Tag : Advertorial

48 ผลลัพธ์
เดอะ ฟอเรสเทียส์ เปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด ‘ซิกเนเจอร์ ซีรีส์’ ที่อยู่อาศัยหรูใกล้ชิดธรรมชาติ

เดอะ ฟอเรสเทียส์ เปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด ‘ซิกเนเจอร์ ซีรีส์’ ที่อยู่อาศัยหรูใกล้ชิดธรรมชาติ

เดอะ ฟอเรสเทียส์ เปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ล่าสุด ‘ซิกเนเจอร์ ซีรีส์’ ที่อยู่อาศัยหรู เจาะกลุ่มผู้ซื้อบ้านที่ต้องการคอนโดพื้นที่ขนาดใหญ่ในเมือง ที่อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ   ขอเชิญชวนผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ในรูปแบบ Virtual Reality ได้ในงาน The Forestias Story and Beyond ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน วันที่ 10-11 มิถุนายนนี้ พร้อมมอบสิทธิพิเศษ 30 ยูนิตแรก ในราคาพิเศษแบบ VVIP สำหรับลูกค้าที่จองภายใน 30 มิถุนายน 2566 พร้อมกับจะได้รับสิทธิพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติมในการใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่โฮเต็ล อินดิโก้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ มูลค่าสูงสุดถึง 500,000 บาท – โทรสอบถามข้อมูลได้ที่ Call Center 1265    “ที่อยู่อาศัย เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่กว่าทั่วๆ ไป กระทั่งแบบมีสระส่วนตัว แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ และง่ายที่จะเข้าถึงบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับการใช้ชีวิตแบบใจกลางเมือง ที่เดอะ ฟอเรสเทียส์มอบให้ ทุกห้องพักอาศัย เปิดรับวิวป่า 30 ไร่แบบพาโนรามา และทิวทัศน์ความมหัศจรรย์ของงานเฟสติวัลต่างๆ ที่จะจัดขึ้นเป็นประจำ ทั้งในผืนป่าและเหนือผืนป่า การออกแบบตกแต่งภายในถูกรังสรรค์ภายใต้ธีมที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ พร้อมทั้งมอบความเป็นส่วนตัวอย่างหรูหราเหนือระดับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อบ้านกลุ่มนี้ปรารถนา”  นายยุทธนา ตันติยานนท์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มงานการจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์MQDC     กรุงเทพฯ (31 พฤษภาคม 2566) – MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศวันนี้ว่า บริษัทฯ กำลังก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยแห่งใหม่ ความสูง 44 ชั้น ในชื่อ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 398 ไร่ของโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.7   ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ คือหนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของวิลล่าสุดหรู ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ ในประเทศไทยอีกด้วย โดยที่พักอาศัย เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ตั้งอยู่ติดกับป่าขนาด 30 ไร่ใจกลางเดอะ ฟอเรสเทียส์ และเชื่อมโดยตรงกับทางเดินยกระดับที่ทอดยาวเหนือผืนป่า ความยาว 1.6 กิโลเมตร   นายยุทธนา ตันติยานนท์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มงานการจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ MQDC เปิดเผยว่า “ที่พักอาศัยโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่กว่าทั่วๆ ไป กระทั่งแบบมีสระส่วนตัว แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ และง่ายที่จะเข้าถึงบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับการใช้ชีวิตแบบใจกลางเมือง ที่โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์มอบให้ โดยอาคารโครงการ ความสูง 44 ชั้น มีเพียง 122 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งเป็นยูนิตแบบมีพื้นที่กว้างขวาง และทุกยูนิตเปิดรับวิวป่าแบบพาโนรามา และทิวทัศน์ความมหัศจรรย์ของงานเฟสติวัลต่างๆ ที่จะจัดขึ้นเป็นประจำ ทั้งในผืนป่าและเหนือผืนป่า”     ห้องพักอาศัยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 140 ตารางเมตรไปจนถึง 350 ตารางเมตร โดยมีห้องแบบเพนท์เฮาส์ขนาดพื้นที่ใช้สอย 917 ตารางเมตร บนชั้น 43 ส่วนจำนวนห้องนอนก็มีเลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 2 ห้องนอนไปจนถึง 5 ห้องนอน โดยที่พักอาศัยแบบฟรีโฮลด์แห่งนี้ มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 37 ล้านบาทสำหรับยูนิตขนาด 2 ห้องนอน และราคาเริ่มต้น 49 ล้านบาทสำหรับยูนิตขนาด 3 ห้องนอน   ตัวอาคารของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ได้รับการออกแบบโดย Foster + Partners โดยแนวคิดของโครงการให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการมอบความเป็นส่วนตัวสูงสุดให้แก่ผู้อยู่อาศัย เราจึงพิถีพิถัน ใส่ใจในการออกแบบทุกรายละเอียด บนพื้นฐานของการทำความเข้าใจผู้อยู่อาศัยมากที่สุดในเรื่องของความเป็นส่วนตัว โดยได้สร้างโถงทางเดินและบันไดสำหรับงานบำรุงรักษาไว้ในจุดต่างๆ “การออกแบบนี้จะช่วยให้ช่างสามารถเข้าบริการหรือดูแลรักษางานระบบอาคาร โดยเฉพาะงานท่อหลักได้โดยไม่ต้องเข้าไปในห้องพักอาศัย อีกทั้งยังสามารถบำรุงรักษาอาคารให้ได้มาตรฐานระดับพรีเมียมอยู่ตลอดเวลาโดยที่ไม่รบกวนพื้นที่ส่วนรวมที่ลูกบ้านใช้ประจำ” นายยุทธนากล่าว   นอกจากนั้น การออกแบบพื้นที่ภายในยังมีความเป็นสัดส่วน โดยแยกพื้นที่ที่ผู้ช่วยดูแลบ้านต้องใช้ เช่น พื้นที่ห้องครัวไทย และห้องพักของผู้ช่วยดูแลบ้าน ไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย พร้อมกันนี้ ทุกยูนิตยังมีล็อบบี้ลิฟต์ส่วนตัวอีกด้วย หนึ่งในลักษณะพิเศษที่เป็นจุดเด่นของโครงการ คือมีที่นั่งพักผ่อนภายนอกอาคารมากมาย รวมไปถึงสวนส่วนตัว สนามหญ้าอเนกประสงค์ ระเบียงชายป่า และบ้านต้นไม้ นอกจากนั้น ยังได้นำเอาวัสดุพิเศษมาใช้ ในการก่อสร้างฟาซาด เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในอาคารรู้สึกเย็นสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้ออกแบบโถงล็อบบี้ส่วนตัวสำหรับผู้อยู่อาศัย ซึ่งแยกเป็นสัดเป็นส่วนกับล็อบบี้หลักของอาคาร เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ ภายในสิ้นปี 2568 โดยงานเสาเข็มได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างชั้นใต้ดิน และเตรียมเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่าง อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป     นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ประธานผู้อำนวยการ โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า “ที่พักอาศัยอื่นๆ อีก 4 แบรนด์ของเราในเดอะ ฟอเรสเทียส์ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ถึงตอนนี้ ทำยอดขายรวมกันมากกว่า 22,000 ล้านบาทไปแล้ว” “ผมเชื่อว่า เหตุผลที่โครงการได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากขึ้นอยากใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าทั่วๆ ไป ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวเยอะๆ และอยากอยู่ในโครงการที่ได้รับการออกแบบโดยบริษัทที่ได้รับการยอมรับนับถือในระดับโลก ที่มุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพดียิ่งขึ้น และผมคิดว่าที่คนเชื่อมั่นว่าโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ของเรามีศักยภาพสูงในด้านของการลงทุน เป็นเพราะการที่โครงการตั้งอยู่ในทำเลเชื่อมต่อพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการขับเคลื่อนและส่งเสริมให้โครงการมีความน่าดึงดูดใจ” นายกิตติพันธุ์กล่าว   ที่พักอาศัยโครงการ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ตั้งอยู่ใกล้กับโฮเต็ล อินดิโก้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ในสไตล์ที่จะมาเติมเต็มพื้นที่ และสะท้อนธีมใกล้ชิดธรรมชาติของซิกเนเจอร์ ซีรีส์ ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับมีทางเดินเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างอาคารที่พักอาศัยและอาคารโรงแรม “การตั้งอยู่ใกล้เคียงแบบเชื่อมถึงกันได้อย่างสะดวกสบายกับโรงแรมและพื้นที่จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม รวมทั้งบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เป็นสิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติมที่สำคัญอย่างหนึ่งสำหรับลูกค้าเจ้าของที่พักอาศัยโครงการซิกเนเจอร์ ซีรีส์” นายกิตติพันธุ์กล่าว   สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยอื่นๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ มีการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วค่อนข้างมาก ในจำนวนนี้ รวมถึงโครงการซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์, มัลเบอร์รี่ โกรฟ วิลล่า, มัลเบอร์รี่ โกรฟ คอนโดมิเนียม, คอนโดมิเนียมแบรนด์ วิสซ์ดอม, คอนโดมิเนียมแบรนด์ ดิ แอสเพน ทรี และสกายวิลล่า ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การมอบบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการดูแลผู้พักอาศัยอย่างครบวงจรตลอดชีวิต โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ มีมูลค่าประมาณ 5,900 ล้านบาท   บทความที่เกี่ยวข้อง Mulberry Grove The Forestias Villas บ้านคลัสเตอร์ แนวคิดใหม่ MQDC เปิดขาย “Whizdom The Forestias : Mytopia” MQDC เผยความสำเร็จ “ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์” บ้านอัลตร้าลักชัวรี่ The Forestias – เมืองต้นแบบกลางป่าใหญ่ในกรุงเทพฯ  
คืบหน้า ‘ทาวน์ เซ็นเตอร์’ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ตั้งเป้าเปิดส่วนแรกปลายปี พ.ศ. 2566

คืบหน้า ‘ทาวน์ เซ็นเตอร์’ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ตั้งเป้าเปิดส่วนแรกปลายปี พ.ศ. 2566

คืบหน้า ‘ทาวน์ เซ็นเตอร์’ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ “ทาวน์ เซ็นเตอร์ที่เรากำลังเร่งสร้างอยู่นี้เป็นองค์ประกอบสำคัญตามความมุ่งมั่นของเรา ที่จะทำให้เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นสังคมที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ความมีชีวิตชีวา และนำพาครอบครัวให้มาอยู่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น”  นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC     การก่อสร้าง ‘ทาวน์ เซ็นเตอร์’ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ คืบหน้า ตั้งเป้าเปิดพื้นที่กิจกรรมความสุขของครอบครัว ส่วนแรกปลายปี พ.ศ. 2566   MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศวันนี้ว่า กำลังเร่งเครื่องการก่อสร้างพื้นที่ส่วนทาวน์ เซ็นเตอร์ ในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ขนาด 398 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด ก.ม. 7 ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับรางวัลยกย่องมากมาย และเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มูลค่า 125,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากทาวน์ เซ็นเตอร์แล้ว ในพื้นที่ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังประกอบไปด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายแบรนด์ โรงแรม พื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงป่าพื้นที่ 30 ไร่ด้วย   ทาวน์ เซ็นเตอร์ ในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ มีขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 46 ไร่ โดย MQDC ได้ทุ่มเงินลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาทในการพัฒนาส่วนแรกของทาวน์ เซ็นเตอร์ ซึ่งมีกำหนดที่จะเปิดก่อนสิ้นปี 2566     นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC เปิดเผยว่า “ทาวน์ เซ็นเตอร์ เป็นแนวคิดใหม่ที่พัฒนาในสเกลที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเราหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญก้าวใหม่ ในการวางแผนพัฒนาสังคมแห่งสุขภาพที่ดีและความสุข โดยทาวน์ เซ็นเตอร์ เป็นแก่นสำคัญของโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่ทำหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์ในชุมชนแห่งนี้ และนำพาครอบครัวให้มาอยู่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงออกแบบพื้นที่ส่วนนี้ให้เป็นที่ที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวจากทุกเจเนอเรชั่น จะสามารถมาทำกิจกรรมที่ตอบโจทย์ชีวิต การพักผ่อนหย่อนใจ และความบันเทิง ตามที่ตัวเองต้องการได้ นอกจากนั้น เรายังได้สร้างสรรค์ให้พื้นที่ส่วนนี้ช่วยสร้างโอกาสให้ผู้คนได้มามีปฏิสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมประจำวัน หรือกิจกรรมทางสังคม และกิจกรรมนันทนาการต่างๆ หรือแม้กระทั่งจะมาเดินเล่นเฉยๆ ก็ได้”   “ทาวน์ เซ็นเตอร์ ประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายตามแบบฉบับของการเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของเมืองในยุคใหม่ที่ทันสมัย มีชีวิตชีวา มีการวางผังต่างๆ อย่างดี และจะได้รับการดูแลรักษาในระดับมาตรฐานเดียวกันกับเมืองล้ำๆ ตามที่ต่างๆ ในโลก รวมทั้งได้เพิ่มความพิเศษอย่างมากเข้าไปด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ร่มรื่นและสดชื่น องค์ประกอบส่วนภายในอาคารและภายนอกอาคารได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อกันอย่างกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ทั้งยังใกล้กับผืนป่าขนาด 30 ไร่ใจกลางเดอะ ฟอเรสเทียส์ ในระยะเดินเพียงสั้นๆ”     นางสาวอรดา เกิดหงษ์ ประธานผู้อำนวยการ – Storied Place Management, MQDC เปิดเผยว่า “ทาวน์ เซ็นเตอร์ ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ มีพื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมต่างๆ ที่หลากหลายเป็นอย่างมาก เป็นทาวน์ เซ็นเตอร์ อย่างแท้จริง ที่มีความผสมผสาน แต่ก็เป็นแต่เป็นสัดเป็นส่วน และมีประสบการณ์ที่น่าค้นหาและรู้สึกเซอร์ไพรส์ได้ตลอดเวลา”   นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับกิจกรรมประจำวันแล้ว ยังมีพื้นที่มาร์เก็ตให้ได้จับจ่ายใช้สอยอยู่อีกมากมายหลายจุด รวมไปถึงธีมมาร์เก็ตฮอลล์ ลานกิจกรรม และขบวนพาเหรดเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ ตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับกีฬาและการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงพื้นที่สำหรับการศึกษาเรียนรู้ และความบันเทิง พื้นที่เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต โคเวิร์คกิ้ง สเปซ ตลอดจนแอมฟิเธียเตอร์สำหรับจัดกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ     นางสาวอรดากล่าวต่อไปว่า เพื่อให้เป็นทาวน์ เซ็นเตอร์อย่างแท้จริง เราได้เน้นเป็นอย่างมากกับการสร้างสรรค์ สถานที่แฮงค์เอาท์หลากหลายรูปแบบ พร้อมเมนูอาหารและทางเลือกในการดื่มกินแบบต่างๆ ตอบโจทย์ทุกสไตล์ และหลากหลายราคา   ในบรรดาพื้นที่ที่ก่อสร้างใกล้จะเสร็จสมบูรณ์เป็นส่วนแรกๆ ได้แก่ โรงละครอเนกประสงค์ภายในอาคาร ซึ่งสามารถใช้เป็นสถานที่จัดการแสดงต่างๆ ได้ รวมถึงจัดแสดงงานศิลปะ งานแสดงสินค้า นิทรรศการ การประชุม และงานแต่งงาน รวมทั้งให้ผู้อยู่อาศัยในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ใช้เป็นเวทีจัดแสดงละครเองได้ด้วย   ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้เปิดตัวแนวคิดใหม่ของการอยู่อาศัย ภายใต้แบรนด์ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” ซึ่งนำเสนอบ้านในรูปแบบคลัสเตอร์โฮม ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวเดียวกัน จากหลายเจเนอเรชั่น ได้อยู่อาศัยในบ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน สามารถใช้เวลาร่วมกันได้มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวในบ้านแยกหลังของตัวเอง ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิถีการใช้ชีวิตของครอบครัวไทยดั้งเดิมนั่นเอง   บ้านเดี่ยวในโครงการมัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่ามีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร จนถึงประมาณ 1,700 ตารางเมตร ราคาขายตั้งแต่ประมาณ 185 ล้านบาทไปจนถึง 310 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คอนโดมิเนียม ซึ่งออกแบบภายใต้แนวคิดคล้ายๆ กัน โดยมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 63 ตารางเมตรไปจนถึง 1,027 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท   วิลล่าอื่นๆ ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างในพื้นที่โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ได้แก่ ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ ที่สุดหรูหรา ซึ่งเป็นซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์แห่งแรกที่สร้างขึ้นในประเทศไทย     ส่วนโครงการที่พักอาศัยอื่นๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์วิสซ์ดอม จำนวน 3 อาคาร ซึ่งออกแบบเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนเริ่มทำงาน คู่สมรสใหม่ที่เริ่มสร้างครอบครัว และมีหนึ่งอาคารที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ประมาณ 35 ตารางเมตรไปจนถึง 205 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ดิ แอสเพนทรี และสกายวิลล่า ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การมอบบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการดูแลผู้พักอาศัยอย่างครบวงจรตลอดชีวิต   เดอะ ฟอเรสเทียส์ตั้งอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วบนถนนบางนา-ตราด กม. 7 ถือเป็นโครงการต้นแบบระดับโลกแห่งใหม่ในการพัฒนาเมือง รวมทั้งเป็นโครงการเมืองแห่งแรกของโลกที่ออกแบบทุกมิติเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้น ตัวโครงการได้รับการออกแบบรังสรรค์และก่อสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับการยอมรับและยกย่องมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก จนถึงขณะนี้โครงการได้รับรางวัลจากทั่วโลกแล้วมากกว่า 42 รางวัล ซึ่งรับรองความโดดเด่นในด้านการส่งเสริมสุขภาพที่ดีขึ้นในการอยู่อาศัย คุณภาพสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน อาทิ รางวัล Gold Award for Urban Design และรางวัลSilver Award for Sustainable Living and Green Design ซึ่งมอบให้โดยสถาบัน International Design Awards (IDA) อันทรงเกียรติ รางวัล Platinum Award สาขาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมจากเวที Outstanding Property Awards London อีกทั้งได้รับเลือกให้ได้รับรางวัล Global Settlements Award ด้านการวางแผนและออกแบบจาก Global Forum on Human Settlements และรางวัลจาก International Federation of Landscape Architects   จนถึงขณะนี้ โครงการที่พักอาศัยแบรนด์ต่างๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์มียอดขายรวมกัน เกินกว่า 22,000 ล้านบาท   บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง Mulberry Grove The Forestias Villas บ้านคลัสเตอร์ แนวคิดใหม่ MQDC เปิดขาย “Whizdom The Forestias : Mytopia” อย่างเป็นทางการ MQDC เผยความสำเร็จ “ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์”
Mulberry Grove The Forestias Villas บ้านคลัสเตอร์ แนวคิดใหม่เพื่อความสุขที่เพิ่มขึ้นของทุกเจเนอเรชั่นในครอบครัว

Mulberry Grove The Forestias Villas บ้านคลัสเตอร์ แนวคิดใหม่เพื่อความสุขที่เพิ่มขึ้นของทุกเจเนอเรชั่นในครอบครัว

Mulberry Grove The Forestias Villas บ้านคลัสเตอร์ แนวคิดใหม่เพื่อความสุขที่เพิ่มขึ้นของทุกเจเนอเรชั่นในครอบครัว จากวิถีการอยู่อาศัยแบบครอบครัวไทยตั้งแต่อดีตที่มักจะอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ มีหลายเจเนอเรชั่น หรือมักจะขยายเรือนออกไปอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ด้วยวิถีชีวิตในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปตามรูปแบบสังคมเมืองที่ขยายตัว ทำให้การใช้ชีวิตในรูปแบบที่เคยเป็นมาเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อยๆ แนวคิดที่จะช่วยส่งเสริมให้ครอบครัวได้กลับมามีบ้านอยู่ใกล้ชิดกันอีกครั้ง จึงเป็นที่มาของโครงการ Mulberry Grove The Forestias Villas (มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า) จาก MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ที่ตั้งใจออกแบบบ้านคลัสเตอร์ เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวทุกเจเนอเรชั่นได้มี “โบนัสเวลา” ช่วงเวลาแห่งความสุขที่เพิ่มขึ้น     Mulberry Grove The Forestias Villas โครงการบ้านเดี่ยวท่ามกลางป่า 30 ไร่ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการมิกซ์ยูส “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ขนาดเกือบ 400 ไร่ ที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเพิ่งจะเปิดให้ครอบครัวที่สนใจเข้าชมบ้านตัวอย่างจริงได้แล้วตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป ซึ่งเราจะพาไปเยี่ยมชมรายละเอียดการออกแบบของบ้านระดับ Ultra Luxury ขนาด 4-6 ห้องนอน ที่มีราคาเริ่มต้น 185 ล้านบาท รวมถึงแนวคิดการเชื่อมต่อหลายวิลล่าที่เราสามารถเลือกเป็นคลัสเตอร์ตั้งแต่ 2-5 หลังที่อยู่ติดกันได้ หรือจะเลือกซื้อเพียงหลังเดียวก็ได้เช่นกัน แบบบ้านของ Mulberry Grove Villas มีด้วยกัน 3 ไซส์ Roseberry (S) พื้นที่ใช้สอย 1023 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ ที่จอดรถใต้ดิน 4 คัน 2 ห้องแม่บ้าน 1 ห้องคนขับรถ   Visionberry (M) พื้นที่ใช้สอย 1246 ตร.ม. ขนาด 5 ห้องนอน 9 ห้องน้ำ ที่จอดรถใต้ดิน 5 คัน 2ห้องแม่บ้าน 1 ห้องคนขับรถ และลิฟต์โดยสาร   Legendberry (L) พื้นที่ใช้สอย 1724 ตร.ม. ขนาด 6 ห้องน้ำ 11 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 6 คัน 2 ห้องแม่บ้าน 1 ห้องคนขับรถ และลิฟต์โดยสาร   จากแนวคิดการอยู่อาศัยแบบครอบครัวไทยในอดีต ดังนั้นทาง Foster + Partners จึงได้ใช้ Inspire การออกแบบมาจาก เรือนทรงไทยที่มีการยกใต้ถุนบ้าน เส้นสายของความเป็นบ้านไม้ที่นำเสนอมาในรูปแบบของ Facades สีคอปเปอร์ ที่นอกจากจะช่วยลดความร้อนจะแสงแดดภายนอกได้แล้ว ยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยภายในบ้านอีกด้วย     อีกหนึ่งความพิเศษ คือ การออกแบบบ้านให้มีลานจอดรถส่วนตัวที่บริเวณชั้นใต้ดิน ซึ่งสามารถรองรับการจอดได้อย่างน้อย 4 คัน (ไม่รวมการจอดซ้อนคัน) พร้อมงานระบบทั้งหมดที่จัดเตรียมมาแล้วอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเทอากาศและความชื้นในบริเวณชั้นใต้ดิน, รางระบายน้ำรอบบริเวณจอด, EV Charger, Tesla Powerwall อุปกรณ์สำรองไฟจากโซล่าเซลล์บนหลังคา, พื้นที่เอนกประสงค์ที่สามารถใช้เป็นห้องเก็บของหรือตกแต่งให้เป็น Man Cave Garage ทางโครงการก็ได้นำเสนอไอเดียไว้ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว       พื้นที่บริเวณชั้น 1 มีลักษณะเป็นใต้ถุนสูงซึ่งแบ่งพื้นที่ใช้งานเป็นโซน Service ต่างๆ เช่น Hobby Room, ห้องครัวไทย, ห้องซักผ้า, ห้องแม่บ้าน, ห้องคนขับรถ รวมถึงชานบ้านขนาดใหญ่ที่สามารถเพิ่มสระว่ายน้ำไว้ในบริเวณบ้านได้ด้วย และยิ่งในกรณีที่เลือกซื้อคลัสเตอร์ติดกัน เราสามารถเลือกที่จะไม่ต้องมีรั้วกั้นเพื่อให้พื้นที่บริเวณชั้น 1 เป็น Common Area ใช้งานร่วมกันภายในครอบครัวได้       ทางเข้าหลักบริเวณหน้าบ้านเป็นบันไดที่เดินขึ้นมายังลานบ้านบนชั้น 2 ได้เลย โดยจะให้บรรยากาศเหมือนกับเรือนไทยที่มีชานเรือนโล่งเชื่อมเรือนต่างๆ ไว้ด้วยกัน  ในโซนนี้จะแบ่งเป็นห้องรับแขกหลักที่กั้นพื้นที่ไว้เป็นสัดส่วน สามารถเปิดรับรองแขกได้เลยโดยไม่ต้องเดินเข้าไปยังส่วนอื่นๆ ของตัวบ้าน เป็นการเพิ่มความ Privacy ให้กับสมาชิกในบ้าน ในขณะเดียวกันห้องนี้ก็เชื่อมต่อกับพื้นที่ครัวเล็กที่ใช้สำหรับเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม ที่สามารถย้ายมาสังสรรค์ต่อแบบเบาๆ ที่บริเวณนี้ได้ ถัดจากครัวไปจะเป็นโถงกลางของบ้านที่จัดเป็นห้องประทานอาหารขนาดใหญ่เพื่อรองรับสมาชิกในครอบครัวขนาดใหญ่อย่างเต็มที่ ด้วยพื้นที่กว้างขวางและโอ่งโถงด้วย Double Ceilingเหมาะกับการจัดเลี้ยงสังสรรค์เป็นกรุ๊ปใหญ่ได้สบายๆ ซึ่งทางโครงการก็เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้พร้อม เช่น ลิฟต์ส่งอาหารจากครัวไทย และ Pantry สำหรับจัดอาหารก่อนเสิร์ฟ รวมถึงการจัดให้ที่พื้นที่แต่ละส่วนมีประตูกั้นจึงสามารถเลือกปิดประตูเพื่อให้เป็นสัดส่วน หรือจะเลือกเปิดประตูส่วนต่างๆ เพื่อขยายพื้นที่การใช้งานไปถึงชานบานกลางแจ้งได้ตามต้องการ     นอกจากนี้ ที่บริเวณชั้น 2 ยังมีโซนที่พักอาศัยเป็นห้องนอนขนาดใหญ่อยู่โซนด้านหลังของตัวบ้าน โดยทางโครงการเลือกจัดฟังก์ชันห้องให้เหมาะกับผู้สูงอายุ เพื่อจะได้สะดวกในการใช้งาน ในขณะเดียวกันก็เพิ่มห้องนอนเล็กที่อยู่ติดกันพร้อมห้องน้ำในตัวเพื่อให้สะดวกในกรณีที่ต้องมีผู้ช่วยดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิด ซึ่งห้องนี้จะมีประตู connect ถึงกัน เพื่อให้ผู้ดูแลอยู่ในบริเวณใกล้ๆ แต่ก็ได้พื้นที่พักผ่อนส่วนตัวไปพร้อมๆ กันด้วย       ถัดขึ้นมาที่บริเวณชั้น 3 ของตัวบ้าน ทางโครงการแบ่งพื้นที่ชั้นนี้เป็นห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัว และเลือกจัดวางในตำแหน่งมุมต่างๆ ของบ้าน จึงทำให้แต่ละห้องมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางรวมถึงมีทั้ง Walk-in Closet และมีระเบียงส่วนตัว ด้วยประโยชน์ของตำแหน่งห้องที่อยู่ในมุมต่างๆ ของบ้าน และทางโครงการติดตั้งกระจกบานใหญ่สูงจรดเพดานมาแทบจะรอบห้อง ทำให้สามารถรับแสงธรรมชาติ และเปิดรับวิวจากด้านนอกได้อย่างเต็มที่     ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Master Bedroom ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของบ้าน แน่นอนว่านอกจาก Walk-in Closet ขนาดใหญ่ถูกใจคุณผู้หญิงแล้ว ทางโครงการยังคิดถึงฟังก์ชันการใช้งานในชีวิตประจำวันมาแบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการวางงานระบบเตรียมพร้อมไว้ให้ด้วย เช่น โต๊ะแต่งหน้าที่หันเข้าหากระจกบานใหญ่เพื่อรับแสงธรรมชาติ มุมวางตู้แช่เครื่องสำอาง และอ่างล้างมือเล็กๆ บนโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น ซึ่งถูกใจคุณผู้หญิงมากๆ อย่างแน่นอน รวมถึงการเจาะช่องแสงด้านบนเพื่อให้ภายในห้องรับแสงธรรมชาติได้มากขึ้น และยังเป็นการประหยัดการใช้ไฟในช่วงกลางวันได้อีกทาง ในขณะเดียวกันห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ก็จัดเต็มทั้ง เคาน์เตอร์แบบ His & Her, Shower Box พร้อม Rain Shower และสุขภัณฑ์ที่สั่ง Custom มาเป็นพิเศษโดยเฉพาะ และอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวจากแบรนด์ชั้นนำ ส่วนบริเวณห้องนอนการจัดวางตำแหน่งเตียงให้หันออกไปด้านนอกเพื่อเปิดรับวิวจากด้านนอกได้อย่างเต็มที่ และด้วยกระจกใสบานใหญ่รอบด้านทำให้บรรยากาศภายในห้องโปร่งสบายตาเป็นพิเศษอีกด้วย     นอกเหนือจากการออกแบบและจัดวาง Layout บ้านที่แสดงถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดการใช้งานแล้ว การออกแบบในมิติที่ลงลึกเพื่อการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพมากขึ้นของลูกบ้านทางโครงการก็ใส่ใจในความละเอียดไม่แพ้กัน เช่น การออกแบบพื้นหล่อเย็นในห้องโถง เพื่อช่วยเพิ่มความเย็นในห้องและลดการใช้แอร์ให้น้อยลง, การออกแบบงานระบบทั้งหมดให้สามารถ Service ซ่อมแซมได้สะดวกจากภายนอก, การเลือกว่าตำแหน่งแอร์ที่ไม่ต้องติดตั้งท่อลมเพื่อลดการสะสมเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ รวมถึงระบบเครื่องปรับอากาศระบบ All in One ที่มีทั้งระบบเติมอากาศ การกรองฝุ่นขนาดเล็ก และการใช้น้ำเย็นจาก CUP แทนการใช้น้ำยา นอกจากจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าแล้ว ยังลดการสร้างความร้อนจากการระบายอากาศไปภายนอกด้วย     ความพิเศษทั้งหมดที่ทางโครงการ Mulberry Grove Villas ตั้งใจนำเสนอนี้ มีเพียง 37 ยูนิตเท่านั้น เพื่อตอบโจทย์แนวคิดหลักที่ต้องการให้ การอยู่อาศัยของครอบครัวใหญ่หลายเจเนอเรชั่น ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข โดยที่ยังได้ใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองไปพร้อมๆ กัน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบสวนป่าขนาดใหญ่ของโครงการ มิกซ์ยูส “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยพื้นที่กิจกรรมของครอบครัว, พื้นที่พักผ่อน, ร้านค้าปลีก, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม Sport Complex, Town Center และ Family Center ฯลฯ   ผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าเยี่ยมชมโครงการได้ที่ https://mqdc.com/our-business/theme-project/theforestias บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ The Forestias – เมืองต้นแบบกลางป่าใหญ่ในกรุงเทพฯ MQDC เปิดขาย “Whizdom The Forestias : Mytopia” อย่างเป็นทางการ “Mulberry Grove Sukhumvit” ใส่ใจเพื่อทุกคนในครอบครัว  
เรื่องสไตล์ไม่มีถูกผิด NocNoc แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ

เรื่องสไตล์ไม่มีถูกผิด NocNoc แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ

เรื่องสไตล์ไม่มีถูกผิด NocNoc แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายคนต้องปรับเปลี่ยนวิถีการทำงานมาเป็นรูปแบบ Work From Home ทำให้เวลาเกือบทั้งหมดถูกใช้ไปในมุมต่างๆ ภายในบ้าน แน่นอนว่าพอต้องอยู่บ้านนานๆ ก็ต้องนึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน อยากจะตกแต่งซ่อมแซมบ้าน หรือจัดมุมทำงานใหม่ ในขณะที่หลายคนเริ่มขยับขยาย หาบ้านใหม่ คอนโดใหม่ เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป    ถ้าเป็นคนรักบ้านและชื่นชอบการตกแต่งบ้านด้วยแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก NocNoc.com แพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ที่รวบรวมสินค้า เฟอร์นิเจอร์ วัสดุตกแต่งบ้านพร้อมบริการที่ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่ง ตรงกับสโลแกนที่ว่า “NocNoc เคาะจบทุกเรื่องบ้าน” เพราะแค่เข้าไปที่เว็บไซต์ก็สามารถเลือกหาวัสดุและสินค้าตกแต่งบ้านได้ตามหมวดหมู่ต่างๆ ที่ต้องการ ตั้งแต่หมวด “Home Improvement” ที่รวบรวมสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง วัสดุปูพื้น งานต่อเติมหนักๆ ทั้งหลาย หรือจะเป็นหมวด “Home and Living” ที่เป็นกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งหลากหลายรูปแบบ และหมวด “Home Appliance” ซึ่งรวบรวมสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านไว้เพียบ ซึ่งปัจจุบัน NocNoc.com เป็น marketplace ที่มีสินค้ามากกว่า 200,000 รายการ จากผู้ขายกว่า 2,000 รายเลยทีเดียว แถมยังสามารถเปรียบเทียบราคาพร้อมรับดีลพิเศษจากร้านค้าอีกด้วย      จากแพลตฟอร์มบนเว็บไซต์ที่หลายคนคุ้นชินและเรียกชื่อ NocNoc.com กันจนติดปากมาแล้วกว่า 3 ปี ล่าสุดทางเว็บไซต์ได้มีการ Rebranding ชื่อเรียกมาเป็น “NocNoc” เพื่อให้กระชับมากขึ้น พร้อมเปิดตัว Application บนมือถือในชื่อเดียวกัน ด้วยประสบการณ์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา NocNoc เล็งเห็นความต้องการและปัญหาที่ผู้บริโภคพบเจอเวลาที่อยากหาสไตล์การตกแต่งบ้านที่ตรงใจ แต่อาจจะจับต้นชนปลายไม่ถูก หรือนึกไม่ออกว่าจะหาเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการได้จากที่ไหน และถ้าต้องหาช่างมาซ่อมแซมบ้านด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะหาช่างที่ถูกใจ    NocNoc จึงมุ่งมันที่จะเป็น Complete Journey ด้านการตกแต่งบ้าน โดยมีการพัฒนาและปรับปรุงแพลตฟอร์มให้ใช้งานได้ง่าย ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง รวมถึงหาช่างผู้มีความเชี่ยวชาญในสายงานได้ครบจบทุกขั้นตอนในที่เดียว และยังมุ่งเน้นให้ NocNoc เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนได้สนุกสนานกับการตกแต่งบ้านได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และค้นหาทุกสไตล์ที่เป็นตัวเองได้ง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส ทั้งบนเว็บไซต์ NocNoc และ NocNoc Application ซึ่งเราจะพาไปดูกันว่าทำไม NocNoc Application ถึงสะดวกกว่า สบายกว่าเดิม และจะช่วยแก้ปัญหาการตกแต่งบ้านได้ดีขึ้นกว่าเดิมจริงมั้ย? เพราะสไตล์เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีถูกผิด ทุกคนมีความต้องการอยากให้บ้านน่าอยู่และตกแต่งในสไตล์ที่ตรงใจ แสดงความเป็นตัวเองได้มากที่สุด แต่บางครั้งการเลือกหาของตกแต่งบ้านก็ทำให้เราจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะหาสิ่งที่ต้องการได้จากที่ไหน หรืออาจจะอธิบายไม่ถูกด้วยซ้ำว่าสไตล์ที่ชอบที่เรากำลังค้นหาเรียกว่าสไตล์อะไรกันแน่ พอเราไปเลือกดูภาพสวยๆ ตามอินเตอร์เน็ต บางทีไอเดียในหัวก็พรั่งพรูมาเรื่อยๆ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นก็ดี ผนังสีนี้ก็สวย แล้วโซฟาในห้องนั่งเล่นต้องสไตล์ไหนดี? เชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะต้องเคยเกิดขึ้นกับทุกคนแน่นอน และถึงแม้ว่าสิ่งที่เราชอบจะไม่ตรงกับสไตล์มาตรฐาน ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกคนมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นสไตล์การตกแต่งบ้านของเราก็ไม่จำเป็นต้องซ้ำแบบกับใคร..ใช่มั้ยล่ะ?   ถ้าเราลองสมัครเข้ามาที่ NocNoc Application แค่ขั้นตอนแรกก็ช่วยให้เรา “ค้นพบแรงบันดาลใจที่จะสร้างสไตล์แบบเวรี่คุณ” ได้แล้ว แค่ลองไปเลือกภาพสไตล์ที่โดนใจบน NocNoc Application จากนั้น AI ก็จะคำนวณให้เรียบร้อยแล้วว่า ความชอบของเรามีส่วนผสมของสไตล์อะไรบ้าง แต่ละสไตล์คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรารู้สึกว้าวมากกับฟังก์ชั่นนี้ เพราะจากที่เราคิดว่าเราเป็นคนที่ชอบสไตล์ Minimal, Japandi หรือ Industrial แต่สไตล์ในชีวิตจริงเกิดจากการผสมผสานสไตล์ต่างๆ เอาไว้ด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความชื่นชอบส่วนตัว เมื่อเรารู้จักสไตล์ของตัวเองแล้ว การตกแต่งบ้านของเราก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น แถมยังทำให้ “แรงบันดาลใจ” ที่เราเห็นมีความชัดเจนและกลายเป็น “แรงบันดาลจริง” ได้ที่บ้านของเรา   พอเราค้นพบตัวตนและสไตล์ที่แท้จริงของเราแล้ว ไม่ว่าเราอยากจะเลือกตกแต่งห้องไหนในบ้าน ก็แสนจะง่ายดาย เพราะใน NocNoc Application มีตั้งแต่ภาพตัวอย่างบ้านมากมายให้ดูเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ช่วยทำให้เราเห็นภาพห้องที่อยากได้มากขึ้น ว่าอยากจะตกแต่งแบบไหน  และด้วยความที่ NocNoc เป็นศูนย์รวมสินค้า วัสดุ เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านไว้มากมาย แต่การจะหาสินค้าสไตล์ที่ใช่ในราคาโดนใจ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ NocNoc จัดแบ่งประเภทสินค้าไว้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน รวมถึงการเลือกช้อปปิ้งตามประเภทห้องที่ต้องการได้เลย ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น, ห้องกินข้าว, ห้องทำงาน, ห้องนอน, ห้องครัว, ห้องน้ำ ฯลฯ หรือ เลือกจากสไตล์ภาพตัวอย่างที่ชอบก็ได้เช่นกัน แค่คลิกเข้าไปในภาพ ก็จะมี tag แจ้งชื่อรุ่น และขนาดไว้เรียบร้อย อีกทั้งยังสามารถคลิกต่อไปที่หน้าสั่งซื้อ พร้อมรับคูปองส่วนลดเพิ่มจาก NocNoc ได้เลยทันที      ส่วนถ้าใครยัง No Idea และกำลังต้องการหา “Your Home Inspirealtion แรงบันดาลจริงให้บ้านคุณ” จาก NocNoc เราอยากแนะนำให้ Download NocNoc Application ใส่มือถือเอาไว้เลย ซึ่งสามารถติดตั้งได้ทั้งระบบ Android และ iOS จากนั้นค่อยๆ หาแรงบันดาลใจของคุณผ่านทางภาพตัวอย่างหลากหลายสไตล์ที่คุณสามารถเซฟแบบที่ใช่ สไตล์ที่ชอบไว้เป็นคอลเล็คชั่นส่วนตัวได้ตลอดเวลา พร้อมเมื่อไหร่ก็แค่กดสั่งซื้อ แล้วรอรับสินค้าที่บ้านได้เลย สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินเข้าห้างให้เสี่ยงโควิด-19 แถมยังได้สินค้าราคาคุ้มค่าสุดๆ อีกด้วย   Download NocNoc Application ได้แล้ววันนี้ App Store / Google Play : https://bit.ly/3ahhAxb      
DTGO คว้ารางวัลองค์กรมีจริยธรรมมากที่สุดในโลก ปี 2022 แห่งแรกของไทยที่ได้รับต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อน

DTGO คว้ารางวัลองค์กรมีจริยธรรมมากที่สุดในโลก ปี 2022 แห่งแรกของไทยที่ได้รับต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อน

DTGO คว้ารางวัลองค์กรมีจริยธรรมมากที่สุดในโลก ประจำปี 2022 หนึ่งใน 135 องค์กรทั่วโลก และเป็นองค์กรแรกของไทยที่ได้รับต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อน จากการวางเป้าหมายสำคัญ ในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ทุกคนและสังคม ตามอุดมการณ์ ​ “Adding Value in Everything We Do” พร้อมจัดสรรงบ 2% ของรายรับสูงสุด ดำเนินโครงการภาคสังคม   รายงานข่าวจาก บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ DTGO  เปิดเผยว่า สถาบัน Ethisphere ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในการกำหนดและพัฒนามาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ได้คัดเลือกให้ DTGO เป็นหนึ่งในองค์กรที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุดในโลกประจำปี 2022 หรือ 2022 “World’s Most Ethical Companies”   โดยในปี 2022 มีองค์กรที่ได้รับการคัดเลือกจากสถาบัน Ethisphere ให้เป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมทั้งสิ้น 135 องค์กร จาก 22 ประเทศ และ 45 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่ง DTGO ได้รับรางวัล “World’s Most Ethical Companies” ติดต่อกันถึง 4 ปี นับตั้งแต่ได้รับครั้งแรกในปี 2019 นับเป็น​องค์กรภาคธุรกิจแห่งแรกในประเทศไทย ที่สามารถคว้ารางวัลดังกล่าวต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อน     สำหรับ DTGO ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญด้านธุรกิจและสังคม มีเป้าหมายสำคัญในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดี ให้กับทุกคนและสังคมทุกรุ่น ภายใต้อุดมการณ์ “Adding Value in Everything We Do” หรือการเพิ่มคุณค่าในทุกสิ่งที่ทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม   โดย DTGO ดำเนินธุรกิจมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นำโดยบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ จำกัด (MQDC) ธุรกิจการเงินดิจิตอล นำโดยบริษัทดิจิต้าไลฟ์  จำกัด ธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการร่วมทุนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยร่วมก่อตั้งบริษัทโอโบดรอยด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Obodroid) และ บริษัทโอโบตรอนส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Obotrons) ในการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์และนวัตกรรม รวมถึง Home Intelligent Systems ธุรกิจการค้าที่มีบริษัทดี ซูพรีม คอร์ปอเรชั่น จำกัดเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาและการค้าระดับโลก และธุรกิจพลังงาน โดยบริษัทยูนิสัส กรีน เอ็นเนอร์จี จำกัด ในการออกแบบและดำเนินงานด้านระบบพลังงานและสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น   จากความหลากหลายทางธุรกิจ ส่งผลให้ DTGO มีความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ซึ่งทำให้ DTGO สามารถรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา MQDC หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ DTGO ได้ร่วมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามแสงแห่งใจ โรงพยาบาลสนามภาคเอกชนแห่งแรกในไทย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่บริษัทฯ ได้ริเริ่มให้กับสังคม   โดยโรงพยาบาลสนามแสงแห่งใจนี้ นับเป็นการบูรณาการทักษะความรู้ของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีโดยโอโบดรอยด์ คอร์ปอเรชั่น ที่พัฒนา “ไข่ต้ม ฮอสพิทอล” (KaitommHospital) หรือระบบ Telemedicine Tablet สำหรับให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์สื่อสารกับผู้ป่วยแบบไร้การสัมผัส หรือพัฒนา “หุ่นยนต์ปิ่นโต” ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ทำหน้าที่ส่งอาหาร เครื่องดื่ม และยาภายในโรงพยาบาลสนาม   ทุ่มงบ 2% เพื่อกิจการสังคม DTGO ได้ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคม จึงดำเนินงานภายใต้แนวทาง Social Integrated Business อย่างมุ่งมั่น พร้อมกับมีการจัดสรร 2% ของรายรับสูงสุด ให้กับการริเริ่มและดำเนินโครงการภาคสังคมด้านต่าง ๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงมูลนิธิพุทธรักษาที่เน้นด้านการศึกษา สมาคมบลูคาร์บอนโซไซตี้ ที่เน้นด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งงานด้านสาธารณสุขที่ร่วมมือกับองค์กรและมูลนิธิต่าง ๆ เป็นต้น   สำหรับการได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน World’s Most Ethical Companies ถึง 4 ปีซ้อน ถือเป็นการตอกย้ำถึงการ “ดำเนินงานบนพื้นฐานของหลักจริยธรรม” ตามมาตรฐานระดับโลกของ DTGO  เนื่องจากการประเมินของสถาบัน Ethisphere มีความเข้มงวด และมีระบบการประเมินมาตรฐานระดับสากล ภายใต้ระบบการประเมิน Ethics Quotient (EQ) ซึ่งผู้ที่จะได้รับการคัดเลือก ต้องผ่านเกณฑ์ภายใต้ 5 หมวดหลัก ได้แก่ 1.ด้านกระบวนการดำเนินงาน 2.ด้านจริยธรรมและการกำกับดูแล 3.ด้านการสร้างวัฒนธรรมด้านจริยธรรม 4.ด้านหน้าที่และความรับผิดชอบขององค์กรในฐานะพลเมืองที่ดี 5.ด้านการกำกับดูแลกิจการ และด้านความเป็นผู้นำและชื่อเสียงขององค์กร   นอกจากนี้ สมาชิกองค์กรทุกคนที่ DTGO เชื่อว่าจริยธรรมและความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จอย่างยั่งยืนขององค์กร อีกทั้งความสำเร็จทางธุรกิจจะมีส่วนทำให้บรรลุเป้าหมายในการช่วยสังคมและโลกใบนี้ รวมไปถึงส่งเสริมการอนุรักษ์ระบบนิเวศและทำให้ทุกคนค้นพบศักยภาพสูงสุดในชีวิต (สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับ DTGO เพิ่มเติมได้ที่ www.dtgo.com)   รายชื่อองค์กรที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นองค์กรที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมประจำปี 2565 https://worldsmostethicalcompanies.com/honorees.   บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ เปิดขายบ้าน-คอนโดใน “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ทำอสังหาฯ ต้องแตกต่าง MQDC เปิด Whizdom Club    
Ozone ดีๆ มีที่รังสิต คลอง3 – ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง3 [VDO]

Ozone ดีๆ มีที่รังสิต คลอง3 – ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง3 [VDO]

Ozone ดีๆ มีที่รังสิต คลอง3 - ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง3 Review Your Living ครั้งนี้ เราจะพาไปสูดโอโซนให้เต็มปอดกันที่ "ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง3" โครงการทาวน์โฮมสดใส สไตล์ Modern Botanical จาก บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมาพร้อม Ozone Garden ให้คุณได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติตลอด 365 วัน เพิ่ม Flexi Function สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามใจ ตอบรับกับวิถีชีวิตใหม่ ท่ามกลางทําเลศักยภาพ ที่ตอบโจทย์ Generation-C อย่างไร้ขีดจํากัด เพียบพร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลางจัดเต็ม อาทิ สโมรสร พร้อมฟิตเนส สระว่ายนํ้า , Pets Zone และสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ มั่นใจเรืองความสะอาดปลอดภัยในการใช้บริการ     แบบของบ้านโครงการ ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง3 มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ ซึ่งดีไซน์มาในสไตล์ Modern Botanical พร้อมกับฟังก์ชันภายในบ้าน ที่เรียกว่า Flexi Function ที่เราสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะใช้เป็นห้องนอนเล็ก ห้องทำงาน ห้องออกกำลังกาย ห้องแต่งตัว หรือแม้แต่ห้องสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวน้อย ก็สามารถเลือกปรับได้ทุกรูปแบบ   Bloom : 2 ห้องนอน 1ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้องนํ้า 1 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 92 ตร.ม. เริ่มต้น 17 ตร.ว.   Blossom : 3 ห้องนอน 1ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้องนํ้า 2 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 120 ตร.ม. เริ่มต้น 18.4 ตร.ว.   ตัวโครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวกสบาย เข้าออกได้ทั้งฝั่งถนนรังสิต-นครนายก และถนนคลองหลวง แถมยังมีทางด่วนอุตราภิมุขอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ทำให้การเดินทางเข้าออกเมืองเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ ยังแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ห้างสรรพสินค้า และตลาด •ตลาดพระยาสมาน 1.2 กม •Big c คลอง3 1.7 กม •ตลาดพาเจริญ 2 กม •Future Park รังสิต 8.2 กม. •Zpell 8.4 กม. •ตลาดรังสิต 8.4 กม. สถาบันการศึกษา •รร. สีวลีคลองหลวง 1.6 กม. •รร. นานาชาติสยาม 3.6 กม. •รร. สวนกุหลาบวิทยาลัย 4.9 กม. •ม.กรุงเทพ 11.1 กม. •ม.อีสเทิร์นเอเชีย 11.5 กม. •ม.ธรรมศาสตร์ 11.6 กม. •ม.ราชมงคลธัญบุรี 12.6 กม. •ม.รังสิต 14.1 กม. โรงพยาบาล •รพ. บางปะกอกรังสิต 6.4 กม. •รพ. เปาโลรังสิต 8.5 กม. •รพ. ปทุมเวช 10.3 กม. •รพ. แพทย์รังสิต 10.5 กม. •รพ. ธัญบุรี 10.6 กม. •รพ. ธรรมศาสตร์ 11.9 กม.   ทั้งหมดนี้ เปิดให้จับจองแล้วในราคาเริ่มต้น 1.99-2.69 ล้านบาท สนใจติดต่อ Tel. 086-3258839  หรือ https://www.facebook.com/MunkongFamily   โครงการอื่นที่น่าสนใจ ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง 1 ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่ คลับ (ชวนชื่น) ปทุมธานี    
“รัชดา-วงศ์สว่าง” น่าอยู่อย่างไร?

“รัชดา-วงศ์สว่าง” น่าอยู่อย่างไร?

“รัชดา-วงศ์สว่าง” น่าอยู่อย่างไร?   พื้นที่ในย่าน “รัชดา-วงศ์สว่าง” โซนที่เรียกได้ว่า เป็นพื้นที่ของการอยู่อาศัยขนาดใหญ่มานาน เนื่องจากการขยายตัวของชุมชน จากโซนบางซื่อมาจนถึงวงศ์สว่างจะเห็นได้ว่ามีหมู่บ้านเก่าแก่เกิดขึ้นมากมาย ประกอบกับในบริเวณนี้ยังเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ ด้วยเหตุที่มีสำนักงานใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ใกล้กับชุมทางรถไฟบางซื่อ ใกล้สถานีขนส่งหมอชิต แล้วยังมีพื้นที่ของหน่วยงานภาครัฐอีกมากมาย บริเวณนี้จึงมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน   สะดวกเดินทาง “รัชดา-วงศ์สว่าง” น่าอยู่อย่างไร? “แยกวงศ์สว่าง” เป็นแยกสำคัญที่เป็นจุดเชื่อมต่อถนนสายสำคัญเข้าด้วยกัน โดยมี “ถนนวงศ์สว่าง” และ “ถนนรัชดาภิเษก”  ตัดกับ “ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี” ซึ่งมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงยาวตลอดสาย จากแหล่งที่อยู่อาศัยเดิมที่เป็นบ้านแนวราบ และอาคารพาณิชย์เสียเป็นส่วนใหญ่ ก็มีเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมผุดขึ้นมากมายตามแนวรถไฟฟ้า ที่ดินในโซนนี้จึงถูกพัฒนาเกือบเต็มพื้นที่ และอาจมีการชะลอตัวเล็กน้อยในช่วงที่รถไฟฟ้า MRT ทั้ง 2 สายยังไม่เชื่อมต่อถึงกัน   หลังจากที่รถไฟฟ้าสายสีม่วงได้เชื่อมการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเสร็จสมบูรณ์ ก็ทำให้ทำเลในย่านวงศ์สว่างกลับมาเป็นที่น่าจับตาอีกครั้ง นอกจากนี้ การใช้รถส่วนตัวก็เป็นอีกทางเลือกที่ยังคงสะดวกมากเช่นกัน ด้วยเป็นทำเลที่มีจุดขึ้นลงทางด่วนอยู่ไม่ไกล แถมยังมีหลายด่านให้เลือกใช้ เช่น ด่านประชาชื่น, ด่านรัชดาภิเษก และด่านบางกรวย ในขณะที่ถนนรัชดาภิเษกซึ่งถือเป็นถนนวงแหวนรอบในของกรุงเทพฯ ก็เป็นถนนสายสำคัญที่ตัดผ่านใจกลางเมือง ใจกลางย่านธุรกิจ ทั้งฝั่งธนบุรีและพระนคร ไปจนถึงนนทบุรีกันเลยทีเดียว     และ “สถานีกลางบางซื่อ” ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางระบบรางขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและอาเซียน ก็เป็นอีกชุมสายของการเดินทางที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นทั้งชุมทางของรถไฟฟ้าทั้ง 3 สาย รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม, รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน อีกทั้งยังเป็นสถานีรถไฟหลักแห่งใหม่ของไทย แทนสถานีหัวลำโพงเดิม และในอนาคตจะเป็นสถานีรองรับระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงอีกด้วย ความเป็นศูนย์กลางการเดินทางระบบรางที่สำคัญนี่เอง จะทำให้การเดินทางไปยังภาคส่วนต่างๆ ของประเทศไทยมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก   “ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง” คอนโดมิเนียมติดใจกลางเมือง   อย่างที่เกริ่นกันไปแล้วในเรื่องความเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของย่าน  “รัชดา-วงศ์สว่าง” ดังนั้นเราจะพาไปทำความรู้จักกับโครงการใหม่ล่าสุดจาก บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่กำลังจ่อคิวเปิดตัวในเร็ววันนี้     โครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง ปักหมุดริมถนนรัชดาภิเษก (ขาเข้า) ช่วงระหว่างแยกวงศ์สว่าง และแยกประชานุกูล เป็นจุดที่สามารถเดินทางได้สะดวก ไม่ว่าจะเดินทางเข้าสู่ใจกลางรัชดา ศูนย์รวมธุรกิจขนาดใหญ่ที่ได้รับการขนานนามว่า New CBD ของกรุงเทพฯ ตลอดเส้นทางที่ถนนรัชดาภิเษกตัดผ่านเราจะเห็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่มากมายที่เราคุ้นเคย  อีกทั้งหน่วยงานราชการ โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย รวมไปถึงแหล่งช้อปปิ้ง แฮงค์เอ้าท์มากมายเต็มไปหมด อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ (SCB), อเวนิว รัชโยธิน, เมเจอร์ รัชโยธิน, ตึกช้าง, สำนักงานอัยการสูงสุด, โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม, มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม, ศาลแพ่ง, ศาลอาญา, เมืองไทยภัทร คอมเพล็กซ์, บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต, เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา, เดอะ สตรีท รัชดา, CW Tower, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า รัชดา, เอสพลานาด รัชดา, ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สถานทูตจีน, อาคารทรู ทาวน์เวอร์, เซ็นทรัล พระราม9, ฟอร์จูน ทาวน์เวอร์, G Tower ฯลฯ   ในขณะที่จากทางแยกวงศ์สว่างไป ยังมีแหล่งงานขนาดใหญ่อย่าง สำนักงานใหญ่ ปูนซีเมนต์ไทย, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เป็นต้น     ถ้าจะบอกว่าตำแหน่งที่ตั้งของโครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง มีความเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยก็คงจะไม่เกินเลยนัก โดยเฉพาะกับกลุ่มวัยทำงานที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมใกล้แหล่งงาน มีการเดินทางสะดวก และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้อย่างรอบด้าน ถึงแม้ว่าในปัจจุบันบริเวณใกล้ๆ ที่ตั้งโครงการจะไม่มีร้านสะดวกซื้อในระยะที่เดินถึง และบางคนอาจจะมองว่าขาดความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องอาหารการกินไปบ้าง แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าขับรถหรือขยับออกไปทางแยกวงศ์สว่างซักนิด ก็จะเจอกับแหล่งช้อปปิ้งหลักของคนในย่านนี้อย่าง “วงศ์สว่างทาวน์เซ็นเตอร์”  หรือที่รู้จักและเรียกกันติดปากว่า “Big C วงศ์สว่าง” ซึ่งอยู่คู่แยกวงศ์สว่างมาอย่างยาวนาน และปัจจุบันพื้นที่ทั้งหมดกำลังมีการปรับปรุงโฉมครั้งใหญ่ คาดว่าจะมีร้านค้าชั้นนำมากขึ้น รวมถึงร้านอาหารชื่อดังก็จะตามมาเปิดให้บริการอีกมากมาย  ซึ่งบรรยากาศโดยรอบนี้น่าจะเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่ ให้เลือกอีกพอสมควร และก็อยู่ไม่ห่างจากโครงการมากนัก หรือถ้าหากยังคิดว่าอยากให้ใกล้กว่านี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จ พื้นที่ร้านค้าภายในโครงการจะมีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ให้บริการด้วย เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกบ้านไม่ต้องเหนื่อยเดินให้ไกลอีกต่อไป   HIGHLAND LIVELIHOOD – เปิดรับวิวมุมสูงแบบเต็มตา โครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 18 ชั้น จำนวน 3 อาคาร ที่มีแนวคิดในการออกแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตบนที่สูงได้อย่างเต็มที่ จัดเต็มด้วย Roof TopFacilities ส่วนกลางที่ยกขึ้นไปไว้บนชั้น 18 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร พร้อมเชื่อมต่อพื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้าทั้ง 3 อาคารด้วย Jogging Track ยาว 340 เมตร เพื่อให้ลูกบ้านทุกคนได้ใช้ Facility ได้อย่างอิสระเต็มที่ และเพิ่มมุมมองการเปิดรับวิวเมืองได้กว้างเต็มสายตา โดยมีสระว่ายน้ำ ระบบน้ำเกลือ ความยาว 30 เมตร, Kids Zone และ Relaxing Pavillion อยู่บนอาคาร A ส่วน Fitness, Co-Living Spaceและ Backyard Garden จะอยู่บนอาคาร B และบนอาคาร C จะเป็นพื้นที่ของ Co-Working Space ที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองในปัจจุบันที่ต้องการพื้นที่สำหรับสร้างสรรค์แรงบันดาลในการทำงานอย่างไม่รู้จบ     พื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการไม่ได้จำกัดอยู่แต่บนชั้นดาดฟ้าเท่านั้น ด้วยไอเดียการออกแบบที่ต้องการเน้นความเรียบง่าย สงบ แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงความหรูหราเอาไว้ด้วย โทนสีที่ใช้จึงเป็น Mono Tone และคุมธีมภายในเน้นใช้ Meterial หินลายธรรมชาติเป็นหลัก ให้ฟิลแบบการพักผ่อนในรีสอร์ท พร้อมด้วยพื้นที่สีเขียวกว่า 3 ไร่ และเสริมด้วย Green Wall สอดแทรกธรรมชาติในทุกส่วนของโครงการ ในขณะที่รูปแบบการใช้ชีวิตแบบ New Normal ก็ถูกจัดเป็นส่วนหนึ่งที่ทางโครงการให้ความสำคัญ ด้วยการออกแบบให้มีจุด Delivery Pick Up แยกเป็นสัดส่วนในทุกอาคาร, มีห้องเก็บพัสดุ และประตูอัตโนมัติเพื่อลดการสัมผัส   ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ พื้นที่ภายในโครงการยังใส่ใจการออกแบบแบบ Universal Design เพื่อรองรับผู้พิการ หรือผู้ที่ต้องใช้ Wheel Chair ให้สามารถใช้ชีวิตได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น แถมยังเตรียมพร้อมรองรับการใช้รถไฟฟ้าที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นด้วย จุดจอด EV Charger ภายในโครงการ หรือถ้าหากไม่สะดวกจะใช้รถส่วนตัว ทางโครงการก็จัดเตรียม Shuttle Bus ไว้บริการรับ-ส่ง ถึง MRT สถานีวงค์สว่างไว้ให้เรียบร้อยเลยทีเดียว     นอกจากนี้ การออกแบบและว่า Layout ห้องก็มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ โดยมีไฮไลท์ อยู่ที่แปลนห้อง 1 ห้องนอน ซึ่งเป็นแบบห้องที่เพิ่ม Favorite Corner แยกจากห้องนอน สามารถใช้เป็นห้องทำงานเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่ต้อง WFH กันมากขึ้น พร้อมด้วยเพดานสูงถึง 2.7 เมตร ทำให้บรรยากาศภายในห้องกว้างและโปร่งสบายมากขึ้น รวมถึงยังมีแบบห้องที่น่าสนใจอื่นๆ ทั้งห้องแบบ Loft และแบบ 2 ห้องนอนที่เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก หรือกลุ่มคนที่กำลังต้องการขยับขยายที่อยู่ใหม่เพื่อสร้างครอบครัว     ปัจจุบัน ณ ที่ตั้งโครงการ ได้เปิด Sale Gallery ให้เข้าสัมผัสบรรยากาศของห้องตัวอย่างได้แล้ว ซึ่งมีให้เข้าชมด้วยกัน 2 Type ในขนาด 35 ตร.ม. เหมือนกัน แต่ต่างกันที่ Layout ห้อง ซึ่งทำออกมาได้น่าสนใจทั้งคู่เลย พื้นที่ใช้สอยกำลังดี ฟังก์ชันที่จัดไว้ก็เหมาะกับการอยู่อาศัย 1-2 คน หรือกลุ่มคนทำงานที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ๆ แหล่งงานและเดินทางสะดวก           ถ้าหากว่าคุณกำลังมองหาคอนโดมิเนียมที่เดินทางสะดวกสบาย มีบรรยากาศที่เหมาะสมในการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะไว้อยู่อาศัยเองหรือเพื่อการปล่อยเช่า โครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดา-วงศ์สว่าง ก็น่าจะเป็นคอนโดมิเนียมที่ต้องเก็บไว้พิจารณาในลำดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ ด้วยความเป็นโครงการใหม่ล่าสุดของย่านนี้ และเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนทำงานได้เป็นอย่างดี ในราคาเริ่มต้น 1.7 ล้านบาท*   ถ้าไม่รีบตัดสินใจจับจอง โอกาสพลาดการเป็นเจ้าของน่าจะมีสูง!!   บทความน่าสนใจ “สามเสน-ราชวัตร” ย่านนี้มีเรื่องราว เตาปูน ของเราน่าอยู่ [VDO Review Around] ศุภาลัย เดินหน้าลุยตลาดคอนโด เตรียมเปิด 4 โปรเจ็กต์ใหม่    
แกรนด์ สิวารมณ์ สุขุมวิท-บางปู บ้านเดี่ยว 4 ห้องนอน ท่ามกลางบรรยากาศสุดชิล

