Tag : MRT สถานีบางซ่อน

7 ผลลัพธ์
Ideo Mobi Wong Sawang Interchange คอนโดเอาใจวัยฮิปกับชีวิตติดรถไฟฟ้า : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi Wong Sawang Interchange คอนโดเอาใจวัยฮิปกับชีวิตติดรถไฟฟ้า : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปชมโครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์ คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีบางซ่อน) และอยู่ใกล้รถไฟชานเมืองสายสีแดงเพียงแค่ 400 เมตร ซึ่งตอนนี้สร้างเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว เราจึงมีโอกาสเข้าไปชมตัวโครงการและห้องตัวอย่างในบรรยากาศจริง รวมถึงเก็บภาพมาฝากกันด้วยครับ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,890,000 บาท เจ้าของโครงการ     บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด     High Rise สูง 29 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     559 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด     2 - 2 - 22.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ที่จอดรถ     ประมาณ 201 คัน ทำเลที่ตั้งและการเดินทาง โครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง ตั้งอยู่ริมถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี เลยนะครับ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่หน้าโครงการอยู่ห่างจากทางขึ้นรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางซ่อน แค่ 10 เมตรเท่านั้น ใกล้จนเรียกว่า “ติดรถไฟฟ้า” ได้อย่างเต็มปากจริงๆ ซึ่งการเดินทางมายังโครงการก็ง่ายแสนง่าย ทั้งรถไฟฟ้า รถส่วนตัว และรถสาธารณะ ถนนหนทางรอบๆ ก็สามารถเลือกใช้ได้หลายเส้นทาง จากแยกวงศ์สว่างมาเพียง 1 กิโลเมตรก็ถึงโครงการแล้ว หรือจะมาทางถนนประชาชื่น แล้วเข้าซอยเชื่อมมาออกถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรีก็ได้เหมือนกัน เดี๋ยวนี้การเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็สะดวกขึ้น เพราะการก่อสร้างรถไฟฟ้าเสร็จเกือบพร้อมใช้งานแล้ว เส้นทางเดินรถจึงคล่องตัวขึ้นมาก สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงเป็นหลัก ห่างออกไปเพียงสถานีเดียวก็จะเป็นสถานีเตาปูน สถานีใหญ่ซึ่งเป็น Interchange เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เป็นสายที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ในขณะที่สถานีบางซ่อน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการเองก็มี Sky Walk ไปถึงสถานีรถไฟชานเมืองสายสีแดง จะว่าไปแล้วรถไฟสายชานเมืองนี้ก็มีความสำคัญไม่น้อยเลยนะครับ มีแนววิ่งจากบางซื่อไปสุดที่ตลิ่งชัน โดนถ้ามีการเปิดให้บริการเมื่อไหร่เส้นทางนี้ก็จะเป็นอีกเส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อไปได้อีกหลายเส้นทาง คนที่ไม่ต้องการใช้รถก็สามารถเดินทางได้สะดวกดีทีเดียว รถไฟฟ้าสายสีม่วงเริ่มวิ่งทดสอบกันแล้วนะครับ มาพูดถึงตำแหน่งที่ตั้งของ Ideo Mobi กันบ้างดีกว่า บริเวณรอบๆ โครงการยังเป็นบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และอาคารสำนักงานอีกจำนวนหนึ่ง เช่น สำนักงานสรรพากร สถานีตำรวจเตาปูน ที่ทำการไปรษณีย์ ฯลฯ ทำให้ตลอดเส้นถนนมีร้านค้า ร้านอาหาร รถเข็นขายอาหารเกือบตลอดทั้งวัน ยังมีบรรยากาศความเป็นชุมชนเก่าแก่อยู่มาก เลยขึ้นไปทางหน่อยก็มีตลาดบางซ่อน สามารถเดินมาได้หรือจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาก็ใกล้นิดเดียวเองครับ ในขณะที่ห้างที่ใกล้ที่สุดคงเป็น Big C วงศ์สว่างตรงหัวมุมแยกวงศ์สว่างนั่นแหละครับ แต่ถ้าอยากจะช็อปปิ้งในห้างดังก็อาจจะต้องออกไปยัง เซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ หรือ อเวนิวรัชโยธิน ไปเลยครับ รอบๆ โครงการยังไม่มีตึกสูงอยู่ติดๆ กันเลยนะครับ ที่สูงที่สุดน่าจะเป็นอาคารสูง 8 ชั้นของสำนักงานสรรพากรพื้นที่ แต่ก็อยู่ห่างออกไปอีก 200 เมตร จึงไม่ค่อยถูกบังวิวเท่าไหร่ นอกนั้นก็เป็นบ้านสูง 3-4 ชั้นเท่านั้น วิวจากขึ้นที่ 5 ขึ้นไปก็ค่อนข้างเคลียร์แล้วครับ เว้นแต่มุมด้านหน้าโครงการที่ยังติดรางรถไฟฟ้าอยู่ ถ้าจะเอาแบบเซฟ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเสียงก็แนะนำตั้งแต่ชั้น 10 ขึ้นไปเลยครับ แต่ถ้าอยากได้วิวแม่น้ำด้วยต้องชั้น 20 ขึ้นไปในด้านทิศตะวันตกครับ แลกกับแดดร้อนๆ ตอนบ่ายนิดหน่อย จริงๆ ภาพรวมของโครงการค่อนข้างได้เปรียบเรื่องวิวนะครับ เพราะไม่ว่าจะมุมไหนก็เปิดโล่ง มองได้ไกลสุดสายตาเลยทีเดียว เจาะโครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง - อินเตอร์เชนจ์ Ideo Mobi วงศ์สว่าง - อินเตอร์เชนจ์ เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 29 ชั้น ตัวอาคารมีการออกแบบให้ร่นระยะ เล่นระดับในโซนด้านหน้าอาคารตั้งแต่ชั้น 22 ขึ้นไปนะครับ ทำให้รูปลักษณ์ของอาคารดูโดดเด่น ส่วนพื้นที่ที่ร่นระยะเข้าไปทางโครงการจัดให้เป็นพื้นที่สีเขียวเพิ่มเติม นอกเหนือจากสวน Garden Park ขนาด 700 ตร.ม. ในโซนชั้นล่างด้านหลังโครงการครับ Facility หลักๆ ของโครงการนี้จะรวมไว้ที่ชั้น 28-29 จึงได้เปรียบเรื่องวิวมุมสูง และความเป็นส่วนตัวขณะใช้พื้นที่ส่วนกลางครับ โดยชั้นที่ 28 จะเป็นพื้นที่ของ ห้องสมุด ห้องโซเชียล และห้องซักรีด ส่วนชั้นที่ 29 จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 25x4 เมตร ลึก 1.2 เมตร พร้อมสระเด็ก ห้องฟิตเนส ห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ รวมถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แถมยังมีพื้นที่ห้องสมุดกลางแจ้งที่มีทางเข้าออกเชื่อมกับห้องสมุดที่ชั้น 28 ด้วย ในขณะที่ Roof Floor จะเป็นสวนลอยฟ้า หรือ Sky Garden เต็มพื้นที่เลยครับ ในส่วนของพื้นที่จอดรถ ทางโครงการจัดเตรียมพื้นที่ไว้ตั้งแต่ชั้น 2-5 สามารถรองรับได้ 201 คัน แบบยังไม่นับจอดซ้อนคันนะครับ จัดว่าไม่มากไม่น้อยสำหรับโครงการที่อยู่ติดรถไฟฟ้าแบบนี้ พอขึ้นมาที่ชั้น 6 ก็จะเริ่มเป็นพื้นที่พักอาศัยครับ จำนวนยูนิตต่อชั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 25 ยูนิต ไม่อึดอัดเท่าไหร่ครับ อาจจะมีบางชั้นที่มีจำนวนยูนิตมากน้อยกว่านี้บ้างนิดหน่อย แล้วแต่ Layout ของชั้นนั้นๆ เช่น ถ้าชั้นนั้นมีพื้นที่สวน หรือมีพื้นที่ส่วนกลางจำนวนห้องก็จะน้อยลงครับ จำนวนยูนิตรวมทั้งโครงการก็ 559 ยูนิต มีร้านค้าที่ชั้น 1 อีก 2 ยูนิต มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว และลิฟท์ขนของ 1 ตัว ถือว่าอยู่ในอัตราส่วน 280:1 จัดว่าค่อนข้างแน่นเหมือนกัน นอกเหนือจากนี้ก็เป็นไปตามมาตรฐานเลย เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง, กล้อง CCTV, Key Card Access และLobby ชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างที่เราเก็บภาพมาฝากมีด้วยกัน 3 แบบนะครับ ห้องทั้งหมดของ Ideo Mobi วงศ์สว่าง - อินเตอร์เชนจ์ ขายมาแบบ Fully Fitted คือ มีชุดครัว สุขภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศ และ Digital Door Lock มาให้ ส่วนที่เหลือก็ต้องตกแต่งกันเองนะครับ ห้องแรกเป็นแบบ Studio ขนาด 21.5 ตร.ม. ภายในห้องถูกจัด Layout ให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบทุกส่วน เปิดเข้าห้องมาก็เจอ Pantry ครัวขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับงานครัวเล็กๆ จัดเตรียม อุ่นอาหารมากกว่าการทำครัวหนัก ตรงข้ามกับครัวเป็นห้องน้ำครับ ซึ่งทางโครงการก็จัดการตกแต่ง และเลือกใช้สุขภัณฑ์อย่างดี กั้นกระจกแยกพื้นที่อาบน้ำไว้ให้ พร้อมกับชั้นวางของเป็นระเบียบสวยงาม ถัดเข้าไปจะเป็นพื้นที่ของ Living Area และห้องนอน ซึ่งไม่มีการกั้นแบ่งพื้นที่ใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ โดยส่วนนี้ค่อนข้างเปิดโล่งไปจนสุดระเบียง เราสามารถจัดสรร ตกแต่งได้อย่างอิสระตามความต้องการเลยครับ ห้องที่ 2 ที่เราได้ชมกัน เป็นห้องขนาด 24.5 ตร.