) และสายสีม่วง (บางซื่อ-บางให่) จัดว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันสำหรับการเลือกหาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า การเดินทาง จากแยกวงศ์สว่าง วิ่งมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มุ่งหน้ามาจนถึงแยกเตาปูน และเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 2  ก็จะเห็นโครงการ Rich Park 2 ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นทำได้ไม่ยากเพราะสามารถเลือกเส้นทางเข้าเมืองได้ทั้งทางแยกวงศ์สว่าง วิ่งเข้าถนนรัชดา หรือจะเลือกขึ้นทางด่วนด่านรัชดาภิเษกตรงแยกประชานุกูลก็ได้ ในขณะที่เส้นทางฝั่งแยกเตาปูน สามารถไปขึ้นทางด่วนที่ด่านย่านพหลโยธิน ตรงถนนกำแพงเพชรได้อีกเหมือนกัน ถ้าหากว่าปกติอาศัยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว ก็ถือว่าสะดวกสบายมากๆ ทั้งเส้นทางเข้าเมือง และออกนอกเมือง ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายหลักๆ นั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงินยังไม่เปิดให้บริการ แต่ถ้าหากมีการเปิดให้ใช้เมื่อไร ก็น่าจะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวได้มากขึ้น เพราะทางขึ้นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย อยู่ห่างจากทางเข้าโครงการไม่เกิน 100 เมตร เอาเป็นว่าแค่ข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามโครงการก็สามารถเลือกวิธีการเดินทางได้ตามความสะดวก แต่ในระหว่างที่รถไฟฟ้ายังไม่สามารถใช้งานได้นั้น ก็ต้องอาศัยการเดินทางด้วยบริการขนส่งมวลชนอื่นๆ ไปก่อน ทั้งรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ ซึ่งสามารถหาเรียกได้ง่าย ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางมายังตัวโครงการก็จะสะดวกสบายมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว แผนที่ของโครงการ Rich Park 2 แผนที่รอบๆ โครงการ ใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีน้ำเงิน(บางซื่อ – ท่าพระ) และสายสีม่วง(บางซื่อ – บางให่) ประมาณ 80-100 เมตร จากแยกวงศ์สว่างให้ขับตรงไปทางเตาปูน ซึ่งทางซ้ายจะไปถนนประชาชื่น และทางขวาไปสะพานพระราม 9 เมื่อเลยแยกวงศ์สว่างมาแล้ว ให้ขับตรงไปตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เมื่อขับตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มาจนถึงแยกเตาปูน ให้เลี้ยวขวาไปทางบางโพ จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 อีกประมาณ 100 ม. ก็จะเจอโครงการอยู่ด้านซ้ายมือ วิเคราะห์ตัวโครงการ ณ วันที่เราเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ ตัวอาคารสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ และลูกบ้านก็เริ่มทยอยย้ายเข้ากันแล้ว ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้เห็นบรรยากาศในการอยู่อาศัยจริงได้ชัดเจนมายิ่งขึ้น รอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัยที่เป็นชุมชมเดิม ดังนั้นจึงมีทั้งร้านค้า แผงลอย ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อยู่เป็นจำนวนมาก จัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ถึงจะไม่ใช่แหล่งช็อปปิ้ง หรือย่านเศรษฐกิจการค้า แต่บรรยากาศก็คึกคัก มีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่านไม่แพ้กัน นอกจากการจับจ่ายใช้สอยเล็กๆ น้อยๆ ตามร้านค้าใกล้ๆ แล้ว ห้างที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะเป็นเทสโก้ โลตัส ประชาชื่น และ Big C วงศ์สว่าง ถึงจะไม่ใช่ห้างใหญ่หรูหรา แต่ก็พอให้พึ่งพาในการหาซื้อของใช้ที่จำเป็นได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป เลยจากบริเวณนี้ไป ก็เห็นจะต้องเดินทางเข้าเมืองเป็นเรื่องเป็นราวกันเลยทีเดียว กลับมาดูที่ตัวโครงการกันบ้าง Rich Park 2 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 26 ชั้น ตัวอาคารออกแบบเป็นรูปตัว L ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก รูปแบบอาคารไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เป็นเพียงตึกสูงเรียบๆ ทั่วไป บริเวณชั้นล่างแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้า รวมทั้งหมด 14 ห้อง ซึ่งยังเปิดให้บริการไม่ครบ เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีแค่ร้านซักรีดเท่านั้น ส่วนบริเวณร้านค้าอื่นๆ ยังเป็นห้องว่างๆ จึงยังไม่แน่ใจว่าจะในอนาคตอันใกล้ยังจะพอพึ่งพาร้านค้าในโครงการได้รึเปล่า ส่วนบริเวณที่พักอาศัยนั้น เริ่มกันตั้งแต่ชั้น 5 ในบางส่วน ซึ่งอยู่ใกล้กับ Facility ส่วนกลาง ถัดขึ้นไปที่ชั้น 6-26 จะเป็นพื้นที่ของห้องพักทั้งหมด ดูตามแปลนการจัดวางห้องของโครงการแล้ว ต้องบอกว่าแน่นเอี๊ยดเลยทีเดียว เพราะแต่ละชั้นมีจำนวนห้องมากถึง 34 ยูนิต ซึ่งนับยูนิตรวมทั้งโครงการก็มีมากถึง 720 ยูนิต ในขณะที่ลิฟท์โดยสารทางโครงการจัดเตรียมไว้แค่ 3 ตัวเท่านั้น เทียบเป็นอัตราความหนาแน่นอยู่ที่ 267 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่อยากจะนึกภาพว่าเราต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหนถ้าทุกห้องต้องออกไปทำงานพร้อมๆ กันในช่วงเช้า สำหรับ Facility ทั้งหมดของโครงการถูกจัดรวมไว้ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ส่วนเรื่องที่จอดรถก็นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว เพราะนับดูคร่าวๆ ก็ไม่น่าจะจอดได้เกิน 50% ซึ่งรวมแบบจอดซ้อนคันไว้ด้วยแล้ว ใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ก็เตรียมปวดหัวกับการแย่งชิงที่จอดรถกันได้เลย