Tag : Advertorial

72 ผลลัพธ์
รีวิวพาทัวร์เลาะรั้วรอบบ้าน “ถนนจันทน์”

รีวิวพาทัวร์เลาะรั้วรอบบ้าน “ถนนจันทน์”

รีวิวพาทัวร์เลาะรั้วรอบบ้าน "ถนนจันทน์" ช่วงนี้อากาศกำลังดีค่ะ วันนี้เลยจะพาทุกคนไปเดินเล่นแถวๆ "ถนนจันทน์" กันซักหน่อย ด้วยความที่เป็นพื้นที่คุ้นเคยเพราะเกิดและโตในย่านนี้จนคุ้นชินกับบรรยากาศของชุมชนในระแวก และเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ก็ตั้งแต่ยังไม่ตัดถนนนราธิวาสฯ นั่นแหละ คงไม่ต้องสืบแล้วนะว่าเกิดมานานขนาดไหน อิอิ   ย่านถนนจันทน์เป็นย่านของชุมชนเก่าค่ะ บรรยากาศคึกคักพลุกพล่านตลอดทั้งวัน ที่สำคัญ.. เป็นแหล่งที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกินอยู่พอตัว เรียกว่ามีร้านเก่าแก่ ร้านอร่อย ร้านดัง พ่วงด้วยร้านใหม่ๆ ตามสมัยนิยมมาเปิดกันมากมายเลยทีเดียว รอบนี้เราเลือกปักหมุดในโซนหัวถนนที่เชื่อมต่อกับถนนนางลิ้นจี่ ลัดเลาะไปตามถนนจันทน์เก่า แล้วก็วนมาที่ถนนจันทน์ตัดใหม่ (ซื่งไม่ใหม่แล้ว) เพราะเราเห็นว่าโซนนี้มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก มีความร่วมสมัยมากขึ้น มีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่เยอะ คอนโดใหม่ก็แยะ พอๆ กับที่มีร้านชิคๆ คูลๆ อีกหลายร้านจนเราอยากจะขออวดซะหน่อย   เลาะรั้วรอบ "ถนนจันทน์" เริ่มต้นด้วยไลฟ์สไตล์แบบสายเฮลท์ตี้ ต้องไม่พลาดร้าน “Snooze Atlas” ร้านสีเขียวขนาดกะทัดรัดริมถนนนางลิ้นจี่ ที่มี Smoothies Blows คุณภาพไม่กะทัดรัดเลยนะจ๊ะ แต่ละถ้วยอัดแน่นไปด้วยผักผลไม้สดแช่แข็ง อุดมไปด้วยวิตามินธรรมชาติ เราแนะนำให้บูสเช้าวันใหม่กันด้วย “Acai Sunset” เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระจาก Super Fruit ให้เต็มคำกันก่อน แถมยังอิ่มท้องด้วย Topping ที่คัดแล้วว่าดีต่อสุขภาพอีกเพียบ ทั้งเมล็ดเจีย งาขี้ม่อน เกสรผึ้ง โกจิเบอร์รี่ มะพร้าวคั่ว กราโนล่า และผลไม้สด Smoothies ถ้วยนี้ได้รสเปรี้ยวๆ หวานๆ แถมยังเย็นฟรีซสุดๆ กันไปเลย กินแล้วรับรองว่าสดชื่นตลอดทั้งวันแน่นอน   นอกจาก Acai Sunset ที่เราเลือกแล้ว ที่ร้านก็ยังมี Smoothies Blows ให้เลือกอีกหลายแบบ ซึ่งอ่านชื่อเมนูและส่วนผสมแล้วก็อยากลองไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Afternoon Delight, Green Twelve หรือแม้แต่เมนูง่ายๆ อย่าง Strawberry Milkshake ก็เหมาะกับการ take away ในวันที่เร่งรีบ แต่ต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพนะจ๊ะ     บรรยากาศในร้านเล็กๆ แห่งนี้ อัดแน่นไปด้วยต้นไม้สวยๆ แบบทุกซอกทุกมุมคือพื้นที่สีเขียว เหมาะกับสายเช็คอินขยันโพส รับรองว่าคุณจะได้รูปสวยไปลง IG เพียบแน่ๆ  ต้นไม้ที่เห็นในร้านไม่ได้ตั้งโชว์เฉยๆ นะคะ ใครอยากได้เค้าก็ขายจ้า เพราะใกล้ๆ กันมีร้านชื่อ “Garden Atlas” ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกัน ในร้าน Garden Atlas จะเต็มไปด้วยต้นไม้ยอดฮิตหลายหลายชนิด พร้อมอุปกรณ์เพาะปลูกกะจุ๊กกะจิ๊กอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดปลูก หรือเป็นสายสะสมไม้แปลก เชิญไปเลือกดูที่ร้านนี้ได้เลยค่ะ ร้านน่ารักจนเราขอยกตำแหน่งให้เป็นร้านรวมต้นไม้ที่ชิคที่สุดของย่านนี้ไปเลย     ถ้าไม่ค่อยถูกจริตกับสายเฮลท์ตี้ แต่เป็นสาวกสายแป้งที่อินกับกลิ่นเนย เราแนะนำให้ไปโดน “Amantee The Bakery” ร้านอบขนมปังสัญชาติฝรั่งเศสเจ้าดังที่ฮิตติดท็อปชาร์ตในเวลานี้  ยิ่งถ้าเป็นคนรัก “ครัวซอง” ตัวยงยิ่งห้ามพลาด!!  หลายคนอาจจะเคยกินขนมปังฝรั่งเศสนานาชนิดของร้านนี้มาบ้างแล้วจากสาขาใน Emquartier ซึ่งจุดกำเนิดของขนมปังหอมๆ ในแต่ละวันซ่อนตัวอยู่ในร้านขนาด 2 คูหาบนถนนจันทน์เก่าแห่งนี้นี่แหละ ที่บอกว่าซ่อนตัวนั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยนะ เพราะหลายคนคิดไม่ถึงว่า บนถนนจันทน์เก่าที่เป็นถนนเล็กๆ ที่เกือบจะถูกลืมไปแล้วจะมีร้านขนมอบดีๆ มาเปิดกับเค้าด้วย!!     ถ้าใครอยากกินขนมปังอุ่นๆ จากเตา เราแนะนำให้ไปกันแต่เช้า ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเมนูเด็ดๆ หลายตัวหมดเกลี้ยงตั้งแต่ยังไม่ทันเที่ยงเลยจ้า กลิ่นหอมๆ ของขนมปังอบใหม่มักจะทำให้เราขาดสติ แล้ววัตถุดิบหลักในร้านรวมถึงตัวเชฟก็นำเข้ามาจากฝรั่งเศสทั้งหมด ไม่อร่อยแบบต้นตำรับก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว   สำหรับ Croissant Lover ที่ชื่นชอบเนื้อสัมผัสแบบผิวนอกกรอบนิด เนื้อในนุ่มหนึบ ชุ่มเนยหน่อย ให้รีบไปเก็บแต้มบุญสะสมความอร่อยไว้ได้เลย (แต่สำหรับเราแล้วยังมีร้านอื่นที่มีครัวซองโดนใจกว่านี้ค่ะ) ส่วนขนมปังตัวอื่นๆ ก็อร่อยไม่น้อยหน้ากันนะคะ ระหว่างที่กำลังเลือกขนมอยู่ในร้านเราก็เห็นลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติมาซื้อกลับไปรัวๆ เลยทีเดียวจ้า แล้วจะไม่ให้แนะนำว่าเป็นร้านอร่อยประจำย่านได้อย่างไร     อย่างที่บอกว่าในย่านถนนจันทน์นี้มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ที่ชัดเจนเลยก็คือบริเวณปากซอยเย็นอากาศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “Market Place นางลิ้นจี่” คอมมิวนิตี้มอลล์ ที่มี Tops Market เป็นตัวชูโรง มีผัก ผลไม้ วัตถุดิบทำอาหาร แล้วก็สินค้านำเข้าให้เลือกเยอะเลยค่ะ คงเพราะมีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ในย่านนี้มากขึ้นด้วยแหละ เลยได้อัพเกรดจากที่เคยเป็นแค่ Tops Supermarket อย่างเดียวก็ขยายพื้นที่มาเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์แทน นอกจากนี้ก็ยังมี ร้านกาแฟ ร้านอาหารชื่อเพิ่มขึ้นมาอีกหลายร้าน รวมถึง Home Pro S ก็มาเปิดที่ชั้นใต้ดินด้วย     สำรวจแหล่งช้อปปิ้งกันเบาๆ แล้ว เรายังมีร้านอาหารมาแนะนำอีก 2 ร้าน 2 สไตล์ เป็นร้านเก่าแก่พอๆ กันทั้งคู่ เริ่มจากมื้อกลางวันแบบง่ายๆ ที่ “ร้านมานี หมูสเต๊ะ” แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าต้องกิน “หมูสเต๊ะ” ซึ่งเป็นเจ้าเก่าจากท่าดินแดง จึงรับประกันเรื่องรสชาติที่ได้มาตรฐาน ทางร้านเลือกใช้หมูอนามัยจากเบทาโกร นำมาหมักเครื่องเทศอย่างดีกินคู่กับน้ำจิ้มหมูสเต๊ะ และเพิ่มรสชาติด้วยอาจาดอีกคำถึงจะครบเครื่อง แต่ถ้าอยากได้อาหารที่หนักท้องมากขึ้น อยากให้ลองสั่งข้าวราดแกง หรือแยกเป็นกับข้าวก็ได้นะคะ พวกเมนูแกงต่างๆ จัดว่าดี เลยอยากแนะนำให้ได้ลองชิมดูค่ะ กับข้าวในร้านก็จะหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน แวะไปกินได้บ่อยๆ เลย     ไปต่อกันที่ร้าน “ครัวสาธร” ร้านเก่าแก่ที่ย้ายมาจากย่านสาทร อาหารในร้านเน้นอาหารไทยสไตล์ครอบครัวค่ะ เพราะมีเมนูให้เลือกมากมาย รสชาติเหมาะกับทุกวัย เมนูที่อยากแนะนำให้ลองคือ 2 เมนูในสไตล์กุ๊กช็อป อาหารฝรั่งสไตล์จีนที่หากินได้ยากอย่าง “สลัดเนื้อสัน” สลัดผักน้ำใส เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อสันในชิ้นหนาที่กริลมาอย่างพอดิบพอดี และ “ซี่โครงหมูอบ” ที่ใช้เนื้อหมูส่วนพอร์คช้อปคลุกเกล็ดขนมปังทอด แล้วราดด้วยน้ำสตูข้นๆ อันเป็นเอกลักษณ์ ถือว่าเป็นเมนูเก่าแก่ตัวชูโรงกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมี ปลาช่อนแป๊ะซะ, ถุงทอง, ห่อหมกขนมครก และเมนูตามฤดูกาลอีกหลายจานเลยค่ะที่เห็นชื่อเมนูก็ชวนให้หิวแล้ว     มาถึงร้านสุดท้ายที่ขอเอาใจคนชอบงานคราฟ เราขอจับมือพาไปเที่ยวร้าน “YARNNAKARN x AGO” บริเวณปากซอยนางลิ้นจี่ 4  ร้านขายสินค้าเซรามิกทำมือที่ชิคสุดๆ งานทุกชิ้นเกิดจากแรงบันดาลใจที่ได้จากธรรมชาติรอบตัว รวมถึงวัตถุดิบที่นำมาใช้ก็ล้วนแต่หาได้ในประเทศไทยทั้งหมดเลยนะคะ พอมาผสมผสานกันแล้วชิ้นงานแต่ละชิ้นก็จะมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน มีความเป็น Master Piece ในตัวเอง ถ้าอยากได้ของแต่งบ้านเก๋ๆ ไม่ซ้ำใครเราแนะนำว่าห้ามพลาดร้านนี้ค่ะ พื้นที่ชั้น 2 ของร้านเปิดโชว์ผลงานเป็นแกลลอลี่เล็กที่มักจะมีงานดีๆ มาจัดแสดงอยู่เรื่อยๆ เช่นกันค่ะ ส่วนพื้นที่ชั้น 3 เป็นร้าน AGO คาเฟ่สุดชิคที่แอบซ่อนตัวอยู่บนดาดฟ้านี่เอง ชั้นบนนี้มีเสื้อผ้าและข้าวของสไตล์วินเทจให้เลือกช้อปกันด้วยนะคะ     เดินดูของกันพอหอมปากหอมคอแล้ว แนะนำให้ลองเลือกเครื่องดื่มซักแก้วจาก AGO Cafe มาดับกระหายสักหน่อยค่ะ นอกจากกาแฟเมนูต่างๆ แล้ว ห้ามพลาด “AGO Special Craft Drink” เครื่องดื่มสุดเก๋ที่รังสรรค์ด้วยแรงบันดาลใจจากชื่อถนนนางลิ้นจี่อันเป็นที่ตั้งของร้าน โดยเมนูต่างๆ ของ Craft Drink นี้จะมีส่วนผสมหลักคือ “น้ำลิ้นจี่” แล้วนำมาผสมกับไซรัปที่ทางร้านปรุงขึ้นเอง ซึ่งมีให้เลือกมากถึง 8 ชนิด แล้วไซรัปแต่ละตัวก็จะให้กลิ่นและรสชาติที่พิเศษแตกต่างกันออกไปนะคะ กลายเป็นเรื่องสนุกเล็กๆ ที่เราได้ลองดมกลิ่นไซรัป แถมยังสนุกกับการชิมเครื่องดื่มในแก้วสวย พร้อมบรรยากาศสบายๆ ของสวนบนดาดฟ้า ที่คล้ายว่าเราได้ปลีกตัวมานั่งพักระหว่างวัน ให้หยุดนิ่งเงียบๆ ซักหน่อยแล้วค่อยไปต่อค่ะ     เสน่ห์ของถนนจันทน์ไม่ได้หมดแต่เพียงแค่นี้นะคะ ถนนสายนี้ยังมีทั้งเรื่องราวที่น่าสนใจและของอร่อยๆ รออยู่อีกมากมาย ไว้เราจะหาโอกาสพาทุกคนมาเที่ยวเล่นแถวบ้านเราอีก แต่ถ้าใครอยากย้ายมาเป็นชาวถนนจันทน์ มาเป็นเพื่อนบ้านในระแวกเดียวกับเรา ลองแวะไปเยี่ยม Sale Gallery โครงการ The ISSARA Sathorn กันได้นะคะ     ตอนนี้เค้ามีโปรโมชันพิเศษ “ISSARA DAY Yes ทุกดีล” 14 - 15 พ.ย.นี้ พบกันได้ที่สำนักงานขายทุกโครงการ เพื่อเลือกข้อเสนอที่ "YES" ตามใจคุณ กับ 9 ทำเลคุณภาพจากชาญอิสสระ รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก : https://bit.ly/38pMb8Q วันนี้ - 15 พ.ย. นี้เท่านั้น #IssaraDayYesทุกดีล #Charnissara คลิกเข้าไปดูข้อมูลโครงการกันก่อนที่ The ISSARA Sathorn  
ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดเพื่อชีวิตติดเมือง ใกล้รถไฟฟ้า แค่ 10 นาทีก็ถึงสาทร

ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดเพื่อชีวิตติดเมือง ใกล้รถไฟฟ้า แค่ 10 นาทีก็ถึงสาทร

“คุณคะ.... ทำงานที่สาทรรึเปล่าคะ?” ถ้าคำตอบคือใช่ เชื่อว่าคุณคงคุ้นชินกับชีวิตเร่งรีบ แยกไฟแดงรถเยอะๆ และบรรยากาศที่ผู้คนขวักไขว่เกือบตลอดทั้งวันเช้าจรดค่ำ ตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ ก็เพราะเป็นศูนย์กลางธุรกิจขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ มีบริษัทใหญ่ๆ และอาคารสำนักงานเรียงรายเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ขนาดใหญ่ของคนเมือง ซึ่งมีความหลากหลายและน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว   พอพูดถึง “สาทร” ใครๆ ก็คงนึกถึงชีวิตพนักงานออฟฟิศที่ต้องแอคทีฟอยู่ตลอดเวลา และเราก็เป็นคนนึงที่ใช้ชีวิตอยู่ในสาทรเสียเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าในวันทำงานที่ยุ่งแสนยุ่งจะกินจะดื่มอะไรก็ต้องทำเวลาไปหมด แต่ถึงจะรีบแค่ไหนก็ยัง Keep Cool ได้นะจ๊ะ   ชีวิตสนิทกับสาทร เอาล่ะ เริ่มกันตั้งแต่เช้าก่อนเริ่มงานก็ต้องปลุกตัวเองกันนิดนึง กาแฟดีๆ ซักแก้วต้องมีนะคะ และถ้ารีบๆ กลัวแตะนิ้วเข้างานไม่ทันก็ต้องสไตล์ Grab&Go เลยจ้า “Mouthfeel x Warm Batch Roasters” สาขานี้เค้าเป็น Speed Bar ร้านเล็กขนาดกระทัดรัดแทบไม่มีที่ให้ยืนรอในช่วงเช้าและพักกลางวัน แต่เค้าก็ชงกาแฟได้รวดเร็วทันใจ รสชาติดี แถมราคาไม่แรงได้ใจชาวออฟฟิศไปเต็มๆ เลย     มีกาแฟติดมือแล้วก็รีบไปทำงานที่เรารักได้แล้วค่ะ     ช่วงพักกลางวันเป็นอีกเวลาที่เร่งรีบไม่แพ้กันเลยค่ะ อย่างที่รู้ว่าถนนสาทรเป็นแหล่งรวมบริษัทใหญ่ๆ ไว้มากมาย ดังนั้นปริมาณพนักงานออฟฟิศก็ล้นหลามไม่แพ้กันเลยทีเดียว มีเวลาพักกลางวัน 1 ชั่วโมงเท่ากัน ต้องใช้ให้คุ้มกันหน่อยค่ะ ขอหลบไปนั่งกินข้าวให้ผ่อนคลาย พักสายตากับสีเขียวๆ ซักหน่อย “GLOWFISH DINNING HALL” เป็นฟู้ดคอร์ทที่มีบรรยากาศสบายๆ ด้านข้างริมกระจกมีวิวสวนให้พักสายตาได้ดี แล้วก็มีอาหารให้เลือกหลากหลายพอสมควร นอกจากจะเป็นฟู้ดคอร์ทที่เก๋ไม่เบาแล้ว บางทีก็เป็นอีกที่ที่เหมาะจะนั่งคุยงานด้วยนะคะ (ถ้างานด่วนจนเบียดเวลาพักอะนะ) จริงๆ แล้ว GLOWFISH มีพื้นที่ Co-Working Space ด้วย หลายครั้งเวลาที่เราอยากหาที่หลบมานั่งทำงานเงียบๆ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีอีกแห่งเลยแหละ แต่ต้องเลยเวลาพักกลางวันไปแล้วนะ     หลังจากยุ่งวุ่นวายกันมาทั้งสัปดาห์ เย็นวันศุกร์ไหนที่ไม่ได้มีนัดแฮงค์เอ้าท์ การเปลี่ยนบรรยากาศไปออกกำลังกาย สูดอากาศบริสุทธิ์ในสวนบ้างก็นับว่าเป็น “วิถีชีวิตคุณภาพ” เลยนะคะ เพราะปกติเราได้แต่ออกกำลังกาย วิ่งบนลู่วิ่งแห้งๆ ในฟิตเนสเท่านั้น แน่นอนว่าชาวสาทรและคนเมืองในย่านนี้ก็มี “สวนลุมพินี” นี่แหละที่เป็นปอดขนาดใหญ่ให้เราได้แวะไปฟอกปอดซักหน่อย ในสวนลุมมีกิจกรรมเยอะเลยค่ะ ใครใคร่วิ่งก็วิ่ง อยากจะแอโรบิคก็ได้ หรือที่ศูนย์กีฬาฯ ก็มีกีฬาหลายประเภทให้เลือกเล่นเลยนะ แต่ถ้าหมดแรงแล้วจะแค่แวะมาเดินเล่น ยืดเส้นยืดสาย ชมนก ชมวรนุช ก็ดีนะ   ชีวิตสนิทกับราชพฤกษ์ ถึงวันหยุด ได้หยุดพักจากงาน มีเวลาได้ออกไปเที่ยวเล่นกับเค้าบ้าง ในวันสบายๆ แบบนี้เราเลือกไปโซนราชพฤกษ์ค่ะ เพราะเป็นพื้นที่หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลใจกลางเมืองและยังมีที่ให้แวะเที่ยว แวะพักผ่อน ทำกิจกรรมในวันหยุดได้หลายอย่างเลยทีเดียว แถมยังมีคอมมิวนิตี้มอลล์ให้เลือกเยอะเลย ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ๆ ก็เยอะ เรียกได้ว่าตลอดเส้นทางบนถนนราชพฤกษ์มีร้านใหม่ๆ ให้ไปเช็คอินกันไม่ซ้ำตลอดทั้งปีแน่นอน     เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง “Food Villa ราชพฤกษ์” ก็จัดว่าขึ้นชื่อเรื่องเป็นแหล่งรวมสตรีทฟู้ดอร่อยๆ เอาไว้เพียบ แล้วก็ยังมีโซนขายอาหารซีฟู้ด กุ้ง หอย ปู ปลาสดๆ แล้วก็ขนมนมเนย อาหารขึ้นชื่อจากหลากหลายจังหวัดมากมาย เราว่าที่นี่เหมาะกับวันว่างๆ ที่ยังนึกไม่ออกว่าอยากกินอะไรดี ลองไปเดินเล่นเลือกดูที่หน้างานเลย เผลอแป๊บเดียวได้หิ้วกันพะรุงพะรังเต็มสองมือค่ะ (เชื่อเถอะ... เราโดนมาแล้ว)     มีแรงแล้วทีนี้จะเดินช็อปปิ้งซื้อของใช้เข้าบ้าน หรือเดินเลือกต้นไม้ไปปลูกให้อินเทรนด์ ก็จัดมาให้ครบไปเลยจ้า // ไหนๆ ใครปลูกต้นไม้ตามกระแสกับเค้าบ้าง? มาแนะนำมือใหม่แบบเราหน่อยว่าต้องเริ่มจากต้นอะไรดี     ถ้ามาถึงราชพฤกษ์แล้วไม่ได้เช็คอินคาเฟ่เก๋ๆ กับเค้าซักร้านเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง ครั้งนี้เราเลือก “2D Eye Candy” คาเฟ่ล่าสุดที่มาในธีม 2D สีขาวดำ ซึ่งน่าจะได้ไอเดียมาจากคาเฟ่ในเกาหลีที่เป็นที่นิยมกันมากในช่วงนึง แต่ที่ไทยเพิ่งจะมีร้านนี้และมั้งที่เป็นคาเฟ่ 2D ร้านแรกในกรุงเทพฯ     เข้าไปในร้านแล้วเหมือนได้เข้าไปอยู่ในหนังสือการ์ตูนเลย ทุกอย่างถูกทำให้เหมือนกับภาพวาด 2 มิติจากหมึกสีดำ มองเผินๆ คิดว่าโต๊ะ เก้าอี้ เค้าน์เตอร์บาร์ในร้านดูแบนราบเรียบเป็นระนาบเดียวกันไปหมด ถ้าใครชอบถ่ายรูปนะ บอกเลยว่าสนุกแน่ๆ เพราะมองไปมุมไหนก็น่าถ่ายรูปลง IG ไปหมด   ชีวิตติดเมือง ถ้าชีวิตดีๆ ที่ลงตัว หมายถึง การใช้ชีวิตที่เราคิดและออกแบบได้เอง มีอิสระแบบคนเมืองในการเลือกอาศัยในทำเลที่ดีและตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้มากที่สุด “ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์” น่าจะเป็นคำตอบที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่เราเล่ามาทั้งหมด   ด้วยทำเลที่ติดถนนใหญ่ เดินทางได้สะดวกสุดๆ เพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสถานีบางหว้าเพียง 450 เมตร นั่งไปแค่ 6 สถานีก็ถึงสาทร หรือถ้าใช้รถส่วนตัวเดินทางมาที่สาทรก็ใช้เวลา 10 นาทีเท่านั้น.... อันนี้เรื่องจริงเลยนะ เพราะเราลองจับเวลาจริงด้วยตัวเอง อาจจะบวกลบนิดหน่อยถ้าเจอการจราจรหนาแน่นบ้าง แต่ก็ยังจัดว่าเร็วอยู่ดี จะเข้าจะออกเมืองจึงสะดวกจริงไม่มีโม้ คนทำงานสาทรแบบเราเลยไม่ต้องห่วงว่าจะต้องตื่นแต่เช้าตรู่และเสียเวลาเดินทางบนถนนนานๆ วันไหนไม่อยากใช้รถส่วนตัวก็มีรถไฟฟ้า จะไปไหนมาไหนก็ง่าย อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากตึกสูงๆ ก็แค่ขยับไปทางราชพฤกษ์เท่านั้นเอง ไลฟ์สไตล์ชิคแอนด์คูลก็รอให้เช็คอินอยู่เพียบ   ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดติดเมืองใกล้รถไฟฟ้า 10 นาทีถึงสาทร   โครงการศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์นี้ เป็นคอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ หรือที่ตอนนี้เรียกกันว่า New Normal กันเลยนะ เริ่มตั้งแต่ฟังก์ขั่นการออกแบบ ทั้งส่วนกลางไปจนถึงภานในห้องพัก ซึ่งทุกอย่างถูกคิดมาอย่างละเอียดรอบด้าน เช่น การเพิ่มพื้นที่ส่วนกลาง และจัดแยกส่วนเพื่อลดความแออัด หรือการจัดผังอาคารให้มีการถ่ายเทอากาศจากธรรมชาติได้ดีขึ้น การมีจุดพักรับ-ส่งของ หรือ Delivery Drop Off เพราะปัจจุบันเราใช้บริการสั่งอาหารให้มาส่งกันมากขึ้นเลยจัดแยกส่วนไว้ให้สะดวกขึ้นซะเลย หรือแม้แต่การเข้าออกตัวอาคารที่เปลี่ยนมาใช้ระบบ Touchless ด้วยประตูอัตโนมัติ และการใช้ Face Scan เพื่อลดการสัมผัส แค่ตัวอย่างที่ว่ามานี้ก็ทำให้เราร้อง “ว้าว” ออกมาดังๆ ได้เลย     แล้วยิ่งได้เห็นห้องตัวอย่างของ ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ ก็ยิ่งตาลุกวาวไปอีก เพราะศุภาลัยเดี๋ยวนี้เค้าไม่เหมือนเดิมแล้วนะคะ ไม่มีแล้วห้องแบบเชยๆ ที่เคยโดนปรามาสไว้ เพราะห้องรูปแบบใหม่ สวย ทันสมัย ฟังก์ชั่นตอบโจทย์คนรุ่นใหม่สุดๆ   ที่ Sale Gallery มีห้องตัวอย่างให้ชมกัน 2 แบบ 2 สไตล์ ตัวโครงการเน้นความเป็นส่วนตัวด้วยยูนิตรวมไม่เยอะมาก เน้นห้องกว้างและเพดานสูง 2.7 เมตร แถมภายในห้องยังคิดเผื่อรูปแบบการทำงานที่อาจเปลี่ยนไปในอนาคต จึงเน้นให้ห้องอยู่สบาย มีการเปิดรับแสงและระบายอากาศได้ดี เพิ่มมุมเพื่อรองรับการทำงานแบบ work from home แถมยังคิดเผื่อระบบ Fiber Optic ไว้ให้อีกด้วย ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้ทันเหตุการณ์มากๆ   ห้องตัวอย่างขนาด 35 ตร.ม. หรือ 1 Bedroom ออกแบบมาในสไตล์หวานๆ โทนสีพาสเทลนิดๆ ที่น่าจะโดนใจสาวๆ ได้เป็นอย่างดี แถมพิเศษด้วยพื้นที่ Favorite Coner มุมแต่งตัวสวยๆ ที่ทำเป็น Walk-in Closet ได้อย่างลงตัว จริงๆ แล้วพื้นที่ในส่วนนี้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามต้องการเลยนะคะ ไม่ได้จำกัดตายตัวเพราะชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นมุมโปรดนี่นา แถมห้อง Typeนี้ยังเป็น Layout แบบใหม่ของศุภาลัยที่น่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้องมาในโทนขรึมๆ กับขนาด 44.5 ตร.ม. หรือ 1 Bedroom Plus ซึ่ง Layout ห้องนี้ลงตัวมากๆ ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางขึ้น มีมุมโปรดได้หลายมุมเลยค่ะ แถมการตกแต่งห้องตัวอย่างนี้ยังมาในสไตล์ Cafe ชวนให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ในร้านกาแฟตลอดเวลา พร้อมด้วยห้องอเนกประสงค์ที่จัดเป็นห้องทำงาน และพื้นที่ปลูกต้นไม้ให้อินเทรนกับเค้าด้วย เลยทำให้บรรยากาศสไตล์ลอฟท์ไม่รู้สึกแข็งที่อจนเกินไป เชื่อว่าใครเห็นก็ต้องถูกใจห้องสไตล์นี้แน่ๆ   เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครอยากมีชีวิตสนิทกับสาทรแบบเรา ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ น่าจะเป็นคอนโดที่จะทำให้ชีวิตคุณลงตัวในทุกจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นแบบแอคทีฟสุดๆ หรือแบบสโลว์ไลฟ์ตามสไตล์สายชิว.....ลองไปค้นพบความหมายของการใช้ชีวิตที่เราคิดและออกแบบได้เองที่ “ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์” กันดูมั้ยคะ   รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม : Supalai Loft สาทร-ราชพฤกษ์  หรือโทร. 1720   บทความอื่นๆ เกี่ยวกับศุภาลัย ศุภาลัย ไลท์ ท่าพระ-วงเวียนใหญ่ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สุขุมวิท 107 ศุภาลัย บุกตลาดอสังหาฯ แนวราบ ประเดิมโครงการแรกย่านพระราม 2  
7 เรื่องต้องรู้ “GREE” แอร์เบอร์ 1 ของโลก