แกรนด์ สิวารมณ์ สุขุมวิท-บางปู บ้านเดี่ยว 4 ห้องนอน ท่ามกลางบรรยากาศสุดชิล

แกรนด์ สิวารมณ์ สุขุมวิท-บางปู บ้านเดี่ยว 4 ห้องนอน ท่ามกลางบรรยากาศสุดชิล รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปชมบ้านเดี่ยว สไตล์ Modern English Victorian ภายใต้แบรนด์ “แกรนด์ สิวารมณ์ สุขุมวิท-บางปู" บ้านเดี่ยวบรรยากาศบ้านพักตากอากาศ ติดถนนสุขุมวิท จาก บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด มาแนะนำให้รู้จักกัน ซึ่งปักหมุดในย่านบางปูที่มีชื่อเสียงมายาวนานในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติใกล้กรุงเทพฯ และเหมาะแก่การพักผ่อน ชมนกนางนวลที่อพยพมาในช่วงต้นฤดูหนาวของทุกปีด้วย   ถ้าพูดถึงชื่อ “บางปู” คงไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน ในโซนนี้เป็นพื้นที่ที่รองรับการขยายตัวจากเขตกรุงเทพฯ มาอย่างยาวนาน มีถนนสายหลักอย่าง “ถนนสุขุมวิท” ตัดผ่านเพื่อเป็นเส้นทางในการเดินทางสู่ภาคตะวันออกมาก่อนถนนบางนา-ตราด และถนนสายอื่นๆ ในปัจจุบัน เราจึงเห็นว่าในย่านนี้เป็นทั้งที่ตั้งของโครงการนิคมอุตสาหกรรมมากมาย เป็นทั้งแหล่งรวมของโกดัง ศูนย์กระจายสินค้า รวมทั้งมีการขยายตัวของแหล่งที่อยู่อาศัยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาด้านคมนาคมตลอดเวลา การเดินทางสะดวก มีถนนเชื่อมต่อเส้นทางหลักได้หลายสาย เช่น ถนนสุขุมวิท ถนนเทพารักษ์ ถนนแพรกษา ถนนบางนา-ตราด ฯลฯ และยังมีรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม ซึ่งปัจจุบันมีสถานีเคหะเป็นสถานีปลายทาง  แต่ต่อไปในอนาคตส่วนต่อขยายจากสถานีเคหะ จะขยายต่อมาถึง “โซนบางปู” โดยมาสุดที่สถานีตำหรุ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ที่อาศัยในย่านนี้เดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น     ปักหมุดทำเลดี  แกรนด์ สิวารมณ์ สุขุมวิท-บางปู บ้านเดี่ยวเพื่อการอยู่อาศัย ที่ตั้งของโครงการ แกรนด์ สิวารมณ์ สุขุมวิท-บางปู อยู่ติดถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ซึ่งมีการเดินทางที่สะดวกไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเข้าเมือง หรือเดินทางสู่โซนตะวันออกของไทย แถมยังเป็นทำเลที่มีรถไฟฟ้าเข้าถึงแล้วอีกด้วย ในขณะที่บริเวณรอบๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้าเพื่อการจับจ่ายใช้สอย โรงเรียน มหาวิทยาลัยชั้นนำ  สถานพยาบาลก็มีครบ ใกล้แหล่งท่องเที่ยวอย่าง สถานตากอากาศบางปู เมืองโบราณ อีกทั้งยังมีแหล่งงานขนาดใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู นิคมอุตสาหกรรม บางพลี และศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่อีกมากมาย แต่ด้วยทำเลที่ห่างออกจากโซนนิคมอุตสาหกรรมบางปูมาพอสมควร จึงได้บรรยากาศของเมืองตากอากาศอย่างเต็มที่ และเหมากับการอยู่อาศัยเป็นอย่างมาก   ห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง โรบินสัน สมุทรปราการ บิ๊กซี สมุทรปราการ บิ๊กซี บางพลี โลตัส บางปู แมคโคร บางพลี โฮมโปร สุวรรณภูมิ เซ็นทรัล วิลเลจ เมกา บางนา อิเกีย บางนา   สถานศึกษาใกล้เคียง โรงเรียนสวนกุหลายวิทยาลัย สมุทรปราการ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี สมุทรปราการ   สถานพยาบาลใกล้เคียง โรงพยาบาลรามาฯ สมุทรปราการ โรงพยาบาลรัทรินทร์ บางปู โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.บางปูใหม่ โรงพยาบาล บางนา 2 โรงพยาบาลศครินทร์ สมุทรปราการ   สถานที่ใกล้เคียงอื่นๆ นิคมอุตสาหกรรม บางปู นิคมอุตสาหกรรม บางพลี สถานตากอากาศบางปู เมืองโบราณ   บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern English Victorian พร้อมบรรยากาศแห่งการพักผ่อน แกรนด์ สิวารมณ์ สุขุมวิท-บางปู มีคอนเซปต์การออกแบบตัวบ้านมาในสไตล์ Modern English Victorian ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยเน้นที่ความหรูหรา กว้างขวางอยู่สบาย สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยเพื่อทุกคนในครอบครัว โดยมีจุดเด่นที่ฟังก์ชันภายในบ้านที่แบ่งเป็น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ บนที่ดินตั้งแต่ขนาด 50 ตารางวาเป็นต้นไป   ภายในพื้นที่โครงการขนาด 50 ไร่ ประกอบไปด้วยบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 227 ยูนิต ที่มีรูปแบบการดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย โดยมีแบบบ้านให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ ซึ่งแตกต่างกันไปด้วยพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน และขนาดของที่ดิน พร้อมฟังก์การใช้งานที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของทุกคนในครอบครัว ทุกแบบบ้านมีห้องน้ำ Master Bedroom ขนาดใหญ่ พร้อมห้องน้ำในตัว รวมถึงห้องอเนกประสงค์บริเวณชั้นล่าง ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย ทั้งเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ ใช้เป็นห้องพักผ่อน หรือใช้เป็นห้องทำงานก็ได้ตามแต่ไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้าน โดยมีแบบบ้านให้เลือกดังนี้   S – Simon บ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 159 ตารางเมตร ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ     แบบบ้าน Simon มีขนาดกำลังดี เหมาะกับผู้ที่กำลังต้องการขยายครอบครัว และต้องการพื้นที่ส่วนตัวให้กับสมาชิกภายในบ้าน บริเวณชั้นล่างแบ่งเป็น Living Area ที่เปิดโล่งและเปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ด้วยความสูงของเพดานที่สูงถึง 2.70 เมตรในบริเวณชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 เพดานสูงถึง 2.85 เมตร บริเวณ Living Area สามารถแบ่งการใช้สอยออกเป็นห้องรับแขก และห้องรับประทานอาหารได้สบายๆ รวมถึงห้องนอนชั้นล่าง ก็สามารถใช้เป็นห้องทำงาน หรือห้องนอนผู้สูงอายุได้ตามวัตถุประสงค์การใช้สอยอีกด้วย       ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 2 แบ่งเป็น 3 ห้องนอน และ 2 ห้องน้ำ โดยมีห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ พร้อมห้องน้ำในตัว แถมยังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับทำ Walk-in Closet ได้สบายๆ นอกจากนี้อีก 2 ห้องนอนเล็กก็ยังมีขนาดกำลังดี สามารถตกแต่งเป็นห้องนอนของเด็กๆ ได้ตามในแบบบ้านตัวอย่างก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว   M – Marble บ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 167 ตารางเมตร ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ         แบบบ้าน Marble จะมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขึ้นมาอีกสเต็บ แต่ฟังก์ชันภายในบ้าน ยังคงมีลักษณะเดียวกันกับแบบบ้าน Simon รวมถึงความสูงของเพดานที่สูง 2.70 เมตร และ 2.85 เมตรเช่นเดียวกัน   Living Area บริเวณชั้นล่างมีความโอ่โถงมากขึ้น สามารถวางชุดโซฟาได้ใหญ่ขึ้น พื้นที่ติดกันวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารได้ 4 ที่นั่งกำลังสวย ซึ่งใกล้ๆ กับชุด Pantry ที่ทางโครงการตกแต่งมาให้ชมเป็นไอเดีย นอกจากนี้ในบริเวณห้องนอนชั้นล่าง ในบ้านตัวอย่างยังจำลองเป็นห้องสตูดิโอ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนปัจจุบันที่นิยมมีกิจการบนโลกโซเชียล         ในขณะที่บริเวณชั้น 2 ก็แบ่งเป็น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ซึ่งแต่ละห้องก็มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น และห้อง Master Bedroom ที่กว้างขวาง พร้อมเปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง ก็มีหน้าต่างขนาดใหญ่มากพอให้ห้องสว่างได้ด้วยแสงจากธรรมชาติเช่นกัน     L – Luther บ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 214 ตารางเมตร ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ             แบบบ้าน Luther เป็นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีลักษณะเป็นบ้านหน้ากว้าง และจะมีตำแหน่งอยู่บนที่ดินแปลงมุมทั้งหมด ในส่วนของการแบ่งฟังก์ชันภายในยังคงเหมือนกันทั้งหมด แต่เพิ่มเติมที่แบบบ้าน Luther จะมีการแบ่งพื้นที่สำหรับห้องครัวไว้ภายในบ้านมาให้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงพื้นที่โถงกลางบ้านก็กว้างขวางมาก เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่           ในขณะที่บริเวณชั้น 2 เมื่อขึ้นบันไดมาแล้วจะเจอกับ Living Area บริเวณโถงกลางระหว่างห้องต่างๆ ของชั้นบน ด้วยพื้นที่บ้านขนาดใหญ่ทำให้พื้นที่ใช้สอยแต่ละห้องกว้างขวางขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะห้อง Master Bedroom ที่มีประตูกระจกใสยาวตลอดแนวระเบียง พร้อมกับ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณหน้าห้องน้ำพอดี ในขณะที่ห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง กว้างพอที่จะมีโต๊ะทำงานพร้อมมุมส่วนตัวได้สบายๆ     ภายในโครงการ แกรนด์ สิวารมณ์ สุขุมวิท-บางปู มีพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และมีบรรยากาศเงียบสงบ เป็นส่วนตัว และลมพัดเย็นสบายเหมือนเหมาะกับการพักผ่อนและอยู่อาศัย ทางโครงการจัดสรรพื้นที่สวนกลางไว้มากมาย บริเวณโซนด้านหน้า คลับเฮ้าส์ มีทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ และสระน้ำพุที่ให้บรรยากาศการพักผ่อนเพิ่มขึ้น ภายในคลับเฮ้าส์มีทั้ง Co-working Space, Game Room และ ฟิตเนส พร้อมอุปกรณ์ครบถ้วน ถัดจากคลับเฮาส์เข้ามาด้านในโครงการ เป็นสวนสไตล์อังกฤษขนาดใหญ่ ตรงตามคอนเซปต์ Modern English Victorian ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่, ลู่วิ่ง, มุมนั่งเล่นพักผ่อน แถมยังเอาใจคนรักสัตว์เลี้ยงแบบเต็มที่ เพราะมีพื้นที่ Pets Zone ไว้ให้น้องหมาได้วิ่งเล่นได้อย่างสบายใจ        โครงการ แกรนด์ สิวารมณ์ สุขุมวิท-บางปู เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยเป็นอย่างมาก ทั้งในส่วนของบรรยากาศโดยรวมภายในโครงการ และสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบที่จัดว่ามีพร้อมสรรพ ในอนาคตส่วนต่อขยายของสถานีรถไฟฟ้ามาถึงสถานีตำหรุ ก็จะยิ่งทำให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งแบบบ้านของโครงการก็มีให้เลือกหลายแบบ สำหรับผู้อาศัยที่ต้องการขยายครอบครัวใหญ่ขึ้น หรือต้องการพื้นที่สำหรับสมาชิกในครอบครัวมากขึ้น อีกทั้งตัวโครงการเองก็ได้รับความสนใจจากคนในพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีความคุ้นเคยกับพื้นที่อยู่แล้ว อีกทั้งราคาเริ่มต้นในระดับที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำให้โครงการนี้ถูกจับจองอย่างรวดเร็ว     สนใจโครงการ แกรนด์ สิวารมณ์ สุขุมวิท-บางปู หรือต้องการข้อมูลโปรโมชั่นเพิ่มเติม สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ www.sivarom.co.th/grand-bang-pu/   บทความที่เกี่ยวข้อง สิวารมณ์ วิลเลจ สุขุมวิท-เทพารักษ์ “สิวารมณ์” ขน 7 โครงการ อัดแคมเปญ ดันยอดขาย    
คลิปรีวิว Dyson V12 Detect Slim แกะกล่องเทคโนโลยีตรวจจับฝุ่นด้วยเลเซอร์รุ่นแรก!!

คลิปรีวิว Dyson V12 Detect Slim แกะกล่องเทคโนโลยีตรวจจับฝุ่นด้วยเลเซอร์รุ่นแรก!!

Dyson V12 Detect Slim Dyson V12 Detect Slim เครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นแรก ที่ใช้เทคโนโลยีการตรวจจับด้วยเลเซอร์ เผยให้เห็นฝุ่นที่ซ่อนอยู่ตามบ้านของคุณ!! เครื่องดูดฝุ่นไร้สายขนาดกะทัดรัดที่ทรงพลังที่สุดของ Dyson สามารถตรวจจับ ดูดฝุ่น ปรับโหมดได้อัตโนมัติ และยังสามารถนับจำนวนฝุ่นด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก   การตรวจจับฝุ่นด้วยเลเซอร์ เผยให้เห็นอนุภาคฝุ่นที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เลเซอร์สีเขียวจะติดตั้งอยู่ในหัวดูดทำความสะอาด Fluffy ช่วยตรวจจับฝุ่นได้อย่างแม่นยำ เทคโนโลยี Acoustic Dust Sensing จะช่วยให้คุณมั่นใจว่าคุณได้ทำความสะอาดอย่างล้ำลึก หน้าจอ LCD จะแสดงขนาดและจำนวนของอนุภาคให้ผู้ใช้ได้เห็น ซึ่งเป็นการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ของการทำความสะอาดแบบเรียลไทม์โดยการนับและวัดอนุภาคของฝุ่นด้วยกล้องจุลทรรศน์ นอกจากนี้ piezo เซ็นเซอร์จะช่วยปรับพลังดูดและเปลี่ยนโหมดตามประเภทของพื้นต่าง ๆ และปริมาณฝุ่นได้โดยอัตโนมัติ หัวแปรงทำความสะอาด anti-tangle hair screw แบบใหม่ สามารถดูดเส้นผมที่หลุดร่วงตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว แถบแปรงทรงกรวยป้องกันการพันกันของเส้นผมจะดูดเส้นผมเข้าไปในถังฝุ่นได้ง่ายดายและน่าทึ่ง เป็นการทำความสะอาดด้วยมอเตอร์สำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก     การสร้างบ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีและถูกสุขลักษณะสามารถทำได้ง่ายขึ้น วันนี้ Dyson ได้เปิดตัวเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นใหม่ Dyson V12 Detect Slim ออกแบบมาเพื่อตรวจจับฝุ่นที่ซ่อนอยู่ตามบ้านและมีขนาดเล็กเท่า 10 ไมครอน ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ Piezo จึงทำให้เครื่องสามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ถูกดูดเข้าไป   เครื่องดูดฝุ่นรุ่นล่าสุดนี้พัฒนาโดยทีมนักวิศวกรกว่า 370 คนทั่วโลก โดยขับเคลื่อนด้วยพลังของมอเตอร์ Dyson Hyperdymium ที่สามารถสร้างกำลังดูดอากาศได้สูงถึง 150 วัตต์ นอกจากนี้ ระบบการกรอง 5 ขั้นตอนจะช่วยดักจับอนุภาคฝุ่นที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.99% เพื่อการทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก Dyson V12 Detect Slim จึงเป็นตัวช่วยในการสร้างบ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีและถูกสุขลักษณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ ผู้คนกว่า 60% หันมาทำความสะอาดบ้านบ่อยมากกว่าที่เคย     “ในฐานะนักวิศวกร งานของเราคือการหาทางแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่เราพบเจอ และตลอด 12 เดือนที่ผ่านมานี้ เราได้พบกับปัญหาใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายเนื่องจากเราได้ใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น” James Dyson หัวหน้าวิศวกรและผู้ก่อตั้งกล่าว “เราหลายคนได้หันมาใส่ใจในการทำความสะอาดมากขึ้น พยายามกำจัดฝุ่นและทำให้บ้านสะอาด แต่เราก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบ้านของเราสะอาดอย่างแท้จริง   เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ถูกพัฒนามาใช้กับเครื่องดูดฝุ่นรุ่นล่าสุดของเราจะช่วยเผยให้เห็นถึงฝุ่นที่ซ่อนอยู่ตามบ้านโดยการติดตั้ง diode เลเซอร์เข้ากับหัวทำความสะอาดในตำแหน่งที่แม่นยำในมุม 1.5 องศา ห่างจากพื้น 7.3 มม. เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกระหว่างฝุ่นตามพื้นและพื้นบ้าน นอกจากนี้ เครื่องยังสามารถคัดแยกขนาดและนับจำนวนอนุภาคอย่างพิถีพิถันถึง 15,000 ครั้งต่อวินาทีโดยใช้ acoustic piezo เซ็นเซอร์ซึ่งแปลงการสั่นให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า และแสดงขนาดและจำนวนของอนุภาคที่ถูกดูดเข้าไปบนหน้าจอ LCD ได้อย่างแม่นยำ   Dyson V12 Detect จึงเป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ทรงพลังและชาญฉลาดด้วยการแสดงให้เห็นถึงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากการทำความสะอาดบ้านของคุณ”   การตรวจจับฝุ่นด้วยเลเซอร์ Dyson ได้ออกแบบเทคโนโลยีเลเซอร์ตรวจจับฝุ่นเพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าบ้านของคุณได้รับการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก เลเซอร์ Dust Detection เผยให้เห็นอนุภาคขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เลเซอร์ที่ทำมุมได้อย่างแม่นยำถูกติดตั้งอยู่ในส่วนหัวแปรงทำความสะอาด     แนวคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อนักวิศวกรของ Dyson ได้สังเกตเห็นอนุภาคฝุ่นในอากาศภายในบ้านเมื่อมีแสงแดดเปล่งประกาย พวกเขาเริ่มคิดค้นว่าจะนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับฝุ่นผงที่เรามองไม่เห็นในบ้านได้อย่างไร ทีมงานจึงได้ทดลองกับแสงเลเซอร์ในห้องปฏิบัติการเพื่อทดสอบว่าวิธีนี้จะสามารถทำได้หรือไม่ จึงทำให้เกิดโซลูชันใหม่ขึ้น   นักวิศวกรของ Dyson ได้พัฒนา diode เลเซอร์สีเขียวซึ่งมีความสามารถในการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างได้ที่ดีที่สุด และติดตั้งเข้ากับหัวแปรงทำความสะอาด Slim Fluffy โดยจัดตำแหน่งได้อย่างแม่นยำที่มุม 1.5 องศา ห่างจากพื้น 7.3 มม. ทำให้สามารถดักจับฝุ่นที่ซ่อนอยู่บนพื้นผิวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าและดูดฝุ่นให้หมดออกได้   เซ็นเซอร์ Piezo นักวิศวกรของ Dyson เข้าใจดีว่าในปัจจุบันนี้ผู้คนต้องการมีบ้านที่ถูกสุขลักษณะมากขึ้น Dyson จึงพัฒนาเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ผู้ใช้ตรวจวัดฝุ่นที่ตรวจพบเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความสะอาดเชิงลึกทางวิทยาศาสตร์แบบเรียลไทม์   Acoustic Piezo เซ็นเซอร์ถูกติดตั้งในหัวแปรงทำความสะอาด ตัวเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ในหัวแปรงจะดูดอนุภาคขนาดเล็กเข้าไป และคำนวณจำนวนอนุภาคได้สูงถึง 15,000 ครั้งต่อวินาที นอกจากนี้ เมื่อฝุ่นถูกดูดเข้าไปและผ่านตัว Piezo เซ็นเซอร์สู่ถังฝุ่น ตัวเครื่องจะสามารถแสดงขนาดและปริมาณฝุ่นบนจอ LCD ดังนั้น ผู้ใช้จึงสามารถเห็นได้ว่าเครื่องดูดฝุ่นได้ดูดฝุ่นไปแล้วมากน้อยเพียงใด ตลอดจนขนาดของอนุภาคต่าง ๆ ที่ดูดได้     นอกจากนี้ เครื่องดูดฝุ่นยังได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับเปลี่ยนโหมดพลังดูดได้โดยอัตโนมัติเมื่อเครื่องตรวจพบฝุ่นจำนวนมากขึ้นในขณะที่กำลังใช้งานในโหมดอัตโนมัติ และจะปรับสู่โหมดพลังดูดแบบปกติเมื่อตรวจพบฝุ่นที่มีปริมาณน้อยลง   เทคโนโลยี Anti-Tangle หัวแปรงทำความสะอาด anti-tangle Hair screw ใหม่ได้ถูกพัฒนาแถบแปรงเป็นทรงกรวย ป้องกันการพันกันของเส้นผมกับตามแถบหัวแปรงที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งหัวแปรงนี้จะดูดเส้นผมของมนุษย์และขนสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้อย่างง่ายดายและน่าทึ่ง ลดปัญหาเส้นผมพันติดแกนหัวดูด และลดปัญหาการทำความสะอาดหัวแปรงได้อีกด้วย   ระบบการกรอง เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V12 Detect Slim มาพร้อมกับเทคโนโลยีการกรองขั้นสูงของ Dyson 5 ขั้นตอน ซึ่งดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ 99.99% และปล่อยอากาศที่ผ่านการกรองให้สะอาดขึ้นออกมาเท่านั้น เทคโนโลยีไซโคลนของ Dyson มีประสิทธิภาพในการแยกฝุ่นและสิ่งสกปรกออกจากพื้น และปิดผนึกไม่ให้ฝุ่นรั่วไหลกลับออกมาในบ้านของคุณ   การวางจำหน่าย เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson V12 Detect Slim จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2564 ในราคา 21,900 บาท สำหรับรุ่น Fluffy และราคา 25,900 บาท สำหรับรุ่น Total Clean หากสนใจซื้อสามารถเข้าไปได้ที่ Dyson.co.th หรือร้าน Dyson Demo สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว สยามพารากอน และไอคอนสยาม     บทความที่เกี่ยวข้อง รีวิว Dyson V11 Absolute จากเรื่องจริงที่ใช้แล้วฟินเลยต้องบอกต่อ ไรฝุ่น ผู้ร้ายบนที่นอน (Dyson V8 Carbon Fibre)    
SCOPE Langsuan เปิดตัว ‘Thomas Juul-Hansen Edition’ จากดีไซน์เนอร์ระดับโลก

SCOPE Langsuan เปิดตัว ‘Thomas Juul-Hansen Edition’ จากดีไซน์เนอร์ระดับโลก

SCOPE Langsuan ‘Thomas Juul-Hansen Edition’ สุดยอดของ Fully-Furnished โดยดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบเพนท์เฮาส์เจ้าของสถิติราคาแพงที่สุดใน นิวยอร์ก และอพาร์ตเมนท์ที่แพงที่สุดในลอนดอน   นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญการสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด บริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับอินเตอร์เนชั่นแนลพรีเมี่ยมผู้พัฒนาโครงการ SCOPE Langsuan คอนโดมิเนียมมูลค่า 9,500 ล้านบาทบนที่ดิน freehold ที่แพงที่สุดในประเทศไทย ได้ร่วมมือกับดีไซน์เนอร์ระดับโลก Thomas Juul-Hansen ดีไซน์เนอร์ชื่อก้องโลกจากนิวยอร์กผู้ออกแบบเพนท์เฮาส์เจ้าของสถิติราคาแพงที่สุดในนิวยอร์กเมื่อปี 2015 ราคา 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (3,300 ล้านบาท) และอพาร์ตเมนท์ที่แพงที่สุดในลอนดอนราคา 61 ล้านปอนด์ (2,740 ล้านบาท) ออกแบบ ‘Thomas Juul-Hansen Edition' แคมเปญพิเศษอัพเกรด One-Bedroom Residence ให้เป็นห้อง Fully-Furnished ที่ประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้าที่ได้ถูกบรรจงเลือกโดย Thomas Juul-Hansen รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ Thomas Juul-Hansen ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับโครงการ รวมมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ซึ่งจะมอบให้สำหรับห้อง One-Bedroom Residence ทุกห้องของ SCOPE Langsuan ที่ทำการจองภายในเดือนสิงหาคมนี้ “ห้อง Fully-Furnished โดย Thomas Juul-Hansen นี้ลูกค้าสามารถนัดเข้าชมที่สำนักงานขายที่ถนนหลังสวนก่อนจะทำการย้ายห้องตัวอย่างทั้งหมดไปที่อาคารจริงช่วงเดือนพฤศจิกายนผมอยากจะทำอะไรพิเศษโดยร่วมมือกับ Thomas Juul-Hansen ในการออกแบบห้อง One-Bedroom Residence ที่เป็นห้องที่สมบูรณ์แบบตามจินตนาการของดีไซน์เนอร์พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์นำเข้าที่ Thomas ได้เจาะจงเลือกอย่างพิถีพิถัน และเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่ต้องการขนาดหรือรูปแบบพิเศษก็ได้รับออกแบบโดย Thomas สำหรับ SCOPE Langsuan โดยเฉพาะ ซึ่งถือว่าพิเศษมากกับโอกาสเป็นเจ้าของห้องที่ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ที่ออกแบบห้องพักที่แพงที่สุดทั้งนิวยอร์กและลอนดอนที่นอกเหนือจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์ก็ยังมาออกแบบและตกแต่งให้ครบถึงทุกรายละเอียดครับ” โครงการ SCOPE Langsuan มูลค่าโครงการ 9,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดิน freehold ราคาแพงที่สุดในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2022 เปิดให้ชมห้องตัวอย่างที่ Sales Gallery ในรูปแบบ Appointment Only ท่านที่สนใจสามารถนัดเข้าชมได้ทาง 02-028-9788 หรือ www.scopecollection.com   บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รีวิวคอนโดโครงการสโคป หลังสวน (SCOPE Langsuan)  
The Forestias – เมืองต้นแบบกลางป่าใหญ่ในกรุงเทพฯ

