Tag : condo

1512 ผลลัพธ์
Noble BE 33 Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Noble BE 33 Sukhumvit : รีวิวคอนโด

สวัสดีแฟนเพจทุกท่านครับ วันนี้เราจะพาไปชมคอนโดใจกลางเมือง ที่เพิ่งเปิดตัวไปพร้อมกับงานแถลงข่าวครบรอบ 25 ปี ของ Noble Development  ชื่อโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ห่างจากรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ และ The EM District ในระยะที่สามารถเดินได้ จะน่าสนใจขนาดไหน ตามผมไปดูกันเลยดีกว่าครับ อ่อ..ลืมบอกไปครับ หากสนใจโครงการ สามารถลงทะเบียนผ่านทาง http://goo.gl/TFpM99 เพื่อรับส่วนลดพิเศษ 100,000 บาท ได้ภายในวันที่ 18 มิ.ย. นี้เท่านั้น !! การเดินทาง ตัวโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ห่างจากสถานี BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 650 เมตร ถือว่าอยู่ในระยะที่สามารถเดินได้ (ถ้าไม่ใช่ช่วงที่อากาศร้อนตับแล่บนะครับ ฮ่าๆ ) สำหรับตัวสถานี BTS พร้อมพงษ์จะอยู่ใจกลาง ล้อมรอบด้วยศูนย์การค้าหรูอย่าง The Em District ที่เป็นการรวมตัวกันของ 3 ห้างระดับท็อปของ The Mall Group อย่าง The Emporium ที่ตั้งอยู่ในย่านพร้อมพงษ์นี้มาอย่างยาวนาน ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็น The EmQuartier ห้างสรรพสินค้าน้องใหม่สุดหรู ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปได้ไม่นาน และอีกแห่งจะอยู่ฝั่งเดียวกับ The Emporium แต่ถูกกั้นกลางด้วยสวนเบญจสิริ คือ  The EmSphere ที่กำลังก่อสร้างอยู่ฝั่งตรงข้ามซอยสุขุมวิท 33 เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องสาธารณูปโภคในย่านนี้ถือว่าหายห่วงเลยครับ ทั้งเรื่องของกิน ของใช้ การเดินทางก็สะดวกสบาย ถ้าจุดหมายปลายทางอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า ก็แทบจะไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวกันเลย นอกจากในห้างสรรพสินค้าแล้ว บริเวณรอบๆ ก็ยังมีร้านอาหารให้เลือกกันเยอะแยะเลยครับ ทั้งอาหารฝรั่ง หรืออาหารญี่ปุ่น เพราะย่านนี้จะอุดมไปด้วยชาวต่างชาติมากมาย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น แผนที่ของโครงการ เราเริ่มกันที่สถานี BTS พร้อมพงษ์เลยนะครับ เดินลงมาแล้วก็จะเจอสภาพแบบนี้เลยครับ ผู้คนพลุกพล่านแทบจะทุกวัน ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ตัวสถานีจะมี Sky Walk เชื่อมต่อกับห้างทั้ง 2 ฝั่ง ด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้าห้าง Emporium เดินเลยมาอีกหน่อยทางเดินก็จะหรูหราขึ้น ปูพรหมแดงต้อนรับกันเลยทีเดียว ด้านขวามือจะเป็นทางเข้าห้าง EmQuartier ส่วนด้านซ้ายจะเป็นทางเข้าอีกทางของ Emporium จากตัวสถานี Sky Walk ทอดยาวมาถึงสวนเบญจสิริ บรรยากาศบนถนนสุขุมวิท ที่ถนนโล่งแบบนี้ เราไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่ ทางลงด้านซ้ายมือจะเป็นฝั่งสวนเบญจสิริ ซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อน และที่ออกกำลังของคนในย่านนี้ สวนเบญจสิริแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 29 ไร่ ของกรมอุตุนิยมวิทยา สร้างขึ้นในสมัยรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษาในปีพ.ศ. 2535 ภายในสวนมีประติมากรรมที่งดงาม และเป็นชิ้นงานสำคัญของศิลปินระดับชาติที่ร่วมใจกันถวายเป็นการเทิดพระเกียรติฯ แบ่งเป็นส่วนต่างๆ ที่สามารถเข้าไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ นอกจากนั้นยังมีลานกีฬา อยู่ในส่วนพื้นที่รอบนอก สำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกายและกีฬากลางแจ้ง ประกอบไปด้วย สนามตระกร้อ สนามวอลเล่ย์บอล สนามบาสเก็ตบอล ลานสเก็ต สวนสุขภาพ สนามเด็กเล่น และสระว่ายน้ำ ขนาด 12.5 x 25 เมตร และยังมีดนตรีในสวน เป็นส่วนที่จัดแสดงดนตรีในแนวไทย หรือสากล ตามโปรแกรมการแสดงดนตรีวันเสาร์-อาทิตย์ ในช่วงเย็นที่จัดหมุนเวียนไปตามสวนสาธารณะหลายแห่งทั่วกรุงเทพมหานคร ส่วนทางลงด้านขวามือจะเป็น จะเป็นทางลงมายังถนนสุขุมวิท ฝั่งซอยเลขคี่ เราต้องลงฝั่งนี้แหละครับ เพื่อเดินไปซอยสุขุมวิท 33 ลงมาจากสถานีได้ไม่ไกล จะเจอซอยสุขุมวิท 33/1 เป็นแหล่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในนาม Japanese Town ภายในซอยก็จะมีร้านอาหาร ให้เลือกกันมากมายจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้าน Subway ถัดมาจะเจอ Villa Market ที่ขายสินค้าทั้งของกิน ของใช้ เดินมาอีกหน่อย ก่อนถึงซอยสุขุมวิท 33 จะเจอร้าน Gute Express เป็นร้านเบเกอรี่เล็กๆ น่ารักๆ สไตล์ญี่ปุ่น ให้เลือกซื้อก่อนกลับเข้าคอนโด ติดกับร้าน Gute Express เป็น UBC II Building อาคารสมัชชาวาณิช 2 อาคารสำนักงาน มีธนาคารกรุงไทยกับธนาคารกสิกรไทย อยู่หน้าอาคาร หลังจากเดินมาจนเหงื่อซึม ก็ถึงแล้วล่ะครับ ซอยสุขุมวิท 33 ฝั่งตรงข้ามจะเห็นสถานที่ก่อสร้าง EmSphere ถ้าสร้างเสร็จแล้วไม่รู้ว่าจะมี Sky Walk ทอดยาวมาถึง EmSphere รึเปล่า ถ้ามีจริงก็คงจะดีนะครับ หน้าปากซอยยังมีร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Family Mart อยู่อีกด้วย บรรยากาศภายในซอยนะครับ มีพี่วินคอยให้บริการอยู่ปากซอยด้วย อัตราค่าบริการคร่าวๆ ตามนี้เลยครับ จากปากซอยเข้ามาประมาณ 350 เมตร ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วล่ะครับ วิเคราะห์โครงการ โครงการ Noble BE 33 Sukhumvit เป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น ที่ออกแบบมาในสไตล์เรียบ หรู และสวยงาม ตามแบบฉบับของโนเบิล โดยโครงการนี้จะเน้นให้เห็นเส้นตัดของแนวตั้งกับแนวนอนชัดเจนกว่าโครงการที่ผ่านๆ มา เรียกได้ว่าเป็น Timeless Design ที่จะยังคงสวยงาม ทันสมัย อยู่แบบนี้ไปอีกหลายปี ตัวโครงการจะหันไป 2 ด้าน คือด้านหน้าโครงการที่ติดกับซอยสุขุมวิท 33 จะเป็นทิศตะวันออก ได้วิวทางซอยทองหล่อ ส่วนด้านหลังโครงการเป็นทิศตะวันตก ได้วิวทางอโศก แม้ว่าจะต้องหันไปรับแดดเต็มๆ ทั้ง 2 ด้าน แต่ก็แลกมาด้วย City View ใจกลางกรุงเทพฯ สำหรับ Master Plan ของโครงการเรายังไม่มีให้ชมนะครับ ดูจากโมเดลจำลองของตัวอาคารประกอบกันไปก่อนแล้วกันนะครับ เริ่มจากทางเข้าโครงการจะใช้ทางเข้าเดียวเป็นถนน 2 เลน กว้าง 6 เมตร ก่อนที่จะลงไปจอดรถที่ชั้นใต้ดิน ที่มีทั้งหมด 5 ชั้น สามารถจอดรถได้ประมาณ 67% ของจำนวนห้องพัก ( 187 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งส่วนที่เป็น Indoor และแบบ Semi Outdoor เชื่อมต่อกับสวนด้านนอก โซนแรกจะเป็น Indoor Lobby ตกแต่งด้วยกระจกโค้ง ที่ทางโครงการบอกมาว่าในตอนกลางวันกระจกจะสะท้อนแสงกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ส่วนในเวลากลางคืนเห็น Interior ที่อยู่ด้านใน Lobby อย่างสวยงาม โดย Lobby ส่วนนี้จะมาพร้อมกับ Drop-Off มีจุดจอดรถรับ-ส่ง ด้านหน้า Lobby อีกโซนหนึ่งจะเป็น Semi Outdoor Lobby เชื่อมต่อออกมาสู่สวนสีเขียวด้านนอก ที่ทางโครงการบอกว่าเน้นการปลูกต้นให้เหมือนป่ามากที่สุด เลยจาก Lobby เข้ามาด้านในจะเป็น Lift Hall จะมีลิฟท์ทั้งหมด 3 ตัว แบ่งเป็น Private Lift 2 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว อยู่ตรงกลางอาคารแบบ Single Loaded Corridor และมีบันไดหนีไฟอยู่ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ตั้งแต่ชั้น 2-28 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด มีแบบห้อง 1-3 ห้องนอน คละเคล้ากันไป ส่วน Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 29 ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือ ฟิตเนส ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้อง Stream แยกชาย-หญิง ขยับขึ้นไปที่ชั้น 30-31 จะเป็นห้อง Penthouse ที่มีอยู่เพียง 4 ยูนิต แบ่งเป็นชั้นละ 2 ยูนิต รูปทรงของอาคารออกแบบมาในสไตล์เรียบหรู โดยห้องพักอาศัยจะหันหน้าไปใน 2 ทิศทาง คือทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ด้านหน้าโครงการที่หันออกมาทางซอยสุขุมวิท 33 จะเป็นทิศตะวันออก ได้วิวทางซอยทองหล่อ ส่วนด้านหลังโครงการจะหันไปทางทิศตะวันตก ได้วิวทางอโศก ห้อง Type ที่อยู่หัวมุม จะได้ระเบียงเล็กๆ ด้านข้างด้วย ด้านบนที่ชั้น 29 จะเป็น Facility หลักของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือ ห้องฟิตเนส ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้อง Stream แยกชาย หญิง ส่วนที่ชั้น 30-31 จะเป็นห้อง Penthouse ขนาดใหญ่ที่มีเพียงแค่ 4 ยูนิต ชั้นละ 2 ยูนิต บรรยากาศสระว่ายน้ำบนชั้น 29 ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งแบบ Indoor ที่มาพร้อมกับ Drop-Off และแบบ Semi Outdoor ที่มีสวนสีเขียวล้อมรอบ Lobby โซนแรกจะตกแต่งด้วยกระจกโค้ง ให้ความสวยงาม โดยในเวลากลางวันจะสะท้อนสภาพแวดล้อมรอบๆ ส่วนในเวลากลางคืนจะเห็น Interior ที่อยู่ด้านใน ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby บรรยากาศจำลองภายนอก Lobby ในเวลากลางวัน กระจกโค้งที่ Lobby จะเป็นเหมือนกระจกเงา สะท้อนสิ่งแวดล้อมรอบๆ แต่ในเวลากลางคืน จะส้อนให้เห็น Interior ต่างๆ ที่อยู่ภายใน Lobby Lobby อีกโซนจะเป็น Semi Outdoor Lobby เชื่อมต่อกับสวนสีเขียวภายนอก มุมมองจาก Lobby ออกมาที่สวนด้านนอก ทางเข้าโครงการจะเข้าออกทางเดียว เป็นถนน 2 เลน กว้าง 6 เมตร ก่อนลงไปที่จอดรถชั้นใต้ดิน ที่มีทั้งหมด 5 ชั้น ภาพบรรยากาศ Lift Hall ที่บริเวณ Lobby พาชมห้องตัวอย่าง แบบห้องของโครงการจะมีทั้งหมด 4 แบบนะครับ ประกอบด้วยแบบ 1 ห้องนอน มี 2 ขนาด เริ่มต้นที่ 34.25 ตารางเมตร และขนาดประมาณ 40-43 ตารางเมตร ต่อมาเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 51 - 69 ตารางเมตร แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 76 ตารางเมตร และ Penthouse ขนาด 109-139 ตารางเมตร สำหรับห้องตัวอย่างที่โครงการเตรียมไว้ให้ชมนั้น จะมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ ประมาณ 43 ตารางเมตร และอีกแบบเป็นห้อง 3 ห้องนอน ขนาด 76 ตารางเมตร โดยโครงการจะขายแบบ Fully Fitted ลูกบ้านจะได้ในส่วนของห้องครัวประกอบด้วยเคาน์เตอร์ครัว พร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเตาไฟฟ้า 2 หัว, ฮูดดูดควัน, ไมโครเวฟ และตู้เย็น Built in ตามแบบที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยนะครับ นอกจากนั้นยังมีตู้เสื้อผ้า Built in ที่มีให้ในห้องนอนทุกห้อง และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำด้วย สำหรับแอร์ที่ใช้ โครงการจะใช้แอร์แบบฝังฝ้า ทุกอยู่นิตจะได้แอร์ที่ห้องนอน และ Living Area มาดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่าครับ แบบแรกเป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ของห้องค่อนข้างลงตัว พื้นที่ที่ให้มาสามารถใช้งานได้จริง โดยลักษณะห้องจะแบ่งออกเป็น 2 โซน เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วน Dining Living ก่อนนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิด ที่จัดชุดเคาน์เตอร์ครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้อย่างครบครัน และที่ติดกับครัวจะเป็นส่วน Dining Area ที่สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ขยับเข้าไปด้านในจะเป็น Living Area และอีกด้านจะเป็นส่วนของห้องนอน และมีห้องน้ำอยู่ด้านใน ห้องนี้จะได้แอร์ 2 จุด คือที่ Living Area และในห้องนอน ประตูห้องจะเป็นบานสูง 2.4 เมตร ผิวลามิเนตลายไม้ ประตูจะใช้ระบบ Digital Door Lock ซึ่งคีย์การ์ดจะมีขนาดเล็กและบางกว่าคีย์การ์ดแบบทั่วไป พื้นห้องจะเป็นลามิเนตเกรดพรีเมี่ยม ที่ทำเลียบแบบผิวไม้ เวลาสัมผัสจะให้ควมรู้สึกเหมือนไม้จริงๆ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dinning Living ก่อนเลยนะครับ ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวแนวยาว ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน โดยโครงการจะให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามาด้วย 4 รายการ คือตู้เย็น Built in, โมโครเวฟ, เตาไฟฟ้า 2 หัว และฮูดดูดควัน เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดจะให้ของ Smeg ด้านซ้ายสุดที่ติดกับผนังห้องจะเป็นตู้เย็น Built in เปิดออกมาก็จะมี 2 ส่วน ตัวท็อปครัวจะเป็นแนวยาว ด้านบนจะเป็นไมโครเวฟ ติดกันจะเป็นตู้ลอยเก็บของ มีจุดที่วางเครื่องซักอยู่ด้านล่าง แต่ตัวเครื่องซักผ้าไม่ได้ให้ด้วยนะครับ ซิ้งล่างจานแบบหลุม มีความลึกพอสมควร ขยับมาอีกจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัว มาพร้อมฮูดดูดควันแบบฝัง ตรงข้ามกับครัว จะเป็นส่วน Dining Area ที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่านได้เลย ด้านในสุดจะเป็นส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวี สามารถวางโซฟา L Shape 4 ที่นั่ง ได้เลยครับ ที่ Living Area ที่มีระเบียงให้ด้วยนะครับ พื้นที่ระเบียงจะดูเล็กไปสักหน่อย ความกว้างประมาณ 55 ซม. อาจจะใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก ออกไปยืนรับลม ชมวิว พอไหวอยู่ จุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียงนี่แหละครับ มีฉากอลูมิเนียมปิดกั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วน เฟรมกระจกที่ระเบียงจะมีความสูง 2.95 เมตร ซึ่งสูงกว่าเพดานห้องที่มีความสูง 2.75 เมตร มาดูกันต่อที่ห้องนอน พื้นที่ในห้องนอนถือว่ากว้างขวางอยู่นะครับ วางเตียง 5 ฟุต กำลังดีจะได้ไม่ดูอึดอัดเกินไป แต่ถ้าใครชอบเตียงใหญ่ๆ จัดเตียง King Size ก็ยังไหวนะครับ พื้นที่ปลายเตียงมีที่พอให้เดินผ่านได้ ถ้าจะเอาทีวีไว้ในห้องนอนด้วย ก็คงต้องใช้แบบแขวนผนัง ในห้องนอนก็มีระเบียงให้อีกนะครับ ขนาดก็จะเท่าๆ กับที่ Living Area ไม่สามารถเดินเชื่อมกับระเบียงที่ Living Area ได้นะครับ เพราะมีจุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์กั้นอยู่ ข้างเตียงอีกด้านก็มีระเบียงเล็กๆ ให้อีกจุดหนึ่ง จุดนี้จะเป็นระเบียงที่อยู่ด้านข้างอาคาร ฝั่งตรงข้ามจะเป็นทางเดินเข้าไปห้องน้ำ ที่หน้าห้องน้ำจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in เป็นบานกระจกยาวตลอดแนว แต่สเปคที่ได้จริงๆ จะไม่ใช่แบบนี้นะครับ ห้องจริงบานกระจกจะเป็นกระจกขุ่นๆ ส่วนเฟรมอลูมิเนียมก็จะไม่ใช่สีทองแบบที่เห็น จะเป็นเฟรมอลูมิเนียมสีธรรมขาติ เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันบ้าง การจัดวาง Layout ในห้องน้ำจะมีลักษณะแบบนี้นะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำทั้งหมดจะใช้ของ TOTO พื้นห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องลายหิน ขนาด 60x60 ซม. อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม พร้อมกับเคาน์เตอร์ยาว กระจกเงาที่ได้ที่จะเป็นแนวยาวตามเคาน์เตอร์เลยครับ เคาน์เตอร์ยาวเท่าไหน กระจกเงาก็ยาวเท่านั้น Lighting ที่กระจกเงาเป็นแนวยาวทั้งด้านบน ด้านล่าง นี่โครงการก็ติดให้ด้วยนะครับ กระจกเงาสามารถเปิดปิดได้ มีตู้เก็บของซ่อนอยู่ด้วย โถสุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นแบบอัตโนมัติของ TOTO อีกด้านจะเป็นอ่างอาบน้ำแบบนั่ง ให้มาด้วย ซึ่งอ่างอาบน้ำแบบนี้จะได้ทุกยูนิต ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower แบบต่อมาเป็นแบบ 3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นมาเป็นขนาด 76 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ของห้องนี้จะดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเป็นทาง Corridor ยาวเข้าไปในห้องก่อนที่จะเจอกับห้องครัวที่แอบเข้ามุมอยู่ แม้ว่าขนาดจะดูเล็กกระทัดรัดไปสักหน่อย แต่เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานก็ยังครบครันเหมือนเดิม ถัดเข้ามาจะเป็นส่วนของ Dining Area ที่ให้มาค่อนข้างกว้างพอสมควร สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน ได้สบายๆ ขยับเข้ามาด้านในอีกจะเป็น Living Area ที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนใหญ่ทั้ง 2 ห้อง ที่มีขนาดพอๆ กัน ซึ่งแต่ละห้องก็จะมีห้องน้ำในตัวแยกต่างหาก ส่วนห้องนอนเล็กจะแยกมาอยู่ฝั่งตรงข้าม จะมีห้องน้ำรวมอยู่ที่หน้าห้อง ซึ่งสามารถเข้าได้ 2 ด้าน ทั้งจากทางห้องนอนเล็ก และทาง Dining Area โดยห้องนี้จะได้แอร์ทั้งหมด 4 จุด คือที่ห้องนอนทั้ง 3 ห้อง และที่ Living Area อีก 1 จุด เข้ามาให้ห้องแลเวจะเป็นทาง Corridor ยาว ตรงนี้ผนังทั้ง 2 ด้านโครงการตกแต่งเป็นตู้เก็บของและตู้โชว์เป็นไอเดีย แต่ห้องจริงจะเป็นผนังปูน ไม่มีตู้ Built in มาให้ด้วยนะครับ เดินเข้ามาอีกหน่อยจะเป็นห้องครัวที่แอบเข้ามุมอยู่ ฟังก์ชั่นการใช้งานก็จะเหมือนกันกับครัวของแบบ 1 ห้องนอน เมื่อสักครู่นะครับ พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ได้เหมือนๆ กัน ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับครัว จะเป็นส่วน Dining Area เป็นแนวยาวทอดไปหา Living Area ตรงนี้สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน ได้เลย ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area อยู่ตรงกลางระหว่าง ห้องนอนใหญ่ทั้ง 2 ห้อง Living Area จะมีขนาดพอๆ กับห้องแบบ 1 ห้องนอน มีระเบียงให้เหมือนกัน ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กัน ออกมาที่ระเบียงด้านขวาจะเป็นจุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นแผงคอนกรีตกั้นไว้ เพื่อความสวยงามของโครงสร้างด้านนอก เรมาดูห้องนอนทางซ้ายมือกันก่อน ขนาดห้องจะใกล้เคียงกับห้องแบบ 1 ห้องนอน การจัดวาง Layout ต่างๆ ก็จะคล้ายๆ กัน ในห้องนอนก็จะมีระเบียงอีก 1 จุด อีกด้านจะเป็นห้องน้ำ มีตู้เสื้อ Built in อยู่หน้าห้องน้ำทั้ง 2 ด้าน อย่างที่บอกนะครับ ว่าเฟรมอลูมิเนียมที่ตู้เสื้อผ้า ในห้องจริงๆ จะไม่ได้สีทองแบบนี้นะครับ จะเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ด้านในห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนกับแบบ 1 ห้องนอน ข้ามมาดูที่ห้องนอนใหญ่อีกห้อง ห้องนี้เป็นห้อง Master Bedroom นะครับ การจัดวาง Layout จะเหมือนกันเลย แต่ห้องน้ำจะแอบเล็กกว่านิดหน่อย อีกด้านก็จะเป็นห้องน้ำ มีตู้เสื้อผ้า Built in อยู่หน้าห้องน้ำเหมือนกัน ซึ่งการจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กัน โถสุขภัณฑ์ของห้อง Master Bedroom จะพิเศษกว่าห้องน้ำห้องอื่นๆ จะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัตินะครับ มาดูที่ห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนเล็ก ตรงนี้จะมีห้องน้ำแยกออกมา 1 ห้อง แต่สามารถเข้าได้ 2 ด้าน ทั้งจากด้านห้องนอนเล็ก และจาก Dining Living ห้องนอนเล็กนี้สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ได้นะครับ แต่ทางโครงการตกแต่งเห็นเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นอีกห้อง ด้วยการวาง Daybed แทน ในห้องนอนเล็กก็จะมีตู้เสื้อผ้าให้อีก 1 ตู้ เป็นหน้าบานสไลด์ ในห้องนอนเล็กนี้ก็มีระเบียงเล็กๆ ให้อีกด้วยนะครับ มองจากห้องนอนเล็กเข้าไปในห้องน้ำ ห้องน้ำห้องนี้จะมีขนาดเล็กกว่าแบบที่อยู่ในห้องนอนใหญ่นะครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าก็จะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ แต่สุขภัณฑ์ที่ใช้ก็เป็นของ TOTO เหมือนเดิม และอีกอย่างที่ห้องน้ำนี้แตกต่างจากห้องอื่น คือจะไม่ได้อ่างอาบน้ำ แต่จะมีเป็น Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ให้แทนครับ โดยรวมแล้วโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ถือว่าอยู่ในทำเลใจกลางเมืองอย่างแท้จริง สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่สะดวกสบาย แม้ว่าจะไม่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า แต่ก็ถือว่ายังอยู่ระยะที่สามารถเดินได้ อีกทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้งต่างๆ ทั้งของกิน ของใช้ มีให้เลือกมากมาย และอยู่ไม่ไกลจากโครงการนัก หากซื้อเพื่ออยู่อาศัยก็เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในเมือง หรืออยู่ตามแนวรถไฟฟ้า แต่อาจจะต้องแลกมากับความพลุกพล่าน เนื่องจากเป็นแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมือง คนที่ชอบความสงบ และต้องการความเป็นส่วนตัว อาจจะต้องคิดหนักหน่อยนะครับ ส่วนเรื่องการซื้อเพื่อลงทุน ก็อาจจะหาผู้เช่าได้ไม่ยาก เนื่องจากอยู่ใกล้รถไฟฟ้า และแหล่งออฟฟิศต่างๆ แถมยังเป็นแหล่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในย่านนี้
KLASS Sarasin Rajdamri : รีวิวคอนโด