ม. แบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายในห้องนี้จะค่อนข้างชัดเจนขึ้นนะครับ มีการกั้นแบ่งพื้นที่มาให้เรียบร้อย โดยห้องครัวและห้องน้ำจะแยกไปอยู่ทางด้านหนึ่ง เพียงแค่กันประตูกระจกเพิ่มก็จะได้ครัวแบบปิด ป้องกันเรื่องกลิ่นรบกวนได้มากขึ้นเพราะครัวอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ดี ในขณะที่ Living Area และห้องนอนก็มีประตูกระจกบานเลื่อนมาให้ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหากมีเพื่อนๆ มาเยี่ยมเยียนที่ห้อง ห้องแบบสุดท้ายที่เราได้ชมกันก็คือ ห้อง 1 Bedroom ในขนาด 30 ตร.ม. ซึ่งห้องนี้จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout ของห้องครับ ห้องนี้จะจัดให้ห้องนอนมีห้องน้ำในตัว ในขณะที่ห้องครัวและห้องนั่งเล่นอยู่ในโซนด้านเดียวกัน ส่วนที่พิเศษและสะดุดตาเรามากก็คือ พื้นที่ระเบียงที่กว้างขึ้นอย่างชัดเจน สามารถตั้งชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งเล่นได้เลยทีเดียว แถมทางโครงการยังกั้นกระจกหน้าต่างตรงระเบียงด้านนอกให้อีกชั้น พื้นที่ระเบียงจึงสามารถใช้สอยประโยชน์ได้หลากหลายมากขึ้น สำหรับโครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง - อินเตอร์เชนจ์ ที่เราพาไปชมในครั้งนี้ ต้องบอกว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับคนที่ต้องการที่อยู่ในย่านบางซ่อน-เตาปูน ใกล้รถไฟฟ้าและสามารถเดินทางได้สะดวก ตัวโครงการสร้างเสร็จเกือบ 100% แล้ว พร้อมเข้าอยู่ได้ในเร็วๆ นี้แน่นอน ซึ่งทำเลที่ตั้งที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบางซ่อนนี่ต้องบอกว่าเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดในตัดสินใจได้ไม่ยากเลย อีกทั้งภายในโครงการเองก็จัดเตรียม Facility ไว้อย่างหรูหราครบครันมากๆ ในขณะที่พื้นที่รอบๆ ก็ยังคงความเป็นชุมชนเก่า มีความอุดมสมบูรณ์ มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารให้พึ่งพาฝากท้องได้มากมาย ถ้าใครที่ยังไม่เคยไปชมโครงการ หรือกำลังตัดสินใจเลือกห้องพักอาศัยในแถบนี้อยู่ แนะนำให้ไปลองชมห้องจริง บรรยากาศของสถานที่จริงในโครงการกันก่อน อาจจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ  
Regent Home @ Bangson Station : รีวิวคอนโด

Regent Home @ Bangson Station : รีวิวคอนโด

Regent Home@Bangson Station คอนโด High Rise แบนด์ Regent Home บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีบางซ่อน รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    999,900 บาท เจ้าของโครงการ    Regent Green Power Co., Ltd. ลักษณะคอนโด    High Rise  สูง 24 ชั้น 4 อาคาร จำนวนห้อง     ประมาณ 4,000 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    15 - 1 - 0 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    กลางปี 2558 คาดว่าจะสร้างเสร็จ    ปลายปี 2560 สถานที่สำคัญใกล้เคียง ตลาดนัดชุมทาง สยามยิปซี บิ๊กซี วงศ์สว่าง เทสโก้ โลตัส SCG โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น โรงพยาบาลบางโพ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ใช้ระบบ key-card ควบคุมการเข้า-ออกโครงการ มีระบบกล้องวงจรปิด CCTV โดยรอบภายในอาคาร พนักงานรักษาความปลอดภัย ที่จอดรถ 3 ชั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :    02-551-4162-4 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.rgphome.com
รีวิวคอนโดทำเลเตาปูน-บางซ่อน : รีวิวคอนโด

รีวิวคอนโดทำเลเตาปูน-บางซ่อน : รีวิวคอนโด

สวัสดีมิตรรักแฟนเพจทุกท่านครับ รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูทำเลที่กำลังฮอตฮิตสุดๆ ในเวลานี้ นั่นคือทำเลย่านเตาปูน-บางซ่อนนั่นเองครับ สาเหตุที่ทำให้ทำเลในย่านนี้คึกคักเป็นพิเศษก็เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ และสายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ ยิ่งตอนนี้การก่อสร้างรถไฟฟ้าคืบหน้าไปมากจนใกล้จะเสร็จเต็มที ทำให้ราคาของบางโครงการพุ่งขึ้นไปเกินแสนบาทต่อตารางเมตรกันแล้ว อย่าช้าอยู่ใย.. เราไปทำความรู้จักกับโครงการในย่านนี้กันดีกว่าครับ ว่าจะน่าสนใจขนาดไหน   การมาของรถไฟฟ้าทำให้อสังหาฯ ในย่านนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ยิ่งการก่อสร้างรถไฟฟ้าใกล้เสร็จสมบูรณ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับทำเลในย่านนี้เข้าไปอีก สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะเริ่มเปิดวิ่งทดสอบเสมือนจริงประมาณเดือนกันยายน 2558 นี้ และจะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในช่วงเดือนสิงหาคม 2559 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม 4 เดือน จากที่มีกำหนดจะเปิดในเดือนธันวาคม 2559 เนื่องจากบริษัทฯ มีการก่อสร้างเสร็จเร็วกว่ากำหนด ส่วนจุดที่คอนโดขึ้นเยอะที่สุดเห็นจะเป็นบริเวณถนนประชาราษฏร์สาย 2 ใกล้ๆ สถานีเตาปูน เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ดูจากแผนที่ก็จะเห็นนะครับ ว่ารอบๆ สถานีเตาปูน Interchange มีหลายโครงการเลยทีเดียว ที่อยู่ใกล้ที่สุดจะเป็นโครงการ ชีวาทัย Interchange (อ่านพรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise สูง 26 ชั้น ขยับออกมาอีกหน่อยจะเป็นโครงการที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วคือโครงการ  Rich Park 2@เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ (อ่านรีวิวโครงการ) และห่างออกมาอีกจะมี 2 โครงการ High Rise ที่อยู่ใกล้ๆ กันคือโครงการ The Stage เตาปูน Interchange (อ่านรีวิวโครงการ) และ The Tree Interchange (อ่านพรีวิวโครงการ) จากพฤกษา ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ บริเวณนี้ ในระยะที่สามารถเดินได้จะมีแหล่งใหญ่ๆ อยู่ 2 ที่คือตลาดสดสามแยกเตาปูน และโลตัสเตาปูน นอกจากนั้นก็จะมีร้านขายอาหารตาม 2 ข้างทางและ 7-11 ให้พอฝากท้องกันได้บ้าง ตอนนี้โครงสร้างภายนอกของตัวสถานีเตาปูนเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ น่าจะเหลือระบบภายในที่ยังต้องดำเนินการกันต่อ โครงการชีวาทัย Interchange เป็นโครงการที่อยู่ใกล้สถานีเตาปูนมากที่สุด ภายนอกตัวอาคารก่อสร้างไปได้เยอะแล้วนะครับ ซึ่งโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2558 นี้ครับ เลยจากโครงการชีวาทัย Interchange มานิดหน่อยเป็นโครงการ Rich Park 2@เตาปูน Interchange ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีเตาปูนประมาณ 120 เมตร เท่านั้น ถัดมาเป็นโครงการ The Stage เตาปูน Interchange คอนโด High Rise สูง 36 ชั้น จาก Real Asset อยู่ห่างจากสถานีเตาปูนประมาณ 400 เมตร และอีกหนึ่งโครงการบนถนนประชาราษฎร์สาย 2 คือโครงการ The Tree Interchange คอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 40 และ 39 ชั้น ที่มีกำหนดการสร้างเสร็จในปีนี้ ตัวโครงการจะตั้งอยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สถานี โดยห่างจากสถานีเตาปูนประมาณ 550 เมตร และสถานีบางโพประมาณ 400 เมตร ทีนี้เรามาดูสาธารณูปโภคบริเวณรอบๆ สถานีเตาปูนกันบ้างนะครับ จากสถานีเตาปูนมาทางถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี นิดเดียวจะมีร้านสะดวกซื้อ และร้านขายอาหาร อยู่หลายร้านเลยครับ ใกล้ๆ กันก็มีตลาดสดให้เลือกซื้อเลือกหา มีทั้งผัก ผลไม้ ของสด ของแห้ง เสื้อผ้า จากถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี เราสามารถเดินทะลุมาออกถนนประชาชื่นได้เลยครับ ถ้าใครไม่ชอบเดินตลาดสด ข้ามมาฝั่งถนนประชาชื่นก็จะมีเทสโก้ โลตัส ไว้คอยบริการ ถ้าเดินมาแล้วขี้เกียจเดินกลับก็มีพี่วินมอไซค์ คอยรับ-ส่ง อยู่หน้าโลตัส คราวนี้เรามาดูสถานีบางซ่อนกันบ้างนะครับ ซึ่งถือว่าฮอตไม่แพ้สถานีเตาปูนกันเลยทีเดียว ตัวสถานีบางซ่อนจะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงที่จะวิ่งระหว่างบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งในอนาคตจะเชื่อมต่อไปถึงนครปฐม  - ฉะเชิงเทรา จากสถานีบางซ่อนจะมี Sky Walk เชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงที่ชื่อว่าสถานีบางซ่อนเหมือนกัน สำหรับคอนโดที่อยู่ใกล้ตัวสถานีมากที่สุดจะเป็นโครงการ Ideo Mobi วงศ์สว่าง Interchange (อ่านพรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น แบรนด์ Ideo จากอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และอีกหนึงโครงการที่อยู่ใกล้ๆ สถานีคือโครงการ Regent Home @ Bangson Station (อ่านพรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise หมู่ 4 อาคาร ราคาไม่ถึงล้านแบนด์ Regent Home ถัดออกมาอีกหน่อยเป็นโครงการ U Delight@บางซ่อน สเตชั่น (อ่านรีวิวโครงการ) คอนโดแบรนด์ U Delight อีกหนึ่งโครงการที่ยึดทำเลย่านนี้อย่างเหนียวแน่น ต่อมาเป็นโครงการ Rich Park@บางซ่อน ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟสายสีแดง เราข้ามไปดูฝั่งถนนประชาชื่นกันบ้างนะครับ จะมีอยู่ 2 โครงการ คือโครงการ Supalai Veranda รัชวิภา-ประชาชื่น (อ่านรีวิวโครงการ) แม้ตัวโครงการที่ตั้งอยู่ฝั่งถนนประชาชื่นแต่ก็สามารถใช้ซอยประชาชื่น 19 ลัดมาออกซอยกรุงเทพฯ-นนทบุรี 32 ก็จะเจอสถานีบางซ่อนพอดี และอีกโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนประชาชื่น ใกล้กับสถานีบางซ่อน ของรถไฟสายสีแดง คือโครงการ Metro Sky ประชาชื่น (อ่านรีวิวโครงการ) คอนโด High Rise 3 อาคาร สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกในย่านนี้จะมีตลาดสดบางซ่อน และตลาดชุมทาง สยามยิปซี ที่ตั้งอยู่ใต้แนวรถไฟชานเมืองสายสีแดง ใกล้กับสถานีบางซ่อน แหล่งชอปปิ้งยามค่ำคืนที่ถูกเนรมิตพื้นที่ออกมาในสไตล์ย้อนยุค และกำลังกลายเป็นแฟชั่นของเด็กแนววัยโจ๋ และคนเมืองหลวงในคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จากสถานีบางซ่อนของรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะมี Sky Walk เชื่อมไปถึงสถานีบางซ่อนของรถไฟชานเมืองสายสีแดง มองตรงไปอีกจะเห็นโครงการ Rich Park ตั้งตระหง่านอยู่ใกล้ๆ โครงการ Rich Park@บางซ่อน สเตชั่น เป็นคอนโด High Rise สูง 27 ที่สร้างเสร็จได้สักระยะแล้วนะครับ ตัวโครงการอยู่ห่างจาก MRT สถานีบางซ่อน ประมาณ 200 เมตร มาดูกันต่อกับโครงการ U Delight @ บางซ่อน สเตชั่น ตัวโครงการตั้งอยู่ห่าง MRT สถานีบางซ่อนไปทางเตาปูนประมาณ 120 เมตร การก่อสร้างโครงการคืบหน้าไปมากแล้วนะครับ โดยมีกำหนดสร้างเสร็จประมาณเดือนธันวาคมปี 2558 นี้ครับ ตลาดชุมทาง สยามยิปซี แหล่งช้อปปิ้งแห่งใหม่ ในย่านนี้ นอกจากแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารต่างๆ แล้ว ยังมีสถานที่ราชการอยู่ใกล้ๆ ด้วยนะครับ อย่างไปรษณีย์บางซื่อ แห่งนี้ก็อยู่ติดกับโครงการ U Delight เลยออกมาอีกไม่ไกลก็จะเจอ สน.เตาปูน ส่วนเรื่องการจราจรในย่านนี้ยังถือว่าไม่ค่อยติดขัดสักเท่าไหร่ นับตั้งแต่ได้รับพื้นผิวการจราจรกลับคืนมาจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า ก็ยิ่งทำให้การใช้รถใช้ถนนตั้งแต่ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี ไปจนถึงแยกเตาปูน เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 คล่องตัวมากขึ้น สภาพแวดล้อมในย่านนี้ยังคงความเป็นชุมชนเก่า ค่อนข้างสงบ จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย ยิ่งการมาของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ยิ่งทำให้การเดินทางในอนาคตค่อนข้างสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมากในอนาคต เนื่องจากห่างออกไปทางด้านเกียกกาย กำลังมีการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ในขณะที่การซื้อหาห้องเพื่อการลงทุน อาจจะต้องทำการบ้านกันหนักหน่อย เพราะทำเลในแถบนี้มีตัวเลือกให้เปรียบเทียบอยู่หลายโครงการ จึงควรพิจารณาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจด้วยนะครับ วันนี้ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมนะครับ ไว้พบกันใหม่ในรีวิวฉบับต่อไป อ่อ!!... ฝากเพจ facebook.com/reviewyourliving ไว้ในอ้อมใจทุกท่านด้วยนะครับ เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและเรื่องน่ารู้ต่างๆ เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยจากเรา ^_^
Ideo Mobi วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์ คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น โครงการใหม่จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์  ใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย  รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 2,290,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร 106,511 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 559 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 2 - 2 - 22.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ  ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ที่จอดรถ ประมาณ 201 คัน แผนที่โครงการ สถานที่สำคัญใกล้เคียง รถไฟฟ้า ส่วนต่อขยาย สายสีม่วง สถานีบางซ่อน รถไฟฟ้า ส่วนต่อขยาย สายสีแดง สถานีบางซ่อน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 21.5 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 24.5 - 30 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 48 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ Social Club สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Sky Lounge Access Key Card ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.ananda.co.th
U Delight @บางซ่อน สเตชั่น : รีวิวคอนโด

U Delight @บางซ่อน สเตชั่น : รีวิวคอนโด

U Delight เป็นอีกแบรนด์คอนโดที่พยายามเกาะแนวรถไฟฟ้าอยู่กลายๆ หลายโครงการชูจุดขายเรื่องใกล้รถไฟฟ้าไว้ชัดเจน แต่พอลองไปดูจริงๆ ก็มีทั้งใกล้บ้าง ไกลบ้าง แต่สำหรับโครงการ U Delight @บางซ่อน สเตชั่น นับว่าอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าแบบจริงจัง ด้วยระยะทางไม่เกิน 120 เมตร จากหน้าโครงการก็ถึงทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าบางซ่อนแล้วครับ การเดินทาง เนื่องจากตัวโครงตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกบ้านของ U Delight @บางซ่อน ทางโครงการคุยไว้ว่าระยะห่างจากหน้าโครงการกับสถานีรถไฟฟ้าแค่ 120 เมตรเท่านั้น แต่ระยะเดินจริงๆ ก็บวกไปอีกนิดหน่อยถึงจะไปถึงตัวสถานี เพราะ 120 เมตรเค้านับถึงแค่ทางขึ้นเท่านั้นครับ แต่ถึงยังไงก็ยังถือว่าใกล้อยู่ดีนั่นแหละ จะไปไหนมาไหนก็สะดวกมากโดยไม่ต้องห่วงปัญหาเรื่องรถติด แถมสถานีรถไฟฟ้าบางซ่อนยังเป็นสถานี interchange ที่เชื่อมต่อกับทางรถไฟสายสีแดง จึงยิ่งเพื่มทางเลือกในการเดินทางให้มากขึ้นไปอีก สำหรับการเดินทางด้วยรถส่วนตัวมายังโครงการก็ไม่ยากเย็นเลย เพราะทำเลที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนกรุงเทพ-นนทบุรีซึ่งตีคู่มากับถนนประชาชื่น