Tag : PR

144 ผลลัพธ์
บางกอกแลนด์ ฉลองครบรอบ 50 ปี สร้างประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ

บางกอกแลนด์ ฉลองครบรอบ 50 ปี สร้างประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ

นายปีเตอร์ กาญจนพาสน์  ประธานกรรมการ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงโครงการจัดตั้งประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ประดิษฐาน ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีวัตถุประสงค์จัดสร้างขึ้นในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) และเพื่อรำลึกถึง คุณมงคล กาญจนพาสน์ และ คุณอนันต์ กาญจนพาสน์  ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการเมืองทองธานี ซึ่งปัจจุบันถือเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความพร้อมสรรพ ทั้งอาคารสถานที่ บริการสิ่งอำนวยความสะดวก รองรับการอยู่อาศัย การดำเนินธุรกิจ และการท่องเที่ยวพักผ่อนอย่างครบวงจร บางกอกแลนด์ คือหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2516 และในปี พ.ศ.2535 ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี ดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นการพัฒนาส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี ผ่านการบริหารโครงการเมืองทองธานี การพัฒนาโครงการที่พักอาศัย โครงการบริหารจัดการดูแลอาคาร โครงการศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อีกทั้งการบริหารธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจสถานบริการเพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา การบริหารสถาบันสอนประกอบอาหาร ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชน รวมไปถึงเศรษฐกิจของประเทศไทยให้มีการเติบโตต่อเนื่อง “เป็นที่ทราบกัน บางกอกแลนด์ ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมายาวนานและบริษัทฯ ใช้สัญลักษณ์ช้างเอราวัญหรือช้างสามเศียรมาตลอด ในโอกาสครบรอบ 50 ปี เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลยิ่งขึ้น จึงได้อัญเชิญพระอินทร์ซึ่งเป็นเทพองค์เดียวที่ทรงช้างเอราวัณมาประดิษฐาน โดยจัดตั้งโครงการประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ซึ่งได้ปรึกษาผู้ชำนาญงาน ทั้งประติมากร ทีมช่างศิลปะ ช่างสิบหมู่ รับเชิญมาร่วมงานจนสำเร็จลุล่วงด้วยดี ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะนำพาความเป็นสิริมงคล มาให้ทั้งกับผู้บริหาร พนักงาน เป็นขวัญกำลังใจในการทำงานนำพาองค์กรเติบโตอย่างมั่นคงตลอดไป” สำหรับประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ถือเป็นงานประติมากรรมโลหะผสมที่มีความสง่างาม สะท้อนคุณค่าแห่งความดี ความเปี่ยมสุข อันเกิดจากศรัทธาและความเลื่อมใส องค์เทวรูปมีขนาดความสูงรวม 265 เซนติเมตร ตั้งอยู่บนฐานรองรับขนาดความยาว 205 เซนติเมตร ความกว้าง 96 เซนติเมตร ความสูง 15 เซนติเมตร รูปลักษณะของพระอินทร์ ทรงเครื่องแต่งกายสมัยศรีวิชัย ประทับนั่งบนคอช้าง มือขวาถือวชิระเป็นอาวุธคู่กาย มือซ้ายถือขอช้างพาดอยู่บนตัก โดยมีพาหนะเป็นช้างเอราวัณสามเศียร ในลักษณะท่าทางเคลื่อนไหวไปข้างหน้าอย่างทรงพลัง แต่ใบหน้าเปี่ยมด้วยความเมตตาสมเป็นช้างของทวยเทพแห่งคุณงามความดีและความอุดมสมบูรณ์ งานประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณนี้ ถือเป็นศิลปะแห่งทวยเทพ  ใช้เวลาในการดำเนินงานในทุกขั้นตอนประมาณ 16 เดือน โดยมีประติมากร พันโท นภดล สุวรรณสมบัติ และ อาจารย์ธนิตย์ แก้วนิยม พร้อมคณะ ร่วมดูแลและควบคุมงานประติมากรรมจนสำเร็จลุล่วง เป็นผลงานสำคัญอันโดดเด่นไม่เหมือนที่ใด พร้อมเปิดให้ประชาชนนักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมทุกวัน นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ จะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของเมืองทองธานี กลายเป็นจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยว รวมถึงลูกค้าผู้จัดงาน ผู้มาชมงาน ที่จะได้สักการะบูชาและขอพรตามความศรัทธา ณ ที่ประดิษฐานบริเวณลานด้านหน้าอาคาร อิมแพ็ค อารีน่า ในทุกวัน นอกจากนี้ ยังได้จัดทำหน้าเว็บไซต์เฉพาะเพื่อให้ข้อมูลและรวบรวมภาพ-วีดีโอให้ได้เยี่ยมชมกันทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์บางกอกแลนด์ www.bangkokland.co.th ด้วย ในโอกาสนี้จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาเที่ยวชมความสง่างามทั้งในช่วงกลางวันและความสวยงามยิ่งขึ้นในช่วงกลางคืนที่มีการประดับไฟแสงสีตระการตา เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีบางกอกแลนด์ไปด้วยกัน สำหรับการดำเนินธุรกิจขององค์กรปัจจุบัน แบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.) อสังหาริมทรัพย์ เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาโครงการเพื่อขายและเช่า ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารชุด อาคารพาณิชย์ อาคารสํานักงาน ศูนย์การค้า และร้านค้าต่างๆ โครงการเหล่านี้มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ อยู่ในทำเลที่มีความพร้อมภายใต้การดําเนินงานของบริษัท บางกอกแลนด์ จํากัด (มหาชน), บริษัท บางกอก แอร์พอร์ท อินดัสทรี จํากัด และ บริษัท สินพรชัย จํากัด 2.) ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม ธุรกิจให้บริการเช่าพื้นที่ สิ่งอํานวยความสะดวก รองรับการจัดงานและกิจกรรมไมซ์ (MICE) อีกทั้งยังมีบริการสนับสนุน เช่น โรงแรมที่พัก 2 แห่ง ร้านอาหาร 15 แบรนด์  30 ร้านสาขา สถานที่ท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งดําเนินงานโดย บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จํากัด, บริษัท อาร์เอ็มไอ จํากัด 3.) ธุรกิจค้าปลีก ดําเนินกิจการเกี่ยวกับการบริหารศูนย์การค้า ร้านค้าปลีก ศูนย์อาหาร ตลาดสด เอาท์เล็ต ที่จอดรถ ฯลฯ กิจการเหล่านี้ดําเนินงานโดย บริษัท บางกอก แลนด์ เอเจนซี่ จํากัด 4.) สาธารณูปโภคและการบริหารอาคาร ธุรกิจเกี่ยวเนื่องการบริการหลังการขาย โดยมี บริษัท เมืองทอง เซอร์วิสเซส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จํากัด และ บริษัท เมืองทอง บิลดิ้ง เซอร์วิสเซส จํากัด จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลจัดการบริหารอาคารและบํารุงรักษาในส่วนของสาธารณูปโภค ภูมิทัศน์ และการกําจัดของเสียในชุมชนเมืองทองธานีและพื้นที่อื่นๆ และสุดท้าย 5.) บริหารจัดการโรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ไทยแลนด์ ถือเป็นโรงเรียนสอนประกอบอาหารแห่งแรกนอกประเทศฝรั่งเศส และได้รับใบอนุญาตจัดตั้งเป็นโรงเรียนนอกระบบ ประเภทวิชาชีพ จากกระทรวงศึกษาธิการ อย่างไรก็ตาม โครงการเมืองทองธานี คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องตอบรับกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าสู่เมืองทองธานี 2 สถานี ได้แก่ สถานี อิมแพ็ค เมืองทองธานี และ สถานีทะเลสาบเมืองทองธานี ปัจจุบันความคืบหน้าในงานก่อสร้างภาพรวมประมาณ 28% โดยยังเป็นไปตามกำหนดการที่จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการราวต้นปี 2568 ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ การคมนาคมที่สะดวก ตลอดจนเพิ่มมูลค่าราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองทองธานีได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย  
เปิดตัวเฟอร์นิเจอร์หรูจากอิตาลีแบรนด์ Natuzzi Italia

เปิดตัวเฟอร์นิเจอร์หรูจากอิตาลีแบรนด์ Natuzzi Italia

บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) (Euro Creations) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์   แบรนด์ดังระดับโลกสัญชาติยุโรป จัดงาน “An Infinite Comfortness” by Natuzzi Italia เปิดตัวนาทุซซี่  อิตาเลีย (Natuzzi Italia) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดังจากประเทศอิตาลี ที่โดดเด่นในเรื่องความพิถีพิถันแห่งดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน สีและวัสดุที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อส่งมอบสุนทรียภาพแห่งการพักผ่อน ผ่านการให้ความสำคัญเรื่องคอมฟอร์ต (comfort) กับโซฟาทุกชิ้น Natuzzi Italia พร้อมการจับมือร่วมกับบริษัท มิวสิคพลัส ซีนีม่า จำกัด ในเครือโซนิค วิชั่น กรุ๊ป ผู้นำเครื่องเสียงนำเข้าระดับไฮเอนด์มากว่า 26 ปี เผยโฉม The New 801 D4 Signature ลำโพงไฮเอนด์ในตระกูล 800 ซีรีย์ กับการปรับโฉมดีไซน์ที่ให้ความละเมียดละไมมากขึ้น คุณภาพในการถ่ายทอดพลังเสียงสู่ความสมจริงมากขึ้น การผสมผสานระหว่าง 2 แบรนด์สู่สัมผัสแห่งการใช้ชีวิตที่ลงตัวระหว่างสุนทรียแห่งการพักผ่อนที่สบายบนโซฟา นาทุซซี่ อิตาเลีย และสุนทรียจากการฟังเพลงระดับไฮเอนด์ซาวน์จาก Bowers & Wilkins The New 801 D4 Signature     คุณเควิน กัมบีร์ (Kevin Gambir) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังระดับโลกสัญชาติยุโรป กล่าวว่า “ยูโร ครีเอชั่นส์ เราพิถีพิถันในการคัดสรรผลิตภัณฑ์และแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ด้วยความตั้งใจ จากความเชื่อที่ว่า ‘Life is better in a beautiful space’ การใช้ชีวิตที่ดีเริ่มต้นจากการอยู่ในพื้นที่ที่สวยงาม ซึ่งความสวยงามในที่นี้หมายความว่า การได้อยู่ในพื้นที่ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์และรสนิยมของผู้อยู่อาศัย ซึ่งยูโร ครีเอชั่นส์ เป็นดั่งปลายทางที่ตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของลูกค้า ซึ่งในปีนี้เราขอนำเสนอ นาทุซซี่ อิตาเลีย (Natuzzi Italia) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดังจากประเทศอิตาลี ที่ให้ความพิถีพิถันในเรื่องดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน สีและวัสดุที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ เพื่อส่งมอบสุนทรียภาพแห่งการพักผ่อน ที่โซฟาทุกชิ้นของนาทุซซี่ อิตาเลีย จะถ่ายทอดความสบายด้วยวัสดุ พรีเมียมที่มีให้เลือกทั้งหนังวัวแท้ และผ้า เพื่อตอบรับความชอบและรสนิยมการตกแต่งที่แตกต่างกันโดยนาทุซซี่ อิตาเลีย มีคาเรคเตอร์งานดีไซน์แบบโมเดิร์นที่ทั้งเรียบหรู ผสานกับฟังก์ชั่นการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเอน การปรับพนักวางศีรษะและที่วางขาให้เหมาะสมกับท่านั่งพักผ่อนได้อย่างง่ายดายด้วยระบบไฟฟ้า เป็นการเติมเต็มความสุนทรียการพักผ่อน และการใช้ชีวิตในบ้านอย่างแท้จริง” และถือเป็นโอกาสพิเศษสุดที่ ยูโร ครีเอชั่นส์ ได้ร่วมกับบริษัท มิวสิคพลัส ซีนีม่า จำกัด ในการร่วมกันถ่ายทอดสัมผัสแห่งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตผ่านสุนทรียภาพการพักผ่อนที่ครบทุกมิติทั้งความสบายจากโซฟานาทุซซี่ อิตาเลีย และการเติมเต็มด้วยบรรยากาศแห่งเสียงเพลงคุณภาพผ่าน Bowers & Wilkins The New 801 D4 Signature ลำโพงไฮเอนด์สัญชาติอังกฤษกับคุณภาพระดับออดิโอไฟล์ ที่เผยโฉมครั้งแรกในไทย เป็นการจับคู่ความลงตัวระหว่างสุนทรียแห่งการฟังระดับพรีเมียมกับเฟอร์นิเจอร์หรูภายใต้คอนเซปต์ “Senses of living” สัมผัสสุนทรียแห่งการพักผ่อนผ่านการมองเห็นดีไซน์ที่งดงาม และการได้ยินเสียงที่ไพเราะ ที่เราตั้งใจเนรมิตขึ้นเป็นพิเศษผ่าน living space ที่จะจำลองบรรยากาศในการอยู่บ้านผ่านสัมผัสแห่งสุนทรียความสบายของโซฟา นาทุซซี่ อิตาเลีย และสุนทรียแห่งเสียงเพลงระดับไฮเอนด์ ภายในโชว์รูม ยูโร ครีเอชั่นส์ ซีอีโอ ยูโร ครีเอชั่นส์ กล่าว   คุณเถกิงลาภ กอวัฒนา กรรมการบริหาร บริษัท มิวสิคพลัส ซีนีม่า จำกัด ในเครือโซนิค วิชั่น กรุ๊ป ผู้นำเครื่องเสียงนำเข้าระดับไฮเอนด์มากว่า 26 ปี เปิดเผยว่า “มิวสิค พลัสซีนีม่า ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายลำโพงไฮเอนด์แบรนด์ Bowers & Wilkins จากประเทศอังกฤษอย่างเป็นทางการ รู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ครั้งนี้ ในการนำเสนอแรงบันดาลใจสุนทรียแห่งการพักผ่อนผ่านการสัมผัสความสบาย ความสุขผ่านดีไซน์ที่สวยงาม และสัมผัสสุนทรียการพักผ่อนกับการฟังเพลงผ่านเครื่องเสียงคุณภาพ ที่ตอบโจทย์นิยามแห่งความสุขในการพักผ่อนที่บ้านได้ครบทุกมิติ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ในปี 2023 นี้ มิวสิค พลัส ซีนีม่า ได้นำเข้าลำโพงรุ่นเรือธง The New 801 D4 Signature ที่ถือเป็นงานฝีมือแห่งปีที่ Bowers & Wilkins ได้รังสรรค์ให้เป็นรุ่นที่มีความพิเศษตั้งแต่กลไกภายในที่ต่อยอดความสำเร็จจากลำโพงในตระกูล 801 D4 ที่ได้รับความนิยมสูงสุดกับ 800 Series Diamond™ ที่ใช้เพชรในโดมทวีตเตอร์เป็นตัวขับเสียงให้สะอาดใส ทุ่มนุ่มลึก จนได้รับความไว้วางใจและการันตีคุณภาพจากสตูดิโอบันทึกเสียงระดับโลก Abbey Road Studio ให้เป็นลำโพงอ้างอิง โดยความพิเศษของรุ่น The New 801 D4 Signature นี้ คือการพัฒนาปรับเปลี่ยนนวัตกรรม เทคโนโลยีขั้นสูงสุด ที่แบรนด์ Bowers & Wilkins ไม่ได้ใช้คำว่า Signature กับทุกรุ่นที่ปรับปรุงใหม่ จะแต่ใช้คำนี้ให้กับรุ่นที่มีการอัพเกรดขั้นสูงสุดแห่งเทคโนโลยีจริงๆ ซึ่งนับตั้งแต่แบรนด์ก่อตั้งขึ้นในปี 1966 มีลำโพงเพียง 7 รุ่นเท่านั้นที่มีชื่อรุ่นต่อท้ายด้วย Signature ดังนั้นการนำเข้าลำโพงตระกูล 801 D4 ในโมเดลใหม่รุ่น 801 D4 Signature จึงเป็นที่สุดแห่งความเอ็กซ์คลูซีฟที่แฟน B&W และนักฟังเพลง จะได้ยลโฉมความโดดเด่นแห่งดีไซน์ที่บ่งบอกถึงรสนิยมการฟังและความพิถีพิถันในการเลือกลำโพงไฮเอนด์ที่ได้รับการออกแบบประหนึ่งเป็นงานศิลป์ที่มอบทั้งสุนทรียแห่งการฟังที่สมบูรณ์แบบ และความสุขจากดีไซน์ที่ไม่ว่าจะวางมุมไหนในบ้านก็สวยงามลงตัวบ่งบอกรสนิยมเหนือระดับในการตกแต่งกับดีไซน์สีพิเศษ Midnight Blue Metallic ที่ใช้เวลาผลิตด้วยมือจากช่างฝีมือถึง 18 ชั่วโมง ต่อลำโพง 1 คู่ จึงเปรียบเสมือนเป็นงานศิลปะที่ควรค่าแก่การเป็นเจ้าของ” โดยโซฟาแบรนด์ นาทุซซี่ อิตาเลีย (Natuzzi Italia) และลำโพง Bowers & Wilkins The New 801 D4 Signature เปิดตัวให้คนรักการแต่งบ้าน และแฟนเครื่องเสียงไฮเอนด์ชาวไทยได้ชมความงามและสัมผัสพลังเสียงครั้งแรกผ่าน Living space ในการจำลองพื้นที่การตกแต่งภายในบ้านให้ผู้สนใจได้ทดลองพักผ่อนบนโซฟา และสัมผัสคุณภาพเสียงจาก Bowers & Wilkins The New 801 D4 Signature ณ โชว์รูมยูโร ครีเอชั่นส์ ทองหล่อ ซอย 5 สามารถมาเยี่ยมชมและสัมผัสความงามแห่งเสียงและดีไซน์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2566 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0-2712-9555        
ศุภาลัยเปิดตัว พรีเซ้นเตอร์คนแรก เคลียร์ชัดศุภาลัยบ้านไม่แคบ!

