Tag : Advertorial

24 ผลลัพธ์
ปักหมุด “สุขสวัสดิ์” ทำเลน่าอยู่บนฝั่งธนฯ : รีวิวทาวน์โฮม

ปักหมุด “สุขสวัสดิ์” ทำเลน่าอยู่บนฝั่งธนฯ : รีวิวทาวน์โฮม

“สุขสวัสดิ์” ทำเลย่านชุมชนเก่าขนาดใหญ่ฝั่งธนฯ ที่มักเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งถือว่าเป็นย่านที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากเพราะเป็นโซนที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของเขตเมืองกรุงเทพฯ ออกมาสู่รอบนอกมากขึ้น จุดเด่นของทำเลในย่านนี้คือระยะทางที่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองเลย โดยเฉพาะย่านธุรกิจอย่างสาทร รวมทั้งยังมีโครงข่ายคมนาคมที่หลากหลาย ทำให้การเดินทางเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย นอกจากนี้ยังรองรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ที่จะมีขึ้นในอนาคตอีกด้วย วันนี้เราเลยเลือกปักหมุดทำเลย่าน “สุขสวัสดิ์” เพื่อจะพาทุกคนไปดูเรื่องของศักยภาพ ตลอดจนการเดินทาง รวมถึงไลฟ์สไตล์และสิ่งอำนวยความสะดวกของคนในย่านนี้ว่าจะน่าอยู่ขนาดไหน ทำไมต้องเป็น “สุขสวัสดิ์” อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า “สุขสวัสดิ์” เป็นชื่อของถนนที่มีระยะทางยาวประมาณ 28 กิโลเมตร ตั้งแต่แยกจอมทองจนถึงแยกพระสมุทรเจดีย์ซึ่งถือเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีความเจริญเป็นอันดับต้นๆ ในกรุงเทพตอนใต้ และมีการเดินทางสะดวกสบาย ประกอบกับความเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยมานาน แนวโน้มการพัฒนาทำเลดังกล่าวจึงเจิรญขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มีแหล่งพาณิชยกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสาธารณูปการหลักรองรับการใช้ชีวิตที่เพียบพร้อม นับได้ว่าเป็นย่านที่มีศักยภาพอยู่แล้วในปัจจุบัน และจะมีการพัฒนาที่ดินเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต นอกจากนี้ทำเลสุขสวัสดิ์ยังอยู่ใกล้ถนนกาญจนาภิเษก หรือถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีระยะทางส่วนใหญ่เป็นทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 เป็นถนนสายสำคัญที่มีเส้นทางเป็นวงแหวนล้อมรอบตัวเมืองกรุงเทพมหานคร และเชื่อมต่อได้ถึง 4 จังหวัดด้วยกัน ได้แก่ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็เป็นเงื่อนไขของความอุดมสมบูรณ์อันดับต้นๆ ที่ทำให้ใครหลายคนตัดสินใจอยากขยับขยายครอบครัวจากถิ่นฐานเดิมมาอยู่อาศัยในย่านนี้ เดินทางสะดวกรวดเร็ว เลือกได้หลากหลายเส้นทาง เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าถนนสายหลักอย่างสุขสวัสดิ์ สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้ทั้งถนนพุทธบูชา, พระราม 2, ประชาอุทิศ, จอมทอง, เอกชัย, บางขุนเทียน, สมเด็จพระเจ้าตากสิน และพระราม 3 ซึ่งเป็นถนนที่เข้านอกออกเมืองได้ง่ายมากๆ ค่ะ แถมยังมีถนนหนทางในซอกซอยต่างๆ อีกเพียบที่จะลัดเลาะหลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่นได้หายห่วง นอกจากนี้ยังเดินทางได้สะดวกมากขึ้นด้วยทางด่วนที่เชื่อมต่อกับถนนสุขสวัสดิ์อย่างทางพิเศษเฉลิมมหานคร โดยทางด่วนเส้นนี้จะเชื่อมไปยังจุดต่างๆ ในกรุงเทพด้วย เช่น วิภาวดีรังสิต, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สะพานเหลืองหัวลำโพง, สุขุมวิท, โซนบางนา และท่าเรือคลองเตย เป็นต้น ซึ่งสามารถเดินทางไปพระราม 3 สาทร ได้อย่างรวดเร็ว เพราะใกล้จุดขึ้น-ลง ด่านดาวคะนอง และด่านสุขสวัสดิ์ ทำให้เดินทางเข้าสู่ย่านธุรกิจได้ภายในไม่กี่นาที และยังสามารถเลือกเดินทางด้วยถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ข้ามสะพานภูมิพล 1 เพื่อเชื่อมต่อกับพระราม 3 โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าทางด่วน หรือหากข้ามสะพานภูมิพล 2 ไปก็สามารถเชื่อมต่อกับถนนปู่เจ้าสมิงพราย และถนนสุขุมวิทได้สะดวก หรือจะไปเชื่อมกับถนนกาญจนาภิเษกก็สามารถเดินทางออกต่างจังหวัดได้เช่นกัน ในส่วนของการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนก็ถือว่าสะดวกไม่ใช่น้อยเลยนะคะ เพราะอีกไม่เกิน 3 ปีข้างหน้า ถนนสุขสวัสดิ์จะเป็นส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ที่เป็นส่วนต่อขยายมาจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงคลองบางไผ่-เตาปูน) ซึ่งพื้นที่ย่านสุขสวัสดิ์มีสถานีที่ใกล้ๆ คือ สถานีดาวคะนอง, สถานีบางปะกอก, สถานีประชาอุทิศ โดย Interchange Station อยู่ที่สถานีวงเวียนใหญ่ เชื่อมต่อกับรถไฟสายชานเมืองสีแดงเข้มช่วงหัวลำโพง-บางบอน-มหาชัย ทำให้การเดินทางในอนาคตจะมีศักยภาพเพิ่มขึ้น และเชื่อมโยงไปสู่ใจกลางเมืองได้มากขึ้น และการมาถึงของรถไฟฟ้าเหล่านี้จะทำให้แนวโน้มพื้นที่สุขสวัสดิ์มีการพัฒนาและเจริญมากขึ้นอีกแน่นอนค่ะ ล้อมรอบด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน จุดเด่นของย่าน “สุขสวัสดิ์” นอกจากการเดินทางที่สะดวกสบายเชื่อมต่อตัวเมืองได้หลากหลายเส้นทาง ยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้าอย่าง เซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2 และ 3, บิ๊กซี สุขสวัสดิ์, เทสโก้โลตัส สุขสวัสดิ์และโฮมโปร ไม่เพียงเท่านี้ยังมีแหล่งไลฟ์สไตล์สุดชิคแห่งใหม่อย่าง The Up Rama 3 คอมมูนิตี้มอลล์ย่านพระราม 3 ที่รวมร้านอาหารพร้อมด้วยร้านค้าและบริการต่างๆ อีกมากมายเพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของครอบครัว หรือถ้าอยากใกล้ชิดธรรมชาติก็สามารถไปเที่ยวบางกระเจ้า สถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนปอดของคนกรุงเทพได้ในพิกัดที่ง่ายต่อการไปถึง นอกจากนี้ยังมีสวนสาธาระณะขนาดใหญ่อย่างสวนสุขภาพลัดโพธิ์บริเวณใต้สะพานภูมิพลอีกด้วย เรียกว่าผู้อาศัยในย่านนี้มีตัวเลือกในเรื่องของการพักผ่อนรวมถึงอาหารการกินที่เยอะและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพทีเดียวค่ะ เซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 3 เทสโก้ โลตัส พระราม 3 The Up พระราม 3 บางกระเจ้า ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง บางกระเจ้าพื้นที่ปั่นจักรยานที่เปรียบเสมือนปอดของคนกรุงเทพ บรรยากาศสบายๆ ที่บางกระเจ้า นอกจากแหล่งไลฟ์สไตล์ที่เรายกตัวอย่างไปแล้วนั้น ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลนครธน, โรงพยาบาลบางปะกอก 3 และ 9, โรงพยาบาลบางมด และสถานศึกษาชื่อดังตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัยเลยค่ะ เพราะมีทั้ง โรงเรียนสารสาสน์ สุขสวัสดิ์, โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี, โรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม, โรงเรียนเลิศหล้า และมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ทำให้เป็นทำเลที่มีชีวิตและสามารถอยู่อาศัยได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากทำเลสุขสวัสดิ์มีเส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อด้วยการคมนาคมหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางสัญจรทางบก หรือแนวโน้มระบบขนส่งมวลชนทางรถไฟฟ้า ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ดีเวลลอปเปอร์หลายรายเข้ามาปักหมุดทำเลในย่านนี้ แต่แบรนด์ที่น่าสนใจและได้รับการตอบรับดีที่สุดก็คือ “บ้านกลางเมือง” ของ บริษัท เอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ AP Thai ผู้นำและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ โดยชูคอนเซ็ปต์ทาวน์โฮมที่เดินทางง่ายใกล้ใจกลางเมือง ฟังก์ชั่นครบสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ถึง 2 โครงการ ได้แก่ บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39 และ บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์ ซึ่งมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ค่ะ บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39 โครงการ บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39 เป็นโครงการ ทาวน์โฮมสไตล์โมเดิร์นที่เกิดขึ้นใหม่แห่งเดียวในย่านนี้ ซึ่งจุดประสงค์ของกลุ่มผู้ใช้งานคืออยู่อาศัยเป็นครอบครัว จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนเมืองที่ต้องการบ้านอยู่อาศัยสำหรับครอบครัวมากกว่าการเลือกอยู่คอนโด โดยไม่ลืมใส่ความหรูหราและเลือกคุณภาพให้แก่ลูกบ้าน ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 328 หลัง ขนาดเริ่มต้นอยู่ที่  18 - 20 ตร.ว. นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ คลับเฮ้าส์ ฟิตเนส สวนสาธารณะ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยอีกด้วย มีรูปแบบบ้านให้เลือกถึง 4 แบบด้วยกัน   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น : 5.99 - 7.99 ล้านบาท เจ้าของโครงการ : บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด ลักษณะโครงการ : ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น และทาวน์โฮม 3 จำนวน 328 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ : ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ แบบบ้าน Iconic ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 193 ตารางเมตร แบบบ้าน Urbanist ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 145 ตารางเมตร แบบบ้าน Iconic ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 193 ตร.ม. 3.5 ชั้น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน โดดเด่นด้วย Double Volume Space และ Sky Living Room แบบบ้าน Urbanist ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 145 ตรม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่น Triple Bedroom และ Multi-purpose Room พร้อมระเบียงส่วนตัวบนชั้น 3 บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์ สำหรับโครงการ บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์  เป็นโครงการทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด ด้วยคอนเซ็ปต์ที่เน้นการใช้ชีวิตในทุกๆ ด้านอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ที่อยู่อาศัย จุดเด่นอยู่ที่ทำเลศักยภาพ ทำให้เกิดความคล่องตัวสามารถเชื่อมโยงการใช้ชีวิตในเมืองได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือจับจ่ายใช้สอย ซึ่งนับว่าเป็นโครงการบ้านที่น่าสนใจที่สุดในย่านนี้ จุดประสงค์ของกลุ่มผู้ใช้งานคือ ครอบครัวที่จะขยายมาจากครอบครัวใหญ่ เป็นวัยทำงาน เนื่องจากสามารถเข้าถึงโซนออฟฟิศชั้นนำได้อย่างสะดวก และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ทาวน์โฮมแบรนด์ “บ้านกลางเมือง” ยังถูกพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งโมเดลใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาก็คือ “Terraria Model” ออกแบบภายใต้วิธีคิดนวัตกรรมดีไซน์พื้นที่แห่งอนาคต (Innovation for Future Living) โดยมีจุดเด่น คือ 1. การออกแบบพื้นที่ สีเขียว (Design for Green Living) ซึ่งนอกจากจะให้ความสำคัญกับการนำต้นไม้เข้ามาอยู่ในตัวอาคารในรูปแบบ Pocket Garden เข้ามาไว้ในทาวน์โฮมถึง 2 จุดในชั้น 2 และชั้น 3 แล้วนั้น ยังคำนึงถึงการออกแบบมุมมอง (Design Approach) ทั้งจากภายในและภายนอก 2. การออกแบบพื้นที่รองรับการปรับเปลี่ยน (Design for Flexible Living) ตามความต้องการใช้พื้นที่ที่หลากหลาก ด้วย Flexible Wall ผนังภายในแบบ พิเศษที่รองรับการปรับเปลี่ยน ขยับขยายได้จริง ยืดหยุ่นได้หลากหลายรูปแบบโดยไม่กระทบโครงสร้าง หลักของบ้าน ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้อาศัย ขณะที่ความลงตัวเชิงฟังก์ชั่นและความคุ้มค่าทุกตารางนิ้วของพื้นที่ใช้สอยภายในทั้ง 3 ชั้น ยังเชื่อมต่อการใช้งานได้อย่างไม่จำกัด อาทิ เพิ่มพื้นที่เก็บของ (ด้านหน้าและใต้บันได) การบริหารพื้นที่ครัวแบบเข้ามุม และเพิ่มพื้นที่พักผ่อนพิเศษ ที่สามารถรองรับ ทั้งการเป็นส่วนนั่งเล่นของครอบครัวหรือพื้นที่ทำงานได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยดีไซน์โมเดิร์นอย่างเป็นเอกลักษณ์ของโครงสร้างสถาปัตยกรรมดีไซน์ภายนอก ซึ่งด้วยวิธีคิดการออกแบบพื้นที่แห่งอนาคตทั้งหมดนี้ นับเป็นการพลิกประวัติศาสตร์การดีไซน์ ฉีกกรอบคำจำกัดความของทาวน์โฮมแบบเดิมๆ ได้อย่างโดดเด่นและน่าสนใจเป็นอย่างมาก   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น : 4.99 - 9.29 ล้านบาท เจ้าของโครงการ : บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด ลักษณะโครงการ : บ้านแฝด 3 ชั้น และ ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร จำนวน 168 ยูนิต พื้นที่โครงการ : 20-1-41.2 ไร่ ที่ตั้งโครงการ : ซอยสุขสวัสดิ์ 39 ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้ทางขึ้น-ลง ทางด่วน และวงแหวนรอบนอก แบบบ้านแฝด 3 ชั้น  MAJESTIC ขนาดพื้นที่ใช้สอย 222 ตร.