จากถนนประชาชื่นสามารถเข้าซอยประชาชื่น 19 มาออกที่ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 32 ได้ แล้วเลี้ยวซ้ายมาอีกนิดหน่อยก็ถึง หรือจะเลือกวิ่งมาตามทางหลักถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี จากฝั่งวงศ์สว่างตรงมาเรื่อยๆ ที่ตั้งโครงการก็จะอยู่ทางด้ายซ้ายมือ แต่ถ้ามาจากฝั่งเตาปูนพอเลยสถานีตำรวจเตาปูนมาหน่อยก็เตรียมชิดขวากลับรถมาที่โครงการได้เลย นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ก็มีถนนอีกหลายสายที่ใช้เป็นเส้นทางเข้าออกเมืองได้เช่นกัน เส้นไหนติดมากก็เลี่ยงไปใช้อีกทางที่ติดน้อยกว่าได้ รวมถึงด่านทางด่วนรัชดาก็อยู่ห่างออกไปไม่เกินนัก จึงค่อนข้างสะดวกในการเดินทางสำหรับคนที่ต้องใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ส่วนใครที่ต้องการเดินทางด้วยรถประจำทาง หรือรถสาธารณะอื่นๆ ก็มีทั้งรถเมล์ที่วิ่งผ่านหลายสาย แถมป้ายรถเมล์ก็อยู่ถัดจากหน้าโครงการไปเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้การเดินทางด้วยรถเมล์ค่อนข้างสะดวกไม่แพ้วิธีการอื่นๆ เลย หรือถ้าจะใช้บริการแท็กซี่ หรือรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็หาเรียกได้ตลอดทั้งวัน แผนที่โครงการครับ ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ซึ่งจะอยู่ใกล้กับ MRT สถานีบางซ่อนประมาณ 120 เมตร นอกจากรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงแล้ว ยังมีรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ชื่อสถานีบางซ่อนเหมือนกัน ตั้งอยู่ใกล้ๆ ระยะทางประมาณ 540 เมตรอีกด้วย ซึ่งหากรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ก็นับว่าสะดวกมากเลยล่ะครับ แถมต่อจาก MRT บางซ่อนมาอีกสถานีเดียวก็จะเป็นสถานีเตาปู Interchange จุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสีน้ำเงิน ให้เปลี่ยนรถเข้าเมืองได้อย่างสบายๆ เลย วันนี้ขอเริ่มจากทางด่วนศรีรัช ฝั่งที่มาจากทางแจ้งวัฒนะนะครับ มาลงที่ถนนประชาชื่นแล้วให้เบี่ยงซ้ายเข้าถนนประชาชื่นนะครับ ระวังอย่าขึ้นสะพานนะครับ จะข้ามถนนประชาชื่นไปลงถนนรัชดาภิเษกแทน เมื่อเจอถนนประชาชื่นให้เลี้ยวขวาไปทางประชานุกูลตามป้ายนะครับ เมื่อเลี้ยวขวาออกมาแล้ว จะเจอ รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น อยู่ทางขวามือ ให้ขับเลยไปอีกนิดเดียวก็จะเจอแยกประชานุกูลแล้วครับ เมื่อถึงแยกประชานุกูลแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายไปทางวงศ์สว่างตามป้ายเลยนะครับ ถึงตรงนี้ถ้าหากใครมาทางด่วนศรีรัชฝั่งขาออก ให้ลงถนนรัชดาภิเษก ก็จะเจอแยกประชานุกูลเหมือนกัน ให้ขับตรงไปทางวงศ์สว่างได้เลยนะครับ จากนั้นขับตามถนนรัชดาภิเษกไปเรื่อยๆ จนถึงแยกวงศ์สว่าง ก่อนถึงแยกวงศ์สว่างจะมีสะพานข้ามแยก ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ ให้เบี่ยงออกซ้ายเพื่อที่จะไปเลี้ยงซ้ายที่แยกอีกที พอถึงแยกวงศ์สว่างให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ไปทางเตาปูน ตามป้าย จากนั้นขับตรงไปตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เรื่อยๆ นะครับ ตรงนี้จะเป็นทางรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน มองมาทางซ้ายมือจะเป็นสถานีของรถไฟชานเมือง คือสถานีบางซ่อน ตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเป็น MRT สถานีบางซ่อน แล้วล่ะครับ จากสถานี MRT บางซ่อนมาประมาณ 120 เมตร ก็ถึงสำนักงานขายของโครงการแล้วครับ จะมีป้ายบอกให้ไปจอดรถที่ไปรษณีย์บางซื่อซึ่งอยู่ข้างๆ สำนักงานขายนั่นเองครับ เราก็เข้ามาจอดที่นี่ได้เลยครับ อยู่ติดกับโครงการเลย นี่คือทางขึ้นลงรถไฟฟ้า MRT บางซ่อน ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 120 ม. หน้าตาจะต่างจากทางขึ้น BTS ที่เราคุ้นตา วิเคราะห์ตัวโครงการ โครงการ U Delight @บางซ่อน ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน ซึ่งเป็นสถานี interchange ที่เชื่อมต่อกับทางรถไฟสายสีแดง บริเวณรอบๆ จึงคึกคักมากพอสมควร เพราะบริเวณนี้เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยกันมาแต่เดิม ทำให้มีร้านค้า ร้านอาหารมากมายแต่ต้องเดินจากหน้าโครงการมาไกลอีกหน่อย แต่ด้วยระยะทางประมาณ 300-400 เมตร ก็ยังถือว่าเป็นระยะที่กำลังเดินได้สบายๆ ครับ บริเวณนี้มีทั้งตลาดสด ตลาดนัด และร้านอาหารเพียบ จึงไม่ต้องกลัวอดกันเลย ส่วนในระยะประชิดกับตัวโครงการก็มีที่ทำการไปรษณีย์ที่มีรั้วติดกัน ภายในยังมีร้านกาแฟเล็กๆ แถมฝั่งตรงข้ามก็มี 7-11 ด้วย ในแถบนี้จึงนับว่าอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว นอกจากนี้พื้นที่รอบๆ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้นรายรอบ ซึ่งมีทั้งร้านค้า อู่ซ่อมรถ อู่ทำสี ปัญหาเรื่องกลิ่นสีอาจจะต้องลุ้นกันหน่อยว่าจะมีกลิ่นลอยมารบกวนมากแค่ไหน แต่เท่าที่เดินๆ ดูรอบๆ ก็ยังไม่พบปัญหานะครับ คิดว่าทางอู่คงมีการจัดการที่ดีพอสมควร ด้านหลังโครงการจะมีอาคารของศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา ขึ้นมาในระยะเกือบประชิด ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ส่วนด้านอื่นๆ ที่เหลือก็ไม่มีตึกสูงอะไรมาบังวิวให้เสียอารมณ์เท่าไหร่ เรียกว่าห้องที่อยู่สูงๆ ก็จะได้วิวไกลสุดสายตากันไปเลย U Delight @บางซ่อน เป็นคอนโด High Rise สูง 26 ชั้นครับ ตัวตึกรูปทรงเป็นเอกลักษณ์สไตล์ U Delight เลย ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป โดยที่บริเวณส่วนหนึ่งของชั้น 5 ก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางซึ่งรวบรวมสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และมุมพักผ่อนไว้ด้วย ส่วนเรื่องที่จอดรถทางโครงการจัดไว้ให้ตั้งแต่พื้นที่ชั้น 1-4 นับรวมจอดแบบซ้อนคันแล้วก็สามารถจอดได้เกือบ 300 คัน แต่ว่าลูกบ้านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มเติมนะครับ ซึ่งก็แฟร์ดีสำหรับคนที่ไม่มีรถ นอกจากนี้ที่บริเวณชั้น 1 ด้านหน้าโครงการยังมีพื้นที่สวนใต้ร่มเงาของต้นจามจุรีต้นใหญ่ที่มีอยู่เดิม ซึ่งทางโครงการเลือกเก็บไว้และจัด Landscape บริเวณนี้ให้เป็นพื้นที่สีเขียวเพื่อเป็นมุมพักผ่อนให้กับลูกบ้าน ส่วนใต้อาคารนอกจากจะเป็นพื้นที่ของล็อบบี้แล้ว ก็ยังมีร้านค้าอีก 6 ร้าน ซึ่งน่าจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ให้กับลูกบ้านได้มากขึ้น เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ทางโครงการจัดไว้ให้จึงนับว่าครบถ้วนดีสำหรับการอยู่อาศัยในคอนโด ส่วนนี้เป็นแบบจำลองของอาคารครับ ชั้น G รอบๆ ตัวอาคารจะเป็นที่จอดรถบางส่วน ในตัวอาคารจะเป็นเป็น Lobby และร้านค้าจำนวน 6 ยูนิต (ที่เห็นสีเขียวในแปลน) ส่วนด้านหน้าตึกจะเป็นสวนสำหรับพักผ่อนของลูกบ้าน บรรยากาศด้านหน้าตึกจะติดกับถนนกรุงเทพ-นนทบุรีเลยนะครับ สวนสีเขียวด้านหน้ามีจุดเด่นที่ต้นจามจุรีขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านในร่มเงาอยู่หน้าโครงการ นี่คือต้นจามจุรีต้นจริงที่จะตั้งอยู่หน้าโครงการ ชั้น 2-4 จะถูกใช้เป็นที่จอดรถ แต่ที่ชั้น 4 ส่วนหนึ่ง (ในกรอบสีแดง) จะถูกทำเป็น Fitness ซึ่งอาจจะทำให้เสียบรรยากาศไปหน่อยที่ต้องมาออกกำลังกายในชั้นที่จอดรถ สระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 5 โดยมีพื้นที่สีเขียวรอบๆ สระ โดยชั้นนี้มียูนิตทั้งหมด 24 ยูนิต หน้าตาของสระว่ายน้ำ 7×25 เมตร ระบบเกลือ ที่อยู่บนชั้น 5 ครับ ส่วนชั้นที่ 6-26 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด ซึ่งแต่ละชั้นจะมี 24 ยูนิต พาชมห้องตัวอย่าง ที่สำนักงานขาย U Delight @บางซ่อน