KLASS Sarasin Rajdamri : รีวิวคอนโด

KLASS Sarasin Rajdamri (คลาส สารสิน ราชดำริ) คอนโด Low Rise บนถนนสารสิน ใกล้สวนลุม จาก Klass Asset รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    8,000,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 178,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท คลาส แอสเซส จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     68 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    1 - 0 - 49 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนสารสิน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 68 คัน หรือคิดเป็น  100% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) เริ่มก่อสร้าง   ไตรมาสที่ 1 ปี 2559 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาสที่ 4 ปี 2560 ค่าส่วนกลาง    80 บาท/ตารางเมตร จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี ค่ากองทุน    800 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง สวนลุมพินี โรงพยาบาลจุฬาฯ BTS สถานีราชดำริ สนามม้าราชกรีฑาสโมสร Ambassdor Court Hotel สถานทูตอเมริกา สถานทูตอังกฤษ สถานทูตเนเธอแลนด์ อาคารออลล์ ซีซั่น เพลส ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom  ขนาด 45-55 ตารางเมตร จำนวน 15 ยูนิต 2 Bedroom  ขนาด 73-83 ตารางเมตร จำนวน 25 ยูนิต 3 Bedroom  ขนาด 95-127 ตารางเมตร จำนวน 26 ยูนิต Duplex  ขนาดประมาณ 134-135 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby lounge and Reception 2 Elevators Mail Box Parking Space Swimming pool and Jacuzzi equipment Fitness Library Sundeck and Lush garden Integrated key card access Digital door lock and Video door phone Smoke and Heat detector สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    082-422-5444 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.klasscondo.com
Supalai Elite @Surawong : รีวิวคอนโด

Supalai Elite @Surawong : รีวิวคอนโด

Supalai Elite @Surawong คอนโด High Rise โครงการใหม่จากศุภาลัย บนถนนนเรศ อยู่ระหว่างถนนสี่พระยาและสุรวงศ์ ตรงข้ามสำนักงานเขตบางรัก รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 5 ล้านกว่าบาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 110,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 31 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     277 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 2 - 1 - 55 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนนเรศ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ Master Plan ของโครงการ Facility ของโครงจะอยู่ที่ชั้น 7 ทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ชั้น 8 - 29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด โดยการนำ Core ไว้ตรงกลางอาคารทั้งลิฟท์ 3 ตัวและบันไดหนีไฟ สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีสามย่าน ประมาณ 850 ม. จุดขึ้น-ลง ทางด่วนพระราม 4 ประมาณ 1 กม. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประมาณ 1.2 กม. BTS สถานีช่องนนทรี ประมาณ 1.2 กม. โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ประมาณ 1.3 กม. จามจุรี สแควร์ ประมาณ 1.3 กม. สยามพารากอน ประมาณ 2.6 กม. ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 49 - 73.5 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 85 - 100.5 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 112 - 144.5 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ห้องออกกำลังกาย (Fitness) ซาวน่า (Sauna) สวนลอยฟ้า (Roof Garden) พื้นที่พักผ่อนบนชั้นดาดฟ้า (Sky Lounge) รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1720 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.supalai.com
The Line Jatujak-Mochit – เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต : รีวิวคอนโด

The Line Jatujak-Mochit – เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต : รีวิวคอนโด

THE LINE จตุจักร-หมอชิต คอนโด High Rise โครงการใหม่จากแสนสิริ ตรงข้ามสวนจตุจักร ใกล้ BTS หมอชิตและ MRT สวนจตุจักร พร้อมวิวสวนจตุจักรขนาด 700 ไร่และวิวเมืองที่โดดเด่นยามค่ำคืน   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    4,000,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 159,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     841 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    4 - 2 - 95 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 420 คัน หรือคิดเป็น  50% คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ต้นปี 2561 Master Plan โครงการ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 7-9 ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนหย่อมขนาดใหญ่ และ Jogging Track ตั้งแต่ชั้น 10 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัย   สถานที่สำคัญใกล้เคียง สวนจตุจักร ตลาดอ.ต.ก. JJ Green JJ Mall เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยน มอลล์ สวนสิริกิติ์ สวนรถไฟ โรงเรียนหอวัง โรงเรียนเซนต์จอนห์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.25 – 26.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท 668 ยูนิต 2 Bedroom ขนาด 53.5 – 66 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท 134 ยูนิต 3 Bedroom ขนาด 77.75 – 85.25 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท 34 ยูนิต Duplex ขนาด 102.5 – 105.75 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 15.5 ล้านบาท 5 ยูนิต Type 1A แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25.75 - 26.50 ตารางเมตร Type 2A แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 56.75 ตารางเมตร Type 2B แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 53.5 ตารางเมตร Type 3A แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 77.75 ตารางเมตร Type 3A-1 แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 85.25 ตารางเมตร   Type 3DP แบบ 3 ห้องนอน Duplex ขนาด 105.75 ตารางเมตร   สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 40 x 6.4 ม. ห้องออกกำลังกาย แบบ Double Space Kids Room แบบ Triple Space Library Meeting Room Business Lounge Game Room Sky Pavilion พร้อมจากุชชี่ สวนหย่อมรอบโครงการ ระบบ CCTV / Access Card สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  https://www.sansiri.com/condominium/theline_jatujak_mochit/th/
รีวิวคอนโดทำเลอ่อนนุช : รีวิวคอนโด

รีวิวคอนโดทำเลอ่อนนุช : รีวิวคอนโด

ทำเลที่อยู่อาศัย ในแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในโซนที่อิงกับสถานีอ่อนนุชหลาย ๆ คนก็ยังมองหาซื้อบ้านและคอนโดในย่านนี้อยู่เรื่อยๆ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะอ่อนนุชหรือสุขุมวิท 77 ไม่ได้อยู่ในเมืองมากจนราคาที่อยู่อาศัยสูงเกินเอื้อมไหว ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ไกลเกินจะเดินทางเข้ากลางเมือง หรือห่างไกลความเจริญและสาธารณูปโภคไปซะทีเดียว เพียงแต่ละเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องอาศัยการนั่งรถ ต่อรถไฟฟ้า หรือต้องใช้รถส่วนตัวอีกนิดก็แค่นั้นเอง ทั้งด้วยเส้นทางถนนสายหลักอย่างถนนสุขุมวิทก็เดินทางเข้าเมืองไปเอกมัย ทองหล่อ อโศก ตัดเข้าพระราม 4 ได้ง่าย อีกฝั่งก็วิ่งไปออกบางนา ข้ามไปวงแหวน หรือจะออกศรีนครินทร์ พัฒนาการ ไปจนถึงมอเตอร์เวย์ได้อีกด้วย ซึ่งถนนแถบนี้เชื่อมโยงถึงกันมีซอยเล็กซอยน้อยให้ลัดเลาะกันสนุก (ถ้าคุ้นเคยเส้นทางนะครับ) ด่านขึ้นทางด่วนก็มีที่ซอยสุขุมวิท 50 อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่ จัดว่าสะดวกใช้ได้เลย ติดแค่ปัญหารถติดที่ใครๆ ก็รู้ว่าการจราจรติดหนักเอาการ โชคดีหน่อยที่ตัวสถานีรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช อยู่ถัดมาจากปากซอยอ่อนนุชหรือสุขุมวิท 77 ประมาณ 300 เมตรเท่านั้น แถมเลยไปทางฝั่งพัฒนาการก็ยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้า Airport Rail Link อีก และในอนาคตโครงการรถไฟฟ้าอีก 3 สายก็จะมีการก่อสร้างตามมา ทั้งสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) ซึ่งจะทำให้ทำเลในย่านอ่อนนุช-พัฒนาการสามารถเดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และที่ดินที่อยู่อาศัยในแถบนี้ก็คงจะบูมมากขึ้นไปอีกแน่นอน ว่ากันที่บริเวณรอบๆ ตัวสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชกันก่อน พอลงมาจากตัวสถานีปุ๊ปก็เจอกับห้าง Tesco Lotus ทันที ซึ่งมีทางเชื่อมกับตัวสถานีเลย สามารถแวะจับจ่ายก่อนได้จนถึงเที่ยงคืนกันเลย หน้าโลตัสยังมีตลาดนัดเช่นเดียวกันกับฝั่งตรงข้ามที่มีขายทั้งเสื้อผ้า อาหารการกิน ซึ่งเปิดยาวไปตั้งแต่บ่ายแก่ๆ จนเที่ยงคืนเช่นกัน ริมถนนสุขุมวิทใกล้กับตัวสถานีอ่อนนุชก็มีคอนโดอยู่หลายโครงการซึ่งสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วทั้ง Ideo, Rhythm, Q House ฯลฯ ตลอดเส้นทางเดินริมถนนมีร้านค้า แผงลอยเต็มไปหมด ก่อนขึ้นปากซอยอ่อนนุชก็ยังมีทั้งสถานีดับเพลิงและสถานีตำรวจพระโขนงด้วย พอมาถึงตรงปากซอยอ่อนนุชปุ๊ป เราก็จะได้เห็นบรรยากาศที่คึกคัก ผู้คนหนาตาขึ้นไปอีก เพราะบริเวณนี้เป็นทั้งตลาดสด และจุดขึ้นรถสองแถวต่อไปยังพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีให้บริการหลายสายเลยทีเดียว พอถัดเข้ามาอีกหน่อยก็มี Big C Extra อีก บริเวณนี้เลยเป็นที่จับจ่ายซื้อของแหล่งหลักๆ เลยก็ว่าได้ นับแค่ระยะทาง 300 เมตรจากปากซอยเข้ามาก็จับจ่ายกันไม่ไหวแล้วล่ะครับ โครงการ Ideo Verve สุขุมวิท คอนโดรุ่นแรกๆ ในย่านนี้ และเป็นโครงการที่อยู่ใกล้สถานีมากที่สุด เรียกว่าติดสถานีเลยล่ะครับ ติดกับโครงการ Ideo Verve จะมีตลาดนัดขายเสื้อผ้า ของกิน ช่วงเย็นๆ มืดๆ จะคึกคักทีเดียวครับ อีกฝั่งเป็นเทสโก้ โลตัส จะอยู่ติดกับตัวสถานีรถไฟฟ้าเลย มีทางเดินเชื่อมเข้าตัวห้างโดยตรง มองจากสถานีไปทางซอยสุขุมวิท 50 มีคอนโดขึ้นหลายโครงการเลยทีเดียวครับ ที่เห็นอยู่ไกลๆ ตรงโน่น คือโครงการ Diamond สุขุมวิท ตั้งอยู่ตรงข้ามซอยสุขุมวิท 77 ที่เห็นนี้คือโครงการ Rhythm สุขุมวิท 50 ตัวโครงการจะตั้งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 50 เลยครับ บรรยากาศหน้าปากซอยสุขุมวิท 50 ทางเดินไปโครงการ Rhythm มองเข้าไปซอยสุขุมวิท 50 มีจุดขึ้นทางด่วน ไปทางพระราม 9 รามอินทรา และยังมีคอนโดอีกหลายโครงการ หน้าปากซอยสุขุมวิท 50 จะมีร้านอาหารจำพวกร้านลาบ ส้มตำ ปลาเผา ให้เลือกทานกันอยู่หลายร้าน มองจากปากซอยสุขุมวิท 50 กลับไปทางสถานีรถไฟฟ้า จะเห็นโครงการ Ideo Verve สุขุมวิท เดินเลยมาอีกก็จะมีร้านหมูกระทะที่อยู่ที่นี่มาอย่างยาวนาน มองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นโครงการ Q.House Condo สุขุมวิท 79 ที่เพิ่งสร้างเสร็จไปได้ไม่นาน สภาพการจราจรบนถนนสุขุมวิทก็อย่างที่ทราบกันดีนะครับ ว่าเป็นยังไง เลยมาอีกหน่อยจะเป็นสถานีดับเพลิงพระโขนง ตรงข้ามก็จะเป็นการประปานครหลวง ใกล้ๆ กับสถานีดับเพลิงจะเป็น สน.พระโขนง ตรงข้ามกับ สน.พระโขนง เยื้องๆ กับซอยสุขุมวิท 77 หรือซอยอ่อนนุช จะเป็นโครงการ Diamond สุขุมวิท มีสะพานลอยข้ามไปฝั่งซอยอ่อนนุชอยู่หน้าโครงการเลยครับ เดินข้ามไปซื้อของกินฝั่งตรงข้ามได้สบาย สภาพการจราจรบริเวณปากซอยอ่อนนุช รถนี่ติดแทบจะตลอดเวลา ใครจะเข้าซอยอ่อนนุชก็ชิดขวารอเลี้ยวได้เลยนะครับ เราเดินเลยจากซอยอ่อนนุชมาเล็กน้อย จะมีร้าน Best Beef เป็นร้านปิ้งย่างแบบไทยๆ อยู่เชิงสะพานพระโขนง ใครชอบทานเนื้อ ร้านนี้ต้องลองครับ ส่วนถ้าใครเลี้ยวขวาที่แยกอ่อนนุชไม่ทัน หรือไม่อยากรอไฟแดงนานๆ ก็มากลับรถใต้สะพานพระโขนงนี้แทนได้ครับ ห่างกันนิดเดียว เราข้ามสะพานลอยมาฝั่งซอยอ่อนนุชกันต่อ ที่ปากซอยจะมีร้านขายอาหาร ผลไม้ หรือของใช้ต่างๆ อยู่ทั้ง 2 ข้างทาง ยาวไปจนถึงบิ๊กซี เดินเข้ามาเรื่อยๆ ก็ถึงบิ๊กซีแล้วล่ะครับ มีอีกเส้นทางนึงนะครับ ที่เดินลัดมาเข้าบิ๊กซีได้ คือซอยสุขุมวิท 77/1 เลยจากคอนโด Q.House Condo สุขุมวิท 79 มานิดเดียว ในซอยก็มีร้านขายของให้เลือกซื้อเหมือนกันครับ เดินมาจนสุดซอย ก็จะเจอบิ๊กซี ถ้าใครที่ไม่ได้ใช้รถยนตืส่วนตัว รถสองแถวนี้แหละครับเป็นที่พึ่งหลักในซอยนี้ หรือถ้าใครต้องการความรวดเร็วหน่อยก็มีพี่วินคอยให้บริการเช่นกัน ตอนเช้าออกไปทำงานแนะนำให้นั่งพี่วินนะครับ เพราะรถจะติดมหาโหดมาก โดยเฉพาะฝั่งที่มุ่งหน้ามาถนนสุขุมวิท ช่วงบ่ายจุดขึ้นรถสองแถวเข้าซอย จะอยู่ฝั่งตรงข้ามบิ๊กซี แต่ในช่วงเย็นจะขยับไปอยู่ที่หน้าคอนโด blocs 77 เดินเลยเข้ามาเรื่อยๆ ในซอยก็จะไม่ค่อยคึกคักเหมือนช่วงปากซอยแล้ว ในซอยนี้เป็นถนนใหญ่ มีชุมชน หมู่บ้าน บ้านเรือนที่อยู่มาก่อนให้เห็นเป็นระยะ เช่นเดียวกับวัดวาที่มีเยอะเช่นกัน แต่ที่เด่นๆ เลยก็คือ วัดมหาบุศย์ (อ่อนนุชซอย 7) หรือวัดแม่นาคพระโขนงนั่นเอง นอกจากบ้านไม้ บ้านเก่า ตึกแถวร้านค้าริมถนนที่มีอยู่ก่อนแล้ว เราก็จะเริ่มเห็นคอนโดมิเนียมที่เพิ่งสร้างเสร็จในช่วง 1-2 ปีนี้ให้เห็นเป็นระยะ ทั้งคอนโดในเครือ Lumpini, U Delight, The Base, Blocs 77 เป็นต้น รวมไปถึงโครงการอื่นๆ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ทั้งหมู่บ้าน และคอนโดในซอย บรรยากาศสองฝั่งถนนในซอยอ่อนนุชจะมีร้านค้า แผงลอยให้เห็นตลอดทาง บางช่วงก็จะมีแผงลอยขายอาหารหนาตาหน่อย บางช่วงก็จะเป็นบ้านอยู่อาศัยซะเยอะ ถนนในซอยดูเหมือนจะไม่เปลี่ยวนะครับ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วผมว่าไม่ค่อยเหมาะกับการเดินเท่าไหร่ โดยเฉพาะคุณสาวๆ ถ้าต้องเดินคนเดียว ถึงจะเป็นช่วงกลางวันแสกๆ ก็เถอะ อาศัยนั่งรถสองแถว หรือใช้พี่วินมอเตอร์ไซค์เอาจะดีกว่าครับ ตอนเราไปถึงเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ รถก็ติดกันแล้วนะครับ เราขยับเข้ามาในซอยอีกหน่อย คอนโดแรกที่เราเจอจะเป็นโครงการ blocs 77 อยู่เยื้องๆ กับบิ๊กซี ติดๆ กับ blocs 77 เป็นโครงการ The Base สุขุมวิท 77 หน้าโครงการ The Base มีทางเข้าไปยังที่ดินของแสนสิริ ด้านในจะมีอีกหนึ่งโครงการเป็นโครงการ The Base Park West สุขุมวิท 77 มองจากตรงนี้ไปจะเห็นมีคอนโด อยู่อีกหลายโครงการ เราเดินไปดูกันต่อเลยครับ โครงการที่เห็นเมื่อสักครู่เป็นโครงการ U Delight อ่อนนุช สเตชั่น คอนโด High Rise ของ Grand U ส่วนคอนโดที่กำลังก่อสร้างอยู่ข้างกับ U Delight คือโครงการ Sunshine Garden กรุงเทพ เลยเข้ามาอีกหน่อยจะเป็นโครงการ Lumpini Ville สุขุมวิท 77 คอนโดรุ่นแรกๆ ในซอย จาก LPN เยื้องๆ กันหน่อยจะเป็นคอนรุ่นน้องอย่าง Lumpini Ville สุขุมวิท 77 (2) ลึกเข้ามาในซอยอีกสักหน่อยบรรยากาศคอนโดก็เริ่มจะเบาบางลงแล้วนะครับ ส่วนร้านขายอาหาร ร้านขายของต่างๆ หรือตลาดนัด จะมีประปรายตามรายทาง บางช่วงก็เยอะหน่อย เรื่องของกินของใช้ในซอยนี้เรียกว่าหายห่วงได้เลยครับ เลยจากโครงการ Lumpini Ville สุขุมวิท 77 (2) ได้ไม่ไกล กำลังมีการก่อสร้างคอมมูนิตี้ มอลล์ แห่งใหม่ ชื่อโครงการ People Park อ่อนนุช น่าจะช่วยให้ย่านนี้คึกคักมากขึ้นไปอีก มี Max Value คอยให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยรวมแล้วย่านอ่อนนุชยังถือเป็นทำเลที่มีความน่าสนใจอยู่ ยังมีคอนโดและหมู่บ้านโครงการอื่นๆ ผุดขึ้นอีกเรื่อยๆ ทั้งในบริเวณติดๆ กับสถานีรถไฟฟ้าก็ดี หรือในบริเวณใกล้เคียงรอบๆ ย่านนี้ก็ด้วย เพราะศักยภาพของพื้นที่แถบนี้มีความเป็นชุมชนสูง มีความพร้อมสำหรับการอยู่อาศัย สาธารณูปโภคต่างๆ ก็ค่อนข้างครบครัน ถึงจะไม่หรูหราฟู่ฟ่าแบบในเมือง แต่ก็จัดว่าสะดวกมากๆ สำหรับชีวิตประจำวันครับ ศักยภาพด้านการเติบโตของพื้นที่นี้ยังมีโอกาสอีกมาก ถึงจะไม่ใช่ย่านใจกลางสุขุมวิท แต่ก็ไม่ได้ไกลเกินไปนัก อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้สะดวกไม่ว่าจะด้วยรถไฟฟ้า หรือรถส่วนตัว ในขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้ก็ไม่ได้สูงจนเอื้อมไม่ถึง เพราะถึงอย่างไรทำเลแถบนี้ก็ไม่ได้เน้นตลาดที่อยู่อาศัยหรูหราอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่จึงยังคงปักหมุดเลือกอ่อนนุชมาในอันดับต้นๆ ส่วนย่านใกล้เคียงที่น่าสนใจอย่างพัฒนาการ บางจาก หรืออุดมสุข ไว้พวกเราทีมงานจะหาโอกาสไปรีวิวทำเลเพิ่มเติมมาให้อีก....ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ
Plum Condo Extra พระราม 2 : รีวิวคอนโด

