Tag : condo

1512 ผลลัพธ์
Supalai City Resort แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

Supalai City Resort แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

Supalai City Resort แจ้งวัฒนะ คอนโด High Rise สูง 24 ชั้น ติดถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพูและทางด่วน โครงการใหม่จากศุภาลัย รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   1,850,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 53,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด   High Rise  สูง 24 ชั้น  1 อาคาร จำนวนห้อง   752 ยูนิต และร้านค้า 6 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   ประมาณ 5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี สถานที่สำคัญใกล้เคียง ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เซ็นทรัล พลาซ่า แจ้งวัฒนะ แม็คโคร แจ้งวัฒนะ โลตัส แจ้งวัฒนะ บิ๊กซี แจ้งวัฒนะ ดิ อเวนิว แจ้งวัฒนะ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค  เมืองทองธานี ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่  33.5 – 72.0 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Library Swimming Pool Fitness Sky Lounge ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมงด้วยระบบ Finger Scan ระบบป้องกันอัคคีภัย Smoke & Heat Detector และ Fire Alarm CCTV สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-575-3322 หรือ 1720 กด 80 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.supalai.com
ISSI Condo สุขสวัสดิ์ : รีวิวคอนโด

ISSI Condo สุขสวัสดิ์ : รีวิวคอนโด

คราวนี้เราจะพาไปดู ISSI Condo คอนโดมิเนียมสไตล์โมเดิร์นสูง 24 ชั้น อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจของชาญอิสสระ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุขสวัสดิ์ ในทำเลที่ใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน และยังเกาะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่คาดว่าจะมีการก่อสร้างในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย   การเดินทาง สำหรับเรื่องการเดินทาง โครงการ ISSI Condo Suksawat ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่บริเวณปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 ถ้าหากขึ้นทางด่วนข้ามสะพานพระราม 9 หรือสะพานแขวนมาสามารถเลือกลงได้ทั้งทางลงสุขสวัสดิ์ และทางลงพระราม 2 เริ่มจากบนทางด่วนกันเลยนะครับ เราอยู่บนทางด่วนศรีรัช มุ่งหน้าไปทางดาวคะนอง ตามป้ายดาวคะนองไปเลยครับ ตามป้ายดาวคะนองมาเรื่อยๆ มาถึงตรงนี้ให้ชิดขวาตามป้าย เพื่อที่จะเบี่ยงออกไปขึ้นสะพานพระราม 9 ขึ้นสะพานพระราม 9 มาแล้วจะเห็นธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือ ลงสะพานมาเราก็ตามป้ายดาวคะนองต่อไปอีกนะครับ มาถึงตรงนี้จะเห็นป้ายบอกให้เบี่ยงซ้าย ก็ถึงจุดลงทางด่วนแล้วล่ะครับ ลงมาจากทางด่วนก็จะเข้าสู่ถนนพระราม 2 คราวนี้เราจะไม่ตามป้ายดาวคะนองแล้วนะครับ เราจะเลี้ยวขวาไปทางพระประแดงตามป้ายเลย เลี้ยวขวามาแล้วเราก็เข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้วล่ะครับ ตรงจากแยกมานิดหน่อยจะเห็นบิ๊กซี สุขสวัสดิ์อยู่ด้านซ้ายมือ ก็แสดงว่าใกล้ถึงโครงการแล้วล่ะครับ ให้ชิดซ้ายไว้ได้เลย เลยจากบิ๊กซีมานิดเดียวจะเห็นซอยสุขสวัสดิ์ 17 คอนโดจะอยู่ติดกับซอยนี้เลย ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ สำนักงานขายโครงการก็จะตั้งอยู่หน้าไซต์ก่อสร้างนี่เลยครับ หรือใครที่อยากลงทางด่วนที่ถนนสุขสวัสดิ์เลยก็ได้เหมือนกันนะครับ ระยะทางอาจจะไกลกว่าลงที่ถนนพระราม 2 แต่ระหว่างทางไปโครงการจะมีตลาด มีร้านอาหาร ให้เลือกซื้อหามากกว่าทางฝั่งถนนพระราม 2 ขอเริ่มจากจุดที่ลงสะพานพระราม 9 เลยนะครับ ลงสะพานมาแล้วให้ชิดซ้ายเพื่อที่จะออกถนนสุขสวัสดิ์เลย เมื่อเข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้ว เราต้องกลับกลับรถก่อนนะครับ จากจุดลงทางด่วนมาประมาณ 550 เมตร จะเจอที่กลับรถ พอกลับรถมาแล้วก็ตรงยาวๆ เลยครับ ตรงนี้จะเป็นจุดขึ้นทางด่วนขาเข้าเมือง ตรงมาอีกหน่อยจะเจอโลตัส บางปะกอก อยู่ทางขวามือ ถ้าเบื่อบิ๊กซีที่อยู่ข้างๆ โครงการก็มาเดินโลตัสตรงนี้ได้นะครับ ฮ่าๆ ข้างๆ โลตัสจะเป็นตลาดสดบางปะกอก เย็นๆ จะมีร้านอาหารอยู่หน้าตลาดเยอะแยะเลยครับ จากตลาดบางปะกอกมาประมาณ 1 กม. ก็จะเจอโครงการอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วล่ะครับ เลยจากบิ๊กซีมาเราต้องกลับรถอีกรอบนึง เพื่อเข้าโครงการที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นอกจากนี้ยังสามารถใช้สะพานกรุงเทพข้ามมายังฝั่งธนฯ เลี้ยวเข้าถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินที่แยกมไหสวรรค์ แล้วตรงต่อมายังถนนสุขสวัสดิ์จนถึงที่ตั้งโครงการ หรือถ้าถนนเส้นนี้รถติดเกินไปเพราะกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอุโมงค์ข้ามแยก ก็ยังสามารถเลี่ยงไปใช้ถนนราษฎร์บูรณะ เพราะเป็นเส้นที่ขนานกับถนนสุขสวัสดิ์และมีหลายซอยที่เชื่อมต่อถึงกัน เช่น ซอยสุขสวัสดิ์ 13, 15/1, 19 และ 25 ซึ่งซอยเหล่านี้ช่วยได้เยอะเลยนะครับ เราจะได้ไม่ต้องกลับรถไปกลับรถมาให้วุ่นวาย หรือจะเลือกไปใช้สะพานภูมิพลก็เป็นอีกเส้นทางที่สะดวกดีไม่แพ้กัน ทั้งข้ามไปยังปู่เจ้าฯ และเข้าเมืองมาที่ฝั่งพระราม 3 ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนบนถนนสุขสวัสดิ์ ต้องบอกว่ามีตัวเลือกไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งรถเมล์ที่วิ่งผ่านหลายสาย รถตู้ รถกะป๊อ แท็กซี่ แล้วที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งเป็นตัวช่วยชั้นดีเลยนะครับในวันที่รีบสุดๆ ที่สำคัญในอนาคตยังมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่านหน้าโครงการอีก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำการก่อสร้างในปีสองปีนี่แหละครับ รับรองว่าได้ใช้กันแน่ๆ วิเคราะห์ทำเลรอบโครงการ ในส่วนของทำเลที่ตั้งโครงการ ISSI Condo Suksawat  ต้องบอกว่าอยู่ในย่านที่คึกคักมากทีเดียว ทั้งนี้เพราะทำเลแถบนี้อยู่ในย่านที่อยู่อาศัยซึ่งมีอยู่เดิม บรรยากาศโดยรอบจึงมีทั้งร้านค้า วัด โรงเรียน และตลาด แต่ในขณะเดียวกันตัวโครงการก็ไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนซะทีเดียวนะครับ จัดว่าระดับความสะดวกสบายอยู่ใกล้กำลังดี อาศัยเดินซักนิด นั่งรถอีกซักหน่อยก็มีครบแทบทุกอย่างครับ เอาที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะเป็นห้าง Big C สุขสวัสดิ์ ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าโครงการไปเพียง 120 เมตรเท่านั้น เอาไว้เป็นแหล่งจับจ่ายซื้อของใช้จำเป็นได้ และระหว่างทางเดียวกันนี้ก็มีสำนักงานสรรพากรอยู่ด้วย แถมยังมีคิวรถกระป๊ออีกหลายสายจอดรออยู่บริเวณนี้ จะไปไหนมาไหนใกล้ๆ ก็สะดวกดีครับ แล้วถ้าเดินเลยขึ้นไปทางซอยสุขสวัสดิ์ 19 ก็มีของกินอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ทั้งรถเข็นขายอาหาร แผงลอย ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารก็มีเยอะตั้งแต่ปากซอยเลย โดยเฉพาะในซอยสุขสวัสดิ์ 19 ที่คึกคักมากหน่อย เพราะมีทั้งวัดและโรงเรียนอีก 2 แห่งในซอย ช่วงเลิกเรียนจะขายของกันคึกคักดี แถมยังเป็นซอยใหญ่ทะลุไปออกที่ซอยราษฎร์บูรณะ 14 ได้อีกด้วย น่าจะเป็นที่พึ่งพาในเรื่องปากท้องได้เป็นอย่างดี ส่วนถ้าจะเลยออกไปไกลหน่อย รอบๆ นี้ก็ยังมีห้าง Big C ราษฎร์บูรณะ, Big C บางปะกอก, ห้าง Central พระราม 2, Tesco Lotus, ตลาดดาวคะนอง ฯลฯ หรือไม่ก็ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าฝั่งพระนครไปเลย จากที่เราลองเดินสำรวจรอบๆ โครงการก็เห็นว่าซอยสุขสวัสดิ์ 17 เป็นซอยตันนะครับ ในซอยมีอพาร์ทเม้นท์ หอพักสูง 7-8 ชั้นอยู่ 2-3 ตึก ช่วงเช้าและเย็นจะได้ยินเสียงเด็กนักเรียนบ้างนิดหน่อย เพราะหลังซอยติดกับโรงเรียนบางประกอกวิทยาคมที่อยู่ในซอยสุขสวัสดิ์ 19 นอกเหนือจากนี้ก็เป็นบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 2-3 ชั้น รวมถึงพื้นที่รอบๆ ก็ไม่มีตึกสูง ยังเป็นบ้านในแนวราบถ้าจะมีก็แค่ตึกแถวสูง 4-5  ชั้น ที่มีอยู่ใกล้ๆ บ้าง ห้องพักของ ISSI Condo จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องถูกบังวิวซักเท่าไหร่ แถมทางโครงการ ISSI Condo Suksawat ก็เลือกออกแบบให้สระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลางอยู่ทางด้านซอย 17 เลยได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง และไม่ค่อยถูกรบกวนจากภายนอก สภาพแวดล้อมโดยรวมของโครงการจึงค่อนข้างเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย สำหรับตัวอาคารของโครงการ ISSI Condo Suksawat เป็นอาคารเดี่ยวรูปตัว U สูง 24 ชั้น มีจำนวนยูนิตรวมทั้งหมด 892 ยูนิต โดยส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 5 เป็นต้นไป ล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่บนชั้น 5 ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำขนาด 6x25 เมตร แยกสระเด็กและจากุชชี่ ห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องสตรีม และสวนพักผ่อน Sunken Seat Forest Seat นอกจากนี้ยังมีทางโครงการยังจัดพื้นที่นั่งเล่นอ่านหนังสือพร้อม wi-fi แถมด้วย Sky Garden บนดาดฟ้า รวมถึงสนามเด็กเล่น, Sport Ground สำหรับคนที่ชอบเล่นกีฬา และยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟในพื้นที่โครงการอีกด้วย เรียกว่าจัดมาให้เต็มที่กันเลย ส่วนในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ก็เป็นไปตามมาตรฐานทั้งระบบ CCTV รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง และระบบ Access Control สิ่งอำนวยความสะดวกหลักๆ ทางโครงการก็จัดมาแน่นตามที่บอกไปแล้วข้างต้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องให้สะดุดตา สะดุดใจไร้ที่ติเลยนะครับ เพราะเท่าที่เห็นจำนวนลิฟท์โดยสารที่ทางโครงการจัดมาให้ก็ต้องตกใจว่ามีเพียง 3 ตัว (ไม่รวมลิฟท์เซอร์วิส 1 ตัว) เท่านั้น ซึ่งนับว่าอัตราส่วนการใช้หนาแน่นมากๆ จนเข้าขั้นอึดอัดกันเลยทีเดียว เพราะลิฟท์ 1 ตัวต่อจำนวนห้องร่วมๆ 300 ห้อง จะใช้ลิฟท์แต่ละทีคงต้องรอกันนานมากหน่อย แถมตำแหน่งของลิฟท์ก็อยู่ที่โซนกลางของอาคาร เท่ากับว่าห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายและขวา หรือตำแหน่งปลายของตัว U ก็ต้องเดินกันไกลเลย ถ้าซื้อของเข้าบ้านเยอะๆ ก็เหนื่อยกันหน่อยนะครับ เช่นเดียวกันกับห้องทิ้งขยะที่ก็ต้องเดินในระยะเหนื่อยแทบไม่ต่างกัน ดังนั้นการเลือกตำแหน่งห้องว่าจะอยู่ใกล้ หรือไกลลิฟท์ ก็น่าจะต้องลองชั่งใจกันดูนิดนึงว่าจะยังไงดี จะเลือกเดินใกล้ หรือเดินไกลแต่ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า Master Plan จะแสดงให้เห็นภาพรวมคร่าวๆ ของโครงการ ทางเข้า-ออก สวนสีเขียวรอบๆ โครงการ และที่จอดรถบางส่วนในชั้น G สนามกีฬาด้านหลังโครงการ ที่ชั้น 2-4 จะเป็นที่จอดรถ ซะส่วนใหญ่ แต่ก็มีห้องพักอาศัยอยู่ด้วยที่ด้านขวา และด้านหลังของอาคาร ที่ชั้น 2 จะมี 14 ยูนิต ที่ชั้น 3-4 จะมีห้องพักอาศัยอยู่ 19 ยูนิต ขึ้นมาถึงที่ชั้น 5 จะเป็นชั้นที่มี Facility หลักของโครงการอยู่ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องสตรีม และสวนพักผ่อน Sunken Seat Forest Seat พร้อมกับห้องพักอาศัยที่โอบล้อม Facility อยู่ทั้ง 3 ด้าน สระว่ายน้ำขนาด 6x25 เมตร แยกสระเด็กและจากุชชี่ บนชั้น 5 ที่ชั้น 6-24 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด Sky Garden บนชั้นดาดฟ้า ขณะนี้ ISSI Condo Suksawat กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างไปมากกว่า 80% แล้วนะครับ เราจึงค่อนข้างเห็นภาพรวมของตัวโครงการได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งเรื่องทิศทางของแดดและวิว ซึ่งห้องทางฝั่งด้านหลังโครงการโดยเฉพาะบนชั้นสูงๆ จะค่อนข้างได้เปรียบเรื่องวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นเดียวกันกับห้องทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ยังพอเห็นวิวแม่น้ำบ้างในบางมุม ส่วนห้องทางด้านหน้าโครงการที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเสียเปรียบเรื่องวิวหน่อย เพราะจะเห็นเป็นวิวเมืองแทน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีตึกสูงมาบังสายตา ได้วิวมุมกว้างๆ สบายตากันไป ในขณะที่ห้องที่อยู่ทางด้านในก็จะหลบแดดได้บ้าง เรื่องวิวก็ได้วิวสวนและวิวสระว่ายน้ำจากส่วนกลางไปแทน ใครชอบมุมไหน ทิศไหนก็ลองไปเลือกๆ ไปเล็งที่โครงการกันตามสะดวกครับ พาชมห้องตัวอย่าง พาไปดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า ซึ่งทางโครงการเตรียมห้องแบบ 1 Bedroom ไว้ให้ชมด้วยกัน 2 Type ครับ เริ่มกันที่ห้องแรกที่มีขนาดประมาณ 25 ตร.ม. เป็น Type D05 เปิดประตูเข้าห้องมาก็จะเจอกับเคาน์เตอร์ครัว​ที่อยู่ทางขวามือ พื้นที่ครัวขนาดกระทัดรัดเหมาะกับขนาดห้องเลยนะครับ มีเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L พร้อมซิงค์ล้างจาน และชั้นเก็บของมาให้ด้วย แต่ไม่มีชุดเตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้นะครับ อันนี้ต้องติดเพิ่มเอง แต่ที่จริงแล้วห้องขนาดนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะกับการทำครัวหนักๆ เท่าไหร่ แค่ไมโครเวฟซักเครื่องสำหรับเตรียมหรืออุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ ก็คงเพียงพอแล้วครับ ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนซึ่งกั้นแบ่งไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน บรรยากาศภายในห้องตัวอย่างดูโปร่งสบายตาดีนะครับ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการตกแต่งห้องให้ดูเรียบง่าย สบายตา ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์กำลังดี และจัดไว้เป็นสัดส่วนดีทีเดียวครับ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงไอเดียในการตกแต่งเท่านั้นนะครับ เพราะของจริงที่เราจะได้คือ ห้องเปล่าๆ และผนังฉาบเรียบเท่านั้น ส่วนห้องน้ำภายในห้องก็มาพร้อมสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า ประตูบานเลื่อนกั้นห้องอาบน้ำ พร้อมชุดฝักบัว ตามมาตรฐาน Cotto  ซึ่งพื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำก็ขนาดกระทัดรัดกำลังดีครับ เสียตรงที่วางของตรงอ่างล้างหน้าน้อยไปนิด แต่ยังดีที่ทางโครงการมีเว้นช่องเก็บตรงหน้าห้องอาบน้ำไว้ให้ เลยพอช่วยเพิ่มที่เก็บของได้บ้าง แปลนห้อง Type D05 ขนาด 24.90 ตารางเมตร เข้ามาให้ห้องแล้วมองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดห้องเตียงนอน ด้านซ้ายมือ โครงการทำเป็นตู้เก็บของซ่อนอยู่ ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องครัว มีเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L สำหรับเตรียมอาหาร ไม่มีชุดเตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้ พร้อมซิงค์ล้างจาน และชั้นเก็บของ ทั้งด้านบนและด้านล่าง ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนซึ่งกั้นแบ่งไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน โครงการจะใช้ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนนะครับ ทำให้เปิดได้กว้างขึ้น โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน อยู่ติดกับประตูบานเลื่อนของห้องครัว ภาพมุมกว้างห้องครัวและโต๊ะทานอาหาร ส่วน Living Area ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น และสีโทนอ่อน ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งดีครับ ชั้นวางทีวีทำเป็นชั้น Built in เล็กๆ ทำให้ห้องดูโล่งขึ้น โซฟาถูกจัดวางไว้ติดกับปลายเตียงเลยนะครับ เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด Living Area จะอยู่ติดกับระเบียง มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน สำหรับเปิดปิด มีธรณีประตูขึ้นมานิดหน่อยนะครับ เวลาก้าวเข้า-ออก ก็ระวังสะดุดกันด้วย ขนาดของระเบียงห้องกว้างกำลังพอดีนะครับ สามารถวางเครื่องซักผ้าที่ระเบียงได้เลย อย่างที่บอกนะครับ เตียงนอนจะอยู่ติดกับโซฟาเลย วางเตียง 5 ฟุตกำลังพอดีครับ จะได้ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป ข้างเตียงจะมีหน้าต่าง ด้านบนจะเป็นบานเลื่อน ส่วนด้านล่างจะเป็นบาน Fix อีกด้านของเตียงจะเป็นห้องน้ำ เห็นตู้ขาวๆ หน้าห้องน้ำนั่นคือตู้เสื้อผ้านะครับ ตู้เสื้อผ้าที่โครงการจัดไว้ให้ดูจะเป็นหน้าบานสไลด์แบบที่เห็นนะครับ เพราะถ้าใช้บานเปิดแบบปกติก็จะติดเตียง อาจจะทำให้ใช้งานได้ลำบาก เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันต่อ การวางสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าทรงกลมมีที่วางของเล็กๆ ของ 2 ข้าง Shower Box จะกั้นด้วยประตูบานสไลด์ 3 ตอน ชุดฝักบัวของ Cotto ส่วนห้องอีกเป็น Type C07 ซึ่งมีขนาดห้องเกือบๆ 30 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยมากกว่า แต่ก็ยังคงเป็นแบบ 1 Bedroom นะครับ สำหรับ Layout ของห้องนี้จะดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น ด้วยการแบ่งพื้นที่ใช้สอยแยกออกจากกันอย่างชัดเจน พอเปิดเข้าห้องมาก็จะเจอพื้นที่นั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนซึ่งถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเรียบร้อย ในขณะที่พื้นที่ด้านขวาของห้องจะถูกกั้นเป็นโซนห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียง เรื่องวัสดุ สุขภัณฑ์ที่มาพร้อมกับห้องจะหน้าตาเหมือนกับห้องก่อนหน้าเลย เพียงแค่ต่างกันเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องตำแหน่งการจัดวางเท่านั้นครับ ห้อง Type นี้จะดีหน่อยสำหรับคนที่ชอบทำครัว เพราะตำแหน่งห้องครัวอยู่ติดกับระเบียง สามารถเปิดประตูช่วยระบายกลิ่นกับข้าวได้ แถมพื้นที่ครัวก็กว้างกว่า เหมาะกับการใช้งานมากกว่าด้วย แปลนห้อง Type C07 ขนาด 29.39 ตารางเมตร ห้อง Type นี้เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ห้องนี้จะแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น Living Area จะแยกออกจากห้องนอนอย่างชัดเจน ชั้นวางทีวีเป็นชั้น Built in เล็กๆ เหมือนกัน ภาพอีกมุมของ Living Area โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่านอยู่ติดกับประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ที่กั้นระหว่าง Living Area กับห้องนอน ภายในห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือ ให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้ หน้าต่างภายในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้อง Type D05 ส่วนด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่วางอยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้ง มุมมองจากเตียงนอนออกไปที่ส่วน Living Area คราวนี้เราเข้าไปดูห้องครัวกับห้องน้ำที่แอบอยู่ด้านในกันต่อ เคาน์เตอร์ครัวของ Type นี้จะเป็นแนวยาว จะมีช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง พื้นที่เตรียมอาหาร ซิ้งค์ล้างจาน ชั้นลอยเก็บของ ระเบียงจะอยู่ติดกับห้องครัวนะครับ ข้อดีคือสามารถระบายกลิ่นอาหารออกนอกอาคารได้ง่าย เครื่องซักผ้าวางไว้ที่ระเบียงเหมือนกันนะครับ จากระเบียงเราย้อนกลับเข้าไปดูที่ห้องกันต่อ สุขภัณฑ์ที่ใช้และการจัดวางจะคล้ายๆ กับห้อง Type D05 เลยนะครับ ต่างกันตรงที่ Shower Box จะย้ายมาอยู่ตรงกลางระหว่างอ่างล้างหน้ากับโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าแบบเดียวกันเลย ขนาดของ Shower Box ประมาณนี้นะครับ มาพร้อมกับชุดฝักบัวของ Cotto สำหรับโครงการ ISSI Condo Suksawat ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจไม่น้อยเลยในทำเลย่านสุขสวัสดิ์ เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดริมถนนใหญ่ และอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ยิ่งพอรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมใช้งานแล้ว การเดินทางเข้าเมืองก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้นอีกหลายเท่า ในขณะที่การเดินทางในรูปแบบอื่นๆ ก็ยังสะดวกอยู่เช่นเดิม เรื่องสาธารณูปโภคต่างๆ ก็ค่อนข้างพร้อม มีห้าง Big C อยู่ใกล้พอๆ กับร้านสะดวกซื้อเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือซื้อเพื่อการลงทุน โครงการนี้ก็ยังคงความน่าสนใจได้ไม่น้อยเลยครับ ใครที่สนใจคงต้องรีบไปกันหน่อย เพราะได้ข่าวว่าเหลือห้องว่างไม่มากแล้ว
6 เหตุผลที่ควรลงทุนอสังหาฯ ก่อนอายุ 30