ม. แบบบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น  MARQUE ขนาดพื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม. แบบบ้าน MAJESTIC ขนาดพื้นที่ใช้สอย 222 ตร.ม. เป็นบ้านแฝด 3 ชั้นแนวคิดใหม่ตอบรับทุกไอเดียสร้างสรรค์ได้ อย่างเต็มรูปแบบด้วยพื้นที่และฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้น ภาพจำลองแปลนพื้นที่ชั้น 1 ของบ้านแฝดแบบ MAJESTIC ภาพจำลองแปลนพื้นที่ชั้น 2 ของบ้านแฝดแบบ MAJESTIC ภาพจำลองแปลนพื้นที่ชั้น 3 ของบ้านแฝดแบบ MAJESTIC แบบบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น MARQUE ขนาดพื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม. พร้อมฟังก์ชั่นใหม่ เติมเต็ม ความสุขให้เพิ่มขึ้นด้วย DOUBLE GARDEN, FLEXIBLE SPACE, EXTRA SPACE ภาพบรรยากาศจำลองการตกแต่งห้องนั่งเล่นที่ดูหรูหรา น่าใช้งาน ภาพบรรยากาศจำลองการตกแต่งห้องนอนที่เอื้อต่อการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการ ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณคลับเฮ้าส์ พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ เหตุผลที่ควรเลือกซื้อบ้านจาก AP Thai ต้องบอกเลยว่าทำเลของโครงการทั้งสองนี้มีความโดดเด่นมากๆ ค่ะทั้ง “บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39” และ “บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์” เพราะตั้งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ส่วนต่อขยายในอนาคต เตาปูน-ราษฏร์บูรณะ) รอบๆ โครงการทั้งสองโครงการเดินทางได้สะดวกมากๆ ไม่ว่าเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือจะเป็นการเข้าสู่ใจกลางเมืองด้วยรถส่วนตัว ทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร, สะพานภูมิพล รวมถึงถนนวงแหวน กาญจนา ก็ถือว่าเป็นเส้นทางสายสำคัญที่จะทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิมค่ะ แถมยังแวดล้อมไปด้วยสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งแหล่งช็อปปิ้ง สถาบันการศึกษาชั้นนำ รวมถึงสถานพยาบาลเอกชนอีกหลายแห่ง เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเป็นที่สุดค่ะ ใครที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อบ้านในย่านนี้ แนะนำให้พิจารณาจาก 2 โครงการนี้เลยค่ะ ว่าโครงการไหนตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณในกระเป๋ามากกว่ากัน ถ้างบประมาณเริ่มต้นจำกัดหน่อย “บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39” อาจจะเป็นคำตอบที่ดี ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 5.89 ล้านบาทเท่านั้น กับทำเลที่เดินทางได้สะดวก มีรถไฟฟ้าอยู่ไม่ไกล แต่ถ้าอยากได้บ้านที่มีพื้นที่ใช้มากขึ้นจะขยับมาที่ “บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์” ก็เป็นความคิดที่ดีทีเดียวค่ะ เพราะมีแบบบ้านสไตล์โมเดิร์นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ คือบ้านแฝดที่เน้นพื้นที่ใช้สอยเยอะสุดๆ และบ้านทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ล่าสุดของบ้านกลางเมือง ซึ่งเพิ่มฟังก์ชั่นให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอยได้ตามต้องการ ด้วยราคาเริ่มต้น 9.29 ล้านบาท อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่า นอกจากเรื่องทำเลย่านสุขสวัสดิ์ที่น่าสนใจแล้ว หลายคนคงกำลังอยากเป็นเจ้าของบ้าน บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ 39 และ บ้านกลางเมือง สาทร-สุขสวัสดิ์ แล้วใช่ไหมคะ? ลองคลิกเข้าไปดูรายละเอียดโครงการทั้งสองได้ที่ลิงค์นี้เลยค่ะ www.apthai.com/ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. Call Center 1623 ล่าสุด! ได้ยินมาว่า โครงการ บ้านกลางเมือง สุขสวัสดิ์ และบ้านกลางเมือง สาทร สุขสวัสดิ์ มี campaign ร่วมกัน Smart Living @sathorn สามารถลงทะเบียน รับส่วนลดเพิ่ม 100,000 บาท โดยราคาเริ่มต้น 4.99 - 9.29 ล้านบาทเท่านั้น
แต่งคอนโดเล็กๆ ของคนงบน้อยให้น่าอยู่ แถมมีพื้นที่เก็บของเยอะ

แต่งคอนโดเล็กๆ ของคนงบน้อยให้น่าอยู่ แถมมีพื้นที่เก็บของเยอะ

ในยุคที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ที่อยู่อาศัยในรูปแบบของ “คอนโดมิเนียม” จึงเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของผู้คนทั่วไป เหตุผลหลักนอกจากจะตั้งอยู่ในทำเลทองซึ่งมักอยู่ติดกับถนนสายหลักที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายและประหยัดเวลาแล้ว ผู้อยู่อาศัยยังสามารถออกแบบและตกแต่งห้องให้สวยงามในสไตล์ตัวเองได้ดั่งใจ แม้พื้นที่ห้องจะมีขนาดจำกัดแค่ไหน แต่ก็ยังสามารถเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นที่ผสานพื้นที่พักผ่อนกับพื้นที่เก็บของเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว และหากคุณตัดสินใจจะซื้อคอนโดฯ ขนาดเล็กไว้สักห้องหนึ่ง นอกจากการคำนึงถึงรูปแบบของพื้นที่ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่ดีจะต้องแข็งแรง ทนทาน สวยงามและใช้งานได้หลากหลาย วันนี้ Review Your Living จึงขอเสนอไอเดียหลักเพื่อช่วยคุณในการจัดสรรพื้นที่เล็กๆ ให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการตกแต่งสเปซภายในให้ลงตัวพร้อมอยู่ได้ทันทีมาฝาก ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่เราจะพูดถึงในวันนี้ก็คือ Bricko Collection จาก Koncept Furniture ด้วยไอเดียการผสาน Style & Function ไว้ด้วยกัน นอกจากจะได้ความสวย เท่ แล้ว ยังใช้งานได้จริงอย่างแน่นอน จุดเด่นของ Bricko Collection คือเฟอร์นิเจอร์ที่ยืดขนาดพื้นที่ความสุขในคอนโดได้มากขึ้น ด้วยการออกแบบสินค้าทุกชิ้นให้เข้ากับพื้นที่ใช้สอยทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ที่สำคัญคือมีขนาดกะทัดรัด เว้นขอบบัว ลงตัวง่ายแม้คอนโดเล็กๆ ซึ่งก็ทำให้ห้องสวยพร้อมตอบโจทย์สไตล์โมเดิร์น ทันสมัย แต่งสวยได้ทุกห้อง เพราะครบครันไปด้วยเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องทานข้าว ซึ่งเทรนด์การตกแต่งที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง คือการตกแต่งในสไตล์ LOFT ด้วยลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นการโชว์พื้นผิว เช่น ปูนเปลือย อิฐ โครงเหล็ก รวมไปถึงการเดินสายไฟต่างๆ แต่ในบางครั้งโครงสร้างของที่อยู่อาศัย ก็ไม่ได้เอื้ออำนวยให้เราเสมอไป ดังนั้นวิธีแก้คือการหันมาโฟกัสที่เฟอร์นิเจอร์ แทนการไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างของตัวอาคาร ด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ LOFT ที่นำมาฝากกันในวันนี้ค่ะ...     LIVING ROOM  มาเริ่มกันที่มุมแรกกับเป็นมุมรับแขก ในที่นี้ขอแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ มุมโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กับมุมโซฟา  เริ่มกันที่มุมโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ประกอบไปด้วยชั้นวางทีวี (ที่ดีไซน์ให้เป็นตู้เก็บรองเท้าไปด้วยในตัว) และชั้นแขวนด้านบน ที่มีดีไซน์ครอบเบรกเกอร์ ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้พื้นที่ผนังได้อย่างเต็มที่ ตอบโจทย์ชีวิตคอนโดถึงแม้จะพื้นที่น้อย ก็มีห้องสวยคุมโทนได้ ชุดวางทีวี บริคโก้ สไตล์ลอฟท์ (Bricko Loft Style) ขนาด 120 x 30 x 230 ซม. สีออทัมบราวน์ ตัด เกรย์โต้ ชั้นวางทีวีด้านบนเป็นชั้นแขวนมีรูร้อยสายไฟ พร้อมด้วยฟังก์ชั่นตู้เก็บของด้านล่างเป็นชั้นวางรองเท้า สามารถวางรองเท้าได้ 16-24 คู่ พร้อมรูระบายอากาศด้านหลัง 4 ช่อง ช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บพื้นที่จัดเก็บได้มากขึ้น อีกด้านคือโซฟา มุมพักผ่อนเล็กๆ ที่เอาไว้เอนกาย เหยียดขา เมื่อคุณกลับมาถึงห้อง ซึ่งในมุมนี้ Bricko มีการดีไซน์ที่ผสานความจำเป็นในการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็น โซฟา ชั้นเก็บของ และโต๊ะทำงาน  พร้อมฟังก์ชั่นการจัดเก็บมากมาย เช่น โซฟามีช่องเก็บของหน้าบานสไลด์ไว้ด้านล่าง โต๊ะทำงานมีรูร้อยสายไฟเพื่อความเป็นระเบียบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังคงความ Loft ไว้ได้อย่างลงตัว กล่องแขวนด้านบนเพิ่มพื่จัดเก็บมากขึ้น ซึ่งมีขนาดกว้าง 160 x ยาว 30 x สูง 60 ซม. เจาะยึดผนังแขวนด้วยไม้ก้อน มีบานเปิดด้วยกัน 4 บาน  ภายในแบ่งเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น 8 ช่อง โดยแต่ละชั้นสามารถรองรับน้ำหนักในการวางของได้ 5 กิโลกรัม และยังสามารถเลื่อนปรับระดับได้อีกด้วย โซฟาบริคโก้ ขนาดกว้าง 160 x ยาว 100 x  สูง 90 ซม. โครงสร้างทำมาจากไม้สีโซลิดโอ๊ค ซึ่งเป็นสีไม้อ่อนที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติของสีไม้ มีเบาะรองหนา 13 ซม. เป็นเบาะที่ห่อหุ้มด้วยผ้า นุ่มสบาย นอกจากนั้นยังสามารถถอดซักแห้งทำความสะอาดได้อีกด้วย ด้านบนของโซฟาเป็นพื้นปิดผิวสีเดนิม และช่องริมสุดเป็นช่องวางสำหรับวางของอื่นๆ ความพิเศษของโซฟาบริคโก้ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะด้านล่างของโซฟาเป็นหน้าบานสไลด์ สำหรับเก็บของ 2 บาน มีความลึก 70 ซม. เราสามารถเก็บของได้ไว้ในใต้โซฟานี้ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า, กล่องใส่ของ, หนังสือ หรือจิปาถะอื่นๆ ชั้นแขวนบริคโก้ ขนาดกว้าง 160 x ยาว 20 x สูง 60 ซม. มีส่วนประกอบหลักเป็นเหล็กสีดำ เพิ่มความดิบในแนวสไตล์ลอฟท์มากขึ้น โดยแบ่งชั้นวางของ 4 ชั้น สามารถวางของโชว์ ตุ๊กตา ต้นไม้เล็ก หรืออื่นๆ พร้อมด้วยกล่องแขวนขนาดกว้าง 160 x ยาว 30 x สูง 60 ซม. เจาะยึดผนังแขวนด้วยไม้ก้อน มีบานเปิดด้วยกัน 4 บาน  ภายในแบ่งเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น  8 ช่อง ซึ่งแต่ละชั้นสามารถรองรับน้ำหนักในการวางของได้ถึง 5 กิโลกรัม และยังสามารถเลื่อนปรับระดับได้อีกด้วย BEDROOM  ห้องนอน จุดเด่นคือชั้นและตู้เก็บของบริเวณหัวเตียงที่ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งาน โดยตัวเตียงจะมีลิ้นชักเก็บของบริเวณด้านข้าง ที่สำคัญคือสามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งซ้ายหรือขวาตามความชอบ ในส่วนของดีไซน์ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะมีการหยิบเอาลูกเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของสไตล์ลอฟท์อย่าง “ปูนเปลือย” มาดีไซน์เป็นหน้าบานลิ้นชักตัดกับโทนสีน้ำตาลเข้มและพื้นผิวของวัสดุในบริเวณอื่น ทำให้สไตล์ลอฟท์ในห้องนอนนี้ ดูโดดเด่นมากขึ้น “ชุดห้องนอนบริคโก้  (Bricko Bedroom Set 6 ชิ้น)” ที่มาพร้อมเตียงนอน 5 ฟุต ขนาดกว้าง 160 x  ยาว 220 x  สูง 90 ซม. โดยโครงสร้างทำมาจากไม้สีออทัมน์ บราวน์ ซึ่งเป็นสีไม้เข้มที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติของสีไม้ ส่วนเรื่องรองรับน้ำหนักไม่มีปัญหาเลยค่ะ ไม่ว่าผู้อยู่อาศัยจะตัวเล็กตัวใหญ่ก็สามารถนอนได้สบาย เพราะสามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 800 กิโลกรัมเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่เพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้กับเรามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหัวเตียง ที่ปิดผิวด้วยสีเกรย์โต้ ซึ่งเป็นวัสดุปิดผิวสีใหม่ให้ดูคล้ายเหมือนสีปูนเปลือย ซึ่งเป็นสีประจำในแนวสไตล์ลอฟท์ และมีช่องว่างเปล่าๆ อีก 1 ช่องริมสุด ซึ่งเราสามารถวางวางไอแพด วางมือถือได้สะดวกเมื่อตอนเวลาเรานอนอีกด้วย ฟังก์ชั่นของเตียงรุ่นบริคโก้ยังมีความพิเศษอีกอย่างนั่นคือใต้เตียงเป็นลิ้นชัก 2 ช่อง ที่เราสามารถดึงเข้าดึงออก เอาไว้ใส่สิ่งของต่างๆ ได้สารพัดไม่ว่าจะเป็นหนังสือ กล่อง รูปภาพ และอื่นตามแต่ใจ ถือว่าเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กับห้องมากยิ่งขึ้น ในส่วนบริเวณด้านข้างนั้นยังมีตู้ข้างเตียง ขนาดกว้าง 160 x  ยาว 220 x  สูง 90 ซม. มีช่องใส่ของด้านบน ถัดลงมาเป็นลิ้นชักเก็บของ ส่วนด้านล่างก็เป็นช่างวางของขนาดใหญ่ ไม่มีผนังหลังสะดวกในการใช้ปลั๊กไฟหรือจะวางหนังสือซ้อนกันเป็นชั้นๆ ก็สะดวกสบายแบบสุดๆ มาพร้อมกับกล่องแขวนด้านบน กว้าง 30 x ยาว 30 x สูง 60 ซม. เป็นชั้นวางของ 2 ชั้น สามารถเลื่อนปรับระดับได้ และชั้นวางของขนาด กว้าง 30 x ยาว 20 x สูง 80 ซม.ที่จะเราสามารถวางของได้สารพัดนึกเลยค่ะ ถัดมาเป็นพื้นที่บริเวณปลายเตียง ซึ่งขอเรียกรวมๆ ว่าเป็นมุมจัดเก็บสำหรับห้องนอน เพราะเฟอร์นิเจอร์ในมุมนี้ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้านั้น จะเน้นการดีไซน์ที่โดดเด่นเรื่องฟังก์ชั่นการจัดเก็บที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ใช้ได้จัดเก็บเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องแต่งกายอื่นๆ ในคอนโดของคุณ ให้เป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง เรื่องแต่งตัวก็เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับคนที่ชอบรักการแต่งตัวเป็นชีวิตจิตใจ ก็ต้องอยากมีไว้ภายในห้อง เฟอร์นิเจอร์คอลเลคชั่นชุดบริคโกก็จัดหนักจัดเต็มออกแบบมาตอบสนองความต้องการด้วย “โต๊ะเครื่องแป้งแบบยืนรุ่นบริคโก้” เหมาะสำหรับคอนโดหรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด โดยโครงสร้างเป็นไม้สีออทัมน์ บราวน์ ซึ่งเป็นสีไม้เข้มที่ให้ความรู้สึกธรรมชาติของสีไม้ได้เป็นอย่างดี ด้านบนเป็นกระจกบานใหญ่เอาไว้สำส่องสำหรับแต่งตัว แถมยังมีตะขอแขวนตรงด้านข้าง 2 ตะขอ เราสามารถใช้ไว้สำหรับแขวนสร้อยคอ กุญแจ นาฬิกา ก็ง่ายสะดวกสบาย มีชั้นวางของตรงใต้กระจกสามารถวางของเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง น้ำหอม หรืออื่นๆ ส่วนด้านล่างนั้นเป็นราวแขวนผ้า เราสามารถแขวนกางเกง ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดหน้า ได้ที่ราวแขวนนี้เลย ก้มลงไปหยิบได้สะดวก แถมด้านหลังไม่มีผนังหลัง เปิดโล่ง เพิ่มความสะดวกในการใช้ปลั๊กไฟ และยังดีไซน์เข้ามุมหลบบัวด้านหลังเพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดวางเฟอร์นิเจอร์มากยิ่งขึ้น DINING CORNER มุมเล็กๆที่คุณสามารถเอาไว้นั่งชิลกับทุกมื้ออาหารของคุณ ตอบโจทย์ความต้องการนี้ด้วย ชุดโต๊ะอาหาร Bricko ที่มีดีไซน์กระทัดรัด สวย จบในเซตเดียว ทั้งลิ้นชักเก็บของด้านข้าง สำหรับเก็บอุปกรณ์ของใช้ กล่องแขวนติดผนังด้านบน และชั้นวางของอเนกประสงค์ สำหรับใช้จัดเก็บหรือวางของตกแต่ง...เรียกได้ว่าสวยเต็มสไตล์เหมาะสำหรับชาวคอนโดอย่างแท้จริง ชุดโต๊ะอาหาร บริคโก้ สไตล์ลอฟท์ (Bricko Loft Style) สีออทัมบราวน์ ตัดสีเกรย์โต้ ประกอบด้วย โต๊ะ 100 ซม., ชั้นแขวน 20 ซม., ชั้นแขวน 80 ซม. และ กล่องแขวน 100 ซม. ทั้งหมดจำนวน 4 ชิ้น โต๊ะอาหารที่พร้อมไปด้วยฟังก์ชั่นมากมาย โต๊ะเพิ่มความเท่บ่งบอกสไตล์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยส่วนประกอบเหล็กสีดำ 1 ด้าน มีหน้าบานลิ้นชัก เปิดเก็บของด้านใน 2 ชั้น มือจับเป็นเหล็กสีดำ ดีไซน์หลบบัวบ้านด้านหลังเพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการใช้สอยได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสินค้าชุดนี้เหมาะสำหรับผนังที่มีความสูง 240 ซม. เป็นต้นไป และจำเป็นต้องยึดเกาะผนังด้วยนะคะ ถ้าใครที่ชื่นชอบในสไตล์การตกแต่งห้องแนวลอฟท์ และกำลังหาเฟอร์นิเจอร์ไปจัดวาง โดยเฉพาะห้องขนาดพื้นที่จำกัดที่เน้นประหยัดพื้นที่ แต่ก็ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน  เฟอร์นิเจอร์คอลเลคชั่นใหม่จาก Koncept Furniture ก็นับว่าน่าสนใจและถูกออกแบบมาเพื่อพื้นที่เล็ก เอาใจสาวกลอฟท์ที่อยากแต่งห้องสวย เท่ แต่มีขนาดจำกัดได้เป็นอย่างดี เพราะ  “Bricko Style for Condo” เผยเสน่ห์ดิบเท่ด้วยงานดีไซน์เรียบง่าย ผสานหลากวัสดุ ใช้พื้นที่จัดวางน้อยแต่เพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้มาก นอกจากนี้ยังมีมัณฑนากรหรือเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบตกแต่งห้องประจำแต่ละสาขาด้วย เพียงคุณมีแปลนห้องและรายละเอียดขนาดห้องต่างๆ ก็สามารถปรึกษาและรับการออกแบบได้ฟรี! จะวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่สนใจ ตรงไหน ห้องไหน ยังไงดี ก็ลองไปปรึกษาดูนะคะ ถือว่าครบชุดและคุ้มค่ากับราคาจริงๆ ค่ะ สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่เราเลือกมาแนะนำในวันนี้ เพราะนอกจากจะตกแต่งได้ง่าย เลือกขนาดได้ตามใจ สามารถประกอบเข้าชุดกับตัวอื่นๆ ในคอลเลคชั่นเดียวกันได้อย่างสะดวก รวดเร็วแล้ว ยังมีความสวยเท่ ทันสมัย และมีสไตล์ในแบบลอฟท์ได้ดีทีเดียว หากอยากรู้จักเฟอร์นิเจอร์ Bricko Collection มากขึ้น หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ https://goo.gl/75Ljpv
“Knightsbridge” ขึ้นแท่น Top Form Brand แห่งปี จาก Origin Property : รีวิวคอนโด

“Knightsbridge” ขึ้นแท่น Top Form Brand แห่งปี จาก Origin Property : รีวิวคอนโด

  การที่จะเลือกเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมดีๆ ซักแห่งเรื่องทำเลที่ตั้งเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งทาง Origin เองก็รู้ใจคนเมืองและเข้าใจความสำคัญในเรื่องนี้ดี จึงเลือกปักหมุด 4 ทำเลศักยภาพที่เป็น Expand CBD อย่างในย่านเกษตร-รัชโยธิน, อ่อนนุช และรามคำแหง ซึ่งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสีต่างๆ พร้อมทั้งส่งแบรนด์ Knightsbridge ลงมาในแคมเปญ “The 4 Best Knightsbridge of The Year” มาเอาใจตลาดคนเมืองโดยเฉพาะ ถ้าใครติดตามผลงานของ Origin อยู่แล้ว จะรู้ดีว่าแบรนด์ Knightsbridge เป็น Top Brand จาก Origin ที่ยึดตำแหน่งทำเลดีใกล้สถานีรถไฟฟ้า มาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมหรูในราคาที่คุ้มค่า สามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยากเลยค่ะ และเมื่อทาง Origin เปิดข้อมูล Knightsbridge มาพร้อมกันถึง 4 โครงการแบบนี้ เราเลยจะพาไปดูจุดเด่นของแต่ละทำเลกันค่ะ ใครสนใจย่านไหนลองเลือกไว้พิจารณากันได้เลย Knightsbridge Kaset Society เริ่มกันด้วยโครงการแรก Knightsbridge Kaset Society ต้องบอกว่าเป็นโครงการน้องใหม่ล่าสุดที่มาแรงมากๆ ขึ้นขนาดที่ทาง Origin ลัดคิวด่วนเปิดข้อมูลโครงการมาพร้อมกันในรอบนี้เลย ตำแหน่งที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนพหลโยธินเลยค่ะ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าแค่ 40 เมตร นอกจากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่จ่ออยู่หน้าโครงการแล้ว รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (แคราย-บึงกุ่ม) ก็อยู่ในแผนพัฒนาที่จะมาเชื่อมกับสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรในอนาคตด้วยค่ะ 1 สถานีถึง รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล สถานีแยกเกษตร 3 สถานีถึง MRT สถานีห้าแยกลาดพร้าว 3 สถานีถึง รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีบางเขน ถึงแม้โครงการ Knightsbridge Kaset Society และ Knightsbridge Prime Ratchayothin อยู่ในย่านเดียวกัน ห่างจากกันเพียงไม่กี่สถานี แต่ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปนะคะ Knightsbridge Kaset Society จะได้เปรียบในเรื่องทำเลที่ตั้งที่ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศรีปทุมมากกว่า มีบรรยากาศการอยู่อาศัยในแหล่งชุมชนเดิมซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากๆ ในขณะที่แหล่งงาน หรือหากต้องการไป Hangout ดูหนัง เดินห้าง ก็มีพร้อม เพราะอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่สถานีเท่านั้น ทำเลช่วงสี่แยกเกษตรสืบเนื่องจากการก่อสร้าง Mass Transit อย่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ที่สามารถเข้าถึงสยาม โดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานี ยังรวมถึงมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลมา Interchange ที่สถานีแยก ม.เกษตร นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยน LINE ไป MRT ที่สถานีพหลโยธิน ซึ่งเป็นห้างหลัก อย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว และใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดงที่สถานีบางเขน ความเป็น HUB ของ Mass Transit นี้ทำให้เกิดการพัฒนาคอนโดฯ เกิดขึ้นในทำเลนี้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งถนนเกษตร-นวมินทร์ ยังมี Mega Project โครงการนวมินทร์เฟส ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี อสังหาริมทรัพย์แนวหน้า กำลังล้อมรั้วเตรียมก่อสร้างโครงการแบบมิกซ์ยูส บนที่ดินกว่า 300 ไร่ ทำเลตรงข้ามโครงการนวมินทร์ซิตี้ อเวนิว ด้านหน้าติดถนนประเสริฐมนูกิจ และด้านข้างชนกับถนนเสนานิคม มีแผนจะพัฒนาเป็นอาคารศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม ใช้งบฯลงทุนรวม 7,000-8,000 ล้านบาท สำหรับโครงการ Knightsbridge Kaset Society เป็นคอนโดมิเนียม สูง 20 ชั้น 2 อาคาร และสูง 16 ชั้น 1 อาคาร รวมเป็น 3 อาคาร จำนวน 333 ยูนิต (ห้องพักอาศัย 332 ยูนิต พร้อม Shop house 1 ร้าน) บนที่ดินขนาด 2-0-79.6 ไร่ สุดเอ็กคลูซีฟ Private ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อยเพียง 6 ยูนิตต่อชั้น มาพร้อมกับ Limitless Facility พื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้า เชื่อม 3 อาคารที่ชั้น 16 และอาคารจอดรถ แบบ Automatic Parking 10 ชั้น ที่แยกเป็นสัดส่วน ห้องพักอาศัยแบ่งออกเป็น 2 Type 1  Bedroom Type B1 ขนาด 23.30 ตร.ม. 1 Bedroom Type B2 ขนาด 25.80 - 27.30 ตร.ม. 1 Bedroom Type B3 ขนาด 25.30 ตร.ม. 1 Bedroom Plus  Type BP1 ขนาด 29.70 - 30.10 ตร.ม.  1 Bedroom Plus Type BP2 ขนาด 34 ตร.