นอกเหนือจากที่เห็นนี้ก็ยังไม่เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติม จากบรรยากาศคร่าวๆ ระหว่างเยี่ยมชมโครงการ ก็ต้องบอกว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเรื่องความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านที่ทางโครงการยังไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน เช่น เรื่องร้านค้าภายใน เรื่องที่จอดรถ รวมถึงเรื่องการบริการของพนักงานขายที่ออกจะใส่ใจลูกค้าน้อยไปซักหน่อย จึงอดไม่มั่นใจเรื่องบริการหลังการขายของโครงการหากต้องเข้าอยู่อาศัยจริง ภาพจำลองรอบๆ โครงการ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ชั้น G นอกจากส่วนของ Lobby แล้วยังถูกแบ่งเป็น Shop อีกจำนวน 14 ยูนิต ชั้น 2 - 4 ถูกใช้เป็นที่จอดรถ คิดเป็น 50% รวมจอดซ้อนคัน Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ชั้น 6 - 25 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัย มีจำนวนยูนิตประมาณ 34 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้นบนสุดที่ชั้น 26 จะมียูนิตเหลือเพียง 12 ยูนิต และพื้นที่ส่วนหนึ่งถูกใช้เป็นพื้นที่สีเขียวส่วนกลาง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรามีโอกาสได้เยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 ในขณะที่โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นห้องตัวอย่างที่ได้ชมจึงเป็นห้องจริงที่ยังพอมีเหลือว่างอยู่บ้าง เรื่องตำแหน่งของห้องอาจจะเลือกมุมที่ถูกใจได้ยากขึ้น รวมถึงเรื่องราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตอนเปิดตัวอีกพอสมควร ดูจากการออกแบบจัดห้องในแต่ละชั้น ก็เห็นว่าทางโครงการค่อนข้างเน้นจุดขายด้านปริมาณมากกว่า เพราะห้องทั้งหมดเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน โดยมีขนาดพื้นที่เริ่มต้นอยู่ที่ 21 ตร.ม. และห้องใหญ่สุดก็พื้นที่ไม่เกิน 35 ตร.ม. ตำแหน่งในการจัดวาง เหลี่ยมมุม และเสาภายในห้อง จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีขนาดต่างกัน ส่วน Lay out แบ่งออกเป็นแบบหลักๆ  2 Type คือ Type A และ Type B ซึ่งต่างกันที่ผนังกั้นห้องนอน โดยห้องแบบ Type B จะใช้กระจกบานใหญ่แยกพื้นที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ข้อดีก็คือ ทำให้บริเวณห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่โซนกลางห้องไม่อึดอัดจนเกินไป ส่วนห้อง Type A ซึ่งมีหน้ากว้างกว่า การจัดวางตำแหน่งห้องนอนจึงอยู่คนละด้านกับห้องนั่งเล่น ผนังห้องจึงเป็นผนังทึบปกติ จากห้องตัวอย่างที่เรามีโอกาสได้ชม ต้องบอกว่าการจัด Lay out ห้องของ Rich Park 2 ดูไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องของเหลี่ยมมุมของห้องที่มีเสายื่นออกมา รวมถึงตำแหน่งในการติดตั้งทีวีในบางห้อง และตำแหน่งหน้าต่างที่มีเพิ่มเติมในห้องที่อยู่ตำแหน่งมุมตึก ซึ่งนอกจากจะดูแปลกจากที่เคยเห็นแล้ว ยังทำให้การตกแต่งห้องมีข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้น เช่น ต้องติดตั้งผ้าม่านเพิ่ม หรือการเลือกซื้อ เลือกวางเฟอร์นิเจอร์ที่ในตำแหน่งใกล้หน้าต่าง ตำแหน่งที่วางทีวีไม่ตรงกับแนวโซฟา หรือการแยกเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจาน กับเคาน์เตอร์เตรียมอาหารไว้คนละฝั่ง ลักษณะภายในห้องจึงดูเหมือนว่าขาดๆ เกินๆ ยังไงชอบกล นี่ยังไม่นับรวมถึงตำแหน่งห้องที่มีผลกับวิวด้านนอกอาคารเลยนะครับ เพราะบางห้องก็ถูกบังวิวกันเอง มองออกไปเห็นแต่กำแพงอีกฝั่งของห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ยื่นออกมา จะเลือกตำแหน่งห้องนอกจากการไปดูห้องจริงแล้ว แนะนำให้กางแปลนห้องควบคู่กันไปด้วยก็นะครับ จะได้เห็นชัดๆ ว่าห้องไหนยื่นเลยออกไป ห้องไหนเว้าเข้าด้านใน เพราะเค้าเล่นออกแบบเป็นลูกคลื่นบังวิวกันเอง ไม่รู้ว่าคนออกแบบตั้งใจให้เป็นแบบนี้รึเปล่า Type A ขนาด 30 ตารางเมตร Type A1 ขนาด 29 ตารางเมตร Type A2 ขนาด 28 ตารางเมตร Type A3 ขนาด 35 ตารางเมตร Type B ขนาด 30 ตารางเมตร Type B1 ขนาด 35 ตารางเมตร Type C ขนาด 35 ตารางเมตร Type D ขนาด 21 ตารางเมตร Type D1 ขนาด 21 ตารางเมตร Type E ขนาด 35.50 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน ข้อดีอย่างหนึ่งของโครงการ Rich Park 2 คือเรื่องทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน มีตลาด และที่สำคัญคืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นสถานี Inter change ทำให้ทำเลแถบนี้มีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง ถึงแม้ราคาห้องจะปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเปิดตัวมาแล้วก็ตาม ในขณะที่ศักยภาพภายในของตัวโครงการเอง ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน คะแนนความน่าสนใจจึงถูกฉุดดึงให้ลดลงไปไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ต้องการห้องพักไว้อยู่อาศัยเอง ถ้าไม่ติดเรื่องที่ตั้งที่อยู่ห่างไกลย่านสำนักงาน แหล่งธุรกิจ หรือหน่วยงานราชการใหญ่ๆ ทำเลแถบนี้ก็ยังพอเดินทางไปมาได้สะดวกพอสมควร แต่ถ้าพิจารณาในส่วนของห้องพักแล้ว คงต้องแนะนำให้ไตร่ตรองกันดีๆ ว่าถ้าหากต้องเข้ามาอยู่อาศัยจริงฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในห้องจะใช้งานได้สะดวก เหมาะสมหรือไม่ ไหนจะเรื่อง Facility ภายในโครงการอีก ต้องคำนึงถึงการใช้งานว่าเราจะได้ใช้งานจริงแค่ไหน คุ้มค่ากับค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายรึเปล่า เช็คข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้ครบถ้วนนะครับ หาข้อมูลเพิ่มเติมกันให้มากหน่อยจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เสียใจกันภายหลัง