6 เหตุผลที่ควรลงทุนอสังหาฯ ก่อนอายุ 30

การลงทุนยิ่งเริ่มต้นไว ยิ่งได้ผลตอบแทนเร็ว วัยที่เหมาะกับการลงทุนมากที่สุด คือ วัยที่จบการศึกษาและมีงานมีการทำเรียบร้อย นั่นคือช่วงอายุระหว่าง 25 – 30 ปี แต่ในวัยดังกล่าว มักเป็นวัยที่มีสิ่งยั่วยุสูง เพราะเพิ่งเริ่มต้นสัมผัสอำนาจของเงินและรายได้ด้วยตัวเองรายได้ของคนในวัยนี้จึงมักละลายไปกับสังคม ข้าวของ ท่องเที่ยว จนพบได้บ่อยๆ ว่าคนทำงานช่วง 2 – 3 ปีแรกไม่สามารถเก็บเงินได้ จะเริ่มมีเงินเก็บจริงๆ จังๆ คือเมื่อเริ่มแตะหลัก 30 ไปแล้ว ซึ่งหากเทียบกับคนที่เตรียมตัวไวกว่าก็ถือเป็นการเสียโอกาส หนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับคนวัยไม่ถึงเลข 3 คือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีข้อดีคือได้ผลตอบแทนในระยะยาว เป็นเงินจำนวนมาก และสม่ำเสมอ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเริ่มต้นก่อนอายุ 30 ด้วย 6 เหตุผล ต่อไปนี้ เป็นที่อยู่อาศัย คนวัยก่อน 30 หลายคนทำงานไกลบ้าน พักอยู่หอพักและเสียค่าเช่าทุกเดือน ซึ่งจำนวนค่าเช่าที่เสียไป สามารถนำมาผ่อนบ้านหรือคอนโดมิเนียมได้ เป็นการกู้ยืมอัตราดอกเบี้ยต่ำ ระยะยาว ดอกเบี้ยบ้านคือดอกเบี้ยที่น้อยที่สุดกับเงินก้อนใหญ่และมีระยะเวลาในการผ่อนชำระนานที่สุด การผ่อนบ้าน มีระยะเวลาในสัญญาสูงสุดนานถึง 30 ปี และด้วยอัตราดอกเบี้ยที่หลากหลาย การซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงไม่ใช่ภาระหนักอึ้ง ปล่อยเช่าได้ (Passive Income) อสังหาริมทรัพย์มีข้อดีที่สุดคือเป็นทรัพย์สินถาวร และมีมูลค่าเพิ่มตลอดเวลา ยิ่งซื้อบ้านและปล่อยเช่าเมื่ออายุน้อยเท่าไหร่ รายรับที่ได้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย เช่น ซื้อคอนโดมิเนียมมา 2 ล้านบาท ปล่อยเช่าเดือนละ 15,000 บาท สินทรัพย์ชิ้นนี้จะทำรายได้ 180,000 บาท/ปี และอาจเพิ่มได้เรื่อยๆตามศักยภาพของทำเล หากปล่อยเช่าเมื่ออายุ 25 เมื่ออายุ 30 จะมีรายได้จากคอนโดมิเนียมแห่งนี้แล้ว 900,000 บาท ทำเงินได้เกือบล้าน เมื่ออายุ 30 น่าสนใจใช่ไหม เป็นมรดก อสังหาริมทรัพย์ถือเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่คนทุกยุคทุกสมัยเลือกที่จะนำมาเป็นสินทรัพย์ที่สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองและจุดเด่นอีกจุดหนึ่งคือนำมาเป็นมรดกส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานได้ จะเห็นได้จากนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายคนที่ได้รับมรดกจากพ่อแม่และบรรพบุรุษทั้งที่ดิน บ้าน โรงแรม เป็นต้น แล้วสามารถนำทรัพย์สินเหล่านั้นมาพัฒนาหรือขายต่อเพื่อก่อร่างสร้างตัวจากอสังหาริมทรัพย์จนประสบความสำเร็จในอนาคตได้ เป็นหลักประกันชั้นเยี่ยม อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันที่ทุกสถาบันการเงินอ้าแขนรับหากต้องการเงินลงทุนก้อนใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในมือจะแปรเป็นเงินได้อย่างง่ายดาย เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน ยิ่งในคนอายุน้อยๆการเปลี่ยนแปลงทางหน้าที่การงานหรือความผิดพลาดทางธุรกิจคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เป็นการลงทุนที่ชนะเงินเฟ้อ เนื่องจากในปัจจุบันปัญญาเงินเฟ้อเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะลดทอนมูลค่าเงินในกระเป๋าของท่านให้มีค่าลดน้อยลง การลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถเอาชนะกับปัญหาเงินเฟ้อได้คือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ บางคนอาจจะบอกว่าก่อนอายุ 30 ปี จะมีเงินพอได้อย่างไรที่จะนำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงหลักแสนหลักล้าน เพราะคนส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ทำงานประจำและเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินไม่มากพอที่จะลงทุน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้ถูกแก้ปัญหาออกไปเนื่องจากนวัตกรรมทางด้านการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถนำอสังหาริมทรัพย์แบ่งออกเป็นหน่วยย่อยๆได้เพื่อให้คนหลายๆคนสามารถเข้ามาถือครองในอสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้นเป็นการถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ เราเรียกการลงทุนนี้ว่า การลงทุนในกองทุนรวมอสังริมทรัพย์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงทุนหลักแสน หลักล้าน เพียงแค่มีเงินลงทุนขึ้นต่ำ 500 บาท ขึ้นไป สามารถลงทุนได้ การลงทุนก่อนอายุ 30 เป็นสิ่งที่ดีและควรทำที่สุดด้วยเหตุผลต่างๆที่กล่าวมาแล้ว แต่คนวัยนี้มักมีข้อจำกัดคือยังไม่สามารถหาทุนมาใช้กับอสังหาริมทรัพย์ได้ เพราะช่วงเวลา 2 – 3 ปีแรก รายได้จากการทำงานไม่ได้มากมายและอำนาจของเงินที่ได้ด้วยตัวเองก็ช่างเย้ายวน ดังนั้นเมื่อเริ่มทำงานใหม่ๆจึงควรตั้งสติให้มั่นและเก็บเงินเก็บทองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่ออนาคต   ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.terrabkk.com
Le Crique Sukhumvit 64/2 : รีวิวคอนโด

Le Crique Sukhumvit 64/2 : รีวิวคอนโด

Le Crique Sukhumvit 64/2 คอนโด Low Rise โครงการใหม่ในซอยสุขุมวิท 64/2 ใกล้ BTS ปุณณวิถี จาก Rich Land Property รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   ประมาณ 2,400,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 85,000 บาท เจ้าของโครงการ   Rich Land Property Co., Ltd. ลักษณะคอนโด   Low Rise  สูง 8 ชั้น  1 อาคาร จำนวนห้อง   169 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 1 - 39.60 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ซอยสุขุมวิท 64/2 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง   ปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2559 สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สถานีปุณณวิถี ซีคอน สแควร์ พาราไดซ์ ปาร์ค โลตัส โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ ปิยรมย์ สปอร์ตคลับ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom (s) ขนาด 30.44 - 31.50 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 41.31 - 51.59 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด  61.08 - 61.36 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ Fitness Library สวนหย่อมรอบโครงการ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-744-8688, 089-308-6888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   lecriquecondo.com
BRIX Condominium : รีวิวคอนโด

BRIX Condominium : รีวิวคอนโด

BRIX Condominium คอนโดใหม่ติดรถไฟฟ้าสิรินธร พร้อมวิวแม่น้ำบนถนนจรัญสนิทวงศ์ 64 จากมีสไตล์ เอสเตท เปิด Pre-Sale วันที่ 24-30 มีนาคมนี้ ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   1,550,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 70,500 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท มีสไตล์ เอสเตท จำกัด ลักษณะคอนโด   High Rise 1 อาคาร สูง 32 ชั้น จำนวนห้อง   560 ยูนิต , ห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 8 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   3 - 0 - 68 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   สี่แยกบางพลัด (ซังฮี้) ติดรถไฟฟ้าสถานีสิรินธร ซอยจรัญสนิทวงศ์ 64 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ที่จอดรถ   272 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ค่าบำรุงส่วนกลาง   50 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน   500 บาท/ตารางเมตร เริ่มก่อสร้าง   ต้นปี 2559 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปลายปี 2561 สถานที่สำคัญใกล้เคียง ตั้งฮั่วเส็ง เมเจอร์ปิ่นเกล้า เซนทรัลปิ่นเกล้า พาต้าปิ่นเกล้า โลตัส รพ.ยันฮี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ลักษณะห้องและขนาดห้อง สตูดิโอ, 1 ห้องนอน ขนาด 22 - 40 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ขนาด 42 - 96 ตารางเมตร Duplex ขนาด 114 - 123 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Outdoor Library Adventure Playground Bar B.Q. Terrace Steam Room Sauna Room Swimming Pool Fitness Roof Garden ลิฟท์โดยสารอาคาร 4 ชุด, ลิฟท์ขนของ 1 ตัว, ลิฟท์ที่จอดรถ 1 ตัว Access Control Card , CCTV เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   098-254-8888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.brixcondo.com
The Posh Twelve : รีวิวคอนโด

The Posh Twelve : รีวิวคอนโด

The Posh Twelve คอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 40 และ 45 ชั้น บนถนนติวานนท์ ใกล้ MRT กระทรวงสาธารณสุข โครงการใหม่จากแปซิฟิค สตาร์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   1,990,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 88,500 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท แปซิฟิค สตาร์ ประเทศไทย จำกัด ลักษณะคอนโด   High Rise 2 อาคาร สูง 40 และ 45 ชั้น จำนวนห้อง   อาคาร A สูง 40 ชั้น 552 ยูนิต และอาคาร B สูง 45 ชั้น 842 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   4 - 2 - 61 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนติวานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี สถานที่สำคัญใกล้เคียง Big C เอสพลานาด The Mall งามวงศ์วาน เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ MRT กระทรวงสาธารณสุข ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 22.5 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 29 - 32 ตารางเมตร Junior Suite ขนาด 35 - 38 ตารางเมตร Grand Suite ขนาด 46 - 62 ตารางเมตร Junior Duplex ขนาด 33.5 ตารางเมตร Grand Duplex ขนาด 43 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ Grand Lobby Lounge Main Entrance Reception Driveway Bicycle Lockers Oasis Club Lounge สระว่ายน้ำ BBQ Party Deck Fitness & Yoga Sauna and Steam Rooms Access Key Card รปภ & CCTV 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   091-889-3388 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   theposh12.com
THE ROOM สาทร : รีวิวคอนโด