ม. วิวมุมสูงของแต่ละทิศ   Knightsbridge Prime Onnut ต่อมาเป็นโครงการ Knightsbridge Prime Onnut ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีอ่อนนุช ซึ่งเป็นสถานีที่เปิดให้บริการกันมานานแล้ว แต่ความร้อนแรงของทำเลในย่านนี้ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนลงเลยเลยทีเดียว บนทำเลถนนสุขุมวิท มีรถไฟฟ้าพร้อมใช้งานแล้ว ห่างจากด่านทางด่วนไม่ไกล แถมยังแวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้ง มีความพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยอีก จึงไม่น่าแปลกใจที่คนส่วนใหญ่ยังคงยกให้ทำเลนี้เป็นทำเลในดวงใจ โครงการ Knightsbridge Prime Onnut เลือกทำเลได้ว้าวมากๆ เพราะอยู่ต้นซอยอ่อนนุช เป็นที่ดินแปลงที่ติดกับห้าง Big C อ่อนนุชเลยค่ะ ดังนั้นระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชจึงอยู่ใกล้ๆ แค่ 600 เมตรเท่านั้น จะเดินทางเข้าออกเมืองก็เป็นเรื่องง่าย เพียงแค่ 2 สถานีก็ถึงแหล่ง Hangout อย่างเอกมัย ทองหล่อแล้วค่ะ แถมในอนาคตบริเวณท้ายซอยจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเพิ่มเข้ามาอีกด้วย ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์จะออกต่างจังหวัด หรือไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถนนหนทางในย่านนี้เชื่อมต่อถึงกัน สามารถเลือกใช้ได้หลายเส้นทางเลยทีเดียวค่ะ ในรัศมีรอบโครงการพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ฝั่งตรงข้ามโครงการคือที่ตั้งของ โครงการ T77 ที่มี Habito Mall เป็น Community Mall ใหญ่ที่กำลังฮิตติดกระแสคนเมืองในเวลานี้ ใกล้ๆ ยังมีโรงเรียนนานาชาติ รวมถึงการมาของเมกาโปรเจคอย่าง Century Movie Plaza โครงการ Mix Use ยักษ์ใหญ่ติดรถไฟฟ้าอ่อนนุช ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ทำเลในย่านนี้เป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน โครงการ Knightsbridge Prime Onnut ตั้งอยู่บนที่ดินใกล้กับโครงข่ายรถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ สายสีขียว (สุขุมวิท) สถานีอ่อนนุช เชื่อมต่อใจกลาง CBD ชั้นนำของกรุงเทพ หรือออกสู่แยกบางนาเชื่อมต่อส่วนต่อขยายโซนตะวันออกสมุทรปราการ สายสีเหลือง (ลาดพร้าว – สำโรง) และ Airport Rail Link ใกล้ ทองหล่อ,เอกมัย แหล่ง Hangout ย่านดังของกรุงเทพ เพียง 10 นาที ใกล้จุดขึ้น-ลง ทางด่วน 2 จุด (รามอินทรา อาจณรงค์ และ เฉลิมมหานคร 2 KM.) ห่างสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 20 นาที (18 KM.) ความสูงโครงการ อาคาร 47 ชั้น เทควิวโค้งน้ำ บางกระเจ้า ได้อารมณ์คอนโดกลางเมืองเทควิวแม่น้ำเจ้าพระยา Knightsbridge Prime Ratchayothin พูดถึงทำเลย่านรัชโยธิน เชื่อว่าทุกคนคงรู้กันดีว่าบริเวณนี้เป็นแหล่งรวบไลฟ์สไตล์ครบวงจรที่ครบเครื่องมากๆ ทั้งเซ็นทรัลลาดพร้าว เมเจอร์รัชโยธิน SCB Park โรงพยาบาล สถานบันศึกษา รวมถึงอาคารสำนักงานชั้นนำอีกมากมาย จึงมีศักยภาพความพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยมาก แถมปัจจุบันส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวก็เป็นรูปเป็นร่างคืบหน้าไปมากแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการก็อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพียง 50 เมตรเท่านั้น แทบจะเรียกว่าติดรถไฟฟ้ากันได้เลย แต่ความพิเศษยังไม่หมดแค่เพียงเท่านี้ค่ะ เพราะทำเลนี้ยังถูกล้อมไปด้วยรถไฟฟ้ามากถึง 3 สาย นั่นคือสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน และสายสีเหลือง ซึ่งต่อไปจะทำให้การเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของเมืองมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้พื้นที่ใกล้เคียงกำลังจะมีแผนการพัฒนาอีกมาก ทั้งข่าวการร่วมทุนของ​ BTS กับ G Land ที่จะผุดโครงการ Mixed Use ขนาดใหญ่บนที่ดินริมถนนพหลโยธิน และมีแผนพัฒนาเมืองในอนาคตอีก ทำให้พื้นที่ในย่านนี้ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมากค่ะ   Knightsbridge Collage Ramkhamhaeng สำหรับ Knightsbridge Collage Ramkhamhaeng ต้องบอกว่าเป็นอีกทำเลหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลย เพราะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีส้ม ในขณะที่ห่างออกไปเพียง 1 สถานีก็จะสามารถเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และ Airport Rail Link ได้อีกด้วย ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ บริเวณปากซอยรามคำแหง 42 ย่านนี้มีความพร้อมในการอยู่อาศัยมากค่ะ รายล้อมไปด้วยหมู่บ้านเก่าเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้รอบๆ นี้มีตึกสูงมาบดบังวิวเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเลยทีเดียวค่ะ มีทั้งมหาวิทยาลัย สนามกีฬา โรงพยาบาล Community Mall ห้างสรรพสินค้าอีกเพียบ ตำแหน่งโครงการบริเวณปากซอยรามคำแหง 42 สามารถเดินทางได้หลายเส้นทางเลยนะคะ ซอยข้างๆ เป็นทางลัดอย่างดีที่จะตัดไปออกถนนหัวหมาก รวมถึงถนนหนทางรอบๆ ก็เชื่อมต่อไปได้หลายทาง ทำให้การเดินทางในย่านนี้มีเส้นทางหลีกหนีการจารจรได้ดี จะเข้า-ออกเมืองก็ไม่ยากค่ะ ทั้งทางด่วนและมอเตอร์เวย์ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากโครงการ สไตล์ของการออกแบบโครงการใช้ศิลปะของการผสมผสาน และการเชื่อมต่อกันของงานดีไซน์ 2 สไตล์ที่แตกต่างกัน Classic และ Modern  ไว้ด้วยกันและอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว เป็นงานศิลปะที่เรียกว่า  Collage Art   แบรนด์ Knightsbridge ทั้ง 4 โครงการนี้เลือกใช้คอนเซปต์ใหม่ของการอยู่อาศัย ซึ่งทาง Origin ให้นิยามว่า “Another Home” เพื่อจะยกระดับคุณภาพชีวิตในคอนโดมิเนียม ให้พร้อมไปด้วยความสะดวกสบายเสมือนบ้านอีกหลังด้วย “New High Ceiling” สูง 3 เมตรทุกห้องเพื่อความโปร่ง โล่ง สบาย รวมไปถึง Facilities ที่จัดเต็มทุกโครงการจริงๆ ค่ะ ไฮท์ไล์ที่น่าสนใจและสะกดคนที่ต้องการคอนโดฯ คงเป็นเรื่องราคาที่ทาง Origin ทำแพจเกจราคาสินค้าท็อปแบรนด์มาในราคาที่เรียกได้ว่า เข้าถึงได้ทุกกลุ่ม ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มี Urban Lifestyle ทั้งกลุ่มที่ต้องการอยู่เอง หรือ Speculator ทั้งนี้ เกิดจากความสามารถจากทีมงานในการพัฒนาสินค้าหรือห้องชุดให้ใช้สอยพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพสุด ทั้ง Efficiency Space และ Lay out ที่ลงตัวที่สุด .. ตอบโจทย์ กลุ่มคนที่ต้องการคอนโดฯ ราคาแพคเกจที่ตอบโจทย์ ไลฟ์สไคล์คนเมือง Knightsbridge Collage Ramkhamhaeng พิเศษ เริ่ม 1.89 ล้าน* Knightsbridge Kaset Society พิเศษ เริ่ม 2.69 ล้าน* Knightsbridge Prime Onnut พิเศษ เริ่ม 2.69 ล้าน* Knightsbridge Prime Ratchayothin พิเศษ เริ่ม 3.33 ล้าน* “The Best 4 Knightsbridge of The Year” เตรียมจะเปิดให้จองครั้งแรกอย่างเป็นทางการพร้อมกันในวันที่ 16-17 กันยายนนี้ โดยจะจัดงานขึ้นที่ ห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน Hall 3 ถ้าไม่อยากพลาดโอกาสในการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมหรูบนทำเลศักยภาพลงทะเบียนล่วงหน้ากันได้ที่ https://goo.gl/vopbjD หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่ โทร. 020 300 000 หรือ www.origin.co.th
Tropicana@BTS Erawan : รีวิวคอนโด

Tropicana@BTS Erawan : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูคอนโด Tropicana Eco Green Condo ในเครือ Origin Property กันครับ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ และจับกลุ่มเป้าหมายหลักไปที่คนในย่านนิคมอุสาหกรรม ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเอราวัณ ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวนั่นเอง ขณะนี้ตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนเข้าอยู่ได้แล้ว ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรที่น่าสนใจบ้าง เดี๋ยวเราไปดูพร้อมกันเลยครับ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,490,000 บาท เจ้าของโครงการ   Origin Property Public Company Limited ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวนห้อง    363 ยูนิต (อาคาร A มี 197 ยูนิต อาคาร B มี 166 ยูนิต) ที่จอดรถ    ประมาณ 109 คันคิดเป็น 30% (รวมซ้อนคัน) พื้นที่โครงการ    2 - 0 - 57 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนรางรถไฟเก่า ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ค่าส่วนกลาง    38 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    380 บาท/ตารางเมตร การเดินทาง จากแผนที่ของโครงการ Tropicana เราก็จะเห็นได้ว่าตำแหน่งที่ตั้งของโครงการอยู่ตรงข้ามกับแลนด์มาร์คสำคัญอย่าง “ช้างสามเศียร” เลยนะครับ พอจะทำความเข้าใจเรื่องทำเลได้ไม่ยากครับ แต่การเดินทางจริงในปัจจุบันอาจจะต้องช่างสังเกตุมากหน่อยนะครับ เพราะถนนในบริเวณนี้กำลังปรับปรุง และมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่เป็นส่วนต่อขยายอยู่ ทำให้อาจมีเส้นทางเบี่ยง หรือจุดเลี้ยวกลับรถเปลี่ยนไปมาบ้าง คนที่ไม่ค่อยคุ้นเส้นทางอาจจะงงนิดหน่อยครับ แต่ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเสร็จสมบูรณ์แล้ว ชีวิตก็จะง่ายขึ้นอีกเยอะแน่นอน ถนนสุขุมวิทบริเวณช่วงตั้งแต่ปู่เจ้าสมิงพรายมา จะเป็นแหล่งรวมของโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ๆ เป็นจำนวนมาก จึงไม่แปลกที่ถนนสายนี้จะเต็มไปด้วยรถบรรทุกเกือบตลอดเวลา ตั้งแต่ที่เราลงทางด่วนบางนาตรงผ่านแบริ่ง แยกเทพารักษ์ และแยกปู่เจ้าฯมาเรื่อยๆ ก็เจอกับรถบรรทุก รถพ่วงมากมายเป็นเรื่องปกติครับ พอมาถึงบริเวณแยกตัดกับถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ก็เตรียมกลับรถมาที่โครงการ Tropicana ได้เลย จากที่ตั้งของโครงการ ถ้าเราจะเดินทางเข้าเมืองก็จัดว่าสะดวกมากครับ โดยเฉพาะคนที่ใช้รถส่วนตัวเป็นประจำอยู่แล้ว ก็จะมีทั้งถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ถนนปู่เจ้าสมิงพรายที่เชื่อมกับสะพานภูมิพล ข้ามมาทางฝั่งพระราม 3 ได้ง่ายๆ รวมถึงถนนเทพารักษ์ ถนนศรีนครินทร์ ก็สามารถเลือกใช้นอกเหนือจากถนนสุขุมวิทที่เป็นถนนสายหลักได้ครับ แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ คงจะสามารถใช้รถไฟฟ้า BTS ได้ ซึ่งสถานีเอราวัณก็อยู่ใกล้ๆ โครงการเลยทีเดียว วิเคราะห์รอบโครงการ อย่างที่บอกไปแล้วครับว่า ย่านนี้เป็นเขตอุสาหกรรม โรงงานใหญ่ๆ ทั้งนั้น ที่ใกล้โครงการที่สุดก็โรงงาน Honda และToyota เป็นโรงงานขนาดใหญ่มากเลยทีเดียว บริเวณโดยรอบจึงไม่ค่อยมีบรรยากาศแบบชุมชนที่อยู่อาศัยซักเท่าไหร่นะครับ ถ้าจะจ่ายตลาด ซื้อข้าวของเครื่องใช้ ก็ต้องเลยไปทางสำโรง หรือไปทางปากน้ำไปเลย จึงจะเป็นย่านชุมชนเก่ามีร้านค้าเยอะหน่อย ถ้าจะหาร้านค้าใกล้ๆ โครงการในระยะเดินสะดวกนี่แทบจะไม่มีเลยนะครับ คุณลูกบ้านโครงการนี้อาจจะต้องมีการเตรียมตัว เตรียมพร้อมเรื่องเสบียงไว้บ้างในบางโอกาส สำหรับโครงการ Tropicana นี้ จะมีความต่างจากคอนโดมิเนียมโครงการอื่นๆ ที่ผ่านมาของ Origin Property หลายส่วนเลยทีเดียว เริ่มจากการชูคอนเซปต์ความเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Eco Green เน้นบรรยากาศธรรมชาติ และความเรียบง่ายแบบ Zen เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุเพื่อลดการใช้พลังงานในอาคาร เช่น การติดตั้ง Solar Cell เลือกใช้หลอดไฟ LED รวมถึงเลือกใช้สีกันความร้อนทาภายนอกอาคาร เป็นต้น เป็นอย่างไรล่ะครับ น่าสนใจขึ้นอีกเยอะเลยใช่มั้ยครับ แต่ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะทางโครงการให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวทั้งบริเวณชั้นล่างรอบโครงการ และพื้นที่เปิดโล่งภายในด้วย โดยจะเน้นบรรยากาศแบบป่า Tropicana ไว้ นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยภายในห้องที่ทางโครงการใส่ใจเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์เพื่อการประหยัดพลังงานอย่างแท้จริง เรามาดูที่ผังของโครงการกันบ้างครับ ลักษณะที่ดินของโครงการ Tropicana เป็นแนวลึก มีด้วยกันทั้งหมด 2 อาคาร Low Rise โดยจะให้บริเวณดาดฟ้าชั้น 8 เป็นพื้นที่ Facility ส่วนกลาง ทั้ง สระว่ายน้ำระบบเกลือ ห้องฟิตเนส สวนหย่อม และมุมนั่งเล่นพักผ่อน ซึ่งจะแบ่งกันไว้ในแต่ละอาคารครับ ลูกบ้านทั้งสองอาคารสามารถใช้ร่วมกันได้ ในขณะที่พื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดจะเป็นที่จอดรถ มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงตามมาตรฐาน เดี๋ยวเราไปดูห้องตัวอย่างกันต่อเลยดีกว่า เพราะว่ามีรายละเอียดที่น่าสนใจไม่แพ้กัน พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดไว้ให้ชมมีด้วยกัน 3 แบบนะครับ Type แรกจะเป็นห้องขนาดเล็กสุดคือ 24 ตร.