Tag : condo

1488 ผลลัพธ์
Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูโครงการ Silk Phaholyothin 9 คอนโดมิเนียม Low Rise สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในซอยพหลโยธิน 9 หนึ่งในทำเลที่อยู่ระหว่างรถไฟฟ้า BTS สถานีอารีย์ และสะพานควาย และมีบรรยากาศเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนอาศัยด้วย   การเดินทาง ตัวโครงการ Silk Phaholyothin 9 ตั้งอยู่ลึกเข้ามาในซอยพหลโยธิน 9 อีกประมาณ 400 เมตร และถ้านับจากปากซอยไปยังสถานีรถไฟฟ้า ก็อยู่กึ่งกลางระหว่างสถานีรถไฟฟ้าอารีย​์และสะพานควายพอดี เพียงแต่ถ้าเลือกลงที่สถานีรถไฟฟ้าอารีย์ แล้วขึ้นรถต่อมายังโครงการก็จะสะดวกและง่ายกว่า เพราะเลือกได้ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ได้ ถ้าอยากออกกำลังกายก็ออกแรงเดินกันได้เลยครับ ระยะเดินเรียกเหงื่อได้กำลังดี เพราะอากาศบ้านเราแดดร้อนได้ที่ แต่จริงๆ แล้วทางเดินในซอยพหลโยธิน 9 ก็ร่มรื่นดีนะครับ ถนนในซอยมีรถผ่านเข้าออกมากหน่อยเนื่องจากเป็นซอยที่เชื่อมต่อไปได้ทั้งซอยพหลโยธิน11 ถนนประดิพัทธ์ ซอยพหลโยธิน 7 (ซอยอารีย์) หรือจะออกพระราม 6 หนีไปขึ้นทางด่วนก็ได้เช่นกัน และถ้าออกไปตรงแยกสะพานควาย ก็เลี้ยวไปสุทธิสาร ออกถนนวิภาวดีรังสิตได้ด้วย ดังนั้นถ้าใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลักก็ถือว่าสะดวกดีใช้ได้เลยทีเดียว เว้นเสียแต่ปัญหารถติดบนถนนรอบๆ บริเวณนี้ที่ติดหนักเอาเรื่อง ยิ่งในช่วงเช้าและเย็นนี่ปริมาณรถแน่นขนัดติดยาวหายห่วงไปเลย ดังนั้นเส้นทางลัดเลาะในซอยแถบนี้จึงค่อนข้างจำเป็นครับ เอาไว้หนีช่วงเวลารถติดหนัก ส่วนถ้าใครเลือกจะใช้บริการรถสาธารณะ ระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็มีรถเมล์ผ่านบนถนนพหลโยธินหลายสายมากๆ ป้ายรถเมล์ก็อยู่ถัดไปตรงหน้าตึกชินวัตร 2 เลยปากซอยพหลโยธิน 9 ไปนิดเดียวเอง แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS นะครับ มาลงที่สถานีอารีย์ ถึงอารีย์แล้ว ถ้าหันหน้าไปทางสะพานควาย ด้านขวามือจะเห็น La Villa อารีย์ คอมมูนิตี้ มอลล์ เล็กๆ ที่รวมร้านอาหาร ร้านค้า ต่างๆ เราจะลงทางออกที่ 3 ฝั่งซอยอารีย์นะครับ ทางออกที่ 4 จะลงฝั่ง La Villa อารีย์ จากนั้นเราเดินต่อไปทางสะพานควาย ผ่านซอยอารีย์ ถ้าเดินไม่ไหว จะมีวินมอไซค์ไว้คอยให้บริการอยู่ตรงปากซอยอารีย์เพียบเลยครับ ฟุตบาททางเดินกว้างขวางเดินได้สะดวกดีครับ แถวนี้จะมีอาคารสำนักงานและหน่วยงานราชการอยู่หลายที่เลยนะครับ เลยจาก BTS มานิดเดียวจะเห็นอาคาร IBM อยู่ฝั่งตรงข้าม ติดกับอาคาร IBM จะเป็นธนาคารกสิกรไทย สำนักพหลโยธิน เดินมาอีกจะเจอกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อาคารพหลโยธิน เพลส และอาคารชินวัตร 1 อยู่หน้าปากซอยพหลโยธิน 8 2 ข้างทางมีต้นไม้เขียวขจีดูร่มรื่นดีครับ ถ้าอากาศไม่ร้อนจนละลายก็น่าเดินอยู่นะ ถัดมาอีกหน่อยจะเจอโรงพยาบาลประสานมิตร หรือโรงพยาบาลปอดกรุงเทพ เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึงแล้วล่ะครับซอยพหลโยธิน 9 มี 7-11 อยู่ปากซอยให้ได้ฝากท้องกันด้วย อีกฝั่งจะเป็นอาคารชินวัตร 2 ตอนเราไปทำการรีวิวเป็นช่วงบ่ายๆ รถก็เริ่มติดกันแล้วนะครับ อาคาร EVS อยู่ตรงข้ามกับอาคารชินวัตร 2 มีร้านขายอาหารสำหรับชาวออฟฟิศแอบอยู่ข้างๆ ตึก ภายในซอยเงียบสงบดีครับ รถราไม่ค่อยมีวิ่งพลุกพล่านเท่าไหร่ เนื่องจากซอยนี้เป็นซอยตัน ซอยชำนาญอักษร ซอยนี้สามารถลัดเลาะไปเข้าซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ เพื่อไปออกซอยพหลโยธิน 7 หรือซอยอารีย์ได้ ถึงแล้วครับ Silk Condo อยู่ด้านซ้ายมือ พอเรามาถึงคอนโด ฝนก็เทลงมาพอดี ที่จอดรถจะอยู่ใต้อาคารเลยนะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ เรามาดูบรรยากาศพื้นที่รอบๆ โครงการกันดูบ้าง เริ่มจากทางฝั่งอารีย์ พอลงสถานีรถไฟฟ้ามาก็จะพบกับความอุดมสมบูรณ์ขั้นสุด เพราะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต แหล่งช๊อปปิ้ง ตั้งแต่ร้านแบกะดิน ร้านฮิปๆ อินเทรนด์ ไปจนถึงร้านหรูหราไฮโซ (คลิกไปดูรีวิวทำเลแถบซอยอารีย์ได้ที่นี่ครับ) เลือกเอาได้ตามสไตล์เลยครับ เช่นเดียวกันกับทางฝั่งสถานีรถไฟฟ้าสะพานควาย ความอุดมสมบูรณ์ก็ไม่แพ้กันเลย ด้วยความเป็นย่านชุมชนเก่าด้วย ร้านอาหารเก่าแก่ที่เปิดกิจการกันมานานก็เยอะ ร้านใหม่ๆ ไม่น้อย อยู่ย่านนี้ไม่ต้องกลัวอดครับ นอกเหนือจากเรื่องอาหารการกินที่เราสามารถฝากท้องไว้ได้แล้ว เรื่องสาธารณูปโภคต่างๆ ก็ครับครันไม่แพ้กัน บริเวณนี้มีโรงพยาบาลหลายแห่ง ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลเฉพาะทาง รวมถึงหน่วยงานราชการ อาคารสำนักงานใหญ่ๆ สถาบันการเงิน และสถาบันศึกษาก็รายล้อมอยู่รอบๆ บริเวณนี้ด้วย ยิ่งถ้าใครที่ต้องทำงานในย่านนี้อยู่แล้วก็ยิ่งเหมาะมากๆ เพราะคงคุ้นชินกับพื้นที่ดีว่าอะไรอยู่ตรงไหน ต้องหาเส้นทางเลี่ยงรถติดยังไง เป็นต้น พอขยับเข้ามาใกล้ที่ตั้งโครงการอีกหน่อย ก็จะเห็นว่าบริเวณปากซอยพหลโยธิน 9 มีบรรยากาศคึกคักมากๆ โดยเฉพาะในช่วงกลางวันของวันทำงาน เพราะตรงปากซอยมีอาคารชินวัตร 2 ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ตอนพักกลางวันคนจะเยอะมากๆ ร้านอาหารรถเข็นแผงลอยจึงมีให้เห็นเพียบ โดยเฉพาะช่วงปากซอยจะมีรถเข็นขายอาหารเรียงรายกันยาวเหยียด แต่พอช่วงบ่ายแก่ๆ ก็จะเริ่มทยอยเก็บร้านกันแล้ว เหลือก็แต่ร้านสะดวกซื้อตรงปากซอยที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นทีพึ่งพายามฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี บรรยากาศในซอยพหลโยธิน 9 โดยรวมแล้วค่อนข้างเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยดีที่เดียว เพราะท้ายซอยนี้เป็นซอยตัน แต่ช่วงกลางๆ ซอยจะมีซอยแยกเชื่อมไปออกซอยอารีย์ ซอยพหลโยธิน 11 และถนนประดิพัทธ์ได้ครับ พอเลยช่วงนี้ไปแล้วในซอยก็จะเงียบขึ้นมาทันตา ซึ่งโชคดีที่ Silk Phaholyothin 9 ตั้งอยู่ค่อนไปทางท้ายซอย ลูกบ้านจึงวางใจได้ว่าจะไม่ค่อยมีเสียงรถราดังรบกวนเวลาพักผ่อน อีกทั้งรอบๆ โครงการก็ยังเป็นบ้านเดี่ยวเก่าแก่เกือบทั้งหมด เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการบังวิวห้องพัก เว้นแต่ห้องบนชั้น 2-3 เท่านั้นที่อาจจะถูกบ้านติดๆ โครงการบังวิวมากบ้างน้อยบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่ตำแหน่งห้องที่ต้องไปลองเลือกจากห้องจริงกันอีกทีครับ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง ทางโครงการก็จัดสรรมาให้ครบถ้วนทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสตรีมแยกชายหญิง และสวนหย่อมสำหรับพักผ่อนในบริเวณชั้น 1 โซนด้านหลังของโครงการ โดยที่เวลาใช้งานลูกบ้านจะต้องลงจากลิฟท์ เดินผ่านล็อบบี้ก่อนมาออกประตูอีกด้าน จึงอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร แต่ในขณะเดียวกันขนาดของสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางก็ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป น่าจะพอเหมาะกับการใช้งานของลูกบ้านทั้งหมด เหมือนกันกับพื้นที่จอดรถภายในอาคาร ที่ทางโครงการแจ้งไว้ว่าสามารถจอดได้มากถึง 60% ของจำนวนห้องเลยทีเดียว รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานตลอด 24 ชั้วโมง ทั้งกล้อง CCTV และ ระบบ Key Card Access มาเราดูที่แปลนอาคารกันต่อ เริ่มจากชั้น 1 Facility ของโครงการจะรวมกันอยู่ชั้น 1 ทั้งสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และห้องสตรีม โดยส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถและ Lobby ที่จอดรถจะมี 2 ชั้นนะครับ คือที่ชั้น 1 และชั้นใต้ดิน ส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 ขึ้นไป มีทั้งหมด 13 ยูนิต โดยชั้น 2 จะถูกส่วนของ Facility กินพื้นที่ขึ้นมาถึงชั้น 2 ด้วย แต่ไม่สามารถเข้าจากชั้น 2 ได้นะครับ ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด ชั้นละประมาณ 16 ยูนิต เรามาดูสถานที่จริงกันเลยดีกว่าครับ ว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง ตรงนี้จะเป็นที่จอดรถบริเวณชั้น 1 จากลานจอดรถจะมีประตูเข้าตัวอาคาร ต้องใช้คีย์การ์ดด้วยนะครับ จะมีลิฟท์ไว้ให้บริการ 2 ตัว ทางเข้าอีกทางจะผ่านทาง Lobby Mailbox จะอยู่ที่บริเวณ Lobby ติดกับ Mailbox จะเป็นประตูทางเข้า ตรงนี้ต้องใช้คีย์การ์ดเข้าด้วยนะครับ มองตรงผ่าน Lobby ไปด้านหลัง จะเป็น Facility ของโครงการ ใครจะไปใช้ Facility ก็ต้องลงมาที่ชั้น 1 ก่อนนะครับ ประตูทางออกไป Facility ขึ้นบันไดมาแล้วจะเจอกับสระว่ายน้ำ มีสวนหย่อมเล็กๆ อยู่ต่อจากสระว่ายน้ำ ข้างๆ สระว่ายน้ำจะมีห้องน้ำชาย หญิง ด้านในจะมีห้องอาบน้ำให้ด้วยนะครับ ห้องสตรีมจะอยู่ในห้องน้ำ มีเหมือนกันทั้งห้องน้ำชาย ห้องน้ำหญิง ใกล้ๆ กันจะเป็นห้องฟิตเนส ซึ่งต้องใช้คีย์การ์ดเข้าเหมือนกัน บรรยากาศในห้องฟิตเนส มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำ พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า Silk Phaholyothin 9 สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว เราจึงมีโอกาสได้ชมห้องตัวอย่างในอาคารจริง ทำให้เห็นบรรยากาศต่างๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่ง Layout ของห้อง 1 Bedroom ก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับห้องครัวเปิดที่มาพร้อมกับชุดเคาน์เตอร์ครัว ถัดเข้าไปอีกหน่อยจะเป็นพื้นที่ของ Living Area ติดกับระเบียง พื้นที่ตรงส่วนนี้สามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้อีกตามสไตล์ของเจ้าของห้องเลย ซึ่งคนที่มีสไตล์การตกแต่งในใจอยู่แล้ว พื้นที่ตรงนี้ก็จัดได้อย่างเต็มที่เลยครับ ส่วนของห้องนอนจะแยกออกไปเป็นสัดส่วน ใช้ผนังกั้นห้องพร้อมประตูบานสวิงเรียบร้อย ให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าประตูกระจกบานเลื่อน พื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนก็กระทัดรัดกำลังดี วางเตียง 5 ฟุตลงไปแล้วก็เหลือที่พอสำหรับโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าอีกด้วย เช่นเดียวกันกับห้องน้ำที่มีชุดสุขภัณฑ์มาพร้อม ลองไปดูรูปภายในห้องแบบใกล้ๆ กันเลย ช่วงนี้ทางโครงการจัดโปรโมชั่นพิเศษ แถมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อีก 4 รายการ ประกอบด้วย ทีวี, ตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า สเปคตามที่โชว์ในห้องตัวอย่างเลยนะครับ เพื่อคนที่กำลังลังเลจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือลงทุนปล่อยเช่าก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะทำเลแถบนี้ยังเป็นที่ต้องการอีกมาก โอกาสที่จะทำกำไรก็ยังมีอยู่ครับ เราเริ่มตั้งแต่หน้าลิฟท์กันเลยนะครับ ที่ทิ้งขยะจะอยู่ที่หน้าลิฟท์ โถงทางเดินไปสู่ห้องพัก เมื่อเข้ามาในห้องแล้วมองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area เมื่อมองมาด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนของครัวแบบเปิด อยู่ด้านหน้าห้องเลยนะครับ ตัวท็อปครัวจะเป็นรูปตัว L มีชั้นลอย และตู้เก็บของด้านล่าง อ่างล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้า 2 หัว พร้อมฮูดดูดควันของ MEX ช่องวางไมโครเวฟจะอยู่ด้านล่าง เยี่ยงๆ กับครัวจะเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหาร พื้นที่ในส่วนของ Living Area ค่อนข้างกระทัตรัตอยู่สักหน่อย ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาไม่มากนัก ระยะห่างของชั้นวางทีวีจากโซฟา โครงการจะแถมแอร์ให้ 2 เครื่องนะครับ ที่ Living Area กับห้องนอน ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ความกว้างของระเบียง คอมเพรสเซอร์แอร์จะติดตั้งไว้ที่ระเบียง มีประตูเหล็กกั้นอย่างมิดชิด มาต่อกันที่ห้องนอน จุดเชื่อมต่อของทั้ง 3 ห้อง จะใช้วัสดุปูพื้นคนละแบบกันเลยนะครับ ในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตกำลังดีครับ มีพื้นที่รอบเตียงนิดหน่อยดูไม่อึดอัด แต่ถ้าใครชอบนอนเตียง King Size ก็มีพื้นที่พอให้วางได้นะครับ ปลายเตียงเหลือพื้นที่พอให้เดินได้ ถ้าอยากจะดูทีวีในห้องนอน ก็ต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแล้วล่ะครับ ข้างเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่าง หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบานเปิด 2 บาน อยู่ด้านซ้าย-ขวา ส่วนที่เหลือเป็นบาน Fix อีกด้านจะเป็นจุดที่วางตู้เสื้อผ้า ที่มีให้วางโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ หน้าตู้เสื้อผ้า ออกจากห้องนอนมาดูห้องน้ำเป็นห้องสุดท้ายครับ กระจกเงายาวจากอ่างล้างหน้าไปถึงโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มีตู้เก็บของด้านล่าง ของ American Standard โถสุขภัณฑ์ของ American Standard อยู่ตรงกลางระหว่างอ่างล้างหน้ากับ Shower Box จุดที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่อีกด้านติดกับ Shower Box ออกแบบมาได้พอดีกับเครื่องซักผ้ามั่กๆ ด้านในสุดจะเป็น Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดฝักบัวของ American Standard
KLASS SIAM : รีวิวคอนโด

KLASS SIAM : รีวิวคอนโด

KLASS SIAM  คอนโด Low Rise ในซอยเกษมสันต์ 2 ใกล้ BTS สนามกีฬาแหง่ชาติ จาก KLASS Asset รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 6,600,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 150,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท คลาส แอสเสท จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     79 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    0 - 3 - 26 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยเกษมสันต์ 2 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 69 คัน หรือคิดเป็น 87% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) สถานที่สำคัญใกล้เคียง สนามศุภชลาสัย มาบุญครอง (MBK) Siam Square Siam Discovery Siam Center Siam Paragon จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 44-50 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาดประมาณ 57-84 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby และพื้นที่รับแขก Passenger Lift 2 ตัว Libraly Fitness ห้องน้ำส่วนกลาง Keycard Access ห้องจดหมาย สระว่ายน้ำ & จากุ๊ชชี่ ห้องออกกำลังกาย ห้องสันทนาการ รปภ. 24 ชม., ​CCTV, สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    080-741-6555 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.klasscondo.com
9 จุดต้องตรวจก่อนรับโอนบ้าน