7 เรื่องต้องรู้ “GREE” แอร์เบอร์ 1 ของโลก

  ถึงวันนี้ ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว จากการประกาศของกรมอุตุวิทยา ว่าประเทศไทยสิ้นสุดฤดูหนาวและได้เริ่มต้นเข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ประเทศไทยจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น และมีอากาศร้อนในตอนกลางวันอย่างต่อเนื่อง คาดว่าฤดูร้อนจะสิ้นสุดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้   แม้ว่าเมืองไทยจะมีอากาศร้อนเป็นปกติ  ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูหนาวหรือฤดูฝน แต่หากเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศเมืองไทยจะร้อนมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องมองหา อุปกรณ์สิ่งจำเป็นที่จะช่วยคลายร้อน ทำให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแต่ละวัน โดยเฉพาะการพักอาศัยอยู่ภายในบ้าน ซึ่งก็คือ การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ นั่นเอง     ตอนนี้ในท้องตลาดมีเครื่องปรับอากาศสารพัดแบรนด์ วางขายและทำตลาดให้ผู้บริโภคได้เลือก ตามความต้องการ ซึ่งแต่ละแบรนด์แต่ละรุ่น ต่างก็มีคุณสมบัติหลากหลาย แล้วแต่เจ้าของแบรนด์จะพัฒนาออกมา ซึ่งนับวันเครื่องปรับอากาศถูกพัฒนาออกมาให้มีเทคโนโลยีทันสมัย และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสะดวกสบาย หรือทำให้ผู้ที่ใช้มีสุขภาพดี ห่างไกลจากมลภาวะทางอากาศต่างๆ ด้วย   เมื่อเครื่องปรับอากาศในท้องตลาดมีมากมายหลากหลายแบรนด์ หลายรุ่น หลายขนาด และราคา แล้วเราจะมีหลักเกณฑ์การเลือกแอร์สักเครื่องอย่างไร เพื่อให้ได้ทั้งคุณสมบัติที่ดี มีคุณภาพ คุ้มค่า และคุ้มราคา สำหรับคำแนะนำเบื้องต้น   การเลือกแอร์สักเครื่อง เราควรพิจารณาใน  6 ประเด็นหลัก 1. เลือกขนาดของ BTU ให้พอเหมาะกับขนาดของห้อง การเลือกขนาด BTU (British Thermal Unit) ของแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องที่จะติดตั้ง จะช่วยทำให้เราได้แอร์ที่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ไม่ทำงานหนักไป หรือทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ข้อดีของการเลือก BTU ที่เหมาะสม ยังทำให้ประหยัดไฟฟ้า และแอร์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานด้วย   2. แบรนด์ และชื่อเสียงของแบรนด์ เรื่องแบรนด์ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย หรือมองข้าม แม้ว่าหลายคนอาจจะบ่นว่าเลือกได้ยาก เพราะทุกแบรนด์ล้วนแต่บอกว่า แบรนด์ของตนเองดี มีคุณภาพมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ซึ่งหลักเกณฑ์การพิจารณาง่ายๆ คงดูได้จากหลายเรื่อง อาทิ ดูจากยอดขาย มากน้อยแค่ไหน วางขายสินค้าที่ใดบ้าง ระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ  เพราะข้อมูลเหล่านี้จะบอกได้ว่า ผู้บริโภคให้การตอบรับกับแบรนด์นั้นๆ มากน้อยเพียงใด   3. คุณสมบัติของแอร์ เดี๋ยวนี้เครื่องปรับอากาศ ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติ คุณภาพ และประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าไปจากอดีต แอร์ไม่ได้มีคุณสมบัติแค่ ให้อุณหภูมิที่เย็นสบายเท่านั้น แอร์ยังฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ ฆ่าเชื้อโรค ดับกลิ่นเหม็นได้  เป็นต้น ซึ่งคุณสมบัติองแอร์ปัจจุบันยังมีอีกมากมายหลายเรื่อง ซึ่งผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามที่ตนเองต้องการ เพื่อคุณภาพการใช้ชีวิตในบ้าน   4. โรงงานและมาตรฐานการผลิต เรื่องของมาตรฐานการผลิต  เป็นการรับประกันได้ว่า เราจะได้เครื่องปรับอากาศที่มีคุณภาพ ตรงตามที่แบรนด์นั้นโฆษณาไว้ รวมถึงเราจะได้ใช้แอร์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ด้วยมาตรฐานการผลิตที่ได้รับการยอมรับ   5. จุดขายและการบริการหลังการขาย การหาซื้อสินค้าได้ง่ายกับจุดจำหน่ายหลากหลาย และการมีศูนย์บริการหลังการขาย รวมถึงการรับประกันคุณภาพสินค้า จะช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้า เมื่อเกิดปัญหากับสินค้าที่ซื้อไปนั้น บางครั้งก็กลายเป็น “คำตอบสุดท้าย” ที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจ ว่าจะเลือกซื้อสินค้านั้นหรือไม่  เพราะแม้ว่าแอร์แบรนด์นั้นจะมีประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติที่ดีแค่ไหนก็ตาม แต่การบริการหลังการขายไม่ดี หรือหาศูนย์บริการได้ยาก ผู้บริโภคก็อาจจะไม่เลือกซื้อสินค้าแบรนด์นั้นเลยก็ได้   6. ราคาคุ้มค่า เรื่องของราคา ก็เป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เพราะหากสินค้ามีประสิทธิภาพ คุณสมบัติดีแค่ไหน แต่ราคาผู้บริโภคเอื้อมไม่ถึง ไม่สามารถซื้อได้  ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร ราคาจึงต้องสมเหตุสมผล คุ้มค่าคุ้มราคา และผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องซื้อได้     7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับแอร์กรี (GREE) ปัจจุบันท้องตลาดมีแอร์สารพัดแบรนด์วางขายอยู่ แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ว่า สินค้าหลายๆ แบรนด์ที่วางขายอยู่นั้น มาจากโรงงานผลิตที่มีเจ้าของคนเดียว ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำแบรนด์กรี (GREE) ซึ่งคือแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเครื่องปรับอากาศหลายแบรนด์ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน ผ่านเรื่องราวและข้อมูล 7 เรื่องสำคัญ 1.แบรนด์เบอร์ 1 ของโลก สิ่งที่ยืนยันและบอกว่าแอร์ แบรนด์กรี เป็นแบรนด์แอร์อันดับ 1 ของโลก คือ  ยอดขายที่ถูกส่งออกไปทั่วโลก มากว่า 160 ประเทศ  ซึ่งในปี 2557  ผลิตภัณฑ์แอร์สามารถทำยอดขายมากถึง 10,000 ล้านหยวน จากยอดขายโดยรวมในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ของบริษัทซึ่งมีมากถึง 140,000 ล้านหยวน และช่วงปี 2561 ยอดขายของบริษัทพุ่งไปกว่า 200,000 ล้านหยวน เติบโตจากปีก่อนหน้ากว่า 33.33% ที่สำคัญ EUROMONITOR INTERNATIONAL ยังให้การรับรองว่าบริษัท GREE มียอดขายอันดับ 1 ของโลก ในช่วงปี 2560 อีกด้วย  ไม่เพียงแต่ยอดขายที่สูงมากแล้ว บริษัทยังได้รับการจัดอันดับ จาก Forbes Global 2000 ว่าเป็นบริษัทมหาชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อันดับที่ 294 ใช่วงปี 2561 2. แอร์ดีต้องไม่มี “เชื้อโรค” ประเด็นสำคัญของสังคมไทย รวมถึง สังคมโลก ในขณะนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “ไวรัส” หรือแม้แต่ปัญหาฝุ่นระดับ PM 2.5 ซึ่งกำลังคุกคามสุขภาพของคนไทย ซึ่งเทรนด์ความใส่ใจในเรื่องสุขภาพ เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ทำให้สินค้าต่างๆ ต้องมีคุณสมบัติทำให้ผู้ใช้งานมีสุขภาพดี หรือไม่สร้างปัญหากับผู้ใช้งาน เครื่องปรับอากาศในยุคปัจจุบันจึงต้องเสริมคุณสมบัติ ที่ทำให้อากาศบริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมในอากาศ ที่จะมาทำร้ายสุขภาพคนในบ้าน แอร์กรีจึงมีแผ่นกรองอากาศ (Catechin Filter) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านเชื้อ แบคทีเรียเอสเคอริเคีย โคไล ในอัตรา 99.99 และต้านเชื่อแบคทีเรียสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส ในอัตรา 97.06 ซึ่งแผ่นกรองอากาศของแอร์กรี ได้ผ่านการตรวจสอบที่ศูนย์ตรวจสอบจุลชีวะแห่งเมืองกวางตุ้ง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2557 3. แอร์ดีมีประสิทธิภาพ ต้องมีระบบ Inverter แอร์ระบบ Inverter ดีกว่าแอร์ระบบเดิม คือ สามารถควบคุมความเย็นได้ตามที่กำหนดไว้ ที่สำคัญคือ ประหยัดไฟ และเครื่องปรับอากาศทำงานเบา โดยแอร์กรี มีระบบ Cooling Inverter ซึ่งช่วยทำให้ห้องเย็นเร็วตามอุณหภูมิที่ต้องการ และประหยัดค่าไฟได้เต็มประสิทธิภาพ 4. มาตรฐานการผลิต เครื่องพิสูจน์คุณภาพแอร์ คุณสมบัติสำคัญอีกประการที่ผู้บริโภคคำนึงถึง ในการใช้เป็นเกณฑ์เลือกซื้อแอร์ คือ คุณภาพการผลิต ซึ่งหลักเกณฑ์ที่ผู้บริโภคใช้เลือก คงเป็นมาตรฐานของโรงงานว่ามีมาตรฐานอย่างไร ใช้เทคโนโลยีอะไรมาช่วยในการผลิตสินค้า ซึ่งแบรนด์แอร์กรีเองนั้น ใช้เทคโนโลยีโรบอท จาก GREE ELECTRIC APPLIANCES, INC.OF ZHUHAI ซึ่งไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่มีหุ่นยนต์มาคอยควบคุมการผลิต มีความแม่นยำในการผลิต ได้มาตรฐานและคุณภาพ 100% แล้ว ทางโรงงานยังมีทีมวิศวกรอีกกว่า 5,000 คน คอยควบคุมการผลิต และเป็นทีมพัฒนาสินค้าให้มีเทคโนโลยีล้ำหน้าอย่างต่อเนื่องด้วย ปัจจุบันแอร์กรี มีฐานการผลิตกระจายหลายมุมของโลก อยู่มากถึง 9 โรงงาน ซึ่งมาตรฐานและเทคโนโลยีการผลิตของแอร์กรี ที่บอกว่ามีมาตรฐานและทันสมัยนั้น คงวัดได้จากการให้การตอบรับจากผู้บริโภคทั่วทุกมุมโลกมากกว่า 250 ล้านคนหรือพูดได้ว่าแอร์กรี ครองส่วนแบ่งการตลาดของตลาดแอร์มากถึง 1 ใน 3 ของตลาดแอร์ทั่วโลก นอกจากผลตอบรับของผู้บริโภคที่มีต่อแอร์กรีแล้ว หลายคนอาจจะไม่รู้ข้อมูลเชิงลึกของแอร์กรี คือ การเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์แอร์ชั้นนำมากถึง 9 แบรนด์ ที่วางจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยและกระจายอยู่ทั่วโลกด้วย 5. ผู้บริโภคยุคใหม่ เลือกใช้สินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 เรื่องการประหยัดไฟ ประหยัดพลังงาน เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความใส่ใจ และความสำคัญ เพราะไม่ใช่แค่การร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์พลังงานของโลกใบนี้เท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนมาถึงตัวผู้บริโภคเอง เพราะช่วยในเรื่องการประหยัดไฟฟ้า ทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าไฟสูงเกินความจำเป็น ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะซื้อแอร์ที่ช่วยประหยัดไฟฟ้า ผู้บริโภคหลายคนมีการเปรียบเทียบแอร์แต่ละแบรนด์แต่ละรุ่น เพื่อเลือกซื้อแอร์ที่ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากที่สุด สำหรับแอร์กรี ถือว่าได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการประหยัดไฟฟ้า จนได้รับฉลากเบอร์ 5 3 ดาว ซึ่งเป็นค่าการประหยัดไฟฟ้าสูงสุด ซึ่งเดิมเครื่องใช้ไฟฟ้าจะมีฉลากที่บ่งบอกการประหยัดไฟด้วยเลข 1-5 เท่านั้น ต่อมาเพิ่มเติมข้อมูลในฉลากด้วยดาว ซึ่งมีตั้งแต่ 1-3 ดวง ซึ่งฉลากที่มีดาว 3  ดวง คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานประหยัดไฟสูงสุด 6. เสริมเทคโนโลยี เพื่อผู้บริโภคยุคดิจิทัล เพราะในโลกยุคปัจจุบันเป็นโลกของ “ดิจิทัล” ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มีอุปกรณ์มือถือเป็นของจำเป็นประจำตัวที่ขาดไม่ได้ อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ จึงพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัล เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้มือถือ เป็นอุปกรณ์ที่ควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ไม่ว่าจะผ่านเครือข่ายสัญญาณ WiFi หรือ bluetooth แอร์กรี ก็ไม่ละเลยที่จะให้ความสำคัญกับการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ด้วยการนำเทคโนโลยี WiFi เข้ามาใช้  ทำให้ลูกค้าสามารถใช้สมาร์ทโฟนควบคุมการทำงานของแอร์กรีได้ เปรียบเสมือนกับเป็นรีโมทคอนโทรล ผ่านฟังก์ชั่น Mobile Controller 7. มั่นใจในคุณภาพคอมเพรสเซอร์ รับประกันนานนับ 10 ปี สิ่งที่เป็นการตอกย้ำให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพ และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์  เพื่อทำให้ผู้บริโภคเกิดความ “อุ่นใจ” หากซื้อสินค้ากลับไปใช้ที่บ้าน คงเป็นเรื่องของการ “รับประกัน” ซึ่งแอร์กรี มีการประกันคอมเพรสเซอร์ ที่ถือเป็นหัวใจของเครื่องปรับอากาศ นานถึง 10 ปี ขณะเดียวกันยังรับประกันอะไหล่นานถึง 5 ปีอีกด้วย ซึ่งเงื่อนไขและรายละเอียดของการรับประกัน ลูกค้าสามารถสอบถามได้ที่พนักงานและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ     เรื่องราวทั้ง 7 ข้อ คงเป็นข้อมูลที่ทำให้เราได้รู้จักกับเครื่องปรับอากาศ แบรนด์กรี กันมากขึ้น และคงเป็นข้อมูลสำคัญในการใช้พิจารณาเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศสักเครื่องมาใช้ ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด    
ทำความรู้จัก Hybrid Living นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

ทำความรู้จัก Hybrid Living นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

  แน่นอนว่า “บ้าน” คือ 1 ในปัจจัย 4 ที่จำเป็นในการใช้ชีวิต หน้าที่หลักของบ้าน คือ สถานที่พักอาศัย เป็นสถานที่ “กิน-อยู่-หลับนอน” แต่บ้านที่ดีไม่ได้มีคุณค่าแค่ทำให้การพักอาศัยมีความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเท่านั้น แต่บ้านที่ดีต้องสามารถสร้างคุณค่าของความเป็นอยู่โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสุข ความอบอุ่น ความสบายใจ และเป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต ไปจนถึงการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของการอยู่อาศัยด้วย   แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน จึงไม่ได้มุ่งตอบโจทย์แค่เรื่อง “ฟังก์ชั่น” การใช้งาน เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น แต่มุ่งตอบสนองความต้องการใช้ชีวิต ที่มีคุณภาพของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ภายในบ้าน หรือภายในชุมชนรอบข้าง ด้วยการยึดเอาไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเป็นหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์หลากหลาย ไม่ได้มีบทบาทและหน้าที่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่มีบทบาทและหน้าที่หลากหลายในคนๆ เดียว บ้านที่ดีจึงต้องตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย     การพัฒนาที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการจึงต้องตอบสนองความต้องการเหล่านั้นให้ครบ และยังต้องมีคุณภาพที่ดีด้วย โดยเฉพาะกับการอยู่อาศัยในโครงการบ้านเดี่ยว เพราะเป็นการอยู่อาศัยกับคนหลายเจเนอเรชั่น คนแต่ละช่วงอายุ มีความต้องการหลากหลาย และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง แต่ทุกคนต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี   AP หรือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้เห็นถึงความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมุ่งหวังการใช้ชีวิตภายในบ้าน ที่สามารถเติมเต็มคุณภาพชีวิตได้ในทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคน จึงได้พัฒนาบ้านเดี่ยวภายใต้แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลของคนยุคปัจจุบัน ซึ่งพบว่า มีความต้องการที่หลากหลาย ต้องการความสะดวกสบาย โดยเฉพาะความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี   Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต คือ การนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ กับโครงการบ้านเดี่ยวของ AP ทั้งภายในตัวบ้านและภายนอกบ้าน ทำให้ทุกฟังก์ชั่นของบ้าน สร้างสรรค์ประโยชน์สูงสุดให้กับผู้อยู่อาศัย มีการผสมผสานฟังก์ชั่นบ้าน ให้เข้ากับเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และระบบสมาร์ทโฮม ถือเป็นนวัตกรรมของการใช้ชีวิตในรูปแบบ Hybrid Living อย่างแท้จริง     Hybrid Living ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างไร?   หากมองไปในท้องตลาดตอนนี้ใครๆ ก็พูดถึงระบบสมาร์ทโฮม หรือ โฮมออโตเมชั่น ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาทำให้การอยู่อาศัยสะดวกสบาย กับเทคโนโลยีสารพัด เป็นจุดขายของโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่สำหรับ AP แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต พัฒนาโครงการบนแนวคิดที่เชื่อว่า ตัวตนคุณไม่ได้มีแค่หนึ่งคำจำกัดความ ความต้องการของการอยู่อาศัยจึงไม่ได้มีเพียงด้านเดียว บางคนอยากทำงาน แต่ก็อยากเที่ยว บางคนอยากหลีกหนีความวุ่นวาย แต่ก็อยากเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ บางคนอยากอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่ก็ชอบความสะดวกสบายของเมือง และบางคนอยากพักผ่อนที่บ้าน แต่ก็อยากสังสรรค์กับเพื่อนๆ เป็นต้น     เมื่อโจทย์ความต้องการของคนยุคปัจจุบันมีความหลากหลายเช่นนี้ แนวคิดของ Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จึงถูกพัฒนาบน 4 องค์ประกอบหลักสำคัญ เพื่อให้ทุกความต้องการได้รับการตอบสนอง   1. Cost-saving-ค่าใช้จ่ายส่วนกลางถูกลงด้วยเทคโนโลยี ในยุคที่คนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่าย ทำให้คนยุคปัจจุบันมุ่งเน้นเรื่องของ “ความคุ้มค่า” โดยเฉพาะการใช้จ่าย ผู้บริโภคยุคปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย ในการซื้อสินค้าหรือบริการ ทำให้ทุกการใช้จ่ายยืนอยู่บนเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ซึ่ง AP เข้าใจในเรื่องความคุ้มค่านี้ดี จึงเลือกพัฒนาสาธารณูปโภคภายในโครงการบ้านเดี่ยว ด้วยนวัตกรรมที่ช่วยให้ลูกบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด อาทิ นวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power system) และระบบกำจัดน้ำเสีย (Greywater Recycle system) ซึ่งนำน้ำมาบำบัดเพื่อใช้รดต้นไม่ในโครงการ เป็นต้น ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางลดลง เมื่อเทียบกับโครงการที่ไม่ได้ติดตั้งระบบนี้   2. Security-ความปลอดภัยในทุกไลฟ์สไตล์ บ้านแค่อยู่อาศัยแล้วสบายคงไม่เพียงพอ แต่ต้องมีความปลอดภัย ทั้งทรัพย์สินและชีวิตของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน นอกจากระบบรักษาความของโครงการ ไม่ว่าจะเป็น รปภ. กล้องวงจรปิด ระบบคีย์การ์ด ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีเป็นเรื่องพื้นฐานจำเป็นอยู่แล้ว แต่แนวคิดของ Hybrid Living ของ AP ต้องตอบโจทย์การดูแลความปลอดภัยได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น   ระบบเซ็นเซอร์ประตู หน้าต่าง และเซ็นเซอร์ตรวจจับ ความเคลื่อนไหว ให้เจ้าของบ้านได้มั่นใจ แม้ว่าจะออกไปทำงานหรือเดินทางท่องเที่ยว เพราะจะมีระบบจะแจ้งเตือนผ่าน Application พร้อมส่งเสียงเตือนเมื่ออยู่ในโหมด “Alarm” ช่วยแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบการเปิด-ปิดของประตูหรือหน้าต่าง หรือตรวจเจอการเคลื่อนไหวในบ้าน หรือจะดูความเป็นไปของคนภายในบ้าน สามารถทำได้ด้วยการดูผ่านกล้อง IP Camera จาก Application ได้แบบ Live Stream     แม้แต่ปัญหาประจำที่ทุกคนจะต้องเจอ เช่น การลืมกุญแจบ้าน ก็ไม่ใช่ปัญหาต้องจ้างช่างมาไขประตูเข้าบ้านอีกต่อไป เพราะระบบ Digital Door Lock ช่วยแก้ปัญหาได้ สามารถสั่งงานผ่าน Application ได้ หรือจะสั่งเปิดประตูให้กับแม่บ้านเพื่อเข้ามาทำความสะอาด ระบบก็มี Pin Code ชั่วคราวที่ใช้ได้ครั้งเดียวให้ เจ้าของบ้านอยู่ที่ไหนก็ใช้งานได้สะดวก เหมาะกับการวิถีชีวิตคนยุค 4.0   ที่สำคัญการพักอาศัยอยู่กับคนหลายเจเนอเรชั่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ บางครั้งลูกหลานออกไปทำงาน หรือเดินทางท่องเที่ยว ต้องให้ผู้สูงอายุอยู่โดยลำพัง ก็หมดห่วงกับสิ่งที่ AP คิดมาให้ เพื่อดูแลผู้สูงอายุ กับปุ่มเรียกฉุกเฉินในยามคับขัน พร้อมทั้งมีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่เตียงนอน เพื่อเปิดไฟทางเดินสู่ห้องน้ำแบบอัตโนมัติในตอนกลางคืน หรือการดูแลที่ดีขึ้นไปอีก กับการส่งสัญญาณเตือนและภาพ Live Stream จาก IP Camera ไปยัง Application ในโทรศัพท์มือถือ หากไม่พบการเคลื่อนไหวของผู้อยู่อาศัยในห้อง เพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีที่ผู้สูงอายุเกิดล้ม ถือเป็นแนวทางการพัฒนาที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนได้ทุกเจเนอเรชั่นจริงๆ   3. Comfort-ความสบายแค่ปลายนิ้วสั่งงาน เรื่องความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย แม้จะเป็นเรื่องพื้นฐานที่บ้านต้องตอบโจทย์ แต่เพราะปัจจุบันเป็นยุคที่มีเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ความสะดวกสบายต้องเป็นเรื่องที่พัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานการดูแลบ้าน และให้ผู้อยู่อาศัยสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน ที่ AP นำระบบควบคุมอุปกรณ์ ไฟฟ้าอัจฉริยะในบ้าน Smart Home Gateway and Security Module มาดูแลความสบายของคุณและครอบครัว   การใช้ระบบควบคุมไฟแสงสว่าง Lighting Control ที่สามารถเปิด-ปิด ผ่านสวิตช์ และ Application ทำงานคู่กับระบบ Motion Sensor ช่วยตรวจจับความเคลื่อนไหว และความสว่างในบ้าน และระบบพัดลม Air Flow ระบบควบคุมเครื่องกรองอากาศอัจฉริยะ แม้แต่ชีวิตนอกบ้าน เทคโนโลยีก็ยังเข้ามาทำให้มีความสะดวกสบาย อาทิ ระบบตั้งเวลา Sprinkle รดน้ำต้นไม้ ผ่านสวิตช์ และ Application ระบบ Gate Controller ควบคุมเปิด-ปิด มอเตอร์ประตูรั้วบ้าน ผ่าน Application ระบบ Digital Door Lock เป็นต้น   4. Community-ดูแลชุมชนปลอดภัย 24 ชั่วโมง การอยู่อาศัยภายในบ้าน แม้ว่าจะได้รับความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีซึ่งเติมเต็มให้กับการอยู่อาศัย สิ่งที่ละเลยไม่ได้กับการอยู่อาศัยภายในโครงการบ้านเดี่ยว AP คือ การสร้างสรรค์ให้เกิดสังคมแห่งความสงบสุข จากการอยู่ร่วมกันของผู้อยู่อาศัยในโครงการ เพราะ AP เชื่อว่า “เพื่อนบ้านที่ดี” คือ ปัจจัยสำคัญของการอยู่ร่วมกันในชุมชน จึงได้สร้างสรรค์ Katsan Application เพื่อสื่อสารกับพนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าโครงการ เมื่อมีแขกมาเยือน ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังมือถือของคุณ   นอกจากนี้ ยังช่วยคัดแยกรถต้องสงสัย และแจ้งเตือนพนักงานรักษาความปลอดภัย เมื่อมีรถสาธารณะอยู่เกินเวลา ในกรณีฉุกเฉินยังสามารถใช้กดเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย ตำรวจ หรือรถพยาบาลได้แค่ปลายสัมผัส ทำให้การอยู่ร่วมกันของคนในชุมชนได้รับความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เป็นชุมชนที่น่าอยู่อาศัย และสามารถสร้างคุณภาพชีวิตให้กับทุกคนในโครงการบ้านเดี่ยวของ AP     องค์ประกอบทั้งหมดที่ AP นำมาใช้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ภายใต้แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จึงเป็นคำตอบของการอยู่อาศัยในยุคดิจิทัล 4.0 ที่ไม่ได้ต้องการแค่ความสะดวกสบายเมื่ออยู่ในบ้านเท่านั้น แต่หมายถึงการเติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้อยู่อาศัยในทุกเจเนอเรชั่นด้วย   อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.apthai.com/HybridLiving/  
7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ประโยชน์มากกว่า ในราคาสุดคุ้ม

7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ประโยชน์มากกว่า ในราคาสุดคุ้ม