ม. ซึ่งเป็นขนาดที่กระทัดรัด เหมาะกับการอยู่คนเดียวมากกว่า Lay out ของห้องจัดไว้ได้ดีเหมือนกัน มีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนครับ โดยทางโครงการจะขายห้องมาแบบ Fully Furnished แทบจะพร้อมเข้าอยู่ได้เลย ห้องที่ 2 คือ Type B จะมีขนาดประมาณ 29 ตร.ม. ด้วยขนาดห้องที่เพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในสามารถแบ่งแยกกันได้ชัดเจนมากขึ้นด้วย ห้อง Type นี้คุณจะได้ห้องครัวแบบครัวปิด ในขณะที่ Living Area และห้องนอนยังคงมีประตูกระจกกั้นพื้นที่ออกจากกันเรียบร้อยครับ ความพิเศษอย่างหนึ่งของห้อง Type นี้คือ ระเบียงและหน้าต่าง Bay Window บริเวณห้องนอนครับ บานกระจกเข้ามุมทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติได้มากขึ้น และช่วยให้ห้องดูโปร่งสบายตาอีกด้วย แถมด้วยระเบียงกว้างเชื่อมต่อกับฝั่งห้องครัวเลยทีเดียว คราวนี้เรามาดูภาพ 360 องศาของห้องนี้กันบ้างนะครับ จะได้เห็นภาพรวมของห้องได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA มาถึงห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายแล้วครับ ซึ่งทางโครงการตั้งชื่อเป็น Type B Plus มีขนาดห้องที่ 36 ตร.ม. ห้องนี้จะมีความโดดเด่นกว่าห้องอื่นๆ ตรงที่ Layout ภายในถูกเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้สอยให้มากขึ้นด้วยห้องเอนกประสงค์ ที่สามารถจัดสรรให้เป็นห้องทำงาน ห้องแต่งตัว ห้องเก็บของ หรือแม้กระทั้งเป็นห้องนอนเล็กอีกห้อง ได้ตามแต่ความต้องการเลยครับ Pentry ครัวเปิดบริเวณหน้าห้องน้ำอาจจะเล็กไปหน่อยสำหรับคนชอบทำอาหาร แถมยังเป็นครัวเปิดอีกด้วย แต่พื้นที่ที่เพิ่มขึ้นในส่วนของห้องเอนกประสงค์ดูจะใช้ประโยชน์ได้มากกว่านะครับ จากไอเดียที่ทางโครงการตกแต่งไว้ให้ดูนั้น ถ้าไม่ได้เห็นเองใครจะเชื่อครับว่าห้องขนาด 36 ตร.ม. จะสามารถเป็นแบ่งเป็น 2 ห้องนอน และยังมีพื้นที่โถงกลางเหลืออีกด้วย ห้องทุกห้องของโครงการ Tropicana มีประตู Digital Door Lock ของ Yale ให้ด้วย และขายมาแบบ Fully Furnished มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in ในโทนสีไม้อบอุ่น รวมถึงเครื่องปรับอากาศครบ ปัจจุบันตัวโครงการก็สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่อาศัยได้เลยนะครับ อันนี้เป็นข้อดีมากๆ สำหรับคนที่กำลังหาที่อยู่อาศัยที่พร้อมอยู่เลย ยิ่งถ้าต้องทำงานในนิคม หรือโรงงานอุตสาหกรรมแถบนี้อยู่แล้วด้วยก็ยิ่งสะดวกมากๆ ครับ เข้าออกเมืองถ้าไม่อยากใช้รถส่วนตัว รถไฟฟ้า BTS ก็ขึ้นมาเห็นๆ แล้วว่าจะได้ใช้ในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน ติดนิดหน่อยแค่เรื่องความอุดมสมบูรณ์ อาหารการกิน ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ขยับห่างออกไปจากตัวโครงการอยู่ซักหน่อยเท่านั้นเอง Tropicana นี้ค่อนข้างตอบโจทย์คนทำงานในย่านนี้ดีทีเดียว ซึ่งอาจจะไม่ใช้ห้องพักอาศัยที่เป็นที่อยู่หลัก แต่จับจองไว้เพื่อความสะดวกสำหรับวันทำงานที่ไม่อยากเสียเวลาเดินทางฝ่าการจราจรไกลๆ รวมถึงการลงทุนไว้เพื่อปล่อยเช่าให้กับคนทำงานในย่านนี้ ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยนะครับ ส่วนจะเลือกจับจองห้องแบบไหน อันนี้น่าจะลองเข้าไปสัมผัสห้องตัวอย่างและบรรยากาศจริงด้วยตัวเองซักนิดก็ดี จะได้ได้ห้องที่ถูกใจที่สุดครับ
The Politan Rive : รีวิวคอนโด

The Politan Rive : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เรามีคอนโดใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยามาแนะนำกันครับ ชื่อโครงการ The Politan Rive จาก บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) ที่หลายคนอาจจะคุ้นหูคุ้นตากันมาพอสมควรกับคอนโดภายใต้แบรนด์ My Resort ซึ่งล่าสุดนี้ได้มีการเปิดตัวโครงการ The Politan Rive คอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก เราจึงไม่พลาดที่จะเก็บรายละเอียดในส่วนต่างๆ มาให้ได้ชมกันก่อนที่จะมีการเปิด Pre-sale กันในวันที่ 30-31 มกราคมนี้ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,290,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    52,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 56 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    2,351 ยูนิต ร้านค้า 8 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 1,364 คัน หรือคิดเป็น 58% พื้นที่โครงการ    ประมาณ 9 - 3 - 37.6 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซ.นนทบุรี 15 ถ.สนามบินน้ำ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี เริ่มก่อสร้าง    ไตรมาสที่ 1 ปี 2559 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาสที่ 1 ปี 2562 ค่าส่วนกลาง    47 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร ศักยภาพทำเลของโครงการ จุดเด่นแรกของโครงการ The Politan Rive ก็คือ ศักยภาพของที่ดินที่ถูกเลือกมาใช้สร้างคอนโด High Rise สูง 56 ชั้น นี่แหละครับ ที่ดินทั้งหมดมีขนาดเกือบ 10 ไร่เลยทีเดียว ที่สำคัญคือ อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ลูกบ้านแทบทุกยูนิตของโครงการจะได้ดื่มด่ำกับทัศนียภาพสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างเต็มที่ ยิ่งยูนิตที่อยู่ชั้นสูงๆ ก็ยิ่งได้วิวสวยกว้างสุดสายตา ซึ่งทำเลที่ตั้งของโครงการในปัจจุบันเป็นวิวเปิดโล่ง แทบจะไม่มีอะไรมาบดบังสายตาเลย เนื่องจากส่วนของที่พักอาศัยนั้นเริ่มกันต้นในชั้นที่สูงพ้นแนวที่พักอาศัยรอบๆ วิวที่ได้เห็นจากในห้อง โดยเฉพาะในห้องมุมด้านทิศตะวันตกซึ่งหันหน้าเข้าหาแม่น้ำเจ้าพระยา จึงหาคอนโดอื่นในบริเวณนี้มาเปรียบเทียบไม่ได้เลย ตำแหน่งที่ตั้งตัวโครงการ The Politan Rive ตั้งอยู่ในซอยนนทบุรี 15 หรือบนถนนสนามบินน้ำ ใกล้กับสะพานพระนั่งเกล้าเลยครับ ซึ่งทำเลที่อยู่อาศัยในแถบนี้รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ กระทรวง และสำนักงานสำคัญต่างๆ มีแหล่งช็อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ รวมถึงตลาดสด อยู่ใกล้ๆ ศักยภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยจึงไม่เป็นรองที่ใดเลยครับ ในส่วนของการเดินทางมายังพื้นที่บริเวณนี้ ก็โดดเด่นด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ที่รับรองว่าจะได้ใช้อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 12 สิงหาคม 2559 นี้แน่นอนแล้ว ซึ่งลูกบ้านสามารถเดินจากหน้าโครงการไปเพียง 200 เมตรก็โดยสารรถไฟฟ้าได้ทันที แถมในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) เพิ่มมาอีกสาย การเดินทางเข้า-ออกเมืองด้วยรถไฟฟ้าก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้นแน่นอนครับ ขณะเดียวกันการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็มีความสะดวกไม่แพ้กัน เส้นทางหลักอย่างถนนรัตนาธิเบศร์ก็มีทั้งปรับ เพิ่ม ขยาย ช่องทางจราจรอย่างต่อเนื่อง และด้วยตำแหน่งที่ตั้งของโครงการ The Politan Rive ที่อยู่ในทำเลที่ดี สามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย ทั้งจากฝั่งถนนงามวงศ์วานตรงมาเพื่อกลับรถใต้สะพานพระนั่งเกล้า เพียง 200 เมตรจากสี่แยกก็ถึงหน้าทางเข้าโครงการแล้ว หรือถ้ามาจากทางฝั่งถนนติวานนท์ ก็วิ่งตามถนนสนามบินน้ำ ผ่านกระทรวงพาณิชย์มาหน่อยก็เลี้ยวเข้าโครงการได้เลย ซึ่งการเดินทางในปัจจุบันยังต้องอาศัยรถส่วนตัวเป็นหลักอยู่นะครับ แต่ครึ่งปีหลังของปี 59 นี้ไป รถไฟฟ้าสายสีม่วงจะได้เข้ามาเป็นอีกตัวเลือกหลักในการเดินทางอย่างที่ตั้งตารอกันแล้วล่ะครับ สถานที่สำคัญใกล้เคียง รถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้า กระทรวงพาณิชย์ โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์รัตนาธิเบศร์ ม.เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ เทสโก้ โลตัส พระนั่งเกล้า โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า นนทบุรี วิเคราะห์ตัวโครงการ The Politan Rive เป็นคอนโดมิเนียมอาคารเดี่ยวที่นับว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในย่านสนามบินน้ำเลยก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ตัวอาคารหลักที่สูงถึง 56 ชั้น ออกแบบเป็นรูปตัว S ไปตามแนวของที่ดิน การจัดสรรพื้นที่ภายในโครงการค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่สีเขียว เห็นว่าเตรียมจัดเต็มไว้เลยทีเดียว ซึ่งส่วนแรกที่เปิดให้เราชมบรรยากาศสดในสถานที่จริงได้แล้วก็คือ พื้นที่สวนขนาดใหญ่โซนด้านหน้าที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา มีทั้งสนามเด็กเล่น มุมพักผ่อน และสระว่ายน้ำบนดาดฟ้าของอาคาร Facility ส่วนกลางที่ปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานขายอยู่ นอกเหนือจากอาคารเล็กด้านหน้านี้แล้ว ภายในอาคารพักอาศัยก็ยังคงมี Facility อยู่ตามชั้นต่างๆ ดังนี้ นอกจากนี้ทางโครงการ The Politan Rive ยังจัดให้มี Jogging Track, Co-Working Space, Meeting Room, ห้อง Golf Simulator, Co-Playing Space, Reading Room ฯลฯ ซึ่งทางโครงการเชื่อว่า Facility ต่างๆ ที่จัดเตรียมไว้ให้นั้นจะสามารถตอบโจทย์ของลูกบ้านได้อย่างเพียงพอและครบถ้วนที่สุด มาถึงในส่วนของที่พักอาศัยกันบ้าง ตัวอาคารหลักตั้งแต่ชั้น 1-8 เป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด ในขณะที่ส่วนของที่พักอาศัยเริ่มต้นกันตั้งแต่ชั้น 9-55 และมีจำนวนยูนิตรวมมากถึง 2,351 ยูนิตเลยทีเดียว ห้องส่วนใหญ่จะหันไปในแนวทิศเหนือ-ใต้เป็นหลักนะครับ มีข้อดีคือ ห้องจะไม่ร้อนมากเพราะไม่ค่อยได้รับแดดโดยตรง ส่วนห้องทางทิศตะวันตกจะเป็นห้องที่ได้วิวดีที่สุดในโครงการนี้ เพราะหันหน้าเข้าหาแม่น้ำเจ้าพระยาเต็มๆ และสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้สวยที่สุดเช่นกัน สิ่งอำนวยความสะดวก Sky lounge + sky deck Fitness Swimming pool Kid pool Sky garden Boxing room Yoga room Lobby Jogging track Playground Golf simulator Co-playing space Kid room Multipurpose room Reading room Meeting room Co-working space พาชมห้องตัวอย่าง แปลนห้องของโครงการ The Politan Rive มีให้เลือกทั้งแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 24.50, 29 และ 30.50 ตารางเมตร และ แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 50 และ 60 ตารางเมตร ซึ่งทางโครงการจัดเตรียมห้องตัวอย่างไว้ให้ชมด้วยกัน 3 แบบ เริ่มจากห้องขนาดเล็กที่สุดก่อนเลยนะครับ ห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 24.50 ตารางเมตรนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่อยู่ในโซนด้านทิศตะวันออก