ศุภาลัยเปิดตัว พรีเซ้นเตอร์คนแรก เคลียร์ชัดศุภาลัยบ้านไม่แคบ!

ศุภาลัย เรียกได้ว่าฮอตสุดๆ กับ “โบว์ - เมลดา สุศรี” เจ้าของฉายาเจ้าแม่พรีเซ็นเตอร์ ที่ล่าสุดมงลงได้ตำแหน่ง พรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์ “ศุภาลัย” ผู้นำวงการอสังหาฯ เป็นที่เรียบร้อย พร้อมเคลียร์ชัดตำนาน “อ้วนแล้วบ้านแคบลงไหม”     ล่าสุดโบว์ตอบแล้วจากตัวจริง เสียงจริงว่าบ้านศุภาลัยไม่แคบแน่นอน กับภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่ “บ้านศุภาลัย #StandardดีQualityเดียวกัน” ที่พาขึ้นเหนือล่องใต้เปิดบ้านศุภาลัยที่ไม่ว่าภาคไหนก็ไม่ธรรมดากับมาตรฐานบ้านดีทุกหลังทั่วไทย พร้อมโชว์สกิลแอคติ้งยืนหนึ่งกับภาษาถิ่นทั้งภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ กับความน่ารักเกินต้านที่ไม่เหมือนใคร แจกความสดใสคว้าใจแฟนๆ ทั่วประเทศ     “โบว์ต้องขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้รับความไว้วางใจจากศุภาลัยให้โบว์ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์ โดยต้องบอกเลยว่าจากการที่ได้ร่วมงานกัน โบว์มองว่าแต่ละโครงการของศุภาลัยได้ใส่ใจในการออกแบบตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงของทุกคนจริงๆ รวมไปถึงเหมาะกับการใช้ชีวิตของโบว์มาก และงานนี้โบว์ก็ได้ร่วมถ่ายทำโฆษณากับทางศุภาลัยที่อยากให้ทุกคนได้ไปติดตามดู ซึ่งโบว์บอกได้เลยว่าบ้านศุภาลัย ไม่แคบแน่นอนค่ะ” โบว์ - เมลดา สุศรี กล่าว     งานนี้ ซุปตาร์สาวเสียงใส พรีเซ็นเตอร์คนแรกและคนเดียวของศุภาลัยได้การันตีพร้อมเอ่ยปากเองเลยว่าดีจริงทุกหลัง! โดยไม่ต้องกังวลเลยว่าจะหุ่นไซส์ไหน หรือมีตัวตนแบบใด ก็ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านศุภาลัยสุดแฮปปี้ได้เหมือนกันทุกคนแบบ ‘Standard ดี Quality เดียวกัน’ พร้อมแอบกระซิบว่าความน่ารักของโบว์ยังคงไม่จบแค่นี้ แฟนๆ สามารถติดตามกิจกรรมสุดฟินกับโบว์-เมลดาและศุภาลัยได้ที่  https://www.facebook.com/supalaiplc แล้วมาดูกันว่าบ้านศุภาลัยหลังไหนกันนะที่โบว์-เมลดาจะพาไปเปิดประตูบานต่อไป!   เชิญชมภาพยนตร์โฆษณา “บ้านศุภาลัย #StandardดีQualityเดียวกัน” คลิก https://youtu.be/My5fjOop_Mo   บทความน่าสนใจ ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 7 แบบบ้านใหม่ เอาใจทาสแมว ศุภาลัย เอสเซ้นส์  โครงการพรีเมี่ยมแห่งแรกในอ่างศิลา  ศุภาลัย โชว์ครึ่งปีแรกกวาดรายได้ 14,346 ล้าน ลุยเปิดใหม่ครึ่งปีหลัง 27 โครงการ
ESTAR  เปิดชม ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39  ยอดนิยมในย่าน ขายแล้วกว่า 70%

ESTAR  เปิดชม ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39  ยอดนิยมในย่าน ขายแล้วกว่า 70%

บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดชมโครงการ “ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39” หนึ่งในโครงการที่อยู่อาศัยของ ESTAR ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มั่นใจทำเลสุขุมวิทที่ตอบโจทย์ทั้งอยู่เองหรือลงทุน ลุยตลาดคอนโดต่อเนื่องด้วยโครงการ ควินทารา มาย'เซน พร้อมพงษ์     นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ  บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ESTAR ได้พัฒนาโครงการแนวสูงบนเส้นทำเลสุขุมวิท ได้แก่ โครงการควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42, โครงการควินทารา อาเท่ สุขุมวิท 52 และโครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างมาก โดยเห็นได้จากเป้ายอดขายของทั้ง 3 โครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็น   โครงการควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 ที่บริษัทสามารถปิดยอดขายไปได้ 100% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เ โครงการควินทารา อาเท่ สุขุมวิท 52 ที่ตอนนี้ยอดขายไต่ระดับมาแตะถึง 98% โดยคาดว่าจะปิดการขายและพร้อมโอนภายในปีนี้ โครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ตอนนี้ยอดขายเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก อยู่ที่ 70%   ซึ่งจากความนิยมในโปรดักส์จะสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่อยู่บนทำเลเศรษฐกิจใจกลางเมือง จึงทำให้ ESTAR มั่นใจในทำเลพร้อมกับเดินหน้าขยายโครงการมูลค่า 1,000 ล้านบาท โครงการควินทารา มาย'เซน พร้อมพงษ์ ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา     “จากการวิเคราะห์ในศักยภาพทำเล พร้อมพงษ์ จัดอยู่หนึ่งใน 3 ของทำเลที่มีศักยภาพมากบนเส้นถนนสุขุมวิท  เป็นทำเลโซนชั้นในของเมือง อีกทั้งเส้นพร้อมพงษ์ยังเป็นย่านที่อยู่อาศัยชั้นดี เต็มไปด้วยบ้านหลังใหญ่และต้นไม้ขนาดใหญ่ จึงมีสภาพแวดล้อมที่ดี เงียบ สงบ และนับวันที่ดินจะหายาก จึงคุ้มค่าทั้งการซื้ออยู่อาศัยเองและซื้อไว้ลงทุนปล่อยเช่า ซึ่ง ณ ปัจจุบันราคาที่อยู่อาศัยย่านพร้อมพงษ์อยู่ที่ 220,000 บาท/ตร.ม.และจากความเป็นทำเลชั้นดี บริษัทจึงได้นำพื้นที่กว่า 2 ไร่ ที่ตั้งอยู่ในซอยพร้อมพงษ์ หรือซอยสุขุมวิท 39 มาพัฒนาเป็นโครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 คอนโดมิเนียมประเภท Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 323 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท โดยออกแบบให้เป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 28-38 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 58-64 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.99 ล้านบาท หากเมื่อคำนวณแล้วราคาขายเฉลี่ยของโครงการอยู่ที่ ประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถือว่าราคาดีและคุ้มที่สุดในทำเลนี้ เนื่องจากพร้อมพงษ์เป็นทำเลยอดนิยมของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงประชากรแฝงที่เข้ามาทำงานในย่านดังกล่าว” นายไพโรจน์ กล่าวถึงกลุ่มลูกค้าในย่านพร้อมพงษ์ หลักๆ แบ่งสัดส่วนเป็น 51% ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน ย่านพร้อมพงษ์-อโศก พนักงงานโรงแรม รวมถึงบุคลากรจากโรงพยาบาลชั้นนำ และ 21% คือกลุ่มเจ้าของกิจการในรัศมีรอบโครงการ รวมถึงกลุ่มผู้ปกครอง นักศึกษามหาวิทยาลัยในย่านนั้น นอกจากนี้อีก 8% จะเป็นพนักงานใน หน่วยงานภาครัฐต่างๆ และอื่นๆ อีก 20% จะเป็นลูกค้าที่ตั้งใจเข้ามาซื้อเพื่อการลงทุน โครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ถูกวางคอนเซปต์และการออกแบบที่ให้สอดคล้องกับพื้นที่ทำเล โดยหยิบยกเอกลักษณ์ของบ้านเรือนไทย “เรือนไทยหมู่” มาสร้างเสน่ห์ความงดงามให้กับการอยู่อาศัย เชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 4 ที่ออกแบบให้ เสมือนชานพักผ่อนของทุกคนครอบครัว พร้อมสวนสวยที่ทอดยาวต่อเนื่องตลอดแนวอาคาร สร้างทัศนียภาพที่สวยงามและสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ขณะที่การเดินทางสัญจรเข้า-ออก โครงการนั้น แม้จะอยู่ในซอย แต่ก็ถือว่าอยู่ในทำเลที่เชื่อมต่อ เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ รถยนต์ และสามารถเข้าออกได้หลากหลายเส้นทางทั้งทางอโศก สุขุมวิท ทองหล่อ และเพชรบุรี นอกจากนี้ยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำบนย่านลักชัวรี สไตล์ ได้แก่ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียเอ็มโพเรียม อาหาร คาเฟ่ จำนวนมาก นอกจากนี้ยังใกล้กับสถาบันการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาศรีนครินทวิโรฒ ประสานมิตร โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติเอกมัย รวมไปถึงโรงพยาบาลชั้นนำ อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลคามิลเลียน เป็นต้น นายไพโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนพัฒนาล่าสุดที่อยู่ในทำเลพร้อมพงษ์ในจุดเดียวกันและจะพัฒนาใกล้เคียงในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจะอยู่ในโปรดักส์ควินทารา มาย’ ซีรีย์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Creator of Life’s Pleasures” คือโครงการควินทารา มาย'เซน พร้อมพงษ์ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 276 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ ราคาเริ่มต้นที่คุ้มค่า เพียง 2.49 ล้านบาท มีจุดเด่น ดีไซน์สไตล์วิถีความเป็นเซน คือเรียบง่าย สบาย และลงตัว การออกแบบห้องพักที่ทั้งแบบสตูดิโอ 1 ห้องนอน และมีขนาดแบบ 1 ห้องนอนใหญ่ อีกทั้งยังมีแบบ 2 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น 21-65 ตร.ม. ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/2024 อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โครงการควินทารา มาย'เซน พร้อมพงษ์ มียอดพรีเซลแล้วกว่า 50% ทั้งนี้บริษัทฯ คาดการณ์สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งหลังต่อจากนี้ อันเนื่องจากปัญหา อันได้แก่ ภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ขณะที่ประชากรในประเทศไทยเป็นสังคมสูงวัยมากขึ้น สำหรับในประชากรกลุ่ม Gen Z ก็จะมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป คือนิยมเช่าบ้านมากกว่าซื้อ อีกทั้งในส่วนของราคาที่ดินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างสูง ที่อยู่ อาศัยจึงปรับขึ้นสูงตาม จึงทำให้ผู้บริโภคหันไปอยู่ทำเลนอกเมืองมากขึ้น แต่ก็จะมีต้นทุนค่าครองชีพและเดินทางที่ตามมา ซึ่งภายใต้ข้อจำกัดเบื้องต้นจากปัจจัยดังกล่าว จึงทำให้ ESTAR มุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบนความคุ้มค่า คุ้มราคา และมีไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด และหากทางภาครัฐมีส่วนช่วยในการสนับสนุนหรือเพิ่มนโยบายการซื้อบ้านหลังแรกอย่างอีกครั้ง พร้อมปรับเกณฑ์มาตรการ LTV ใหม่ เอื้อต่อการกู้ซื้อบ้านและคอนโดหลังแรก ก็จะเอื้อประโยชน์ให้กับลูกค้าและสร้างความคล่องตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น นายไพโรจน์ กล่าวสรุป   บทความน่าสนใจ ESTAR เปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ ไพโรจน์ วัฒนวโรดม ปรับใหญ่รุกตลาดบ้าน    
[PR News]เอพี ไทยแลนด์ คว้ารางวัลสำคัญ CEO และ CFO