THE ROOM สาทร : รีวิวคอนโด

จากพรีวิวฉบับก่อนที่เราพาไปดูบรรยากาศรอบๆ โครงการ The Bangkok สาทร กันไปแล้ว ฉบับนี้เรายังคงอยู่ในทำเลย่านสาทร แต่จะพาข้ามไปดูอีกหนึ่งโครงการในเครือ Land and House ซึ่งก็คือ The Room สาทร-ถนนปั้นนั่นเอง อีกคอนโด ​High Rise ที่ยังคงอยู่ในศูนย์กลางแหล่งธุรกิจของเมืองกรุง และเกาะติดแนวรถไฟฟ้าด้วย การเดินทาง โครงการ The Room สาทร-ถนนปั้น ตั้งอยู่กลางๆ ซอยถนนปั้น ซอยนี้จะเชื่อมถนนสาทรและถนนสีลมไว้ด้วยกัน ดังนั้นเราจึงสามารถเลือกเส้นทางเข้าออกได้สองทาง ถ้ามาจากแยกสุรศักดิ์ก็เลยมาอีก 500 เมตรโดยประมาณ ก็จะเห็นซอยถนนปั้นอยู่ทางซ้ายมือ หรือถ้ามาทางถนนสีลมก็ให้สังเกตุวัดพระศรีมหาอุมาเทวีหรือวัดแขกให้ดี เจอวัดแขกก็เลี้ยวเข้าซอยถนนปั้นไปได้เลยครับ การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ดูจะสะดวกมาก เพราะเราสามารถเลือกใช้ถนนสายหลักได้ทั้งสองเส้นทาง ด่านทางด่วนก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่ทั้งทางฝั่งสีลม และทางแยกสุรศักดิ์ จะไปไหนมาไหนก็ไม่ยากเลย ข้ามไปฝั่งธนบุรีแค่กลับรถก็มีสะพานตากสินอยู่ใกล้ๆ หรือวิ่งตามถนนสาทรไปก็เลี้ยวไปพระราม 3 แยกไปออกพระราม 4 หรือจะตรงไปเข้าถนนวิทยุก็ได้อีก แต่ที่ต้องกังวลมากหน่อยก็คือ ปัญหารถติดบนถนนสาทรที่ติดขึ้นชื่อ โดยเฉพาะในช่วงที่เปิดเทอม เวลาเข้าเรียน และตอนเย็นๆ ใกล้เลิกเรียนที่บรรดาผู้ปกครองมาจอดรถรอรับลูกกันเป็นแถวยาว ซึ่งรถก็จะติดต่อเนื่องกันไปอีกหลายช่วงโมง เพราะไหนจะได้เวลาเลิกงานคนแย่งกันกลับบ้านอีก บนท้องถนนจึงเต็มไปด้วยปริมาณรถอันหนาแน่น จะหนีไปทางถนนสีลมก็ยังคงเจอรถติดหนักไม่แพ้กัน เอาเป็นว่าต้องทำใจไว้ล่วงหน้าเลย ยังไงก็ต้องเจอกับปัญหารถติดแน่ๆ สำหรับที่อยู่อาศัยในย่านนี้ ส่วนการเดินทางที่ง่าย สะดวก และน่าจะช่วยประหยัดเวลาได้มากที่สุดสำหรับคนเมืองก็คือรถไฟฟ้า สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่อยู่ใกล้ตัวโครงการที่สุดคือ สถานีสุรศักดิ์ ลงจากตัวสถานีแล้วเดินต่อเข้ามาในซอยถนนปั้นอีกไม่เกิน 500 เมตรเท่านั้น ด้วยระยะทางขนาดนี้ยังถือว่าสะดวกมากครับ ไม่ต้องต่อรถให้ยุ่งยากอีก ถือว่าได้ออกกำลังกายอีกเล็กๆ น้อยๆ เพียงแต่ว่าถ้าเจอช่วงหน้าฝนคงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ นอกเหนือจากนี้การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเช่นกัน แค่เดินออกมาทางปากซอย จะเลือกทางฝั่งถนนสาทร หรือฝั่งถนนสีลมก็ได้ทั้งนั้น ถนนทั้งสองเส้นมีรถเมล์วิ่งผ่านเยอะแยะหลายสาย รถสามล้อ แท็กซี่ก็เยอะ แถมยังมีรถสองแถวแดงอีก แต่ถ้ายังสะดวกรวดเร็วไม่พอก็คงต้องใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างแถวๆ หน้าโครงการกันไปเลย เราเริ่มจาก BTS สุรศักดิ์ เลยนะครับ เราต้องออกมาทางที่ 3 ฝั่งเดียวกับโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เดินมาเรื่อยๆ ก็เจอโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เวลานี้ยังเงียบสงบอยู่ครับ เพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน จากตัวสถานี BTS เดินผ่านซอยประมวลมานิดหน่อยก็ถึงถนนปั้นแล้วล่ะครับ ฝั่งตรงข้ามถนนปั้นจะเป็นโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ บรรยากาศในช่วงปากซอยอาจจะดูไม่คึกคักเท่าไหร่นะครับ แต่พอเข้ามาในซอยเรื่อยๆ ก็เริ่มจะมีผู้คนพลุกพล่านมากขึ้น ต้นไม้ในซอยก็ให้ความร่มรื่นดี ก่อนจะถึงโครงการก็มีตึกแถวเปิดเป็นร้านอาหารอยู่ด้านล่าง ถึงแล้วครับ ที่ตั้งโครงการ The Room สาทร ด้านหน้าโครงการกว้างประมาณ 40 เมตร วันนี้เราเข้าไปทำการรีวิว ตัวโครงการก่อสร้างไปได้มากแล้วนะครับ วิเคราะห์ทำเลรอบโครงการ ด้วยความที่โครงการ The Room สาทร-ถนนปั้น ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมือง บรรยากาศโดยรวมจะค่อนข้างพลุกพล่านในช่วงวันธรรมดา และค่อนข้างเงียบในหยุด แต่โชคดีหน่อยที่ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีร้านค้า ร้านอาหาร ที่พักอาศัย อพาร์ทเม้นท์ และอาคารสำนักงานอยู่รวมกัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยน่าห่วงเรื่องอาหารการกินเท่าไหร่ เพราะช่วงกลางวันก็มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน รวมถึงรถเข็น แผงลอยอีกพอสมควร ยิ่งถ้าค่อนออกไปทางฝั่งถนนสีลมด้วยแล้วยิ่งหายห่วง เพราะใกล้ๆ วัดแขกก็มีร้านอาหารเจ้าดังอีกหลายร้าน โดยเฉพาะอาหารแขกก็มีให้เลือกหลายร้านแล้ว ตลาดสดก็อยู่ในซอยฝั่งตรงกันข้าม ในระยะซัก 300 เมตร จากวัดแขกก็มีทั้งโรงแรมนารายณ์ โรงแรมพลูแมน คอมมูนิตี้มอลอย่าง บ้านสีลม ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสีลม และร้านอาหารนานาชาติอีกเพียบ เรียกได้ว่าฝั่งสีลมนี่คึกคักพึ่งพาได้ดีที่สุด ส่วนฝั่งถนนสาทรก็จะเน้นไปทางร้านอาหารใหญ่หน่อย ร้านฮิปๆ หรือนั่งกินกันเป็นเรื่องเป็นราว อาหารข้างทาง แผงลอยไม่ค่อยมีให้เห็น ในขณะเดียวกันในซอยถนนปั้นก็มีร้านสะดวกซื้ออยู่เยื้องๆ กับโครงการ ดังนั้นถ้าเอาสะดวกและง่ายเข้าว่า ก็มีที่ให้พึ่งพายามหิวแบบ 24 ชั่วโมง นอกเหนือจากเรื่องอาหารการกินแล้ว สาธารณูปโภคอื่นๆ ก็มีครบครันเช่นกัน โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนก็อยู่ใกล้มากๆ โรงพยาบาลเซนหลุยส์ก็อยู่ฝั่งตรงข้ามซอยด้านถนนสาทรใต้ ซึ่งมีทั้งโรงเรียนและโบสถ์ สถานฑูตพม่าก็อยู่แค่ปากซอยถนนปั้น อันนี้แค่ในบริเวณรอบๆ ซอยเท่านั้นนะครับ แต่ถ้านับรัศมีให้กว้างออกไปอีก ก็ยังมีสถานที่สำคัญอีกเพียบ เช่น สถานีตำรวจ โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน โรงเรียนเอกชน โรงแรมดัง ห้างสรรพสินค้า และ อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ฯลฯ ด้วยทำเลแถบนี้ที่เป็นศูนย์กลางหลายๆ อย่าง จึงเพียบพร้อมมากๆ ในขณะที่บรรยากาศในซอยก็ค่อนข้างเงียบสงบกว่าบริเวณถนนใหญ่ เหมาะกับการพักผ่อนอาศัยอย่างยิ่ง ซึ่งเราก็ไปเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ มาฝาก เผื่อใครที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับพื้นที่จะได้เห็นภาพได้มากขึ้นครับ ฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็นตึกแถวมีร้านทำฟัน มีแฟมิลี่ มาร์ท อยู่ด้านล่าง เดี๋ยวเราเดินดูบรรยากาศในซอย ฝั่งที่จะทะลุออกไปทางสีลมกันต่อ เลยจากโครงการมานิดหน่อยจะมีคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ชื่อคอนโด ปภาดา สีลม เดินเข้าไปเรื่อยๆ บรรยากาศทั้ง 2 ข้างทางจะเป็นตึกแถว มีร้านค้า ร้านอาหาร เยอะเลยครับ คอนโดอีกโครงการที่อยู่ในซอยนี้ โครงการ The Treasure เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ออกมาถึงปากซอยด้านถนนสีลม จะมี 7-11 อยู่ด้วย ร้านค้าช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายพวงมาลัย เพราะอยู่ใกล้วัดแขก ออกมาถึงฝั่งถนนสีลมแล้วบรรยากาศจะคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งฝั่งถนนปั้นและฝั่งตรงข้าม เพราะจะมีผู้คนเดินทางมาวัดแขกกันแทบจะตลอดทั้งวัน นอกจากร้านขายดอกไม้แล้ว ก็ยังมีขายอาหารด้วยนะครับ ฝั่งตรงข้ามถนนปั้น คือซอยสีลม 20 จะมีตลาด มีของกินให้เลือกเยอะแยะเลยครับ ตลาดฝั่งตรงข้ามถนนปั้น มีของกินเพียบเลยครับ ทั้งอาหารคาว หวาน และผลไม้ ทางซ้ายจากถนนปั้นออกมาที่ถนนสีลมมุ่งหน้าไปทางถนนเจริญกรุง ทั้ง 2 ข้างทางจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคาร โรงแรม และคอมมูนิตี้ มอลล์ อย่างบ้านสีลม ส่วนด้านขวาจะมุ่งหน้าไปทางศาลาแดง ก็มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรมต่างๆ ทั้งโรงแรมนารายณ์ โรงแรมฟูราม่า และโรงแรม Pullman ภาพรวมตัวโครงการ โครงการ The Room สาทร-ถนนปั้น เป็นคอนโด High Rise อย่างที่บอกไปแล้ว ตัวตึกสูง 25 ชั้น มีจำนวน 219 ยูนิต แบ่งแบบห้องหลักๆ เป็น 2 Type คือ 1 Bed Room และ 2 Bed Room ซึ่งขนาดห้องเริ่มต้นประมาณ 40 ตร.ม. ไปจนถึง 85 ตร.ม. แน่นอนว่าแต่ละห้องก็มีรายละเอียดปลีกย่อยกันไป อันนี้ก็ต้องไปดูกันตามแปลน และตำแหน่งห้องกันอีกที แบบห้อง Standard 1 ห้องนอน ขนาด 46.8 ตารางเมตร แบบห้อง Extra 1 ห้องนอน ขนาด 50.1 ตารางเมตร แบบห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 78 ตารางเมตร หน้าโครงการหันไปทางทิศตะวันออกนะครับ ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น แล้วก็มีคอนโด / อพาร์ทเม้นท์สูง 7-8 ชั้น และสูงประมาณ 20 ชั้นอีกตึก ซึ่งอยู่เยื้องๆ ไปทางซ้ายและขวา ไม่ได้อยู่ตรงข้ามโครงการเป๊ะ ดังนั้นเลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องบังวิวในระยะประชิดเท่าไหร่ ทิศอื่นที่เหลือรอบๆ ก็ไม่ค่อยน่าห่วงเรื่องถูกบล็อควิว เว้นแต่ฝั่งทิศใต้ ที่กำลังมีการก่อสร้างอาคารสำนักงานอยู่ ซึ่งน่าจะสูงประมาณ 7 ชั้น ห้องพักทางฝั่งนี้ที่อยู่ต่ำกว่าชั้น 8 หรือ 9 ลงมาก็คงเสียเปรียบเรื่องวิวไปเลยนะครับ เวลาเรื่องตำแหน่งห้องก็ลองพิจารณาให้รอบคอบก่อนก็ดีครับ ในส่วนของ Facilities ทางโครงการก็จัดมาสมน้ำสมเนื้อครับ ตั้งแต่เรื่องที่จอดรถที่จัดไว้ที่ชั้น 1-5 นับรวมจอดซ้อนคันแล้วก็เห็นว่าจอดได้ถึง 80% เลยทีเดียว นับว่าเยอะดีครับ พื้นที่ส่วนกลางส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้น 23-24 ทั้งสระว่ายน้ำที่ทางโครงการว่าเป็นระบบโอโซน ห้องออกกำลังกาย ห้องสมุด และห้องประชุม แถมด้วยพื้นที่สีเขียวที่เป็นสวนในบริเวณชั้น 1 โดยภาพรวมแล้วถือว่าทางโครงการจัดมาเต็มที่เหมือนกันนะครับ แต่ถ้าจะเอาให้ชัวร์ต้องลงไปดูรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งเรื่องขนาดของสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ว่าจะสามารถรองรับลูกบ้านได้มากแค่ไหน นอกเหนือจากนี้ก็เป็นระบบรักษาความปลอดภัยแบบมาตรฐานทั้ง Keycard Access, Digital Door Lock ฯลฯ ส่วนรายละเอียดและภาพเพิ่มเติมเราจะมีรีวิวแบบทุกซอกทุกมุมมาให้ชมกันอีกครั้งครับ ชั้น 6-21 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด ชั้น 23 จะเป็นสระว่ายน้ำ และมีส่วนของห้องพักอาศัยอยู่ด้วย ประมาณ 7 ห้อง หน้าตาของสระว่ายน้ำบนชั้น 23 เลื่อนขึ้นมาที่ชั้น 24 จะเป็นส่วนของ Fitness และห้องประชุม จะมีห้องพักอาศัยอยู่ที่ชั้นนี้ด้วย 4 ห้อง ส่วนชั้นบนสุดที่ชั้น 25 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด จำนวน 8 ห้อง
Whizdom Connect Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Whizdom Connect Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Whizdom Connect Sukhumvit คอนโด High Rise สูง 41 ชั้น บนถนนสุขุมวิท ใกล้ BTS ปุณณวิถี โครงการใหม่จาก Magnolia รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   3,080,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 110,000 บาท เจ้าของโครงการ   Magnolia Quality Development Corporation Limited ลักษณะคอนโด   High Rise สูง 41 ชั้น จำนวนห้อง   673 ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   5 - 0 - 4 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ที่จอดรถ   ประมาณ 299 คันคิดเป็น 44% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 53% เริ่มก่อสร้าง   ปี 2558 สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ ปิยะรมย์ สปอร์ต คลับ ซีคอน สแควร์ พาราไดซ์ พาร์ค โลัส อ่อนนุช ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.90 – 29.80  ตารางเมตร Flexi Room ขนาด 38.30 – 64.60 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 62.80 – 71.80 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 81.60 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Garden on the ground floor Lobby Sky Connect Lift Social Connection Lounge Social Connection Terrace Fitness Activities Room Swimming Pool Passenger Lift Wifi Internet at Lobby, multi-purpose room and swimming pool area สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-789-9999 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.mqdc-whizdom.com
Maestro 01 เย็นอากาศ : รีวิวคอนโด

Maestro 01 เย็นอากาศ : รีวิวคอนโด

Maestro 01 เย็นอากาศ คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ในซอยเย็นอากาศ โครงการใหม่จาก Major Development รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   4,500,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 150,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เอสเตท จำกัด ลักษณะคอนโด   Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง   88 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 0 - 04 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ซอยเย็นอากาศ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ ที่จอดรถ   ประมาณ 76% (รวมจอดซ้อนคัน) ค่าบำรุงส่วนกลาง   50 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน   500 บาท/ตารางเมตร เริ่มก่อสร้าง   เดือนมิถุนายน 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   เดือนธันวาคม 2559 สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงพยาบาลบีเอ็นเอช โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เซ็นทรัล สีลมคอมเพล็กซ์ เซ็นทรัล พระราม 3 ท๊อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต เทสโก้ โลตัส วิลล่า มาร์เก็ต โรงแรมบันยันทรี โรงแรมสุโขทัย โรงแรมดับเบิ้ลยู โรงแรมเมโทรโพลิแทน โรงแรมดุสิตธานี สถานเอกอัครราชทูต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย สถานเอกอัครราชทูตออสเตรีย สถานเอกอัคราชทูตออสเตรเลีย สถานเอกอัครราชทูตเบลเยียม สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 33.5 – 50.5 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ขนาด 68 – 71 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ดูเพล็กซ์ ขนาด 100 ตารางเมตร 3 ห้องนอน ขนาด 135 – 165 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก ชั้น 1 The Grande Lobby (ล็อบบี้) Mezzanine Exclusive Lounge (พื้นที่รับรองแขกชั้นลอย) Private Mail Box Secure Bike Rack (แร็คจอดจักรยาน) Guard House Launderette ชั้น 2 Marvelous Recreation Pool Revitalized Stream-Sauna Private Changing Room Rooftop Revived Clubroom (คลับรูมอเนกประสงค์) Exquisite Fitness Lounge Peaceful Yoga Lawn Amusing playground Enjoyable BBQ Area Tranquil Pavilion Others Shuttle Service  24/7 Wireless internet  24/7 Security service สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-287-2299 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.mde.co.th
Q Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Q Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Q Sukhumvit (คิว สุขุมวิท) คอนโดหรู ระดับ Super Luxury สูง 42 ชั้น ติด BTS นานา โครงการใหม่ล่าสุดจาก Q House รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   26.3 ล้านบาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 300,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท อควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด   High Rise สูง 42 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง   273 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   3 - 1 - 68 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ ค่าบำรุงส่วนกลาง   85 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน   700 บาท/ตารางเมตร ที่จอดรถ   645 คัน คิดเป็น 236% แบบ Fix ที่ตามแบบและขนาดห้อง เริ่มก่อสร้าง   ปลายเดือนมีนาคม 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปลายปี 2561 สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS นานา สถานฑูตสวีเดน โรงแรม Landmark Bangkok โรงแรม Amari Boulevard Bangkok โรงแรม Sofitel Bangkok Sukhumvit ลักษณะห้องและขนาดห้อง 2 ห้องนอน ขนาด  92 – 125 ตารางเมตร 3 ห้องนอน  ขนาด 147 – 204 ตารางเมตร 4 ห้องนอน  ขนาด  288 – 296 ตารางเมตร Penthouse  ขนาด 350 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่า สระจากุซซี่ในร่มและกลางแจ้ง ไวน์บาร์ บาบีคิว สกายเลาจน์ ออนเซน สวนสวยในอาคาร ห้องอเนกประสงค์ ห้องสมุด ห้องประชุม ที่จอดรถ super car ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสากลตลอด 24 ชั่วโมง มี CCTV และคีย์การ์ด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1388 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.qh.co.th
Ashton Chula – Silom : รีวิวคอนโด

Ashton Chula – Silom : รีวิวคอนโด

Ashton Chula - Silom คอนโดหรู สูง 56 ชั้น โครงการใหม่ล่าสุดจากอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ บนถนนพระราม 4 ใกล้ MRT สามย่าน รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   5,900,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 250,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด   High Rise สูง 56 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง   1,182 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   4 - 3 - 66.90 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนพระราม 4 แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สามย่าน จามจุรี แสควร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา วัดหัวลำโพง มาบุญครอง เซ็นเตอร์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 24.5 - 34.5 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 55 - 65 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการกว่า 1 ไร่ Social Club สระว่ายน้ำ Fitness Sky Lounge Access Key Card ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.ananda.co.th
The Bangkok Sathorn : รีวิวคอนโด

The Bangkok Sathorn : รีวิวคอนโด

ก่อนหน้านี้เราเคยรีวิวทำเล ในย่านสาทรกันมาแล้ว ซึ่งจะเห็นว่าหัวมุมถนนสาทร บริเวณแยกสุรศักดิ์มีโครงการหรูอย่าง The Bangkok Sathorn แบรนด์ Hi-End ของ Land and House คราวนี้เราเลยเก็บเอาข้อมูลโครงการมาฝาก เผื่อใครที่กำลังสนใจตัวโครงการ The Bangkok Sathorn อยู่จะได้ใช้ประกอบการพิจารณาเบื้องต้นกันได้บ้าง การเดินทาง การเดินทางมายังโครงการ The Bangkok Sathorn จัดว่าสะดวกมากๆ สำหรับคนเมือง เพราะมีให้เลือกได้หลายวิธี ซึ่งจุดเด่นเลยก็คือการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS โดยสถานีสุรศักดิ์อยู่ตรงหน้าโครงการพอดิบพอดี เดินออกจากตัวโครงการมาไม่กี่ก้าวก็ถึงบันไดทางขึ้นสถานีแล้ว การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงจัดว่าเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และกำหนดเวลาได้แน่นอนที่สุด ไม่ว่าจะข้ามไปยังฝั่งธนบุรี หรือเดินทางเข้าสู่ในกลางเมืองก็ง่ายแสนง่าย แบบไม่ต้องเสียเวลาปวดตับกับปัญหารถติดให้มากความ แผนที่โครงการ การเดินทางที่สะดวกที่สุดในย่านนี้ก็คงหนีไม่พ้นรถไฟฟ้า BTS นี่แหละครับ สถานีที่ใกล้ที่สุดก็คือสถานีสุรศักดิ์ มองจากรถไฟฟ้าไปจะเห็นตัวโครงการ The Bangkok ที่กำลังก่อสร้างอยู่เลยครับ นี่แหละครับการจราจรด้านล่าง ดีนะเรานั่ง BTS มา โครงการจะอยู่ฝั่งเดียวกับอาคาร Thai CC ลงมาแล้วเดินมาอีกนิดหน่อยก็จะถึงตัวโครงการแล้วครับ เห็นชื่อโครงการ The Room สาทร อยู่ด้วยก็อย่างเพิ่งงงนะครับ เพราะสำนักงานขายของโครงการ The Room สาทร ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย ส่วนใครที่ยังติดกับการเดินทางด้วยรถส่วนตัว เส้นทางบนถนนสาทรใต้โซนนี้ก็จัดว่าเดินทางได้สะดวกไม่แพ้กัน แต่จะติดปัญหามากหน่อยก็ตรงปัญหารถติดบริเวณแยกสุรศักดิ์ที่หนักหนาเอาการ จะว่าไปแล้วตลอดทั้งถนนสาทรก็มีปัญหารถติดเป็นประจำอยู่แล้วตลอดทั้งเส้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าและเย็น ยิ่งในช่วงที่เปิดภาคเรียนด้วยแล้ว รับรองว่าติดตั้งแต่เช้ายันสาย และตั้งแต่บ่ายยังค่ำกันเลยทีเดียว ข้อเด่นอีกอย่างของทำเลที่ตั้งโครงการนี้ก็คือ อยู่ใกล้ด่านทางด่วน แค่คุณลูกบ้านของโครงการเลี้ยวซ้ายออกมาตรงแยกสุรศักดิ์แล้วเลี้ยวเข้าถนนเจริญราษฏร์ ก็จะเจอด่านขึ้นทางด่วนศรีรัช ด่านสาทร ข้ามไปฝั่งดาวคะนอง หรือบางนาได้สบายๆ สำหรับเส้นทางการเดินทางบนถนนสาทรซึ่งเป็นถนนใหญ่ การมายังหน้าโครงการทำได้หลายทาง เช่น จากฝั่งพระราม 3 สามารถใช้ถนนเจริญราษฎร์เป็นหลัก พอมาสุดที่แยกถนนสาทรแล้วก็ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสาทรเหนือ ผ่านไปกลับรถตรงที่กลับรถใกล้ๆ ตึกหุ่นยนต์ แล้วตรงมายังแยกสุรศักดิ์อีกครั้ง หรือถ้าข้ามมาจากสะพานตากสิน ก็ให้ตรงมาบนถนนสาทรเหนือ แล้วมากลับรถที่จุดเดียวกันนี่แหละครับ แต่ถ้ามาจากฝั่งถนนวิทยุ ก็ให้วิ่งมาตามถนนสาทรใต้ รวมถึงมาจากแยกนราธิวาสฯ-สาทร พอเลี้ยวเข้าถนนสาทรใต้แล้ว ก็ตรงมายังตัวโครงการได้เลย ทีเหลือนอกจากนี้ก็เป็นเส้นทางย่อยในซอยเล็กซอยน้อย ซึ่งถ้าพอจะคุ้นเคยกับเส้นทางในระแวกนี้อยู่แล้ว หรืออยู่ๆ ไปซักพักก็คงจะเริ่มชินเส้นทาง และหาเส้นทางเลี่ยงอื่นๆ ได้อีกหลายทาง ยกตัวอย่างเช่น ซอยเซ็นหลุยส์ (ซอยสาทร 11) ที่เชื่อมไปออกถนนจันทน์ หรือถนนปั้นที่เชื่อมถนนสาทร กับถนนสีลมเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงถนนสุรศักดิ์ที่ตรงมาจากถนนพระราม 4 ผ่านถนนสี่พระยา ถนนสุรวงศ์ ถนนสีลม มาจนถึงแยกสุรศักดิ์ เป็นต้น แผนที่รอบๆ โครงการ การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวผมขอเริ่มจากถนนพระราม 4 เราจะมาเลี้ยวซ้ายตรงแยกวิทยุ เพื่อเข้าถนนสาทรใต้กันเลยนะครับ เลี้ยวซ้ายมาแล้วจะเจอตึก Q House ลุมพินี อยู่ด้านซ้ายมือ ถา้ใครเข้าผิดช่องขึ้นสะพานข้ามแยกไป ก็จะไปทางศาลาแดงเลยครับ พอเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาทรใต้แล้ว ครวานี้ก็ตรงยาวเลยครับ ตรงมาจนถึงแยกสาทร เราก็ตรงไปอีกครับ มาจนถึง BTS สถานีสุรศักดิ์ ก็ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าโครงการได้เลยครับ เลยตัวสถานีรถไฟฟ้ามานิดเดียวก็ถึงโครงการแล้วครับ นอกเหนือจากนี้ก็คือการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ซึ่งหน้าโครงการก็มีให้เลือกใช้บริการได้ตั้งแต่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถสองแถว รถเมล์ รถตุ๊กตุ๊ก และรถแท็กซี่ แทบจะตลอด 24 ชั่วโมง วิเคราะห์ทำเลรอบโครงการ ทำเลที่ตั้งโครงการอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมือง บริเวณรอบๆ จะมีบรรยากาศแบบเมืองใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม และตึกสูงเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่โชคดีที่โครงการ The Bangkok Sathorn ยึดพื้นที่หัวมุมถนน ทางด้านทิศตะวันตกซึ่งติดกับถนนเจริญราษฎร์จึงเป็นมุมที่มีวิวในมุมกว้างที่สุด ถ้าอยู่ในชั้นสูงๆ ก็อาจจะสามารถเห็นวิวไกลไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยาเลยทีเดียว นอกเหนือจากนี้ห้องส่วนใหญ่ก็ได้วิวสวยๆ ของในเมืองกันแบบเต็มๆ ตา พื้นที่บริเวณรอบๆ โครงการบรรยากาศคึกคักมากๆ ครับ โดยเฉพาะในวันธรรมดา เนื่องจากอยู่ในย่านที่มีอาคารสำนักงานเป็นจำนวนมาก รวมถึงยังใกล้ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล และมีชุมชนเก่าแก่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก รถราและผู้คนจึงขวักไขว่แทบทั้งวัน ถัดออกไปทางสถานีรถไฟฟ้าอีกนิดก็จะเป็นอาคาร Thai CC ร้านอาหารไทย Blue Elephant และโรงแรม Eastin ส่วนฝั่งตรงข้ามก็มีโรงแรม Mode Sathorn และอาคารสำนักงาน รวมถึงโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนด้วย ที่ว่ามาทั้งหมดนี้อยู่ในระยะที่ยังไม่พ้นสถานีรถไฟฟ้าดีเลยนะครับ ยังแวดล้อมด้วยสถานที่สำคัญๆ มากขนาดนี้ และถ้าเลยไปทางแยกถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ความพรั่งพร้อม และความเจริญแบบใจกลางเมืองก็จะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น เอาเป็นว่าแค่ระยะห่างจากโครงการไม่เกิน 2 กิโลเมตร ก็มีทั้งแหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล ให้เลือกเพียบ รวมถึงอาคารสำนักงานใหญ่ๆ สถานฑูต แถมด้วยวัดวาอารามก็แวดล้อมอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย ความเพียบพร้อมในเรื่องทำเลจึงหายห่วงได้เลยครับ อาคาร Thai CC เป็นอาคารสำนักงานที่อยู่ใกล้โครงการที่สุด ขยับออกมาอีกหน่อยก็จะเป็นโรงแรม Eastin ตึกเหลืองๆ นี่คือตึก King Royal Garden Inn มี Family Mart และร้านขายของอยู่หน้าตึกให้พอฝากท้องได้บ้าง โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน จะอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ ที่ติดกับโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนมีโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่คือโครงการ Diplomat Sathorn ของ KPN Group แต่ถ้าใครที่ยังติดบรรยากาศแบบชุมชนอยู่หน่อยๆ เลยไปทางฝั่งบางรัก บนถนนเจริญกรุงก็ยังคงได้บรรยากาศของชุมชมดั้งเดิม มีทั้งตลาดสด และร้านอาหารเจ้าดังให้เลือกอร่อยอีกเพียบ รวมถึงฝั่งถนนจันทน์ก็ได้อารมณ์ย่านชุมชนไม่ต่างกันครับ (ดูทำเลฝั่งถนนจันทน์เพิ่มเติมได้ที่นี่ Click!!) แต่ด้วยความที่ทำเลตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นใจกลางเมืองมากๆ บรรยากาศจึงคึกคัก และรถติดหนักในวันธรรมดาแทบจะตลอดทั้งวัน กลับกันที่วันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์บรรยากาศรอบๆ จะเงียบเหงาขึ้นมาทันตา อาหารการกินแบบง่ายๆ ในรูปแบบ Street Foods ร้านค้าแผงลอย อาจจะหาที่พึ่งพายากหน่อย จะซื้อกับข้าวกับปลาแบบง่ายๆ อาจจะต้องขับรถ นั่งรถไปที่บางรักน่าจะมีหวังให้ฝากท้องได้ง่ายกว่า รวมถึงราคาก็ย่อมเยากว่าฝั่งสีลมเป็นไหนๆ แต่ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหนก็อาจจะต้องคำนวนเส้นทางกันนิดหน่อย จะเลี้ยวแยกไหน กลับรถฝั่งไหน เข้าซอยไหนดี เพราะถ้าขับเลยหรือเลี้ยวผิดอาจได้กลับรถกันหลายรอบ แต่ถึงยังไงระยะทางที่ต้องไปกลับรถก็ไม่ได้ไกลมากไปกว่าต้องเจอปัญหารถติดหนักหรอกครับ ภาพรวมตัวโครงการ มาถึงตัวโครงการกันบ้าง The Bangkok Sathorn เป็นโครงการ High Rise สูง 50 ชั้น ที่ออกแบบมาให้ห้องส่วนใหญ่ของทางด้านทิศตะวันตกเปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ แต่ก็คงต้องเป็นชั้นที่สูงๆ ขึ้นไปหน่อยนะครับ เพราะถึงจะไม่มีตึกสูงตั้งประชิดในด้านนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีตึกสูงอยู่ในระยะที่สามารถบังวิวเลยซะทีเดียว รายละเอียดของตัวโครงการแบบคร่าวๆ ตอนนี้คาดว่าโซนด้านหน้าบริเวณชั้นล่างของโครงการ ทาง Land and House จะจัดสรรให้เป็นส่วนของ Retail ซึ่งทางโครงการจะเป็นผู้บริหารเอง คาดว่าจะมีทั้ง Super Market ร้านอาหาร ร้านซักรีด หรือร้านกาแฟ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกบ้านให้มากขึ้น มาดูแปลนที่ชั้น G กันก่อน นอกจาก Lobby และก็อย่างที่บอกนะครับว่าจะมี Super Market ร้านกาแฟ และร้านอาหารต่างๆ อยู่ที่ชั้นนี้ ที่ชั้น 3-5 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด รวมแล้วจอดได้ประมาณ 120% หน้าตาของ Lobby ด้านของ  Facilities ก็จัดมาแบบเต็มที่ไม่แพ้กัน ด้วยส่วนหนึ่งเป็นเพราะแบรนด์ของโครงการที่ต้องการโชว์ความหรูหรา อลังการ ส่วนกลางจึงมีทั้ง สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ห้องฟิตเนส ห้องโยคะ ห้องซาวน่า และห้องสตรีม โดยพยายามจัดให้พื้นที่ส่วนกลางต่างๆ มีน้ำล้อมรอบประหนึ่งว่าอยู่บนเกาะอย่างไงอย่างงั้น ส่วนที่จอดรถก็มีมากขึ้น 120% แบบยังไม่รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งทางโครงการสร้างอาคารจอดรถแยกออกมาต่างหาก ในขณะที่ชั้นบนสุดของอาคารจอดรถยังทำเป็นสวนขนาดใหญ่ คุยว่าสามารถปลูกต้นไม้ใหญ่ๆ เพื่อให้ความร่มรื่นแก่ลูกบ้าน อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อไปยังส่วนต่างๆ ของส่วนกลางในตึกพักอาศัยได้ด้วย ชั้น 6 จะเป็นชั้นบนสุดของอาคารจอดรถ จะมีสวนขนาดใหญ่ ห้องฟิตเนส ห้องโยคะ ห้องซาวน่า และห้องสตรีม อยู่ที่ชั้นนี้ สวนขนาดใหญ่ที่ทางโครงการจะวางไว้บนชั้น 6 ห้องฟิตเนสบนชั้น 6 ต่อมาที่ชั้น 7-29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด ขึ้นมาที่ชั้น 32-32A จะเป็นชั้นที่มีสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge 2 สระอยู่ขนาบทั้ง 2 ข้าง สระว่ายน้ำบนชั้น 32 วิวสระว่ายน้ำอีกสระ สูงขึ้นมาอีกที่ชั้น 34-40 ก็จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยอีกชุดนึงครับ   ส่วนความเหนือระดับในด้านอื่น ทาง The Bangkok Sathorn ก็จัดเตรียมเอาไว้เต็มพิกัดให้สมกับฐานะราคา เรื่องความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย ความสะดวกสบายนับว่ามีพร้อมแทบจะทุกด้านที่สามารถนึกออกเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าโครงการระดับนี้ ห้องที่เปิดมาในขนาดเริ่มต้นที่ 1 ห้องนอนก็มีขนาด เกือบ 60 ตร.ม. แล้วครับ อย่างไรแล้วลองดูรายละเอียดโครงการที่เรารวบรวมมาให้เพื่อทดสอบความสนใจในเบื้องต้นกันก่อน ส่วนบรรยากาศโครงการจริง และห้องตัวอย่าง รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ไว้โอกาสหน้า ทีมงานจะรีบเข้าไปเก็บภาพทุกซอกทุกมุมมาฝากกันครับ
Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว : รีวิวคอนโด

Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว : รีวิวคอนโด

Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว คอนโด High Rise สูง 27 ชั้น โครงการใหม่ล่าสุดจาก Magnolia บนทำเลทองย่านรัชดา-ลาดพร้าว เดินทางสะดวกติด MRT ลาดพร้าว  เปิดให้ชมห้องตัวอย่างและเปิดจองแล้ววันนี้ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   3,650,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 135,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ลักษณะคอนโด   High Rise สูง 27 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง   497 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   3 - 0 - 42 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร  กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2560 สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT ลาดพร้าว ยูเนี่ยน มอลล์ เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ลักษณะห้องและขนาดห้อง Stuido ขนาด 27 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 30 - 38 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 47 - 56 ตารางเมตร Duplex ขนาด 76 - 77 ตารางเมตร Penthouse ขนาด 105 - 129 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Grand Lobby Sky Infinity Edge Swimming Pool Fitness Sky Garden Digital Door Lock Key Card Access 24 hours Security Guards สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-789-9999 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.mqdc.com
The Diplomat 39 : รีวิวคอนโด

The Diplomat 39 : รีวิวคอนโด

The Diplomat 39 คอนโดหรู สูง 31 ชั้น ในซอยสุขุมวิท 39 โครงการใหม่จาก KPN Group ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ รายล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้งใจกลางกรุงเทพ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   ประมาณ 15 – 185 ล้านบาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 277,000 บาท เจ้าของโครงการ   KPN Group Corporation Limited ลักษณะคอนโด   High Rise สูง 31 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง   ประมาณ 156 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 3 - 37 ไร่ ที่จอดรถ   ประมาณ 160 คันในช่องจอด ที่ตั้งโครงการ   ซ.สุขุมวิท 39 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา  กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2562 สถานที่สำคัญใกล้เคียง The Emporium Emquatier Emsphere สวนเบญจสิริ โรงพยาบาลสมิตเวช ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom 2 Bedrooms 3 Bedrooms Duplex Penthouses ขนาดประมาณ 54 – 450 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก The Salon Lounge Business Center Swimming pool The Club Gym Rooftop Garden Outdoor terrace สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-789-9000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.thediplomatcondo.com
บจ.สิรยศ ส่ง “โดว์เช่ อุดมสุข” ลงตลาดรับปีแพะ ด้วยมูลค่าโครงการ 200 ลบ.

บจ.สิรยศ ส่ง “โดว์เช่ อุดมสุข” ลงตลาดรับปีแพะ ด้วยมูลค่าโครงการ 200 ลบ.

บจ.สิรยศ ส่ง “โดว์เช่ อุดมสุข” ลงตลาดรับปีแพะ ด้วยมูลค่าโครงการ 200 ลบ. หลังประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากโครงการบูทีค รัชดา เมื่อหลายปีก่อน ชูจุดขายราคาต้นเพียง 2 ลบ.  เด่นด้วยศักยภาพทำเล 600 ม. จาก BTS อุดมสุข, Fully Furnished บจ.สิรยศ เตรียมส่งโลว์ไลส์คอนโดแบรนด์ “โดว์เช่ อุดมสุข” (Dolce Udomsuk) ลงตลาดอสังหาฯ บนทำเลศักยภาพสูงใกล้บีทีเอสอุดมสุข ประกาศชูจุดขายความเป็นส่วนตัวสูงเพียง 79 ยูนิต ให้ความรู้สึกหรูหราด้วยความสูงจากพื้นถึงเพดานถึง 2.85 เมตร พร้อม Fully Furnished และ Fully built in มูลค่าโครงการกว่า 200 ล้านบาท สนนราคาเริ่มต้นเพียง 2 ล้านบาท มั่นใจเข้าใจลูกค้าทำให้พัฒนาสินค้าดีมีคุณภาพรองรับความต้องการของตลาดได้อย่างแน่นอน เผยใช้ประสบการณ์ความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการบูทีค รัชดา ทั้ง 2 โครงการ ที่สามารถปิดการขายได้ภายใน 30 วัน มาเป็นต้นทุนต่อยอดพัฒนาโครงการใหม่   นายวิจาร คุปติพงศ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิรยศ จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งใส่ใจด้านการออกแบบ และความเป็นอยู่ของลูกค้าเป็นสำคัญ กล่าวถึงการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ภายใต้แบรนด์ “โดว์เช่ อุดมสุข” (Dolce Udomsuk) ว่า “โครงการโดว์เช่ อุดมสุข เป็นโลว์ไลส์คอนโดฯ 7 ชั้น 79 ยูนิต มีมูลค่าโครงการกว่า 200 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นเพียง 2 ล้านบาท ตั้งอยู่บนเส้นสุขุมวิท 103/2 ห่างจากถนนสุขุมวิทสายหลักเพียง 400 เมตร เดินทางสะดวกสามารถทะลุออก บางนาตราด ซอย 1 อุดมสุข 18 และ ถนน ศรีนครินทร์ได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับกลุ่มเป้าหมายของเราแน่นอนว่าเป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องการความเป็นเมืองในราคาที่สามารถจับต้องได้ เพื่อหาพื้นที่ให้ความเป็นส่วนตัวแก่ตัวเองเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงราคาก็จะขยับลงมาสบายกระเป๋ามากกว่าอยู่บนเส้นสุขุมวิทหลัก และอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่เรามองไว้ คือ กลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น เนื่องจากเมื่อเราวิเคราะห์ทำเลแล้วจะเห็นได้ว่าบริเวณนี้เริ่มมีร้านสะดวกซื้อของคนญี่ปุ่น หรือ Lawson ซึ่งสามารถเป็นจุดชี้วัดได้ว่ากลุ่มคนญี่ปุ่นเริ่มมีการขยายตัวจากใจกลางสุขุมวิท 49 ออกมาเรื่อยๆ ดังนั้น กลุ่มญี่ปุ่นเป็นอีกกลุ่มเป้าหมายที่เราจะไม่ทิ้งกลุ่มเป้าหมายของโครงการ สำหรับโครงการนี้เราได้ออกแบบให้เหมาะกับผู้ที่รักความเป็นส่วนตัวเนื่องจากมีจำนวนยูนิตน้อย ไม่พลุกพล่านเมื่อเข้าอยู่อาศัยจริง ทั้งยังให้ความรู้สึกในการอยู่อาศัยที่ไม่อึดอัด เนื่องจากเราออกแบบให้อาคารมีเพียง 7 ชั้น เพื่อที่จะสามารถขยับความสูงของพื้นจรดฝ้าเพดานได้ถึง 2.85 เมตร ซึ่งโดยปกติโครงการทั่วไป อาจจะสูงเพียงแค่ 2.6 เมตรเท่านั้น” สำหรับโครงการโดว์เช่ อุดมสุข เป็นอสังหาริมทรัพย์โครงการที่ 4 ของบริษัท สิรยศ จำกัด โดย 3 โครงการที่ผ่านมา คือ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบูทีค รัชดา และโครงการบูทีค รัชดา 2 ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้เปิดขายเมื่อปี  2549 และสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว โดยโครงการแรกใช้เวลาเพียง 1 เดือน ส่วนโครงการที่ 2 ใช้เวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้นก็สามารถปิดการขายได้แล้ว ส่วนอีก 1 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ ได้แก่ โครงการวิลล่าเจ้าพระยา ใกล้ทางด่วนบางพูน เป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนติวานนท์ ปัจจุบันโครงการแล้วเสร็จและโอนให้ลูกค้าได้เกือบ 100% แล้ว สำหรับโครงการที่พัฒนาโดยสิรยศนั้น เราใช้ประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการคือ การเลือกทำเลที่ดี และพัฒนาสินค้าได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ส่วนหนึ่งที่เรามั่นใจด้านการออกแบบเป็นอย่างมากเนื่องจาก ทางเราเองเป็นกลุ่มบริษัทที่รวมเอาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กับบริษัทอินทีเรียร์ คอนแทร็คแอนด์ดีไซน์เข้าด้วยกัน คือ บริษัท อาร์ทิซติค ฮาร์โมนี จำกัด ตั้งมานานกว่า 15 ปี ทำงานด้านอินทีเรียร์ และบริษัท สิรยศ จำกัด ทำงานด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น เมื่อเรามีบริษัทออกแบบของเราเอง ทั้งยังมีทีมงานการตลาดที่สามารถวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าได้ เราจึงมั่นใจในการออกแบบ และพัฒนาโครงการเป็นอย่างดี “อันที่จริงส่วนตัวผมเองทำงานในวงการอสังหาฯ มาโดยตลอด เป็นเวลานานกว่า 20 ปี ก่อนที่จะมาเปิดบริษัท สิรยศ จำกัด ผมได้ดำเนินการภายใต้บริษัท สเต็ปออฟโมเดิร์น จำกัด มีผลงานการพัฒนาโครงการร่มรื่นการ์เด้น - วังน้อย จ.อยุธยา ระหว่างปี 2537 - 2545 โครงการเป็นบ้านจัดสรรและที่ดินเปล่า ซึ่งเราสามารถพาบริษัทให้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ได้โดยไม่เป็น NPL และจากนั้นเราได้พัฒนาอีก 1 โครงการ คือ โครงการร่มรื่นการ์เด้น – บางปะอิน จ.อยุธยา ระหว่างปี 2547 – 2548 โครงการมียอดขาย 100% ภายใน 2 ปี มูลค่า 600 ล้านบาท ซึ่งแนวราบทั้ง 2 โครงการนี้ เราพัฒนาในนามของ บริษัท สเต็ปออฟโมเดิร์น จำกัด แต่เมื่อราขยับเข้ามาในกรุงเทพ เราพัฒนาในนามของ บริษัท สิรยศ จำกัด โดยพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ และแนวราบ 1 โครงการ คือ บูทีครัชดา, บูทีครัชดา 2  และโครงการวิลล่าเจ้าพระยา ใกล้ทางด่วนบางพูน เป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนติวานนท์ ปัจจุบันโครงการแล้วเสร็จและโอนให้ลูกค้าได้เกือบ 100% แล้ว” นายวิจาร กล่าว   สำหรับโครงการโดว์เช่ อุดมสุข เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 7 ชั้น 1 อาคาร 79 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 200 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการประมาณ 0-3-11 ไร่ มีแบบห้องให้เลือก 2 ขนาด คือ ขนาด 1 ห้องนอน 31 ตร.ม. และขนาด 2 ห้องนอน 67 ตร.ม. มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว, ห้องฟิตเนส, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, ห้องนั่งเล่น และห้องสมุด (Library room)  ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพกลางสุขุมวิท สามารถเดินทางเข้าสู่ CBD หรือใจกลางเมืองเพียง 20 นาที หรือเดินทางไปทองหล่อเพียง 10 นาที ด้วย BTS เส้นหลัก ทั้งยังใกล้กับ Bangkok Mall ทั้งยังสามารถเดินทางไปยังเส้นทางสายตะวันออกได้ด้วย Monorail บางนา – สุวรรณภูมิ อีกด้วย โดยโครงการโดว์เช่ อุดมสุข พร้อมเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2558 ราคาเริ่มต้นเพียง 2 ล้านบาท สำหรับผู้สนใจจองในวันงานจะได้รับโปรโมชั่นพิเศษ คือ. จองเท่าไหร่ ลดเท่านั้น มูลค่าสูงสุดถึง 100,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-399-2220-1 หรือ www.dolcecondo.com อ่านพรีวิวโครงการ Dolce Udomsuk ได้ที่นี่..
HYDE Sukhumvit 11 : รีวิวคอนโด

HYDE Sukhumvit 11 : รีวิวคอนโด

HYDE Sukhumvit 11 คอนโด High Rise สูง 39 ชั้น ในซอยสุขุมวิท 11 โครงการใหม่จาก Grande Asset ใกล้ BTS นานา รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   ประมาณ 5,000,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 185,000 บาท เจ้าของโครงการ   Grande Asset Hotels & Property Public Company Limited ลักษณะคอนโด   High Rise สูง 39 ชั้น 1 อาคาร และ Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง   478 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   2 - 1 - 58 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ซ.สุขุมวิท 11 เขตวัฒนา  กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2561 สถานที่สำคัญใกล้เคียง รถไฟฟ้า BTS นานา Terminal 21 โรงแรม Sofitel โรงแรม JW Marriott Bangkok ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio 27 - 28 ตารางเมตร 1 Bedroom  33 - 34.5 ตารางเมตร 2 Bedroom 47 - 56 ตารางเมตร 3 Bedroom 53 - 63 ตารางเมตร Duplex Loft 60 ตารางเมตร Duplex Penthouse 132 - 160 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Fitness Sky Garden Digital Door Lock Key Card Access 24 hours Security Guards สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  094-405111 หรือ 02651-1919 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  hydesukhumvit.com
สำรวจทำเลคอนโดย่านซอยอารีย์ : รีวิวคอนโด