ด้านที่ติดกับถนนใหญ่ด้านนอก ตัวห้องถูกวาง Layout มาให้ใช้งานได้เป็นสัดส่วนมากๆ มีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยชัดเจน ทั้ง Living Area ห้องนอน และห้องครัวแบบครัวปิด โดยห้องนี้จะขายเป็นห้องเปล่านะครับ ส่วนที่โครงการมีให้จะเป็นเคาน์เตอร์ครัว สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ และแอร์ 2 ตัวที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอน หลังจากดูส่วนต่างๆ ของห้องมาเรียบร้อยแล้ว ครวามนี้เรามาดูภาพกว้างๆ แบบ 360 องศา กันบ้างดีกว่าครับ Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA ห้องถัดมาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเช่นกัน แต่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอยู่ที่ 30.50 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นแบบห้องที่มีจำนวนเยอะที่สุดของโครงการ ห้องแบบนี้จะขยับมาอยู่ในโซนกลางๆ ของอาคารเสียเป็นส่วนใหญ่นะครับ ห้องที่หันทางไปทางทิศตะวันตกก็พอมีให้เลือกบ้าง โดยจะได้เห็นวิวแม่น้ำชัดๆ ด้วย ในขณะที่ห้องที่หันหน้าออกทางทิศเหนือ-ใต้ก็มีอีกมากที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้เหมือนกัน แต่อาจจะเป็นมุมแคบหน่อย ห้องนี้ถ้ามองดูเผินๆ แล้วการจัดวาง Layout ของห้องนี้แทบจะไม่ค่อยต่างกับห้องขนาด 24.50 ตารางเมตรมากนัก ยกเว้นตรงส่วนของระเบียงบริเวณห้องนอนที่เพิ่มเข้ามา พื้นที่ใช้สอยก็เพิ่มมากขึ้นภายในห้องจึงดูโปร่งสบายตามากกว่าครับ สเปซต่างๆ ก็เหมาะกับการใช้สอยมากขึ้นด้วยเช่นกัน Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA ห้องตัวอย่างแบบสุดท้าย ถือว่าเป็น Highlight ของ The Politan Rive เลยก็ว่าได้ครับ เพราะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน และมีขนาดใหญ่สุดอยู่ที่ 60 ตารางเมตร โดยห้องไซส์นี้จะอยู่ในตำแหน่งห้องมุม หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งถือเป็นมุมที่ได้วิวดีที่สุดของโครงการนั่นแหละครับ ห้องนี้จะเด่นด้วยระเบียงยาว นอกจากจะกินพื้นที่เต็มหน้ากว้างของห้องแล้ว พื้นที่ระเบียงยังเป็นระเบียงเข้ามุมตามตำแหน่งของห้องอีกด้วย ทำให้ห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็กสามารถเปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้สวยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย การจัดวาง Layout ให้ฟังก์ชั่นในการใช้สอยที่เต็มที่ ในโซน Living Area กลางห้องเชื่อมต่อกับครัวเปิด ในขณะที่ห้องนอนทั้งสองห้องก็แยกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน และที่พิเศษจากห้องแบบอื่นๆ ของโครงการก็คือ ห้องแบบ 2 ห้องนอนขนาด 50 ตารางเมตร ทางโครงการจะขายมาให้แบบ Fully Fitted ส่วนห้องไซส์ใหญ่สุด 60 ตารางเมตร จะขายแบบ Fully Furnished เลยครับ Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA   Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA   Post from RICOH THETA. - Spherical Image - RICOH THETA ถึงแม้ว่าโครงการ The Politan Rive จะไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง แต่ก็ถือว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพในด้านต่างๆ ครบถ้วนเช่นกันนะครับ ทั้งตำแหน่งที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า ทั้งรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งกำลังจะเปิดให้ใช้บริการเร็วๆ นี้แล้ว และรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่มีโครงการก่อสร้างในอนาคต อีกทั้งยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย แถมได้บรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่แสนจะโรแมนติก ซึ่งหาในคอนโดเขตเมืองได้ยากมากๆ โครงการนี้จึงเป็นที่น่าจับตามองมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือการซื้อหาเพื่อการลงทุน เนื่องจากมูลค่าของอสังหาฯในย่านนี้ มีแนวโน้มที่ขยับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามความเจริญที่ขยายตามแนวรถไฟฟ้ามา และในวันที่ 30-31 มกราคม 2559 ทางโครงการจะเปิด Pre-Sale แล้ว ใครที่สนใจ หรือกำลังมองหาคอนโดดีๆ Facility เยอะๆ ในราคาที่จับต้องได้ง่าย ก็เข้าไปดูกันได้ที่สำนักงานขาย ในพื้นที่ของโครงการ The Politan Rive กันได้เลยนะครับ ใครที่จองโครงการในช่วง Pre-Sale นี้ จะได้รับ Premium Package พร้อมแอร์ ครัว และวอลล์เปเปอร์ ลงทะเบียนรับส่วนลดเพิ่มเติม : คลิก สอบถามเพิ่มเติมโทร 02 002 2222 หรือที่ www.thepolitancondo.com
ชีวิตง่ายกว่าที่ THE ESSE ASOKE : รีวิวคอนโด

ชีวิตง่ายกว่าที่ THE ESSE ASOKE : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักเพิ่มเติมกับโครงการ The Esse Asoke คอนโดมิเนียมหรูใจกลางกรุงเทพฯ โครงการใหม่ และเป็นโครงการแรกจากกลุ่มบริษัท บุญรอดบริวเบอรี่ ผู้ผลิตเบียร์สิงห์ ที่หันมาจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในนาม บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือว่าเป็นคอนโดที่สูงที่สุดใจกลางอโศก ด้วยความสูงถึง 55 ชั้น พร้อมความโดดเด่นด้วยการออกแบบโดย Palmer & Turner (P&T Architects) หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านตึกสูง เราไปดูกันเลยดีกว่าครับ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    7,890,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร    ประมาณ 220,000 บาท เจ้าของโครงการ   Singha Estate Public Company Limited ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 55 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     419 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   2 - 2 - 74.4 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนอโศกมนตรี แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ที่จอดรถ    ประมาณ 432 คัน หรือคิดเป็น 102% พร้อมที่จอดรถซุปเปอร์คาร์และซุปเปอร์ไบค์ เริ่มก่อสร้าง    ปี 2559 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาส 4 ปี 2561 ค่าส่วนกลาง    80 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    800 บาท/ตารางเมตร ชีวิตง่ายกว่าที่ THE ESSE ASOKE เพราะตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าทุกชนิด THE ESSE ASOKE ตั้งอยู่ ณ ใจกลางอโศก ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ โดดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องของการเดินทางการเดินทางที่สะดวกสบายและง่ายกว่าที่ไหนๆ เพราะตั้งอยู่ใกล้กับทั้งรถไฟใต้ดิน MRT สถานีสุขุมวิท และสถานีเพรชบุรี, รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก และรถไฟ Airport Rail Link สถานีมักกะสัน โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดได้แก่ รถไฟใต้ดิน MRT สถานีสุขุมวิท ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 500 ม. เท่านั้น สถานที่สำคัญใกล้เคียง ชีวิตง่ายกว่าที่ THE ESSE ASOKE เพราะแวดล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญมากมาย เดินไปเรียนกันง่ายๆ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) ไปช้อปปิ้งกันง่ายๆ Terminal 21 The EM District เซ็นทรัลพระราม 9 ไปโรงพยาบาลกันง่ายๆ รพ. จักษุรัตนิน รพ. ผิวหนัง อโศก รพ. บํารุงราษฎร์ ใกล้ชิดธรรมชาติกันง่ายๆ สวนเบญจกิติ สวนเบญจสิริ โรงแรมหรูอยู่ใกล้ๆ The Westin Grande Sukhumvit Bangkok FuramaXclusive Asoke Hotel Bangkok The Continent Hotel Sukhumvit ไปทำงานกันง่ายๆ อาคาร GMM Grammy อาคาร Interchange 21 Tower Exchange Tower วิเคราะห์รอบโครงการ ดิ เอส อโศก (THE ESSE ASOKE) เป็นคอนโด High Rise สูง 55 ชั้น ซึ่งมาพร้อมกับแนวความคิดในการใช้ชีวิตแบบ “LIVE LIFE SIMPLY” ออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์ Iconic Elegance ผ่านสถาปัตยกรรมในรูปแบบ Contemporary Luxury ที่มีความโดดเด่น งดงาม  พร้อมด้วยการเลือกสรรวัสดุที่ดีที่สุด มีความสวยงามและคงทน อาทิ การเลือกใช้หินธรรมชาติ Creama Mocca ในการตกแต่งบริเวณ Podium และการเลือกใช้วัสดุตกแต่งอาคารสี Champaign Gold  ที่จะช่วยเพิ่มความหรูหราตลอดทั่วทั้งตัวอาคาร สำหรับในเรื่องของทำเลนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะทุกคนก็คงทราบก็ดีอยู่แล้วว่า “ใจกลางอโศก” นั้นเป็นทำเลระดับ 5 ดาว (อย่างไม่ต้องสงสัย) รถไฟฟ้าก็มีครบทุกชนิด จะไปไหนก็สะดวก ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้า BTS, รถไฟใต้ดิน MRT, รถไฟ Airport Rail Link อีกทั้งยังแวดล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญๆ หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียน โรงพยาบาล, มหาวิทยาลัย, อาคารสำนักงานสำคัญๆ, ห้างฯ ยอดนิยม เรื่อยไปจนถึงร้านอาหารอร่อยๆ อีกนับไม่ถ้วน! และในส่วนของพื้นที่ภายในโครงการก็มีพื้นที่สีเขียวกว่า 1 ไร่ ภายใต้แนวคิดแบบ Green Elegance and Luxury Space ซึ่งเน้นไปที่ความเรียบง่าย แต่หรูหรา เริ่มตั้งแต่บริเวณ The ESSE Court พื้นที่สีเขียวกว่า 1,000 ตารางเมตร ด้านหน้าโครงการ ซึ่งเกิดจากการ set back ตัวอาคารจากถนนไปถึง 40 ม.! ในขณะที่ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 33 และ 43 ในส่วนของชั้น 33 ก็จะเป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำพาโนรามิคพร้อมสระเด็ก สระว่ายน้ำทวนน้ำ และจากุชชี่, ห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน, กอล์ฟ ซิมูเลเตอร์ และในส่วนของชั้น 43 ก็จะเป็นที่ตั้งของดิ เอส เรสซิเดนท์ เลาจน์, ห้องสมุด, บิซิเนสเซ็นเตอร์ และห้องประชุมขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ พาชมห้องตัวอย่าง มาชมห้องตัวอย่างกันบ้างนะครับ THE ESSE ASOKE มีห้องให้เลือก 3 แบบ คือแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 37.00 – 53.00 ตร.ม., แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 75.50 – 84.00 ตร.ม. และแบบเพนท์เฮาส์ 104.50 – 195.50 ตร.ม. ซึ่งแน่นอนว่าการมีห้องให้เลือกตั้งแต่ 37-195.50 ตร.ม. ก็ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้เหมาะทั้งสำหรับ อยู่คนเดียว อยู่เป็นคู่ ไปจนถึงแบบครอบครัว โดยห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้ เป็นห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอน ขนาด 75 ตารางเมตร ตกแต่งโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก High Level  Executive ที่ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว การตกแต่งห้องจึงแฝงไว้ด้วยความเคร่งขรึมด้วยโทนสีน้ำตาลและดำ เพิ่มความหรูหราด้วย Feature Wall ที่ตกแต่งด้วยหินธรรมชาติ และเฟอร์นิเจอร์ที่มีความเรียบหรู โดดเด่นด้วยพื้นที่ครัวขนาดใหญ่พร้อม Island ครัว เพื่อตอบโจทย์ฟังก์ชั้นการรับประทานอาหารของครอบครัว และในส่วนของห้องนอนเล็กก็ยังมีขนาดกว้างขว้าง พร้อมด้วยห้องน้ำในตัว นอกจากนั้นแล้วการออกแบบยังคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวด้วยการจัดวางผังอาคารแบบไม่มีห้องตรงข้าม และจำนวนห้องพักอาศัยสูงสุดเพียง 12 ยูนิตต่อชั้น ใครที่กำลังสนใจ THE ESSE ASOKE ตอนนี้ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างได้แล้ว ซึ่งนอกเหนือจากการซื้อไว้อยู่อาศัยเองแล้ว ทำเลนี้ก็ยังนับว่าเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีศักยภาพน่าเก็บสะสมไว้ลงทุนด้วย เพราะศักยภาพของทำเลในย่านนี้ไม่มีวันถูกลงอยู่แล้ว!