Plum Condo Extra พระราม 2 : รีวิวคอนโด

Plum Condo Extra Rama 2 คอนโดราคาหยิบจับง่ายในเครือพฤกษาที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า มักจะเลือกทำเลในแถบชานเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตัวโครงการนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของกรุงเทพ บนถนนสายหลักที่มุ่งหน้าลงใต้ ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายระดับกลางที่อยากได้คอนโดในราคาที่ไม่สูงเกินเอื้อมมากนัก รอบๆ โครงการและหน้าตาห้องจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยครับ การเดินทาง การเดินทางในครั้งนี้เราใช้เส้นทางด่วนเฉลิมมหานคร ข้ามสะพานพระราม 9 หรือสะพานแขวนมาลงที่พระราม 2 กันเลยครับ ง่ายและสะดวกดีครับเส้นทางนี้ พอลงจากทางด่วนมาแล้ว เจอทางออกแรกก็วิ่งตามเส้นคู่ขนานมาอีกประมาณ 2 กิโลเมตรก็ถึงตัวโครงการแล้ว จุดสังเกตุง่ายๆ ก็คือ โครงการ Plum Condo Extra Rama 2 จะถึงก่อนโรงพยาบาลบางมดเล็กน้อยครับ แต่ถ้าไม่อยากขึ้นทางด่วนก็สามารถใช้เส้นทางดาวคะนอง โดยข้ามสะพานพระราม 3 หรือสะพานกรุงเทพ 2 แล้วลงที่ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินไปดาวคะนอง และมาเลี้ยวเข้าถนนพระราม 2 อีกครั้งก็ได้เช่นกัน แต่การเดินทางบนถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินในช่วงนี้ไม่ค่อยสะดวกเลย เพราะมีการขุดเจาะทำอุโมงค์ลอดตรงสี่แยกมไหสวรรค์ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้เส้นทางนี้เลยครับ การจราจรติดขัดมากเกือบตลอดเวลา เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นจะดีกว่า แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราจะขอเริ่มจากบนทางด่วนศรีรัช มุ่งหน้าดาวคะนองนะครับ ตามป้ายไปเรื่อยๆ เลยครับ เบี่ยงออกทางขวาตามป้าย เพื่อไปขึ้นสะพานพระราม 9 ขึ้นสะพานพระราม 9 มาแล้วจะเห็นธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือ เมื่อลงสะพานมาแล้วเราตรงต่อไปอีกนะครับ ทางซ้ายจะไปออกถนนสุขสวัสดิ์ ถึงตรงนี้เราจะไม่ตามป้ายดาวคะนองแล้วนะครับ เราต้องไปทางสมุทรสาคร ชิดขวาเพื่อไปทางสมุทรสาคร ตามป้ายเลยครับ เมื่อแยกออกมาทางสมุทรสาคร เพื่อไปลงที่ถนนพระราม 2 จะเห็นโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล อยู่ด้านขวามือ เมื่อลงมาที่ถนนพระราม 2 แล้ว ให้ชิดซ้ายไว้เลยนะครับ เราจะออกที่ทางออกแรกเลย เมื่อออกจากทางคู่ขนานมาแล้วก็ใกล้ถึงแล้วล่ะครับ จุดสังเกตของโครงการคือท่อผ้าเป่าลมสีชมพูนี่แหละครับ เจอแล้วก็เลี้ยวเข้าไปเลยครับ ปัจจุบันโครงการก่อสร้างเฟส 1 ให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้วนะครับ ส่วนพื้นที่ว่างข้างๆ ก็จะใช้ในการก่อสร้างเฟส 2 ต่อไปในอนาคต หน้าตาของสำนักงานขายโครงการ บรรยากาศภายใน ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนสาธารณะอื่นๆ ก็มีทั้งรถเมล์ รถตู้ หรือถ้าจะไปไหนในระยะใกล้ๆ ก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ กับรถสองแถวให้ใช้บริการได้ แต่ถ้าเอาสะดวกหน่อยก็เรียกแท็กซี่เลยครับ เรียกง่ายเพราะหน้าโครงการติดถนนใหญ่ ส่วนรถไฟฟ้านี่คงต้องรอกันอีกนานเลย แถมที่ตั้งโครงการก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับแนวรถไฟฟ้าด้วย เอาเป็นว่าแค่ลองคิดๆ เผื่อไว้สำหรับอนาคต รอให้รถไฟฟ้า  MRT สายสีม่วงสร้างเสร็จ สถานีที่ใกล้ที่สุดก็น่าจะเป็นสถานีดาวคะนอง ซึ่งก็น่าจะพอช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางเข้าออกเมืองไปได้บ้าง วิเคราะห์รอบโครงการ เรามาดูทำเลบริเวณรอบๆ โครงการกันบ้าง โครงการ Plum Condo Extra Rama 2 ตั้งอยู่ริมถนนคู่ขนานพระราม 2 หน้าโครงการตรงกับเกือกม้ากลับรถพอดีเลย ข้างๆ โครงการเป็นปั๊มน้ำมันปตท. ซึ่งใหญ่พอสมควรเลย เพราะมีทั้งร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารอีกนิดหน่อย ถัดไปก่อนจะถึงโรงพยาบาลบางมด มีลานกว้าง และทางเลี้ยวเข้าพระราม 2 ซอย 43 บริเวณนี้เป็นพื้นที่ชุมชนด้านในซอยเป็นหมู่บ้านสินทวี ตรงปากซอยจึงมีทั้งคิวรถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เป็นจุดจอดรถตู้ รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านขนม ตลาดสด รถเข็น แผงลอย ก็เปิดขายกันเกือบตลอดวัน บริเวณนี้จึงคึกคักมากเป็นพิเศษ แวะมาหาของกิน ซื้อกับข้าวกลับเข้าบ้านได้ครับ นอกจากนี้ในซอยก็มีร้านขายยา ร้านทำผม คลินิกทำฟัน ร้านซักรีด ร้านแว่น ร้านขายของชำ และร้านอื่นๆ อีกเต็มไปหมด พอถัดจากซอยนี้ไปเราก็จะเจอทางเข้าโรงพยาบาลบางมด ศูนย์สุขภาพและความงาม My Care, Health Land, โชว์รูมรถ, ปั๊มน้ำมันบางจาก ไปจนถึง Big C พระราม 2 ก็จะเจอเกือกม้ากลับรถอีกอัน ซึ่งเชื่อมเข้าห้างเซ็นทรัลพระราม 2 ได้เลย หรือจะกลับรถวิ่งเข้าเมืองก็ต้องใช้สะพานกลับรถอันนี้แหละครับ ซึ่งห้างหลักๆ ที่อยู่ใกล้กับโครงการก็จะมี Big C และเซ็นทรัลนี่แหละ ที่เป็นเหมือนแหล่งช็อปปิ้งหลักของผู้คนในย่านนี้ แต่ถ้าขับรถเลยจากบริเวณนี้ไปอีก ก็จะมี Tesco Lotus และตลาดสดขนาดใหญ่อีกแห่ง ใกล้กับทางแยกใหญ่ที่ตัดไปออกถนนกาญจนาภิเษก และทางด่วนวงแหวนอุตสาหกรรม เชื่อมไปบางนาได้อีกทาง ปั๊ม ปตท. ที่อยู่ข้างๆ โครงการ พระราม 2 ซอย 43 บริเวณปากซอยมีร้านสะดวกซื้อ ร้านขายอาหาร ถัดจากซอยไปอีกหน่อยจะมีทางเข้าโรงพยาบาลบางมด ต่อด้วย Health Land ส่วนบริเวณรอบๆ ตัวโครงการ Plum Condo Extra Rama 2 ส่วนใหญ่ยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบสูง 1-2 ชั้นครับ จะมีอาคารพาณิชย์บ้างตรงโซนด้านหน้าติดถนนใหญ่ แต่ก็สูงไม่เกิน 4-5 ชั้น เรื่องปัญหาการบังวิวจึงมีผลกระทบน้อยมาก ยิ่งในเฟสแรกที่เปิดขายอยู่ลึกเข้ามาด้านในทางฝั่งขวาของพื้นที่ทั้งหมด จึงเรียกว่าไม่โดนตึกแถวด้านหน้าบังวิวเลยด้วยซ้ำ สำหรับโครงการ Low Rise แบบนี้ เลือกซักชั้น 3 ขึ้นไปก็พ้นวิวหลังคาบ้านละครับ Master Plan แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของโครงการในเฟสแรก ซึ่งจะใช้ทางเข้าร่วมกับเฟสอื่นๆ และ Commercial ด้านหน้า ถนนทางเข้าจะเป็นถนน 2 เลน ผ่าน 3 วงเวียน ก่อนจะถึงทางเข้าตัวโครงการ สำหรับเฟสแรกที่กำลังเปิดขายกันอยู่นี้ ประกอบด้วยอาคาร Low Rise สูง 8 ชั้นทั้งหมด 3 อาคาร ซึ่งจะมีคลองเล็กๆ กั้นที่ดินตรงนี้ออกจากที่ดินผืนใหญ่ของโครงการอีกที ทำให้โครงการในเฟสแรกดูเป็นสัดส่วนแยกออกมาอย่างชัดเจน ลักษณะที่ดินเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งเป็นแนวยาวลึกเข้ามาด้านในตามทิศเหนือใต้ ดังนั้นห้องพักในตัวอาคารจึงเรียงตัวเผชิญหน้ากับแดดจากทิศตะวันออกและตะวันตกเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ห้องชั้นล่างๆ ของอาคาร A และ B ที่หันหน้าเข้าหากันอาจจะพ้นระยะแดดบ้างจากที่ได้ตึกตรงข้ามบังให้ แต่ก็ไม่น่าจะมากเท่าไหร่ ในส่วนของห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปนะครับ ยกเว้นอาคาร C ที่มีห้องพักตั้งแต่ชั้น 1 เลย และ Facility ส่วนกลางทั้งหมดก็จะอยู่ตรงคอร์ทกลางระหว่างอาคาร แต่แยกเป็น 2 โซน โซนแรกอยู่ระหว่างอาคาร A และ B จะมีสระว่ายน้ำขนาด 6x20 เมตร ล้อมรอบไปด้วยสวนหย่อมเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลดทอนการมองเห็นจากลานจอดรถ และยังมีสนามเด็กเล่นอยู่ในโซนนี้ด้วย ในขณะที่โซนหน้าอาคาร C จะเป็นห้องออกกำลังกาย และมีพื้นที่สวนไว้ให้พักผ่อนอีกนิดหน่อย การแยกพื้นที่ส่วนกลางออกเป็น 2 โซนแบบนี้ อาจจะไม่ค่อยสะดวกสำหรับคนที่ต้องการออกกำลังกาย แล้วไปว่ายน้ำต่อ เพราะต้องเดินข้ามโซนไป เช่นเดียวกันกับลูกบ้านในอาคาร C ก็จะอยู่ห่างจากสระว่ายน้ำมากหน่อย และลูกบ้านในอาคาร A และ B ที่ต้องเดินไกลอีกนิดถ้าจะมาออกกำลังกายที่ห้อง Fitness แต่โดยภาพรวมแล้ว ทางโครงการก็จัดพื้นที่ส่วนกลางให้มากขึ้นพอสมควรเลยนะครับ เพราะมีคำว่า Extra ต่อท้ายนี่แหละครับ เห็นว่ามีเพิ่มพื้นที่สวนและเส้นทางจักรยานให้ในโครงการด้วยนะครับ จะใช้งานได้จริงแค่ไหน ต้องรอดูตอนสร้างเสร็จอีกที เรื่องพื้นที่จอดรถ ในบริเวณเฟสแรกจะใช้พื้นที่ใต้อาคาร และพื้นที่กลางแจ้งเป็นที่จอดรถนะครับ ซึ่งสามารถรองรับจำนวนรถแบบนับรวมจอดซ้อนคันแล้วได้ถึง 40% ถือว่าไม่มากไม่น้อยสำหรับโครงการในระดับนี้ และจากที่เห็นในโมเดลยังมีพื้นที่จอดรถจักรยานตามอาคารด้วย แต่ไม่รู้ว่าของจริงจะจอดกันแบบไหน และเหมาะที่เราจะเอาจักรยานมาจอดไว้กลางแจ้งแบบในโมเดลรึเปล่าครับ ภาพจากโมเดลโครงการ แสดงให้เห็น Facility ที่อยู่ตรงกลางระหว่างอาคารทั้ง 2 ฝั่ง ภาพจำลองสระว่ายน้ำขนาด 6x20 เมตร อยู่ระหว่างอาคาร A กับ B ภาพจากโมเดลจำลองฟิตเนสที่ตั้งอยู่หน้าอาคาร C ทางเข้า-ออก โครงการ พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับห้องของโครงการ Plum Condo Extra Rama 2 ส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom-s และห้อง 1 Bedroom นะครับ ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom ก็มีบ้างแต่ไม่มากนัก และเป็นห้องมุมอาคารซะทั้งหมด เรามาดูห้องตัวอย่างของทางโครงการกันดีกว่าครับ เริ่มด้วยห้องแบบ 1 Bedroom-s ขนาด 22.87 ตร.ม. ซึ่งเป็นขนาดเริ่มต้นที่เล็กกระทัดรัด แต่จัด Layout ห้องได้ค่อนข้างลงตัวเหมือนกัน พื้นที่ห้องนอน ที่นั่งเล่น หรือโต๊ะทำงาน ใช้พื้นที่ในโซนเดียวกันหมดเลย ในขณะที่ห้องน้ำและห้องครัวแยกออกไปที่ด้านของห้อง ถ้ากั้นประตูกระจกเพิ่มอีกหน่อยตรงทางเข้าห้องครัวก็จะได้เป็นครัวปิด สามารถทำอาหารกันได้จริงจังหน่อย เพราะไม่ต้องกลัวกลิ่นรบกวนในห้องนอน และสามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ ซึ่งอันนี้เป็นไอเดียนะครับ เพราะทางโครงการไม่ได้ติดประตูกั้นห้องครัวมาให้ โดยรวมแล้วถ้าไม่ได้มีข้าวของมากมาย ห้องแบบนี้ก็อยู่คนเดียวได้แบบหลวมๆ เลยครับ แบบห้อง 1 Bedroom-s ขนาด 22.87 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วนของ Living Area ก่อนเลยครับ พื้นที่ในส่วน Living Area จะดูกระทัดรัดสักหน่อยนะครับ ในห้องตัวอย่างใช้ทีวีแบบแขวนผนังทำให้ดูพื้นที่ดูโล่งขึ้นมาหน่อย จุดที่วางโซฟา ถ้าวางโซฟา 2 ที่นั่งแบบในห้องตัวอย่างก็จะมีพื้นที่ข้างๆ เหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโต๊ะทำงานได้อีกหน่อย หรือเอาไม่โต๊ะทำงาน แต่จะวางโซฟา 3 ที่นั่งก็ได้เหมือนกันครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีถือว่าโอเคเลยครับ ไม่ได้ใกล้มาจนเกินไป คราวนี้เราเข้าไปดูห้องนอนที่อยู่ด้านในกันต่อ ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ในห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุต อย่างที่เห็นนะครับ พื้นที่รอบๆ เตียงจะเหลืออยู่นิดหน่อย หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบาน Fix บานใหญ่ และมีบานเปิดอยู่ด้านขวามือ 1 บาน ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า และมีพื้นที่ว่างข้างๆ สามารถวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ครับ มาดูกันต่อที่ห้องครัวเลยครับ เคาน์เตอร์ครัวจะได้ขนาดเล็กกระทัดรัด เหมาะสำหรับใช้ในการเตรียมอาหาร ชั้นลอยด้านบนจะเป็นจุดที่วางไมโครเวฟ อีกด้านจะเป็นโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ทาน ระเบียงจะอยู่ต่อจากครัวนะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดความกว้างของระเบียงประมาณ 1.1 เมตร จุดที่วางเครื่องซักผ้า วางงานระบบมาให้พร้อม มองย้อนจากระเบียงผ่านครัวเข้ามา จะเป็นห้องน้ำ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ โดยสุขภัณฑ์ที่ใช้ทั้งหมดจะเป็นของ Mogen อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์จะใช้ถังพักน้ำแบบฝังผนัง ทำให้มีพื้นที่วางของเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย ส่วน Shower Box ขนาดก็เกือบๆ จะพอดีตัวเลยนะครับ ค่อนข้างเล็กอยู่สักหน่อย ฉากกั้น Shower Box ที่เห็นทางโครงการไม่ได้แถมมาให้ด้วยนะครับ ห้องต่อไปเป็นห้องแบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยเพิ่มมาอีกหน่อยที่ 28.78 ตร.ม. ลักษณะห้องนี้จะลึกกว่าห้องแบบ 1 Bedroom-s นิดหน่อย และมีการกั้นพื้นที่ใช้สอยให้แยกออกจากกันชัดเจนขึ้น ทั้งในส่วนของห้องนอนที่มีประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และ Living Area ก็กว้างพอที่วางโต๊ะกินข้าวเพิ่มได้ หรือจะตกแต่งให้เป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นไปเต็มๆ เลยก็ได้ ส่วนพื้นที่ครัวและห้องน้ำก็แยกไว้อีกด้านคล้ายๆ กับห้องก่อนหน้า แต่มีประตูเลื่อนมาให้เลยดูเป็นสัดส่วนมากกว่า แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 28.78 ตารางเมตร จะเห็นว่าในแปลนห้องจะมีโต๊ะทานอาหารวางอยู่หน้าห้องนอน แต่ในห้องตัวอย่างไม่มีนะครับ ห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีหวานๆ เหมาะกับคุณผู้หญิงที่สุดเลยครับ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วน Living Area ก่อนเลยครับ คล้ายๆ กับห้อง 1 Bedroom-s ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างทีเดียวครับ วางทีวีจอใหญ่ๆ ได้สบายๆ จุดที่วางโซฟามีพื้นที่เยอะพอสมควร นอกจากโซฟาแล้ว สามารถวางชั้นหรือตู้โชว์ได้เลย เดี๋ยวเราข้ามจาก Living Area ไปดูในห้องนอนกันต่อ ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ในห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตเหมือนกันครับ ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลืออยู่พอสมควร จนสามารถวางโต๊ะข้างได้ทั้ง 2 ฝั่ง ถ้าใครชอบเตียงใหญ่ๆ จัดเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ เลยครับ หน้าต่างในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้องแบบ Studio ครับ ปลายเตียงก็จะเหมือนกัน คือมีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ข้างๆ ด้านบนก็จะเป็นจุดที่วางแอร์ มาต่อกันที่ห้องครัว ห้องครัวจะมีประตูเลื่อนเปิดปิด เหมือนในภาพนะครับ ภายในครัวก็จะคล้ายๆ กับห้อง Studio คือมีเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ใช้สำหรับเตรียมอาหาร แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย ที่วางไมโครเวฟจะอยู่ด้านบนเหมือนกัน ระเบียงที่อยู่ติดกับครัว ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กับห้อง Studio เลยครับ กลับเข้ามาดูที่ห้องน้ำกันต่อ การจัดวาง และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กับห้อง Studio และห้องแบบสุดท้ายคือห้องแบบ 2 Bedroom ครับ มีขนาด 46.23 ตร.ม. ซึ่งมีจำนวนน้อยมากๆ ภายในห้องจัด Layout ไว้เป็นสัดส่วนครับ ห้องนอนแยกกันอยู่คนละด้าน และมีห้องน้ำอยู่โซนกลาง เช่นเดียวกับพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่ว่างหน้าห้องน้ำ สามารถตกแต่งเป็นมุมทำงานหรือมุมอ่านหนังสือได้อีก ซึ่งเป็นไอเดียที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้หลากหลายมากขึ้น ในขณะที่ห้องครัวแยกออกไปเป็นครัวปิด แต่ไม่ได้อยู่ติดระเบียง เรื่องปัญหากลิ่นรบกวนขณะทำกับข้าวคงจะระบายได้ไม่ดีเท่า 2 ห้องก่อนนี้ เพราะว่ามีประตูระเบียงที่เปิดได้กว้างกว่า ห้องแบบนี้ก็จะเหมาะกับครอบครัวเล็กๆ อยู่กันได้แบบสบายๆ มีห้องส่วนตัวกันไป ถ้าชอบก็ต้องรีบตัดสินใจหน่อย เนื่องจากห้องมีจำนวนน้อยครับ แปลนห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 46.23 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเป็นโถงเล็กๆ ก่อนนะครับ มีโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ท่านอยู่ด้านซ้ายมือ มองตรงไปจะเป็น Living Area โต๊ะทานอาหารที่ตั้งอยู่หน้าห้อง ด้านขวามือตรงข้ามกับโต๊ะทานอาหาร จะแบ่งออกเป็น 2 ห้อง คือห้องครัวกับห้องนอนเล็ก เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องครัวกันก่อนนะครับ ห้องครัวจะมีประตูเลื่อนเปิดปิดเหมือนกับห้องแบบ 1 ห้องนอน เคาน์เตอร์ครัวจะออกกึ่งๆ รูปตัว L เพราะมีจุดที่วางเครื่องซักผ้าเพิ่มเข้ามา มาดูที่ห้องนอนเล็กกันต่อ แต่ในห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องทำงาน มีโซฟา มีโต๊ะทำงาน ก็เป็นไอเดียอีกแบบ ในห้องนี้จะมีระเบียงให้ด้วยนะครับ แต่ขนาดจะเล็กหน่อย กว้างประมาณ 60 ซม. ออกมาจากห้องทำงานจะเป็น Living Area ที่จัดอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ซึ่งระยะในการดูทีวีอาจจะใกล้ไปหน่อย โถงทางเดินต่อไปยังห้องนอนใหญ่และห้องน้ำ ระเบียงที่โถงทางเดินนี้จะใหญ่ขึ้นอีก กว้างประมาณ 1.1 x 1.6 เมตร ห้องน้ำจะสามารถเข้าออกได้ 2 ทางนะครับ จากทางโถงทางเดิน กับทางห้องนอนใหญ่ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็จะเหมือนๆ กับห้องเราดูมาก่อนหน้านี้ จุดติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเตรียมมาให้พร้อม ออกจากห้องน้ำมาดูในห้องนอนใหญ่กันบ้าง ห้องนอนมีพื้นที่เยอะเลยครับ วางเตียง 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่ให้วางโต๊ะทำงาน หน้าต่างในห้องนอนก็จะคล้ายๆ กับห้องก่อนหน้านี้ ด้านปลายเตียงมีช่องว่างให้ Built-in จะเป็นชั้นวางทีวี หรือจะทำเป็นอย่างอื่น อันนี้ตามใจเลยครับ อีกด้านจะเป็นจุดที่วางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง แถมยังมีที่เหลือให้วางโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้อีกด้วย เราดูห้องทั้ง 3 แบบกันไปแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้พูดถึงเลยก็คือ ห้องน้ำ ซึ่งทางพฤกษาเลือกใช้ห้องน้ำแบบสำเร็จรูป ดังนั้นทุกๆ ห้องจึงมีรูปแบบห้องน้ำและขนาดพื้นที่เหมือนกันหมด โดยห้องน้ำสำเร็จรูปนี้จะยกพื้นขึ้นมาสูงกว่าพื้นปกติอีกประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อเว้นไว้เดินงานระบบ พื้นห้องน้ำและผนังบางส่วนจะเป็นงานหล่อขึ้นมาเป็นชิ้นเดียวกันหมด พื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำค่อนข้างจำกัดมากๆ นะครับ ยิ่งถ้าคนไหนตัวใหญ่ๆ อาจจะรู้สึกไม่ค่อยสะดวกเวลาอาบน้ำ แต่ห้องจริงที่ทางโครงการขายมาให้ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะครับ ต้องติดเพิ่มกันเอง เช่นเดียวกันกับส่วนอื่นๆ ภายในห้อง ที่ทางโครงการเปิดขายกันมาแบบห้องโล่งๆ สะอาดๆ มีแค่ชุดเคาน์เตอร์ครัวมาให้เท่านั้น ที่เหลือก็ต้องหาซื้อมาตกแต่งกันเองตามสไตล์ได้เลย โดยภาพรวมทั้งหมดแล้ว Plum Condo Extra Rama 2 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจสำหรับคนที่มองหาที่อยู่อาศัยในเรทราคาที่หยิบจับได้ง่าย ไม่ต้องเอื้อมกันสูงเกินไป และไม่ติดปัญหาเรื่องทำเลที่อยู่ค่อนไปทางแถบชานเมือง เพราะด้วยสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ก็ดูครบถ้วน และมีพื้นที่เยอะดีเหมือนกันครับ ในขณะที่สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการก็มีความเป็นชุมชนสูง มีอาหารการกินให้เลือกมากมาย เดินทางได้สะดวกตามสมควรถึงแม้จะไม่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านก็ตาม และคาดการณ์ว่าในอนาคตเมืองทางโครงการสร้างเฟสอื่นๆ เสร็จ และมี Commercial Mall ในโซนด้านหน้าเปิดอย่างครบถ้วนแล้ว จะทำให้ภาพรวมของโครงการมีความสะดวกสบาย และอุดมสมบูรณ์มากขึ้นอีก จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในย่านพระราม 2 ครับ ราคาและเงื่อนไขการขาย ณ วันที่ 12 พ.ค. 2558 ห้องเลขที่ 431 อาคาร A ชั้น 4 แบบ 1 Bedroom-s ขนาด 22.87 ตารางเมตร ราคาขาย   1,050,000 บาท เงินจอง   5,000 บาท เงินทำสัญญา   15,000 บาท เงินดาวน์    ผ่อนดาวน์ 5 งวด งวดละ 6,000 บาท โป๊ะดาวน์ 2 งวด (งวดที่ 3,6) งวดละ 20,000 บาท ห้องเลขที่ 325 อาคาร C ชั้น 3 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28.78 ตารางเมตร ราคาขาย   1,350,000 บาท เงินจอง   10,000 บาท เงินทำสัญญา   20,000 บาท เงินดาวน์    ผ่อนดาวน์ 5 งวด งวดละ 8,000 บาท โป๊ะดาวน์ 2 งวด (งวดที่ 3,6) งวดละ 30,000 บาท ห้องเลขที่ 407 อาคาร A ชั้น 4 แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 46.23 ตารางเมตร ราคาขาย   2,100,000 บาท เงินจอง   20,000 บาท เงินทำสัญญา   30,000 บาท เงินดาวน์    ผ่อนดาวน์ 5 งวด งวดละ 10,000 บาท โป๊ะดาวน์ 2 งวด (งวดที่ 3,6) งวดละ 50,000 บาท
Plum Condo พหลโยธิน 89 : รีวิวคอนโด