สำรวจทำเลคอนโดย่านซอยอารีย์ : รีวิวคอนโด

ซอยอารีย์เป็นอีกทำเลหนึ่งที่มีคอนโดผุดขึ้นเยอะพอสมควร จะเรียกว่าเป็นทำเลทองเลยก็ว่าได้ ด้วยทำเลที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายหลัก การเดินทางที่สะดวกสบาย มีแหล่งธุรกิจ ออฟฟิศและหน่วยงานราชการอยู่ใกล้ๆ และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงศูนย์กลางแหล่งช้อปปิ้งอย่างสยาม สำหรับคอนโดในย่านนี้ก็มีหลายแบรนด์ครับ ทั้งโครงการเก่า และโครงการที่กำลังสร้างใหม่ แต่ที่ยืดทำเลในย่านนี้มานานก็จะเป็น Noble Development ที่มีหลายโครงการในซอยอารีย์ทั้ง Noble RE:D, Noble Reform, Noble Revolve Ari, Noble Reflex และ Noble Lite ส่วนแบรนด์อื่นก็จะมี Centric Ari Station จาก SC Asset และในอนาคตเชื่อว่าจะมีขึ้นมาอีกหลายโครงการครับ ดูจากแผนที่จะเห็นว่าคอนโดจะขึ้นหนาแน่นในบริเวณใกล้ๆ ปากซอย โดยเฉพาะในซอยอารีย์ 1 ที่มีโครงการขึ้นติดๆ กันหลายโครงการ แต่จริงๆ แล้วในย่านนี้ไม่ได้มีคอนโดแค่นี้นะครับ ยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระแวกอารีย์ สะพานควาย แต่วันนี้เราสำรวจในวงแคบๆ เฉพาะช่วงต้นซอยอารีย์ ไว้ในโอกาสต่อไปเราจะเก็บรายละเอียดในทำเลใกล้เคียงมาให้ได้ชมกันอีกนะครับ การเดินทางในย่านนี้ถ้าจะให้สะดวกที่สุด ก็ต้องใช้บริการรถไฟฟ้านี้แหละครับ เมือลงรถไฟฟ้ามาแล้ว ถ้าลงทางออก 3 จะเป็นฝั่งซอยอารีย์ ทางออก 4 จะเป็นฝั่ง La Villa La Villa อารีย์ ที่รวมร้านอาหารแจ่มๆ ไว้เยอะเลยครับ ทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารไทย ของหวาน บรรยากาศบริเวณหน้าปากซอยพหลโยธิน 7 หรือซอยอารีย์ คอนโดแรกที่เจอจะเป็นโครงการ Noble Reform ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งอยู่หน้าปากซอยเลยครับ โครงการ Noble Reform คอนโด High Rise สูง 22 ชั้น ทางเดินเข้าไปในซอยจะมีร้านขายของเยอะเลยครับ ทั้งอาหารการกิน และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ แถวนี้เรื่องอาหารการกินนี่หายห่วงเลยครับ มีให้เลือกเยอะมาก ทั้งที่เป็นร้านอาหาร และร้านค้าตามข้างทาง เราเดินมาถึงซอยอารีย์ 1 ทางซ้ายมือ เดี๋ยวเราเข้าไปสำรวจในซอยกันต่อเลยครับ เข้ามาในซอยอารีย์ 1 นิดหน่อยจะเจอทางเดินเข้าไปในตึกแถวแบบนี้ ตรงนี้คือโครงการสนั่นนภา ภายในโครงการสนั่นนภา จะมีร้านอาหารอร่อยๆ อยู่หลายร้านอาทิ ร้านตำมั่ว อารีย์ ร้านก๋วยเตี๋ยว 1000 เส้น และร้านอื่นๆ อีกหลายร้านให้เลือก ในช่วงต้นซอยอารีย์ 1 ก็ยังพอมีร้านขายของอยู่นะครับ เดินเลยเข้าไปอีกหน่อยร้านค้าต่างๆ ก็เริ่มน้อยลงแล้วนะครับ โครงการต่อมาคือโครงการ Noble RE:D Noble RE:D เป็นคอนโด High Rise สูง 23 ชั้น ตัวโครงสร้างเสร็จเรียบร้อย และลูกค้าเข้าอยู่มาได้สักระยะแล้วนะครับ ภายในซอยอารีย์ 1 จะมีร้านกาแฟน่ารักๆ แบบนี้อยู่หลายร้านเหมือนกันครับ Banana Food Park เป็นอีกที่นึงนะครับที่มีร้านอาหารหลายๆ ร้านให้เลือก เดินลึกเข้าไปในซอยอีกจะเจออีก 2 โครงการ คือ Noble Lite และ The Vertical อารีย์ จากแสนสิริ ที่ตั้งอยู่คู่กันเหมือนตึกแฝด มุมนี้มองจากซอยอารีย์ 2 ตัวอาคารของทั้ง 2 โครงการตั้งคู่กันแบบนี้เลย ถัดเข้ามาจะเป็นโครงการใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ คือโครงการ Centric Ari Station จาก SC Asset ตัวโครงการเข้าสู่การก่อสร้างอย่างเต็มรูปแบบ สำนักงานขายที่เคยอยู่ที่นี่ก็ย้ายออกไปแล้วนะครับ โครงการ Centric อารีย์ จะอยู่ติดกับซอยพหลดยธิน 5 หรือซอยราชครู ถ้าเลี้ยวซ้ายเข้าซอยราชครู ก็จะกลับไปออกถนนพหลโยธิน ตรงไปจะยังเป็นซอยอารีย์ 1 อยู่ครับ ทางนี้สามารถไปขึ้นทางด่วนพระราม 6 ได้ เดี๋ยวเราลองตรงไปดูกัน ตรงมาก็เจอร้านอาหารญี่ปุ่นอีก 1 ร้าน ตรงมาอีกหน่อยจะเจอสามแยก เลี้ยวขวาไปจะเป็นซอยพระราม 6 ซอย 30 ตรงสามแยกจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นอีกร้านนะครับ ชื่อร้าน Sato เลี้ยวขวาเข้ามาแล้วจะเป็นถนน 2 เลน เหมือนเดิมนะครับ ขับตรงไปเรื่อยๆ จะผ่านกระทรวงการคลัง ก่อนไปออกถนนพระราม 6 ทีนี้เรากลับมาดูในซอยอารีย์ 2 กันบ้างนะครับ เราจะเริ่มตั้งแต่ท้ายซอยออกไปต้นซอย ภายในซอยอารีย์ 2 ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบ้านพักอาศัย อพาร์ทเม้นท์ และคอนโด The Silk พหลโยธิน - อารีย์ 2 คอนโด Low Rise 8 ชั้น คอนโด Centric Scene อารีย์ 2 อีกหนึ่งโครงการของ SC Asset สำนักงานเขตพญาไท ก็ตั้งอยู่ในซอยอารีย์ 2 ด้วยนะครับ เผื่อใครต้องมาติดต่อธุระที่นี่ บรรยากาศภายในซอยอารีย์ 2 นี่ค่อนข้างเงียบสงบดีนะครับ เราเดินออกมาถึงปากซอยอารีย์ 2 มาพบกับความวุ่นวายอีกครั้ง เดี๋ยวเราเดินเข้าไปในซอยอีกหน่อยดีกว่าครับ ว่าจะมีอะไรอีกรึเปล่า เลยจากซอยอารีย์ 2 มานิดหน่อย จะเจออีกหนึ่งโครงการจาก Noble คือโครงการ Noble Reflex ที่สร้างเสร็จเรียบร้อย เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับบรรยากาศคร่าวๆ ของทำเลย่านอารีย์ ถ้าใครกำลังมองหาคอนโดในย่านนี้อยู่ก็เอาข้อมูลเหล่านี้ช่วยในการพิจารณาได้นะครับ ผมเชื่อว่านอกจากเรื่องรายละเอียดต่างๆ ของคอนโดแล้ว เรื่องทำเลที่ตั้งและสิ่งแวดล้อมรอบๆ โครงการก็สำคัญไม่แพ้กันเลยนะครับ ไว้ในรีวิวฉบับต่อๆ ไป เราจะคัดสรรค์ทำเลที่น่าสนใจมาให้ได้ชมกันอีก อย่าลืมติดตามกันต่อนะครับ ^__^
The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ : รีวิวคอนโด

The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ : รีวิวคอนโด

พรีวิวคอนโดโครงการใหม่วันนี้ เราจะพาไปดูโครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ อีกหนึ่งคอนโด High Rise จาก Land and House ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการอยู่ที่ซอยจันทน์ 18/7 แยก 1 คนในระแวกนี้มักจะเรียกกันติดปากว่า “ซอยเซนต์หลุยส์” หรือถ้าจะให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น ก็ต้องบอกว่าอยู่ท้ายๆ ซอยสาทร 11 นั่นเอง การเดินทาง ถ้าดูจากแผนที่เราจะเห็นได้ว่า ตัวโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่มีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่สะดวกมากๆ เพราะใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน สามารถเข้าออกโครงการได้หลายทาง และถนนรอบๆ ยังเชื่อมต่อถึงกันทำให้มีเส้นทางเลี่ยงลัดเลาะไปออกถนนสายหลักได้อีกหลายเส้นทางเช่นกัน ถ้าใครที่พอจะคุ้นเคยเส้นทางในย่านนี้อยู่แล้วก็น่าจะเข้าใจถนนหนทาง ซอกเล็ก ซอยน้อยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ที่ตั้งโครงการอยู่ถัดเข้ามาจากปากซอยจันทน์ 18/7 ประมาณ 150 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ตรงหัวมุมแยก 1 พอดิบพอดี ถนนหน้าโครงการเป็นถนนในซอยเล็กๆ ซึ่งเชื่อมไปยังซอยจันทน์ 24 หรือซอยเย็นจิตได้อีกด้วย ทำให้เราสามารถเลือกเข้าโครงการได้ทั้ง 2 ซอย โดยเส้นทางหลักๆ ของถนนด้านนี้ก็คือ ถนนจันทน์ ซึ่งเป็นถนนเก่าแก่ที่ตัดผ่านย่านชุมชนที่พักอาศัยดั้งเดิม ยาวไปตั้งแต่ปากตรอกจันทน์ ตัดผ่านถนนเจริญราษฎร์ แยกสาธุประดิษฐ์ และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ไปจนถึงนางลิ้นจี่นู่นเลยครับ ส่วนทางด้านถนนสาทร เราสามารถเลี้ยวเข้าซอยสาทร 11 แล้วตรงมาตามถนนในซอยอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงตัวโครงการครับ ส่วนเส้นทางลัดเลาะออกซอยนั้นเข้าซอยนี้ ก็ยังมีอีกหลายทาง เช่น ทางซอยนราธิวาสฯ 8 และ 10 ที่ตัดมาเข้ากลางซอยได้เลย หรือจะเป็นเส้นทางในซอยเย็นจิตที่สามารถลัดไปออกถนนเจริญราษฎร์ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าใครที่ใช้รถส่วนตัวอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ทำเลในแถบนี้ถือว่าเดินทางได้ง่ายดีครับ ใกล้ใจกลางเมืองและแหล่งชุมชน มีเส้นทางให้ซิกแซกหนีรถติดกันสนุกเลยทีเดียว สำหรับใครที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนท้องถิ่นก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะมีรถสองแถววิ่งผ่านโครงการตลอดทั้งวัน ซึ่งสายหลักๆ ที่น่าจะได้พึ่งพาอาศัยแน่ๆ เลยก็คือ สาย 1256 เพราะวิ่งผ่านโครงการไปออกถนนสาทร และสุดสายที่ท่าน้ำสะพานตากสิน ดังนั้นถ้าต้องการจะไปต่อรถไฟฟ้า BTS ก็สามารถใช้บริการรถสองแถวสายนี้ไปลงยังสถานีสุรศักดิ์ หรือสถานีตากสินก็ได้ครับ แต่ถ้ากังวลกับปัญหารถติดก็ต้องใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างซึ่งตั้งวินอยู่หน้าโครงการเลย รับรองว่ารวดเร็วทันใจแน่ๆ ในขณะเดียวกันก็ยังมีรถตุ๊ก ตุ๊ก และแท็กซี่วิ่งผ่านไปมาขวักไขว่ หาเรียกได้ง่ายมากๆ ชนิดที่ไม่ต้องกลัวถูกโชเฟอร์ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารกันเลย เพราะพลาดคันนี้เดี๋ยวคันหลังก็มีให้โบกตามมาติดๆ หรือถ้าเดินออกมาทางปากซอยจันทน์ 18/7 อีกหน่อย ก็จะเพิ่มทางเลือกในการเดินทางด้วยรถสองแถวได้มากขึ้น เพราะมีสองแถวอีกหลายสายที่วิ่งไปทั้งฝั่งพระราม 3 และฝั่งเจริญกรุง รวมถึงรถเมล์ก็มีกับเค้านะครับ ถึงแม้จะมีแค่สาย 35 วิ่งผ่านมาแค่สายเดียวก็เถอะ ลงทางด่วนถนนจันทน์มาที่ถนนเจริญราษฎร์ แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนจันทน์เลยครับ การเดินทางไปยังโซนต่างๆ ของกรุงเทพจัดว่าสะดวกดีเพราะด่านขึ้นลงทางด่วนอยู่ตรงนี้เลยครับ ถ้าจำกันได้ จากแยกนี้ถ้าตรงไปเราก็จะไปเจอกับโครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ แต่เราลองไปสำรวจทางซ้ายกันบ้างดีกว่า บนถนนจันทน์มี Community Mall เปิดใหม่ ชื่อ Vanilla Moon มีทั้งร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbuck, Max Value และร้านอาหารอีกหลายร้าน ดึกๆ ด้านบนดาดฟ้าก็มี Roof Top Bar ไว้ให้นั่งรับลมชิวๆ ได้ด้วย ซึ่งน่าจะพอให้พึ่งพา และเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ง่ายๆ ของคนในย่านนี้ครับ ทำเลแถบนี้เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ครับ บ้านเรือนส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ร้านค้าจึงเต็มไปหมด แถมด้วยสถาบันการเงินที่มีให้เลือกครบทุกธนาคาร นี่แค่ถนนสายสั้นๆ สายเดียวยังมีธนาคารตั้งติดๆ กันเยอะขนาดนี้ คงไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าทำเลนี้เป็นย่านทำมาค้าขายที่คึกคักมากแค่ไหน ถ้าเราวิ่งตามถนนจันทน์มาเรื่อยๆ จะเจอกับสี่แยกไฟแดงแรกที่ซอยจันทน์ 18/7 หรือที่คนแถวนี้เค้าเรียกกันว่า ซอยเซนต์หลุยส์ แยกนี้ถ้าตรงไปจะไปตัดกับถนนสาธุประดิษฐ์และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ตามลำดับ หรือถ้าเลี้ยวไปทางขวาก็จะเข้าซอยอยู่ดี ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่เก่าแก่ที่อยู่กันมานานแล้ว ส่วนถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปออกถนนสาทรได้ ซึ่งเราจะพาไปดูบรรยากาศในซอยเซนต์หลุยส์กันก่อนดีกว่า พอเลี้ยวซ้ายมาถนนจะเหลือแค่ 2 เลนเล็กๆ แต่ปริมาณรถในซอยนี้ไม่ได้เล็กตามถนนนะครับ เพราะซอยนี้ลัดไปออกถนนสาทร ถนนนราธิวาส และถนนเจริญราษฎร์ได้ รถราเลยขวักไขว่ตลอดทั้งวัน เลี้ยวเข้าซอยจันทน์ 18/7 มาประมาณ 150 เมตร จะเห็นป้ายคอนโด The Room สาทร-เซนต์หลุยส์อยู่ตรงหัวมุมจันทน์ 18/7 แยก 1 ชัดเจน ทางเข้าโครงการอยู่ในซอยจันทน์ 18/7 แยก 1 นะครับ ซึ่งซอยนี้เชื่อมต่อไปถึงซอยจันทน์ 24 หรือซอยเย็นจิตได้ด้วย ดังนั้นทางเข้าออกโครงการนี้จึงเข้าได้ทั้ง 2 ทาง ปัจจุบันตัวโครงการเริ่มทำการก่อสร้างแล้วนะครับ ส่วนสำนักงานขายนั้นจะไปอยู่ที่ถนนเจริญราษฎร์ ใช้สำนักงานขายเดียวกับ The Key สาทร-เจริญราษฎร์ ตรงข้ามกับที่ตั้งโครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ คือสำนักงานเขตสาทร เวลาจะติดต่องานราชการของเขตนี้ก็สะดวกเลย ถ้าใครต้องการความรวดเร็ว ใกล้ๆ คอนโดก็มีพี่วินคอยให้บริการอยู่ด้วยนะครับ ราคาก็ตามป้ายนี้เลย ออกจากจันทน์ 18/7 แยก 1 แล้วเราไปดูในซอยเซนต์หลุยส์กันต่อครับ ในซอยก็เป็นถนนสองเลนตลอดสาย สองฝั่งถนนมีร้านค้า ร้านอาหารเพียบครับ จัดว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ บรรยากาศตอนเช้าๆ และช่วงเย็น การจราจรในซอยจะติดมากหน่อย เพราะในซอยนี้รวมเอาตลาดสด และโรงเรียนใหญ่ๆ ไว้ในซอยเดียวกันเลย ช่วงเช้าถ้าจะรีบไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ก็อาจจะต้องพึ่งพี่วินมอเตอร์ไซค์เพื่อทำเวลากันหน่อย ลึกเข้ามาในซอยเซนต์หลุยส์ก็จะเห็นว่ามีร้านขายของเต็มไปหมด ทั้งคลินิค ร้านขายยา ร้านขายอะไหล่รถ ร้านอาหารริมทาง รวมไปถึงธนาคารสาขาย่อยก็มีมาเปิดในซอยนี้อีกหลายเจ้า รถราในซอยจึงมีมากตลอดทั้งวัน ช่วงกลางๆ ซอยจะเป็นถนนวันเวย์นะครับ เป็นบล็อคเล็กๆ ให้เดินรถทางเดียวเพื่อแยกไปออกถนนสาทร และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ได้ เราเลี้ยวตามทางวันเวย์มาเรื่อยๆ จะเห็นว่าถนนจะแคบลงเล็กน้อย แถมยังมีร้านค้าที่เปิดกันมานานอีกเลยมีรถจอดริมถนนบ้าง การจราจรในซอยอาจจะติดขัดบ้างเป็นบางครั้ง ช่วงถนนวันเวย์สั้นๆ ในซอยเซนต์หลุยส์ซึ่งเต็มไปด้วยร้านเก่าแก่อย่างที่บอกนี่แหละครับ มาถึงตรงนี้ ถ้าเลี้ยวขวาตามทางวันเวย์ไปก็จะกลับไปออกถนนจันทน์เหมือนเดิม หรือแยกไปออกถนนนราธิวาสราชนครินทร์ซอย 10 ก็ได้เช่นกัน แต่เราจะเลี้ยวซ้ายไปออกถนนสาทรกันครับ เลี้ยวมาแล้วบรรยากาศโดยรอบก็จะคล้ายๆ กันครับ มีร้านค้าเต็มสองข้างทาง เป็นย่านชุมชนที่อยู่กันอย่างเหนียวแน่นมายาวนานมาก ช่วงปากซอยสาทร 11 จะมีคิวรถสองแถวจอดรถรับคนด้วย ซึ่งก็เป็นสายเดียวกับที่วิ่งไปรถไฟฟ้าสถานีตากสินนั่นแหละครับ เพียงแต่ขากลับมาจะมีคิวรถรอรับคนตรงนี้อีกช่วงหนึ่ง นอกจากคิวสองแถว ก็มีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย ซึ่งหัวมุมถนนด้านนี้จะเป็นอาคารสำนักงานของ AIA นะครับ สร้างใกล้จะเสร็จแล้ว อีกหน่อยผู้คนคงมากมายขึ้นอีกหลายเท่า ออกจากซอยสาทร 11 ซึ่งถูกบังคับเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทางสะพานตากสิน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาทรมาแล้ว บรรยากาศริมถนนช่วงนี้ยังคงคึกคักนะครับ เพราะยังใกล้โรงเรียนอยู่ และก็ยังอยู๋ติดกับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์อีกด้วย จึงมีทั้งร้านสะดวกซื้อ และหาบเร่แผงลอยเต็มไปหมด ซ้ายมือนี่แหละครับ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ซึ่งมีวิทยาลัยการพยาบาลอยู่ด้วย บอกแล้วว่าย่านนี้โรงเรียนน้อยใหญ่เต็มไปหมด ที่เห็นถนนโล่งๆ นี่เราเดินทางมากันช่วงบ่ายนะครับ ปริมาณรถบนถนนเลยน้อยหน่อย เลยจากโรงพยาบาลมาอีกหน่อย ก็จะถึงรถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์แล้ว ซึ่งสถานีนี้ก็มีความสำคัญมากพอตัวเลย เพราะใกล้ทั้งโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และอาคารสำนักงานใหญ่ๆ อย่าง Thai CC Tower และยังเชื่อมต่อกับโรงแรม Eastin อีก รถราและผู้คนบริเวณรอบสถานีนี้จึงมากเป็นพิเศษครับ เรื่องการเดินทางของโครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ จัดว่าสะดวกเข้าขั้น จะติดก็แต่ปัญหารถติดหนักๆ ตอนช่วงเวลาเร่งด่วน เพราะถนนในซอยตรงช่วงหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญประถมไปจนออกถนนสาทรจะถูกปรับให้เดินรถทางเดียว เนื่องจากปริมาณรถที่มารับส่งนักเรียนทั้งเช้าและเย็นมีเป็นจำนวนมาก รถเลยติดกันนานหน่อย อีกทั้งบริเวณรอบๆ นี้ก็มีโรงเรียนอยู่อีกหลายแห่ง จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถาบันการศึกษามารวมตัวกันได้มากขนาดนี้  เรื่องรถติดเลยต้องทำใจกันไว้บ้างครับยังไงก็ต้องเจอไม่มากก็น้อย วิเคราะห์ทำเลรอบโครงการ อย่างที่บอกไปแล้วว่า โครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ ตั้งอยู่ในย่านชุมชนเก่าแก่ของถนนจันทน์ บริเวณรอบๆ ที่ตั้งโครงการจึงเต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์ ร้านค้า ร้านอาหารดั้งเดิมที่เปิดกิจการกันมายาวนาน กลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่รวบรวมสาธารณูปโภคต่างๆ ไว้อย่างครบถ้วน เริ่มกันต้งแต่เรื่องปากท้อง ข้าวปลาอาหารการกินในย่านนี้รับรองว่าไม่มีขาด เพราะมีร้านค้า แผงลอยเปิดขายหมุนเวียนกันตั้งแต่เช้าตรู่ไปยันค่ำมืด เอาอย่างคนขี้เกียจมากหน่อย แค่เดินออกมาหน้าโครงการก็มีให้เลือกกินได้อย่างน้อย 3-4 ร้านเข้าไปแล้ว แต่ถ้าขยันเดินอีกนิด ออกมาทางตลาดสะพาน 3 ริมถนนจันทน์ รถเข็นขายอาหารในช่วงเย็นๆ ไปจนค่ำนั้นมีมากจนเลือกกันไม่หวาดไม่ไหวกันเลย หรือถ้านึกขยันอยากลุกขึ้นมาเข้าครัวทำกับข้าวกินเอง เช้าๆ ก็มีตลาดเช้าในซอยเซนต์หลุยส์ ห่างจากตัวโครงการไปแค่ 200 เมตรเท่านั้น แต่ถ้าตื่นไม่ทันตลาดเช้า ก็ยังมีตลาดเย็นตรงสี่แยกถนนจันทน์ตัดกับซอยจันทน์ 18/7 นั่นแหละครับ แถมยังมีซุปเปอร์มาร์เก็ตอีก แค่นี้ก็นับว่ามีทางเลือกมากเกินพอแล้ว โรงเรียนพาณิชย์อยู่ติดกับตลาดสดเลยครับ เช้าๆ นี่คึกคักจนรถติดเอาเรื่องอยู่ เพราะมีคนมาจับจ่ายซื้อของกันมากมาย ที่เดินในภาพเป็นรถสองแถวสาย 1256 ครับ วิ่งผ่านตลอดซอยแล้วไปสุดสายที่สถานีรถไฟฟ้าตากสินนู่นเลย ถ้าไม่ใช้รถส่วนตัวก็มีรถสองแถวนี่แหละครับเป็นที่พึ่งในการเดินทางที่ประหยัดมากๆ บรรยากาศตอนสายๆ ครับ จะเห็นว่ามีรถเยอะพอสมควรเลย ตลาดเช้ายังไม่วายดี ตรงนี้เป็นแหล่งซื้อหาอาหารที่สำคัญแห่งหนึ่งของคนในย่านนี้ครับเพราะมีของอร่อยๆ เพียบ นอกจากเรื่องอาหารการกินที่หายห่วงไปได้แล้ว เรื่องแหล่งช็อปปิ้ง ที่แฮงค์เอ้าท์ก็มีอยู่ไม่ไกลเช่นกัน เริ่มจากที่ใกล้ๆ ก็ Community Mall เปิดใหม่บนถนนจันทน์ ชื่อ Vanilla Moon ที่เราสามารถพึ่งพาได้แบบไม่ต้องดั้นด้นไปไกลนัก แต่ถ้าอยากช็อปให้เป็นเรื่องเป็นราวมากหน่อย ก็มีห้างเซ็นทรัล และเทสโก้ โลตัส ให้เป็นอีกตัวเลือกที่อยู่ออกไปทางฝั่งพระราม 3 รวมถึงอีกหนึ่ง Community Mall อย่าง The Up ก็น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน นอกจากนี้แหล่งชิวสุดฮิตของคนกรุงอย่าง Asiatique The River Front ก็อยู่ในระยะที่สามารถเดินทางได้สะดวก ถ้าไม่ติดปัญหารถติดนะครับ เรื่องกินเรื่องเที่ยวในย่านนี้จึงครบเครื่องดีทีเดียว Vanilla Moon คอมมูนิตี้ มอลล์ แห่งใหม่บนถนนจันทร์ Asiatique The Riverfront ที่เดินเล่นชิลๆ พร้อมร้านอาหารมากมาย ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถัดจากเรื่องกินเรื่องเที่ยว สถานที่สำคัญๆ ในบริเวณรอบๆ โครงการก็มีไม่น้อยเช่นกัน เริ่มจากสถานศึกษาเผื่อไว้สำหรับคนที่มีครอบครัว และมีลูกหลานอยู่ในวัยเรียน ซึ่งก็มีตัวเลือกมากมาย ตั้งแต่ โรงเรียนอัสสัมชันแผนกประถม ที่อยู่ในซอยเดียวกัน หรือจะเป็นโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนบนถนนสาทร โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก โรงเรียนเซนโยเซฟคอนแวนต์ และโรงเรียนในเครือสารสาสน์ทั้ง แผนกสามัญ และแผนกสองภาษา ซึ่งล้วนแต่เป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังในย่านนี้ทั้งนั้น อีกทั้งยังมีโรงเรียนนานาชาติอย่าง Shrewbury International School และ New Sathorn Internation School ไว้เป็นอีกทางเลือก ในขณะที่โรงเรียนรัฐบาลในบริเวณรอบๆ ก็ยังมี โรงเรียนวัดสุทธิวราราม โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ไปจนถึงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ วิทยาเขตพระนครใต้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างโรงเรียนคร่าวๆ เท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วยังมีโรงเรียนอีกนับสิบในย่านนี้ที่เรายังไม่ได้เอ่ยถึง รวมไปถึงธนาคารที่ตั้งเรียงติดๆ กันเป็นแถว มีให้เลือกทุกสถาบัน แล้วไหนจะโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์อีกที่ตั้งอยู่ปากซอยสาทร 11 เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาก็วิ่งมาหาหมอได้ไม่ลำบากเลยครับ เอาเป็นว่าสาธยายกันมาคร่าวๆ แค่นี้ก็น่าจะพอนึกภาพรวมกันออกแล้วนะครับ เพราะรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆ อาจจะต้องลองไปสำรวจด้วยตัวเองดูซักครั้ง เผื่อจะใช้ประกอบการตัดสินใจด้วยว่าจะชอบไม่ชอบทำเลยย่านนี้มากน้อยแค่ไหน โรงเรียนอัสสัมชัญประถม อีกหนึ่งโรงเรียนใหญ่ที่แทรกตัวอยู่ในซอยเซนต์หลุยส์กับเค้าด้วย ช่วงเช้าและเย็นถนนบริเวณหน้าโรงเรียนไปจนออกถนนสาทรจะถูกปรับให้เดินรถทางเดียวนะครับ ใครที่จะออกสาทรก็ต้องเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ข้างโรงเรียนไป ซึ่งมีคุณตำรวจจราจรคอยควบคุมการจราจรอยู่ทุกวัน ภาพรวมตัวโครงการ สำหรับ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ เป็นคอนโด High Rise สูง 24 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่เศษ ซึ่งมียูนิตรวมทั้งหมด 376 ยูนิต จากแปลนจะเห็นว่า ทางเข้าออกโครงการจะอยู่ทางฝั่งซอยจันทน์ 18/7 ติดกับธนาคาร UOB นะครับ ไม่ใช่ฝั่งตรงข้ามสำนักงานเขตสาทรอย่างที่เข้าใจแต่แรก พื้นที่รอบๆ โครงการเป็นบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 4 ชั้น จะมีตึกที่สูงหน่อยก็แค่ตึกของสำนักงานเขตสาทรเท่านั้นครับที่สูง 10 ชั้น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตเรื่องทิศทางวิว เพราะไม่มีห้องพักไหนหันหน้าเข้าด้านนั้นในระยะประชิด จึงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกบังวิวสวยๆ ไป มาดูที่ชั้น G กันก่อนนะครับ ด้านหน้าโครงการจะมีสวนสีเขียวขนาดใหญ่ทางโครงการจะทำเป็นอาคารรับรอง หรือ Serene Garden ไว้สำหรับเป็นที่พักผ่อนและจุดนัดพบได้ ส่วนด้านในจะเป็น Lobby และที่จอดรถตั้งแต่ชั้น G ขึ้นไปถึงชั้น 4 รองรับรถได้ประมาณ 70% Serene Garden ด้านหน้าโครงการ Main Lobby ที่ชั้น G Facilities หลักๆ ทั้งหมดของโครงการจะรวมไว้ที่ชั้น 5 ซึ่งก็มีทั้งสระว่ายน้ำในระบบน้ำเกลือ ห้องฟิตเนส กับห้องอบไอน้ำแยกชายหญิง โดยที่พื้นที่จอดรถจะเริ่มตั้งแต่ชั้นแรกมาจนถึงชั้นที่ 4 ซึ่งนับรวมแล้วทางโครงการแจ้งว่าสามารถรองรับปริมาณการจอดรถได้ถึง 70% เลยทีเดียว นับว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยถ้าเทียบกับคอนโดอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ส่วนห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป ซึ่งแน่นอนว่าใครที่เลือกห้องในชั้นนี้ก็อาจจะต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวที่ต้องสูญเสียไปบ้างจากการที่ห้องอยู่ติดกับพื้นที่ส่วนกลาง โดยเฉพาะห้องที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ แต่ยังไงก็แลกมาด้วยวิวที่อาจจะดูสบายตามากขึ้นมาหน่อย ที่ชั้น 5 อย่างที่บอกจะเป็นชั้นที่รวม Facility หลักของโครงการไว้ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และห้องอบไอน้ำ รวมถึงเป็นชั้นที่เริ่มต้นของห้องพักอาศัยด้วย วิวสระว่ายน้ำบนชั้น 5 ภาพอีกมุมของพื้นที่รอบๆ สระว่ายน้ำ ตั้งแต่ชั้น 7-24 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด จะมีลิฟท์ทั้งหมด 4 ตัว เป็นลิฟท์โดยสาร 3 ตัวและ Service Lift อีก 1 ตัว นอกเหนือจากนี้เรื่องแบบห้อง ทางโครงการก็เตรียมเอาไว้ 2 แบบ คือห้องแบบ 1 ห้องนอน และแบบ 2 ห้องนอน ขายกันมาแบบ Fully Fitted มีชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำมาให้ ที่เหลือก็ต้องไปตกแต่งกันเอง อ้อ! ลืมบอกไปว่า ทางโครงการจัดเตรียมสวนหย่อมเอาไว้บริเวณด้านหน้าโครงการด้วย ถือเป็นพื้นที่สีเขียวที่ใช้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจได้ ซึ่งเราก็เอาภาพบรรยากาศจำลองจากทางโครงการมาให้ชมกันคร่าวๆ ก่อน รวมถึงแบบแปลนของห้องพักในแต่ละชั้นด้วย ส่วนห้องตัวอย่างของโครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ ทีมงานจะรีบตามไปเก็บทุกรายละเอียดเอามาฝากกันในรีวิวฉบับต่อไป ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันให้ดีนะครับ หรือถ้าไม่อยากพลาดก็อย่าลืมไปกด Like เป็น Fanpage ของพวกเราได้ที่  www.facebook.com/reviewyourcondo Type 1A 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 34.90 ตารางเมตร Type 2A 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 63.80 ตารางเมตร Type 2B 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 66.70 ตารางเมตร Type 2C 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 66.70 ตารางเมตร
THE NICHE MONO รัชวิภา : รีวิวคอนโด