VERY สุขุมวิท 72 : รีวิวคอนโด

VERY สุขุมวิท 72 : รีวิวคอนโด

ปัจจุบันสถานีปลายทางรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลย นอกจากในซอยแบริ่งที่มีคอนโดมิเนียมโครงการต่างๆ เกิดขึ้นมากมายแล้ว ทำเลในซอยฝั่งตรงข้ามอย่างซอยสุขุมวิท 72 ก็มี Very Condo สุขุมวิท 72 อีกหนึ่งโครงการที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายนี้ เราเลยไม่พลาดที่จะเก็บข้อมูลเอามาฝากกันครับ   การเดินทาง   ถ้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า การเดินทางหลักๆ ก็คงหนีไม่พ้นการใช้รถไฟฟ้า BTS เป็นตัวเลือกแรก นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีแบริ่งแล้วออกทางออกที่ 4 เดินต่อไปทางซอยสุขุมวิท 72 และเข้าซอยอีกเล็กน้อย ก็จะถึง Very Condo ระยะทางรวมแล้วไม่เกิน 400 เมตร จัดว่าเป็นระยะที่กำลังเดินได้สบายๆ โดยไม่ต้องพึ่งพารถสองแถว หรือวินมอเตอร์ไซค์เลยก็ได้ การเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะถนนหนทางในย่านนี้มีเส้นทางเลี่ยงเข้าออกเมืองได้หลายทาง ทั้งด่านทางด่วนบางนา และทางด่วนสุขสวัสดิ์-บางพลี ถนนวงแหวนรอบนอก สะพานภูมิพล (สะพานอุตสาหกรรม) รวมถึงถนนสายหลักๆ อย่างถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ เรียกได้ว่ามีทางไปได้เยอะ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าเส้นทางไหนจะสะดวกมากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ คือเรื่องปัญหารถติดที่ยังไงก็หนีไม่พ้นทั้งช่วงเช้าและเย็น การเดินทางครั้งนี้เราลงมาจากทางด่วนบางนา แล้วตรงเข้ามาตามถนนสุขุมวิท ซึ่งซอยสุขุมวิท 72 อยู่เยื้องๆ กับซอยแบริ่ง ดังนั้นจึงต้องเลยขึ้นไปอีกเล็กน้อยเพื่อกลับรถมายังซอยสุขุมวิท 72 พอเข้าซอยมาแล้วก็เลี้ยวขวาที่แยกแรก ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้ๆ แยกนี่เลย นับระยะทางจากปากซอยสุขุมวิท 72 เข้ามาถือว่าไม่ไกลเลย ส่วนการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็สะดวกเช่นกัน เพราะถนนสุขุมวิทแถบนี้ รถราคึกคักดีทีเดียว เส้นทางระยะใกล้ๆ ก็มีรถสองแถวให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงรถเมล์อีกหลายสาย และแน่นอนว่ารถแท็กซี่ก็มีเยอะแยะมากมาก โดยเฉพาะบริเวณทางลงรถไฟฟ้า ดังนั้นการเดินทางไม่ว่าจะเลือกเดินทางด้วยวิธีไหนก็สะดวกไม่ต่างกันครับ เส้นทางการเดินทางจาก BTS สถานีแบริ่ง ถึงโครงการ VERY Condo เริ่มต้นโดยเดินทางจากอุดมสุขมุ่งหน้าสู่บางนา ให้ตรงไปแยกบางนามุ่งหน้าไปสมุทรปราการ ตรงผ่านแยกบางนา เมื่อผ่านแยกบางนามาแล้ว ทางซ้ายจะเป็น BITEC ด้านหน้าเป็น BTS สถานีแบริ่ง ผ่านสามแยก (ซอยลาซาล) ผ่าน BTS สถานีแบริ่ง วิ่งตรงผ่านสามแยก ผ่านซอยสุขุมวิท 107 (ซอยแบริ่ง) วิ่งมาเรื่อยๆ ทางขวาจะเห็นเต้นท์รถอยู่หน้าซอยสุขุมวิท 72 เมื่อเลยซอยที่อยู่ทางขวา ให้ชิดขวาเพื่อกลับรถ กลับรถมาแล้วก็เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 72 เลยครับ ปากซอยจะมีเต้นท์รถเห็นชัดๆอยู่ เมื่อเข้าซอยมาแล้วให้เข้าซอย ศิริคาม 4 เลี้ยวเข้ามาแล้ว ให้ตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นโครงการ VERY Condo อยู่ด้านหน้า ถึงแล้วครับโครงการ VERY Condo วิเคราะห์ตัวโครงการ ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ Very สุขุมวิท 72 ที่อยู่ในย่านแบริ่งนี่เอง ความเจริญของบริเวณแวดล้อมโครงการจัดว่าดีทีเดียวครับ เพราะมีทั้งสาธารณูปโภคต่างๆ ครบครัน ทั้งโรงเรียนนานาชาติรายใหญ่ๆ โรงเรียนเอกชนชื่อดัง รวมถึงโรงเรียนอื่นๆ ในระแวกใกล้เคียงก็มีอยู่หลายแห่งเช่นกัน รวมถึงสถานพยาบาลก็มีเยอะไม่แพ้กัน ทั้งโรงพยาบาลใหญ่ๆ และคลินิคในเขตชุมชน เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาก็สามารถพึ่งพาได้สบายๆ และถ้าจะถามถึงแหล่งช็อปปิ้ง แค่หลับตาก็เห็นภาพเซ็นทรัลบางนา ซีคอนสแควร์ พาราไดซ์พาร์ค และห้างอิมพีเรียลเวิร์ดสำโรงขึ้นมาในหัวแล้วแน่ๆ แถมด้วยโลตัส ศรีนครินทร์ และแมคโครเข้าไปอีก ถือว่ามีห้างใหญ่ๆ ให้จับจ่ายใช้สอยไม่น้อยเลยในระยะ 10 กิโลเมตร และยังมีตลาดสดสำโรงอีกที่เราสามารถพึ่งพาฝากท้องได้ในราคาประหยัด การอาศัยอยู่ในแถวนี้จึงถือว่าอุดสมบูรณ์ดีทีเดียว ขอแค่ไม่ขี้เกียจเดินออกมาจากซอยสุขุมวิท 72 แค่นั้นแหละ รับรองว่าไม่มีคำว่าขาดแคลนแน่นอน ที่ตั้งในซอยสุขุมวิท 72 อาจจะเป็นรองซอยแบริ่งอยู่บ้างในด้านความเจริญ และความพลุกพล่านของร้านค้าต่างๆ เนื่องจากซอยแบริ่งเป็นซอยใหญ่ แต่ในทางกลับกันซอยสุขุมวิท 72 ก็มีความเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนอาศัยมากกว่า ภายในซอยยังเป็นบ้านอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีก็เพียงคอนโดเพื่อนบ้านอย่าง Cattleya เพียงอาคารเดียวที่ตั้งอยู่ติดกันในระยะประชิดเนื่องจากเป็นโครงการเก่าที่อยู่มาก่อนแล้ว ห้องในฝั่งนี้จึงถูกบังวิวกันไปแบบเต็มๆ ด้วยตัวโครงการ Very สุขุมวิท 72 ที่เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น เรื่องวิวจึงไม่ใช่จุดเด่นเท่าไหร่ ส่วนของที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8 มียูนิตรวมเพียงแค่ 68 ยูนิตเท่านั้น จัดว่าน้อยเหมือนกันครับ เลยค่อนข้างได้เปรียบเรื่องความเป็นส่วนตัวสูงกว่าโครงการอื่นที่มีจำนวนห้องมากๆ ส่วนพื้นที่ส่วนกลางจัดรวมไว้ที่บริเวณดาดฟ้าของอาคารทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และ Roof Top Garden จากที่สังเกตุภาพรวมๆ แล้ว ถือว่าทางโครงการจัดส่วนกลางมาได้ดีพอสมควร ปริมาณความหนาแน่นไม่มากนักลูกบ้านก็น่าจะใช้ส่วนกลางได้จริงจังมากขึ้น เช่นเดียวกันกับลิฟท์โดยสาร ถึงจะมีเพียง 1 ตัว แต่เทียบกับจำนวนห้องแล้วถือว่าใช้ได้สบายๆ ดีทีเดียว กลับกันกับเรื่องที่จอดรถที่ดูจะจำกัดจำเขี่ยอยู่พอสมควร นับรวมจอดซ้อนคันแล้วก็ไม่เกิน 30% เพราะพื้นที่ชั้น G ส่วนหนึ่งถูกแบ่งไว้เป็นส่วนของ Lobby ห้องจดหมาย ห้องซักรีด และห้องนิติบุคคล เลยทำให้พื้นที่จอดรถมีน้อยไปนิด ถ้าต้องมาอยู่อาศัยจริงก็ต้องลุ้นกันหน่อยว่าลูกบ้านแต่ละห้องจะมีรถส่วนตัวกันเยอะแค่ไหน ถึงจะเป็นโครงการเกาะแนวรถไฟฟ้าแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสำหรับทำเลแถบนี้โอกาสที่ลูกบ้านจะมีรถส่วนตัวก็ความเป็นไปได้สูงเหมือนกัน พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงห้องของโครงการ Very สุขุมวิท 72 กันบ้าง ซึ่งทางโครงการก็จัดมาทั้งห้องแบบ Studio, ห้องแบบ 1 ห้องนอน และห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาดห้องเริ่มต้นกันที่ 25.8 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้อง Studio เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนของ Pantry ครัวเล็กๆ และห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หรือหลังประตูเข้าห้องพอดี ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่ของห้องนอนซึ่งต้องบอกว่าพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัดเหมือนกัน วางเตียงขนาด 5 ฟุตเข้าไปแล้วก็เหลือพื้นที่ว่างไม่มากเท่าไหร่ บริเวณปลายเตียงวางตู้เสื้อผ้า และชั้นวางทีวีแล้ว ก็เกือบเต็มพื้นที่ห้องพอดี ด้านในสุดของห้องแบ่งเป็นระเบียงเล็กๆ ส่วนอีกด้านติดหน้าต่างเหลือพื้นที่เล็กๆ สำหรับวางโต๊ะทำงาน หรือเดย์เบดได้อีกตัว ขยับมาที่ห้องแบบ 1 ห้องนอนกันบ้าง ซึ่งขนาดพื้นที่ 36 ตร.ม. โดยประมาณ Lay out ของห้องแบบนี้ดูจะค่อนข้างลงตัวและน่าอยู่มากกว่า เพราะมีการจัดสรรพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน เปิดเข้าห้องมาจะเจอพื้นที่ของห้องนั่งเล่นก่อน ส่วนครัวของห้องนี้จะได้เป็นครัวปิด ซึ่งมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นพื้นที่ไว้ให้เรียบร้อย ส่วนอีกด้านของห้องครัวจะมีประตูกระจกอีกทางสำหรับออกไปยังระเบียง ซึ่งระเบียงของห้องนี้จะแคบและมีลักษณะอยู่ในแนวลึก ลักษณะของห้องนี้จึงเสียเปรียบเรื่องวิว เพราะ Lay out ห้องไม่ได้ออกแบบมาให้เปิดรับวิวเท่าไร หันกลับอีกด้านของห้องเป็นพื้นที่ของห้องนอนซึ่งมีห้องน้ำอยู่ในตัว พื้นที่ใช้สอยภายในก็ค่อนข้างลงตัว ถึงจะไม่ได้กว้างมากแต่ก็กำลังพอใช้งานได้ครับ ห้องทั้งหมดของโครงการขายกันมาแบบ Fully Furnished นะครับ มีทั้งชุดครับ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามชุดมาตรฐาน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ Built in บางชิ้น ซึ่งแนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่โครงการให้ดีนะครับว่ามีชิ้นไหน และสเปคเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่ดูจากห้องตัวอย่างก็ได้รับแจ้งว่าในห้องจริงอาจจะมีของแถม หรือเฟอร์นิเจอร์ที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างไม่มากก็น้อย ความคุ้มค่าน่าลงทุน สำหรับเรื่องของความคุ้มค่าน่าลงทุนของโครงการ Very สุขุมวิท 72 ซึ่งดูแล้วน่าจะได้เปรียบในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าพอสมควร ด้วยระยะห่างเพียง 400 เมตร จึงทำให้การเดินเท้าต่อไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ไม่ยาก รวมถึงเรื่องสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่คึกคักดีทีเดียว เพราะใกล้ทั้งแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ หลายแห่ง แถมยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดสดอยู่ใกล้ๆ ด้วย ทำเลย่านนี้จึงอุดมสมบูรณ์ไม่น้อยเลย สำหรับการซื้อหาเพื่ออยู่อาศัย ที่ตั้งโครงการค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของความเงียบสงบ เหมาะกับการพักอาศัย ส่วนการลงทุนเพื่อหวังปล่อยห้องให้เช่า อาจจะมีโอกาสน้อยหน่อย เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงไม่ค่อยมีบริษัทใหญ่ๆ รวมทั้งไม่ได้อยู่ใกล้ย่านธุรกิจเท่าที่ควร กลุ่มคนเช่าส่วนหนึ่งอาจจะต้องเป็นกลุ่มคนที่ทำงานในเมือง ซึ่งอาจจะต้องการที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้าเพื่อความสะดวกในการเดินทาง แต่จะว่าไปแล้ว คอนโด หรือห้องเช่าที่อยู่เกาะแนวรถไฟฟ้าก็มีตัวเลือกไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้มีตัวเปรียบเทียบในตลาดค่อนข้างมาก การลงทุนเรื่องปล่อยห้องเช่าจึงห้องศึกษาข้อมูล และทำการบ้านกันให้ดีๆ ครับ จะได้ไม่เจ็บตัว อ้อ! ข้อด้อยอีกเรื่องของโครงการ Very สุขุมวิท 72 ที่ไม่อาจมองข้ามได้ก็คือ เรื่องของ Developer ที่เป็นรายย่อยในวงการ เรื่องการบริหารงานนิติบุคคลในช่วงแรกๆ รวมถึงคุณภาพงานก่อสร้างอาจจะต้องลุ้นกันหน่อย ยังดีที่ปัจจุบันตัวอาคารสร้างเสร็จพร้อมโอนเข้าอยู่เต็มทีแล้ว เรื่องเจ้าของโครงการทิ้งงานจึงหมดห่วงไปได้เปราะหนึ่งแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องการรอตรวจรับงานของเจ้าของห้องเท่านั้นครับ ส่วนใครที่สนใจอยากได้เป็นเจ้าของซักห้อง ทางโครงการก็ยังพอมีห้องเหลืออยู่บ้าง ลองแวะเข้าไปดูห้องที่โครงการจริงกันก่อนได้ เผื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการตัดสินใจครับ
U Delight @ ตลาดพลู : รีวิวคอนโด

U Delight @ ตลาดพลู : รีวิวคอนโด

