Tag : condo

1512 ผลลัพธ์
JW Station@Ramintra เป็นมากกว่าทุกความต้องการ : รีวิวคอนโด

JW Station@Ramintra เป็นมากกว่าทุกความต้องการ : รีวิวคอนโด

ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินค่ะว่าคอนโดมิเนียมดีๆ มักจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในชีวิตได้มาก ยิ่งถ้าได้เป็นเจ้าของพื้นที่เองแล้วล่ะก็ การใช้ชีวิตในแต่ละวันคงเต็มไปด้วยความสุขและเติมความมีชีวิตชีวาได้เป็นอย่างดี เหมือนดั่งคอนโดฯ โครงการใหม่ล่าสุดจาก บริษัท เจ.ดับบลิว.เรียลเอสเตท ในเครือ JW Group ภายใต้ชื่อ JW Station@Ramintra ที่เป็นมากกว่าทุกความต้องการของชีวิต บนทำเลศักยภาพติดรถไฟฟ้าสายสีชมพู (สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ) พร้อมออกแบบคอนโดเป็นตึกสูงที่สุดในย่านมีนบุรี ด้วยความสูงถึง 20 ชั้น เพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายครบครัน ซึ่งกำลังจะเปิดพรีเซลเร็วๆ นี้ ทีมงานเราก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปเก็บห้องตัวอย่างมาฝากกันก่อน เผื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเบื้องต้นค่ะ   โครงการ JW Station@Ramintra ตั้งอยู่ในทำเลที่จัดว่าน่าสนใจมากๆ ค่ะ ตัวโครงการด้านหน้าอยู่ติดถนนรามอินทรา ด้านข้างติดซอยรามอินทรา 86 ใกล้แยกมีนบุรี ที่เชื่อมต่อทั้งถนนรามอินทราและถนนเสรีไทย ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ดีที่สุดในย่านนี้ เพราะมีความอุดมสมบูรณ์สูงครบเครื่องทั้งแหล่งงาน หน่วยราชการ สถานศึกษา ธนาคาร แหล่งช็อปปิ้งตั้งแต่ร้านค้า, ร้านอาหาร, โชว์รูมรถ ไปจนถึงตลาดมีนบุรี อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าอย่าง Makro รามอินทรา, Amorini, The Promanade, Fashion Island และ The Mall บางกะปิ อีกด้วย   สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ก็จัดว่าสะดวกสบายทั้งเข้าเมืองและออกเมืองค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าโครงการ JW Station@Ramintra ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา ใกล้แยกมีนบุรี และยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงวงแหวนกาญจนาภิเษกในระยะเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น จะเดินทางเข้าเมืองก็สามารถใช้ทางเชื่อมจากถนนรามอินทราไปออกถนนเษตรนวมินทร์ใช้วิ่งเข้าเมืองไปทางพหลโยธิน หรือขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ตรงไปออกถนนเพชรบุรีและถนนสุขุมวิทก็เป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ถนนเสรีไทย วิ่งตรงไปลาดพร้าว ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนหลักหลายเส้น ไม่ว่าจะศรีนครินทร์, นวมินทร์, รามคำแหง หรือจะออกเมืองไปทางหนองจอก มีนบุรี ขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกไปสายไหม ไปรังสิต และอยุธยาก็สะดวกทั้งหมดค่ะ     ในส่วนของการเดินทางสำหรับคนที่ใช้รถสาธารณะก็จัดว่าสะดวกสบายทีเดียวค่ะ เพราะจุดเด่นของโครงการนั้นอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ที่วิ่งจากแครายมาสิ้นสุดที่มีนบุรี โดยกำลังดำเนินก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2562 ซึ่งลูกบ้านสามารถนั่งรถไฟฟ้าไปเปลี่ยนเป็นสายสีส้มได้ที่สถานีมีนบุรี (อยู่ถัดไปเพียง 2 สถานี) ได้อีกด้วย โดยอนาคตสายสีส้มจะทำการเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีเหลืองโซนบางกะปิ-ลาดพร้าว เรียกว่าถ้าแล้วเสร็จเมื่อไหร่ลูกบ้านก็ยิ่งเดินทางสะดวกมากขึ้นเท่านั้นค่ะ ทั้งนี้ในส่วนของรถสาธารณะอื่นๆ ก็ยังเอื้อต่อความสะดวกเช่นกันค่ะ เพราะข้อดีของโครงการที่อยู่ติดใหญ่เส้นหลัก ทำให้มีรถโดยสารอย่าง รถเมล์, รถสองแถวสีแดง, แท๊กซี่ และวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ทำให้การเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายจริงๆ ค่ะ   ภาพรวมโครงการ JW Station@Ramintra โครงการ JW Station@Ramintra เป็นคอนโด High Rise 20 ชั้น ที่สูงที่สุดแห่งแรกในย่านมีนบุรี โดยชูคอนเซ็ปต์เก๋ๆ ว่า “Everything is more มากกว่าทุกความต้องการ” ออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวสูงสุดเพียง 275 ยูนิต มาพร้อมความโปร่งสบายที่มากกว่าด้วยเพดานสูงถึง 2.70 เมตร คุ้มค่ากับรูปแบบอาคารและแบบห้องที่โออ่าทันสมัยในสไตล์โมเดิร์น ทั้งยังให้ความสำคัญมากกว่าการอยู่อาศัยโดย Built in furniture ให้ทุกยูนิตและใช้นวัตกรรมที่เหนือกว่าคอนโดทั่วไปด้วยระบบ Smart Building รองรับการใช้งานด้วยความสะดวกสบายผ่าน Smartphone ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้เป็นอย่างดี   และด้วยคอนเซ็ปต์ที่ทางโครงการเน้นให้เป็นคอนโดฯ มากกว่าทุกความต้องการ Facility จึงจัดเต็มแบบไม่กั๊กกันเลยทีเดียวค่ะ เพราะมีสวนลอยฟ้าทั้ง Sky Loung และ Sky Garden พื้นที่พักผ่อนชมวิวแบบพาโนรามาชั้นสูงสุด นอกจากนี้ยังรองรับสุขภาพให้ลูกบ้านด้วยฟิตเนสเต็มรูปแบบ รวมไปจนถึงสระว่ายน้ำระบบเกลือที่มาพร้อม Jacuzzi ขณะเดียวกันก็เพิ่มความปลอดภัยของลูกบ้านที่มากกว่าด้วยระบบ Smart Building, Digital Doorlock, Keycard Access, CCTV 24 ชั่วโมง และที่จอดรถบนอาคารถึง 45% ซึ่งถือว่าครบถ้วนมากๆ สำหรับคอนโดมิเนียมราคาสบายเทียบเท่าคอนโด Low Rise แบบนี้ ภาพจำลองบรรยากาศด้านหน้าโครงการ JW Station@Ramintra ทางเข้าออกด้วยระบบ Access Card และไม้กั้น ภาพจำลองบรรยากาศ Lobby คุมโทนสีเข้ม เพิ่มความหรูหราด้วยพื้นหินอ่อน ภาพจำลองบริเวณโถงลิฟต์ชั้น 1 ตกแต่งในบรรยากาศหรูหรา ดูโอ่อ่ารับกับ Lobby ภาพจำลองห้องห้อง Fitness แบบครบวงจร พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ทันสมัย ภาพจำลองบรรยากาศในห้องฟิตเนส ที่โอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสทำให้ออกกำลังกายพร้อมชมวิวได้เต็มสายตา ภาพจำลองพื้นที่พักผ่อนบนชั้น 4 ที่มีสระว่ายน้ำพร้อม Jacuzzi ริมสระมีส่วนที่นั่งพร้อมหลังคาผ้าให้ความรู้สึกเหมือนอยู่รีสอร์ท ภาพจำลองบรรยากาศส่วน Sky Lounge บนชั้นดาดฟ้า ที่มีทั้ง Sky Lounge และ Sky Garden สำหรับการพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ ภาพจำลองพื้นที่นั่งพักผ่อนสำหรับชมวิวมุมสูงของโครงการ ซึ่งเป็นลานกิจกรรมบน Activity Arcade On The Roof     เปิดประตูห้องตัวอย่าง โครงการ JW Station@Ramintra เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ที่มียูนิตรวมทั้งหมด 275 ยูนิต แบ่งเป็น 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 23.9 – 40 ตารางเมตร แบบ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 37 – 57 ตารางเมตร สำหรับห้องตัวอย่างที่เราได้ไปชมกันในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 23.9 ตารางเมตร ที่มีเพดาานสูงถึง 2.70 เมตร ซึ่งมีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการ ห้องแบบนี้จะมีลักษณะเป็นห้องแนวลึกนะคะ การจัดแบ่งพื้นที่ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน โดยจะแยกพื้นที่ครัวและห้องน้ำไว้ฝั่งเดียวกัน และมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางระหว่างพื้นที่นั่งเล่นกับห้องนอน   เปิดห้องเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยค่ะ ซึ่งมีที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่เล็กๆ สำหรับวางโต๊ะข้างได้อีกหน่อย ก่อนจะเข้าห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วนสวยงาม ภายในห้อง  Built-in ตู้ เตียง ไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ   ส่วนอีกโซนของห้อง เป็นห้องน้ำและห้องครัวนะคะ ซึ่งจะอยู่ติดกันโดยพื้นที่ครัวทางโครงการก็ Built-in เคาน์เตอร์และตู้เก็บของพร้อมเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้ามาให้เรียบร้อย ทั้งยังมาพร้อมกับเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันอีกด้วย ขณะที่พื้นที่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ยังมีที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ขนาด 2 ที่อีกด้วย ซึ่งข้อดีของห้องนี้คือครัวอยู่ติดระเบียงนะคะ ทำให้ลดปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนระหว่างทำครัวได้ดี ระบบ VDO Phone ที่แจ้งเตือนลูกบ้านจากบริเวณ Lobby เวลามีคนมาหา พร้อมเห็นหน้าของแขกผู้มาเยือนด้วย โดยจะมีสัญญาณเตือนมาที่ห้องของลูกบ้านแบบอัติโนมัติ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยค่ะ ทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งภายในห้องจะมาพร้อม Digital Doorlock และติดตั้งระบบ Smart Building รองรับการใช้งานด้วยความสะดวกสบายผ่าน Smartphone ไว้ที่ด้านข้างประตูด้วย ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีอยู่ในระยะที่กำลังดีนะคะ ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งทางโครงการจะบิลต์อินมาให้เสร็จสรรพ ทั้งยังมีตู้เก็บแบบมีหน้าบานเปิด-ปิดของด้านข้างอีกด้วย ติดกันกับโซน Living Area จะเป็นห้องนอนนะคะ กซึ่งก็กั้นกลางด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ภายในห้องนอนถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยนะคะ จะเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรอบเตียงนั้นสามารถเดินได้อย่างสบายๆ แถมถ้าใครอยากนอนดูทีวีก็สามารถติดทีวีที่ผนังโดยยังเหลือพื้นที่ให้เดินได้สะดวกเช่นเดิมค่ะ บริเวณข้างเตียงยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะข้างเหมือนดั่งห้องตัวอย่างเลยนะคะ ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เสื้อผ้ามาให้แล้วนะคะ ข้อดีคือลูกบ้านไม่ต้องเสียเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม ออกมาจากห้องนอนจะเป็นพื้นที่ต่อเนื่องไปโซนครัวและห้องน้ำค่ะ ครัวจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมหลวมระหว่างเคาน์เตอร์และโต๊ะรับประทานอาหารไว้ด้วยกัน เคาน์เตอร์ครัวลูกบ้านจะได้ตามภาพตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจะเว้นช่องสำหรับวางตู้เย็น ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้ามาให้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ทางโครงการยังแถมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันด้วยนะคะ ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวจะมีพื้นที่เพียงพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ขนาด 2 ที่ด้วยค่ะ ด้านในสุดของครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งก็มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็สามารถลดกลิ่นและระบายอากาศเวลาประกอบอาหารได้ดีค่ะ พื้นที่ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ ทางโครงการจะติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนนะคะ ข้อดีคือไม่เปลืองเนื้อที่นั่นเองค่ะ กลับเข้ามาด้านใน ติดกันกับครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งก็ยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งเสต็ปเพื่อกันน้ำเปียกมาถึงพื้นด้านนอก ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่เปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน สุขภัณฑ์ที่ลูกบ้านจะได้รับก็ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางโถสุขภัณฑ์ไว้ตรงกลางห้อง พื้นที่เปียกจะกั้นด้านประตูกระจกนะคะ ซึ่งถ้าใครตัดสินใจซื้อในช่วงพรีเซลทางโครงการจะแถมบานเลื่อนกระจกกั้นพื้นที่เปียกให้ค่ะ แต่ถ้าหลังจากช่วงพรีเซลจะแค่ยกธรณีขึ้นมาเฉยๆ ค่ะ พื้นที่เปียกจะยกธรณีสูงขึ้นมานิดนึงนะคะ เพื่อกันน้ำเลอะมาฝั่งโซนแห้ง ภายในห้องอาบน้ำทางโครงการจะเจาะช่องไว้สำหรับวางของใช้ส่วนตัวให้ด้วยนะคะ     ห้องทั้งหมดของโครงการ JW Station@Ramintra จะขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in ตามที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยนะคะ ตู้เก็บของ เคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เครื่องปรับอากาศได้ครบ เรียกว่าพร้อมให้เข้าอยู่ในราคาเริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท หรือ 75,000 บาท/ตารางเมตร ใครที่สนใจสามารถแวะเข้าไปที่สำนักงานขายได้เลยค่ะ โดยมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำและข้อมูลต่างๆ อย่างละเอียดยิบ จะได้ถือโอกาสสำรวจบรรยากาศจริงไปในตัวเลย และตอนนี้โครงการ JW Station@Ramintra กำลังมีโปรโมชั่นพิเศษรออยู่ด้วยนะคะ โดยจะเปิด Pre Sale วันที่ 27 กันยายน – 1 ตุลาคม 2560 พร้อมส่วนลดตารางเมตรละ 10,000 บาท ซึ่งจะเหลือเพียงตารางเมตรละ 65,000 บาทเท่านั้น พร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 570,000* บาท เรียกว่าอยู่ในราคาเทียบเท่ากับคอนโด Low Rise เลยนะคะ แถมจองเพียง 10,000 บาท ทำสัญญา 25,000 บาท* ผ่อนดาวน์ 18 งวด เพียง 7,308 บาท/เดือน* เท่านั้น ซึ่งสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ http://www.jwgroupthailand.com/register/   สำหรับคอนโดมีเนียมดีๆ ที่มีองค์ประกอบพร้อมทั้งการเดินทาง ระบบขนส่งมวลชน ที่สำคัญคือตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ดีไซน์ห้องสวยงามแต่งครบ คุ้มค่าทุกตารางเมตรขนาดนี้ บอกได้คำเดียวว่า "ไม่ควรมองข้ามค่ะ"
Life Asoke-Rama 9 “พลาดจองครั้งนี้ อาจไม่มีโอกาสให้แก้ตัว” : รีวิวคอนโด

Life Asoke-Rama 9 “พลาดจองครั้งนี้ อาจไม่มีโอกาสให้แก้ตัว” : รีวิวคอนโด

ตั้งแต่ต้นปีมา เราจะเห็นว่า AP เปิดตัวโครงการแบรนด์ “Life” ไปแล้ว 2 โครงการ นั่นคือ “Life Ladprao” และ “Life ๑ Wireless” ซึ่งแต่ละทำเลที่เปิดมาก็สร้างกระแส เรียกเสียงว้าวได้ตลอดๆ เป็นที่จับตามอง และให้การตอบรับชนิดที่ว่าเปิดให้จองแต่ละทีแทบจะต้องกางเสื่อต่อคิวล่วงหน้ากันก่อนวันเปิดจองเลยทีเดียว แม้แต่ต่อที่ Life ๑ Wireless เปิดให้จองออนไลน์ยอดจองก็หมดเกลี้ยงในพริบตาอีก   พูดถึงแบรนด์ “Life” ต้องบอกว่าทาง AP มีการปรับเปลี่ยนลุคของแบรนด์ให้ดูหรูหรา และทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ทั้งตัวอาคารที่ใส่ใจเรื่องการดีไซน์ให้มีมิติแปลกตา พร้อมกับจัดหนักในส่วนของ Facility ส่วนกลาง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองให้มากขึ้น โดยยังไม่ทิ้งจุดเด่นเรื่องทำเลที่เดินทางสะดวกและใกล้รถไฟฟ้า จากเสียงตอบรับที่ผ่านมาเป็นเครื่องการันตีได้ว่า Life คือแบรนด์หนึ่งของ AP ที่ประสบความสำเร็จมากๆ ในปีนี้ ดังนั้นเมื่อมาถึง Life ตัวสุดท้ายของปี จึงต้องเปิดให้ดัง ปังให้สุด กับ “Life Asoke-Rama 9”   ปักหมุด New CBD - “อโศก - พระราม 9” ทำเลในฝัน ทำเลในย่าน “อโศก - พระราม 9” ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง และหลายๆ ครั้งก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทำเลในย่านนี้ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด มีทั้งศักยภาพในการลงทุน และความเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย รวมถึงแนวโน้มของราคาที่อยู่อาศัยในย่านนี้มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เราคงไม่ต้องเจาะลึกถึงศักยภาพทำเลไปมากกว่านี้ให้เสียเวลา แต่จะพาเข้าประเด็นถึงทำเลที่ตั้งโครงการ Life Asoke-Rama 9 กันเลย Life Asoke-Rama 9 ได้ที่ดินริมถนนอโศก-ดินแดง ห่างจากแยกพระราม 9 นิดเดียวเอง จากตัวโครงการไปยังสถานีรถไฟฟ้า MRT พระราม 9 มีระยะห่างเพียง 300 เมตรเท่านั้น ในรัศมี 2-3 กิโลเมตรรอบ โครงการจัดว่าอุดมสมบูรณ์ และเพียบพร้อมไปด้วยสาธารณูปโภคต่างๆ มากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร แหล่ง Hangout สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล อาคารสำนักงานอีกเพียบ ที่ตั้งของโครงการอยู่ติดกับถนนอโศก-ดินแดง ใกล้กับแยกพระราม 9 นิดเดียวเอง การเดินทางมายังโครงการสะดวกมากๆ สามารถเลือกได้หลายเส้นทาง รวมถึงหลายวิธีการเดินทาง เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน Airport Rail Link เลยขึ้นไปอีกหน่อยก็เป็นสถานี Interchange กับสายสีเขียวด้วย หรือจะเลือกการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ทั้งรถเมล์ แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็มีให้เลือกใช้บริการได้เกือบ 24 ชั่วโมงเลย ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเติมขึ้นมา เชื่อมต่อกันที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในอนาคตก็จะสะดวกมากขึ้นไปอีกแน่นอน นอกจากนี้การเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็มีความสะดวกไม่แพ้กัน เพราะสามารถเข้า-ออกโครงการได้ 2 ทาง คือ จากทางด้านถนนอโศก-ดินแดง (ซอยไม้ดัด ข้างๆ Rhythm Asoke) และทางด้านถนนจตุรทิศ ถนนเส้นนี้ใช้เป็นทางเลี่ยงรถติดบนถนนอโศก-ดินแดงได้ดี ตรงมาจากพญาไทแป๊บเดียวก็ถึงโครงการแล้ว นอกจากนี้ห่างออกไปไม่ไกลยังมีด่านทางด่วนพระราม 9 การเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพมหานครจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดาย   Life Asoke-Rama 9 Life Asoke-Rama 9 เปิดภาพแรกมาด้วยความหรูหราอลังการของ Facility ที่อัดแน่นอยู่บน Rooftop ซึ่งทำให้เราอยากทำความรู้จักกับโครงการนี้ให้มากขึ้น จะได้ไม่พลาดโอกาสเป็นเจ้าของคอนโด Life เหมือนที่ผ่านมา ไหนๆ ก็เปิดมาด้วยเรื่อง Facility แล้ว เราเลยจะพาไปส่องข้อมูลของโครงการ Life Asoke-Rama 9 ให้ครบทุกซอกมุมกันไปเลย ได้ยินมาว่าแค่พื้นที่ส่วนกลางบน Rooftop ก็มีขนาดรวมกว่า 1.5 ไร่แล้ว บวกรวมกับพื้นที่สวนรอบๆ โครงการ และ Pocket Garden ที่ชั้นต่างๆ อีก รวมๆ แล้วพื้นที่ส่วนกลางของ Life Asoke-Rama 9 ก็มีมากถึง 7.5 ไร่เลยทีเดียว แปลนของ Facility บนชั้น Rooftop ชั้น 44 - 45    Highlight อยู่ที่บริเวณ Rooftop ซึ่งรวบรวม Facility หลักๆ ไว้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น สระว่ายน้ำ ที่มีมากถึง 3 สระ อันแรกเป็น Lap Pool ขนาดมาตรฐานโอลิมปิก 50 เมตร ใช้ว่ายออกกำลังกายได้สบายๆ ขณะเดียวกันเหนือขึ้นไปด้านบนสระ เพิ่มสระกระจกลอยฟ้าแบบ Aquarium Sky Pool เปิดรับวิวรอบตัวเหมือนได้แหวกว่ายท่ามกลางหมู่ดาวกันไปเลย ส่วนสระสุดท้ายมีขนาด 45 เมตร ซึ่งมาพร้อมกับ Jacuzzi เพื่อการผ่อนคลายโดยเฉพาะ   พื้นที่บนยอดตึกเปิดรับวิวได้แบบ 360 องศา เปิดมุมมองของ City View ได้สวยเต็มตา ดังนั้น Facility ส่วนใหญ่จึงถูกออกแบบมาให้เปิดรับวิวได้ทุกมุม เช่น Sky Lounge หันไปทางพระราม 9 และ Amplitheater หันไปทางมักกะสัน, Sky Deck ชมวิวตึก Super Tower รวมถึงห้อง Fitness ใหญ่อลังการด้วยพื้นที่มากถึง 2 ชั้น พื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้ามีการเล่นระดับพื้นที่เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับ Facility ให้มีความสวยงามแปลกตา และเพิ่มมุมพักผ่อนชมวิวให้มากขึ้น ลูกบ้านทุกยูนิตจะได้มีโอกาสใช้ได้อย่างเต็มที่ Sky Deck ชมวิว Super Tower จากบนยอดตึกของโครงการ ภาพจำลองของพื้นที่ Amplitheater ที่หันหน้าไปทางมักกะสัน Sky Lounge เปิดรับ City View ได้สวยงามเต็มตามากๆ Sky Fitness กินพื้นที่มาถึง 2 ชั้นเลยทีเดียว   นอกจาก Facility บนชั้นดาดฟ้าแล้ว ที่บริเวณชั้น 7 และชั้น 36 ยังทำเป็น Pocket Garden เพิ่มพื้นที่พักผ่อนสบายตาให้มากขึ้นไปอีก โดยพื้นที่บริเวณชั้น 7 จัดแบ่งเป็นสวนร่มรื่นขนาดใหญ่ พร้อมมุมนั่งทำงานส่วนตัว (มี wifi บริการทุกจุด)  ในขณะที่อีกด้านเป็นเหมือนลานอเนกประสงค์สำหรับทำกิจกรรม ออกกำลังกายท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวสบายตา แต่ถ้าอยากนั่งเล่นชม Super Tower แบบสงบๆ Pocket Garden ที่บริเวณชั้น 36 น่าจะเหมาะ เพราะถูกออกแบบเป็นระเบียงกว้าง พร้อมด้วยขอบระเบียงกระจกที่เปิดโล่งให้วิวสวยปรากฏชัดสุดสายตา ความอลังการของพื้นที่ส่วนกลางยังไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะที่บริเวณรอบๆ โครงการตั้งแต่บริเวณทางเข้ายังร่วมรื่นไปด้วยสวนขนาดใหญ่ กินพื้นที่บริเวณชั้นล่างมากถึง 3 ไร่ ซึ่งประกอบไปด้วย Pavilion 2 แห่ง พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อนใต้ร่มไม้ และ Jogging Track รอบสวน Pavillion ในสวน พื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางร่มไม้ใหญ่รอบโครงการ   ด้วยความที่ตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เป็น 2 Tower ดังนั้น Lobby ของโครงการจึงแบ่งเป็น 2 แห่ง โดย Lobby ของแต่ละ Tower ก็มีความสวยงามอลังการไม่แพ้กันเลยทีเดียว โดย Lobby ของ Tower A มีฝ้าเพดานสูงถึง 4.4 เมตร ออกแบบมาอย่างหรูหราด้วยลวดลายเส้นสายโลหะที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี เพิ่มเติมด้วยมุมนั่งพัก ผ่อน ที่สามารถใช้เป็นจุดนัดหมาย มุมรับแขก หรือมุมนั่งทำงานก็ได้ เพราะมีบริการ wifi ทั่วพื้นที่ บริเวณด้านหน้าทางเข้าของโครงการ  Life Asoke-Rama 9 จุด Drop Off บริเวณ Tower B หรูหราด้วยการตกแต่งด้วยแสงไฟ และลวดลายจากโลหะสีทอง Lobby A พร้อมพื้นที่ทำงาน มุมอ่านหนังสือ เปิดรับวิวสวนสีเขียวสบายตา พร้อม wifi ทั่วพื้นที่ส่วนกลาง Lobby B ฝ้าเพดานสูงถึง 4.4 เมตร ทำให้บรรยากาศโปร่งสบาย พร้อมมุมนั่งเล่นเป็นส่วนตัว   ขยับมาดูที่ Lobby ของ Tower B กันบ้าง ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะมีบริเวณกว้างขวาง โปร่งสบายตามากๆ ด้วยฝ้าเพดานสูงถึง 6 เมตร ทำให้ Lobby นี้ถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่า ทั้งพื้นที่ของ Co-Working Space, บริเวณชั้นลอยมี Private Meeting Room พร้อม Automation Control Panel และสัญญาน wifi เป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านสามารถมาใช้เป็นห้องประชุมงานได้ด้วย นอกจากนี้ทาง AP ยังตั้งใจออกแบบให้ Lobby แห่งนี้มีความหรูหราอลังการมากกว่าที่ไหนๆ ด้วยกระจกบานใหญ่จรดฝ้า 6 เมตรที่จะเปิดรับวิวสวนได้อย่างเต็มที่ เชื่อว่า Lobby ของ Life Asoke-Rama 9 น่าจะเป็น Lobby ที่สวยอลังการที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว Lobby ของ Tower B อลังการด้วยฝ้าเพดานสูงถึง 6 เมตร มีมุมทำงานเป็นสัดส่วน แถมยังเพิ่มพื้นที่ชั้นลอยจัดเป็น Co-Working Space และตั้งใจ Design ให้มีมุมอ่านหนังสือแบบ Cocoon เพื่อความเป็นส่วนตัว Co-Working Space และ Meeting Room พร้อมอุปกรณ์ครบครัน สามารถใช้นัดหมายประชุมงานได้สบายๆ   จากพื้นที่ส่วนกลางที่ยกตัวอย่างมา หลายคนอาจจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าทาง AP ตั้งใจจัดมาให้เต็มที่แค่ไหน แต่ก็ต้องออกตัวไว้ก่อนว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราสามารถเก็บข้อมูลมาฝากกันได้ Facility ของจริงภายในโครงการยังมีรายละเอียดอีกมากจนไม่สามารถบรรยายได้หมดในคราวเดียว ส่วนต่อไปที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ส่วนของที่พักอาศัย เราเชื่อว่าหลายๆ คนอยากจะรู้แล้วว่า โครงการ Life Asoke-Rama 9 มีห้อง Type ไหนให้เลือกบ้าง แจ้งให้ทราบกันก่อนว่าห้องทั้งหมด 2,248 ยูนิตของโครงการขายให้แบบ Fully Fitted และมีการออกแบบใหม่ด้วยคอนเซปต์การจัดวางพื้นที่แบบ Inter Lock ทำให้ห้องมีหน้ากว้างมากขึ้น เพื่อเน้นในการเปิดรับวิวได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจุดเด่นที่เห็นได้ชัดจากการออกแบบด้วยระบบ Inter Lock นี้ จะทำให้ห้อง Studio 27.5 ตร.ม. กับห้อง 1 Bedroom Plus 35.5 ตร.ม. ถูกวางคู่กันเสมอ ดังนั้นห้อง Studio จะได้หน้ากว้างที่มากเกือบ 5 เมตร เลยทีเดียว บรรยากาศภายในห้อง Studio ก็จะโปร่งสบายมากขึ้นกว่าเดิม ขนาดห้องเริ่มต้นที่ Studio 25 - 27.5 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม.,1 Bedroom Plus ขนาด 35 – 40 ตร.ม.  และ 2 Bedroom 45- 58 ตร.ม. ซึ่งภายในห้องก็ออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองได้รอบด้าน สำหรับใครที่สนใจ รีบคลิกลงทะเบียน https://goo.gl/w6m2Gd รับส่วนลดเพิ่ม 300,000 บาท* จะได้ไม่พลาดโอกาสเป็นเจ้าของ Life Asoke-Rama 9 แล้วเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการจอง โดยแบ่งเป็น – รอบ AP iBooking จองผ่านระบบออนไลน์ในวันที่ 8 พ.ย. นี้ และ Pre-Sale ที่สำนักงานขาย ในวันที่ 11-12 พ.ย. นี้  
“A Space Me รัตนาธิเบศร์” บนทำเลสะดวกสบายเชื่อมต่อกลางเมือง ครบครันทุกสิ่งที่ชีวิตต้องการ : รีวิวคอนโด