THE NICHE MONO รัชวิภา : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้จะพาไปดูโครงการ The Niche Mono รัชวิภา คอนโด High Rise สูง 27 ชั้น 2 อาคาร จาก เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ติดถนนรัชดาภิเษก บริเวณแยกประชานุกูลตรงข้ามโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ที่เริ่มก่อสร้างไปได้สักระยะแล้วนะครับ การเดินทาง การเดินทางไปยังโครงการสามารถใช้ได้หลายเส้นทางเลยนะครับ เพราะตัวโครงจะตั้งอยู่ตรงสี่แยกประชานุกูล ติดกับสะพานข้ามแยก ฝั่งที่จะมุ่งหน้าไปรัชโยธิน และยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัชทั้งขาเข้าและขาออก จึงค่อนข้างสะดวกสำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวทางโครงการก็จะมีรถ Shuttle Van รับส่งที่ MRT บางซื่อและ BTS หมอชิต ไว้ให้บริการ รถออกทุก 30 นาที ค่าบริการจะฟรีในปีแรก ส่วนปีต่อๆ ไปจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือเปล่า ตรงนี้ต้องสอบถามจากทางโครงการอีกทีนะครับ ต่อไปผมจะพาไปดูรอบๆ โครงการ การเดินทางไปยังจุดขึ้นทางด่วนทั้ง 2 ฝั่ง และที่สำคัญเรื่องอาหารการกิน จากที่ตั้งของโครงการถือว่าหาของกินได้ยากสักหน่อย ในระยะที่สามารถเดินได้ ถ้าหากไม่มีร้านค้าใต้คอนโด แต่ถ้าขยับออกมาอีกนิดบนถนนประชาชื่นฝั่งที่จะมุ่งหน้าไปงามวงศ์วาน ตลอดแนวจะมีร้านอาหารเจ้าดัง เจ้าอร่อยอยู่เยอะที่เดียวครับ และอีกที่ก็จะเป็นถนนเทศบาลสงเคราะห์หรือประชานิเวศน์ 1 ย่านวัดเสมียนนารี ตรงนี้ก็มีร้านอาหารอยู่เยอะเหมือนกันครับ ตลาดบองมาเช่ ก็จะอยู่ตรงนี้ด้วย ตามผมมาเลยครับ.. แหล่งรวมของกินอีกแหล่งซึ่งถือว่าเป็นแหล่งใหญ่ในย่านนี้เลยก็ว่าได้ คือถนนเทศบาลสงเคราะห์หรือประชานิเวศน์ 1 ที่จะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด ให้เลือกเยอะแยะเลยครับ วิเคราะห์ตัวโครงการ ตัวโครงการเป็นอาคาร High Rise สูง 27 ชั้น 2 อาคาร ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกห่างจากแยกประชานุกูลเพียงไม่กี่เมตร พาชมห้องตัวอย่าง จริงๆ ทางโครงการมีห้องตัวอย่างให้ชมทั้งหมด 4 ห้องนะครับ แต่เราขอยกตัวอย่างให้ชม 1 ห้อง คือ Type A1 ขนาด 30 ตารางเมตร เพราะว่าเป็นแบบที่มีเยอะที่สุด โครงการจะขายแบบ Fully Fitted นะครับ เฟอร์นิเจอร์จะได้เฉพาะส่วนครัวและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ส่วนแอร์ห้องแบบ 1 ห้องนอนจะได้ 2 ตัวที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่น ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนจะได้แอร์ 3 ตัวที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้อง และห้องนั่งเล่นอีก 1 ตัว ส่วนแปลนห้องแบบอื่นๆ มีแบบไหนบ้าง มาดูกันครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ใกล้สี่แยกและจุดขึ้นลงทางด่วน ถือสะดวกในเรื่องการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ถ้าหากต้องใช้ระบบขนส่งสาธารณะอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร เนื่องจากรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT ถือว่าอยู่ห่างจากโครงการพอสมควร แต่ในจุดนี้ทางโครงการจะมี Shuttle Van ไว้ให้บริการรับส่งลูกบ้านที่ BTS หมอชิตและ MRT บางซื่อ ซึ่งก็ถือว่าช่วยได้ในระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องสาธารณูปโภครอบๆ โครงการถือว่าดีเลยที่เดียวครับ เนื่องจากใกล้แหล่งชุมชน เรื่องของกินของใช้นั้นหาได้ไม่ยาก ทั้งตลาด ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า สำหรับเรื่องการลงทุน อาจจะต้องศึกษากันหนักหน่อยครับ เพราะถึงแม้ว่าโครงการจะได้รับอานิสงค์จากรถไฟฟ้าหลายสาย แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะที่จะเดินได้ อีกทั้งตัวโครงการอยู่ห่างจากแหล่งธุรกิจ ออฟฟิศ และสำนักงานต่างๆ ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็มีเพียงโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ การหาผู้เช่าจึงอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย (คลิกดูบทวิเคราะห์การลงทุน)
สำรวจทำเลคอนโดย่านสาทร : รีวิวคอนโด