Plum Condo พหลโยธิน 89 : รีวิวคอนโด

Plum Condo พหลโยธิน 89 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 12 อาคาร ริมถนนพหลโยธิน หน้าทางเข้าเมืองเอก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีหลักหก จากพฤกษา เรียลแอสเสท รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 699,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท พฤกษา เรียลแอสเสท จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 8 ชั้น 12 อาคาร จำนวนห้อง     เฟส 1 จำนวน 948 ยูนิต เฟส 2 จำนวน 948 เฟส 3 จำนวน 1272 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   ประมาณ 8 ไร่ ต่อ 1 เฟส ที่ตั้งโครงการ   ถนนพหลโยธิน 89 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ที่จอดรถ    50% สำหรับเฟส 1,2 และ 30% สำหรับเฟส 3 ค่าส่วนกลาง    35 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    350 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง ร.พ.แพทย์รังสิต 1.2 km. สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงหลักหก 1.5 km. Zeer รังสิต 1.5 km. โลตัส 2 km. สนามกอล์ฟ ธูปเตมีย์ 2 km. ร.พ. ปทุมเวช 2.2 km. Future Park รังสิต 2.5 km. Major Cineplex รังสิต 2.5 km. สนามกอล์ฟ เมืองเอก 2.8 km. มหาวิทยาลัยรังสิต 3.5 km. ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 22 ตารางเมตร Petite ขนาด 28 ตารางเมตร แปลนห้อง Studio ขนาด 22 ตารางเมตร แปลนห้อง Petite ขนาด 28 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก DOUBLE VOLUME LOBBY และ LOBBY LOUNGE พร้อม FREE WIFI MAIL BOX ROOM ใกล้ LOBBY WIFI 100 MB. ฟรี ในสวน และ LOBBY LOUNGE ระบบ DOCSIS รับรองทุกห้องพัก KEY CARD ACCESS เข้าโครงการ พร้อม CCTV ควบคุมความปลอดภัย 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  plum.pruksa.com
Saladaeng One : รีวิวคอนโด

Saladaeng One : รีวิวคอนโด

Saladaeng One (ศาลาแดง วัน) คอนโด High Rise โครงการใหม่จาก SC Asset ในซอยศาลาแดง 1 ใกล้ MRT ลุมพินี รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 13 ล้านบาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 260,000 บาท เจ้าของโครงการ    SC Asset Corporation Public Company Limited. ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 33 ชั้น 1 อาคาร และ Pool Villa 1 อาคาร จำนวนห้อง     187 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 1 - 3 - 95.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ศาลาแดงซอย 1 ถนนพระรามที่ 4 เขตบางรัก กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 192 คันคิดเป็น 102% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ค่าส่วนกลาง    90 บาท/ตารางเมตร (ชำระล่วงหน้า 1 ปี) ค่าก่องทุน    900 บาท/ตารางเมตร (ชำระครั้งเดียว) สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีลุมพินี สวนลุมพินี ตลาดคลองเตย ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โรงพยาบาลจุฬาฯ โรงแรม Sofitel So Bangkok โรงแรมดุสิตธานี ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 50 - 57 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาดประมาณ 106 - 122 ตารางเมตร 2 Bedroom Duplex ขนาดประมาณ 106 - 122 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาดประมาณ 216 ตารางเมตร 4 Bedroom Penthouse ขนาดประมาณ 420 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ระบบรักษาความปลอดภัย และกล้องวงจรปิด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    061-398-1999, 1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.saladaeng-one.com
4 ปัจจัย ผ่อนบ้านให้สบายกระเป๋า

4 ปัจจัย ผ่อนบ้านให้สบายกระเป๋า

4 ปัจจัย ผ่อนบ้านให้สบายกระเป๋า เงินดาวน์มีเท่าไรตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดให้ผู้ที่จะซื้อบ้านต้องมีเงินดาวน์ไม่น้อยกว่า 10% ของราคาบ้าน ดังนั้น หากจะซื้อบ้านราคาสัก 3 ล้านบาท ต้องมีเงินเก็บเพื่อเป็นเงินดาวน์อย่างน้อย 3 แสนบาท การเก็บออมเงินดาวน์อาจจะเก็บออมในรูปของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีสภาพคล่องและมีผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป   ยอดผ่อนชำระต่อเดือนปกติแล้วภาระการผ่อนรายเดือนที่ไม่หนักจนเกินไป หรือไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ก่อนภาษี หากรายได้คนเดียวผ่อนไม่ไหว สามารถกู้ร่วมได้ ทั้งนี้ ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด หรือเป็นสามีภรรยา ปกติทั่วไป หากขอสินเชื่อ จำนวน 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 7% ต่อปี จะมียอดผ่อนชำระประมาณ 8,000 บาทต่อเดือน จึงควรลองพิจารณาปัจจัยดังที่ได้กล่าวในเบื้องต้นว่า จะผ่อนบ้านอย่างไรให้สบายกระเป๋ากัน   ระยะเวลาในการผ่อนชำระปกติจะผ่อนสูงสุดไม่เกิน 30 ปี และเมื่อรวมกับอายุของผู้กู้แล้ว ต้องไม่เกิน 60-65 ปี (ช่วงอายุเกษียณ) ระยะเวลาผ่อนสั้นยอดผ่อนชำระรายเดือนจะมากกว่าระยะเวลาผ่อนยาว หากมีความสามารถในการผ่อนสูงสามารถเลือกผ่อนสั้นได้เพื่อให้หมดภาระได้เร็วและประหยัดค่าดอกเบี้ยจ่าย   รูปแบบอัตราดอกเบี้ยสถาบันการเงินมักมีทางเลือกให้กับผู้ขอสินเชื่อ ดังนั้นควรเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และควรเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง   นอกจากนี้ อย่าลืมพิจารณาเรื่องการวางแผนภาษี เนื่องจากสิทธิสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านสามารถนำดอกเบี้ยจ่ายมาลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เป็นการบรรเทาค่าใช้จ่ายทางภาษีได้อีกทางหนึ่ง (เพิ่มเงินในกระเป๋ามากขึ้น) ซึ่งชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านหรือคอนโดฯ ก็เป็นเรื่องสำคัญในการวางแผนภาษีด้วย ที่มา : http://k-expert.askkbank.com/
Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูโครงการ Silk Phaholyothin 9 คอนโดมิเนียม Low Rise สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในซอยพหลโยธิน 9 หนึ่งในทำเลที่อยู่ระหว่างรถไฟฟ้า BTS สถานีอารีย์ และสะพานควาย และมีบรรยากาศเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนอาศัยด้วย   การเดินทาง ตัวโครงการ Silk Phaholyothin 9 ตั้งอยู่ลึกเข้ามาในซอยพหลโยธิน 9 อีกประมาณ 400 เมตร และถ้านับจากปากซอยไปยังสถานีรถไฟฟ้า ก็อยู่กึ่งกลางระหว่างสถานีรถไฟฟ้าอารีย​์และสะพานควายพอดี เพียงแต่ถ้าเลือกลงที่สถานีรถไฟฟ้าอารีย์ แล้วขึ้นรถต่อมายังโครงการก็จะสะดวกและง่ายกว่า เพราะเลือกได้ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ได้ ถ้าอยากออกกำลังกายก็ออกแรงเดินกันได้เลยครับ ระยะเดินเรียกเหงื่อได้กำลังดี เพราะอากาศบ้านเราแดดร้อนได้ที่ แต่จริงๆ แล้วทางเดินในซอยพหลโยธิน 9 ก็ร่มรื่นดีนะครับ ถนนในซอยมีรถผ่านเข้าออกมากหน่อยเนื่องจากเป็นซอยที่เชื่อมต่อไปได้ทั้งซอยพหลโยธิน11 ถนนประดิพัทธ์ ซอยพหลโยธิน 7 (ซอยอารีย์) หรือจะออกพระราม 6 หนีไปขึ้นทางด่วนก็ได้เช่นกัน และถ้าออกไปตรงแยกสะพานควาย ก็เลี้ยวไปสุทธิสาร ออกถนนวิภาวดีรังสิตได้ด้วย ดังนั้นถ้าใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลักก็ถือว่าสะดวกดีใช้ได้เลยทีเดียว เว้นเสียแต่ปัญหารถติดบนถนนรอบๆ บริเวณนี้ที่ติดหนักเอาเรื่อง ยิ่งในช่วงเช้าและเย็นนี่ปริมาณรถแน่นขนัดติดยาวหายห่วงไปเลย ดังนั้นเส้นทางลัดเลาะในซอยแถบนี้จึงค่อนข้างจำเป็นครับ เอาไว้หนีช่วงเวลารถติดหนัก ส่วนถ้าใครเลือกจะใช้บริการรถสาธารณะ ระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็มีรถเมล์ผ่านบนถนนพหลโยธินหลายสายมากๆ ป้ายรถเมล์ก็อยู่ถัดไปตรงหน้าตึกชินวัตร 2 เลยปากซอยพหลโยธิน 9 ไปนิดเดียวเอง แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS นะครับ มาลงที่สถานีอารีย์ ถึงอารีย์แล้ว ถ้าหันหน้าไปทางสะพานควาย ด้านขวามือจะเห็น La Villa อารีย์ คอมมูนิตี้ มอลล์ เล็กๆ ที่รวมร้านอาหาร ร้านค้า ต่างๆ เราจะลงทางออกที่ 3 ฝั่งซอยอารีย์นะครับ ทางออกที่ 4 จะลงฝั่ง La Villa อารีย์ จากนั้นเราเดินต่อไปทางสะพานควาย ผ่านซอยอารีย์ ถ้าเดินไม่ไหว จะมีวินมอไซค์ไว้คอยให้บริการอยู่ตรงปากซอยอารีย์เพียบเลยครับ ฟุตบาททางเดินกว้างขวางเดินได้สะดวกดีครับ แถวนี้จะมีอาคารสำนักงานและหน่วยงานราชการอยู่หลายที่เลยนะครับ เลยจาก BTS มานิดเดียวจะเห็นอาคาร IBM อยู่ฝั่งตรงข้าม ติดกับอาคาร IBM จะเป็นธนาคารกสิกรไทย สำนักพหลโยธิน เดินมาอีกจะเจอกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อาคารพหลโยธิน เพลส และอาคารชินวัตร 1 อยู่หน้าปากซอยพหลโยธิน 8 2 ข้างทางมีต้นไม้เขียวขจีดูร่มรื่นดีครับ ถ้าอากาศไม่ร้อนจนละลายก็น่าเดินอยู่นะ ถัดมาอีกหน่อยจะเจอโรงพยาบาลประสานมิตร หรือโรงพยาบาลปอดกรุงเทพ เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึงแล้วล่ะครับซอยพหลโยธิน 9 มี 7-11 อยู่ปากซอยให้ได้ฝากท้องกันด้วย อีกฝั่งจะเป็นอาคารชินวัตร 2 ตอนเราไปทำการรีวิวเป็นช่วงบ่ายๆ รถก็เริ่มติดกันแล้วนะครับ อาคาร EVS อยู่ตรงข้ามกับอาคารชินวัตร 2 มีร้านขายอาหารสำหรับชาวออฟฟิศแอบอยู่ข้างๆ ตึก ภายในซอยเงียบสงบดีครับ รถราไม่ค่อยมีวิ่งพลุกพล่านเท่าไหร่ เนื่องจากซอยนี้เป็นซอยตัน ซอยชำนาญอักษร ซอยนี้สามารถลัดเลาะไปเข้าซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ เพื่อไปออกซอยพหลโยธิน 7 หรือซอยอารีย์ได้ ถึงแล้วครับ Silk Condo อยู่ด้านซ้ายมือ พอเรามาถึงคอนโด ฝนก็เทลงมาพอดี ที่จอดรถจะอยู่ใต้อาคารเลยนะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ เรามาดูบรรยากาศพื้นที่รอบๆ โครงการกันดูบ้าง เริ่มจากทางฝั่งอารีย์ พอลงสถานีรถไฟฟ้ามาก็จะพบกับความอุดมสมบูรณ์ขั้นสุด เพราะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต แหล่งช๊อปปิ้ง ตั้งแต่ร้านแบกะดิน ร้านฮิปๆ อินเทรนด์ ไปจนถึงร้านหรูหราไฮโซ (คลิกไปดูรีวิวทำเลแถบซอยอารีย์ได้ที่นี่ครับ) เลือกเอาได้ตามสไตล์เลยครับ เช่นเดียวกันกับทางฝั่งสถานีรถไฟฟ้าสะพานควาย ความอุดมสมบูรณ์ก็ไม่แพ้กันเลย ด้วยความเป็นย่านชุมชนเก่าด้วย ร้านอาหารเก่าแก่ที่เปิดกิจการกันมานานก็เยอะ ร้านใหม่ๆ ไม่น้อย อยู่ย่านนี้ไม่ต้องกลัวอดครับ นอกเหนือจากเรื่องอาหารการกินที่เราสามารถฝากท้องไว้ได้แล้ว เรื่องสาธารณูปโภคต่างๆ ก็ครับครันไม่แพ้กัน บริเวณนี้มีโรงพยาบาลหลายแห่ง ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลเฉพาะทาง รวมถึงหน่วยงานราชการ อาคารสำนักงานใหญ่ๆ สถาบันการเงิน และสถาบันศึกษาก็รายล้อมอยู่รอบๆ บริเวณนี้ด้วย ยิ่งถ้าใครที่ต้องทำงานในย่านนี้อยู่แล้วก็ยิ่งเหมาะมากๆ เพราะคงคุ้นชินกับพื้นที่ดีว่าอะไรอยู่ตรงไหน ต้องหาเส้นทางเลี่ยงรถติดยังไง เป็นต้น พอขยับเข้ามาใกล้ที่ตั้งโครงการอีกหน่อย ก็จะเห็นว่าบริเวณปากซอยพหลโยธิน 9 มีบรรยากาศคึกคักมากๆ โดยเฉพาะในช่วงกลางวันของวันทำงาน เพราะตรงปากซอยมีอาคารชินวัตร 2 ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ตอนพักกลางวันคนจะเยอะมากๆ ร้านอาหารรถเข็นแผงลอยจึงมีให้เห็นเพียบ โดยเฉพาะช่วงปากซอยจะมีรถเข็นขายอาหารเรียงรายกันยาวเหยียด แต่พอช่วงบ่ายแก่ๆ ก็จะเริ่มทยอยเก็บร้านกันแล้ว เหลือก็แต่ร้านสะดวกซื้อตรงปากซอยที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นทีพึ่งพายามฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี บรรยากาศในซอยพหลโยธิน 9 โดยรวมแล้วค่อนข้างเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยดีที่เดียว เพราะท้ายซอยนี้เป็นซอยตัน แต่ช่วงกลางๆ ซอยจะมีซอยแยกเชื่อมไปออกซอยอารีย์ ซอยพหลโยธิน 11 และถนนประดิพัทธ์ได้ครับ พอเลยช่วงนี้ไปแล้วในซอยก็จะเงียบขึ้นมาทันตา ซึ่งโชคดีที่ Silk Phaholyothin 9 ตั้งอยู่ค่อนไปทางท้ายซอย ลูกบ้านจึงวางใจได้ว่าจะไม่ค่อยมีเสียงรถราดังรบกวนเวลาพักผ่อน อีกทั้งรอบๆ โครงการก็ยังเป็นบ้านเดี่ยวเก่าแก่เกือบทั้งหมด เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการบังวิวห้องพัก เว้นแต่ห้องบนชั้น 2-3 เท่านั้นที่อาจจะถูกบ้านติดๆ โครงการบังวิวมากบ้างน้อยบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่ตำแหน่งห้องที่ต้องไปลองเลือกจากห้องจริงกันอีกทีครับ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง ทางโครงการก็จัดสรรมาให้ครบถ้วนทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสตรีมแยกชายหญิง และสวนหย่อมสำหรับพักผ่อนในบริเวณชั้น 1 โซนด้านหลังของโครงการ โดยที่เวลาใช้งานลูกบ้านจะต้องลงจากลิฟท์ เดินผ่านล็อบบี้ก่อนมาออกประตูอีกด้าน จึงอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร แต่ในขณะเดียวกันขนาดของสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางก็ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป น่าจะพอเหมาะกับการใช้งานของลูกบ้านทั้งหมด เหมือนกันกับพื้นที่จอดรถภายในอาคาร ที่ทางโครงการแจ้งไว้ว่าสามารถจอดได้มากถึง 60% ของจำนวนห้องเลยทีเดียว รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานตลอด 24 ชั้วโมง ทั้งกล้อง CCTV และ ระบบ Key Card Access มาเราดูที่แปลนอาคารกันต่อ เริ่มจากชั้น 1 Facility ของโครงการจะรวมกันอยู่ชั้น 1 ทั้งสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และห้องสตรีม โดยส่วนหนึ่งเป็นที่จอดรถและ Lobby ที่จอดรถจะมี 2 ชั้นนะครับ คือที่ชั้น 1 และชั้นใต้ดิน ส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 ขึ้นไป มีทั้งหมด 13 ยูนิต โดยชั้น 2 จะถูกส่วนของ Facility กินพื้นที่ขึ้นมาถึงชั้น 2 ด้วย แต่ไม่สามารถเข้าจากชั้น 2 ได้นะครับ ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด ชั้นละประมาณ 16 ยูนิต เรามาดูสถานที่จริงกันเลยดีกว่าครับ ว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง ตรงนี้จะเป็นที่จอดรถบริเวณชั้น 1 จากลานจอดรถจะมีประตูเข้าตัวอาคาร ต้องใช้คีย์การ์ดด้วยนะครับ จะมีลิฟท์ไว้ให้บริการ 2 ตัว ทางเข้าอีกทางจะผ่านทาง Lobby Mailbox จะอยู่ที่บริเวณ Lobby ติดกับ Mailbox จะเป็นประตูทางเข้า ตรงนี้ต้องใช้คีย์การ์ดเข้าด้วยนะครับ มองตรงผ่าน Lobby ไปด้านหลัง จะเป็น Facility ของโครงการ ใครจะไปใช้ Facility ก็ต้องลงมาที่ชั้น 1 ก่อนนะครับ ประตูทางออกไป Facility ขึ้นบันไดมาแล้วจะเจอกับสระว่ายน้ำ มีสวนหย่อมเล็กๆ อยู่ต่อจากสระว่ายน้ำ ข้างๆ สระว่ายน้ำจะมีห้องน้ำชาย หญิง ด้านในจะมีห้องอาบน้ำให้ด้วยนะครับ ห้องสตรีมจะอยู่ในห้องน้ำ มีเหมือนกันทั้งห้องน้ำชาย ห้องน้ำหญิง ใกล้ๆ กันจะเป็นห้องฟิตเนส ซึ่งต้องใช้คีย์การ์ดเข้าเหมือนกัน บรรยากาศในห้องฟิตเนส มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำ พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า Silk Phaholyothin 9 สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว เราจึงมีโอกาสได้ชมห้องตัวอย่างในอาคารจริง ทำให้เห็นบรรยากาศต่างๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่ง Layout ของห้อง 1 Bedroom ก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับห้องครัวเปิดที่มาพร้อมกับชุดเคาน์เตอร์ครัว ถัดเข้าไปอีกหน่อยจะเป็นพื้นที่ของ Living Area ติดกับระเบียง พื้นที่ตรงส่วนนี้สามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้อีกตามสไตล์ของเจ้าของห้องเลย ซึ่งคนที่มีสไตล์การตกแต่งในใจอยู่แล้ว พื้นที่ตรงนี้ก็จัดได้อย่างเต็มที่เลยครับ ส่วนของห้องนอนจะแยกออกไปเป็นสัดส่วน ใช้ผนังกั้นห้องพร้อมประตูบานสวิงเรียบร้อย ให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าประตูกระจกบานเลื่อน พื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนก็กระทัดรัดกำลังดี วางเตียง 5 ฟุตลงไปแล้วก็เหลือที่พอสำหรับโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าอีกด้วย เช่นเดียวกันกับห้องน้ำที่มีชุดสุขภัณฑ์มาพร้อม ลองไปดูรูปภายในห้องแบบใกล้ๆ กันเลย ช่วงนี้ทางโครงการจัดโปรโมชั่นพิเศษ แถมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อีก 4 รายการ ประกอบด้วย ทีวี, ตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า สเปคตามที่โชว์ในห้องตัวอย่างเลยนะครับ เพื่อคนที่กำลังลังเลจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือลงทุนปล่อยเช่าก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะทำเลแถบนี้ยังเป็นที่ต้องการอีกมาก โอกาสที่จะทำกำไรก็ยังมีอยู่ครับ เราเริ่มตั้งแต่หน้าลิฟท์กันเลยนะครับ ที่ทิ้งขยะจะอยู่ที่หน้าลิฟท์ โถงทางเดินไปสู่ห้องพัก เมื่อเข้ามาในห้องแล้วมองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area เมื่อมองมาด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนของครัวแบบเปิด อยู่ด้านหน้าห้องเลยนะครับ ตัวท็อปครัวจะเป็นรูปตัว L มีชั้นลอย และตู้เก็บของด้านล่าง อ่างล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้า 2 หัว พร้อมฮูดดูดควันของ MEX ช่องวางไมโครเวฟจะอยู่ด้านล่าง เยี่ยงๆ กับครัวจะเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหาร พื้นที่ในส่วนของ Living Area ค่อนข้างกระทัตรัตอยู่สักหน่อย ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาไม่มากนัก ระยะห่างของชั้นวางทีวีจากโซฟา โครงการจะแถมแอร์ให้ 2 เครื่องนะครับ ที่ Living Area กับห้องนอน ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ความกว้างของระเบียง คอมเพรสเซอร์แอร์จะติดตั้งไว้ที่ระเบียง มีประตูเหล็กกั้นอย่างมิดชิด มาต่อกันที่ห้องนอน จุดเชื่อมต่อของทั้ง 3 ห้อง จะใช้วัสดุปูพื้นคนละแบบกันเลยนะครับ ในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตกำลังดีครับ มีพื้นที่รอบเตียงนิดหน่อยดูไม่อึดอัด แต่ถ้าใครชอบนอนเตียง King Size ก็มีพื้นที่พอให้วางได้นะครับ ปลายเตียงเหลือพื้นที่พอให้เดินได้ ถ้าอยากจะดูทีวีในห้องนอน ก็ต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแล้วล่ะครับ ข้างเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่าง หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบานเปิด 2 บาน อยู่ด้านซ้าย-ขวา ส่วนที่เหลือเป็นบาน Fix อีกด้านจะเป็นจุดที่วางตู้เสื้อผ้า ที่มีให้วางโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ หน้าตู้เสื้อผ้า ออกจากห้องนอนมาดูห้องน้ำเป็นห้องสุดท้ายครับ กระจกเงายาวจากอ่างล้างหน้าไปถึงโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มีตู้เก็บของด้านล่าง ของ American Standard โถสุขภัณฑ์ของ American Standard อยู่ตรงกลางระหว่างอ่างล้างหน้ากับ Shower Box จุดที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่อีกด้านติดกับ Shower Box ออกแบบมาได้พอดีกับเครื่องซักผ้ามั่กๆ ด้านในสุดจะเป็น Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดฝักบัวของ American Standard
KLASS SIAM : รีวิวคอนโด