  การสร้างหรือการซ่อมแซมบ้าน ปัจจัยหนึ่งที่มักทำให้งบประมาณบานปลาย  คือ ขาดการวางแผนและเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ไม่มีคุณภาพ  คำนึงแต่เรื่องราคาถูกเป็นหลัก ทำให้เวลาเอามาใช้งานจริง ไม่ได้ตามมาตรฐานของงาน ผลงานจึงออกมาไม่มีคุณภาพ หรือเมื่อใช้ไปได้สักระยะก็ต้องมาเจอปัญหาเดิม  ต้องมานั่งรื้อนั่งซ่อมกันใหม่  ทำให้ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และอารมณ์  หงุดหงิดกับปัญหาซ้ำซากที่ต้องเจอบ่อยๆ   การเลือกใช้วัสดุจึงควรจะเน้นเรื่องคุณภาพมาเป็นอันดับแรก และพิจารณาเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคา อายุการใช้งานยาวนาน ไม่ต้องมาเสียอารมณ์ เสียเวลาแก้ไขปัญหาที่ตามมาภายหลัง แม้ว่าอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย  แต่ถ้าคำนวณแล้วคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป  ก็น่าจะดีกว่าเลือกซื้อแต่ของถูกเท่านั้น   อย่างห้องน้ำหรือห้องครัวที่มีการปูกระเบื้อง ปัญหาสำคัญที่มักพบเสมอ เมื่อใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง คือ ยาแนวของกระเบื้องหลุดล่อน เกิดเปราะแตก น้ำรั่วซึม เกิดปัญหาราดำ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการใช้ยาแนวที่ไม่มีคุณภาพที่ดีมากพอ ไม่เหมาะกับประเภทกระเบื้อง ทำให้มีปัญหาภายหลังมากวนใจ กวนเงินในกระเป๋าเจ้าของบ้าน ให้ต้องตามแก้ตามซ่อมกันเสมอๆ   5 เทคนิคเลือกใช้ยาแนวเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหาเรื่องยาแนวกระเบื้องในภายหลัง  ลองใช้ 5 เทคนิคนี้เป็นแนวทาง ในการเลือกใช้ยาแนวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด   1.เลือกใช้ยาแนวให้เหมาะกับประเภทของกระเบื้อง เริ่มต้นของการเลือกยาแนวที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือต้องเลือกให้เหมาะสมกับประเภทกระเบื้อง เช่น กระเบื้องแกรนิตโต้นิยมปูชิดเพื่อความสวยเนียน มีขนาดร่องเพียง 0.2-2 มม. ส่วนกระเบื้องเซรามิคทั่วไปมีร่องขนาด 3 มม. การเลือกยาแนวจึงต้องมีคุณสมบัติไหลลึกเหมาะกับร่องของกระเบื้องร่องเล็กปูชิด     2.เลือกใช้ยาแนวให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานของกระเบื้อง กระเบื้องที่ปูในห้องต่างๆ ไม่ว่าจะห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องทั่วไป ลักษณะการใช้งานก็แตกต่างกันไป เพราะสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน ห้องน้ำและห้องครัวอาจจะต้องเจอกับน้ำและความชื้นมากเป็นพิเศษ ทำให้อาจจะเกิดเชื้อรา หรือราดำตามร่องยาแนวได้ การเลือกใช้ยาแนวจึงต้องเลือกที่มีคุณสมบัติป้องกันราดำ และทนต่อกรดหรือสารเคมีในน้ำยาทำความสะอาดได้ดีกว่า เป็นต้น แต่ถ้าเป็นห้องทั่วไปภายในอาคาร ก็ควรเลือกกาวยาแนวที่มีสารระเหยที่เป็นพิษต่ำ (Low VOC) ทำให้เกิดสภาพอากาศที่ดีทั้งระหว่างการก่อสร้างและการอยู่อาศัย   3.เลือกสินค้าจากแบรนด์หรือผู้ผลิตที่มีมาตรฐานการผลิต เป็นที่ยอมรับ สินค้ายาแนวที่จำหน่ายในท้องตลาดมีอยู่มากมาย หลากหลายยี่ห้อ  และผู้ผลิต เหตุผลง่ายๆ ที่เราจะต้องเลือกสินค้าจากแบรนด์และผู้ผลิตที่มีมาตรฐานการผลิต เป็นที่ยอมรับ เพราะสินค้าจะมีคุณภาพและมาตรฐานตามที่เราต้องการใช้งานจริงๆ หากไปใช้สินค้าที่แบรนด์ไม่เป็นที่รู้จัก แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสินค้ามีคุณภาพตรงตามที่ได้โฆษณาไว้     4.เลือกสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่ม เดี๋ยวนี้การผลิตสินค้ามีเทคโนโลยี และการพัฒนาที่ล้ำหน้าไปไกล ผู้ผลิตจึงมักเสริมคุณสมบัติพิเศษของสินค้า  เพื่อให้สินค้ามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้านำไปใช้งาน ดังนั้นเราจึงควรเลือกสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่เหนือกว่าสินค้าที่มีแค่คุณสมบัติพื้นฐาน หากราคาไม่แตกต่างกันมากนัก   5.ไม่เลือกสินค้าโดยพิจารณาแต่ราคาเป็นหลัก เรื่องราคาอาจจะเป็นปัจจัยหลักของหลายคนในการเลือกสินค้า แต่หากคิดให้รอบครอบ การเลือกสินค้าโดยคิดแต่เอาเรื่องราคาถูกเข้าไว้ก่อน นานไปก็ต้องมีปัญหาตามมาให้แก้ไข เพราะสินค้าราคาถูกก็ย่อมจะมากับคุณภาพพอประมาณ ถ้าคิดเฉพาะราคาสินค้าถูกก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่อย่าลืมถ้ามีปัญหาต้องเสียเวลา และหาช่างมาซ่อมแซมเพิ่มเติม นี่คือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เผลอๆ คิดแล้วอาจจะแพงกว่าการเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดี ที่อาจมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ และการเลือกจากขนาดถุงใหญ่กว่าก็อาจไม่ใช่คำตอบ ขนาดบรรจุควรเป็นขนาดที่เหมาะสมต่อการใช้งาน ไม่เหลือเศษทิ้งจนต้องจ่ายเกินจำเป็น     ถ้าพูดถึงเทรนด์การใช้กระเบื้อง สำหรับใช้ปูห้องต่างๆ ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้กระเบื้องประเภทแกรนิตโต้ ได้รับความนิยมถูกนำมาใช้ในบ้านและคอนโดมิเนียมมากมาย เพราะมีทั้งความสวยงามและมีรูปแบบให้เลือกหลากหลายประเภทในการใช้งาน แต่การเลือกใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งความสวยงามและอายุการใช้งานยาวนาน คงต้องมีกาวยาแนวที่มีประสิทธิภาพควบคู่กันด้วย   บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในฐานะผู้นำด้านการผลิตภัณฑ์กาวยาแนว  จึงได้ทำตลาดผลิตภัณฑ์ กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัสเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า ที่หันมาปูกระเบื้องแกรนิตโต้และกระเบื้องตัดขอบปูชิดกันเพิ่มมากขึ้นด้วย และยังเป็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์กาวยาแนวไม่มีคุณภาพ หรือไม่เหมาะกับกระเบื้องแกรนิตโต้  ทำให้ห้องที่ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ประสบปัญหาภายหลังมากมาย อาทิ ปัญหาราดำ  น้ำซึม และเปราะแตก เป็นต้น  ซึ่งสาเหตุสำคัญคือยาแนวไม่ลงลึกไปในร่องของกระเบื้องได้เต็มประสิทธิภาพ  ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ต้องมาตามแก้ไขปัญหาภายหลัง จึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจริงๆ   ลองมาดูกันว่าผลิตภัณฑ์กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มีอะไรดีบ้าง  เพราะแม้ว่าจะมีขนาดถุงเล็กๆ แต่เต็มด้วยประสิทธิภาพ เรียกได้ว่า แก้ได้หมดจบทุกปัญหา   7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ที่ให้ประโยชน์มากกว่าในราคาสุดคุ้ม 1. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มี Deep Active Molecule ทำให้เนื้อกาวไหลตัวได้ลึก ยึดเกาะเต็มร่องเล็ก สำหรับร่องยาแนว ขนาด 0.2-5 มม. โดยเฉพาะกระเบื้องแกรนิตโตที่นิยมปูชิด แต่เต็มประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่า “เล็กแต่แรง” จริงๆ หมดปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลัง เพราะสามารถไหลลึกกว่า 8 มม. หรือเต็มความหนาของกระเบื้องแกรนิตโต้ จึงไม่เกิดโพรงช่องว่างหมดปัญหาน้ำซึมผ่านได้ หากเป็นยาแนวธรรมดาทั่วไป จะยึดเกาะร่องเล็กสุดตั้งแต่ 1-5 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงมีโอกาสเปราะแตกง่ายกว่าสร้างปัญหาตามมาอีกมากมาย      2. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มีเทคโนโลยีไมโครแบน ทำให้มีคุณสมบัติยับยั้งราดำและตะไคร่น้ำ ที่ถือเป็นปัญหาสกปรกกวนใจ แถมยังเป็นแหล่งเชื้อโรคอีกด้วย ซึ่งสาเหตุของการเกิดราดำ เป็นเพราะเราละเลยและเลือกกาวยาแนวไม่ถูกประเภท ซึ่งส่งผลให้ยาแนวเปราะแตก มีน้ำซึม เกิดราดำในที่สุด     และเมื่อยาแนวหลุดล่อน น้ำจะซึมผ่านใต้แผ่นกระเบื้อง หากเป็นห้องน้ำชั้น 2 จะทำให้ฝ้ารั่ว ฝ้าพังเกิดความเสียหาย น้ำหยดลงเฟอร์นิเจอร์ และหยดลงพื้น จากปัญหาเล็กๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ในที่สุด  ทำให้ทุกอย่างพังหมด ต้องหาช่างมาซ่อมแซม เสียค่าใช้จ่ายบานปลาย เสียทั้งเงิน ทั้งเวลา เพียงเพราะมองข้ามเรื่องเล็กๆ เหล่านี้     3. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ยังมีคุณสมบัติในเรื่องการแห้งตัวเร็ว สามารถเปิดใช้พื้นที่ได้ภายใน 6 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งปกติยาแนวทั่วไปนั้นกว่าจะแห้งสนิท หรือเปิดพื้นที่ใช้งานได้ ต้องใช้ระยะเวลา 12-24 ชั่วโมง เหมาะมากกับบ้านหรือคอนโดที่มีห้องน้ำเดียวและต้องใช้ทุกวัน     4. คุณสมบัติด้านการทนกรด และสารเคมีมากกว่ากาวยาแนวทั่วไป ทำให้หมดปัญหาและข้อกังวลใจหากใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่มีสารเคมีหรือกรดซึ่งไม่ต้องกังวลใจว่ายาแนวจะซึกกร่อนได้ เพราะหากเป็นยาแนวปกติทั่วไปนั้น มีคุณสมบัติพื้นฐานเพียงแค่ปิดร่องกระเบื้อง แต่ไม่ได้พัฒนาให้กาวยาแนวมีคุณสมบัติทนกรด ทำให้เมื่อใช้ไปได้ไม่นานก็เกิดปัญหาหลุดล่อน เพราะถูกกรดหรือสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทำลายยาแนว   5. นอกจากกาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส จะมีเทคโนโลยีไมโครแบน ลดปัญหาราดำแล้ว ยังมีสารไฮโดรโฟบิก ที่ช่วยลดคราบสกปรกฝังแน่น และลดการซึมน้ำ ซึ่งเป็นต้นเหตุการณ์ทำให้กระเบื้องหลุดล่อนอีกด้วย หากเป็นยาแนวธรรมดา ที่ไม่ได้มีสารไฮโดรโฟบิก สิ่งที่เรามักพบเสมอคือ คราบสกปรกฝังแน่น เป็นคราบดำ เนื่องจากยาแนวนั้นเน้นแต่เพียงการปิดร่องกระเบื้อง เป็นคุณสมบัติพื้นฐานหลักเท่านั้น     6. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ยังมี WCAC Technology ซึ่งช่วยในเรื่องของลดการเกิดคราบขาวได้ในหนึ่งเดียว เป็นคุณสมบัติพิเศษ   7. ผลิตภัณฑ์กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ใช้เทคโนโลยีและมาตรฐานการผลิตสินค้าเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยได้รับการทดสอบควบคุมตามมาตรฐาน ANSI A 118.6 (Unsanded), A 118.7 (Unsanded) มาตรฐานยุโรป EN 13888 CG2 และผ่านเกณฑ์การทดสอบตามมาตรฐานการประเมินอาคารเขียว หรืออาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม LEED v4 ในหัวข้อ Indoor Environmental Quality – IEQ (คุณภาพสภาพแวดล้อมในอาคาร) ด้วยวัสดุที่มีสารระเหยที่เป็นพิษต่ำ   จะเห็นว่าผลิตภัณฑ์กาวยาแนวมีความสำคัญมากต่อการปูกระเบื้อง และไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ยาแนวอุดร่องกระเบื้องเท่านั้น แต่มีความสำคัญมากต่อการป้องกันปัญหาจุดเล็กๆ ที่อาจจะบานปลายเป็นปัญหาใหญ่ ต้องใส่ใจเลือกผลิตภัณฑ์กาวยาแนวจระเข้ เทอร์โบ พลัส ไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะมากวนใจภายหลัง แม้ว่าอาจจะมีราคาสูงกว่าสินค้าในท้องตลาด และมีขนาดบรรจุต่อถุงเพียง 0.5 กิโลกรัม แต่ก็ครอบคลุมพื้นที่ได้มาก ประสิทธิภาพสูง บรรจุขนาดเหมาะกับพื้นที่ใช้งาน  เรียกว่าจ่ายครั้งเดียวคุ้มค่าในระยะยาวถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ “เล็กแต่แรง” เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ และคุ้มค่าคุ้มราคามากเลยทีเดียว   หมายเหตุ : LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) มีต้นกำเนิดจากสหรัฐอเมริกาเป็นที่ยอมรับใช้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกในการก่อสร้างปรับปรุงอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม : http://bit.ly/2B0ANyw  
คิดยังไงก็คุ้ม กับ 5 วิธีเลือกแอร์สุดคูล !!

คิดยังไงก็คุ้ม กับ 5 วิธีเลือกแอร์สุดคูล !!

ดูเหมือนว่าตอนนี้เมืองไทยเราเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เพราะอากาศภายนอกอาคารร้อนจนทำเอาหน้ามันเยิ้มได้เลยทีเดียว แต่จะว่าไปแม้ช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมาอากาศเมืองไทยก็ไม่ได้หนาวอย่างที่คิดไว้ หากอยากจะสัมผัสกับอากาศเย็นๆ เราก็คงต้องขึ้นไปอยู่บนภูเขาหรือบนดอยสูง แต่ถ้าอยู่ในเมืองโดยเฉพาะกรุงเทพฯ หากอยากจะสัมผัสความเย็นแบบชุ่มฉ่ำ ทำได้ดีที่สุดก็คงต้องอยู่ในบ้านเปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นชุ่มฉ่ำหัวใจเท่านั้น เครื่องปรับอากาศหรือแอร์จึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นประจำบ้านประจำห้องของคนในยุคปัจจุบัน ยิ่งตอนนี้ปัญหามลพิษนอกบ้าน ฝุ่นควันอันตรายระดับ PM 2.5 ฟุ้งกระจายอยู่ทั่วไป การอยู่ในบ้านกับแอร์ที่มีประสิทธิภาพสร้างอากาศสะอาดให้ได้สูดอากาศกันแบบเต็มปอดและเย็นสัมผัสผิวกาย ถือเป็นทางเลือกที่แฮปปี้สุดๆ   เมื่อแอร์เป็นเครื่องไฟ้ฟ้าจำเป็นแบบขาดไม่ได้ แล้วเราจะมีวิธีเลือกอย่างไรให้ได้ทั้งประสิทธิภาพความคุ้มค่าไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่คุ้มค่าในประสิทธิภาพของแอร์ และในทุกๆ เรื่องให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลแบบนี้ ซึ่งเราก็มี 5 เทคนิคและวิธีการเลือกแบบสุดคูล ที่คิดยังไงก็คุ้มมาแนะนำ   1.เริ่มต้นด้วยหลักเกณฑ์พื้นฐาน (Basic Need) การเลือกแอร์สักเครื่องมาติดในบ้านหรือห้องต่างๆ สิ่งแรกคงต้องพิจารณา คือ ขนาดของห้องว่าใหญ่เล็กแค่ไหน เพื่อเลือกขนาด Btu/h ของแอร์ให้เหมาะสมกับแต่ละห้องการเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องก็ไม่ได้ต่างจากการเลือกซื้อเสื้อให้พอดีกับตัวคนใส่ เล็กไปก็คับ ใหญ่ไปก็หลวม แต่ถ้าเลือกให้พอดีกับตัวคนใส่ก็จะสบายแถมดูดีอีกต่างหาก เลือกแอร์ก็เช่นกัน เพราะถ้าเลือกได้พอดีและเหมาะสมก็จะได้ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จ่ายไป ทั้งการประหยัดพลังงานและอายุการใช้งานนั่นเอง ซึ่ง BTU (British Thermal Unit) คือ หน่วยบอกความสามารถในการทำความเย็นภายในห้องต่อ 1 ชั่วโมง จากการถ่ายเทหรือดึงความร้อนออกจากห้อง โดยคำนวณจากปริมาตรของห้อง ความกว้าง คูณ ความยาว คูณกับจำนวน Btu ต่อตารางเมตร ก็จะได้ขนาด Btu/h ของแอร์ที่เหมาะสม เช่น ห้องทั่วไปก็คูณด้วย 750 Btu ต่อตารางเมตร ห้องเพดานสูงเกิน 2.5 เมตร คูณด้วย 800-1,000 Btu ต่อตารางเมตร หรือห้องที่มีคนอยู่เยอะๆ ประเภทออฟฟิศ หรือร้านอาหาร ก็ต้องคูณมากหน่อยไปถึง 1,200 Btu ต่อตารางเมตร เลยทีเดียว   ตัวอย่างการคำนวณ : ห้องทั่วไปมีขนาด 3×4 เมตร = 12 ตารางเมตร ให้นำปริมาตรของห้องไปคูณกับจำนวน Btu/h ต่อตารางเมตรดังนี้ 12 ตารางเมตร x 750 Btu/ตารางเมตร = 9,000 Btu/h หมายความว่าห้องดังกล่าว ควรใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 Btu/h นั่นเอง ทั้งนี้ก่อนที่จะเลือกขนาดเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสม ควรต้องพิจารณาจากลักษณะการใช้งานและประมาณความร้อนที่เกิดขึ้นจากจำนวนคนหรือแดดที่ส่องเข้ามาในห้องเพิ่มเติมด้วย แต่ไม่ต้องกังวลใจเรื่องนี้ เพราะสามารถปรึกษาพนักงานขายหรือช่างแอร์ได้ไม่ยาก แค่ให้รู้ขนาดกับสภาพห้องก็พอ   นอกจากเรื่องของขนาดแล้วประเภทของแอร์ที่จะติดตั้งก็ไม่ควรมองข้าม ซึ่งแอร์ที่นิยมติดตามบ้านเรือนหรือคอนโดมิเนียมทั่วไป ก็คงหนีไม่พ้นแอร์ติดผนัง เพราะมีความเหมาะสมทั้งรูปลักษณ์ การดีไซน์ขนาดใช้งาน แถมยังประหยัดพลังงานและดูแลง่ายด้วย นอกจากนี้ ยังมีแอร์ประเภทฝังในฝ้า แอร์แขวนใต้ฝ้า และแอร์ตู้ตั้งพื้น ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน   2.เลือกแอร์มีฟังก์ชั่นประหยัดพลังงาน Energy Saving เรื่องประหยัดพลังงานเป็นเกณฑ์พิจารณาจำเป็นอีกเรื่อง เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงินในกระเป๋าของเราที่จะต้องถูกจ่ายไปใน แต่ละเดือน เพราะเมื่อเสียเงินค่าแอร์เป็นหลักหมื่นต่อปีแล้ว ต้องมามีภาระจ่ายค่าไฟอีกเดือนละหลายพันบาทก็คงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องแน่ๆ ยิ่งตอนนี้รัฐบาลรณณงค์ให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน เพื่อให้ประเทศชาติเรามีความมั่นคงด้านพลังงานด้วยแล้ว เราจึงจำเป็นต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ซึ่งเราทำได้ไม่ยากเลย แค่เลือกแอร์ที่มีฟังก์ชั่นหรือระบบประหยัดพลังงานต่างๆ เท่านั้นเอง นอกเหนือจากการเลือกพิจารณาแอร์ฉลากเบอร์ 5   และตอนนี้แอร์หลายรุ่นก็มีฟังก์ชั่นที่ช่วยประหยัดพลังงานมาเป็นทางเลือกให้เราได้ซื้อไปใช้มากมาย อย่างเช่น ระบบ ECONOMY MODE ฟังก์ชั่นประหยัดพลังงานและช่วยป้องกันไม่ให้อุณภูมิเย็นหรือร้อนจนเกินไป AUTO OFF ฟังก์ชั่นปิดการทำงานอัตโนมัติ เมื่อตรวจพบว่าไม่มีความเคลื่อนไหวภายในห้องเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง เครื่องจะเข้าสู่โหมด Standard และเมื่อตรวจไม่พบความเคลื่อนไหวเกินกว่า 12 ชั่วโมง เครื่องจะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ (สามารถปรับตั้งค่าระยะเวลาการตรวจจับได้ตามความเหมาะสมของการงาน) โดยเป็นการทำงานของระบบ MOTION SENSOR ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (Motion Sensor)   ที่จะคอยจับความเคลื่อนไหวภายในห้องและปรับอุณหภูมิโดยอัตโนมัติ กรณีที่ตรวจไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ เลยในห้องภายใน 1 ชั่วโมงแรก เครื่องจะเข้าสู่โหมด Stand by ถ้ามีคนเดินเข้ามาในห้องเครื่องจะกลับมาทำงานอีกครั้ง แต่หากตรวจไม่พบการเคลื่อนไหวเลยภายในระยะเวลา 12 ชั่วโมง เครื่องจะปิดเองโดยอัตโนมัติ (Auto off) นั่นเอง ถือเป็นลดการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกินความจำเป็น เป็นต้น ซึ่งถ้าเราเลือกซื้อแอร์ที่มีระบบอัจฉริยะแบบนี้ เราก็ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้มากโข แถมยังช่วยประหยัดพลังงานให้กับประเทศได้อีกทางด้วย   3.แอร์ดีต้องมีระบบทำความสะอาดและมีแผ่นฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพ (CLEAN OPERATION & FILTER) สงสัยไหม ว่าทำไมต้องเลือกแอร์ที่มีระบบทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศก็ในเมื่อเราต้องล้างแอร์อยู่เป็นประจำเมื่อใช้งานไปสักพักอยู่แล้ว   คำตอบเรื่องนี้ง่ายมาก เพราะสุขภาพของเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เดี๋ยวนี้ลองป่วยต้องเข้านอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนสัก 3-4 คืนดูซิ เผลอๆ ค่ารักษาพยาบาลแพงกว่าค่าซื้อแอร์ใหม่ด้วยซ้ำ แล้วทำไมเราต้องรอให้ร่างกายย่ำแย่จากปัญหาอากาศที่ไม่ดีในบ้านด้วยล่ะ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าแอร์ที่เปิดมาใช้งาน 4-5 เดือนโดยยังไม่ถึงกำหนดเวลาล้างแอร์จะยังมีประสิทธิภาพการทำงานให้เกิดอากาศที่สะอาดภายในบ้านเราได้   จะดีกว่าไหมหากเลือกแอร์ที่มีฟังก์ช่วยเรื่องทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ รวมถึงระบบอื่นๆ ที่เสริมประสิทธิภาพให้อากาศสะอาดบริสุทธ์ให้สูดเข้าไปได้เต็มปอด อาทิ อุปกรณ์ที่มีการเคลือบสารต่อต้านเชื้อราและเชื้อโรคทำให้อากาศสะอาดและไม่มีกลิ่น ฟังก์ชั่นที่ทำให้คอยล์เย็นแห้งเพื่อยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา แผ่นฟอกอากาศที่ประกอบด้วยเอ็นไซม์ยูเรีย (Emzyme-urea) มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ และมีคุณสมบัติดับกลิ่นโดยการขจัดโมเลกุล ที่ก่อให้เกิดกลิ่น รวมถึงมีส่วนประกอบของเอ็นไซม์ธรรมชาติที่สามารถทำลายผนังของเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ   เมื่อเราอยู่นอกบ้านต้องเจอกับมลพิษ ฝุ่นควัน ระดับ PM 2.5 ซึ่งอาจจะหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว การมีแอร์ที่มีประสิทธิภาพสร้างอากาศบริสุทธิ์ แถมป้องกันการเกิดเชื้อรา เชื้อโรคต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่เราไม่ควรละเลยในการพิจารณาเลือกซื้อแอร์ที่มีฟังก์ชั่นเหล่านี้ด้วย   4.ต้องตอบโจทย์ความสบาย กระจายอากาศได้ดี ติดแอร์แล้วไม่เย็นสบาย คงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง นี่ก็เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญ ไม่น้อยกว่าเรื่องอื่นๆ ที่ต้องพิจารณา ซึ่งฟังก์ชั่นหลายอย่างถูกพัฒนาและเติมเข้าใส่มาไว้ในแอร์ให้ผู้บริโภคได้เลือกเพื่อให้ได้สัมผัสกับความเย็นสบาย เช่น ระบบการปรับบานสวิงอัตโนมัติในแนวขึ้น-ลง และสามารถกำหนดมุมตามที่ต้องการได้ด้วย ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีความอัจฉริยะของเครื่อง เพราะสามารถจดจำตำแหน่งของบานสวิงเดิมก่อนปิดเครื่องได้ด้วย เมื่อเปิดใหม่ตำแหน่งก็จะกลับมาอยู่ที่เดิม เจ๋งสุดๆ ระบบส่งลมที่ช่วยให้กระจายลมไปได้ในระยะไกล เพราะใช้เทคโนโลยีเดียวกับใบพัดในเครื่องยนต์เจ็ต เป็นต้น   5.เลือกซื้อทั้งที เอาที่ทนทานใช้นานจนลืมเรื่องสุดท้ายที่หลายคนอาจจะมองข้าม แต่เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยเช่นกัน คือ เรื่องอายุการใช้งานและความทนทาน เพราะแอร์ที่ซื้อมาต่อให้ดีมีคุณสมบัติเลอเลิศหรือดีเพียงใด แต่ถ้าใช้ไปไม่เท่าไรก็พังเสียแล้ว หรือต้องซ่อมกันบ่อยๆ ก็ไม่ไหวนะ มันไม่คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ได้จ่ายเลยจริงๆ ดังนั้น จะเลือกซื้อทั้งทีต้องเลือกชนิดที่ทนทาน ชนิดเปิดเครื่องได้ต่อเนื่องนานๆ ก็ไม่ได้ส่งผลให้เครื่องต้องชำรุดเสียหาย แล้วเลือกแอร์อย่างไรให้ทน คุ้มค่า และอยู่คู่บ้านเราไปได้นาน ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ หลักเกณฑ์พิจารณาคงมีหลายองค์ประกอบ อาทิ   -แบรนด์ ชื่อเสียงของแบรนด์ก็มีส่วนสำคัญ หากเลือกพิจารณาจากแบรนด์ ซึ่งมีประวัติมายาวนาน และพัฒนาสินค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง   -เทคโนโลยีและนวัตรรมสินค้า แอร์แต่ละรุ่นต่างก็มีนวัตกรรมการพัฒนาสินค้าออกมา ให้มีมาตรฐานและความคงทนแข็งแรงแตกต่างกัน แต่แอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ต่างพัฒนาให้มีคุณสมบัติ ความคงทนแข็งแรง และผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่า สามารถเปิดต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานานๆ อย่างล่าสุด แบรนด์มิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ ที่เปิดตัวสินค้าใหม่ออกมาทำตลาด มีจำนวนรุ่นให้เลือกมากมาย เช่น รุ่น Super Deluxe Inverter : ZSXS Series  ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติจำเป็นครบถ้วน แต่เพิ่มเติมคุณสมบัติเรื่องความคงทนแข็งแรง   โดยในรุ่นดังกล่าว ถืออยู่ในกลุ่ม Super Deluxe inverter ซึ่งมีคุณสบัติสำคัญที่น่าสนใจในการเลือกซื้อ อาทิ Jet Flow เทคโนโลยีการกระจายอากาศ ส่งผลให้เย็นเร็ว และส่งลมได้ไกล 15-17 เมตร Hi Power การทำงานแบบพลังสูง ช่วยให้ได้ตามอุณหภูมิตามที่ต้องการอย่างรวดเร็ว 3D auto โปรแกรมควบคุมการกระจายลม สามารถกระจายทิศทางลมได้มากถึง 6 รูปแบบในแนวตั้ง และ 8 รูปแบบในแนวนอน เพียงแค่กดปุ่มเดียวเท่านั้น   Solar Filter การป้องกันกลิ่นเหม็นและกลิ่นต่างๆ ที่ไม่พึงประสงค์ จากแผ่นกรอง Natual Solar Filter ทำให้อากาศในห้องมีความสดชื่น   Allergen Clear Filter แผ่นฟอกอากาศมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อก่อภูมิแพ้และแบคทีเรีย สามารถทำลายเชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการทำงานของแผ่นฟอกที่ประกอบด้วยเอ็นไซม์ยูเรีย (Enzyme-urea)   Self Clean Operation ฟังก์ชั่นช่วยทำให้คอยล์เย็นแห้ง ยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา   นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่นการทำงานที่ช่วยประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ทั้ง Motion Sensor ช่วยจับความเคลื่อนไหวและเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานอัตโนมัติ หรือ Auto off ที่เครื่องจะเข้าสู่โหมด Stand by หรือปิดการทำงานเมื่อไม่พบความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายในห้อง รับรองได้ว่าประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากอย่างแน่นอน   คุณสมบัติของแอร์มิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ จึงยืนยันถึงประสิทธิภาพของแอร์ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อย แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา สามารถเปิดได้นาน 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องถึง 5 ปีเลยทีเดียว  และนี่คือ 5 วิธีในการเลือกพิจารณาซื้อแอร์แบบสุดคุ้ม เพราะจะได้แอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมคุณภาพชีวิต และครบทุกความต้องการเพื่อคุณภาพการอยู่อาศัย ได้แอร์ที่มีความคงทนแข็งแรงอยู่คู่บ้านไปนาน เรียกได้ว่า ถ้าใช้หลักเกณฑ์เหล่านี้มาเป็นตัวเลือกซื้อแอร์คุณจะได้แอร์ที่คุ้มค่าแบบสุดคูล!!! เลยทีเดียว      
All New Design @Nirvana BEYOND Rama 9-Krungthepkreetha : รีวิวบ้าน

All New Design @Nirvana BEYOND Rama 9-Krungthepkreetha : รีวิวบ้าน

กว่า 15 ปีที่ผ่านมา Nirvana Daii มักจะนำเสนอความแตกต่างให้เราได้ติดตามกันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะในแง่ของงานดีไซน์ และฟังก์ชั่นการใช้งานภายในบ้าน ซึ่งเน้นความ Modern เรียบหรูอยู่เสมอ จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใครเห็นก็ต้องร้องอ๋อ! นี่คือโครงการบ้านจากเนอวานา ไดอิ ซึ่งในปีนี้ก็ยังคงไม่หยุดที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนวัตกรรมที่จะมีเพิ่มเข้ามา และตัวบ้าน All New Design เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างเข้าใจ และเข้าถึงให้มากที่สุด       สำหรับ Nirvana BEYOND All New Design ที่เริ่มเผยโฉมกันในปีนี้จะมีความเปลี่ยนแปลงออกไป แต่ยังคงกลิ่นอายของเนอวานาเอาไว้ สิ่งที่เพิ่มเติมคือความเป็น Natural Modern ซึ่งตั้งใจดีไซน์ออกมาให้ดูเป็น Timeless Design ไม่ว่าเวลาจะยาวนานแค่ไหนก็ไม่ตกยุค ด้วยการวางผังที่ทำให้เกิด Inner Court กลางบ้าน เหมือนเอาธรรมชาติเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับเราได้ในทุกๆ วัน ต่อเนื่องไปยังส่วน Exterior Design โชว์ลูกเล่นตรงชั้น 2 ของบ้าน คล้ายกับเอา Rubik มาวางบิดมุมเปลี่ยนองศา เพิ่มมิติออกมาได้อย่างน่าสนใจ ทำให้บ้านออกมาไม่ใช่แค่ดูโดดเด่น แต่ยังได้ประโยชน์จากการเพิ่มพื้นที่ภายในห้อง และยังสามารถเปิดรับลม และแสงแดดจากธรรมชาติให้สัมผัสถึงตัวบ้านมากขึ้น ประกอบกับ Interior Design ที่ยังคงเน้นฟังก์ชั่นให้กับทุก Generation ในครอบครัว ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของบ้านก็สามารถสื่อสารกันได้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นในการอยู่ร่วมกันในบ้าน ขณะที่ยังคงมีมุมส่วนตัวเป็นของตัวเองอยู่ด้วย ซึ่ง All New Design ที่ว่านี้มีมาให้เลือกกัน 3 Type ได้แก่   SPACE บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้น 57 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอย 300 ตร.ม. 3 Bedrooms 3 Bathrooms 1 Living Room 1 Powder Room 1 Maid Room 2 Parking Lots   MIND บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอย 370 ตร.ม. 4 Bedrooms 4 Bathrooms 1 Living Room 1 Maid Room 3 Parking Lots   LUXE บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้น 76 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอย 470 ตร.ม.   4 Bedrooms 4 Bathrooms 1 Living Room 1 Powder Room 1 Maid Room 3 Parking Lots     นอกจากนี้ยังนำนวัตกรรมหลายอย่างเข้ามาตอกย้ำในความเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับคนรุ่นใหม่ ระบบ Wi-Fi ความเร็วสูงทุกจุดภายในบ้าน ไม่ว่าจะมุมไหนก็อยู่บนโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา, ระบบรักษาความปลอดภัยอันสมบูรณ์แบบจากผู้เชี่ยวชาญด้วยการแบ่งโซน Public, Semi-Public, Private Space ฯลฯ        Rama 9-Krungthepkreetha การคัดสรรทำเลดีๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญไม่แพ้คุณภาพของตัวบ้าน เพราะการอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวสักหลัง เราก็ย่อมต้องการทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ บ้านของเรา และการเดินทางอันสะดวกสบายไม่ไกลจากใจกลางเมือง ซึ่งย่านกรุงเทพกรีฑานั่นตอบโจทย์ได้ดีไม่น้อยสำหรับที่อยู่อาศัยแนวราบดีๆ สักหลัง   ถ.ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า (ถ.กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่) เรียกได้ว่าเป็นถนนน้องใหม่มาแรงของโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก ที่มีศักยภาพที่น่าจับตามอง ด้วยถนนกว้างถึง 6-10 เลน และบรรยากาศรอบๆ มีความสงบเป็นส่วนตัว และที่สำคัญคือมีระบบคมนาคมอยู่รายล้อมไม่ว่าจะเป็น ถ.กาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก) เชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 10 ก.ม. และทางพิเศษศรีรัชได้ใกล้ที่สุด ทำให้สามารถเดินทางไปยัง New CBD ประมาณ 15 นาที ในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีกรีฑา อยู่ด้านหน้าทางเข้าถ.กรุงเทพกรีฑาพอดี และยังห่างจาก แอร์พอร์ตเรลลิงค์ สถานีหัวหมาก ประมาณ 5 ก.ม. ถือว่าหาได้ยากมากสำหรับบ้านเดี่ยวทำเลใกล้ทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าเช่นนี้   สิ่งอำนวยความสะดวกภายในระยะทางไม่เกิน 5-6 ก.ม. ก็ถือได้ว่าเพียบพร้อมทีเดียว เช่น เดอะมอลล์บางกะปิ แม็กซ์แวลู พัฒนาการ เดอะไนน์ พระราม9 โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ โรงเรียนนานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลรามคำแหง ฯลฯ ทุกสิ่งครบครันเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย Nirvana BEYOND Rama 9-Krungthepkreetha   Facilities ยังคงออกแบบมาสอดคล้องกับดีไซน์ความเป็น Natural Modern ของบ้านภายในโครงการ โดยยังคงมีความกลมกลืนกับธรรมชาติด้วยเส้นโค้งมน ซึ่งจะมีทั้ง Private Lounge & Clubhouse, Panorama Fitness, Infinity Edge Swimming Pool, POSH Garden, Meeting Room, CCTV, Securities 24 hrs., Underground Cable, WIFI Village   ความลงตัวในทุกมิติประกอบเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นโครงการบ้านที่โดดเด่นอย่างเหนือระดับของการใช้ชีวิต อันสมบูรณ์แบบ ที่ Nirvana BEYOND Rama 9-Krungthepkreetha ในราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท       VIP Booking ราคาพิเศษก่อนเปิดพรีเซล SPECIAL OFFER สูงสุด 2 ล้านบาท* วันที่ 30 – 31 มี.ค. นี้ เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ nirvana.bz/BY-RM9-KK-RVYL       รายละเอียดโครงการ Nirvana BEYOND เพิ่มเติม Nirvana BEYOND Rama 9-Krungthepkreetha โครงการอื่นๆ จาก Nirvana Daii Nirvana @WORK Nirvana BEYOND Udon thani Nirvana DEFINE Srinakarin-Rama9
แต่งคอนโดให้สวยจบ งบไม่บานปลาย