โครงการ: U Delight @ ตลาดพลู (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 2,190,000 บาท บาท/ตารางเมตร เฉลี่ย 73,000 บาท เจ้าของโครงการ แกรนด์ ยูนิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ Grand U จุดเด่น ” ยู ดีไลท์ @ ตลาดพลู สเตชั่น อยู่บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ 2 อาคาร ไม่แออีด อยู่สบาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมพื้นที่ปลูกผักสวนครัว Economy Society เดินทางสะดวกเป็น 2 เท่า เพราะใกล้ทั้งรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลู และ BRt สถานีราชพฤกษ์ การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองจึงเป็นเรื่องง่ายๆ พิเศษกว่าใคร สามารถเข้าออกโครงการได้ถึง 2 ทาง ทั้งถนนรัชดา และซอยเทอดไทย 33 ” ปีที่สร้างเสร็จ 2559 ที่ตั้ง: U Delight @ ตลาดพลู (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 5-3-72 ไร่ ที่ตั้ง ถนนรัชดาภิเษก (ระหว่างซอยรัชดาภิเษก 15 และ ถนนราชพฤกษ์) แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม. พิกัดโครงการ 13.709858, 100.479432 ระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า BTS ตลาดพลู, BRT ราชพฤกษ์   สถานที่สำคัญใกล้เคียง ไทยช่วยไทยพลาซ่า เดอะมอลล์ ท่าพระ Max Value โรงพยาบาลทหารเรือ โรงพยาบาลกรุงธนบุรี 1   ลักษณะโครงการ: U Delight @ ตลาดพลู (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom Couple 1 Bedroom 1 Bedroom Couple + Garden 2 Bedrooms Family 2 Bedrooms Family + Garden ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom Couple 30 ตร.ม. 1 Bedroom 34 ตร.ม. 1 Bedroom Couple + Garden 45 ตร.ม. 2 Bedrooms Family 51 ตร.ม. 2 Bedrooms Family + Garden 72 ตร.ม. จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น อาคาร A 34 ชั้น, อาคาร B 27 ชั้น จำนวนห้อง 973 ยูนิต (A : 548 ยูนิต, B : 425 ยูนิต)   ส่วนกลาง: U Delight @ ตลาดพลู (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 45% (ค่าจอดรถยนต์ คันละ 300 บาท มอเตอร์ไซค์ 50 บาท ต่อเดือน) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 35 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท   สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สตีม, ซาวน่า Wifi Key Card ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.   เพิ่มเติม: U Delight @ ตลาดพลู (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-652-4000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.grandu.co.th/udtp/webpage/home/index.php ข้อมูล ณ วันที่
Vio ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

Vio ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

มีคอนโดใหม่แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงในชื่อ Vio  ของบริษัท รื่นฤดี ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ที่เพิ่งเปิดตัวพร้อมกันทีเดียว 2 โครงการไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่เอง ซึ่ง “Vio ติวานนท์” เรียกได้ว่าเป็นคอนโดมิเนียม High Rise โครงการแรกของบริษัทเลยก็ไม่ผิดนัก ด้วยความที่ตัวโครงการตั้งอยู่บนทำเลหัวมุมแยกติวานนท์ตัดกับถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แถมยังอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าถึง 2 สถานีในระยะเดินถึงได้ไม่ยาก เราเลยรีบไปเยี่ยมชมโครงการนี้และเก็บข้อมูลมาฝากกันครับ   การเดินทาง   การเดินทางไปที่โครงการ Vio ติวานนท์ เราใช้เส้นทางถนนงามวงศ์วานมุ่งหน้าไปทางสะพานพระนั่งเกล้า พอมาถึงแยกแครายแล้วเราก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนติวานนท์ ผ่านหน้ากระทรวงสาธาณะสุขมาถึงห้าแยกติวานนท์ตัดกับถนนประชาราษฏร์ (ไปท่าน้ำนนท์) ถนนนครอินทร์ และถนนกรุงเทพ-นนทบุรี พอขับรถมาถึงตรงนี้จะสังเกตุเห็นโครงการ Vio ติวานนท์ ทางด้านซ้ายมือพอดี หรือถ้าเดินทางมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี พอมาถึงแยกนี้แล้วก็ต้องเลี้ยวขวาไปกลับรถที่ถนนติวานนท์นะครับ ทางเข้าออกโครงการปัจจุบันมีอยู่เส้นทางเดียวคือฝั่ง ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แต่ในอนาคตทางโครงการจะเปิดทางเข้าออกฝั่งถนนติวานนท์เพิ่มอีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ถือว่าสะดวกดีเหมือนกัน เพราะมีเส้นทางเลี่ยงได้หลายเส้นทาง ถ้าไม่ติดปัญหารถติดหนักในช่วงเวลาเร่งด่วนนะครับ   แผนที่โครงการ เส้นทางการเดินทาง โดยเริ่มจาก The Mall งามวงศ์วาน จาก The Mall งามวงศ์วาน พอขับมาถึงทางแยกแครายให้เลี้ยวซ้ายเลยครับ จะเห็น Showroom Hyundai อยู่ทางขวา วิ่งมาเรื่อยๆจะเห็นเนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงครับ วิ่งเลยมาเรื่อยๆ จะเห็นสถานีรถไฟฟ้า กระทรวงสาธารณสุข วิ่งไปเรื่อยๆ ก็จะเจอทางแยก ทางซ้ายเป็นทางเข้า กระทรวงสาธารณสุข ส่วนด้านบนก็เป็นสถานีกระทรวงสาธารณสุข วิ่งไปตามแนวรถไฟฟ้าเลยครับ จะเจอสะพาน เราไม่ต้องขึ้นสะพาน ให้วิ่งด้านล่าง พอวิ่งไปเรื่อยๆ จะเห็น Big C อยู่ทางขวา วิ่งมาเรื่อยๆ จะเห็นตัวโครงการ Vio ติวานนท์ อยู่ข้างหน้า ถึงแล้ว ทางโครงการจะล้อมรั้ว เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการเลยครับ สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT ก็สามารถทำได้เลือกได้ทั้งสถานีกระทรวงสาธารณสุข ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 400 เมตร และสถานีแยกติวานนท์ ซึ่งห่างออกไปประมาณ 350 เมตร ระทางของทั้ง 2 