[PR News]เอพี ไทยแลนด์ คว้ารางวัลสำคัญ CEO และ CFO

IAA Awards for Listed Companies 2022 – 2023 บมจ. เอพี ไทยแลนด์  คว้า 2 รางวัลคุณภาพในหมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง  จาก IAA Awards for Listed Companies 2022 – 2023 จัดโดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ได้แก่ รางวัล Outstanding CEO ที่มอบให้กับ นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ รางวัล Outstanding CFO ที่มอบให้กับนางสาวกรองทอง ปลูกผลงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี IAA Awards for Listed Companies 2022 – 2023 สองรางวัลทรงคุณค่าดังกล่าวมาจากผลโหวตของนักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุน ที่มอบให้กับผู้นำในอุตสาหกรรมที่ร่วมขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ตลาดทุนและประเทศไทยโดยรวม สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเอพี ไทยแลนด์ที่ทำงานแบบเจาะลึก เข้มข้น  เพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้ทุกคนมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้   “เอพี ไทยแลนด์” คว้ารางวัลสำคัญ CEO และ CFO โดดเด่น จาก IAA Awards for Listed Companies สะท้อนความเป็นผู้นำธุรกิจ และความเชื่อมั่นจากนักลงทุน IAA Awards for Listed Companies 2022 – 2023 นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า “เอพี ไทยแลนด์ ขอขอบพระคุณนักวิเคราะห์ นักลงทุนไทย และสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นต่อกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัท เป็นรางวัลแห่งความภูมิใจและเป็นกำลังใจสำคัญให้ทีมงานเอพีทุกคนไม่หยุดที่จะพัฒนาเพื่อเอ็มพาวเวอร์ให้ทุกคนในสังคมไทย มี “ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของเอพีเรา” เอพี ไทยแลนด์ ได้รับการประเมินเครดิตองค์กรจากทริสเรทติ้ง ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่มากถึง 58 โครงการ มูลค่าประมาณ 77,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 57,500 ล้านบาท และในครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมเปิดตัว 40 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 55,940 ล้านบาท       บทความน่าสนใจ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี “Create Your Own Etiquette วิถีแห่งที่สุดของชีวิตสุนทรียะในแบบของคุณ” 10 ปี AP Thailand – Mitsubishi Estate ผ่าแนวคิด Inclusive Living การออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัว “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” โปรเจ็กต์ร่วมทุน เพรสทีจ-ลักซ์ คอนโด กับ มิตซูบิชิ เอสเตท
[PR] CI มอบแคมเปญ Heart Deal Feel Good ลดครั้งใหญ่ 10 โครงการ ทุกยูนิตจ่ายเพียง 70%

[PR] CI มอบแคมเปญ Heart Deal Feel Good ลดครั้งใหญ่ 10 โครงการ ทุกยูนิตจ่ายเพียง 70%

CI มอบแคมเปญ Heart Deal Feel Good ลดครั้งใหญ่ 10 โครงการ ทุกยูนิตจ่ายเพียง 70% ชาญอิสสระ นำ 10 โครงการในเครือ ร่วมแคมเปญใหญ่ “Heart Deal Feel Good” กระตุ้นยอดปลายปี อัดโปรโมชั่นแรงทุกยูนิตจ่ายเพียง 70% พร้อม On Top สูงสุด 700,000 บาท ครั้งเดียวในรอบปี ทั้งบ้านเดี่ยวสุดหรู บ้านพักตากอากาศ คอนโดมิเนียม และโรงแรม ตั้งแต่วันนี้ – 31 ต.ค. 66   นายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสร้างสรรค์สื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโต มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้น ล่าสุดบริษัทฯ เตรียมจัดแคมเปญลดครั้งใหญ่กระตุ้นการตลาด “Heart Deal Feel Good” ลดครั้งใหญ่ในรอบปี ผนึก 10 โครงการในเครือจัดโปรโมชั่นทุกยูนิตจ่ายเพียง 70% พร้อมให้On Top สูงสุดถึง 700,000 บาท ทั้งบ้านเดี่ยวสุดหรู บ้านพักตากอากาศ คอนโดมิเนียม และโรงแรม เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้าได้มีโอกาสเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ในราคาสุดพิเศษ รวมถึงเข้าพักโรงแรมสุดหรู 3 โรงแรมในเครือ ในแพคเกจราคาสุดคุ้ม สำหรับโครงการที่เข้าร่วมแคมเปญ “Heart Deal Feel Good” ประกอบด้วย โครงการ ดิ อิสสระ สาทร ลักชัวรี่ คอนโดมิเนียม บนทำเลถนนจันทน์-สาทร ที่เชื่อมต่อการอยู่อาศัยของความเป็นเมืองและธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน  ซึ่งแล้วเสร็จพร้อมโอนตั้งแต่ ตุลาคม นี้ ด้วยราคาเริ่มต้น 5.59 ล้านบาท “โครงการดิ อิสสระ สาทร เป็นคอนโดมิเนี่ยมพร้อมเข้าอยู่ โลเคชั่นรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสีลม-สาทร จุดขึ้น ลง ทางด่วน สถานศึกษา และโรงพยาบาลชั้นนำ คอมมูนิตี้มอลล์ โดยโครงการให้ความสำคัญด้านงานออกแบบที่มีความเป็นส่วนตัว และเชื่อมโยงมนต์เสน่ห์ของความเป็นเมืองเข้ากับธรรมชาติที่ลงตัวเพียง 270 ยูนิต พร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางที่โอ่โถงให้การใช้ชีวิตทุกวันได้พักผ่อนอย่างแท้จริง” นายดิฐวัฒน์ กล่าว นอกจากนี้ยังมี โครงการ บ้านอิสสระ บางนา โครงการบ้านเดี่ยวสุดหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ บนทำเลย่านบางนา บ้านพร้อมเข้าอยู่ ที่ให้ความสำคัญด้านการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทสถาปนิก A49  ด้วยราคาเริ่มต้น 55 ล้านบาท* ลงทะเบียนรับส่วนลดเพิ่มเติมสูงสุด 700,000 บาท* ขณะที่โครงการศศรา หัวหิน (SASARA HUA HIN) ลักชัวรี่ บีชฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ บนทำเลย่านเขาตะเกียบ หัวหิน ประกอบด้วย อาคารชุดพักอาศัย 4 ชั้น 5 อาคาร จำนวน 110 ยูนิต ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด “The Art Of Escape” นำศิลปะเข้ามาผสมผสานการออกแบบ สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวโครงการ สะท้อนถึงการใช้ชีวิตที่หลีกหนีจากความวุ่นวาย ในราคาเริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาท มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายอาทิ สระว่ายน้ำ 5 แบบ 5 สไตล์ Lagoon Pool , Lap Pool, Step waterfall and Hidden Jacuzzi, Kid’s Pool และ Entertainment Pool พร้อมด้วยกิจกรรมมากมายทั้งภายในและภายนอกโครงการ ซึ่งคอนโดจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนภายในปีนี้ ขอมอบโปรโมชั่นพิเศษฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธ์, ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี, ฟรี ค่ากองทุนส่วนกลาง และฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ด้าน Baba Beach Club Luxury Pool Villa Hua Hin พูลวิลล่าสุดหรู “ความสุข ลงทุนได้” บริหารและพัฒนาโดยโรงแรมศรีพันวา ตั้งอยู่บนทำเลใกล้หน้าหาดประมาณ 200เมตร มีการออกแบบให้มีความ “เรียบหรู” ผสานกลิ่นอายของบ้านตากอากาศสไตล์โคโลเนียลเน้นโถงกลางบ้านและระเบียงที่สูงโล่ง ซึ่งแต่ละหลังของ วิลล่า มีความเป็นส่วนตัว ประกอบด้วยสวนสีเขียว และ สระว่ายน้ำส่วนตัวด้านหลังของบ้าน พร้อมห้องนอนที่สามารถลงสู่สระว่ายน้ำได้โดยตรง (Access Pool) รวมไปถึงสวนส่วนตัวในห้องน้ำเพื่อเน้นถึงความเป็นบรรยากาศของความเป็นรีสอร์ท ในราคาเริ่มต้น 31.9 ล้านบาท พร้อมรับโปรโมชั่น Fully Furnished ฟรีเฟอร์ฯ เครื่องใช้ไฟฟ้าครบ พร้อมอยู่, ฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอน, ฟรีค่าธรรมเนียมโอน 1%, ฟรีค่าสมาชิกแรกเข้า, ฟรีค่าสมาชิกรายปี และฟรีค่า Caring Package “โครงการทิวทะเลเวิลด์ ชะอำ – หัวหิน (Thew Talay World Cha Am – Hua Hin) ถือเป็นโครงการ มิกซ์ยูส ที่ผสมผสานทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย เพื่อการพักผ่อน และเพื่อการพาณิชย์ ที่ประกอบไปด้วย พูลวิลล่าตากอากาศ คอนโดมิเนียม โรงแรม Baba Beach Club ซึ่งมีทั้งโซนบีชฟร้อนท์ และโซน Habita Seaview ร้านกาแฟ ร้านอาหารและพื้นที่จัดงานในทำเลติดชายหาด ซึ่งปัจจุบันทำเลดังกล่าวยังมีอยู่น้อยมาก ทุกโครงการสามารถตอบโจทย์การพักอาศัยให้กับทุกๆ ไลฟ์สไตล์ ที่มาพร้อมกับการให้บริการเต็มรูปแบบ” นายดิฐวัฒน์ กล่าว ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมอย่าง โครงการบ้านทิวทะเล บลูแซฟไฟร์ (Blue Sapphire) โลว์ไรส์ และไฮไรส์ คอนโดมิเนียม 4 ชั้น 2 อาคาร และ 15 ชั้น 1 อาคาร พร้อมทั้ง Clubhouse อยู่หน้าหาด จำนวน 421 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของ โครงการบลู ไดมอนด์ (Blu Diamond) ไฮไรส์ คอนโดมิเนียม วิวทะเล สูง 21 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 491 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท โดยจะมีการจัดกิจกรรมในระหว่างวันที่ 13-15 ต.ค. 66  พบกับ Workshop สุดน่ารัก อาหารถิ่นเมืองเพชรบุรี เเละเครื่องดื่มให้บริการลูกค้า ตั้งแต่เวลา09.00 - 18.00 น. ที่สำนักงานขายทิวทะเลเวิลด์ ชะอำ-หัวหิน ขณะที่ โครงการบ้านสีตวัน ปากช่อง-เขาใหญ่  โครงการบ้านพักตากอากาศ  "Discover Tranquility In Your Own Retreat” นิยามของการพักผ่อนที่เป็นตัวคุณ ในทำเลปากช่อง มีความโดดเด่นด้านการออกแบบที่คำนึงถึง Eco-Living โดยนำเทคโนโลยีการก่อสร้างบ้าน Modular จาก SCG HEIM มาผสมผสานดีไซน์จากบริษัทสถาปนิก แฮบบิตา เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และสาธารณูประโภคที่ครบครัน ด้วยราคาบ้านพร้อมอยู่ และแปลงที่ดินเปล่า เริ่มต้น 4.99 -29.99 ล้าน พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษ ฟรีค่าส่วนกลาง 24 เดือน, ฟรีค่ากองทุนสำรอง, ฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ลงทะเบียนรับส่วนลด 100,000 บาท ในส่วนของโรงแรมในเครืออย่าง Sri Panwa Phuket ชูแพคเกจโปรโมชั่นห้องพัก 3 วัน 2 คืน ราคาเริ่มต้นเพียง 21,000 บาท* จอง: วันนี้ - 31 ต.ค. 66 เข้าพัก : วันนี้ - 31 ต.ค.67 ด้านโรงแรม Baba Beach Club Natai ชูโปรโมชั่นแพคเกจราคาห้องพัก 3 วัน2 คืน เริ่มต้นเพียง 13,000 บาท จอง: วันนี้ - 31 ต.ค. 66 เข้าพัก: วันนี้ - 16 เม.ย. 67 ขณะที่โรงแรม Baba Beach Club Hua Hin จัดดีลสุดคุ้ม โปรโมชั่นห้องพักคืนละ 5,500 บาท เข้าพัก 2 คืนขึ้นไป เหลือราคาคืนละ 5,115 บาท จอง: วันนี้ - 31 ต.ค. 66 เข้าพัก: วันนี้ - 31 มี.ค.67 สำหรับงานแคมเปญ Heart Deal Feel Good ถือเป็นแคมเปญใหญ่ที่จัดขึ้นครั้งเดียวในรอบปี โดยจะเริ่มตั้งแต่ วันนี้ - 31 ตุลาคม 2566 โปรโมชั่นต่างๆ ของแต่ละโครงการเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02 308 2222 หรือ www.charnissara.com, Line:@Charnissara   บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง Baan Issara Bangna เปิดแบบบ้านใหม่ พร้อมโปรซื้อบ้านแถมรถ Bentley เปิดตัว Issara Easy Connect  ดูโครงการ-ซื้อขายผ่านออนไลน์ รีวิวคอนโดย่านสาทร วิวคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา THE ISSARA SATHORN  
[PR News] สกาย กรุ๊ป ส่ง “เมทเธียร์” ลุยภารกิจใหญ่ Smart Facility Management