แต่งคอนโดให้สวยจบ งบไม่บานปลาย

ใครไม่เคย..คงไม่รู้หรอก!! กว่าจะได้คอนโดสวยๆ มีการตกแต่งในสไตล์ที่เป๊ะถูกใจโดยไม่เสียเวลา และไม่เจอปัญหางบบานปลายมันยากมากแค่ไหน หลายครั้งเราต้องเจอกับเรื่องที่หาเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการไม่เจอ หรือของตกแต่งที่ได้มาก็ไม่เข้ากับธีมที่คิดไว้ ต้องปวดหัวสารพัดจนหลายคนถึงกับเข็ดไปเลยก็มี   ตอนเห็นแบบห้องตัวอย่างหรือตอนเฟ้นหาภาพสไตล์การตกแต่งที่ต้องการจากอินเตอร์เน็ต อะไรๆ ก็ดูสวยงามเป็นเรื่องง่ายไปหมด แต่พอมาถึงหน้างานจริงอาจจะมืดแปดด้าน จนลืมไปว่าสิ่งที่ต้องทำคืออะไร อย่างที่บอกว่าถ้าใครไม่เคยลองตกแต่งห้องเองตั้งแต่เริ่มแรก คงจินตนาการไม่ออกหรอกว่า ปัญหาจุกจิกอีกมากมายที่จะตามมามีอะไรบ้าง ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำมืออาชีพที่จะมาช่วยให้ทุกเรื่องการตกแต่งจบได้อย่างสวยงาม แถมยังอยู่ในงบประมาณที่วางไว้ด้วย   ใครๆ ก็รู้ว่าที่ SB Design Square เค้ามีเฟอร์นิเจอร์ให้เลือกมากมาย แถมล่าสุดยังเอาใจชาวคอนโดด้วยบริการใหม่ที่เรียกว่า “CONDO SOLUTIONS” โดย Interior Designer มืออาชีพซึ่งจะเข้ามาให้คำปรึกษาพร้อมดูแลทุกรายละเอียดการตกแต่งคอนโดให้เราตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งมี Condo décor planer คอยให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลาการตกแต่ง   Step แรก สำหรับคนที่ยังไม่มีไอเดียว่าอยากตกแต่งห้องให้ออกมาสไตล์ไหนดี ให้ลองไปเดินเล่นที่ CONDO SOLUTIONS @SB Design Square ก่อนค่ะ เพราะเค้ามีแบบห้องตัวอย่างตกแต่งอย่างสวยงาม โดยจำลองแปลนห้องมาจากแบรนด์ชั้นนำต่างๆ มาให้เลือกมากถึง 6 สไตล์ด้วยกันที่สำคัญห้องแต่ละแบบใช้วัสดุ เฟอร์นิเจอร์อะไรบ้างอยู่ในงบประมาณเท่าไหร่เค้ามีป้ายบอกชัดเจนกันไปเลย เรามีแบบห้องตัวอย่างคร่าวๆ มาให้ดูกันค่ะ   ห้องแรกมาในสไตล์ Classy Urban เรียบหรูดูดีโดยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่หลากหลาย เน้นสีเอิร์ธโทน เพิ่มความหรูหราด้วยลายหินอ่อนสลับกับสีทองในขณะที่การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ก็เข้ากันได้ดี ห้องตัวอย่างนี้จำลองแบบมาจากโครงการ ไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท 66 มีขนาด 52 ตร.ม. และใช้งบประมาณในการตกแต่งเริ่มต้นที่ 5,500 บาท/ตร.ม.   ห้องต่อมาตกแต่งมาในสไตล์ Scandi Chic เน้นความเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ Built – In ที่มีสัดส่วนพอดีกับทุกมุมของห้องเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักคือไม้สีอ่อนตัดกับสีเทาและสีชมพูอ่อน ทำให้ห้องดูน่ารักสดใส แถมยังมีที่เก็บของให้เป็นระเบียบอีกเพียบ   ไอเดียตกแต่งห้องสไตล์นี้มาในแบบห้องขนาด 33.7 ตร.ม. และมีราคาค่าตกแต่งเริ่มต้นอยู่ที่ 7,800 บาท / ตร.ม. ค่ะ   อีกแบบห้องตัวอย่างค่ะที่ตกแต่งมาในสไตล์ Modern Luxury เรียบหรูบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยด้วยเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่คัดสรรมาอย่างดี เช่น ลายหินอ่อนสีดำ คริสตัลไฮกลอสอลูมิเนียมสีทอง และกระจกเงาสีเทา ทำให้ห้องสวยหรูดูแพงมาก ห้องตัวอย่างนี้มีขนาด 33.5 ตร.ม. ค่ะ และถ้าชอบการตกแต่งสไตล์นี้ ก็จ่ายในราคาเริ่มต้นแค่ 10,000 บาท / ตร.ม. เท่านั้น*   สไตล์ Metro Luxe ก็เป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจมาก มีจุดเด่นที่โดดเด่นไม่แพ้ห้องสไตล์ก่อนหน้านี้เลย ห้องถูกตกแต่งให้ด้วยโทนสีเข้มแต่ก็ไม่ได้ทำให้ห้องดูมืด ด้วยการตัดสีกับการตกแต่งด้วยพื้นโทนสว่าง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์สีแดง ที่ทำให้ห้องดูมีเสน่ห์มากขึ้น ด้านฟังก์ชั่นก็มีให้เลือกใช้งานมากมาย ทั้งจุดที่วางทีวี โต๊ะทำงาน หรือแม้กระทั่งตู้รองเท้าที่จัดมาให้แบบจุใจ แถมราคาค่าตกแต่งก็เริ่มต้น 5,600 บาท/ตร.ม. เท่านั้นค่ะ   เอาใจคนชอบสีขาวๆ ในโทนสว่างกับสไตล์ Classic White ห้องตัวอย่างนี้จำลองมาจากห้องของโครงการ Knightsbridge Prime อ่อนนุช ด้วยพื้นที่ใช้สอยขนาด 22 ตร.ม. แต่ไม่ห้องห่วงค่ะ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นสามารถใช้สอยประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และประหยัดพื้นที่ด้วย ด้านในถูกตกแต่งด้วยสีขาว และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิดผนังทั้ง 2 ฝั่ง เว้นทางเดินตรงกลางไว้ และโดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวในสไตล์วินเทจตัดกับลายหินอ่อน และเพิ่มการกรุกระจก เพื่อทำให้ห้องดูกว้างขึ้น และฟังก์ชั่นจัดเก็บต่างๆ ที่ถูกออกแบบไว้อย่างน่าใช้ ในราคาตกแต่งเริ่มต้นที่ 7,500 บาท/ตร.ม.   แบบห้องสุดท้ายที่เราเลือกมาให้ได้ชมกัน ขอเอาใจคนที่ชอบสไตล์ดิบๆ หน่อยกับการตกแต่งในแบบ Stylish Loft ผสมผสานความเป็นธรรมชาติของวัสดุที่เป็นไม้ไว้ให้ลงตัวกับความเท่ในสไตล์ Loft จึงน่าจะถูกใจคุณผู้ชายมากหน่อย แถมพื้นที่เก็บของก็มีฟังก์ชั่นดีใช้งานได้หลากหลายและทุกอย่างจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยถ้าใครอยากได้ห้องสไตล์นี้ก็มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 7,500 บาท/ตร.ม. ค่ะ   แต่สำหรับใครที่มีสไตล์ห้องที่อยากได้อยู่แล้วถือแปลนคอนโดของตัวเองไปเลยค่ะ ทีม Interior Designer ของ CONDO SOLUTIONS เค้าพร้อมจะช่วยให้ทุกดีไซน์ในฝันของคุณเป็นจริงได้ตามงบในกระเป๋าของคุณ   ถ้าวัสดุชิ้นไหนยังไม่โดนใจ อยากเปลี่ยนสีโซฟา สีเฟอร์นิเจอร์ หรืออยากได้ตู้เก็บของเยอะๆ หน่อย เปลี่ยนแบบโคมไฟ ดรอปฝ้าใหม่ ต่อเติมผนังเบากั้นห้อง หรือแม้แต่ลายผ้าม่าน และ wallpaper ทุกอย่าง custom ได้ตามใจกันให้สุดไปเลยจ้า และถ้าใครที่อยากเพิ่ม Home Automation เติมความสะดวกสบายให้ชีวิตประจำวันเป็นเรื่องง่าย เค้าก็มีบริการนะคะ และที่สำคัญเราสามารถรู้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ล่วงหน้าก่อนการตัดสินใจไปอีก ด้วยวิธีนี้เราก็จะหมดปัญหางบบานปลายไม่รู้จบแบบที่หลายๆ คนเคยเจอ   พอตกลงเลือกแบบและสไตล์ห้องที่โดนใจกันได้แล้ว พวกรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ที่เป็นปัญหาปวดหัวก็ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะนอกจากจะให้คำปรึกษาเรื่องการออกแบบตกแต่งแล้ว ทาง CONDO SOLUTIONS ยังมีบริการช่วยติดตามงานบริหารจัดการและวางแผนเวลา รวมถึงคอยประสานงานติดตั้งทั้งหมดให้เรียบร้อยก็บอกแล้วว่าเค้าบริการครบวงจรมาที่เดียวจบครบทุกเรื่องจริงๆ เรียกว่าแต่งห้องเสร็จแล้วก็เตรียมพร้อมเข้าอยู่ หรือปล่อยเช่ารับเงินเข้ากระเป๋าได้เลย   https://www.youtube.com/watch?v=c1ixaKYhcg0&feature=youtu.be   สำหรับโปรโมชั่นโดนใจที่จะช่วยให้เราสามารถคุมงบประมาณได้รัดกุมยิ่งขึ้นไปอีกกับ “Financial Promotion” พิเศษสุดๆ ที่เราจะสามารถได้คอนโดที่สวยเป๊ะปังในราคาเริ่มต้นที่ 5,500 บาท/ตร.ม. และยังได้ผ่อน 0% นานสูงสุด 4 เดือนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ยังไม่หมดค่ะ ยังได้รับบัตรกำนัลเงินคืนสูงสุดถึง 15%!! ส่วนสินค้าตกแต่งห้องเพิ่มเติมอื่นๆ ที่จะมาช่วยให้ห้องเราสวนครบสมบูรณ์ เช่น ผ้าม่านวอลเปเปอร์ ก็ลดเพิ่มกันไปอีกสูงสุด 10%   ทั้งตอบโจทย์ครบทุกเรื่องความสะดวกสบายได้ห้องสวยถูกใจ แถมยังช่วยแก้ทุกปัญหาจุกจิกปวดหัว และควบคุมค่าใช้จ่ายให้เราได้อย่างรัดกุม บริการรอบด้านขนาดนี้แล้ว จะไม่ไปที่ CONDO SOLUTIONS @ SB Design Square ได้ยังไงล่ะ แวะเวียนไปดูห้องคอนโดตัวอย่าง และโปรโมชั่นเด็ดๆ ทั้งหมดได้ที่ CONDO SOLUTIONS @ SB Design Square ทั้ง 3 สาขา (สาขาบางนา, สาขาเซ็นทรัลเวิล์ด และสาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต) ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคมนี้     #ระวังแต่งเองเจ็บเอง #ห้องสวยก็ไปได้สวย #แต่งกับนาย #naphat_nine #SBCondoSolutions #SBDesignSquare #condodesign      
เรื่อง(ไม่)ลับ 5 เหตุผลที่ทำให้บ้านเย็น ด้วยสีเข้ม เบเยอร์คูล

เรื่อง(ไม่)ลับ 5 เหตุผลที่ทำให้บ้านเย็น ด้วยสีเข้ม เบเยอร์คูล

แม้ประเทศไทยจะมี 3 ฤดู คือ ฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน แต่ฤดูที่คนไทยพบเจอยาวนานที่สุดและแทรกตัวอยู่ทุกฤดูก็คงหนีไม่พ้นฤดูร้อน ไม่ว่าจะฤดูไหน อากาศร้อนๆ ก็อยู่กับเราแทบทุกวัน ทางเลือกของคนส่วนใหญ่จึงต้องเข้าไปอยู่ในอาคารหรือบ้านพักอาศัยเพื่อสัมผัสอากาศเย็นของเครื่องปรับอากาศให้ชื่นฉ่ำแทน แต่การเปิดเครื่องปรับอากาศเป็นทางออกที่ไม่ได้แก้จากต้นเหตุหลักของปัญหาเพราะ การที่บ้านรับแสงแดดไปเต็มๆมาตลอดทั้งวัน จนทำให้ความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศรับรองต้องจ่ายค่าไฟกันชนิดกระเป๋าเงินแทบฉีกก็ได้ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องปรับอากาศดีที่สุดโดยไม่ต้องกินไฟมาก และลดอุณภูมิร้อนจากแสงแดดภายนอกเข้าสู่ตัวบ้าน จึงเป็นหนึ่งในวิธีป้องกันปัญหาที่สำคัญ ซึ่งเราไม่ควรมองข้ามหรือละเลยแม้แต่น้อย     วิธีการทำให้บ้านเย็น หรือการลดอุณภูมิความร้อนที่เข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อไม่ให้บ้านร้อนนั้น มีหลายวิธีด้วยกัน นับตั้งแต่เรื่องเบสิก อย่างเช่นการปลูกต้นไม้รอบๆ บ้าน เพื่อไม่ให้แสงแดดสัมผัสกับตัวบ้านโดยตรง หรือไปถึงขั้นตอนวิธีการในเชิงวิศวกรรมการก่อสร้าง อย่างเช่น การก่อสร้างด้วยวัสดุซึ่งมีฉนวนกันความร้อน หรือการก่อสร้างบ้านให้มีระบบอากาศให้ถ่ายเท และระบายความร้อนได้ดี เป็นต้น   แต่มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าของบ้านหลายคนอาจจะมองข้าม และนึกไม่ถึงว่าจะมีส่วนช่วยทำให้บ้านเย็นได้ไม่แพ้เทคนิคหรือวิธีการอื่นนั่นก็ คือ การเลือกใช้สีทาบ้านที่มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถป้องกันความร้อนและลดอุณหภูมิเข้าสู่ตัวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ภาพจำและการรับรู้ของคนส่วนใหญ่ จะมองว่าสีทาบ้านมีจุดเด่นในเรื่องของความสวยงาม หรืออาจจะมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ เช่น ไม่มีสารเคมี ทำความสะอาดง่าย เป็นต้น ซึ่งไม่ได้เป็นประเด็นในเรื่องของป้องกันความร้อนเท่าใดนัก   และแม้ว่าหลายคนจะมีความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของสีรุ่นใหม่ๆ ที่วางขายกันตอนนี้ ว่ามีคุณสมบัติในเรื่องของการป้องกันความร้อน และช่วยให้บ้านเย็น แต่ส่วนใหญ่ก็ยังมีการรับรู้และความเชื่อที่ว่า จะต้องเลือกใช้เฉพาะสีโทนอ่อนๆ เท่านั้น ที่ไม่ดูดซับความร้อน แต่ถ้าเป็นสีโทนเข้มจะอมความร้อนทำให้บ้านร้อนมากกว่า เหมือนกับเวลาเราใส่เสื้อสีเข้มยืนอยู่กลางแดด จะรู้สึกว่าได้รับความร้อนมากกว่าการใส่เสื้อสีอ่อนๆ แต่ความจริงสีในยุคปัจจุบัน มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีของสีซึ่งช่วยทำให้บ้านเย็นได้ไม่ว่าจะเป็นสีอ่อนหรือสีเข้มก็ตาม     ตัวอย่างสีเข้มที่ช่วยทำให้บ้านเย็น สะท้อนความร้อนได้ดี และลดอุณหภูมิร้อนๆ ที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน แต่ก็ยังคงความสวยงามของเฉดสีเอาไว้ คือ Beger Cool Diamond Shield 15 และ Beger Cool Diamond Shield Plus ซึ่งแม้จะเป็นสีเข้ม แต่สีเบเยอร์ก็ช่วยให้บ้านคูลที่สุดในขณะนี้เมื่อเทียบกับสีแบรนด์อื่นๆ และนี่คงเป็น 5 เหตุผลสำคัญ ที่ช่วยทำให้สีเข้มของเบเยอร์คูล คูลที่สุด   1.การผลิตสีได้นำเอาเทคโนโลยี ไมโครสเฟียร์เซรามิก ที่ใช้ในองค์การนาซ่า มาใช้ในสีทาบ้าน ทำให้มีคุณสมบัติพิเศษ คือ “ลดและสะท้อนความร้อน” จึงทำให้บ้านเย็น ส่งผลให้ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิต่ำๆ เป็นระยะเวลานาน เพียงเปิดในอุณหภูมิที่เหมาะสมก็พอ ทำให้ส่งผลดีในเรื่องของการประหยัดค่าไฟ   2.เซรามิก อีกส่วนผสมหลักในการผลิตสี หรือ Advanced Ceramic ที่มีคุณสมบัติสามารถกันความร้อนสูงสุด 97% จึงช่วยประหยัดค่าไฟสูงถึงกว่า 30% เพราะเป็นเซรามิกที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง มีการควบคุมองค์ประกอบทางเคมีอย่างรัดกุม ทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลันเพื่อเป็นฉนวนกันความร้อน ถือเป็นเซรามิกชนิดพิเศษ จึงช่วยเรื่องการกันความร้อน และทำให้บ้านเย็น สีเข้มของเบเยอร์คูล จึงคูลที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้     3.การที่สีเข้มของเบเยอร์คูล คูลที่สุด เป็นเพราะมีการเพิ่มสารสำคัญ Titanium ซึ่งมีผลช่วยเรื่องเม็ดสีมีความกลม เกลี้ยงของผิว จึงช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ และเม็ดสียังมีลักษณะกลวง จึงเหมือนกับสารกันร้อน ที่มีลักษณะคล้ายกับฟองกาแฟ ทำให้ช่วยกันความร้อนก่อนจะสัมผัสกับตัวบ้านได้ ทำให้อุณหภูมิภายในอาคารเย็นกว่า สบายกว่า ไม่ว่าทาด้วยสีเข้มแค่ไหนก็ตาม   4.ผ่านการทดสอบจากการวัดด้วยเครื่อง Thermoscan เปรียบเทียบระหว่างเบเยอร์คูล และสีทั่วไป พบว่าสามารถสะท้อนความร้อนได้มากกว่า อาทิ สีเทา สะท้อนความร้อนได้ 51.4% ช่วยลดอุณหภูมิลง 11.8 องศาเซลเซียส ส่วนสีทั่วไป สะท้อนความร้อนได้ 13.8% สีเขียว สะท้อนความร้อนได้ 30.7% ช่วยลดอุณหภูมิลง 8.7 องศาเซลเซียส ส่วนสีทั่วไป สะท้อนความร้อนได้ 5.2% สีน้ำตาลเข้ม สะท้อนความร้อนได้ 59.3% ช่วยลดอุณหภูมิลง 12.0 องศาเซลเซียส ส่วนสีทั่วไป สะท้อนความร้อนได้ 10.7% นี่จึงเป็นบทพิสูจน์ สีเข้มเบเยอร์คูล จึงคูลที่สุดเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ   5. อีกเรื่องที่สำคัญ คือสีเบเยอร์คูลเป็นสีรายแรกที่ได้รับมาตรฐาน มอก.ลดความร้อน จากกระทรวงพลังงาน ประเภทสีทาผนังอาคาร ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงในรุ่น Beger Cool Diamond Shield 15 ค่าการสะท้อนรังสีแสงอาทิตย์ 95.1% ไม่นับรวมกับมาตรฐานการผลิตอื่นๆ ที่ได้รับ อาทิ ฉลากลดคาร์บอน ประเภทพิจารณากระบวนการผลิต, ฉลากเขียว ไม่ผสมสารปรอท สารตะกั่ว (No Added Mercury No Added Lead) มอก.2321-2549 สีอิมัลซันทนสภาวะอากาศ (Solar Heat Reductive Standard) มอก. 2514-2553 สีอิมัลชันลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ (Weather Resistant Standard) และมอก. 1123-2555 สีรองพื้นสำหรับงานปูน     คุณสมบัติด้านอื่นๆ ของสีเบเยอร์คูลยังมีอีกมากมาย ซึ่งช่วยเพิ่มความสมบูรณ์แบบของการใช้งานสีทาบ้านของเบเยอร์ อาทิ ป้องกันบ้านเป็นฝุ่นผงจากรังสียูวี (Triple UV Protection Technology) เทคโนโลยีสีกันคราบด้วย (Nano Silicone Advance Nano Silicone Technology) ป้องกันคราบน้ำและคราบสกปรก (Water and Stain Protection) และป้องกันคราบด่าง คราบเกลือ (Block Efflorescence and Alkaline Resistance) เป็นต้น ในครั้งต่อสำหรับผู้ชื่นชอบสีเข้ม และเลือกจะมาทาบ้าน ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ บุคลิก และความชื่นชอบของตนเอง ก็ไม่ต้องกลัวแล้วว่า บ้านที่เราอยู่อาศัยจะร้อน เพราะอุณหภูมิของเมืองไทย แค่เลือกใช้สีเข้มของเบเยอร์ บ้านแสนรักของเราก็คูลที่สุดแล้ว        
รีวิวคอนโด Aspire : ใช้ชีวิตให้ Pop กว่าเดิม ที่ Aspire

รีวิวคอนโด Aspire : ใช้ชีวิตให้ Pop กว่าเดิม ที่ Aspire

ถ้าถามถึงชื่อของแบรนด์คอนโดมิเนียมจาก AP เชื่อว่าหลายคนก็จะนึกถึงชื่อ Aspire ด้วยแน่นอน เพราะเป็นแบรนด์ที่ดูเรียบง่ายตามสไตล์ Modern ทันสมัย แม้จะเป็นอาคารแบบ High Rise ติดถนนใหญ่ แต่ราคาไม่แรง จึงเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ง่าย นั่นคือภาพที่ทุกคนจดจำสำหรับแบรนด์ Aspire ค่ะ               ในปี 2019 นี้ คือปีที่ AP ตั้งใจปรับแบรนด์ Aspire เปลี่ยนไปจากเดิม เพื่อเตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ Aspire แบบ New Series ซึ่งการปรับลุคครั้งใหม่นี้จะมีความหรูหรามากขึ้น ในความร่มรื่นสไตล์รีสอร์ท ดีไซน์ให้อารมณ์ของความเป็น Colonial จากฝั่งยุโรปในยุคคลาสสิก ผสมผสานกับสีสันที่สะท้อนให้เห็นถึงความสดใสมีชีวิตชีวาจากคนรุ่นใหม่ในความ Modern POP ผสมผสานกันจนเกิดเป็น “Colonial Pop” คอนเซปใหม่เฉพาะตัวของคอนโดมิเนียมแบรนด์ Aspire      โดยครั้งนี้จะเปลี่ยนตั้งแต่หน้าตาของสถาปัตยกรรม ด้วยการดึงเอาเสน่ห์ของความเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise จำนวนยูนิตแต่ละอาคารน้อยลง ผลคือการที่ได้ความเงียบสงบมากกว่า เป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ในบ้านของตัวเอง พร้อมกับมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถตอบความต้องการได้ในทุกๆ วัน รวมถึง Facility ภายในโครงการจะยึดดีไซน์ให้คนกับธรรมชาติได้อยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เหมือนได้นั่งพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ทหรู ทุกสิ่งถูกจัดวางให้ลงตัวที่สุดใน Aspire ทั้ง 2 โครงการใหม่   นอกจากเรื่องของการดีไซน์แล้วก็ยังมีเรื่องของทำเลของแต่ละโครงการจะเน้นที่ตั้งอยู่ในโซน Prime location สามารถเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนได้ง่ายมากขึ้น ทำให้ใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ดีกว่า   คอนโด Aspire สุขุมวิท อ่อนนุช สุขุมวิทช่วงกลางที่ได้รับความนิยมจากเหล่าคอนโดมิเนียมที่สุดก็คงจะเป็นย่านอ่อนนุชค่ะ เพราะอยู่ออกมาจากใจกลางเมืองไม่มาก แต่ยังคงอยู่ในเส้นทางสุขุมวิท ซึ่งมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นสายหลักของบ้านเราพาเข้าสู่ทองหล่อ-อโศก เพียงเวลาไม่เกิน 10 นาที และยังมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนอยู่ไม่ไกล     Aspire Sukhumvit-Onnut เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร แบ่งเป็น  อาคาร A ใกล้กับทางเข้า-ออก ติดถนน จะกันโควต้าต่างชาติไว้ที่ชั้น  7-8  อาคาร B ทางทิศตะวันตก (ซ้ายมือของภาพ) เป็นอาคารที่กันโควต้าต่างชาติไว้ทั้งอาคาร อาคาร C ริมน้ำ จะเปิดให้จองก่อนใครรอบ Online Booking วันที่ 26 ก.พ. นี้ เวลา 19.00-21.00 น. เฉพาะชั้น 4    และแยกอาคารสันทนาการ 1 อาคาร และอาคารที่พักขยะ 1 อาคาร (1 ชั้น) บนที่ดินกว่า 6 ไร่ ที่จอดรถ 38% ขนาดห้อง 26.5-52 ตร.ม. ทั้งหมด 553 units ขายแบบ Fully Fitted ดีไซน์ภายนอกยังคงความเป็น Colonial ส่วนออกแบบภายในใช้โทนสีธรรมชาติ เพิ่มความสนุกสนานสดใสสไตล์ POP แต่จะใช้วัสดุที่ดูพรีเมี่ยมขึ้น   ที่ดินของโครงการอยู่ภายในซ.อ่อนนุช 21 ติดคลองพระโขนงอันเงียบสงบ Facility ภายในโครงการจึงถูกถอดแบบมาจากความพลิ้วไหวของสายน้ำ ไม่ว่าเป็นสระว่ายน้ำ, Backyard Garden, Signature POP Track จะสามารถมองเห็นคลองพระโขนง Lobby ทำให้รู้สึกเหมือนมี Boutique Resort ส่วนตัว     สระว่ายน้ำยามค่ำคืนจะมีแสงไฟสีชมพู เพิ่มความ Pop ที่ไม่เหมือนใคร   Signature POP Track ริมน้ำ หากสังเกตทางซ้ายมือจะเห็นยูนิตของชั้น 1 ที่สามารถเดินออกมาตรงนี้ได้เลย      เป็นครั้งแรกของ Aspire ที่เอารูปแบบ Unit Interlock มาใช้เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้คุ้มค่าที่สุด และ 99% จากทั้งหมดจะเน้นเป็นครัวปิด เพื่อให้ใช้ประโยชน์จริงได้อย่างเต็มที่ ความสูง Floor To Ceiling 2.5 เมตร แต่ยูนิตพิเศษที่อยากจะแนะนำที่สุด คือ Type B3 กับ B4 ขนาด 30.50 ตร.ม. Type C3 ขนาด 36.00 ตร.ม. Type D2 ขนาด 41.00 ตร.ม. Type E2 ขนาด 50.00 ตร.ม. Type F2 ขนาด 52 ตร.ม. เป็นห้องแบบ Graden access unit สามารถเดินออกจากระเบียงไปยัง Backyard Garden เหมือนมีสวนริมน้ำส่วนตัวเลยค่ะ     สำหรับห้องตัวอย่างของ Aspire Sukhumvit-Onnut จะอยู่ที่ซ.อ่อนนุช 21 เข้ามาก็จะเห็นได้เลยทันทีค่ะ โดย Sales Gallery ออกมาตามคอนเซปของตัวคอนโดเห็นความเป็น Colonial เด่นชัด ซึ่งจะมีห้องตัวอย่างให้ชม 2 ห้องด้วยกันค่ะ   1 Bedroom 36 ตร.ม. ส่วนแรกของห้องจะป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานข้าว ทุกห้องไม่ว่าจะเป็นห้องครัวทางซ้ายมือ ห้องนั่งเล่นตรงกลาง และห้องนอนทางขวามือ จะมีประตูกั้นแบ่งออกเป็นสัดส่วนทั้งหมด โดยห้องน้ำทางขวามือของห้องจะเป็นประตูแบบ Double Access เชื่อมต่อระหว่างส่วนกลางห้องกับห้องนอน เฟอร์นิเจอร์ได้แบบ Fully Fitted ติดตั้งเครื่องปรับอากาศมาให้ 2 ตัว ที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ซึ่งภายในห้องนอน Type นี้ จะได้กระจกเข้ามุมตรงหัวเตียงด้วยค่ะ      2 Bedroom 50 ตร.ม. สำหรับห้องนี้จะเป็น 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ค่ะ ซึ่งก็จะได้ครัวปิดที่มีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศและความชื้นเอาไว้ให้ด้วย พื้นที่วางโต๊ะทานข้าว จะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นด้านใน ซึ่งเชื่อมต่อกับระเบียงอีกที ส่วนห้องนอนจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งของห้อง ห้องนอนแรกจะอยู่หลังเคาน์เตอร์ทีวี และ Master Bedroom จะเชื่อมต่อกับห้องน้ำด้วยประตู Double Access        เตรียมตัวจับจองรอบแรก Online Booking วันที่ 26 ก.พ. นี้ เวลา 19.00-21.00 น. เฉพาะอาคาร C ชั้น 4 ยูนิตสวยวิวสระว่ายน้ำหรือวิวริมน้ำ ลงทะเบียน i booking รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท และได้ Digital Door Lock >>> https://ibooking.apthai.com   PRESALE 2-3 มี.ค.นี้ ที่สำนักงานขาย ลงทะเบียนรับส่วนลด 50,000 บาท สำหรับ 1 Bed และ 100,000 บาท สำหรับ 2 Bed พร้อมโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท และฟรี! เฟอร์นิเจอร์ (เฉพาะวันพรีเซลเท่านั้น) คลิก https://goo.gl/S59jz2    เริ่ม 1.89 ล้านบาท* เฉลี่ย 86,000 บาท/ตร.ม. คอนโด Aspire อโศก รัชดา Aspire Asoke-Ratchada ทำเลสุดฮอตของทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ เพียงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ราคาคอนโดมิเนียมในย่านนี้พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะได้รับความนิยมอย่างมากนี่แหละค่ะ ซึ่งตัว Aspire Asoke-Ratchada จะมีที่ดินกว่า 11 ไร่ ถือว่าเป็นขนาดที่หาได้ยากมากแล้วสำหรับโซนนี้ โดยตัวโครงการจะอยู่ในซอยรัชดาภิเษก 3 หรือที่เรียกกันว่าซอยสถานฑูตจีน เข้าไปประมาณ 700 เมตร    Aspire Asoke-Ratchada เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 6 อาคาร ที่จอดรถ 38% ขนาดห้อง 25-51 ตร.ม. ทั้งหมด 1,025 units+3 shop ดีไซน์โดดเด่นด้วยเส้นสายที่โค้งมน ให้ความรู้สึกหรูหรานุ่มนวล บวกกับต้นไม้ตัดแต่งที่ให้อารมณ์เน้นไปที่ความเป็น Colonial ทำให้เกิดเป็นพื้นท่ี่ transition space “Courtyard”    ที่สำคัญคือเรื่องของราคาค่ะ แม้จะอยู่ในทำเล Prime ขนาดนี้ แต่ราคาเริ่มต้นประมาณ 90,000 บาท/ตร.ม. นะคะ คอยจับตากันเอาไว้ให้ดีกับ Aspire Asoke-Ratchada ที่กำลังจะเปิด Pre-sale 30-31 มี.ค. ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท* จองเพียง 5,000 บาท* ฟรีค่าทำสัญญา ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท (Studio, 1 bed, 1 bed plus ลด 50,000, 2 bed ลด 100,000) พิเศษ! เปิด AP iBooking ตึก B ชั้น 7 และตึก E ชั้น 4 วันที่ 26 มี.ค. 19.00-21.00   ใครที่อยากมาชมห้องตัวอย่างหรือมาในวันงาน Pre-sale ก็สามารถจอดรถเอาไว้ที่ ลาน G Tower และตึก Unilever แล้วข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามก็จะพบกับ Sale Gallery ของโครงการค่ะ โดยจะเริ่มให้เข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 21-24 มีค 9.00-20.00 น.   Aspire Asoke-Ratchada ลงทะเบียนที่ >>> https://bit.ly/2Uh2rPO         แต่ก่อนจะเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่าง เรามีภาพมาให้ชมกันก่อนค่ะ   1 Bedroom Plus 35 ตร.ม.  ห้องตัวอย่างแรกจะเป็นแบบ 1 Bedroom Plus คือมี 1 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถดัดแปลงเป็นห้องอะไรก็ได้ตามใจ เช่น ห้องทำงาน  หรือห้องนอนที่ 2 ส่วนครัวครัวเปิดจะเชื่อมต่อกับพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานข้าวเอาไว้กลางห้องค่ะ แต่ด้วยพื้นที่แบ่งเอาไว้เป็นสัดส่วนก็จะสามารถกั้นเป็นห้องครัวปิดได้ เรียกได้ว่าจัด Space มาให้มีความยืดหยุ่นต่อการอยู่อาศัยจริงทีเดียวค่ะ   2 Bedroom Plus 49.5 ตร.ม.  สำหรับ 2 ห้องนอน จะวาง common area ไว้กลางห้อง แล้วแบ่งฝั่งซ้าย-ขวา ซึ่งจะได้ห้องครัวปิดที่มีเครื่องดูดควันต่อท่อออกไปนอกระเบียงติดตั้งมาให้เรียบร้อย ช่องว่างตู้เย็นขนาดใหญ่มากขึ้นเหมาะสำหรับครอบครัว และยังมีห้องเก็บของที่ถูกดีไซน์ไว้เพื่อวางเครื่องซักผ้า สามารถตากผ้าได้ด้วยในตัว เพราะมีหน้าต่างทรงสูงมาให้ เวลาตากผ้า แถมยังมีพื้นที่สำหรับเก็บของเพิ่ม ตรงนี้ถือว่าทำออกมาได้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยจริงได้ดีเลยค่ะ     สำหรับ Aspire ทั้ง 2 โครงการที่เปิดตัวมาในปีนี้ มีความแตกต่างออกไปจากที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัดค่ะ ทั้งส่วนกลางที่เพิ่มมากขึ้น ดีไซน์ทันสมัย การจัด Sapce ภายในห้องก็ตอบโจทย์การอยู่อาศัจริงได้ดียิ่งขึ้น กลายเป็นอีกแบรนด์ที่น่าจับตามองถึงพัฒนาการที่ก้าวขึ้นมาเรื่อยๆ ต่อไปค่ะ รายละเอียดคอนโด Aspire เพิ่มเติม Aspire Asoke-Ratchada Aspire Sukhumvit-Onnut โครงการอื่นๆ จาก AP (Thailand) Aspire Erawan Aspire Ngamwongwan Life Asoke Hype RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน
แต่งคอนโดให้สวยโดนใจในแบบ Minimal ด้วย Koncept Furniture