มีห้องตัวอย่างให้ชมแบบเดียวเท่านั้น คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ซึ่ง Layout ของห้องไม่ได้ต่างจากแบบห้องของ U Delight โครงการอื่นๆ เลย ดังนั้นใครที่เคยไปชมห้องของ U Delight มาแล้ว ก็น่าจะนึกภาพตามได้ไม่ยากครับ พื้นที่ห้องจัดมาไว้เป็นสัดส่วนตัว ห้องนอนและห้องครัวอยู่ด้านในสุดของห้อง ติดกับหน้าต่างและระเบียง ประตูห้องนอนเป็นประตูบานสวิงไม่ใช่กระจกบานเลื่อนจึงได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ห้องครัวเป็นครัวปิด โดยมีประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน แบ่งพื้นที่ให้เห็นชัดเจน และในครัวก็มีชุดครัวมาพร้อมใช้งาน ทั้งเคาน์เตอร์ครัวและตู้เก็บของ แต่ด้วยพื้นที่ครัวที่ค่อนข้างจำกัด ทางโครงการจึงแบ่งเคาน์เตอร์ครัวเป็น 2 ฝั่ง เวลาใช้งานจริงอาจจะต้องหมุนตัวกลับไปมากันหน่อย ส่วนพื้นที่โซนด้านหน้าห้องด้านหนึ่งเป็นห้องน้ำ ซึ่งแยกส่วนแห้งส่วนเปียกไว้ให้เรียบร้อยด้วยฉากกั้นแบบเลื่อนได้ ส่วนพื้นที่นั่งเล่นก็มีขนาดกำลังพอดีตัว สามารถวางโซฟาชุดเล็กๆ ได้แล้วยังเหลือที่ให้โต๊ะกินข้าวอีกชุด หรือถ้าจะปรับแต่งให้ใช้สอยประโยชน์อื่นๆ แทนก็ได้เช่นกัน เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่เห็นในห้องตัวอย่างว่าลงตัวกับพื้นที่พอดีเป๊ะๆ นั้น ถ้าอยากได้ต้องจ่ายเงินเพิ่มกันหน่อยนะครับ เพราะปกติทางโครงการขายให้เป็นห้องเปล่า ถ้าคิดว่าการหาเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งเองจะยุ่งยาก ก็แนะนำว่าให้เลือกซื้อห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์จะดีกว่า เพราะขนาดห้องที่ค่อนข้างกระทัดรัดและมีพื้นที่จำกัดจะทำให้เฟอร์นิเจอร์ไซส์มาตรฐานที่จะมาวางให้ลงตัวกับพื้นที่หาได้ยาก นอกเหนือจากห้องแบบนี้แล้ว ก็ยังมีห้องแบบ 2 ห้องนอนให้เลือกด้วย แต่ก็ต้องอาศัยดูตามแปลนเอาครับ ไม่มีห้องตัวอย่างให้ชม ถ้าใครเคยไปดูโครงการอื่นๆ ของ U Delight มาแล้วก็อาจจะได้เปรียบตรงที่อาจจะพอนึกสภาพห้องจริงออกได้ไม่ยาก ส่วนใครจะถูกใจเลือกห้องเปล่า หรือซื้อห้องพร้อมเฟอร์ฯ ก็แนะนำให้สอบถามรายละเอียดต่างๆ กับพนักงานขายให้ครบถ้วนนะครับ ว่าตกลงแถมอะไร มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนติดตั้งมาให้พร้อมห้องบ้าง ป้องกันความผิดพลาดและปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดภายหลังเนื่องจากผิดสเปคครับ แปลห้องแบบ 1 ห้องนอน Couple ขนาด 30 ตารางเมตรนะครับ ห้องตัวอย่างที่มีให้ชมกันคือแบบ 1 ห้องนอน Couple ขนาด 30 ตารางเมตร เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับส่วนของห้องนั่งเล่นก่อนนะครับ ซึ่งจะมีโต๊ะทานอาหารเล็กๆ ขนาด 2 ท่าน อยู่ข้างๆ โซฟาฝั่งที่ติดกับประตูห้อง โต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ท่าน สวิทช์ไฟที่อยู่หน้าประตูห้อง ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีประมาณ 3 เมตรนะครับ ด้านหลังทีวีจะเป็นห้องน้ำ ต่อจากห้องนั่งเล่นเข้าไปด้านใน จะเป็นห้องนอนอยู่ทางซ้าย และห้องครัวอยู่ทางขวาครับ เรามาดูที่ห้องนอนกันก่อนดีกว่านะครับ สำหรับห้องนอนหากเพิ่มเงินให้โครงการ Built in ให้ก็จะได้หน้าตาแบบนี้เลยนะครับ ด้านปลายเตียงจะมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางทีวีด้วยนะครับ หน้าต่างจะทำแบบเข้ามุมให้ด้วยนะครับ ตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบฝังผนังนะครับ จะมีโต๊ะเครื่องแป้งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเลย ข้ามมาดูที่ห้องครัวกันต่อนนะครับ ห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนให้ด้วยนะครับ ครัวค่อยข้างจะมีพื้นที่กระทัดรัตนิดนึงนะครับ ตู้เย็นจะถูกจัดไว้ด้านในติดกับระเบียงห้องเลย ซิ้งค์ล้างจานเป็นแบบฝังของ Hafele อีกฝั่งจะเป้นเตาไฟฟ้า มีฮูดดูดควันและชั้นลอยเก็บของอยู่ด้านบน และช่องใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่างครับ คอมเพรสเซอร์แอร์อยู่ตำแหน่งนี้นะครับ หันหน้าเข้าหาระเบียง ส่วนพื้นที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่นอกระเบียง ใต้คอนเพรสเซอร์แอรืตัวนี้แหละครับ สุดท้ายเป็นห้องน้ำนะครับ หน้าห้องน้ำจะมีตู้เก็บรองเท้าแบบนี้ให้ด้วยนะครับ ห้องน้ำจะมีธรณีประตูเตี้ยๆ แบบนี้กั้นครับ ตำแหน่งที่วางโถสุขภัณฑ์กับอ่างล้างหน้า อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่ โถสุขภัณฑ์ของ American Standard ห้องอาบน้ำจะมีกระตูบานเลื่อนปิดกั้นให้ด้วยครับ รูปร่างหน้าตาของฝักบัวของ VRH ที่ได้ครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน U Delight @บางซ่อน เป็นอีกหนึ่งโครงการที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว ทำให้ลูกบ้านที่ซื้อห้องในโครงการมีโอกาสได้ใช้บริการรถไฟฟ้าสำหรับเดินทางจริงๆ ไม่ต้องรอโครงการในอนาคตอื่นๆ ดังนั้นเรื่องการเดินทางสำหรับคนที่ไม่ใช้รถส่วนตัวจึงนับว่าสะดวกสบายมาก เพราะเดินนิดหน่อยก็ถึงตัวสถานีรถไฟฟ้าเลย แถมบริเวณใกล้ๆ ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารการกินเนื่องจากเป็นแหล่งชุมชมเดิม รวมถึงห้าง Big C วงศ์สว่าง และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ก็อยู่ใกล้ๆ เรื่องสาธารณูปโภคที่จำเป็นจึงนับว่าครบครัน เหมาะกับการอยู่อาศัยเลยทีเดียว ถ้าใครที่ต้องการที่อยู่อาศัยในย่านเตาปูน ประชาชื่น หรือต้องทำงานในระแวกนี้ โครงการ U Delight @ บางซ่อนจึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวเลย  แต่ในด้านของการลงทุนสำหรับปล่อยห้องเช่า บริเวณนี้อาจจะหาผู้เช่าได้ยากหน่อย เพราะค่อนข้างไกลจากแหล่งธุรกิจ และหน่วยงานราชการใหญ่ๆ ในขณะที่การลงทุนไว้เผื่อขาย ห้องในทำเลนี้ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตที่ดีอยู่ เพราะทำเลที่ตั้งใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่เป็นสถานี Interchange จึงอาจจะทำกำไรและได้ผลตอบแทนจากการซื้อขายห้องได้
Rich Park 2 : รีวิวคอนโด

Rich Park 2 : รีวิวคอนโด

ครั้งนี้จะพาไปดู คอนโดมิเนียมในแบรนด์ Rich Park 2@ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านไหน แต่ถ้าจะใช้ชัดกว่านั้นก็ต้องบอกว่า คอนโดนี้ตั้งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) และสายสีม่วง (บางซื่อ-บางให่) จัดว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันสำหรับการเลือกหาคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า การเดินทาง จากแยกวงศ์สว่าง วิ่งมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มุ่งหน้ามาจนถึงแยกเตาปูน และเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 2  ก็จะเห็นโครงการ Rich Park 2 ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นทำได้ไม่ยากเพราะสามารถเลือกเส้นทางเข้าเมืองได้ทั้งทางแยกวงศ์สว่าง วิ่งเข้าถนนรัชดา หรือจะเลือกขึ้นทางด่วนด่านรัชดาภิเษกตรงแยกประชานุกูลก็ได้ ในขณะที่เส้นทางฝั่งแยกเตาปูน สามารถไปขึ้นทางด่วนที่ด่านย่านพหลโยธิน ตรงถนนกำแพงเพชรได้อีกเหมือนกัน ถ้าหากว่าปกติอาศัยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว ก็ถือว่าสะดวกสบายมากๆ ทั้งเส้นทางเข้าเมือง และออกนอกเมือง ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นจุดขายหลักๆ นั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงินยังไม่เปิดให้บริการ แต่ถ้าหากมีการเปิดให้ใช้เมื่อไร ก็น่าจะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวได้มากขึ้น เพราะทางขึ้นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย อยู่ห่างจากทางเข้าโครงการไม่เกิน 