โครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา – ประชาชื่น ตั้งอยู่บนถนนประชาชื่น ใกล้กับซอยประชาชื่น 18 ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงและอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ดังนั้นโอกาสที่จะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายนี้จึงไม่ใช่แค่โครงการในฝันอีกต่อไป ตัวโครงการของนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันดีกว่าครับ
การเดินทาง
เริ่มจากแยกประชานุกูลมุ่งหน้ามาทางเตาปูนเป็นระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร ก็จะเห็นตัวโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่นอยู่ทางด้านขวามือ ซึ่งเดิมทีที่ดินตรงนี้เคยเป็นอู่รถเมล์เก่ามาก่อน ชื่อว่า อู่ศรีณรงค์ ถ้าหากใครพอจะคุ้นเคยกับทำเลแถบนี้อยู่บ้างก็คงพอจะนึกภาพออก หรือลองถามคนแถวนั้นดูรับรองว่าชี้บอกตำแหน่งได้หมดแน่นอนครับ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลักถนนหนทางสะดวกดีทีเดียว ทั้งเส้นทางขึ้นลงทางด่วนบริเวณแยกโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ จะเข้าออกเมืองก็สามารถตรงไปเข้าถนนรัชดาภิเษก หรือหันกลับมาอีกทางก็มีถนนพระราม 5 ที่ใช้เป็นเส้นทางหลักๆ ในการเดินทางได้เช่นกัน หรือถ้าต้องการเดินทางด้วยบริการรถสาธารณะก็ทำได้ไม่ยากเช่นกัน เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ จะหาเรียกแท็กซี่ก็ง่าย รอรถเมล์ หรือใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็สะดวกเนื่องจากป้ายรถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่หน้าโครงการเลย ดังนั้นการเดินทางด้วยรถยนต์จึงไม่เรื่องยากเลย จะติดก็แค่ปัญหารถติดมากหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วนของวัน
เริ่มเดินทางมากจากแยกพงเพษร วิ่งมาตามทางถนนประชาชื่นเพื่อมุ่งหน้าไปทางประชานุกูล
วิ่งมาเรื่อยๆจะเห็นตึกของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อยู่ทางขวา
ตึกโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อยู่ทางขวาส่วนด้านหน้าจะเป็นแยกประชานุกูล
ให้วิ่งตรงผ่านแยกประชานุกูลไปเลยครับ
จะผ่านโครงการ ยู ดีไลท์ที่อยู่ทางขวา
วิ่งลอดรางรถไฟฟ้า
ก็จะเจอโครงการอยู่ทางขวา เลี้ยวเข้าไปเลยครับ
สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ในขณะนี้เส้นทางที่สะดวกที่สุดก็คือ การใช้รถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีปลายทางบางซื่อ แล้วต่อรถมาที่ตัวโครงการก็สะดวกดีเหมือนกัน ส่วนในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้ใช้บริการแล้ว การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็สะดวกขึ้นมาก เพราะตัวสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซ่อน ซึ่งอยู่ทางด้านหลังโครงการตั้งอยู่ห่างออกไปเพียง 250 เมตร รวมถึงสถานีรถไฟบางซ่อน (สายสีแดงอ่อน) ก็อยู่ติดๆ กัน แต่ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 300 เมตรเท่านั้น ด้วยระยะทางเท่านี้เรียกว่ากำลังเดินได้สบายๆ ไม่ไกลจนเกินไป แต่ถ้าวันไหนรีบๆ ก็สามารถพึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์ได้ครับ
วิเคราะห์ตัวโครงการ