แต่งคอนโดให้สวยโดนใจในแบบ Minimal ด้วย Koncept Furniture

ถ้าพูดถึงการตกแต่งบ้านแบบ “Minimal Style” เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินจนคุ้นหูกันมาแล้ว ปัจจุบันเทรนด์แบบ Minimalist ก็เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เริ่มตั้งแต่เทรนด์แฟชั่นการแต่งตัวจนเข้ามาถึงวิถีการใช้ชีวิตในแต่ละวัน พอเราเริ่มมีบ้านใหม่ของตัวเองหรือซื้อคอนโดใหม่ซักห้องก็อยากจะมีห้องสวยๆ ให้สอดคล้องกับ Lifestyle ส่วนตัวในรูปแบบ Minimal จริงมั้ยคะ   แล้ว “Minimalist” คืออะไร ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับคำว่า “Minimal Style” กันซักหน่อยว่าคอนเซปต์ของสไตล์แบบนี้คือ ความเรียบง่าย การใช้ข้าวของน้อยชิ้นแต่เน้นที่ประโยชน์ใช้สอย หรือเลือกตามความจำเป็น ลวดลายหรือ Pattern ที่ใช้จะเน้นลายเส้นที่เรียบตรงหรือสีพื้น ซึ่งส่วนใหญ่คนมักจะเข้าใจว่า การแต่งตัว หรือตกแต่งบ้านในแบบ Minimal จะต้องเน้นเป็นโทนสีขาว-ดำ หรือ โมโนโทน เท่านั้น แต่การที่จะเลือกเติมสีสันอื่นๆ เข้าไปบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรนะคะ บางทีอาจจะทำให้น่าสนใจมากขึ้นก็ได้ลองเลือกสีโทนชมพูอมส้ม (Live Coral) ที่เป็นสี pantone ของปี 2019 นี้เพิ่มเข้าไปบ้าง เชื่อว่าห้องหรือคอนโดของเราต้องน่าสนใจอินเทรนด์ขึ้นอีกไม่น้อยเลยทีเดียว       มาจัดบ้านในแบบ Minimal ด้วยเฟอร์นิเจอร์ Koncept กันเถอะ อย่างแรกเลยการแต่งบ้านในสไตล์ Minimal จะเน้นเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่สามารใช้สอยประโยชน์ได้มากกว่า 1 อย่าง หรือที่เรียกว่า multi-function ควรเล็งไว้ก่อนเลยค่ะ โดยเฉพาะชั้นเก็บของ (Shelf) หรือเตียงนอนที่มีที่เก็บของได้อย่างมิดชิดก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย สิ่งต่อไปคือ “สไตล์” และ “ดีไซน์” ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะเราจะเน้นเครื่องใช้ที่มีดีไซน์ที่เรียบๆ แต่ถ้างานโลหะให้ความรู้สึกแข็งทื่อเกินไป เราแนะนำให้ลองเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือลายไม้แบบเรียบๆ ดู ซึ่งจะช่วยให้บรรยากาศภายในห้องรู้สึกอุ่นขึ้นได้ค่ะ ที่ Koncept เค้ามีเซ็ตเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับสไตล์ Minimal ให้เลือกเยอะเลยค่ะ เรามีไอเดียคร่าวๆ มาฝากเผื่อใครที่สนใจจะได้ลองเล็งเอาไว้ก่อน   เฟอร์นิเจอร์ชุด Melona ดีไซน์เรียบง่ายในโทนสีขาวนอกจากฟังก์ชั่นจะโดนแล้ว ลองเพิ่มมิติให้กับส่วนต่างๆ เพิ่มเติม ด้วยของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ที่มีสีโดดเด่นเข้าไปบ้างห้องก็น่าสนใจขึ้นเยอะเลย   ห้องครัวก็ Minimal ได้นะคะ ไม่ได้ทำครัวก็ไม่ต้องมีของเยอะ แค่มีเคาน์เตอร์ลายไม้เล็กๆ ก็เพียงพอแล้ว เพิ่มโต๊ะกินข้าวอีกหน่อยก็ลงตัวเหมาะกับคอนโดในปัจจุบันมากๆ   Patinal Lepino เป็นอีกชุดที่เหมาะมากด้วยลายไม้สีอ่อนทำให้บรรยากาศในห้องอุ่นขึ้น แล้วดีไซน์ก็เรียบเท่แบบแมนๆ หน่อย ลองเลือกโคมไฟสวยๆ หรือเพิ่มปลอกหมอนสีตัดกันอีกนิด ห้องก็สวยได้ง่ายๆ แล้ว   อีกสิ่งสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กัน สำหรับการคงความเป็น Minimalist ไว้ก็คือ การจัดการกับข้าวของเครื่องใช้ให้เป็นระเบียบ เพื่อให้บรรยากาศภายในคอนโดดูเรียบร้อย สะอาด และเป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลา เราควรเลือกจัดเก็บของอย่างเป็นระบบ สิ่งของที่เหลือใช้และไม่จำเป็น ควรจะทิ้งหรือนำไปบริจาค ส่วนข้าวของที่มีอยู่ก็ควรจัดเก็บให้เป็นระเบียบ โดยการซ่อนไว้ในตู้ที่มิดชิดบ้าง หรือจัดมุมเก็บของให้เป็นสัดส่วน อย่าลืมว่าวิถีแบบ Minimal มักจะมีของใช้น้อย และใช้ชีวิตให้เรียบง่ายเข้าไว้ค่ะ   ชั้นเก็บของและชั้นวางทีวีไม้สไตล์โมเดิร์นนิดๆ ดีเทลไม่เยอะ ตรงตามคอนเซปต์ minimal เลย ทีนี้ก็จะได้พื้นที่เก็บของที่เป็นระเบียบแล้ว   เฟอร์นิเจอร์ชุด Urbani Peco ก็เป็นอีกชุดที่ตอบโจทย์สไตล์ Minimal ได้ดีเลย แถมชุดเดียวครบทั้งห้องนั่งเล่น ลงตัวและเข้ากันได้กับทุกสีห้อง   แต่ไม่ว่าจะเป็นคอนโดใหม่ที่มีห้องโล่งๆ รอการแต่งเติม หรือแม้แต่คอนโดที่เราตกแต่งเสร็จเข้าอยู่แล้วการจะเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ยกเซ็ตจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และใช้งบประมาณบานปลายเกินไปมั้ย บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลจนเกินไปค่ะ เพราะตอนนี้ Koncept ฉลองครบรอบ 20 ปี อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการจัดโปรโมชั่นเด็ด “20 ปี 20 เซ็ต ราคาเดียว 20,000 บาท” ไม่ว่าจะห้องนั่งเล่น ห้องนอน มุมทำงาน มุมกินข้าว เค้าก็มีเซ็ตเฟอร์นิเจอร์สวยโดนใจให้เลือกหลากหลายสไตล์ เฟอร์นิเจอร์ลายไม้ที่จะมาทำให้คอนโดเรามีสไตล์ Minimal ก็มีที่น่าสนใจหลายชิ้นเลย เสร็จแล้วแอบเพิ่มหมอนอิงสี Live Coral หรือเปลี่ยนสีผ้าม่านซักนิด รับรองว่าจะเหมือนได้ห้องใหม่เลยแหละ แถมอยู่ในงบสบายกระเป๋าอีกด้วย จ่ายแค่ 20,000 ก็ได้เฟอร์นิเจอร์ยกเซ็ตกันไปเลย ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้วววว หาเวลาว่างเข้าไปดูโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่ Koncept Furniture ทุกสาขา   https://youtu.be/uW1EtiNjaMY  
รีวิวคอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ “Triple Y Residence” คอนโดของคน Gen Y

รีวิวคอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ “Triple Y Residence” คอนโดของคน Gen Y

Triple Y Residence คอนโดสามย่าน มิตรทาวน์ ของคน Gen Y ประชากรที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในอนาคต ก็คงจะต้องเป็นกลุ่มคนที่เรียกกันว่า Gen Y ค่ะ ถ้าให้พูดชัดๆ ก็คือคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2540 เป็นกลุ่มที่เพิ่งต้นวัยทำงาน ซึ่งก็เพิ่งเติบโตมาจากความเป็นเด็กมหา’ลัย ที่อยู่ท่ามกลางสังคมดิจิตอลนั่นเองค่ะ แล้วคนกลุ่มนี้มาสำคัญกับเรื่องที่อยู่อาศัยอย่างไร เรามาดูจากหลากหลายมุมมองกันค่ะ   ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับชาว Gen Y กันคร่าวๆ ก่อนค่ะ เพราะวัยหนุ่มๆ สาวๆ กลุ่มนี้เขายืนอยู่ท่ามกลางยุคที่โลกหมุนเปลี่ยนผ่านระหว่างโลกอนาล็อกสู่ดิจิตอลอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันจะใช้เวลาอยู่บนโลกอ่อนไลน์สูงสุดมากกว่ากลุ่มช่วงอายุอื่นๆ ทำให้สามารถเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเองอยู่ตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่คนวัยนี้มักจะค้นหาอะไรใหม่ๆ ด้วยตัวเอง ชอบมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ควบคู่กันไปด้วย โจทย์นี้ทำให้ “คอนโดมิเนียม” เป็นคำตอบที่ตรงใจที่สุด   ทุกวันนี้เราจะเห็นคอนโดมิเนียมออกแบบตกแต่งมาอย่างหรูหรา ใช้หินอ่อนบวกกับอลูมิเนียมเงาวับ คล้ายไปกันหมด แต่จะมีสักกี่แห่งที่ออกแบบมาเพื่อให้ตอบการใช้ชีวิตจริงของกลุ่มคนนั้นๆ เช่น ภายในห้องพักอาศัยใช้โทนสีอ่อนดูอบอุ่น เหมาะกับการพักผ่อน มี Day Bed เป็นมุมอ่านหนังสือในช่วงเวลาชิลๆ  ส่วนกลางมี Co-Learning Space, ฟิตเนส, คาเฟ่ เปิดตลอด 24 ชม. Co-Kitchen ให้ได้ทำอาหารหนักๆ พร้อมจัดปาร์ตี้ได้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นติดห้อง และสิ่งสำคัญคือทำเลอันเหมาะสมจริงๆ สำหรับคนตั้งแต่ Gen Y ลงไป คืออยู่ใกล้สถาบันการศึกษาและที่ทำงาน ซึ่งเราต้องเดินทางไป-กลับอยู่เกือบทุกวัน และยังต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยิ่งอยู่ใกล้คอนโดของเรามากเท่าไหร่ ชีวิตก็ยิ่งสะดวกสบายขึ้น   สำหรับครอบครัวในยุคหลังมานี้เริ่มตระหนักดีถึงความสำคัญทางการศึกษา อาจด้วยเพราะสภาพสังคมที่ต้องแข่งขันกันมากขึ้น เพื่อหวังอนาคตที่ดีของลูกหลาน การเข้าเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปจึงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน, โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ แต่ละแห่งก็มีที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกันทั้งนั้นใช่ไหมคะ แต่ถ้าการเดินทางเข้ามาถึงสถาบันที่ตัวเองเรียนอยู่ ต้องใช้เวลาฝ่าฟันกับรถติดอยู่ทุกเช้าจรดค่ำ จนใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนมากกว่าอยู่บ้านพักเสียอีก เพราะกว่าจะถึงบ้านก็ค่ำมืด แล้วต้องตื่นแต่เช้าตรู่เข้ามาในเมืองอีกอยู่ดี ฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดนั่นคือการหาคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษาให้ได้มากที่สุด เพื่อประหยัดเวลาเดินทาง สู้เอาเวลาที่อยู่บนท้องถนนมานั่งอ่านหนังสือ หรือเข้าโรงเรียนกวดวิชาใกล้ๆ กันนี้ แถมมีเวลาพักผ่อนมากกขึ้นกับสิ่งอำนวยความสะดวกรอบตัว ไม่ดีกว่าเหรอคะ?       กว่า 19 ล้านคนของคนกลุ่มนี้ ไปจนถึงกลุ่ม Demand ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ซึ่งจะมีเข้ามาใหม่อยู่ทุกปี อย่างเฉพาะที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในแต่ละปีการศึกษาจะมีนิสิตตบเท้าเข้ามาใหม่ประมาณ 6,000-7,000 คน/ปี นี่ยังไม่รวมบุคลากร รวมถึงผู้ที่ทำงานในละแวกนี้อีกนะคะ เพราะแนวโน้มของคน Gen Y มีแนวโน้มนิยมเช่ามากกว่าซื้อ(ลิงค์ไปที่บทความเก่า) เรียกได้ว่าเป็นกลุ่ม Demand อันหอมหวล บวกกับทำเลที่ทั้งเดินทางง่ายและรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ สำหรับในมุมมองของนักลงทุน              Triple Y Residence เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ SAMYAN MITRTOWN มิกซ์ยูสใจกลางเมืองฝั่งตรงข้ามจามจุรีสแควร์ ซึ่งจะมี ทางเดินเชื่อมตรงจาก MRT สามย่าน มาถึงหน้าโครงการไม่ต้องเสี่ยงอันตรายข้ามถนน ให้อารมณ์เหมือนในต่างประเทศเลยค่ะ ทั้งหมดบนพื้นที่กว่า 14 ไร่ ที่จะกลายมาเป็น Point สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา คนทำงาน และนักท่องเที่ยว เพราะจะประกอบไปด้วย Office Grade A 30% 31 ชั้น ลิฟท์โดยสาร 14 ตัว แยกลิฟท์ขนของ พื้นที่ใช้สอย 48,000 ตร.ม. อยู่ทางฝั่งถ.พระราม 4 Retail 30% 6 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 36,000 ตร.ม. แบ่งโซนเป็น Eating Library 43% Learning Library 29% Living Library 28% หน้าโครงการตรงหัวมุมสี่แยก ยาวไปทางถ.พญาไท Residence 15% แบ่งเป็นคอนโดฯ 516 ยูนิต โรงแรม 112 ยูนิต ฝั่งใกล้กับคณะนิติศาสตร์ จุฬา Shared Parking 25% รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดถึง 222,000 ตร.ม.       คอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ "Triple Y Residence" Triple Y Residence เป็นชื่อเรียกในส่วนของคอนโดมิเนียม 33 ชั้น ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 11 ขึ้นไปโดยแบ่งเป็น 3 Type คือ 1 Bedroom 34 ตร.ม. จำนวน 459 ยูนิต 1 Bedroom+ 40 ตร.ม. จำนวน 19 ยูนิต 2 Bedroom 68 ตร.ม. จำนวน 38 ยูนิต           ส่วนชั้นล่างของอาคารเป็นโรงแรมที่เรียกว่า Triple Y Hotel จำนวน 112 ห้อง   Facility ของคอนโดมิเนียมจะแยกออกจากกันกับส่วนของโรงแรม มีเพียง Lobby เท่านั้นที่ใช้ร่วมกัน ซึ่งตัว Lobby เมื่อใช้ร่วมกันกับโรงแรมก็จะต้องมีพนักงานอยู่ตลอด 24 ชม. ค่ะ ฉะนั้นเรื่องของความปลอดภัยก็หายห่วงค่ะ โดยส่วนกลางของคอนโดมิเนียมก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงของกลุ่ม Real Demand ที่เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ไปจนถึงกลุ่มคนทำงาน ไม่ว่าจะเป็น Study zone, Fitness, Co-Kitchen, Laundry zone, สระว่ายน้ำแบบ Outdoor     Triple Y Residence เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Lease Hold หรือสิทธิการเช่า 30 ปีค่ะ แม้ว่าฟังดูเผินๆ อาจจะทำให้ลังเลอยู่สักหน่อย แต่จริงๆ แล้วความเป็น Lease Hold ก็มีข้อดีตรงที่ว่า ราคาขายทั่วไปจะถูกกว่าแบบ Free Hold ประมาณ 20-30% เมื่อเทียบในทำเลเดียวกัน และตลอดระยะเวลา 30 ปี ทางโครงการจะช่วยดูแลที่พักอาศัยของคุณให้ดูน่าอยู่ ดูใหม่อยู่เสมอ โดยที่เราไม่ต้องไปลงแรงอะไรมากให้เสียเวลากับเหล่าปัญหาจุกจิกที่ทุกคอนโดมักจะเจอกันอยู่เสมอ ส่งผลดีทั้งการปล่อยเช่าได้ราคาดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้อยู่อาศัยเองก็แฮปปี้ไปด้วย         พร้อมเปิดขาย Pre-sale Event ในวันที่ 10 มี.ค. 62 ราคาเริ่มต้นพิเศษ 4.49 ล้านบาท สิทธิพิเศษ สำหรับผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน Pre-sale Event รับส่วนลด 100,000 บาท ทันที คลิก tripleyresidence หรือ โทร 065-275-7472 รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม คอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ Triple Y Residence บทความอื่นๆ เกี่ยวกับ คอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ 19 ร้านคอนเซ็ปต์ “ใหม่” ในสามย่านมิตรทาวน์ เปิด 5 ไฮไลท์ “MITRTOWN OFFICE TOWER” “สามย่านมิตรทาวน์” มิกซ์ยูส 9,000 ล้าน โปรเจ็กต์แรกที่เปิดบนถนนพระราม 4 “สามย่านมิตรทาวน์” เปิดพื้นที่ 24 ชั่วโมง ให้คนกรุงใช้ชีวิตทั้งวันทั้งคืน “กิน ดื่ม ทำงาน และออกกำลังกาย”  
ให้ห้องนอนเป็นสไตล์ที่บ่งบอกตัวตนคุณในแบบ original U

ให้ห้องนอนเป็นสไตล์ที่บ่งบอกตัวตนคุณในแบบ original U

พื้นที่ในบ้านที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว และเป็นพื้นที่ที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเรามากที่สุดน่าจะหนีไม่พ้น “ห้องนอน” แล้วยิ่งถ้าคุณเป็นเจ้าของห้องที่รักการแต่งตัวด้วยแล้วล่ะก็ การมี “มุมแต่งตัว” หรือ “ห้องแต่งตัว” จัดไว้เป็นสัดส่วนชัดเจน เป็นระเบียบเรียบร้อยตามอย่างที่ฝันก็คงจะสร้างความสุขได้ไม่น้อยเลย     จะไปกลัวอะไรถ้าเราอยากจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ส่วนตัว ให้เป็นไปอย่างที่ใจฝัน คุณเองก็สามารถมีห้องนอนในแบบ original U ได้ไม่ยาก แค่รู้ว่าตัวเองชอบแบบไหน และเป็นคนสไตล์ไหน การสะท้อนตัวตนผ่านเฟอร์นิเจอร์ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป   สไตล์โมเดิร์นเรียบๆ แต่เก๋ ก็เป็นหนึ่งในสไตล์ยอดฮิตที่หลายๆ คนชื่นชอบ การตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเรียบๆ ในห้องนอน จะช่วยให้บรรยากาศในห้องดูสงบเหมาะกับการพักผ่อน แต่ถ้าชอบเฟอร์นิเจอร์แบบน้อยชิ้น สไตล์มินิมอล ก็เป็นอีกสไตล์ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้งโทนสีที่เรียบง่าย ถึงจะมีเฟอร์นิเจอร์ไม่มากแต่ทุกชิ้นต้องสามารถตอบโจทย์การใช้สอย และมีฟังก์ชั่นที่ดีพอ     นอกจากนี้การตกแต่งห้องในสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ก็ยังคงเป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่ เฟอร์นิเจอร์โลหะง่ายๆ มีดีเทลไม่มากในโทนสีเข้มขรึมก็เป็นอีกสไตล์ที่เลือกตกแต่งได้ไม่ยากเลยค่ะ ส่วนใหญ่แล้วห้องในสไตล์ลอฟท์จะเน้นโชว์ความดิบของวัสดุ โชว์โครงสร้าง ลายเส้นต่างๆ ให้ห้องน่าสนใจมากขึ้น คุณผู้ชายส่วนใหญ่มักจะชอบความง่ายๆ ไม่ซับซ้อนกับการใช้งาน การวางโชว์ของสะสมไว้บนชั้นที่เปิดโล่ง หรือการแขวนเสื้อผ้าง่ายๆ ไว้บนราวเหล็ก ก็จะทำให้การเลือกหยิบเสื้อผ้าในแต่ละครั้งรวดเร็วยิ่งขึ้น     Walk-in Closet นับว่าเป็นพื้นที่ในฝันของใครหลายๆ คน ที่อยากจะมีมุมแต่งตัวเป็นสัดส่วนอยู่ในห้องนอนให้เป็น original U หากเป็นบ้านสร้างใหม่ หรือห้องชุดใหม่ที่ไม่เคยผ่านการตกแต่งมาก่อน ก็อาจจะเป็นเรื่องง่ายที่จะออกแบบตกแต่งมุมแต่งตัวให้หลากหลายได้อย่างที่ใฝ่ฝัน แต่สำหรับการปรับเปลี่ยน ซ่อมแซมจากห้องเดิมอาจจะมีข้อจำกัดมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะที่ SB Design Square มีเฟอร์นิเจอร์ให้เลือกมากมาย หลากหลายสไตล์ พร้อมบริการให้คำปรึกษาเพื่อให้ทุกพื้นที่ภายในบ้าน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณได้ดีที่สุด     อีกสไตล์ที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยก็คือ Rustic Luxe ซึ่งเป็นการผสานความเรียบง่ายจากวัสดุธรรมชาติเข้ากับความหรูหราแวววาวของโลหะ กระจกต่างๆ การตกแต่งด้วยสไตล์นี้จะมีการเลือกใช้วัสดุที่หลากหลาย แต่เน้นโทนสีอบอุ่นของธรรมชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว เฟอร์นิเจอร์จากชิ้นไม่ธรรมดาๆ อาจตกแต่งด้วยโลหะสีทองเพิ่มเข้าไป ก็จะเป็นให้บรรยากาศห้องดูหรูหรามีไตล์ขึ้นทันตา     ไม่มีข้อจำกัดตายตัวหรอกค่ะว่าตู้เก็บเสื้อผ้าของคุณจะต้องเป็นแบบไหน ถ้าภาพในหัวคือ ราวแขวนโปร่งโล่งแบบโชว์รูมห้องเสื้อหรูก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร  หรือถ้าอยากจะเลือกบานประตูตู้เป็นกระจกบานใหญ่ให้สะใจก็ไม่มีกฏข้อไหนบอกว่าความต้องการของคุณเป็นเรื่องผิด ในขณะเดียวกัน ถ้าจะเพิ่มชั้นเก็บกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับไว้ใกล้ๆ มือ จะขยับซ้ายขยับขวาจัดวางไว้ในมุมใดก็ได้ตามที่เราพอใจ ในเมื่อพื้นที่ทุกส่วนภายในบ้านจะบ่งบอกความเป็นตัวเราได้ดีที่สุด จะสนุกแค่ไหน ถ้าเราได้ลองเลือก Mix&Match เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นที่ถูกใจ มาวางคู่กับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดิมที่มีอยู่ได้อย่างลงตัว หรือได้ลองผสมสไตล์ต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างไม่มีข้อจำกัด ได้เพิ่มเติมลูกเล่นหรือฟังก์ชั่นที่ต้องการเข้าไป ออกแบบห้องแต่งตัวใหม่ที่ใส่ความเป็นตัวเราลงไปในทุกมุม เพื่อให้เราได้เป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน   เพราะ SB Design Square รู้ดีว่า ความชื่นชอบและไลฟ์สไตล์แต่ละคนไม่เหมือนกัน กว่าจะออกมาเป็น original U ของแต่ละคนได้ ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์แต่ละประเภทจึงถูกออกแบบมาให้มีดีไซน์ และฟังก์ชั่นต่างกันออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้คุณเลือก Mix&Match ได้ตามสไตล์ส่วนตัว เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นตัวคุณอย่างแท้จริง จากพื้นที่ส่วนตัวในห้องนอนที่บ่งบอกถึงตัวตนได้อย่างชัดเจนแล้ว พื้นที่ในฝันอย่างมุมแต่งตัวหรือ Walk-in Closet ก็สำคัญไม่แพ้กันจริงมั้ยคะ เมื่อ Walk-in Closet ที่ดีที่โดนใจไม่ใช่แค่ที่เก็บเสื้อผ้าเท่านั้น SB Design Square มี SB Interior Team ผู้เชี่ยญชาญด้านการออกแบบ ที่จะแปรความชอบสไตล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มินิมอล ลอฟท์ อินดัสเทรียล หรือโมเดิร์น ถ่ายทอดออกมาเป็นความลงตัวในแบบของเรา พร้อมให้คำปรึกษาในการออกแบบตกแต่งบ้านให้เป็นสไตล์เฉพาะตัว ทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ทุกส่วนภายในบ้านสามารถออกแบบได้เพื่อคุณโดยเฉพาะ     เพราะความชอบของเราไม่จำเป็นที่ต้องแคร์ใคร และความสุขแต่ละคนไม่เหมือนกัน การได้มีพื้นที่เล็กๆ ในมุมส่วนตัวที่เป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับงานหนัก หรือเรื่องเหนื่อยแค่ไหน ชีวิตก็มีความสุขได้เพราะเราได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราเป็น #originalU     
จะฝากชีวิตไว้กับใคร ไลฟ์สไตล์ต้องเข้ากัน