[PR News] สกาย กรุ๊ป ส่ง “เมทเธียร์” ลุยภารกิจใหญ่ Smart Facility Management

สกาย กรุ๊ป เปิดตัว “เมทเธียร์” รุกธุรกิจใหม่สร้าง New S-Curve ต่อยอดนวัตกรรมแห่งอนาคตสู่ธุรกิจการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ ผสานการพัฒนาโซลูชันจากขุมพลัง AI เดินหน้าเจาะโครงการอสังหาฯขนาดใหญ่ 5 กลุ่ม โครงการมิกซ์ยูส-ศูนย์การค้า-ออฟฟิศ-โครงการบ้านและคอนโด-โรงงานอุตสาหกรรม เตรียมระดมเทคโนโลยีสุดล้ำพลิกโฉมธุรกิจ Smart Facility Management       นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ในเครือบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป (SKY Group) เปิดเผยว่า สกาย กรุ๊ป ได้ต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ (Smart Security) สู่ธุรกิจใหม่ โดยเปิดตัวบริษัทย่อยภายใต้ชื่อ บริษัท เมทเธียร์ จำกัด หรือ “Metthier” เพื่อดำเนินธุรกิจการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ (Smart Facility Management) แบบครบวงจร หลังจากสกาย กรุ๊ป ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท รักษาความปลอดภัยและบริหารธุรการ สยาม จำกัด (รักข์สยาม) หรือ SAMCO ผู้ให้บริการครอบคลุมทั้งด้านการรักษาความปลอดภัย งานธุรการ และงานดูแลความเรียบร้อยของอาคารและสถานที่ ซึ่งมีบุคลากรกว่า 6,000 คน และดูแลกลุ่มลูกค้าองค์กรภาคเอกชนชั้นนำมากกว่า 400 รายในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ อาทิ สถาบันการเงิน ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อาคารสำนักงาน โรงงาน ผู้ให้บริการพลังงาน เมื่อ ก.ค. ที่ผ่านมา การผสานรวมจุดแข็ง (Synergy) จากทั้ง 2 บริษัท คือ ความเชี่ยวชาญของ Metthier ในด้านการพัฒนาโซลูชันจากขุมพลัง AI (AI-Empowered Solutions) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอัจฉริยะ มารวมเข้ากับความเป็นมืออาชีพด้านงานรักษาความปลอดภัยและดูแลความเรียบร้อยของอาคาร พร้อมเครือข่ายบุคลากรขนาดใหญ่ของ SAMCO นั้น จะช่วยให้ Metthier สามารถเดินหน้าธุรกิจ Smart Facility Management ได้อย่างแข็งแกร่ง และเป็น New S-Curve ที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับสกาย กรุ๊ป   สกาย กรุ๊ป ส่ง “เมทเธียร์” ลุยภารกิจใหญ่ Smart Facility Management ระดมสุดยอดเทคโนโลยีขั้นสูงให้บริการเมกะโปรเจกต์อสังหา   ทั้งนี้ Metthier ให้บริการครอบคลุมทั้งด้านระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ การบริหารจัดการอาคารสถานที่ รวมถึงโซลูชันที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยี AI  พร้อมศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเต็มรูปแบบ โดยมุ่งขยายฐานลูกค้าภาคเอกชนที่เป็นเจ้าของหรือผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่มีความต้องการด้านการบริหารจัดการอาคารและเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสูงใน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-Use) โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน 2.ศูนย์การค้า 3.อาคารสำนักงาน 4.โครงการบ้านและคอนโด และ 5.โรงงานอุตสาหกรรม     “Metthier มุ่งมั่นที่จะพลิกโฉมธุรกิจ Smart Facility Management ให้แตกต่างจากที่เคยเป็นมา ด้วยการนำเทคโนโลยีแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็น AI CCTV, Smart Incident Management, Digital Twin, 3D Visualization, Indoor Mapping, AIoT and Robotics เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรและระบบภายในอาคาร ทำให้ปัจจุบันเรามีบริการที่พร้อมรองรับโครงการอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราจะเปิดเผยรายละเอียดภายใน ต.ค. นี้” นายขยล กล่าว   บทความน่าสนใจ HBA เร่งฟื้นกำลังซื้อครึ่งปีหลัง จัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2023   
[PR News] การเคหะฯ จับมือพันธมิตรฉลองครบรอบ 50 ปี จัดงานใหญ่ “มหกรรมบ้านการเคหะแห่งชาติ 2023”

[PR News] การเคหะฯ จับมือพันธมิตรฉลองครบรอบ 50 ปี จัดงานใหญ่ “มหกรรมบ้านการเคหะแห่งชาติ 2023”

การเคหะแห่งชาติ จับมือพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ฉลองครบรอบ 50 ปี จัดงานใหญ่ “มหกรรมบ้านการเคหะแห่งชาติ 2023” ภายใต้แนวคิด “คิดถึงบ้าน คิดถึงการเคหะ” ในวันที่ 1-3 กันยายนนี้ พร้อมยกทัพโครงการที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและระหว่างก่อสร้างในทำเลศักยภาพทั่วประเทศจำนวน 11,492 หน่วย ให้ประชาชนร่วมจับจองเป็นเจ้าของ ในราคาจองเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท    นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานภายใต้กำกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชนและเมือง ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและครัวเรือนเปราะบางมาตลอดระยะเวลา 50 ปี สามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยไปแล้วกว่า 7 แสนหน่วย ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการเคหะชุมชน โครงการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด โครงการเคหะข้าราชการ โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง โครงการอาคารเช่า เป็นต้น และในวาระครบรอบ 50 ปี ของการเคหะฯ จึงได้จับมือร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนจัดงาน “มหกรรมบ้านการเคหะแห่งชาติ 2023” ภายใต้แนวคิด “คิดถึงบ้าน คิดถึงการเคหะ” ในระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2566 ตั้งแต่เวลา 08.30-18.00 น. ณ สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ และสำนักงานเคหะนครหลวง สำนักงานเคหะจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.   “งานมหกรรมบ้านการเคหะแห่งชาติ 2023 ถือเป็นอีกหนึ่งงานสำคัญแห่งปีที่ประชาชนจะได้มีโอกาสเข้าถึงที่อยู่อาศัยระดับคุณภาพ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดี ในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ โดยการเคหะแห่งชาติได้จับมือร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ เครือข่ายพันธมิตรและสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อมอบโปรโมชั่นสุดพิเศษให้กับประชาชนที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เฟอร์นิเจอร์และสินค้าแต่งบ้าน ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับบ้านในราคาสุดพิเศษ เพื่อมอบเป็นของขวัญช่วงปลายปีให้กับประชาชน ตามวิสัยทัศน์ของหน่วยงานที่ว่า “สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”นายทวีพงษ์ กล่าว   สำหรับ งาน “มหกรรมบ้านการเคหะแห่งชาติ 2023” การเคหะแห่งชาตินำโครงการที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและระหว่างก่อสร้างทั่วประเทศ จำนวน 11,492 หน่วย ประกอบไปด้วย โครงการเคหะชุมชน โครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามโครงข่ายคมนาคมโครงสร้างพื้นฐาน (TOD) และโครงการบ้านสวัสดิการข้าราชการ แบ่งเป็น กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 4,824 หน่วย ภาคกลาง 1,008 หน่วย ภาคเหนือ 505 หน่วย ภาคตะวันออก 2,339 หน่วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,329 หน่วย และภาคใต้ 1,487 หน่วย ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารชุด บนทำเลศักยภาพที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กันในแต่ละภาค มาให้ประชาชนที่สนใจได้ร่วมจับจองเป็นเจ้าของ โดยจองเริ่มต้นพียง 1,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังมอบโปรโมชั่นส่วนลดสุดพิเศษถึง 3 ต่อ ต่อที่ 1 ส่วนลดสูงสุด 10% จากมาตรการสนับสนุนการเข้าถึงที่อยู่อาศัยฯ หรือเลือกเช่าเพื่อซื้อ (Rent to buy) บ้านพร้อมที่ดิน 1,500 บาทต่อเดือน ห้องชุดขนาด 33 ตร.ม. 1,200-1,500 บาทต่อเดือน ห้องชุดขนาด 24 ตร.ม. 1,000-1,200 บาทต่อเดือน   ต่อที่ 2 เช่าซื้ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ จากโครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยฯ (คบส.) กรณีไม่ผ่านสินเชื่อธนาคาร  สำหรับบุคคลทั่วไป ปีที่ 1-4 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.50% สำหรับกลุ่มเปราะบาง (ผู้สูงอายุ ผู้พิการ พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือบุตรที่ซื้อบ้านในโครงการที่พ่อแม่อาศัยอยู่) ปีที่ 1-5 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.50% ผ่อนต่อเดือนเริ่มต้น 1,000 บาท หรือเช่าซื้อ กคช. อัตราดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับบุคคลทั่วไป ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4% สำหรับกลุ่มเปราะบาง (ผู้สูงอายุ ผู้พิการ พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือบุตรที่ซื้อบ้านในโครงการที่พ่อแม่อาศัยอยู่) ปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4% ผ่อนต่อเดือนเริ่มต้น 1,200 บาท และส่วนลดปิดโครงการสูงสุด 10,000 บาท สำหรับโครงการที่มีอาคารคงเหลือไม่เกิน 10 หน่วย   ต่อที่ 3 จองภายในวันงานรับส่วนลดเพิ่มทันที 15,000-40,000 บาท แบ่งเป็น โครงการเชิงสังคม 15,000 บาท โครงการเชิงพาณิชย์ ราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาทต่อหน่วย ลด 20,000 บาท ราคามากกว่า 2.5 ล้านบาทต่อหน่วย ลด 40,000 บาท รวมส่วนลดสำหรับโครงการที่เข้าร่วมทุกโปรโมชั่นสูงสุด 80,000 บาท รายละเอียดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และโครงการที่เข้าร่วมเป็นไปตามที่การเคหะแห่งชาติกำหนด พร้อมพบกับกิจกรรมให้ความรู้ กิจกรรมการทำน้ำหมักจุลินทรีย์ ตรวจสอบเครดิตบูโรฟรี รับสมัครงาน สินค้าชุมชน สินค้าตกแต่งบ้าน สินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัดจากโครงการธงฟ้า และบูธสถาบันการเงินต่าง ๆ อาทิ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารทีเอ็มบีธนชาติที่จะมาให้คำแนะนำและให้บริการเรื่องการยื่นขอสินเชื่อสำหรับลูกค้าภายในงานฯ   การเคหะแห่งชาติ รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีภารกิจหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ทั้งด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม สอดรับแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2579) ภายใต้วิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579” โดยมุ่งเน้นส่งเสริมและพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชน สนับสนุนให้มีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน ปัจจุบันได้พัฒนาที่อยู่อาศัยทั่วประเทศแล้วกว่า 7 แสนหน่วย พร้อมขับเคลื่อนโครงการสำคัญตอบสนองนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยังดำเนินโครงการ “บ้านเคหะสุขประชา” บ้านเช่าพร้อมอาชีพ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง และ “บ้านเคหะสุขเกษม” สร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้กับคนวัยเกษียณ   บทความน่าสนใจ การเคหะฯ ออก 3 มาตรการช่วยลูกค้าเก่า-ใหม่ จัดโปรฯ ลดดอกเบี้ย-ค่างวด ปรับโครงสร้างหนี้
[PR News]HBA เร่งฟื้นกำลังซื้อครึ่งปีหลัง จัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2023   

[PR News]HBA เร่งฟื้นกำลังซื้อครึ่งปีหลัง จัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2023  