“A Space Me รัตนาธิเบศร์” บนทำเลสะดวกสบายเชื่อมต่อกลางเมือง ครบครันทุกสิ่งที่ชีวิตต้องการ : รีวิวคอนโด

เติมความสุขอีกขั้นในชีวิตที่มากกว่ากับคอนโดมิเนียมดีๆ จาก Areeya Property ที่มาพร้อม Facility ครบครันทันสมัยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้รอบด้าน แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ตามมาดูพร้อมกันเลยค่ะ   โครงการ “A Space Me รัตนาธิเบศร์” ปัจจุบันสร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์แล้ววันนี้นะคะ สำหรับความน่าสนใจก็คือเรื่องของ “ทำเล” นั่นเองค่ะ เพราะอยู่ติดถนนรัตนาธิเบศร์ ตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออกตรงข้ามกับเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ แถมยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีแยกนนทบุรี 1) เพียง 250 เมตรเท่านั้น ซึ่งสามารถเดินทางสู่ใจกลางเมืองอย่างง่ายดาย เพราะตอนนี้ทาง MRT ได้เชื่อมสถานีเตาปูนกับบางซื่อเข้าไว้ด้วยกันแล้ว บอกเลยว่าสะดวกสบายไม้แพ้คอนโดฯ กลางเมืองเลยค่ะ เซ็นทรัล รัตนาธิบเศร์ ที่อยู่ตรงข้ามจากโครงการ ส่วน MRT สถานีแยกนนทบุรี 1 ก็อยู่ห่างไปเพียงแค่ 250 เมตร สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็สะดวกสบายเช่นกันค่ะ แม้ว่าการจราจรบนถนนเส้นนี้จะมีติดขัดอยู่บ้างในชั่วโมงเร่งด่วน แต่ก็ยังมีเส้นทางให้หลีกเลี่ยงอยู่พอสมควรไม่ว่าจะเป็น ทางเลี่ยงเมืองนนทบุรี ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนติวานนท์ ถนนราชพฤกษ์ รวมไปจนถึงทางด่วนงามวงศ์วาน ก็สามารถเลือกใช้เส้นทางเชื่อมต่อใจกลางเมืองได้ตามสะดวก นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแล้ว การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็สะดวกไม่ใช่น้อยเลยค่ะเพราะมีทั้งรถเมล์ รถตู้ประจำทาง รวมถึงรถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาอยู่ตลอด   อีกหนึ่งความน่าสนใจคือตัวโครงการอยู่ใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์และความบันเทิงมากมาย มีห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่สามารถพึ่งพาอาศัยและอยู่ใกล้ที่สุด ถัดเข้าหาเมืองหน่อยก็จะมี ห้าง Big C (สถานีศรีพรสวรรค์), เอสพลานาด แคราย, Tesco Lotus (สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี), ห้างพันทิพย์ พลาซ่า และห้าง The Mall งามวงศ์วาน รวมไปจนถึงร้านอาหารมากมายที่เรียงรายกันมาตั้งแต่ถนนรัตนาธิเบศร์ถึงถนนงามวงศ์วาน เรียกว่าเพียบพร้อมและอุ่นใจในเรื่องอาหารการกิน รวมถึงสถานที่จับจ่ายซื้อของใช้กันแบบสะดวกสบายสุดๆ   พื้นที่คุณภาพของชีวิตที่แท้จริง ภายในโครงการ “A Space Me รัตนาธิเบศร์” ทาง Areeya ก็ได้รวบรวม Facility ที่น่าสนใจไว้เพียบพร้อมทีเดียวค่ะ พอผ่านทางเข้าสุดไพรเวทเข้ามา สิ่งแรกที่สะดุดตาและสัมผัสได้ทันทีก็คือ ความเงียบสงบเป็นส่วนตัว แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์จากสีเขียวขจีของพรรณไม้ที่หาได้น้อยมากในคอนโดมิเนียมกลางเมือง ซุ้มทางเข้าโครงการ มาดูที่ตัวโครงการกันบ้างดีกว่า โครงการ “A Space Me รัตนาธิเบศร์” เป็นคอนโดมิเนียม High Rise อาคารเดี่ยว 22 ชั้น ออกแบบทุกตารางนิ้วให้ตอบฟังก์ชั่นและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในบรรยากาศรีสอร์ท รูปลักษณ์ภายนอกอาคารจึงดูทันสมัย โดยพยายามเพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ตั้งแต่พื้นที่ร้านค้าในโซน Plaza Space เชื่อมต่อกับสวนบริเวณรอบอาคาร และล็อบบี้ขนาดใหญ่ ด้านบนมีสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่บนชั้น 18 และ 19 ที่มาพร้อมวิวแบบพาโนรามา สระว่ายน้ำซีทรูระบบเกลือแบบ Infinite Edge ห้องออกกำลังกาย Relax Lounge ห้องประชุมและห้องสมุด เรียกว่าตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านได้อย่างแท้จริง บรรยากาศบริเวณ Lobby ที่ชั้น 1 ขึ้นมาที่ชั้น 4 จะเป็นส่วนของ Facility หลักๆ ของโครงการ ขึ้นมาแล้วจะเจอส่วนของห้องฟิตเนสก่อนเลยนะคะ ด้านในก็มีอุปณ์ออกกำลังกายให้ครบครัน ติดกับห้องฟิตเนสจะเป็นห้องนั่งเล่น Relax Lounge ให้ลูกบ้านได้มานั่งพักผ่อน หรือจะมานั่งรอเพื่อน รอแฟน เล่นฟิตเนส ก็ได้จ้าาา ใกล้ๆ กันจะเป็นห้องประชุมวิว Panorama เดินขึ้นบันไดต่อมาที่ชั้น 5 จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำซีทรูระบบเกลือแบบ Infinite Edge ความยาว 25 เมตร ด้านบนที่ชั้น 18 และ 19 จะมีสวนสีเขียวอยู่ลูกบ้านได้ขึ้นมารับลมชมวิวมุมสูง   นอกจากนี้ทางโครงการยังคำนึงถึงความปลอดภัยโดยเพิ่มความอุ่นใจให้กับลูกบ้านด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พร้อมกล้องวงจรปิด CCTV รอบโครงการ มีระบบ Key Card Access บัตรผ่านเข้าออกอาคาร และที่สำคัญคือเรื่องลิฟท์โดยสาร ซึ่งมีบริการทั้งหมด 4 ตัว นับตามสัดส่วนของจำนวนยูนิตรวมทั้งหมดแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สบายๆ ไม่หนาแน่นจนเกินไป ซึ่งทางโครงการมีระบบการจัดการลิฟท์ที่ให้ความรวดเร็วด้วยค่ะ ในส่วนของที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป มีห้องให้เลือกฝั่งทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกเนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของตัวอาคาร แต่สำหรับห้องพักในชั้น 18-22 จะมีพื้นที่ทางเดินหน้าห้องแบบ Single Corridor ที่ไม่มีเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามห้องเป็นโซนชั้นที่มีความเป็นส่วนตัวมาก   เปิดห้องตัวอย่าง A Space Me รัตนาธิเบศร์ ในส่วนของพื้นที่พักอาศัยนั้นทางโครงการมียูนิตรวมทั้งหมด 401ยูนิต ไม่รวม Shop 5 ยูนิต ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นอีกหนึ่งข้อของโครงการในย่านนี้เลยค่ะ เพราะยิ่งยูนิตน้อยแน่นอนว่าจำนวนของผู้อาศัยจึงน้อยกว่าและมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า ทำให้การใช้พื้นที่ส่วนกลางไม่ต้องต่อคิวเหมือนคอนโดฯ ทั่วไป   โครงการ “A Space Me รัตนาธิเบศร์” มีแบบห้องมาตรฐานคือ 1 Bedroom มีพื้นที่ใช้สอยให้เลือก 2 ขนาดคือ 25 ตร.ม. และ 32.10  ตร.ม. แต่ห้องตัวอย่างที่เราได้ชมกันก็คือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้ลูกบ้านได้เห็นไอเดียและฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้ชัดเจนมากขึ้น ลักษณะของห้อง Type นี้จะถูกจัดวางแปลนไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจน มีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่กั้นพื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนไว้ด้านในสุดติดระเบียง ทำให้สามารถเปิดรับแสงสว่างได้อย่างเต็มที่ โดยพื้นที่ในส่วนของ Living Area ก็ดูกว้างขวางสบาย ในขณะที่พื้นที่ของห้องครัวและห้องน้ำจะถูกจัดวางไว้ในโซนเดียวกัน ต้องบอกเลยว่าทางโครงการจัด Space ภายในห้องไว้ดีมาก แม้จะเป็นห้องขนาด 25 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วน โดยไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เข้ามาในห้องก็จะเจอส่วนครัวและห้องน้ำก่อนเลยค่ะ ซึ่งทางโครงการจะมีเคาน์เตอร์ครัวมาให้แบบนี้เลยนะคะ สำหรับเคาน์เตอร์ครัวทางโครงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Lixil (ลิกซิล) แบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่น ออกแบบให้เป็น One-Wall Kitchen ที่เหมาะแก่การประกอบอาหารมื้อง่ายๆ เบาๆ มีพื้นที่เตรียมอาหาร และซิงค์ล้างจาน ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ อ่างล้างหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ จึงมีที่วางของรอบๆ เยอะดีค่ะ มาพร้อมกระจกเงาบานสูง โถสุขภัณฑ์วางอยู่ใกล้ๆ กัน โครงการแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้ให้ เพื่อช่วยให้รักษาความสะอาดได้ง่ายกว่า ชุดฝักบัวและเครื่องทำน้ำอุ่น ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นส่วน Living Area ที่ดูกว้างขวาง ระยะห่างระหว่างคอนโซลกับโซฟาถือว่าห่างพอสมควรเลยนะค่ะ ต้องบอกว่าการจัด Space ภายในห้องทำไว้ได้ดีมาก ด้านที่วางโซฟาโครงการจัดพื้นที่ไว้ให้วางโซฟาได้ขนาด 2-3 ที่นั่ง ส่วนด้านชั้นวางทีวีโครงการ Built-in ชั้นวางทีวีเชื่อมต่อกับเคาน์เตอร์ครัวมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ติดกับ Living Area คือส่วนของห้องนอน มีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนกั้น ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งเหมาะสมกับขนาดห้องนอนอย่างพอดิบพอดี จะเห็นได้ว่าขนาดข้างเตียงยังมีพื้นที่ว่างพอให้วางโต๊ะข้างเตียงได้อีกนะคะ ปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าแบรนด์ Lixil (ลิกซิล) ที่โครงการ Built in มาไว้ให้แล้ว มีขนาดใหญ่พอเก็บเสื้อผ้าได้ 2 คนเลยล่ะ ข้างตู้เสื้อผ้าจะมีประตูเล็กๆ ให้เปิดไปยังพื้นที่ระเบียงได้ พื้นที่ระเบียงที่โครงการได้เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับวางคอมเพรสเซอร์ด้านบนไว้ให้เรียบร้อย มุมมองจากเตียงออกไปที่ Living Area จะเห็นว่าพื้นที่ดูกว้างขวางเนื่องจากการจัดแปลนของโครงการ   และเพื่อให้เห็นประโยชน์ใช้สอยของห้องขนาด 25 ตร.ม. ได้ชัดเจนขึ้น เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างอีกห้องหนึ่ง ที่ทางโครงการได้ทำการตกแต่งและบิลต์อินไว้อย่างเต็มพื้นที่ เรียกได้ว่าจัดเต็ม คุ้มค่าทุกตารางเมตรจริงๆ ค่ะ เปิดประตูเข้าไปจะด้านซ้ายจะเป็นห้องน้ำ ขวามือเป็น Pantry เหมือนดั่งห้องแรกเลยนะคะ แต่ในส่วนของคอนโซลทีวีจะบิลต์อินเป็นตู้สูงจรดเพดาน ซึ่งก็เพิ่มพื้นที่เก็บของได้มากขึ้นด้วยค่ะ ส่วนของพื้นที่นั่งเล่น จะเห็นได้ว่าแตกต่างจากห้องตัวอย่างแรกอย่างชัดเจนเลยนะคะ เพราะทางโครงการได้บิลต์อินตู้เก็บของไว้ที่ผนังฝั่งหนึ่งให้มีพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้น และยังเป็นไอเดียให้แก่ลูกบ้านอีกด้วย นอกจากตู้เก็บของยังมีโต๊ะเอนกประสงค์เล็กๆ ที่สามารถใช้รับประทานอาหารและทำงานได้ ซึ่งหากไม่ใช้งานก็สามารถพับลงเก็บได้เช่นกัน ฟังก์ชั่นในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ สามารถจัดวางเตียงขนาดคิงไซส์ได้สบายๆ โดยเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบแบบไม่อึดอัดแต่อย่างใด พื้นที่ข้างเตียงที่ทางโครงการบิลต์อินให้เป็นตู้เก็บของไว้เป็นตัวอย่าง ก็ยิ่งเพิ่มฟังก์ชั่นใช้งานได้มากขึ้นนั่นเอง   ในส่วนของห้อง 1 Bedroom ขนาด 32.10  ตร.ม. ทางโครงการยังไม่มีห้องตัวอย่างนะคะ ซึ่ง Type นี้จะมีเพียงชั้นละ 2 ห้องเท่านั้น โดยแปลนห้องมีลักษณะเป็นรูปตัวแอล ฟังก์ชั่นและการใช้งานจะคล้ายกับ Type 25 ตร.ม. วัสดุทุกอย่างที่ใช้ในห้องก็จะเหมือนกัน เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องน้ำจะอยู่ด้านข้าง แต่ในส่วนของ Pantry จะต่างกับห้องแรกนะคะ ซึ่งทางโครงการออกแบบให้เชื่อมต่อกับ Living ที่ดูกว้างขวางเหมาะแก่การพักผ่อน โดยครัวจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมรวมระหว่าง Pantry โต๊ะรับประทานอาหาร และส่วนนั่งเล่นไว้ด้วยกัน โดยในส่วนของครัวก็จะมีเตาไฟฟ้าและระบบดูดควันมาให้เสร็จสรรพ ซึ่งก็เหมาะแก่การประกอบอาหารแบบง่ายๆ ในส่วนของห้องนอนก็มีประตูบานเลื่อนกั้น ด้านในก็มีขนาดกว้างขวางทีเดียวค่ะ ซึ่งสามารถจัดวางเตียงขนาดควีนไซส์ได้ และยังเหลือพื้นที่เพียงพอสำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะข้างเตียงอีกด้วย ทั้งนี้ห้องนอนยังเชื่อมต่อกับระเบียงด้วยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 32.10 ตร.ม.   อย่างที่บอกไปแล้วว่าแบบห้องของ "A Space Me รัตนาธิเบศร์" มีแบบห้อง 2 แบบ 2 ขนาด ที่ออกแบบมาให้สอดคล้องกับการใช้สอยตามความต้องการของลูกค้าสำหรับห้องฝั่งทิศตะวันออกจะได้วิวสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อย่างเต็มสายตาเหมือนพักผ่อนอยู่รีสอร์ทเลยทีเดียวซึ่งห้องทั้งหมดของโครงการนั้นเปิดขายกันแบบมีชุดเคาน์เตอร์ครัว สุขภัณฑ์ ตู้เสื้อผ้า Built-in ในห้องนอน และเครื่องปรับอากาศ 1 เครื่อง ที่ได้มาพร้อมห้องนะคะ แต่ปัจจุบันทางโครงการได้จัดโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า โดยให้เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งห้อง   นับว่าโครงการ A Space Me รัตนาธิเบศร์ ของ Areeya นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในย่านรัตนาธิเบศร์ทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะใครที่คุ้นเคยทำเลในย่านนี้ ก็น่าแวะไปลองเยี่ยมชมห้องตัวอย่างไว้เพื่อพิจารณากันดูนะคะ ยิ่งในตอนนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วงได้เชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินและเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้าออกเมืองได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะมองในแง่ของการอยู่อาศัยสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มต้นซื้อหาคอนโดของตัวเอง หรือจะจับจองไว้สำหรับลงทุน โครงการ A Space Me รัตนาธิเบศร์ ก็อยู่ในระดับราคาที่จับต้องได้ เอื้อมถึงได้ไม่ยาก ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคครบครันทุกสิ่งที่ชีวิตต้องการ   สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.areeya.co.th หรือโทร. 1797
Aspire สาทร-ท่าพระ เพียบพร้อมทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต : รีวิวคอนโด