The Forestias – เมืองต้นแบบกลางป่าใหญ่ในกรุงเทพฯ

The Forestias - เมืองต้นแบบกลางป่าใหญ่ในกรุงเทพฯ เมื่อ trend การเลือกที่อยู่อาศัยของคนปัจจุบันมีความโหยหาธรรมชาติมากขึ้น บางคนเลือกที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน ในขณะที่บางคนกลับเลือกที่ย้ายตัวเองเข้าไปอาศัยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ จะได้สัมผัสวิถีอันเรียบง่ายอย่างใกล้ชิด จะดีแค่ไหน ถ้ามีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน และสร้างระบบนิเวศอย่างเข้าใจ ที่ไม่ใช่แค่การปลูกต้นไม้      “The Forestias” เมืองต้นแบบโครงการแรกของโลก ที่จะนำมนุษย์กลับมาอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน บนผืนป่าขนาด 30 ไร่ โอเอซิสแห่งเดียวในกรุงเทพ ผ่านการศึกษาและออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก นับจากการปรับปรุงดิน สร้าง Landscape ไปจนถึงการจัดสรรแหล่งน้ำอย่างเหมาะสม เพื่อให้เมล็ดทุกเมล็ดเติบโต พึ่งพาอาศัยกันได้อย่างแท้จริง ดึงดูดสัตว์น้อยใหญ่ให้กลับเข้ามาอาศัยในป่า จนเกิดระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ให้ทุกชีวิตอาศัยร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ “The Forestias” ยังต้องการให้ที่ดินขนาด 398 ไร่แห่งนี้ เป็นโครงการเมืองแห่งแรกของโลก ที่ออกแบบทุกมิติเพื่อการใช้ชีวิต ที่จะมอบความสุขและสุขภาพที่ดีได้อย่างรอบด้าน     โดยการจัดวางที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ บนพื้นที่ที่เหมาะสมและกลมกลืนไปกับผืนป่า เพื่อสร้างสังคมเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้อาศัยอย่างแท้จริง ผ่านแบบบ้านหลากหลายแบรนด์ อาทิ “Whizdom” คอนโดมิเนียมเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในทุก passion ทั้งวันนี้และอนาคต “Mulberry Grove” Low-Rise Condo ที่ออกแบบเพื่อไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับ ใกล้ชิดธรรมชาติ “Mulberry Grove Villa” บ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ที่มุ่งตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่หลากหลายgenerations “Six Senses” อีกรูปแบบของที่อยู่อาศัยบริหารโดยซิกส์เซนส์ แบรนด์เซอร์วิสระดับโลก และ “The Aspen Tree”  Wellness Condominium สังคมแห่งการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพสำหรับผู้สูงอายุ ที่ครบวงจรที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพื้นที่ทั้งหมดในโครงการ จะถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันผ่าน “ทางเดินยกระดับความยาวกว่า 1.6 กิโลเมตร” ซึ่งทอดตัวเหนือผืนป่า ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์   “Forest Pavilion” อาคารศูนย์การเรียนรู้สุดอลังการ มิติใหม่ของการจัดแสดงห้องตัวอย่างของโครงการต่างๆ ใน The Forestias  ที่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ในทุกมิติเสมือนการอยู่อาศัยจริง ผ่านการผสมผสานเทคโนโลยีสุดล้ำ ซึ่งคุณจะได้เห็นถึงวิสัยทัศน์ และแนวคิดสำคัญในการพัฒนาโครงการอย่างครบถ้วน  เตรียมเปิดให้เข้าชม และพร้อมเปิดการขายอย่างเป็นทางการ 8 พฤษภาคมนี้  ลงทะเบียนได้ที่ Call Center 1265 หรือ www.MQDC.com   บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง MQDC เตรียมเปิด “เดอะ ฟอเรสเทียร์” เมกะโปรเจกต์ 2.5 แสนล้าน ต้นปี 2564 MQDC x THE FORESTIAS ช่วยชีวิตต้นไม้กว่า 500 ต้น สร้างกำแพงธรรมชาติดักฝุ่น PM 2.5 ครั้งแรกของโลกที่ป่าธรรมชาติและสังคมอยู่รวมกันในเมือง THE FORESTIA  
รีวิวพาทัวร์เลาะรั้วรอบบ้าน “ถนนจันทน์”

รีวิวพาทัวร์เลาะรั้วรอบบ้าน “ถนนจันทน์”

รีวิวพาทัวร์เลาะรั้วรอบบ้าน "ถนนจันทน์" ช่วงนี้อากาศกำลังดีค่ะ วันนี้เลยจะพาทุกคนไปเดินเล่นแถวๆ "ถนนจันทน์" กันซักหน่อย ด้วยความที่เป็นพื้นที่คุ้นเคยเพราะเกิดและโตในย่านนี้จนคุ้นชินกับบรรยากาศของชุมชนในระแวก และเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ก็ตั้งแต่ยังไม่ตัดถนนนราธิวาสฯ นั่นแหละ คงไม่ต้องสืบแล้วนะว่าเกิดมานานขนาดไหน อิอิ   ย่านถนนจันทน์เป็นย่านของชุมชนเก่าค่ะ บรรยากาศคึกคักพลุกพล่านตลอดทั้งวัน ที่สำคัญ.. เป็นแหล่งที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกินอยู่พอตัว เรียกว่ามีร้านเก่าแก่ ร้านอร่อย ร้านดัง พ่วงด้วยร้านใหม่ๆ ตามสมัยนิยมมาเปิดกันมากมายเลยทีเดียว รอบนี้เราเลือกปักหมุดในโซนหัวถนนที่เชื่อมต่อกับถนนนางลิ้นจี่ ลัดเลาะไปตามถนนจันทน์เก่า แล้วก็วนมาที่ถนนจันทน์ตัดใหม่ (ซื่งไม่ใหม่แล้ว) เพราะเราเห็นว่าโซนนี้มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก มีความร่วมสมัยมากขึ้น มีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่เยอะ คอนโดใหม่ก็แยะ พอๆ กับที่มีร้านชิคๆ คูลๆ อีกหลายร้านจนเราอยากจะขออวดซะหน่อย   เลาะรั้วรอบ "ถนนจันทน์" เริ่มต้นด้วยไลฟ์สไตล์แบบสายเฮลท์ตี้ ต้องไม่พลาดร้าน “Snooze Atlas” ร้านสีเขียวขนาดกะทัดรัดริมถนนนางลิ้นจี่ ที่มี Smoothies Blows คุณภาพไม่กะทัดรัดเลยนะจ๊ะ แต่ละถ้วยอัดแน่นไปด้วยผักผลไม้สดแช่แข็ง อุดมไปด้วยวิตามินธรรมชาติ เราแนะนำให้บูสเช้าวันใหม่กันด้วย “Acai Sunset” เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระจาก Super Fruit ให้เต็มคำกันก่อน แถมยังอิ่มท้องด้วย Topping ที่คัดแล้วว่าดีต่อสุขภาพอีกเพียบ ทั้งเมล็ดเจีย งาขี้ม่อน เกสรผึ้ง โกจิเบอร์รี่ มะพร้าวคั่ว กราโนล่า และผลไม้สด Smoothies ถ้วยนี้ได้รสเปรี้ยวๆ หวานๆ แถมยังเย็นฟรีซสุดๆ กันไปเลย กินแล้วรับรองว่าสดชื่นตลอดทั้งวันแน่นอน   นอกจาก Acai Sunset ที่เราเลือกแล้ว ที่ร้านก็ยังมี Smoothies Blows ให้เลือกอีกหลายแบบ ซึ่งอ่านชื่อเมนูและส่วนผสมแล้วก็อยากลองไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Afternoon Delight, Green Twelve หรือแม้แต่เมนูง่ายๆ อย่าง Strawberry Milkshake ก็เหมาะกับการ take away ในวันที่เร่งรีบ แต่ต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพนะจ๊ะ     บรรยากาศในร้านเล็กๆ แห่งนี้ อัดแน่นไปด้วยต้นไม้สวยๆ แบบทุกซอกทุกมุมคือพื้นที่สีเขียว เหมาะกับสายเช็คอินขยันโพส รับรองว่าคุณจะได้รูปสวยไปลง IG เพียบแน่ๆ  ต้นไม้ที่เห็นในร้านไม่ได้ตั้งโชว์เฉยๆ นะคะ ใครอยากได้เค้าก็ขายจ้า เพราะใกล้ๆ กันมีร้านชื่อ “Garden Atlas” ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกัน ในร้าน Garden Atlas จะเต็มไปด้วยต้นไม้ยอดฮิตหลายหลายชนิด พร้อมอุปกรณ์เพาะปลูกกะจุ๊กกะจิ๊กอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดปลูก หรือเป็นสายสะสมไม้แปลก เชิญไปเลือกดูที่ร้านนี้ได้เลยค่ะ ร้านน่ารักจนเราขอยกตำแหน่งให้เป็นร้านรวมต้นไม้ที่ชิคที่สุดของย่านนี้ไปเลย     ถ้าไม่ค่อยถูกจริตกับสายเฮลท์ตี้ แต่เป็นสาวกสายแป้งที่อินกับกลิ่นเนย เราแนะนำให้ไปโดน “Amantee The Bakery” ร้านอบขนมปังสัญชาติฝรั่งเศสเจ้าดังที่ฮิตติดท็อปชาร์ตในเวลานี้  ยิ่งถ้าเป็นคนรัก “ครัวซอง” ตัวยงยิ่งห้ามพลาด!!  หลายคนอาจจะเคยกินขนมปังฝรั่งเศสนานาชนิดของร้านนี้มาบ้างแล้วจากสาขาใน Emquartier ซึ่งจุดกำเนิดของขนมปังหอมๆ ในแต่ละวันซ่อนตัวอยู่ในร้านขนาด 2 คูหาบนถนนจันทน์เก่าแห่งนี้นี่แหละ ที่บอกว่าซ่อนตัวนั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยนะ เพราะหลายคนคิดไม่ถึงว่า บนถนนจันทน์เก่าที่เป็นถนนเล็กๆ ที่เกือบจะถูกลืมไปแล้วจะมีร้านขนมอบดีๆ มาเปิดกับเค้าด้วย!!     ถ้าใครอยากกินขนมปังอุ่นๆ จากเตา เราแนะนำให้ไปกันแต่เช้า ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเมนูเด็ดๆ หลายตัวหมดเกลี้ยงตั้งแต่ยังไม่ทันเที่ยงเลยจ้า กลิ่นหอมๆ ของขนมปังอบใหม่มักจะทำให้เราขาดสติ แล้ววัตถุดิบหลักในร้านรวมถึงตัวเชฟก็นำเข้ามาจากฝรั่งเศสทั้งหมด ไม่อร่อยแบบต้นตำรับก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว   สำหรับ Croissant Lover ที่ชื่นชอบเนื้อสัมผัสแบบผิวนอกกรอบนิด เนื้อในนุ่มหนึบ ชุ่มเนยหน่อย ให้รีบไปเก็บแต้มบุญสะสมความอร่อยไว้ได้เลย (แต่สำหรับเราแล้วยังมีร้านอื่นที่มีครัวซองโดนใจกว่านี้ค่ะ) ส่วนขนมปังตัวอื่นๆ ก็อร่อยไม่น้อยหน้ากันนะคะ ระหว่างที่กำลังเลือกขนมอยู่ในร้านเราก็เห็นลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติมาซื้อกลับไปรัวๆ เลยทีเดียวจ้า แล้วจะไม่ให้แนะนำว่าเป็นร้านอร่อยประจำย่านได้อย่างไร     อย่างที่บอกว่าในย่านถนนจันทน์นี้มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ที่ชัดเจนเลยก็คือบริเวณปากซอยเย็นอากาศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “Market Place นางลิ้นจี่” คอมมิวนิตี้มอลล์ ที่มี Tops Market เป็นตัวชูโรง มีผัก ผลไม้ วัตถุดิบทำอาหาร แล้วก็สินค้านำเข้าให้เลือกเยอะเลยค่ะ คงเพราะมีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ในย่านนี้มากขึ้นด้วยแหละ เลยได้อัพเกรดจากที่เคยเป็นแค่ Tops Supermarket อย่างเดียวก็ขยายพื้นที่มาเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์แทน นอกจากนี้ก็ยังมี ร้านกาแฟ ร้านอาหารชื่อเพิ่มขึ้นมาอีกหลายร้าน รวมถึง Home Pro S ก็มาเปิดที่ชั้นใต้ดินด้วย     สำรวจแหล่งช้อปปิ้งกันเบาๆ แล้ว เรายังมีร้านอาหารมาแนะนำอีก 2 ร้าน 2 สไตล์ เป็นร้านเก่าแก่พอๆ กันทั้งคู่ เริ่มจากมื้อกลางวันแบบง่ายๆ ที่ “ร้านมานี หมูสเต๊ะ” แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าต้องกิน “หมูสเต๊ะ” ซึ่งเป็นเจ้าเก่าจากท่าดินแดง จึงรับประกันเรื่องรสชาติที่ได้มาตรฐาน ทางร้านเลือกใช้หมูอนามัยจากเบทาโกร นำมาหมักเครื่องเทศอย่างดีกินคู่กับน้ำจิ้มหมูสเต๊ะ และเพิ่มรสชาติด้วยอาจาดอีกคำถึงจะครบเครื่อง แต่ถ้าอยากได้อาหารที่หนักท้องมากขึ้น อยากให้ลองสั่งข้าวราดแกง หรือแยกเป็นกับข้าวก็ได้นะคะ พวกเมนูแกงต่างๆ จัดว่าดี เลยอยากแนะนำให้ได้ลองชิมดูค่ะ กับข้าวในร้านก็จะหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน แวะไปกินได้บ่อยๆ เลย     ไปต่อกันที่ร้าน “ครัวสาธร” ร้านเก่าแก่ที่ย้ายมาจากย่านสาทร อาหารในร้านเน้นอาหารไทยสไตล์ครอบครัวค่ะ เพราะมีเมนูให้เลือกมากมาย รสชาติเหมาะกับทุกวัย เมนูที่อยากแนะนำให้ลองคือ 2 เมนูในสไตล์กุ๊กช็อป อาหารฝรั่งสไตล์จีนที่หากินได้ยากอย่าง “สลัดเนื้อสัน” สลัดผักน้ำใส เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อสันในชิ้นหนาที่กริลมาอย่างพอดิบพอดี และ “ซี่โครงหมูอบ” ที่ใช้เนื้อหมูส่วนพอร์คช้อปคลุกเกล็ดขนมปังทอด แล้วราดด้วยน้ำสตูข้นๆ อันเป็นเอกลักษณ์ ถือว่าเป็นเมนูเก่าแก่ตัวชูโรงกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมี ปลาช่อนแป๊ะซะ, ถุงทอง, ห่อหมกขนมครก และเมนูตามฤดูกาลอีกหลายจานเลยค่ะที่เห็นชื่อเมนูก็ชวนให้หิวแล้ว     มาถึงร้านสุดท้ายที่ขอเอาใจคนชอบงานคราฟ เราขอจับมือพาไปเที่ยวร้าน “YARNNAKARN x AGO” บริเวณปากซอยนางลิ้นจี่ 4  ร้านขายสินค้าเซรามิกทำมือที่ชิคสุดๆ งานทุกชิ้นเกิดจากแรงบันดาลใจที่ได้จากธรรมชาติรอบตัว รวมถึงวัตถุดิบที่นำมาใช้ก็ล้วนแต่หาได้ในประเทศไทยทั้งหมดเลยนะคะ พอมาผสมผสานกันแล้วชิ้นงานแต่ละชิ้นก็จะมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน มีความเป็น Master Piece ในตัวเอง ถ้าอยากได้ของแต่งบ้านเก๋ๆ ไม่ซ้ำใครเราแนะนำว่าห้ามพลาดร้านนี้ค่ะ พื้นที่ชั้น 2 ของร้านเปิดโชว์ผลงานเป็นแกลลอลี่เล็กที่มักจะมีงานดีๆ มาจัดแสดงอยู่เรื่อยๆ เช่นกันค่ะ ส่วนพื้นที่ชั้น 3 เป็นร้าน AGO คาเฟ่สุดชิคที่แอบซ่อนตัวอยู่บนดาดฟ้านี่เอง ชั้นบนนี้มีเสื้อผ้าและข้าวของสไตล์วินเทจให้เลือกช้อปกันด้วยนะคะ     เดินดูของกันพอหอมปากหอมคอแล้ว แนะนำให้ลองเลือกเครื่องดื่มซักแก้วจาก AGO Cafe มาดับกระหายสักหน่อยค่ะ นอกจากกาแฟเมนูต่างๆ แล้ว ห้ามพลาด “AGO Special Craft Drink” เครื่องดื่มสุดเก๋ที่รังสรรค์ด้วยแรงบันดาลใจจากชื่อถนนนางลิ้นจี่อันเป็นที่ตั้งของร้าน โดยเมนูต่างๆ ของ Craft Drink นี้จะมีส่วนผสมหลักคือ “น้ำลิ้นจี่” แล้วนำมาผสมกับไซรัปที่ทางร้านปรุงขึ้นเอง ซึ่งมีให้เลือกมากถึง 8 ชนิด แล้วไซรัปแต่ละตัวก็จะให้กลิ่นและรสชาติที่พิเศษแตกต่างกันออกไปนะคะ กลายเป็นเรื่องสนุกเล็กๆ ที่เราได้ลองดมกลิ่นไซรัป แถมยังสนุกกับการชิมเครื่องดื่มในแก้วสวย พร้อมบรรยากาศสบายๆ ของสวนบนดาดฟ้า ที่คล้ายว่าเราได้ปลีกตัวมานั่งพักระหว่างวัน ให้หยุดนิ่งเงียบๆ ซักหน่อยแล้วค่อยไปต่อค่ะ     เสน่ห์ของถนนจันทน์ไม่ได้หมดแต่เพียงแค่นี้นะคะ ถนนสายนี้ยังมีทั้งเรื่องราวที่น่าสนใจและของอร่อยๆ รออยู่อีกมากมาย ไว้เราจะหาโอกาสพาทุกคนมาเที่ยวเล่นแถวบ้านเราอีก แต่ถ้าใครอยากย้ายมาเป็นชาวถนนจันทน์ มาเป็นเพื่อนบ้านในระแวกเดียวกับเรา ลองแวะไปเยี่ยม Sale Gallery โครงการ The ISSARA Sathorn กันได้นะคะ     ตอนนี้เค้ามีโปรโมชันพิเศษ “ISSARA DAY Yes ทุกดีล” 14 - 15 พ.ย.นี้ พบกันได้ที่สำนักงานขายทุกโครงการ เพื่อเลือกข้อเสนอที่ "YES" ตามใจคุณ กับ 9 ทำเลคุณภาพจากชาญอิสสระ รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก : https://bit.ly/38pMb8Q วันนี้ - 15 พ.ย. นี้เท่านั้น #IssaraDayYesทุกดีล #Charnissara คลิกเข้าไปดูข้อมูลโครงการกันก่อนที่ The ISSARA Sathorn  
ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดเพื่อชีวิตติดเมือง ใกล้รถไฟฟ้า แค่ 10 นาทีก็ถึงสาทร

ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดเพื่อชีวิตติดเมือง ใกล้รถไฟฟ้า แค่ 10 นาทีก็ถึงสาทร

“คุณคะ.... ทำงานที่สาทรรึเปล่าคะ?” ถ้าคำตอบคือใช่ เชื่อว่าคุณคงคุ้นชินกับชีวิตเร่งรีบ แยกไฟแดงรถเยอะๆ และบรรยากาศที่ผู้คนขวักไขว่เกือบตลอดทั้งวันเช้าจรดค่ำ ตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ ก็เพราะเป็นศูนย์กลางธุรกิจขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ มีบริษัทใหญ่ๆ และอาคารสำนักงานเรียงรายเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ขนาดใหญ่ของคนเมือง ซึ่งมีความหลากหลายและน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว   พอพูดถึง “สาทร” ใครๆ ก็คงนึกถึงชีวิตพนักงานออฟฟิศที่ต้องแอคทีฟอยู่ตลอดเวลา และเราก็เป็นคนนึงที่ใช้ชีวิตอยู่ในสาทรเสียเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าในวันทำงานที่ยุ่งแสนยุ่งจะกินจะดื่มอะไรก็ต้องทำเวลาไปหมด แต่ถึงจะรีบแค่ไหนก็ยัง Keep Cool ได้นะจ๊ะ   ชีวิตสนิทกับสาทร เอาล่ะ เริ่มกันตั้งแต่เช้าก่อนเริ่มงานก็ต้องปลุกตัวเองกันนิดนึง กาแฟดีๆ ซักแก้วต้องมีนะคะ และถ้ารีบๆ กลัวแตะนิ้วเข้างานไม่ทันก็ต้องสไตล์ Grab&Go เลยจ้า “Mouthfeel x Warm Batch Roasters” สาขานี้เค้าเป็น Speed Bar ร้านเล็กขนาดกระทัดรัดแทบไม่มีที่ให้ยืนรอในช่วงเช้าและพักกลางวัน แต่เค้าก็ชงกาแฟได้รวดเร็วทันใจ รสชาติดี แถมราคาไม่แรงได้ใจชาวออฟฟิศไปเต็มๆ เลย     มีกาแฟติดมือแล้วก็รีบไปทำงานที่เรารักได้แล้วค่ะ     ช่วงพักกลางวันเป็นอีกเวลาที่เร่งรีบไม่แพ้กันเลยค่ะ อย่างที่รู้ว่าถนนสาทรเป็นแหล่งรวมบริษัทใหญ่ๆ ไว้มากมาย ดังนั้นปริมาณพนักงานออฟฟิศก็ล้นหลามไม่แพ้กันเลยทีเดียว มีเวลาพักกลางวัน 1 ชั่วโมงเท่ากัน ต้องใช้ให้คุ้มกันหน่อยค่ะ ขอหลบไปนั่งกินข้าวให้ผ่อนคลาย พักสายตากับสีเขียวๆ ซักหน่อย “GLOWFISH DINNING HALL” เป็นฟู้ดคอร์ทที่มีบรรยากาศสบายๆ ด้านข้างริมกระจกมีวิวสวนให้พักสายตาได้ดี แล้วก็มีอาหารให้เลือกหลากหลายพอสมควร นอกจากจะเป็นฟู้ดคอร์ทที่เก๋ไม่เบาแล้ว บางทีก็เป็นอีกที่ที่เหมาะจะนั่งคุยงานด้วยนะคะ (ถ้างานด่วนจนเบียดเวลาพักอะนะ) จริงๆ แล้ว GLOWFISH มีพื้นที่ Co-Working Space ด้วย หลายครั้งเวลาที่เราอยากหาที่หลบมานั่งทำงานเงียบๆ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีอีกแห่งเลยแหละ แต่ต้องเลยเวลาพักกลางวันไปแล้วนะ     หลังจากยุ่งวุ่นวายกันมาทั้งสัปดาห์ เย็นวันศุกร์ไหนที่ไม่ได้มีนัดแฮงค์เอ้าท์ การเปลี่ยนบรรยากาศไปออกกำลังกาย สูดอากาศบริสุทธิ์ในสวนบ้างก็นับว่าเป็น “วิถีชีวิตคุณภาพ” เลยนะคะ เพราะปกติเราได้แต่ออกกำลังกาย วิ่งบนลู่วิ่งแห้งๆ ในฟิตเนสเท่านั้น แน่นอนว่าชาวสาทรและคนเมืองในย่านนี้ก็มี “สวนลุมพินี” นี่แหละที่เป็นปอดขนาดใหญ่ให้เราได้แวะไปฟอกปอดซักหน่อย ในสวนลุมมีกิจกรรมเยอะเลยค่ะ ใครใคร่วิ่งก็วิ่ง อยากจะแอโรบิคก็ได้ หรือที่ศูนย์กีฬาฯ ก็มีกีฬาหลายประเภทให้เลือกเล่นเลยนะ แต่ถ้าหมดแรงแล้วจะแค่แวะมาเดินเล่น ยืดเส้นยืดสาย ชมนก ชมวรนุช ก็ดีนะ   ชีวิตสนิทกับราชพฤกษ์ ถึงวันหยุด ได้หยุดพักจากงาน มีเวลาได้ออกไปเที่ยวเล่นกับเค้าบ้าง ในวันสบายๆ แบบนี้เราเลือกไปโซนราชพฤกษ์ค่ะ เพราะเป็นพื้นที่หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลใจกลางเมืองและยังมีที่ให้แวะเที่ยว แวะพักผ่อน ทำกิจกรรมในวันหยุดได้หลายอย่างเลยทีเดียว แถมยังมีคอมมิวนิตี้มอลล์ให้เลือกเยอะเลย ร้านอาหาร คาเฟ่เก๋ๆ ก็เยอะ เรียกได้ว่าตลอดเส้นทางบนถนนราชพฤกษ์มีร้านใหม่ๆ ให้ไปเช็คอินกันไม่ซ้ำตลอดทั้งปีแน่นอน     เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง “Food Villa ราชพฤกษ์” ก็จัดว่าขึ้นชื่อเรื่องเป็นแหล่งรวมสตรีทฟู้ดอร่อยๆ เอาไว้เพียบ แล้วก็ยังมีโซนขายอาหารซีฟู้ด กุ้ง หอย ปู ปลาสดๆ แล้วก็ขนมนมเนย อาหารขึ้นชื่อจากหลากหลายจังหวัดมากมาย เราว่าที่นี่เหมาะกับวันว่างๆ ที่ยังนึกไม่ออกว่าอยากกินอะไรดี ลองไปเดินเล่นเลือกดูที่หน้างานเลย เผลอแป๊บเดียวได้หิ้วกันพะรุงพะรังเต็มสองมือค่ะ (เชื่อเถอะ... เราโดนมาแล้ว)     มีแรงแล้วทีนี้จะเดินช็อปปิ้งซื้อของใช้เข้าบ้าน หรือเดินเลือกต้นไม้ไปปลูกให้อินเทรนด์ ก็จัดมาให้ครบไปเลยจ้า // ไหนๆ ใครปลูกต้นไม้ตามกระแสกับเค้าบ้าง? มาแนะนำมือใหม่แบบเราหน่อยว่าต้องเริ่มจากต้นอะไรดี     ถ้ามาถึงราชพฤกษ์แล้วไม่ได้เช็คอินคาเฟ่เก๋ๆ กับเค้าซักร้านเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง ครั้งนี้เราเลือก “2D Eye Candy” คาเฟ่ล่าสุดที่มาในธีม 2D สีขาวดำ ซึ่งน่าจะได้ไอเดียมาจากคาเฟ่ในเกาหลีที่เป็นที่นิยมกันมากในช่วงนึง แต่ที่ไทยเพิ่งจะมีร้านนี้และมั้งที่เป็นคาเฟ่ 2D ร้านแรกในกรุงเทพฯ     เข้าไปในร้านแล้วเหมือนได้เข้าไปอยู่ในหนังสือการ์ตูนเลย ทุกอย่างถูกทำให้เหมือนกับภาพวาด 2 มิติจากหมึกสีดำ มองเผินๆ คิดว่าโต๊ะ เก้าอี้ เค้าน์เตอร์บาร์ในร้านดูแบนราบเรียบเป็นระนาบเดียวกันไปหมด ถ้าใครชอบถ่ายรูปนะ บอกเลยว่าสนุกแน่ๆ เพราะมองไปมุมไหนก็น่าถ่ายรูปลง IG ไปหมด   ชีวิตติดเมือง ถ้าชีวิตดีๆ ที่ลงตัว หมายถึง การใช้ชีวิตที่เราคิดและออกแบบได้เอง มีอิสระแบบคนเมืองในการเลือกอาศัยในทำเลที่ดีและตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้มากที่สุด “ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์” น่าจะเป็นคำตอบที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่เราเล่ามาทั้งหมด   ด้วยทำเลที่ติดถนนใหญ่ เดินทางได้สะดวกสุดๆ เพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสถานีบางหว้าเพียง 450 เมตร นั่งไปแค่ 6 สถานีก็ถึงสาทร หรือถ้าใช้รถส่วนตัวเดินทางมาที่สาทรก็ใช้เวลา 10 นาทีเท่านั้น.... อันนี้เรื่องจริงเลยนะ เพราะเราลองจับเวลาจริงด้วยตัวเอง อาจจะบวกลบนิดหน่อยถ้าเจอการจราจรหนาแน่นบ้าง แต่ก็ยังจัดว่าเร็วอยู่ดี จะเข้าจะออกเมืองจึงสะดวกจริงไม่มีโม้ คนทำงานสาทรแบบเราเลยไม่ต้องห่วงว่าจะต้องตื่นแต่เช้าตรู่และเสียเวลาเดินทางบนถนนนานๆ วันไหนไม่อยากใช้รถส่วนตัวก็มีรถไฟฟ้า จะไปไหนมาไหนก็ง่าย อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากตึกสูงๆ ก็แค่ขยับไปทางราชพฤกษ์เท่านั้นเอง ไลฟ์สไตล์ชิคแอนด์คูลก็รอให้เช็คอินอยู่เพียบ   ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดติดเมืองใกล้รถไฟฟ้า 10 นาทีถึงสาทร   โครงการศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์นี้ เป็นคอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ หรือที่ตอนนี้เรียกกันว่า New Normal กันเลยนะ เริ่มตั้งแต่ฟังก์ขั่นการออกแบบ ทั้งส่วนกลางไปจนถึงภานในห้องพัก ซึ่งทุกอย่างถูกคิดมาอย่างละเอียดรอบด้าน เช่น การเพิ่มพื้นที่ส่วนกลาง และจัดแยกส่วนเพื่อลดความแออัด หรือการจัดผังอาคารให้มีการถ่ายเทอากาศจากธรรมชาติได้ดีขึ้น การมีจุดพักรับ-ส่งของ หรือ Delivery Drop Off เพราะปัจจุบันเราใช้บริการสั่งอาหารให้มาส่งกันมากขึ้นเลยจัดแยกส่วนไว้ให้สะดวกขึ้นซะเลย หรือแม้แต่การเข้าออกตัวอาคารที่เปลี่ยนมาใช้ระบบ Touchless ด้วยประตูอัตโนมัติ และการใช้ Face Scan เพื่อลดการสัมผัส แค่ตัวอย่างที่ว่ามานี้ก็ทำให้เราร้อง “ว้าว” ออกมาดังๆ ได้เลย     แล้วยิ่งได้เห็นห้องตัวอย่างของ ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ ก็ยิ่งตาลุกวาวไปอีก เพราะศุภาลัยเดี๋ยวนี้เค้าไม่เหมือนเดิมแล้วนะคะ ไม่มีแล้วห้องแบบเชยๆ ที่เคยโดนปรามาสไว้ เพราะห้องรูปแบบใหม่ สวย ทันสมัย ฟังก์ชั่นตอบโจทย์คนรุ่นใหม่สุดๆ   ที่ Sale Gallery มีห้องตัวอย่างให้ชมกัน 2 แบบ 2 สไตล์ ตัวโครงการเน้นความเป็นส่วนตัวด้วยยูนิตรวมไม่เยอะมาก เน้นห้องกว้างและเพดานสูง 2.7 เมตร แถมภายในห้องยังคิดเผื่อรูปแบบการทำงานที่อาจเปลี่ยนไปในอนาคต จึงเน้นให้ห้องอยู่สบาย มีการเปิดรับแสงและระบายอากาศได้ดี เพิ่มมุมเพื่อรองรับการทำงานแบบ work from home แถมยังคิดเผื่อระบบ Fiber Optic ไว้ให้อีกด้วย ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้ทันเหตุการณ์มากๆ   ห้องตัวอย่างขนาด 35 ตร.ม. หรือ 1 Bedroom ออกแบบมาในสไตล์หวานๆ โทนสีพาสเทลนิดๆ ที่น่าจะโดนใจสาวๆ ได้เป็นอย่างดี แถมพิเศษด้วยพื้นที่ Favorite Coner มุมแต่งตัวสวยๆ ที่ทำเป็น Walk-in Closet ได้อย่างลงตัว จริงๆ แล้วพื้นที่ในส่วนนี้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามต้องการเลยนะคะ ไม่ได้จำกัดตายตัวเพราะชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นมุมโปรดนี่นา แถมห้อง Typeนี้ยังเป็น Layout แบบใหม่ของศุภาลัยที่น่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้องมาในโทนขรึมๆ กับขนาด 44.5 ตร.ม. หรือ 1 Bedroom Plus ซึ่ง Layout ห้องนี้ลงตัวมากๆ ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางขึ้น มีมุมโปรดได้หลายมุมเลยค่ะ แถมการตกแต่งห้องตัวอย่างนี้ยังมาในสไตล์ Cafe ชวนให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ในร้านกาแฟตลอดเวลา พร้อมด้วยห้องอเนกประสงค์ที่จัดเป็นห้องทำงาน และพื้นที่ปลูกต้นไม้ให้อินเทรนกับเค้าด้วย เลยทำให้บรรยากาศสไตล์ลอฟท์ไม่รู้สึกแข็งที่อจนเกินไป เชื่อว่าใครเห็นก็ต้องถูกใจห้องสไตล์นี้แน่ๆ   เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครอยากมีชีวิตสนิทกับสาทรแบบเรา ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ น่าจะเป็นคอนโดที่จะทำให้ชีวิตคุณลงตัวในทุกจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นแบบแอคทีฟสุดๆ หรือแบบสโลว์ไลฟ์ตามสไตล์สายชิว.....ลองไปค้นพบความหมายของการใช้ชีวิตที่เราคิดและออกแบบได้เองที่ “ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์” กันดูมั้ยคะ   รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม : Supalai Loft สาทร-ราชพฤกษ์  หรือโทร. 1720   บทความอื่นๆ เกี่ยวกับศุภาลัย ศุภาลัย ไลท์ ท่าพระ-วงเวียนใหญ่ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สุขุมวิท 107 ศุภาลัย บุกตลาดอสังหาฯ แนวราบ ประเดิมโครงการแรกย่านพระราม 2  
7 เรื่องต้องรู้ “GREE” แอร์เบอร์ 1 ของโลก