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) จัดเต็มกลยุทธ์เร่งฟื้นกำลังซื้อสู้ภาวะเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 66 จับตา 2 วาระใหญ่ของประเทศ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่cและภาวะดอกเบี้ยพุ่ง 2.25% ส่งสัญญาณความเชื่อมั่นผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย เร่งสยายปีกเครือข่ายสมาชิกตลาดรับสร้างบ้านในแต่ละภูมิภาค เสริมทัพตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมจัดใหญ่งานมหกรรมแห่งปี “รับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2023” เริ่ม 20 – 24 ก.ย. 2566 เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนอยากมีบ้านเข้าถึงบริการคุณภาพ ในคอนเซ็ปต์ “ครบเครื่องเรื่องสร้างบ้าน” สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน                                   นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2566 ยังต้องจับตา 2 วาระใหญ่ของประเทศ ก็คือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ จะส่งผลทางบวกต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจรับสร้างบ้านมากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางข้อจำกัดของการทำธุรกิจที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น และการปรับตัวของดอกเบี้ยนโยบาย อีก 0.25% ต่อปี เป็น 2.25% จากเดิม 2.00% ต่อปี ซึ่งมีผลทำให้ผู้บริโภคอาจจะชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไปเรื่อย ๆ   “ความท้าทายจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดบ้านปลูกสร้างเองที่มีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท อาจเติบโตได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี ทางสมาคมฯ ได้เตรียมกลยุทธ์และแนวทางรับมือ เพื่อปลดล็อคข้อจำกัดที่มีและเพิ่มโอกาสให้ทั้งธุรกิจรับสร้างบ้าน รวมถึงผู้บริโภคที่กำลังวางแผนสร้างบ้าน สามารถตัดสินใจได้เร็วและง่ายขึ้น” นายโอฬาร กล่าว   ในส่วนของการเพิ่มโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น นายโอฬาร กล่าวว่า ปัจจุบันยอดสั่งสร้างบ้านมากกว่า 60% มาจากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมูลค่าบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ 5-10 ล้านบาท ขณะที่ตลาดในภูมิภาคแม้จะยังมีสัดส่วนที่น้อยกว่า แต่นับว่าเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจ และสามารถสร้างการเติบโตได้อีกมากในอนาคต   ปัจจุบันสมาคมฯ มีสมาชิก 132 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน 75 บริษัท และวัสดุก่อสร้าง 57 บริษัท โดยเตรียมขยายจำนวนสมาชิกใหม่ในส่วนภูมิภาคมากขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้และการเข้าถึงตลาดความต้องการของผู้บริโภคในภูมิภาค รวมทั้งยกระดับคุณภาพงานสร้างบ้านให้มีมาตรฐานเดียวกัน   “พื้นที่ต่างจังหวัด ส่วนใหญ่ใช้บริการบุคคลธรรมดาที่ไม่เป็นรูปแบบบริษัทมาสร้างบ้าน ซึ่งผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยประสบกับปัญหาเรื่องคุณภาพงานที่ไม่ได้มาตรฐานและรับเงินไปแล้วทิ้งงาน ดังนั้นการเข้าไปให้ความรู้ในมาตรฐานงานก่อสร้างและการตลาด จะส่งผลดีทั้งกับบริษัทรับสร้างบ้านในภูมิภาค รวมทั้งผู้บริโภคที่จะเข้าถึงบริการที่ได้คุณภาพและไว้วางใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาในภายหลัง” นายโอฬาร กล่าว   นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ เตรียมกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งเป็นงานใหญ่ของปี “รับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2023” ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 นับเป็นงานเดียวที่รวบรวมความครบเครื่องเรื่องบ้านไว้มากที่สุด พร้อมจัดเต็มสิทธิประโยชน์ ส่วนลด และของแถม จากบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ครบเครื่องเรื่องสร้างบ้าน”     ความพิเศษของงานในปีนี้ อัดแน่นไปด้วยกองทัพแบบบ้านให้เลือกกว่า 1,000 แบบ ราคาตั้งแต่ 1 – 100 ล้านบาท สิทธิพิเศษสำหรับการจองปลูกบ้านภายในงาน ลุ้นรับทองคำแท่ง 15 บาท มูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท** รวมทั้งบริการขอสินเชื่อสร้างบ้านภายในงานกู้ได้ 100% แบบไม่มีเงินก็สร้างบ้านได้ โดยมีสถาบันการเงินเข้ามาร่วมให้บริการสินเชื่อถึง 4 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และพบกับทรัพย์พร้อมอยู่ ราคาสุดพิเศษ จาก JAM และผู้เชี่ยวชาญเรื่องสร้างบ้านที่คอยให้คำปรึกษาสำหรับคนที่กำลังวางแผนสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง   “ด้วยข้อเสนอที่พิเศษสุด พร้อมด้วยบริการที่ครบวงจรรวมไว้ในงานเดียว และในปีนี้ นอกจากจะมีบริษัทสมาชิกจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มาร่วมออกงานแล้ว ยังมีบริษัทสมาชิกจากภาคใต้มาร่วมออกงานอีกด้วย นับว่าเป็นงานรับสร้างบ้านระดับประเทศอย่างแท้จริง โดยสมาคมฯ คาดหวังว่างานรับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2023 จะสามารถดึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กลับมา และกระตุ้นการตัดสินใจสร้างบ้านให้เร็วขึ้น ซึ่งจะส่งสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้านให้ขยายตัวภายในสิ้นปีนี้” นายโอฬาร กล่าวทิ้งท้าย   พบกับงานรับสร้างบ้านที่ครอบคลุมสำหรับทุกความต้องการ เรียกได้ว่ามางานนี้ที่เดียวจบ ครบเครื่องเรื่องสร้างบ้านจริง ๆ ในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2023 ระหว่างวันที่ 20 - 24 กันยายน 2566 ณ อิมแพ็ค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี  จัดโดยสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน   บทความนาสนใจ ไวด์เฮ้าส์ลุยตลาดรับสร้างบ้าน 2 แสนล้านประเดิมปีแรกทำรายได้ 60 ล้าน
[PR News] “ณ วีรา รามอินทรา” พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างจริงครั้งแรก แถมโปรส่วนลด 200,000 บาท

[PR News] “ณ วีรา รามอินทรา” พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างจริงครั้งแรก แถมโปรส่วนลด 200,000 บาท

ณวรางค์ แอสเซท ได้ฤกษ์เปิดตัวโครงการ ณ วีรา รามอินทรา มูลค่า 550 ล้าน ภายใต้แนวคิด “ให้คุณเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่ได้ทุกวัน ..CRAFT YOUR EVERYDAY” คอนโดฯ ใหม่ให้ครบเกินคุ้ม ย่านลาดปลาเค้าใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู แค่ 3 นาที พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างครั้งแรก ด้วยราคาเริ่มต้น 1.49 ล้าน แถมส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท ชูจุดเด่นทำเลทองเพื่อการอยู่อาศัย ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยจริง และลงทุนปล่อยเช่า   นายอภิภู พรหมโยธี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด  เปิดเผยว่า ได้เตรียมเปิดตัวโครงการ ณ วีรา รามอินทรา คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ล่าสุดของบริษัทพร้อมให้ชมห้องตัวอย่างครั้งแรกในวันที่ 26 -27 ส.ค.นี้ โดยเปิดขายห้องชุดในราคาเริ่มต้นเพียง 1.49 ล้านบาท และยังจัดโปรโมชั่นต้อนรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ด้วยส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท สำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์​ https://navarangasset.com/projects/naveera-ramintra/   สำหรับโครงการ  ณ วีรา รามอินทรา ตั้งอยู่บริเวณซอยลาดปลาเค้า 72 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีลาดปลาเค้า เพียง 3 นาที บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ มูลค่า 550 ล้านบาท มีจำนวน 218 ยูนิต พัฒนาภายใต้แนวคิด “ให้คุณเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่ได้ทุกวัน ..CRAFT YOUR EVERYDAY” คอนโดฯ ใหม่ให้ครบเกินคุ้ม ด้วยการดีไซน์ห้องที่ลงตัวเพื่อการอยู่อาศัยอย่างมีความสุข พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุคใหม่ อาทิ คลับเฮ้าส์สองชั้นที่มี Co-working space ฟิตเนสวิวธรรมชาติ รูฟท้อป สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ลานบาร์บีคิว   นายอภิภู กล่าวว่า โครงการ ณ วีรา รามอินทรา ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านลาดปลาเค้า เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีลาดปลาเค้า ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อมุ่งสู่ทุกจุดหมายในกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ยังใกล้กับแหล่งการศึกษาชั้นนำ อาทิ มหาวิทยาลัยศรีปทุมและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงแปดถึงสิบห้านาทีเท่านั้น ใกล้แหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ ทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ใช้ระยะเวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาที ใกล้กับสถานีราชการและแหล่งงานต่าง ๆ มากมายด้วย ความต้องการอยู่อาศัยของคนยุคปัจจุบัน ยังคงคำนึงถึงเรื่องทำเลที่ตั้ง ซึ่งต้องเดินทางสะดวก สามารถเชื่อมต่อกับบริการรถสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน    สำหรับโครงการ  ณ วีรา รามอินทรา นับว่าเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว เพราะใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส ในอนาคตยังจะเชื่อมต่อสายสีน้ำตาลและสีม่วงด้วย ซึ่งบริษัทตั้งใจพัฒนาดังกล่าวเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการอยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่ นักศึกษา ผู้ที่อยู่ย่านลาดปลาเค้าและต้องการขยับขยายจากบ้านเดิมแต่ยังรักในทำเลที่คุ้นเคย รวมทั้งกลุ่มนักลงทุนที่มองหาความคุ้มค่าสมราคา เพราะสามารถซื้อและปล่อยเช่าให้กับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือกลุ่มคนทำงานในบริเวณใกล้เคียงได้ด้วย โครงการมีห้องทั้งหมด 218 ห้อง โดยมีห้องทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ TYPE A  :  1 BEDROOM              22.07 -22.87 SQ.M. TYPE B  :  1 BEDROOM              26.42-27.34  SQ.M. TYPE C  :  1 BEDROOM PLUS   35.13-35.74   SQ.M. TYPE D1  :  2 BEDROOM            41.04            SQ.M. TYPE D2  :  2 BEDROOM            41.72            SQ.M.   โดยทุกห้องจะออกแบบในสไตล์โมเดิร์นมาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์แบบครบครัน ภายในวันงานโครงการมีโปรโมชั่น จองพร้อมทำสัญญาในงานรับ Voucher Central มูลค่า 5,000 – 10,000 บาท พิเศษเฉพาะในงานวันที่ 26 -27 ส.ค.นี้ เท่านั้น   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -ณวรางค์ แอสเซท ได้แรงหนุนสายสีชมพูสร้างใกล้เสร็จ ส่ง “ณ รีวา รามอินทรา” รับลูกค้าย่านลาดปลาเค้า -“ณวรางค์ แอสเซท” กางแผน 3 ปี ผุดโปรเจ็คต์ใหม่กว่า 5,000 ล้าน พร้อมเปิดตัว “ณ วีรา พหลฯ-อารีย์” คอนโดฯ เพื่อคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน
[PR News] นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป พร้อมเปิดตัว “หลับดี” 3 แห่งในญี่ปุ่นและไทย

[PR News] นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป พร้อมเปิดตัว “หลับดี” 3 แห่งในญี่ปุ่นและไทย

นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เตรียมเปิด 3 ที่พักใหม่ “หลับดี” ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เกาะเต่าและย่านไชน่าทาวน์ (สามยอด) ใจกลางกรุงเทพฯ ประเทศไทย   นายนที นิธิวาสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยว่า นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ผู้พัฒนาและประกอบธุรกิจที่พักแบรนด์หลับดีและโรงแรมเครือมาราสก้า ประกาศความพร้อมเปิดตัวที่พักแบรนด์หลับดี (Lub d) เพิ่มอีก 3 แห่งในปี 2566 และ 2567 ได้แก่ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ หลับดี เกาะเต่าและหลับดี ไชน่าทาวน์  กรุงเทพฯ โดยทั้ง 3 แห่งได้ออกแบบให้มีเอกลักษณ์ รวมถึงประสบการณ์การต้อนรับอันโดดเด่นของแบรนด์หลับดี ถือเป็นที่พักแนวไลฟ์สไตล์ ดีไซน์ทันสมัย เพื่อนักเดินทางรุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายชัดเจน และเน้นความคุ้มค่า การเปิดตัวที่พักแบรนด์หลับดีเพิ่มเติมอีก 3 แห่งถือเป็นการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ เสริมสร้างและสะท้อนความแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทที่กำลังขยายสาขาในเอเชีย หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินธุรกิจโรงแรมและบริการในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ โรงแรมหลับดีได้ขยายกิจการไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้งในไทยและประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันโรงแรมหลับดีได้เปิดให้บริการแล้วถึง 5 แห่ง ได้แก่ หลับดีในไทย 3 แห่ง เสียมราฐ กัมพูชา 1 แห่ง และกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ อีก 1 แห่ง   สำหรับในปีนี้ หลับดีมีแผนเปิดให้บริการโรงแรมเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง คือ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ในช่วงเดือนกันยายน และนอกจากนี้ยังมีแผนเปิดให้บริการเพิ่มเติมในปี 2567 อีก 2 แห่ง คือ หลับดี เกาะเต่า  ในไตรมาสที่ 1 และหลับดี ไชน่าทาวน์  กรุงเทพฯ ในไตรมาสที่ 3   โดยหลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฮอนมาจิ เมืองโอซาก้า หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ถือเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ เนื่องจากเป็นการเปิดตัว หลับดีที่แรกในญี่ปุ่น แขกผู้เข้าพักจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศของเมืองที่มีสีสัน แถมยังเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ที่สำคัญที่พักแห่งนี้ยังมอบโอกาสให้นักเดินทางจากทั่วโลกมาพบปะทำความรู้จักกันท่ามกลางกลิ่นอายวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการต้อนรับอย่างอบอุ่นในรูปแบบเฉพาะตัวของหลับดี ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกสุดทันสมัยไว้คอยให้บริการ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ยังเต็มไปด้วยการตกแต่งที่ทันสมัยพร้อมด้วยผลงานศิลปะจากศิลปินท้องถิ่น ที่จะทำให้บรรยากาศไม่น่าเบื่อและสนุกสนาน พร้อมเปิดให้บริการ ในเดือนกันยายน 2566 ส่วนหลับดี เกาะเต่า ตั้งอยู่ที่อ่าวโตนด ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 20 แหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดของโลก มีหาดหน้าที่พักอันเงียบสงบ ทรายขาวละเอียดและน้ำใสสวยงาม เนื่องจากเกาะเต่าเป็นจุดหมายปลายทางในดวงใจของนักดำน้ำลึก หลับดี เกาะเต่า จึงเปิดโรงเรียนสอนดำน้ำไว้คอยให้บริการด้วยเช่นกัน ใครที่พร้อมออกผจญภัย ทริปดำน้ำอันแสนเร้าใจอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นที่พักในฝันของผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยอย่างแท้จริง โดยหลับดี เกาะเต่ามีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2567   ขณะที่หลับดี ไชน่าทาวน์ กรุงเทพฯ เตรียมจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสามยอด ที่รายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ เยาวราช ชุมชนชาวจีนที่เก่าแก่ วัดวาอาราม ถนนคนเดินริมคลองโอ่งอ่าง และย่านการค้าพาหุรัด ชุมชนชาวอินเดียอันมีเสน่ห์  ใครได้มาสัมผัสบรรยากาศจะได้รับประสบการณ์ดี ๆ ที่ไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน   ด้านนางสาวนิธิดา นิธิวาสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบรนด์หลับดี กล่าวว่า หลับดีกำลังเติบโตทั่วเอเชียเพราะเราปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทางรุ่นใหม่ซึ่งอยากให้ที่พักที่เป็นมากกว่าที่พัก   ที่พักของเราเป็นพื้นที่สำหรับการเข้าสังคมและทำกิจกรรมเพื่อสัมพันธภาพและประสบการณ์ที่มีความหมายของนักเดินทางหนุ่มสาว หลับดีเป็นเหมือนแหล่งเติมพลังสำหรับการเดินทางสำรวจที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของนักเดินทางเหล่านี้   นางสาวนิธิดา อธิบายด้วยว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นในปี 2551 หลับดีตั้งเป้าที่จะเปิดที่พักทั้งในเมืองและเกาะต่าง ๆ ทั่วเอเชียมาโดยตลอด เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่อยากได้ที่พักที่สะดวกสบาย ราคาจับต้องได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สำรวจสิ่งแปลกใหม่และของแท้ดั้งเดิมอย่างเต็มที่   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ประกาศรายได้การให้บริการ-โรงแรมโตรับท่องเที่ยวฟื้นตัว ชูดิจิทัล-กลยุทธ์บริหาร RevPar สู่เป้ากว่า 10,000 ล้าน -AWC จับมือ โนบุ ผุดโรงแรม Plaza Athenee สร้างแลนด์มาร์กในนิวยอร์ก-กรุงเทพฯ
[PR News] กลุ่มบริษัทรีโว่ เปิด “ไอเจ้นท์ พระราม 9” พรีเมียมทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น

[PR News] กลุ่มบริษัทรีโว่ เปิด “ไอเจ้นท์ พระราม 9” พรีเมียมทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น

กลุ่มบริษัทรีโว่ เปิด “ไอเจ้นท์ พระราม 9” พรีเมียมทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น  เริ่ม 4.99 ล้าน ต่อยอดความสำเร็จ โครงการ ไอเจ้นท์ พรีเมี่ยมทาวน์โฮม พัฒนาการ   นางสาวสุทธิสินี อยู่สวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีโว ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กลุ่มบริษัท รีโว  ที่ร่วมทุนระหว่าง รีโวกรุ๊ป, บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB และ เค.อาร์.ซี. เอ็นจิเนียริ่ง เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จอย่างดี จากการพัฒนาโครงการ ไอเจ้นท์ พรีเมี่ยมทาวน์โฮม พัฒนาการ จึงได้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ “ไอเจ้นท์ พรีเมียมทาวน์โฮม พระราม 9” ทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น จำนวน 72 ยูนิต เรามีนโยบายที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด จึงมีความมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยให้ความสำคัญในเรื่องของนวัตกรรม และสิ่งแวดล้อมของที่อยู่อาศัยสำหรับชีวิตเมืองในปัจจุบัน นอกจากนี้ จากความต้องการของตลาดบ้านแนวราบ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง เป็นกลุ่มลูกค้าในตลาดระดับกลางถึงระดับบนที่มีกำลังซื้อ ประกอบกับพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปหลังเกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อาทิ การทำงานที่บ้าน (Work from home) ทำให้มีความต้องการบ้านแนวราบมากกว่า บริษัทจึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ เพราะมีพื้นที่ใช้สอยที่มา และมีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต   สำหรับโครงการ ไอเจ้นท์ พรีเมียมทาวน์โฮม พระราม 9  พรีเมียมทาวน์โฮม 3 ชั้น โครงการใหม่ บนทำเลใหม่ ย่านพระรามเก้า กับแบบบ้านที่ขายดีที่สุดเพียง 72 หลัง โดยมีจุดเด่นห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ 3 ห้อง พร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง และห้องอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย ด้วยฟังก์ชันและดีไซน์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี มีความเป็นส่วนทุกพื้นที่ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ส่วนกลางที่ออกแบบในสไตล์ Mid Century ที่มีทั้งคลับเฮ้าส์, ลานนวดเท้าเพื่อสุขภาพ, ฟิตเนส, Co-Working Hall พร้อม Library Room และพื้นที่สีเขียว รองรับกิจกรรมการอยู่อาศัย นอกจากนี้ ทางโครงการยังมีระบบ Smart Life Security สร้างความอุ่นใจด้วยระบบแจ้งเตือน Triple Active Alert เพื่อความสุขและอุ่นใจของทุกคนในครอบครัว โครงการตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ใกล้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์สถานีบ้านทับช้าง ใกล้รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองสถานีหัวหมาก อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อถนนหลักได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนอ่อนนุช ถนนพัฒนาการ ถนนมอเตอร์เวย์ เชื่อมเข้าถนนพระราม 9 และทางด่วนศรีรัช   โครงการ​ไอเจ้นท์ พระราม 9 พร้อมเปิดจองทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น รอบพิเศษสำหรับคนพิเศษ VIPday วันที่ 19-20 สิงหาคมนี้  ด้วยบ้านโซนพิเศษในราคาเริ่มต้นที่ 4.99 ล้านบาท จองวันนี้ กู้ 100% พร้อมรับโปรโมชั่นฟรี เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน เครื่องปรับอากาศ  Smart Home Gadget ค่าใช้จ่าย ณ วันโอน และพิเศษยิ่งขึ้น เมื่อลงทะเบียนออนไลน์รับส่วนลด 50,000 บาท อีกด้วย ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์พร้อมส่วนลดพิเศษได้ที่ https://www.eigen-rama9.com/ (เงื่อนไขต่าง ๆ เป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -พรีบิลท์ ปั้นแบรนด์ “พรรณนา” ลุยตลาดบ้านลักชัวรี่ราคา 15 ล้านอัพ !!
เอพี ไทยแลนด์ มิตซูบิชิ เอสเตท 10 ปีกับผลงานชิ้นโบว์แดง 24 โครงการร่วมทุน มูลค่ากว่า  1 แสนล้านบาท

เอพี ไทยแลนด์ มิตซูบิชิ เอสเตท 10 ปีกับผลงานชิ้นโบว์แดง 24 โครงการร่วมทุน มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท

เอพี ไทยแลนด์ มิตซูบิชิ เอสเตท เอพี ไทยแลนด์ และ มิตซูบิชิ เอสเตท แถลงความสำเร็จ  ของ 2 บริษัทชั้นนำผู้พัฒนาอสังหาฯ ในประเทศไทย และบริษัทพัฒนาอสังหาฯ เบอร์ต้นที่มากด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยาวนานกว่า 130 ปีจากประเทศญี่ปุ่น เดินหน้าความร่วมมือในโอกาสครบรอบ 10 ปี ประกาศแผนโรดแมป “FROM STRENGTH TO STRENGTH” ขับเคลื่อนการร่วมทุนที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น สู่การเติบโตที่ไม่สิ้นสุด ด้วยเม็ดเงินลงทุนผ่านทุนจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนที่มากถึง 12,619,408,010 บาท ขยายการลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมในประเทศไทย รับการฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าใจกลางเมืองที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง พร้อมผลักดันภารกิจเชื่อมต่อความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ มุ่งยกระดับคุณภาพการพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับกลาง - บน ในไทย   นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในวาระครบรอบ 10 ปี ความสำเร็จการร่วมมือทางธุรกิจ ระหว่างมิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับเอพี ไทยแลนด์ ตลอดจนยังถือเป็น Milestone สำคัญที่สะท้อนได้ถึงความเชื่อมั่นของพันธมิตร ต่อการทำงานของเอพี ไทยแลนด์ ความแข็งแกร่งทั้งนัยยะความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของประเทศไทย ที่เทียบเคียงนานาประเทศ   ทั้งนี้ มิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายแรกและรายเดียวที่มีโมเดลร่วมทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย ภายใต้ชื่อ “บริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนท์ จำกัด” สัดส่วนถือหุ้น 51:49  เพื่อทำหน้าที่เป็นบริษัทหลักในการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นระยะยาว ด้วยทุนจดทะเบียนมูลค่า ณ ปัจจุบันที่ 12,619,408,010 บาท (หนึ่งหมื่นสองพันหกร้อยสิบเก้าล้าน สี่แสนแปดพันสิบบาท)   เหนือสิ่งอื่นใด ความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ยังได้มีส่วนร่วมสร้างคุณูปการให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ทั้งในมิติ ด้านเม็ดเงินลงทุน ที่ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการจ้างงานกับคู่ค้ามากกว่า 100 บริษัท ที่อยู่ในระบบ Ecosystem ของอุตสาหกรรม การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งในมุมมองการดำเนินธุรกิจและคืนกลับสู่สังคม ซึ่งถือเป็นเรื่องยากมากที่บริษัทร่วมทุนแบบระยะสั้นจะดำเนินการสร้างคุณูปการเช่นนี้มอบคืนให้กับสังคม     “มิตซูบิชิ เอสเตท มีความพิเศษไม่เพียงแต่ในแง่ของขนาดบริษัท และประสบการณ์ระดับโลกเท่านั้น แต่ยังมีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล ที่พร้อมสนับสนุนความก้าวหน้าของภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยไปด้วยกัน อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการให้แรงบันดาลใจกับทีมเอพี ไทยแลนด์ สู่การสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัย ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อยกระดับให้สินค้าและบริการตอบโจทย์ชีวิตดีๆ ที่ลูกค้าเลือกเองได้” นายอนุพงษ์ กล่าวเสริม   นายอะซึชิ นากาจิมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจในต่างประเทศของมิตซูบิชิ เอสเตทเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 40 ปีที่แล้ว จากการพัฒนาอสังหาฯ ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ถึงวันนี้มิตซูบิชิ เอสเตทมีธุรกิจอสังหาฯ อยู่ในหลายประเทศและหลายภูมิภาค ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกาและเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศเอเชีย ซึ่งประเทศไทยนับเป็นฐานการลงทุนที่สำคัญ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีตลาดอสังหาฯ เติบโตอย่างมีศักยภาพ และเอื้ออำนวยต่อการลงทุนทำธุรกิจ รวมถึงการได้ร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งและยอดเยี่ยมอย่างเอพี ไทยแลนด์ ตลอดระยะเวลา 10 ปีความร่วมมือทางธุรกิจกับเอพี ไทยแลนด์ มิตซูบิชิ เอสเตทได้พัฒนาความเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรและปรัชญาองค์กรซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง ช่วยให้มิตซูบิชิ เอสเตทสามารถแลกเปลี่ยน องค์ความรู้ และแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจผ่านมุมมองระยะยาว ซึ่งคงไม่สามารถเป็นไปได้ หากความร่วมมือของทั้งสองบริษัทเป็นความร่วมมือระยะสั้นจบเป็นรายโครงการ     ทั้งนี้ ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการทำงานร่วมกับเอพี ไทยแลนด์ ตลอดจน “ความเชื่อมั่น” ที่มิตซูบิชิ เอสเตทมีต่อเอพี ไทยแลนด์ ทั้งองค์ความรู้ที่ลึกซึ้งถึงแก่นในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ความใส่ใจในทุกกระบวนการทำงาน การวางแผนงานต่างๆ ของเอพี การได้ทำงานกับเอพี ไทยแลนด์ในฐานะบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่เชี่ยวชาญเช่นเดียวกัน ทำให้มิตซูบิชิ เอสเตทได้เรียนรู้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เราทั้งสองบริษัทฯ ยังมีความมุ่งหมายตั้งใจที่จะสร้างคุณูปการให้กับธุรกิจร่วมทุนของเราและต่อสังคมไทย ด้วยการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญของเราในประเทศญี่ปุ่น ผ่านกิจกรรมต่างๆ ของเอพี ไทยแลนด์  และขณะนี้ ทั้งสองบริษัทฯ กำลังทำงานอย่างทุ่มเทในด้านการนำแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคนมาใช้เป็นหลักในการพัฒนาโครงการ   “มิตซูบิชิ เอสเตท มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถร่วมสร้างคุณูปการให้กับสังคมไทย ผ่านธุรกิจร่วมทุนกับพันธมิตรที่ดีและแข็งแกร่งอย่างเอพี ไทยแลนด์ และจะยังคงจับมือเดินหน้าร่วมกันไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบคุณค่าในฐานะบริษัทญี่ปุ่นให้กับสังคมไทยต่อไปในอนาคตข้างหน้าต่อจากนี้” ครบรอบหนึ่งทศวรรษความร่วมมือ เอพี ไทยแลนด์ - มิตซูบิชิ เอสเตท ได้พัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมทุน เจาะที่ดินแนวรถไฟฟ้าใจกลางกรุงเทพฯ ทั้งสิ้น 24 โปรเจกต์ มูลค่ารวมกว่า 116,300 ล้านบาท ทุกโครงการ มีผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทั้งมิติด้านการขายและโอนกรรมสิทธิ์ โดยสร้างผลงานปิดการขาย (Sold Out) ไปแล้วทั้งสิ้น 13 โครงการ คงเหลือโปรเจกต์ร่วมทุนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเปิดขาย 11 โครงการ (มูลค่ารวม 55,650 ล้านบาท) มียอดขายเฉลี่ยทุกโครงการรวมกันประมาณ 60% หรือคิดเป็นมูลค่าสินค้าพร้อมขายที่ 20,375 ล้านบาท    บทความน่าสนใจ เอพี ไทยแลนด์ ประกาศรายได้ครึ่งปีแรก 23,856 ล้าน เตรียมเปิดตัว 40 โครงการใหม่ทั่วไทย เอพี ไทยแลนด์ เผยผลงานปี 65 ทำรายได้ 49,388 ล้าน พร้อมกวาดกำไรเติบโตกว่า 23% เอพี ไทยแลนด์ ขนบ้าน-คอนโด ขายกว่า 1.65 แสนล้าน ลุยตลาดด้วยแผน INCLUSIVE GROWTH
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ MAJOR Pet Family Residences ผู้นำที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้ 100% ทุกโครงการ