Aspire สาทร-ท่าพระ เพียบพร้อมทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูคอนโดมิเนียมคุณภาพดีที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่และยังเดินทางสะดวกสบายห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูเพียงแค่ก้าวเดียว กับโครงการ “Aspire สาทร - ท่าพระ” จาก AP Thailand กันค่ะ ซึ่งถ้าย้อนไปเมื่อช่วงปี 59 นับว่าเป็นคอนโดฯ ที่สร้างความฮือฮาในย่านนี้เป็นอย่างมาก เพราะขายหมดในวันเดียวตั้งแต่วัน Pre-Sale แต่ปัจจุบันทางโครงการเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้อีกครั้งกับห้องหลุดดาวน์ Lot พิเศษ ซึ่งเราได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศตัวโครงการและห้องตัวอย่างรวมถึงเก็บภาพมาฝากกันด้วยค่ะ ทำเลที่ตั้งและการเดินทาง โครงการ Aspire สาทร - ท่าพระ ตั้งอยู่ติดถนนแยกรัชดา-ราชพฤกษ์ เลยนะคะ ด้านหน้าโครงการนั้นจะอยู่ติดกับถนนราชพฤกษ์ แต่ด้านข้างจะอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูค่ะ ซึ่งต้องบอกเลยว่าโครงการนี้ตั้งอยู่บนทำเลที่อุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะอยู่ใกล้ชุมชนที่มีกลุ่มคนอาศัยอยู่หนาแน่น รายล้อมไปด้วยหมู่บ้าน อาคารพาณิชย์ แหล่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ออฟฟิศ, สถานศึกษา, โรงพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า The Mall ท่าพระ ที่อยู่ใกล้มากๆ (ห่างเพียง 160 เมตร) สามารถเดินไปได้ รวมไปจนถึงร้านค้าและตลาดสดเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่ออย่าง ‘ตลาดพลู’ ที่มีร้านอาหารอร่อยๆ มากมายให้เลือกสรร   ในส่วนของการเดินทางก็จัดว่าสะดวกสบายมากทีเดียวค่ะ สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนเส้นหลักอย่างราชพฤกษ์ ฝั่งมุ่งหน้าไปทางวุฒากาศ แต่ก็เอื้อต่อการขับรถเข้าเมืองไปย่านสาทรนะคะ เพราะทางเข้า-ออกของโครงการนั้นอยู่ไม่ไกลจากจุดกลับรถ โดยสามารถกลับรถไปใช้เส้นราชพฤกษ์ขาเข้า ตรงไปเชื่อมกับถนนกรุงธนบุรี ขับตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ตากสิน-บางหว้า) ไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานตากสินก็จะเชื่อมกับโซนธุรกิจอย่างสีลม สาทร แล้วค่ะ นอกจากนี้ถนนราชพฤกษ์ ยังสามารถเชื่อมต่อสู่ถนนสายสำคัญเส้นอื่นๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนนกัลปพฤกษ์, ถนนเพชรเกษม, ถนนเทอดไท, ถนนรัชดาฯ-ท่าพระ, ถนนพระราม 3, ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน, ถนนกรุงธนบุรี, สะพานตากสิน และถนนสาทร ถ้าใครอยากเข้าออกเมืองในชั่วโมงเร่งด่วน ก็สามารถใช้ทางด่วนที่มีให้เลือกใช้ถึง 2 ด่าน คือทางด่วนศรีรัช ด่านสุรวงศ์ (ห่างเพียง 5.6 กม.) และทางด่วนเฉลิมมหานคร (ห่างเพียง 5.6 กม.)     สำหรับคนเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวกสบายไม่แพ้กันค่ะ อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ข้างต้นว่าจุดเด่นของโครงการอยู่ติดบันไดทางขึ้น-ลง BTS ตลาดพลู (ทางออก 3) เพียงแค่ก้าวเดียวค่ะ โดยทางโครงการได้ทำประตูเล็กๆ ใช้คีย์การ์ดสำหรับเข้า-ออกไว้ เพื่อให้ลูกบ้านที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกมากขึ้น ซึ่งสถานีนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรถไฟฟ้าสายหลักในการเข้าเมืองไปย่านสาทร เลยไปจนถึงสยามเลยค่ะ และในอนาคตบริเวณ BTS บางหว้าก็จะทำการ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงหัวลำโพง-บางแค) ให้สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้หลากหลายมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ใกล้ๆ โครงการยังมี BRT คอยบริการอยู่ด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับนักศึกษาและคนทำงานย่านพระราม 3 หรือบริเวณสีลมและสาทร เรียกได้ว่าสะดวกในการเดินทางมากๆ ที่สำคัญคือค่าโดยสารราคาถูกกว่ารถเมล์ไม่ปรับอากาศอีกด้วยค่ะ   เจาะลึกโครงการ สำหรับตัวโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร บนที่ดินกว่า 5 ไร่ มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 1,219 ยูนิต และมีที่จอดรถประมาณ 40% (รวมจอดซ้อนคัน) โดยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 6 แนวคิดโครงการมาในรูปแบบ Modern Japanese ที่ผสมกับ Natural Feeling ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Aspire ที่อยากให้คนเมืองได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติในสไตล์ญี่ปุ่นสมัยใหม่   ในส่วนของ Facility ก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ซึ่งทางโครงการก็จัดให้แบบเต็มที่ โดย Facility หลักๆ จะอยู่บริเวณชั้นล่างมีทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ความยาว 30 เมตร โดยลูกบ้าน สามารถลงเล่นน้ำได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องกลัวแดดร้อนเลย เพราะตัวโครงการเป็นอาคารสูงถึง 30 ชั้น จึงช่วยบังแดดได้เป็นอย่างดีเกือบตลอดทั้งวัน บริเวณสระว่ายน้ำจึงร่มรื่น นอกจากนี้ยังมีห้องฟิตเนส แบบ Double Floor, ห้องซาวน่า และล็อบบี้ขนาดใหญ่ ในขณะที่ดาดฟ้าชั้น 30 เป็นพื้นที่พักผ่อนชมวิวแบบพาโนโรมาท่ามกลางสวนสวยที่มาพร้อม Jogging Track รองรับการออกกำลังกายของลูกบ้าน บริเวณ Lobby ดูโออ่า กว้างขวาง รองรับลูกบ้านได้เป็นจำนวนมาก พื้นที่ด้านหนึ่งของโถง Lobby จะเป็นส่วน Mail Box นะคะ เมื่อเดินผ่านโถงกลาง Lobby ออกมาจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำและฟิตเนสค่ะ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นของพรรณไม้ ภายในห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่มาพร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ครบครันและทันสมัย บริเวณชั้นล่างของฟิตเนสจะเน้นรองรับกิจกรรมเวทเทรนนิ่ง โดยมีอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างครบครันเช่นเดียวกับชั้น 2 เลยค่ะ บรรยากาศอันร่มรื่นของสวนลอยฟ้าบริเวณชั้น 30 นอกจากพื้นที่พักผ่อนแล้ว ยังมี Jogging Track รองรับการออกกำลังกายของลูกบ้านอีกด้วย   เปิดห้องตัวอย่าง ปัจจุบันทางโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ มีลูกบ้านย้ายเข้ามาพักอาศัยกันเป็นจำนวนพอสมควรแล้วนะคะ ดังนั้นใครที่กำลังสนใจโครงการนี้อยู่สามารถติดต่อเข้ามาขอชมห้องในบรรยากาศจริงได้เลยค่ะ สำหรับห้องตัวอย่างที่เราเก็บภาพมาฝาก เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ที่ขนาด 30.50 นะคะ การออกแบบ Layout ภายในห้องค่อนข้างลงตัวเป็นสัดส่วนเรียบร้อยดีทีเดียว ซึ่งทางโครงการจะขายห้องแบบ Fully Fitted มาพร้อมเคาน์เตอร์ครัว, ห้องน้ำสำเร็จรูปจาก Mogen พื้นห้องลามิเนต หนา 8 มม. ผนังห้องจะเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว ไฟภายในห้องแบบดาวน์ไลท์ พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type ของ Samsung ให้ทุกยูนิตค่ะ แปลนห้องตัวอย่าง แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 30.50 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นก่อนเลยนะคะ ซึ่งก็ดูโปร่งโล่งเนื่องจากเพดานสูง 2.55 เมตร นับว่าเป็นความสูงกว่ามาตรฐานคอนโดทั่วไป ส่วนด้านซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ติดกันเป็นห้องครัวแบบปิดพร้อมระเบียงด้านในสุด พื้นที่นั่งเล่นทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวไว้เป็นตัวอย่างนะคะ จะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ด้านข้างเหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างหรือโคมไฟตั้งพื้นได้ด้วย ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีค่อนข้างกว้างขวางพอที่จะวางโต๊ะกลางดังห้องตัวอย่างในภาพเลยค่ะ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถบิลต์อินชั้นวางทีวีและวางของได้ตามใจ หรือจะวางเฟอร์นิเจอร์ขนาดพอเหมาะดังตัวอย่างที่ทางโครงการจัดวางไว้ก็ได้เช่นกันค่ะ ติดกับส่วนคอนโซลทีวีจะเป็นห้องน้ำค่ะ โดยทางโครงการจะกั้นประตูไม้สำเร็จรูปบานเรียบทาสีขาว ลูกบิดกลมมาตรฐาน และยกธรณีสูงขึ้นประมาณ 10 ซม. เพื่อป้องกันน้ำออกมายังส่วนห้องนั่งเล่น สำหรับห้องน้ำของโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ จะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปจากแบรนด์ Mogen นะคะ ซึ่งห้องน้ำสำเร็จรูปจะผลิตสำเร็จจากโรงงาน ตามรูปแบบที่ทางโครงการได้ออกแบบไว้ โดย ใช้เป็นผนังโครงสร้างเบา ส่วนแห้งเป็นพื้นคอนกรีต ปูกระเบื้อง ส่วนเปียกออกแบบผนังเป็นไฟเบอร์หล่อชิ้นเดียว พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์มาตรฐานให้ครบชุด โดยจะประกอบทุกส่วนมาจากโรงงาน และยกมาติดตั้งที่โครงการทีเดียว ส่วนข้อดีของห้องน้ำสำเร็จรูป คือช่วยประหยัดเวลาในการติดตั้ง, ลดข้อบกพร่องที่เกิดจากการติดตั้งของคนงานก่อสร้าง ง่ายต่อการซ่อมบำรุง และการติดตั้งรื้อถอน ลดปัญหาการรั่วซึมจากรอยต่อต่างๆ ได้เป็นอย่างดีค่ะ   ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนนะคะ ตกแต่งห้องน้ำโทนสีสว่างให้ความรู้สึกอบอุ่น สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำของ Mogen ทั้งหมดเลยนะคะ พื้นที่อาบน้ำนั้นมีการยกธรณีขึ้นสูงเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนได้ดี ส่วนพื้นบริเวณพื้นที่อาบน้ำนั้นใช้วัสดุเป็นไฟเบอร์ค่ะ เดินออกมาจากห้องน้ำ ไปต่อกันที่ห้องนอนกันดีกว่าค่ะ ห้องนอนจะเป็นประตูไม้สำเร็จรูปบานเรียบทาสีขาว ลูกบิดกลมมาตรฐาน บริเวณด้านข้างประตูมีพื้นที่เหลือพอให้สามารถวางตู้เสื้อผ้าหรือบิลต์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ สำหรับห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุต ได้นะคะ ซึ่งก็จะเหลือพื้นที่โดยรอบประมาณหนึ่ง ภายในห้องนอนนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งทีเดียว ล้อมรอบด้วยหน้าต่างกระจกใสจึงทำให้ได้แสงสว่างจากภายนอกค่อนข้างมาก ครัวจะมีประตูบานเลื่อนเพื่อป้องกันกลิ่นเข้ามารบกวนส่วนอื่นๆ เวลาประกอบอาหาร พื้นภายในห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกนะคะ ข้อดีคือง่ายต่อการทำความสะอาดและมีความคงทนในการใช้งาน ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารนั้นก็พอจะวางในห้องครัวได้นะคะ โดยสามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้ เคาน์เตอร์ครัวจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ โดย Top ครัวเป็น Particle และบานเปิดแบบ Soft Close ปิดผิวด้วยลามิเนตดูสวยงามน่าใช้งาน บริเวณด้านบนเคาน์เตอร์จะบิลต์อินชั้นวางของให้ 2 ชั้นนะคะ ซึ่งก็สามารถวางอุปกรณ์ของใช้ภายในครัวได้ครบครัน ถัดไปด้านในสุดของห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งก็กั้นด้วยประตูบานเลื่อน พื้นที่ในสุดเป็นส่วนระเบียงซักล้างนะคะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกเหมือนในครัวเลยค่ะ ขนาดระเบียงถ้าเทียบจากขนาดห้องแล้วถือว่ากว้างขวางกำลังดีเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถวางเครื่องซักผ้าได้สบายๆ และยังเหลือพื้นที่ให้สามารถตากผ้าหรือซักล้างได้เล็กน้อย วิวจากมุมระเบียงจะมองเห็น The Mall ท่าพระ เลยนะคะ ซึ่งอยู่ใกล้โครงการมากในระยะที่เดินเท้าได้   เปิดห้องตัวอย่างในบรรยากาศจริงของโครงการ “Aspire สาทร-ท่าพระ” กันไปแล้ว บอกได้คำเดียวเลยค่ะว่าน่าสนใจมาก ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่าก็คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ แถมโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วด้วย ไม่ต้องอดทนรอก่อสร้างอีกนานกว่าจะได้อยู่จริง   ใครที่กำลังมองหาคอนโดดีๆ ทำเลที่เชื่อมสู่สาทร ใกล้ห้างสรรพสินค้าด้วยระยะเดินเท้า ทั้งยังเดินทางสะดวกเพราะอยู่ติดรถไฟฟ้าเพียงแค่ก้าวเดียวแบบนี้ เราแนะนำให้ลองเข้ามาเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ   สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://goo.gl/zLoFBc หรือโทร 1623
“Ideo Mobi Sukhumvit 40” ส่องทำเลคอนโดใหม่ใกล้รถไฟฟ้า ตามสไตล์อนันดา : รีวิวคอนโด

“Ideo Mobi Sukhumvit 40” ส่องทำเลคอนโดใหม่ใกล้รถไฟฟ้า ตามสไตล์อนันดา : รีวิวคอนโด

ล่าสุดทาง Ananda เพิ่งจะเปิดข้อมูลโครงการ Ideo Mobi ใหม่พร้อมกันถึง 3 โครงการ นั่นคือ “Ideo Mobi รางน้ำ” “Ideo Mobi พระราม 4” และ “Ideo Mobi สุขุมวิท 40” ซึ่งทำเลที่ตั้งของแต่ละโครงการยังคงเกาะติดรถไฟฟ้าอย่างเหนียวแน่น ทำให้ทุกการเดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวกง่ายดาย เอาใจไลฟ์สไตล์คนเมืองไปเลยเต็มๆ   ครั้งนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ “Ideo Mobi สุขุมวิท 40” กันค่ะ เพราะมีข้อมูลมาว่า โครงการนี้เป็น Low Rise โครงการแรกของแบรนด์ Ideo Mobi เลยนะคะ แถมยังเลือกทำเลใจกลางเมืองอย่างซอยสุขุมวิท 40 ซึ่งเป็นย่านที่มักจะได้รับการตอบรับและเป็นที่จับตาอยู่ตลอดเวลา ทำเลนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง เราไปเจาะลึกข้อมูลทำเลของโครงการ “Ideo Mobi สุขุมวิท 40” กันเลยดีกว่า   สุขุมวิท ทำเลตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง “ซอยสมานฉันท์” คือที่ตั้งของโครงการ Ideo Mobi สุขุมวิท 40 ซอยนี้เป็นซอยย่อยที่เชื่อมซอยสุขุมวิท 40 และสุขุมวิท 42 ไว้ด้วยกัน ทั้ง 2 ซอยนี้เป็นถนนวันเวย์ สามารถเดินรถได้ทางเดียวนะคะ โดยเป็นซอยที่เชื่อมถนนสุขุมวิท และถนนพระราม 4 ไว้ด้วยกันอีกที ดังนั้นการเข้าออกโครงการจึงสามารถเลือกใช้ได้ทั้ง 2 ซอย ขึ้นอยู่กับการเดินทางในแต่ละครั้งนั่นเอง การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สะดวกด้วยเส้นทางถนนหลักที่สามารถเลือกใช้ได้ทั้งถนนสุขุมวิท และถนนพระราม 4 ออกจากซอยสุขุมวิท 42 แล้วสามารถเลี้ยวเข้าซอยเอกมัย (ซอยสุขุมวิท 63) ไปออกถนนเพชรบุรีได้อีกทาง ขณะเดียวกันทางด้านถนนพระราม 4 ก็มีด่านทางด่วนเฉลิมมหานครอยู่ใกล้ๆ หรือจะเลยไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ก็อยู่ถัดออกไปไม่ไกลอีกเช่นกันค่ะ แผนที่โครงการ ที่ตั้งของโครงการสามารถเลือกใช้รถไฟฟ้าได้ทั้ง 2 สถานีเลยค่ะ ทั้งสถานีเอกมัยและสถานีทองหล่อ ด้วยระยะห่างเพียง 600 เมตร จากสถานีเอกมัย และ 660 เมตรจากสถานีทองหล่อ ถือว่าเป็นระยะที่ยังสามารถเดินได้สบายๆ ค่ะ บริเวณปากซอยสุขุมวิท 42 มี Gateway Ekamai ไว้รองรับการจับจ่ายใช้สอย ทั้งร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตในสไตล์ญี่ปุ่น ขณะเดียวกันเพียงข้ามมาฝั่งตรงข้าม ในซอยเอกมัยก็เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ร้านอาหารชื่อดัง ค่าเฟ่เก๋ๆ รวมถึง Community Mall สุดฮิปก็อัดแน่นอยู่ในซอยนี้ค่ะ ถ้ายังไม่จุใจ...ห่างออกไปเพียงแค่ 1-2 สถานี คือแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่าง ซอยทองหล่อ และ Em District รวมไปถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่างสวนเบญจสิริ สำหรับการออกกำลังกาย พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติใจกลางเมือง ขอบคุณภาพจาก www.propertyinsight.co Gateway เอกมัย ห้างสรรพสินค้าที่รวบรวมทั้งร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตในสไตล์ญี่ปุ่น ไว้ให้จับจ่ายใช้สอย ตั้งอยู่บรเวณปากซอยสุขุมวิท 42 ห่างจากโครงการไม่เกิน 600 เมตร ขอบคุณภาพจาก hotmagazine.website The Em District แหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมือง ที่อยู่ห่างจากโครงการไม่ไกลนัก นั่งรถไฟฟ้า BTS เพียงแค่ 2 สถานีก็ถึงพร้อมพงศ์แล้วล่ะค่ะ นอกจากนี้พื้นที่บริเวณรอบๆ โครงการ Ideo Mobi สุขุมวิท 40 ยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษาชื่อดังอย่าง โรงเรียนศรีวิกรม์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โรงเรียนนานาชาติ รวมถึงศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) ก็อยู่ใกล้มากๆ เช่นเดียวกับโรงพยาบาลชั้นนำอย่าง โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท โรงพยาบาลเทพธารินทร์ และโรงพยาบาลสุขุมวิท ก็อยู่ในรัศมีรอบๆ โครงการด้วยค่ะ   เคลื่อนไหวไปกับธรรมชาติได้ทุกก้าว ที่ Ideo Mobi สุขุมวิท 40 โครงการ Ideo Mobi สุขุมวิท 40 เป็นที่พักอาศัยซี่รี่ย์ล่าสุดจาก Ananda ท่ามกลางความสงบกลางเมืองหลวง   จึงถูกออกแบบให้มีธรรมชาติเชื่อมต่อเข้าไปถึงทุกพื้นที่ พร้อมกับใส่นวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เข้าไปอย่างเต็มที่ ในคอนเซ็ปต์ Future Nature เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดสำหรับลูกบ้านทุกคน ยกตัวอย่างเช่น Urban Green, Ultimate Sky Walkway, Urban Forest Pool, Forest Canopy Pool พื้นที่พักผ่อนส่วนกลางท่ามกลางธรรมชาติที่จำลองป่าไว้กลางเมือง รวมไปถึงการเลือกใช้พลังงานสะอาดจาก Solar Cell Panel และ Smart Solar Fresh Air เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ในราคาเริ่มต้นเพียง 4.49 ล้านบาท* Future-Nature ตัวอาคารถูกออกแบบให้โอบล้อมพื้นที่สีเขียว Urban Forest ขนาดใหญ่ ผู้พักอาศัยจะสัมผัสได้ถึงการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ลืมความวุ่นวายจากภายนอกแม้จะอยู่ใจกลางเมือง Double Swimming Pool สระว่ายน้ำบนชั้น Ground Floor และชั้น Rooftop ให้ผู้พักอาศัยได้สัมผัสบรรยากาศที่สวยงามของวิวสวน Urban Forest และผ่อนคลายในวันหยุดสุดพิเศษได้เต็มที่ Forest Canopy Pool สระว่ายน้ำบนชั้น Rooftop พร้อม Walk way เชื่อมต่อทั้ง 2 อาคารไว้อย่างลงตัว Urban Fitness ออกกาลังกายพร้อมวิวสวนสวย ที่พร้อมให้คุณใช้พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน   “Ananda Online Booking & Pre-Sale Day พร้อมกับการเปิดให้ชมห้องตัวอย่างจริงครั้งแรก กับ Ideo Mobi 3 โครงการใหม่ ที่มาพร้อมระบบ Smart Solar Fresh Air System และล้ำไปอีกขั้นกับนวัตกรรม Hologram ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรก! พบกันที่สำนักงานขายโครงการ Ideo Mobi Rama 4 คลิก https://goo.gl/ZwXNp9”
ข้อดี! ของคอนโดโลวไรส์