KLASS SIAM : รีวิวคอนโด

KLASS SIAM  คอนโด Low Rise ในซอยเกษมสันต์ 2 ใกล้ BTS สนามกีฬาแหง่ชาติ จาก KLASS Asset รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 6,600,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 150,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท คลาส แอสเสท จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     79 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    0 - 3 - 26 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยเกษมสันต์ 2 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 69 คัน หรือคิดเป็น 87% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) สถานที่สำคัญใกล้เคียง สนามศุภชลาสัย มาบุญครอง (MBK) Siam Square Siam Discovery Siam Center Siam Paragon จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาดประมาณ 44-50 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาดประมาณ 57-84 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby และพื้นที่รับแขก Passenger Lift 2 ตัว Libraly Fitness ห้องน้ำส่วนกลาง Keycard Access ห้องจดหมาย สระว่ายน้ำ & จากุ๊ชชี่ ห้องออกกำลังกาย ห้องสันทนาการ รปภ. 24 ชม., ​CCTV, สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    080-741-6555 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.klasscondo.com
9 จุดต้องตรวจก่อนรับโอนบ้าน

9 จุดต้องตรวจก่อนรับโอนบ้าน

9 จุดต้องตรวจ ก่อนรับโอนบ้าน ใกล้จะเป็นเจ้าของบ้านเต็มทีแล้ว อยากจะอยู่บ้านใหม่เต็มแก่ แต่ก่อนรับโอนบ้าน ต้องอย่าลืมว่าควรตรวจสอบบ้านให้ดีก่อน เพื่อไม่ให้มีปัญหา และไม่ต้องปวดหัวหลังจากเข้าไปอยู่ สำหรับการตรวจสอบบ้าน แนะนำให้ตรวจสอบในทุกๆ จุด ทุกพื้นที่ โดยตรวจสอบทั้งภายนอกและภายในบ้าน ดังนี้ ภายนอก - สีทาอาคารบ้าน เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด ดังนั้น สีที่ทาต้องมีความสม่ำเสมอ ไม่มีรอยด่าง สีไม่ลอกหลุดล่อนหรือปูดโปนง่าย - หลังคา ต้องมีสภาพดี สีไม่เก่า แนะนำให้ฉีดน้ำขึ้นหลังคาเพื่อดูว่ามีรอยรั่ว หรือมีแสงลอดผ่านลงมาหรือไม่ ภายใน - ฝ้าเพดาน เป็นสิ่งที่อยู่ส่วนบน แนะนำให้สังเกตดูให้ทั่วทุกห้อง โดยจะต้องได้ระดับเสมอกันตลอดห้อง ไม่เป็นริ้วคลื่น ที่สำคัญต้องดูว่ามีร่องรอยน้ำที่รั่วจากหลังคาหรือไม่ - ผนัง ดูว่ามีรอยแตกลายงาหรือไม่ ซึ่งอาจเกิดจากการแยกตัวของปูนฉาบที่แห้งไม่สม่ำเสมอกัน สามารถให้ช่างมาแก้ไขโดยการโป๊วสี หรือการสกัดปูนฉาบหน้าออกและฉาบทับ ใหม่ รวมถึงสีที่ทาต้องสม่ำเสมอกัน - ประตูหน้าต่าง ดูความเรียบร้อยของอุปกรณ์และบาน ทดลองเปิด-ปิด ว่ามีเสียงรบกวนหรือเกิดการติดขัดหรือไม่ กลอนประตูหน้าต่างต้องสามารถใช้ได้ดี ตำแหน่งของรูกลอนต้อง พอดีกับกลอน ไม่หลวมจนล็อคไม่อยู่ หรือฝืดจนไม่สามารถล็อคได้ - ระบบไฟฟ้า แนะนำให้เปิดไฟทุกดวงในบ้าน ว่าไฟติดทุกดวงหรือไม่ รวมถึงปุ่มเปิดปิดไฟมีปัญหาติดขัดไหม นอกจากนี้ แนะนำให้ทดลองใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อดูว่าปลั๊กไฟมีกระแสไฟ เข้าเรียบร้อยดีทุกจุด - ระบบน้ำ ทดลองเปิดก๊อกน้ำทุกก๊อก ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน รวมถึงดูทางเดินน้ำทิ้งว่าน้ำสามารถไหลได้สะดวกหรือไม่ หากมีน้ำขังแสดงว่าท่ออาจอุดตันหรือท่อเล็กเกินไป - มิเตอร์น้ำ-ไฟ ในกรณีที่ปิดไฟทุกดวง ปิดสวิทช์ไฟ และปิดก๊อกน้ำทุกจุด หากมิเตอร์ยังหมุนอยู่ อาจเกิดจากท่อน้ำรั่ว หรือกระแสไฟฟ้ารั่ว - พื้น ต้องเรียบเสมอกัน ไม่แอ่น โก่งตัว หรือยุบ นอกจากนี้หากเป็นพื้นที่ใช้สำหรับการซักล้าง ต้องดูว่ามีความลาดเอียงเพียงพอให้น้ำสามารถระบายได้สะดวก มีน้ำไม่ระบาย หรือเป็น แอ่งขังอยู่หรือไม่ หากทำการตรวจสอบและให้ช่างมาแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถรับโอนบ้านได้อย่างสบายใจ แต่หากตรวจบ้านแล้ว ผู้ขายไม่มาทำการแก้ไขให้ หรือทำการแก้ไขให้ล่าช้าทำให้เราเสียสิทธิในการเข้าอยู่อาศัยบ้าน ผู้ซื้อสามารถปรับผู้ขายเป็นรายวันในอัตราไม่ต่ำกว่า 0.01% ของราคาที่ดินพร้อมบ้าน แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 10% ของราคาที่ดินพร้อมบ้าน โดยต้องดูในสัญญาว่ามีเงื่อนไขข้อนี้ระบุด้วยหรือไม่ เช่น มูลค่าบ้านพร้อมที่ดิน 1 ล้านบาท สามารถปรับได้วันละ 100 บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท ดังนั้น นอกเหนือจากการตรวจสอบก่อนรับโอนบ้านแล้ว อย่าลืมอ่านสัญญาให้ดีๆ ก่อนด้วยครับ  
3 คำถามฮิตก่อนคิดจะซื้อบ้าน

3 คำถามฮิตก่อนคิดจะซื้อบ้าน

3 คำถามฮิตที่คิดจะซื้อบ้าน “รายได้และภาระหนี้ในปัจจุบัน เป็นปัจจัยหลักที่ธนาคารใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อบ้าน” “อยากกู้ซื้อบ้านต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง” เชื่อว่าคำถามนี้คงเกิดขึ้นในใจของผู้ที่อยากเป็นเจ้าของบ้าน เพราะเมื่อคิดจะซื้อบ้านและต้องขอสินเชื่อกับธนาคาร มีหลายปัจจัยที่เราต้องพิจารณาและเตรียมตัวให้พร้อม แล้วมีปัจจัยอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ 1. รายได้เท่าไรจะขอสินเชื่อได้ รายได้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบอกว่า เราสามารถกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่ และกู้ได้เป็นเงินเท่าไร ปกติแล้ว รายได้ขั้นต่ำที่จะขอสินเชื่อได้อยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร โดยรายได้มาก ก็จะมีโอกาสขอสินเชื่อได้วงเงินสูงขึ้น ถ้าหากใครเป็นมนุษย์เงินเดือน การขอกู้มักทำได้ไม่ยาก เพราะมีหลักฐานแสดงว่ามีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ ไม่ได้มีรายได้ประจำ ก็ควรแสดงให้ธนาคารเห็นว่า มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยนำรายได้ฝากเข้าธนาคารในวันเดียวกันเป็นประจำทุกเดือน เช่น นำเงิน 20,000 บาท ฝากทุกวันที่ 30 ของทุกเดือน 2. มีภาระผ่อนอยู่แล้ว จะขอสินเชื่อได้หรือไม่ แม้ว่าปัจจุบันจะมีภาระหนี้สินอยู่แล้ว ก็ยังมีโอกาสขอสินเชื่อบ้านได้ครับ ปกติแล้ว ในการพิจารณาสินเชื่อ ธนาคารจะมีเกณฑ์ว่า ภาระหนี้ในแต่ละเดือนต้องไม่เกิน 40-60% ของรายได้ต่อเดือน ในเบื้องต้น เราสามารถเช็คด้วยตัวเองง่ายๆ ว่า จะขอสินเชื่อกับธนาคารผ่านหรือไม่ เช่น ปัจจุบันเงินเดือน 20,000 บาท ถ้าธนาคารตั้งเกณฑ์ไว้ว่า ภาระผ่อนต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ ดังนั้น ภาระผ่อนโดยรวมต้องไม่เกิน 8,000 บาท โดยลองคำนวณดูว่า ถ้ามีภาระผ่อนหนี้อื่นอยู่ หากผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น จะทำให้ภาระผ่อนโดยรวมสูงเกินเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดหรือไม่ ถ้าไม่เกิน ก็มีโอกาสขอสินเชื่อบ้านได้ สำหรับการคำนวณภาระผ่อนของสินเชื่อบ้าน อาจคำนวณง่ายๆ ได้ว่า สินเชื่อบ้าน 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี ยอดผ่อนต่อเดือนจะประมาณ 7,200 บาทครับ 3. ต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ในการกู้ซื้อบ้าน นอกจากเงินดาวน์ประมาณ 20% ของราคาบ้านที่เราต้องเตรียมให้พร้อมแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ซื้อบ้านที่เราต้องเตรียม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1. ค่าใช้จ่ายของธนาคาร เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ (ขึ้นอยู่กับธนาคารกำหนด) ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย (ขึ้นอยู่กับมูลค่าบ้าน) 2. ค่าใช้จ่ายของกรมที่ดิน เช่น ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ และค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน ดังนั้น แม้ว่าคุณสมบัติต่างๆ ในด้านรายได้และภาระหนี้จะผ่านเกณฑ์ขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะเตรียมเงินสำหรับดาวน์บ้านและค่าใช้จ่ายต่างๆ ไว้ด้วยนะคะ เมื่อขอสินเชื่อบ้านผ่านแล้ว สามารถหมดภาระหนี้ได้เร็วขึ้นด้วยการโปะหนี้บ้านหรือชำระหนี้มากกว่ายอดผ่อนที่กำหนดไว้ในแต่ละเดือน เพราะการโปะหนี้จะทำให้ยอดเงินต้นลดลง และประหยัดดอกเบี้ยจ่าย ดังนั้น หากได้รับโบนัสหรือเงินก้อนพิเศษเข้ามา การนำไปโปะหนี้บ้านจะช่วยให้ภาระหนี้บ้านหมดไวขึ้นครับ
Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

Silk Phaholyothin 9 : รีวิวคอนโด

Silk Phaholyothin 9 คอนโด Low Rise พร้อมเข้าอยู่ ในซอยพหลโยธิน 9 ใกล้ BTS อารีย์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,500,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 96,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เคเอสเอเอส ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น ชั้นใต้ดิน 1 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     109 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    1 ไร่ 4 ตารางวา ที่ตั้งโครงการ    ซอยพหลโยธิน 9 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 60% คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS อารีย์ BTS สะพานควาย La Villa อารีย์ บิ๊กซี สะพานควาย โรงพยาบาลเปาโล สะพานควาย อาคารชินวัตร ทาวน์เวอร์ 1 อาคารชินวัตร ทาวน์เวอร์ 2 อาคารพหลโยธิน เพลส ตลาดนัดสวนจตุจักร ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1-2 ห้องนอน ขนาด 36.5 – 77 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ระบบคีย์การ์ดเข้าออก ห้องสตรีม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ระบบรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด CCTV ตลอด 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    02-615-1708 - 9 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.silkphaholyothin9.com
Aspire Wutthakat : รีวิวคอนโด

Aspire Wutthakat : รีวิวคอนโด

Aspire วุฒากาศ คอนโด Low Rise ใกล้ BTS วุฒากาศ โครงการใหม่จาก AP รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,000,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     166 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ     ถนนวุฒกาศ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS วุฒากาศ เดอะ มอลล์ ท่าพระ โรงพยาบาลบางไผ่ เทสโก้ โลตัส ม.สยาม ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 22.5 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 30-30.50 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 42.5 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนบนชั้นดาดฟ้า สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.apthai.com
The Monument สนามเป้า : รีวิวคอนโด

The Monument สนามเป้า : รีวิวคอนโด

The Monument สนามเป้า คอนโด High Rise สูง 24 ชั้น ติด BTS สนามเป้า โครงการใหม่จาก แสนสิริ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    N/A เจ้าของโครงการ    บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 24 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     86 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 1 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 102% สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สนามเป้า ททบ.5 อนุเสาวรีย์ชัย สมรภูมิ โรงพยาบาลพญาไท 2 โรงพยาบาลราชวิถี Fashion Mall ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom  ขนาด 46.25 – 57.50 ตารางเมตร 2 Bedrooms 2 Bathrooms  ขนาด 73.50 – 89.25 ตารางเมตร Penthouse (3 Bedrooms 3 Bathrooms) ขนาด  138.25 – 140.25 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby lounge Social Lounge Floating Fitness Roof top Swimming pool Yoka Room Social club & Wine Cellar Library Tea Room Theatre Room Private Massage room & Steam room สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.sansiri.com
Regent Home @ Bangson Station : รีวิวคอนโด

Regent Home @ Bangson Station : รีวิวคอนโด

Regent Home@Bangson Station คอนโด High Rise แบนด์ Regent Home บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีบางซ่อน รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    999,900 บาท เจ้าของโครงการ    Regent Green Power Co., Ltd. ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 24 ชั้น 4 อาคาร จำนวนห้อง     ประมาณ 4,000 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    15 - 1 - 0 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    กลางปี 2558 คาดว่าจะสร้างเสร็จ    ปลายปี 2560 สถานที่สำคัญใกล้เคียง ตลาดนัดชุมทาง สยามยิปซี บิ๊กซี วงศ์สว่าง เทสโก้ โลตัส SCG โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น โรงพยาบาลบางโพ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ใช้ระบบ key-card ควบคุมการเข้า-ออกโครงการ มีระบบกล้องวงจรปิด CCTV โดยรอบภายในอาคาร พนักงานรักษาความปลอดภัย ที่จอดรถ 3 ชั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    02-551-4162-4 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.rgphome.com
Lumpini Ville นครอินทร์-ริเวอร์วิว : รีวิวคอนโด

Lumpini Ville นครอินทร์-ริเวอร์วิว : รีวิวคอนโด

Lumpini Ville นครอินทร์-ริเวอร์วิว คอนโด High Rise จาก LPN บนถนนนครอินทร์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,000,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 26 ชั้น 2 อาคาร จำนวนห้อง     1,544 ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    ประมาณ 8 ไร่เศษ ที่ตั้งโครงการ    ถนนนครอินทร์ ตำบลตลาดขวัญ นนทบุรี ที่จอดรถ    ประมาณ 520 คัน คันคิดเป็น 33 % (รวมจอดซ้อนคัน) สถานที่สำคัญใกล้เคียง กระทรวงสาธารณะสุข มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ BigC ติวานนท์ BigC วงศ์สว่าง Tesco Lotus นครอินทร์ ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี เอสพลานาด แคราย Central รัตนาธิเบศร์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.50 และ 26 ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 45 ตารางเมตร (ห้องขนาด 22.50 ตาราเมตรรวมกัน 2 ห้อง) สิ่งอำนวยความสะดวก สวนรวมใจ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย, ห้องสมุดมีชีวิต, สนามสตรีทบาส, ห้องเด็กเล็ก สนามเด็กเล่น เครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง ร้านค้า อาทิ 7-Eleven, ร้านเสริมสวย, ร้านซักรีดและร้านอาหาร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    02-527-8333 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.lpn.co.th
D’Mura รัชโยธิน : รีวิวคอนโด

D’Mura รัชโยธิน : รีวิวคอนโด

D’Mura รัชโยธิน คอนโด Low Rise โครงการใหม่จาก D'Well Grand Asset ใกล้ ม.เกษตร เปิดให้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษแล้ววันนี้.. รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,590,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 70,000 บาท เจ้าของโครงการ    D Well Grand Asset  Co., Ltd. ลักษณะคอนโด    Low Rise  สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     216 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    2 - 0 - 41.7 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยพหลโยธิน 34 ถนนพหลดยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    ปลายปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ต้นปี 2560 สถานที่สำคัญใกล้เคียง ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน เมเจอร์ รัชโยธิน ม.ศรีปทุม โรงพยาบาลวิภาวดี เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยน มอลล์ เซ็นทรัล รามอินทรา ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.03 - 32.77  ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 49.09 - 53.61 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    082-843-3434 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.dwell-group.com
Condolette Light Convent : รีวิวคอนโด

Condolette Light Convent : รีวิวคอนโด

Condolette Light Convent คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น พร้อมเข้าอยู่ ในซอยพิพัฒน์ 2 ใจกลางสีลม จาก พฤกษา เรียลเอสเตท รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    4,480,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    1 - 0 - 45.6 ไร่ จำนวนห้อง     111 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 61 คัน หรือคิดเป็น 40% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ซอยพิพัฒน์ 2 ถนนคอนแวนต์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ค่าส่วนกลาง    65 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ BTS ช่องนนทรี โรงพยาบาลบีเอ็นเอช ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 33.19 – 47.21 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ขนาด 66.88 – 72.63 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก โถงต้อนรับ ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ระบบ CCTV / Access Card เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : condolette.pruksa.com
KnightsBridge Skycity สะพานใหม่ : รีวิวคอนโด

KnightsBridge Skycity สะพานใหม่ : รีวิวคอนโด

KnightsBridge Skycity สะพานใหม่ คอนโด High Rise โครงการใหม่จากออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ บนถนนพหลโยธิน ใกล้ BTS ส่วนต่อขยาย สถานีสายหยุด รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,990,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 88,500 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จํากัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 15 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     490 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    2 - 3 - 56 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนพหลโยธิน แขวงอนุเสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 245 คัน คิดเป็น 50% (รวมจอดซ้อนคัน) เริ่มก่อสร้าง    เดือนมิถุนายน 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปี 2560 สถานที่สำคัญใกล้เคียง บิ๊กซี สะพานใหม่ ตลาดยิ่งเจริญ เทสโก้ โลตัส โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล โรงพยาบาลภูมิพล เซ็นทรัล รามอินทรา ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน เมเจอร์ รัชโยธิน เซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยน มอลล์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 22.5 – 34.9 ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 40.8 – 48.4 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Double Volume Lobby BusinessLounge EnglishGarden Infinity lap pool with Bangkok view – Hydro spa pavilion Free form jogging track BBQ Pavilion Floating private cabana Putting green The sky fitness สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    092-716-7070 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  knbcondo.origin.co.th
Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา คอนโดใหม่สไตล์รีสอร์ท ติดถนนสรงประภา : รีวิวคอนโด

Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา คอนโดใหม่สไตล์รีสอร์ท ติดถนนสรงประภา : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมโครงการ “Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา” คอนโดน้องใหม่จาก บริษัท ปรีดา เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งมีความน่าสนใจมากๆ เพราะเปิดมาด้วยราคาเริ่มต้นแค่ 1.2 ล้านบาท* เท่านั้น แถมยังอยู่ในทำเลที่ใกล้ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (โครงการอนาคต) ใกล้สนามบินดอนเมือง ใกล้ทางด่วนศรีรัช และยังใกล้แยกศรีสมาน แถมมีห้างโรบินสัน ศรีสมาน เป็นแหล่งช็อปปิ้งสำคัญที่อยู่ห่างออกไปแค่แยกเดียวเท่านั้น เป็นไงครับ.... แค่ข้อมูลเบื้องต้นก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ยครับ ตามไปดูรายเอียดเพิ่มเติมกันเลยดีกว่า     แผนที่โครงการ   แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ สำนักงานขายของโครงการ เห็นเด่ดชัดอยู่ติดถนนสรงประภา ตัวโครงการ Grene Condo ตั้งอยู่ริมถนนสรงประภา มุ่งหน้าสู่แยกศรีสมาน หรือห่างจากปากทางฝั่งถนนวิภาวดีเข้ามาเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งศักยภาพของทำเลในย่านนี้มีความพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยมากเลยทีเดียว เนื่องจากแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เช่น ตลาดสดวัฒนานันท์ วัดดอนเมือง ตลาดนัดบุญอนันต์ โรงเรียนพระหฤทัย ดอนเมือง โรงเรียนสีกัน (วัฒนานันท์อุปถัมภ์) วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง สถานีรถไฟดอนเมือง สนามบินดอนเมือง โรบินสัน ศรีสมาน รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (โครงการอนาคต / กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง) ฯลฯ ซึ่งที่ว่าข้างต้น เป็นเพียงจุดใหญ่ๆ ที่จะทำให้เรานึกภาพตามออกได้ง่ายว่ารอบๆ โครงการมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง แต่ถ้าหากได้มีโอกาสมาดูบรรยากาศรอบๆ โครงการด้วยตัวเอง จะเห็นว่านอกจากที่ต่างๆ ที่เรายกตัวอย่างมานั้น ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน รวมถึงร้านปลีกย่อยอีกเพียบ จัดได้ว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ ในส่วนของการเดินทางนั้น ตัวโครงการก็อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ทั้งด่านทางด่วนศรีรัช (ด่านศรีสมาน) ถนนวิภาวดี-รังสิต ดอนเมืองโทลเวย์ ขับรถเข้า-ออกเมืองได้สะดวกมากๆ แถมหน้าโครงการยังมีทั้งรถสองแถว รถเมล์ วินมอเตอร์ไซค์ ให้เลือกออกไปต่อรถเมล์ รถตู้ รถไฟ หรือรถไฟฟ้า (ในอนาคต) ได้ง่ายๆ อีก การเดินทางมายังโครงการจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่ว่าจะมีรถส่วนตัวหรือไม่ก็ตาม คอนโด สไตล์ รีสอร์ท โครงการ Grene Condo ดอนเมือง-สรงประภา เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 6 ตึกด้วยกัน โดยมีคอนเซปต์การออกแบบให้เป็นคอนโดมิเนียม สไตล์ รีสอร์ท เปิดขายพื้นที่ด้านในก่อน และเพื่อให้แต่ละเฟสได้บรรยากาศผ่อนคลายสไตล์รีสอร์ทกันอย่างเต็มที่ จึงมีการวางแปลนของอาคารแบ่งออกเป็น 2 เฟส โดยแต่ละเฟสจะมี 3 ตึก วางตัวโอบล้อมพื้นที่สีเขียวส่วนกลางไว้ ซึ่งแต่ละเฟสก็จะมี Main Facility เป็นของตัวเองกันไปเลย แยกการใช้งาน รวมถึงแยกนิติฯ ดูแลออกจากกันด้วยครับ ทางเข้าโครงการ ใต้อาคารและรอบๆ โครงการจะเป็นที่จอดรถ Facility หลักๆ ของโครงการจะอยู่ตรงกลางระหว่างอาคารต่างๆ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่รอบๆ ที่อาคาร A1 ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2ขึ้นไปจนถึงชั้น 8 อาคาร B1 ชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถส่วนหนึ่ง ส่วนอีกด้านจะเป็นห้องพักอาศัย เป็นห้อง Type B ขนาด 30 ตารางเมตร จำนวน 9 ยูนิต ที่ติดกับสวนส่วนกลาง สามารถเดินออกมาที่สวนได้เลย ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปถึงชั้น 8 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดครับ พื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคารพักอาศัย จะเป็นส่วนที่รวม Main Facility ทั้งหมดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ พร้อมศาลานั่งเล่นริมน้ำ สวนรอบสระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น จุดชมวิว ลานบาสเกตบอล และลู่วิ่งรอบโครงการ ส่วนห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่า ห้องสมุด และ Co-Working Space ก็จะอยู่ในบริเวณชั้น 1 ของอาคาร B1 และ B2 ซึ่งนบเป็นพื้นที่รวมทั้งหมดกว่า 8 ไร่ 1 งาน 93 ตารางวา พื้นที่สีเขียวรอบๆ สระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่นั่งเล่นรอบๆ ฟิตเนสขนาดใหญ่ที่ชั้น 1 ของอาคาร B1 อีกจุดเด่นหนึ่งของโครงการคือ ห้องพักส่วนหนึ่งในบริเวณชั้น 1 ของอาคาร B1 และ B2 จะหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำ ทำให้ได้บรรยากาศการพักผ่อนสไตล์รีสอร์ทอย่างแท้จริง ซึ่งห้อง Type นี้มีจำนวนจำกัดนะครับ และได้ข่าวว่ามักจะได้รับความสนใจในอันดับต้นๆ เลยทีเดียว เผลอๆ จะถูกจับจองหมดก่อนห้อง Type อื่นแน่ๆ เดี๋ยวเราไปดูกันเลย ว่าทางโครงการมีห้อง Type ไหนให้เลือกกันบ้าง เปิดห้องตัวอย่าง ที่ Sale Gallery ของโครงการ Grene ดอนเมือง-สรงประภา มีห้องตัวอย่างให้ชมด้วยกัน 2 ห้อง แต่แบ่งเป็น 3 Type นะครับ.... ห้องตัวอย่างห้องแรก จะเป็นห้องตัวอย่างของห้อง 2 Type ด้วยกัน นั่นคือ ห้องขนาด 25 ตร.ม. และห้องขนาด 30 ตร.ม. ซึ่งห้องทั้ง 2 Type นี้มี Layout ภายในห้องเหมือนกันเป๊ะทุกอย่างเลย แต่ต่างกันกันที่พื้นที่ระเบียงที่เพิ่มขึ้นมา โดยห้องขนาด 30 ตร.ม. จะเป็นห้องที่อยู่บริเวณชั้น 1 ที่เราบอกว่าหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำนั่นเอง ห้อง Type นี้จะได้ระเบียงยาวเต็มหน้ากว้างของห้องเพิ่มขึ้นมา พร้อมกับมีประตูออกไปยังพื้นที่ส่วนกลางได้เลย......  ก่อนจะงงไปมากกว่านี้ เรามาดูแปลนห้องเพื่อเปรียบเทียบกันดีกว่าครับ แปลนห้อง Type B ขนาด 25 ตารางเมตร แปลนห้อง Type B ขนาด 30 ตารางเมตร ดูภาพแปลนห้องกันไปแล้ว ทีนี้มาดูบรรยากาศภายในห้องกันครับ พื้นที่ใช้สอยภายในห้องก็ขนาด 25 ตร.ม. เลยครับ เปิดเข้าห้องมาก็จะเจอกับส่วนนั่งเล่นเลย ในขณะที่พื้นที่ของห้องนอนก็เป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้ให้เรียบร้อยครับ พื้นที่ครัวเป็นครัวเปิดอยู่ติดกับระเบียง ทำให้ช่วยในการระบายกลิ่นจากการทำอาหารได้ดีขึ้น ส่วนห้องน้ำก็อยู่อีกด้านของครัวครับ ถือว่าเป็นการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในห้องไว้อย่างลงตัวดีทีเดียว เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ด้านที่วางโซฟาโครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาให้ ติดกับโต๊ะทำงานขนาดกะทัดรัด ด้านที่วางทีวีโครงการวางชั้นวางเล็กมาให้ เข้ากับพื้นที่ได้พอดี ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอน ซึ่งโครงการกั้นกระจกบานเลื่อน 3 ตอนมาให้เรียบร้อย ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ จะเห็นว่ามีพื้นที่ข้างเตียงเหลืออยู่ทั้ง 2 ด้าน ช่วยให้ไม่รู้สึกอึกอัด หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่ เป็นบาน Fix และมีบานกระทุ้งเป็นบานเล็ก 1 บาน จะมีตู้เสื้อผ้า Built-in อยู่ปลายเตียง ปลายเตียงโครงการยังเตรียมพื้นที่และปลั๊กให้ด้วย เผื่ออยากมีทีวีไว้ในห้องอีกสักเครื่อง ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้องเป็นห้องขนาด 34 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่สุดและจะเป็นห้องในตำแหน่งมุมตึกนะครับ ห้อง Type นี้จะได้เปรียบที่สามารถเปิดรับวิว รับแสง รับลมได้หลายด้าน ทั้งในส่วนของห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัว แปลนห้อง Type C ขนาด 34 ตารางเมตร พื้นที่ห้องนอนถูกกั้นไว้เป็นสัดส่วนเรียบร้อย ไม่ใช่ประตูกระจกบานเลื่อนแบบห้องก่อนหน้า จึงให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าเวลามีเพื่อนมาเยี่ยมห้อง ในขณะที่พื้นที่ครัวก็ได้เป็นครัวปิด ทางโครงการกั้นประตูกระจกบานเลื่อนมาให้เสร็จสรรพ ห้องนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำครัว ทำกับข้าวจริงจังขึ้นมาอีกหน่อยครับ บานประตูห้องจะได้แบบที่เห็นนี้เลยนะครับ เปิดประตูเข้าห้องมาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อน ข้างๆ ประตูโครงการวางตู้เก็บรองเท้ามาให้ด้วย ห้อง Type นี้จะได้พื้นที่ Living Area ขนาดใหญ่เลยนะครับ โครงการวางโซฟายาว 4 ที่นั่ง มาให้ ด้านชั้นวางทีวีโครงการก็จัดชั้นมาให้เรียบร้อยเลยครับ โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง วางอยู่ใกล้ๆ กับโซฟา ติดกับโต๊ะทานอาหารจะได้หน้าต่างบานใหญ่เป็นบานเลื่อน 2 ตอน ด้านหลังโต๊ะทานอาหารจะเป็นห้องครัวแบบปิด มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนกั้น ด้านในโครงการจัดชุดครัวมาให้เต็มสูบเลยนะครับ แยกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนี้จะเป็นเคาน์เตอร์ครัวยาว พร้อมเตาไฟฟ้า 2 หัว ยี่ห้อ Teka ส่วนด้านบนจะเป็นชั้นลอยเก็บของ และฮูดดูดควันของ Teka เหมือนกันครับ และด้านล่างเป็นตู้เก็บของและช่องวางไมโครเวฟ อีกฝั่งจะเป็นเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจานและจุดวางตู้เย็น ด้านบนมีชั้นลอยวางของให้ด้วย ระเบียงจะอยู่ต่อจากห้องครัว กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1.2 เมตร คอมเพรสเซอร์แอร์จะถูกแขวนไว้ด้านบน หันหน้าเข้าหาระเบียง มุมมองจากระเบียงกลับเข้าไปด้านในครัว กลับเข้ามาด้านใน ห้องน้ำจะอยู่ติดกับ Living Area ด้านหน้าห้องนอน สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะใช้ของ Mogen เหมือนห้อง Type B กระจกเงาจะได้ขนาดพอดีตัว ฝั่งตรงข้ามมีชั้นวางของ ด้านในสุดจะเป็นส่วนเปียกอาบน้ำ แต่โครงการไม่ได้กั้นฉากอาบน้ำมาให้นะครับ อาจจะต้องกั้นเพิ่มกันเอง ห้องนอนจะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุต มาให้ วางเตียงลงไปแล้วยังพอมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือ ช่วยให้ไม่รู้สึกอึดอัด หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่ เป็นบานสไลด์ 2 ตอน ด้านปลายเตียงโครงการ Built in ตู้เสื้อผ้านบานใหญ่ วางอยู่ติดกับโต๊ะทำงาน นอกจากห้องตัวอย่างที่มีให้ชมแล้ว ทางโครงการยังห้องแบบสตูดิโอ ขนาด 22 ตร.ม. ให้เลือกจับจองกันด้วยนะครับ ซึ่งห้องที่ทางโครงการจัดไว้ ทุกยูนิตก็ขายมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง เคาน์เตอร์ครัว สุขภัณฑ์ เสร็จสรรพเกือบจะพร้อมเข้าอยู่ได้เลยทีเดียว แบบนี้ไม่ว่าจะซื้ออยู่เอง หรือซื้อไว้ลงทุนปล่อยเช่าก็คุ้มค่าน่าลงทุนมากๆ เพราะราคาเปิดตัวมาไม่แรงเลย อยู่ในเรทที่จับจองกันได้ง่ายๆ คนที่ผ่านไปผ่านมาในย่านนี้ก็ให้ความสนใจกันเยอะ ได้ข่าวว่าถูกจับจองกันไปพอสมควรแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเลยด้วยนะเนี่ย ใครที่สนใจสามารถแวะไปชมห้องตัวอย่างกันได้ที่ Sale Gallery ก่อนได้ หรือไปลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษกันได้ที่ http://www.grenecondo.com/donmuang/th/register.php หรือ โทร. 02-055-9224
The Saint Residences : รีวิวคอนโด