จะฝากชีวิตไว้กับใคร ไลฟ์สไตล์ต้องเข้ากัน

ถ้าเปรียบการใช้ชีวิตคนเราเหมือนการเลือกคู่ชีวิตก็คงไม่ผิดนัก เพราะในทุกๆ วันเราจะตามหาสิ่งรอบตัวที่เหมาะกับตัวเองตั้งแต่ก่อนก้าวออกจากบ้านอย่างเสื้อผ้าที่บ่งบอกแฟชั่นความเป็นตัวเอง อาหารการกินที่ชื่นชอบ ของใช้ทุกชิ้นที่เราต่างก็อยากเลือกด้วยตัวเองเพื่อให้ได้สิ่งที่โดนใจที่สุด เข้ากันกับเรามากที่สุดถึงจะไปด้วยกันได้อย่างสบายใจ แต่ละคนก็มีความชอบส่วนตัวแตกต่างกันไป บางคนชอบออกกำลังกาย บางคนชอบนั่งชิวร้านกาแฟ บางคนชอบออกไปเที่ยว บางคนชอบอยู่บ้าน ถึงแม้ว่าไลฟ์สไตล์ของทุกคนจะไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเราใส่ใจกันก็จะเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นตรงกลาง ซึ่งเป็นจุดที่เรียกว่าความลงตัว ก็เปรียบเสมือนพบเจอเนื้อคู่ที่สามารถเข้ากันได้ในทุกเรื่องราวของชีวิต สำหรับที่อยู่อาศัยก็เช่นกันค่ะ ต้องใส่ใจเลือกสิ่งที่ลงตัวกับครอบครัวของเราให้มากที่สุด เพราะการซื้อบ้านสักหลังก็เหมือนการเลือกฝากชีวิตไว้กับใครสักคนที่สามารถดูแลกันและกันไปทั้งชีวิต     ใครๆ ก็อยากมีบ้านในฝันเป็นของตัวเองกันทั้งนั้นใช่ไหมคะ แต่กว่าจะได้บ้านที่ตรงใจเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัวของเราก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพบเจอ เพราะบ้านแต่ละหลังนั้นต้องประกอบด้วยรายละเอียดเล็กๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ใช่ คุณภาพวัสดุที่ต้องได้มาตรฐาน ความชำนาญในการก่อสร้าง ไปจนถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทเจ้าของโครงการ เพราะบ้านจะอยู่กับครอบครัวของเราไปอีกยาวนานหลายสิบปี ยิ่งถ้าบ้านในฝันหลังนั้นเกิดขึ้นมาจากความใส่ใจในคุณภาพมาตั้งแต่แรก สิ่งดีๆ ก็ย่อมเกิดขึ้นกับทุกคนในครอบครัวของเรา       25 ปีมาแล้วนะคะที่ “พฤกษา” พัฒนาคุณภาพอย่างไม่หยุดหยั้ง คอยดูแลบ้านด้วยความใส่ใจมาตลอด ตั้งแต่รากฐานด้วยเทคโนโลยีการผลิตวัสดุก่อสร้างได้มาตรฐาน การออกแบบให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี ใส่นวัตกรรมอันทันสมัยเพื่อชีวิตที่สะดวกสบายกว่าที่เคย เกิดเป็นสังคมที่มีสิ่งแวดล้อมดีๆ รอบตัวอย่างสร้างสรรค์ พร้อมด้วยบริการดูแลตั้งแต่ก้าวแรกตลอดจนการใช้ชีวิตในรั้วของพฤกษา และนี่คือ 5 แนวคิดหลักที่เกิดจากความใส่ใจลงไปในบ้านทุกหลัง เพื่อให้เป็นบ้านในฝันสำหรับทุกคน       ใส่ใจ...เทคโนโลยีการก่อสร้าง และการผลิต บ้านที่ดีไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม แต่ต้องมีรากฐานที่ดีมาตั้งแต่การใช้วัสดุและระบบการก่อสร้างอันทันสมัย ซึ่งพฤกษามีโรงงาน Pruksa Precast ผลิตคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป โดยใช้เทคโนโลยีจากเยอรมันนี สามารถมั่นใจได้กับคุณภาพแข็งแรง ทนทานทุกชิ้นก่อนออกจากโรงงาน เสริมด้วยระบบการก่อสร้างจากช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน Pruksa REM (Pruksa Real Estate Manufacturing) การันตีจาก 2 รางวัลยอดเยี่ยมระดับโลกของงาน ASQ ’s 2012 World Conference สหรัฐอเมริกา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด         ใส่ใจ...นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างสร้างสรรค์ เทคโนโลยีในยุคปัจจุบันที่มักจะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น ยิ่งหากได้นวัตกรรมที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ได้แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้กับทุกคนในครอบครัวของเรา อย่างระบบปฏิบัติการ Pruksa Home Automation & Security System ที่สามารถควบคุมได้แค่ปลายนิ้วสั่งผ่าน Smartphone ทั้ง Smart Control ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ Remote Smart Camera กล้องรักษาความปลอดภัยภายในบ้านสามารถสั่งงานออนไลน์ได้ Smart Security สัญญาณกันขโมย และเครื่องจับความเคลื่อนไหว       ใส่ใจ...การออกแบบอย่างสร้างสรรค์ กว่าจะได้บ้านแต่ละหลัง นั่นหมายถึงความทุ่มเทครั้งใหญ่ของชีวิต พฤกษาตระหนักดีถึงจุดนี้จึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ตามเทรนด์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง สร้างคุณค่าให้กับบ้านยุคใหม่ Safety Home บ้านแข็งแรงทนทานด้วยวัสดุได้มาตรฐาน ผ่านการคัดสรรจากโรงงานก่อนถึงไซต์ก่อสร้าง Healthy Home เพราะสุขภาพคือสิ่งสำคัญของครอบครัว พฤกษาจึงคิดตั้งแต่การวางผังบ้านเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี เหมาะกับเมืองร้อนในบ้านเรา ใช้สีทาบ้านที่ไม่ระคายเคืองต่อระบบหายใจ ห้องน้ำไม่อับชื้นปราศจากเชื้อรา ฯลฯ Green Home ดูแลครอบครัวแล้วก็ต้องดูแลโลกของด้วยการประหยัดพลังงาน  อย่างการใช้หลังคาระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ฝ้าสำเร็จรูปป้องกันความร้อน การใช้ผนังสำเร็จรูปลดฝุ่น ลดมลภาวะ วัสดุสังเคราะห์ที่ลดปัญหาการทำลายธรรมชาติ ฯลฯ Smart Home เป็นสิ่งที่บ้านสมัยใหม่จะขาดไปไม่ได้เลยทั้งระบบ Home Automation ควบคุมบ้านด้วยรีโมทคอนโทรลหรือผ่านโทรศัพท์มือถือ เช่น การเปิด – ปิด ไฟฟ้า หรือระบบ Building Information Modeling การออกแบบ 3 มิติ ด้วยคอมพิวเตอร์ให้การสร้างบ้านมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น     ใส่ใจ...สังคมและสิ่งแวดล้อมรอบข้างอย่างสร้างสรรค์ บ้านของเราจะน่าอยู่ได้ไม่ใช่แค่ตัวบ้านเท่านั้น แต่สิ่งแวดล้อมรอบๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน รวมถึงสังคมดีๆ ที่พฤกษาออกแบบสังคมคุณภาพที่พัฒนาเฉพาะเพื่อคุณ Solar Cell ประหยัดพลังงานด้วยการดึงพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ที่ส่วนกลาง แถมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางลงได้   Jogging Track สวนที่ออกแบบพิเศษสำหรับการออกกำลังกาย สำหรับคนรักสุขภาพ Bike Lane เลนสำหรับรถจักรยานโดยเฉพาะ ปั่นได้ปลอดภัยภายในโครงการ CCTV ติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งบนถนนหลักถนนรอง และ Main Gate ในทุกๆ โครงการ   Double Security Gate เพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยประตูทางเข้า 2 ชั้น   Fast Lane & Easy Pass แยกทางเข้า – ออก ระหว่างลูกค้าและแขกผู้เยี่ยมเยือน       ใส่ใจ...การบริการอย่างสร้างสรรค์ การบริการถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่จะทำให้เกิดความประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกด้วยทีมงานที่มีความชำนาญ ตั้งแต่ให้คำปรึกษาเรื่องสินเชื่อ ไปจนบริการหลังการขายพร้อมดูแลคุณทุกปัญหา โดยสามารถแจ้งปัญหาผ่าน www.pruks.com ที่สะดวกครอบคลุมทุกช่วงเวลา ให้ได้กว่าคำว่าบ้าน   สิ่งสำคัญที่สุดนั่นคือรากฐานที่ดีจะต้องมีตั้งแต่แรกเริ่มจนกลายเป็นบ้านในฝันของใครหลายคน คือความทุ่มเทจากพฤกษาที่พร้อมจะมอบบ้านคุณภาพที่ดีที่สุดส่งมอบให้กับลูกบ้านทุกคน เพราะ Pruksa ใส่ใจ...เพื่อทั้งชีวิต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1739 หรือ Pruksa.com  
มิกซ์ดีไซน์ แมทช์เฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัว

มิกซ์ดีไซน์ แมทช์เฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัว

มิกซ์ดีไซน์ แมทช์เฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัว ถ้าได้ผ่านไปผ่านมาแถวทองหล่อบ่อยๆ เชื่อว่าหลายคนคงจะเริ่มคุ้นตากับโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 จาก SINGHA ESTATE ที่มี Sales Gallery อยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 36 กันบ้างแล้ว ต้องบอกว่าโครงการนี้มีความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบ โดยมีที่ปรึกษาจากทีมดีไซน์เนอร์ระดับโลกทำให้โครงการนี้จัดเป็นโครงการ ที่น่าจับตามองมากในเวลานี้ ปัจจุบันโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 มียอดขายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 60% โครงการนี้ไม่ได้มีดีแค่จุดเด่นของทำเลที่ตั้งที่อยู่ใจกลางสุขุมวิท ติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อเท่านั้นนะคะ งานดีไซน์ของคอนโดมิเนียมทั้ง Exterior และ Interior ต้องเรียกว่าเป็นการลงรายละเอียดในทุกๆ ตารางนิ้ว เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง   โครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 ได้ทีมออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายเจ้า แถมยังเป็นทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านแทบทั้งสิ้น อย่างงานด้านสถาปัตยกรรมก็ได้ “Tandem” บริษัทออกแบบสัญชาติไทยที่มีประสบการณ์มากมาย มาร่วมมือกับบริษัทสถาปนิกชื่อดังจากอเมริกาอย่าง “SOM” Skidmore, Owings and Merrill (Thailand) Co. Ltd เป็นที่ปรึกษา ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการออกแบบอาคารสูง และฝากผลงานไว้มากมาย ทำให้ดีไซน์ตัวอาคารของ THE ESSE Sukhumvit 36 สวยสะดุดตาเป็นที่สุด   ส่วนงานภูมิสถาปัตยกรรม ทาง SINGHA ESTATE เลือก “Shma” เป็นผู้ออกแบบ ในขณะที่ Interior ส่วนกลางได้ “dwp” (Design Worldwide Partnership) มาเป็นอีกแรงสำคัญที่ทำให้บรรยากาศภายในมีกลิ่นอายที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบภูมิปัญญาไทย กับการออกแบบที่เป็นสากล ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้แนวคิด “The Essence of Luxurious Living is HARMONY OF CONTRAST” ที่ต้องการสื่อสารถึง “การใช้ชีวิตที่มีความสมดุลในความแตกต่างอย่างกลมกลืน”   แน่นอนว่ารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เห็นในโครงการทั้งหมดนี้ เกิดจากการผสมผสานเอกลักษณ์ของดีไซน์เนอร์แต่ละคนไว้อย่างลงตัว   จริงอยู่ที่ทางโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 เปิดขายห้องชุดแบบ Fully Fitted เพื่อให้เจ้าของห้องชุดได้มีโอกาสสร้างสรรค์การตกแต่งห้องตามสไตล์ตัวเองได้อย่างเต็มที่ แต่ความชื่นชอบที่หลากหลายและแตกต่างกัน ก็สามารถนำมา Mix and Match จนได้สไตล์ส่วนตัวที่ไม่ซ้ำกับใคร บางครั้งเราอาจจะนึกไม่ถึงเลยว่าเฟอร์นิเจอร์ในสไตล์ Loft จะสามารถเข้ากันได้ดีห้องสไตล์ Classic หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เรียบง่าย หากเพิ่มเติมโลหะสีทองหรือสีทองแดงเข้าไป จะสามารถเพิ่มความน่าสนใจให้กับชิ้นงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่เราเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ให้ถูกชิ้น จัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม ก็สามารถผสมผสานวัสดุ และสไตล์ Mix & Match กันได้อย่างกลมกลืน   การออกแบบหรือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้กับห้องใดๆ ไม่ได้มีกฏกำหนดตายตัวเสมอไปหรอกค่ะ เราเชื่อว่าห้องนั้นๆ จะถูกตกแต่งอย่างไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบ รสนิยม ความพึงพอใจของเจ้าของห้องเป็นหลัก ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้มา คือห้องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และสามารถบ่งบอกถึงตัวตนของเจ้าของห้องได้ดีที่สุดนั่นเองค่ะ   ก็เหมือนกับที่ THE ESSE Sukhumvit 36 ที่ผสมผสานเอกลักษณ์งานออกแบบของดีไซน์เนอร์หลากหลายสัญชาติ ให้มารวมกันได้อย่างลงตัวที่สุด และเพื่อให้เจ้าของห้องชุดรู้สึกว่าการตกแต่งห้องเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องจ้าง Interior Designer เสมอไป ที่โครงการจึงจัดชุดเฟอร์นิเจอร์สวยๆ จาก LOAM ARTISANAL LIVING มาจัดโปรโมชั่นพิเศษ (Limited Offer) ให้เจ้าของห้องได้มีโอกาสเลือกห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่จะมา Mix& Match ความหรูหราอย่างมีสไตล์ได้ตามใจคุณ เริ่มต้นกันด้วยห้อง 1 Bedroom กับ Furniture Package จาก LOAM ARTISANAL LIVING มูลค่า 500,000 บาท ชุดเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นทั้งในห้องนั่งเล่นและห้องนอน สี Earth Tone สบายตา ทำให้เราสามารถแต่งเติมสีสันด้วยของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพิ่มเติมเข้าไปได้ง่ายขึ้น รับรองว่าไม่ซ้ำกับใครแน่นอนค่ะ     ส่วนห้อง 2 Bedroom ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยค่ะ เพราะมูลค่า Furniture Package มากถึง 700,000 บาทเลย ชุดเฟอร์นิเจอร์สวยๆ จาก LOAM ARTISANAL LIVING มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว งานดีไซน์เรียบหรู แต่ก็แอบซ่อนกิมมิกเก๋ๆ ไว้ในเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นด้วยนะคะ     นอกจาก Exclusive Furniture Package ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ทาง SINGHA ESTATE ยังได้เสนอเงื่อนไขพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ชำระค่าห้องผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ จะได้คะแนนสะสมสูงสุด 20 เท่า**   จะมามัวรีรอไม่ได้แล้วค่ะ คอนโดสวยๆ ใจกลางเมือง ติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ แถมยังได้เฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ดังครบเซ็ต ในราคาเริ่มต้น 12.6 ล้านบาท* แบบนี้มีจำนวนจำกัด และหาที่ไหนไม่ได้ง่ายๆ แล้วนะจ๊ะ รีบคลิกลงทะเบียนกันที่ http://bit.ly/2ws3h1s  หรือ โทร. 1221    
TIF กระจกอัจฉริยะมีดีกว่าที่คุณคิด

TIF กระจกอัจฉริยะมีดีกว่าที่คุณคิด

Thai Intelligent Film Glass กระจกอัจฉริยะ ฟิล์มอัจฉริยะ กระจกเปลี่ยนสี ฟิล์มเปลี่ยนสี Smart Glass ,Smart Film          มีปัญหาหรือไม่ อยากได้ห้องส่วนตัวบังเอิญที่กั้นห้องไม่ใช่กำแพงแต่ดันเป็นกระจกใส หรือบ้าน ออฟฟิศใครที่มีกระจกรายล้อม และต้องเผชิญกับแสงแดดยามบ่ายที่ร้อนระอุ ต้องการที่บังแดด โดยไม่ต้องง้อม่านอีกต่อไป ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพียงแค่มีกระจกอัจฉริยะง่ายต่อการใช้งานเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ก็สามารถเปลี่ยนจากกระจกใสเป็นทึบได้     แต่ตอนนี้มีนวัตกรรมใหม่นั้นก็คือกระจกอัจฉริยะหรือฟิล์มอัจฉริยะ เพียงสัมผัสแค่ปลายนิ้วก็สามารถทำให้กระจกทึบจากฟิล์มกลายเป็นกระจกใสได้ บอกลาม่าน ไม่ต้องง้ออีกต่อไป   กระจกอัจฉริยะ หรือฟิล์มอัจฉริยะเป็นนวัตกรรมทางเลือกใหม่ เป็นฟิล์มกระจกที่ไม่เหมือนใครเพียงแค่กดปุ่มจากรีโมท ก็เปลี่ยนบ้าน หรือออฟฟิศ กระจกใสที่ปรอดโปร่ง โล่งสบายให้กลายเป็นห้องทึบ เพิ่มพื้นที่ส่วนตัวในการทำกิจกรรมสำคัญ โดยไม่ถูกรบกวนทางสายตาจากผู้คนภายนอก ฟิล์มชนิดพิเศษ ไม่มีขายตามท้องตลาด มีลักษณะที่เบามาก ประกอบไปด้วยหยดของเหลวคริสตัล ที่เรียงตัวแบบกระจายตัว ในรูปแบบที่ถ่ายเทได้ ทำงานโดยใช้หลักการกระจายตัวของหยดของเหลวคริสตัล ในลักษณะที่ห่อหุ้มโดยโพลีเมอร์ โดยมีแผ่นฟิล์มประกบอยู่ 2 ด้าน ขณะที่ไม่มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไป (ปิดสวิตช์) ของเหลวคริสตัลเรียงตัวกันอยู่กระจัดกระจาย ทำให้เกิดสภาวะ ทึบในขณะที่มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไป (เปิดสวิตช์) ของเหลวคริสตัลจะเกิดการเรียงตัวกันเป็นแนวขนานกับแนวกระแสไฟฟ้า ทำให้แสงผ่านได้ เกิดสภาวะใสขึ้น   แล้วถ้าที่บ้าน หรือออฟฟิศมีกระจกต้องซื้อมาเปลี่ยนใหม่หมดหรือเปล่า ไม่ต้องกังวลไป หมดห่วงกับการเปลี่ยนกระจกใหม่ นอกจากจะมีกระจกอัจฉริยะแล้วยังมีฟิล์มอัจฉริยะ เพิ่มความสะดวกสบายสำหรับผู้ที่มีกระจกอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีให้เลือกหลายสี ตัวกระจกหรือฟิล์มยังสามารถออกแบบได้หลายรูปทรงตามความต้องการ การทำงานของกระจกอัจฉริยะเป็นระบบไฟฟ้าไม่ต้องกังวลเรื่องไฟฟ้าจะรั่ว เพราะมีวัสดุที่ทนทานกันไฟฟ้ารั่ว ติดตั้งใช้งานง่ายหมดปัญหาเรื่องช่าง ให้ความรู้สึกเหมือนติดฟิล์มโทรศัพท์มือถือ   สิ่งดีๆ ที่อยากบอกต่อของกระจกอัจฉริยะที่คุณยังไม่รู้ นอกจากจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวแล้ว ตัวกระจกหรือฟิล์มติดตั้งง่าย รวดเร็ว มีความแน่นหนา ทนทาน (กันไฟฟ้ารั่ว) อายุการใช้งานที่ยาวนาน ที่สำคัญลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ ป้องกัน UV โดยไม่ต้อง้อม่านอีกต่อไปแล้ว ตัวกระจก และฟิล์มเข้าได้กับทุกขนาด รูปทรงตามต้องการลูกค้า มีสีให้เลือกมากมายอีกด้วย     กระจกอัจฉริยะ ใช้งานได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงานได้ทุกที่ตามต้องการ ยกตัวอย่างเช่น คอนโดในปัจจุบันห้องรับแขกกับห้องนอนจะกั้นด้วยกระจกใสซึ่งเวลาแขกมาก็อยากปิดห้องนอนไม่ให้ใครเห็น เพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัว หรือห้องประชุมในออฟฟิศเป็นกระจกใส พอมีแขกคนสำคัญหรือประชุมลับไม่อยากให้ใครเห็นเพียงแค่สัมผัสที่ปล่อยนิ้วโดยใช้รีโมทก็เปลี่ยนจากกระใสเป็นกระทึบได้ตามที่ใจเราต้องการ   กระจกอัจฉริยะ มีดีกว่าที่คุณคิด เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้น เพียงปลายนิ้วสัมผัสก็เปลี่ยนจากห้องกระจกใสกลายเป็นห้องทึบสร้างความเป็นส่วนตัว ติดตั้งง่าย ทนทาน อายุการใช่งานที่ยาวนาน กันแสงแดด ป้องกัน UV ไม่ต้องง้อม่านอีกต่อไป มีหลายรูปทรง หลากสีให้เลือกตามความต้องการ โดยทีมงานติดตั้งที่มีคุณภาพ มาพร้อมกับการรับประกันตัวสินค้า    Condominium   Sea Life Water World Shark Tank   Hotel Bangkok Theptarin Hospital EastWater Industrial   สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ www.tifglass.com หรือเบอร์โทรศัพท์ 02-727-5274  
ไรฝุ่น ผู้ร้ายบนที่นอน

ไรฝุ่น ผู้ร้ายบนที่นอน

เราทุกคนใช้เวลาอยู่บนที่นอนเป็นเวลา 1 ใน 3 ของวันเพื่อการพักผ่อน แต่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึงว่า ภัยเงียบที่เราต้องเผชิญตลอดเวลาที่อยู่    บนที่นอนเป็นสาเหตุหลักของโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหืด ผื่นผิวหนังอักเสบ หรือโรคแพ้อากาศ ฯลฯ ซึ่งกว่า 70% มี “ไรฝุ่น” เป็นตัวการสำคัญ   ปัญหาไรฝุ่น มักจะหลุดรอดจากการกำจัดเกือบทุกครั้ง ถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจทำความสะอาดเช็ดถูทุกซอกอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม เพราะฝุ่นละอองขนาดจิ๋วและไรฝุ่นพวกนี้มีขนาดเพียง 0.1-0.3 มิลลิเมตรเท่านั้น!! แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรบ้างถ้าจะกำจัดไรฝุ่นให้หมดไป?     เคล็ดลับทั่วไปที่เราต่างก็คุ้นเคยกันอยู่แล้วคือ หมั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นประจำ ซักผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนด้วยน้ำอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส ตากให้แห้งสนิทและเก็บไว้ในถุงที่มิดชิด หมั่นทำความสะอาดห้องนอน ดูดฝุ่น และเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วบริเวณ ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าในห้องนอน   จริงๆ เราก็พยายามทำตามวิธีเหล่านี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ล่าสุดเราเพิ่งเจอตัวช่วยสุดเจ๋ง ที่ทำให้เจ้าไรฝุ่นตัวจิ๋วพวกนี้แทบจะหายไปในพริบตา    นั่นก็คือ “เครื่อง  ดูดฝุ่น Dyson V8 Carbon Fibre” ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจาก Dyson ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จุดเด่นของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายตัวนี้คือ พลังการดูดทำความสะอาดที่เพิ่มขึ้นอีก 30% แถมยังพัฒนาเทคโนโลยีไซโคลนการกรองอากาศแบบทั้งเครื่องอีก เลยจัดมาลองด้วยตัวเองซักหน่อยค่ะ     แกะกล่องมาก็เจอกับอุปกรณ์ต่างๆ มากมายชวนให้งง แต่หลังจากอ่านคู่มือแล้วเรารีบหยิบ “หัวดูดฝุ่นที่นอน” มาก่อนเลย และที่ Dyson มีหัวต่อในเซ็ตมากมายแบบนี้ก็เพราะว่าหัวต่อแต่ละชิ้นถูกออกแบบมาเฉพาะการใช้งาน ให้เราสามารถเลือกใช้งานได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดฝุ่นละอองได้มากยิ่งขึ้นด้วย       ต้องบอกก่อนว่า “Dyson V8 Carbon Fibre” ตัวนี้ ทางบริษัทเค้าเคลมไว้ว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่มีความแรงถึง 155 AW (น่าจะแรงที่สุดในไลน์เครื่องดูดแบบไร้สายละ) ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีชุดไซโคลน 2 Tier Radial™ (เรเดียล 2 ชั้น) ที่ทำงานคู่ขนานกันในการช่วยเพิ่มกระแสลม และ  การดักจับฝุ่นละออกขนาดเล็กจากแรงเหวี่ยงของกระแสลมเข้าสู่ถังเก็บฝุ่น แถมระบบที่ว่านี้ยังถูกผนึกอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการเล็ดลอดของละอองฝุ่นต่างๆ ออกจากตัวเครื่องด้วย ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าระหว่างที่เรากำลังตั้งใจดูดฝุ่นทำความสะอาดให้หมดจดอยู่นั้น ลมที่ระบายผ่านฟิลเตอร์ออกมาขณะที่เครื่องทำงานก็จะยังสะอาด และไม่มีพวกสารก่อภูมิแพ้ที่เรามองไม่เห็นออกมาปะปนในอากาศอีก     หลังจากที่เราบ้าพลังเลือกโหมด MAX พลังดูดเบอร์แรงสุดจัดการกับที่นอนไป 5 นาที ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นในถังเก็บฝุ่น จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไงล่ะคะ ทั้งๆ ที่เราเพิ่งทำความสะอาดที่นอนและเปลี่ยนผ้าปูเตียงไปเมื่อ 2-3 วันก่อน เรายังนอนจมอยู่บนกองไรฝุ่นเยอะขนาดนี้เลยหรอ? เห็นแล้วก็รู้สึกสยองหน่อยๆ ....ตอนนี้เชื่อเลยค่ะว่าเครื่องดูดฝุ่น Dyson สามารถจัดการกับไรฝุ่นที่ฝังตัวอยู่บนที่นอนได้เกือบ 100% นั้นไม่ใช่แค่ราคาคุย  แล้วล่ะ   นอกจากหัวดูดฝุ่นที่นอนที่เราได้ทดสอบประสิทธิภาพกันแล้ว Dyson V8 Carbon Fibre ยังมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เลยคือ หัวแปรงดูด Carbon Fibre ที่มีทั้งแบบหัวลูกกลิ้งขนนุ่ม (Fluffy) ซึ่งหุ้มด้วยผ้าไนลอนทำหน้าที่กักเก็บสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ ในขณะที่ขนแปรงคาร์บอนไฟเบอร์ป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ จะดูดฝุ่นผงขนาดเล็กสกปรกขนาดใหญ่และฝุ่นละอองขนาดเล็กออกจากพื้นแข็งไปพร้อมๆ กัน ส่วนหัวดูดแบบ Direct Drive จะมี    ขนแปรงยาวพร้อมเส้นคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับทำความสะอาดพื้นแข็งและพรม     ความเจ๋งของ Dyson V8 Carbon Fibre นี้ไม่ได้มีดีแค่พลังดูดแบบไซโคลนเท่านั้นนะคะ การดีไซน์ตัวเครื่องก็รู้สึกได้เลยว่าทีมพัฒนาเข้าใจถึงการใช้งาน และใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ ทั้งแทนแขวนที่ทำให้จัดเก็บได้ง่ายและเป็นระเบียบไปพร้อมกับการชาร์จแบตเตอรี่, ด้ามจับที่ถนัดมือไม่ว่าจะถือใช้งานในที่สูงหรือถือในลักษณะปกติ, ตำแหน่งของปุ่มเปิดปิดที่อยู่ใกล้นิ้วตรงด้ามจับทำให้สามารถใช้งานได้ง่ายในมือเดียว, วิธีการเปิดถังเก็บฝุ่นที่ทำได้ง่ายในขั้นตอนเดียว แค่ดึงตัวล็อคที่ด้านบนฝาถังด้านล่างก็เปิดออก เศษฝุ่นก็ตกลงถังขยะหรือภาชนะรองรับได้เลย ไม่ต้องยกถุงฝุ่น    ไปเทแบบเดิมๆ และไม่ต้องกลัวเรื่องฝุ่นคลุ้งกระจายอีกด้วยค่ะ และที่สำคัญ Dyson V8 Carbon Fibre เครื่องนี้ ยังพัฒนาความสามารถของแบตเตอรี่ให้สามารถทำงานได้ต่อเนื่องนานถึง 40 นาที (ในโหมดปกติ) ซึ่งก็เพียงพอต่อการทำความสะอาดห้องนอน หรือคอนโดในแต่ละครั้ง    แล้วค่ะ หรือถ้าใครไม่สะใจอยากใช้โหมด MAX ด้วยพลังดูดแบบจัดเต็มก็จะใช้งานต่อเนื่องได้แค่ 5 นาทีนะคะ แต่เอาเข้าจริงโหมดปกติก็มีพลังดูดแรงกว่าเครื่องอื่นๆ และเพียงพอต่อการใช้งานแล้วค่ะ     หลังจากที่เราได้ใช้งานจริงมาเกือบเดือน ต้องบอกว่า Dyson V8 Carbon Fibre  ตัวนี้กลายเป็นผู้ช่วยสำคัญประจำบ้านไปแล้วค่ะ อุปกรณ์แต่ละชิ้นไม่ว่าจะถอดจะต่อก็ทำได้รวดเร็ว การทำความสะอาดบ้านแต่ละครั้งไม่ว่าจะซอกมุมไหนของบ้านก็มั่นใจได้ว่าสะอาดเอี่ยมแน่นอน ถึงแม้แรกๆ       จะแอบงงบ้างว่าจะใช้หัวต่อไหนกับงานประเภทไหนดี แต่ใช้ไปซักพักก็เริ่มชินและจะมีหัวต่อไม่กี่ชิ้นหรอกที่เรามักจะหยิบใช้กันบ่อยๆ ซึ่งหัวที่ใช้บ่อยก็สามารถนำมาเก็บไว้แท่นแขวนได้อีกเช่นกันค่ะ   ถึงแม้ราคาค่างวดของตัวเครื่องจะค่อนข้างสูง ทำให้หลายคนอดตกใจและลังเลในการตัดสินใจซื้ออยู่ไม่น้อย แต่เชื่อเถอะว่านี่คือ เครื่องดูดฝุ่น      ไร้สายที่คุณพ่อบ้านแม่บ้านน่าจะมีไว้ในครอบครองจริงๆ ค่ะ.... แล้วภาระกิจกำจัดผู้ร้ายบนที่นอน รวมถึงฝุ่นละอองตัวจิ๋วตามจุดต่างๆ จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย และไม่มีวายร้ายตัวไหนหลุดลอดสายตาไปอีกแน่นอน   **สามารถหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าและร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ  
ห้องแต่งตัวในฝันทำได้จริง อยากแต่งแบบไหนก็ได้แบบนั้น