ชีวิตมีสไตล์ เดินทางสะดวกสบาย ในใจกลางย่านรัชโยธิน : รีวิวทาวน์โฮม

ชีวิตมีสไตล์ เดินทางสะดวกสบาย ในใจกลางย่านรัชโยธิน : รีวิวทาวน์โฮม

พูดถึงไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ในกรุงเทพฯ เวลานี้ หลายคนคงต้องการหาที่อยู่ในเมือง ไม่ไกลจากที่ทำงาน และสามารถเดินทางได้สะดวก ในขณะเดียวกันก็ยังอยากจะมีพื้นที่ใช้สอยกว้างๆ มากกว่าการอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ (ถ้าทำได้) ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าหากว่ามีบ้านดูเพล็กซ์ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่งที่มีราคาพอๆ กัน และตั้งอยู่ในทำเลใกล้เคียง แถมมีความสะดวกสบายที่แทบไม่ต่างกัน เราคงเลือกซื้อบ้านมากกว่าห้องเดี่ยวในคอนโดตึกสูงอย่างแน่นอน วันนี้เราเลือกปักหมุดไปที่ทำเลในโซนกรุงเทพเหนือ (จตุจักร-รัชโยธิน) ย่านที่หลายคนอาจจะเคยคุ้นกับการเดินทางผ่านไปผ่านมาในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ทันได้ทำความรู้จักในแง่ความเป็นที่อยู่อาศัยมากเท่าไหร่นัก หนึ่งในโครงการที่น่าสนใจที่เราจะพาไปดูกันก็คือ “บ้านกลางเมือง รัชโยธิน” จาก AP ซึ่งมีความน่าอยู่และเชื่อว่าจะตอบโจทย์คุณภาพชีวิตแบบคนเมืองได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว เดี๋ยวเราไปดูกันก่อนว่า พื้นที่รอบๆ นี้มีอะไรที่เอื้อต่อไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างเราบ้าง ไม่อยากใช้รถ ก็เดินทางได้สะดวก เพราะอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าหลักทั้งรถไฟฟ้า​ BTS สถานีหมอชิต และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีจตุจักร การคมนาคมสาธารณะ มีครบทุกรูปแบบตั้งแต่ รถเมล์ รถตู้ รถสองแถว แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ และถ้ามองไปถึงแผนการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้เพิ่มเติมเข้าไปด้วย ก็จะมีสถานีรถไฟฟ้าอยู่ตรงปากซอยพหลโยธิน 34 พอดี ห่างจากบ้านกลางเมือง รัชโยธิน เพียง 650 เมตร ดังนั้นคำพูดที่ว่า “ไม่ต้องใช้รถก็อยู่ได้” ก็คงจะไม่เกินความจริงเลย ศูนย์รวมแหล่งช็อปปิ้ง, ย่าน Hang Out และปอดสีเขียวของคนกรุง เริ่มกันด้วยความเป็นศูนย์กลางของแหล่งช็อปปิ้งสำคัญๆ ในโซนกรุงเทพเหนือ อันประกอบไปด้วย Central Plaza Ladprao ห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่มีทั้งร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ร้านอาหารมากมาย รวมถึง Tops Market ที่เราสามารถจับจ่ายข้าวของเข้าบ้านได้ ตรงข้ามกันมี Union Mall แหล่งรวมเสื้อผ้าราคาน่าคบหาที่มีร้านค้ามากจนเลือกแทบไม่ถูก รวมถึงตลาดนัดวันหยุดชื่อดังอย่าง ตลาดนัดสวนจตุจักร อีกแหล่งที่รวบรวมสินค้าสุดชิคที่พลาดไม่ได้ เดินได้เรื่อยๆ ไปจนถึง ตลาดต้นไม้จตุจักร, ตลาด อ.ต.ก. และตลาดนัดเจเจกรีน กันเลยทีเดียว หรือถ้าไลฟ์สไตล์ส่วนตัวชื่นชอบการ Hang Out สังสรรค์ ออกไปดูหนัง ฟังเพลง เพื่อผ่อนคลายความเครียดจากวันหนักๆ Major Cineplex รัชโยธิน อยู่ใกล้แค่อึดใจ หรือจะนัด Hang Out กับเพื่อนสนิท ใน The Avenue Ratchayothin ก็มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย เชื่อเลยว่าชีวิตธรรมดาก็มีสีสันและไม่น่าเบื่อเหมือนที่เคยได้ไม่ยาก ในขณะเดียวกัน สำหรับคนที่ชื่นชอบการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปไกล ก็ยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เกือบ 200 ไร่ บริเวณจตุจักร พื้นที่ที่รวมสวนสาธารณะขนาดใหญ่ไว้ด้วยกันถึง 3 แห่ง นั่นก็คือ สวนจตุจักร สวนรถไฟ (สวนวชิรเบญจทัศ) และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ถือเป็นทั้งแหล่งพักผ่อนหย่อยใจและพื้นที่ออกกำลังกายของคนทุกเพศทุกวัย โดยรวมสำหรับการอยู่อาศัยในย่านนี้ เราเชื่อว่าสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองรุ่นใหม่ได้รอบด้านอย่างแท้จริง ซึ่งโครงการ “บ้านกลางเมือง รัชโยธิน” ก็ได้ทำเลที่ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 34 ห่างจาก Landmark สำคัญๆ ข้างต้นแค่เอื้อมเท่านั้น เราไปดูรายละเอียดของโครงการนี้กันเลยดีกว่า รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    7,690,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร จำนวน 92 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    9 - 0 - 94.2 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ซอยพหลโยธิน 34 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ค่าส่วนกลาง    67 บาท/ตารางวา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ วิธีการเดินทาง อย่างที่บอกไปแล้วว่าโครงการ บ้านกลางเมือง รัชโยธิน ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 34 ห่างจากแยกรัชโยธินมาไม่ไกล ในขณะที่อยู่ใกล้กับแยกเกษตรนวมินทร์นิดเดียว และถ้าดูจากแผนที่ของโครงการก็จะเห็นว่า มีเส้นทางเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งจากฝั่งถนนพหลโยธิน เลี้ยวเข้าซอยพหลโยธิน 34 หรือ 32 ก็ได้ ทางถนนประเสริฐมนูกิจ เข้าจากซอยประเสริฐมนูกิจ 2 หรือเลือกเข้าจากทางถนนลาดพร้าว เข้าซอยโชคชัย 4 มาแยกวังหินและผ่านมาทางซอยเสนานิคม 1 ก็สามารถมาที่โครงการได้เช่นกัน การเดินทางหลักๆ มายังโครงการ สะดวกมากๆ นะครับถ้าใช้รถส่วนตัว เพราะถนนในแถบนี้เชื่อมโยงเข้าออกได้หลายทาง ใช้เป็นเส้นทางหลีกหนีรถติดได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ถ้าวันไหนเกิดไม่อยากขับรถขึ้นมา ระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ก็มีรองรับทุกรูปแบบเลยทีเดียว สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงพยาบาลเมโย โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย4 เมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน เซ็นทรัล ลาดพร้าว โรงเรียนหอวัง โรงเรียสารวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม มหาวิทยาลัยศรีปทุม บรรยากาศรอบโครงการ พื้นที่ในซอยพหลโยธิน 34 เป็นถนน 2 เลนที่เชื่อมต่อกับซอยต่างๆ มากมาย ดังนั้นจึงมีรถราวิ่งผ่านในซอยตลอดทั้งวัน บริเวณปากซอยพหลโยธิน 34 อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลเมโยเลยครับ ช่วงต้นๆ ซอยจะเป็นบ้านเดี่ยว และตึกแถวเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่พอเลยเข้ามาในซอยอีกหน่อยก็จะเริ่มเห็นว่ามีโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise ให้เห็นหลายโครงการ และมีแผงลอยขายของประปราย พอเลยจากหน้าโครงการไปนิดหน่อย ก็เป็นตึกแถวเรียงกันเป็นแถบ ซึ่งมีร้านค้า ร้านอาหาร คลินิค ร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อเยอะเลยครับ เนื่องจากถัดไปอีกนิดก็เป็นตลาดสดศรีเสนาแล้ว ช่วงนี้ของซอยก็จะคึกคักมีบรรยากาศในแบบชุมชนมากหน่อย แค่เดินออกมาจากโครงการนิดเดียวก็มีของกินของใช้ รวมถึงร้านค้าให้พึ่งพาเยอะเลย จัดว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ ตัวโครงการบ้านกลางเมือง รัชโยธิน เป็นบ้านดูเพล็กซ์ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ที่มีเพียง 92 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งน่าจะเป็นโครงการบ้านในแนวราบสร้างใหม่รายเดียวในแถบนี้เลยก็ว่าได้ เพราะพื้นที่รอบๆ โครงการถูกพัฒนาไปเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise แล้วหลายเจ้า ทั้ง The Key ที่อยู่ติดกัน หรือจะเป็นโครงการของศุภาลัยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แถมด้วย You2 Condo อีกแห่งที่อยู่ในซอยทางด้านหลัง ดังนั้นเรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านทางโครงการจึงเน้นเป็นพิเศษ รอบโครงการกั้นรั้วทึบสูง 3 เมตร และต่อแนวรั้วโปร่งขึ้นไปอีก 1.5 เมตร ยิ่งเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านมากขึ้นไปอีก ในขณะที่ตัวบ้านแบบดูเพล็กซ์ทาวน์โฮมของโครงการเองก็ออกแบบให้ดูสูงโปร่งมากพอ ดูเผินๆ แล้ว บ้านสูง 3 ชั้นครึ่งนี่ก็แทบจะสูงเท่ากับคอนโดชั้นที่ 4-5 เลยทีเดียว พื้นที่ของโครงการแบ่งออกเป็น 2 เฟส นะครับ โดยโซนแรกจะมีจำนวนบ้านทั้งหมด 63 ยูนิต และส่วนที่ 2 ที่เป็น Private Zone มีจำนวนเพียง 29 ยูนิต ทำให้ลูกบ้านใน Private Zone นี้ได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบเป็นส่วนตัวมากๆ เพราะจำนวนเพื่อนบ้านในโซนนี้มีน้อยมาก ในขณะที่ Facility ส่วนกลางทั้งหมดจะอยู่ที่โซนแรก ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แยกชายหญิง และตู้ล็อคเกอร์ นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะส่วนกลาง เป็นสนามหญ้ากว้าง พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อน ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการ มี CCTV รอบโครงการตลอด 24 ชั่วโมง ประตูเข้าออกหลักด้วยระบบ Key Card มีเจ้าหน้าที่ รปภ. ประจำตลอดทั้งวัน ที่ประตูเข้าออกของทั้ง 2 เฟส สิ่งอำนวยความสะดวก Access Card เข้า – ออกโครงการ พร้อมป้อมยามรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิดทางเข้า-ออก และภายในโครงการ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ พร้อมส่วนพักผ่อน สโมสร สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และห้องสมุด ระบบสายไฟฟ้าปักเสาพาดสาย ตามแบบมาตรฐานการไฟฟ้านครหลวง ระบบท่อเมนประปา ตามมาตรฐานการประปานครหลวง พาชมบ้านตัวอย่าง บ้านทาวน์โฮมของ โครงการบ้านกลางเมือง รัชโยธิน มีเพียงแบบเดียวนะครับ ตัวบ้านสูง 3 ชั้นครึ่ง มีพื้นที่ใช้สอยรวม 193 ตร.ม. หน้าบ้านกว้าง 5 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คันพอดี ฟังก์ชั่นในบ้านแบ่งเป็น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ซึ่งภายในบ้านถูกออกแบบพื้นที่ใช้สอยมาได้คุ้มค่า ในขณะที่ยังคงความรู้สึกโอ่โถงอยู่สบาย ลองดูแปลนบ้านไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า โครงการบ้านกลางเมือง รัชโยธิน จัดว่าค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของทำเลที่ตั้งนะครับ เพราะถือเป็นโครงการบ้านทาวน์โฮมที่อยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพในการอยู่อาศัยมากๆ แถมแผนการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีกำหนดจะเริ่มสร้างในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว ก็จะยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้นอีกหลายเท่า และแน่นอนว่าด้วยศักยภาพการเติบโตของที่ดินที่อยู่ในระยะใกล้รถไฟฟ้าขนาดนี้ น้อยมากที่จะมีโครงการบ้านในแนวราบให้เห็น เมื่อเทียบเรทราคาของคอนโดในแนวรถไฟฟ้าที่อยู่ในระดับเดียวกัน ต้องบอกว่า บ้านทาวน์โฮม ยังคงได้เปรียบในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า และมีพื้นที่จอดรถแน่นอน ยิ่งแบบบ้านของ บ้านกลางเมือง ที่เป็น "ดูเพล็กซ์ทาวน์โฮม" ซึ่งให้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ในขณะที่ยังโอ่อ่าอยู่สบาย ไม่เหมือนกันทาวน์โฮมทั่วไป จึงตอบโจทย์การอยู่อาศัยในรูปแบบครอบครัวได้ดีเลยทีเดียว   (Advertorial)