The Saint Residences : รีวิวคอนโด

เพิ่งจะเปิดสำนักงานขาย Pre-sales กันไปไม่นานกับโครงการ The Saint Residences คอนโดมิเนียมในทำเลห้าแยกลาดพร้าว (หน้าโรงเรียนเซนต์จอนห์) ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของใครหลายๆ คน และเป็นอีกหนึ่งในหลายๆ โครงการซึ่งอยู่ในย่านที่มีศักยภาพด้านการอยู่อาศัยมากพอตัวเลยทีเดียว   การเดินทาง ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทำเลบริเวณห้าแยกลาดพร้าวน่าสนใจก็คือ การเดินทางที่สะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า และระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ที่มีให้เลือกหลากหลายเรียกว่า ไม่จำเป็นต้องมีรถ ก็อยู่ได้ เดินทางสะดวก เริ่มจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีพหลโยธิน ซึ่งสามารถเลือกออกได้ทั้งทางออกที่ 1 หรือ 2 ก็ได้ เพราะอยู่ห่างกันไม่มาก แล้วค่อยเดินต่อมายังตัวโครงการ โดยใช้เส้นทางเดินในซอยลาดพร้าว 2 หรือจะเลือกออกที่ทางออกที่ 1 แล้วเดินมาริมถนนลาดพร้าวเลี้ยวเข้าถนนวิภาวดีฯ ก็ได้เหมือนกัน ซึ่งทั้ง 2 เส้นทางนี้ระยะทางต่างกันนิดหน่อย จากทางออกสถานีถึงหน้าโครงการก็ราวๆ 300 เมตรเท่านั้น ถือว่าอยู่ในระยะที่กำลังเดินได้สบายๆ เพียงแต่ว่าทางเดินในซอยลาดพร้าว 2 จะดูเงียบและร่มรื่นมากกว่า ส่วนเส้นทางเดินเลียบถนนใหญ่ช่วงค่ำๆ จะต้องผ่านร้านอาหารสไตล์กินดื่มบ้างนิดหน่อย สะดวกใจจะเดินทางไหนก็เลือกเอาครับ   แผนที่สถานีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน จะเห็นว่าเลือกออกได้ทั้งทางออกที่ 1 และ 2 ครั้งนี้เราเลือกเดินไปทางออกที่ 2 กันก่อนครับ ป้ายบอกทางชัดเจน เดินไปตามทางไปมหาวิทยาลัยเซนต์จอนห์ เลี้ยวซ้ายไปเลยครับ ที่สถานีพหลโยธินจะมี metro mall ด้วย ตรงนี้จะเดินไปออกที่ทางออกที่ 1 กับ 5 ได้ หน้าสถานีตรงทางออกที่ 2 เส้นทางแรกก็เดินตรงเลียบริมถนนไปทางนี้เลยครับ ส่วนหันมาอีกทางจะเห็นทางออกที่ 1 อยู่ไม่ไกล ตึกเหลืองๆ นั่นคือ Union Mall จ้า ระหว่างทางออกที่ 1 กับ 2 จะมีซอยลาดพร้าว 2 อยู่ ซอยนี้สามารถเดินไปออกซอยวิภาวดี 26 ที่อยู่ข้างๆ โครงการได้ หรือถ้าขับรถมาทางถนนลาดพร้าวก็เข้าซอยนี้ได้เลย อ้อ ซอยนี้เดินรถทางเดียวนะครับ ลองมาดูบรรยากาศในซอยกัน ภายในซอยค่อนข้างร่มรื่นเลยทีเดียว ด้านซ้ายเป็นรั่วของโรงเรียนเซนต์จอนห์ ส่วนด้านขวาก็เป็นอาคารพาณิชย์ครับ เดินเข้ามาจะถึงประตูทางเข้าโรงเรียนก็จะเห็นป้ายของ The Saint บอกทางไปสำนักงานขายชัดเจนเลย เยื้องกับประตูโรงเรียนเป็นวัดหรือโบสถ์เซนต์จอนห์ วันอาทิตย์น่าจะมีคนมาเข้าโบสถ์เยอะเหมือนกัน ออกมาถึงปากซอยวิภาวดี 26 แล้วจะเห็นร้านอาหารลองดูทางขวามือครับ ช่วงกลางวันคนเยอะ รถจอดเรียงเต็มเลยครับ ทางซ้ายเป็นพื้นที่ของโครงการ The Saint แล้วนะครับ มีประตูเล็กๆ ซึ่งทางโครงการแจ้งว่าจะใช้เป็นทางออกอีกทาง เพื่อช่วยร่นระยะทางในการเดินไปรถไฟฟ้าให้ใกล้ขึ้นอีกนิดนึง แต่ถ้าขับรถมาก็ออกถนนวิภาวดีแล้วเตรียมเลี้ยวเข้าโครงการได้เลย ดูกันชัดๆ อีกที ตัวโครงการตั้งอยู่ปากซอยวิภาวดี 26 พอดิบพอดีครับ ถึงแล้วสำนักงานขาย ซึ่งตกแต่งพื้นที่ด้านหน้าไว้สวยงามเลย ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัว ก็แค่มุ่งหน้ามาทางห้าแยกลาดพร้าว หรือจับจุดสังเกตุเป็นโรงเรียนเซนต์จอนห์ไว้ให้ดีก็พอ ถ้ามาจากทางฝั่งสะพานควาย ผ่านสวนจตุจักรมาก็ให้เลี้ยวไปทางดินแดง พ้นห้าแยกลาดพร้าวมานิดหน่อยก็เจอโครงการเลย แต่ถ้ามาจากทางถนนวิภาวดีฯขาเข้า  ต้องขึ้นสะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าวมาก่อน ซึ่งพอลงสะพานมาจะเลยหน้าโครงการไปให้ตรงไปเข้าซอยวิภาวดี 22 เพื่อไปออกถนนลาดพร้าวแล้ววนมาที่หน้าโครงการใหม่อีกรอบ จะเลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 2 หรือจะวิ่งมาเลี้ยวซ้ายออกถนนวิภาวดีอีกก็ได้ครับ (ลองดูภาพประกอบการเดินทาง) ซึ่งโดยรวมแล้วการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็จัดว่าสะดวกพอใช้ได้ครับ แต่ต้องมีสติสตางค์กันมากหน่อย ขับรถเพลินๆ ขึ้นสะพานข้ามแยก หรือเข้าผิดแยก ผิดเลน ก็จะต้องเลยไปตั้งหลักกลับมาใหม่ ถ้ารถไม่ติดก็ดีหน่อย ซึ่งเรามักจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการจราจรบริเวณห้าแยกลาดพร้าวนั้นติดขัดหนักหนาแค่ไหน โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน ไหนจะคนทำงาน ไหนจะรถเข้าเมือง หรือรถผู้ปกครองที่มาส่งลูกๆ เข้าเรียน อันนี้ก็เลี่ยงกันยากหน่อย เพราะทางออกหลักของโครงการคือถนนวิภาวดีฯ ที่ปริมาณรถหนาแน่นเกือบจะตลอดเวลาเลยทีเดียว จากแผนที่อันนี้ จะเห็นว่าทำเลที่ตั้งของโครงการ The Saint Residences สามารถเดินทางมาได้หลายทางเลย อันนี้เป็นเส้นทางแรก ซึ่งเดินทางมาจากฝั่งสะพานควายหรือจตุจักรครับ ถ้าขึ้นรถไฟฟ้า BTS มาก็ลงที่สถานีหมอชิต แล้วค่อยต่อรถอีกทอด หรือถ้าขับรถมาทางนี้ก็วิ่งยาวไปที่ห้าแยกเลย วิ่งผ่านสวนจตุจักร และธนาคารทหารไทยสำนักงานใหญ่ไปก็เตรียมชิดขวาได้ สังเกตุป้ายบอกไปทางดินแดงนะครับ เราจะเลี้ยวไปทางนี้ พ้นสัญญาณไฟแดงมาให้เลี้ยวขวาไปทางดินแดง ซึ่งเป็นทางเลี้ยวอันที่สองตรงใต้สะพานข้ามแยกนะครับ เล็งกันให้ดีๆ เลี้ยวมาแล้วก็ชิดซ้ายได้เลย ผ่านซอยวิภาวดีรังสิต 26 มาก็เจอตัวโครงการอยู่ตรงหน้าแล้ว ถึงละครับ สำนักงานขายของ The Saint Residences ส่วนเส้นทางที่มาจากถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า ก็ให้ขึ้นสะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าวมาก่อน แล้วค่อยเลี้ยวเข้าซอยวิภาวดีรังสิต 22 เพื่ออ้อมกลับมาที่โครงการอีกที ตามลูกศรในแผนที่เลยครับ เริ่มจากทางขึ้นสะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าวจากถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า ชิดซ้ายตามป้ายดินแดงไปเลยนะครับ ตอนนี้ที่ตั้งโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือเรานะครับ เมือลงสะพานมาแล้วให้ชิดซ้ายทันที เพื่อที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวิภาวดี 22 ก่อนถึงซอยจะมีป้ายบอกเป็นทางลัดไปออกถนนลาดพร้าว จุดสังเกตง่ายๆ คือซอยวิภาวดีรังสิต 22 จะอยู่ก่อนถึงโชว์รูม Ducati เข้าซอยมาแล้วจะเป็นซอยเล็กๆ ที่มีแยกอยู่เยอะมาก และจะเห็นป้ายบอกทางไปออกซอยลาดพร้าว 8 อยู่เป็นระยะๆ เราก็ตามป้ายไปเลยครับ ขอตัดภาพข้ามมาที่ซอยลาดพร้าว 8 เลยนะครับ ตรงออกมาเรื่อยๆ เราก็จะมาโผล่ออกถนนลาดพร้าวแล้ว เลี้ยวซ้ายไปเลยครับ เมื่อเข้าสู่ถนนลาดพร้าวแล้วก็ตรงไปอีกครับ จากซอยลาดพร้าว 8 มาประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงซอยลาดพร้าว 2 ใครเลือกจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยนี้ก็ได้นะครับ หรือถ้าใครจะตรงไปเลี้ยวซ้ายที่ห้าแยกก็ได้เหมือนกัน ใครที่มาทางถนนวิภาวดีฝั่งขาออกจะต้องไปกลับรถใต้สะพานข้ามแยก พอกลับรถมาแล้วจะเลยโครงการเหมือนกันครับ ต้องไปเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวิภาวดี 22 แทน เพื่อวนกลับมาโครงการอีกที หรือถ้ามาจากถนนลาดพร้าว ก็สามารถเลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 2 มาออกที่ซอยวิภาวดีรังสิต 26 หรือจะเลยมาแล้วเลี้ยวเข้าห้าแยกลาดพร้าวมาที่โครงการก็ได้เช่นกัน ถ้ามาจากแยกรัชโยธินทางถนนพหลโยธิน พอมาถึงห้าแยกลาดพร้าวก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีรังสิตง่ายๆ เลยครับ ตัวโครงการจะอยู่เชิงสะพานข้ามห้าแยกลาดพร้าว บนถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า ภาพนี้เป็นถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า มุ่งหน้าไปดินแดง เมื่อออกจากโครงการมาแล้วก็ต้องไปทางนี้ก่อนล่ะครับ ถ้าจะไปเส้นทางอื่นค่อยไปกลับรถกันอีกที ที่ตั้งโครงการล้อมรั้วไว้ชัดเจน พร้อมสำหรับการก่อสร้าง สำหรับการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ในระบบขนส่งมวลชนก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะบริเวณนี้มีปริมาณรถมาก จะหาเรียกแท็กซี่ก็ง่าย (ถ้าเรียกแล้วไปนะครับ) มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็มี คิวรถตู้ก็เยอะ จะขึ้นรถเมล์ก็สะดวกเพราะมีหลายสายเลือกขึ้นได้หลายฝั่ง แค่อาศัยเดินนิดๆ หน่อยๆ ก็เจอป้ายรถเมล์แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถต่อรถหรือรถไฟฟ้าใต้ดินไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิตอีกทีก็ได้เหมือนกัน วิเคราะห์รอบโครงการ ก่อนที่จะไปดูรายละเอียดของตัวโครงการ The Saint Residences เรามาดูสภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการกันก่อนดีกว่า ทำเลของห้าแยกลาดพร้าวนี้จัดว่าเป็นแยกใหญ่ เป็นศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ หรือเรียกว่าเป็น Hub ขนาดใหญ่ในโซนกรุงเทพตอนบนก็คงไม่เกินจริงนัก นอกจากจะเป็นแหล่งรวมการคมนาคมที่มากมายหลากหลาย ทั้งรถไฟฟ้า BTS, MRT สถานีขนส่งหมอชิต และสถานีรถไฟบางซื่อ บริเวณนี้ก็ยังมีแหล่งช็อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง เช่น ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ เทสโก้โลตัส ตลาดนัดจตุจักร เจเจมอลล์ ตลาดสด อตก. ตลาดลุงเพิ่มหลังการบินไทย ฯลฯ รวมไปถึงโรงเรียนใหญ่ๆ อย่าง โรงเรียนหอวัง และโรงเรียนเซนต์จอนห์ หน่วยงานราชการ อาคารสำนักงานใหญ่ๆ ที่รายล้อมโดยรอบ จนแทบจะนับได้ว่าเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญที่สุดคือ บริเวณนี้ยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ นับเป็นปอดที่สำคัญของคนกรุงเทพด้วยสวนสาธารณะขนาดใหญ่ถึง 3 แห่ง คือ สวนจตุจักร สวนรถไฟ (สวนวชิรเบญจทัศ) และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ซึ่งอยู่ติดกันทั้งหมดจึงเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ดีมากๆ สำหรับคนเมืองที่วันๆ อยู่แต่ในสภาพแวดล้อมที่แออัดเกือบจะหาอากาศบริสุทธิ์ไม่ได้ เซนทรัลลาดพร้าวอยู่ใกล้แค่ขึ้นสะพานข้ามแยก เดินชิวๆ ไม่เกิน 500 เมตร ก็ถึงหน้าห้างแล้ว ส่วน Union Mall ก็จะเดินใกล้กว่า อยู่ที่ราวๆ 300 เมตรจากหน้าโครงการเท่านั้น จากภาพรวมกว้างๆ ที่ว่ามาข้างต้น คงพอจะทำให้เห็นศักยภาพของทำเลบริเวณนี้ชัดเจนขึ้นมาบ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ ทีนี้เราลองขยับเข้ามาใกล้ตัวโครงการอีกหน่อย เอาแค่ในระยะเดินสบายๆ ไม่เกิน 500 เมตร ก็พอจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่แฮงค์เอ้าท์ รวมถึงแหล่งช็อปปิ้งให้พึ่งพาได้มากมายเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น ร้านลองดู ที่อยู่ปากซอยวิภาวดีฯ 26 ติดกับตัวโครงการพอดี เลยไปอีกหน่อยก็มีร้านปาเต๊ะ ร้านลาดมะพร้าว ไว้แฮงค์เอ้าท์ตอนค่ำๆ เช่นเดียวกันกับร้าน V24 ที่อยู่ถัดจากตัวโครงการไปหน่อย ตรงทางเข้าโรงเรียนเซนต์จอนห์พอดิบพอดี หรือถ้าอยากหาอะไรกินง่าย ทางฝั่งลาดพร้าวข้างๆ ยูเนี่ยนมอลล์ก็มีร้านรายทางให้เลือกมากอยู่เหมือนกัน เพราะอยู่ในย่านชุมชนแล้ว ส่วนถ้าอยากจะนั่งเย็นๆ กินอาหารบนห้าง ก็เลือกได้ตามสบายทั้งในห้างยูเนี่ยนมอลล์ และเซนทรัลลาดพร้าว รับรองว่ามีให้เลือกเพียบ รอบๆ โครงการจึงถือได้ว่าอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ไม่ต้องกลัวอดอยากปากแห้งครับ ร้านลองดู อยู่หน้าปากซอยวิภาวดีรังสิต 26 ติดกับโครงการเลยครับ ฝากท้องยามหิวกับที่นี่ได้ อันนี้ร้านปาเต๊ะครับ ร้านดังของย่านนี้เหมือนกัน อยู่ตรงห้าแยกลาดพร้าวเลย ใกล้ๆ กับร้านปาเต๊ะ มีอีกร้านชื่อ ลาดมะพร้าว สไตล์กินดื่มคล้ายๆ กันครับ สาวๆ กลับบ้านดึกเดินผ่านทางนี้ก็ระวังกันหน่อยนะ เลยไปอีกทางริมถนนวิภาวดีรังสิต จะมีร้าน V24 เป็นสไตล์นั่งดื่มอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยเซนต์จอนห์เลย ตอนค่ำๆ รถจอดเยอะม๊ากกก เนื่องจากตัวโครงการ The Saint Residences ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงเรียนเซนต์จอนห์มาทำการก่อสร้างเป็นคอนโด ซึ่งประกอบไปด้วยอาคารสูง 3 ตึก บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ รอบๆ โครงการในระยะประชิดไม่ได้มีตึกสูงขนาบข้างมากมายนัก ที่เห็นชัดๆ ก็จะเป็นอาคารเรียนสูง 12 ชั้น และอาคารสูง 9 ชั้นภายในโรงเรียนเซนต์จอนห์ อยู่ทางด้านหลังโครงการ ซึ่งมุมนี้อาจจะถูกบังวิวในระยะใกล้บ้าง ส่วนด้านอื่นๆ ถือว่าค่อนข้างโล่ง ไม่มีตึกสูงอยู่ใกล้ๆ แล้ว วิวทางฝั่งด้านหน้าโครงการ จะได้เปรียบเรื่องวิวของสวนสาธารณะ มีพื้นที่สีเขียวโล่งๆ ดูสบายตาดีครับ ส่วนด้านข้างโครงการส่วนใหญ่ก็เป็นอาคารสูงไม่เกิน 5-6 ชั้น แถมยังเป็นบ้านอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ (ในซอย) วิวจากห้องพักจึงค่อนข้างกว้างสบายตา ภาพจำลองโครงการครับ สังเกตุได้ว่าอาคารสูงทั้ง 3 ตึก แทบจะไม่มีตึกอื่นๆ มาบังวิวเลย อย่างที่บอกว่าโครงการ The Saint Residences มีอาคารทั้งหมด 3 ตึก คือ อาคาร A, B และ C สูง 41 ชั้นเท่ากัน โดยมีพื้นที่ Facilities อยู่ตรงกลางระหว่างอาคารทั้ง 3 ถ้าสังเกตุจากโมเดลจะเห็นว่า มีการวางตัวตึกในรูปแบบตัว U ล้อมพื้นที่ส่วนกลางไว้ ดังนั้นห้องพักที่อยู่ด้านในเปิดหน้าต่างมาก็จ๊ะเอ๋ เห็นวิวเป็นห้องเพื่อนบ้านกันเอง พร้อมกับวิวพื้นที่ส่วนกลางด้านล่าง แต่ก็ไม่ถึงกับอึดอัดมากนะครับ ระยะห่างแต่ละตึกยังพอเว้นว่างห่างกันอยู่พอสมควร   โมเดลของโครงการในสำนักงานขายครับ เข้าไปชมกันใกล้ๆ ได้ บริเวณชั้น 1-6 จะเป็นพื้นที่จอดรถ โดยคิดเป็นจำนวน 40% แบบยังไม่นับจอดซ้อนคัน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้า ที่เน้นจับกลุ่มคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า และไม่ต้องอาศัยรถส่วนตัวมากนัก นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ของแต่ละอาคารจะเป็นพื้นที่ของล็อบบี้และร้านค้าบางส่วน โดยมีพื้นที่สีเขียวตรงกลาง เหมือนเป็นจุด Drop Off เชื่อมพื้นที่หน้าอาคารทั้งหมดเข้าด้วยกัน อันนี้เป็นภาพจำลองบริเวณจุด Drop Off ตรงหน้าอาคารทั้ง 3 ซึ่งเน้นการตกแต่งที่หรูหรามีสไตล์ ตัวโมเดลก็จำลองโถงตรงด้านหน้าให้เห็นชัดๆ ซึ่งจุดนี้จะฝ้าเพดานใต้สระว่ายน้ำจะสูงถึง 5 ชั้นเลยทีเดียว บริเวณชั้น 1 ของอาคาร A และ B จะมีร้านค้าภายในโครงการด้วยนะครับ พอขึ้นไปที่ชั้น 7 ซึ่งจะเริ่มเป็นโซนที่พักอาศัย โดยมีพื้นที่ส่วนกลางรวมอยู่ที่ชั้นนี้ด้วย ทั้งสระว่ายน้ำยาว 50 เมตร ห้องฟิตเนส ห้องซาวน่า ห้องสตรีม และห้องอเนกประสงค์ รวมถึงบริเวณสวนสำหรับพักผ่อน โซนด้านอาคาร A และ B ในขณะที่ด้านหลังของอาคาร C ยังมี Facilities เหมือนกันแยกออกมาอีกด้าน แต่ขนาดเล็กกว่า เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่ทั้งนี้ลูกบ้านของทั้ง 3 อาคารสามารถใช้ Facilities ทั้งหมดร่วมกันได้เพราะมีทางเดินเชื่อมถึงกัน ส่วนที่ชั้นบนสุดของแต่ละอาคารจะเป็น สวนลอยฟ้า (Roof Top Garden) แยกกันไป ตรงนี้ลูกบ้านสามารถขึ้นมานั่งเล่น Take View มุมสูงได้ ที่เหลือนอกจากนี้ก็เป็นระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานทั่วไป ทั้ง Key Card Access แบบล็อคชั้น และกล้อง CCTV พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยแบบ 24 ชั่วโมง Master Plan ของโครงการ Facility ทั้งหมดจะรวมอยู่บนชั้น 7 สระว่ายน้ำยาว 50 เมตร เชื่อมต่อระหว่างตึก A กับตึก B บรรยากาศจำลองบริเวณสระว่ายน้ำใหญ่ ในวงกลมจะเห็นทางเชื่อมจากตึก B กับตึก C แต่มีสามารถเดินเชื่อมได้นะครับ หลังตึก C จึงมีสระว่ายน้ำแยกให้ลูกบ้านอีก 1 สระ สระว่ายนี้หลังตึก C ภาพบรรยากาศจำลองของสระว่ายน้ำที่บริเวณด้านหลังของอาคาร C หน้าตาของฟิตเนสบนชั้น 7 คร่าวๆ ก็จะประมาณนี้ครับ Roof Top Garden บนชั้นดาดฟ้าของทั้ง 3 อาคาร เรามาดู Plan ของแต่ละชั้นบางนะครับ เริ่มจากชั้น 7 ของอาคาร B จะมีห้องพักอาศัยเพียง 5 ยูนิต เพราะอีกด้านจะติดกับ Facility มาต่อที่ชั้น 8-40 มีห้องพักอาศัยอยู่ที่ชั้นละ 12 ยูนิต ส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน จะมีห้อง 2 ห้องนอนเป็นห้องมุม ส่วนชั้นบนสุดที่ชั้น 41 จะมีเพียง 6 ยูนิตเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 4 ยูนิต และแบบ 3 ห้องนอน 2 ยูนิต มาดูที่อาคาร C กันบ้างนะครับ ตัวอาคารจะเป็นรูปตัว L ซึ่งจะมีความหนาแน่นมากกว่าอาคาร B อยู่พอสมควร ที่ชั้น 7 จะมีทั้งหมด 13 ยูนิต ส่วนชั้นที่ 8-40 จะมีจำนวนห้องเพิ่มมาเป็นชั้นละ 21 ยูนิต ถ้าพูดกันถึงการใช้สอยพื้นที่ส่วนกลางแล้ว จากที่เห็นตอนแรกว่าทางโครงการจัดมาให้เยอะดูเต็มที่ พอเอามาเทียบกับจำนวนยูนิตรวมทั้งหมดของโครงการแล้ว ต้องบอกว่าหนาแน่นเอาการอยู่เหมือนกัน เพราะทั้งโครงการมียูนิตรวมมากถึง 1,537 ยูนิต ถึงจะพยายามจัด Facilities มาแบบคูณ 2 แล้ว แต่ถ้ามองกันจริงๆ ก็ คงจะไม่เพียงพอต่อการใช้งานซักเท่าไหร่ ถ้าลงมาพร้อมๆ กันเกินครึ่งหนึ่งก็แน่นละ ตรงนี้ถ้าใครคิดหวังอยากจะใช้ Facilities ให้เต็มที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมกันนิดนึงนะครับ พาชมห้องตัวอย่าง ก่อนจะไปดูห้องตัวอย่าง เรามาดูแปลนอาคารกันซักหน่อย ซึ่งห้องพักอาศัยในแต่ละอาคารจะเริ่มกันตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไป และขณะนี้ทางโครงการก็เปิดขายเฉพาะอาคาร B และ C เท่านั้น ส่วนอาคาร A ยังไม่เปิดให้จองครับ ห้องส่วนใหญ่ที่ทางโครงการจัดไว้ก็จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom โดยมีขนาดเริ่มตั้งแต่ 29 ตารางเมตรเศษๆ ไปจนเกือบๆ 35 ตารางเมตร ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom และ 3 Bedroom ก็มีให้เลือกบ้างเหมือนกัน แต่ก็มีจำนวนไม่มากในแต่ละอาคาร โดยจะเป็นห้องที่อยู่ในตำแหน่งมุมอาคาร ชั้นหนึ่งจึงมีเพียง 2-3 ห้องเท่านั้นนะครับ อีกเรื่องที่เกือบจะลืมดูไปเลยก็คือ จำนวนลิฟท์โดยสารในแต่ละอาคาร ที่ทางโครงการจัดมาให้ 3 ตัว สำหรับอาคาร B และ 4 ตัว สำหรับอาคาร C และแยกลิฟท์ขนของมาให้อีกอาคารละ 1 ตัว ซึ่งดูเผินๆ ก็ว่าจำนวนลิฟท์น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าลองเทียบกับจำนวนยูนิตรวมในแต่ละอาคารจะเห็นว่า ความหนาแน่นของการใช้งานลิฟท์โดยสารนั้น อยู่ในระดับ 135-180 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัวเลยทีเดียว ช่วงเช้าๆ ที่ทุกคนรีบออกไปทำงาน คงมีจำนวนคนแย่งใช้งานเยอะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่อย่างไรแล้วเวลาใช้งานจริงต้องรอลุ้นกันอีกที สำหรับห้องตัวอย่าง ทางโครงการเตรียมไว้ให้ชม 2 แบบ ซึ่งเป็นแบบห้องในอาคาร B และ C ทุกห้องฝ้าเพดานสูง 2.6-2.9 เมตร (ขึ้นอยู่กับขนาดห้อง) พื้นห้องปูด้วย Engineer Wood หนา 14 มม. ผนังติด Wall Paper ให้ทั้งห้อง และเลือกใช้วัสดุ สุขภัณฑ์มาในสเปคที่สูงเลยทีเดียว เริ่มกันด้วยห้องแบบ 1 Bedroom ที่ขนาด 30 ตร.ม. จากแปลนจะเห็นว่ามีการจัดวาง Layout ออกมาได้ลงตัวดีทีเดียว มีการแยกสัดส่วนพื้นที่การใช้งานไว้ชัดเจน เปิดเข้าห้องมาจะเป็น Living Area ส่วนห้องนอนจะมีห้องน้ำในตัว และอยู่ด้านในสุดติดกระจกบานใหญ่ เพื่อจะได้ Take View จากห้องนอนได้เต็มที่ ในขณะที่พื้นที่ครัวเป็นครัวปิดติดกับระเบียง จึงสามารถเปิดประตูกระจกบานเลื่อนออกเพื่อช่วยระบายกลิ่นได้ แถมพื้นที่ระเบียงก็กว้างพอที่จะตากผ้า และใช้เป็นพื้นที่ซักล้างได้อีกด้วย โดยภายในห้องตัวอย่างที่เห็นเฟอร์นิเจอร์ส่วนหนึ่งก็จะ Built-in แถมมาพร้อมกับห้องเรียบร้อยแล้ว (Fully Fitted) เว้นแต่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่ไม่มีมาให้ ซึ่งบรรยากาศภายในห้องและหน้าตาวัสดุ สุขภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูภาพประกอบกันเลยครับ แบบแปลนของห้อง 1 Bedroom ซึ่งห้องตัวอย่างที่เราดูมีขนาด 30 ตร.ม. เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนนะครับ บริเวณนี้เพดานจะสูง 2 ระดับ คือ 2.60 และ 2.90 เมตร ข้างๆ ประตูห้องจะมีตู้เก็บของแบบนี้อยู่ด้วยนะครับ ใช้เป็นที่เก็บรองเท้า เก็บร่ม หรือของเล็กๆ น้อยๆ อันนี้ให้มาพร้อมห้องเลย จริงๆ สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งได้เลยนะครับ หรือจะเลือกวางโซฟาที่เล็กลงมาหน่อยเพื่อให้มีพื้นที่วางอย่างอื่นตกแต่งก็ได้ แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน อีกฝั่งจะเป็นจุดที่วางทีวี ระยะระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างกันพอสมควร สามารถเลือกวางทีวีจอใหญ่ๆ ได้สบายๆ ที่ Living Area จะเป็นแอร์แบบ Conceal โต๊ะกินข้าวอันนี้วางอยู่ระหว่างประตูห้องครัวกับห้องนอน ทางโครงการทำให้ดูเป็นไอเดียนะครับ ห้องจริงไม่มีมาให้ จาก Living Area เราขยับมาดูทางซ้ายที่ห้องครัวกันก่อนนะครับ ห้องแบบนี้จะได้ครัวปิด ซึ่งใช้ประตูกระจกบานเลื่อนสูงจรดเพดานเลย ทำให้แสงผ่านเข้ามาถึง Living Area ได้เต็มที่ เคาน์เตอร์ครัวเป็นสีขาวสะอาดตา ของจริงก็ให้มาแบบนี้เลยครับ ทั้งตู้เก็บของด้านบนที่สูงจรดเพดานด้วย ชุดครัวก็ให้มาครบ ทั้งเตาไฟฟ้า พร้อมฮูดดูดควัน เตาอบไมโครเวฟ และอ่างล้างจานฝั่งเคาน์เตอร์ เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันของ Franke เตาไมโครเวฟพร้อมระบบเตาอบ ตัวนี้ก็ให้มาด้วยนะครับ ชั้นเก็บอุปกรณ์เครื่องครัวเป็นแบบนี้เลย มีช่องใส่ของมาให้เสร็จสรรพ ตู้ด้านบนก็เก็บของได้อีกเยอะเลย ที่สำคัญประตูตู้ทุกบานเป็นแบบ Soft Close ด้วย ประตูบานเลื่อนตรงระเบียง เป็นกระจก 3 ตอน เปิดได้กว้างจนเกือบสุดเลยรับรองว่าช่วยเรื่องระบายกลิ่นในครัวได้ดีทีเดียว พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้อง และดรอปลงมาต่ำกว่าพื้นห้องเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นต้องคอยระวังเรื่องท่อระบายน้ำที่ระเบียงให้ดีนะครับ อย่าให้ตันเด็ดขาด ไม่งั้นมีโอกาสที่น้ำจะท่วมเข้าห้องได้ พื้นที่ระเบียงตรงนี้กว้างพอให้ตากผ้าได้เลย คอมเพรสเซอร์แอร์สองตัว แขวนไว้ด้านบนมีระแนงบังตาไว้เรียบร้อย ใต้คอมเพรสเซอร์แอร์วางเครื่องซักผ้าได้สบายๆ เพราะตรงนี้มีปลั๊กมาให้แล้ว ขาดแค่ก๊อกน้ำเท่านั้น มองจากในห้องครัวไปจะเห็นว่าประตูระเบียงสามารถเปิดได้กว้างเต็มที่แบบนี้เลยครับ คราวนี้มาดูที่ห้องนอนกันบ้าง ของจริงประตูห้องนอนจะเป็นบานสวิงนะครับ ในห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ ถ้าจะใส่เป็นเตียง 6 ฟุตก็ได้แต่พื้นที่รอบๆ ก็จะเหลือน้อยหน่อย หน้าต่างในห้องนอนเป็นกระจกบานใหญ่เกือบเต็มผนัง เน้นเปิดรับวิวจากห้องนอนกันไปเต็มๆ ปลายเตียง Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วยนะครับ ติดกันกับตู้เสื้อผ้ามีที่เหลือไว้แขวนทีวีเล็กๆ ได้อีกเครื่อง ในตู้เสื้อผ้า แบ่งชั้นแขวน ลิ้นชักเก็บของ ที่แขวนกางเกงเอาไว้ให้เรียบร้อย บานประตูตู้เสื้อผ้าก็เรียบๆ หน้าตาแบบนี้เลย ข้างๆ เตียงเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้ง หรือจะจัดเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ แต่ของจริงผนังมุมนี้ไม่ได้ติดกระจกมาให้นะ ทางโครงการให้เป็น wall paper มาแทน ห้องน้ำมีห้องเดียวอยู่ในห้องนอนเลย อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์เป็นสีขาวทั้งหมด ตู้กระจกเหนืออ่างล้างหน้า เปิดออกมาเป็นชั้นเก็บของได้อีกเพียบเลย อ่างล้างหน้าเป็นทรงสี่เหลี่ยม ดีไซน์เรียบๆ ยี่ห้อ Kasch เพิ่มความเก๋ด้วยชุดก๊อกน้ำดีไซน์ล้ำๆ ใต้อ่างล้างหน้าสามารถเปิดออกมาเป็นที่เก็บของได้อีก โถสุขภัณฑ์ก็เลือกดีไซน์เรียบๆ เช่นกัน ส่วนที่กำชำระขยับไปอยู่ด้านบนที่วางของ ถ้าไม่ทันสังเกตุนี่หาแทบไม่เจอเลยครับ ห้องอาบน้ำอยู่ด้านในสุด กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ พื้นบริเวณที่อาบน้ำดรอปลงอีกนิดหน่อย ราวๆ 2 เซนติเมตร ชุดฝักบัวอาบน้ำของ Kasch ดีไซน์แปลกตา ฝักบัวดีไซน์เรียบมาก ไม่มีส่วนเว้าให้จับแบบนี้ระวังลื่นหลุดมือนะครับ แต่ถ้าไม่ถนัดถือฝักบัวอาบ ก็มี Rain Shower ของ​ Kasch ติดตั้งมาให้อีกเช่นกัน ในห้องอาบน้ำจะติดมุมเสานิดนึง ดังนั้นที่ว่างข้างๆ ทางโครงการเลยก่อปูนปูกระเบื้องขึ้นมา เผื่อไว้วางของหรือจะนั่งก็ได้มั้งครับ (ถ้าตัวเล็กๆ หน่อย) จริงๆ พื้นที่ในห้องอาบน้ำไม่ได้ใหญ่มากนะครับ ออกจะแคบไปหน่อย เวลายกแขนถูสบู่อาจชนผนังหรือประตูบ้าง อันนี้ผมเลยลองถ่ายให้เห็นเท้าด้วย เผื่อจะได้นึกภาพกันออกว่าเวลายืนอาบน้ำจริงๆ แล้วจะใช้พื้นที่แค่ไหน ภาพรวมๆ ในห้องน้ำครับ เน้นการจัดแสงอุ่นๆ ดูเรียบหรู อีกห้องจะเป็นห้องแบบ 2 Bedroom โดยขนาดห้องก็จะมีตั้งแต่ 55-65 ตร.ม. แต่ห้องตัวอย่างที่เตรียมไว้จะเป็นขนาดเริ่มต้นที่ 55 ตร.ม. นะครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่าห้องแบบ 2 Bedroom จะอยู่ในตำแหน่งมุมตึก ลักษณะของห้องที่เลือกมาก็เป็น Type B1 ซึ่งพื้นที่ใช้สอยไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมซะทีเดียว พอเปิดประตูเข้ามาเราจึงเจอ Living Area ที่เป็นพื้นที่ในแนวลึก ครัวของห้องนี้เป็นแบบครัวเปิด แบ่งพื้นที่ใช้สอยกับโซนนั่งเล่นซึ่งติดกับระเบียง ในขณะที่พื้นที่ด้านในสุดแบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้อง และห้องน้ำ 2 ห้อง เรื่องวัสดุ สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็เหมือนกับห้องแรกทุกอย่าง ซึ่งขายมาแบบ Fully Fitted เช่นเดียวกัน แบบแปลนห้อง 2 Bedroom Type นี้จะเป็นห้องในแนวลึกนะครับ ทางเข้าห้องจะเป็นโถงทางเดินลึกเข้าไป ด้านซ้ายเป็นชั้นเก็บของ ที่เก็บรองเท้าที่ Built-in มาให้พร้อมห้อง ส่วนกระจกด้านขวาของจริงไม่ได้ให้มานะครับ พื้นห้องปูด้วย Engineer Wood หนา 14 มม. ทุกห้อง แต่ห้องแบบ 2 Bedroom จะสีเข้มกว่า เดินเข้ามาอีกหน่อยก็เจอครัวเปิดอยู่ทางซ้าย มีชุดโต๊ะกินข้าววางไว้ตรงกลางเลย เคาน์เตอร์ครัวหน้าตามาตรฐานเลย ตู้ทั้งด้านบนและล่างมาเต็ม เคาน์เตอร์ครัว Top ด้วยหินสังเคราะห์นะครับ อันนี้ได้เหมือนกันทุกห้องเช่นกัน เตาไฟฟ้า ฮูดดูดควัน และเตาไมโครเวฟโอเว่นก็ให้มาครบเหมือนกัน แต่สำหรับห้อง 2 Bedroom จะเป็นเตาขนาด 4 หัว ยี่ห้อ Franke ฮูดดูดควันแบบใกล้ๆ ครับ อ่างล้างจานเป็นแบบฝังเคาน์เตอร์เหมือนเดิม แต่ตัวอ่างนี่ลึกใช้ได้เลย ลิ้นชักเก็บของก็จัดมาเต็ม บานประตูเป็น Soft Close เช่นกัน ติดกับครัวเป็น Living Area แต่ Layout ยังดูไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ เพราะตำแหน่งวางทีวีไปตรงกับทางเดินไปห้องนอนพอดี เลยทำให้ต้องวางโซฟาเอียงๆ แบบนี้ ถ้าจะว่าโซฟาไว้ตรงๆ ก็คงจะเดินลำบากหรือไม่ก็เหลือระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาไม่มาก พื้นที่ตรงนี้เลยแปลกๆ หน่อย หลังโซฟาเป็นระเบียง จะเดินไปออกระเบียงก็ต้องอ้อมๆ โซฟาหน่อย ถ้าจัดวางกันแบบนี้ ระเบียงกว้างเหมือนกันครับ ประตูก็เป็นกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่จรดเพดานทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มๆ พื้นระเบียงดรอปลงมาประมาณนึง ไม่ต่างกับห้องอื่นๆ ครับ ต้องระวังเรื่องการระบายตรงระเบียงกันไป พื้นที่ระเบียงนี่กว้างพอให้ตากผ้า หรือจะวางเก้าอี้ไว้นั่งเล่นรับลมก็ได้เก๋ๆ ที่แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์กั้นไว้เป็นห้องเลย ประตูเปิดได้แบบนี้ ส่วนเครื่องซักผ้าต้องไปไว้ที่อื่นไม่เหมือนกับห้องเล็กที่เอาไว้ใต้คอมเพรสเซอร์เลย ไปดูห้องนอนกันดีกว่า ซึ่งด้องเดินผ่านโถงทางเดินตรงนี้เข้าไปครับ ประตูทางซ้ายเป็นห้องนอนใหญ่ ส่วนประตูตรงหน้าเป็นห้องนอนเล็ก และห้องน้ำเล็กอยู่ทางขวาหน้าห้องนอนเล็กครับ เรามาดูห้องน้ำเล็กกันก่อน ซึ่งเป็นแบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom เลย เหนืออ่างล้างหน้าเป็นตู้กระจกบานใหญ่เหมือนกัน หลังบานกระจกเปิดออกเป็นชั้นเก็บของได้ อ่างล้างหน้าของ Kasch ดีไซน์เรียบ ก๊อกน้ำดีไซน์ล้ำ พร้อมหัวน้ำอุ่น และมีปลั๊กไฟไว้ให้ด้วย ชุดสุขภัณฑ์แบบฝั่งผนังนะครับ ตัวกดชำระเลยไปอยู่ด้านบน ห้องอาบน้ำกันด้วยกระจกเทมเปอร์ แต่ไม่มี Rain Shower มาให้นะครับ มีแต่ชุดฝักบัวเล็ก อันนี้เป็นห้องนอนเล็ก แต่ทางโครงการจัดการตกแต่งให้เป็นห้องทำงานแทน เผื่อไว้เป็นไอเดียสำหรับคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ 2 ห้องนอนครับ มี Sofa Bed และมุมทำงานติดริมหน้าต่าง เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นห้องนอนเล็ก เลยมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ อันนี้ได้มาเหมือนกันทุกห้อง เปิดมาข้างในก็จัดเป็นชั้นเก็บของ ที่แขวนเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว Sofa Bed แบบนี้ จริงๆ ก็ใช้นอนได้ครับ แต่อาจจะไม่สบายเท่าเตียง ซึ่งห้องนอนเล็กนี้ก็วางเตียง 3.5 ฟุตแทนได้กำลังดี ไม่งั้นจะอึดอัดเกินไป ส่วนห้องนอนใหญ่ก็จัดกันไปเต็มๆ ด้วยเตียง Queen Size หรือจะ King Size ก็ยังพอไหว พอเป็น Queen Size ก็เลยมีที่เหลือข้างๆ ไว้วางโต๊ะหัวเตียงได้บ้าง หน้าต่างในห้องนอนใหญ่เป็นบานใหญ่เกือบเต็มผนัง แต่มีเว้นแบ่งเป็นบานกระทุ้งเล็กๆ ไว้เผื่อเปิดระบายอากาศหรือรับลมได้ ตู้เสื้อผ้า Built-in เหมือนกัน เปิดมาก็แบ่งพื้นที่เก็บของไว้ชัดเจนแล้ว ลิ้นชัก ที่เก็บข้าวของมากมายแบบนี้เลยครับ มุมแต่งตัวโต๊ะเครื่องแบบวางไว้ปลายเตียงครับ แต่อันนี้ห้องจริงไม่ได้มีมาให้นะไม่งั้นคงผิดหลักฮวงจุ้ยกันนิดหน่อย อิอิ แอร์ในห้องนอนเป็นแบบแขวนนะครับ ไม่ได้ฝังฝ้า ประตูห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ก็อยู่ด้านปลายเตียงเช่นกัน ในห้องน้ำก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างครับ Layout เดิมเลย กระจกบานใหญ่ ไฟฝังผนัง ชุดสุขภัณฑ์สีขาว หลังกระจกเป็นตู้เก็บของเหมือนกัน อ่างล้างหน้าของ Kasch มีตู้เก็บของด้านล่าง ก๊อกน้ำเก๋ๆ พร้อมหัวน้ำอุ่นในตัว ชุดโถสุขภัณฑ์แบบฝังผนัง ของ American Standard ที่กดชำระจะเรียบๆ อยู่ด้านบน ห้องอาบน้ำกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ แต่ต่างที่มีหน้าต่างบานกระทุ้งเพิ่มขึ้นมา ซึ่งดีตรงที่ช่วยเรื่องระบายอากาศได้ดี ชุดฝักบัวเล็กของ Kasch เรียบๆ ตามมาตรฐานเท่ากันทุกห้อง ตัวฝักบัวจะเรียบๆ ขนาดพอดีมือ แต่อาจจะจับไม่ค่อยถนัดเวลาอาบน้ำมือลื่นๆ ห้องอาบน้ำของห้องนอนใหญ่มี Rain Shower มาให้ และมีไฟฝังเพดานด้วย ก่อปูนปูกระเบื้องมาไว้ให้นั่งอาบน้ำหรือวางของได้เหมือนกัน แต่กว้างกว่าดูใช้งานได้มากกว่า หน้าต่างบานกระทุ้งในห้องน้ำบานใหญ่ใช้ได้เลย เปิดไว้ให้ระบายอากาศได้ดีทีเดียว หลังจากที่ได้ดูห้องตัวอย่างทั้ง 2 แบบไปแล้ว เรากลับถูกใจห้องแบบ 1 Bedroom มากกว่า เพราะถึงแม้ห้อง 2 Bedroom จะมีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า แต่กลับรู้สึกว่าห้องแคบกว่าและ Layout ของ Living Area ยังไม่ค่อยลงตัวนัก ไหนจะเรื่องห้องครัวที่เป็นครัวเปิด ซึ่งจะทำให้ภายในห้องมีปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนได้ง่ายกว่า ทั้งๆ ที่ห้องแบบนี้เหมาะกับการอยู่อาศัยเป็นครอบครัวมากกว่า และน่าจะมีการทำครัวมากกว่า ถ้าได้เป็นครัวปิดก็คงจะดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าเพิ่มด่วนสรุปว่าห้อง 2 Bedroom ไม่ดีนะครับ เพราะทางโครงการยังมี Type ห้องแบบอื่นๆ ให้เลือกเปรียบเทียบด้วยเช่นกัน ซึ่งคุณก็สามารถเลือกให้ตรงกับความต้องการหรือตอบโจทย์การใช้สอยส่วนตัวได้มากที่สุดเลยครับ ราคาและเงื่อนไขการขาย ณ วันที่ 10 เมษายน 2558 ห้องเลขที่ 709 ชั้น 7 Tower B แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 30.02 ตารางเมตร ราคาขาย   4,071,552.56 บาท ราคาต่อตารางเมตร   135,628 บาท เงินจอง   30,000 บาท เงินทำสัญญา   5%  หรือ  173,578 บาท เงินดาวน์    20% จำนวน 814,320 บาท ผ่อนดาวน์ 40 งวด งวดละ 20,358 บาท   ห้องเลขที่ 1008 ชั้น 10 Tower C แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 30.37 ตารางเมตร ราคาขาย   3,960,308.74 บาท ราคาต่อตารางเมตร   130,402 บาท เงินจอง   30,000 บาท เงินทำสัญญา   5%  หรือ  168,016 บาท เงินดาวน์    20% จำนวน 792,080 บาท ผ่อนดาวน์ 40 งวด งวดละ 19,802 บาท
รีวิวคอนโดทำเลเตาปูน-บางซ่อน : รีวิวคอนโด