สำรวจทำเลคอนโดย่านสาทร : รีวิวคอนโด

พรีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูทำเลใจกลางเมือง ในย่านสาทรกันครับ ถ้าใครผ่านไปผ่านมาบนถนนเส้นนี้ คงจะสังเกตเห็นว่ามีคอนโดใหม่ๆ ผุดขึ้นมามากมาย เอาแค่ช่วงตั้งแต่แยกสุรศักดิ์มาจนถึงแยกถนนนราธิวาสราชนครินทร์ก็มีคอนโดให้เลือกมากมายทั้งที่อยู่ริมถนนใหญ่ และที่แทรกตัวอยู่ตามซอยต่างๆ อีก เราเลยจะพาไปดูบรรยากาศรอบๆ กันเลยครับ ภาพรวมของย่านนี้ครับ เราลองวนๆ ดูทำเลแถบนี้แค่บล็อคเดียวก่อนจากแยกสุรศักดิ์ ไปถนนนราธิวาสราชนครินทร์ และแยกถนนจันทน์ไปจนถึงถนนเจริญราษฏร์ แค่นี้ก็เห็นว่ามีคอนโดใหม่ๆ ขึ้นมาเพียบแล้ว จากแผนที่จะเห็นว่าตรอกซอกซอยในบริเวณนี้เชื่อมต่อถึงกัน เข้าออกได้หลายทางเลยทีเดียว ลงทางด่วนถนนจันทน์มาที่ถนนเจริญราษฎร์ แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนจันทน์เลยครับ การเดินทางไปยังโซนต่างๆ ของกรุงเทพจัดว่าสะดวกดีเพราะด่านขึ้นลงทางด่วนอยู่ตรงนี้เลยครับ ถ้าจำกันได้ จากแยกนี้ถ้าตรงไปเราก็จะไปเจอกับโครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ แต่เราลองไปสำรวจทางซ้ายกันบ้างดีกว่า บนถนนจันทน์มี Community Mall เปิดใหม่ ชื่อ Vanilla Moon มีทั้งร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbuck, Max Value และร้านอาหารอีกหลายร้าน ดึกๆ ด้านบนดาดฟ้าก็มี Roof Top Bar ไว้ให้นั่งรับลมชิวๆ ได้ด้วย ซึ่งน่าจะพอให้พึ่งพา และเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ง่ายๆ ของคนในย่านนี้ครับ ทำเลแถบนี้เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ครับ บ้านเรือนส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ร้านค้าจึงเต็มไปหมด แถมด้วยสถาบันการเงินที่มีให้เลือกครบทุกธนาคาร นี่แค่ถนนสายสั้นๆ สายเดียวยังมีธนาคารตั้งติดๆ กันเยอะขนาดนี้ คงไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าทำเลนี้เป็นย่านทำมาค้าขายที่คึกคักมากแค่ไหน ถ้าเราวิ่งตามถนนจันทน์มาเรื่อยๆ จะเจอกับสี่แยกไฟแดงแรกที่ซอยจันทน์ 18/7 หรือที่คนแถวนี้เค้าเรียกกันว่า ซอยเซนต์หลุยส์ แยกนี้ถ้าตรงไปจะไปตัดกับถนนสาธุประดิษฐ์และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ตามลำดับ หรือถ้าเลี้ยวไปทางขวาก็จะเข้าซอยอยู่ดี ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่เก่าแก่ที่อยู่กันมานานแล้ว ส่วนถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปออกถนนสาทรได้ ซึ่งเราจะพาไปดูบรรยากาศในซอยเซนต์หลุยส์กันก่อนดีกว่า พอเลี้ยวซ้ายมาถนนจะเหลือแค่ 2 เลนเล็กๆ แต่ปริมาณรถในซอยนี้ไม่ได้เล็กตามถนนนะครับ เพราะซอยนี้ลัดไปออกถนนสาทร ถนนนราธิวาส และถนนเจริญราษฎร์ได้ รถราเลยขวักไขว่ตลอดทั้งวัน เลี้ยวเข้าซอยจันทน์ 18/7 มาประมาณ 150 เมตร จะเห็นป้ายคอนโด The Room สาทร-เซนต์หลุยส์อยู่ตรงหัวมุมจันทน์ 18/7 แยก 1 ชัดเจน ทางเข้าโครงการอยู่ในซอยจันทน์ 18/7 แยก 1 นะครับ ซึ่งซอยนี้เชื่อมต่อไปถึงซอยจันทน์ 24 หรือซอยเย็นจิตได้ด้วย ดังนั้นทางเข้าออกโครงการนี้จึงเข้าได้ทั้ง 2 ทาง ปัจจุบันตัวโครงการเริ่มทำการก่อสร้างแล้วนะครับ ส่วนสำนักงานขายนั้นจะไปอยู่ที่ถนนเจริญราษฎร์ ใช้สำนักงานขายเดียวกับ The Key สาทร-เจริญราษฎร์ ตรงข้ามกับที่ตั้งโครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ คือสำนักงานเขตสาทร เวลาจะติดต่องานราชการของเขตนี้ก็สะดวกเลย ออกจากจันทน์ 18/7 แยก 1 แล้วเราไปดูในซอยเซนต์หลุยส์กันต่อครับ ในซอยก็เป็นถนนสองเลนตลอดสาย สองฝั่งถนนมีร้านค้า ร้านอาหารเพียบครับ จัดว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ บรรยากาศตอนเช้าๆ และช่วงเย็น การจราจรในซอยจะติดมากหน่อย เพราะในซอยนี้รวมเอาตลาดสด และโรงเรียนใหญ่ๆ ไว้ในซอยเดียวกันเลย ช่วงเช้าถ้าจะรีบไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ก็อาจจะต้องพึ่งพี่วินมอเตอร์ไซค์เพื่อทำเวลากันหน่อย โรงเรียนพาณิชย์อยู่ติดกับตลาดสดเลยครับ เช้าๆ นี่คึกคักจนรถติดเอาเรื่องอยู่ เพราะมีคนมาจับจ่ายซื้อของกันมากมาย ที่เดินในภาพเป็นรถสองแถวสาย 1256 ครับ วิ่งผ่านตลอดซอยแล้วไปสุดสายที่สถานีรถไฟฟ้าตากสินนู่นเลย ถ้าไม่ใช้รถส่วนตัวก็มีรถสองแถวนี่แหละครับเป็นที่พึ่งในการเดินทางที่ประหยัดมากๆ บรรยากาศตอนสายๆ ครับ จะเห็นว่ามีรถเยอะพอสมควรเลย ตลาดเช้ายังไม่วายดี ตรงนี้เป็นแหล่งซื้อหาอาหารที่สำคัญแห่งหนึ่งของคนในย่านนี้ครับเพราะมีของอร่อยๆ เพียบ ลึกเข้ามาในซอยเซนต์หลุยส์ก็จะเห็นว่ามีร้านขายของเต็มไปหมด ทั้งคลินิค ร้านขายยา ร้านขายอะไหล่รถ ร้านอาหารริมทาง รวมไปถึงธนาคารสาขาย่อยก็มีมาเปิดในซอยนี้อีกหลายเจ้า รถราในซอยจึงมีมากตลอดทั้งวัน ช่วงกลางๆ ซอยจะเป็นถนนวันเวย์นะครับ เป็นบล็อคเล็กๆ ให้เดินรถทางเดียวเพื่อแยกไปออกถนนสาทร และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ได้ เราเลี้ยวตามทางวันเวย์มาเรื่อยๆ จะเห็นว่าถนนจะแคบลงเล็กน้อย แถมยังมีร้านค้าที่เปิดกันมานานอีกเลยมีรถจอดริมถนนบ้าง การจราจรในซอยอาจจะติดขัดบ้างเป็นบางครั้ง ช่วงถนนวันเวย์สั้นๆ ในซอยเซนต์หลุยส์ซึ่งเต็มไปด้วยร้านเก่าแก่อย่างที่บอกนี่แหละครับ มาถึงตรงนี้ ถ้าเลี้ยวขวาตามทางวันเวย์ไปก็จะกลับไปออกถนนจันทน์เหมือนเดิม หรือแยกไปออกถนนนราธิวาสราชนครินทร์ซอย 10 ก็ได้เช่นกัน แต่เราจะเลี้ยวซ้ายไปออกถนนสาทรกันครับ เลี้ยวมาแล้วบรรยากาศโดยรอบก็จะคล้ายๆ กันครับ มีร้านค้าเต็มสองข้างทาง เป็นย่านชุมชนที่อยู่กันอย่างเหนียวแน่นมายาวนานมาก โรงเรียนอัสสัมชัญประถม อีกหนึ่งโรงเรียนใหญ่ที่แทรกตัวอยู่ในซอยเซนต์หลุยส์กับเค้าด้วย ช่วงเช้าและเย็นถนนบริเวณหน้าโรงเรียนไปจนออกถนนสาทรจะถูกปรับให้เดินรถทางเดียวนะครับ ใครที่จะออกสาทรก็ต้องเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ข้างโรงเรียนไป ซึ่งมีคุณตำรวจจราจรคอยควบคุมการจราจรอยู่ทุกวัน ร้านค้าใกล้ๆ โรงเรียนนอกจากร้านอาหาร และร้านขายขนมแล้ว พวกติวเตอร์ สถาบันกวดวิชาก็เรียงแถวกันมาด้วย คงพอจะนึกภาพออกแล้วใช่มั้ยครับว่าช่วงเปิดเรียนรถในซอยนี้จะติดหนักแค่ไหน พอใกล้จะออกถนนสาทร เราก็จะเห็นคอนโดอีกหนึ่งโครงการใหญ่ของ SC Asset นั่นคือ Centric สาทร-เซนต์หลุยส์ ซึ่งอยู่ค่อนมาทางซอยสาทร 11 นะครับ โครงการนี้สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว ใครที่สนใจเดี๋ยวไว้รอดูรีวิวโครงการกันอีกทีครับ ช่วงปากซอยสาทร 11 จะมีคิวรถสองแถวจอดรถรับคนด้วย ซึ่งก็เป็นสายเดียวกับที่วิ่งไปรถไฟฟ้าสถานีตากสินนั่นแหละครับ เพียงแต่ขากลับมาจะมีคิวรถรอรับคนตรงนี้อีกช่วงหนึ่ง นอกจากคิวสองแถว ก็มีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย ซึ่งหัวมุมถนนด้านนี้จะเป็นอาคารสำนักงานของ AIA นะครับ สร้างใกล้จะเสร็จแล้ว อีกหน่อยผู้คนคงมากมายขึ้นอีกหลายเท่า เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาทรมาแล้ว บรรยากาศริมถนนช่วงนี้ยังคงคึกคักนะครับ เพราะยังใกล้โรงเรียนอยู่ และก็ยังอยู่ติดกับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์อีกด้วย จึงมีทั้งร้านสะดวกซื้อ และหาบเร่แผงลอยเต็มไปหมด ซ้ายมือนี่แหละครับ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ซึ่งมีวิทยาลัยการพยาบาลอยู่ด้วย บอกแล้วว่าย่านนี้โรงเรียนน้อยใหญ่เต็มไปหมด ที่เห็นถนนโล่งๆ นี่เราเดินทางมากันช่วงบ่ายนะครับ ปริมาณรถบนถนนเลยน้อยหน่อย เลยจากโรงพยาบาลมาอีกหน่อย ก็จะถึงรถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์แล้ว ซึ่งสถานีนี้ก็มีความสำคัญมากพอตัวเลย เพราะใกล้ทั้งโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และอาคารสำนักงานใหญ่ๆ อย่าง Thai CC Tower และยังเชื่อมต่อกับโรงแรม Eastin อีก รถราและผู้คนบริเวณรอบสถานีนี้จึงมากเป็นพิเศษครับ เลยตัวสถานีรถไฟฟ้ามานิดก็จะถึงแยกสุรศักดิ์กันแล้วครับ ถ้าตรงต่อไปก็ขึ้นสะพานตากสินข้ามไปฝั่งธนบุรีได้ หรือจะไปเข้าถนนเจริญกรุงก็ได้อีกเช่นกัน ส่วนใครที่ต้องการขึ้นทางด่วนก็เลี้ยวซ้ายเลยครับ เจอด่านทางด่วนทันทีเลย ตรงหัวมุมแยกสุรศักดิ์มีอีกหนึ่งโครงการของ Land and House ซึ่งยึดพื้นที่ทำเลทองบนถนนสาทรสร้างโครงการ The Bangkok สาทร คอนโดหรูติดรถไฟฟ้าที่เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่ต้องการคอนโดติดรถไฟฟ้าและมีงบประมาณมากพอ ทางเข้าสำนักงานขายของโครงการ The Bangkok สาทรครับ ดูหรูหราสมราคามาก ซึ่งเราจะหาโอกาสเข้าไปเก็บรีวิวตัวโครงการมาให้ชมกันในโอกาสต่อไปนะครับ ยังไงก็รอติดตามกันได้ พอผ่านมาถึงแยกสุรศักดิ์ เลี้ยวซ้ายไปก็เข้าถนนเจริญราษฎร์ วนกับไปบรรจบกับแยกถนนจันทน์อีกครั้ง นี่แหละครับบรรยากาศคร่าวๆ ของทำเลในย่านนี้ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนคงกำลังเล็งๆ คอนโดในย่านนี้อยู่แน่ๆ เพราะยังถือว่าเป็นทำเลทองที่นับวันจะเหลือที่น้อยลงเรื่อยๆ และราคาก็ดีดตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราคิดว่าน่าจะพอทำให้ทุกคนเห็นภาพรวมของทำเลสาทร-ถนนจันทน์ได้ไม่มากก็น้อย ส่วนตัวโครงการต่างๆ ที่อยู่ในย่านนี้ไว้เราจะเข้าไปเก็บรายละเอียด และรีวิวกันให้เห็นชัดๆ อีกครั้ง อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ
The Kith Lite บางกะดี-ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

The Kith Lite บางกะดี-ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

The Kith Lite บางกะดี-ติวานนท์ คอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น โครงการใหม่จาก เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ติดถนนใหญ่ติวานนท์ ใกล้สวนอุตสาหกรรมบางกะดี รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   700,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร  ประมาณ 25,000 บาท เจ้าของโครงการ  บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด  Low Rise สูง 7 ชั้น 2 อาคาร เนื้อที่ทั้งหมด   4 ไร่ ที่จอดรถทั้งหมด  ประมาณ 60% ที่ตั้งโครงการ  ถนนติวานนท์ ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี ค่าบำรุงส่วนกลาง  35 บาท/ตารางเมตร ปีที่สร้างเสร็จ  ปี 2558 ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น G มี 24 ยูนิต ชั้น 2-7 จะมี 25 ยูนิตต่อชั้น อาคาร B แปลนอาคารจะคล้ายๆ กับอาคาร A นะครับ ชั้น G มี 24 ยูนิต ตั้งแต่ชั้น 2-7 จะมี 25 ยูนิตต่อชั้น สถานที่สำคัญใกล้เคียง สวนอุตสาหกรรมบางกะดี 600 เมตร ตลาดน้ำวัดมะขาม 3 กิโลเมตร ทางด่วนอุดรรัถยา 3.4 กิโลเมตร มหาวิทยาลัยปทุมธานี 3.2 กิโลเมตร Riverdale golf club  1.3 กิโลเมตร ตลาดพูนทรัพย์ 2 กิโลเมตร ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 28.30 - 36.30 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำระบบเกลือ แยกสระเด็ก/ผู้ใหญ่ ฟิตเนส – ห้องออกกำลังกายภายในคลับเฮ้าส์ สวนบนพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ พร้อมลานสันทนาการ ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยคีย์การ์ด แยกตัวอาคาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ช.ม. ลิฟท์โดยสารจำนวน 2 ตัว/อาคาร พื้นที่จอดรถยนต์และจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1775 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.sena.co.th
Lumpini Park รัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

Lumpini Park รัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน : รีวิวคอนโด

Lumpini Park รัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน คอนโด High Rise 5 อาคาร บนถนนรัตนาธิเบศร์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีบางกระสอ พร้อมเข้าอยู่แล้ววันนี้ จาก LPN รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,330,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 29 ชั้น 2 อาคาร และสูง 30 ชั้น 3 อาคาร จำนวนห้อง    2,824 ยูนิต ร้านค้า 5 ยูนิต ที่จอดรถ    1,080 คัน หรือคิดเป็น 38% (รวมจอดซ้อนคัน) พื้นที่โครงการ    ประมาณ 14 ไร่เศษ ที่ตั้งโครงการ    ถนนรัตนาธิเบศร์ (รัตนาธิเบศร์ 26) ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ค่าส่วนกลาง    30 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    300 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง Big C รัตนาธิเบศร์ 2 เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ Index Living Mall รัตนาธิเบศร์ เอสพลานาด งามวงศ์วาน-แคราย เทสโก้ โลตัส รัตนาธิเบศร์ พันธ์ทิยพ์ งามวงศ์วาน The Mall งามวงศ์วาน โรงพยาบาลนนทเวช มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 22.50 และ 26 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ขนาด 45 ตารางเมตร (ห้อง 22.50 รวมกัน 2 ห้อง) สิ่งอำนวยความสะดวก สวนรวมใจ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ลู่วิ่งออกกำลังกาย ร้านค้าเพื่ออำนวยความสะดวก สนามเด็กเล่น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-689-6888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.lpn.co.th
333 Riverside : รีวิวคอนโด

333 Riverside : รีวิวคอนโด

วันนี้เรายังคงวนเวียนอยู่ในย่านเตาปูน บางโพ เพราะแถวนี้มีคอนโดโครงการใหม่ผุดขึ้นหลายโครงการเลยครับ คราวนี้จะพาไปดูโครงการ 333 Riverside คอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา จาก Land & House โครงการนี้น่าสนใจทีเดียวครับ นอกจากจะอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้วิวสวยๆ แล้ว ยังอยู่ติดกับตัวสถานี MRT บางโพอีกต่างหาก   การเดินทาง สำหรับการเดินทางสามารถมาได้จากหลายเส้นทางนะครับ ไม่ว่าจะมาจากทางพระราม 5 เข้าถนนพิบูลย์สงคราม ก่อนจะมาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 1 หรือจะมาจากทางประชาชื่น วงศ์สว่าง ก่อนจะเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตรงเข้าบางโพ อีกฝั่งก็จะมาจากทางด้านสามเสน ผ่านแยกเกียกกาย เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 1 ไปเลี้ยวซ้ายที่แยกบางโพ ก็ถึงตัวโครงการแล้วครับ   แต่เมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางจะสะดวกขึ้นอีกเยอะเลยครับ เพราะทางขึ้นสถานีบางโพจะตั้งอยู่หน้าโครงการเลย สามารถเดินออกจากโครงการแล้วขึ้นรถไฟฟ้าได้ทันที ไม่ต้องต่อรถให้เสียเวลา โครงการจะตั้งอยู่สุดถนนประชาราษฎร์สาย 2 ใกล้ๆ กับท่าเรือบางโพ (แต่ตอนนี้ปิดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า) เลยแยกบางโพมานิดหน่อย ตัวสถานีรถไฟฟ้าบางโพจะตั้งอยู่เยื้องๆ กับโครงการนะครับ ไม่ได้ตั้งอยู่หน้าโครงการเลย แต่บันไดขึ้นลงสถานีจะมาอยู่หน้าทางเข้าโครงการพอดี ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว วันนี้เราขอเริ่มต้นจากถนนพิบูลย์สงคราม บริเวณใกล้ๆ โรงเรียนสตรีนนทบุรี เลยมาจะเจอมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เลยจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มาจะเจอแยก ให้เลี้ยวขวาไปทางบางโพ ตามป้ายเลยครับ จากนั้นขับตรงไปทางบางโพ มาจนถึงแยก ให้เลี้ยวขาวอีกครั้งเพื่อเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 1 จากนั้นตรงมาจนถึงแยกบางโพ จะสังเกตเห็นรางรถไฟฟ้าอยู่ข้างหน้า ตรงนั้นแหละครับคือรถไฟฟ้าสถานีบางโพ ให้ไปเลี้ยวขวาที่แยกบางโพได้เลยครับ เลี้ยวขวาเข้ามาแล้ว จะเห็นสถานีบางโพกำลังก่อสร้างอยู่ข้างบน ถึงทางเข้าโครงการแล้วครับ เลี้ยวขวาเข้าไปได้เลยยย ทางเข้าสำนักงานขายดู Luxury สมกับเป็นคอนโดหรู วิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากสำนักงานขาย ท่าเรือบางโพที่อยู่ใกล้โครงการ แต่ตอนนี้ปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อหลีกทางให้การก่อสร้างรถไฟฟ้า และอีกหนึ่งเส้นที่คือจากถนนประชาชื่น บริเวณแยกประชานุกูล หน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น มุ่งหน้าไปทางเตาปูน แล้วไปเลี้ยวขวาที่แยกประชาชื่น หน้าโลตัส เตาปูน เข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตรงไปผ่านแยกบางโพก็ถึงโครงการ หรือใครมาทางด่วนศรีรัช ฝั่งขาออก มาลงรัชดาภิเษก ลงมาแล้วมาเลี้ยวซ้ายที่แยกประชานุกูล เข้าถนนประชาชื่น ก็มาเส้นทางนี้ได้เหมือนกันนะครับ เริ่มจากแยกประชานุกูล ตรงหน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น เลยนะครับ จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาชื่น ขับมาจนถึงแยกประชาชื่น ก่อนจะถึงแยกจะเห็นโลตัส ประชาชื่น หรือที่คนแถวนี้เรียกว่าโลตัส เตาปูน อยู่ด้านซ้ายมือ ถึงแยกให้เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปทางบางโพ ตามป้ายเลยครับ เลี้ยวขวามานิดหน่อย ก็จะเจอ MRT สถานีเตาปูน Interchange จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ไปจนถึงแยกบางโพ ใกล้ถึงแยกบางโพแล้วให้ชิดขวาไว้นะครับ เพราะทางที่เราจะตรงไปจะเบี่ยงออกไปทางขวาหน่อย เพื่อหลบการก่อสร้างรถไฟฟ้า ไฟเขียวแล้วก็ตรงเข้าไปเลยครับ ทางอาจจะแคบหน่อย เพราะติดงานก่อสร้างรถไฟฟ้า วิเคราะห์ตัวโครงการ โครงการ 333 Riverside เป็นคอนโด High Rise 2 อาคาร อาคาร A สูง 41 ชั้น อาคาร B สูง 42 ชั้น และอาคาร Low Rise สูง 4 ชั้น อีก 1 อาคาร ตัวโครงการจะตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำมากที่สุดคืออาคาร Low Rise 4 ชั้น หรือที่เรียกว่า Villa ส่วนอาคาร High Rise ทั้ง 2 อาคารจะล่นระยะเข้ามาอีก โดยอาคาร A ห้องฝั่งทิศตะวันตกจะหันหน้าไปทางถนนจรัญสนิทวงศ์ได้วิวแม่น้ำเต็มๆ แต่ก็จะได้รับแดดในตอนบ่ายเต็มๆ เหมือนกัน ส่วนอีกฝั่งทิศตะวันตกเป็น City View หันไปทางบางโพ เตาปูน ฝั่งนี้จะได้รับแดดตอนเช้า ส่วนอาคาร B แยกออกไป 2 ฝั่งมีช่องตรงกลางเป็นรูปสามเหลี่ยม ห้องฝั่งที่ได้วิวแม่น้ำจะหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หันไปทางเกียกกาย โรงพยาบาลยันฮี ฝั่งจรัญฯ ส่วนห้องอีกฝั่งจะหันไปทางทิศเหนือ ทางวงศ์สว่าง สะพานพระราม 7 เรื่องสภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการยังคงเป็นอาคารพาณิชย์ ร้านอาหารเล็กๆ ฝั่งตรงข้ามโครงการจะมีโรงเรียนทหารพลาธิการ และมีโรงพยาบาลบางโพอยู่ใกล้ๆ ส่วนซูปเปอร์มาร์เก็ตก็จะมีโลตัส เตาปูนและบิ๊กซี วงศ์สว่าง ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่อาจจะไม่ต้องไปไกลถึงโลตัส บิ๊กซีก็ได้นะครับ เพราะพื้นที่ว่างหน้าโครงการอาจจะเปลี่ยนคอมมูนิตี้ มอลล์ ในอนาคต บันไดทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าทอดมาถึงหน้าโครงการ ที่ชั้น 1 จะเป็น Lobby แยกของแต่ละอาคาร มีลิฟท์โดยสารอาคารละ 3 ตัว และที่จอดรถใต้อาคารตั้งแต่ชั้น 1-4 ประมาณ 800 คัน Facility หลักของโครงการจะอยู่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ แยกสระเด็ก ที่อยู่เยื้องๆ มาทางอาคาร A ฟิตเนส สวนสีเขียวที่อยู่หน้าอาคาร B และเป็นชั้นที่เริ่มมีห้องพักอาศัย บริเวณ Facility บนชั้น 5 ฟิตเนส หันหน้าออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา Reading Room วิวแม่น้ำ Villa สูง 4 ชั้น จำนวน 16 ยูนิต จะเป็นส่วนที่อยู่ใกล้แม่น้ำมากที่สุด แต่นี้ขายหมดไปเรียบร้อยแล้วครับ อาคาร A ชั้น 5 นอกจากจะเป็นชั้นที่มี Facility แล้วยังเป็นชั้นที่เริ่มต้นของห้องพักอาศัย มีทั้งหมด 12 ยูนิต ส่วนชั้นที่ 6 - 41 เฉลี่ย 13 ยูนิตต่อชั้น อาคาร B ชั้น 5-6 มี 11 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้น 7 - 42 เฉลี่ย 12 ยูนิตต่อชั้น พาชมห้องตัวอย่าง แบบห้องของโครงการจะมีทั้งหมด 3 แบบ คือ 1 ห้องนอน ขนาด 45.50 – 51.10 ตารางเมตร แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 83.20 – 94.10 ตารางเมตร และแบบ Villa ขนาด 141.70 – 192.70 ตารางเมตร แต่ห้องตัวอย่างที่โครงการเตรียมไว้ให้ดูจะมี 2 แบบ คือ 1 ห้องนอน ขนาด 45.8 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 85.7 ตารางเมตร เรามาดูแบบ 1 ห้องนอนกันก่อนนะครับ เนื่องจากวันที่เราเข้าไปทำการรีวิว มีผู้สนใจมาชมห้องตัวอย่างอยู่หลายคน เราเลยไม่ได้ภาพแบบ 1 ห้องนอนมาด้วย เลยจะขอใช้ภาพของโครงการอธิบายแทนนะครับ เมื่อเข้าไปในห้องแล้วจะเจอกับส่วนของครัวและโต๊ะทานอาหารที่อยู่หน้าห้องก่อนเลย ถัดเข้าไปจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียง ส่วนห้องนอนจะได้ห้องนอนขนาดใหญ่เลยครับ วางเตียง 5-6 ฟุต ได้สบายๆ ห้องน้ำทางโครงการตกแต่งให้สวยงามด้วยกระเบื้องโมเสค แบบห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 45.8 ตารางเมตร เข้าไปในห้องจะเห็นส่วนของครัวอยู่ทางขวามือก่อนนะครับ เลยจากโต๊ะทานอาหารเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area ห้องนอน แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาดห้องจะกระโดดมาเป็น 85.7 ตารางเมตร เข้าห้องมาแล้วจะเจอกับโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งก่อนเลย ส่วนครัวจะเป็นแบบปิดอยู่ด้านขวาสุดของห้อง ส่วน Living Area จะอยู่เลยมาจากโต๊ะทานอาหาร ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงขนาดใหญ่ ทางเดินเข้าไปที่ห้องนอนจะผ่านห้องนอนเล็กก่อนนะครับ ห้องนอนเล็กนี่สามารถวางเตียงได้ขนาดประมาณ 3 ฟุตเห็นจะได้ ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำห้องแรก มาถึงสุดทางเดินจะเป็นห้องนอนใหญ่ ภายในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำอีก 1 ห้อง แบบห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 85.7 ตารางเมตร ที่นี่จะใช้ระบบ Digital Door Lock นะครับ ที่หน้าห้องจะมี Mail Box ติดอยู่ด้วย ไม่ต้องคอยลงไปเปิดดู Mail Box ข้างล่างอีกแล้ว ตู้เก็บของขนาดใหญ่อยู่หน้าประตู เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน อยู่ที่หน้าห้องก่อนนะครับ ส่วนด้านขวาสุดเป็นห้องครัว เดี๋ยวไปดูในครัวกันต่อเลย ครัวจะเป็นแบบปิดนะครับ กั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อน ด้านที่ติดกับโต๊ะทานอาหารจะทำเป็นกระจกมองจากครัวออกไปด้านนอก ทำให้ในครัวดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นเคาน์เตอร์ยาวมีพื้นที่ทำอาหาร เตรียมอาหาร ได้เยอะทีเดียว ด้านล่างจะเป็นช่องลิ้นชักเก็บของ ที่วางไมโคเวฟ และที่เห็นแวบๆ มุมซ้ายสุดคือเครื่องซักผ้า ต่อออกมาจากครัวจะเป็นที่ว่างแบบนี้อยู่ จริงๆ แล้วถ้าเอาเครื่องซักผ้ามาวางตรงนี้น่าจะใช้งานได้สะดวกกว่านะครับ คอมเพรสเซอร์แอร์จะวางอยู่ด้านนอก หันหน้าออกนอกห้องแบบนี้ ประตูกระจกบานเลื่อนกั้นระหว่างครัวกับระเบียงเล็กๆ ที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์เมื่อกี้ เข้ามาดูด้านในกันต่อนะครับ ต่อไปเป็นส่วนของ Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ประมาณนี้นะครับ ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ระเบียงที่ได้ก็ใหญ่สมควรนะครับ ที่สำคัญระเบียงจะโล่งไม่มีคอมเพรสเซอร์แอร์วางเกะกะอยู่ด้วย ทางเดินเข้าไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้อง เจอชั้นวางของหน้าห้องก่อนเลย เราแวะมาดูที่ห้องนอนเล็กกันก่อนนะครับ เตียงของห้องตัวอย่างที่โครงการทำไว้ให้ดูจะเป็นเตียง Built-in ขนาดจึงพอดีกับตัวห้องแบบที่เห็น ขนาดก็จะพอๆ กับเตียง 3 ฟุต โต๊ะนั่งทำงานข้างๆ เตียง นั่งกับพื้นเลย ดีไซด์น่ารักดีนะครับ ฝั่งตรงข้ามกับห้องนอนเล็ก จะเป็นห้องน้ำห้องแรก อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มีตู้เก็บของอยู่ข้างๆ ให้ด้วย ผนังห้องน้ำด้านที่ติดอ่างล่างหน้าจะตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค เพิ่มความหรูหราขึ้นไปอีก กระจกเงาขนาดพอดีกับอ่างล่างหน้า โถสุขภัณฑ์ Shower Box จะกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ มี Rain Shower ให้ด้วยนะครับ มาดูที่ห้องนอนใหญ่ต่อนะครับ ห้องนอนใหญ่วางเตียง 5-6 ฟุตแล้วยังมีที่ว่างรอบๆ เตียงเหลือให้ทำอย่างอื่นอีกเยอะเลย ชั้นวางทีวีที่ปลายเตียง หรือใช่ทีวีแบบแขวนก็ได้เช่นกัน ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่าง ทางโครงการ Built-in Daybed ไว้นั่งชมวิวที่ริมหน้าต่าง ให้ดูเป็นไอเดียด้วย หน้าต่างจะเป็นบานฟิก และมีบานกระทุ้งให้ 1 บาน ข้างเตียงอีกฝั่งจะเป็นโต๊ะข้างเตียงวางติดอยู่กับตู้เสื้อผ้า ต่อไปจะเป็นห้องน้ำอีกห้องที่อยู่ในห้องนอนใหญ่ การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ห้องน้ำห้องนี้จะใหญ่กว่าห้องแรกนะครับ อ่างล้างหน้าและตู้เก็บของ ขนาดของ Shower Box ถือว่ากว้างพอสมควร อาบพร้อมกัน 2 คนได้สบายเลยครับ อิอิ ^_^ ห้องนี้ก็มี Rain Shower ให้เหมือนกันนะครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน ที่ตั้งของโครงการ 333 Riverside ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีเลยทีเดียวครับ เพราะตัวโครงการที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาและรถไฟฟ้าสถานีบางโพ แถมยังอยู่ในย่านชุมชน ใกล้ตลาดสด โรงพยาบาล และโรงเรียน ซึ่งเหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่พักอาศัยเกาะแนวรถไฟฟ้า และอยู่ไม่ห่างจากความเจริญมากนัก ซึ่งในอนาคตทำเลย่านนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะนอกจากรถไฟฟ้าที่เข้ามาในย่านนี้แล้ว ยังมีรัฐสภาแห่งใหม่ที่กำลังอยู่ก่อสร้างอยู่อีกด้วย ส่วนการซื้อเพื่อลงทุนสำหรับการปล่อยเช่า อาจจะต้องคิดกันหนักหน่อยนะครับ เนื่องจากห้องมีขนาดใหญ่ เริ่มต้นที่ 45 ตารางเมตร ราคาต้นทุนจึงอาจจะสูงตามไปด้วย แถมตัวโครงการยังอยู่ห่างไกลจากแหล่งธุรกิจใจกลางเมือง ขณะที่การซื้อเพื่อขายต่อในอนาคตอาจจะมีโอกาสที่ดีกว่า เพราะอย่างที่บอกนะครับว่าศักยภาพของทำเลในย่านนี้มีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต แต่อย่างไรก็ดีผู้ลงทุนควรศึกษาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ให้รอบคอบก่อนการลงทุนด้วยนะครับ
The Lumpini 24 : รีวิวคอนโด