100 เมตร เอาเป็นว่าแค่ข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามโครงการก็สามารถเลือกวิธีการเดินทางได้ตามความสะดวก แต่ในระหว่างที่รถไฟฟ้ายังไม่สามารถใช้งานได้นั้น ก็ต้องอาศัยการเดินทางด้วยบริการขนส่งมวลชนอื่นๆ ไปก่อน ทั้งรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ ซึ่งสามารถหาเรียกได้ง่าย ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางมายังตัวโครงการก็จะสะดวกสบายมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว แผนที่ของโครงการ Rich Park 2 แผนที่รอบๆ โครงการ ใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีน้ำเงิน(บางซื่อ – ท่าพระ) และสายสีม่วง(บางซื่อ – บางให่) ประมาณ 80-100 เมตร จากแยกวงศ์สว่างให้ขับตรงไปทางเตาปูน ซึ่งทางซ้ายจะไปถนนประชาชื่น และทางขวาไปสะพานพระราม 9 เมื่อเลยแยกวงศ์สว่างมาแล้ว ให้ขับตรงไปตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เมื่อขับตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มาจนถึงแยกเตาปูน ให้เลี้ยวขวาไปทางบางโพ จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 อีกประมาณ 100 ม. ก็จะเจอโครงการอยู่ด้านซ้ายมือ วิเคราะห์ตัวโครงการ ณ วันที่เราเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ ตัวอาคารสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ และลูกบ้านก็เริ่มทยอยย้ายเข้ากันแล้ว ดังนั้นเราจึงมีโอกาสได้เห็นบรรยากาศในการอยู่อาศัยจริงได้ชัดเจนมายิ่งขึ้น รอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัยที่เป็นชุมชมเดิม ดังนั้นจึงมีทั้งร้านค้า แผงลอย ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อยู่เป็นจำนวนมาก จัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ถึงจะไม่ใช่แหล่งช็อปปิ้ง หรือย่านเศรษฐกิจการค้า แต่บรรยากาศก็คึกคัก มีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่านไม่แพ้กัน นอกจากการจับจ่ายใช้สอยเล็กๆ น้อยๆ ตามร้านค้าใกล้ๆ แล้ว ห้างที่ใกล้ที่สุดก็เห็นจะเป็นเทสโก้ โลตัส ประชาชื่น และ Big C วงศ์สว่าง ถึงจะไม่ใช่ห้างใหญ่หรูหรา แต่ก็พอให้พึ่งพาในการหาซื้อของใช้ที่จำเป็นได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป เลยจากบริเวณนี้ไป ก็เห็นจะต้องเดินทางเข้าเมืองเป็นเรื่องเป็นราวกันเลยทีเดียว กลับมาดูที่ตัวโครงการกันบ้าง Rich Park 2 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 26 ชั้น ตัวอาคารออกแบบเป็นรูปตัว L ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก รูปแบบอาคารไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เป็นเพียงตึกสูงเรียบๆ ทั่วไป บริเวณชั้นล่างแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้า รวมทั้งหมด 14 ห้อง ซึ่งยังเปิดให้บริการไม่ครบ เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีแค่ร้านซักรีดเท่านั้น ส่วนบริเวณร้านค้าอื่นๆ ยังเป็นห้องว่างๆ จึงยังไม่แน่ใจว่าจะในอนาคตอันใกล้ยังจะพอพึ่งพาร้านค้าในโครงการได้รึเปล่า ส่วนบริเวณที่พักอาศัยนั้น เริ่มกันตั้งแต่ชั้น 5 ในบางส่วน ซึ่งอยู่ใกล้กับ Facility ส่วนกลาง ถัดขึ้นไปที่ชั้น 6-26 จะเป็นพื้นที่ของห้องพักทั้งหมด ดูตามแปลนการจัดวางห้องของโครงการแล้ว ต้องบอกว่าแน่นเอี๊ยดเลยทีเดียว เพราะแต่ละชั้นมีจำนวนห้องมากถึง 34 ยูนิต ซึ่งนับยูนิตรวมทั้งโครงการก็มีมากถึง 720 ยูนิต ในขณะที่ลิฟท์โดยสารทางโครงการจัดเตรียมไว้แค่ 3 ตัวเท่านั้น เทียบเป็นอัตราความหนาแน่นอยู่ที่ 267 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่อยากจะนึกภาพว่าเราต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหนถ้าทุกห้องต้องออกไปทำงานพร้อมๆ กันในช่วงเช้า สำหรับ Facility ทั้งหมดของโครงการถูกจัดรวมไว้ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ส่วนเรื่องที่จอดรถก็นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว เพราะนับดูคร่าวๆ ก็ไม่น่าจะจอดได้เกิน 50% ซึ่งรวมแบบจอดซ้อนคันไว้ด้วยแล้ว ใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ก็เตรียมปวดหัวกับการแย่งชิงที่จอดรถกันได้เลย นอกเหนือจากที่เห็นนี้ก็ยังไม่เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติม จากบรรยากาศคร่าวๆ ระหว่างเยี่ยมชมโครงการ ก็ต้องบอกว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเรื่องความไม่พร้อมในหลายๆ ด้านที่ทางโครงการยังไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน เช่น เรื่องร้านค้าภายใน เรื่องที่จอดรถ รวมถึงเรื่องการบริการของพนักงานขายที่ออกจะใส่ใจลูกค้าน้อยไปซักหน่อย จึงอดไม่มั่นใจเรื่องบริการหลังการขายของโครงการหากต้องเข้าอยู่อาศัยจริง ภาพจำลองรอบๆ โครงการ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และสวนหย่อม ชั้น G นอกจากส่วนของ Lobby แล้วยังถูกแบ่งเป็น Shop อีกจำนวน 14 ยูนิต ชั้น 2 - 4 ถูกใช้เป็นที่จอดรถ คิดเป็น 50% รวมจอดซ้อนคัน Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 5 ชั้น 6 - 25 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัย มีจำนวนยูนิตประมาณ 34 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้นบนสุดที่ชั้น 26 จะมียูนิตเหลือเพียง 12 ยูนิต และพื้นที่ส่วนหนึ่งถูกใช้เป็นพื้นที่สีเขียวส่วนกลาง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรามีโอกาสได้เยี่ยมชมโครงการ Rich Park 2 ในขณะที่โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นห้องตัวอย่างที่ได้ชมจึงเป็นห้องจริงที่ยังพอมีเหลือว่างอยู่บ้าง เรื่องตำแหน่งของห้องอาจจะเลือกมุมที่ถูกใจได้ยากขึ้น รวมถึงเรื่องราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตอนเปิดตัวอีกพอสมควร ดูจากการออกแบบจัดห้องในแต่ละชั้น ก็เห็นว่าทางโครงการค่อนข้างเน้นจุดขายด้านปริมาณมากกว่า เพราะห้องทั้งหมดเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน โดยมีขนาดพื้นที่เริ่มต้นอยู่ที่ 21 ตร.ม. และห้องใหญ่สุดก็พื้นที่ไม่เกิน 35 ตร.ม. ตำแหน่งในการจัดวาง เหลี่ยมมุม และเสาภายในห้อง จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมีขนาดต่างกัน ส่วน Lay out แบ่งออกเป็นแบบหลักๆ  2 Type คือ Type A และ Type B ซึ่งต่างกันที่ผนังกั้นห้องนอน โดยห้องแบบ Type B จะใช้กระจกบานใหญ่แยกพื้นที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ข้อดีก็คือ ทำให้บริเวณห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่โซนกลางห้องไม่อึดอัดจนเกินไป ส่วนห้อง Type A ซึ่งมีหน้ากว้างกว่า การจัดวางตำแหน่งห้องนอนจึงอยู่คนละด้านกับห้องนั่งเล่น ผนังห้องจึงเป็นผนังทึบปกติ จากห้องตัวอย่างที่เรามีโอกาสได้ชม ต้องบอกว่าการจัด Lay out ห้องของ Rich Park 2 ดูไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องของเหลี่ยมมุมของห้องที่มีเสายื่นออกมา รวมถึงตำแหน่งในการติดตั้งทีวีในบางห้อง และตำแหน่งหน้าต่างที่มีเพิ่มเติมในห้องที่อยู่ตำแหน่งมุมตึก ซึ่งนอกจากจะดูแปลกจากที่เคยเห็นแล้ว ยังทำให้การตกแต่งห้องมีข้อจำกัดเพิ่มมากขึ้น เช่น ต้องติดตั้งผ้าม่านเพิ่ม หรือการเลือกซื้อ เลือกวางเฟอร์นิเจอร์ที่ในตำแหน่งใกล้หน้าต่าง ตำแหน่งที่วางทีวีไม่ตรงกับแนวโซฟา หรือการแยกเคาน์เตอร์ซิงค์ล้างจาน กับเคาน์เตอร์เตรียมอาหารไว้คนละฝั่ง ลักษณะภายในห้องจึงดูเหมือนว่าขาดๆ เกินๆ ยังไงชอบกล นี่ยังไม่นับรวมถึงตำแหน่งห้องที่มีผลกับวิวด้านนอกอาคารเลยนะครับ เพราะบางห้องก็ถูกบังวิวกันเอง มองออกไปเห็นแต่กำแพงอีกฝั่งของห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ยื่นออกมา