9 จุดต้องตรวจก่อนรับโอนบ้าน

9 จุดต้องตรวจ ก่อนรับโอนบ้าน ใกล้จะเป็นเจ้าของบ้านเต็มทีแล้ว อยากจะอยู่บ้านใหม่เต็มแก่ แต่ก่อนรับโอนบ้าน ต้องอย่าลืมว่าควรตรวจสอบบ้านให้ดีก่อน เพื่อไม่ให้มีปัญหา และไม่ต้องปวดหัวหลังจากเข้าไปอยู่ สำหรับการตรวจสอบบ้าน แนะนำให้ตรวจสอบในทุกๆ จุด ทุกพื้นที่ โดยตรวจสอบทั้งภายนอกและภายในบ้าน ดังนี้ ภายนอก - สีทาอาคารบ้าน เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด ดังนั้น สีที่ทาต้องมีความสม่ำเสมอ ไม่มีรอยด่าง สีไม่ลอกหลุดล่อนหรือปูดโปนง่าย - หลังคา ต้องมีสภาพดี สีไม่เก่า แนะนำให้ฉีดน้ำขึ้นหลังคาเพื่อดูว่ามีรอยรั่ว หรือมีแสงลอดผ่านลงมาหรือไม่ ภายใน - ฝ้าเพดาน เป็นสิ่งที่อยู่ส่วนบน แนะนำให้สังเกตดูให้ทั่วทุกห้อง โดยจะต้องได้ระดับเสมอกันตลอดห้อง ไม่เป็นริ้วคลื่น ที่สำคัญต้องดูว่ามีร่องรอยน้ำที่รั่วจากหลังคาหรือไม่ - ผนัง ดูว่ามีรอยแตกลายงาหรือไม่ ซึ่งอาจเกิดจากการแยกตัวของปูนฉาบที่แห้งไม่สม่ำเสมอกัน สามารถให้ช่างมาแก้ไขโดยการโป๊วสี หรือการสกัดปูนฉาบหน้าออกและฉาบทับ ใหม่ รวมถึงสีที่ทาต้องสม่ำเสมอกัน - ประตูหน้าต่าง ดูความเรียบร้อยของอุปกรณ์และบาน ทดลองเปิด-ปิด ว่ามีเสียงรบกวนหรือเกิดการติดขัดหรือไม่ กลอนประตูหน้าต่างต้องสามารถใช้ได้ดี ตำแหน่งของรูกลอนต้อง พอดีกับกลอน ไม่หลวมจนล็อคไม่อยู่ หรือฝืดจนไม่สามารถล็อคได้ - ระบบไฟฟ้า แนะนำให้เปิดไฟทุกดวงในบ้าน ว่าไฟติดทุกดวงหรือไม่ รวมถึงปุ่มเปิดปิดไฟมีปัญหาติดขัดไหม นอกจากนี้ แนะนำให้ทดลองใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อดูว่าปลั๊กไฟมีกระแสไฟ เข้าเรียบร้อยดีทุกจุด - ระบบน้ำ ทดลองเปิดก๊อกน้ำทุกก๊อก ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน รวมถึงดูทางเดินน้ำทิ้งว่าน้ำสามารถไหลได้สะดวกหรือไม่ หากมีน้ำขังแสดงว่าท่ออาจอุดตันหรือท่อเล็กเกินไป - มิเตอร์น้ำ-ไฟ ในกรณีที่ปิดไฟทุกดวง ปิดสวิทช์ไฟ และปิดก๊อกน้ำทุกจุด หากมิเตอร์ยังหมุนอยู่ อาจเกิดจากท่อน้ำรั่ว หรือกระแสไฟฟ้ารั่ว - พื้น ต้องเรียบเสมอกัน ไม่แอ่น โก่งตัว หรือยุบ นอกจากนี้หากเป็นพื้นที่ใช้สำหรับการซักล้าง ต้องดูว่ามีความลาดเอียงเพียงพอให้น้ำสามารถระบายได้สะดวก มีน้ำไม่ระบาย หรือเป็น แอ่งขังอยู่หรือไม่ หากทำการตรวจสอบและให้ช่างมาแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถรับโอนบ้านได้อย่างสบายใจ แต่หากตรวจบ้านแล้ว ผู้ขายไม่มาทำการแก้ไขให้ หรือทำการแก้ไขให้ล่าช้าทำให้เราเสียสิทธิในการเข้าอยู่อาศัยบ้าน ผู้ซื้อสามารถปรับผู้ขายเป็นรายวันในอัตราไม่ต่ำกว่า 0.01% ของราคาที่ดินพร้อมบ้าน แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 10% ของราคาที่ดินพร้อมบ้าน โดยต้องดูในสัญญาว่ามีเงื่อนไขข้อนี้ระบุด้วยหรือไม่ เช่น มูลค่าบ้านพร้อมที่ดิน 1 ล้านบาท สามารถปรับได้วันละ 100 บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท ดังนั้น นอกเหนือจากการตรวจสอบก่อนรับโอนบ้านแล้ว อย่าลืมอ่านสัญญาให้ดีๆ ก่อนด้วยครับ  
3 คำถามฮิตก่อนคิดจะซื้อบ้าน

3 คำถามฮิตก่อนคิดจะซื้อบ้าน

3 คำถามฮิตที่คิดจะซื้อบ้าน “รายได้และภาระหนี้ในปัจจุบัน เป็นปัจจัยหลักที่ธนาคารใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อบ้าน” “อยากกู้ซื้อบ้านต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง” เชื่อว่าคำถามนี้คงเกิดขึ้นในใจของผู้ที่อยากเป็นเจ้าของบ้าน เพราะเมื่อคิดจะซื้อบ้านและต้องขอสินเชื่อกับธนาคาร มีหลายปัจจัยที่เราต้องพิจารณาและเตรียมตัวให้พร้อม แล้วมีปัจจัยอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ 1. รายได้เท่าไรจะขอสินเชื่อได้ รายได้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบอกว่า เราสามารถกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่ และกู้ได้เป็นเงินเท่าไร ปกติแล้ว รายได้ขั้นต่ำที่จะขอสินเชื่อได้อยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร โดยรายได้มาก ก็จะมีโอกาสขอสินเชื่อได้วงเงินสูงขึ้น ถ้าหากใครเป็นมนุษย์เงินเดือน การขอกู้มักทำได้ไม่ยาก เพราะมีหลักฐานแสดงว่ามีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ ไม่ได้มีรายได้ประจำ ก็ควรแสดงให้ธนาคารเห็นว่า มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยนำรายได้ฝากเข้าธนาคารในวันเดียวกันเป็นประจำทุกเดือน เช่น นำเงิน 20,000 บาท ฝากทุกวันที่ 30 ของทุกเดือน 2. มีภาระผ่อนอยู่แล้ว จะขอสินเชื่อได้หรือไม่ แม้ว่าปัจจุบันจะมีภาระหนี้สินอยู่แล้ว ก็ยังมีโอกาสขอสินเชื่อบ้านได้ครับ ปกติแล้ว ในการพิจารณาสินเชื่อ ธนาคารจะมีเกณฑ์ว่า ภาระหนี้ในแต่ละเดือนต้องไม่เกิน 40-60% ของรายได้ต่อเดือน ในเบื้องต้น เราสามารถเช็คด้วยตัวเองง่ายๆ ว่า จะขอสินเชื่อกับธนาคารผ่านหรือไม่ เช่น ปัจจุบันเงินเดือน 20,000 บาท ถ้าธนาคารตั้งเกณฑ์ไว้ว่า ภาระผ่อนต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ ดังนั้น ภาระผ่อนโดยรวมต้องไม่เกิน 8,000 บาท โดยลองคำนวณดูว่า ถ้ามีภาระผ่อนหนี้อื่นอยู่ หากผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น จะทำให้ภาระผ่อนโดยรวมสูงเกินเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดหรือไม่ ถ้าไม่เกิน ก็มีโอกาสขอสินเชื่อบ้านได้ สำหรับการคำนวณภาระผ่อนของสินเชื่อบ้าน อาจคำนวณง่ายๆ ได้ว่า สินเชื่อบ้าน 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี ยอดผ่อนต่อเดือนจะประมาณ 7,200 บาทครับ 3. ต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ในการกู้ซื้อบ้าน นอกจากเงินดาวน์ประมาณ 20% ของราคาบ้านที่เราต้องเตรียมให้พร้อมแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ซื้อบ้านที่เราต้องเตรียม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1. ค่าใช้จ่ายของธนาคาร เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ (ขึ้นอยู่กับธนาคารกำหนด) ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย (ขึ้นอยู่กับมูลค่าบ้าน) 2. ค่าใช้จ่ายของกรมที่ดิน เช่น ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ และค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน ดังนั้น แม้ว่าคุณสมบัติต่างๆ ในด้านรายได้และภาระหนี้จะผ่านเกณฑ์ขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะเตรียมเงินสำหรับดาวน์บ้านและค่าใช้จ่ายต่างๆ ไว้ด้วยนะคะ เมื่อขอสินเชื่อบ้านผ่านแล้ว สามารถหมดภาระหนี้ได้เร็วขึ้นด้วยการโปะหนี้บ้านหรือชำระหนี้มากกว่ายอดผ่อนที่กำหนดไว้ในแต่ละเดือน เพราะการโปะหนี้จะทำให้ยอดเงินต้นลดลง และประหยัดดอกเบี้ยจ่าย ดังนั้น หากได้รับโบนัสหรือเงินก้อนพิเศษเข้ามา การนำไปโปะหนี้บ้านจะช่วยให้ภาระหนี้บ้านหมดไวขึ้นครับ
Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

Silk Phaholyothin 9 คอนโด Low Rise พร้อมเข้าอยู่ ในซอยพหลโยธิน 9 ใกล้ BTS อารีย์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,500,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 96,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เคเอสเอเอส ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น ชั้นใต้ดิน 1 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     109 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    1 ไร่ 4 ตารางวา ที่ตั้งโครงการ    ซอยพหลโยธิน 9 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 60% คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS อารีย์ BTS สะพานควาย La Villa อารีย์ บิ๊กซี สะพานควาย โรงพยาบาลเปาโล สะพานควาย อาคารชินวัตร ทาวน์เวอร์ 1 อาคารชินวัตร ทาวน์เวอร์ 2 อาคารพหลโยธิน เพลส ตลาดนัดสวนจตุจักร ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1-2 ห้องนอน ขนาด 36.5 – 77 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ระบบคีย์การ์ดเข้าออก ห้องสตรีม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ระบบรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด CCTV ตลอด 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    02-615-1708 - 9 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.silkphaholyothin9.com
Aspire Wutthakat : รีวิวคอนโด

Aspire Wutthakat : รีวิวคอนโด

Aspire วุฒากาศ คอนโด Low Rise ใกล้ BTS วุฒากาศ โครงการใหม่จาก AP รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,000,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     166 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ     ถนนวุฒกาศ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS วุฒากาศ เดอะ มอลล์ ท่าพระ โรงพยาบาลบางไผ่ เทสโก้ โลตัส ม.สยาม ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 22.5 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 30-30.50 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 42.5 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนบนชั้นดาดฟ้า สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.apthai.com
The Monument สนามเป้า : รีวิวคอนโด

The Monument สนามเป้า : รีวิวคอนโด

The Monument สนามเป้า คอนโด High Rise สูง 24 ชั้น ติด BTS สนามเป้า โครงการใหม่จาก แสนสิริ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    N/A เจ้าของโครงการ    บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 24 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     86 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 1 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 102% สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สนามเป้า ททบ.5 อนุเสาวรีย์ชัย สมรภูมิ โรงพยาบาลพญาไท 2 โรงพยาบาลราชวิถี Fashion Mall ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom  ขนาด 46.25 – 57.50 ตารางเมตร 2 Bedrooms 2 Bathrooms  ขนาด 73.50 – 89.25 ตารางเมตร Penthouse (3 Bedrooms 3 Bathrooms) ขนาด  138.25 – 140.25 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby lounge Social Lounge Floating Fitness Roof top Swimming pool Yoka Room Social club & Wine Cellar Library Tea Room Theatre Room Private Massage room & Steam room สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.sansiri.com
Regent Home @ Bangson Station : รีวิวคอนโด

Regent Home @ Bangson Station : รีวิวคอนโด

Regent Home@Bangson Station คอนโด High Rise แบนด์ Regent Home บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีบางซ่อน รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    999,900 บาท เจ้าของโครงการ    Regent Green Power Co., Ltd. ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 24 ชั้น 4 อาคาร จำนวนห้อง     ประมาณ 4,000 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    15 - 1 - 0 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    กลางปี 2558 คาดว่าจะสร้างเสร็จ    ปลายปี 2560 สถานที่สำคัญใกล้เคียง ตลาดนัดชุมทาง สยามยิปซี บิ๊กซี วงศ์สว่าง เทสโก้ โลตัส SCG โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น โรงพยาบาลบางโพ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ใช้ระบบ key-card ควบคุมการเข้า-ออกโครงการ มีระบบกล้องวงจรปิด CCTV โดยรอบภายในอาคาร พนักงานรักษาความปลอดภัย ที่จอดรถ 3 ชั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    02-551-4162-4 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.rgphome.com
Lumpini Ville นครอินทร์-ริเวอร์วิว : รีวิวคอนโด

Lumpini Ville นครอินทร์-ริเวอร์วิว : รีวิวคอนโด

Lumpini Ville นครอินทร์-ริเวอร์วิว คอนโด High Rise จาก LPN บนถนนนครอินทร์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,000,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 26 ชั้น 2 อาคาร จำนวนห้อง     1,544 ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 8 ไร่เศษ ที่ตั้งโครงการ    ถนนนครอินทร์ ตำบลตลาดขวัญ นนทบุรี ที่จอดรถ    ประมาณ 520 คัน คันคิดเป็น 33 % (รวมจอดซ้อนคัน) สถานที่สำคัญใกล้เคียง กระทรวงสาธารณะสุข มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ BigC ติวานนท์ BigC วงศ์สว่าง Tesco Lotus นครอินทร์ ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี เอสพลานาด แคราย Central รัตนาธิเบศร์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.50 และ 26 ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 45 ตารางเมตร (ห้องขนาด 22.50 ตาราเมตรรวมกัน 2 ห้อง) สิ่งอำนวยความสะดวก สวนรวมใจ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย, ห้องสมุดมีชีวิต, สนามสตรีทบาส, ห้องเด็กเล็ก สนามเด็กเล่น เครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง ร้านค้า อาทิ 7-Eleven, ร้านเสริมสวย, ร้านซักรีดและร้านอาหาร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    02-527-8333 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.lpn.co.th
D’Mura รัชโยธิน : รีวิวคอนโด

D’Mura รัชโยธิน : รีวิวคอนโด

D’Mura รัชโยธิน คอนโด Low Rise โครงการใหม่จาก D'Well Grand Asset ใกล้ ม.เกษตร เปิดให้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษแล้ววันนี้.. รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,590,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 70,000 บาท เจ้าของโครงการ    D Well Grand Asset  Co., Ltd. ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     216 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    2 - 0 - 41.7 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยพหลโยธิน 34 ถนนพหลดยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    ปลายปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ต้นปี 2560 สถานที่สำคัญใกล้เคียง ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน เมเจอร์ รัชโยธิน ม.ศรีปทุม โรงพยาบาลวิภาวดี เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยน มอลล์ เซ็นทรัล รามอินทรา ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.03 - 32.77  ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 49.09 - 53.61 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    082-843-3434 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.dwell-group.com
Condolette Light Convent : รีวิวคอนโด

Condolette Light Convent : รีวิวคอนโด

Condolette Light Convent คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น พร้อมเข้าอยู่ ในซอยพิพัฒน์ 2 ใจกลางสีลม จาก พฤกษา เรียลเอสเตท รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    4,480,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    1 - 0 - 45.6 ไร่ จำนวนห้อง     111 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 61 คัน หรือคิดเป็น 40% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ซอยพิพัฒน์ 2 ถนนคอนแวนต์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ค่าส่วนกลาง    65 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ BTS ช่องนนทรี โรงพยาบาลบีเอ็นเอช ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 33.19 – 47.21 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ขนาด 66.88 – 72.63 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก โถงต้อนรับ ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ระบบ CCTV / Access Card เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : condolette.pruksa.com
KnightsBridge Skycity สะพานใหม่ : รีวิวคอนโด

KnightsBridge Skycity สะพานใหม่ : รีวิวคอนโด

KnightsBridge Skycity สะพานใหม่ คอนโด High Rise โครงการใหม่จากออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ บนถนนพหลโยธิน ใกล้ BTS ส่วนต่อขยาย สถานีสายหยุด รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,990,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 88,500 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จํากัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 15 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     490 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    2 - 3 - 56 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนพหลโยธิน แขวงอนุเสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 245 คัน คิดเป็น 50% (รวมจอดซ้อนคัน) เริ่มก่อสร้าง    เดือนมิถุนายน 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปี 2560 สถานที่สำคัญใกล้เคียง บิ๊กซี สะพานใหม่ ตลาดยิ่งเจริญ เทสโก้ โลตัส โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล โรงพยาบาลภูมิพล เซ็นทรัล รามอินทรา ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน เมเจอร์ รัชโยธิน เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยน มอลล์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.5 – 34.9 ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 40.8 – 48.4 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Double Volume Lobby BusinessLounge EnglishGarden Infinity lap pool with Bangkok view – Hydro spa pavilion Free form jogging track BBQ Pavilion Floating private cabana Putting green The sky fitness สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    092-716-7070 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  knbcondo.origin.co.th
Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา คอนโดใหม่สไตล์รีสอร์ท ติดถนนสรงประภา : รีวิวคอนโด

Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา คอนโดใหม่สไตล์รีสอร์ท ติดถนนสรงประภา : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมโครงการ “Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา” คอนโดน้องใหม่จาก บริษัท ปรีดา เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งมีความน่าสนใจมากๆ เพราะเปิดมาด้วยราคาเริ่มต้นแค่ 1.2 ล้านบาท* เท่านั้น แถมยังอยู่ในทำเลที่ใกล้ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (โครงการอนาคต) ใกล้สนามบินดอนเมือง ใกล้ทางด่วนศรีรัช และยังใกล้แยกศรีสมาน แถมมีห้างโรบินสัน ศรีสมาน เป็นแหล่งช็อปปิ้งสำคัญที่อยู่ห่างออกไปแค่แยกเดียวเท่านั้น เป็นไงครับ.... แค่ข้อมูลเบื้องต้นก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ยครับ ตามไปดูรายเอียดเพิ่มเติมกันเลยดีกว่า     แผนที่โครงการ   แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ สำนักงานขายของโครงการ เห็นเด่ดชัดอยู่ติดถนนสรงประภา ตัวโครงการ Grene Condo ตั้งอยู่ริมถนนสรงประภา มุ่งหน้าสู่แยกศรีสมาน หรือห่างจากปากทางฝั่งถนนวิภาวดีเข้ามาเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งศักยภาพของทำเลในย่านนี้มีความพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยมากเลยทีเดียว เนื่องจากแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เช่น ตลาดสดวัฒนานันท์ วัดดอนเมือง ตลาดนัดบุญอนันต์ โรงเรียนพระหฤทัย ดอนเมือง โรงเรียนสีกัน (วัฒนานันท์อุปถัมภ์) วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง สถานีรถไฟดอนเมือง สนามบินดอนเมือง โรบินสัน ศรีสมาน รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (โครงการอนาคต / กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง) ฯลฯ ซึ่งที่ว่าข้างต้น เป็นเพียงจุดใหญ่ๆ ที่จะทำให้เรานึกภาพตามออกได้ง่ายว่ารอบๆ โครงการมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง แต่ถ้าหากได้มีโอกาสมาดูบรรยากาศรอบๆ โครงการด้วยตัวเอง จะเห็นว่านอกจากที่ต่างๆ ที่เรายกตัวอย่างมานั้น ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน รวมถึงร้านปลีกย่อยอีกเพียบ จัดได้ว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ ในส่วนของการเดินทางนั้น ตัวโครงการก็อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ทั้งด่านทางด่วนศรีรัช (ด่านศรีสมาน) ถนนวิภาวดี-รังสิต ดอนเมืองโทลเวย์ ขับรถเข้า-ออกเมืองได้สะดวกมากๆ แถมหน้าโครงการยังมีทั้งรถสองแถว รถเมล์ วินมอเตอร์ไซค์ ให้เลือกออกไปต่อรถเมล์ รถตู้ รถไฟ หรือรถไฟฟ้า (ในอนาคต) ได้ง่ายๆ อีก การเดินทางมายังโครงการจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่ว่าจะมีรถส่วนตัวหรือไม่ก็ตาม คอนโด สไตล์ รีสอร์ท โครงการ Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 6 ตึกด้วยกัน โดยมีคอนเซปต์การออกแบบให้เป็นคอนโดมิเนียม สไตล์ รีสอร์ท เปิดขายพื้นที่ด้านในก่อน และเพื่อให้แต่ละเฟสได้บรรยากาศผ่อนคลายสไตล์รีสอร์ทกันอย่างเต็มที่ จึงมีการวางแปลนของอาคารแบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยแต่ละเฟสจะมี 3 ตึก วางตัวโอบล้อมพื้นที่สีเขียวส่วนกลางไว้ ซึ่งแต่ละเฟสก็จะมี Main Facility เป็นของตัวเองกันไปเลย แยกการใช้งาน รวมถึงแยกนิติฯ ดูแลออกจากกันด้วยครับ ทางเข้าโครงการ ใต้อาคารและรอบๆ โครงการจะเป็นที่จอดรถ Facility หลักๆ ของโครงการจะอยู่ตรงกลางระหว่างอาคารต่างๆ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่รอบๆ ที่อาคาร A1 ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2ขึ้นไปจนถึงชั้น 8 อาคาร B1 ชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถส่วนหนึ่ง ส่วนอีกด้านจะเป็นห้องพักอาศัย เป็นห้อง Type B ขนาด 30 ตารางเมตร จำนวน 9 ยูนิต ที่ติดกับสวนส่วนกลาง สามารถเดินออกมาที่สวนได้เลย ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปถึงชั้น 8 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดครับ พื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคารพักอาศัย จะเป็นส่วนที่รวม Main Facility ทั้งหมดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ พร้อมศาลานั่งเล่นริมน้ำ สวนรอบสระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น จุดชมวิว ลานบาสเกตบอล และลู่วิ่งรอบโครงการ ส่วนห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่า ห้องสมุด และ Co-Working Space ก็จะอยู่ในบริเวณชั้น 1 ของอาคาร B1 และ B2 ซึ่งนบเป็นพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 8 ไร่ 1 งาน 93 ตารางวา พื้นที่สีเขียวรอบๆ สระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่นั่งเล่นรอบๆ ฟิตเนสขนาดใหญ่ที่ชั้น 1 ของอาคาร B1 อีกจุดเด่นหนึ่งของโครงการคือ ห้องพักส่วนหนึ่งในบริเวณชั้น 1 ของอาคาร B1 และ B2 จะหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำ ทำให้ได้บรรยากาศการพักผ่อนสไตล์รีสอร์ทอย่างแท้จริง ซึ่งห้อง Type นี้มีจำนวนจำกัดนะครับ และได้ข่าวว่ามักจะได้รับความสนใจในอันดับต้นๆ เลยทีเดียว เผลอๆ จะถูกจับจองหมดก่อนห้อง Type อื่นแน่ๆ เดี๋ยวเราไปดูกันเลย ว่าทางโครงการมีห้อง Type ไหนให้เลือกกันบ้าง เปิดห้องตัวอย่าง ที่ Sale Gallery ของโครงการ Grene ดอนเมือง-สรงประภา มีห้องตัวอย่างให้ชมด้วยกัน 2 ห้อง แต่แบ่งเป็น 3 Type นะครับ.... ห้องตัวอย่างห้องแรก จะเป็นห้องตัวอย่างของห้อง 2 Type ด้วยกัน นั่นคือ ห้องขนาด 25 ตร.ม. และห้องขนาด 30 ตร.ม. ซึ่งห้องทั้ง 2 Type นี้มี Layout ภายในห้องเหมือนกันเป๊ะทุกอย่างเลย แต่ต่างกันกันที่พื้นที่ระเบียงที่เพิ่มขึ้นมา โดยห้องขนาด 30 ตร.ม. จะเป็นห้องที่อยู่บริเวณชั้น 1 ที่เราบอกว่าหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำนั่นเอง ห้อง Type นี้จะได้ระเบียงยาวเต็มหน้ากว้างของห้องเพิ่มขึ้นมา พร้อมกับมีประตูออกไปยังพื้นที่ส่วนกลางได้เลย......  ก่อนจะงงไปมากกว่านี้ เรามาดูแปลนห้องเพื่อเปรียบเทียบกันดีกว่าครับ แปลนห้อง Type B ขนาด 25 ตารางเมตร แปลนห้อง Type B ขนาด 30 ตารางเมตร ดูภาพแปลนห้องกันไปแล้ว ทีนี้มาดูบรรยากาศภายในห้องกันครับ พื้นที่ใช้สอยภายในห้องก็ขนาด 25 ตร.ม. เลยครับ เปิดเข้าห้องมาก็จะเจอกับส่วนนั่งเล่นเลย ในขณะที่พื้นที่ของห้องนอนก็เป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้ให้เรียบร้อยครับ พื้นที่ครัวเป็นครัวเปิดอยู่ติดกับระเบียง ทำให้ช่วยในการระบายกลิ่นจากการทำอาหารได้ดีขึ้น ส่วนห้องน้ำก็อยู่อีกด้านของครัวครับ ถือว่าเป็นการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในห้องไว้อย่างลงตัวดีทีเดียว เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ด้านที่วางโซฟาโครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาให้ ติดกับโต๊ะทำงานขนาดกะทัดรัด ด้านที่วางทีวีโครงการวางชั้นวางเล็กมาให้ เข้ากับพื้นที่ได้พอดี ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอน ซึ่งโครงการกั้นกระจกบานเลื่อน 3 ตอนมาให้เรียบร้อย ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ จะเห็นว่ามีพื้นที่ข้างเตียงเหลืออยู่ทั้ง 2 ด้าน ช่วยให้ไม่รู้สึกอึกอัด หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่ เป็นบาน Fix และมีบานกระทุ้งเป็นบานเล็ก 1 บาน จะมีตู้เสื้อผ้า Built-in อยู่ปลายเตียง ปลายเตียงโครงการยังเตรียมพื้นที่และปลั๊กให้ด้วย เผื่ออยากมีทีวีไว้ในห้องอีกสักเครื่อง ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้องเป็นห้องขนาด 34 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่สุดและจะเป็นห้องในตำแหน่งมุมตึกนะครับ ห้อง Type นี้จะได้เปรียบที่สามารถเปิดรับวิว รับแสง รับลมได้หลายด้าน ทั้งในส่วนของห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัว แปลนห้อง Type C ขนาด 34 ตารางเมตร พื้นที่ห้องนอนถูกกั้นไว้เป็นสัดส่วนเรียบร้อย ไม่ใช่ประตูกระจกบานเลื่อนแบบห้องก่อนหน้า จึงให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าเวลามีเพื่อนมาเยี่ยมห้อง ในขณะที่พื้นที่ครัวก็ได้เป็นครัวปิด ทางโครงการกั้นประตูกระจกบานเลื่อนมาให้เสร็จสรรพ ห้องนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำครัว ทำกับข้าวจริงจังขึ้นมาอีกหน่อยครับ บานประตูห้องจะได้แบบที่เห็นนี้เลยนะครับ เปิดประตูเข้าห้องมาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อน ข้างๆ ประตูโครงการวางตู้เก็บรองเท้ามาให้ด้วย ห้อง Type นี้จะได้พื้นที่ Living Area ขนาดใหญ่เลยนะครับ โครงการวางโซฟายาว 4 ที่นั่ง มาให้ ด้านชั้นวางทีวีโครงการก็จัดชั้นมาให้เรียบร้อยเลยครับ โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง วางอยู่ใกล้ๆ กับโซฟา ติดกับโต๊ะทานอาหารจะได้หน้าต่างบานใหญ่เป็นบานเลื่อน 2 ตอน ด้านหลังโต๊ะทานอาหารจะเป็นห้องครัวแบบปิด มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนกั้น ด้านในโครงการจัดชุดครัวมาให้เต็มสูบเลยนะครับ แยกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนี้จะเป็นเคาน์เตอร์ครัวยาว พร้อมเตาไฟฟ้า 2 หัว ยี่ห้อ Teka ส่วนด้านบนจะเป็นชั้นลอยเก็บของ และฮูดดูดควันของ Teka เหมือนกันครับ และด้านล่างเป็นตู้เก็บของและช่องวางไมโครเวฟ อีกฝั่งจะเป็นเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจานและจุดวางตู้เย็น ด้านบนมีชั้นลอยวางของให้ด้วย ระเบียงจะอยู่ต่อจากห้องครัว กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1.2 เมตร คอมเพรสเซอร์แอร์จะถูกแขวนไว้ด้านบน หันหน้าเข้าหาระเบียง มุมมองจากระเบียงกลับเข้าไปด้านในครัว กลับเข้ามาด้านใน ห้องน้ำจะอยู่ติดกับ Living Area ด้านหน้าห้องนอน สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะใช้ของ Mogen เหมือนห้อง Type B กระจกเงาจะได้ขนาดพอดีตัว ฝั่งตรงข้ามมีชั้นวางของ ด้านในสุดจะเป็นส่วนเปียกอาบน้ำ แต่โครงการไม่ได้กั้นฉากอาบน้ำมาให้นะครับ อาจจะต้องกั้นเพิ่มกันเอง ห้องนอนจะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุต มาให้ วางเตียงลงไปแล้วยังพอมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือ ช่วยให้ไม่รู้สึกอึดอัด หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่ เป็นบานสไลด์ 2 ตอน ด้านปลายเตียงโครงการ Built in ตู้เสื้อผ้านบานใหญ่ วางอยู่ติดกับโต๊ะทำงาน นอกจากห้องตัวอย่างที่มีให้ชมแล้ว ทางโครงการยังห้องแบบสตูดิโอ ขนาด 22 ตร.ม. ให้เลือกจับจองกันด้วยนะครับ ซึ่งห้องที่ทางโครงการจัดไว้ ทุกยูนิตก็ขายมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง เคาน์เตอร์ครัว สุขภัณฑ์ เสร็จสรรพเกือบจะพร้อมเข้าอยู่ได้เลยทีเดียว แบบนี้ไม่ว่าจะซื้ออยู่เอง หรือซื้อไว้ลงทุนปล่อยเช่าก็คุ้มค่าน่าลงทุนมากๆ เพราะราคาเปิดตัวมาไม่แรงเลย อยู่ในเรทที่จับจองกันได้ง่ายๆ คนที่ผ่านไปผ่านมาในย่านนี้ก็ให้ความสนใจกันเยอะ ได้ข่าวว่าถูกจับจองกันไปพอสมควรแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเลยด้วยนะเนี่ย ใครที่สนใจสามารถแวะไปชมห้องตัวอย่างกันได้ที่ Sale Gallery ก่อนได้ หรือไปลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษกันได้ที่ http://www.grenecondo.com/donmuang/th/register.php หรือ โทร. 02-055-9224
The Saint Residences : รีวิวคอนโด