The Lumpini 24 : รีวิวคอนโด

The Lumpini 24 เป็นคอนโดระดับ High End   ในเครือ LPN ซึ่งยึดทำเลสุดฮ็อตย่านสุขุมวิท โดยชื่อ The Lumpini 24 ก็มาจากที่ตั้งโครงการที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 24 นั่นเอง แค่เริ่มเปิดตัวโครงการมาก็มียอดจองล้นหลามจะเกือบจะเต็มทุกยูนิตแล้ว เราจึงเข้าไปเก็บข้อมูลทั้งเรื่องทำเล และตัวโครงการมาฝากกันครับ   การเดินทาง   การเดินทางมายังโครงการ The Lumpini 24 ก็ไม่ใช่เรื่องยาก สามารถเลือกเดินทางได้ทั้งทางรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีพร้อมพงษ์ แล้วตรงเข้าซอยสุขุมวิท 24 ไปยาวๆ ซัก 1 กิโลเมตรก็จะเห็นตัวโครงการอยู่ตรงสี่แยกตัดกับถนนเรารักในหลวงพอดี การเดินทางเข้าออกซอย นอกจากจะเดินด้วยสองเท้า (ซึ่งปกติคนไทยแบบเราๆ ไม่เลือกเดินอยู่แล้วมั้งครับสำหรับระยะทางประมาณนี้) ก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เป็นทางเลือกที่สะดวกรวดเร็วสุดๆ ซึ่งก็มีทั้งวินที่อยู่หน้าโครงการ และหน้าปากซอยสุขุมวิท 24 พอดีลงรถไฟฟ้าปุ๊ปก็ต่อรถได้ปั๊ปเลยไม่ต้องเสียเวลา   ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวในทำเลแถบนี้ต้องทำใจกับปัญหารถติดไว้เลยครับ เพราะถนนสุขุมวิทตรงช่วงซอย 20 ต้นๆ นี้การจราจรหนาแน่นเกือบตลอดเวลาเลยทีเดียว แม้แต่ภายในซอยเล็กซอยน้อยที่เชื่อมโยงถึงกันด้วย เส้นทางหลีกเลี่ยงไปออกถนนพระราม 4 ก็แทบไม่ต่างกัน เพราะอยู่ในช่วงถนนที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนพระราม 4 ไปยังถนนสุขุมวิท รวมถึงเส้นทางเชื่อมจากซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคี่ ก็ไปออกถนนเพชรบุรีได้อีก รถราบริเวณนี้เลยขวักไขว่มากมายจนเป็นเรื่องปกติไปเลยครับ เส้นทางหลักๆ ที่ใช้เข้าออกโครงการก็น่าจะเป็นทางฝั่งสุขุมวิท 24 และซอยอรรถกวีจากทางฝั่งพระราม 4 ส่วนเส้นทางในซอยก็สามารถลัดไปออกได้ทั้งซอยสุขุมวิท 16, 22, 26 และ 36 ตรงทองหล่อได้ด้วย ถ้าชำนาญเส้นทางแถวนี้หน่อยก็สบายไปเลยครับ ซอยเล็กซอยน้อยเชื่อมต่อกันเพียบ   ข้อเสียอีกอย่างสำหรับคนใช้รถส่วนตัวเป็นหลักก็คือ ทำเลของโครงการอยู่ไกลจากด่านขึ้นลงทางด่วน ถึงแม้จะมีด่านทางด่วนอยู่รอบๆ ทั้งด่าน พระราม 4 เอกมัย-รามอินทรา, ด่านสุขุมวิท 50 หรือด่านตรงเพลินจิตก็ตาม ยังไงก็ต้องฝ่าการจราจรออกมาอีกพอสมควร แต่โดยรอบพื้นที่รอบๆ โครงการก็มีสาธารณูปโภคครบครันมากๆ อยู่แล้ว ถ้าหากไม่ได้จำเป็นต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ระแวกนี้ ทำเลของโคงการ The Lumpini 24 ก็จัดว่าสะดวกมาก แผนที่โครงการ แผนที่รอบๆ โครงการ สำหรับการเดินทางที่สะดวกที่สุดในย่านนี้ก็ต้องยกให้รถไฟฟ้า BTS นี่แหละครับ สถานีที่อยู่หน้าปากซอยเลยก็คือสถานีพร้อมพงษ์ ถ้าพูดถึง BTS พร้อมพงษ์หลายคนก็ต้องนึกถึง Emporium ที่อยู่หน้าปากซอยสุขุมวิท 24 ข้างๆ กันก็จะเป็นสวนเบญจสิริ สวนสาะารณะแห่งเดียวในย่านนี้ ที่ถือว่าเป็นปอดของคนในย่านนี้เลยก็ว่าได้นะครับ ส่วนการเดินทางเข้าซอยเมื่อลง BTS มาแล้วก็มีพี่วินคอยให้บริการอยู่ครับ บรรยากาศที่หน้าปากซอยก็จะมีร้านค้า ร้านอาหาร คอยให้ฝากท้องอยู่หลายร้านเลยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายข้าวแกง ร้านขายข้าวมันไก่จะซื้อกลับหรือนั่งทานที่ร้านก็ได้ ร้านค้ารถเข็นริมฟุตบาท ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ง่ายๆ เลยครับ วิ่งถนนสุขุมวิทมาเรื่อยๆ จนถึงพร้อมพงษ์แล้วก็เลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 24 จุดสังเกตเด่นที่สุดก็คงจะเป็นสถานีรถไฟฟ้านี่แหละครับ เดี๋ยวเราเข้าไปดูบรรยากาศในซอยกันเลยนะครับ การจราจรบริเวณปากซอยจะติดขัดนิดนึงนะครับ เพราะมีรถเข้าออกซอยค่อนข้างมาก เลยจากปากซอยมานิดหน่อยก็จะเจอโรงแรม Hilton Sukhumvit บรรยากาศในซอยจะคึกคักมากเลยนะครับ เพราะมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร คอนโด ขึ้นเยอะมาก วิเคราะห์ตัวโครงการ ด้วยทำเลที่ตั้งโครงการที่ค่อนข้างได้เปรียบมากๆ เพราะอยู่ในตำแหน่ง CBD ของกรุงเทพ ถนนสายหลักๆ คือถนนสุขุมวิท ย่านใจกลางธุรกิจสำคัญของกรุงเทพ แวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านค้าร้านอาหารชื่อดัง อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย โรงเรียน และสวนสาธารณะใหญ่ เรียกว่าครบถ้วนพร้อมสรรพไปทุกด้าน ยกตัวอย่างเด่นๆ ที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตรรอบโครงการก็ได้แก่ ห้าง Emporium, Emquartier ที่กำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้ โครงการK Village, ห้าง Big C, Tesco Lotus, โครงการ Nihonmachi  และ โครงการ A Square อันนี้คือตัวอย่างแค่คร่าวๆ เท่านั้น ยังไม่นับรวมถึงร้านอาหารยอดฮิต โรงเรียนสถานศึกษาชื่อดัง โรงแรมใหญ่ๆ หรือ Residence หรูในซอยระแวกนี้อีกมากมาย หรือถ้าออกไปทางฝั่งถนนรัชดาภิเษก ก็มีสวนสาธารณะเบญจกิตติ และศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อีก ถึงได้บอกว่าทำเลย่านนี้เป็นทำเลทองจริงๆ ครับ มาถึงตัวโครงการ The Lumpini 24 กันบ้าง ถึงแม้จะอยู่ภายใต้แบรนด์ LPN ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่สำหรับคอนโด High Rise โครงการนี้ต้องบอกว่าต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งหน้าตาของอาคาร และแนวทางการออกแบบที่ทำออกมาได้หรูหรา โดดเด่นมาเลยทีเดียว เน้นความเป็นส่วนตัวโดยแบ่งจำนวนยูนิตในแต่ละชั้นไว้น้อย ซึ่งจำกัดสูงสุดที่ 12 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น การวางตำแหน่งห้องเป็นไปตามรูปแบบตึกที่ฉีกออกไปเป็น 2 ฝั่ง หันหน้าออกไปแนวทิศตะวันออกและตะวันตก  โดยมีโถงลิฟท์โดยสารอยู่ตรงกลาง ซึ่งทางโครงการก็จัดลิฟท์โดยสารมาให้ 4 ตัว และลิฟท์ขนของแยกออกมาอีก 1 ตัว เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตรวมที่ 400 นิดๆ ก็ต้องบอกว่าอัตราส่วนในการใช้ลิฟต์เพียงพอต่อการใช้งานสบายๆ เลย เมื่อเราเลือกดูคอนโดสูงๆ แบบนี้ เรื่องวิวก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ใช้ประกอบการเลือกแน่นอน ซึ่งพื้นที่รอบๆ โครงการก็มีคอนโดโครงการอื่นๆ ขึ้นอยู่บ้าง แต่ทางโครงการก็พยายามออกแบบตัวอาคารและรูปแบบการวางตัวให้เลี่ยงปัญหาการถูกบังวิวไว้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเรื่องวิวที่แต่ละห้องจะได้จึงค่อนข้างเปิดกว้างพอสมควร บางมุมก็ถูกอาคารที่อยู่มาก่อนหน้าบังวิวไปบ้าง ยังไงก็ต้องเล็งมุมกันให้ดีๆ หน่อยครับ แต่ถ้าไม่ได้หวังผลกับเรื่องวิวมากนักก็ตัดความกังวลตรงนี้ไปได้มากหน่อย พื้นที่ Facilities อย่างสระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 41 เรียกว่า Sky Pool สามารถคาดเดาได้ว่า เราจะมองเห็นวิวสวยๆ ยามเย็น บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตกคงจะโรแมนติกมากแน่ๆ เพราะตัวสระว่ายน้ำยาวตลอดแนวอาคารเลย นอกจากนี้ที่ชั้น 41 ยังมี Sky Lounge ไว้ให้นั่งเล่นพักผ่อน ถัดขึ้นไปที่ชั้น 42จะเป็น Fitness ที่เปิดรับวิวมุมสูงได้เต็มๆ เช่นกัน สาธารณูปโภคส่วนใหญ่ก็จะรวมตัวกันอยู่ที่ชั้น 41-42 นี่แหละครับ ทั้ง Kid Club, ห้องสมุด และสวนพักผ่อน ฯลฯ ในส่วนของที่จอดรถจะแยกเป็นอาคารออกไปต่างหาก จอดได้ตั้งแต่ชั้น 1-6 จากที่สอบถามแล้วทางโครงการแจ้งว่าสามารถรองรับรถได้มากถึง 70% เลยทีเดียว  ซึ่งเป็นจำนวนที่สมเหตุสมผลกับคอนโดระดับนี้ที่ลูกบ้านส่วนใหญ่คงจะมีรถส่วนตัวกันอยู่แล้ว เรื่องที่จอดรถจึงต้องจัดมามากหน่อยเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แบบจำลองโครงการ ด้านหน้าโครงการฝั่งที่ติดกับถนนสุขุมวิท 24 ด้านหน้าโครงการถือว่าร่มรื่นดีทีเดียวครับ มีทั้งน้ำตก และสวนสีเขียว เริ่มที่ชั้น G นะครับ ชั้น G จะเป็นส่วนของ Lobby , Mail Box, Reception และส่วนของนิติบุคคล หน้าตาของ Lobby เมื่อมองจากด้านนอก ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมีลักษณะเป็นเหมือนชั้นลอยนะครับ เป็นที่ตั้งของ Business Center และ Rental Space ที่น่าจะเป็นร้านค้าต่างๆ ชั้น 3-33 จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพักอาศัยแล้วนะครับ เฉลี่ยแล้วจะมียูนิตอยู่ที่ 12 ยูนิตต่อชั้น โดยแกนกลางของอาคารจะเป็นลิฟท์และบันได ถัดขึ้นมาที่ชั้น 34-39 ยูนิตจะน้อยลงนะครับ จะเหลือประมาณ 8 ยูนิตต่อชั้น เนื่องจากที่ชั้นนี้จะเป็นห้องขนาดใหญ่ ชั้น 41 จะเป็น Facility หลักของโครงการ อย่างสระว่ายน้ำ, Sky Lounges และ Kid Club หน้าตาของสระว่ายน้ำบนชั้น 41 Sky Lounges วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา บนชั้น 41 ส่วน Facility หลักอีกอย่าง คือฟิตเนส จะอยู่ที่ชั้น 42 หน้าตาของฟิตเนส บนชั้น 42 พาชมห้องตัวอย่าง เนื่องจากวันที่เราเข้าไปเยี่ยมชม ทางโครงการไม่มีห้องตัวอย่างให้ดูกันแล้ว ดังนั้นจึงขอยกเอาภาพจำลองห้องของทางโครงการมาให้ดูประกอบกันไปก่อนนะครับ ห้องทั้งหมดทางโครงการขายมาให้แบบ Fully Fitted มีทั้งชุดครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และตู้เสื้อผ้ามาให้ เท่าที่สอบถามก็เห็นว่าเลือกวัสดุอุปกรณ์มาได้มาตรฐานสมกับตัวห้องนะครับ จากแบบก็ดูสวยงามดี ที่เหลือก็ต้องรอดูของจริงกันอีกทีครับ แบบห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนของครัวก่อนนะครับ โครงการจะขายแบบ Fully Fitted จะมีชุดครัวแบบนี้มาให้ เลยเข้าไปข้างในจะเป็นโต๊ะทานอาหาร ที่อยู่ติดกับ Living Area จาก Living Area มองตรงไปจะเจอห้องนอน ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต กำลังดีครับ อยู่ติดกับหน้าต่างที่สูงจรดเพดานห้องเลย ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนนะครับ การจัดวางสุขภัณฑ์ภายในห้องนอน สุขภัณฑ์จะใช้ของ American Standard แบบห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 53.50 - 54.00 ตารางเมตร Type นี้เข้ามาแล้วก็จะเจอกับส่วนของครัวที่อยู่หน้าห้องก่อน เหมือนกันนะครับ เลยเข้ามาด้านในจะเป็นโต๊ะทานอาหาร ที่จะอยู่ภายในส่วน Living Area ห้องนอนเล็ก ห้องนอนใหญ่ ห้องนอนใหญ่อีกมุมครับ