ข้อดี! ของคอนโดโลวไรส์

ปัจจุบันในกรุงเทพและปริมณฑล เต็มไปด้วยแหล่งทำงานแหล่งธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว จึงทำให้ต้องมีการสร้าง คอนโดโลวไลส์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มคนเมือง ผู้พิถีพิถันกับทุกรายละเอียด เน้นอยู่สบาย ท่ามกลางความสะดวกครบครัน เราจึงอยากนำเสนอข้อดีของ คอนโดโลวไลส์ให้ชมกันค่ะ   1.มีความเป็นส่วนตัว คอนโดที่ออกแบบเป็นโลว์ไรส์ สัดส่วนยูนิตของอาคารจะถูกลดลง คนอาศัยจึงพอเหมาะไม่มากจนแออัด ทำให้ลดปัญหาไม่ต้องมานั่งกังวลเพื่อนบ้านในการทำกิจกรรมใช้สอยต่างๆ เช่น ฟิตเนา ว่ายน้ำ มุมห้องสมุด จึงทำให้บรรยากาศทำให้ดูสะดวกสบายและเป็นส่วนตัวมีมากขึ้น 2. ประหยัดค่าใช้จ่าย เมื่อโครงการมีขนาดสร้างเล็ก ทุนในการสร้างบางส่วนน้อยกว่า ราคาจึงถูกกว่าไฮไรส์ ตัวอย่างโครงการใหม่ของพฤกษาที่ชื่อ “The Privacy เรวดี” ราคาเริ่มต้นยังอยู่ที่ ล้านต้นๆ เท่านั้น ขณะที่คอนโดสูงๆ ทั่วไปส่วนใหญ่ราคา 2 ล้านอัพ ประหยัดงบประมาณได้ค่อนข้างสูง 3. หมดกังวลเรื่องที่จอดรถ ด้วยจำนวนชั้นน้อยผู้อาศัย รถประจำตัวจึงมีไม่มากเท่าพวกคอนโดสูงๆ ไม่ต้องมานั่งปวดหัววนรีบร้อนหาที่จอดรถให้วุ่นวาย หรือออกเดินทางลำบาก 4. บรรยากาศคอนโดเป็นมิตร คอนโดใหญ่ๆ ที่คนอาศัยเยอะก็อาจจะดูวุ่นวาย มากคนปัญหาก็เยอะตามมา แต่ไม่ใช่ว่าคอนโดขนาดเล็กอยู่แล้วจะไม่มีปัญหาเลย คอนโดที่ไหนก็มีปัญหากันบ้างมากน้อยต่างกัน เพียงแต่คอนโดขนาดเล็ก ถ้ามีการการนัดประชุมลูกบ้านจะทำได้ง่ายกว่า เพราะคนน้อย แล้วการที่คนน้อย ก็ไม่ต้องแย่งใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการมาก ทำให้บรรยากาศระหว่างเพื่อนสร้างความเป็นมิตรกันมากขึ้นด้วย ขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.lalinproperty.com/news/condo-low-rise.html
Taka Haus Ekamai 12 – ทากะ เฮาส์ เอกมัย 12 : รีวิวคอนโด

Taka Haus Ekamai 12 – ทากะ เฮาส์ เอกมัย 12 : รีวิวคอนโด

Taka Haus Ekamai 12 (ทากะ เฮาส์ เอกมัย 12) - คอนโด Low Rise ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย โครงการใหม่จากแสนสิริ และโตคิว ร่วมพัฒนาโครงการ     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 4,490,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด Low Rise 2 อาคาร อาคาร A สูง 7 ชั้น และอาคาร B สูง 8 ชั้น พื้นที่โครงการ 3-1-29 ไร่ จำนวนห้อง 269 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ ซอยเอกมัย 12 ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   โรงพยาบาลสมิติเวช โรงเรียนนานาชาติ บางกอกเพรพ (Bangkok Prep) Nihonmura Mall Big C เอกมัย Foodland ทองหล่อ Park Lane Fifty Fifth Avenue Major เอกมัย J Avenue Gateway เอกมัย ตลาดสดเอกมัยEmporium EmQuatier โรงพยาบาลคามิลเลียน โรงพยาบาลสุขุมวิท โรงพยาบาลสมิติเวช   ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 30.00-71.5 ตร.ม. 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 30.00-71.5 ตร.ม.   สิ่งอำนวยความสะดวก   Lobby lounge Library Co - kitchen space Entertainment room Game room Exercise room Garden with outdoor recreation area Treehouse Swimming pool Electric vehicle charging station     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.sansiri.com/condominium/taka-haus/th/
MARU Ekkamai 2 ความสุขที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ : รีวิวคอนโด

MARU Ekkamai 2 ความสุขที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ : รีวิวคอนโด

ในยุคสมัยที่ใครต่างให้ความสำคัญกับการเดินทาง คงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นักถ้าผู้คนส่วนใหญ่มักเลือกซื้อคอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยมากกว่าบ้านเดี่ยวทั่วไป ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบายเนื่องจากทำเลมักตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ และทำให้การใช้ชีวิตง่ายมากขึ้น เช่นเดียวกับโครงการ MARU EKKAMAI 2 (มารุ เอกมัย 2) คอนโดมิเนียมแบรนด์น้องใหม่จาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่โดดเด่นตั้งแต่การดีไซน์อาคารภายในและภายนอกอย่างพิถีพิถัน ตลอดจนจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลาง ที่สำคัญคือสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งแนวคิดทั้งหมดนี้ทางโครงการได้อ้างอิงมาจากผลวิจัยที่ว่า “การที่คนเรามีที่อยู่อาศัยใกล้ออฟฟิศจะทำให้มีความสุขมากขึ้น หรือการมีสัตว์เลี้ยงก็ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นเช่นกัน” ภาพจำลองรูปแบบอาคารโครงการ MARU EKKAMAI จำนวน 1 อาคาร 32 ชั้น ในสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่าย คุมโทนสีขาวเทา   ทำเล และการเดินทาง MARU EKKAMAI 2 ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะโครงการตั้งอยู่ต้นซอยสุขุมวิท 63 หรือที่เราเรียกกันคุ้นชินว่าเอกมัย ซึ่งเป็นเอกมัยตอนใต้ระหว่างเอกมัยซอย 2 และซอย 4 อยู่ตรงข้ามกับอาคาร Bangkok Business Center เลยค่ะ อย่างที่ทราบกันดีว่าเอกมัยเป็นซอยคู่ขนานที่เชื่อมต่อกันระหว่างทองหล่อ (ถนนสุขุมวิทและเพชรบุรี) แหล่งไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ฮอตฮิตอยู่เสมอ เพราะบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างคึกคักตลอดทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ทั้งยังรายล้อมไปด้วยร้านอาหารชิคๆ และคาเฟ่เก๋ๆ, สถานบันเทิงชื่อดัง, คอมมูนิตี้มอล ตลอดจนออฟฟิศและคอนโดระดับลักชัวรี่ที่นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยความที่เป็นย่านอุดมสมบูรณ์สะดวกสบายทั้งการใช้ชีวิตและอยู่อาศัย การเดินทางเข้าออกเมืองก็สะดวกและคล่องตัวเช่นกันค่ะ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ อย่างที่ทราบกันดีแหละค่ะว่าถนนเอกมัยนั้นเชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่จราจรค่อนข้างหนาแน่นด้วยปริมาณของกลุ่มคนที่อยู่อาศัยและทำงาน ที่มักสัญจรผ่านไปมาใช้ถนนเอกมัยเป็นเส้นทางสำหรับเข้า-ออกเมืองฝั่งสุขุมวิท แต่ข้อดีของโครงการ MARU EKKAMAI 2 คือตั้งอยู่บริเวณต้นซอยจึงได้เปรียบในเรื่องของการเดินทาง ไม่ต้องฝ่าฟันการจราจรที่ติดขัด ซึ่งเส้นเอกมัยก็มีทางลัดให้เลี่ยงรถติดได้หลายทางนะคะ เช่น ซอยเอกมัย 5, 19 และ 21 ใช้เชื่อมต่อกับเส้นทองหล่อ และซอยเอกมัย 12 และ 28 ที่เชื่อมกับต่อกับเส้นปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นถนนคู่ขนานที่อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งยังมีทางลัดที่ใช้เลี่ยงรถติดตรงปากซอยเอกมัยได้จากซอยเอกมัย 10 (ตรง Heath Land) ซึ่งสามารถใช้วิ่งลัดมาออกซอยสุขุมวิท 65 ได้ด้วยค่ะ นอกจากนี้การเดินทางมายังโครงการยังสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนนพระราม 4 ที่สามารถวิ่งออกไปลงสีลมหรือสามย่าน หรือจะใช้ถนนสุขุมวิทวิ่งไปออกเพลินจิต, ชิดลม, สยาม หรือใช้ถนนเพชรบุรีไปออกพญาไทก็ได้อีกเช่นกัน อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์, ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทั้งขาเข้าและออกเมือง เรียกได้ว่าสะดวกสบายอย่างแท้จริงเลยล่ะค่ะ   สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวกมากทีเดียวค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนสุขุมวิทจึงมีรถเมล์ รถแท็กซี่ รวมไปจนถึงวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด หรือหากจะใช้รถไฟฟ้าก็สามารถเดินไปขึ้น BTS สถานีเอกมัยได้ในระยะเพียง 450 เมตรเท่านั้น หากใครอยากเปลี่ยนสายไปนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ก็แค่นั่ง BTS ไปลงสถานีอโศก เพราะเป็นสถานี Interchange กับสถานีสุขุมวิท ซึ่งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาจากวัชรพลผ่านถนนประดิษฐ์มนูธรรมมา Interchange ที่สถานีทองหล่อ เรียกว่าถ้าเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่การเดินทางก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้นค่ะ   คอนโดไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เลี้ยงสัตว์ได้ MARU EKKAMAI 2 เป็นคอนโด High Rise สูง 32 ชั้น จำนวนยูนิตไม่มาก มาพร้อมที่จอดรถถึง 165 คัน หรือคิดเป็น 44.47%  แบ่งออกเป็นที่จอดรถปกติ 131 คัน และแบบ Autoparking 34 คัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Live More, Live Maru เน้นความเป็นคอนโด Pet Friendly & Wellness Living ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ทำงานนอกออฟฟิศหรือที่บ้าน และยังชอบพักผ่อน สังสรรค์กับเพื่อนๆ ตัวอาคารถูกออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น ดูเรียบง่ายสะอาดตา เน้นวัสดุธรรมชาติ แต่แฝงไว้ด้วยไอเดียใหม่ๆ อย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด พื้นที่ใช้สอยภายในจัดวางอย่างเป็นสัดส่วนเอื้อต่อการใช้งาน โดยคำนึงถึงการอยู่อาศัย แต่ยังคงรสยิยมการตกแต่งแบบซุปเปอร์พรีเมี่ยมสไตล์เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ไว้เช่นเคย ภาพจำลองภายในห้อง Duplex - 1 Bedroom ที่มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 41.5 - 74.5 ตร.ม. ภายในห้องดูโปร่งโล่งด้วยเพดานสูงถึง 5.5 เมตร ได้รับการตกแต่งอย่างเรียบง่ายในสไตล์โมเดิร์นผสมผสานกลิ่นอายสไตล์เซนที่ลงตัวไปกับพื้นที่ใช้สอย เอื้อให้ใช้ประโยชน์สูงสุด สำหรับเอกลักษณ์สำคัญของคอนโดจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ คือนโยบาย Pet-friendly ที่อนุญาตให้ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ โดยจัดสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดให้ลูกบ้านทุกยูนิตได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข นอกจากความเป็นมิตรที่ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้อย่างสบายใจแล้ว ทางโครงการยังมีพื้นที่สำหรับอาบน้ำน้องหมา น้องแมว และพื้นที่สวนให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณได้วิ่งเล่นอย่างเพลิดเพลินโดยไม่ต้องหลบซ่อนอีกด้วยค่ะ ภาพจำลองภายในห้อง Quiet room ที่มีเฉพาะโครงการ Maru Ekkamai ออกแบบมาสำหรับให้ลูกบ้านใช้อ่านหนังสือหรือทำงานภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงบ ภาพจำลองภายในห้อง Theater - Karaoke room รองรับการผ่อนคลายของลูกบ้าน ภาพบรรยากาศจำลองของห้อง Terrarium Workshop room ท่ามกลางสวนสวยให้ทัศนียภาพร่มรื่น แต่ยังคงรสนิยมการตกแต่งในรูปแบบซุปเปอร์พรีเมี่ยมสไตล์เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในส่วนของ Facilities ต้องบอกเลยว่าทางโครงการจัดเตรียมพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางไว้อย่างเต็มเปี่ยมจริงๆ ค่ะ เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับวันพักผ่อนมากมายไม่ว่าจะเป็น ห้องฟิตเนส สระว่ายขนาดใหญ่ถึงครึ่งหนึ่งของสระโอลิมปิกที่มาพร้อมสระน้ำอุ่นให้ปรับอุณภูมิก่อนลงสระไว้ข้างๆ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่เน้นกิจกรรมอื่นๆ เช่น พื้นที่จอดรถจักรยาน มาพร้อมที่เติมลมยางแบบ automatic, EV Charger, Bark and Bike wash, Co-Creation Space, Co-Kitchen Space, Outdoor theater และ Quite Room ให้อ่านหนังสืออย่างสงบ ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นใกล้ต้นไม้เพื่อให้ลูกบ้านได้สัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น และยังมีสวนขนาดใหญ่อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการเพื่อเป็นตัวกรองมลภาวะ ทั้งอากาศ และเสียงจากภายนอก เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง   เล่ารายละเอียดกันมาถึงจุดนี้แล้ว คงต้องบอกว่า MARU EKKAMAI 2 เป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่น่าสนใจมากทีเดียวนะคะ ทั้งด้วยศักยภาพของทำเล และตัวโครงการเองที่มีการจัดสรรพื้นที่ในส่วนต่างๆ ไว้อย่างลงตัว ใครที่กำลังมองหาที่พักอาศัยใกล้รถไฟฟ้า เดินทางไปมาสะดวก อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ที่สำคัญคือสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ เราว่าโครงการนี้น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี แถมยังอยู่ในราคาที่สามารถเอื้อมถึงด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 4.3 ล้านบาท หรือ 189,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น และจองเพียง 30,000 บาท สำหรับห้อง Studio กับ 1 Bedroom และ 60,000 บาท สำหรับห้อง 2 Bedroom บอกได้คำเดียวว่าไม่ควรมองข้ามเลยนะคะ แถมช่วงพรีเซลวันที่ 23-24 กันยายน 2560 นี้ ณ โรงแรม Bangkok Marriott Sukhumvit 57 ทางโครงการยังมีโปรโมชั่นให้ส่วนลดสูงสุดถึง 100,000 บาท* สำหรับใครที่สนใจสามารถลงทะเบียน เพื่อรับส่วนลดและสิทธิพิเศษ ได้ที่ http://bit.ly/2vASK2E  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 084-416-7777
Knightsbridge Prime Onnut นิยามใหม่ของการใช้ชีวิตกลางเมือง : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Prime Onnut นิยามใหม่ของการใช้ชีวิตกลางเมือง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปอัพเดทห้องตัวอย่างโครงการ Knightsbridge Prime Onnut คอนโดมิเนียมโปรเจคใหญ่จาก ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ต้องบอกเลยว่าทำเลไม่ธรรมดาจริงๆ ค่ะ เพราะตำแหน่งที่ตั้งเอื้อต่อการเดินทางสะดวกทั้งคนใช้รถสาธารณะและรถส่วนตัว จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบเพื่อรองรับการใช้ชีวิตที่หลากหลายของลูกบ้าน รายล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้งของกินมากมาย ทั้งยังเน้นพื้นที่ส่วนกลางเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่างแท้จริง   ศักยภาพที่เพียบพร้อม อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าย่าน ‘อ่อนนุช’ เป็นหนึ่งในทำเลศักยภาพที่มีราคาพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และยังคงได้รับความสนใจในด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย, คอมมูนิตี้มอล, โรงแรม และโรงเรียนนานาชาติ เพราะเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งทางด่วน รถไฟฟ้า และสาธารณูปโภคอื่นๆ รวมถึงเป็นจุดขยายตัวของทำเลสุขุมวิทตอนกลาง (Mid-Sukhumvit) ที่ข้ามจากพระโขนงมาทางอ่อนนุช ซึ่งเปรียบเสมือน HUB ย่อยของการเดินทางระหว่าง เอกมัย-ทองหล่อ-พระราม4-บางนา เนื่องจากเป็นโซนที่ชาวต่างชาติและเอเชียนิยมอยู่อาศัย เพราะมีความอุดมสมบูรณ์และศักยภาพที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต จากรายละเอียดข้างต้นเลยทำให้ ออริจิ้น เลือกปักหมุดคอนโดใหม่ Knightsbridge Prime Onnut ไว้ที่ย่านอ่อนนุช โครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ต้นซอยอ่อนนุช หรือซอยสุขุมวิท 77 ซึ่งจุดเด่นของทำเลโครงการนี้คือการเดินทางที่สะดวกสบายทั้งคนมีรถและไม่มี เพราะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า 2 สาย คือ สายสีเขียว (สุขุมวิท) สถานีอ่อนนุช ที่อยู่ห่างเพียง 600 เมตร และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ที่จะมีขึ้นในอนาคต รวมถึง Airport Rail Link ที่อยู่ท้ายซอย ใครที่มีรถส่วนตัวก็สามารถเลือกการเดินทางได้หลายเส้น เพราะมีด่านขึ้นลงทางด่วนอยู่ใกล้ๆ ทำให้การเดินทางไปสนามบิน หรือจะเข้า-ออกเมืองก็สะดวกรวดเร็ว เพราะมีทั้งเส้นทางถนนสุขุมวิท ถนนอ่อนนุช ถนนเพชรบุรี ถนนพัฒนาการ ตัดไปออกรามคำแหง ศรีนครินทร์ บางนา-ตราด ขึ้นบูรพาวิถี ออกมอเตอร์เวย์ก็สะดวกหมดเลยค่ะ ทั้งนี้ตัวโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งแหล่งอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง อย่างแท้จริง เพียงเดินออกมาหน้าโครงการก็เจอ Big C แล้วค่ะ ซึ่งค่อนข้างสะดวกในการซื้อของใช้ของกินเข้าบ้าน แถมบริเวณใกล้เคียงยังมีตลาดสด ตลอดจนร้านรวงต่างๆ ให้เลือกเต็มไปหมด ห่างไปอีกนิดฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของ Habito Mall (T77) ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันบริเวณปากซอยอ่อนนุชก็มี Tesco Lotus ตัวเลือกช้อปปิ้งในย่านนี้ค่ะ ซึ่งที่ดินบริเวณตรงสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชก็กำลังก่อสร้างโครงการ Century Movie Plaza อยู่ด้วย ถ้าโครงการเสร็จเมื่อไหร่ก็จะทำให้มีตัวเลือกแหล่งไลฟ์สไตล์มากขึ้น และหากใครจะเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง หรือแหล่งธุรกิจโซนเอกมัย-ทองหล่อ ไปนั่งชิลล์ๆ ตามร้าน Hang Out ชื่อดังมากมาย ก็สามารถไปถึงได้อย่างรวดเร็วด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวค่ะ เพราะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงจุดหมายแล้ว   นอกจากแหล่งไลฟ์สไตล์ก็ยังมีสถานศึกษาในละแวกใกล้เคียงอยู่หลายแห่ง อาทิ โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep และ Saint Andrew ที่อยู่ห่างจากโครงการในระยะ 2-3 กิโลเมตร รวมถึงมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (วิทยาเขตกล้วยน้ำไท) ที่ห่างเพียง 3 กิโลเมตร ส่วนสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดคือโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท อยู่ห่างเพียง 2.5 เมตร หรือโรงพยาบาลสุขุมวิท ซึ่งห่างประมาณ 4 กิโลเมตร ซึ่งถ้ามองศักยภาพรวมๆ แล้วก็ถือว่าตอบโจทย์ทั้งกลุ่มคนทำงานและนักศึกษาได้เป็นอย่างดี   ตอกย้ำความเป็นคอนโดฯ ที่ดีที่สุดในย่านอ่อนนุช ถ้าใครได้อ่านรีวิวฉบับแรกๆ https://goo.gl/A7QJX5 จะรู้ว่าทาง ออริจิ้น ตั้งใจออกแบบโครงการ Knightsbridge Prime Onnut ให้มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่น โดยชูคอนเซ็ปต์เก๋ๆ ว่า “PRIME OF LIVING ความเป็นที่สุดเท่านั้นที่สำคัญ” ตัวอาคารเป็นคอนโดมิเนียม High Rise 47 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ดีไซน์สไตล์โมเดิร์นเน้นความหรูหรา รวมจำนวนยูนิตอยู่ที่ 601 ยูนิต มีร้านค้า 1 ยูนิต บนพื้นที่ 2-1-72 ไร่ ซึ่งทางออริจิ้นแอบกระซิบว่าตึกนี้จะเป็นตึกที่สูงและสวยที่สุดสามารถมองทัศนียภาพได้กว้างไกลเนื่องจากไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ บดบังสายตา จนเป็น Landmark บนถนนอ่อนนุชเลยทีเดียวค่ะ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางเรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ ค่ะ เริ่มตั้งแต่บริเวณชั้นล่างที่ทำเป็น Lobby สุดหรู มาพร้อมบริการ Hotel Service สำหรับลูกบ้านที่ไม่มีเวลาทำความสะอาด มี Business Lounge, Private Meeting Room นอกจากนี้ยังมี Trail running Track, Secret Garden พื้นที่สีเขียวรอบโครงการกว่า 1 ไร่ ในส่วนของชั้น 2-15 จะเป็นพื้นที่จอดรถรองรับปริมาณรถได้มากถึง 65% เป็นแบบ Automatic Parking ซึ่งข้อดีคือสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาวนหาที่จอด ซึ่งมาพร้อม EV Car Charger Station ด้วยค่ะ บรรยากาศจำลอง GRAND LOBBY บรรยากาศจำลอง GRAND LOBBY   ทั้งนี้บริเวณชั้น 37-38 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้าทั้งชั้นเลยค่ะ ซึ่งมาในรูปแบบ Full Floor Facility ต่อเนื่องแบบ Double Volume ประกอบด้วยสระว่ายน้ำที่หลากหลายทั้ง Horizon Edge Pool, The Dusk Relax Pool & Pool Spa, The Dawn Pool Bar, Sky Pool Garden ให้ลูกบ้านได้เลือกสรร พร้อมจุดชมวิวที่โดดเด่นด้วยพื้นที่ลอยเหนือสระว่ายน้ำ ซึ่งลูกบ้านจะได้เต็มอิ่มกับวิวสวยๆ ในมุมสูงขณะกำลังพักผ่อนอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง   นอกจากนี้ยังมี Steam Room, Dynamic Fitness ฟิตเนสขนาดใหญ่ที่มาพร้อม Boxing Gym (With boxing Ring) รวมไปจนถึง Sky Co-Working Space, Prime Executive Meeting Room, Sky Irish Social Club, Sky Co-Culinary Space, Bangkok Skyscraper Deck, Skyline Chillax Space, Sky Lounge & Garden รองรับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าทางโครงการใส่ใจทุกรายละเอียดออกแบบโดยคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก จนไม่แปลกใจเลยค่ะว่า  Knightsbridge Prime Onnut จะเป็นโครงการที่ดีที่สุดในย่านนี้จริงๆ บรรยากาศจำลอง SKY CO-CULINARY SPACE บรรยากาศจำลอง SKY IRISH SOCIAL CLUB 1 บรรยากาศจำลอง SKY IRISH SOCIAL CLUB 2 บรรยากาศจำลอง SKY PANORAMIC CO-WORKING SPACE Skyline Chillax Space สำหรับนั่งชมเส้นขอบฟ้ายามพระอาทิตย์ตกดิน โดยมีโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นฉากหน้า บรรยากาศจำลอง Bangkok Skyscraper Deck มองออกไปเห็นวิวตึกสูงใจกลางกรุงเทพมหานคร และโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา     สัมผัสความ PRIME ในห้องตัวอย่าง สำหรับโครงการ Knightsbridge Prime Onnut มีแบบห้องหลักๆ อยู่ 3 แบบ คือ Studio ขนาด 22 – 26 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาดเริ่ม 31 ตร.ม. และ 2 Bedroom  เริ่ม 55 ตร.ม. ขนาดเริ่มต้นที่มาในรูปแบบ Fully Furnished พร้อมชุดครัว สุขภัณฑ์ต่างๆ เครื่องปรับอากาศ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งถ้าลูกบ้านตัดสินใจซื้อจะขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้น แถมทุกยูนิตจะได้ Digital Door Lock ด้วยนะคะ แทบจะพร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยทีเดียว   ห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราได้ชมคือ ห้อง Studio ขนาด 22 ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นแบบหน้าแคบลึก พื้นที่ใช้สอยจัดมาได้ลงตัวทีเดียวค่ะ โดยเปิดเข้ามาจะเจอส่วนครัวและห้องน้ำก่อน เพื่อให้พื้นที่ด้านในเป็นส่วนพักผ่อนอย่างเตียงนอนและโซฟานั่งเล่น ภายในห้องดูโปร่งโล่งสบาย เนื่องจากทางโครงการดีไซน์เพดานมาให้สูง 3 เมตร ซึ่งก็แตกต่างจากคอนโดฯ ทั่วไป ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้เราได้เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ที่ได้เพียงผนังฉาบเรียบสีขาว กับ Fully Furnished ตามมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นค่ะ แปลนห้อง Studio ขนาด 22 ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นแบบหน้าแคบลึกนะคะ ซึ่งเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในส่วนพักผ่อน เปิดประตูเข้ามาในห้อง ด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนครัวนะคะ ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องน้ำ ขนาดเคาน์เตอร์ครัวที่มาพร้อมกับห้องจะเป็นแบบ One-Wall kitchen นะคะ ซึ่งทางโครงการจะเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าไว้ให้ด้วย สำหรับเคาน์เตอร์ครัวนั้นเหมาะสำหรับประกอบอาหารแบบง่ายๆ มาพร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ถัดมาที่ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ห้องน้ำ ภายในแบ่งแยกส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน ในส่วนของสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำจะได้ตามในภาพเลยนะคะ จากรูปจะเห็นได้ว่าทางโครงการเลือกใช้กระจกเงาส่องหน้าขนาดใหญ่เพื่อช่วยสะท้อนให้ห้องดูกว้างมากขึ้น ก่อนเข้าไปสู่พื้นที่พักผ่อนด้านในจะมีประตูบานเลื่อน 3 ตอนกั้นกลางนะคะ พื้นที่ส่วนพักผ่อนด้านในจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan คือหลอมหลวมระหว่างโซนนั่งเล่น และเตียงนอนไว้ด้วยกัน บริเวณโซนนั่งเล่น ทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2 ที่นั่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง จะเห็นได้ว่าบริเวณตรงกลางยังมีพื้นที่เหลือมากพอให้วางโต๊ะกลางได้ด้วย ภายในห้องจะมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์บิลต์อินตามภาพเลยนะคะ คือส่วนคอนโซลทีวีและตู้เสื้อผ้าสูงจรดเพดาน บิลต์อินคอนโซลทีวีจะต่อเนื่องไปยังโต๊ะเครื่องแป้งเลยนะคะ นอกจากเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ทางโครงการยังแถมเครื่องปรับอากาศให้อีก 1 ตัวด้วยค่ะ พื้นที่ข้างตู้เสื้อผ้าจะเป็นระเบียงเล็กๆ ให้ลูกบ้านสามารถออกไปสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกได้ บริเวณข้างเตียงมีพื้นที่เหลือเพียงพอที่จะวางเฟอรืนิเจอร์ได้ด้วยนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ลองวางโต๊ะเก้าอี้ชุดทำงานไว้เป็นตัวอย่างดังภาพ   ห้องตัวอย่างอีกห้องที่เราได้ชมกันคือ 1 Bedroom Plus ขนาด 31 ตร.ม. ที่มาพร้อมห้องเอนกประสงค์ให้ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ตามใจ ลักษณะห้องจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส จัดวาง Layout ไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจน เชื่อมต่อพื้นที่การใช้งานอย่างมุมนั่งเล่น มุมรับประทานอาหารไว้ด้วยกัน ทางโครงการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินเพื่อทำให้ผู้อาศัยสามารถจัดวางข้าวของเครื่องใช้ได้อย่างเป็นระเบียบและใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ทั้งนี้ภายในห้องชุดมี Fully Fitted Package ที่มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ชุดครัว Pantry Set เครื่องปรับอากาศ 2 ตัว ตามมาตรฐานเหมือนกับห้องแรกค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 31 ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นแบบสี่เหลี่ยมจตุรัสนะคะ มาพร้อมห้องเอนกประสงค์ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ตามใจ เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนนะคะ ซึ่งทางโครงการได้จัดวางโซฟาตัวยาวพร้อมโต๊ะกลางไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง จะเห็นได้ว่าระยะห่างระหว่างคอนโซลและโซฟาจะกำลังดี สบายๆ ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด บริเวณข้างโซฟา ทางโครงการจะบิลต์อินเฟอร์นิเจอร์แบบมิลติฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารหรือพับเก็บเพื่อเป็นตู้เก็บของปกติ ซึ่งก็เว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นให้ข้างๆ ด้วย มุมมองจากบริเวณ Dining Area ที่เชื่อมต่อไปถึง Living Area จะเห็นได้ว่าบรรยากาศดูโล่งโปร่งสบาย เนื่องจากเพดานสูงถึง 3 เมตร ทางโครงการจะบิลต์อินคอนโซลและตู้เก็บของสูงจรดเพดานมาให้แบบในรูปเลยนะคะ ซึ่งข้อดีของเฟอร์นิเจอร์บิลต์อินจะช่วยประหยัดพื้นที่และมีส่วนเก็บของมากขึ้นด้วยค่ะ ถัดจากโซน Dining Area จะเป็นห้องนอนนะคะ ติดกันก็เป็นห้องเอนกประสงค์ ซึ่งแบ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน ห้องนอนค่อนข้างกว้างเลยนะคะ นอกจากจะบิลต์อินตู้เสื้อผ้า จัดวางเตียงแล้ว บริเวณรอบๆ ยังมีที่เหลือพอให้เดินได้สะดวกสบายอีกด้วย ภายในห้องนอนโอบล้อมไปด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ที่มาพร้อมบานกระทุ้งสามารถเปิดให้อากาศถ่ายเท เมื่อเดินออกมาจากห้องนอน ระหว่างห้องเอนกประสงค์กับห้องน้ำจะมีพื้นที่ครัวเล็กๆ สำหรับประกอบอาหารมื้อเบาๆ ง่ายๆ ซึ่งทางโครงการจะบิลต์อินมาให้เสร็จสรรพเลยนะคะ แม้ครัวจะมีขนาดกะทัดรัด แต่ก็ครบครันทุกฟังก์ชั่นนะคะ เพราะนอกจากเตาไฟฟ้า ที่ดูดควัน อ่างล้างจานพร้อมที่วางจาน ยังมีตู้ลิ้นชักรวมทั้งหน้าบานแบบเปิดปิดสำหรับเก็บอุปกรณ์ครัวต่างๆ ด้วย ภายในห้องน้ำแบ่งแยกโซนเปียกและแห้งกั้นกระจกไว้เช่นเคย พื้นที่ส่วนแห้งจัดวางโถสุขภัณฑ์และบิลต์อินเคาน์เตอร์ล้างมือไว้ข้างๆ กัน ผนังด้านหลังกรุกระจกเงายาวเท่าพื้นที่ส่วนแห้งเลยค่ะ ตรงข้ามห้องน้ำจะเป้นห้องเอนกประสงค์นะคะ ซึ่งความพิเศษของห้องนี้คือลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงาน หรือห้องนอนเล็กก็ยังได้ ทางโครงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ทำงานให้เป็นตัวอย่างนะคะ ซึ่งห้องจริงๆ ที่ได้จะมาแบบโล่งๆ ฉาบผนังเรียบสีขาวเอื้อต่อการตกแต่งที่ง่ายขึ้นค่ะ ลึกเข้าไปด้านในของห้องเอนกประสงค์เป็นระเบียงนะคะ ซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอนเหมือนดั่งในห้อง พื้นที่ใช้สอยในส่วนของระเบียงก็ค่อนข้างกว้างทีเดียวนะคะ เพราะสามารถวางเครื่องซักผ้า และมีพื้นที่ตากผ้าอีกด้วย   โครงการ Knightsbridge Prime Onnut  นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เหมาะสำหรับคนเมืองอย่างนักศึกษาหรือคนทำงานที่คุ้นชินในย่านนี้อยู่แล้ว หากอยากมีคอนโดดีๆ พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความรู้สึกของความเป็นที่สุดอย่างเต็มอิ่ม ทั้งยังใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายทั้งคนมีรถส่วนตัวและไม่มี แวดล้อมด้วยสาถารณูปโภคครบครัน โดยที่ราคาเอื้อมถึงได้ ไม่ว่าจะจับจองไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็บไว้เป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ   สำหรับคนที่สนใจ Origin เตรียมจะเปิดให้จองครั้งแรกอย่างเป็นทางการพร้อมกันในวันที่ 16-17 กันยายน 2560 นี้ ในงาน “The Best 4 Knightsbridge of The Year” โดยจะจัดงานขึ้นที่สยามพารากอน Hall 3 ถ้าไม่อยากพลาดโอกาสในการเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมหรูบนทำเลศักยภาพ ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://goo.gl/vopbjD   หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 020 300 000 หรือ www.origin.co.th
รอยร้าวของผนัง สัญญาณอันตราย…หรือแค่เรื่องธรรมชาติ