The Saint Residences : รีวิวคอนโด

เพิ่งจะเปิดสำนักงานขาย Pre-sales กันไปไม่นานกับโครงการ The Saint Residences คอนโดมิเนียมในทำเลห้าแยกลาดพร้าว (หน้าโรงเรียนเซนต์จอนห์) ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของใครหลายๆ คน และเป็นอีกหนึ่งในหลายๆ โครงการซึ่งอยู่ในย่านที่มีศักยภาพด้านการอยู่อาศัยมากพอตัวเลยทีเดียว   การเดินทาง ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทำเลบริเวณห้าแยกลาดพร้าวน่าสนใจก็คือ การเดินทางที่สะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า และระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายเรียกว่า ไม่จำเป็นต้องมีรถ ก็อยู่ได้ เดินทางสะดวก เริ่มจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีพหลโยธิน ซึ่งสามารถเลือกออกได้ทั้งทางออกที่ 1 หรือ 2 ก็ได้ เพราะอยู่ห่างกันไม่มาก แล้วค่อยเดินต่อมายังตัวโครงการ โดยใช้เส้นทางเดินในซอยลาดพร้าว 2 หรือจะเลือกออกที่ทางออกที่ 1 แล้วเดินมาริมถนนลาดพร้าวเลี้ยวเข้าถนนวิภาวดีฯ ก็ได้เหมือนกัน ซึ่งทั้ง 2 เส้นทางนี้ระยะทางต่างกันนิดหน่อย จากทางออกสถานีถึงหน้าโครงการก็ราวๆ 300 เมตรเท่านั้น ถือว่าอยู่ในระยะที่กำลังเดินได้สบายๆ เพียงแต่ว่าทางเดินในซอยลาดพร้าว 2 จะดูเงียบและร่มรื่นมากกว่า ส่วนเส้นทางเดินเลียบถนนใหญ่ช่วงค่ำๆ จะต้องผ่านร้านอาหารสไตล์กินดื่มบ้างนิดหน่อย สะดวกใจจะเดินทางไหนก็เลือกเอาครับ   แผนที่สถานีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน จะเห็นว่าเลือกออกได้ทั้งทางออกที่ 1 และ 2 ครั้งนี้เราเลือกเดินไปทางออกที่ 2 กันก่อนครับ ป้ายบอกทางชัดเจน เดินไปตามทางไปมหาวิทยาลัยเซนต์จอนห์ เลี้ยวซ้ายไปเลยครับ ที่สถานีพหลโยธินจะมี metro mall ด้วย ตรงนี้จะเดินไปออกที่ทางออกที่ 1 กับ 5 ได้ หน้าสถานีตรงทางออกที่ 2 เส้นทางแรกก็เดินตรงเลียบริมถนนไปทางนี้เลยครับ ส่วนหันมาอีกทางจะเห็นทางออกที่ 1 อยู่ไม่ไกล ตึกเหลืองๆ นั่นคือ Union Mall จ้า ระหว่างทางออกที่ 1 กับ 2 จะมีซอยลาดพร้าว 2 อยู่ ซอยนี้สามารถเดินไปออกซอยวิภาวดี 26 ที่อยู่ข้างๆ โครงการได้ หรือถ้าขับรถมาทางถนนลาดพร้าวก็เข้าซอยนี้ได้เลย อ้อ ซอยนี้เดินรถทางเดียวนะครับ ลองมาดูบรรยากาศในซอยกัน ภายในซอยค่อนข้างร่มรื่นเลยทีเดียว ด้านซ้ายเป็นรั่วของโรงเรียนเซนต์จอนห์ ส่วนด้านขวาก็เป็นอาคารพาณิชย์ครับ เดินเข้ามาจะถึงประตูทางเข้าโรงเรียนก็จะเห็นป้ายของ The Saint บอกทางไปสำนักงานขายชัดเจนเลย เยื้องกับประตูโรงเรียนเป็นวัดหรือโบสถ์เซนต์จอนห์ วันอาทิตย์น่าจะมีคนมาเข้าโบสถ์เยอะเหมือนกัน ออกมาถึงปากซอยวิภาวดี 26 แล้วจะเห็นร้านอาหารลองดูทางขวามือครับ ช่วงกลางวันคนเยอะ รถจอดเรียงเต็มเลยครับ ทางซ้ายเป็นพื้นที่ของโครงการ The Saint แล้วนะครับ มีประตูเล็กๆ ซึ่งทางโครงการแจ้งว่าจะใช้เป็นทางออกอีกทาง เพื่อช่วยร่นระยะทางในการเดินไปรถไฟฟ้าให้ใกล้ขึ้นอีกนิดนึง แต่ถ้าขับรถมาก็ออกถนนวิภาวดีแล้วเตรียมเลี้ยวเข้าโครงการได้เลย ดูกันชัดๆ อีกที ตัวโครงการตั้งอยู่ปากซอยวิภาวดี 26 พอดิบพอดีครับ ถึงแล้วสำนักงานขาย ซึ่งตกแต่งพื้นที่ด้านหน้าไว้สวยงามเลย ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัว ก็แค่มุ่งหน้ามาทางห้าแยกลาดพร้าว หรือจับจุดสังเกตุเป็นโรงเรียนเซนต์จอนห์ไว้ให้ดีก็พอ ถ้ามาจากทางฝั่งสะพานควาย ผ่านสวนจตุจักรมาก็ให้เลี้ยวไปทางดินแดง พ้นห้าแยกลาดพร้าวมานิดหน่อยก็เจอโครงการเลย แต่ถ้ามาจากทางถนนวิภาวดีฯขาเข้า  ต้องขึ้นสะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าวมาก่อน ซึ่งพอลงสะพานมาจะเลยหน้าโครงการไปให้ตรงไปเข้าซอยวิภาวดี 22 เพื่อไปออกถนนลาดพร้าวแล้ววนมาที่หน้าโครงการใหม่อีกรอบ จะเลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 2 หรือจะวิ่งมาเลี้ยวซ้ายออกถนนวิภาวดีอีกก็ได้ครับ (ลองดูภาพประกอบการเดินทาง) ซึ่งโดยรวมแล้วการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็จัดว่าสะดวกพอใช้ได้ครับ แต่ต้องมีสติสตางค์กันมากหน่อย ขับรถเพลินๆ ขึ้นสะพานข้ามแยก หรือเข้าผิดแยก ผิดเลน ก็จะต้องเลยไปตั้งหลักกลับมาใหม่ ถ้ารถไม่ติดก็ดีหน่อย ซึ่งเรามักจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการจราจรบริเวณห้าแยกลาดพร้าวนั้นติดขัดหนักหนาแค่ไหน โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน ไหนจะคนทำงาน ไหนจะรถเข้าเมือง หรือรถผู้ปกครองที่มาส่งลูกๆ เข้าเรียน อันนี้ก็เลี่ยงกันยากหน่อย เพราะทางออกหลักของโครงการคือถนนวิภาวดีฯ ที่ปริมาณรถหนาแน่นเกือบจะตลอดเวลาเลยทีเดียว จากแผนที่อันนี้ จะเห็นว่าทำเลที่ตั้งของโครงการ The Saint Residences สามารถเดินทางมาได้หลายทางเลย อันนี้เป็นเส้นทางแรก ซึ่งเดินทางมาจากฝั่งสะพานควายหรือจตุจักรครับ ถ้าขึ้นรถไฟฟ้า BTS มาก็ลงที่สถานีหมอชิต แล้วค่อยต่อรถอีกทอด หรือถ้าขับรถมาทางนี้ก็วิ่งยาวไปที่ห้าแยกเลย วิ่งผ่านสวนจตุจักร และธนาคารทหารไทยสำนักงานใหญ่ไปก็เตรียมชิดขวาได้ สังเกตุป้ายบอกไปทางดินแดงนะครับ เราจะเลี้ยวไปทางนี้ พ้นสัญญาณไฟแดงมาให้เลี้ยวขวาไปทางดินแดง ซึ่งเป็นทางเลี้ยวอันที่สองตรงใต้สะพานข้ามแยกนะครับ เล็งกันให้ดีๆ เลี้ยวมาแล้วก็ชิดซ้ายได้เลย ผ่านซอยวิภาวดีรังสิต 26 มาก็เจอตัวโครงการอยู่ตรงหน้าแล้ว ถึงละครับ สำนักงานขายของ The Saint Residences ส่วนเส้นทางที่มาจากถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า ก็ให้ขึ้นสะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าวมาก่อน แล้วค่อยเลี้ยวเข้าซอยวิภาวดีรังสิต 22 เพื่ออ้อมกลับมาที่โครงการอีกที ตามลูกศรในแผนที่เลยครับ เริ่มจากทางขึ้นสะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าวจากถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า ชิดซ้ายตามป้ายดินแดงไปเลยนะครับ ตอนนี้ที่ตั้งโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือเรานะครับ เมือลงสะพานมาแล้วให้ชิดซ้ายทันที เพื่อที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวิภาวดี 22 ก่อนถึงซอยจะมีป้ายบอกเป็นทางลัดไปออกถนนลาดพร้าว จุดสังเกตง่ายๆ คือซอยวิภาวดีรังสิต 22 จะอยู่ก่อนถึงโชว์รูม Ducati เข้าซอยมาแล้วจะเป็นซอยเล็กๆ ที่มีแยกอยู่เยอะมาก และจะเห็นป้ายบอกทางไปออกซอยลาดพร้าว 8 อยู่เป็นระยะๆ เราก็ตามป้ายไปเลยครับ ขอตัดภาพข้ามมาที่ซอยลาดพร้าว 8 เลยนะครับ ตรงออกมาเรื่อยๆ เราก็จะมาโผล่ออกถนนลาดพร้าวแล้ว เลี้ยวซ้ายไปเลยครับ เมื่อเข้าสู่ถนนลาดพร้าวแล้วก็ตรงไปอีกครับ จากซอยลาดพร้าว 8 มาประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงซอยลาดพร้าว 2 ใครเลือกจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยนี้ก็ได้นะครับ หรือถ้าใครจะตรงไปเลี้ยวซ้ายที่ห้าแยกก็ได้เหมือนกัน ใครที่มาทางถนนวิภาวดีฝั่งขาออกจะต้องไปกลับรถใต้สะพานข้ามแยก พอกลับรถมาแล้วจะเลยโครงการเหมือนกันครับ ต้องไปเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวิภาวดี 22 แทน เพื่อวนกลับมาโครงการอีกที หรือถ้ามาจากถนนลาดพร้าว ก็สามารถเลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 2 มาออกที่ซอยวิภาวดีรังสิต 26 หรือจะเลยมาแล้วเลี้ยวเข้าห้าแยกลาดพร้าวมาที่โครงการก็ได้เช่นกัน ถ้ามาจากแยกรัชโยธินทางถนนพหลโยธิน พอมาถึงห้าแยกลาดพร้าวก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีรังสิตง่ายๆ เลยครับ ตัวโครงการจะอยู่เชิงสะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าว บนถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า ภาพนี้เป็นถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า มุ่งหน้าไปดินแดง เมื่อออกจากโครงการมาแล้วก็ต้องไปทางนี้ก่อนล่ะครับ ถ้าจะไปเส้นทางอื่นค่อยไปกลับรถกันอีกที ที่ตั้งโครงการล้อมรั้วไว้ชัดเจน พร้อมสำหรับการก่อสร้าง สำหรับการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ในระบบขนส่งมวลชนก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะบริเวณนี้มีปริมาณรถมาก จะหาเรียกแท็กซี่ก็ง่าย (ถ้าเรียกแล้วไปนะครับ) มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็มี คิวรถตู้ก็เยอะ จะขึ้นรถเมล์ก็สะดวกเพราะมีหลายสายเลือกขึ้นได้หลายฝั่ง แค่อาศัยเดินนิดๆ หน่อยๆ ก็เจอป้ายรถเมล์แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถต่อรถหรือรถไฟฟ้าใต้ดินไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิตอีกทีก็ได้เหมือนกัน วิเคราะห์รอบโครงการ ก่อนที่จะไปดูรายละเอียดของตัวโครงการ The Saint Residences เรามาดูสภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการกันก่อนดีกว่า ทำเลของห้าแยกลาดพร้าวนี้จัดว่าเป็นแยกใหญ่ เป็นศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ หรือเรียกว่าเป็น Hub ขนาดใหญ่ในโซนกรุงเทพตอนบนก็คงไม่เกินจริงนัก นอกจากจะเป็นแหล่งรวมการคมนาคมที่มากมายหลากหลาย ทั้งรถไฟฟ้า BTS, MRT สถานีขนส่งหมอชิต และสถานีรถไฟบางซื่อ บริเวณนี้ก็ยังมีแหล่งช็อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง เช่น ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ เทสโก้โลตัส ตลาดนัดจตุจักร เจเจมอลล์ ตลาดสด อตก. ตลาดลุงเพิ่มหลังการบินไทย ฯลฯ รวมไปถึงโรงเรียนใหญ่ๆ อย่าง โรงเรียนหอวัง และโรงเรียนเซนต์จอนห์ หน่วยงานราชการ อาคารสำนักงานใหญ่ๆ ที่รายล้อมโดยรอบ จนแทบจะนับได้ว่าเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญที่สุดคือ บริเวณนี้ยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ นับเป็นปอดที่สำคัญของคนกรุงเทพด้วยสวนสาธารณะขนาดใหญ่ถึง 3 แห่ง คือ สวนจตุจักร สวนรถไฟ (สวนวชิรเบญจทัศ) และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ซึ่งอยู่ติดกันทั้งหมดจึงเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ดีมากๆ สำหรับคนเมืองที่วันๆ อยู่แต่ในสภาพแวดล้อมที่แออัดเกือบจะหาอากาศบริสุทธิ์ไม่ได้ เซนทรัลลาดพร้าวอยู่ใกล้แค่ขึ้นสะพานข้ามแยก เดินชิวๆ ไม่เกิน 500 เมตร ก็ถึงหน้าห้างแล้ว ส่วน Union Mall ก็จะเดินใกล้กว่า อยู่ที่ราวๆ 300 เมตรจากหน้าโครงการเท่านั้น จากภาพรวมกว้างๆ ที่ว่ามาข้างต้น คงพอจะทำให้เห็นศักยภาพของทำเลบริเวณนี้ชัดเจนขึ้นมาบ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ ทีนี้เราลองขยับเข้ามาใกล้ตัวโครงการอีกหน่อย เอาแค่ในระยะเดินสบายๆ ไม่เกิน 500 เมตร ก็พอจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่แฮงค์เอ้าท์ รวมถึงแหล่งช็อปปิ้งให้พึ่งพาได้มากมายเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น ร้านลองดู ที่อยู่ปากซอยวิภาวดีฯ 26 ติดกับตัวโครงการพอดี เลยไปอีกหน่อยก็มีร้านปาเต๊ะ ร้านลาดมะพร้าว ไว้แฮงค์เอ้าท์ตอนค่ำๆ เช่นเดียวกันกับร้าน V24 ที่อยู่ถัดจากตัวโครงการไปหน่อย ตรงทางเข้าโรงเรียนเซนต์จอนห์พอดิบพอดี หรือถ้าอยากหาอะไรกินง่าย ทางฝั่งลาดพร้าวข้างๆ ยูเนี่ยนมอลล์ก็มีร้านรายทางให้เลือกมากอยู่เหมือนกัน เพราะอยู่ในย่านชุมชนแล้ว ส่วนถ้าอยากจะนั่งเย็นๆ กินอาหารบนห้าง ก็เลือกได้ตามสบายทั้งในห้างยูเนี่ยนมอลล์ และเซนทรัลลาดพร้าว รับรองว่ามีให้เลือกเพียบ รอบๆ โครงการจึงถือได้ว่าอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ไม่ต้องกลัวอดอยากปากแห้งครับ ร้านลองดู อยู่หน้าปากซอยวิภาวดีรังสิต 26 ติดกับโครงการเลยครับ ฝากท้องยามหิวกับที่นี่ได้ อันนี้ร้านปาเต๊ะครับ ร้านดังของย่านนี้เหมือนกัน อยู่ตรงห้าแยกลาดพร้าวเลย ใกล้ๆ กับร้านปาเต๊ะ มีอีกร้านชื่อ ลาดมะพร้าว สไตล์กินดื่มคล้ายๆ กันครับ สาวๆ กลับบ้านดึกเดินผ่านทางนี้ก็ระวังกันหน่อยนะ เลยไปอีกทางริมถนนวิภาวดีรังสิต จะมีร้าน V24 เป็นสไตล์นั่งดื่มอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยเซนต์จอนห์เลย ตอนค่ำๆ รถจอดเยอะม๊ากกก เนื่องจากตัวโครงการ The Saint Residences ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงเรียนเซนต์จอนห์มาทำการก่อสร้างเป็นคอนโด ซึ่งประกอบไปด้วยอาคารสูง 3 ตึก บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ รอบๆ โครงการในระยะประชิดไม่ได้มีตึกสูงขนาบข้างมากมายนัก ที่เห็นชัดๆ ก็จะเป็นอาคารเรียนสูง 12 ชั้น และอาคารสูง 9 ชั้นภายในโรงเรียนเซนต์จอนห์ อยู่ทางด้านหลังโครงการ ซึ่งมุมนี้อาจจะถูกบังวิวในระยะใกล้บ้าง ส่วนด้านอื่นๆ ถือว่าค่อนข้างโล่ง ไม่มีตึกสูงอยู่ใกล้ๆ แล้ว วิวทางฝั่งด้านหน้าโครงการ จะได้เปรียบเรื่องวิวของสวนสาธารณะ มีพื้นที่สีเขียวโล่งๆ ดูสบายตาดีครับ ส่วนด้านข้างโครงการส่วนใหญ่ก็เป็นอาคารสูงไม่เกิน 5-6 ชั้น แถมยังเป็นบ้านอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ (ในซอย) วิวจากห้องพักจึงค่อนข้างกว้างสบายตา ภาพจำลองโครงการครับ สังเกตุได้ว่าอาคารสูงทั้ง 3 ตึก แทบจะไม่มีตึกอื่นๆ มาบังวิวเลย อย่างที่บอกว่าโครงการ The Saint Residences มีอาคารทั้งหมด 3 ตึก คือ อาคาร A, B และ C สูง 41 ชั้นเท่ากัน โดยมีพื้นที่ Facilities อยู่ตรงกลางระหว่างอาคารทั้ง 3 ถ้าสังเกตุจากโมเดลจะเห็นว่า มีการวางตัวตึกในรูปแบบตัว U ล้อมพื้นที่ส่วนกลางไว้ ดังนั้นห้องพักที่อยู่ด้านในเปิดหน้าต่างมาก็จ๊ะเอ๋ เห็นวิวเป็นห้องเพื่อนบ้านกันเอง พร้อมกับวิวพื้นที่ส่วนกลางด้านล่าง แต่ก็ไม่ถึงกับอึดอัดมากนะครับ ระยะห่างแต่ละตึกยังพอเว้นว่างห่างกันอยู่พอสมควร   โมเดลของโครงการในสำนักงานขายครับ เข้าไปชมกันใกล้ๆ ได้ บริเวณชั้น 1-6 จะเป็นพื้นที่จอดรถ โดยคิดเป็นจำนวน 40% แบบยังไม่นับจอดซ้อนคัน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้า ที่เน้นจับกลุ่มคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า และไม่ต้องอาศัยรถส่วนตัวมากนัก นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ของแต่ละอาคารจะเป็นพื้นที่ของล็อบบี้และร้านค้าบางส่วน โดยมีพื้นที่สีเขียวตรงกลาง เหมือนเป็นจุด Drop Off เชื่อมพื้นที่หน้าอาคารทั้งหมดเข้าด้วยกัน อันนี้เป็นภาพจำลองบริเวณจุด Drop Off ตรงหน้าอาคารทั้ง 3 ซึ่งเน้นการตกแต่งที่หรูหรามีสไตล์ ตัวโมเดลก็จำลองโถงตรงด้านหน้าให้เห็นชัดๆ ซึ่งจุดนี้จะฝ้าเพดานใต้สระว่ายน้ำจะสูงถึง 5 ชั้นเลยทีเดียว บริเวณชั้น 1 ของอาคาร A และ B จะมีร้านค้าภายในโครงการด้วยนะครับ พอขึ้นไปที่ชั้น 7 ซึ่งจะเริ่มเป็นโซนที่พักอาศัย โดยมีพื้นที่ส่วนกลางรวมอยู่ที่ชั้นนี้ด้วย ทั้งสระว่ายน้ำยาว 50 เมตร ห้องฟิตเนส ห้องซาวน่า ห้องสตรีม และห้องอเนกประสงค์ รวมถึงบริเวณสวนสำหรับพักผ่อน โซนด้านอาคาร A และ B ในขณะที่ด้านหลังของอาคาร C ยังมี Facilities เหมือนกันแยกออกมาอีกด้าน แต่ขนาดเล็กกว่า เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่ทั้งนี้ลูกบ้านของทั้ง 3 อาคารสามารถใช้ Facilities ทั้งหมดร่วมกันได้เพราะมีทางเดินเชื่อมถึงกัน ส่วนที่ชั้นบนสุดของแต่ละอาคารจะเป็น สวนลอยฟ้า (Roof Top Garden) แยกกันไป ตรงนี้ลูกบ้านสามารถขึ้นมานั่งเล่น Take View มุมสูงได้ ที่เหลือนอกจากนี้ก็เป็นระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานทั่วไป ทั้ง Key Card Access แบบล็อคชั้น และกล้อง CCTV พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยแบบ 24 ชั่วโมง Master Plan ของโครงการ Facility ทั้งหมดจะรวมอยู่บนชั้น 7 สระว่ายน้ำยาว 50 เมตร เชื่อมต่อระหว่างตึก A กับตึก B บรรยากาศจำลองบริเวณสระว่ายน้ำใหญ่ ในวงกลมจะเห็นทางเชื่อมจากตึก B กับตึก C แต่มีสามารถเดินเชื่อมได้นะครับ หลังตึก C จึงมีสระว่ายน้ำแยกให้ลูกบ้านอีก 1 สระ สระว่ายนี้หลังตึก C ภาพบรรยากาศจำลองของสระว่ายน้ำที่บริเวณด้านหลังของอาคาร C หน้าตาของฟิตเนสบนชั้น 7 คร่าวๆ ก็จะประมาณนี้ครับ Roof Top Garden บนชั้นดาดฟ้าของทั้ง 3 อาคาร เรามาดู Plan ของแต่ละชั้นบางนะครับ เริ่มจากชั้น 7 ของอาคาร B จะมีห้องพักอาศัยเพียง 5 ยูนิต เพราะอีกด้านจะติดกับ Facility มาต่อที่ชั้น 8-40 มีห้องพักอาศัยอยู่ที่ชั้นละ 12 ยูนิต ส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน จะมีห้อง 2 ห้องนอนเป็นห้องมุม