รีวิวคอนโดทำเลเตาปูน-บางซ่อน : รีวิวคอนโด

สวัสดีมิตรรักแฟนเพจทุกท่านครับ รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูทำเลที่กำลังฮอตฮิตสุดๆ ในเวลานี้ นั่นคือทำเลย่านเตาปูน-บางซ่อนนั่นเองครับ สาเหตุที่ทำให้ทำเลในย่านนี้คึกคักเป็นพิเศษก็เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ และสายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ ยิ่งตอนนี้การก่อสร้างรถไฟฟ้าคืบหน้าไปมากจนใกล้จะเสร็จเต็มที ทำให้ราคาของบางโครงการพุ่งขึ้นไปเกินแสนบาทต่อตารางเมตรกันแล้ว อย่าช้าอยู่ใย.. เราไปทำความรู้จักกับโครงการในย่านนี้กันดีกว่าครับ ว่าจะน่าสนใจขนาดไหน   การมาของรถไฟฟ้าทำให้อสังหาฯ ในย่านนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ยิ่งการก่อสร้างรถไฟฟ้าใกล้เสร็จสมบูรณ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับทำเลในย่านนี้เข้าไปอีก สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะเริ่มเปิดวิ่งทดสอบเสมือนจริงประมาณเดือนกันยายน 2558 นี้ และจะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในช่วงเดือนสิงหาคม 2559 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม 4 เดือน จากที่มีกำหนดจะเปิดในเดือนธันวาคม 2559 เนื่องจากบริษัทฯ มีการก่อสร้างเสร็จเร็วกว่ากำหนด ส่วนจุดที่คอนโดขึ้นเยอะที่สุดเห็นจะเป็นบริเวณถนนประชาราษฏร์สาย 2 ใกล้ๆ สถานีเตาปูน เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ดูจากแผนที่ก็จะเห็นนะครับ ว่ารอบๆ สถานีเตาปูน Interchange มีหลายโครงการเลยทีเดียว ที่อยู่ใกล้ที่สุดจะเป็นโครงการ ชีวาทัย Interchange (อ่านพรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise สูง 26 ชั้น ขยับออกมาอีกหน่อยจะเป็นโครงการที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วคือโครงการ  Rich Park 2@เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ (อ่านรีวิวโครงการ) และห่างออกมาอีกจะมี 2 โครงการ High Rise ที่อยู่ใกล้ๆ กันคือโครงการ The Stage เตาปูน Interchange (อ่านรีวิวโครงการ) และ The Tree Interchange (อ่านพรีวิวโครงการ) จากพฤกษา ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ บริเวณนี้ ในระยะที่สามารถเดินได้จะมีแหล่งใหญ่ๆ อยู่ 2 ที่คือตลาดสดสามแยกเตาปูน และโลตัสเตาปูน นอกจากนั้นก็จะมีร้านขายอาหารตาม 2 ข้างทางและ 7-11 ให้พอฝากท้องกันได้บ้าง ตอนนี้โครงสร้างภายนอกของตัวสถานีเตาปูนเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ น่าจะเหลือระบบภายในที่ยังต้องดำเนินการกันต่อ โครงการชีวาทัย Interchange เป็นโครงการที่อยู่ใกล้สถานีเตาปูนมากที่สุด ภายนอกตัวอาคารก่อสร้างไปได้เยอะแล้วนะครับ ซึ่งโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2558 นี้ครับ เลยจากโครงการชีวาทัย Interchange มานิดหน่อยเป็นโครงการ Rich Park 2@เตาปูน Interchange ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีเตาปูนประมาณ 120 เมตร เท่านั้น ถัดมาเป็นโครงการ The Stage เตาปูน Interchange คอนโด High Rise สูง 36 ชั้น จาก Real Asset อยู่ห่างจากสถานีเตาปูนประมาณ 400 เมตร และอีกหนึ่งโครงการบนถนนประชาราษฎร์สาย 2 คือโครงการ The Tree Interchange คอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 40 และ 39 ชั้น ที่มีกำหนดการสร้างเสร็จในปีนี้ ตัวโครงการจะตั้งอยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สถานี โดยห่างจากสถานีเตาปูนประมาณ 550 เมตร และสถานีบางโพประมาณ 400 เมตร ทีนี้เรามาดูสาธารณูปโภคบริเวณรอบๆ สถานีเตาปูนกันบ้างนะครับ จากสถานีเตาปูนมาทางถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี นิดเดียวจะมีร้านสะดวกซื้อ และร้านขายอาหาร อยู่หลายร้านเลยครับ ใกล้ๆ กันก็มีตลาดสดให้เลือกซื้อเลือกหา มีทั้งผัก ผลไม้ ของสด ของแห้ง เสื้อผ้า จากถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี เราสามารถเดินทะลุมาออกถนนประชาชื่นได้เลยครับ ถ้าใครไม่ชอบเดินตลาดสด ข้ามมาฝั่งถนนประชาชื่นก็จะมีเทสโก้ โลตัส ไว้คอยบริการ ถ้าเดินมาแล้วขี้เกียจเดินกลับก็มีพี่วินมอไซค์ คอยรับ-ส่ง อยู่หน้าโลตัส คราวนี้เรามาดูสถานีบางซ่อนกันบ้างนะครับ ซึ่งถือว่าฮอตไม่แพ้สถานีเตาปูนกันเลยทีเดียว ตัวสถานีบางซ่อนจะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงที่จะวิ่งระหว่างบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งในอนาคตจะเชื่อมต่อไปถึงนครปฐม  - ฉะเชิงเทรา จากสถานีบางซ่อนจะมี Sky Walk เชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงที่ชื่อว่าสถานีบางซ่อนเหมือนกัน สำหรับคอนโดที่อยู่ใกล้ตัวสถานีมากที่สุดจะเป็นโครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง Interchange (อ่านพรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น แบรนด์ Ideo จากอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และอีกหนึงโครงการที่อยู่ใกล้ๆ สถานีคือโครงการ Regent Home @ Bangson Station (อ่านพรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise หมู่ 4 อาคาร ราคาไม่ถึงล้านแบนด์ Regent Home ถัดออกมาอีกหน่อยเป็นโครงการ U Delight@บางซ่อน สเตชั่น (อ่านรีวิวโครงการ) คอนโดแบรนด์ U Delight อีกหนึ่งโครงการที่ยึดทำเลย่านนี้อย่างเหนียวแน่น ต่อมาเป็นโครงการ Rich Park@บางซ่อน ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟสายสีแดง เราข้ามไปดูฝั่งถนนประชาชื่นกันบ้างนะครับ จะมีอยู่ 2 โครงการ คือโครงการ Supalai Veranda รัชวิภา-ประชาชื่น (อ่านรีวิวโครงการ) แม้ตัวโครงการที่ตั้งอยู่ฝั่งถนนประชาชื่นแต่ก็สามารถใช้ซอยประชาชื่น 19 ลัดมาออกซอยกรุงเทพฯ-นนทบุรี 32 ก็จะเจอสถานีบางซ่อนพอดี และอีกโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนประชาชื่น ใกล้กับสถานีบางซ่อน ของรถไฟสายสีแดง คือโครงการ Metro Sky ประชาชื่น (อ่านรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise 3 อาคาร สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกในย่านนี้จะมีตลาดสดบางซ่อน และตลาดชุมทาง สยามยิปซี ที่ตั้งอยู่ใต้แนวรถไฟชานเมืองสายสีแดง ใกล้กับสถานีบางซ่อน แหล่งชอปปิ้งยามค่ำคืนที่ถูกเนรมิตพื้นที่ออกมาในสไตล์ย้อนยุค และกำลังกลายเป็นแฟชั่นของเด็กแนววัยโจ๋ และคนเมืองหลวงในคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จากสถานีบางซ่อนของรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะมี Sky Walk เชื่อมไปถึงสถานีบางซ่อนของรถไฟชานเมืองสายสีแดง มองตรงไปอีกจะเห็นโครงการ Rich Park ตั้งตระหง่านอยู่ใกล้ๆ โครงการ Rich Park@บางซ่อน สเตชั่น เป็นคอนโด High Rise สูง 27 ที่สร้างเสร็จได้สักระยะแล้วนะครับ ตัวโครงการอยู่ห่างจาก MRT สถานีบางซ่อน ประมาณ 200 เมตร มาดูกันต่อกับโครงการ U Delight @ บางซ่อน สเตชั่น ตัวโครงการตั้งอยู่ห่าง MRT สถานีบางซ่อนไปทางเตาปูนประมาณ 120 เมตร การก่อสร้างโครงการคืบหน้าไปมากแล้วนะครับ โดยมีกำหนดสร้างเสร็จประมาณเดือนธันวาคมปี 2558 นี้ครับ ตลาดชุมทาง สยามยิปซี แหล่งช้อปปิ้งแห่งใหม่ ในย่านนี้ นอกจากแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารต่างๆ แล้ว ยังมีสถานที่ราชการอยู่ใกล้ๆ ด้วยนะครับ อย่างไปรษณีย์บางซื่อ แห่งนี้ก็อยู่ติดกับโครงการ U Delight เลยออกมาอีกไม่ไกลก็จะเจอ สน.เตาปูน ส่วนเรื่องการจราจรในย่านนี้ยังถือว่าไม่ค่อยติดขัดสักเท่าไหร่ นับตั้งแต่ได้รับพื้นผิวการจราจรกลับคืนมาจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า ก็ยิ่งทำให้การใช้รถใช้ถนนตั้งแต่ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี ไปจนถึงแยกเตาปูน เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 คล่องตัวมากขึ้น สภาพแวดล้อมในย่านนี้ยังคงความเป็นชุมชนเก่า ค่อนข้างสงบ จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย ยิ่งการมาของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ยิ่งทำให้การเดินทางในอนาคตค่อนข้างสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต เนื่องจากห่างออกไปทางด้านเกียกกาย กำลังมีการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ในขณะที่การซื้อหาห้องเพื่อการลงทุน อาจจะต้องทำการบ้านกันหนักหน่อย เพราะทำเลในแถบนี้มีตัวเลือกให้เปรียบเทียบอยู่หลายโครงการ จึงควรพิจารณาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจด้วยนะครับ วันนี้ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมนะครับ ไว้พบกันใหม่ในรีวิวฉบับต่อไป อ่อ!!... ฝากเพจ facebook.com/reviewyourliving ไว้ในอ้อมใจทุกท่านด้วยนะครับ เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและเรื่องน่ารู้ต่างๆ เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยจากเรา ^_^