7 เรื่องต้องรู้ “GREE” แอร์เบอร์ 1 ของโลก

  ถึงวันนี้ ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว จากการประกาศของกรมอุตุวิทยา ว่าประเทศไทยสิ้นสุดฤดูหนาวและได้เริ่มต้นเข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ประเทศไทยจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น และมีอากาศร้อนในตอนกลางวันอย่างต่อเนื่อง คาดว่าฤดูร้อนจะสิ้นสุดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้   แม้ว่าเมืองไทยจะมีอากาศร้อนเป็นปกติ  ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูหนาวหรือฤดูฝน แต่หากเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศเมืองไทยจะร้อนมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องมองหา อุปกรณ์สิ่งจำเป็นที่จะช่วยคลายร้อน ทำให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแต่ละวัน โดยเฉพาะการพักอาศัยอยู่ภายในบ้าน ซึ่งก็คือ การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ นั่นเอง     ตอนนี้ในท้องตลาดมีเครื่องปรับอากาศสารพัดแบรนด์ วางขายและทำตลาดให้ผู้บริโภคได้เลือก ตามความต้องการ ซึ่งแต่ละแบรนด์แต่ละรุ่น ต่างก็มีคุณสมบัติหลากหลาย แล้วแต่เจ้าของแบรนด์จะพัฒนาออกมา ซึ่งนับวันเครื่องปรับอากาศถูกพัฒนาออกมาให้มีเทคโนโลยีทันสมัย และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสะดวกสบาย หรือทำให้ผู้ที่ใช้มีสุขภาพดี ห่างไกลจากมลภาวะทางอากาศต่างๆ ด้วย   เมื่อเครื่องปรับอากาศในท้องตลาดมีมากมายหลากหลายแบรนด์ หลายรุ่น หลายขนาด และราคา แล้วเราจะมีหลักเกณฑ์การเลือกแอร์สักเครื่องอย่างไร เพื่อให้ได้ทั้งคุณสมบัติที่ดี มีคุณภาพ คุ้มค่า และคุ้มราคา สำหรับคำแนะนำเบื้องต้น   การเลือกแอร์สักเครื่อง เราควรพิจารณาใน  6 ประเด็นหลัก 1. เลือกขนาดของ BTU ให้พอเหมาะกับขนาดของห้อง การเลือกขนาด BTU (British Thermal Unit) ของแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องที่จะติดตั้ง จะช่วยทำให้เราได้แอร์ที่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ไม่ทำงานหนักไป หรือทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ข้อดีของการเลือก BTU ที่เหมาะสม ยังทำให้ประหยัดไฟฟ้า และแอร์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานด้วย   2. แบรนด์ และชื่อเสียงของแบรนด์ เรื่องแบรนด์ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย หรือมองข้าม แม้ว่าหลายคนอาจจะบ่นว่าเลือกได้ยาก เพราะทุกแบรนด์ล้วนแต่บอกว่า แบรนด์ของตนเองดี มีคุณภาพมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ซึ่งหลักเกณฑ์การพิจารณาง่ายๆ คงดูได้จากหลายเรื่อง อาทิ ดูจากยอดขาย มากน้อยแค่ไหน วางขายสินค้าที่ใดบ้าง ระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ  เพราะข้อมูลเหล่านี้จะบอกได้ว่า ผู้บริโภคให้การตอบรับกับแบรนด์นั้นๆ มากน้อยเพียงใด   3. คุณสมบัติของแอร์ เดี๋ยวนี้เครื่องปรับอากาศ ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติ คุณภาพ และประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าไปจากอดีต แอร์ไม่ได้มีคุณสมบัติแค่ ให้อุณหภูมิที่เย็นสบายเท่านั้น แอร์ยังฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ ฆ่าเชื้อโรค ดับกลิ่นเหม็นได้  เป็นต้น ซึ่งคุณสมบัติองแอร์ปัจจุบันยังมีอีกมากมายหลายเรื่อง ซึ่งผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามที่ตนเองต้องการ เพื่อคุณภาพการใช้ชีวิตในบ้าน   4. โรงงานและมาตรฐานการผลิต เรื่องของมาตรฐานการผลิต  เป็นการรับประกันได้ว่า เราจะได้เครื่องปรับอากาศที่มีคุณภาพ ตรงตามที่แบรนด์นั้นโฆษณาไว้ รวมถึงเราจะได้ใช้แอร์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ด้วยมาตรฐานการผลิตที่ได้รับการยอมรับ   5. จุดขายและการบริการหลังการขาย การหาซื้อสินค้าได้ง่ายกับจุดจำหน่ายหลากหลาย และการมีศูนย์บริการหลังการขาย รวมถึงการรับประกันคุณภาพสินค้า จะช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้า เมื่อเกิดปัญหากับสินค้าที่ซื้อไปนั้น บางครั้งก็กลายเป็น “คำตอบสุดท้าย” ที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจ ว่าจะเลือกซื้อสินค้านั้นหรือไม่  เพราะแม้ว่าแอร์แบรนด์นั้นจะมีประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติที่ดีแค่ไหนก็ตาม แต่การบริการหลังการขายไม่ดี หรือหาศูนย์บริการได้ยาก ผู้บริโภคก็อาจจะไม่เลือกซื้อสินค้าแบรนด์นั้นเลยก็ได้   6. ราคาคุ้มค่า เรื่องของราคา ก็เป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เพราะหากสินค้ามีประสิทธิภาพ คุณสมบัติดีแค่ไหน แต่ราคาผู้บริโภคเอื้อมไม่ถึง ไม่สามารถซื้อได้  ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร ราคาจึงต้องสมเหตุสมผล คุ้มค่าคุ้มราคา และผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องซื้อได้     7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับแอร์กรี (GREE) ปัจจุบันท้องตลาดมีแอร์สารพัดแบรนด์วางขายอยู่ แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ว่า สินค้าหลายๆ แบรนด์ที่วางขายอยู่นั้น มาจากโรงงานผลิตที่มีเจ้าของคนเดียว ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำแบรนด์กรี (GREE) ซึ่งคือแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเครื่องปรับอากาศหลายแบรนด์ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน ผ่านเรื่องราวและข้อมูล 7 เรื่องสำคัญ 1.แบรนด์เบอร์ 1 ของโลก สิ่งที่ยืนยันและบอกว่าแอร์ แบรนด์กรี เป็นแบรนด์แอร์อันดับ 1 ของโลก คือ  ยอดขายที่ถูกส่งออกไปทั่วโลก มากว่า 160 ประเทศ  ซึ่งในปี 2557  ผลิตภัณฑ์แอร์สามารถทำยอดขายมากถึง 10,000 ล้านหยวน จากยอดขายโดยรวมในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ของบริษัทซึ่งมีมากถึง 140,000 ล้านหยวน และช่วงปี 2561 ยอดขายของบริษัทพุ่งไปกว่า 200,000 ล้านหยวน เติบโตจากปีก่อนหน้ากว่า 33.33% ที่สำคัญ EUROMONITOR INTERNATIONAL ยังให้การรับรองว่าบริษัท GREE มียอดขายอันดับ 1 ของโลก ในช่วงปี 2560 อีกด้วย  ไม่เพียงแต่ยอดขายที่สูงมากแล้ว บริษัทยังได้รับการจัดอันดับ จาก Forbes Global 2000 ว่าเป็นบริษัทมหาชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อันดับที่ 294 ใช่วงปี 2561 2. แอร์ดีต้องไม่มี “เชื้อโรค” ประเด็นสำคัญของสังคมไทย รวมถึง สังคมโลก ในขณะนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “ไวรัส” หรือแม้แต่ปัญหาฝุ่นระดับ PM 2.5 ซึ่งกำลังคุกคามสุขภาพของคนไทย ซึ่งเทรนด์ความใส่ใจในเรื่องสุขภาพ เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ทำให้สินค้าต่างๆ ต้องมีคุณสมบัติทำให้ผู้ใช้งานมีสุขภาพดี หรือไม่สร้างปัญหากับผู้ใช้งาน เครื่องปรับอากาศในยุคปัจจุบันจึงต้องเสริมคุณสมบัติ ที่ทำให้อากาศบริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมในอากาศ ที่จะมาทำร้ายสุขภาพคนในบ้าน แอร์กรีจึงมีแผ่นกรองอากาศ (Catechin Filter) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านเชื้อ แบคทีเรียเอสเคอริเคีย โคไล ในอัตรา 99.99 และต้านเชื่อแบคทีเรียสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส ในอัตรา 97.06 ซึ่งแผ่นกรองอากาศของแอร์กรี ได้ผ่านการตรวจสอบที่ศูนย์ตรวจสอบจุลชีวะแห่งเมืองกวางตุ้ง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2557 3. แอร์ดีมีประสิทธิภาพ ต้องมีระบบ Inverter แอร์ระบบ Inverter ดีกว่าแอร์ระบบเดิม คือ สามารถควบคุมความเย็นได้ตามที่กำหนดไว้ ที่สำคัญคือ ประหยัดไฟ และเครื่องปรับอากาศทำงานเบา โดยแอร์กรี มีระบบ Cooling Inverter ซึ่งช่วยทำให้ห้องเย็นเร็วตามอุณหภูมิที่ต้องการ และประหยัดค่าไฟได้เต็มประสิทธิภาพ 4. มาตรฐานการผลิต เครื่องพิสูจน์คุณภาพแอร์ คุณสมบัติสำคัญอีกประการที่ผู้บริโภคคำนึงถึง ในการใช้เป็นเกณฑ์เลือกซื้อแอร์ คือ คุณภาพการผลิต ซึ่งหลักเกณฑ์ที่ผู้บริโภคใช้เลือก คงเป็นมาตรฐานของโรงงานว่ามีมาตรฐานอย่างไร ใช้เทคโนโลยีอะไรมาช่วยในการผลิตสินค้า ซึ่งแบรนด์แอร์กรีเองนั้น ใช้เทคโนโลยีโรบอท จาก GREE ELECTRIC APPLIANCES, INC.OF ZHUHAI ซึ่งไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่มีหุ่นยนต์มาคอยควบคุมการผลิต มีความแม่นยำในการผลิต ได้มาตรฐานและคุณภาพ 100% แล้ว ทางโรงงานยังมีทีมวิศวกรอีกกว่า 5,000 คน คอยควบคุมการผลิต และเป็นทีมพัฒนาสินค้าให้มีเทคโนโลยีล้ำหน้าอย่างต่อเนื่องด้วย ปัจจุบันแอร์กรี มีฐานการผลิตกระจายหลายมุมของโลก อยู่มากถึง 9 โรงงาน ซึ่งมาตรฐานและเทคโนโลยีการผลิตของแอร์กรี ที่บอกว่ามีมาตรฐานและทันสมัยนั้น คงวัดได้จากการให้การตอบรับจากผู้บริโภคทั่วทุกมุมโลกมากกว่า 250 ล้านคนหรือพูดได้ว่าแอร์กรี ครองส่วนแบ่งการตลาดของตลาดแอร์มากถึง 1 ใน 3 ของตลาดแอร์ทั่วโลก นอกจากผลตอบรับของผู้บริโภคที่มีต่อแอร์กรีแล้ว หลายคนอาจจะไม่รู้ข้อมูลเชิงลึกของแอร์กรี คือ การเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์แอร์ชั้นนำมากถึง 9 แบรนด์ ที่วางจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยและกระจายอยู่ทั่วโลกด้วย 5. ผู้บริโภคยุคใหม่ เลือกใช้สินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 เรื่องการประหยัดไฟ ประหยัดพลังงาน เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความใส่ใจ และความสำคัญ เพราะไม่ใช่แค่การร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์พลังงานของโลกใบนี้เท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนมาถึงตัวผู้บริโภคเอง เพราะช่วยในเรื่องการประหยัดไฟฟ้า ทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าไฟสูงเกินความจำเป็น ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะซื้อแอร์ที่ช่วยประหยัดไฟฟ้า ผู้บริโภคหลายคนมีการเปรียบเทียบแอร์แต่ละแบรนด์แต่ละรุ่น เพื่อเลือกซื้อแอร์ที่ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากที่สุด สำหรับแอร์กรี ถือว่าได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการประหยัดไฟฟ้า จนได้รับฉลากเบอร์ 5 3 ดาว ซึ่งเป็นค่าการประหยัดไฟฟ้าสูงสุด ซึ่งเดิมเครื่องใช้ไฟฟ้าจะมีฉลากที่บ่งบอกการประหยัดไฟด้วยเลข 1-5 เท่านั้น ต่อมาเพิ่มเติมข้อมูลในฉลากด้วยดาว ซึ่งมีตั้งแต่ 1-3 ดวง ซึ่งฉลากที่มีดาว 3  ดวง คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานประหยัดไฟสูงสุด 6. เสริมเทคโนโลยี เพื่อผู้บริโภคยุคดิจิทัล เพราะในโลกยุคปัจจุบันเป็นโลกของ “ดิจิทัล” ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มีอุปกรณ์มือถือเป็นของจำเป็นประจำตัวที่ขาดไม่ได้ อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ จึงพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัล เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้มือถือ เป็นอุปกรณ์ที่ควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ไม่ว่าจะผ่านเครือข่ายสัญญาณ WiFi หรือ bluetooth แอร์กรี ก็ไม่ละเลยที่จะให้ความสำคัญกับการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ด้วยการนำเทคโนโลยี WiFi เข้ามาใช้  ทำให้ลูกค้าสามารถใช้สมาร์ทโฟนควบคุมการทำงานของแอร์กรีได้ เปรียบเสมือนกับเป็นรีโมทคอนโทรล ผ่านฟังก์ชั่น Mobile Controller 7. มั่นใจในคุณภาพคอมเพรสเซอร์ รับประกันนานนับ 10 ปี สิ่งที่เป็นการตอกย้ำให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพ และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์  เพื่อทำให้ผู้บริโภคเกิดความ “อุ่นใจ” หากซื้อสินค้ากลับไปใช้ที่บ้าน คงเป็นเรื่องของการ “รับประกัน” ซึ่งแอร์กรี มีการประกันคอมเพรสเซอร์ ที่ถือเป็นหัวใจของเครื่องปรับอากาศ นานถึง 10 ปี ขณะเดียวกันยังรับประกันอะไหล่นานถึง 5 ปีอีกด้วย ซึ่งเงื่อนไขและรายละเอียดของการรับประกัน ลูกค้าสามารถสอบถามได้ที่พนักงานและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ     เรื่องราวทั้ง 7 ข้อ คงเป็นข้อมูลที่ทำให้เราได้รู้จักกับเครื่องปรับอากาศ แบรนด์กรี กันมากขึ้น และคงเป็นข้อมูลสำคัญในการใช้พิจารณาเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศสักเครื่องมาใช้ ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด    
ทำความรู้จัก Hybrid Living นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

ทำความรู้จัก Hybrid Living นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

  แน่นอนว่า “บ้าน” คือ 1 ในปัจจัย 4 ที่จำเป็นในการใช้ชีวิต หน้าที่หลักของบ้าน คือ สถานที่พักอาศัย เป็นสถานที่ “กิน-อยู่-หลับนอน” แต่บ้านที่ดีไม่ได้มีคุณค่าแค่ทำให้การพักอาศัยมีความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเท่านั้น แต่บ้านที่ดีต้องสามารถสร้างคุณค่าของความเป็นอยู่โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสุข ความอบอุ่น ความสบายใจ และเป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต ไปจนถึงการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของการอยู่อาศัยด้วย   แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน จึงไม่ได้มุ่งตอบโจทย์แค่เรื่อง “ฟังก์ชั่น” การใช้งาน เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น แต่มุ่งตอบสนองความต้องการใช้ชีวิต ที่มีคุณภาพของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ภายในบ้าน หรือภายในชุมชนรอบข้าง ด้วยการยึดเอาไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเป็นหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์หลากหลาย ไม่ได้มีบทบาทและหน้าที่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่มีบทบาทและหน้าที่หลากหลายในคนๆ เดียว บ้านที่ดีจึงต้องตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย     การพัฒนาที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการจึงต้องตอบสนองความต้องการเหล่านั้นให้ครบ และยังต้องมีคุณภาพที่ดีด้วย โดยเฉพาะกับการอยู่อาศัยในโครงการบ้านเดี่ยว เพราะเป็นการอยู่อาศัยกับคนหลายเจเนอเรชั่น คนแต่ละช่วงอายุ มีความต้องการหลากหลาย และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง แต่ทุกคนต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี   AP หรือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้เห็นถึงความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมุ่งหวังการใช้ชีวิตภายในบ้าน ที่สามารถเติมเต็มคุณภาพชีวิตได้ในทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคน จึงได้พัฒนาบ้านเดี่ยวภายใต้แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลของคนยุคปัจจุบัน ซึ่งพบว่า มีความต้องการที่หลากหลาย ต้องการความสะดวกสบาย โดยเฉพาะความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี   Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต คือ การนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ กับโครงการบ้านเดี่ยวของ AP ทั้งภายในตัวบ้านและภายนอกบ้าน ทำให้ทุกฟังก์ชั่นของบ้าน สร้างสรรค์ประโยชน์สูงสุดให้กับผู้อยู่อาศัย มีการผสมผสานฟังก์ชั่นบ้าน ให้เข้ากับเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และระบบสมาร์ทโฮม ถือเป็นนวัตกรรมของการใช้ชีวิตในรูปแบบ Hybrid Living อย่างแท้จริง     Hybrid Living ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างไร?   หากมองไปในท้องตลาดตอนนี้ใครๆ ก็พูดถึงระบบสมาร์ทโฮม หรือ โฮมออโตเมชั่น ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาทำให้การอยู่อาศัยสะดวกสบาย กับเทคโนโลยีสารพัด เป็นจุดขายของโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่สำหรับ AP แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต พัฒนาโครงการบนแนวคิดที่เชื่อว่า ตัวตนคุณไม่ได้มีแค่หนึ่งคำจำกัดความ ความต้องการของการอยู่อาศัยจึงไม่ได้มีเพียงด้านเดียว บางคนอยากทำงาน แต่ก็อยากเที่ยว บางคนอยากหลีกหนีความวุ่นวาย แต่ก็อยากเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ บางคนอยากอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่ก็ชอบความสะดวกสบายของเมือง และบางคนอยากพักผ่อนที่บ้าน แต่ก็อยากสังสรรค์กับเพื่อนๆ เป็นต้น     เมื่อโจทย์ความต้องการของคนยุคปัจจุบันมีความหลากหลายเช่นนี้ แนวคิดของ Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จึงถูกพัฒนาบน 4 องค์ประกอบหลักสำคัญ เพื่อให้ทุกความต้องการได้รับการตอบสนอง   1. Cost-saving-ค่าใช้จ่ายส่วนกลางถูกลงด้วยเทคโนโลยี ในยุคที่คนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่าย ทำให้คนยุคปัจจุบันมุ่งเน้นเรื่องของ “ความคุ้มค่า” โดยเฉพาะการใช้จ่าย ผู้บริโภคยุคปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย ในการซื้อสินค้าหรือบริการ ทำให้ทุกการใช้จ่ายยืนอยู่บนเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ซึ่ง AP เข้าใจในเรื่องความคุ้มค่านี้ดี จึงเลือกพัฒนาสาธารณูปโภคภายในโครงการบ้านเดี่ยว ด้วยนวัตกรรมที่ช่วยให้ลูกบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด อาทิ นวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power system) และระบบกำจัดน้ำเสีย (Greywater Recycle system) ซึ่งนำน้ำมาบำบัดเพื่อใช้รดต้นไม่ในโครงการ เป็นต้น ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางลดลง เมื่อเทียบกับโครงการที่ไม่ได้ติดตั้งระบบนี้   2. Security-ความปลอดภัยในทุกไลฟ์สไตล์ บ้านแค่อยู่อาศัยแล้วสบายคงไม่เพียงพอ แต่ต้องมีความปลอดภัย ทั้งทรัพย์สินและชีวิตของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน นอกจากระบบรักษาความของโครงการ ไม่ว่าจะเป็น รปภ. กล้องวงจรปิด ระบบคีย์การ์ด ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีเป็นเรื่องพื้นฐานจำเป็นอยู่แล้ว แต่แนวคิดของ Hybrid Living ของ AP ต้องตอบโจทย์การดูแลความปลอดภัยได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น   ระบบเซ็นเซอร์ประตู หน้าต่าง และเซ็นเซอร์ตรวจจับ ความเคลื่อนไหว ให้เจ้าของบ้านได้มั่นใจ แม้ว่าจะออกไปทำงานหรือเดินทางท่องเที่ยว เพราะจะมีระบบจะแจ้งเตือนผ่าน Application พร้อมส่งเสียงเตือนเมื่ออยู่ในโหมด “Alarm” ช่วยแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบการเปิด-ปิดของประตูหรือหน้าต่าง หรือตรวจเจอการเคลื่อนไหวในบ้าน หรือจะดูความเป็นไปของคนภายในบ้าน สามารถทำได้ด้วยการดูผ่านกล้อง IP Camera จาก Application ได้แบบ Live Stream     แม้แต่ปัญหาประจำที่ทุกคนจะต้องเจอ เช่น การลืมกุญแจบ้าน ก็ไม่ใช่ปัญหาต้องจ้างช่างมาไขประตูเข้าบ้านอีกต่อไป เพราะระบบ Digital Door Lock ช่วยแก้ปัญหาได้ สามารถสั่งงานผ่าน Application ได้ หรือจะสั่งเปิดประตูให้กับแม่บ้านเพื่อเข้ามาทำความสะอาด ระบบก็มี Pin Code ชั่วคราวที่ใช้ได้ครั้งเดียวให้ เจ้าของบ้านอยู่ที่ไหนก็ใช้งานได้สะดวก เหมาะกับการวิถีชีวิตคนยุค 4.0   ที่สำคัญการพักอาศัยอยู่กับคนหลายเจเนอเรชั่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ บางครั้งลูกหลานออกไปทำงาน หรือเดินทางท่องเที่ยว ต้องให้ผู้สูงอายุอยู่โดยลำพัง ก็หมดห่วงกับสิ่งที่ AP คิดมาให้ เพื่อดูแลผู้สูงอายุ กับปุ่มเรียกฉุกเฉินในยามคับขัน พร้อมทั้งมีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่เตียงนอน เพื่อเปิดไฟทางเดินสู่ห้องน้ำแบบอัตโนมัติในตอนกลางคืน หรือการดูแลที่ดีขึ้นไปอีก กับการส่งสัญญาณเตือนและภาพ Live Stream จาก IP Camera ไปยัง Application ในโทรศัพท์มือถือ หากไม่พบการเคลื่อนไหวของผู้อยู่อาศัยในห้อง เพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีที่ผู้สูงอายุเกิดล้ม ถือเป็นแนวทางการพัฒนาที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนได้ทุกเจเนอเรชั่นจริงๆ   3. Comfort-ความสบายแค่ปลายนิ้วสั่งงาน เรื่องความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย แม้จะเป็นเรื่องพื้นฐานที่บ้านต้องตอบโจทย์ แต่เพราะปัจจุบันเป็นยุคที่มีเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ความสะดวกสบายต้องเป็นเรื่องที่พัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานการดูแลบ้าน และให้ผู้อยู่อาศัยสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน ที่ AP นำระบบควบคุมอุปกรณ์ ไฟฟ้าอัจฉริยะในบ้าน Smart Home Gateway and Security Module มาดูแลความสบายของคุณและครอบครัว   การใช้ระบบควบคุมไฟแสงสว่าง Lighting Control ที่สามารถเปิด-ปิด ผ่านสวิตช์ และ Application ทำงานคู่กับระบบ Motion Sensor ช่วยตรวจจับความเคลื่อนไหว และความสว่างในบ้าน และระบบพัดลม Air Flow ระบบควบคุมเครื่องกรองอากาศอัจฉริยะ แม้แต่ชีวิตนอกบ้าน เทคโนโลยีก็ยังเข้ามาทำให้มีความสะดวกสบาย อาทิ ระบบตั้งเวลา Sprinkle รดน้ำต้นไม้ ผ่านสวิตช์ และ Application ระบบ Gate Controller ควบคุมเปิด-ปิด มอเตอร์ประตูรั้วบ้าน ผ่าน Application ระบบ Digital Door Lock เป็นต้น   4. Community-ดูแลชุมชนปลอดภัย 24 ชั่วโมง การอยู่อาศัยภายในบ้าน แม้ว่าจะได้รับความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีซึ่งเติมเต็มให้กับการอยู่อาศัย สิ่งที่ละเลยไม่ได้กับการอยู่อาศัยภายในโครงการบ้านเดี่ยว AP คือ การสร้างสรรค์ให้เกิดสังคมแห่งความสงบสุข จากการอยู่ร่วมกันของผู้อยู่อาศัยในโครงการ เพราะ AP เชื่อว่า “เพื่อนบ้านที่ดี” คือ ปัจจัยสำคัญของการอยู่ร่วมกันในชุมชน จึงได้สร้างสรรค์ Katsan Application เพื่อสื่อสารกับพนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าโครงการ เมื่อมีแขกมาเยือน ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังมือถือของคุณ   นอกจากนี้ ยังช่วยคัดแยกรถต้องสงสัย และแจ้งเตือนพนักงานรักษาความปลอดภัย เมื่อมีรถสาธารณะอยู่เกินเวลา ในกรณีฉุกเฉินยังสามารถใช้กดเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย ตำรวจ หรือรถพยาบาลได้แค่ปลายสัมผัส ทำให้การอยู่ร่วมกันของคนในชุมชนได้รับความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เป็นชุมชนที่น่าอยู่อาศัย และสามารถสร้างคุณภาพชีวิตให้กับทุกคนในโครงการบ้านเดี่ยวของ AP     องค์ประกอบทั้งหมดที่ AP นำมาใช้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ภายใต้แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จึงเป็นคำตอบของการอยู่อาศัยในยุคดิจิทัล 4.0 ที่ไม่ได้ต้องการแค่ความสะดวกสบายเมื่ออยู่ในบ้านเท่านั้น แต่หมายถึงการเติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้อยู่อาศัยในทุกเจเนอเรชั่นด้วย   อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.apthai.com/HybridLiving/  
7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ประโยชน์มากกว่า ในราคาสุดคุ้ม

7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ประโยชน์มากกว่า ในราคาสุดคุ้ม