รอยร้าวของผนัง สัญญาณอันตราย…หรือแค่เรื่องธรรมชาติ

เคยมองไปบนผนังบ้านของตัวเองแล้วสังเกตเห็นรอยร้าวกันบ้างมั้ย รอยร้าวเหล่านั้นเป็นแค่เรื่องธรรมชาติหรืออันตรายต่อบ้านขนาดไหน ลองมาดูกันครับ เคยสงสัยกันบ้างไหมครับว่าทำไมอาคารบ้านเรือนเราอยู่ๆก็เกิดมีรอยร้าวทั้งๆที่เพิ่งจะสร้างเสร็จใหม่ๆ แบบบ้านบางหลังสร้างมาตั้งหลายปีก็ไม่เห็นว่าจะร้าวเลย แล้วรอยร้าวพวกนี้ส่งสัญญาณอะไรให้เราบ้าง อันตรายแค่ไหน แบบบ้านจะพังไหม หรือ แค่เราคิดมากไปเอง ไม่แน่อาจจะแค่เรื่องธรรมชาติหรือเปล่าไปถามบางคนก็ว่าแค่ปูนร้าวไม่มีอะไรหรอก แต่อีกคนมาบอกว่าต้องแก้นะเดี๋ยวบ้านพัง แล้วตกลงเราจะรู้ได้อย่างไร ว่ารอยร้าวที่เกิดกับบ้านเรานั้นอันไหนต้องแก้ไข หรืออันไหนปล่อยไว้ก็ได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับรอยร้าวที่ทั้งทำให้เราร้าวรานและร้อนใจนั้นมีแบบไหนกันบ้าง และจะแก้ไขอย่างไร ลองมาดูกันครับ 1.รอยร้าวที่เกิดบนผนัง รอยร้าวประเภทนี้ส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตรายถึงขั้นบ้านถล่มดินทลาย แต่มักจะมาในรูปแบบของความน่ารำคาญ คือจะทำให้ดูรกหูรกตา ไม่น่ามอง แต่ในกรณีนี้ไม่สามารถทำให้บ้านพังได้ครับ เช่น 1.1 รอยร้าวแบบแตกลายงา มักจะเกิดจากปูนฉาบขาดน้ำ คือ ผนังก่ออิฐแห้งเกินไปทำให้เมื่อเราเริ่มงานฉาบปูน น้ำที่ผสมในปูนฉาบที่ได้สัดส่วนดีงามแล้ว โดนผนังด้านในดูดเอาน้ำไปทำให้ปูนฉาบผิดสัดส่วนและแห้งเกินไป เมื่อใช้อาคารไปซักพักจึงเกิดเป็นรอยดังกล่าว หรืออาจจะโดนเร่งงานจากเจ้าของบ้านหรือรีบเก็บงวดงาน ทำให้เมื่อก่อผนังอิฐเสร็จก็ฉาบเลยไม่รอให้ผนังอิฐเซ็ทตัวนั่นเอง การแก้ไข : A - ก่อนงานฉาบปูนให้เรารดน้ำผนังก่ออิฐให้ชุ่มก่อนเพื่อไม่ให้ผนังขาดน้ำ แล้วแบบไหนถึงเรียกว่าไม่ขาดน้ำ สังเกตง่ายๆก่อนจะเริ่มงานฉาบลองเอาฝ่ามือไปนาบผนังถ้ารู้สึกว่าเย็นๆชื้นๆก็แสดงว่าใช้ได้แล้วนั่นเอง B - ถ้าสายไปเสียแล้ว เพราะแตกไปเรียบร้อยก็แก้ไขได้ไม่ยาก ให้ใช้สีที่มีความยืดหยุ่นสูง หาได้หลากหลายยี่ห้อในท้องตลาดมาทาทับให้เรียบร้อย และมักจะแก้ได้อย่างชะงัดทีเดียวครับ 1.2 รอยแตกของผนังตามริมขอบวงกบ อันนี้ส่วนใหญ่เกิดจากความมักง่ายของช่างก่อสร้าง ที่ไม่ยอมทำเสาเอ็น เสาเอ็นก็คือเสา คสล.ขนาดประมาณ 7 x 7 cm ที่ทำเป็นกรอบครอบวงกบประตูไว้นั่นเอง เพื่อป้องกันปูนฉาบแตกจากการเปิดปิดประตู ฉะนั้นในระหว่างการก่อสร้างเจ้าของบ้านก็ควรตรวจสอบให้รอบคอบก่อนจะที่ช่างจะฉาบปูนครับ 1.3 รอยแตกแนวทแยงบนผนังกว้างประมาณ1-2 มม.อันนี้เริ่มจะน่ากังวลขึ้นมาหน่อยครับ รอยร้าวประเภทนี้มักจะเกิดหลังจากอาคารสร้างเสร็จไปแล้วซักพัก หากเราเจอให้ลองเอาดินสอขีดตรงปลายรอยแตกแล้วสังเกตว่าร้าวต่อหรือไม่ ถ้าไม่ก็ถือว่าไม่อันตรายอาจจะแค่เกิดการบิดของผนังหรือเวลาสิบล้อขับผ่านหน้าบ้านบ่อยๆเกิดการสะเทือนมากเป็นต้น แต่ถ้ารอยร้าวกว้างและยาวมากขึ้นอาจจะสันนิษฐานได้ว่า โครงสร้างอาคารอาจจะกำลังทรุดตัว ควรปรึกษาวิศวกรเป็นการด่วน 2.รอยร้าวที่เกิดบนคาน รอยร้าวบริเวณนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยหรือเยอะ ให้คิดไว้ก่อนว่านั่นคือเรื่องอันตราย ให้รีบหาสาเหตุและแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด เพราะไม่ใช่เรื่องปกติแล้วครับ โดยเราอาจสังเกตได้ดังนี้ 2.1รอยร้าวแบบแตกลายงาแต่ไม่ปริออกมา อันนี้น่าจะเกิดจากปูนฉาบขาดน้ำเช่นเดียวกับข้อ 1.1 หรืออาจจะเป็นช่างฉาบปูนคนเดียวกัน ไม่ทำให้เกิดอันตรายใดๆ 2.2 รอยร้าวเป็นเส้นตรงแนวตั้งตรงกลางคานและปริจนเห็นเนื้อปูนหรือเหล็กเสริมด้านใน อาการนี้แสดงว่าคานรับน้ำหนักเกินกว่าที่วิศวกรกำหนดไว้ เรามักจะเจอกรณีแบบนี้ในอาคารประเภทโกดังที่มีการกองเก็บสินค้าเกินกำลัง ให้ลองเอาของที่ตั้งอยู่บนเหนือคานออกแล้วสังเกตดูว่ารอยร้าวมันหยุดหรือไม่ ถ้าหยุดก็แสดงว่าเราเจอสาเหตุ ขั้นตอนต่อไปก็ให้กระจายการวางน้ำหนักให้สมดุลกันทั้งอาคาร แต่ถ้ายังคงร้าวต่ออันนี้ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าอาคารของเราก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ก็รีบอพยพชั่วคราวกันก่อนครับ แล้วรีบติดต่อวิศวกรมาดูโดยเร็วที่สุด เพราะอาจจะทำให้อาคารพังได้ 3.รอยร้าวที่เกิดบนเสา รอยร้าวที่เกิดกับเสาก็เป็นอีกตำแหน่งที่ถือว่าอันตรายถึงชีวิตได้ง่าย ถ้าไม่นับรอยแตกลายงา รอยร้าวของเสามักจะเกิดที่หัวเสา อาจจะฉีกออกแค่เสาหรือทั้งคานและเสาก็ได้ อันนี้รีบย้ายออกจากบ้านก่อนเลยครับ แล้วติดต่อวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ เพราะเกิดจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน เกิดแรงเฉือนอย่างรุนแรงที่ตำแหน่งหัวเสาเชื่อมกับคานและจะทำให้อาคารทรุดลงมาได้ การแก้ไขมีตั้งแต่เสริมเหล็กรับแรงให้กับเสา ไปจนถึงทุบอาคารทิ้งกันเลย ฉะนั้นถ้าเจอรอยร้าวแบบนี้อย่านิ่งนอนใจอย่างเด็ดขาดครับ 4.รอยร้าวที่เกิดบนพื้น รอยร้าวบนพื้นมักจะมีให้เห็นบริเวณพื้นชั้นล่าง และเป็นพื้นที่วางบนดินหรือที่เรียกว่าพื้นหล่อในที่ โดยสาเหตุเกิดจากการทรุดตัวของดินถมบดอัดที่อยู่ใต้พื้น พอดินที่รับน้ำหนักพื้นทรุดลงก็จะทำให้พื้นทรุดตาม ทำให้เห็นรอยร้าวตามขอบพื้นที่ติดกับคาน การแก้ไข หากกำลังเริ่มทำแบบบ้านให้พยายามทำพื้นแบบวางบนคานไม่ว่าจะเป็นพื้นหล่อหรือพื้นสำเร็จรูปก็ตาม ปัญหานี้ก็จะไม่เกิดกับบ้านเราอย่างแน่นอน ส่วนคนที่อยู่แบบบ้านเดิมมานานและพื้นทรุดตัวแล้ว อันนี้แก้ยากครับ ง่ายสุดคือทุบพื้นเดิมทิ้งแล้วหล่อใหม่ดีกว่า เป็นยังไงบ้างครับได้รับรู้กันไปพอสมควรสำหรับเรื่องรอยร้าวในตำแหน่งต่างๆ ทั้งที่อันตรายและไม่อันตราย วันไหนว่างๆลองเดินสำรวจรอบบ้านกันดู หรือว่าใครกำลังเจอปัญหานี้พอดีก็จะได้มีแนวทางในการแก้ไขเบื้องต้นได้ครับ ขอบคุณแหล่งที่มา http://www.forfur.com/%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4
Living Nest Ladprao 44 – ลีฟวิ่งเนสท์ ลาดพร้าว 44 : รีวิวคอนโด

Living Nest Ladprao 44 – ลีฟวิ่งเนสท์ ลาดพร้าว 44 : รีวิวคอนโด

Living Nest Ladprao 44 (ลีฟวิ่งเนสท์ ลาดพร้าว 44) - คอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น 1 อาคาร ทำเลใกล้ทั้ง BTS สถานีภาวนา และ MRT รัชดา, ลาดพร้าว รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และโรงพยาบาล     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 1,990,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร 80,000 บาท/ตร.ม. เจ้าของโครงการ บริษัท ฮิวแมนเนสท์ จำกัด ลักษณะคอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 0-3-5 ไร่ จำนวนห้อง 77 ยูนิต ที่จอดรถ คิดเป็น 39% หรือ 30 คัน ไม่รวมซ้อนคัน ที่ตั้งโครงการ ซอยลาดพร้าว 44 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ มี.ค. ปี 2562   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า ลาดพร้าว ยูเนียนมอลล์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัล พระราม 9 ฟอร์จูน เทสโก้ โลตัส ตลาดโชคชัย 4 การบินไทย     ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom ขนาด 28.17 - 32.73 ตารางเมตร 1 Bedroom Loft ขนาด 28.17-29.39 ตารางเมตร     สิ่งอำนวยความสะดวก   Tropical Garden Spa Jet Pool Fitness Business Lounge ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 085-002-8888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://livingnestladprao.com/
Lumpini Park Phahol 32 – ลุมพินี พาร์ค พหล 32 : รีวิวคอนโด