บริเวณรอบๆ ตัวโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่นถือว่าเพียบพร้อมดีทีเดียว ทั้งเรื่องอาหารการกินที่มีให้เลือกหลากหลายและตั้งอยู่ติดหน้าโครงการทั้งซ้ายขวา เช่นร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว รวมไปถึงร้านกาแฟและร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเราสามารถพึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือถ้าจะขับรถออกมาจากตัวโครงการซักหน่อย บนถนนประชาชื่นช่วงเย็นๆ ก็มีร้านข้าวต้ม ร้านอาหารให้เลือกอีกหลายร้าน แต่ถ้าอยากจะช็อปปิ้ง โลตัส ประชาชื่น น่าจะเป็นตัวเลือกที่ใกล้ที่สุด และก็ยังมีบิ๊กซี วงศ์สว่างที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนแหล่งช็อปปิ้งอื่นๆ ทั้งเซนทรัล ลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอล เมเจอร์รัชโยธิน สวนจตุจักร และตลาดบองมาเช่ ก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินไป รวมถึงสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น โรงพยาบาล คลินิค โรงเรียน สถานที่ราชการ ก็ถือว่าอยู่ในระแวกใกล้เคียงเช่นกัน
สภาพแวดล้อมรอบโครงการถือว่าเปิดโล่งใช้ได้เลย ตึกสูงที่อยู่ใกล้ๆ ที่พอจะมีผลในการบดบังทิศทางแดด ลม และวิว ก็เห็นจะมีแต่ตึกของโครงการ U Delight2 ที่อยู่ทางทิศเหนือเท่านั้น นอกนั้นก็มีแต่บ้านพักอาศัยที่อยู่มาแต่เดิม และอาคารของประชาชื่นคอนโดสูง 5 ชั้นที่อยู่ขนาบข้างทางด้านทิศใต้ แต่ตึกนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ เนื่องจากส่วนของที่พักอาศัยในโครงการศุภาลัย เวอเรนด้าฯ จะเริ่มที่ชั้น 5 ขึ้นไป ห้องที่ถูกบังวิวจึงมีไม่ค่อยมากนัก ด้วยลักษณะของที่ดินที่เป็นแนวยาวลึกเข้าไปด้านใน ทางโครงการจึงออกแบบตัวอาคารให้วางเรียงกันโดยแบ่งเป็น 3 ตึก สูง 29 ชั้น และมีพื้นที่ส่วนกลางเชื่อมต่อถึงกัน โดยมียูนิตรวมทั้งหมด 1,705 ยูนิต และพื้นที่ร้านค้าด้านล่างอีก 26 ยูนิต จัดได้ว่าหนาแน่นอยู่เหมือนกัน ตัวอาคารของโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า ไม่ได้มีเอกลักษณ์โดดเด่นมากนัก รูปทรงอาคารเป็นแบบทั่วๆ ไปธรรมดา ทางเข้าออกโครงการหลักมีทางเดียวคือฝั่งถนนประชาชื่น ส่วนทางด้านหลังโครงการจะมีประตูเล็กสามารถเดินทะลุออกไปยังซอยกรุงเทพ-นนท์ 30 เพื่อเดินต่อไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ ทางนี้รถออกไม่ได้นะครับ เป็นทางคนเดินอย่างเดียว
มาดูที่พื้นที่ส่วนกลางกันบ้าง ซึ่งหลักๆ แล้วจะถูกรวมไว้ที่ชั้น 5 เกือบทั้งหมด เช่น สระว่ายน้ำกลางแจ้งที่ยาวถึง 53 เมตร ห้องสมุด ห้องออกกำลังกาย ห้องแอโรบิค ห้องซาวน่า ห้องสันทนาการ ห้องอเนกประสงค์ ห้องประชุม และสวนหย่อมที่จัดไว้ทั้งบริเวณชั้น 5 และบริเวณด้านล่างโครงการ ซึ่งต้องบอกว่าจัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้เยอะดีทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับขนาดของโครงการแล้ว อาจจะเรียกได้ว่าแค่พอใช้งานได้ครับ เพราะจำนวนลูกบ้านทั้งหมดมีมากกว่า 3,000 คนแน่นอน ถ้าแห่กันลงมาใช้บริการที่ส่วนกลางพร้อมๆ กัน ยังไงก็ไม่พอรองรับได้หรอกครับ อีกเรื่องที่ไม่น่ามองข้ามสำหรับโครงการใหญ่ๆ คือ ลิฟท์โดยสาร ซึ่งแต่ละตึกจัดไว้เพียง 2 ตัวเท่านั้น รวมแล้วก็แค่ 6 ตัวต่อจำนวนห้องกว่า 1,700 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนที่ 285 ห้องต่อลิฟท์ 1 ตัว ไม่ต้องขยายความก็คงพอจะนึกภาพออกนะครับว่าต้องรอลิฟท์กันนานแค่ไหน ส่วนเรื่องที่จอดรถทางโครงการเคลมไว้ว่ามีจำนวน 56% แน่นอนว่านับรวมแบบจอดซ้อนคันแล้ว ก็นับว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลกับโครงการราคาระดับนี้
พาชมห้องตัวอย่าง
ห้องส่วนใหญ่ของโครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น จะเป็นแบบสตูดิโอ และห้องแบบ 1 ห้องนอน ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนก็มีให้เลือกบ้างเหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องมุมของอาคาร ส่วนตำแหน่งห้องใครจะเลือกชั้นไหน อาคารไหนก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และความสะดวกส่วนตัวครับ แต่ก่อนอื่นไปดูห้องตัวอย่างกันก่อนดีกว่า เริ่มต้นกันด้วยห้องแบบสตูดิโอ ขนาด 31.5-33 ตร.ม. ซึ่งถือว่าจัดพื้นที่มาให้ใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว เปิดประตูเข้าห้องมาก็เจอส่วนของพื้นที่นั่งเล่น และห้องนอนที่อยู่ติดกันเลย ห้องแบบนี้จะไม่มีการกั้นประตูกระจกแยกส่วนของห้องนอนกับห้องนั่งเล่นให้นะครับ การจัดสรรพื้นที่ก็แล้วแต่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้อง ส่วนพื้นที่ถัดไปด้านในเป็นห้องน้ำและห้องครัว โดยห้องครัวจะเป็นแบบครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้เป็นสัดส่วน และอยู่ติดกับระเบียง ซึ่งพื้นที่ของห้องครัวนั้นถือว่าใหญ่ใช้ได้เลย คนที่ชอบทำครัวด้วยตัวเองน่าจะถูกใจพื้นที่ส่วนนี้ เพราะถ้าต้องทำครัวหนักๆ ก็สามารถเปิดประตูระเบียงให้ช่วยระบายกลิ่นได้ด้วย
ส่วนห้องแบบ 1 ห้องนอน มีขนาดตั้งแต่ 42.5-45 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายในห้องจัดว่ากว้างขวางเลยทีเดียว เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นที่ดูโล่งสบายตาดี การจัดสรรพื้นที่ในห้องทำมาแบบหลวมๆ ด้านหลังชั้นวางทีวีจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งอยู่ในแนวเดียวกันกับห้องครัว แน่นอนว่าพื้นที่ห้องครัวยังคงจัดสรรมาให้กว้างมากพอที่จะทำครัวได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอนนี้ พื้นที่ห้องนอนจะดูเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่อึดอัดเกินไป เพราะประตูห้องเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้แสงสว่างส่องมาถึงห้องนั่งเล่นได้ และช่วยให้บรรยากาศโดยรวมภายในห้องโปร่งมากขึ้นครับ
ห้องทั้งหมดขายมาให้แบบ Fully Furnished ซึ่งทางโครงการก็จัดมาให้พอสมควรทั้ง Wallpaper เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ชุดครัวพร้อมตู้เก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง ฉากกั้นอาบน้ำ และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานราคาห้อง ไม่ได้หรูหรามากมายแต่ก็ถือว่าอยู่ในเกรดที่ใช้งานได้ ถ้าใครได้มีโอกาสไปชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขายของ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น ก็จะได้เห็นบรรยากาศห้องแบบคร่าวๆ เท่านั้น เพราะทางโครงการไม่ได้กั้นห้องให้มีผนังทึบตามแบบจริง เรื่องตำแหน่งของประตูเข้าห้องเราอาจจะต้องกะระยะกันคร่าวๆ รวมถึงเรื่องบรรยากาศห้องที่อาจจะทึบมากขึ้นเมื่อมีผนังปูนรอบด้าน ในขณะที่ห้องในสำนักงานขายกั้นเป็นผนังกระจกใส เราจึงอาจจะถูกหลอกตาให้รู้สึกว่าห้องโปร่งโล่งสบายตากว่าในความเป็นจริงก็ได้
โมเดลห้องของขนาด 31.5 ตร.ม.