  การสร้างหรือการซ่อมแซมบ้าน ปัจจัยหนึ่งที่มักทำให้งบประมาณบานปลาย  คือ ขาดการวางแผนและเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ไม่มีคุณภาพ  คำนึงแต่เรื่องราคาถูกเป็นหลัก ทำให้เวลาเอามาใช้งานจริง ไม่ได้ตามมาตรฐานของงาน ผลงานจึงออกมาไม่มีคุณภาพ หรือเมื่อใช้ไปได้สักระยะก็ต้องมาเจอปัญหาเดิม  ต้องมานั่งรื้อนั่งซ่อมกันใหม่  ทำให้ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และอารมณ์  หงุดหงิดกับปัญหาซ้ำซากที่ต้องเจอบ่อยๆ   การเลือกใช้วัสดุจึงควรจะเน้นเรื่องคุณภาพมาเป็นอันดับแรก และพิจารณาเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคา อายุการใช้งานยาวนาน ไม่ต้องมาเสียอารมณ์ เสียเวลาแก้ไขปัญหาที่ตามมาภายหลัง แม้ว่าอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย  แต่ถ้าคำนวณแล้วคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป  ก็น่าจะดีกว่าเลือกซื้อแต่ของถูกเท่านั้น   อย่างห้องน้ำหรือห้องครัวที่มีการปูกระเบื้อง ปัญหาสำคัญที่มักพบเสมอ เมื่อใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง คือ ยาแนวของกระเบื้องหลุดล่อน เกิดเปราะแตก น้ำรั่วซึม เกิดปัญหาราดำ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการใช้ยาแนวที่ไม่มีคุณภาพที่ดีมากพอ ไม่เหมาะกับประเภทกระเบื้อง ทำให้มีปัญหาภายหลังมากวนใจ กวนเงินในกระเป๋าเจ้าของบ้าน ให้ต้องตามแก้ตามซ่อมกันเสมอๆ   5 เทคนิคเลือกใช้ยาแนวเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหาเรื่องยาแนวกระเบื้องในภายหลัง  ลองใช้ 5 เทคนิคนี้เป็นแนวทาง ในการเลือกใช้ยาแนวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด   1.เลือกใช้ยาแนวให้เหมาะกับประเภทของกระเบื้อง เริ่มต้นของการเลือกยาแนวที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือต้องเลือกให้เหมาะสมกับประเภทกระเบื้อง เช่น กระเบื้องแกรนิตโต้นิยมปูชิดเพื่อความสวยเนียน มีขนาดร่องเพียง 0.2-2 มม. ส่วนกระเบื้องเซรามิคทั่วไปมีร่องขนาด 3 มม. การเลือกยาแนวจึงต้องมีคุณสมบัติไหลลึกเหมาะกับร่องของกระเบื้องร่องเล็กปูชิด     2.เลือกใช้ยาแนวให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานของกระเบื้อง กระเบื้องที่ปูในห้องต่างๆ ไม่ว่าจะห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องทั่วไป ลักษณะการใช้งานก็แตกต่างกันไป เพราะสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน ห้องน้ำและห้องครัวอาจจะต้องเจอกับน้ำและความชื้นมากเป็นพิเศษ ทำให้อาจจะเกิดเชื้อรา หรือราดำตามร่องยาแนวได้ การเลือกใช้ยาแนวจึงต้องเลือกที่มีคุณสมบัติป้องกันราดำ และทนต่อกรดหรือสารเคมีในน้ำยาทำความสะอาดได้ดีกว่า เป็นต้น แต่ถ้าเป็นห้องทั่วไปภายในอาคาร ก็ควรเลือกกาวยาแนวที่มีสารระเหยที่เป็นพิษต่ำ (Low VOC) ทำให้เกิดสภาพอากาศที่ดีทั้งระหว่างการก่อสร้างและการอยู่อาศัย   3.เลือกสินค้าจากแบรนด์หรือผู้ผลิตที่มีมาตรฐานการผลิต เป็นที่ยอมรับ สินค้ายาแนวที่จำหน่ายในท้องตลาดมีอยู่มากมาย หลากหลายยี่ห้อ  และผู้ผลิต เหตุผลง่ายๆ ที่เราจะต้องเลือกสินค้าจากแบรนด์และผู้ผลิตที่มีมาตรฐานการผลิต เป็นที่ยอมรับ เพราะสินค้าจะมีคุณภาพและมาตรฐานตามที่เราต้องการใช้งานจริงๆ หากไปใช้สินค้าที่แบรนด์ไม่เป็นที่รู้จัก แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสินค้ามีคุณภาพตรงตามที่ได้โฆษณาไว้     4.เลือกสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่ม เดี๋ยวนี้การผลิตสินค้ามีเทคโนโลยี และการพัฒนาที่ล้ำหน้าไปไกล ผู้ผลิตจึงมักเสริมคุณสมบัติพิเศษของสินค้า  เพื่อให้สินค้ามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้านำไปใช้งาน ดังนั้นเราจึงควรเลือกสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่เหนือกว่าสินค้าที่มีแค่คุณสมบัติพื้นฐาน หากราคาไม่แตกต่างกันมากนัก   5.ไม่เลือกสินค้าโดยพิจารณาแต่ราคาเป็นหลัก เรื่องราคาอาจจะเป็นปัจจัยหลักของหลายคนในการเลือกสินค้า แต่หากคิดให้รอบครอบ การเลือกสินค้าโดยคิดแต่เอาเรื่องราคาถูกเข้าไว้ก่อน นานไปก็ต้องมีปัญหาตามมาให้แก้ไข เพราะสินค้าราคาถูกก็ย่อมจะมากับคุณภาพพอประมาณ ถ้าคิดเฉพาะราคาสินค้าถูกก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่อย่าลืมถ้ามีปัญหาต้องเสียเวลา และหาช่างมาซ่อมแซมเพิ่มเติม นี่คือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เผลอๆ คิดแล้วอาจจะแพงกว่าการเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดี ที่อาจมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ และการเลือกจากขนาดถุงใหญ่กว่าก็อาจไม่ใช่คำตอบ ขนาดบรรจุควรเป็นขนาดที่เหมาะสมต่อการใช้งาน ไม่เหลือเศษทิ้งจนต้องจ่ายเกินจำเป็น     ถ้าพูดถึงเทรนด์การใช้กระเบื้อง สำหรับใช้ปูห้องต่างๆ ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้กระเบื้องประเภทแกรนิตโต้ ได้รับความนิยมถูกนำมาใช้ในบ้านและคอนโดมิเนียมมากมาย เพราะมีทั้งความสวยงามและมีรูปแบบให้เลือกหลากหลายประเภทในการใช้งาน แต่การเลือกใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งความสวยงามและอายุการใช้งานยาวนาน คงต้องมีกาวยาแนวที่มีประสิทธิภาพควบคู่กันด้วย   บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในฐานะผู้นำด้านการผลิตภัณฑ์กาวยาแนว  จึงได้ทำตลาดผลิตภัณฑ์ กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัสเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า ที่หันมาปูกระเบื้องแกรนิตโต้และกระเบื้องตัดขอบปูชิดกันเพิ่มมากขึ้นด้วย และยังเป็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์กาวยาแนวไม่มีคุณภาพ หรือไม่เหมาะกับกระเบื้องแกรนิตโต้  ทำให้ห้องที่ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ประสบปัญหาภายหลังมากมาย อาทิ ปัญหาราดำ  น้ำซึม และเปราะแตก เป็นต้น  ซึ่งสาเหตุสำคัญคือยาแนวไม่ลงลึกไปในร่องของกระเบื้องได้เต็มประสิทธิภาพ  ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ต้องมาตามแก้ไขปัญหาภายหลัง จึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจริงๆ   ลองมาดูกันว่าผลิตภัณฑ์กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มีอะไรดีบ้าง  เพราะแม้ว่าจะมีขนาดถุงเล็กๆ แต่เต็มด้วยประสิทธิภาพ เรียกได้ว่า แก้ได้หมดจบทุกปัญหา   7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ที่ให้ประโยชน์มากกว่าในราคาสุดคุ้ม 1. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มี Deep Active Molecule ทำให้เนื้อกาวไหลตัวได้ลึก ยึดเกาะเต็มร่องเล็ก สำหรับร่องยาแนว ขนาด 0.2-5 มม. โดยเฉพาะกระเบื้องแกรนิตโตที่นิยมปูชิด แต่เต็มประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่า “เล็กแต่แรง” จริงๆ หมดปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลัง เพราะสามารถไหลลึกกว่า 8 มม. หรือเต็มความหนาของกระเบื้องแกรนิตโต้ จึงไม่เกิดโพรงช่องว่างหมดปัญหาน้ำซึมผ่านได้ หากเป็นยาแนวธรรมดาทั่วไป จะยึดเกาะร่องเล็กสุดตั้งแต่ 1-5 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงมีโอกาสเปราะแตกง่ายกว่าสร้างปัญหาตามมาอีกมากมาย      2. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มีเทคโนโลยีไมโครแบน ทำให้มีคุณสมบัติยับยั้งราดำและตะไคร่น้ำ ที่ถือเป็นปัญหาสกปรกกวนใจ แถมยังเป็นแหล่งเชื้อโรคอีกด้วย ซึ่งสาเหตุของการเกิดราดำ เป็นเพราะเราละเลยและเลือกกาวยาแนวไม่ถูกประเภท ซึ่งส่งผลให้ยาแนวเปราะแตก มีน้ำซึม เกิดราดำในที่สุด     และเมื่อยาแนวหลุดล่อน น้ำจะซึมผ่านใต้แผ่นกระเบื้อง หากเป็นห้องน้ำชั้น 2 จะทำให้ฝ้ารั่ว ฝ้าพังเกิดความเสียหาย น้ำหยดลงเฟอร์นิเจอร์ และหยดลงพื้น จากปัญหาเล็กๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ในที่สุด  ทำให้ทุกอย่างพังหมด ต้องหาช่างมาซ่อมแซม เสียค่าใช้จ่ายบานปลาย เสียทั้งเงิน ทั้งเวลา เพียงเพราะมองข้ามเรื่องเล็กๆ เหล่านี้     3. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ยังมีคุณสมบัติในเรื่องการแห้งตัวเร็ว สามารถเปิดใช้พื้นที่ได้ภายใน 6 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งปกติยาแนวทั่วไปนั้นกว่าจะแห้งสนิท หรือเปิดพื้นที่ใช้งานได้ ต้องใช้ระยะเวลา 12-24 ชั่วโมง เหมาะมากกับบ้านหรือคอนโดที่มีห้องน้ำเดียวและต้องใช้ทุกวัน     4. คุณสมบัติด้านการทนกรด และสารเคมีมากกว่ากาวยาแนวทั่วไป ทำให้หมดปัญหาและข้อกังวลใจหากใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่มีสารเคมีหรือกรดซึ่งไม่ต้องกังวลใจว่ายาแนวจะซึกกร่อนได้ เพราะหากเป็นยาแนวปกติทั่วไปนั้น มีคุณสมบัติพื้นฐานเพียงแค่ปิดร่องกระเบื้อง แต่ไม่ได้พัฒนาให้กาวยาแนวมีคุณสมบัติทนกรด ทำให้เมื่อใช้ไปได้ไม่นานก็เกิดปัญหาหลุดล่อน เพราะถูกกรดหรือสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทำลายยาแนว   5. นอกจากกาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส จะมีเทคโนโลยีไมโครแบน ลดปัญหาราดำแล้ว ยังมีสารไฮโดรโฟบิก ที่ช่วยลดคราบสกปรกฝังแน่น และลดการซึมน้ำ ซึ่งเป็นต้นเหตุการณ์ทำให้กระเบื้องหลุดล่อนอีกด้วย หากเป็นยาแนวธรรมดา ที่ไม่ได้มีสารไฮโดรโฟบิก สิ่งที่เรามักพบเสมอคือ คราบสกปรกฝังแน่น เป็นคราบดำ เนื่องจากยาแนวนั้นเน้นแต่เพียงการปิดร่องกระเบื้อง เป็นคุณสมบัติพื้นฐานหลักเท่านั้น     6. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ยังมี WCAC Technology ซึ่งช่วยในเรื่องของลดการเกิดคราบขาวได้ในหนึ่งเดียว เป็นคุณสมบัติพิเศษ   7. ผลิตภัณฑ์กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ใช้เทคโนโลยีและมาตรฐานการผลิตสินค้าเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยได้รับการทดสอบควบคุมตามมาตรฐาน ANSI A 118.6 (Unsanded), A 118.7 (Unsanded) มาตรฐานยุโรป EN 13888 CG2 และผ่านเกณฑ์การทดสอบตามมาตรฐานการประเมินอาคารเขียว หรืออาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม LEED v4 ในหัวข้อ Indoor Environmental Quality – IEQ (คุณภาพสภาพแวดล้อมในอาคาร) ด้วยวัสดุที่มีสารระเหยที่เป็นพิษต่ำ   จะเห็นว่าผลิตภัณฑ์กาวยาแนวมีความสำคัญมากต่อการปูกระเบื้อง และไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ยาแนวอุดร่องกระเบื้องเท่านั้น แต่มีความสำคัญมากต่อการป้องกันปัญหาจุดเล็กๆ ที่อาจจะบานปลายเป็นปัญหาใหญ่ ต้องใส่ใจเลือกผลิตภัณฑ์กาวยาแนวจระเข้ เทอร์โบ พลัส ไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะมากวนใจภายหลัง แม้ว่าอาจจะมีราคาสูงกว่าสินค้าในท้องตลาด และมีขนาดบรรจุต่อถุงเพียง 0.5 กิโลกรัม แต่ก็ครอบคลุมพื้นที่ได้มาก ประสิทธิภาพสูง บรรจุขนาดเหมาะกับพื้นที่ใช้งาน  เรียกว่าจ่ายครั้งเดียวคุ้มค่าในระยะยาวถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ “เล็กแต่แรง” เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ และคุ้มค่าคุ้มราคามากเลยทีเดียว   หมายเหตุ : LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) มีต้นกำเนิดจากสหรัฐอเมริกาเป็นที่ยอมรับใช้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกในการก่อสร้างปรับปรุงอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม : http://bit.ly/2B0ANyw  
คิดยังไงก็คุ้ม กับ 5 วิธีเลือกแอร์สุดคูล !!

คิดยังไงก็คุ้ม กับ 5 วิธีเลือกแอร์สุดคูล !!

ดูเหมือนว่าตอนนี้เมืองไทยเราเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เพราะอากาศภายนอกอาคารร้อนจนทำเอาหน้ามันเยิ้มได้เลยทีเดียว แต่จะว่าไปแม้ช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมาอากาศเมืองไทยก็ไม่ได้หนาวอย่างที่คิดไว้ หากอยากจะสัมผัสกับอากาศเย็นๆ เราก็คงต้องขึ้นไปอยู่บนภูเขาหรือบนดอยสูง แต่ถ้าอยู่ในเมืองโดยเฉพาะกรุงเทพฯ หากอยากจะสัมผัสความเย็นแบบชุ่มฉ่ำ ทำได้ดีที่สุดก็คงต้องอยู่ในบ้านเปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นชุ่มฉ่ำหัวใจเท่านั้น เครื่องปรับอากาศหรือแอร์จึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นประจำบ้านประจำห้องของคนในยุคปัจจุบัน ยิ่งตอนนี้ปัญหามลพิษนอกบ้าน ฝุ่นควันอันตรายระดับ PM 2.5 ฟุ้งกระจายอยู่ทั่วไป การอยู่ในบ้านกับแอร์ที่มีประสิทธิภาพสร้างอากาศสะอาดให้ได้สูดอากาศกันแบบเต็มปอดและเย็นสัมผัสผิวกาย ถือเป็นทางเลือกที่แฮปปี้สุดๆ   เมื่อแอร์เป็นเครื่องไฟ้ฟ้าจำเป็นแบบขาดไม่ได้ แล้วเราจะมีวิธีเลือกอย่างไรให้ได้ทั้งประสิทธิภาพความคุ้มค่าไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่คุ้มค่าในประสิทธิภาพของแอร์ และในทุกๆ เรื่องให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลแบบนี้ ซึ่งเราก็มี 5 เทคนิคและวิธีการเลือกแบบสุดคูล ที่คิดยังไงก็คุ้มมาแนะนำ   1.เริ่มต้นด้วยหลักเกณฑ์พื้นฐาน (Basic Need) การเลือกแอร์สักเครื่องมาติดในบ้านหรือห้องต่างๆ สิ่งแรกคงต้องพิจารณา คือ ขนาดของห้องว่าใหญ่เล็กแค่ไหน เพื่อเลือกขนาด Btu/h ของแอร์ให้เหมาะสมกับแต่ละห้องการเลือกแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดของห้องก็ไม่ได้ต่างจากการเลือกซื้อเสื้อให้พอดีกับตัวคนใส่ เล็กไปก็คับ ใหญ่ไปก็หลวม แต่ถ้าเลือกให้พอดีกับตัวคนใส่ก็จะสบายแถมดูดีอีกต่างหาก เลือกแอร์ก็เช่นกัน เพราะถ้าเลือกได้พอดีและเหมาะสมก็จะได้ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จ่ายไป ทั้งการประหยัดพลังงานและอายุการใช้งานนั่นเอง ซึ่ง BTU (British Thermal Unit) คือ หน่วยบอกความสามารถในการทำความเย็นภายในห้องต่อ 1 ชั่วโมง จากการถ่ายเทหรือดึงความร้อนออกจากห้อง โดยคำนวณจากปริมาตรของห้อง ความกว้าง คูณ ความยาว คูณกับจำนวน Btu ต่อตารางเมตร ก็จะได้ขนาด Btu/h ของแอร์ที่เหมาะสม เช่น ห้องทั่วไปก็คูณด้วย 750 Btu ต่อตารางเมตร ห้องเพดานสูงเกิน 2.5 เมตร คูณด้วย 800-1,000 Btu ต่อตารางเมตร หรือห้องที่มีคนอยู่เยอะๆ ประเภทออฟฟิศ หรือร้านอาหาร ก็ต้องคูณมากหน่อยไปถึง 1,200 Btu ต่อตารางเมตร เลยทีเดียว   ตัวอย่างการคำนวณ : ห้องทั่วไปมีขนาด 3×4 เมตร = 12 ตารางเมตร ให้นำปริมาตรของห้องไปคูณกับจำนวน Btu/h ต่อตารางเมตรดังนี้ 12 ตารางเมตร x 750 Btu/ตารางเมตร = 9,000 Btu/h หมายความว่าห้องดังกล่าว ควรใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 Btu/h นั่นเอง ทั้งนี้ก่อนที่จะเลือกขนาดเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสม ควรต้องพิจารณาจากลักษณะการใช้งานและประมาณความร้อนที่เกิดขึ้นจากจำนวนคนหรือแดดที่ส่องเข้ามาในห้องเพิ่มเติมด้วย แต่ไม่ต้องกังวลใจเรื่องนี้ เพราะสามารถปรึกษาพนักงานขายหรือช่างแอร์ได้ไม่ยาก แค่ให้รู้ขนาดกับสภาพห้องก็พอ   นอกจากเรื่องของขนาดแล้วประเภทของแอร์ที่จะติดตั้งก็ไม่ควรมองข้าม ซึ่งแอร์ที่นิยมติดตามบ้านเรือนหรือคอนโดมิเนียมทั่วไป ก็คงหนีไม่พ้นแอร์ติดผนัง เพราะมีความเหมาะสมทั้งรูปลักษณ์ การดีไซน์ขนาดใช้งาน แถมยังประหยัดพลังงานและดูแลง่ายด้วย นอกจากนี้ ยังมีแอร์ประเภทฝังในฝ้า แอร์แขวนใต้ฝ้า และแอร์ตู้ตั้งพื้น ซึ่งสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน   2.เลือกแอร์มีฟังก์ชั่นประหยัดพลังงาน Energy Saving เรื่องประหยัดพลังงานเป็นเกณฑ์พิจารณาจำเป็นอีกเรื่อง เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงินในกระเป๋าของเราที่จะต้องถูกจ่ายไปใน แต่ละเดือน เพราะเมื่อเสียเงินค่าแอร์เป็นหลักหมื่นต่อปีแล้ว ต้องมามีภาระจ่ายค่าไฟอีกเดือนละหลายพันบาทก็คงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องแน่ๆ ยิ่งตอนนี้รัฐบาลรณณงค์ให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน เพื่อให้ประเทศชาติเรามีความมั่นคงด้านพลังงานด้วยแล้ว เราจึงจำเป็นต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ซึ่งเราทำได้ไม่ยากเลย แค่เลือกแอร์ที่มีฟังก์ชั่นหรือระบบประหยัดพลังงานต่างๆ เท่านั้นเอง นอกเหนือจากการเลือกพิจารณาแอร์ฉลากเบอร์ 5   และตอนนี้แอร์หลายรุ่นก็มีฟังก์ชั่นที่ช่วยประหยัดพลังงานมาเป็นทางเลือกให้เราได้ซื้อไปใช้มากมาย อย่างเช่น ระบบ ECONOMY MODE ฟังก์ชั่นประหยัดพลังงานและช่วยป้องกันไม่ให้อุณภูมิเย็นหรือร้อนจนเกินไป AUTO OFF ฟังก์ชั่นปิดการทำงานอัตโนมัติ เมื่อตรวจพบว่าไม่มีความเคลื่อนไหวภายในห้องเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง เครื่องจะเข้าสู่โหมด Standard และเมื่อตรวจไม่พบความเคลื่อนไหวเกินกว่า 12 ชั่วโมง เครื่องจะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ (สามารถปรับตั้งค่าระยะเวลาการตรวจจับได้ตามความเหมาะสมของการงาน) โดยเป็นการทำงานของระบบ MOTION SENSOR ซึ่งจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (Motion Sensor)   ที่จะคอยจับความเคลื่อนไหวภายในห้องและปรับอุณหภูมิโดยอัตโนมัติ กรณีที่ตรวจไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ เลยในห้องภายใน 1 ชั่วโมงแรก เครื่องจะเข้าสู่โหมด Stand by ถ้ามีคนเดินเข้ามาในห้องเครื่องจะกลับมาทำงานอีกครั้ง แต่หากตรวจไม่พบการเคลื่อนไหวเลยภายในระยะเวลา 12 ชั่วโมง เครื่องจะปิดเองโดยอัตโนมัติ (Auto off) นั่นเอง ถือเป็นลดการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกินความจำเป็น เป็นต้น ซึ่งถ้าเราเลือกซื้อแอร์ที่มีระบบอัจฉริยะแบบนี้ เราก็ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้มากโข แถมยังช่วยประหยัดพลังงานให้กับประเทศได้อีกทางด้วย   3.แอร์ดีต้องมีระบบทำความสะอาดและมีแผ่นฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพ (CLEAN OPERATION & FILTER) สงสัยไหม ว่าทำไมต้องเลือกแอร์ที่มีระบบทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศก็ในเมื่อเราต้องล้างแอร์อยู่เป็นประจำเมื่อใช้งานไปสักพักอยู่แล้ว   คำตอบเรื่องนี้ง่ายมาก เพราะสุขภาพของเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เดี๋ยวนี้ลองป่วยต้องเข้านอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนสัก 3-4 คืนดูซิ เผลอๆ ค่ารักษาพยาบาลแพงกว่าค่าซื้อแอร์ใหม่ด้วยซ้ำ แล้วทำไมเราต้องรอให้ร่างกายย่ำแย่จากปัญหาอากาศที่ไม่ดีในบ้านด้วยล่ะ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าแอร์ที่เปิดมาใช้งาน 4-5 เดือนโดยยังไม่ถึงกำหนดเวลาล้างแอร์จะยังมีประสิทธิภาพการทำงานให้เกิดอากาศที่สะอาดภายในบ้านเราได้   จะดีกว่าไหมหากเลือกแอร์ที่มีฟังก์ช่วยเรื่องทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ รวมถึงระบบอื่นๆ ที่เสริมประสิทธิภาพให้อากาศสะอาดบริสุทธ์ให้สูดเข้าไปได้เต็มปอด อาทิ อุปกรณ์ที่มีการเคลือบสารต่อต้านเชื้อราและเชื้อโรคทำให้อากาศสะอาดและไม่มีกลิ่น ฟังก์ชั่นที่ทำให้คอยล์เย็นแห้งเพื่อยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา แผ่นฟอกอากาศที่ประกอบด้วยเอ็นไซม์ยูเรีย (Emzyme-urea) มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ และมีคุณสมบัติดับกลิ่นโดยการขจัดโมเลกุล ที่ก่อให้เกิดกลิ่น รวมถึงมีส่วนประกอบของเอ็นไซม์ธรรมชาติที่สามารถทำลายผนังของเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ   เมื่อเราอยู่นอกบ้านต้องเจอกับมลพิษ ฝุ่นควัน ระดับ PM 2.5 ซึ่งอาจจะหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว การมีแอร์ที่มีประสิทธิภาพสร้างอากาศบริสุทธิ์ แถมป้องกันการเกิดเชื้อรา เชื้อโรคต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่เราไม่ควรละเลยในการพิจารณาเลือกซื้อแอร์ที่มีฟังก์ชั่นเหล่านี้ด้วย   4.ต้องตอบโจทย์ความสบาย กระจายอากาศได้ดี ติดแอร์แล้วไม่เย็นสบาย คงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง นี่ก็เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญ ไม่น้อยกว่าเรื่องอื่นๆ ที่ต้องพิจารณา ซึ่งฟังก์ชั่นหลายอย่างถูกพัฒนาและเติมเข้าใส่มาไว้ในแอร์ให้ผู้บริโภคได้เลือกเพื่อให้ได้สัมผัสกับความเย็นสบาย เช่น ระบบการปรับบานสวิงอัตโนมัติในแนวขึ้น-ลง และสามารถกำหนดมุมตามที่ต้องการได้ด้วย ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีความอัจฉริยะของเครื่อง เพราะสามารถจดจำตำแหน่งของบานสวิงเดิมก่อนปิดเครื่องได้ด้วย เมื่อเปิดใหม่ตำแหน่งก็จะกลับมาอยู่ที่เดิม เจ๋งสุดๆ ระบบส่งลมที่ช่วยให้กระจายลมไปได้ในระยะไกล เพราะใช้เทคโนโลยีเดียวกับใบพัดในเครื่องยนต์เจ็ต เป็นต้น   5.เลือกซื้อทั้งที เอาที่ทนทานใช้นานจนลืมเรื่องสุดท้ายที่หลายคนอาจจะมองข้าม แต่เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยเช่นกัน คือ เรื่องอายุการใช้งานและความทนทาน เพราะแอร์ที่ซื้อมาต่อให้ดีมีคุณสมบัติเลอเลิศหรือดีเพียงใด แต่ถ้าใช้ไปไม่เท่าไรก็พังเสียแล้ว หรือต้องซ่อมกันบ่อยๆ ก็ไม่ไหวนะ มันไม่คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ได้จ่ายเลยจริงๆ ดังนั้น จะเลือกซื้อทั้งทีต้องเลือกชนิดที่ทนทาน ชนิดเปิดเครื่องได้ต่อเนื่องนานๆ ก็ไม่ได้ส่งผลให้เครื่องต้องชำรุดเสียหาย แล้วเลือกแอร์อย่างไรให้ทน คุ้มค่า และอยู่คู่บ้านเราไปได้นาน ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ หลักเกณฑ์พิจารณาคงมีหลายองค์ประกอบ อาทิ   -แบรนด์ ชื่อเสียงของแบรนด์ก็มีส่วนสำคัญ หากเลือกพิจารณาจากแบรนด์ ซึ่งมีประวัติมายาวนาน และพัฒนาสินค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง   -เทคโนโลยีและนวัตรรมสินค้า แอร์แต่ละรุ่นต่างก็มีนวัตกรรมการพัฒนาสินค้าออกมา ให้มีมาตรฐานและความคงทนแข็งแรงแตกต่างกัน แต่แอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ต่างพัฒนาให้มีคุณสมบัติ ความคงทนแข็งแรง และผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่า สามารถเปิดต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานานๆ อย่างล่าสุด แบรนด์มิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ ที่เปิดตัวสินค้าใหม่ออกมาทำตลาด มีจำนวนรุ่นให้เลือกมากมาย เช่น รุ่น Super Deluxe Inverter : ZSXS Series  ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติจำเป็นครบถ้วน แต่เพิ่มเติมคุณสมบัติเรื่องความคงทนแข็งแรง   โดยในรุ่นดังกล่าว ถืออยู่ในกลุ่ม Super Deluxe inverter ซึ่งมีคุณสบัติสำคัญที่น่าสนใจในการเลือกซื้อ อาทิ Jet Flow เทคโนโลยีการกระจายอากาศ ส่งผลให้เย็นเร็ว และส่งลมได้ไกล 15-17 เมตร Hi Power การทำงานแบบพลังสูง ช่วยให้ได้ตามอุณหภูมิตามที่ต้องการอย่างรวดเร็ว 3D auto โปรแกรมควบคุมการกระจายลม สามารถกระจายทิศทางลมได้มากถึง 6 รูปแบบในแนวตั้ง และ 8 รูปแบบในแนวนอน เพียงแค่กดปุ่มเดียวเท่านั้น   Solar Filter การป้องกันกลิ่นเหม็นและกลิ่นต่างๆ ที่ไม่พึงประสงค์ จากแผ่นกรอง Natual Solar Filter ทำให้อากาศในห้องมีความสดชื่น   Allergen Clear Filter แผ่นฟอกอากาศมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อก่อภูมิแพ้และแบคทีเรีย สามารถทำลายเชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการทำงานของแผ่นฟอกที่ประกอบด้วยเอ็นไซม์ยูเรีย (Enzyme-urea)   Self Clean Operation ฟังก์ชั่นช่วยทำให้คอยล์เย็นแห้ง ยับยั้งการเติบโตของเชื้อรา   นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่นการทำงานที่ช่วยประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ทั้ง Motion Sensor ช่วยจับความเคลื่อนไหวและเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานอัตโนมัติ หรือ Auto off ที่เครื่องจะเข้าสู่โหมด Stand by หรือปิดการทำงานเมื่อไม่พบความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายในห้อง รับรองได้ว่าประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากอย่างแน่นอน   คุณสมบัติของแอร์มิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ จึงยืนยันถึงประสิทธิภาพของแอร์ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อย แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา สามารถเปิดได้นาน 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องถึง 5 ปีเลยทีเดียว  และนี่คือ 5 วิธีในการเลือกพิจารณาซื้อแอร์แบบสุดคุ้ม เพราะจะได้แอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมคุณภาพชีวิต และครบทุกความต้องการเพื่อคุณภาพการอยู่อาศัย ได้แอร์ที่มีความคงทนแข็งแรงอยู่คู่บ้านไปนาน เรียกได้ว่า ถ้าใช้หลักเกณฑ์เหล่านี้มาเป็นตัวเลือกซื้อแอร์คุณจะได้แอร์ที่คุ้มค่าแบบสุดคูล!!! เลยทีเดียว      
All New Design @Nirvana BEYOND Rama 9-Krungthepkreetha : รีวิวบ้าน