สถานีนี้แทบไม่ต่างกันเลย เพราะตัวโครงการแทบจะตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างสถานีพอดี อันนี้ใครสะดวกสถานีไหนก็เลือกได้ตามสบายเลยครับ นอกจากนี้การเดินทางด้วยบริการรถสาธารณะอื่นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะบริเวณใกล้ๆ เป็นแหล่งชุมชน รวมถึงเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางราชการอย่างกระทรวงสาธารณะสุขด้วย ดังนั้นจึงมีรถเมล์ รถแท็กซี่ และพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่เป็นจำนวนมาก ที่ต้องทำก็แค่เดินออกทางโครงการมาทางกระทรวงฯ ให้พ้นจากบริเวณแยกติวานนท์ซักหน่อย ก็จะช่วยให้เรียกรถได้ง่ายขึ้น เส้นทางการเดินจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุข มาโครงการ ระยะทางประมาณ 400 เมตร เส้นทางการเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีแยกติวานนท์ ระยะทางประมาณ 350 เมตร   วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ   ทำเลที่ตั้งของโครงการ Vio ติวานนท์จัดว่าเป็นทำเลที่น่าสนเหมือนกัน เพราะอยู่บริเวณหัวมุมแยกติวานนท์พอดี มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน แถมบริเวณรอบๆ ก็มีทั้งกระทรวงสาธารณะสุข โรงพยาบาล มีห้าง Big C อยู่ฝั่งตรงข้ามด้านถนนติวานนท์ รวมทั้งเป็นแหล่งชุมชนที่ค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มากในเรื่องอาหารการกิน ร้านอาหาร ร้านค้า แผงลอยมีให้เลือกจนละลานตาเลยทีเดียว ด้วยความที่เป็นแหล่งชุมชน และมีกระทรวงใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ การจราจรโดยรอบจึงติดขัดเอาเรื่องเหมือนกัน ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการแล้ว รถอาจจะติดน้อยลงกว่านี้ก็ได้ครับ รอบๆ โครงการไม่มีตึกสูงขึ้นในระยะประชิดนะครับ ตึกสูงที่เห็นก็จะมีแค่คอนโดศุภาลัย พาร์ค ที่อยู่อีกมุมของแยกเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีปัญหาเรื่องการบังวิวซักเท่าไหร่ จะมีแค่ห้องบางตำแหน่งทางด้านหน้าโครงการเท่านั้นที่จะถูกบังวิวไปบ้าง ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยในแนวราบจึงไม่น่ากังวลเช่นกัน แต่ที่เห็นจะเป็นปัญหาหนักๆ เลยก็คือ รางรถไฟฟ้าที่พาดผ่านมาทางด้านหลังโครงการในระยะประชิดนี่แหละครับ ที่จะก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียงที่ไม่น่าพิศมัยเอาซะเลย แถมยังหลีกเลี่ยงได้ยากอีก โอกาสที่จะเอาตัวรอดได้บ้างก็ต้องหันไปเลือกห้องที่อยู่สูงขึ้นไปบนๆ เลย ซึ่งอาจจะช่วยได้บ้าง แต่ก็ต้องแลกกับราคาห้องที่สูงขึ้นเป็นเงา ส่วนห้องในชั้นล่างๆ หน่อยก็รับกันไปเต็มๆ ทั้งเสียงดัง ทั้งฝุ่นควันจากถนนด้วย Vio ติวานนท์เป็นคอนโค High Rise อาคารเดี่ยวโดดๆ สูง 36 ชั้น การออกแบบเพิ่มลูกเล่นด้วยการเล่นระดับให้ดูลดหลั่นกันลงมาในบางช่วงของตึก นับรวมทั้งหมดแล้วก็จะมีห้องพักอาศัยจำนวน 623 ยูนิต โดยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 7 เป็นต้นไป บริเวณชั้น 2-6 จะเป็นพื้นที่จอดรถในสัดส่วน 40% ของจำนวนห้องทั้งหมด ถือว่าไม่เยอะเลยสำหรับโครงการขนาดนี้ที่ลูกบ้านน่าจะมีรถยนต์กันอยู่แล้ว ในส่วนของ Facility ถูกรวบรวมไว้ที่ชั้น 7 เป็นหลัก ซึ่งทางโครงการจัดให้มีทั้ง สระว่ายน้ำขนาด 5x26 เมตร จากุชซี่ Fitness พร้อมห้องซาวน่าแยกชาย-หญิง และห้องเอนกประสงค์ รวมถึงบริการสัญญาณ internet wi-fi ในพื้นที่ส่วนกลางด้วย นอกจากที่ Facility ที่บริเวณชั้น 7 แล้ว บนดาดฟ้ายังมีสวน Roof Top และห้อง Sky Lounge ที่สามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน เดินเล่น ชมวิวได้เหมือนกัน ดูจากพื้นที่ Facility ส่วนกลางคร่าวๆ แล้ว ถือว่าทางโครงการจัดมาให้เยอะพอสมควรเลย ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานในสัดส่วนที่ไม่หนาแน่นจนเกินไปนัก และที่ลืมไม่ได้ก็คือสัดส่วนของลิฟท์โดยสารที่มีมาให้ 4 ตัว บวกลิฟท์ขนของอีก 1 ตัว ต้องบอกว่าค่อนข้างหนาแน่นนะครับสำหรับลิฟท์ 1 ตัวต่อ 156 ยูนิต แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นปัญหาในการใช้งานเท่าไหร่ น่าจะยังพอใช้กันได้สบายๆ อยู่ Facilities ส่วนใหญ่จะอยู่ชั้น 7 ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ ฟิตเนส หรือห้องนั่งเล่น Roof Top จะอยู่ชั้น 37 เป็นดาดฟ้า สามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยครับ พาชมห้องตัวอย่าง   ห้องของโครงการ Vio ติวานนท์ มีด้วยกันทั้งหมด 4 แบบ มีทั้งแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน แต่ที่สำนักงานขายมีแค่ห้องแบบ 1 ห้องนอนให้ชมเท่านั้น โดยมีด้วยกัน 2 Type ซึ่งต่างกันที่ Layout ห้องเล็กๆ น้อยๆ เริ่มกันที่ห้อง Type A ซึ่งจัดสัดส่วนพื้นที่ห้องไว้ค่อนข้างลงตัวดีทีเดียว เปิดเข้ามาจะเจอห้องครัวก่อน ซึ่งเป็นครัวแบบเปิดและมีพื้นที่เชื่อมต่อไปถึงบริเวณห้องนั่งเล่น ในขณะที่ห้องนอนถูกแยกออกไปโดยใช้ประตูบานเลื่อนแบบทึบที่สามารถเลื่อนปิดเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือเลื่อนเปิดออกเพื่อให้พื้นที่ห้องเชื่อมต่อเนื่องถึงกัน ห้องน้ำของ Layout ห้องแบบนี้ จะเข้าออกได้จากทางห้องนอนเท่านั้น ส่วนห้องแบบ Type A.1 เมื่อเปิดมาจะเจอห้องครัวก่อนเช่นเดียวกัน รวมถึงพื้นที่ของห้องนั่งเล่นก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมือนกันกับห้องแบบก่อนหน้านี้ ส่วนที่ต่างกันก็คือ การกั้นห้องด้วยผนังและใช้ประตูบานสวิงเปิดเข้าออกแทนประตูบานเลื่อน ทำให้ห้องนอนของห้อง Type A.1 มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า นอกจากนี้ประตูเข้าออกห้องน้ำก็ย้ายมาฝั่งห้องครัวแทน ซึ่งการใช้งานก็จะมีความสะดวกต่างกันไปครับ โดยรวมแล้วห้องทั้ง 2 แบบไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนักในเรื่องขนาดห้อง ซึ่งเริ่มต้นที่ 30 ตร.