Lumpini Park Phahol 32 – ลุมพินี พาร์ค พหล 32 : รีวิวคอนโด

Lumpini Park Phahol 32 (ลุมพินี พาร์ค พหล 32) - คอนโด High Rise ย่านเกษตร เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีเสนานิคมเพียง 200 เมตร จาก LPN   รายละเอียดโครงการ ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร 135,000 บาท / ตรม. เจ้าของโครงการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ ประมาณ 4 ไร่เศษ จำนวนห้อง 546 ยูนิต ที่จอดรถ ประมาณ 204 คัน (ไม่รวมที่จอดรถซ้อนคัน) คิดเป็น 37% ที่ตั้งโครงการ ถนนพหลโยธิน (ซอย 32) แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. คาดว่าจะแล้วเสร็จ กรกฎาคม ปี 2562   สถานที่สำคัญใกล้เคียง ตลาดบางเขน เมเจอร์รัชโยธิน 600 ม. เทสโก้ โลตัส ลาดพร้าว Central ลาดพร้าว Union Mall บอง มาร์เช่ สวนรถไฟ. ตลาดนัดจตุจักร เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น ม.เกษตรศาสตร์ ร.ร.หอวัง ม.ราชภัฏจันทรเกษม ม.ศรีปทุม ร.ร.เซนต์จอห์น รพ.เปาโล เกษตร รพ.วิภาวดี รพ.วิภาวดี รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น รพ.เปาโล เมมโมเรียล     ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบ Studio ขนาด 24 – 26 ตร.ม. แบบ 1 Bedroom ขนาด 28 – 32 ตร.ม. แบบ 2 Bedroom ขนาด 36 – 46 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ (Infinity Edge Pool) ห้องเอนกประสงค์ ( Co-Living Zone) ห้องคุณหนู (Kid’s Fun Zone) ห้องสตีมและซาวน่า (Steam and Sauna) ฟิตเนสโซน (Fitness Zone) ห้องเปี่ยมสุข (Happiness Zone) ลานกิจกรรม (Co-Living Zone) ลานพักผ่อน (Co-Living Area) ลานฟิตแอนด์เฟิร์ม (Fit & Firm area) สนามเด็กเล่น (Playground) ห้องเรียนรู้ (Learning zone) ห้องเฮาส์เวิร์ค (Housework Zone)     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-513-8932, 02-513-8933 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.lpn.co.th/
MARU Ladprao 15 ทางเลือกใหม่ของคนเมือง : รีวิวคอนโด

MARU Ladprao 15 ทางเลือกใหม่ของคนเมือง : รีวิวคอนโด

เพราะเราเชื่อว่าสิ่งที่จะทำให้คนมีความสุขมักเกิดจากการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ได้อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมสภาพแวดล้อมตามแบบที่ชอบและต้องการ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกพอใจแบบไหน แต่ถ้าสองปัจจัยนี้ได้มาอยู่รวมกันแล้ว ความสุขในการดำเนินชีวิตของแต่ละวันก็คงเกิดขึ้นได้ทุกวัน จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น เชื่อไหมคะว่าจะมีอยู่ในคอนโดมิเนียมจริงๆ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบธรรมชาติ ใช้ชีวิตเรียบง่าย รักสัตว์ และกำลังมองหาคอนโดดีๆ บนทำเลศักยภาพ ไม่ควรพลาดโครงการที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ค่ะ นั่นก็คือ “MARU Ladprao (มารุ ลาดพร้าว)” คอนโดมิเนียมแบรนด์น้องใหม่ล่าสุดจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองที่อยากเลี้ยงสัตว์ไว้ในคอนโด และใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติอันหาได้ยากในมหานครคอนกรีต แต่จะมีรายละเอียดอะไรบ้าง ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ   ทำเลกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย โครงการ MARU Ladprao ตั้งอยู่บนพื้นที่เก่าของปั๊ม Susco ฝั่งขาเข้า ระหว่างซอยลาดพร้าว 15 และซอยลาดพร้าว 17 ซึ่งอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีลาดพร้าวทางออก 3 แค่เพียง 80 เมตรเท่านั้น จัดว่าเป็นโซนลาดพร้าวตอนต้น เพราะอยู่ในช่วงห้าแยกลาดพร้าวและแยกรัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งทำเลบริเวณนี้ถือว่าเจริญและอุดมสมบูรณ์มากเพราะอย่างที่ทราบกันดีพื้นที่ 2 ฝั่งถนนลาดพร้าวรายล้อมไปด้วยร้านค้า, ตลาด, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านยา, คลีนิกเสริมความงาม, คลีนิกทันตกรรม, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, สวนลุมไนท์บาซ่า รัชดาภิเษก และคอนโดมิเนียมมากมาย เรื่องอาหารการกินก็เลยค่อนข้างหาง่ายและสะดวกมากๆ หากใครอยากทานร้านอาหารดีๆ ในมื้อพิเศษก็แค่มุ่งตรงไปถนนโชคชัย 4 เส้นลาดพร้าววังหินและถนนนาคนิวาสที่อยู่ไม่ไกล ก็จะเจอร้านอาหารและแหล่งแฮงก์เอ้าท์เพียบอีกเช่นกัน นอกจากร้านค้าและร้านอาหาร ถ้าจะซื้อของใช้เข้าบ้านก็สามารถมุ่งตรงไปที่ Big C Extra + Homepro (อยู่ห่างเพียง 350 เมตร) หรือขยับไปอีกนิดก็จะเป็น Union Mall (ห่างเพียง 1.1 กิโลเมตร) และ Central Plaza ลาดพร้าว (ห่างเพียง 1.6 กิโลเมตร) ด้วยระยะทางที่แสนใกล้ หากใครยังช็อปปิ้งไม่หนำใจ จะไปต่อที่ตลาดนัดสวนจตุจักร, JJ Green หรือแต่เมเจอร์รัชโยธิน ก็สามารถไปถึงง่ายในเวลารวดเร็วด้วยค่ะ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ก็ค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ซึ่งถนนลาดพร้าวสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนเส้นอื่นได้อีกหลายสาย อาทิ ถนนรัชดาภิเษกที่ตัดกับถนนลาดพร้าว ตรงแยกลาดพร้าว-รัชดา สามารถวิ่งไปพระราม 9 ได้ หรือจะกลับรถไปถนนพหลโยธินที่สามารถวิ่งออกไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิต่อไปถึงอโศก หรือจะใช้ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า การจราจรก็จะคล่องตัวกว่าค่ะ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางยกระดับอุตราภิมุข (ทางด่วนโทลล์เวย์) เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและศรีรัช ซึ่งสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก หรือจะใช้ทางลัดไปออกถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ก็ไปได้ง่ายๆ จากซอยลาดพร้าว 41 และถนนโชคชัย 4 ที่ตัดเข้าถนนลาดพร้าววังหินและถนนนาคนิวาส เชื่อมกับถนนสุคนธสวัสดิ์ก็เป็นเรื่องที่สะดวกทีเดียวค่ะ ส่วนใครที่ไม่มีรถส่วนตัว เดินทางด้วยรถสาธารณะเป็นประจำก็สะดวกสบายไม่แพ้กันนะคะ เพราะบริเวณหน้าโครงการมีรถโดยสาร แท๊กซี่ และวินมอเตอร์ไซด์ผ่านไปมาอยู่ตลอด และอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตัวโครงการอยู่ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินในระยะที่เดินเท้าได้เพียง 80 เมตร ซึ่งอนาคตสถานีลาดพร้าวจะเป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ส่วนสถานีพหลโยธินที่อยู่ถัดไป จะเป็นสถานี Interchange กับสายรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งถ้าเรียบร้อยเมื่อไหร่ ตัวเลือกในการเดินทางก็ยิ่งสะดวกสบายและมีมากขึ้นเท่านั้นค่ะ   นิยามใหม่ของการใช้ชีวิตที่ใช่กลางเมือง MARU Ladprao เป็นคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น จำนวนยูนิตไม่มาก มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “One you need less, you will have more” ที่สะท้อนภาพชีวิตของคนเมือง แฝงแนวความคิดและความหมายดีๆ “แม้จะเหนื่อยจากการทำงานภายนอก แต่เมื่อได้กลับบ้านในที่ที่ได้เป็นของตัวเอง ก็มีความสุขแล้ว” ตัวอาคารจึงดีไซน์สไตล์โมเดิร์น เรียบง่ายสะอาดตาแต่แฝงไว้ด้วยความสนุกสนานรวมถึงไอเดียใหม่ๆ ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด จัดวางพื้นที่ใช้สอยสะดวกต่อการใช้งาน คำนึงถึงการอยู่อาศัย แต่ยังคงรสนิยมการตกแต่งแบบซุปเปอร์พรีเมี่ยมสไตล์เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้เป็นอย่างดี ภาพบรรยากาศจำลองห้องขนาด 30 ตร.ม. ที่ได้รับการออกแบบเอื้อต่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง ภายในห้องดูกว้างขวาง เนื่องจากการจัด Lay out เป็นสัดส่วน  ภาพบรรยากาศส่วนของสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถึงครึ่งหนึ่งของสระโอลิมปิก จะเห็นได้ว่าบริเวณข้างๆ มีสระน้ำอุ่นให้ปรับอุณหภูมิก่อนลงสระใหญ่ด้วย สำหรับพื้นที่ส่วนกลางบอกเลยค่ะว่าจัดเต็มและฉีกรูปแบบคอนโดฯ อื่นอย่างแท้จริง เพราะทางโครงการได้นำ Facility ที่เคยอยู่ใน Indoor ออกมาใช้ใน Outdoor มากขึ้น เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสกับธรรมชาติได้ออกมาใช้ชีวิตแบบไม่ต้องไปไหนไกล เช่น Co-Working Space ในสวน, โต๊ะ Pool กลางแจ้ง, Outdoor Theater, พื้นที่เชื่อมต่อภายนอกของ Co-Creation Space ซึ่ง MARU ตั้งใจทำให้ลูกบ้านหลีกหนีจากความวุ่นวายใจกลางเมือง หยุดใช้ Computer หรือโทรศัพท์ มาอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางอันร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ โดยพยายามใช้พันธุ์ไม้ที่ให้กลิ่นหอมในโครงการ เพื่อให้ทุกคนได้ออกมาหายใจ อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ยัง MARU ยังมีสวนขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการเพื่อเป็นตัวกรองมลภาวะทั้งอากาศและเสียงจากภายนอก และยังมี Wisdom Garden สวนที่ใช้พักผ่อนหรือสามารถใช้โต๊ะเล่นโกะเกมส์ได้ สำหรับใครที่ชอบปั่นจักรยานทางโครงการก็มีที่จอดรถจักยาน พร้อมที่เติมลมยางแบบ automatic และ Ev Charger, Bark and Bike wash คอยบริการด้วย และยังมี Trampoline ให้เด็กๆ ได้กระโดดเล่น มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถึงครึ่งหนึ่งของสระโอลิมปิก ซึ่งบริเวณข้างๆ จะมีสระน้ำอุ่นให้ปรับอุณหภูมิก่อนลงสระใหญ่ด้วยค่ะ ในส่วนของความเป็น “Pet-Friendly Condominium” โครงการ MARU Ladprao อนุญาตให้ลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ได้เหมือนกับ โครงการอื่นๆ ของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เลยค่ะ ซึ่งถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่สร้างความแตกต่างจากคอนโดมิเนียมอื่นในตลาด ดังนั้นภายในโครงการจึงมีการจัดสรรพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง หรือ Pet Area เพื่อให้น้องหมา น้องแมว สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณได้ออกมาวิ่งเล่น ออกกำลังกายได้ แต่การจะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นก็จะมีกฏระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง Co-Creation Space ที่ดูโปร่งโล่งสบาย ล้อมรอบด้วยกระจกใสบานใหญ่ มองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกล ภายในห้องตกแต่งสไตล์มินิมอลกึ่งเซนที่เรียบง่ายและสงบ ภาพจำลองบริเวณ Lobby ที่มาในรูปแบบ Double Space 2 ชั้น รองรับลูกบ้านได้อย่างสบายๆ  ภาพบรรยากาศจำลองของ Star Gazing Deck ที่ทางโครงการตั้งใจออกแบบมารองรับลูกบ้านให้ขึ้นมาชมดาวในวันที่ฟ้าพราว และสามารถมองเห็นดาวบนพื้นเป็นกลุ่มดาวสิงโต (LEO)   โครงการ MARU Ladprao จัดว่าเป็นคอนโดมิเนียมที่น่าจับตาและคุ้มค่าแก่การลงทุนทั้งอยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทำเลที่ตั้งตลอดจนพื้นที่ส่วนกลางที่ทาง เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ตั้งใจคิดและออกแบบมาเพื่อผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ซึ่งแนวคิดทั้งหมดนี้ก็อิงมาจากผลวิจัยที่บอกว่า “การที่คนเรามีที่อยู่อาศัยใกล้ออฟฟิศจะทำให้มีความสุขมากขึ้น หรือการมีสัตว์เลี้ยงก็ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นเช่นกัน” เพราะองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดถูกจัดวางให้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติเพื่อให้ลูกบ้านได้ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจอย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับคนที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลด 100,000 บาท* ได้ที่ http://bit.ly/2vASK2E หรือ www.marubymajor.com โทร 084-416-7777  ซึ่งจะจัด Pre-Sale ในวันที่ 23-24 กันยายน 2560 นี้ ณ โรงแรม Bangkok Marriott Sukhumvit 57 ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.6 ล้าน
Supalai Premier Charoen Nakhon – ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร – : รีวิวคอนโด

Supalai Premier Charoen Nakhon – ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร – : รีวิวคอนโด

คอนโด ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร (Supalai Premier Charoen Nakhon) - คอนโด High Rise สูง 26 ชั้น วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ติดรถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีคลองสาน ใกล้ถนนสายหลักอย่าง เจริญนคร สาทร กรุงธนบุรี ใกล้ทางด่วน พร้อมจุดเชื่อมต่อการคมนาคมทางเรือ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,100,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 26 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ   5-1-0.7 ไร่ จำนวนห้อง     578 ยูนิต ร้านค้า 6 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ   ถนนเจริญนคร แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง ICONSIAM The Jam Factory Asiatique The Riverside Plaza เยาวราช พาหุรัด รพ.ตากสิน คลองสาน ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบ 1 Bedroom ขนาด 34.5-331 ตร.ม. แบบ 2 Bedroom ขนาด 34.5-331 ตร.ม. แบบ 3 Bedroom ขนาด 34.5-331 ตร.ม. แบบ Penthouse 4 ห้องนอน ขนาด 34.5-331 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก Infinity – edge Swimming Pool Fitness Sauna Social Club Meeting Room Sky Lounge Play Ground Sky Garden จุดชมวิวเมืองแบบ Exclusive สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1720 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.supalai.com/Home  
The Reserve Phahol – Pradipat – เดอะ รีเซิร์ฟ พหล-ประดิพัทธ์ : รีวิวคอนโด

The Reserve Phahol – Pradipat – เดอะ รีเซิร์ฟ พหล-ประดิพัทธ์ : รีวิวคอนโด

The Reserve Phahol - Pradipat (เดอะ รีเซิร์ฟ พหล-ประดิพัทธ์) - คอนโด High Rise สูง 29 ชั้น ติดถนนประดิพัทธ์ ใกล้ BTS สะพานควาย เพียง 500 เมตร โครงการใหม่จากพฤกษา เรียลเอสเตท รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   5,900,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 29 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ   1 - 2 - 43 ไร่ จำนวนห้อง      298 ยูนิต ที่จอดรถ    50% ที่ตั้งโครงการ   ปากซอยประดิพัทธ์ 23 ถนนประดิพัทธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. สถานที่สำคัญใกล้เคียง สวนจตุจักร รพ.เปาโลเมโมเรียล พหลโยธิน สน.บางซื่อ สวนรถไฟ ลาวิลล่า อารีย์ บิ๊กซี สะพานควาย ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ลักษณะห้องและขนาดห้อง ONE BEDROOM LOFT ขนาด 28.40 – 38.95 ONE BEDROOM SIMPLEX ขนาด 29.45 – 40.40 ONE BEDROOM EXCLUSIVE ขนาด 47.30 – 48.70 สิ่งอำนวยความสะดวก Urban Forest - สวนหน้าโครงการ 24Hrs Lobby with Concierge Service by The Reserve Private Garden - สวนส่วนตัวที่ชั้น 8 พื้นที่ทำงานในรูปแบบ Co-working space All-Day Pantry - บาร์อาหารเบาและเครื่องดื่ม Adaptive Function Room - ห้องเอนกประสงค์ Infinity Edge Pool – สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ Skyline Lounge – มุมทำงานบนชั้นลอยเหนือสระว่ายน้ำ Sky Fitness Steam Room Party Yard – ลานโล่งบนดาดฟ้า Open Air Cinema – พื้นที่ชมภาพยนตร์ outdoor ที่ดาดฟ้า Rooftop Pantry – พื้นที่เตรียมอาหารที่ดาดฟ้า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://thereservecondo.com/phahol-pradipat/index.html
คอนโด CELES Asoke – เซอเรส อโศก : รีวิวคอนโด