ห้องแต่งตัวในฝันทำได้จริง อยากแต่งแบบไหนก็ได้แบบนั้น

  ปัจจุบันห้องแต่งตัวไม่ได้เป็นแค่พื้นที่เก็บเสื้อผ้าเท่านั้น ด้วยตำแหน่งที่มักจัดไว้ใกล้ห้องน้ำและห้องนอน หลายคนจึงปรับพื้นที่นี้เป็นที่เก็บของใช้ต่างๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องนอน, กระเป๋าเดินทาง หรือเครื่องประดับ โดยการออกแบบและจัดแบ่งหมวดหมู่ที่ดีจะทำให้ห้องนี้ใช้งานได้สะดวกและเป็นระเบียบมากขึ้น ทว่าห้องแต่งตัวในฝันของคนเราไม่เหมือนกัน บางคนฝันอยากได้ห้องแต่งตัวสไตล์เจ้าหญิงที่มี Walk-in Closet ดินแดนส่วนตัวแบบฟูลออฟชั่น หรือบางคนฝันอยากมีห้องแต่งตัวแบบสไตล์ลอฟท์เท่ๆ ตามฉบับชายหนุ่มมาดแมนที่มีตู้เสื้อผ้าสำเร็จรูปมาพร้อมมัลติฟังก์ชั่น เหมาะสำหรับพื้นที่ทุกรูปแบบ ทั้งนี้ไม่ว่าคุณมีฝันอย่างไร อยากได้ห้องแต่งตัวรูปแบบไหน? "ห้องแต่งตัว" ก็คือพื้นที่ส่วนตัวที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคุณ ดังนั้นในบทความนี้เราขอยกตัวอย่างห้องแต่งตัวรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นไอเดียให้กับห้องแต่งตัวในฝัน โดยที่คุณสามารถทำได้จริง แถมยังสนุกกับการตกแต่งมากขึ้น   ห้องแต่งตัวในฝันสไตล์ Modern Luxury สุดหรู หรูหราสง่างามและทันสมัยในตัวเอง คือหัวใจสำคัญของสไตล์ Modern Luxury ใครที่ฝันอยากมีห้องแต่งตัวเหมือนเจ้าหญิงแบบ Walk-in Closet สุดหรูที่เอื้อประโยชน์ได้ทั้งหยิบใช้และโชว์ แถมยังมีให้เลือกใช้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น ตู้, ช่องเก็บของ, ราวแขวน, ชั้น, หรือลิ้นชักต่างๆ โดยที่เจ้าของบ้านสามารถกำหนดรูปแบบได้ตามความพอใจเพื่อให้สอดรับกับความต้องการนั้นบอกได้เลยว่าไม่ยาก เทคนิคง่ายๆ คือเลือกเฟอร์นิเจอร์ หรือวัสดุสุดเก๋ตามเทรนด์ปัจจุบันที่ให้ทั้งลุคหรูหราพร้อมดูทันสมัยมาตกแต่ง ซึ่งควรเลือกชิ้นเด่นๆ หรือคลุมโทนสีไปในทิศทางเดียวกันก็จะช่วยทำให้ห้องแต่งตัวชวนมองมากขึ้น ที่สำคัญอย่าลืมเพิ่มมิติจากความวิบวับจากแสงไฟ และวัสดุตกแต่งที่มีความมันวาวอย่างเมทัลลิก เช่นเดียวกับมือจับประดับเพชรขอบทอง เฟอร์นิเจอร์จาก SB Design Square เหมือนในภาพตัวอย่างด้านบนที่สะกดทุกสายตา และสะท้อนความโก้ได้ดีทีเดียว   ห้องแต่งตัวในฝันสวยงาม สดใส สไตล์ Modern Chic  ใครที่เบื่อห้องแต่งตัวรูปแบบเดิมๆ ลองมาดูเทรนด์ใหม่มาแรงอย่างสไตล์ Modern Chic ที่เน้นความเรียบง่ายแต่ซ่อนความเก๋ของงาน Design ไว้อย่างลงตัว ซึ่งทริคในการเนรมิตห้องแต่งตัวในฝันสไตล์นี้ก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่คุณเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันสดใสจาก SB Design Square เหมือนดั่งภาพตัวอย่างด้านบนที่สะท้อนความเป็นตัวตนของผู้ใช้งานตามแบบฉบับไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ที่ชอบอะไรแบบเรียบเก๋ จัดวางตู้เสื้อผ้าและมุมแต่งตัวให้เต็มผนังด้านใดด้านหนึ่ง เน้นฟังก์ชั่นหลักที่ต้องการมีเพียงตู้เสื้อผ้า โดยเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ทำบานปิดแต่ติดราวเลียนแบบห้องลองชุดตามร้าน ให้สามารถเลือกเสื้อผ้าและเปลี่ยนได้ทันที พร้อมติดตั้งลิ้นชักสำหรับเก็บเสื้อไว้ตรงกลาง แถมบริเวณใต้ลิ้นชักยังใช้เป็นส่วนจัดเก็บเพิ่มเติมที่น่าจะงอกเงยเพิ่มพูนอย่างมากมายในอนาคตได้อีกด้วย   ห้องแต่งตัวในฝันสไตล์ Minimal ตกแต่งน้อย แต่มากฟังก์ชั่น มาต่อกันที่สไตล์มินิมอลของสายคลีนกันบ้าง กับไอเดียการแต่งห้องแต่งตัวในฝันด้วยไม้สีอ่อน ดูอบอุ่น เรียบง่าย แต่มีเสน่ห์ ซึ่งเราแนะนำให้เลือกฟังก์ชั่นของตู้ให้ครบกับความต้องการในการใช้งาน ด้วยตู้เสื้อผ้าแนวคิดใหม่รุ่น Wardrobe จาก SB Design Square ที่ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของชาวมินิมอลได้ดี เพราะสามารถเลือกตู้เสื้อผ้าบานเปิดในห้องนอนให้ลงตัวกับพื้นที่ได้ทั้งแบบลอยตัว และแบบบิลต์อิน ด้วยขั้นตอนง่ายๆ กับการออกแบบตู้เสื้อผ้าในสไตล์ของคุณเอง แถมยังดีไซน์หน้าบาน มีให้เลือกหลากหลายวัสดุทีเดียว อาทิ บานไม้, บานกระจก, บานม่าน มีฟังก์ชั่นให้ทุกการเปิดปิดตู้เสื้อผ้า เงียบสนิท นุ่มนวล ลดแรงกระแทก ออปชั่นภายในตู้เสื้อผ้า ปรับเปลี่ยนตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง คุ้มค้าในทุกพื้นที่จัดเก็บ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ห้องแต่งตัวในฝันที่ไม่กินพื้นที่ของห้องมากเกินไปแล้วล่ะ   ห้องแต่งตัวในฝันสไตล์ Modern Loft  คงปฏิเสธได้ยากจริงๆ สำหรับกระแสเทรนด์การแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ที่ยังได้รับความนิยมอยู่มากในปัจจุบัน กับการโชว์ให้เห็นเนื้อแท้สัจจะวัสดุในการตกแต่ง สร้างอารมณ์ดิบเท่ที่ไม่ต้องปรุงแต่งให้ผิดแปลกไปจากวัสดุดั้งเดิมมากนัก ซึ่งหากคุณก็เป็นคนหนึ่งที่ตกหลุมรักเสน่ห์ของความดิบเท่สไตล์นี้ และฝันอยากมีห้องแต่งตัวที่บ่งบอกตัวตน แนะนำให้เลือกเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ลอฟท์จาก SB Design Square ที่ใช้ท่อเหล็ก มาสร้างโครงสร้างของห้องแต่งตัว นอกจากความแข็งแรงของวัสดุประเภทท่อ การเลือกทำ Walk-in Closet สไตล์นี้ ยังทำให้ห้องที่ดูแคบโล่งโปร่งขึ้นได้ รวมถึงไม่จำเป็นต้องทำลิ้นชักแบบยึดติดผนัง สามารถเพิ่มเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว เข้ามาเป็นพื้นที่เก็บของได้อย่างกลมกลืนเช่นเดียวกับภาพตัวอย่าง นอกจากนี้ยังสามารถให้ทีม SB Interior Team ช่วยออกแบบโดยสร้างความเท่กว่าเดิมด้วยการทำเป็นประตูไม้บานเลื่อน ติดรางเพิ่มเติมสำหรับเข้าออก เป็นการสร้างกิมมิกที่ดูสะดุดตาให้กับห้องได้ดีทีเดียว   "ห้องแต่งตัว" ก็เปรียบเสมือนกับการจัดดิสเพลย์ให้กับบ้าน ดังนั้นถ้าใครคิดจะทำห้องแต่งตัวในฝันตามสไตล์ที่เราชอบ อย่าลืมคำนึงถึงความสะอาดและการจัดระเบียบเป็นสำคัญ เพราะนอกจากได้ห้องแต่งตัวที่สวยงามน่าใช้งาน ยังสะท้อนตัวตนความเป็นคุณได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้การจัดเรียงเสื้อผ้าตามโทนสี ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกในการหยิบใช้มากขึ้นด้วยนะ แต่..ถ้าคุณกำลังมองหาไอเดียแต่งห้องแต่งตัวในฝันแต่ยังไม่รู้จะแต่งแบบไหน เราขอแนะนำให้คุณพุ่งตัวไปปรึกษาเรื่องการออกแบบ กับทีม SB Interior Team ได้ที่ SB Design Square ทุกสาขา เพราะนอกจากจะมีฝีมือระดับเทพและประสบการณ์ออกแบบห้องสวยได้อย่างใจลูกค้ามานับไม่ถ้วน ทางมัณฑนากรยังเลือกใช้แต่เฟอร์นิเจอร์คุณภาพ SB โดยที่เราสามารถกำหนดงบประมาณได้อีกด้วย จนเรากล้าการันตีเลยว่า "ไม่ว่าคุณจะอยากอยู่แบบไหน...ก็ได้อยู่แบบนั้น" สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสนใจนัดหมายออนไลน์ได้ที่ https://www.sbdesignsquare.com/th/interior-solution/free-interior-design-service 
ซ่อมแซมห้องน้ำใหม่อย่างไร ให้รวดเร็ว จบงานภายใน 1 วัน!

ซ่อมแซมห้องน้ำใหม่อย่างไร ให้รวดเร็ว จบงานภายใน 1 วัน!

“ห้องน้ำก็พังงงงงง แจ้งนิติก็ไม่ส่งช่างมาซ่อมให้สักที” สำหรับผู้ชายคงไม่มีอะไรรำคาญใจไปกว่าการฟังแฟนสาวพูดประโยคเดิมซ้ำๆ ทุกวัน ปัญหาของผมก็คือแฟนสาวอยากซ่อมแซมห้องน้ำในคอนโดฯ ที่กระเบื้องแตกร้าว เลยอยากได้ความเร็ว จบงานภายใน 1 วัน หรือสามารถเปิดใช้งานได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง เพราะห้องน้ำมีเพียงห้องเดียวและต้องใช้งานทุกวัน แจ้งให้ช่างนิติเข้ามาซ่อมก็ไม่มาสักที ซึ่งใครก็คงคิดว่าการปูกระเบื้องให้เร็ว จบงานใน 1 วัน นั้นเป็นเรื่องยากใช่ไหมครับ โดยเฉพาะการใช้กาวซีเมนต์ปูทับพื้นเดิม วิธีที่ค่อนข้างนิยมในงานซ่อมหรือรีโนเวทคอนโดที่ไม่สามารถรื้อกระเบื้องเก่าออกได้ง่ายนัก และไม่ต้องการเสียงดังในการก่อสร้าง หรือสร้างฝุ่นให้ต้องเก็บกวาดในภายหลัง ซึ่งต้องรอปูนกาวแห้งอย่างน้อย 1 วัน จึงสามารถเปิดใช้งานได้     แต่วันนี้ผลิตภัณฑ์ Jorakay ที่ผมบังเอิญเจอใน Facebook ทำให้ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นของผมหมดไป จากการอ่านข้อมูลคร่าวๆ แล้วดูน่าสนใจเพราะช่วยร่นระยะเวลาได้เร็ว จบงานภายใน 1 วัน เลยเข้าไปดูในเว็บไซต์อ่านเรื่อง Express เพิ่มเติมสักหน่อย ก่อนจะตัดสินใจออกไปซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาใช้ โดยครั้งนี้ผมลองทำเอง ไม่ต้องจ้างช่างข้างนอกหรือเรียกช่างจากนิติ แฟนจะได้ไม่ต้องบ่นเรื่องเดิมซ้ำๆ และเฝ้ารอช่างอีกต่อไป ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผมเลือกใช้ก็คือ “กาวซีเมนต์ จระเข้เอ็กเพรส (Express crocodile)”     ทำไมต้อง กาวซีเมนต์ จระเข้เอ็กเพรส เพราะ กาวซีเมนต์ จระเข้เอ็กซ์เพรส คือผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ชนิดโพลิเมอร์ โมดิฟายด์ แห้งตัวได้เร็ว เน้นการใช้งานง่าย สะดวก เหมาะสำหรับคนเมืองที่อยากซ่อมแซมห้องน้ำ, โชว์รูม, ห้องอาหาร, ล็อปบี้ของโรงแรม, ห้างสรรพสินค้า ที่เป็นงานเร่งด่วนต้องการเปิดใช้งานเร็ว จบงานภายใน 1 วัน เนื่องจากปูนกาวทั่วไปต้องทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง จึงจะยาแนวได้ แต่กาวซีเมนต์ จระเข้เอ็กซ์เพรส สามารถยาแนวได้ภายใน 2-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและพื้นที่ ยิ่งถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ควบคู่ไปด้วยก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เปิดใช้งานได้เร็วขึ้นภายใน 6-8 ชั่วโมง ทางแบรนด์จึงแนะนำให้ใช้คู่กันเพื่อให้จบงานได้เร็วที่สุด ซึ่งก็ตอบโจทย์ความต้องการของแฟนและผมได้ตรงจุด     ปูกระเบื้องได้ทุกชนิด ใช้ได้กับกระเบื้องขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นผนังหรือพื้น สำหรับขั้นตอนการปูกระเบื้องก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญมากเลยนะครับ เพราะจะมีผลกระทบโดยตรงต่ออายุการใช้งานของกระเบื้อง ซึ่งวันนี้ผมก็นำข้อมูลดีๆ ในการปูกระเบื้องมาฝากด้วยครับ..   เตรียมพื้นผิวก่อนปูกระเบื้อง ขั้นตอนแรกคือควรตรวจสภาพพื้นผิวก่อนปูกระเบื้องว่าต้องไม่ให้มีผลต่อโครงสร้างหลัก พื้นที่ต้องการปูกระเบื้องต้องสะอาด ปราศจากฝุ่น, น้ำมัน, น้ำยาบ่มคอนกรีต, สี, เศษปูน และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ที่สำคัญก็คือเรื่องของความสะอาด เพราะถ้าเราเตรียมพื้นผิวไม่ดีพออาจจะเกิดปัญหากระเบื้องแตกหรือระเบิดอีกก็เป็นได้ ดังนั้นแนะนำให้ล้างทำความสะอาดพื้นผิวโดยใช้น้ำฉีด ขัดพื้นผิวให้สะอาด และกวาดน้ำที่ขังบนพื้นผิวให้หมดก่อนที่ใช้กาวซีเมนต์คุณภาพสูงกาวซีเมนต์ จระเข้เอ็กเพรส ที่เหมาะสำหรับงานซ่อมแซมหรือสร้างใหม่ที่ต้องการใช้พื้นที่ด่วน เพราะยืดหยุ่นตัวสูง แห้งเร็วพิเศษ ใช้งานได้ทันใจและจะเพิ่มประสิทธิภาพของกาวซีเมนต์จระเข้มากยิ่งขึ้นก็ควรจะใช้กาวยาแนวที่เหมาะสมกันอย่างยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ด้วยนะครับ จะได้ใช้งานได้เร็ว จบงานภายใน 1 วัน   อัตราส่วนผสมหลัก ใช้กาวซีเมนต์ จระเข้เอ็กซ์เพรส 20 กิโลกรัม ต่อน้ำ 4.6 ลิตร หรือ ปูน 3 ส่วน ต่อ น้ำ 1 ส่วน โดยปริมาตร     ผสมอย่างมืออาชีพ เทปูนกาวซีเมนต์ลงในน้ำในขณะที่เปิดเครื่องผสม รอบต่ำประมาณ 150 รอบต่อนาที จะผสมให้เข้ากันดี หลังจากผสมแล้วควรใช้งานให้หมดภายใน 20-30 นาที โดยขึ้นกับอุณหภูมินะครับ และไม่ควรเติมน้ำหรือกาวซีเมนต์ลงไปอีกหลังจากเคมีบ่มตัวแล้ว     ปูกระเบื้องให้ถูกวิธี 1. ควรใช้เกรียงหวีด้านเรียบปาดกาวซีเมนต์ลงบนพื้นหรือผนังที่ต้องการปูกระเบื้อง ให้เพียงพอสำหรับกระเบื้องที่จะใช้ปูแต่ละครั้ง     2. ใช้ด้านหวีปาดเป็นร่องให้ทั่ว และครูดให้เป็นรอยทาง ตามตารางการใช้งาน เพราะจะทำให้กระเบื้องยึดเกาะและไม่มีช่องว่างโพรงอากาศเหลืออยู่     3. นำกระเบื้องปูบนกาวซีเมนต์ เคาะกระเบื้องให้ติดแน่นกับกาวซีเมนต์ กดกระเบื้องลงบนกาวซีเมนต์ควรแน่ใจว่าหลังกระเบื้องสัมผัสกับกาวซีเมนต์เต็มแผ่น     4. สามารถจัดกระเบื้องแต่ละแผ่นให้ตรงแนวตามต้องการภายในเวลาไม่เกิน 10 นาที ก่อนกาวปูกระเบื้องจะแห้งสนิทและไม่ควรจัดหรือเคาะกระเบื้องอีกเมื่อเลยเวลาดังกล่าว ซึ่งกาวซีเมนต์ จระเข้เอ็กซ์เพรส สามารถยาแนวกระเบื้องได้ภายใน 2 ชั่วโมง     5. ในกรณีต้องการเปิดพื้นที่อย่างเร่งด่วนควรยาแนวร่องกระเบื้องด้วยยาแนวจระเข้ เทอร์โบ พลัส (Fast Setting) เท่านั้น     สรุปว่า กาวซีเมนต์ จระเข้เอ็กเพรส มีคุณสมบัติในการยืดหยุ่นตัวสูง เมื่อใช้เกรียงหวีลากปูนกาว และนำแผ่นกระเบื้องวางทับบนปูนกาว กระเบื้องจะไม่ไหลตัวหรือหลุดออกจากผนังเลย ปูนกาวยึดเกาะเร็ว แถมยังแห้งเร็วพิเศษสำหรับงานเร่งด่วนจริงๆ อีกทั้งช่างปูยังมีเวลาปรับแก้ระดับกระเบื้องได้ ลดงานซ่อมที่ต้องเลาะกระเบื้องเนื่องจากปูที่ไม่ได้ระดับ โดยรวมแล้วรู้สึกว่าช่างสามารถทำงานง่ายและสะดวก ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ เพราะงานเสร็จไวไม่ยืดเยื้อ ที่สำคัญเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ควบคู่ไปด้วยก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพให้งานเสร็จเร็วขึ้นตามที่ทางแบรนด์เคลมไว้เลยครับ ซึ่งก็ถือว่าประทับใจผมกับแฟนมากทีเดียว เพราะสามารถเปิดใช้ห้องน้ำได้ตามปกติ ภายใน 1 วัน (ไม่รวมการปรับหรือเตรียมพื้นที่) ไม่ต้องฟังแฟนบ่นอีกต่อไป แบบนี้เอาคะแนนความพึงพอใจจากผมไปเลย 10 เต็ม 10!     สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2IRkTgg หรือ www.facebook.com/jorakaypage
PLENO พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ระดับ Professional ผู้นำแห่งการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบกว่า 10 ปี [Advertorial] : รีวิวทาวน์โฮม

PLENO พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ระดับ Professional ผู้นำแห่งการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบกว่า 10 ปี [Advertorial] : รีวิวทาวน์โฮม

พักหลังๆ มานี้ตลาดซื้อ-ขาย อสังหาริมทรัพย์บ้านเรามีประเภทที่อยู่อาศัยให้ผู้บริโภคได้เลือกกันหลากหลาย ซึ่งหนึ่งในที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ “ทาวน์โฮม” เพราะจับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางแถมยังมีราคาให้เลือกหลายระดับ ดังนั้นจึงจะเห็นว่าผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากมายต่างเปิดตัวโครงการทาวน์โฮมในหลายทำเล  เพื่อตอบโจทย์และดึงดูดความสนใจผู้บริโภคให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อพูดถึงทาวน์โฮมคุณภาพในสังคมมีระดับขึ้นมาในนาทีนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น เจ้าตลาดทาวน์โฮมอันดับหนึ่งของไทย จากผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมืองยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ที่ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาทุกโครงการให้ออกมาตอบโจทย์ตรงใจผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พรีเมียมทาวน์โฮม “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ครองใจผู้อยู่อาศัยมากกว่า 30 โครงการ 30,000 ครอบครัวในระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปี   และในปี 2018 นี้ แบรนด์แนวราบอย่าง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น รูปแบบใหม่ 2018 ก็ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของความเป็น Professional จากการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยสร้างมาตรฐานใหม่ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ซึ่งแน่นอนว่ากว่าจะประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ ทางแบรนด์ก็ได้สร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งจนเหนือกว่าคู่แข่งทั้งหมดในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดที่ต้องการให้ “บ้านเป็นได้มากกว่าแค่การอยู่อาศัย” โดยคำนึงถึงการใช้ชีวิตของทุกคนในบ้านเสมอ กล่าวคือเป็นบ้านที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานได้จริงของทุกคนในทุก Generation ยึดหลักการออกแบบ universal design คำนึงถึงการใช้งานของทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ กลุ่มคนวัยรุ่น ก็ต่างอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่ขัดเขิน แถมยังใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การหาทำเลที่ตั้งของโครงการที่ผสานทุกไลฟ์สไตล์ให้หลากหลายบนทำเลครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ เชื่อมต่อทุกการเดินทางให้เป็นเรื่องง่ายและสะดวก ทั้งรถไฟฟ้า ทางด่วน และถนนใหญ่ แวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายรอบโครงการ อาทิ วัดวาอาราม, สถานศึกษา, สถานพยาบาลชั้นนำ, ร้านอาหาร และแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่อยู่ในรัศมีใกล้กับโครงการ   ทั้งนี้ทางแบรนด์ก็ยังคงใส่ใจในเรื่องการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง สำหรับการวางผังของโครงการก็ยังคำนึกถึงหลักภูมิศาสตร์ทางแสงแดดและลม รวมถึงแปลนบ้านที่พัฒนาให้สอดรับกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ ดูโดดเด่นแบบ UNIQUE DESIGN แตกต่างทั้งด้านพื้นที่ใช้สอย และดีไซน์ที่โดดเด่นสวยงามไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังหยิบเอาเสน่ห์และเอกลักษณ์ท้องถิ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบส่วนต่างๆ ผสมผสานกับนวัตกรรมการออกแบบที่ล้ำสมัย เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าโครงการที่ดูโออ่าใหญ่โตและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวบ่งบอกถึงความพรีเมียมของโครงการ นอกจากนี้พื้นที่บริเวณคลับเฮาส์ยังจัดเต็มแบบสุดขีด โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตั้งแต่สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, พื้นที่รับแขก และสวน โดยออกแบบให้เกิดเป็นมิติไม่เหมือนใคร สนามหญ้าก็ไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่พักผ่อน เดินเล่นเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นพื้นที่กิจกรรมเชื่อมต่อทุกชีวิตของครอบครัวให้เป็นหนึ่งเดียว นอกเหนือจากนั้นก็หมดห่วงไร้กังวลด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมทั่วทั้งโครงการอย่างเป็นมิตรกับลูกบ้าน และนี่คือข้อพิสูจน์ที่ทำให้เห็นแล้วว่า “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ครองใจลูกบ้านและมัดใจผู้ซื้อมายาวนานกว่า 10 ปีได้อย่างไร   10 ความพรีเมียมที่ PLENO (พลีโน่) พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น มอบให้ลูกบ้านมาตลอด 10 ปี และเพื่อเป็นการเน้นย้ำจุดแข็งของผู้เชี่ยวชาญ Professional ในด้าน SPACE SPECIALIST ทั้งในด้านหลักการ “คิด” และ “สร้าง” ที่อยู่อาศัย ดังนั้นเรามาดูกันว่า 10 ความพรีเมี่ยมที่แบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น มอบให้กับลูกบ้านในสังคมคุณภาพที่สามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ทำเล จุดทางเข้าออกของโครงการจนไปถึงรายละเอียดของพื้นที่ภายในบ้าน จนขึ้นแท่นก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดอทาวน์โฮมอย่างแท้จริงนั้นมีอะไรบ้าง..   1. Premium Location EASY-ACCESSING ทำเลถูกผสมผสานไปกับทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายบนทำเลที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ เชื่อมต่อทุกเดินทาง ทั้งรถไฟฟ้า ทางด่วน และถนนใหญ่   2. Premium Facility IMMAGINATION MAXIMIZE ให้ทุกกิจกรรมเป็นไปได้สำหรับคนทุกวัย บนส่วนกลางขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำสำหรับลูกน้อย ฟิตเนสสำหรับคุณพ่อคุณแม่ และสวนสีเขียวเต็มพื้นที่ที่กลายเปนปอดแห่งใหม่ใจกลางเมือง   3. Premium Security SAFE & SOUND อบอุ่นและมั่นใจกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ที่ Pleno มุ่งมั่นให้ความใส่ใจมาเสมอ   4. Premium Innovation INNOVATION IS A MUST แบบแปลนบ้านที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งมีการคิด พัฒนา เรื่องดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สอดรับกับความต้องการของคนรุ่นใหม่อยู่อย่างเสมอ เช่น เพดานโปร่ง สูงกว่า 3 เมตร, Double Garden การนำพื้นที่สีเขียวเข้ามาอยู่ในบ้าน รวมไปถึงการวางแผนผังโครงการที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ ทิศทางลมและแสงแดด   5. Premium Living PROUD & GOOD SOCIETY เพราะสภาพสังคมที่ดีถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง สภาพแวดล้อมและสังคมเพื่อนบ้านที่ดีคือสิ่งหนึ่งที่ทาง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ได้หล่อหลอมให้ลูกบ้านทุกคนไม่เพียงแต่มีความสุขในการใช้ชิวิตภายในครอบครัวแล้ว การได้รู้จักแบ่งปันความสุขและคำนึงถึงเพื่อนบ้านเป็นสำคัญ คือสิ่งที่ทำให้สังคมคุณภาพของพลีโน่นั้นได้รับการยอมรับ สัมผัส และพิสูจน์ได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เข้าอยู่ ทุกๆ วันของการใช้ชีวิต และต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่นไม่รู้จบ   6. Premium Technology SMART LIVING คิดค้นและเติมเต็มอยู่เสมอ ในปี 2018 นอกจากทาง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น จะพัฒนาตัวบ้านเพื่อสอดรับกับคนรุ่นใหม่อยู่ตลอด ยังพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัยด้วย Digital Series & Smart Function เพื่อให้ทุกตารางนิ้วของบ้านนั้นเกิดประโยชน์และอำนวยความสะดวกสูงสุด กลายเป็นทาวน์โฮมนวัตกรรมใหม่ ล้ำสมัยตอบโจทย์คนปัจจุบัน   7. Premium Design   UNIQUE DESIGN งานออกแบบและศิลปะเป็นสิ่งที่ทาง “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น เลือกนำเสนอให้กับลูกบ้านอยู่เสมอ การหยิบเอาเสน่ห์และเอกลักษณ์ท้องถิ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบส่วนต่างๆ ของโครงการก็เช่นกัน เริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้าโออ่า คลับเฮ้าส์ดีไซน์เท่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังยึดหลักการออกแบบ universal design คำนึงถึงการใช้งานของทุกเพศ ทุกวัย โดดเด่นด้วยการออกแบบให้ใช้งานได้จริง โดยได้คำนึงถึงคนในทุก Generation ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ กลุ่มคนวัยรุ่น   8. Premium Material พิถีพิถันในทุกรายละเอียดที่สัมผัสได้ วัสดุที่ใช้ผนวกเข้ากับงานดีไซน์ที่ทำให้ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น มีความสวยงามทั้งภายใน และภายนอก   9. Premium Park สวนสีเขียวขนาดใหญ่ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติเต็มพื้นที่ กลายเป็นปอดแห่งใหม่ใจกลางเมือง   10. Premium Space แบบบ้านที่หลากหลายไม่เคยหยุดพัฒนา กว่า 50 แบบบ้านที่ส่งมอบความสุขในการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้านกว่า 30,000 กว่าครอบครัว ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่มุ่งมอบความสบายของการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้านทุกครัวเรือน   สิ่งต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ทาวน์โฮมแบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ทุกโมเดลได้รับการตอบรับที่ดี จากความใส่ใจ และจริงจังในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยครอบคลุมทั่วทุกโซนรอบกรุงเทพ ด้วยราคาที่คุ้มค่าสามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย และทำเลที่ตั้งอยู่ในจุดแหล่งการค้าไลฟ์สไตล์ ศูนย์การค้า เชื่อมต่อการเดินทาง ในแต่ละโซนทั่วกรุงเทพฯ ประกอบกับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้โครงการปิดการขายได้เพียงไม่กี่วันหลังจากสร้างเสร็จ ซึ่งนอกจากแบรนด์ PLENO พรีเมี่ยมทาวน์โฮมที่รู้จักกันดีแล้ว ยังมีแบรนด์ GRANDE PLENO รูปแบบบ้านดีไซน์ใหม่* ที่กำลังมาแรงสร้างความแตกต่างระดับเหนือกว่าทาวน์โฮมรูปแบบเดิมๆ อีกด้วย   และในปี 2018 ทางแบรนด์ “PLENO (พลีโน่)” พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น ได้เตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ พร้อมกับงาน #goodsociety ตลอดเดือน พ.ค. นี้ ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษกับ 12 โครงการพร้อมอยู่ในงาน โดย 2 โครงการใหม่ที่ว่าก็คือ..   1. PLENO รังสิต-คลอง 4 โครงการใหม่ PLENO รังสิต-คลอง 4 เปิดมุมมองใหม่ของการใช้ชีวิต... ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติรอบตัวคุณ ใกล้จุดขึ้น-ลง ทางด่วน วงแหวนเพียง 5 นาที ราคาเริ่ม 1.89 ล้าน   2. PLENO ปิ่นเกล้า-จรัญ โครงการใหม่ PLENO ปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ สัมผัสชีวิตที่สมบูรณ์แบบในทำเลเด่น ใกล้เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และทางด่วนมีส่วนลด 300,000 บาท ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้าน   สุดท้าย..ใครที่กำลังมองหาบ้านดีๆ สักหลังในราคาไม่แพงเกินเอื้อม และอยากที่จะคว้ามาเป็นรางวัลให้กับชีวิต Review Your  Living ไม่อยากให้คุณพลาดโอกาสดีๆ ในการเป็นเจ้าของทาวน์โฮมที่จะมาตอบทุกโจทย์ให้กับชีวิต พร้อมสร้างความสุขได้แบบไม่รู้จบไปพบกันได้ที่ งาน #goodsociety ตลอดเดือน พ.ค.นี้ ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษในงาน เริ่มต้นเพียง 1.89 ล้าน รับเต็มแม็ค พร้อมอยู่ฟรี! ไม่ต้องผ่อน* รับของเพิ่ม X5* ส่วนลด 300,000 บาท*
อากาศร้อนแค่ไหนแต่ “อย่าใจร้อน” มาเปลี่ยนบ้านซัมเมอร์นี้ให้ไม่น่าเบื่อ