ห้องแบบสตูดิโอ ห้องนั่งเล่นจะติดกับห้องนอนโดยไม่มีอะไรมากั้น
มุมห้องนั่งเล่นมองเข้าไปยังห้องครัว
ส่วนของเตียงนอนก็จะมีมุมทีวีอยู่ปลายเตียง
เตียงนอนวางในตำแหน่งที่ใก้ลกับโซฟา
จากมุมห้องนอนมองออกมาทางด้านหน้าประตูห้อง
ส่วนของห้องน้ำ โครงการก็มีแยกส่วนแห้งส่วนเปียก ส่วนสุขภัณฑ์ก็ใช้แบบมาตรฐาน
ห้องครัวจะไม่มีส่วนของเตาจะมีแค่ซิ้งค์ล้างจาน
หน้าตาซิ้งค์ล้างจากของโครงการครับ
โมเดลของห้องขนาด 44.0 ตร.ม.
จากห้องนั่งเล่นจะมกระจกกั้นห้องระหว่างน้องนั่งเล่นกับห้องนอน
ห้องนอนจะมีกระจกบานใหญ่อยู่ในห้องด้วย
จากห้องนอนมองออกไปจะเห็นส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องน้ำ
มุมทานข้าวอยู่ใกล้กับส่วนของนั่งเล่น
มาถึงงห้องน้ำ เมื่อมองจากห้องนอนเข้าไป
ห้องน้ำก็จะมีส่วนแห้งส่วนเปียกแยกชัดเจนครับ
ออกจากห้องน้ำก็จะตรงกับส่วนครัวเลยครับ
ห้องครัวโครงการก็ให้อุปกรณ์มาตรฐาน
ประตูห้องครัวตรงกับห้องน้ำพอดี
ความคุ้มค่าน่าลงทุน
ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น ต้องถือว่าค่อนข้างได้เปรียบเรื่องการเดินทางที่สะดวกสบายไม่ว่าจะใช้รถยนต์ส่วนตัว รถไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งบริการรถสาธารณะก็ตาม ยิ่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในอนาคตอันใกล้นี้แล้วด้วย ความเจริญ ความสะดวกสบายต่างๆ ก็จะขยายตัวมาแถบนี้มากขึ้น ศักยภาพด้านการเติบโตในอนาคตจึงมีมาก และแน่นอนว่าคอนโดโครงการอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงก็มีขึ้นมากันเยอะ ทำให้มีตัวเลือกเปรียบเทียบมากตามไปด้วย อีกส่วนที่ควรระวังก็คือจำนวนห้องที่ล้นตลาดของทำเลในแถบนี้ ทำให้การปล่อยขายห้อง หรือการปล่อยห้องเช่าทำได้ยาก ยิ่งในบริเวณรอบๆ ก็ไม่มีแหล่งสำนักงาน หรือศูนย์ราชการใหญ่ๆ ที่น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการหาที่พักอาศัย บางทีการหาคนเช่าก็อาจจะทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ถ้ามองในแง่ของการซื้อหาไว้สำหรับอยู่อาศัยเอง ตัวโครงการก็จัดว่าอยู่ในทำเลที่ดี เพราะอย่างที่ทราบดีอยู่แล้วว่าอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่เป็นสถานี Interchange ด้วย คนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวจึงเดินทางได้สะดวกมาก อีกทั้งบริเวณใกล้ๆ และใต้โครงการเองก็มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ให้เลือกมากมาย เรื่องปากท้องจึงไม่น่าเป็นห่วง จัดว่าอุดมสมบูรณ์ดีด้วยซ้ำไป นอกเหนือจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการต่อรองกับเซลล์ว่าจะได้ของแถม หรือส่วนลดอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอีกตัวช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นก็ได้ครับ