จะเลือกตำแหน่งห้องนอกจากการไปดูห้องจริงแล้ว แนะนำให้กางแปลนห้องควบคู่กันไปด้วยก็นะครับ จะได้เห็นชัดๆ ว่าห้องไหนยื่นเลยออกไป ห้องไหนเว้าเข้าด้านใน เพราะเค้าเล่นออกแบบเป็นลูกคลื่นบังวิวกันเอง ไม่รู้ว่าคนออกแบบตั้งใจให้เป็นแบบนี้รึเปล่า Type A ขนาด 30 ตารางเมตร Type A1 ขนาด 29 ตารางเมตร Type A2 ขนาด 28 ตารางเมตร Type A3 ขนาด 35 ตารางเมตร Type B ขนาด 30 ตารางเมตร Type B1 ขนาด 35 ตารางเมตร Type C ขนาด 35 ตารางเมตร Type D ขนาด 21 ตารางเมตร Type D1 ขนาด 21 ตารางเมตร Type E ขนาด 35.50 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน ข้อดีอย่างหนึ่งของโครงการ Rich Park 2 คือเรื่องทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน มีตลาด และที่สำคัญคืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นสถานี Inter change ทำให้ทำเลแถบนี้มีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างสูง ถึงแม้ราคาห้องจะปรับตัวสูงขึ้นจากราคาเปิดตัวมาแล้วก็ตาม ในขณะที่ศักยภาพภายในของตัวโครงการเอง ค่อนข้างจะมีข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน คะแนนความน่าสนใจจึงถูกฉุดดึงให้ลดลงไปไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ต้องการห้องพักไว้อยู่อาศัยเอง ถ้าไม่ติดเรื่องที่ตั้งที่อยู่ห่างไกลย่านสำนักงาน แหล่งธุรกิจ หรือหน่วยงานราชการใหญ่ๆ ทำเลแถบนี้ก็ยังพอเดินทางไปมาได้สะดวกพอสมควร แต่ถ้าพิจารณาในส่วนของห้องพักแล้ว คงต้องแนะนำให้ไตร่ตรองกันดีๆ ว่าถ้าหากต้องเข้ามาอยู่อาศัยจริงฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในห้องจะใช้งานได้สะดวก เหมาะสมหรือไม่ ไหนจะเรื่อง Facility ภายในโครงการอีก ต้องคำนึงถึงการใช้งานว่าเราจะได้ใช้งานจริงแค่ไหน คุ้มค่ากับค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายรึเปล่า เช็คข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้ครบถ้วนนะครับ หาข้อมูลเพิ่มเติมกันให้มากหน่อยจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัว เสียใจกันภายหลัง
Supalai Veranda รัชวิภา – ประชาชื่น : รีวิวคอนโด

Supalai Veranda รัชวิภา – ประชาชื่น : รีวิวคอนโด

โครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา – ประชาชื่น ตั้งอยู่บนถนนประชาชื่น ใกล้กับซอยประชาชื่น 18 ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงและอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ดังนั้นโอกาสที่จะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายนี้จึงไม่ใช่แค่โครงการในฝันอีกต่อไป ตัวโครงการของนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันดีกว่าครับ การเดินทาง เริ่มจากแยกประชานุกูลมุ่งหน้ามาทางเตาปูนเป็นระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร ก็จะเห็นตัวโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่นอยู่ทางด้านขวามือ ซึ่งเดิมทีที่ดินตรงนี้เคยเป็นอู่รถเมล์เก่ามาก่อน ชื่อว่า อู่ศรีณรงค์ ถ้าหากใครพอจะคุ้นเคยกับทำเลแถบนี้อยู่บ้างก็คงพอจะนึกภาพออก หรือลองถามคนแถวนั้นดูรับรองว่าชี้บอกตำแหน่งได้หมดแน่นอนครับ  สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลักถนนหนทางสะดวกดีทีเดียว ทั้งเส้นทางขึ้นลงทางด่วนบริเวณแยกโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ จะเข้าออกเมืองก็สามารถตรงไปเข้าถนนรัชดาภิเษก หรือหันกลับมาอีกทางก็มีถนนพระราม 5 ที่ใช้เป็นเส้นทางหลักๆ ในการเดินทางได้เช่นกัน หรือถ้าต้องการเดินทางด้วยบริการรถสาธารณะก็ทำได้ไม่ยากเช่นกัน เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ จะหาเรียกแท็กซี่ก็ง่าย รอรถเมล์ หรือใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็สะดวกเนื่องจากป้ายรถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่หน้าโครงการเลย ดังนั้นการเดินทางด้วยรถยนต์จึงไม่เรื่องยากเลย จะติดก็แค่ปัญหารถติดมากหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วนของวัน เริ่มเดินทางมากจากแยกพงเพษร วิ่งมาตามทางถนนประชาชื่นเพื่อมุ่งหน้าไปทางประชานุกูล วิ่งมาเรื่อยๆจะเห็นตึกของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อยู่ทางขวา ตึกโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อยู่ทางขวาส่วนด้านหน้าจะเป็นแยกประชานุกูล ให้วิ่งตรงผ่านแยกประชานุกูลไปเลยครับ จะผ่านโครงการ ยู ดีไลท์ที่อยู่ทางขวา วิ่งลอดรางรถไฟฟ้า ก็จะเจอโครงการอยู่ทางขวา เลี้ยวเข้าไปเลยครับ สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ในขณะนี้เส้นทางที่สะดวกที่สุดก็คือ การใช้รถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีปลายทางบางซื่อ แล้วต่อรถมาที่ตัวโครงการก็สะดวกดีเหมือนกัน ส่วนในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้ใช้บริการแล้ว การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็สะดวกขึ้นมาก เพราะตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซ่อน ซึ่งอยู่ทางด้านหลังโครงการตั้งอยู่ห่างออกไปเพียง 250 เมตร รวมถึงสถานีรถไฟบางซ่อน (สายสีแดงอ่อน) ก็อยู่ติดๆ กัน แต่ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 300 เมตรเท่านั้น ด้วยระยะทางเท่านี้เรียกว่ากำลังเดินได้สบายๆ ไม่ไกลจนเกินไป แต่ถ้าวันไหนรีบๆ ก็สามารถพึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์ได้ครับ วิเคราะห์ตัวโครงการ บริเวณรอบๆ ตัวโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่นถือว่าเพียบพร้อมดีทีเดียว ทั้งเรื่องอาหารการกินที่มีให้เลือกหลากหลายและตั้งอยู่ติดหน้าโครงการทั้งซ้ายขวา เช่นร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว รวมไปถึงร้านกาแฟและร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเราสามารถพึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือถ้าจะขับรถออกมาจากตัวโครงการซักหน่อย บนถนนประชาชื่นช่วงเย็นๆ ก็มีร้านข้าวต้ม ร้านอาหารให้เลือกอีกหลายร้าน แต่ถ้าอยากจะช็อปปิ้ง โลตัส ประชาชื่น น่าจะเป็นตัวเลือกที่ใกล้ที่สุด และก็ยังมีบิ๊กซี วงศ์สว่างที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนแหล่งช็อปปิ้งอื่นๆ ทั้งเซนทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอล เมเจอร์รัชโยธิน สวนจตุจักร และตลาดบองมาเช่ ก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินไป รวมถึงสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น โรงพยาบาล คลินิค โรงเรียน สถานที่ราชการ ก็ถือว่าอยู่ในระแวกใกล้เคียงเช่นกัน สภาพแวดล้อมรอบโครงการถือว่าเปิดโล่งใช้ได้เลย ตึกสูงที่อยู่ใกล้ๆ ที่พอจะมีผลในการบดบังทิศทางแดด ลม และวิว ก็เห็นจะมีแต่ตึกของโครงการ U Delight2 ที่อยู่ทางทิศเหนือเท่านั้น นอกนั้นก็มีแต่บ้านพักอาศัยที่อยู่มาแต่เดิม และอาคารของประชาชื่นคอนโดสูง 5 ชั้นที่อยู่ขนาบข้างทางด้านทิศใต้ แต่ตึกนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ เนื่องจากส่วนของที่พักอาศัยในโครงการศุภาลัย เวอเรนด้าฯ จะเริ่มที่ชั้น 5 ขึ้นไป ห้องที่ถูกบังวิวจึงมีไม่ค่อยมากนัก ด้วยลักษณะของที่ดินที่เป็นแนวยาวลึกเข้าไปด้านใน ทางโครงการจึงออกแบบตัวอาคารให้วางเรียงกันโดยแบ่งเป็น 3 ตึก สูง 29 ชั้น และมีพื้นที่ส่วนกลางเชื่อมต่อถึงกัน โดยมียูนิตรวมทั้งหมด 1,705 ยูนิต และพื้นที่ร้านค้าด้านล่างอีก 26 ยูนิต จัดได้ว่าหนาแน่นอยู่เหมือนกัน ตัวอาคารของโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า ไม่ได้มีเอกลักษณ์โดดเด่นมากนัก รูปทรงอาคารเป็นแบบทั่วๆ ไปธรรมดา ทางเข้าออกโครงการหลักมีทางเดียวคือฝั่งถนนประชาชื่น