ม. และ 31 ตร.ม. ต่างกันเพียง 1 ตร.ม. เท่านั้น เรียกว่าแทบจะไม่รู้สึกเลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องวัสดุอุปกรณ์ก็จัดไว้ให้เหมือนกันเป๊ะ เลือกคุณภาพมาตรฐานตามราคาห้อง ในห้องน้ำก็กั้นฉากอาบน้ำมาให้ รวมถึงเครื่องครัวที่มีมาให้พร้อมทั้งเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ราคาที่ทางโครงการเปิดมาเป็นราคาขายแบบ Fully Furnished นะครับ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนแถมจะมีสติ๊กเกอร์ติดไว้ชัดเจน พื้นห้องนอนปูด้วยลามิเนตในขณะที่พื้นห้องครัวและห้องนั่งเล่นปูด้วยกระเบื้อง หน้าตาเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาให้ก็เหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่ Built-in มาให้เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างในห้องจึงดูลงตัวมากเลยครับ ถึงแม้การออกแบบจะเรียบๆ ตามมาตรฐานคอนโดทั่วไป จนไม่มีอะไรแปลกใหม่ก็ตาม   เข้าประตูมาจะเจอ Pantry อยู่ทางซ้าย และตู้รองเท้ากับตู้เย็นจะอยู่ทางขวาครับ มุมนี้จะเห็นโต๊ะทานข้าวอยู่ติดกับ Pantry เลย Pantry ที่โครงการ Built มาให้จะมีเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน มาด้วยครับ เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันครับ ซิ้งค์ล้างจานที่โครงการมีให้ จากประตูมองมาทางขวาจะเห็นตู้รองเท้า ที่ทางโครงการ Built ให้เต็มพื้นที่เลยครับ เดินเลยเข้ามาจะเป็นส่วนนั่งเล่น และจะมีห้องนอนอยู่หลัง โซฟา ซึ่งจะประตูแบ่งส่วนนี้จะเป้นประตูบานเลื่อน มุมนี้จะเห็นชัดว่าเตียงจะอยู่หลังโซฟาเลย เตียงที่โครงการมีให้จะเป็นขนาด 5 ฟุต มองมาทางขวาจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่โครงการให้ จะอยู่หน้าห้องน้ำเลย หน้าห้องน้ำอีกมุมนึง จะเป็นโต๊ะทำงาน และจะมีชั้นให้ด้วย ห้องน้ำ ทางโครงการมีเป็น Rain Shower ให้ มุมนี้มองจากห้องนอน เมื่อเปิดประตูบานเลื่อนออก จะสามารถดูทีวีได้เลยครับ มุมนี้มองจากที่นั่งเล่น มุมนี้มองทางซ้ายจากห้องนั่งเล่น จะเห็นว่าตู้เย็นจะอยู่ติดกับตู้รองเท้าเลย ส่วนมุมนี้มองทางขวาจากห้องนั่งเล่น ก็จะเจอส่วนครัวกับโต๊ะทานข้าว เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอส่วนที่เป็นครัวอยู่ทางขวา และห้องน้ำอยู่ทางซ้ายครับ มองมาทางขวาจะเห็นส่วนครัวที่โครงการ Built มาให้ และจะเจอโต๊ะทานข้าวที่โครงการก็ให้มาเหมือนกัน Pantry ที่โครงการมีให้จะมีเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน ซิ้งค์ล้างจานที่ให้ก็เป็นของ Hafele' ตามมาตรฐาน มุมมองจากพื้นที่นั่งเล่น แล้วมองออกไปทางด้านหน้า เลยเข้ามากก็จะเป็นส่วนห้องนั่งเล่น จะอยู่ถัดไปจากโต๊ะทานข้าว เมื่อเดินเข้ามายังพื้นที่ส่วนของนั่งเล่นจะเห็นว่าโต๊ะทานข้าวจะอยู่ติดกับโซฟาเลย จากประตูทางเข้ามองไปทางซ้ายก็จะเห็นห้องน้ำ โครงการใช้สุขภัณฑ์ของ Mogen ครับ ชักโครกก็ใช้ของ Mogen ธรณีประตูระหว่างห้องน้ำกับตัวห้องจะสูงขึ้นมา กันน้ำออกได้ดีทีเดียว โต๊ะหรือชั้นข้างเตียง โครงการก็ Built มาให้ครับ ห้องนอนจะมีเตียง 5 ฟุตมาให้ แต่ถ้าจะทำเป็น 6 ฟุตก็ได้ครับ แต่จะไม่แนะนำเพราะจะดูแน่นไปหมดครับ ตู้เสื้อผ้าที่ Built มาให้เต็มพื้นที่เลย จากเตียงมองออกไปก็จะเห็นส่วนที่เป็นครัว ส่วนขอระเบียงจะอยู่ติดกับส่วนพื้นที่นั่งเล่น ตรงระเบียงจะเป็นที่วางเครื่องคอมเพลสเซอร์แอร์ ความคุ้มค่าการลงทุน พิจารณาในเรื่องการลงทุนกันบ้าง โครงการ Vio ติวานนท์ อาจจะมีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลที่ดี ใกล้สถานีรถไฟฟ้า 2 สถานี ใกล้สถานที่ราชการสำคัญ และมีเส้นทางการเดินทางที่หลากหลาย ดูข้อมูลคร่าวๆ แล้ว อาจจะเห็นว่า Vio ติวานนท์น่าจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีศักยภาพในการลงทุนนะครับ แต่ถ้าลองพิจารณาด้านอื่นๆ เพิ่มเติมเข้าไป จะเห็นว่าจุดด้อยที่มีรางรถไฟฟ้าผ่านทางด้านหลังโครงการเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียงเป็นอย่างมากจากการที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่านในช่วงทางโค้งนี้ ยิ่งถ้าต้องการซื้อห้องไว้เพื่อการปล่อยเช่า หรือขายต่อแล้วล่ะก็ คงปล่อยห้องได้ยากขึ้นแน่ๆ นอกจากนี้เรื่องทำเลที่ตั้งที่ไม่ได้อยู่ใกล้แหล่งธุรกิจชั้นนำที่จะมีกำลังเช่าห้องในราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเรื่องที่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการพิจารณาด้วย ข้อสำคัญที่ข้อที่อาจทำให้เกิดอาการลังเลได้ก็คือ ความเชื่อมั่นในตัวบริษัทผู้พัฒนาโครงการ ที่ถือว่าเป็นมือใหม่มากๆ ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียมตึกสูง แถมโครงการ Vio ติวานนท์นี้ก็เป็นตึกแรกที่ทางโครงการสร้างตึกสูงอีก จึงทำให้ความมั่นใจแอบลดลงเล็กๆ ซึ่งเรื่องนี้ต้องรอดูกันไปอีกซักพัก ไม่แน่ว่าบริษัท รื่นฤดี อาจจะเอาอยู่ก็ได้ นะครับ
SARI สุขุมวิท 64 : รีวิวคอนโด

SARI สุขุมวิท 64 : รีวิวคอนโด