ส่วนชั้นบนสุดที่ชั้น 41 จะมีเพียง 6 ยูนิตเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 4 ยูนิต และแบบ 3 ห้องนอน 2 ยูนิต มาดูที่อาคาร C กันบ้างนะครับ ตัวอาคารจะเป็นรูปตัว L ซึ่งจะมีความหนาแน่นมากกว่าอาคาร B อยู่พอสมควร ที่ชั้น 7 จะมีทั้งหมด 13 ยูนิต ส่วนชั้นที่ 8-40 จะมีจำนวนห้องเพิ่มมาเป็นชั้นละ 21 ยูนิต ถ้าพูดกันถึงการใช้สอยพื้นที่ส่วนกลางแล้ว จากที่เห็นตอนแรกว่าทางโครงการจัดมาให้เยอะดูเต็มที่ พอเอามาเทียบกับจำนวนยูนิตรวมทั้งหมดของโครงการแล้ว ต้องบอกว่าหนาแน่นเอาการอยู่เหมือนกัน เพราะทั้งโครงการมียูนิตรวมมากถึง 1,537 ยูนิต ถึงจะพยายามจัด Facilities มาแบบคูณ 2 แล้ว แต่ถ้ามองกันจริงๆ ก็ คงจะไม่เพียงพอต่อการใช้งานซักเท่าไหร่ ถ้าลงมาพร้อมๆ กันเกินครึ่งหนึ่งก็แน่นละ ตรงนี้ถ้าใครคิดหวังอยากจะใช้ Facilities ให้เต็มที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมกันนิดนึงนะครับ พาชมห้องตัวอย่าง ก่อนจะไปดูห้องตัวอย่าง เรามาดูแปลนอาคารกันซักหน่อย ซึ่งห้องพักอาศัยในแต่ละอาคารจะเริ่มกันตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไป และขณะนี้ทางโครงการก็เปิดขายเฉพาะอาคาร B และ C เท่านั้น ส่วนอาคาร A ยังไม่เปิดให้จองครับ ห้องส่วนใหญ่ที่ทางโครงการจัดไว้ก็จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom โดยมีขนาดเริ่มตั้งแต่ 29 ตารางเมตรเศษๆ ไปจนเกือบๆ 35 ตารางเมตร ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom และ 3 Bedroom ก็มีให้เลือกบ้างเหมือนกัน แต่ก็มีจำนวนไม่มากในแต่ละอาคาร โดยจะเป็นห้องที่อยู่ในตำแหน่งมุมอาคาร ชั้นหนึ่งจึงมีเพียง 2-3 ห้องเท่านั้นนะครับ อีกเรื่องที่เกือบจะลืมดูไปเลยก็คือ จำนวนลิฟท์โดยสารในแต่ละอาคาร ที่ทางโครงการจัดมาให้ 3 ตัว สำหรับอาคาร B และ 4 ตัว สำหรับอาคาร C และแยกลิฟท์ขนของมาให้อีกอาคารละ 1 ตัว ซึ่งดูเผินๆ ก็ว่าจำนวนลิฟท์น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าลองเทียบกับจำนวนยูนิตรวมในแต่ละอาคารจะเห็นว่า ความหนาแน่นของการใช้งานลิฟท์โดยสารนั้น อยู่ในระดับ 135-180 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัวเลยทีเดียว ช่วงเช้าๆ ที่ทุกคนรีบออกไปทำงาน คงมีจำนวนคนแย่งใช้งานเยอะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่อย่างไรแล้วเวลาใช้งานจริงต้องรอลุ้นกันอีกที สำหรับห้องตัวอย่าง ทางโครงการเตรียมไว้ให้ชม 2 แบบ ซึ่งเป็นแบบห้องในอาคาร B และ C ทุกห้องฝ้าเพดานสูง 2.6-2.9 เมตร (ขึ้นอยู่กับขนาดห้อง) พื้นห้องปูด้วย Engineer Wood หนา 14 มม. ผนังติด Wall Paper ให้ทั้งห้อง และเลือกใช้วัสดุ สุขภัณฑ์มาในสเปคที่สูงเลยทีเดียว เริ่มกันด้วยห้องแบบ 1 Bedroom ที่ขนาด 30 ตร.ม. จากแปลนจะเห็นว่ามีการจัดวาง Layout ออกมาได้ลงตัวดีทีเดียว มีการแยกสัดส่วนพื้นที่การใช้งานไว้ชัดเจน เปิดเข้าห้องมาจะเป็น Living Area ส่วนห้องนอนจะมีห้องน้ำในตัว และอยู่ด้านในสุดติดกระจกบานใหญ่ เพื่อจะได้ Take View จากห้องนอนได้เต็มที่ ในขณะที่พื้นที่ครัวเป็นครัวปิดติดกับระเบียง จึงสามารถเปิดประตูกระจกบานเลื่อนออกเพื่อช่วยระบายกลิ่นได้ แถมพื้นที่ระเบียงก็กว้างพอที่จะตากผ้า และใช้เป็นพื้นที่ซักล้างได้อีกด้วย โดยภายในห้องตัวอย่างที่เห็นเฟอร์นิเจอร์ส่วนหนึ่งก็จะ Built-in แถมมาพร้อมกับห้องเรียบร้อยแล้ว (Fully Fitted) เว้นแต่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่ไม่มีมาให้ ซึ่งบรรยากาศภายในห้องและหน้าตาวัสดุ สุขภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูภาพประกอบกันเลยครับ แบบแปลนของห้อง 1 Bedroom ซึ่งห้องตัวอย่างที่เราดูมีขนาด 30 ตร.ม. เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนนะครับ บริเวณนี้เพดานจะสูง 2 ระดับ คือ 2.60 และ 2.90 เมตร ข้างๆ ประตูห้องจะมีตู้เก็บของแบบนี้อยู่ด้วยนะครับ ใช้เป็นที่เก็บรองเท้า เก็บร่ม หรือของเล็กๆ น้อยๆ อันนี้ให้มาพร้อมห้องเลย จริงๆ สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งได้เลยนะครับ หรือจะเลือกวางโซฟาที่เล็กลงมาหน่อยเพื่อให้มีพื้นที่วางอย่างอื่นตกแต่งก็ได้ แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน อีกฝั่งจะเป็นจุดที่วางทีวี ระยะระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างกันพอสมควร สามารถเลือกวางทีวีจอใหญ่ๆ ได้สบายๆ ที่ Living Area จะเป็นแอร์แบบ Conceal โต๊ะกินข้าวอันนี้วางอยู่ระหว่างประตูห้องครัวกับห้องนอน ทางโครงการทำให้ดูเป็นไอเดียนะครับ ห้องจริงไม่มีมาให้ จาก Living Area เราขยับมาดูทางซ้ายที่ห้องครัวกันก่อนนะครับ ห้องแบบนี้จะได้ครัวปิด ซึ่งใช้ประตูกระจกบานเลื่อนสูงจรดเพดานเลย ทำให้แสงผ่านเข้ามาถึง Living Area ได้เต็มที่ เคาน์เตอร์ครัวเป็นสีขาวสะอาดตา ของจริงก็ให้มาแบบนี้เลยครับ ทั้งตู้เก็บของด้านบนที่สูงจรดเพดานด้วย ชุดครัวก็ให้มาครบ ทั้งเตาไฟฟ้า พร้อมฮูดดูดควัน เตาอบไมโครเวฟ และอ่างล้างจานฝั่งเคาน์เตอร์ เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันของ Franke เตาไมโครเวฟพร้อมระบบเตาอบ ตัวนี้ก็ให้มาด้วยนะครับ ชั้นเก็บอุปกรณ์เครื่องครัวเป็นแบบนี้เลย มีช่องใส่ของมาให้เสร็จสรรพ ตู้ด้านบนก็เก็บของได้อีกเยอะเลย ที่สำคัญประตูตู้ทุกบานเป็นแบบ Soft Close ด้วย ประตูบานเลื่อนตรงระเบียง เป็นกระจก 3 ตอน เปิดได้กว้างจนเกือบสุดเลยรับรองว่าช่วยเรื่องระบายกลิ่นในครัวได้ดีทีเดียว พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้อง และดรอปลงมาต่ำกว่าพื้นห้องเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นต้องคอยระวังเรื่องท่อระบายน้ำที่ระเบียงให้ดีนะครับ อย่าให้ตันเด็ดขาด ไม่งั้นมีโอกาสที่น้ำจะท่วมเข้าห้องได้ พื้นที่ระเบียงตรงนี้กว้างพอให้ตากผ้าได้เลย คอมเพรสเซอร์แอร์สองตัว แขวนไว้ด้านบนมีระแนงบังตาไว้เรียบร้อย ใต้คอมเพรสเซอร์แอร์วางเครื่องซักผ้าได้สบายๆ เพราะตรงนี้มีปลั๊กมาให้แล้ว ขาดแค่ก๊อกน้ำเท่านั้น มองจากในห้องครัวไปจะเห็นว่าประตูระเบียงสามารถเปิดได้กว้างเต็มที่แบบนี้เลยครับ คราวนี้มาดูที่ห้องนอนกันบ้าง ของจริงประตูห้องนอนจะเป็นบานสวิงนะครับ ในห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ ถ้าจะใส่เป็นเตียง 6 ฟุตก็ได้แต่พื้นที่รอบๆ ก็จะเหลือน้อยหน่อย หน้าต่างในห้องนอนเป็นกระจกบานใหญ่เกือบเต็มผนัง เน้นเปิดรับวิวจากห้องนอนกันไปเต็มๆ ปลายเตียง Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วยนะครับ ติดกันกับตู้เสื้อผ้ามีที่เหลือไว้แขวนทีวีเล็กๆ ได้อีกเครื่อง ในตู้เสื้อผ้า แบ่งชั้นแขวน ลิ้นชักเก็บของ ที่แขวนกางเกงเอาไว้ให้เรียบร้อย บานประตูตู้เสื้อผ้าก็เรียบๆ หน้าตาแบบนี้เลย ข้างๆ เตียงเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้ง หรือจะจัดเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ แต่ของจริงผนังมุมนี้ไม่ได้ติดกระจกมาให้นะ ทางโครงการให้เป็น wall paper มาแทน ห้องน้ำมีห้องเดียวอยู่ในห้องนอนเลย อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์เป็นสีขาวทั้งหมด ตู้กระจกเหนืออ่างล้างหน้า เปิดออกมาเป็นชั้นเก็บของได้อีกเพียบเลย อ่างล้างหน้าเป็นทรงสี่เหลี่ยม ดีไซน์เรียบๆ ยี่ห้อ Kasch เพิ่มความเก๋ด้วยชุดก๊อกน้ำดีไซน์ล้ำๆ ใต้อ่างล้างหน้าสามารถเปิดออกมาเป็นที่เก็บของได้อีก โถสุขภัณฑ์ก็เลือกดีไซน์เรียบๆ เช่นกัน ส่วนที่กำชำระขยับไปอยู่ด้านบนที่วางของ ถ้าไม่ทันสังเกตุนี่หาแทบไม่เจอเลยครับ ห้องอาบน้ำอยู่ด้านในสุด กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ พื้นบริเวณที่อาบน้ำดรอปลงอีกนิดหน่อย ราวๆ 2 เซนติเมตร ชุดฝักบัวอาบน้ำของ Kasch ดีไซน์แปลกตา ฝักบัวดีไซน์เรียบมาก ไม่มีส่วนเว้าให้จับแบบนี้ระวังลื่นหลุดมือนะครับ แต่ถ้าไม่ถนัดถือฝักบัวอาบ ก็มี Rain Shower ของ​ Kasch ติดตั้งมาให้อีกเช่นกัน ในห้องอาบน้ำจะติดมุมเสานิดนึง ดังนั้นที่ว่างข้างๆ ทางโครงการเลยก่อปูนปูกระเบื้องขึ้นมา เผื่อไว้วางของหรือจะนั่งก็ได้มั้งครับ (ถ้าตัวเล็กๆ หน่อย) จริงๆ พื้นที่ในห้องอาบน้ำไม่ได้ใหญ่มากนะครับ ออกจะแคบไปหน่อย เวลายกแขนถูสบู่อาจชนผนังหรือประตูบ้าง อันนี้ผมเลยลองถ่ายให้เห็นเท้าด้วย เผื่อจะได้นึกภาพกันออกว่าเวลายืนอาบน้ำจริงๆ แล้วจะใช้พื้นที่แค่ไหน ภาพรวมๆ ในห้องน้ำครับ เน้นการจัดแสงอุ่นๆ ดูเรียบหรู อีกห้องจะเป็นห้องแบบ 2 Bedroom โดยขนาดห้องก็จะมีตั้งแต่ 55-65 ตร.ม. แต่ห้องตัวอย่างที่เตรียมไว้จะเป็นขนาดเริ่มต้นที่ 55 ตร.ม. นะครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่าห้องแบบ 2 Bedroom จะอยู่ในตำแหน่งมุมตึก ลักษณะของห้องที่เลือกมาก็เป็น Type B1 ซึ่งพื้นที่ใช้สอยไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมซะทีเดียว พอเปิดประตูเข้ามาเราจึงเจอ Living Area ที่เป็นพื้นที่ในแนวลึก ครัวของห้องนี้เป็นแบบครัวเปิด แบ่งพื้นที่ใช้สอยกับโซนนั่งเล่นซึ่งติดกับระเบียง ในขณะที่พื้นที่ด้านในสุดแบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้อง และห้องน้ำ 2 ห้อง เรื่องวัสดุ สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็เหมือนกับห้องแรกทุกอย่าง ซึ่งขายมาแบบ Fully Fitted เช่นเดียวกัน แบบแปลนห้อง 2 Bedroom Type นี้จะเป็นห้องในแนวลึกนะครับ ทางเข้าห้องจะเป็นโถงทางเดินลึกเข้าไป ด้านซ้ายเป็นชั้นเก็บของ ที่เก็บรองเท้าที่ Built-in มาให้พร้อมห้อง ส่วนกระจกด้านขวาของจริงไม่ได้ให้มานะครับ พื้นห้องปูด้วย Engineer Wood หนา 14 มม. ทุกห้อง แต่ห้องแบบ 2 Bedroom จะสีเข้มกว่า เดินเข้ามาอีกหน่อยก็เจอครัวเปิดอยู่ทางซ้าย มีชุดโต๊ะกินข้าววางไว้ตรงกลางเลย เคาน์เตอร์ครัวหน้าตามาตรฐานเลย ตู้ทั้งด้านบนและล่างมาเต็ม เคาน์เตอร์ครัว Top ด้วยหินสังเคราะห์นะครับ อันนี้ได้เหมือนกันทุกห้องเช่นกัน เตาไฟฟ้า ฮูดดูดควัน และเตาไมโครเวฟโอเว่นก็ให้มาครบเหมือนกัน แต่สำหรับห้อง 2 Bedroom จะเป็นเตาขนาด 4 หัว ยี่ห้อ Franke ฮูดดูดควันแบบใกล้ๆ ครับ อ่างล้างจานเป็นแบบฝังเคาน์เตอร์เหมือนเดิม แต่ตัวอ่างนี่ลึกใช้ได้เลย ลิ้นชักเก็บของก็จัดมาเต็ม บานประตูเป็น Soft Close เช่นกัน ติดกับครัวเป็น Living Area แต่ Layout ยังดูไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ เพราะตำแหน่งวางทีวีไปตรงกับทางเดินไปห้องนอนพอดี เลยทำให้ต้องวางโซฟาเอียงๆ แบบนี้ ถ้าจะว่าโซฟาไว้ตรงๆ ก็คงจะเดินลำบากหรือไม่ก็เหลือระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาไม่มาก พื้นที่ตรงนี้เลยแปลกๆ หน่อย หลังโซฟาเป็นระเบียง จะเดินไปออกระเบียงก็ต้องอ้อมๆ โซฟาหน่อย ถ้าจัดวางกันแบบนี้ ระเบียงกว้างเหมือนกันครับ ประตูก็เป็นกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่จรดเพดานทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มๆ พื้นระเบียงดรอปลงมาประมาณนึง ไม่ต่างกับห้องอื่นๆ ครับ ต้องระวังเรื่องการระบายตรงระเบียงกันไป พื้นที่ระเบียงนี่กว้างพอให้ตากผ้า หรือจะวางเก้าอี้ไว้นั่งเล่นรับลมก็ได้เก๋ๆ ที่แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์กั้นไว้เป็นห้องเลย ประตูเปิดได้แบบนี้ ส่วนเครื่องซักผ้าต้องไปไว้ที่อื่นไม่เหมือนกับห้องเล็กที่เอาไว้ใต้คอมเพรสเซอร์เลย ไปดูห้องนอนกันดีกว่า ซึ่งด้องเดินผ่านโถงทางเดินตรงนี้เข้าไปครับ ประตูทางซ้ายเป็นห้องนอนใหญ่ ส่วนประตูตรงหน้าเป็นห้องนอนเล็ก และห้องน้ำเล็กอยู่ทางขวาหน้าห้องนอนเล็กครับ เรามาดูห้องน้ำเล็กกันก่อน ซึ่งเป็นแบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom เลย เหนืออ่างล้างหน้าเป็นตู้กระจกบานใหญ่เหมือนกัน หลังบานกระจกเปิดออกเป็นชั้นเก็บของได้ อ่างล้างหน้าของ Kasch ดีไซน์เรียบ ก๊อกน้ำดีไซน์ล้ำ พร้อมหัวน้ำอุ่น และมีปลั๊กไฟไว้ให้ด้วย ชุดสุขภัณฑ์แบบฝั่งผนังนะครับ ตัวกดชำระเลยไปอยู่ด้านบน ห้องอาบน้ำกันด้วยกระจกเทมเปอร์ แต่ไม่มี Rain Shower มาให้นะครับ มีแต่ชุดฝักบัวเล็ก อันนี้เป็นห้องนอนเล็ก แต่ทางโครงการจัดการตกแต่งให้เป็นห้องทำงานแทน เผื่อไว้เป็นไอเดียสำหรับคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ 2 ห้องนอนครับ มี Sofa Bed และมุมทำงานติดริมหน้าต่าง เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นห้องนอนเล็ก เลยมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ อันนี้ได้มาเหมือนกันทุกห้อง เปิดมาข้างในก็จัดเป็นชั้นเก็บของ ที่แขวนเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว Sofa Bed แบบนี้ จริงๆ ก็ใช้นอนได้ครับ แต่อาจจะไม่สบายเท่าเตียง ซึ่งห้องนอนเล็กนี้ก็วางเตียง 3.5 ฟุตแทนได้กำลังดี ไม่งั้นจะอึดอัดเกินไป ส่วนห้องนอนใหญ่ก็จัดกันไปเต็มๆ ด้วยเตียง Queen Size หรือจะ King Size ก็ยังพอไหว พอเป็น Queen Size ก็เลยมีที่เหลือข้างๆ ไว้วางโต๊ะหัวเตียงได้บ้าง หน้าต่างในห้องนอนใหญ่เป็นบานใหญ่เกือบเต็มผนัง แต่มีเว้นแบ่งเป็นบานกระทุ้งเล็กๆ ไว้เผื่อเปิดระบายอากาศหรือรับลมได้ ตู้เสื้อผ้า Built-in เหมือนกัน เปิดมาก็แบ่งพื้นที่เก็บของไว้ชัดเจนแล้ว ลิ้นชัก ที่เก็บข้าวของมากมายแบบนี้เลยครับ มุมแต่งตัวโต๊ะเครื่องแบบวางไว้ปลายเตียงครับ แต่อันนี้ห้องจริงไม่ได้มีมาให้นะไม่งั้นคงผิดหลักฮวงจุ้ยกันนิดหน่อย อิอิ แอร์ในห้องนอนเป็นแบบแขวนนะครับ ไม่ได้ฝังฝ้า ประตูห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ก็อยู่ด้านปลายเตียงเช่นกัน ในห้องน้ำก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างครับ Layout เดิมเลย กระจกบานใหญ่ ไฟฝังผนัง ชุดสุขภัณฑ์สีขาว หลังกระจกเป็นตู้เก็บของเหมือนกัน อ่างล้างหน้าของ Kasch มีตู้เก็บของด้านล่าง ก๊อกน้ำเก๋ๆ พร้อมหัวน้ำอุ่นในตัว ชุดโถสุขภัณฑ์แบบฝังผนัง ของ American Standard ที่กดชำระจะเรียบๆ อยู่ด้านบน ห้องอาบน้ำกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ แต่ต่างที่มีหน้าต่างบานกระทุ้งเพิ่มขึ้นมา ซึ่งดีตรงที่ช่วยเรื่องระบายอากาศได้ดี ชุดฝักบัวเล็กของ Kasch เรียบๆ ตามมาตรฐานเท่ากันทุกห้อง ตัวฝักบัวจะเรียบๆ ขนาดพอดีมือ แต่อาจจะจับไม่ค่อยถนัดเวลาอาบน้ำมือลื่นๆ ห้องอาบน้ำของห้องนอนใหญ่มี Rain Shower มาให้ และมีไฟฝังเพดานด้วย ก่อปูนปูกระเบื้องมาไว้ให้นั่งอาบน้ำหรือวางของได้เหมือนกัน แต่กว้างกว่าดูใช้งานได้มากกว่า หน้าต่างบานกระทุ้งในห้องน้ำบานใหญ่ใช้ได้เลย เปิดไว้ให้ระบายอากาศได้ดีทีเดียว หลังจากที่ได้ดูห้องตัวอย่างทั้ง 2 แบบไปแล้ว เรากลับถูกใจห้องแบบ 1 Bedroom มากกว่า เพราะถึงแม้ห้อง 2 Bedroom จะมีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า แต่กลับรู้สึกว่าห้องแคบกว่าและ Layout ของ Living Area ยังไม่ค่อยลงตัวนัก ไหนจะเรื่องห้องครัวที่เป็นครัวเปิด ซึ่งจะทำให้ภายในห้องมีปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนได้ง่ายกว่า ทั้งๆ ที่ห้องแบบนี้เหมาะกับการอยู่อาศัยเป็นครอบครัวมากกว่า และน่าจะมีการทำครัวมากกว่า ถ้าได้เป็นครัวปิดก็คงจะดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าเพิ่มด่วนสรุปว่าห้อง 2 Bedroom ไม่ดีนะครับ เพราะทางโครงการยังมี Type ห้องแบบอื่นๆ ให้เลือกเปรียบเทียบด้วยเช่นกัน ซึ่งคุณก็สามารถเลือกให้ตรงกับความต้องการหรือตอบโจทย์การใช้สอยส่วนตัวได้มากที่สุดเลยครับ ราคาและเงื่อนไขการขาย ณ วันที่ 10 เมษายน 2558 ห้องเลขที่ 709 ชั้น 7 Tower B แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 30.02 ตารางเมตร ราคาขาย   4,071,552.56 บาท ราคาต่อตารางเมตร   135,628 บาท เงินจอง   30,000 บาท เงินทำสัญญา   5%  หรือ  173,578 บาท เงินดาวน์    20% จำนวน 814,320 บาท ผ่อนดาวน์ 40 งวด งวดละ 20,358 บาท   ห้องเลขที่ 1008 ชั้น 10 Tower C แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 30.37 ตารางเมตร ราคาขาย   3,960,308.74 บาท ราคาต่อตารางเมตร   130,402 บาท เงินจอง   30,000 บาท เงินทำสัญญา   5%  หรือ  168,016 บาท เงินดาวน์    20% จำนวน 792,080 บาท ผ่อนดาวน์ 40 งวด งวดละ 19,802 บาท
รีวิวคอนโดทำเลเตาปูน-บางซ่อน : รีวิวคอนโด