ส่วนทางด้านหลังโครงการจะมีประตูเล็กสามารถเดินทะลุออกไปยังซอยกรุงเทพ-นนท์ 30 เพื่อเดินต่อไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ ทางนี้รถออกไม่ได้นะครับ เป็นทางคนเดินอย่างเดียว มาดูที่พื้นที่ส่วนกลางกันบ้าง ซึ่งหลักๆ แล้วจะถูกรวมไว้ที่ชั้น 5 เกือบทั้งหมด เช่น สระว่ายน้ำกลางแจ้งที่ยาวถึง 53 เมตร ห้องสมุด ห้องออกกำลังกาย ห้องแอโรบิค ห้องซาวน่า ห้องสันทนาการ ห้องอเนกประสงค์ ห้องประชุม และสวนหย่อมที่จัดไว้ทั้งบริเวณชั้น 5 และบริเวณด้านล่างโครงการ ซึ่งต้องบอกว่าจัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้เยอะดีทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับขนาดของโครงการแล้ว อาจจะเรียกได้ว่าแค่พอใช้งานได้ครับ เพราะจำนวนลูกบ้านทั้งหมดมีมากกว่า 3,000 คนแน่นอน ถ้าแห่กันลงมาใช้บริการที่ส่วนกลางพร้อมๆ กัน ยังไงก็ไม่พอรองรับได้หรอกครับ อีกเรื่องที่ไม่น่ามองข้ามสำหรับโครงการใหญ่ๆ คือ ลิฟท์โดยสาร ซึ่งแต่ละตึกจัดไว้เพียง 2 ตัวเท่านั้น รวมแล้วก็แค่ 6 ตัวต่อจำนวนห้องกว่า 1,700 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนที่ 285 ห้องต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่ต้องขยายความก็คงพอจะนึกภาพออกนะครับว่าต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหน ส่วนเรื่องที่จอดรถทางโครงการเคลมไว้ว่ามีจำนวน 56% แน่นอนว่านับรวมแบบจอดซ้อนคันแล้ว ก็นับว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลกับโครงการราคาระดับนี้ พาชมห้องตัวอย่าง ห้องส่วนใหญ่ของโครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น จะเป็นแบบสตูดิโอ และห้องแบบ 1 ห้องนอน ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนก็มีให้เลือกบ้างเหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องมุมของอาคาร ส่วนตำแหน่งห้องใครจะเลือกชั้นไหน อาคารไหนก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และความสะดวกส่วนตัวครับ แต่ก่อนอื่นไปดูห้องตัวอย่างกันก่อนดีกว่า เริ่มต้นกันด้วยห้องแบบสตูดิโอ ขนาด 31.5-33 ตร.ม. ซึ่งถือว่าจัดพื้นที่มาให้ใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว เปิดประตูเข้าห้องมาก็เจอส่วนของพื้นที่นั่งเล่น และห้องนอนที่อยู่ติดกันเลย ห้องแบบนี้จะไม่มีการกั้นประตูกระจกแยกส่วนของห้องนอนกับห้องนั่งเล่นให้นะครับ การจัดสรรพื้นที่ก็แล้วแต่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้อง ส่วนพื้นที่ถัดไปด้านในเป็นห้องน้ำและห้องครัว โดยห้องครัวจะเป็นแบบครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้เป็นสัดส่วน และอยู่ติดกับระเบียง ซึ่งพื้นที่ของห้องครัวนั้นถือว่าใหญ่ใช้ได้เลย คนที่ชอบทำครัวด้วยตัวเองน่าจะถูกใจพื้นที่ส่วนนี้ เพราะถ้าต้องทำครัวหนักๆ ก็สามารถเปิดประตูระเบียงให้ช่วยระบายกลิ่นได้ด้วย ส่วนห้องแบบ 1 ห้องนอน มีขนาดตั้งแต่ 42.5-45 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายในห้องจัดว่ากว้างขวางเลยทีเดียว เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นที่ดูโล่งสบายตาดี การจัดสรรพื้นที่ในห้องทำมาแบบหลวมๆ ด้านหลังชั้นวางทีวีจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งอยู่ในแนวเดียวกันกับห้องครัว แน่นอนว่าพื้นที่ห้องครัวยังคงจัดสรรมาให้กว้างมากพอที่จะทำครัวได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอนนี้ พื้นที่ห้องนอนจะดูเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่อึดอัดเกินไป เพราะประตูห้องเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้แสงสว่างส่องมาถึงห้องนั่งเล่นได้ และช่วยให้บรรยากาศโดยรวมภายในห้องโปร่งมากขึ้นครับ ห้องทั้งหมดขายมาให้แบบ Fully Furnished ซึ่งทางโครงการก็จัดมาให้พอสมควรทั้ง Wallpaper เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ชุดครัวพร้อมตู้เก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง ฉากกั้นอาบน้ำ และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานราคาห้อง ไม่ได้หรูหรามากมายแต่ก็ถือว่าอยู่ในเกรดที่ใช้งานได้ ถ้าใครได้มีโอกาสไปชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขายของ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น ก็จะได้เห็นบรรยากาศห้องแบบคร่าวๆ เท่านั้น เพราะทางโครงการไม่ได้กั้นห้องให้มีผนังทึบตามแบบจริง เรื่องตำแหน่งของประตูเข้าห้องเราอาจจะต้องกะระยะกันคร่าวๆ รวมถึงเรื่องบรรยากาศห้องที่อาจจะทึบมากขึ้นเมื่อมีผนังปูนรอบด้าน ในขณะที่ห้องในสำนักงานขายกั้นเป็นผนังกระจกใส เราจึงอาจจะถูกหลอกตาให้รู้สึกว่าห้องโปร่งโล่งสบายตากว่าในความเป็นจริงก็ได้ โมเดลห้องของขนาด 31.5 ตร.ม. เมื่อเข้ามาในห้องก็จะมาเจอส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องแบบสตูดิโอ ห้องนั่งเล่นจะติดกับห้องนอนโดยไม่มีอะไรมากั้น มุมห้องนั่งเล่นมองเข้าไปยังห้องครัว ส่วนของเตียงนอนก็จะมีมุมทีวีอยู่ปลายเตียง เตียงนอนวางในตำแหน่งที่ใก้ลกับโซฟา จากมุมห้องนอนมองออกมาทางด้านหน้าประตูห้อง ส่วนของห้องน้ำ โครงการก็มีแยกส่วนแห้งส่วนเปียก ส่วนสุขภัณฑ์ก็ใช้แบบมาตรฐาน ห้องครัวจะไม่มีส่วนของเตาจะมีแค่ซิ้งค์ล้างจาน หน้าตาซิ้งค์ล้างจากของโครงการครับ โมเดลของห้องขนาด 44.0 ตร.ม. จากห้องนั่งเล่นจะมกระจกกั้นห้องระหว่างน้องนั่งเล่นกับห้องนอน ห้องนอนจะมีกระจกบานใหญ่อยู่ในห้องด้วย จากห้องนอนมองออกไปจะเห็นส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องน้ำ มุมทานข้าวอยู่ใกล้กับส่วนของนั่งเล่น มาถึงงห้องน้ำ เมื่อมองจากห้องนอนเข้าไป ห้องน้ำก็จะมีส่วนแห้งส่วนเปียกแยกชัดเจนครับ ออกจากห้องน้ำก็จะตรงกับส่วนครัวเลยครับ ห้องครัวโครงการก็ให้อุปกรณ์มาตรฐาน ประตูห้องครัวตรงกับห้องน้ำพอดี ความคุ้มค่าน่าลงทุน ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น ต้องถือว่าค่อนข้างได้เปรียบเรื่องการเดินทางที่สะดวกสบายไม่ว่าจะใช้รถยนต์ส่วนตัว รถไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งบริการรถสาธารณะก็ตาม ยิ่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในอนาคตอันใกล้นี้แล้วด้วย ความเจริญ ความสะดวกสบายต่างๆ ก็จะขยายตัวมาแถบนี้มากขึ้น ศักยภาพด้านการเติบโตในอนาคตจึงมีมาก และแน่นอนว่าคอนโดโครงการอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงก็มีขึ้นมากันเยอะ ทำให้มีตัวเลือกเปรียบเทียบมากตามไปด้วย อีกส่วนที่ควรระวังก็คือจำนวนห้องที่ล้นตลาดของทำเลในแถบนี้ ทำให้การปล่อยขายห้อง หรือการปล่อยห้องเช่าทำได้ยาก ยิ่งในบริเวณรอบๆ ก็ไม่มีแหล่งสำนักงาน หรือศูนย์ราชการใหญ่ๆ ที่น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการหาที่พักอาศัย บางทีการหาคนเช่าก็อาจจะทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ถ้ามองในแง่ของการซื้อหาไว้สำหรับอยู่อาศัยเอง ตัวโครงการก็จัดว่าอยู่ในทำเลที่ดี เพราะอย่างที่ทราบดีอยู่แล้วว่าอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่เป็นสถานี Interchange ด้วย คนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวจึงเดินทางได้สะดวกมาก อีกทั้งบริเวณใกล้ๆ และใต้โครงการเองก็มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ให้เลือกมากมาย เรื่องปากท้องจึงไม่น่าเป็นห่วง จัดว่าอุดมสมบูรณ์ดีด้วยซ้ำไป นอกเหนือจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการต่อรองกับเซลล์ว่าจะได้ของแถม หรือส่วนลดอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอีกตัวช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นก็ได้ครับ