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ MAJOR Pet Family Residences ผู้นำที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้ 100% ทุกโครงการ

บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  ผู้นำคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ ต่อยอดแนวคิด Major Petscape สู่การยกระดับมาตรฐานการพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ร่วมกันของคนและสัตว์เลี้ยง ผนึกพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 60 แบรนด์ ดีไซน์พื้นที่ทั้งภายในและภายนอกโครงการให้เป็นมิตรต่อคนและสัตว์เลี้ยง เน้นย้ำเรื่อง Non-Toxic และ Zero VOCs พร้อมมอบ สิทธิพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการสร้างชุมชนคนรักสัตว์ พร้อมบัญญัติคำนิยามใหม่ “MAJOR Pet Family Residences” ครั้งแรกและแบรนด์แรกที่ให้คุณและสัตว์เลี้ยงได้ใช้ชีวิตและเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยร่วมกันอย่างเท่าเทียม ภายใต้พันธสัญญา “สัญญา ว่าจะดูแลกันตลอดไป” คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในมิติของแบรนด์ที่มุ่งมั่นสู่การเป็น LifeScape Developer ที่ไม่ใช่แค่การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตที่เข้าใจและครอบคลุมในทุกบริบท เพื่อสร้างคุณค่าในการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน พร้อมได้เชื่อมโยงความใส่ใจทุกรายละเอียดของมาตรฐานของที่อยู่อาศัยแบบ MAJOR Craft & Quality สู่ไลฟ์สไตล์อย่าง Pet Humanization กับจุดยืนของแบรนด์ที่แตกต่างในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกโครงการ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมระดับคุณภาพ เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยมุมมองที่เท่าเทียม เพราะ “สัตว์เลี้ยง คือ สมาชิกสำคัญในครอบครัวที่ไม่ควรถูกแบ่งแยก” ทั้งนี้ เมเจอร์ฯ ถือเป็นผู้บุกเบิก และผู้นำที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้โดยลงมือทำอย่างจริงจังมานานกว่า 20 ปี จากจุดเริ่มต้นสู่การสร้างสรรค์ Major Petscape แนวคิดที่ออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการอาศัยร่วมกันของคนและสัตว์เลี้ยง บน 4 มิติหลัก ได้แก่ Petscape Guide ข้อปฏิบัติในการอยู่อาศัยร่วมกัน Petscape Design ความมุ่งมั่นในการออกแบบ และเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง Petscape Privilege สิทธิพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงการสร้างชุมชนคนรักสัตว์ Petscape Community”   “ข้อมูลการศึกษาวิจัยจาก Euromonitor และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงโต สวนกระแส Covid-19 โดยคาดว่าในปี 2569 ตลาดสัตว์เลี้ยงของโลกเติบโตเฉลี่ยปีละ 7.2% (CARG - Compound Annual Growth Rate) โดยเฉพาะตลาดภาคพื้นเอเชีย เช่นเดียวกับมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยจะเติบโตจากปี พ.ศ. 2564 ปีละ 8.4% (CARG) มาอยู่ที่ 66,748 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2569 นอกจากนี้ข้อมูลการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณของวิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU จากกลุ่มตัวอย่าง 1,046 คน พบว่า 80.7% ของผู้ที่เลี้ยงสัตว์ มีสถานะโสด ขณะที่ 19.3 มีสถานะสมรสแล้ว โดย 18% ของกลุ่มตัวอย่างบอกว่าเลี้ยงสัตว์เพื่อช่วยเหลือ และช่วยบำบัดรักษา (Pet Healing) เนื่องจากสัตว์เลี้ยงบำบัดมีประโยชน์ อาทิ เพิ่มความสุข เพราะช่วยเพิ่มระดับสาร Oxytocin ได้ 20% และทำให้สภาพจิตดี ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดความดันโลหิต รวมถึงช่วยเยียวยาจิตใจหรือร่างกาย”   คุณเพชรลดา กล่าวต่อไปว่า “คำจำกัดความของ ‘MAJOR Pet Family Residences’ จะถูกสะท้อนให้เห็นเป็นรูปธรรมในทุกมิติตั้งแต่การวางรูปแบบการดีไซน์ Petscape Design เพื่อที่จะขยายพื้นที่ความสุขร่วมกันของคนและสัตว์เลี้ยงในแต่ละโครงการ ยกตัวอย่าง โครงการ เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว คอนโดมิเนียม (Metris District Ladprao Condominium) ที่ได้รับการออกแบบดีไซน์เน้นเรื่อง Craft & Quality ควบคู่กับ Pet-Friendly และด้วยความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีความชื่นชอบที่หลากหลาย และทลายข้อจำกัดของประเภทสัตว์เลี้ยงตามความชื่นชอบที่แตกต่างจึงดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางใหม่ๆ อาทิ Multi-Pet Playroom พื้นที่พิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงทางเลือกอย่าง กระต่าย ชินชิลล่า เม่นแคระ เป็นต้น Cat Haus พื้นที่สำหรับน้องแมวโดยเฉพาะ และ Pet Park พื้นที่ออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่ให้น้องหมาได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งกับเจ้าของ อีกทั้งยังมีการวางมาตรการเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างและตกแต่งภายใต้มาตรฐาน เรื่อง Non-Toxic และ Zero VOCs ที่เป็นมิตรต่อคนและสัตว์เลี้ยง การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้บ้านเย็นและยับยั้งเชื้อโรคต่างๆทั้ง Solar Attic, Organic Care, Duraclean A+, Nanoe™ X air & odor purifier, UV Care254 Airflow เป็นต้น   นอกจากนี้ ยังมีการจัดเตรียมสิทธิพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง หรือ Petscape Privilege ตั้งแต่แรกเริ่มเข้ามาเยี่ยมชมโครงการฯ กับ PET-kit และ Petscape Welcome Package ต้อนรับสู่การร่วมเป็นครอบครัวเมเจอร์ฯ ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย รวมถึง การเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสัตว์เลี้ยงได้ตลอดทั้งปี อาทิ กิจกรรมเวิร์กช้อปสำหรับสัตว์เลี้ยง กิจกรรมคอนเสิร์ต รวมถึงงานแฟร์ หรืองานอีเว้นต์พิเศษนอกสถานที่ เป็นต้น โดยปัจจุบัน มีพาร์ทเนอร์สำหรับสัตว์เลี้ยงมากกว่า 60 แบรนด์ อาทิ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ โรงพยาบาลสัตว์คชาเว็ท LION Pet Care Royal Canin PETClub Bake n Bone Doquabistro Mellow Pet Shop PAWxPAW MEWRE เป็นต้น   โดยในปี 2566 นี้ เมเจอร์ฯ ได้รวบรวมประสบการณ์และความประทับใจจากลูกบ้านกลุ่ม Pet lover ตัวจริงมาสร้างสรรค์เป็นแคมเปญสื่อสารการตลาด เพื่อถ่ายทอดมุมมองเกี่ยวกับ ‘MAJOR Pet Family Residences’ ผ่านภาพยนตร์โฆษณา “สัญญา ว่าจะดูแลกันตลอดไป” PetFamilyResidences เพื่อสร้างการรับรู้ถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์และย้ำภาพผู้นำตัวจริงที่สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้ ‘ทุกโครงการ’ ‘MAJOR Pet Family Residences’ จะเป็นมาตรฐานสำคัญครั้งใหม่ของวงการอสังหาฯ กับการจับจุดยืน ทางการตลาดที่แตกต่าง แต่จับใจผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง และความเป็นตัวจริงคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ของเมเจอร์ฯ ที่ทำด้วยหัวใจของคนรักสัตว์ ทุกโครงการของเมเจอร์ฯ สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ 100% พร้อมเดินหน้าพัฒนาฟังก์ชั่นเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกับสัตว์เลี้ยงเต็มรูปแบบ ยกระดับความสุขในการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ร่วมกัน จนเกิดเป็นคอมมูนิตี้เพื่อคนรักสัตว์คุณภาพเพื่อความสุขในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน   บทความน่าสนใจ เมเจอร์ รุกเปิดแบรนด์ใหม่ “10 & Only” ครั้งแรกของบ้านหรู 100 ล้าน กับที่จอดรถหรูกลางบ้าน เมเจอร์ฯ ปั้นฐานลูกค้า Pet Lovers โต 30% รับไลฟ์สไตล์ “คนโสด-ไม่มีลูก” เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ลุยจัด “MEET & MINGLE” งานสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่
[PR News] AWC จับมือกับ Ant Group ร่วมสร้างความแข็งแกร่งเทคโนโลยีดิจิทัลอีโคซิสเต็ม

[PR News] AWC จับมือกับ Ant Group ร่วมสร้างความแข็งแกร่งเทคโนโลยีดิจิทัลอีโคซิสเต็ม