รีวิวคอนโดทำเลเตาปูน-บางซ่อน : รีวิวคอนโด

สวัสดีมิตรรักแฟนเพจทุกท่านครับ รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูทำเลที่กำลังฮอตฮิตสุดๆ ในเวลานี้ นั่นคือทำเลย่านเตาปูน-บางซ่อนนั่นเองครับ สาเหตุที่ทำให้ทำเลในย่านนี้คึกคักเป็นพิเศษก็เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ และสายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ ยิ่งตอนนี้การก่อสร้างรถไฟฟ้าคืบหน้าไปมากจนใกล้จะเสร็จเต็มที ทำให้ราคาของบางโครงการพุ่งขึ้นไปเกินแสนบาทต่อตารางเมตรกันแล้ว อย่าช้าอยู่ใย.. เราไปทำความรู้จักกับโครงการในย่านนี้กันดีกว่าครับ ว่าจะน่าสนใจขนาดไหน   การมาของรถไฟฟ้าทำให้อสังหาฯ ในย่านนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ยิ่งการก่อสร้างรถไฟฟ้าใกล้เสร็จสมบูรณ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับทำเลในย่านนี้เข้าไปอีก สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะเริ่มเปิดวิ่งทดสอบเสมือนจริงประมาณเดือนกันยายน 2558 นี้ และจะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในช่วงเดือนสิงหาคม 2559 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม 4 เดือน จากที่มีกำหนดจะเปิดในเดือนธันวาคม 2559 เนื่องจากบริษัทฯ มีการก่อสร้างเสร็จเร็วกว่ากำหนด ส่วนจุดที่คอนโดขึ้นเยอะที่สุดเห็นจะเป็นบริเวณถนนประชาราษฏร์สาย 2 ใกล้ๆ สถานีเตาปูน เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ดูจากแผนที่ก็จะเห็นนะครับ ว่ารอบๆ สถานีเตาปูน Interchange มีหลายโครงการเลยทีเดียว ที่อยู่ใกล้ที่สุดจะเป็นโครงการ ชีวาทัย Interchange (อ่านพรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise สูง 26 ชั้น ขยับออกมาอีกหน่อยจะเป็นโครงการที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วคือโครงการ  Rich Park 2@เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ (อ่านรีวิวโครงการ) และห่างออกมาอีกจะมี 2 โครงการ High Rise ที่อยู่ใกล้ๆ กันคือโครงการ The Stage เตาปูน Interchange (อ่านรีวิวโครงการ) และ The Tree Interchange (อ่านพรีวิวโครงการ) จากพฤกษา ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ บริเวณนี้ ในระยะที่สามารถเดินได้จะมีแหล่งใหญ่ๆ อยู่ 2 ที่คือตลาดสดสามแยกเตาปูน และโลตัสเตาปูน นอกจากนั้นก็จะมีร้านขายอาหารตาม 2 ข้างทางและ 7-11 ให้พอฝากท้องกันได้บ้าง ตอนนี้โครงสร้างภายนอกของตัวสถานีเตาปูนเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ น่าจะเหลือระบบภายในที่ยังต้องดำเนินการกันต่อ โครงการชีวาทัย Interchange เป็นโครงการที่อยู่ใกล้สถานีเตาปูนมากที่สุด ภายนอกตัวอาคารก่อสร้างไปได้เยอะแล้วนะครับ ซึ่งโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2558 นี้ครับ เลยจากโครงการชีวาทัย Interchange มานิดหน่อยเป็นโครงการ Rich Park 2@เตาปูน Interchange ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีเตาปูนประมาณ 120 เมตร เท่านั้น ถัดมาเป็นโครงการ The Stage เตาปูน Interchange คอนโด High Rise สูง 36 ชั้น จาก Real Asset อยู่ห่างจากสถานีเตาปูนประมาณ 400 เมตร และอีกหนึ่งโครงการบนถนนประชาราษฎร์สาย 2 คือโครงการ The Tree Interchange คอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 40 และ 39 ชั้น ที่มีกำหนดการสร้างเสร็จในปีนี้ ตัวโครงการจะตั้งอยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สถานี โดยห่างจากสถานีเตาปูนประมาณ 550 เมตร และสถานีบางโพประมาณ 400 เมตร ทีนี้เรามาดูสาธารณูปโภคบริเวณรอบๆ สถานีเตาปูนกันบ้างนะครับ จากสถานีเตาปูนมาทางถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี นิดเดียวจะมีร้านสะดวกซื้อ และร้านขายอาหาร อยู่หลายร้านเลยครับ ใกล้ๆ กันก็มีตลาดสดให้เลือกซื้อเลือกหา มีทั้งผัก ผลไม้ ของสด ของแห้ง เสื้อผ้า จากถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี เราสามารถเดินทะลุมาออกถนนประชาชื่นได้เลยครับ ถ้าใครไม่ชอบเดินตลาดสด ข้ามมาฝั่งถนนประชาชื่นก็จะมีเทสโก้ โลตัส ไว้คอยบริการ ถ้าเดินมาแล้วขี้เกียจเดินกลับก็มีพี่วินมอไซค์ คอยรับ-ส่ง อยู่หน้าโลตัส คราวนี้เรามาดูสถานีบางซ่อนกันบ้างนะครับ ซึ่งถือว่าฮอตไม่แพ้สถานีเตาปูนกันเลยทีเดียว ตัวสถานีบางซ่อนจะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงที่จะวิ่งระหว่างบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งในอนาคตจะเชื่อมต่อไปถึงนครปฐม  - ฉะเชิงเทรา จากสถานีบางซ่อนจะมี Sky Walk เชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงที่ชื่อว่าสถานีบางซ่อนเหมือนกัน สำหรับคอนโดที่อยู่ใกล้ตัวสถานีมากที่สุดจะเป็นโครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง Interchange (อ่านพรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น แบรนด์ Ideo จากอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และอีกหนึงโครงการที่อยู่ใกล้ๆ สถานีคือโครงการ Regent Home @ Bangson Station (อ่านพรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise หมู่ 4 อาคาร ราคาไม่ถึงล้านแบนด์ Regent Home ถัดออกมาอีกหน่อยเป็นโครงการ U Delight@บางซ่อน สเตชั่น (อ่านรีวิวโครงการ) คอนโดแบรนด์ U Delight อีกหนึ่งโครงการที่ยึดทำเลย่านนี้อย่างเหนียวแน่น ต่อมาเป็นโครงการ Rich Park@บางซ่อน ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟสายสีแดง เราข้ามไปดูฝั่งถนนประชาชื่นกันบ้างนะครับ จะมีอยู่ 2 โครงการ คือโครงการ Supalai Veranda รัชวิภา-ประชาชื่น (อ่านรีวิวโครงการ) แม้ตัวโครงการที่ตั้งอยู่ฝั่งถนนประชาชื่นแต่ก็สามารถใช้ซอยประชาชื่น 19 ลัดมาออกซอยกรุงเทพฯ-นนทบุรี 32 ก็จะเจอสถานีบางซ่อนพอดี และอีกโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนประชาชื่น ใกล้กับสถานีบางซ่อน ของรถไฟสายสีแดง คือโครงการ Metro Sky ประชาชื่น (อ่านรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise 3 อาคาร สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกในย่านนี้จะมีตลาดสดบางซ่อน และตลาดชุมทาง สยามยิปซี ที่ตั้งอยู่ใต้แนวรถไฟชานเมืองสายสีแดง ใกล้กับสถานีบางซ่อน แหล่งชอปปิ้งยามค่ำคืนที่ถูกเนรมิตพื้นที่ออกมาในสไตล์ย้อนยุค และกำลังกลายเป็นแฟชั่นของเด็กแนววัยโจ๋ และคนเมืองหลวงในคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จากสถานีบางซ่อนของรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะมี Sky Walk เชื่อมไปถึงสถานีบางซ่อนของรถไฟชานเมืองสายสีแดง มองตรงไปอีกจะเห็นโครงการ Rich Park ตั้งตระหง่านอยู่ใกล้ๆ โครงการ Rich Park@บางซ่อน สเตชั่น เป็นคอนโด High Rise สูง 27 ที่สร้างเสร็จได้สักระยะแล้วนะครับ ตัวโครงการอยู่ห่างจาก MRT สถานีบางซ่อน ประมาณ 200 เมตร มาดูกันต่อกับโครงการ U Delight @ บางซ่อน สเตชั่น ตัวโครงการตั้งอยู่ห่าง MRT สถานีบางซ่อนไปทางเตาปูนประมาณ 120 เมตร การก่อสร้างโครงการคืบหน้าไปมากแล้วนะครับ โดยมีกำหนดสร้างเสร็จประมาณเดือนธันวาคมปี 2558 นี้ครับ ตลาดชุมทาง สยามยิปซี แหล่งช้อปปิ้งแห่งใหม่ ในย่านนี้ นอกจากแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารต่างๆ แล้ว ยังมีสถานที่ราชการอยู่ใกล้ๆ ด้วยนะครับ อย่างไปรษณีย์บางซื่อ แห่งนี้ก็อยู่ติดกับโครงการ U Delight เลยออกมาอีกไม่ไกลก็จะเจอ สน.เตาปูน ส่วนเรื่องการจราจรในย่านนี้ยังถือว่าไม่ค่อยติดขัดสักเท่าไหร่ นับตั้งแต่ได้รับพื้นผิวการจราจรกลับคืนมาจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า ก็ยิ่งทำให้การใช้รถใช้ถนนตั้งแต่ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี ไปจนถึงแยกเตาปูน เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 คล่องตัวมากขึ้น สภาพแวดล้อมในย่านนี้ยังคงความเป็นชุมชนเก่า ค่อนข้างสงบ จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย ยิ่งการมาของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ยิ่งทำให้การเดินทางในอนาคตค่อนข้างสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต เนื่องจากห่างออกไปทางด้านเกียกกาย กำลังมีการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ในขณะที่การซื้อหาห้องเพื่อการลงทุน อาจจะต้องทำการบ้านกันหนักหน่อย เพราะทำเลในแถบนี้มีตัวเลือกให้เปรียบเทียบอยู่หลายโครงการ จึงควรพิจารณาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจด้วยนะครับ วันนี้ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมนะครับ ไว้พบกันใหม่ในรีวิวฉบับต่อไป อ่อ!!... ฝากเพจ facebook.com/reviewyourliving ไว้ในอ้อมใจทุกท่านด้วยนะครับ เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและเรื่องน่ารู้ต่างๆ เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยจากเรา ^_^
Supalai City Resort แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

Supalai City Resort แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

Supalai City Resort แจ้งวัฒนะ คอนโด High Rise สูง 24 ชั้น ติดถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพูและทางด่วน โครงการใหม่จากศุภาลัย รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   1,850,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 53,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด   High Rise  สูง 24 ชั้น  1 อาคาร จำนวนห้อง   752 ยูนิต และร้านค้า 6 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   ประมาณ 5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี สถานที่สำคัญใกล้เคียง ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เซ็นทรัล พลาซ่า แจ้งวัฒนะ แม็คโคร แจ้งวัฒนะ โลตัส แจ้งวัฒนะ บิ๊กซี แจ้งวัฒนะ ดิ อเวนิว แจ้งวัฒนะ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค  เมืองทองธานี ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่  33.5 – 72.0 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Library Swimming Pool Fitness Sky Lounge ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมงด้วยระบบ Finger Scan ระบบป้องกันอัคคีภัย Smoke & Heat Detector และ Fire Alarm CCTV สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-575-3322 หรือ 1720 กด 80 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.supalai.com
ISSI Condo สุขสวัสดิ์ : รีวิวคอนโด

ISSI Condo สุขสวัสดิ์ : รีวิวคอนโด

คราวนี้เราจะพาไปดู ISSI Condo คอนโดมิเนียมสไตล์โมเดิร์นสูง 24 ชั้น อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจของชาญอิสสระ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุขสวัสดิ์ ในทำเลที่ใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน และยังเกาะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่คาดว่าจะมีการก่อสร้างในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย   การเดินทาง สำหรับเรื่องการเดินทาง โครงการ ISSI Condo Suksawat ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่บริเวณปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 ถ้าหากขึ้นทางด่วนข้ามสะพานพระราม 9 หรือสะพานแขวนมาสามารถเลือกลงได้ทั้งทางลงสุขสวัสดิ์ และทางลงพระราม 2 เริ่มจากบนทางด่วนกันเลยนะครับ เราอยู่บนทางด่วนศรีรัช มุ่งหน้าไปทางดาวคะนอง ตามป้ายดาวคะนองไปเลยครับ ตามป้ายดาวคะนองมาเรื่อยๆ มาถึงตรงนี้ให้ชิดขวาตามป้าย เพื่อที่จะเบี่ยงออกไปขึ้นสะพานพระราม 9 ขึ้นสะพานพระราม 9 มาแล้วจะเห็นธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือ ลงสะพานมาเราก็ตามป้ายดาวคะนองต่อไปอีกนะครับ มาถึงตรงนี้จะเห็นป้ายบอกให้เบี่ยงซ้าย ก็ถึงจุดลงทางด่วนแล้วล่ะครับ ลงมาจากทางด่วนก็จะเข้าสู่ถนนพระราม 2 คราวนี้เราจะไม่ตามป้ายดาวคะนองแล้วนะครับ เราจะเลี้ยวขวาไปทางพระประแดงตามป้ายเลย เลี้ยวขวามาแล้วเราก็เข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้วล่ะครับ ตรงจากแยกมานิดหน่อยจะเห็นบิ๊กซี สุขสวัสดิ์อยู่ด้านซ้ายมือ ก็แสดงว่าใกล้ถึงโครงการแล้วล่ะครับ ให้ชิดซ้ายไว้ได้เลย เลยจากบิ๊กซีมานิดเดียวจะเห็นซอยสุขสวัสดิ์ 17 คอนโดจะอยู่ติดกับซอยนี้เลย ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ สำนักงานขายโครงการก็จะตั้งอยู่หน้าไซต์ก่อสร้างนี่เลยครับ หรือใครที่อยากลงทางด่วนที่ถนนสุขสวัสดิ์เลยก็ได้เหมือนกันนะครับ ระยะทางอาจจะไกลกว่าลงที่ถนนพระราม 2 แต่ระหว่างทางไปโครงการจะมีตลาด มีร้านอาหาร ให้เลือกซื้อหามากกว่าทางฝั่งถนนพระราม 2 ขอเริ่มจากจุดที่ลงสะพานพระราม 9 เลยนะครับ ลงสะพานมาแล้วให้ชิดซ้ายเพื่อที่จะออกถนนสุขสวัสดิ์เลย เมื่อเข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้ว เราต้องกลับกลับรถก่อนนะครับ จากจุดลงทางด่วนมาประมาณ 550 เมตร จะเจอที่กลับรถ พอกลับรถมาแล้วก็ตรงยาวๆ เลยครับ ตรงนี้จะเป็นจุดขึ้นทางด่วนขาเข้าเมือง ตรงมาอีกหน่อยจะเจอโลตัส บางปะกอก อยู่ทางขวามือ ถ้าเบื่อบิ๊กซีที่อยู่ข้างๆ โครงการก็มาเดินโลตัสตรงนี้ได้นะครับ ฮ่าๆ ข้างๆ โลตัสจะเป็นตลาดสดบางปะกอก เย็นๆ จะมีร้านอาหารอยู่หน้าตลาดเยอะแยะเลยครับ จากตลาดบางปะกอกมาประมาณ 1 กม. ก็จะเจอโครงการอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วล่ะครับ เลยจากบิ๊กซีมาเราต้องกลับรถอีกรอบนึง เพื่อเข้าโครงการที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นอกจากนี้ยังสามารถใช้สะพานกรุงเทพข้ามมายังฝั่งธนฯ เลี้ยวเข้าถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินที่แยกมไหสวรรค์ แล้วตรงต่อมายังถนนสุขสวัสดิ์จนถึงที่ตั้งโครงการ หรือถ้าถนนเส้นนี้รถติดเกินไปเพราะกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอุโมงค์ข้ามแยก ก็ยังสามารถเลี่ยงไปใช้ถนนราษฎร์บูรณะ เพราะเป็นเส้นที่ขนานกับถนนสุขสวัสดิ์และมีหลายซอยที่เชื่อมต่อถึงกัน เช่น ซอยสุขสวัสดิ์ 13, 15/1, 19 และ 25 ซึ่งซอยเหล่านี้ช่วยได้เยอะเลยนะครับ เราจะได้ไม่ต้องกลับรถไปกลับรถมาให้วุ่นวาย หรือจะเลือกไปใช้สะพานภูมิพลก็เป็นอีกเส้นทางที่สะดวกดีไม่แพ้กัน ทั้งข้ามไปยังปู่เจ้าฯ และเข้าเมืองมาที่ฝั่งพระราม 3 ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนบนถนนสุขสวัสดิ์ ต้องบอกว่ามีตัวเลือกไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งรถเมล์ที่วิ่งผ่านหลายสาย รถตู้ รถกะป๊อ แท็กซี่ แล้วที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งเป็นตัวช่วยชั้นดีเลยนะครับในวันที่รีบสุดๆ ที่สำคัญในอนาคตยังมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่านหน้าโครงการอีก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำการก่อสร้างในปีสองปีนี่แหละครับ รับรองว่าได้ใช้กันแน่ๆ วิเคราะห์ทำเลรอบโครงการ ในส่วนของทำเลที่ตั้งโครงการ ISSI Condo Suksawat  ต้องบอกว่าอยู่ในย่านที่คึกคักมากทีเดียว ทั้งนี้เพราะทำเลแถบนี้อยู่ในย่านที่อยู่อาศัยซึ่งมีอยู่เดิม บรรยากาศโดยรอบจึงมีทั้งร้านค้า วัด โรงเรียน และตลาด แต่ในขณะเดียวกันตัวโครงการก็ไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนซะทีเดียวนะครับ จัดว่าระดับความสะดวกสบายอยู่ใกล้กำลังดี อาศัยเดินซักนิด นั่งรถอีกซักหน่อยก็มีครบแทบทุกอย่างครับ เอาที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะเป็นห้าง Big C สุขสวัสดิ์ ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าโครงการไปเพียง 120 เมตรเท่านั้น เอาไว้เป็นแหล่งจับจ่ายซื้อของใช้จำเป็นได้ และระหว่างทางเดียวกันนี้ก็มีสำนักงานสรรพากรอยู่ด้วย แถมยังมีคิวรถกระป๊ออีกหลายสายจอดรออยู่บริเวณนี้ จะไปไหนมาไหนใกล้ๆ ก็สะดวกดีครับ แล้วถ้าเดินเลยขึ้นไปทางซอยสุขสวัสดิ์ 19 ก็มีของกินอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ทั้งรถเข็นขายอาหาร แผงลอย ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารก็มีเยอะตั้งแต่ปากซอยเลย โดยเฉพาะในซอยสุขสวัสดิ์ 19 ที่คึกคักมากหน่อย เพราะมีทั้งวัดและโรงเรียนอีก 2 แห่งในซอย ช่วงเลิกเรียนจะขายของกันคึกคักดี แถมยังเป็นซอยใหญ่ทะลุไปออกที่ซอยราษฎร์บูรณะ 14 ได้อีกด้วย น่าจะเป็นที่พึ่งพาในเรื่องปากท้องได้เป็นอย่างดี ส่วนถ้าจะเลยออกไปไกลหน่อย รอบๆ นี้ก็ยังมีห้าง Big C ราษฎร์บูรณะ, Big C บางปะกอก, ห้าง Central พระราม 2, Tesco Lotus, ตลาดดาวคะนอง ฯลฯ หรือไม่ก็ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าฝั่งพระนครไปเลย จากที่เราลองเดินสำรวจรอบๆ โครงการก็เห็นว่าซอยสุขสวัสดิ์ 17 เป็นซอยตันนะครับ ในซอยมีอพาร์ทเม้นท์ หอพักสูง 7-8 ชั้นอยู่ 2-3 ตึก ช่วงเช้าและเย็นจะได้ยินเสียงเด็กนักเรียนบ้างนิดหน่อย เพราะหลังซอยติดกับโรงเรียนบางประกอกวิทยาคมที่อยู่ในซอยสุขสวัสดิ์ 19 นอกเหนือจากนี้ก็เป็นบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 2-3 ชั้น รวมถึงพื้นที่รอบๆ ก็ไม่มีตึกสูง ยังเป็นบ้านในแนวราบถ้าจะมีก็แค่ตึกแถวสูง 4-5  ชั้น ที่มีอยู่ใกล้ๆ บ้าง ห้องพักของ ISSI Condo จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องถูกบังวิวซักเท่าไหร่ แถมทางโครงการ ISSI Condo Suksawat ก็เลือกออกแบบให้สระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลางอยู่ทางด้านซอย 17 เลยได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง และไม่ค่อยถูกรบกวนจากภายนอก สภาพแวดล้อมโดยรวมของโครงการจึงค่อนข้างเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย สำหรับตัวอาคารของโครงการ ISSI Condo Suksawat เป็นอาคารเดี่ยวรูปตัว U สูง 24 ชั้น มีจำนวนยูนิตรวมทั้งหมด 892 ยูนิต โดยส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 5 เป็นต้นไป ล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่บนชั้น 5 ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำขนาด 6x25 เมตร แยกสระเด็กและจากุชชี่ ห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องสตรีม และสวนพักผ่อน Sunken Seat Forest Seat นอกจากนี้ยังมีทางโครงการยังจัดพื้นที่นั่งเล่นอ่านหนังสือพร้อม wi-fi แถมด้วย Sky Garden บนดาดฟ้า รวมถึงสนามเด็กเล่น, Sport Ground สำหรับคนที่ชอบเล่นกีฬา และยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟในพื้นที่โครงการอีกด้วย เรียกว่าจัดมาให้เต็มที่กันเลย ส่วนในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ก็เป็นไปตามมาตรฐานทั้งระบบ CCTV รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง และระบบ Access Control สิ่งอำนวยความสะดวกหลักๆ ทางโครงการก็จัดมาแน่นตามที่บอกไปแล้วข้างต้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องให้สะดุดตา สะดุดใจไร้ที่ติเลยนะครับ เพราะเท่าที่เห็นจำนวนลิฟท์โดยสารที่ทางโครงการจัดมาให้ก็ต้องตกใจว่ามีเพียง 3 ตัว (ไม่รวมลิฟท์เซอร์วิส 1 ตัว) เท่านั้น ซึ่งนับว่าอัตราส่วนการใช้หนาแน่นมากๆ จนเข้าขั้นอึดอัดกันเลยทีเดียว เพราะลิฟท์ 1 ตัวต่อจำนวนห้องร่วมๆ 300 ห้อง จะใช้ลิฟท์แต่ละทีคงต้องรอกันนานมากหน่อย แถมตำแหน่งของลิฟท์ก็อยู่ที่โซนกลางของอาคาร เท่ากับว่าห้องที่อยู่ทางปีกซ้ายและขวา หรือตำแหน่งปลายของตัว U ก็ต้องเดินกันไกลเลย ถ้าซื้อของเข้าบ้านเยอะๆ ก็เหนื่อยกันหน่อยนะครับ เช่นเดียวกันกับห้องทิ้งขยะที่ก็ต้องเดินในระยะเหนื่อยแทบไม่ต่างกัน ดังนั้นการเลือกตำแหน่งห้องว่าจะอยู่ใกล้ หรือไกลลิฟท์ ก็น่าจะต้องลองชั่งใจกันดูนิดนึงว่าจะยังไงดี จะเลือกเดินใกล้ หรือเดินไกลแต่ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า Master Plan จะแสดงให้เห็นภาพรวมคร่าวๆ ของโครงการ ทางเข้า-ออก สวนสีเขียวรอบๆ โครงการ และที่จอดรถบางส่วนในชั้น G สนามกีฬาด้านหลังโครงการ ที่ชั้น 2-4 จะเป็นที่จอดรถ ซะส่วนใหญ่ แต่ก็มีห้องพักอาศัยอยู่ด้วยที่ด้านขวา และด้านหลังของอาคาร ที่ชั้น 2 จะมี 14 ยูนิต ที่ชั้น 3-4 จะมีห้องพักอาศัยอยู่ 19 ยูนิต ขึ้นมาถึงที่ชั้น 5 จะเป็นชั้นที่มี Facility หลักของโครงการอยู่ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องสตรีม และสวนพักผ่อน Sunken Seat Forest Seat พร้อมกับห้องพักอาศัยที่โอบล้อม Facility อยู่ทั้ง 3 ด้าน สระว่ายน้ำขนาด 6x25 เมตร แยกสระเด็กและจากุชชี่ บนชั้น 5 ที่ชั้น 6-24 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด Sky Garden บนชั้นดาดฟ้า ขณะนี้ ISSI Condo Suksawat กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างไปมากกว่า 80% แล้วนะครับ เราจึงค่อนข้างเห็นภาพรวมของตัวโครงการได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งเรื่องทิศทางของแดดและวิว ซึ่งห้องทางฝั่งด้านหลังโครงการโดยเฉพาะบนชั้นสูงๆ จะค่อนข้างได้เปรียบเรื่องวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นเดียวกันกับห้องทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ยังพอเห็นวิวแม่น้ำบ้างในบางมุม ส่วนห้องทางด้านหน้าโครงการที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเสียเปรียบเรื่องวิวหน่อย เพราะจะเห็นเป็นวิวเมืองแทน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีตึกสูงมาบังสายตา ได้วิวมุมกว้างๆ สบายตากันไป ในขณะที่ห้องที่อยู่ทางด้านในก็จะหลบแดดได้บ้าง เรื่องวิวก็ได้วิวสวนและวิวสระว่ายน้ำจากส่วนกลางไปแทน ใครชอบมุมไหน ทิศไหนก็ลองไปเลือกๆ ไปเล็งที่โครงการกันตามสะดวกครับ พาชมห้องตัวอย่าง พาไปดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า ซึ่งทางโครงการเตรียมห้องแบบ 1 Bedroom ไว้ให้ชมด้วยกัน 2 Type ครับ เริ่มกันที่ห้องแรกที่มีขนาดประมาณ 25 ตร.ม. เป็น Type D05 เปิดประตูเข้าห้องมาก็จะเจอกับเคาน์เตอร์ครัว​ที่อยู่ทางขวามือ พื้นที่ครัวขนาดกระทัดรัดเหมาะกับขนาดห้องเลยนะครับ มีเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L พร้อมซิงค์ล้างจาน และชั้นเก็บของมาให้ด้วย แต่ไม่มีชุดเตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้นะครับ อันนี้ต้องติดเพิ่มเอง แต่ที่จริงแล้วห้องขนาดนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะกับการทำครัวหนักๆ เท่าไหร่ แค่ไมโครเวฟซักเครื่องสำหรับเตรียมหรืออุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ ก็คงเพียงพอแล้วครับ ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนซึ่งกั้นแบ่งไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน บรรยากาศภายในห้องตัวอย่างดูโปร่งสบายตาดีนะครับ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการตกแต่งห้องให้ดูเรียบง่าย สบายตา ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์กำลังดี และจัดไว้เป็นสัดส่วนดีทีเดียวครับ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงไอเดียในการตกแต่งเท่านั้นนะครับ เพราะของจริงที่เราจะได้คือ ห้องเปล่าๆ และผนังฉาบเรียบเท่านั้น ส่วนห้องน้ำภายในห้องก็มาพร้อมสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า ประตูบานเลื่อนกั้นห้องอาบน้ำ พร้อมชุดฝักบัว ตามมาตรฐาน Cotto  ซึ่งพื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำก็ขนาดกระทัดรัดกำลังดีครับ เสียตรงที่วางของตรงอ่างล้างหน้าน้อยไปนิด แต่ยังดีที่ทางโครงการมีเว้นช่องเก็บตรงหน้าห้องอาบน้ำไว้ให้ เลยพอช่วยเพิ่มที่เก็บของได้บ้าง แปลนห้อง Type D05 ขนาด 24.90 ตารางเมตร เข้ามาให้ห้องแล้วมองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดห้องเตียงนอน ด้านซ้ายมือ โครงการทำเป็นตู้เก็บของซ่อนอยู่ ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องครัว มีเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L สำหรับเตรียมอาหาร ไม่มีชุดเตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้ พร้อมซิงค์ล้างจาน และชั้นเก็บของ ทั้งด้านบนและด้านล่าง ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนซึ่งกั้นแบ่งไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน โครงการจะใช้ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนนะครับ ทำให้เปิดได้กว้างขึ้น โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน อยู่ติดกับประตูบานเลื่อนของห้องครัว ภาพมุมกว้างห้องครัวและโต๊ะทานอาหาร ส่วน Living Area ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น และสีโทนอ่อน ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งดีครับ ชั้นวางทีวีทำเป็นชั้น Built in เล็กๆ ทำให้ห้องดูโล่งขึ้น โซฟาถูกจัดวางไว้ติดกับปลายเตียงเลยนะครับ เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด Living Area จะอยู่ติดกับระเบียง มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน สำหรับเปิดปิด มีธรณีประตูขึ้นมานิดหน่อยนะครับ เวลาก้าวเข้า-ออก ก็ระวังสะดุดกันด้วย ขนาดของระเบียงห้องกว้างกำลังพอดีนะครับ สามารถวางเครื่องซักผ้าที่ระเบียงได้เลย อย่างที่บอกนะครับ เตียงนอนจะอยู่ติดกับโซฟาเลย วางเตียง 5 ฟุตกำลังพอดีครับ จะได้ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป ข้างเตียงจะมีหน้าต่าง ด้านบนจะเป็นบานเลื่อน ส่วนด้านล่างจะเป็นบาน Fix อีกด้านของเตียงจะเป็นห้องน้ำ เห็นตู้ขาวๆ หน้าห้องน้ำนั่นคือตู้เสื้อผ้านะครับ ตู้เสื้อผ้าที่โครงการจัดไว้ให้ดูจะเป็นหน้าบานสไลด์แบบที่เห็นนะครับ เพราะถ้าใช้บานเปิดแบบปกติก็จะติดเตียง อาจจะทำให้ใช้งานได้ลำบาก เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันต่อ การวางสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าทรงกลมมีที่วางของเล็กๆ ของ 2 ข้าง Shower Box จะกั้นด้วยประตูบานสไลด์ 3 ตอน ชุดฝักบัวของ Cotto ส่วนห้องอีกเป็น Type C07 ซึ่งมีขนาดห้องเกือบๆ 30 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยมากกว่า แต่ก็ยังคงเป็นแบบ 1 Bedroom นะครับ สำหรับ Layout ของห้องนี้จะดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น ด้วยการแบ่งพื้นที่ใช้สอยแยกออกจากกันอย่างชัดเจน พอเปิดเข้าห้องมาก็จะเจอพื้นที่นั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนซึ่งถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเรียบร้อย ในขณะที่พื้นที่ด้านขวาของห้องจะถูกกั้นเป็นโซนห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียง เรื่องวัสดุ สุขภัณฑ์ที่มาพร้อมกับห้องจะหน้าตาเหมือนกับห้องก่อนหน้าเลย เพียงแค่ต่างกันเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องตำแหน่งการจัดวางเท่านั้นครับ ห้อง Type นี้จะดีหน่อยสำหรับคนที่ชอบทำครัว เพราะตำแหน่งห้องครัวอยู่ติดกับระเบียง สามารถเปิดประตูช่วยระบายกลิ่นกับข้าวได้ แถมพื้นที่ครัวก็กว้างกว่า เหมาะกับการใช้งานมากกว่าด้วย แปลนห้อง Type C07 ขนาด 29.39 ตารางเมตร ห้อง Type นี้เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ห้องนี้จะแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น Living Area จะแยกออกจากห้องนอนอย่างชัดเจน ชั้นวางทีวีเป็นชั้น Built in เล็กๆ เหมือนกัน ภาพอีกมุมของ Living Area โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่านอยู่ติดกับประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ที่กั้นระหว่าง Living Area กับห้องนอน ภายในห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือ ให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้ หน้าต่างภายในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้อง Type D05 ส่วนด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่วางอยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้ง มุมมองจากเตียงนอนออกไปที่ส่วน Living Area คราวนี้เราเข้าไปดูห้องครัวกับห้องน้ำที่แอบอยู่ด้านในกันต่อ เคาน์เตอร์ครัวของ Type นี้จะเป็นแนวยาว จะมีช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง พื้นที่เตรียมอาหาร ซิ้งค์ล้างจาน ชั้นลอยเก็บของ ระเบียงจะอยู่ติดกับห้องครัวนะครับ ข้อดีคือสามารถระบายกลิ่นอาหารออกนอกอาคารได้ง่าย เครื่องซักผ้าวางไว้ที่ระเบียงเหมือนกันนะครับ จากระเบียงเราย้อนกลับเข้าไปดูที่ห้องกันต่อ สุขภัณฑ์ที่ใช้และการจัดวางจะคล้ายๆ กับห้อง Type D05 เลยนะครับ ต่างกันตรงที่ Shower Box จะย้ายมาอยู่ตรงกลางระหว่างอ่างล้างหน้ากับโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าแบบเดียวกันเลย ขนาดของ Shower Box ประมาณนี้นะครับ มาพร้อมกับชุดฝักบัวของ Cotto สำหรับโครงการ ISSI Condo Suksawat ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจไม่น้อยเลยในทำเลย่านสุขสวัสดิ์ เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดริมถนนใหญ่ และอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ยิ่งพอรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมใช้งานแล้ว การเดินทางเข้าเมืองก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้นอีกหลายเท่า ในขณะที่การเดินทางในรูปแบบอื่นๆ ก็ยังสะดวกอยู่เช่นเดิม เรื่องสาธารณูปโภคต่างๆ ก็ค่อนข้างพร้อม มีห้าง Big C อยู่ใกล้พอๆ กับร้านสะดวกซื้อเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือซื้อเพื่อการลงทุน โครงการนี้ก็ยังคงความน่าสนใจได้ไม่น้อยเลยครับ ใครที่สนใจคงต้องรีบไปกันหน่อย เพราะได้ข่าวว่าเหลือห้องว่างไม่มากแล้ว
6 เหตุผลที่ควรลงทุนอสังหาฯ ก่อนอายุ 30