โครงการ: SARI สุขุมวิท 64 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 3,290,000 (เดือนพฤศจิกายน 2556) บาท/ตารางเมตร ประมาณ 89,000 – 100,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จุดเด่น คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จากแสนสิริ บนถนนสุขุมวิท 64 เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า BTS ปุณณวิถี และทางขึ้นลงทางด่วน จุดด้อย – โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2556 ที่ตั้ง: SARI สุขุมวิท 64 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 2 - 0 - 30 ไร่ ที่ตั้ง ถนนสุขุมวิท 64 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.687556, 100.606487 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS ปุณณวิถี สถานที่สำคัญใกล้เคียง ปิยะรมย์ สปอร์ต คลับ วัดธรรมมงคล ซีคอน สแควร์ พาราไดซ์ พาร์ค เทสโก้ โลตัส สุขุมวิท 50 บิ๊กซี อ่อนนุช โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ ลักษณะโครงการ: SARI สุขุมวิท 64 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom ขนาด 33.5 – 48 ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 57.5 – 77 ตารางเมตร จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 192 ยูนิต ส่วนกลาง: SARI สุขุมวิท 64 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 47% ไม่รวมจอดซ้อนคัน รวมซ้อนคันประมาณ 60% ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 50 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ บนดาดฟ้าตึก A ห้องออกกำลังกาย บนดาดฟ้าตึก A สวนหย่อมรอบโครงการ และบนดาดฟ้าของตึก B ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ เฉลี่ย 48:1 Service Lift ไม่มี ที่จอดรถประมาณ​ 60% รวมจอดซ้อนคัน ระบบ CCTV / Access Card   เพิ่มเติม: SARI สุขุมวิท 64 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.sansiri.com/condominium/sari/th/ ข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2556  
The Crest สุขุมวิท 49 : รีวิวคอนโด

The Crest สุขุมวิท 49 : รีวิวคอนโด

โครงการ: The Crest สุขุมวิท 49 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 4,790,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 143,000 บาท เจ้าของโครงการ SC ASSET Public Company Limited. จุดเด่น คอนโด Low Rise จาก SC Asset ในซอยสุขุมวิท 49 ใกล้ BTS ทองหล่อ ร้านอาหาร และแหล่งธุรกิจใจกลางเมือง ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2556 ที่ตั้ง: The Crest สุขุมวิท 49 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด ประมาณ 357.4 ตารางวา ที่ตั้ง ถนนสุขุมวิท 49 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.730464,100.577023 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS ทองหล่อ   สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สถานีทองหล่อ J Avenue   ลักษณะโครงการ: The Crest สุขุมวิท 49 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom ขนาด 33.50-49.20 ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 58.80-71.40 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 88 ยูนิต   ส่วนกลาง: The Crest สุขุมวิท 49 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 43 คัน คิดเป็นประมาณ 60 % ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 55 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท   สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย สวนดาดฟ้า ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ 44:1 ที่จอดรถ 43 คัน คิดเป็นประมาณ 60 % ระบบ CCTV / Access Card   เพิ่มเติม: The Crest สุขุมวิท 49 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 1749 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.scasset.com/Project/Detail.aspx?id=57 ข้อมูล ณ วันที่ 14 กันยายน 2556
FOCUS PLOENCHIT : รีวิวคอนโด

FOCUS PLOENCHIT : รีวิวคอนโด

โครงการ: FOCUS PLOENCHIT (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 4,600,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 133,000 บาท เจ้าของโครงการ Focus Construction & Development Plc. จุดเด่น คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ในซอยสุขุมวิท 2 ใกล้รถไฟฟ้า BTS เพลินจิต จุดด้อย – โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ - ที่ตั้ง: FOCUS PLOENCHIT (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 1 - 0 - 3 ไร่ ที่ตั้ง ซอยสุขุมวิท 2 ถนนสุขุมวิท แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.740650, 100.551667 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS เพลินจิต   สถานที่สำคัญใกล้เคียง ธ.กรุงไทย สำนักงานใหญ่ อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ โรงแรมโนโวเทล เพลินจิต อาคารปาร์ค เวนเชอร์ Central Embassy Central ชิดลม ลักษณะโครงการ: FOCUS PLOENCHIT (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedroom Penthouse ขนาดห้องที่มี พื้นที่ใช้สอย 34.46 – 124.47 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 132 ยูนิต ส่วนกลาง: FOCUS PLOENCHIT (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 60% หรือประมาณ 80 คัน ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 55 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำที่ชั้น 8 ห้องออกกำลังกาย ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ระบบ CCTV / Access Card   เพิ่มเติม: FOCUS PLOENCHIT (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 081-172-9773 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.focuscondominium.com/ ข้อมูล ณ วันที่ 3 มีนาคม 2556