คอนโด CELES Asoke – เซอเรส อโศก : รีวิวคอนโด

CELES  Asoke (เซอเรส อโศก) - คอนโด High Rise ความสูง 40 ชั้น ย่านอโศก-สุขุมวิท ตั้งอยู่บนที่ดินแปลงสวยที่สุด เป็น Super Prime Location ใกล้สี่แยกอโศก-สุขุมวิท จุดเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก และ MRT สถานีสุขุมวิท รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    7,900,000 บาท (Pre-sales) ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม    255,000 บาท / ตร.ม. เจ้าของโครงการ    บริษัท ลัคกี้ ลิฟวิ่ง พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 40 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    1 -  1 -  20  ไร่  (Freehold) จำนวนห้อง     217  ยูนิต ที่จอดรถ    82% ที่ตั้งโครงการ    สุขุมวิท 21  ใกล้สี่แยกอโศก –สุขุมวิท กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาส 1 ปี 2563 สถานที่สำคัญใกล้เคียง Terminal 21 Siam Paragon Central World สวนลุมพินี โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงเรียนสาธิตฯประสานมิตร ม.ศว.ประสานมิตร โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย NIST National School ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 – 3 ห้องนอน ขนาดยูนิตเริ่มต้นที่  34.70 – 138.92 ตร.ม. Crown  Penthouse ขนาดยูนิตเริ่มต้นที่  34.70 – 138.92 ตร.ม. Crown  Duplex ขนาดยูนิตเริ่มต้นที่  34.70 – 138.92 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก Sky Water Club Wet Spa Fitness Club Celes  Residential Club Personalized Service Room The Celestial  Terrace Alfresco Rooftop สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-259-4444 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.celesasoke.com/    
Knightsbridge Kaset Society เพื่อความสุขที่เพียบพร้อม : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Kaset Society เพื่อความสุขที่เพียบพร้อม : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของคอนโดมิเนียม High Rise ใกล้รถไฟฟ้าและมหาวิทยาลัย ที่ถูกจับตามองและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในย่าน “เกษตร” จาก ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ ซึ่งเลือกปักหมุดบนทำเลศักยภาพแวดล้อมด้วยรถไฟฟ้าถึง 4 สาย ภายใต้ชื่อ Knightsbridge Kaset Society ด้วยแนวคิด The Right One ให้ลูกบ้านใช้ชีวิตอย่างที่ใช่บนพื้นที่แห่งความสุขในทุกตารางเมตร   ศักยภาพทำเลดี ติดถนนใหญ่ ต้องบอกเลยว่า Knightsbridge Kaset Society (ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้) ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธินตรงร้านข้าวผัดปูเมืองทอง ฝั่งมุ่งหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าว ระหว่างซอยพหลโยธิน 34/1 และ 34/2 ใกล้ทั้งแยกเกษตรและแยกเสนานิคม อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีเสนานิคม) ที่กำลังก่อสร้างอยู่เพียงแค่ 40 เมตร สามารถเข้าออกโครงการได้หลากหลายทางทั้งซอยพหลโยธิน 34, ถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตรนวมินทร์), ซอยลาดพร้าววังหิน  และยังเดินทางเข้านอกออกเมืองได้สะดวกรวดเร็วด้วยทางด่วนโทลเวย์ (ด่านบางเขน) ที่อยู่ใกล้โครงการ ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (สถานีแยกเกษตร) มาทำการเชื่อมเข้ากับสายสีเขียวอีกด้วย ทำให้การเดินทางไปเรียน ไปทำงาน หรือเข้านอกออกเมืองเป็นเรื่องที่ง่ายสะดวกมากขึ้นทั้งรถยนต์และรถไฟฟ้า ทั้งนี้ตัวโครงการตั้งอยู่ในย่านแหล่งชุมชนทั้งคนทำงานและนักศึกษาเลยค่ะ บรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคัก รวมทั้งมีรถสาธารณะวิ่งผ่านมากมายทั้งรถเมล์ รถตู้ แท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง เรียกว่าตอบโจทย์คนไม่มีรถส่วนตัวได้ดี เพราะมีตัวเลือกในการเดินทางมากทีเดียว ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้า ด้วยความที่เป็นแหล่งชุมชนจึงมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปจนถึงตลาดสดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยตลอดเช้ายันค่ำ ขยับไปอีกหน่อยก็มีแหล่งช็อปปิ้ง สถานศึกษา สถานพยาบาลมากมาย อาทิ โรงพยาบาลเมโย (ห่างเพียง 200 เมตร), มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ห่างเพียง 400 เมตร), เมเจอร์รัชโยธิน (ห่างเพียง 1.1 กิโลเมตร), เซ็นทรัลลาดพร้าว (ห่างเพียง 2.7 กิโลเมตร) และเดอะแจ๊ส วังหิน (ห่างเพียง 3.5 กิโลเมตร) ซึ่งเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ ตัวโครงการอยู่ติดถนนพหลโยธิน   ภาพรวมโครงการ โครงการ Knightsbridge Kaset Society เป็นคอนโด High Rise 3 อาคาร บนพื้นที่ 2-0-79.6 ไร่ แบ่งออกเป็นที่พักอาศัยสูง 20 ชั้น 2 อาคาร, 16 ชั้น 1 อาคาร ในความเป็นส่วนตัวเพียง 6 ยูนิตต่อชั้น และอาคารจอดรถแบบ Automatic Parking 1 อาคาร สูงไม่เกิน 8 ชั้น สามารถรองรับรถได้ประมาณ 57% (ไม่รวมซ้อนคัน) มาพร้อม EV Charger 2 จุด มียูนิตรวมทั้งหมด 333 ยูนิตค่ะ โดยพื้นที่ชั้นหนึ่งจะมีร้านค้า 1 ยูนิต ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “Limitless” Connection : Explode The Passion interludw to Metropolis Being Limitless ให้ลูกบ้านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแบบไม่มีขีดจำกัด หากดูจากภาพตัวอย่างแล้ว จะเห็นได้ว่าตัวอาคารทั้ง 3 ตึก เชื่อมเข้าหากันที่บริเวณชั้น 16 มีความพิเศษด้วยส่วนกลางแบบ limitless skyline ของลูกบ้านทั้ง 3 อาคาร ซึ่งทาง ออริจิ้น ตั้งใจจัดไว้ให้เต็มที่ ทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือ (Sky society Swimming Pool), ฟิตเนต (Sky society Fitness) ท่ามกลางบรรยากาศสวนสวยลอยฟ้า (Sky society Garden) ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมี Social Club, Co-Working Space, Co-Kitchen ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านยุคใหม่ ทั้งนี้ภายในอาคารที่พักอาศัยทุกตึกจะมี Lobby Society Limitless ส่วนตัวแยกกันชัดเจน พร้อมลิฟท์ 2 ตัว โดยแต่ละอาคารจะมีลูกบ้านอยู่ประมาณ 100 ยูนิตกว่าๆ ซึ่งก็ให้ความรู้สึกปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น จากแปลนของโครงการจะเห็นว่าแต่ละชั้นจะมีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น ในเรื่องของวิวทิวทัศน์ก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ไม่มีคอนโดสูงตั้งอยู่ ทำให้ทุกอาคารไร้สิ่งกีดขวาง บดบังสายตา ได้วิวเปิดโล่ง โดยภาพมุมสูงที่ถ่ายมาในความสูง 100 เมตร ของโครงการจากทิศเหนือจะมองเห็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดูร่มรื่นสบายตาจากพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย ส่วนทิศตะวันออกจะได้วิวเป็นชุมชนฝั่งลาดพร้าว ถัดมาที่ทิศใต้จะได้วิวเมืองฝั่งรัชโยธินที่มีอาคารสำนักงานมากมาย แต่ก็คงความโปร่ง สบายตาไม่มีสิ่งบดบังเช่นเดิม รวมถึงทิศตะวันตกที่หันไปทางถนนวิภาวดี ก็สามารถมองทัศนียภาพของเมืองได้ระยะไกลเช่นเดียวกับทุกทิศ ซึ่งไม่ว่าลูกบ้านจะเลือกทิศไหนก็เจอ Top View ไร้สิ่งกีดขวางแน่นอนค่ะ     ด้านทิศเหนือจะหันไปทางสี่แยกเกษตร เห็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่วนด้านทิศใต้จะหันไปทางรัชโยธิน เห็นเมเจอร์ รัชโยธิน อยู่ไม่ไกล ทิศตะวันออกจะได้วิวฝั่งลาดพร้าว ทิศตะวันตกที่หันไปทางถนนวิภาวดี เปิดประตูห้องตัวอย่าง Knightsbridge Kaset Society ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนมากๆ ดังนั้นจึงออกแบบให้มียูนิตเฉลี่ยต่อชั้นเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น โดยคำนึงถึงรายละเอียด ฟังก์ชั่นภายในห้องพักอาศัยแบบสูงสุด นอกจากการคัดสรรวัสดุระดับพรีเมี่ยมแล้ว จุดเด่นของทุกยูนิตคือฝ้าเพดานห้องสูง 3 เมตร ทำให้ดูโปร่งโล่งมากกว่าคอนโดฯ ทั่วไป โดยเริ่มต้นที่ห้อง Studio ขนาด 23.3 ตร.ม. (1 Bedroom) ไปจนถึงขนาด 34.3 ตร.ม. (1 Bedroom Plus) ซึ่งทางโครงการจะขายแบบ Fully Fitted มาพร้อม Pantry ครัว, เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินตามห้องตัวอย่าง และวัสดุภายในห้องน้ำค่ะ   ในครั้งนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างถึง 3 ห้องด้วยกัน เริ่มกันด้วยห้อง Studio 1 Bedroom ขนาด 23.3 ตร.ม. ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องไม่ได้รู้สึกเล็กอย่างที่คิดเลยค่ะ ด้วยการจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่แยกไว้อย่างสัดส่วน ทั้งยังมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอนอีกด้วย แปลนห้อง Studio ขนาด 23.3 ตร.ม. (1 Bedroom) เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนนะคะ ด้านซ้ายเป็นเคาน์เตอร์ครัว ด้านขวาเป็นห้องน้ำ ก่อนจะมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางระหว่างโซนนั่งเล่น เคาน์เตอร์ครัวบิลต์อินมาในขนาดพอเหมาะกับห้อง ซึ่งลูกบ้านจะได้เฟอร์นิเจอร์ตามนี้เลยนะคะ เว้นเพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งทางโครงการจะเว้นตำแหน่งวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าให้ด้วยค่ะ เคาน์เตอร์ครัวไม่ได้ออกแบบเป็นหน้าบานเปิดปิดเพียงอย่างเดียวนะคะ ทางโครงการยังดีไซน์ลิ้นชักไว้สำหรับใส่อุปกรณ์ต่างๆ ให้ด้วย ตรงข้ามครัวจะเป็นห้องน้ำนะคะ ซึ่งภายในห้องแบ่งแยกพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน สำหรับสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ จะได้ครบตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการติดกระจกเงาส่องหน้าขนาดใหญ่ไว้ก็เพื่อช่วยสะท้อนให้ห้องดูกว้างขึ้น ประตูบานเลื่อนระหว่างครัวกับพื้นที่พักผ่อนจะเป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอนนะคะ ข้อดีคือทำให้มีพื้นที่กว้างกว่า พื้นที่พักผ่อนภายในห้องจะเชื่อมต่อกันระหว่างเตียงนอนกับโซนนั่งเล่น ซึ่งก็ดูกว้างขวาง ไม่อึดอัดแต่อย่างใดนะคะ เพราะเพดานสูงถึง 3 เมตร และมีระเบียงเล็กๆ ให้ออกไปสัมผัสอากาศด้านนอกด้วย แม้ตัวห้องจะมีขนาดกะทัดรัดแต่ภายในห้องก็ได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศที่เอื้อเฟื้อต่อการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ในส่วนของบริเวณเตียงนอน ทางโครงการตกแต่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างโดยกรุหินอ่อนที่ผนังหัวเตียงสื่อให้เห็นถึงความเรียบหรู ซึ่งทางโครงการไม่ได้มีเตียงให้นะคะ ลูกบ้านต้องซื้อเพิ่มเอง ทั้งนี้จะเลือกไซส์ 5 ฟุต หรือ 6 ฟุต ก็แล้วแต่สะดวก เพราะพื้นที่โดยรอบก็เหลือบริเวณให้เดินมากพอ พื้นที่เหลือข้างเตียง ทางโครงการจัดโต๊ะเก้าอี้เป็นมุมทำงานไว้ ซึ่งก็ดูโปร่งโล่งสบายด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเปิดแสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวห้อง ทางโครงการบิลต์อินคอนโซลทีวียาวไปจนถึงโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้าที่ผนังฝั่งหนึ่ง ข้อดีของบิลต์อินคือประหยัดพื้นที่และเพิ่มพื้นที่จัดเก็บมากขึ้นนั่นเองค่ะ ทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวสำหรับ 2 ที่นั่งเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ถือว่าระยะกำลังดีเลยนะคะ จะเห็นได้ว่าพื้นที่ภายในห้องนอนถูกจัดสรรมาเป็นอย่างดี นอกจากเฟอร์นิเจอร์บิลต์อินที่ทางโครงการมีให้แล้วนั้น ยังมาพร้อมเครื่องปรับอากาศ 1 ตัวด้วยค่ะ   ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.8 ตร.ม. ซึ่งเป็นแบบห้องที่มีจำนวนยูนิตเยอะที่สุดในโครงการ ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน ใช้ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่กั้นพื้นที่ห้องนอนไว้ด้านในสุด ซึ่งช่วยเปิดรับแสงสว่างได้เต็มที่ ติดกับห้องนอนเป็นห้องครัวแบบปิด ภายในออกแบบเคาน์เตอร์ไว้ด้านเดียวเพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งอยู่ติดกับระเบียงสามารถเปิดประตูเพื่อช่วยระบายอากาศและกลิ่นอาหารได้ ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นก็ดูกว้างขวาง มีบิลต์อินคอนโซลทีวีพร้อมตู้เก็บของสูงจรดเพดาน ทำให้เหลือพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ได้สบาย ต้องบอกว่าการจัด Space ภายในห้องทำไว้ได้ดีมาก ถึงแม้จะเป็นห้องขนาด 25.8 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วน โดยที่ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนดั่งคอนโดบางแห่ง แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.8 ตร.ม. แปลนห้องจะเป็นลักษณะแคบลึกนะคะ เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะพบกับส่วนนั่งเล่นก่อนเลย ด้วยขนาดเพดานที่สูงถึง 3 เมตรเลยทำให้ห้องนั่งเล่นดูโปร่งโล่ง น่าพักผ่อนมากขึ้น แม้แปลนห้องจะดูเหมือนหน้าแคบ แต่เมื่อเดินเข้ามาจริงๆ ก็กว้างพอตัวนะคะ เพราะสามารถวางโซฟาตัวยาวได้อย่างสบายๆ ซึ่งทางโครงการจะบิลต์อินคอนโซลทีวีไว้ให้เหมือนห้อง Studio ค่ะ เพียงแต่เพิ่มตู้เก็บของที่สูงจรดเพดานให้ด้วย พื้นที่ข้างโซฟา มีบริเวณเหลือมากพอที่จะจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ไว้สำหรับ 2 ที่ กั้นความเป็นส่วนตัวระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ภายในห้องนอนถูกจัดสรรมาเป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่าบริเวณรอบเตียงมีพื้นที่เดินเข้าออกได้สบายๆ ซึ่งถ้าใครอยากดูทีวีในห้องนอนก็สามารถติดทีวีที่ผนังเพิ่มได้เช่นกันค่ะ ทางโครงการบิลต์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดหน้าบานกระจกเงามาให้ด้วยนะคะ ซึ่งนอกช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัวแล้ว กระจกเงายังช่วยสะท้อนสายตาทำให้ห้องดูกว้างขึ้นด้วย พื้นที่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำและห้องครัว ถูกดีไซน์ให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่มีช่องเก็บของมากพอ ซึ่งเป็นมาตรฐานมาพร้อมกับห้องเลยค่ะ ต่อเนื่องไปยังห้องน้ำ เห็นได้ชัดเลยค่ะว่าประตูห้องน้ำมีความสูงมากกว่าคอนโดทั่วไป เพราะเป็นขนาดโอเวอร์ไซส์ ซึ่งภายในดรอปพื้นลงหนึ่งเสต็ปเพื่อกันปัญหาน้ำไหลย้อน ทั้งยังแบ่งแยกโซนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนด้วยฉากกระจกกั้น ตรงข้ามกับห้องน้ำเป็นพื้นที่ครัว ซึ่งเป็นครัวแบบปิด กั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน จัดวางเคาน์เตอร์แบบ One-Walk Kitchen ทำให้เหลือทางเดินมากขึ้น ด้านในสุดเป็นระเบียงสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็ช่วยในเรื่องระบายอากาศ ลดความอับชื้นได้ดีค่ะ ทางโครงการบิลต์อินเคาน์เตอร์มาให้กับห้อง โดยคำนึงถึงสัดส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างลงตัวพอดีเลยนะคะ ซึ่งนอกจากช่องวาง ยังมีตู้ลอย และลิ้นชักให้เก็บของมากขึ้นด้วย   และห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.3 ตร.ม. ที่มาพร้อมกับห้องเอนกประสงค์ ลักษณะเป็นห้องหน้ากว้าง รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ไว้ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนนั่งเล่นเลย ซึ่งมีที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับบิลต์อินโต๊ะกินข้าวและตู้เย็นได้อีกหน่อย ก่อนจะเข้าห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วนสวยงาม ภายในห้องบิลต์อิน ตู้ เตียงไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ   ติดกันกับห้องนอนจะเป็นห้องเอนกประสงค์ซึ่งลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นใช้งานได้ตามใจ ตรงข้ามเป็นห้องน้ำ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำกับห้องเอนกประสงค์นั้นถูกบิลต์อินให้เป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ที่มาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ซึ่งเหมาะกับนักศึกษาและคนทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลาประกอบอาหารเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่ก็ใช้แค่อุ่นอาหารและล้างจานเท่านั้น แปลนห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.3 ตร.ม. เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยค่ะ ซึ่งแปลนห้องจะคล้ายๆ กับห้องขนาด 25.8 ตร.ม. แต่กว้างขวางมากกว่านั่นเองค่ะ การจัดวางแปลนภายในห้อง ที่เชื่อมต่อพื้นที่การใช้งานอย่างมุมนั่งเล่น มุมรับประทานอาหารไว้ด้วยกัน จากโซฟาถึงคอนโซลทีวี มีพื้นที่กว้างขวางมากพอที่จะวางโต๊ะกลางได้อย่างสบายๆ ทางโครงการจะบิลต์อินคอนโซลทีวีพร้อมกับตู้เก็บของจรดเพดานมาให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างเลยนะคะ นอกจากคอนโซลทีวี ยังบิลต์อินชั้นเก็บของและโต๊ะรับประทานอาหารที่สามารถพับขึ้นลงเพิ่มมัลติฟังก์ชั่นใช้งานที่มากขึ้น ทั้งยังเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นได้อย่างพอดิบพอดี ประตูบานเลื่อน 3 ตอนกั้นกลางระหว่างโซนรับประทานอาหารกับห้องนอนเพื่อความเป็นส่วนตัว ห้องนอนที่มีหน้าต่างบานใหญ่โอบล้อมอาคารช่วยทำให้บรรยากาศโดยรวมของห้องดูปลอดโปร่ง โล่งสบายมากขึ้น ภายในห้องนอนมาพร้อมตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดาน 3 เมตร พื้นที่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำและห้องเอนกประสงค์ จะเป็นเคาน์เตอร์ครัวขนาดเล็ก เหมาะแก่การประกอบอาหารแบบง่ายๆ ถึงเคาน์เตอร์ครัวจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งานนะคะ เพราะมีทั้งเตาไฟฟ้าพร้อมที่ดูดควัน อ่างล้างจาน และช่องว่างสำหรับวางไมโครเวฟ ติดกับโซนครัวคือห้องเอนกประสงค์ ที่ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นใช้งานได้ตามใจ ภายในห้องเอนกประสงค์ที่ทางโครงการตกแต่งให้เป็นห้องทำงาน เพื่อเป็นไอเดียให้แก่ลูกบ้าน ซึ่งหากจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนก็สามารถทำได้นะคะ ทั้งนี้ในห้องยังมีประตูบานเลื่อนอีกชั้นให้ออกไปสัมผัสอากาศด้านนอกที่ระเบียงได้ ซึ่งระเบียงก็มีขนาดกว้างพอให้วางเครื่องซักผ้าได้ด้วยค่ะ ห้องน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับห้องอเนกประสงค์ ฟังก์ชั่นใช้งานรวมถึงสุขภัณฑ์ด้านในจะเหมือนกับห้องขนาด 23.3 ตร.ม. และ 25.8 ตร.ม. เลยนะคะ จะต่างกันแค่เพียงขนาดที่กว้างขวางกว่าเท่านั้นค่ะ   ห้องทุกยูนิตของโครงการ Knightsbridge Kaset Society ขายแบบ Fully Fitted นะคะ ภายในห้องจะบิลต์อินตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ครัว สุขภัณฑ์ต่างๆ และเครื่องปรับอากาศมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ลูกบ้านแค่ตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มมากนัก และด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ในย่านชุมชน รายล้อมด้วยสาธารณูปโภคอย่างครบครัน ทั้งยังเดินทางสะดวกสบาย เหมาะกับนักศึกษาและคนวัยทำงาน รวมถึงคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า ใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นหลักหรือเดินทางด้วยรถส่วนตัวบ้าง ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือซื้อไว้ลงทุนก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ ด้วยทำเลศักยภาพในราคาจับต้องได้ โดยเริ่มต้นที่ 2.69 ล้าน ไม่ควรมองข้ามเลยจริงๆ ค่ะ   สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างได้ที่ Sale Office โครงการ Knightsbridge ตั้งอยู่บนถนนทองหล่อ ซอย 5 (สุขุมวิท 55) หรือลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท* ได้ที่ http://knightsbridge.origin.co.th/kasetsociety/ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 020 300 000
คอนโด Newera Ekmai-Ramintra – นีเวร่า เอกมัย-รามอินทรา : รีวิวคอนโด

คอนโด Newera Ekmai-Ramintra – นีเวร่า เอกมัย-รามอินทรา : รีวิวคอนโด

Newera Ekmai-Ramintra (นีเวร่า เอกมัย-รามอินทรา) - คอนโด Low Rise 8 ชั้น ตั้งอยู่ในย่านเอกมัย - รามอินทรา สามารถใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน และใกล้ระบบขนส่งในอนาคต (รถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเทา) รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,880,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม    65,000 บาท/ตร.ม. เจ้าของโครงการ    บริษัท เจ เอ เอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    1-3-88 ไร่ จำนวนห้อง     178 ยูนิต ที่จอดรถ     74 คัน ไม่รวมซ้อนคัน ที่ตั้งโครงการ    ซอยสุคนธสวัสดิ์ 38 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2561 สถานที่สำคัญใกล้เคียง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา 2 โรงเรียนเลิศหล้า ถนนเกษตร-นวมินทร์ โรงเรียนอนุบาลโชคชัยลาดพร้าว โรงพยาบาลสินแพทย์ โรงพยาบาลเปาโล เทสโก้ โลตัส โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ แฟชั่นไอส์แลนด์ CDC Crystal Park Crystal Park Central East Ville The Walk HomePro ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบ 1 Bedroom ขนาด 29.00-37.00 ตร.ม. แบบ 2 Bedroom ขนาด 40.5-48.5 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby garden Café library Garden & Playpark Fitness room Swimming pool ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 092-326-8888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.neweracondo.com/  
คอนโด The Excel Hideaway Sukhumvit 50 – ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50 : รีวิวคอนโด

คอนโด The Excel Hideaway Sukhumvit 50 – ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50 : รีวิวคอนโด

The Excel Hideaway Sukhumvit 50 (ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50) - คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้นบนทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวกสบาย ใกล้รถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช และ ทางด่วน 2 สาย รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,390,000 บาท เจ้าของโครงการ     All Inspire Development Public Company Limited ลักษณะคอนโด    คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร พื้นที่โครงการ   7 - 1 - 32 ไร่ จำนวนห้อง     774 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ    ถนนสุขุมวิท 50 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เทสโก้ โลตัส สุขุมวิท 50 BTS อ่อนนุช บิ๊กซี อ่อนนุช Gateway เอกมัย เมเจอร์ เอกมัย W District มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล้วยน้ำไท ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 25 ตารางเมตร จำนวน 196 ยูนิต 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร จำนวน 507 ยูนิต 2 Bedroom ขนาด 48 ตารางเมตร จำนวน 69 ยูนิต สิ่งอำนวยความสะดวก 2 Swimming Pool Active Pool Relax Pool Pool Deck and Underwater Seat Sunken Seat Fitness Relax Area Shuttle Service Boxing Room Jogging Track สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-029-9999 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://allbooking.allinspire.co.th/
ผ่อนไหวใช่ว่าดี คำนวณก่อน ดอกเบี้ยบ้าน คุ้มค่าจริงเปล่า?

ผ่อนไหวใช่ว่าดี คำนวณก่อน ดอกเบี้ยบ้าน คุ้มค่าจริงเปล่า?

การมีทรัพย์สินติดตัวไว้ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป ยิ่งเมื่อการได้มาเป็นภาระเกินความจำเป็น ยิ่งมีมูลค่ามาก การได้มากก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น และผู้ให้บริการทางการเงินส่วนมากก็มอบช่องทางสบายๆให้กับคนใจร้อน คนที่มีความต้องการมากเสียจนลืมคิดหน้าคิดหลังให้ดีซะก่อน หากคุณไม่อยากเสียผลประโยชน์จากการไม่วางแผน ลองอ่านบทความนี้ให้จบ แล้วคุณจะพบว่า ดอกเบี้ยจากการผ่อนบ้าน หากไม่บริหารให้ดี จะเจ็บหนักขนาดไหน   อันดับแรกคือหาเจ้าที่ประหยัดที่สุด เวลาเราไปดูตารางดอกเบี้ยของผู้ให้บริการทางการเงินหลายๆเจ้า เรามักจะเห็นคำว่า MRR นำอยู่ข้างหน้าเสมอ ตามด้วย สามปีแรกดอกเบี้ยกี่ % แล้วหลังจากนั้นเป็น MRR ลบเท่าไหร่ เช่น MRR = 7.25% สามปีแรก ดอกเบี้ย 3.75% ปีที่เหลือ ดอกเบี้ย MRR-2% เมื่อเห็นแบบนี้ก็เข้าใจง่ายๆว่าคุณจะต้องโดนดอกเบี้ยปีละกี่ % แต่ค่า MRR จะเปลี่ยนไปทุกปีตามกำหนดการของธนาคาร เป็นเหตุผลที่มีการรีไฟแนนซ์ ทำให้การตัดสินใจเลือกผู้บริการธุรกรรมทางการเงินเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ยังไม่รวมไปถึงปริมาณการผ่อนชำระ   หลักการผ่อนไม่ให้ขาดทุน จุดสำคัญที่อยากให้ทุกคนเข้าใจกันคือปริมาณก่อนผ่อนชำระของคุณ เพราะคนส่วนมากมักจะเลือกผ่อนทีละน้อย เพื่อไม่ให้เดือดร้อนทรัพย์สินส่วนอื่น ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกไปซะหมด โดยเฉพาะกับคนที่สามารถรับผิดชอบผ่อนชำระได้มาก บางคนมีรายได้พอจะผ่อนให้เสร็จในสิบปีได้ แต่เลือกจะผ่อน 20 ปีเพื่อจะเอาเงินไปใช้ทำส่วนอื่น ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดเต็มๆ ธนาคารมักจะมีการผ่อนชำระขั้นต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 1ล้านต่อ 7พันบาท จะผ่อนหมดในเวลาประมาณ 142 สัปดาห์หรือ 20 ปี ซึ่งใช้เวลานานมาก ในขณะที่ปริมาณดอกเบี้ยไม่ได้ลดลงเลย คุณอาจจะมีรายได้อยู่ที่ 30,000 บาทต่อเดือน ผ่อน 15,000 บาทต่อเดือนต่อเงินต้นสองล้านบาท คุณคิดว่าคุณจะโดนดอกเบี้ยเท่าไหร่? ดอกเบี้ยหรือค่า MRR อาจจะคงที่ในทุกทุกปีที่คุณผ่อน แต่ดอกเบี้ยจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับเงินต้นว่าคุณผ่อนไปแล้วมากน้อยแค่ไหน ซึ่งดอกเบี้ยนั้นจะคำนวณตามเงินต้นและต้องรับผิดชอบทุกเดือน หมายความว่ายิ่งคุณจ่ายทีละน้อย เงินต้นก็จะลดลงช้าลงเท่านั้น เท่ากับว่าดอกเบี้ยก็จะลดลงช้าด้วยเช่นกัน จากล้านละเจ็ดพัน เปลี่ยนมาเป็นล้านละหมื่น จะย่นระยะเวลาการผ่อนชำระลงได้มากกว่าที่คุณคิด ยอมลงทุนผ่อนทีละมากๆต่อทรัพย์สินทีละชิ้น ดีกว่ามานั่งผ่อนยาวๆแต่เมื่อคำนวณออกมาแล้ว ดอกเบี้ยสูงเท่าเงินต้นนะครับ   รายได้ไม่พอ จะแก้ปัญหาอย่างไร? สำหรับคนที่มีความจำเป็นที่จะต้องผ่อนบ้าน หรือคนที่ผ่อนชำระไปแล้วพึ่งพบว่าตนเองกำลังขาดทุนอยู่จะแก้ปัญหาได้ทางไหนบ้าง? จริงๆแล้วหากไม่มีรายได้เพิ่ม ก็อาจจะเป็นทางออกที่ยาก แต่ก็มีทางเลือกง่ายๆดังนี้ โปะก้อนใหญ่ วิธีการแก้ปัญหาเงินต้นลดช้า แก้ได้ด้วยการโปะเงินก้อนเข้าไปในทุกทุกปีหรือทุกทุกเดือน เพื่อเป็นการลดเงินต้นอีกรูปแบบหนึ่ง แม้จะต้องใช้เงินเยอะเหมือนเดิม แต่ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารเงินของท่านว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน รีไฟแนนซ์ การรีไฟแนนซ์นั้นมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเสมอ หากคำนวณไม่ดี จะกลายเป็นขาดทุนไปด้วย แต่หากทำถูกวิธี จะสามารถลดดอกเบี้ยลงอย่างเห็นได้ชัด ข้อเสนอปัจจุบัน ดอกเบี้ยกำไรผู้ซื้อมีเป็นช่วงระยะเวลา 3 ปีแรก หลังจากนั้นไปการรีไฟแนนซ์จึงกลายมาเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง หาผู้กู้ร่วม ในเมื่อไม่สามารถรับผิดชอบด้วยตัวเองได้ ก็ต้องหาคนมาช่วยรับผิดชอบ อาจจะไม่ใช่รูปแบบของการ กู้ร่วมทั้งหมด แต่ก็สามารถหารายได้เพิ่มจากที่พักที่คุณมีนี่แหล่ะ ไม่ว่าจะเป็นเช่าที่ หรือเปลี่ยนเป็นหอพักก็ดีทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ที่ปลายทางได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ วิธีการหลีกหนีดอกเบี้ยบ้านที่สูงเกินไป อยู่ตั้งแต่ตอนเริ่มขอสินเชื่อ ตั้งแต่ตอนคำนวณฐานรายได้และรูปแบบการชำระที่คุณต้องการ หากเตรียมพร้อมไว้ก่อน ก็จะไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่มีทางเลือกก็จำเป็นต้องพยายามให้หนักกว่าคนอื่น หากต้องการจะออกจากวังวนนี้ แม้ว่าการผ่อนระยะเวลานานจะเป็นทางเลือกที่คุณสบายใจที่สุด แต่การผ่อนเงินเพียงสองล้านบาทอาจกลายเป็นดอกเบี้ยร่วมหนึ่งล้านบาทได้เลย มากพอที่จะคุณถอยรถยนต์อีกคันได้สบายๆ ดังนั้นก่อนจะทำการใหญ่ การศึกษาข้อมูลทางการเงินมีความจำเป็นมากกว่าที่คุณคิด อย่ารีบร้อน วางแผนให้ดีก่อน ขอบคุณข้อมูลจาก : https://finance.rabbit.co.th/blog/minimum-house-installment        
คอนโด ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีแยกไฟฉาย – Supalai Loft Yaek Fai Chai Station : รีวิวคอนโด