6 เหตุผลที่ควรลงทุนอสังหาฯ ก่อนอายุ 30

การลงทุนยิ่งเริ่มต้นไว ยิ่งได้ผลตอบแทนเร็ว วัยที่เหมาะกับการลงทุนมากที่สุด คือ วัยที่จบการศึกษาและมีงานมีการทำเรียบร้อย นั่นคือช่วงอายุระหว่าง 25 – 30 ปี แต่ในวัยดังกล่าว มักเป็นวัยที่มีสิ่งยั่วยุสูง เพราะเพิ่งเริ่มต้นสัมผัสอำนาจของเงินและรายได้ด้วยตัวเองรายได้ของคนในวัยนี้จึงมักละลายไปกับสังคม ข้าวของ ท่องเที่ยว จนพบได้บ่อยๆ ว่าคนทำงานช่วง 2 – 3 ปีแรกไม่สามารถเก็บเงินได้ จะเริ่มมีเงินเก็บจริงๆ จังๆ คือเมื่อเริ่มแตะหลัก 30 ไปแล้ว ซึ่งหากเทียบกับคนที่เตรียมตัวไวกว่าก็ถือเป็นการเสียโอกาส หนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับคนวัยไม่ถึงเลข 3 คือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีข้อดีคือได้ผลตอบแทนในระยะยาว เป็นเงินจำนวนมาก และสม่ำเสมอ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเริ่มต้นก่อนอายุ 30 ด้วย 6 เหตุผล ต่อไปนี้ เป็นที่อยู่อาศัย คนวัยก่อน 30 หลายคนทำงานไกลบ้าน พักอยู่หอพักและเสียค่าเช่าทุกเดือน ซึ่งจำนวนค่าเช่าที่เสียไป สามารถนำมาผ่อนบ้านหรือคอนโดมิเนียมได้ เป็นการกู้ยืมอัตราดอกเบี้ยต่ำ ระยะยาว ดอกเบี้ยบ้านคือดอกเบี้ยที่น้อยที่สุดกับเงินก้อนใหญ่และมีระยะเวลาในการผ่อนชำระนานที่สุด การผ่อนบ้าน มีระยะเวลาในสัญญาสูงสุดนานถึง 30 ปี และด้วยอัตราดอกเบี้ยที่หลากหลาย การซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงไม่ใช่ภาระหนักอึ้ง ปล่อยเช่าได้ (Passive Income) อสังหาริมทรัพย์มีข้อดีที่สุดคือเป็นทรัพย์สินถาวร และมีมูลค่าเพิ่มตลอดเวลา ยิ่งซื้อบ้านและปล่อยเช่าเมื่ออายุน้อยเท่าไหร่ รายรับที่ได้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย เช่น ซื้อคอนโดมิเนียมมา 2 ล้านบาท ปล่อยเช่าเดือนละ 15,000 บาท สินทรัพย์ชิ้นนี้จะทำรายได้ 180,000 บาท/ปี และอาจเพิ่มได้เรื่อยๆตามศักยภาพของทำเล หากปล่อยเช่าเมื่ออายุ 25 เมื่ออายุ 30 จะมีรายได้จากคอนโดมิเนียมแห่งนี้แล้ว 900,000 บาท ทำเงินได้เกือบล้าน เมื่ออายุ 30 น่าสนใจใช่ไหม เป็นมรดก อสังหาริมทรัพย์ถือเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่คนทุกยุคทุกสมัยเลือกที่จะนำมาเป็นสินทรัพย์ที่สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองและจุดเด่นอีกจุดหนึ่งคือนำมาเป็นมรดกส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานได้ จะเห็นได้จากนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายคนที่ได้รับมรดกจากพ่อแม่และบรรพบุรุษทั้งที่ดิน บ้าน โรงแรม เป็นต้น แล้วสามารถนำทรัพย์สินเหล่านั้นมาพัฒนาหรือขายต่อเพื่อก่อร่างสร้างตัวจากอสังหาริมทรัพย์จนประสบความสำเร็จในอนาคตได้ เป็นหลักประกันชั้นเยี่ยม อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันที่ทุกสถาบันการเงินอ้าแขนรับหากต้องการเงินลงทุนก้อนใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในมือจะแปรเป็นเงินได้อย่างง่ายดาย เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน ยิ่งในคนอายุน้อยๆการเปลี่ยนแปลงทางหน้าที่การงานหรือความผิดพลาดทางธุรกิจคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เป็นการลงทุนที่ชนะเงินเฟ้อ เนื่องจากในปัจจุบันปัญญาเงินเฟ้อเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะลดทอนมูลค่าเงินในกระเป๋าของท่านให้มีค่าลดน้อยลง การลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถเอาชนะกับปัญหาเงินเฟ้อได้คือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ บางคนอาจจะบอกว่าก่อนอายุ 30 ปี จะมีเงินพอได้อย่างไรที่จะนำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงหลักแสนหลักล้าน เพราะคนส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ทำงานประจำและเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินไม่มากพอที่จะลงทุน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้ถูกแก้ปัญหาออกไปเนื่องจากนวัตกรรมทางด้านการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถนำอสังหาริมทรัพย์แบ่งออกเป็นหน่วยย่อยๆได้เพื่อให้คนหลายๆคนสามารถเข้ามาถือครองในอสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้นเป็นการถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ เราเรียกการลงทุนนี้ว่า การลงทุนในกองทุนรวมอสังริมทรัพย์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงทุนหลักแสน หลักล้าน เพียงแค่มีเงินลงทุนขึ้นต่ำ 500 บาท ขึ้นไป สามารถลงทุนได้ การลงทุนก่อนอายุ 30 เป็นสิ่งที่ดีและควรทำที่สุดด้วยเหตุผลต่างๆที่กล่าวมาแล้ว แต่คนวัยนี้มักมีข้อจำกัดคือยังไม่สามารถหาทุนมาใช้กับอสังหาริมทรัพย์ได้ เพราะช่วงเวลา 2 – 3 ปีแรก รายได้จากการทำงานไม่ได้มากมายและอำนาจของเงินที่ได้ด้วยตัวเองก็ช่างเย้ายวน ดังนั้นเมื่อเริ่มทำงานใหม่ๆจึงควรตั้งสติให้มั่นและเก็บเงินเก็บทองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่ออนาคต   ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.terrabkk.com
Le Crique Sukhumvit 64/2 : รีวิวคอนโด

Le Crique Sukhumvit 64/2 : รีวิวคอนโด

Le Crique Sukhumvit 64/2 คอนโด Low Rise โครงการใหม่ในซอยสุขุมวิท 64/2 ใกล้ BTS ปุณณวิถี จาก Rich Land Property รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   ประมาณ 2,400,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 85,000 บาท เจ้าของโครงการ   Rich Land Property Co., Ltd. ลักษณะคอนโด   Low Rise  สูง 8 ชั้น  1 อาคาร จำนวนห้อง   169 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 1 - 39.60 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ซอยสุขุมวิท 64/2 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง   ปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2559 สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สถานีปุณณวิถี ซีคอน สแควร์ พาราไดซ์ ปาร์ค โลตัส โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ ปิยรมย์ สปอร์ตคลับ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom (s) ขนาด 30.44 - 31.50 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 41.31 - 51.59 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด  61.08 - 61.36 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ Fitness Library สวนหย่อมรอบโครงการ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-744-8688, 089-308-6888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   lecriquecondo.com
BRIX Condominium : รีวิวคอนโด

BRIX Condominium : รีวิวคอนโด

BRIX Condominium คอนโดใหม่ติดรถไฟฟ้าสิรินธร พร้อมวิวแม่น้ำบนถนนจรัญสนิทวงศ์ 64 จากมีสไตล์ เอสเตท เปิด Pre-Sale วันที่ 24-30 มีนาคมนี้ ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   1,550,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 70,500 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท มีสไตล์ เอสเตท จำกัด ลักษณะคอนโด   High Rise 1 อาคาร สูง 32 ชั้น จำนวนห้อง   560 ยูนิต , ห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 8 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   3 - 0 - 68 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   สี่แยกบางพลัด (ซังฮี้) ติดรถไฟฟ้าสถานีสิรินธร ซอยจรัญสนิทวงศ์ 64 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ที่จอดรถ   272 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ค่าบำรุงส่วนกลาง   50 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน   500 บาท/ตารางเมตร เริ่มก่อสร้าง   ต้นปี 2559 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปลายปี 2561 สถานที่สำคัญใกล้เคียง ตั้งฮั่วเส็ง เมเจอร์ปิ่นเกล้า เซนทรัลปิ่นเกล้า พาต้าปิ่นเกล้า โลตัส รพ.ยันฮี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ลักษณะห้องและขนาดห้อง สตูดิโอ, 1 ห้องนอน ขนาด 22 - 40 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ขนาด 42 - 96 ตารางเมตร Duplex ขนาด 114 - 123 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Outdoor Library Adventure Playground Bar B.Q. Terrace Steam Room Sauna Room Swimming Pool Fitness Roof Garden ลิฟท์โดยสารอาคาร 4 ชุด, ลิฟท์ขนของ 1 ตัว, ลิฟท์ที่จอดรถ 1 ตัว Access Control Card , CCTV เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   098-254-8888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.brixcondo.com
The Posh Twelve : รีวิวคอนโด