All New Design @Nirvana BEYOND Rama 9-Krungthepkreetha : รีวิวบ้าน

กว่า 15 ปีที่ผ่านมา Nirvana Daii มักจะนำเสนอความแตกต่างให้เราได้ติดตามกันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะในแง่ของงานดีไซน์ และฟังก์ชั่นการใช้งานภายในบ้าน ซึ่งเน้นความ Modern เรียบหรูอยู่เสมอ จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใครเห็นก็ต้องร้องอ๋อ! นี่คือโครงการบ้านจากเนอวานา ไดอิ ซึ่งในปีนี้ก็ยังคงไม่หยุดที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนวัตกรรมที่จะมีเพิ่มเข้ามา และตัวบ้าน All New Design เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างเข้าใจ และเข้าถึงให้มากที่สุด       สำหรับ Nirvana BEYOND All New Design ที่เริ่มเผยโฉมกันในปีนี้จะมีความเปลี่ยนแปลงออกไป แต่ยังคงกลิ่นอายของเนอวานาเอาไว้ สิ่งที่เพิ่มเติมคือความเป็น Natural Modern ซึ่งตั้งใจดีไซน์ออกมาให้ดูเป็น Timeless Design ไม่ว่าเวลาจะยาวนานแค่ไหนก็ไม่ตกยุค ด้วยการวางผังที่ทำให้เกิด Inner Court กลางบ้าน เหมือนเอาธรรมชาติเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับเราได้ในทุกๆ วัน ต่อเนื่องไปยังส่วน Exterior Design โชว์ลูกเล่นตรงชั้น 2 ของบ้าน คล้ายกับเอา Rubik มาวางบิดมุมเปลี่ยนองศา เพิ่มมิติออกมาได้อย่างน่าสนใจ ทำให้บ้านออกมาไม่ใช่แค่ดูโดดเด่น แต่ยังได้ประโยชน์จากการเพิ่มพื้นที่ภายในห้อง และยังสามารถเปิดรับลม และแสงแดดจากธรรมชาติให้สัมผัสถึงตัวบ้านมากขึ้น ประกอบกับ Interior Design ที่ยังคงเน้นฟังก์ชั่นให้กับทุก Generation ในครอบครัว ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของบ้านก็สามารถสื่อสารกันได้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นในการอยู่ร่วมกันในบ้าน ขณะที่ยังคงมีมุมส่วนตัวเป็นของตัวเองอยู่ด้วย ซึ่ง All New Design ที่ว่านี้มีมาให้เลือกกัน 3 Type ได้แก่   SPACE บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้น 57 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอย 300 ตร.ม. 3 Bedrooms 3 Bathrooms 1 Living Room 1 Powder Room 1 Maid Room 2 Parking Lots   MIND บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอย 370 ตร.ม. 4 Bedrooms 4 Bathrooms 1 Living Room 1 Maid Room 3 Parking Lots   LUXE บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดินเริ่มต้น 76 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอย 470 ตร.ม.   4 Bedrooms 4 Bathrooms 1 Living Room 1 Powder Room 1 Maid Room 3 Parking Lots     นอกจากนี้ยังนำนวัตกรรมหลายอย่างเข้ามาตอกย้ำในความเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับคนรุ่นใหม่ ระบบ Wi-Fi ความเร็วสูงทุกจุดภายในบ้าน ไม่ว่าจะมุมไหนก็อยู่บนโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา, ระบบรักษาความปลอดภัยอันสมบูรณ์แบบจากผู้เชี่ยวชาญด้วยการแบ่งโซน Public, Semi-Public, Private Space ฯลฯ        Rama 9-Krungthepkreetha การคัดสรรทำเลดีๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญไม่แพ้คุณภาพของตัวบ้าน เพราะการอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวสักหลัง เราก็ย่อมต้องการทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ บ้านของเรา และการเดินทางอันสะดวกสบายไม่ไกลจากใจกลางเมือง ซึ่งย่านกรุงเทพกรีฑานั่นตอบโจทย์ได้ดีไม่น้อยสำหรับที่อยู่อาศัยแนวราบดีๆ สักหลัง   ถ.ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า (ถ.กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่) เรียกได้ว่าเป็นถนนน้องใหม่มาแรงของโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก ที่มีศักยภาพที่น่าจับตามอง ด้วยถนนกว้างถึง 6-10 เลน และบรรยากาศรอบๆ มีความสงบเป็นส่วนตัว และที่สำคัญคือมีระบบคมนาคมอยู่รายล้อมไม่ว่าจะเป็น ถ.กาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก) เชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 10 ก.ม. และทางพิเศษศรีรัชได้ใกล้ที่สุด ทำให้สามารถเดินทางไปยัง New CBD ประมาณ 15 นาที ในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีกรีฑา อยู่ด้านหน้าทางเข้าถ.กรุงเทพกรีฑาพอดี และยังห่างจาก แอร์พอร์ตเรลลิงค์ สถานีหัวหมาก ประมาณ 5 ก.ม. ถือว่าหาได้ยากมากสำหรับบ้านเดี่ยวทำเลใกล้ทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าเช่นนี้   สิ่งอำนวยความสะดวกภายในระยะทางไม่เกิน 5-6 ก.ม. ก็ถือได้ว่าเพียบพร้อมทีเดียว เช่น เดอะมอลล์บางกะปิ แม็กซ์แวลู พัฒนาการ เดอะไนน์ พระราม9 โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ โรงเรียนนานาชาติไบรท์ตัน คอลเลจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลรามคำแหง ฯลฯ ทุกสิ่งครบครันเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย Nirvana BEYOND Rama 9-Krungthepkreetha   Facilities ยังคงออกแบบมาสอดคล้องกับดีไซน์ความเป็น Natural Modern ของบ้านภายในโครงการ โดยยังคงมีความกลมกลืนกับธรรมชาติด้วยเส้นโค้งมน ซึ่งจะมีทั้ง Private Lounge & Clubhouse, Panorama Fitness, Infinity Edge Swimming Pool, POSH Garden, Meeting Room, CCTV, Securities 24 hrs., Underground Cable, WIFI Village   ความลงตัวในทุกมิติประกอบเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นโครงการบ้านที่โดดเด่นอย่างเหนือระดับของการใช้ชีวิต อันสมบูรณ์แบบ ที่ Nirvana BEYOND Rama 9-Krungthepkreetha ในราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท       VIP Booking ราคาพิเศษก่อนเปิดพรีเซล SPECIAL OFFER สูงสุด 2 ล้านบาท* วันที่ 30 – 31 มี.ค. นี้ เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ nirvana.bz/BY-RM9-KK-RVYL       รายละเอียดโครงการ Nirvana BEYOND เพิ่มเติม Nirvana BEYOND Rama 9-Krungthepkreetha โครงการอื่นๆ จาก Nirvana Daii Nirvana @WORK Nirvana BEYOND Udon thani Nirvana DEFINE Srinakarin-Rama9
แต่งคอนโดให้สวยจบ งบไม่บานปลาย

แต่งคอนโดให้สวยจบ งบไม่บานปลาย

ใครไม่เคย..คงไม่รู้หรอก!! กว่าจะได้คอนโดสวยๆ มีการตกแต่งในสไตล์ที่เป๊ะถูกใจโดยไม่เสียเวลา และไม่เจอปัญหางบบานปลายมันยากมากแค่ไหน หลายครั้งเราต้องเจอกับเรื่องที่หาเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการไม่เจอ หรือของตกแต่งที่ได้มาก็ไม่เข้ากับธีมที่คิดไว้ ต้องปวดหัวสารพัดจนหลายคนถึงกับเข็ดไปเลยก็มี   ตอนเห็นแบบห้องตัวอย่างหรือตอนเฟ้นหาภาพสไตล์การตกแต่งที่ต้องการจากอินเตอร์เน็ต อะไรๆ ก็ดูสวยงามเป็นเรื่องง่ายไปหมด แต่พอมาถึงหน้างานจริงอาจจะมืดแปดด้าน จนลืมไปว่าสิ่งที่ต้องทำคืออะไร อย่างที่บอกว่าถ้าใครไม่เคยลองตกแต่งห้องเองตั้งแต่เริ่มแรก คงจินตนาการไม่ออกหรอกว่า ปัญหาจุกจิกอีกมากมายที่จะตามมามีอะไรบ้าง ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำมืออาชีพที่จะมาช่วยให้ทุกเรื่องการตกแต่งจบได้อย่างสวยงาม แถมยังอยู่ในงบประมาณที่วางไว้ด้วย   ใครๆ ก็รู้ว่าที่ SB Design Square เค้ามีเฟอร์นิเจอร์ให้เลือกมากมาย แถมล่าสุดยังเอาใจชาวคอนโดด้วยบริการใหม่ที่เรียกว่า “CONDO SOLUTIONS” โดย Interior Designer มืออาชีพซึ่งจะเข้ามาให้คำปรึกษาพร้อมดูแลทุกรายละเอียดการตกแต่งคอนโดให้เราตั้งแต่ต้นจนจบ รวมทั้งมี Condo décor planer คอยให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลาการตกแต่ง   Step แรก สำหรับคนที่ยังไม่มีไอเดียว่าอยากตกแต่งห้องให้ออกมาสไตล์ไหนดี ให้ลองไปเดินเล่นที่ CONDO SOLUTIONS @SB Design Square ก่อนค่ะ เพราะเค้ามีแบบห้องตัวอย่างตกแต่งอย่างสวยงาม โดยจำลองแปลนห้องมาจากแบรนด์ชั้นนำต่างๆ มาให้เลือกมากถึง 6 สไตล์ด้วยกันที่สำคัญห้องแต่ละแบบใช้วัสดุ เฟอร์นิเจอร์อะไรบ้างอยู่ในงบประมาณเท่าไหร่เค้ามีป้ายบอกชัดเจนกันไปเลย เรามีแบบห้องตัวอย่างคร่าวๆ มาให้ดูกันค่ะ   ห้องแรกมาในสไตล์ Classy Urban เรียบหรูดูดีโดยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่หลากหลาย เน้นสีเอิร์ธโทน เพิ่มความหรูหราด้วยลายหินอ่อนสลับกับสีทองในขณะที่การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ก็เข้ากันได้ดี ห้องตัวอย่างนี้จำลองแบบมาจากโครงการ ไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท 66 มีขนาด 52 ตร.ม. และใช้งบประมาณในการตกแต่งเริ่มต้นที่ 5,500 บาท/ตร.ม.   ห้องต่อมาตกแต่งมาในสไตล์ Scandi Chic เน้นความเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ Built – In ที่มีสัดส่วนพอดีกับทุกมุมของห้องเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักคือไม้สีอ่อนตัดกับสีเทาและสีชมพูอ่อน ทำให้ห้องดูน่ารักสดใส แถมยังมีที่เก็บของให้เป็นระเบียบอีกเพียบ   ไอเดียตกแต่งห้องสไตล์นี้มาในแบบห้องขนาด 33.7 ตร.ม. และมีราคาค่าตกแต่งเริ่มต้นอยู่ที่ 7,800 บาท / ตร.ม. ค่ะ   อีกแบบห้องตัวอย่างค่ะที่ตกแต่งมาในสไตล์ Modern Luxury เรียบหรูบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยด้วยเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่คัดสรรมาอย่างดี เช่น ลายหินอ่อนสีดำ คริสตัลไฮกลอสอลูมิเนียมสีทอง และกระจกเงาสีเทา ทำให้ห้องสวยหรูดูแพงมาก ห้องตัวอย่างนี้มีขนาด 33.5 ตร.ม. ค่ะ และถ้าชอบการตกแต่งสไตล์นี้ ก็จ่ายในราคาเริ่มต้นแค่ 10,000 บาท / ตร.ม. เท่านั้น*   สไตล์ Metro Luxe ก็เป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจมาก มีจุดเด่นที่โดดเด่นไม่แพ้ห้องสไตล์ก่อนหน้านี้เลย ห้องถูกตกแต่งให้ด้วยโทนสีเข้มแต่ก็ไม่ได้ทำให้ห้องดูมืด ด้วยการตัดสีกับการตกแต่งด้วยพื้นโทนสว่าง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์สีแดง ที่ทำให้ห้องดูมีเสน่ห์มากขึ้น ด้านฟังก์ชั่นก็มีให้เลือกใช้งานมากมาย ทั้งจุดที่วางทีวี โต๊ะทำงาน หรือแม้กระทั่งตู้รองเท้าที่จัดมาให้แบบจุใจ แถมราคาค่าตกแต่งก็เริ่มต้น 5,600 บาท/ตร.ม. เท่านั้นค่ะ   เอาใจคนชอบสีขาวๆ ในโทนสว่างกับสไตล์ Classic White ห้องตัวอย่างนี้จำลองมาจากห้องของโครงการ Knightsbridge Prime อ่อนนุช ด้วยพื้นที่ใช้สอยขนาด 22 ตร.ม. แต่ไม่ห้องห่วงค่ะ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นสามารถใช้สอยประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และประหยัดพื้นที่ด้วย ด้านในถูกตกแต่งด้วยสีขาว และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิดผนังทั้ง 2 ฝั่ง เว้นทางเดินตรงกลางไว้ และโดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวในสไตล์วินเทจตัดกับลายหินอ่อน และเพิ่มการกรุกระจก เพื่อทำให้ห้องดูกว้างขึ้น และฟังก์ชั่นจัดเก็บต่างๆ ที่ถูกออกแบบไว้อย่างน่าใช้ ในราคาตกแต่งเริ่มต้นที่ 7,500 บาท/ตร.ม.   แบบห้องสุดท้ายที่เราเลือกมาให้ได้ชมกัน ขอเอาใจคนที่ชอบสไตล์ดิบๆ หน่อยกับการตกแต่งในแบบ Stylish Loft ผสมผสานความเป็นธรรมชาติของวัสดุที่เป็นไม้ไว้ให้ลงตัวกับความเท่ในสไตล์ Loft จึงน่าจะถูกใจคุณผู้ชายมากหน่อย แถมพื้นที่เก็บของก็มีฟังก์ชั่นดีใช้งานได้หลากหลายและทุกอย่างจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยถ้าใครอยากได้ห้องสไตล์นี้ก็มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 7,500 บาท/ตร.ม. ค่ะ   แต่สำหรับใครที่มีสไตล์ห้องที่อยากได้อยู่แล้วถือแปลนคอนโดของตัวเองไปเลยค่ะ ทีม Interior Designer ของ CONDO SOLUTIONS เค้าพร้อมจะช่วยให้ทุกดีไซน์ในฝันของคุณเป็นจริงได้ตามงบในกระเป๋าของคุณ   ถ้าวัสดุชิ้นไหนยังไม่โดนใจ อยากเปลี่ยนสีโซฟา สีเฟอร์นิเจอร์ หรืออยากได้ตู้เก็บของเยอะๆ หน่อย เปลี่ยนแบบโคมไฟ ดรอปฝ้าใหม่ ต่อเติมผนังเบากั้นห้อง หรือแม้แต่ลายผ้าม่าน และ wallpaper ทุกอย่าง custom ได้ตามใจกันให้สุดไปเลยจ้า และถ้าใครที่อยากเพิ่ม Home Automation เติมความสะดวกสบายให้ชีวิตประจำวันเป็นเรื่องง่าย เค้าก็มีบริการนะคะ และที่สำคัญเราสามารถรู้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ล่วงหน้าก่อนการตัดสินใจไปอีก ด้วยวิธีนี้เราก็จะหมดปัญหางบบานปลายไม่รู้จบแบบที่หลายๆ คนเคยเจอ   พอตกลงเลือกแบบและสไตล์ห้องที่โดนใจกันได้แล้ว พวกรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ที่เป็นปัญหาปวดหัวก็ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะนอกจากจะให้คำปรึกษาเรื่องการออกแบบตกแต่งแล้ว ทาง CONDO SOLUTIONS ยังมีบริการช่วยติดตามงานบริหารจัดการและวางแผนเวลา รวมถึงคอยประสานงานติดตั้งทั้งหมดให้เรียบร้อยก็บอกแล้วว่าเค้าบริการครบวงจรมาที่เดียวจบครบทุกเรื่องจริงๆ เรียกว่าแต่งห้องเสร็จแล้วก็เตรียมพร้อมเข้าอยู่ หรือปล่อยเช่ารับเงินเข้ากระเป๋าได้เลย   https://www.youtube.com/watch?v=c1ixaKYhcg0&feature=youtu.be   สำหรับโปรโมชั่นโดนใจที่จะช่วยให้เราสามารถคุมงบประมาณได้รัดกุมยิ่งขึ้นไปอีกกับ “Financial Promotion” พิเศษสุดๆ ที่เราจะสามารถได้คอนโดที่สวยเป๊ะปังในราคาเริ่มต้นที่ 5,500 บาท/ตร.ม. และยังได้ผ่อน 0% นานสูงสุด 4 เดือนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ยังไม่หมดค่ะ ยังได้รับบัตรกำนัลเงินคืนสูงสุดถึง 15%!! ส่วนสินค้าตกแต่งห้องเพิ่มเติมอื่นๆ ที่จะมาช่วยให้ห้องเราสวนครบสมบูรณ์ เช่น ผ้าม่านวอลเปเปอร์ ก็ลดเพิ่มกันไปอีกสูงสุด 10%   ทั้งตอบโจทย์ครบทุกเรื่องความสะดวกสบายได้ห้องสวยถูกใจ แถมยังช่วยแก้ทุกปัญหาจุกจิกปวดหัว และควบคุมค่าใช้จ่ายให้เราได้อย่างรัดกุม บริการรอบด้านขนาดนี้แล้ว จะไม่ไปที่ CONDO SOLUTIONS @ SB Design Square ได้ยังไงล่ะ แวะเวียนไปดูห้องคอนโดตัวอย่าง และโปรโมชั่นเด็ดๆ ทั้งหมดได้ที่ CONDO SOLUTIONS @ SB Design Square ทั้ง 3 สาขา (สาขาบางนา, สาขาเซ็นทรัลเวิล์ด และสาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต) ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคมนี้     #ระวังแต่งเองเจ็บเอง #ห้องสวยก็ไปได้สวย #แต่งกับนาย #naphat_nine #SBCondoSolutions #SBDesignSquare #condodesign      
เรื่อง(ไม่)ลับ 5 เหตุผลที่ทำให้บ้านเย็น ด้วยสีเข้ม เบเยอร์คูล

เรื่อง(ไม่)ลับ 5 เหตุผลที่ทำให้บ้านเย็น ด้วยสีเข้ม เบเยอร์คูล

แม้ประเทศไทยจะมี 3 ฤดู คือ ฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน แต่ฤดูที่คนไทยพบเจอยาวนานที่สุดและแทรกตัวอยู่ทุกฤดูก็คงหนีไม่พ้นฤดูร้อน ไม่ว่าจะฤดูไหน อากาศร้อนๆ ก็อยู่กับเราแทบทุกวัน ทางเลือกของคนส่วนใหญ่จึงต้องเข้าไปอยู่ในอาคารหรือบ้านพักอาศัยเพื่อสัมผัสอากาศเย็นของเครื่องปรับอากาศให้ชื่นฉ่ำแทน แต่การเปิดเครื่องปรับอากาศเป็นทางออกที่ไม่ได้แก้จากต้นเหตุหลักของปัญหาเพราะ การที่บ้านรับแสงแดดไปเต็มๆมาตลอดทั้งวัน จนทำให้ความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศรับรองต้องจ่ายค่าไฟกันชนิดกระเป๋าเงินแทบฉีกก็ได้ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องปรับอากาศดีที่สุดโดยไม่ต้องกินไฟมาก และลดอุณภูมิร้อนจากแสงแดดภายนอกเข้าสู่ตัวบ้าน จึงเป็นหนึ่งในวิธีป้องกันปัญหาที่สำคัญ ซึ่งเราไม่ควรมองข้ามหรือละเลยแม้แต่น้อย     วิธีการทำให้บ้านเย็น หรือการลดอุณภูมิความร้อนที่เข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อไม่ให้บ้านร้อนนั้น มีหลายวิธีด้วยกัน นับตั้งแต่เรื่องเบสิก อย่างเช่นการปลูกต้นไม้รอบๆ บ้าน เพื่อไม่ให้แสงแดดสัมผัสกับตัวบ้านโดยตรง หรือไปถึงขั้นตอนวิธีการในเชิงวิศวกรรมการก่อสร้าง อย่างเช่น การก่อสร้างด้วยวัสดุซึ่งมีฉนวนกันความร้อน หรือการก่อสร้างบ้านให้มีระบบอากาศให้ถ่ายเท และระบายความร้อนได้ดี เป็นต้น   แต่มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าของบ้านหลายคนอาจจะมองข้าม และนึกไม่ถึงว่าจะมีส่วนช่วยทำให้บ้านเย็นได้ไม่แพ้เทคนิคหรือวิธีการอื่นนั่นก็ คือ การเลือกใช้สีทาบ้านที่มีคุณสมบัติพิเศษ สามารถป้องกันความร้อนและลดอุณหภูมิเข้าสู่ตัวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ภาพจำและการรับรู้ของคนส่วนใหญ่ จะมองว่าสีทาบ้านมีจุดเด่นในเรื่องของความสวยงาม หรืออาจจะมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ เช่น ไม่มีสารเคมี ทำความสะอาดง่าย เป็นต้น ซึ่งไม่ได้เป็นประเด็นในเรื่องของป้องกันความร้อนเท่าใดนัก   และแม้ว่าหลายคนจะมีความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของสีรุ่นใหม่ๆ ที่วางขายกันตอนนี้ ว่ามีคุณสมบัติในเรื่องของการป้องกันความร้อน และช่วยให้บ้านเย็น แต่ส่วนใหญ่ก็ยังมีการรับรู้และความเชื่อที่ว่า จะต้องเลือกใช้เฉพาะสีโทนอ่อนๆ เท่านั้น ที่ไม่ดูดซับความร้อน แต่ถ้าเป็นสีโทนเข้มจะอมความร้อนทำให้บ้านร้อนมากกว่า เหมือนกับเวลาเราใส่เสื้อสีเข้มยืนอยู่กลางแดด จะรู้สึกว่าได้รับความร้อนมากกว่าการใส่เสื้อสีอ่อนๆ แต่ความจริงสีในยุคปัจจุบัน มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีของสีซึ่งช่วยทำให้บ้านเย็นได้ไม่ว่าจะเป็นสีอ่อนหรือสีเข้มก็ตาม     ตัวอย่างสีเข้มที่ช่วยทำให้บ้านเย็น สะท้อนความร้อนได้ดี และลดอุณหภูมิร้อนๆ ที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน แต่ก็ยังคงความสวยงามของเฉดสีเอาไว้ คือ Beger Cool Diamond Shield 15 และ Beger Cool Diamond Shield Plus ซึ่งแม้จะเป็นสีเข้ม แต่สีเบเยอร์ก็ช่วยให้บ้านคูลที่สุดในขณะนี้เมื่อเทียบกับสีแบรนด์อื่นๆ และนี่คงเป็น 5 เหตุผลสำคัญ ที่ช่วยทำให้สีเข้มของเบเยอร์คูล คูลที่สุด   1.การผลิตสีได้นำเอาเทคโนโลยี ไมโครสเฟียร์เซรามิก ที่ใช้ในองค์การนาซ่า มาใช้ในสีทาบ้าน ทำให้มีคุณสมบัติพิเศษ คือ “ลดและสะท้อนความร้อน” จึงทำให้บ้านเย็น ส่งผลให้ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิต่ำๆ เป็นระยะเวลานาน เพียงเปิดในอุณหภูมิที่เหมาะสมก็พอ ทำให้ส่งผลดีในเรื่องของการประหยัดค่าไฟ   2.เซรามิก อีกส่วนผสมหลักในการผลิตสี หรือ Advanced Ceramic ที่มีคุณสมบัติสามารถกันความร้อนสูงสุด 97% จึงช่วยประหยัดค่าไฟสูงถึงกว่า 30% เพราะเป็นเซรามิกที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง มีการควบคุมองค์ประกอบทางเคมีอย่างรัดกุม ทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลันเพื่อเป็นฉนวนกันความร้อน ถือเป็นเซรามิกชนิดพิเศษ จึงช่วยเรื่องการกันความร้อน และทำให้บ้านเย็น สีเข้มของเบเยอร์คูล จึงคูลที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้     3.การที่สีเข้มของเบเยอร์คูล คูลที่สุด เป็นเพราะมีการเพิ่มสารสำคัญ Titanium ซึ่งมีผลช่วยเรื่องเม็ดสีมีความกลม เกลี้ยงของผิว จึงช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ และเม็ดสียังมีลักษณะกลวง จึงเหมือนกับสารกันร้อน ที่มีลักษณะคล้ายกับฟองกาแฟ ทำให้ช่วยกันความร้อนก่อนจะสัมผัสกับตัวบ้านได้ ทำให้อุณหภูมิภายในอาคารเย็นกว่า สบายกว่า ไม่ว่าทาด้วยสีเข้มแค่ไหนก็ตาม   4.ผ่านการทดสอบจากการวัดด้วยเครื่อง Thermoscan เปรียบเทียบระหว่างเบเยอร์คูล และสีทั่วไป พบว่าสามารถสะท้อนความร้อนได้มากกว่า อาทิ สีเทา สะท้อนความร้อนได้ 51.4% ช่วยลดอุณหภูมิลง 11.8 องศาเซลเซียส ส่วนสีทั่วไป สะท้อนความร้อนได้ 13.8% สีเขียว สะท้อนความร้อนได้ 30.7% ช่วยลดอุณหภูมิลง 8.7 องศาเซลเซียส ส่วนสีทั่วไป สะท้อนความร้อนได้ 5.2% สีน้ำตาลเข้ม สะท้อนความร้อนได้ 59.3% ช่วยลดอุณหภูมิลง 12.0 องศาเซลเซียส ส่วนสีทั่วไป สะท้อนความร้อนได้ 10.7% นี่จึงเป็นบทพิสูจน์ สีเข้มเบเยอร์คูล จึงคูลที่สุดเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ   5. อีกเรื่องที่สำคัญ คือสีเบเยอร์คูลเป็นสีรายแรกที่ได้รับมาตรฐาน มอก.ลดความร้อน จากกระทรวงพลังงาน ประเภทสีทาผนังอาคาร ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงในรุ่น Beger Cool Diamond Shield 15 ค่าการสะท้อนรังสีแสงอาทิตย์ 95.1% ไม่นับรวมกับมาตรฐานการผลิตอื่นๆ ที่ได้รับ อาทิ ฉลากลดคาร์บอน ประเภทพิจารณากระบวนการผลิต, ฉลากเขียว ไม่ผสมสารปรอท สารตะกั่ว (No Added Mercury No Added Lead) มอก.2321-2549 สีอิมัลซันทนสภาวะอากาศ (Solar Heat Reductive Standard) มอก. 2514-2553 สีอิมัลชันลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ (Weather Resistant Standard) และมอก. 1123-2555 สีรองพื้นสำหรับงานปูน     คุณสมบัติด้านอื่นๆ ของสีเบเยอร์คูลยังมีอีกมากมาย ซึ่งช่วยเพิ่มความสมบูรณ์แบบของการใช้งานสีทาบ้านของเบเยอร์ อาทิ ป้องกันบ้านเป็นฝุ่นผงจากรังสียูวี (Triple UV Protection Technology) เทคโนโลยีสีกันคราบด้วย (Nano Silicone Advance Nano Silicone Technology) ป้องกันคราบน้ำและคราบสกปรก (Water and Stain Protection) และป้องกันคราบด่าง คราบเกลือ (Block Efflorescence and Alkaline Resistance) เป็นต้น ในครั้งต่อสำหรับผู้ชื่นชอบสีเข้ม และเลือกจะมาทาบ้าน ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ บุคลิก และความชื่นชอบของตนเอง ก็ไม่ต้องกลัวแล้วว่า บ้านที่เราอยู่อาศัยจะร้อน เพราะอุณหภูมิของเมืองไทย แค่เลือกใช้สีเข้มของเบเยอร์ บ้านแสนรักของเราก็คูลที่สุดแล้ว        
รีวิวคอนโด Aspire : ใช้ชีวิตให้ Pop กว่าเดิม ที่ Aspire