The Urban Attitude แบริ่ง 14 : รีวิวคอนโด

The Urban Attitude แบริ่ง 14 : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปดูคอนโด Low Rise ในซอยแบริ่ง ที่มีชื่อว่า The Urban Attitude แบริ่ง 14 จาก Urban Property เจ้าของเดียวกับ The Gallery ที่อยู่ตรงต้นซอยแบริ่งนั่นเอง โครงการน้องใหม่นี้อยู่ถัดเข้ามาในซอยแบริ่ง 14 นะครับ ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่งประมาณ 1 กิโลเมตรได้ ซึ่งถือว่าเดินทางกันได้สะดวกสบายไม่น้อยเลย สำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้รถส่วนตัว รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,490,000 บาท เจ้าของโครงการ    The Urban Property Co., Ltd. ลักษณะโครงการ    Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     137 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   0 - 3 - 62 ไร่ ที่จอดรถ    ประมาณ 30% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ซอยแบริ่ง 14 ถนนสุขุมวิท 107 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง  จ.สมุทรปราการ เริ่มก่อสร้าง    ไตรมาสที่ 4 ปี 2015 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาสที่ 2 ปี 2017 ค่าส่วนกลาง    45 บาท/ตารางเมตร (ชำระล่วงหน้า 1 ปี) ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร (ชำระครั้งเดียว) วิธีการเดินทาง การเดินทางในครั้งนี้ เรานั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีแบริ่ง แล้วต่อรถเข้าไปดูที่ตั้งโครงการในซอยแบริ่ง 14 ก่อน ซึ่งระยะทาง BTS แบริ่ง เข้ามาประมาณ 800 เมตร ก็จะเห็นซอยแบริ่ง 14 อยู่ทางขวามือ เลี้ยวเข้ามาอีกนิดหน่อย ตัวโครงการจะตั้งอยู่ตรงหัวมุมด้านซ้ายมือครับ ส่วนที่ตั้งของ Sale Gallery จะตั้งอยู่ช่วงปากซอยแบริ่ง ตรงข้ามกับโครงการ The Gallery เลย หาไม่ยากครับ จากรถไฟฟ้า BTS เราสามารถเดินมาขึ้นรถสองแถว หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้ที่บริเวณปากซอยแบริ่งเลยนะครับ มีรถวิ่งผ่านตลอดทั้งวัน ถ้าลงรถที่ปากซอยแบริ่ง 14 ก็เดินต่อเข้ามาในซอยอีกแค่ 150 เมตรเท่านั้น กำลังสบายๆ แต่ถ้าเลือกนั่งพี่วินมอเตอร์ไซค์ก็เลี้ยวเข้ามาส่งที่หน้าโครงการได้เลย สะดวกมากๆ ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัว ก็สามารถเลือกเข้าได้ทั้งจากเส้นทางหลักถนนสุขุมวิททางซอยแบริ่ง (สุขุมวิท 107) หรือทางซอยสุขุมวิท 109 ก็ได้ เนื่องจากท้ายซอยแบริ่ง 14 เชื่อมต่อกับซอยสันติคาม 13 ไปออกซอยสุขุมวิท 109 ได้ด้วย หรือจะมาทางถนนศรีนครินทร์ก็ได้อีกเช่นกัน นอกจากนี้เรายังสามารถใช้เส้นทางถนนเทพารักษ์ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย และวงแหวนรอบนอก ในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้อีกหลายเส้นทางเลยทีเดียว การเดินทางในย่านนี้ถือว่าสะดวกมากเลยทีเดียวนะครับ เสียแต่ว่าปริมาณรถหนาแน่นมากเกือบตลอดวัน แถมยังอยู่ในเส้นทางที่มีการก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าอีก ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงปัญหารถติดได้ยาก โดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็นของวันทำงาน สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สถานีแบริ่ง ไบเทค บางนา เซ็นทรัล บางนา บิ๊กซี โรงเรียนนานาชาติ บางกอกพัฒนา อิมพีเรียล เวิล์ด สำโรง วิเคราะห์รอบโครงการ ถึงแม้ว่าตัวโครงการ The Urban Attitude แบริ่ง 14 จะตั้งอยู่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องบอกว่าความเจริญโดยรอบยังจัดว่าครบครันเลยทีเดียว ทั้งทางด้านถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ และถนนบางนา-ตราด ก็มีห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าเล็กใหญ่ เรียงรายเต็มไปหมด รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว วัดวา สถานศึกษา และโรงพยาบาล ก็แวดล้อมอยู่ใกล้ๆ อีกหลายแห่ง ที่สำคัญรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่กำลังก่อสร้างในส่วนต่อขยายอยู่ ก็ทำให้ความเจริญไล่ตามมาติดๆ จะเห็นได้จากโครงการบ้านและคอนโดใหม่ๆ ผุดขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าอีกเพียบเลยครับ ส่วนในซอยแบริ่งนั้น ก็ถือว่าเป็นซอยใหญ่ มีปริมาณรถผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นถนนที่เชื่อมถนนสุขุมวิทกับถนนศรีนครินทร์เข้าด้วยกัน ช่วงต้นซอยมีร้านค้ามากมาย มีของขายหลากหลาย รวมถึงร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารด้วย จึงเป็นที่พึ่งพาเรื่องกินข้าวของเครื่องใช้เล็กๆ น้อยได้สบาย เว้นเสียแต่ว่าต้องจ่ายตลาดซื้อของสดเป็นเรื่องเป็นราว ก็ต้องนั่งรถเลยไปอีกหน่อยที่ตลาดสำโรง ซึ่งมีข้าวของให้เลือกซื้อมากกว่ามากเลยครับ สำหรับตัวโครงการ The Urban Attitude อยู่ถัดจากปากซอยแบริ่ง 14 เข้ามาอีกประมาณ 150 เมตร บริเวณปากซอยแบริ่ง 14 มีร้านอาหารให้พึ่งพาอยู่บ้างนะครับ เลี้ยวเข้ามาในซอยแล้วจะเห็นว่า ถนนในซอยค่อนข้างแคบ ยิ่งมีรถจอดอยู่ข้างทางด้วยก็ยิ่งทำให้รู้สึกแคบเข้าไปอีก โชคดีกว่าตัวโครงการอยู่ไม่ลึกมาก จึงไม่ได้รู้สึกลำบากมากในการขับรถเข้าออก ที่ดินหัวมุมของซอยเล็กที่เชื่อมไปที่ซอยแบริ่ง 16 ได้ คือที่ตั้งของโครงการนะครับ เมื่อสร้างเสร็จแล้วทางเข้าออกหลักจะอยู่ที่ถนนด้านนี้ ดังนั้นลูกบ้านจึงเลือกเข้าได้ทั้งจากทางซอยแบริ่ง 14 และ 16 ใกล้กับโครงการมีอาคารโรงงานสูง 5 ชั้น ช่วงเช้า-เย็น รวมถึงตอนพักกลางวัน จะมีพนักงานเดินเข้าออกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งตึกตรงข้ามที่ดินโครงการยังเป็นร้านขายของชำ ขายขนมเล็กๆ น้อยๆ ด้วย และช่วงกลางวันยังมีแผงลอยตั้ง ตลาดนัดขายของอยู่หลายร้าน อาจจะเป็นเพราะตอนนี้โครงการยังไม่ทำการก่อสร้าง คิดว่าถ้าสร้างเสร็จแล้ว พื้นที่หน้าโครงการคงไม่อนุญาตให้ตั้งแผงลอยแบบปัจจุบัน นอกเหนือจากนี้พื้นที่ติดกันโดยรอบก็จะเป็นบ้านพักอาศัย แนวราบ อาจจะมีคอนโดโครงการอื่นขึ้นใกล้ๆ แต่ก็ไม่ถึงกับติดกัน เลยไม่ค่อยน่าเป็นห่วงว่าจะเปิดหน้าต่างมาเจอเพื่อนตึกติดกันนะครับ เพียงแต่บริเวณใกล้ๆ มีอาคารอพาร์ทเม้นท์อยู่บ้าง ผู้คนบริเวณนี้จึงคึกคักหน่อย ไม่ถึงกับเงียบสงบเลยซะทีเดียว โครงการ The Urban Attitude แบริ่ง 14 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น มีจำนวนยูนิตรวม 137 ยูนิตเท่านั้น โดยส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป พื้นที่ชั้นล่างใต้อาคารจะเป็นที่จอดรถ และสวนหย่อมตรงพื้นที่ตรงกลางระหว่างรูปตัว U ของอาคาร ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมี Lobby และห้องสมุด ร่วมกับห้องพักอาศัยด้วย ส่วน Facility หลักจะอยู่ที่ชั้น 8 รวมกับห้องพักบางส่วน ซึ่ง Facility ที่ทางโครงการจัดไว้ให้ก็มีทั้ง สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องอบไอน้ำ สวนหย่อม และถ้าขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าก็ยังมีพื้นที่พักผ่อนเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อีกด้วย สิ่งอำนวยความสะดวก ผู้ช่วยพิเศษสำหรับการบริการ ที่จอดจัรยาน ห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำลอยฟ้า ลานบาบีคิวลอยฟ้า ระบบคีย์การ์ดภายในโครงการ สวนพักผ่อนภายในโครงการ ห้องอบไอน้ำ สวนลอยฟ้า โถงต้อนรับอเนกประสงค์และห้องสมุด Shutter Bus รับส่งสถานี BTS พาชมห้องตัวอย่าง มาดูห้องตัวอย่างกันบ้างครับ ทางโครงการมีห้องให้เลือกชม 2 แบบด้วยกัน เริ่มกันที่ห้องแรกที่ขนาด 26.17 ตร.ม เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งเป็นห้องหน้าแคบ แต่ก็จัดวาง Layout ได้ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว เปิดเข้าห้องมาก็จะเจอกันพื้นที่นั่งเล่น หรือห้องรับแขก ส่วนพื้นที่โซนด้านในจะแบ่งเป็นห้องนอน และห้องครัว ซึ่งมีประตูกระจกกั้นพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆ ไว้เป็นสัดส่วนชัดเจน ไปดูภาพบรรยากาศภายในห้องไปพร้อมกันเลยครับ ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้อง จะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเช่นกัน โดยมีพื้นที่ห้องขนาด 31.67 ตร.ม. แบบห้องเป็นแบบหน้าแคบนะครับ ลักษณะห้องจะลึกกว่าห้องแรก โดยรวมแล้ว Layout ของห้องจะมีลักษณะคล้ายกันมาก แต่พื้นที่ของห้องนี้จะกว้างกว่า จึงได้พื้นที่ว่างเพิ่มบริเวณระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำ บริเวณนี้ทางโครงการจึงเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานด้วยการ Built-in ตู้เก็บของมาให้ เพิ่มการใช้สอยประโยชน์ภายในห้องให้มากขึ้นอีกหน่อยครับ ห้องพักของโครงการ The Urban Attitude แบริ่ง 14 จะขายกันมาแบบ Fully Furnished เลยนะครับ แทบจะพร้อมเข้าอยู่เลยทีเดียว เฟอร์นิเจอร์ที่เห็นในห้องตัวอย่างทั้งตู้ เตียง ชุดครัว รวมถึงเครื่องปรับอากาศก็จะได้ตามที่เห็นเลย เว้นแต่เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นที่อาจจะมีหน้าตาไม่เหมือนในห้องตัวอย่างบ้าง อันนี้แนะนำให้เช็คกับทางโครงการให้ดีก่อนนะครับ เพราะบางชิ้นเป็นการตกแต่งเพิ่งเติมเพื่อความสวยงามภายในห้องตัวอย่างเท่านั้น ด้วยความที่ห้องของโครงการขายให้แบบเกือบจะพร้อมเข้าอยู่เมื่อสร้างเสร็จเลย จึงน่าจะเหมาะมากๆ กับคนที่ต้องการหาคอนโดขนาดกระทัดรัดซักห้องในย่านนี้ ยิ่งถ้าต้องทำงานอยู่ใกล้ๆ ในแถบนี้อยู่แล้ว ก็ถือว่าสะดวกมากเลยทั้งเรื่องการเดินทาง และอาหารการกิน นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกโครงการในพื้นที่แบริ่ง อีกอย่างด้วยราคาขายก็อยู่ในระดับที่จับต้องได้ง่าย สบายกระเป๋า แต่ก็แลกกับที่ตั้งที่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าออกมาหน่อยก็ถือว่าคุ้มราคาอยู่นะครับ