คอนโด ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีแยกไฟฉาย – Supalai Loft Yaek Fai Chai Station : รีวิวคอนโด

ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีแยกไฟฉาย (Supalai Loft Yaek Fai Chai Station) - คอนโด High Rise สูง 24 ชั้น เดินทางสะดวกบนถนนพระเทพฯ ตัดใหม่ ใกล้แยกไฟฉาย ใต้แนวคิด LIGHT AND SHADOW รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,170,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Hight Rise สูง 24 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    ประมาณ 2 ไร่ จำนวนห้อง     ห้องพัก จำนวน 366 ยูนิต / ร้านค้า จำนวน  4 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 57 % (ไม่รวมซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ   ถนนพระเทพฯ ตัดใหม่ กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง แมคโคร จรัญ31 เดอะมอลล์ ท่าพระ Foodland เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า พาต้า ปิ่นเกล้า เทสโก้ โลตัส วังหลัง THE SENCE ตลาดปิดเงิน - ปิดทอง  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลเจ้าพระยา โรงเรียนชิโนรสวิทยาลัย วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรีซอยจรัญฯ วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการราชดำเนิน วิทยาลัยพาณิชยการธนบุรี ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบ 1 ห้องนอน  ขนาด 35-77.5 ตร.ม. แบบ 2 ห้องนอน  ขนาด 35-77.5 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำระบบเกลือ + Jacuzzi สระเด็ก ห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่า สวนสนามเด็กเล่น และเครื่องเล่นสนาม CO-LIVING SPACE CO-WORKING SPACE Roof Garden ศาลานั่งเล่น Meeting Room สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1720 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.supalai.com/
เรื่องควรรู้ก่อนตัดสินใจ รีไฟแนนซ์บ้าน

เรื่องควรรู้ก่อนตัดสินใจ รีไฟแนนซ์บ้าน

เรื่องของสินเชื่ออาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยากซักหน่อย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่เราต้องรู้ไว้ ไม่ว่าคุณจะกำลังผ่อนบ้านอยู่ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อบ้านซักหลังเป็นของตัวเอง เรื่องสินเชื่อบ้าน ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยค่ะ     รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร? การรีไฟแนนซ์บ้าน คือ การขอกู้ยืมสินเชื่อก้อนใหม่จากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เรามีสัญญาการผ่อนชำระอยู่เดิม หรือ จะทำเรื่องกู้เงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ มาโปะหนี้จากธนาคารเดิมก็สามารถทำได้ การรีไฟแนนซ์บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการขอกู้เงินจากธนาคารเดิม หรือธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ ต่างมีจุดประสงค์เพื่อขยายระยะเวลาการผ่อนที่เหลือให้นานขึ้น และมีค่างวดน้อยลง หรือ เพื่อให้ผ่อนหมดเร็วขึ้น     คนส่วนใหญ่มักจะนิยมรีไฟแนนซ์บ้าน หรือ คอนโดมิเนียม กันทุกๆ 3  ปี หรือ เมื่อเริ่มที่จะรู้สึกว่าผ่อนไม่ไหว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การรีไฟแนนซ์บ้าน ไม่จำเป็นต้องรอให้เรารู้สึกว่าผ่อนบ้านหรือคอนโดไม่ไหวถึงจะยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์ เพราะ ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ มีกำหนดให้สามารถรีไฟแนนซ์ได้เรื่อยๆ (ทุกรอบ 3ปี) ทั้งนี้เพราะธนาคารและสถาบันการเงินแต่ละแห่งล้วนมีแรงจูงใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงนั่นเอง เพราะอัตราดอกเบี้ยในการกู้เงินซื้อบ้านหรือคอนโดของทุกธนาคารจะถูกแค่ในช่วง 3 ปีแรกเท่านั้น และหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น หมายความว่าคุณจะต้องจ่ายค่างวดและดอกเบี้ยการผ่อนบ้านในอัตราปกติ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกค้าหลายๆคนจึงเลือกทำการรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่นั่นเอง       1.เงื่อนไขการรีไฟแนนซ์ของธนาคารและสถาบันการเงินแต่ละแห่ง ปัจจัยหลักๆของการกู้สินเชื่อบ้านคือดอกเบี้ย ดังนั้นหากคุณต้องการจะรีไฟแนนซ์ ดอกเบี้ยคือสิ่งที่จะต้องพิจารณาเป็นอย่างแรก อัตราดอกเบี้ยสำหรับการรีไฟแนนซ์ที่เหมาะสม คือ อัตราดอกเบี้ยจะต้องต่ำกว่าดอกเบี้ยตลอดสินเชื่อที่ใช้ในปัจจุบัน รวมทั้งเงื่อนไขเรื่องจำนวนเงินผ่อนต่องวดที่ต้องลดลงและ ระยะการผ่อนที่นานขึ้นเพราะธนาคารและสถาบันการเงินแต่ละแห่ง ย่อมมีเงื่อนไขการรีไฟแนนซ์ที่ต่างกัน หากคุณรู้เงื่อนไขของธนาคารแต่ละแห่ง จะทำให้เราสามารถคำนวนได้ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านแต่ละครั้งมีส่วนช่วยในการลดดอกเบี้ยได้มากน้อยแค่ไหน     2.ค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งหมด อัตราดอกเบี้ย ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าธรรมเนียมการปล่อยกู้ ค่าอากรแสตมป์ ค่าจำนองที่ดิน ค่าทำประกัน หรือค่าบริการอื่นๆ (ค่าประกันอัคคีภัย) ส่วนมากค่าใช้จ่ายโดยรวมนี้คุณสามารถคำนวนได้จากเว็บไซต์ของธนาคารและสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เพราะในปัจจุบันธนาคารและสถาบันการเงินที่มีการให้บริการรีไฟแนนซ์ จะมีบริการคำนวนค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการรีไฟแนนซ์อยู่แล้ว     3.ต้องรู้ว่าใช้เอกสารอะไรในการยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าง สำเนาบัตรประชาชน/สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมฉบับจริง ใบรับรองเงินเดือน (ย้อนหลัง 3เดือน) หรือ หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการข้อตกลง ฉบับจริง ใบเสร็จการผ่อนชำระย้อนหลัง 24 เดือน (ในกรณีรีไฟแนนซ์บ้านแบบไถ่ถอน) สำเนาบัญชีเงินฝากแสดงรายการย้อนหลัง 6 เดือน และหลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่น ๆ พร้อมฉบับจริง หรือ Statement พร้อมเซ็นต์รับรอง หากผู้ยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์ ประกอบอาชีพส่วนตัว ให้นำสำเนาใบประกอบวิชาชีพ หรือ ใบอนุญาตประกอบการ มาแสดงด้วย แต่หากประกอบธุรกิจให้นำสำเนาทะเบียนการค้า ทะเบียนบริษัท หรือทะเบียนห้างหุ้นส่วนฯ พร้อมยื่นหลักฐานการเสียภาษีเงินได้ แนบใบเสร็จตัวจริงจากกรมสรรพากร ย้อนหลัง 6 เดือน มาด้วย (รูปถ่ายกิจการ จำนวน 3-4 รูป) สำเนาโฉนดที่ดิน/นส.3ก/หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด/อช.2(2ชุด) พร้อมรับรองจาก สนง.ที่ดิน     4.ศึกษาขั้นตอนการรีไฟแนนซ์เบื้องต้น การศึกษาขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านจะทำให้คุณประหยัดเวลาในการดำเนินการได้มากขึ้น รวมถึงคุณสามารถเตรียมเอกสารและดำเนินการยื่นเอกสารได้ทันเวลาอีกด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น การติดต่อขอสำเนาสรุปยอดหนี้เงินกู้กับธนาคารเก่า ยื่นเอกสารสรุปยอดหนี้ที่ได้จากธนาคารแห่งเก่าไปขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ เจ้าหน้าที่ธนาคารมาประเมินทรัพย์สิน การนัดวันไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดินธนาคารเดิม การนัดวันทำสัญญากับธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ ดำเนินการเรื่องโอนที่ที่ดินในเขตที่ของเราตั้งอยู่   แม้ว่าข้อมูลต่างๆจะสำคัญต่อการรีไฟแนนซ์บ้าน แต่การศึกษาข้อมูลอย่างเดียวอาจจะไม่ใช่ทางออกทั้งหมด คุณควรดูปัจจัยจากตัวคุณเพิ่มเข้าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นรายได้ประจำ เงินเก็บ กำลังทรัพย์ แนวมโน้มทางการเงิน แนวโน้มหน้าที่การงาน รวมถึงการคำนวนความสามารถในการผ่อนค่างวด ดอกเบี้ย รวมถึงระยะเวลาในการผ่อนด้วย  ขอบคุณข้อมูลจาก : https://finance.rabbit.co.th/blog/re-finance-101        
คอนโด ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู – Supalai Park Talat Phlu Station : รีวิวคอนโด

คอนโด ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู – Supalai Park Talat Phlu Station : รีวิวคอนโด

ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู (Supalai Park Talat Phlu Station) - คอนโด High Rise สูง 34 ชั้น ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลู  และเดอะมอลล์ ท่าพระ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,600,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Hight Rise สูง 34 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    4-1-60.7 ไร่ จำนวนห้อง     ห้องพัก จำนวน 785 ยูนิต / ร้านค้า จำนวน  3 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ   เขตธนบุรี สถานที่สำคัญใกล้เคียง The Mall ท่าพระ Big C ดาวคะนอง Riverside Plaza เจริญนคร Asiatique the river front Tree on 3 Homepro พระราม 3 โรงเรียนศึกษานารี โรงเรียนซางตาครู้สคอนแวนท์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนราชินี มหาวิทยาลัยสยาม มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี โรงพยาบาลพญาไท 3 โรงพยาบาลสมิติเวชธนบุรี โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลศิริราช ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบ Studio   ขนาด 27.5 – 72.5 ตร.ม. แบบ 1 ห้องนอน  ขนาด 27.5 – 72.5 ตร.ม. แบบ 2 ห้องนอน  ขนาด 27.5 – 72.5 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ Fitness & Suana Roof Garden Meeting Room Sky Terrace ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1720 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.supalai.com/
Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คอนโดแบบญี่ปุ่น : รีวิวคอนโด

Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คอนโดแบบญี่ปุ่น : รีวิวคอนโด

ถ้ายังจำกันได้ เราเคยรีวิวโครงการ “Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง” ไปก่อนหน้านี้นานแล้ว ตั้งแต่โครงการยังไม่เริ่มสร้าง มาถึงตอนนี้ตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่เรียบร้อยแล้ว เราจึงจะพาไปอัพเดทที่โครงการกันซักหน่อย แวะไปสัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นกันครับ อยากสัมผัสคอนโดแต่งครบสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อให้คุณผ่อนคลาย และใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างมีสไตล์ได้ทุกวัน รีบไปลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษกันเลยที่ https://goo.gl/QilXzI  1 ห้องนอน Top Floor 2.29 ล้าน* พร้อมดอกเบี้ย 2.89% นาน 3 ปี*  (ผ่อนเพียงเดือนละ 7,xxx บาท/เดือน) พิเศษ! ลุ้นรับรถยนต์ Honda Civic, Samsung Galaxy S8 และอื่นๆ อีกมากมาย ถึงกันยายน 2560 เท่านั้น!     คอนโด Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง ตั้งอยู่ริมถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าวงศ์สว่าง (สายสีม่วง) เพียง 50 เมตรเท่านั้น ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายนี้ก็เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว การเดินทางเข้าเมืองก็จัดว่าสะดวกมากขึ้น ถึงแม้จะต้องต่อรถ Shuttle Bus บ้างก็ตาม แต่ล่าสุดก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะมีการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าในส่วนที่ขาดหายไป การเดินทางทั้งไปเรียน ไปทำงาน ในทุกๆ วันก็จะเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น หรือถ้าใช้รถยนต์ส่วนตัว ถนนหนทางก็เลือกใช้ได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนรัชดาภิเษก ถนนวงศ์สว่าง ถนนพระราม 5 ถนนติวานนท์ และถนนประชาราษฎร์สาย 2 ต่างก็เชื่อมโยงกับ “ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี” ทั้งหมด แถมยังมีทางด่วนด่านประชานุกูลอยู่ใกล้ๆ จะเดินทางเข้า-ออกเมืองก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ ถ้าใครได้อ่านรีวิวฉบับแรกๆ (ดูรีวิวAspire รัชดา-วงศ์สว่าง) จะรู้ว่า ทางบริษัท AP ได้ร่วมมือกับ Mitsubishi Estate Group ออกแบบให้โครงการ “Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง” มีความเป็นญี่ปุ่นผสมผสานอยู่ด้วย ทั้งเรื่องไอเดียการจัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง ให้สามารถใช้งานได้จริง รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ตกแต่งดีไซน์ให้มีกลิ่นอายแบญี่ปุ่นแทรกตัวไปในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสวนหินแบบเซน ฉากตกแต่งบริเวณล็อบบี้ หรือลวดลายบนกระจกและฝ้าเพดานในห้องออกกำลังกายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะญี่ปุ่น ฯลฯ ในส่วนของ Facility ภายในโครงการ ทาง AP ตั้งใจจัดไว้ให้เต็มที่ ทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือขนาด 9x30 เมตร ที่บริเวณชั้น 5 และห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครันในชั้นเดียวกัน ในขณะที่สวนลอยฟ้าและบริเวณล็อบบี้ก็เพิ่มบรรยากาศแบบญี่ปุ่นด้วย สวนหินแบบเซน รวมไปถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ในสวนหรือเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่ให้ลูกบ้านได้สัมผัสถึงความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง จุดเด่นอันหนึ่งของโครงการที่ได้รับเสียงนิยมจากลูกบ้านแทบทุกคนเลยก็คือ พื้นที่ล็อบบี้ด้านนอกอาคาร ที่ให้บรรยากาศโล่ง โปร่งสบาย จนลูกบ้านหลายๆ คนให้เป็นมุมโปรดสำหรับผ่อนคลายความเหนื่อยล้า เนื่องด้วยพื้นที่บริเวณนี้มีลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน แถมยังมีที่นั่งให้เลือกมากมายหลายมุม ยิ่งถ้าร้านสะดวกซื้อใต้อาคารเปิดให้บริการด้วยแล้ว บริเวณล็อบบี้นี้ก็คงจะกลายเป็นมุมประจำของทุกบ้านอย่างแน่นอน เปิดห้องสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยความที่ปัจจุบันโครงการ Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง ได้สร้างเสร็จและมีลูกบ้านย้ายเข้าอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงสัมผัสได้ถึงความเป็นอยู่จริงของลูกบ้านในโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่มีความชอบการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ในตำแหน่งที่เดินทางได้สะดวกทั้งทางรถไฟฟ้า และรถส่วนตัว จึงไม่น่าแปลกใจที่เราสัมผัสได้ถึงความสุขของผู้อยู่อาศัยส่วนหนึ่งขณะที่เรากลับไปเยี่ยมโครงการอีกครั้ง ในครั้งนี้เราได้ดูห้องตัวอย่างในบรรยากาศจริงถึง 2 ห้องด้วยกัน เริ่มกันด้วยห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. แว๊บแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องไม่ได้รู้สึกเล็กอย่างที่คิดเลย ด้วยการจัดวาง Layout ห้องให้ทุกพื้นที่ในห้องสามารถใช้สอยได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย มีครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งห้องนอน และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่แยกไว้อย่างชัดเจน มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอนให้เป็นสัดส่วน และที่จะลืมไม่ได้เลยคือ "ห้องน้ำสำเร็จรูปสไตล์ญี่ปุ่น" ซึ่งในส่วนนี้เป็นหนึ่งในไอเดียที่ทาง AP ร่วมมือกันกับ Mitsubishi Estate Group โดยพื้นห้องน้ำจะเป็นโพลีเมอร์หล่อขึ้นรูปมาทั้งชิ้น มีข้อดีคือ การดูแลรักษา หรือซ่อมบำรุงทำได้ง่าย งานระบบต่างๆ จะอยู่ใต้พื้นห้องน้ำ หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ต้องทุบผนังให้วุ่นวาย ไม่ต้องกังวลจะต้องทะเลาะกันเพื่อนข้างห้องด้วยครับ บรรยากาศในห้องน้ำนี่เป็นญี่ปุ่นสุดๆ ใครที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นจะรู้ว่าผมไม่ได้พูดเกินจริงเลย ห้องตัวอย่างอีกห้องที่เราได้ชมกันคือ ห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 45 ตร.ม. ห้องนี้ตกแต่งมาได้คอนเซปต์ญี่ปุ่นมาก ทั้งโซน Living Area ที่จัดให้มีมุมนั่งเล่น และมุมรับประทานอาหารไว้เป็นสัดส่วน มีพื้นที่กว้างขวาง โปร่งสบายด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ห้องครัวเป็นครัวปิด ในโซนกลางของห้อง ภายในครัวออกแบบเคาน์เตอร์ไว้สองด้านเพื่อสะดวกต่อการใช้งาน ขณะเดียวกันก็อยู่ติดกับระเบียงสามารถเปิดประตูเพื่อช่วยระบายอากาศ และกลิ่นอาหารได้ ห้องนอนทั้ง 2 ห้องอยู่คนละด้านกันโดยมีครัวกั้นกลางนะครับ ห้องนอนเล็กมีพื้นที่ใช้สอยกำลังพอเหมาะ วางเตียงขนาด 5 ฟุต ได้สบายๆ แถมยังเหลือพื้นที่สำหรับการตกแต่งเพิ่มเติมได้อีก ในขณะที่ห้องนอนใหญ่หรือ Master Bedroom อยู่ด้านเดียวกับห้องน้ำ มีประตูเข้าห้องน้ำได้จากภายในห้องเลย ดังนั้นพื้นที่ในห้องนอนหน้าห้องน้ำสามารถจัดเป็น Walk-in Closet ได้สบายๆ เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนใหญ่กว้างขวางพอสมควรเลยทีเดียว ห้องน้ำในห้องก็เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปแบบเดียวกับห้องก่อนหน้านี้เลยนะครับ เหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันก็ตรงที่ห้องนี้จะมีประตูเข้าห้องน้ำได้ 2 ทาง คือจากทางห้องนั่งเล่น และจากด้านในห้องนอนใหญ่นั่นเอง ห้องทุกยูนิตของโครงการ Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง ขายมาให้แบบ Fully Furnished เลยนะครับ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในห้องก็สวย เรียบง่าย สไตล์ญี่ปุ่นเลย ดังนั้นห้องที่ได้ก็จะได้บรรยากาศญี่ปุ่นๆ ตามในห้องตัวอย่างเป๊ะเลยทีเดียว รับรองว่าคุ้มค่า คุ้มราคาทั้งซื้อหาไว้อยู่อาศัยเอง หรือซื้อไว้เพื่อการลงทุน แอบกระซิบนิดนึงว่า คนญี่ปุ่นในไทยก็ให้ความสนใจโครงการนี้ไม่น้อยเลยนะครับ มีคนญี่ปุ่นย้ายเข้ามาอยู่กันพอสมควรเลยทีเดียว... ดังนั้นใครที่กำลังอยากได้คอนโดดีๆ ติดรถไฟฟ้า ไม่ควรมองข้าม Aspire รัชดา-วงศ์สว่าง นะครับ