The Posh Twelve : รีวิวคอนโด

The Posh Twelve คอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 40 และ 45 ชั้น บนถนนติวานนท์ ใกล้ MRT กระทรวงสาธารณสุข โครงการใหม่จากแปซิฟิค สตาร์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   1,990,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 88,500 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท แปซิฟิค สตาร์ ประเทศไทย จำกัด ลักษณะคอนโด   High Rise 2 อาคาร สูง 40 และ 45 ชั้น จำนวนห้อง   อาคาร A สูง 40 ชั้น 552 ยูนิต และอาคาร B สูง 45 ชั้น 842 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   4 - 2 - 61 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนติวานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี สถานที่สำคัญใกล้เคียง Big C เอสพลานาด The Mall งามวงศ์วาน เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ MRT กระทรวงสาธารณสุข ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 22.5 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 29 - 32 ตารางเมตร Junior Suite ขนาด 35 - 38 ตารางเมตร Grand Suite ขนาด 46 - 62 ตารางเมตร Junior Duplex ขนาด 33.5 ตารางเมตร Grand Duplex ขนาด 43 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ Grand Lobby Lounge Main Entrance Reception Driveway Bicycle Lockers Oasis Club Lounge สระว่ายน้ำ BBQ Party Deck Fitness & Yoga Sauna and Steam Rooms Access Key Card รปภ & CCTV 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   091-889-3388 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   theposh12.com
Whizdom Connect Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Whizdom Connect Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Whizdom Connect Sukhumvit คอนโด High Rise สูง 41 ชั้น บนถนนสุขุมวิท ใกล้ BTS ปุณณวิถี โครงการใหม่จาก Magnolia รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   3,080,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 110,000 บาท เจ้าของโครงการ   Magnolia Quality Development Corporation Limited ลักษณะคอนโด   High Rise สูง 41 ชั้น จำนวนห้อง   673 ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   5 - 0 - 4 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ที่จอดรถ   ประมาณ 299 คันคิดเป็น 44% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 53% เริ่มก่อสร้าง   ปี 2558 สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ ปิยะรมย์ สปอร์ต คลับ ซีคอน สแควร์ พาราไดซ์ พาร์ค โลัส อ่อนนุช ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.90 – 29.80  ตารางเมตร Flexi Room ขนาด 38.30 – 64.60 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 62.80 – 71.80 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 81.60 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Garden on the ground floor Lobby Sky Connect Lift Social Connection Lounge Social Connection Terrace Fitness Activities Room Swimming Pool Passenger Lift Wifi Internet at Lobby, multi-purpose room and swimming pool area สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-789-9999 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.mqdc-whizdom.com
THE ROOM สาทร : รีวิวคอนโด

THE ROOM สาทร : รีวิวคอนโด

จากพรีวิวฉบับก่อนที่เราพาไปดูบรรยากาศรอบๆ โครงการ The Bangkok สาทร กันไปแล้ว ฉบับนี้เรายังคงอยู่ในทำเลย่านสาทร แต่จะพาข้ามไปดูอีกหนึ่งโครงการในเครือ Land and House ซึ่งก็คือ The Room สาทร-ถนนปั้นนั่นเอง อีกคอนโด ​High Rise ที่ยังคงอยู่ในศูนย์กลางแหล่งธุรกิจของเมืองกรุง และเกาะติดแนวรถไฟฟ้าด้วย การเดินทาง โครงการ The Room สาทร-ถนนปั้น ตั้งอยู่กลางๆ ซอยถนนปั้น ซอยนี้จะเชื่อมถนนสาทรและถนนสีลมไว้ด้วยกัน ดังนั้นเราจึงสามารถเลือกเส้นทางเข้าออกได้สองทาง ถ้ามาจากแยกสุรศักดิ์ก็เลยมาอีก 500 เมตรโดยประมาณ ก็จะเห็นซอยถนนปั้นอยู่ทางซ้ายมือ หรือถ้ามาทางถนนสีลมก็ให้สังเกตุวัดพระศรีมหาอุมาเทวีหรือวัดแขกให้ดี เจอวัดแขกก็เลี้ยวเข้าซอยถนนปั้นไปได้เลยครับ การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ดูจะสะดวกมาก เพราะเราสามารถเลือกใช้ถนนสายหลักได้ทั้งสองเส้นทาง ด่านทางด่วนก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่ทั้งทางฝั่งสีลม และทางแยกสุรศักดิ์ จะไปไหนมาไหนก็ไม่ยากเลย ข้ามไปฝั่งธนบุรีแค่กลับรถก็มีสะพานตากสินอยู่ใกล้ๆ หรือวิ่งตามถนนสาทรไปก็เลี้ยวไปพระราม 3 แยกไปออกพระราม 4 หรือจะตรงไปเข้าถนนวิทยุก็ได้อีก แต่ที่ต้องกังวลมากหน่อยก็คือ ปัญหารถติดบนถนนสาทรที่ติดขึ้นชื่อ โดยเฉพาะในช่วงที่เปิดเทอม เวลาเข้าเรียน และตอนเย็นๆ ใกล้เลิกเรียนที่บรรดาผู้ปกครองมาจอดรถรอรับลูกกันเป็นแถวยาว ซึ่งรถก็จะติดต่อเนื่องกันไปอีกหลายช่วงโมง เพราะไหนจะได้เวลาเลิกงานคนแย่งกันกลับบ้านอีก บนท้องถนนจึงเต็มไปด้วยปริมาณรถอันหนาแน่น จะหนีไปทางถนนสีลมก็ยังคงเจอรถติดหนักไม่แพ้กัน เอาเป็นว่าต้องทำใจไว้ล่วงหน้าเลย ยังไงก็ต้องเจอกับปัญหารถติดแน่ๆ สำหรับที่อยู่อาศัยในย่านนี้ ส่วนการเดินทางที่ง่าย สะดวก และน่าจะช่วยประหยัดเวลาได้มากที่สุดสำหรับคนเมืองก็คือรถไฟฟ้า สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่อยู่ใกล้ตัวโครงการที่สุดคือ สถานีสุรศักดิ์ ลงจากตัวสถานีแล้วเดินต่อเข้ามาในซอยถนนปั้นอีกไม่เกิน 500 เมตรเท่านั้น ด้วยระยะทางขนาดนี้ยังถือว่าสะดวกมากครับ ไม่ต้องต่อรถให้ยุ่งยากอีก ถือว่าได้ออกกำลังกายอีกเล็กๆ น้อยๆ เพียงแต่ว่าถ้าเจอช่วงหน้าฝนคงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ นอกเหนือจากนี้การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเช่นกัน แค่เดินออกมาทางปากซอย จะเลือกทางฝั่งถนนสาทร หรือฝั่งถนนสีลมก็ได้ทั้งนั้น ถนนทั้งสองเส้นมีรถเมล์วิ่งผ่านเยอะแยะหลายสาย รถสามล้อ แท็กซี่ก็เยอะ แถมยังมีรถสองแถวแดงอีก แต่ถ้ายังสะดวกรวดเร็วไม่พอก็คงต้องใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างแถวๆ หน้าโครงการกันไปเลย เราเริ่มจาก BTS สุรศักดิ์ เลยนะครับ เราต้องออกมาทางที่ 3 ฝั่งเดียวกับโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เดินมาเรื่อยๆ ก็เจอโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เวลานี้ยังเงียบสงบอยู่ครับ เพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน จากตัวสถานี BTS เดินผ่านซอยประมวลมานิดหน่อยก็ถึงถนนปั้นแล้วล่ะครับ ฝั่งตรงข้ามถนนปั้นจะเป็นโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ บรรยากาศในช่วงปากซอยอาจจะดูไม่คึกคักเท่าไหร่นะครับ แต่พอเข้ามาในซอยเรื่อยๆ ก็เริ่มจะมีผู้คนพลุกพล่านมากขึ้น ต้นไม้ในซอยก็ให้ความร่มรื่นดี ก่อนจะถึงโครงการก็มีตึกแถวเปิดเป็นร้านอาหารอยู่ด้านล่าง ถึงแล้วครับ ที่ตั้งโครงการ The Room สาทร ด้านหน้าโครงการกว้างประมาณ 40 เมตร วันนี้เราเข้าไปทำการรีวิว ตัวโครงการก่อสร้างไปได้มากแล้วนะครับ วิเคราะห์ทำเลรอบโครงการ ด้วยความที่โครงการ The Room สาทร-ถนนปั้น ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมือง บรรยากาศโดยรวมจะค่อนข้างพลุกพล่านในช่วงวันธรรมดา และค่อนข้างเงียบในหยุด แต่โชคดีหน่อยที่ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีร้านค้า ร้านอาหาร ที่พักอาศัย อพาร์ทเม้นท์ และอาคารสำนักงานอยู่รวมกัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยน่าห่วงเรื่องอาหารการกินเท่าไหร่ เพราะช่วงกลางวันก็มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน รวมถึงรถเข็น แผงลอยอีกพอสมควร ยิ่งถ้าค่อนออกไปทางฝั่งถนนสีลมด้วยแล้วยิ่งหายห่วง เพราะใกล้ๆ วัดแขกก็มีร้านอาหารเจ้าดังอีกหลายร้าน โดยเฉพาะอาหารแขกก็มีให้เลือกหลายร้านแล้ว ตลาดสดก็อยู่ในซอยฝั่งตรงกันข้าม ในระยะซัก 300 เมตร จากวัดแขกก็มีทั้งโรงแรมนารายณ์ โรงแรมพลูแมน คอมมูนิตี้มอลอย่าง บ้านสีลม ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสีลม และร้านอาหารนานาชาติอีกเพียบ เรียกได้ว่าฝั่งสีลมนี่คึกคักพึ่งพาได้ดีที่สุด ส่วนฝั่งถนนสาทรก็จะเน้นไปทางร้านอาหารใหญ่หน่อย ร้านฮิปๆ หรือนั่งกินกันเป็นเรื่องเป็นราว อาหารข้างทาง แผงลอยไม่ค่อยมีให้เห็น ในขณะเดียวกันในซอยถนนปั้นก็มีร้านสะดวกซื้ออยู่เยื้องๆ กับโครงการ ดังนั้นถ้าเอาสะดวกและง่ายเข้าว่า ก็มีที่ให้พึ่งพายามหิวแบบ 24 ชั่วโมง นอกเหนือจากเรื่องอาหารการกินแล้ว สาธารณูปโภคอื่นๆ ก็มีครบครันเช่นกัน โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนก็อยู่ใกล้มากๆ โรงพยาบาลเซนหลุยส์ก็อยู่ฝั่งตรงข้ามซอยด้านถนนสาทรใต้ ซึ่งมีทั้งโรงเรียนและโบสถ์ สถานฑูตพม่าก็อยู่แค่ปากซอยถนนปั้น อันนี้แค่ในบริเวณรอบๆ ซอยเท่านั้นนะครับ แต่ถ้านับรัศมีให้กว้างออกไปอีก ก็ยังมีสถานที่สำคัญอีกเพียบ เช่น สถานีตำรวจ โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน โรงเรียนเอกชน โรงแรมดัง ห้างสรรพสินค้า และ อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ฯลฯ ด้วยทำเลแถบนี้ที่เป็นศูนย์กลางหลายๆ อย่าง จึงเพียบพร้อมมากๆ ในขณะที่บรรยากาศในซอยก็ค่อนข้างเงียบสงบกว่าบริเวณถนนใหญ่ เหมาะกับการพักผ่อนอาศัยอย่างยิ่ง ซึ่งเราก็ไปเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ มาฝาก เผื่อใครที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับพื้นที่จะได้เห็นภาพได้มากขึ้นครับ ฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็นตึกแถวมีร้านทำฟัน มีแฟมิลี่ มาร์ท อยู่ด้านล่าง เดี๋ยวเราเดินดูบรรยากาศในซอย ฝั่งที่จะทะลุออกไปทางสีลมกันต่อ เลยจากโครงการมานิดหน่อยจะมีคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ชื่อคอนโด ปภาดา สีลม เดินเข้าไปเรื่อยๆ บรรยากาศทั้ง 2 ข้างทางจะเป็นตึกแถว มีร้านค้า ร้านอาหาร เยอะเลยครับ คอนโดอีกโครงการที่อยู่ในซอยนี้ โครงการ The Treasure เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ออกมาถึงปากซอยด้านถนนสีลม จะมี 7-11 อยู่ด้วย ร้านค้าช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายพวงมาลัย เพราะอยู่ใกล้วัดแขก ออกมาถึงฝั่งถนนสีลมแล้วบรรยากาศจะคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งฝั่งถนนปั้นและฝั่งตรงข้าม เพราะจะมีผู้คนเดินทางมาวัดแขกกันแทบจะตลอดทั้งวัน นอกจากร้านขายดอกไม้แล้ว ก็ยังมีขายอาหารด้วยนะครับ ฝั่งตรงข้ามถนนปั้น คือซอยสีลม 20 จะมีตลาด มีของกินให้เลือกเยอะแยะเลยครับ ตลาดฝั่งตรงข้ามถนนปั้น มีของกินเพียบเลยครับ ทั้งอาหารคาว หวาน และผลไม้ ทางซ้ายจากถนนปั้นออกมาที่ถนนสีลมมุ่งหน้าไปทางถนนเจริญกรุง ทั้ง 2 ข้างทางจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคาร โรงแรม และคอมมูนิตี้ มอลล์ อย่างบ้านสีลม ส่วนด้านขวาจะมุ่งหน้าไปทางศาลาแดง ก็มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรมต่างๆ ทั้งโรงแรมนารายณ์ โรงแรมฟูราม่า และโรงแรม Pullman ภาพรวมตัวโครงการ โครงการ The Room สาทร-ถนนปั้น เป็นคอนโด High Rise อย่างที่บอกไปแล้ว ตัวตึกสูง 25 ชั้น มีจำนวน 219 ยูนิต แบ่งแบบห้องหลักๆ เป็น 2 Type คือ 1 Bed Room และ 2 Bed Room ซึ่งขนาดห้องเริ่มต้นประมาณ 40 ตร.ม. ไปจนถึง 85 ตร.ม. แน่นอนว่าแต่ละห้องก็มีรายละเอียดปลีกย่อยกันไป อันนี้ก็ต้องไปดูกันตามแปลน และตำแหน่งห้องกันอีกที แบบห้อง Standard 1 ห้องนอน ขนาด 46.8 ตารางเมตร แบบห้อง Extra 1 ห้องนอน ขนาด 50.1 ตารางเมตร แบบห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 78 ตารางเมตร หน้าโครงการหันไปทางทิศตะวันออกนะครับ ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น แล้วก็มีคอนโด / อพาร์ทเม้นท์สูง 7-8 ชั้น และสูงประมาณ 20 ชั้นอีกตึก ซึ่งอยู่เยื้องๆ ไปทางซ้ายและขวา ไม่ได้อยู่ตรงข้ามโครงการเป๊ะ ดังนั้นเลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องบังวิวในระยะประชิดเท่าไหร่ ทิศอื่นที่เหลือรอบๆ ก็ไม่ค่อยน่าห่วงเรื่องถูกบล็อควิว เว้นแต่ฝั่งทิศใต้ ที่กำลังมีการก่อสร้างอาคารสำนักงานอยู่ ซึ่งน่าจะสูงประมาณ 7 ชั้น ห้องพักทางฝั่งนี้ที่อยู่ต่ำกว่าชั้น 8 หรือ 9 ลงมาก็คงเสียเปรียบเรื่องวิวไปเลยนะครับ เวลาเรื่องตำแหน่งห้องก็ลองพิจารณาให้รอบคอบก่อนก็ดีครับ ในส่วนของ Facilities ทางโครงการก็จัดมาสมน้ำสมเนื้อครับ ตั้งแต่เรื่องที่จอดรถที่จัดไว้ที่ชั้น 1-5 นับรวมจอดซ้อนคันแล้วก็เห็นว่าจอดได้ถึง 80% เลยทีเดียว นับว่าเยอะดีครับ พื้นที่ส่วนกลางส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้น 23-24 ทั้งสระว่ายน้ำที่ทางโครงการว่าเป็นระบบโอโซน ห้องออกกำลังกาย ห้องสมุด และห้องประชุม แถมด้วยพื้นที่สีเขียวที่เป็นสวนในบริเวณชั้น 1 โดยภาพรวมแล้วถือว่าทางโครงการจัดมาเต็มที่เหมือนกันนะครับ แต่ถ้าจะเอาให้ชัวร์ต้องลงไปดูรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งเรื่องขนาดของสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ว่าจะสามารถรองรับลูกบ้านได้มากแค่ไหน นอกเหนือจากนี้ก็เป็นระบบรักษาความปลอดภัยแบบมาตรฐานทั้ง Keycard Access, Digital Door Lock ฯลฯ ส่วนรายละเอียดและภาพเพิ่มเติมเราจะมีรีวิวแบบทุกซอกทุกมุมมาให้ชมกันอีกครั้งครับ ชั้น 6-21 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด ชั้น 23 จะเป็นสระว่ายน้ำ และมีส่วนของห้องพักอาศัยอยู่ด้วย ประมาณ 7 ห้อง หน้าตาของสระว่ายน้ำบนชั้น 23 เลื่อนขึ้นมาที่ชั้น 24 จะเป็นส่วนของ Fitness และห้องประชุม จะมีห้องพักอาศัยอยู่ที่ชั้นนี้ด้วย 4 ห้อง ส่วนชั้นบนสุดที่ชั้น 25 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด จำนวน 8 ห้อง
Maestro 01 เย็นอากาศ : รีวิวคอนโด

Maestro 01 เย็นอากาศ : รีวิวคอนโด

Maestro 01 เย็นอากาศ คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ในซอยเย็นอากาศ โครงการใหม่จาก Major Development รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   4,500,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร   ประมาณ 150,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เอสเตท จำกัด ลักษณะคอนโด   Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง   88 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 0 - 04 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ซอยเย็นอากาศ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ ที่จอดรถ   ประมาณ 76% (รวมจอดซ้อนคัน) ค่าบำรุงส่วนกลาง   50 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน   500 บาท/ตารางเมตร เริ่มก่อสร้าง   เดือนมิถุนายน 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   เดือนธันวาคม 2559 สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงพยาบาลบีเอ็นเอช โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เซ็นทรัล สีลมคอมเพล็กซ์ เซ็นทรัล พระราม 3 ท๊อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต เทสโก้ โลตัส วิลล่า มาร์เก็ต โรงแรมบันยันทรี โรงแรมสุโขทัย โรงแรมดับเบิ้ลยู โรงแรมเมโทรโพลิแทน โรงแรมดุสิตธานี สถานเอกอัครราชทูต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย สถานเอกอัครราชทูตออสเตรีย สถานเอกอัคราชทูตออสเตรเลีย สถานเอกอัครราชทูตเบลเยียม สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 33.5 – 50.5 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ขนาด 68 – 71 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ดูเพล็กซ์ ขนาด 100 ตารางเมตร 3 ห้องนอน ขนาด 135 – 165 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก ชั้น 1 The Grande Lobby (ล็อบบี้) Mezzanine Exclusive Lounge (พื้นที่รับรองแขกชั้นลอย) Private Mail Box Secure Bike Rack (แร็คจอดจักรยาน) Guard House Launderette ชั้น 2 Marvelous Recreation Pool Revitalized Stream-Sauna Private Changing Room Rooftop Revived Clubroom (คลับรูมอเนกประสงค์) Exquisite Fitness Lounge Peaceful Yoga Lawn Amusing playground Enjoyable BBQ Area Tranquil Pavilion Others Shuttle Service  24/7 Wireless internet  24/7 Security service สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   02-287-2299 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :   www.mde.co.th