รีวิวคอนโด Aspire : ใช้ชีวิตให้ Pop กว่าเดิม ที่ Aspire

ถ้าถามถึงชื่อของแบรนด์คอนโดมิเนียมจาก AP เชื่อว่าหลายคนก็จะนึกถึงชื่อ Aspire ด้วยแน่นอน เพราะเป็นแบรนด์ที่ดูเรียบง่ายตามสไตล์ Modern ทันสมัย แม้จะเป็นอาคารแบบ High Rise ติดถนนใหญ่ แต่ราคาไม่แรง จึงเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ง่าย นั่นคือภาพที่ทุกคนจดจำสำหรับแบรนด์ Aspire ค่ะ               ในปี 2019 นี้ คือปีที่ AP ตั้งใจปรับแบรนด์ Aspire เปลี่ยนไปจากเดิม เพื่อเตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ Aspire แบบ New Series ซึ่งการปรับลุคครั้งใหม่นี้จะมีความหรูหรามากขึ้น ในความร่มรื่นสไตล์รีสอร์ท ดีไซน์ให้อารมณ์ของความเป็น Colonial จากฝั่งยุโรปในยุคคลาสสิก ผสมผสานกับสีสันที่สะท้อนให้เห็นถึงความสดใสมีชีวิตชีวาจากคนรุ่นใหม่ในความ Modern POP ผสมผสานกันจนเกิดเป็น “Colonial Pop” คอนเซปใหม่เฉพาะตัวของคอนโดมิเนียมแบรนด์ Aspire      โดยครั้งนี้จะเปลี่ยนตั้งแต่หน้าตาของสถาปัตยกรรม ด้วยการดึงเอาเสน่ห์ของความเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise จำนวนยูนิตแต่ละอาคารน้อยลง ผลคือการที่ได้ความเงียบสงบมากกว่า เป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ในบ้านของตัวเอง พร้อมกับมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถตอบความต้องการได้ในทุกๆ วัน รวมถึง Facility ภายในโครงการจะยึดดีไซน์ให้คนกับธรรมชาติได้อยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เหมือนได้นั่งพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ทหรู ทุกสิ่งถูกจัดวางให้ลงตัวที่สุดใน Aspire ทั้ง 2 โครงการใหม่   นอกจากเรื่องของการดีไซน์แล้วก็ยังมีเรื่องของทำเลของแต่ละโครงการจะเน้นที่ตั้งอยู่ในโซน Prime location สามารถเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนได้ง่ายมากขึ้น ทำให้ใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ดีกว่า   คอนโด Aspire สุขุมวิท อ่อนนุช สุขุมวิทช่วงกลางที่ได้รับความนิยมจากเหล่าคอนโดมิเนียมที่สุดก็คงจะเป็นย่านอ่อนนุชค่ะ เพราะอยู่ออกมาจากใจกลางเมืองไม่มาก แต่ยังคงอยู่ในเส้นทางสุขุมวิท ซึ่งมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นสายหลักของบ้านเราพาเข้าสู่ทองหล่อ-อโศก เพียงเวลาไม่เกิน 10 นาที และยังมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนอยู่ไม่ไกล     Aspire Sukhumvit-Onnut เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร แบ่งเป็น  อาคาร A ใกล้กับทางเข้า-ออก ติดถนน จะกันโควต้าต่างชาติไว้ที่ชั้น  7-8  อาคาร B ทางทิศตะวันตก (ซ้ายมือของภาพ) เป็นอาคารที่กันโควต้าต่างชาติไว้ทั้งอาคาร อาคาร C ริมน้ำ จะเปิดให้จองก่อนใครรอบ Online Booking วันที่ 26 ก.พ. นี้ เวลา 19.00-21.00 น. เฉพาะชั้น 4    และแยกอาคารสันทนาการ 1 อาคาร และอาคารที่พักขยะ 1 อาคาร (1 ชั้น) บนที่ดินกว่า 6 ไร่ ที่จอดรถ 38% ขนาดห้อง 26.5-52 ตร.ม. ทั้งหมด 553 units ขายแบบ Fully Fitted ดีไซน์ภายนอกยังคงความเป็น Colonial ส่วนออกแบบภายในใช้โทนสีธรรมชาติ เพิ่มความสนุกสนานสดใสสไตล์ POP แต่จะใช้วัสดุที่ดูพรีเมี่ยมขึ้น   ที่ดินของโครงการอยู่ภายในซ.อ่อนนุช 21 ติดคลองพระโขนงอันเงียบสงบ Facility ภายในโครงการจึงถูกถอดแบบมาจากความพลิ้วไหวของสายน้ำ ไม่ว่าเป็นสระว่ายน้ำ, Backyard Garden, Signature POP Track จะสามารถมองเห็นคลองพระโขนง Lobby ทำให้รู้สึกเหมือนมี Boutique Resort ส่วนตัว     สระว่ายน้ำยามค่ำคืนจะมีแสงไฟสีชมพู เพิ่มความ Pop ที่ไม่เหมือนใคร   Signature POP Track ริมน้ำ หากสังเกตทางซ้ายมือจะเห็นยูนิตของชั้น 1 ที่สามารถเดินออกมาตรงนี้ได้เลย      เป็นครั้งแรกของ Aspire ที่เอารูปแบบ Unit Interlock มาใช้เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้คุ้มค่าที่สุด และ 99% จากทั้งหมดจะเน้นเป็นครัวปิด เพื่อให้ใช้ประโยชน์จริงได้อย่างเต็มที่ ความสูง Floor To Ceiling 2.5 เมตร แต่ยูนิตพิเศษที่อยากจะแนะนำที่สุด คือ Type B3 กับ B4 ขนาด 30.50 ตร.ม. Type C3 ขนาด 36.00 ตร.ม. Type D2 ขนาด 41.00 ตร.ม. Type E2 ขนาด 50.00 ตร.ม. Type F2 ขนาด 52 ตร.ม. เป็นห้องแบบ Graden access unit สามารถเดินออกจากระเบียงไปยัง Backyard Garden เหมือนมีสวนริมน้ำส่วนตัวเลยค่ะ     สำหรับห้องตัวอย่างของ Aspire Sukhumvit-Onnut จะอยู่ที่ซ.อ่อนนุช 21 เข้ามาก็จะเห็นได้เลยทันทีค่ะ โดย Sales Gallery ออกมาตามคอนเซปของตัวคอนโดเห็นความเป็น Colonial เด่นชัด ซึ่งจะมีห้องตัวอย่างให้ชม 2 ห้องด้วยกันค่ะ   1 Bedroom 36 ตร.ม. ส่วนแรกของห้องจะป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานข้าว ทุกห้องไม่ว่าจะเป็นห้องครัวทางซ้ายมือ ห้องนั่งเล่นตรงกลาง และห้องนอนทางขวามือ จะมีประตูกั้นแบ่งออกเป็นสัดส่วนทั้งหมด โดยห้องน้ำทางขวามือของห้องจะเป็นประตูแบบ Double Access เชื่อมต่อระหว่างส่วนกลางห้องกับห้องนอน เฟอร์นิเจอร์ได้แบบ Fully Fitted ติดตั้งเครื่องปรับอากาศมาให้ 2 ตัว ที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ซึ่งภายในห้องนอน Type นี้ จะได้กระจกเข้ามุมตรงหัวเตียงด้วยค่ะ      2 Bedroom 50 ตร.ม. สำหรับห้องนี้จะเป็น 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ค่ะ ซึ่งก็จะได้ครัวปิดที่มีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศและความชื้นเอาไว้ให้ด้วย พื้นที่วางโต๊ะทานข้าว จะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นด้านใน ซึ่งเชื่อมต่อกับระเบียงอีกที ส่วนห้องนอนจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งของห้อง ห้องนอนแรกจะอยู่หลังเคาน์เตอร์ทีวี และ Master Bedroom จะเชื่อมต่อกับห้องน้ำด้วยประตู Double Access        เตรียมตัวจับจองรอบแรก Online Booking วันที่ 26 ก.พ. นี้ เวลา 19.00-21.00 น. เฉพาะอาคาร C ชั้น 4 ยูนิตสวยวิวสระว่ายน้ำหรือวิวริมน้ำ ลงทะเบียน i booking รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท และได้ Digital Door Lock >>> https://ibooking.apthai.com   PRESALE 2-3 มี.ค.นี้ ที่สำนักงานขาย ลงทะเบียนรับส่วนลด 50,000 บาท สำหรับ 1 Bed และ 100,000 บาท สำหรับ 2 Bed พร้อมโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท และฟรี! เฟอร์นิเจอร์ (เฉพาะวันพรีเซลเท่านั้น) คลิก https://goo.gl/S59jz2    เริ่ม 1.89 ล้านบาท* เฉลี่ย 86,000 บาท/ตร.ม. คอนโด Aspire อโศก รัชดา Aspire Asoke-Ratchada ทำเลสุดฮอตของทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ เพียงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ราคาคอนโดมิเนียมในย่านนี้พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะได้รับความนิยมอย่างมากนี่แหละค่ะ ซึ่งตัว Aspire Asoke-Ratchada จะมีที่ดินกว่า 11 ไร่ ถือว่าเป็นขนาดที่หาได้ยากมากแล้วสำหรับโซนนี้ โดยตัวโครงการจะอยู่ในซอยรัชดาภิเษก 3 หรือที่เรียกกันว่าซอยสถานฑูตจีน เข้าไปประมาณ 700 เมตร    Aspire Asoke-Ratchada เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 6 อาคาร ที่จอดรถ 38% ขนาดห้อง 25-51 ตร.ม. ทั้งหมด 1,025 units+3 shop ดีไซน์โดดเด่นด้วยเส้นสายที่โค้งมน ให้ความรู้สึกหรูหรานุ่มนวล บวกกับต้นไม้ตัดแต่งที่ให้อารมณ์เน้นไปที่ความเป็น Colonial ทำให้เกิดเป็นพื้นท่ี่ transition space “Courtyard”    ที่สำคัญคือเรื่องของราคาค่ะ แม้จะอยู่ในทำเล Prime ขนาดนี้ แต่ราคาเริ่มต้นประมาณ 90,000 บาท/ตร.ม. นะคะ คอยจับตากันเอาไว้ให้ดีกับ Aspire Asoke-Ratchada ที่กำลังจะเปิด Pre-sale 30-31 มี.ค. ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท* จองเพียง 5,000 บาท* ฟรีค่าทำสัญญา ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท (Studio, 1 bed, 1 bed plus ลด 50,000, 2 bed ลด 100,000) พิเศษ! เปิด AP iBooking ตึก B ชั้น 7 และตึก E ชั้น 4 วันที่ 26 มี.ค. 19.00-21.00   ใครที่อยากมาชมห้องตัวอย่างหรือมาในวันงาน Pre-sale ก็สามารถจอดรถเอาไว้ที่ ลาน G Tower และตึก Unilever แล้วข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามก็จะพบกับ Sale Gallery ของโครงการค่ะ โดยจะเริ่มให้เข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 21-24 มีค 9.00-20.00 น.   Aspire Asoke-Ratchada ลงทะเบียนที่ >>> https://bit.ly/2Uh2rPO         แต่ก่อนจะเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่าง เรามีภาพมาให้ชมกันก่อนค่ะ   1 Bedroom Plus 35 ตร.ม.  ห้องตัวอย่างแรกจะเป็นแบบ 1 Bedroom Plus คือมี 1 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถดัดแปลงเป็นห้องอะไรก็ได้ตามใจ เช่น ห้องทำงาน  หรือห้องนอนที่ 2 ส่วนครัวครัวเปิดจะเชื่อมต่อกับพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานข้าวเอาไว้กลางห้องค่ะ แต่ด้วยพื้นที่แบ่งเอาไว้เป็นสัดส่วนก็จะสามารถกั้นเป็นห้องครัวปิดได้ เรียกได้ว่าจัด Space มาให้มีความยืดหยุ่นต่อการอยู่อาศัยจริงทีเดียวค่ะ   2 Bedroom Plus 49.5 ตร.ม.  สำหรับ 2 ห้องนอน จะวาง common area ไว้กลางห้อง แล้วแบ่งฝั่งซ้าย-ขวา ซึ่งจะได้ห้องครัวปิดที่มีเครื่องดูดควันต่อท่อออกไปนอกระเบียงติดตั้งมาให้เรียบร้อย ช่องว่างตู้เย็นขนาดใหญ่มากขึ้นเหมาะสำหรับครอบครัว และยังมีห้องเก็บของที่ถูกดีไซน์ไว้เพื่อวางเครื่องซักผ้า สามารถตากผ้าได้ด้วยในตัว เพราะมีหน้าต่างทรงสูงมาให้ เวลาตากผ้า แถมยังมีพื้นที่สำหรับเก็บของเพิ่ม ตรงนี้ถือว่าทำออกมาได้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยจริงได้ดีเลยค่ะ     สำหรับ Aspire ทั้ง 2 โครงการที่เปิดตัวมาในปีนี้ มีความแตกต่างออกไปจากที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัดค่ะ ทั้งส่วนกลางที่เพิ่มมากขึ้น ดีไซน์ทันสมัย การจัด Sapce ภายในห้องก็ตอบโจทย์การอยู่อาศัจริงได้ดียิ่งขึ้น กลายเป็นอีกแบรนด์ที่น่าจับตามองถึงพัฒนาการที่ก้าวขึ้นมาเรื่อยๆ ต่อไปค่ะ รายละเอียดคอนโด Aspire เพิ่มเติม Aspire Asoke-Ratchada Aspire Sukhumvit-Onnut โครงการอื่นๆ จาก AP (Thailand) Aspire Erawan Aspire Ngamwongwan Life Asoke Hype RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน
แต่งคอนโดให้สวยโดนใจในแบบ Minimal ด้วย Koncept Furniture

แต่งคอนโดให้สวยโดนใจในแบบ Minimal ด้วย Koncept Furniture

ถ้าพูดถึงการตกแต่งบ้านแบบ “Minimal Style” เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินจนคุ้นหูกันมาแล้ว ปัจจุบันเทรนด์แบบ Minimalist ก็เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เริ่มตั้งแต่เทรนด์แฟชั่นการแต่งตัวจนเข้ามาถึงวิถีการใช้ชีวิตในแต่ละวัน พอเราเริ่มมีบ้านใหม่ของตัวเองหรือซื้อคอนโดใหม่ซักห้องก็อยากจะมีห้องสวยๆ ให้สอดคล้องกับ Lifestyle ส่วนตัวในรูปแบบ Minimal จริงมั้ยคะ   แล้ว “Minimalist” คืออะไร ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับคำว่า “Minimal Style” กันซักหน่อยว่าคอนเซปต์ของสไตล์แบบนี้คือ ความเรียบง่าย การใช้ข้าวของน้อยชิ้นแต่เน้นที่ประโยชน์ใช้สอย หรือเลือกตามความจำเป็น ลวดลายหรือ Pattern ที่ใช้จะเน้นลายเส้นที่เรียบตรงหรือสีพื้น ซึ่งส่วนใหญ่คนมักจะเข้าใจว่า การแต่งตัว หรือตกแต่งบ้านในแบบ Minimal จะต้องเน้นเป็นโทนสีขาว-ดำ หรือ โมโนโทน เท่านั้น แต่การที่จะเลือกเติมสีสันอื่นๆ เข้าไปบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรนะคะ บางทีอาจจะทำให้น่าสนใจมากขึ้นก็ได้ลองเลือกสีโทนชมพูอมส้ม (Live Coral) ที่เป็นสี pantone ของปี 2019 นี้เพิ่มเข้าไปบ้าง เชื่อว่าห้องหรือคอนโดของเราต้องน่าสนใจอินเทรนด์ขึ้นอีกไม่น้อยเลยทีเดียว       มาจัดบ้านในแบบ Minimal ด้วยเฟอร์นิเจอร์ Koncept กันเถอะ อย่างแรกเลยการแต่งบ้านในสไตล์ Minimal จะเน้นเฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่สามารใช้สอยประโยชน์ได้มากกว่า 1 อย่าง หรือที่เรียกว่า multi-function ควรเล็งไว้ก่อนเลยค่ะ โดยเฉพาะชั้นเก็บของ (Shelf) หรือเตียงนอนที่มีที่เก็บของได้อย่างมิดชิดก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย สิ่งต่อไปคือ “สไตล์” และ “ดีไซน์” ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะเราจะเน้นเครื่องใช้ที่มีดีไซน์ที่เรียบๆ แต่ถ้างานโลหะให้ความรู้สึกแข็งทื่อเกินไป เราแนะนำให้ลองเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือลายไม้แบบเรียบๆ ดู ซึ่งจะช่วยให้บรรยากาศภายในห้องรู้สึกอุ่นขึ้นได้ค่ะ ที่ Koncept เค้ามีเซ็ตเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับสไตล์ Minimal ให้เลือกเยอะเลยค่ะ เรามีไอเดียคร่าวๆ มาฝากเผื่อใครที่สนใจจะได้ลองเล็งเอาไว้ก่อน   เฟอร์นิเจอร์ชุด Melona ดีไซน์เรียบง่ายในโทนสีขาวนอกจากฟังก์ชั่นจะโดนแล้ว ลองเพิ่มมิติให้กับส่วนต่างๆ เพิ่มเติม ด้วยของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ที่มีสีโดดเด่นเข้าไปบ้างห้องก็น่าสนใจขึ้นเยอะเลย   ห้องครัวก็ Minimal ได้นะคะ ไม่ได้ทำครัวก็ไม่ต้องมีของเยอะ แค่มีเคาน์เตอร์ลายไม้เล็กๆ ก็เพียงพอแล้ว เพิ่มโต๊ะกินข้าวอีกหน่อยก็ลงตัวเหมาะกับคอนโดในปัจจุบันมากๆ   Patinal Lepino เป็นอีกชุดที่เหมาะมากด้วยลายไม้สีอ่อนทำให้บรรยากาศในห้องอุ่นขึ้น แล้วดีไซน์ก็เรียบเท่แบบแมนๆ หน่อย ลองเลือกโคมไฟสวยๆ หรือเพิ่มปลอกหมอนสีตัดกันอีกนิด ห้องก็สวยได้ง่ายๆ แล้ว   อีกสิ่งสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กัน สำหรับการคงความเป็น Minimalist ไว้ก็คือ การจัดการกับข้าวของเครื่องใช้ให้เป็นระเบียบ เพื่อให้บรรยากาศภายในคอนโดดูเรียบร้อย สะอาด และเป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลา เราควรเลือกจัดเก็บของอย่างเป็นระบบ สิ่งของที่เหลือใช้และไม่จำเป็น ควรจะทิ้งหรือนำไปบริจาค ส่วนข้าวของที่มีอยู่ก็ควรจัดเก็บให้เป็นระเบียบ โดยการซ่อนไว้ในตู้ที่มิดชิดบ้าง หรือจัดมุมเก็บของให้เป็นสัดส่วน อย่าลืมว่าวิถีแบบ Minimal มักจะมีของใช้น้อย และใช้ชีวิตให้เรียบง่ายเข้าไว้ค่ะ   ชั้นเก็บของและชั้นวางทีวีไม้สไตล์โมเดิร์นนิดๆ ดีเทลไม่เยอะ ตรงตามคอนเซปต์ minimal เลย ทีนี้ก็จะได้พื้นที่เก็บของที่เป็นระเบียบแล้ว   เฟอร์นิเจอร์ชุด Urbani Peco ก็เป็นอีกชุดที่ตอบโจทย์สไตล์ Minimal ได้ดีเลย แถมชุดเดียวครบทั้งห้องนั่งเล่น ลงตัวและเข้ากันได้กับทุกสีห้อง   แต่ไม่ว่าจะเป็นคอนโดใหม่ที่มีห้องโล่งๆ รอการแต่งเติม หรือแม้แต่คอนโดที่เราตกแต่งเสร็จเข้าอยู่แล้วการจะเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ยกเซ็ตจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และใช้งบประมาณบานปลายเกินไปมั้ย บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลจนเกินไปค่ะ เพราะตอนนี้ Koncept ฉลองครบรอบ 20 ปี อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการจัดโปรโมชั่นเด็ด “20 ปี 20 เซ็ต ราคาเดียว 20,000 บาท” ไม่ว่าจะห้องนั่งเล่น ห้องนอน มุมทำงาน มุมกินข้าว เค้าก็มีเซ็ตเฟอร์นิเจอร์สวยโดนใจให้เลือกหลากหลายสไตล์ เฟอร์นิเจอร์ลายไม้ที่จะมาทำให้คอนโดเรามีสไตล์ Minimal ก็มีที่น่าสนใจหลายชิ้นเลย เสร็จแล้วแอบเพิ่มหมอนอิงสี Live Coral หรือเปลี่ยนสีผ้าม่านซักนิด รับรองว่าจะเหมือนได้ห้องใหม่เลยแหละ แถมอยู่ในงบสบายกระเป๋าอีกด้วย จ่ายแค่ 20,000 ก็ได้เฟอร์นิเจอร์ยกเซ็ตกันไปเลย ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้วววว หาเวลาว่างเข้าไปดูโปรโมชั่นดีๆ ได้ที่ Koncept Furniture ทุกสาขา   https://youtu.be/uW1EtiNjaMY  
รีวิวคอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ “Triple Y Residence” คอนโดของคน Gen Y

รีวิวคอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ “Triple Y Residence” คอนโดของคน Gen Y

Triple Y Residence คอนโดสามย่าน มิตรทาวน์ ของคน Gen Y ประชากรที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในอนาคต ก็คงจะต้องเป็นกลุ่มคนที่เรียกกันว่า Gen Y ค่ะ ถ้าให้พูดชัดๆ ก็คือคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2540 เป็นกลุ่มที่เพิ่งต้นวัยทำงาน ซึ่งก็เพิ่งเติบโตมาจากความเป็นเด็กมหา’ลัย ที่อยู่ท่ามกลางสังคมดิจิตอลนั่นเองค่ะ แล้วคนกลุ่มนี้มาสำคัญกับเรื่องที่อยู่อาศัยอย่างไร เรามาดูจากหลากหลายมุมมองกันค่ะ   ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับชาว Gen Y กันคร่าวๆ ก่อนค่ะ เพราะวัยหนุ่มๆ สาวๆ กลุ่มนี้เขายืนอยู่ท่ามกลางยุคที่โลกหมุนเปลี่ยนผ่านระหว่างโลกอนาล็อกสู่ดิจิตอลอย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันจะใช้เวลาอยู่บนโลกอ่อนไลน์สูงสุดมากกว่ากลุ่มช่วงอายุอื่นๆ ทำให้สามารถเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเองอยู่ตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่คนวัยนี้มักจะค้นหาอะไรใหม่ๆ ด้วยตัวเอง ชอบมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ควบคู่กันไปด้วย โจทย์นี้ทำให้ “คอนโดมิเนียม” เป็นคำตอบที่ตรงใจที่สุด   ทุกวันนี้เราจะเห็นคอนโดมิเนียมออกแบบตกแต่งมาอย่างหรูหรา ใช้หินอ่อนบวกกับอลูมิเนียมเงาวับ คล้ายไปกันหมด แต่จะมีสักกี่แห่งที่ออกแบบมาเพื่อให้ตอบการใช้ชีวิตจริงของกลุ่มคนนั้นๆ เช่น ภายในห้องพักอาศัยใช้โทนสีอ่อนดูอบอุ่น เหมาะกับการพักผ่อน มี Day Bed เป็นมุมอ่านหนังสือในช่วงเวลาชิลๆ  ส่วนกลางมี Co-Learning Space, ฟิตเนส, คาเฟ่ เปิดตลอด 24 ชม. Co-Kitchen ให้ได้ทำอาหารหนักๆ พร้อมจัดปาร์ตี้ได้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นติดห้อง และสิ่งสำคัญคือทำเลอันเหมาะสมจริงๆ สำหรับคนตั้งแต่ Gen Y ลงไป คืออยู่ใกล้สถาบันการศึกษาและที่ทำงาน ซึ่งเราต้องเดินทางไป-กลับอยู่เกือบทุกวัน และยังต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยิ่งอยู่ใกล้คอนโดของเรามากเท่าไหร่ ชีวิตก็ยิ่งสะดวกสบายขึ้น   สำหรับครอบครัวในยุคหลังมานี้เริ่มตระหนักดีถึงความสำคัญทางการศึกษา อาจด้วยเพราะสภาพสังคมที่ต้องแข่งขันกันมากขึ้น เพื่อหวังอนาคตที่ดีของลูกหลาน การเข้าเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปจึงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน, โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ แต่ละแห่งก็มีที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกันทั้งนั้นใช่ไหมคะ แต่ถ้าการเดินทางเข้ามาถึงสถาบันที่ตัวเองเรียนอยู่ ต้องใช้เวลาฝ่าฟันกับรถติดอยู่ทุกเช้าจรดค่ำ จนใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนมากกว่าอยู่บ้านพักเสียอีก เพราะกว่าจะถึงบ้านก็ค่ำมืด แล้วต้องตื่นแต่เช้าตรู่เข้ามาในเมืองอีกอยู่ดี ฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดนั่นคือการหาคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษาให้ได้มากที่สุด เพื่อประหยัดเวลาเดินทาง สู้เอาเวลาที่อยู่บนท้องถนนมานั่งอ่านหนังสือ หรือเข้าโรงเรียนกวดวิชาใกล้ๆ กันนี้ แถมมีเวลาพักผ่อนมากกขึ้นกับสิ่งอำนวยความสะดวกรอบตัว ไม่ดีกว่าเหรอคะ?       กว่า 19 ล้านคนของคนกลุ่มนี้ ไปจนถึงกลุ่ม Demand ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ซึ่งจะมีเข้ามาใหม่อยู่ทุกปี อย่างเฉพาะที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในแต่ละปีการศึกษาจะมีนิสิตตบเท้าเข้ามาใหม่ประมาณ 6,000-7,000 คน/ปี นี่ยังไม่รวมบุคลากร รวมถึงผู้ที่ทำงานในละแวกนี้อีกนะคะ เพราะแนวโน้มของคน Gen Y มีแนวโน้มนิยมเช่ามากกว่าซื้อ(ลิงค์ไปที่บทความเก่า) เรียกได้ว่าเป็นกลุ่ม Demand อันหอมหวล บวกกับทำเลที่ทั้งเดินทางง่ายและรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ สำหรับในมุมมองของนักลงทุน              Triple Y Residence เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ SAMYAN MITRTOWN มิกซ์ยูสใจกลางเมืองฝั่งตรงข้ามจามจุรีสแควร์ ซึ่งจะมี ทางเดินเชื่อมตรงจาก MRT สามย่าน มาถึงหน้าโครงการไม่ต้องเสี่ยงอันตรายข้ามถนน ให้อารมณ์เหมือนในต่างประเทศเลยค่ะ ทั้งหมดบนพื้นที่กว่า 14 ไร่ ที่จะกลายมาเป็น Point สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา คนทำงาน และนักท่องเที่ยว เพราะจะประกอบไปด้วย Office Grade A 30% 31 ชั้น ลิฟท์โดยสาร 14 ตัว แยกลิฟท์ขนของ พื้นที่ใช้สอย 48,000 ตร.ม. อยู่ทางฝั่งถ.พระราม 4 Retail 30% 6 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 36,000 ตร.ม. แบ่งโซนเป็น Eating Library 43% Learning Library 29% Living Library 28% หน้าโครงการตรงหัวมุมสี่แยก ยาวไปทางถ.พญาไท Residence 15% แบ่งเป็นคอนโดฯ 516 ยูนิต โรงแรม 112 ยูนิต ฝั่งใกล้กับคณะนิติศาสตร์ จุฬา Shared Parking 25% รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดถึง 222,000 ตร.ม.       คอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ "Triple Y Residence" Triple Y Residence เป็นชื่อเรียกในส่วนของคอนโดมิเนียม 33 ชั้น ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 11 ขึ้นไปโดยแบ่งเป็น 3 Type คือ 1 Bedroom 34 ตร.ม. จำนวน 459 ยูนิต 1 Bedroom+ 40 ตร.ม. จำนวน 19 ยูนิต 2 Bedroom 68 ตร.ม. จำนวน 38 ยูนิต           ส่วนชั้นล่างของอาคารเป็นโรงแรมที่เรียกว่า Triple Y Hotel จำนวน 112 ห้อง   Facility ของคอนโดมิเนียมจะแยกออกจากกันกับส่วนของโรงแรม มีเพียง Lobby เท่านั้นที่ใช้ร่วมกัน ซึ่งตัว Lobby เมื่อใช้ร่วมกันกับโรงแรมก็จะต้องมีพนักงานอยู่ตลอด 24 ชม. ค่ะ ฉะนั้นเรื่องของความปลอดภัยก็หายห่วงค่ะ โดยส่วนกลางของคอนโดมิเนียมก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานจริงของกลุ่ม Real Demand ที่เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ไปจนถึงกลุ่มคนทำงาน ไม่ว่าจะเป็น Study zone, Fitness, Co-Kitchen, Laundry zone, สระว่ายน้ำแบบ Outdoor     Triple Y Residence เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Lease Hold หรือสิทธิการเช่า 30 ปีค่ะ แม้ว่าฟังดูเผินๆ อาจจะทำให้ลังเลอยู่สักหน่อย แต่จริงๆ แล้วความเป็น Lease Hold ก็มีข้อดีตรงที่ว่า ราคาขายทั่วไปจะถูกกว่าแบบ Free Hold ประมาณ 20-30% เมื่อเทียบในทำเลเดียวกัน และตลอดระยะเวลา 30 ปี ทางโครงการจะช่วยดูแลที่พักอาศัยของคุณให้ดูน่าอยู่ ดูใหม่อยู่เสมอ โดยที่เราไม่ต้องไปลงแรงอะไรมากให้เสียเวลากับเหล่าปัญหาจุกจิกที่ทุกคอนโดมักจะเจอกันอยู่เสมอ ส่งผลดีทั้งการปล่อยเช่าได้ราคาดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้อยู่อาศัยเองก็แฮปปี้ไปด้วย         พร้อมเปิดขาย Pre-sale Event ในวันที่ 10 มี.ค. 62 ราคาเริ่มต้นพิเศษ 4.49 ล้านบาท สิทธิพิเศษ สำหรับผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน Pre-sale Event รับส่วนลด 100,000 บาท ทันที คลิก tripleyresidence หรือ โทร 065-275-7472 รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม คอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ Triple Y Residence บทความอื่นๆ เกี่ยวกับ คอนโด สามย่าน มิตรทาวน์ 19 ร้านคอนเซ็ปต์ “ใหม่” ในสามย่านมิตรทาวน์ เปิด 5 ไฮไลท์ “MITRTOWN OFFICE TOWER” “สามย่านมิตรทาวน์” มิกซ์ยูส 9,000 ล้าน โปรเจ็กต์แรกที่เปิดบนถนนพระราม 4 “สามย่านมิตรทาวน์” เปิดพื้นที่ 24 ชั่วโมง ให้คนกรุงใช้ชีวิตทั้งวันทั้งคืน “กิน ดื่ม ทำงาน และออกกำลังกาย”