อากาศร้อนแค่ไหนแต่ “อย่าใจร้อน” มาเปลี่ยนบ้านซัมเมอร์นี้ให้ไม่น่าเบื่อ

  เข้าหน้าร้อนทีไรมีอันต้องอยู่บ้านอย่างไม่เป็นสุข  กระสับกระส่ายเพราะอากาศร้อน จะเปิดแอร์ก็เกรงใจบิลค่าไฟ คิดอยากจะออกไปตากแอร์ในห้างสรรพสินค้า คนก็แห่กันไปนั่งจนคนแทบจะล้นห้าง แล้วจะทำอย่างไรให้ “บ้าน” ที่เราอยู่มีบรรยากาศของความเย็นสบายโดยไม่ต้องหนีไปพึ่งความเย็นนอกบ้าน   “ยิปซัม ตราช้าง” มีไอเดียมาแนะนำเพื่อแต่งบ้านรับหน้าร้อนสำหรับเจ้าของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขกสามารถติดตั้งได้เองง่ายๆ  นอกจากทำให้บ้านเย็นสบายบ้านยังสวยใสท้าท้ายรับซัมเมอร์ เพียงสร้างบรรยากาศใหม่ๆ ยังช่วยลดความร้อนของภายในบ้าน ด้วยฝ้าเพดานซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญที่จะช่วยให้คุณทำตามความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ด้วยแผ่นฝ้าพิมพ์ลายทีบาร์ เปเปอร์ทัช ตราช้าง ที่มีคุณสมบัติป้องกันความร้อน มีแผ่นสะท้อนรังสีความร้อนได้ถึง 86% ไม่แอ่นตัว เหมาะกับบ้าน และอาคารที่อยู่อาศัย สะดวกและรวดเร็วในการติดตั้งบริเวณเพดานขอบมุมห้อง หรือเจาะผ่านช่องดาวน์ไลน์ โดยใช้คัดเตอร์ขนาดใหญ่ เแผ่นฝ้าพิมพ์ลายทีบาร์ นวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นเพื่อให้ตอบโจทย์สำหรับบ้านในเมืองไทยที่ถือเป็นประเทศเขตร้อน  นอกจากนี้ยังเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย หมดปัญหาเรื่องคราบสกปรกปลอดฝุ่น ไม่มีฝุ่นผงของเส้นใยไฟเบอร์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และปลอดภัยด้วยคุณสมบัติกระดาษที่ติดกับเนื้อยิปซัมไม่ติดไฟ ไม่ลามไฟ ยังมีเทคโนโลยีใหม่ที่ผลิตมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ทั้งทนอากาศชื้น และทนความร้อน   เรายังสามารถสร้างบรรยากาศความสดใสและทำให้ซัมเมอร์นี้ไม่น่าเบื่อ สามารถมิกซ์แอนด์แมชให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในแบบที่คุณต้องการได้ เพราะแผ่นฝ้าพิมพ์ลายทีบาร์ เปเปอร์ทัช (PaperTouch) ตราช้าง มีดีไซน์การออกแบบสวยงาม  ทั้งลายร่มไม้ (Shade Tree) สีเขียวสดใส ลายฟ้าใส 2 (Bright Sky2) สีของท้องฟ้าสวย ลายดอกไม้ทั้ง ลายลีลาวดี ลายผกามาศ พวงผกา ไอศวรรย์ นวลจันทร์ พลอยชมพู ดอกแก้ว ชวนชม หยาดเพชร และอีกมากมาย สามารถตกแต่งห้องโปรดของคุณได้หลากสไตล์     เจ้าของบ้านที่สนใจจะเปลี่ยนบ้านรับหน้าร้อน “ยิปซัม ตราช้าง” จัดโปรโมชั่นพิเศษคืนกำไรช่างผู้รับเหมาและเจ้าของบ้าน เพียงซื้อแผ่นฝ้าพิมพ์ลายทีบาร์ เปเปอร์ทัช จาก“ยิปซัม ตราช้าง” จำนวน 20 กล่อง รับทันทีเสื้อยืดคอกลม 1 ตัว เริ่มสะสมให้ครบ 3 สี 3 แบบ ได้ตั้งแต่วันนี้ – หรือจนกว่าของแถมจะหมด ณ ร้านยิปซัมเอ็กซ์เพรส  ผู้แทนจำหน่ายเอสซีจี  และร้านขายวัสดุก่อสร้างระดับชั้นนำทั่วประเทศ สามารถสอบถามข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนยิปซัมตราช้าง โทร. 02-555-0000 หรือ www.siamgypsum.com หรือ facebook fanpage:@GypsumTraChangTH”  
Knightsbridge Collage Sukhumvit 107 : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Collage Sukhumvit 107 : รีวิวคอนโด

หากพูดถึง Developer ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือใหญ่แต่ละค่ายจะมีความถนัดในการพัฒนาโครงการหรือทำเลแตกต่างกันออกไป เช่น บางค่ายถนัดพัฒนาโครงการหรูทำเลใจกลางเมือง, บางค่ายถนัดพัฒนาแนวราบ เป็นต้น และเมื่อพูดถึงค่ายที่มีความชำนาญในทำเลกรุงเทพฯ โซนตะวันออกมากที่สุดก็คือ “ออริจิ้น” Developer ชื่อดังมาแรงแซงทุกกระแสในวงการอสังหาริมทรัพย์จนสามารถพุ่งขึ้นติด Top 5 ได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนทุกวันนี้ไม่ว่าออริจิ้นจะขยับตัวพัฒนาโครงการไม่ว่าจะรูปแบบไหนทำเลใดก็จะเป็นที่ถูกจับตามองอยู่เสมอ ทำเลโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ แม้จะดูห่างไกลสำหรับบางคนที่ไม่คุ้นชินย่านนี้ แต่หากลองมองถึงรายละเอียดสักหน่อยก็จะพบว่าทำเลนี้น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งระยะหลังมานี้หลายคนคาดการณ์ถึงความเจริญเติบโตของระแวกนี้ว่าน่าจะไปได้สวยทีเดียว เพราะนอกจากจะมีสาธารณูปโภคสมบูรณ์ไม่แพ้ใจกลางเมือง มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายแห่งในปัจจุบัน เช่น เซ็นทรัลบางนา, เมกะบางนา ฯลฯ รวมถึงโปรเจคยักษ์ใหญ่ในอนาคตอย่าง The Bangkok Mall โครงการมิกซ์ยูสที่จะเป็นทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม สำนักงาน หากเสร็จสมบูรณ์เมื่อไรจะกลายเป็นศูนย์รวมความบันเทิงอันทันสมัยขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเอเชียบนพื้นที่ 100 ไร่ ที่ฝั่งตรงข้ามไบเทคบางนา และ Mega City Bangna อีกหนึ่งโปรเจคที่เป็นการขยายต่อจากเมกะบางนาในปัจจุบัน รวมพื้นที่โครงการทั้งหมดถึง 400 ไร่ ไปจนถึงผลพลอยได้จากโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC: Eastern Economic Corridor) เพราะสามารถใช้เส้นทางโซนนี้ในการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ สู่พื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดของโครงการได้สะดวกสบายใช้เวลาเดินทางไม่มาก แถมราคาที่อยู่อาศัยโซนนี้ก็ยังไม่แรงอีกด้วย ทั้งหมดนี้จะเข้ามาพลิกโฉมโซนกรุงเทพฯ ตะวันออกนี้ให้กลายเป็นเมืองใหม่ได้ไม่ยาก     นอกจากนี้การเลือกคอนโดมิเนียมจะดูแค่ทำเลอย่างเดียวก็คงไม่ได้ ตัวโครงการเองก็สำคัญ เพราะหากเป็นโครงการที่ออกแบบมาสวย ให้ส่วนกลางมาเพียงพอต่อลูกบ้าน การใช้วัสดุที่มีคุณภาพก็จะยิ่งทำให้ดูมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อราคาค่าเช่าโดยเฉพาะในย่านแบริ่งที่มีอัตรา YIELD สูงถึง 7% และราคาขายต่อไปในอนาคต ทั้งหมดนี้แน่นอนว่าเราจะมาพูดถึงคอนโดมิเนียมตัวใหม่ล่าสุดจากออริจิ้น ในทำเลแห่งอนาคตที่ดีในระยะยาว สำหรับคอนโดมิเนียม Knightsbridge ระดับเรือธงจากออริจิ้นในแบรนด์ Collage ได้เคยเปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้บนทำเลรามคำแหง ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีด้วยทำเลติดรถไฟฟ้าสายสีส้ม และการออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร กลายเป็นคอนโดที่สวยที่สุดในย่านนั้นก็ว่าได้ ล่าสุดกลับมาอีกครั้งกับ Knightsbridge Collage Sukhumvit 107 ที่ก็จะมาครองแชมป์คอนโดมิเนียมที่สวยที่สุดรวมถึงมีเทคโนโลยีที่อยู่อาศัยอันทันสมัยที่สุดในย่านนั้นอีกเช่นกัน     Knightsbridge Collage Sukhumvit 107 คอนโดมิเนียม High Rise 28 ชั้น 304 ยูนิต+1 Shop บนพื้นที่ 1-1-50.8 ไร่ Automatic 42% ตัวโครงการห่างจาก BTS สถานีแบริ่ง 300 เมตร เป็น 1 ใน 3 คอนโดมิเนียมที่เผยโฉมออกมาเป็นลำดับแรกตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยวางคอนเซปการดีไซน์ว่า “Purity” เน้ความเรียบง่าย ใช้โทนสีขาวดูสะอาดตา แฝงด้วยเส้นสาย Dynamic Movement เข้ากับธรรมชาติแต่ดูทันสมัยอยู่เสมอ   สถานที่ตั้งของโครงการอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 107 หรือที่เรียกกันติดปากว่าซอยแบริ่งนั้นห่างจาก BTS สถานีแบริ่ง ประมาณ 300 เมตร ซึ่งจากปากซอยสามารถเดินไปขึ้น BTS สายสีเขียว สถานีแบริ่ง ได้ประมาณ 200 เมตร ระหว่างทางมี Street Food ให้ได้เลือกกันหลากหลาย ซึ่งซอยสุขุมวิท 107 นี้สามารถทะลุไปยังซอยสุขุมวิท 103(ลาซาล) และตรงออกสู่ถนนศรีนครินทร์ได้ เมื่อทะลุไปถึงฝั่งถนนศรีนครินทร์ก็จะอยู่ใกล้กับบิ๊กซี, แม็คโคร, ฟู้ดแลนด์, คอมมูนิตี้มอลล์ Jas Urban รวมถึงโรงพยาบาลศิครินทร์ ในอนาคตถนนศรีนครินทร์ก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง ผ่านเกือบตลอดเส้นทาง เรียกได้ว่าซอยแบริ่งจะถูกประกบทั้งสองฝั่งด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวกับสายสีเหลือง  หากใช้การเดินโดยรถไฟฟ้าก็จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถเข้าสู่ย่าน CBD อย่างอโศก-ทองหล่อได้เลย โดยจากสถานีแบริ่งห่างออกไปเพียงสถานีเดียวที่สถานีสำโรง อนาคตจะกลายเป็น Interchange กับสายสีเหลือง คาดว่าแล้วเสร็จปี 2564 หรือเพียงสถานีเดียวอีกเช่นกันก็จะถึงสถานีบางนาที่สามารถเดินเข้าสู่ไบเทคบางนาได้เลย แล้วในอนาคตจะมี Light Rail รถไฟฟ้าสายบางนา-สุวรรณภูมิ คาดว่าแล้วเสร็จปี 2566 ส่วนใครที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็สามารถใช้ทางด่วนบูรพาวิถีออกนอกเมืองไปทางบางนา-ชลบุรีตรงถนนบางนาตราด หรือจะเข้าเมืองด้วยทางพิเศษเฉลิมมหานคร และสามารถใช้ถนนกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอก มีจุดขึ้น-ลงที่ใกล้ที่สุดบริเวณช้างสามเศียร ทางด่วนทั้งหมดอยู่ในรัศมีไม่เกินประมาณ 4 กิโลเมตรเท่านั้น  Facility ของโครงการนี้เป็นหนึ่งไฮไลท์ที่ให้พื้นที่รวมแล้วกว่า 948 ตร.ม. ซึ่งเน้นพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ หรือมุมพักผ่อนสังสรรค์ภายในโครงการ โดยใช้การออกแบบพื้นที่ทั้งภายในซึ่งเป็นห้องโถ่งขนาดใหญ่ ฝ้าเพดานสูงเล่นระดับ Double Space&Triple Space เชื่อมต่อถึงกันได้กับพื้นที่ธรรมชาติภายนอกที่ถูกออกแบบมาได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะชั้นบนสุดที่ถูกวางตามแบบฉบับ Integrated Space เชื่อมต่อกันถึง 4 ชั้น เริ่มจากส่วนกลางชั้น Ground มีการจัดพื้นที่สีเชียวตั้งแต่หน้าโครงการก่อนจะเข้ามาถึงตัวอาคารที่มีส่วนล็อบบี้เพดานสูงโปร่ง แยกโซนเป็นสัดส่วนทั้ง Reception, Waiting Room, Library ให้ลูกบ้านได้ใช้พื้นที่ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้อย่างเต็มที่ ส่วนชั้น 26-28 เป็นส่วนกลางที่อยู่สูงสุดของอาคาร ไล่มาตั้งแต่ชั้น 26 ที่เป็นสระว่ายน้ำรูปตัว L เปิดมุมมองแบบ City View สวยๆ ได้เกือบ 360 องศา ชั้น 27 เป็นห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ที่มีกระจกสูงรอบด้าน และโซน Co-Working Space ชั้น 28 จุดสูงสุดของอาคารมีพื้นที่ Sky Lounge โดยส่วนกลางทุกชั้นจะมีสวนสีเขียวแบบ Outdoor ซึ่งถูกดีไซน์ให้มองแล้วมีความเชื่อมโยงกันทั้งหมดสะท้อนถึงความเป็น More Space ที่แตกต่าง   Floor Plan  โซนห้องพักอาศัยจะอยู่ที่ชั้น 8-25 มีจำนวนยูนิต 15-17 ยูนิต/ชั้น ถือว่าไม่มากเท่าไรนัก วางในลักษณะ Double Corridor มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ลิฟท์เซอร์วิช 1 ตัว บันไดหนีไฟ 2 จุดทั้ง 2 ฝั่งของอาคาร ซึ่งห้องทางฝั่งทิศเหนือจะเป็นฝั่งหน้าโครงการได้วิวรถไฟฟ้าที่มุ่งตรงเข้าสู่ใจกลางเมือง ส่วนทิศใต้จะได้วิวฝั่งชานเมืองออกไปทางจังหวัดสมุทรปราการ ทิศตะวันออกจะเห็นฝั่งถนนศรีนครินทร์ และทิศตะวันตกประมาณชั้น 10 ขึ้นไปจะได้วิวบางกระเจ้า       Unite Plan Unite Plan ของโครงการนี้ทางออริจิ้นตั้งใจนำเอาแปลนห้องยอดนิยมมารวมไว้ที่นี่เพื่อตอบสนองความต้องการของ Real Demand ที่มีอยู่ตลอดในย่านนี้ เพราะเป็นทำเลที่มีอัตราการขายสูงกว่า 70% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมใกล้เคียง เช่น บางนา บางพลี บางปู กลุ่มอาจารย์ บุคลากรในโรงเรียนนานาชาติชื่อดังอย่าง โรงเรียนนานาชาติ st.andrews, โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Patana หรือโรงเรียนไทยซิกข์นานาชาติ เป็นต้น อีกทั้งยังมีกลุ่มคนทำงานออฟฟิศในตัวเมืองที่ต้องการอยู่คอนโดใกล้รถไฟฟ้า แต่เลี่ยงออกมาอยู่รอบนอกไม่ไกลแล้วได้ราคาที่ดีกว่า  Type B1 24.40 ตร.ม. Studio ที่มีการกั้นห้องครัวกับห้องน้ำแยกออกจากห้องนอนเพื่อป้องกันกลิ่น และยังมีพื้นที่สำหรับวางโซฟาและมุมโต๊ะทำงานเอาไว้   ข้างเตียงด้วย Type B2 28.80 ตร.ม. 1 Bedroom 1 Bathroom เป็นครัวปิด และมีการออกแบบพื้นที่มาเพื่อให้เกิดการใช้งานได้อย่างมีประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทานอาหารข้างโซฟา และโต๊ะทำงานระหว่างห้องครัวกับห้องน้ำ Type BP1 33.30 ตร.ม. 1 Bedroom 1 Bathroom ห้องนี้เป็นครัวเปิด แต่จะได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้น 1 ห้อง ซึ่งสามารถดัดแปลงเป็นห้องทำงาน ห้องแต่งตัว หรือแม้แต่ห้องนอนเล็กก็ยังได้ Type B3 ขนาด 34.80 ตร.ม. 1 Bedroom 1 Bathroom ได้ครัวปิด และมีการออกแบบพื้นที่มาเพื่อให้เกิดการใช้งานได้อย่างมีประโยชน์สูงสุดเช่นเดียวกันกับห้อง Type B2 แต่จะได้พื้นที่ใช้สอยมากกว่า Type C ขนาด 53.60 ตร.ม. 2 Bedroom 2 Bathroom ห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการที่จะได้ครัวปิด ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ รวมถึงห้องนอน 2 ห้องที่มีขนาดใกล้เคียงกันอีกด้วย ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโครงการนี้คือการใส่เทคโนโลยีเข้าไปในที่อยู่ศัยอย่าง Automatic Parking, Digital Door Lock และ Home Automation  ที่สามารถควบคุมระบบไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดประตูห้อง ผ้าม่าน เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ ผ่านจากสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว ซึ่งโครงการในย่านนี้ยังไม่มีใครให้มากเท่านี้ เพราะส่วนมากแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเทคโนโลยีที่เทียบเท่ากับโครงการระดับลักชัวรี่ในทำเลใจกลางเมือง แต่สำหรับ Knightsbridge Collage Sukhumvit 107 ที่ให้มามากกว่ากลับได้ราคาเริ่มต้นเพียง 2.29 ล้านบาท 24 มี.ค.นี้ พบกับงาน Pre-Sale Knightsbridge Collage สุขุมวิท 107 คอนโด Hi Rise 28 ชั้น เพียง 300 เมตร จาก BTS แบริ่ง หนึ่งเดียวในย่าน ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ Home Automation และ Automatic Parking พร้อมส่วนกลาง SPACE ที่เชื่อมต่อกันถึง 4 ชั้น พิเศษ เริ่ม 2.29 ล้าน* @Sales Gallery ลงทะเบียน>>> https://goo.gl/xhdm4T รับสิทธิ์ส่วนลด 200,000.-* โอกาสสุดท้าย ที่คุณพลาดไม่ได้ โทร 020 300 000 , 091 774 9082             
ใช้ชีวิตให้เป็นตัวเองกับแกรนด์ ยูนิตี้ : รีวิวคอนโด

ใช้ชีวิตให้เป็นตัวเองกับแกรนด์ ยูนิตี้ : รีวิวคอนโด

ปี 2018 นี้ เป็นอีกปีที่ตลาดคอนโดมิเนียมยังคงร้อนแรงที่สุดอย่างต่อเนื่องในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เราได้เห็นหลายโครงการใหม่ที่น่าจับตามองเริ่มเปิดตัวกันมาตั้งแต่ต้นปี โดยหนึ่งในนั้น คือ แกรนด์ ยูนิตี้ ที่มาพร้อมกับ 4 โครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ติดรถไฟฟ้า ภายใต้คอนเซป "Simply Makes Sense." ให้เราได้เลือกคอนโดมิเนียมในโครงการที่ลงตัวกับเรามากที่สุดทั้งทำเล ดีไซน์ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในและรอบโครงการ เพราะคอนโดมิเนียมที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความเป็นตัวเราได้ดีที่สุดคือโครงการที่ใช่ที่สุด หนึ่งในทำเลสุดฮอตคือแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และยังใกล้ทางยกระดับอุตราภิมุข สนามบินดอนเมือง พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว, เมเจอร์รัชโยธิน ฯลฯ รวมถึงดีมานด์ที่มีอยู่มากมายหลายกลุ่มทั้งนักศึกษา บุคลากรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม และกลุ่มคนทำงาน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มีการเช่าคอนโดอยู่มากที่สุด Ciela (เซียล่า) คอนโดมิเนียม High Rise 28 ชั้น บนพื้นที่ 6-1-17.30 ไร่ ทั้งหมด 903 ยูนิต ขนาด 22.5-60 ตร.ม. ตัวโครงการติดรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบใช้ชีวิตสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเข้าใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็วด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ไม่ต้องไปเปลี่ยนสายสถานีไหนก็สามารถตรงเข้าเมืองได้ง่ายๆ ส่วนเหล่านักลงทุนทั้งหลายต้องคอยจับตามองให้ดีค่ะ เพราะโครงการนี้ได้ยินมาว่าราคาเปิดตัวไม่เกิน 100,000 บาท/ตร.ม. เท่านั้น เป็นราคาที่เชื่อว่าสำหรับคอนโดมิเนียมติดสถานีรถไฟฟ้าในปัจจุบันไม่มีใครทำราคาได้เท่านี้ สระว่ายน้ำระบบเกลือบนชั้นดาดฟ้า สวนสีเขียวชั้นล่าง Ciela มาพร้อมส่วนกลางครบครัน เช่น ล็อบบี้, สวนสีเขียว, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, ห้องออกกำลังกายชั้นดาดฟัา, สวนชั้นดาดฟ้า, ห้องซาวน่า, ห้องบริการซักผ้า อบผ้า เป็นต้น มีระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิด ลิฟท์โดยสารให้มาถึง 5 ตัว แยกลิฟท์เซอร์วิช 1 ตัว ลิฟท์โดยสารที่อาคารจอดรถ 2 ตัว   โครงการถัดมาที่ยังคงคอนเซปในการเป็นคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งเตรียมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรกนี้ต่อจากโครงการ Ciela คือ     De Lapis (เดอ ลาพีส) คอนโดมิเนียม High Rise ย่านจรัญสนิทวงศ์ 81 ที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาหนึ่งในมุมมองที่สวยที่สุดบนอาคารสูงในกรุงเทพฯ มี Background เป็นตึกสูงระฟ้าใจกลางเมือง พร้อมกับได้วิวสระว่ายน้ำบนอาคารไปด้วย และยังใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีบางพลัด โดยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเป็นสายที่วิ่งเป็นวงแหวนเพียงสายเดียวของโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งจะผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นย่านออฟฟิศทั้งสีลม รัชดาภิเษก ย่านที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของกรุงเทพฯชั้นใน และหากใช้รถยนต์ส่วนตัวก็ใกล้ทางพิเศษศรีรีช และยังสามารถใช้สะพานกรุงธนแล้วตรงเข้าสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเชื่อมต่อการเดินทางได้อีกหลากหลายเส้นทาง และยังใกล้กับสถานที่สำคัญชื่อดังหลายแห่ง ทำให้ De Lapis เหมาะสำหรับกลุ่มคนทำงานในตัวเมืองไปจนถึงครอบครัวที่อยากได้ความสงบเป็นส่วนตัว แต่ยังได้ความสะดวกสบายแบบคอนโดมิเนียมท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดี หากลงทุนปล่อยเช่าก็จะมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนทำงาน และคนที่อาศัยอยู่ในย่านเดิมอยู่แล้วต้องการขยับขยาย   เรียกว่าทั้ง Ciela (เซียล่า) กับ De Lapis (เดอ ลาพีส) จะมีราคาเปิดตัวค่อนข้างสูสีกันด้วยที่ตั้งโครงการติดรถไฟฟ้าเหมือนกันเพียงแต่คนละทำเล เราก็สามารถเลือกตัวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของแต่ละคน ซึ่งทั้งสองโครงการมีแพลนเปิดตัวช่วงครึ่งปีแรกนี้ ย้ำกันอีกทีนะคะว่าราคาแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วสำหรับคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า จับตาวันเปิดตัวกันให้ดีค่ะ   ส่วนช่วงครึ่งปีหลังทางแกรนด์ ยูนิตี้ เตรียมเปิดตัวอีก 2 โครงการใหม่ ที่มีการเปิดข้อมูลออกมาบางส่วนบ้างแล้ว คืือ   Denim (เดนิม) คอนโดมิเนียม High Rise โดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์ Urban Lifestyle บนแนวคิด Mixed-Use Concept โครงการตั้งอยู่ภายในซอยพหลโยธิน 18 ทะลุไปซอยวิภาวดีรังสิต 3 ได้ มีศักยภาพด้านการเดินทางสูงทั้งในปัจจุบันและอนาคต สำหรับผู้ที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะสามาถใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีหมอชิตที่เป็น Interchange กับรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินสถานีจตุจักร ซึ่งในอนาคตประมาณปี 2563 จะเปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเป็นสถานีที่เป็นศูนย์กลางระบบรางแห่งใหม่แทนหัวลำโพงที่มีความแออัดมากในปัจจุบัน โดยจะทำหน้าที่เป็นสถานีหลักของรถไฟสายเหนือ สายอีสาน สายใต้ สายตะวันออก และสายตะวันตก นอกจากนี้ยังมีการออกแบบเพื่อรองรับรถไฟฟ้าความเร็วสูงทุกสายในอนาคต เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน สายสีแดงได้ มีโซนช้อปปิ้งมอลล์ รวมถึงยังมีพื้นที่จอดรถ 1,700 คัน แน่นอนว่าจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน และยังเป็นแหล่งออฟฟิศทั้งเอกชน รัฐวิสาหกิจ ราชการหลายแห่ง ทำให้ในอนาคตบริเวณนี้มีแนวโน้มจะกลายเป็นอีกหนึ่งใน New CBD ของกรุงเทพฯ   Mazarine (แมสซารีน) คอนโดมิเนียม High Rise เกรด Premium เป็นตัวที่เป็นไฮไลท์ของปีนี้ ซึ่งมีแพลนจะเปิดตัวในช่วงปลายปี  โดยทั้งราคาและทำเลที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเมเจอร์รัชโยธินจะส่งให้โครงการนี้ทำ Surprise ได้แน่นอนค่ะ   ทั้งหมดนี้คือแนวคิด Simply Makes Sense. จากแกรนด์ ยูนิตี้ "ใช้ชีวิต...บนเหตุผลของคุณ" คือ keyword ที่กำลังจะบอกกับเราว่าเราสามารถเลือกสิ่งที่ใช่ได้ด้วยตัวเราเอง เลือกอย่างเหมาะสม เลือกบนเหตุผลของตัวเอง เพราะเชื่อว่าหลายคนย่อมเคยเกิดความคิดที่ว่า อยากมีคอนโดเป็นของตัวเอง อยากอยู่คอนโดใกล้แนวรถไฟฟ้า อยากดีไซน์ห้องของเราตามสไตล์ในแบบที่เป็นตัวเอง เพราะเราอยากใช้ชีวิตในแบบที่เราเลือกเอง ไม่ต้องตามใคร #ใช้ชีวิตบนเหตุผลของคุณ มันคงไม่ make sense เท่าไหร่กับการที่ต้องวิ่งตามกระแสของคนอื่นใช่ไหมคะ