AWC จับมือกับ Ant Group AWC จับมือกับ Ant Group มุ่งยกระดับเทคโนโลยีดิจิทัลอีโคซิสเต็ม สําหรับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไลฟ์สไตล์ของไทย สร้างโอกาสการทำตลาดร่วมกัน ส่งเสริมการเติบโตอย่างไร้ขีดจํากัด ในการสร้างนวัตกรรมและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ด้วย omnichannel ช่องทางการตลาดที่เชื่อมออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงช่องทางการชําระเงินดิจิทัลระดับโลกสําหรับผู้ซื้อและผู้ขาย   นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับ Ant Group ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลระดับโลก ร่วมสร้างความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีดิจิทัลอีโคซิสเต็ม (Digital Technology Ecosystem) ในกลุ่มธุรกิจของ AWC พร้อมยกระดับโซลูชันการชําระเงินดิจิทัลในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยความร่วมมือกับ Ant Group นี้ จะสร้างประสบการณ์การทําธุรกรรมที่สะดวกสบายอย่างไร้รอยต่อแก่ผู้ซื้อและผู้ขายทั่วโลก นับเป็นก้าวสําคัญในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย ความร่วมมือในครั้งนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นของ AWC ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีดิจิทัลในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นไลฟ์สไตล์ของไทย พร้อมพัฒนาอีโคซิสเต็มทางธุรกิจที่ยั่งยืนให้กับกลุ่มธุรกิจค้าส่ง กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน และกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ โดยโซลูชันนี้ จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงการบริการชําระเงินดิจิทัล และสร้างประสบการณ์ Omnichannel ให้กับผู้ซื้อและผู้ขายทั่วโลก ได้แก่ โซลูชันทางการเงินดิจิทัล (Payment Solution) สําหรับกลุ่มธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และบริการของ AWC รวมถึง 'PhenixBox' ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Omnichannel ที่เชื่อมโยงการซื้อขายจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ และ Pikul แพลตฟอร์มดิจิทัลอสังหาริมทรัพย์ไลฟ์สไตล์ของ AWC ซี่งการร่วมมือกันนี้ยังส่งเสริมให้ AWC สามารถขยายอีโคซิสเต็มสำหรับกลุ่มธุรกิจค้าส่งด้วยระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ (Cross-Border Payment Solution) เพื่อสร้างโซลูชันการชําระเงินแบบครบวงจรสําหรับศูนย์กลางการค้าส่งของ AWC และแพลตฟอร์ม PhenixBox ที่จะช่วยให้การชําระเงินระหว่างผู้ค้าส่งและผู้ซื้อทั่วโลกในสกุลเงินต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่น”Thai translation. นอกจากนี้ AWC มุ่งพัฒนาอาคาร เอ็มไพร์ ให้มี ดิจิทัลอีโคซิสเต็ม (Digital Eco-System) ที่ครอบคลุม ส่งเสริมให้เป็นพื้นที่สำนักงานไลฟ์สไตล์สําหรับบริษัทเทคโนโลยีและดิจิทัล เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจด้านเทคโนโลยี ซึ่งความร่วมมือกับ Ant Group นี้ จะส่งเสริมการทำตลาดร่วมกัน (Cross-Marketing) กระตุ้นการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยาว พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้และความเชี่ยวชาญ เปิดโอกาสทางธุรกิจ และขยายฐานลูกค้า ด้วยจุดแข็งที่แข็งแกร่งของ AWC ในการเป็นเจ้าของพอร์ตโฟลิโอที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการไลฟ์สไตล์ และเครือข่ายสํานักงานที่มีผู้เช่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีและดิจิทัล สนับสนุนให้ความร่วมมือกับ Ant Group นี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  ผลักดันการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัลอีโคซิสเต็มสําหรับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไลฟ์สไตล์ในระยะยาว   นางวัลลภา กล่าวอีกว่า AWC เดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างโอกาสในการยกระดับประสบการณ์การทําธุรกรรมที่ราบรื่นให้แก่ลูกค้าและผู้ประกอบการทั่วโลก พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในวงกว้างด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลของ Ant Group ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ตรงกันเพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า เพื่อร่วมกันส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนในธุรกิจด้วยการนําเสนอโซลูชันเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย   นางสาวคลารา ชิ รองประธาน Ant Group และ Head of WorldFirst กล่าวว่า การเป็นพันธมิตรกับ AWC ตอกย้ำถึงความสำคัญของระบบการชำระเงินที่มีความคล่องตัวที่ช่วยสนับสนุนการทำธุรกรรมทั่วโลก และเป็นกลไกสู่ความสำเร็จในโลกปัจจุบันที่เชื่อมต่อถึงกันด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทาง ​​Ant Group ได้พัฒนาโซลูชันการชำระเงินข้ามพรมแดนอย่างครอบคลุมเพื่อเพิ่มความคล่องตัวของระบบการทำธุรกรรมข้ามประเทศ Ant Group มุ่งมั่นในการส่งเสริมธุรกิจต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงและมอบประสบการณ์ที่ดีกับทั้งพันธมิตร ผู้ขาย และลูกค้าในแต่ละประเทศผ่านช่องทางการชำระเงินแบบ Omnichannel และการบริการทางการเงินต่างๆ ขององค์กรมากมาย 4 กลุ่มธุรกิจภายใตความร่วมมือ การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่าง AWC และ Ant Group นี้ จะสร้างความร่วมมือในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ได้แก่: กลุ่มธุรกิจค้าส่ง ได้ร่วมมือกับ 'WorldFirst' แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการชำระเงินและบริการทางการเงินแบบครบวงจรสำหรับ SME ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระดับโลกหรือการค้าข้ามพรมแดน ภายใต้ Ant Group มีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจค้าส่งโดยนําเสนอบริการชําระเงินข้ามประเทศ อํานวยความสะดวกสำหรับทุกขั้นตอนการใช้จ่ายจากทางออนไลน์สู่ออฟไลน์ (O2O) พร้อมขยายเครือข่ายผู้ซื้อและผู้ขายในการเป็นแพลตฟอร์ม Business-to-Business (B2B) ที่ทำให้การเข้าถึงบริการทางการเงินของซัพพลายเชนง่ายขึ้น อีกทั้ง AWC วางแผนที่จะเปิดใช้งานโซลูชันการชําระเงินข้ามประเทศในแพลตฟอร์ม  PhenixBox ที่ช่วยส่งเสริมช่องทางการชําระเงินของผู้ซื้อ การค้าขาย และการตลาด ภายในปี 2566 กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ และกลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า ความร่วมมือกับ 2C2P ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการชำระเงินเต็มรูปแบบและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของ Ant Group มีเป้าหมายที่จะยกระดับช่องทางการชําระเงิน วิธีการ และประสบการณ์ของผู้ใช้ให้มีประสิทธิภาพสําหรับนักเดินทางและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน ด้วยจุดแข็งของ Ant Group ในเทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยสร้างการเชื่อมต่อระหว่างองค์กร ผู้คน และสังคม เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มในอาคาร ‘เอ็มไพร์’ ให้เป็นคอมมูนิตี้ดิจิทัลรูปแบบใหม่ เชื่อมต่อผู้เช่าในอุตสาหกรรมดิจิทัลเข้าด้วยกัน กลุ่มธุรกิจในด้านดิจิทัล (Digitalization Business) การทำงานร่วมกับ 2C2P เพื่อเสริมศักยภาพของช่องทางการชําระเงินและโซลูชัน e-wallet บัตรเติมเงิน และโปรแกรมระบบสมาชิกที่ปรับเพื่อการใช้งานอย่างลงตัวใน  Pikul แพลตฟอร์มดิจิทัลอสังหาริมทรัพย์ไลฟ์สไตล์ของ AWC ที่กําลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -[PR News] ไทยพาณิชย์ ปล่อยสินเชื่อความยั่งยืน-สินเชื่อสีเขียว 20,000 ล้าน ให้ AWC
[PR News] อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หนุนโครงการ “DIPROM PATHFINDER”

[PR News] อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หนุนโครงการ “DIPROM PATHFINDER”

อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรเพื่อพิชิตพันธกิจ ในการร่วมสานฝันและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ที่รักงานออกแบบ ผ่านโครงการ “DIPROM PATHFINDER” กับการประกวด CRAFT INNOVATION AWARDS เพื่อเฟ้นหาดีไซน์เฟอร์นิเจอร์แนวใหม่ จากนักออกแบบบุคคลทั่วไปที่มีไฟและความฝัน มาร่วมประลองไอเดียงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ผสานงานหัตถศิลป์เข้ากับนวัตกรรมแห่งอนาคต ในคอนเซ็ปต์ “โต๊ะ WORK TO DINE” Work hard, Eat harder     นางสาวพิชพิมพ์ ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท  อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ​ เปิดเผยว่า  ได้ร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรกับ “กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม” โดย ดร.วรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ และนางสาวฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ กรรมการผู้จัดการ  บริษัท โซเชียลแล็บ จำกัด ในโครงการ “DIPROM PATHFINDER” การประกวด ‘CRAFT INNOVATION AWARDS’ เพื่อสนับสนุนไอเดียผู้ที่รักงานดีไซน์สู่การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ผสานนวัตกรรมแห่งอนาคต  และต่อยอดการสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วย DESIGN THINKING โดยการผลิตจริงและจำหน่ายจริงที่ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์   ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืน (ESG) ในฐานะผู้ส่งต่อโอกาสให้แก่สังคมอย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกันก็สามารถนำเฟอร์นิเจอร์แนวใหม่มาเพิ่มประสบการณ์ช้อปให้กับผู้บริโภค อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ตอบโจทย์ เทรนด์การใช้ชีวิตยุคใหม่อย่างลงตัว  ซึ่งการประกวดภายใต้โครงการ “DIPROM PATHFINDER” ถือเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักออกแบบบุคคลทั่วไปที่  แม้ไม่ได้เป็นดีไซน์เนอร์ก็สามารถร่วมส่งผลงานเข้าประกวดได้อย่างเท่าเทียม โดยโจทย์การออกแบบภายใต้ คอนเซ็ปต์ “โต๊ะ WORK TO DINE” Work hard, Eat harder (โต๊ะอาหารที่ทำงานได้สะดวก - โต๊ะทำงานที่กินข้าวได้สบาย) เป็นการผสานไอเดียหัตถศิลป์เข้ากับนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี เช่น แสง, เสียง ฯลฯ เพื่อให้ได้โต๊ะที่โดดเด่นด้านดีไซน์ควบคู่ฟังก์ชันการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชั่น รวมทั้งต้องเลือกวัสดุที่ให้ความปลอดภัยกับการใช้งาน  มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า และราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้   โดยการเฟ้นหานักออกแบบและเวิร์คช้อปได้ดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 6 เดือน โดยมีคณะกรรมการ 7 ท่านจากแวดวงการออกแบบและอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ดร.วรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ จาก กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, นางสาวพิชพิมพ์ ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการผู้จัดการสายการค้า และทีม Index Design Center จาก อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์, นายกิตติรัตน์ ปิติพานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้และผู้อำนวยการสถาบันอุทยานการเรียนรู้ (TK Park), ผศ.ดร.สุภชัย วงศ์บุณย์ยง  รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี, นางสาวฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจ Ceemeagain และนายสาธิต กาลวันตสานิช ผู้ก่อตั้งบริษัท Phenomena และ Propagenda เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการตั้งแต่การคัดเลือกนักออกแบบผู้เข้ารอบ พร้อมให้คำแนะนำ-เสริมแนวคิด และองค์ความรู้เพื่อพัฒนาดีไซน์และเลือกวัสดุเพื่อผลิตผลงานจริง   ล่าสุดได้คัดเลือกผู้ชนะเลิศในโครงการ “DIPROM  PATHFINDER” ร่วม 3 ทีม ดังนี้ ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “LAYER WORKING SPACE KHANOM CHAN” ใช้ไอเดียการเล่นเลเยอร์ไม้แบบขนมชั้น พร้อมฟังก์ชันจัดเก็บและปลั๊กไฟ เหมาะกับบ้านยุคใหม่ ในสไตล์มินิมอลโทนไม้สบายตา เรียบง่าย สะดวกทั้งกินข้าวและทำงาน  ผลงานโดย  ปรีชา แตงเล็ก ผู้ชนะเลิศอันดับ 2 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “การเพิ่ม-ปรับ-ขยับ-เปลี่ยน” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและฟังก์ชันการใช้งานของทุกคนได้อย่างลงตัว โดยทีม Big : Bear : Book Theteam ประกอบด้วย นางสาวปรียศรี พรหมจินดา, นางสาวสันทิตา พยุงพงศ์ และนายพงษ์พันธ์ สุริยภัทร ผู้ชนะเลิศอันดับ 3 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Ma” การออกแบบโต๊ะตอบโจทย์ฟังก์ชันจัดเก็บการใช้งานรูปแบบโต๊ะอาหารและทำงาน โดยซ่อนจุดจัดเก็บอเนกประสงค์ส่วนขาโต๊ะ ทั้งเครื่องครัว-ช้อนส้อม, เครื่องเขียน โดย Ma Team ประกอบด้วย นางสาวนิรินธนา คุมมณี, นายสุชนม์ พรหมปัญญา และนางสาวสิชล พรหมปัญญา ในขณะนี้ทีม Index Design Center จาก Index Living Mall  ได้ร่วมกับทีมผู้ชนะ เพื่อพัฒนาแบบ&ดีไซน์ผลงาน ให้ลงตัวกับภาคการผลิตก่อนทำ Prototype  นอกจากผลงานของผู้ชนะการประกวดจะเข้าสู่กระบวนการผลิตจริงแล้ว ผู้ชนะเลิศอันดับ 1  ยังจะได้ส่วนแบ่งจากการจำหน่ายสินค้า 5% โดยมีระยะเวลาจำหน่าย 1 ปี ที่ ILM  (วางจำหน่ายราวปลาย Q4 / 2566)  สำหรับผลงานของผู้ชนะเลิศอันดับ 2 และอันดับ 3 สามารถพรีออเดอร์ได้ผ่านทาง www.goodgeek.com ก่อนดำเนินการผลิตและจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ต่อไป อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เชื่อมั่นในพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย  พร้อมเข้าร่วมสนับสนุน และมอบโอกาสเพื่อต่อยอดการสร้างรายได้ให้สังคมอย่างรอบด้าน  ตามนโยบายการขับเคลื่อนธุรกิจหลักควบคู่พัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน       อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -อินเด็กซ์ฯ ปรับตัวสู้โควิด ลุยออนไลน์ สร้างยอดโต 150% เดินหน้าปรับโฉมสาขาจับลูกค้าไฮเอนด์
[PR News] ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ สนับสนุนบัตรห้องพักโรงแรมในเครือฯ ในงานพัทยามาราธอน 2566

[PR News] ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ สนับสนุนบัตรห้องพักโรงแรมในเครือฯ ในงานพัทยามาราธอน 2566

บริษัท ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ จำกัด บริษัทในเครือ ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ร่วมสนับสนุนรางวัลบัตรห้องพักโรงแรมในเครือ 2 วัน 1 คืน จำนวน 6 รางวัล   ในงาน “ การแข่งขันวิ่งพัทยา มาราธอน 30  (พัทยา มาราธอน 2023) ”  อาทิ บัตรห้องพัก โรงแรม เบย์เฟียร์ โฮเทล พัทยา (Bayphere Hotel Pattaya) 4 รางวัล, บัตรห้องพัก โรงแรม ครอส ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์ (Cross Vibe Pattaya Seaphere) 2 รางวัล สำหรับผู้ชนะการแข่งขันวิ่ง   โดยมี นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้มอบรางวัล พร้อมด้วย นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ให้เกียรติร่วมมอบรางวัลครั้งนี้ ที่ เทอร์มินอล 21 พัทยา เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา   ซึ่งภายในงานยังมีทีมพนักงานจากโรงแรมในเครือบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม เบย์เฟียร์ โฮเทล พัทยา (Bayphere Hotel Pattaya), โรงแรม ครอส พัทยา โอเชียนเฟียร์ (Cross Pattaya Oceanphere) และโรงแรม ครอส ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์ (Cross Vibe Pattaya Seaphere) ร่วมเป็นกำลังใจให้กับเหล่านักวิ่ง และผู้ร่วมแข่งขันทุกท่าน โดยการมอบของที่ระลึกภายในงาน ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานครึกครื้น   บทความ ฮาบิแทท ร่วมสนับสนุนงาน PATTAYA INTERNATIONAL BIKINI BEACH RACE 2022 7 เหตุผล “ฮาบิแทท กรุ๊ป” ฝาก “เฮนตระกูล” ปั้นไฮแลนด์ลงทุนพูลโฮสเทล 1,700 ล้าน
[PR News] ธนาวิลเลจ วงแหวน – ปิ่นเกล้า บ้านแฝดที่ครบเครื่องทุกฟังก์ชัน

[PR News] ธนาวิลเลจ วงแหวน – ปิ่นเกล้า บ้านแฝดที่ครบเครื่องทุกฟังก์ชัน

ธนาวิลเลจ วงแหวน – ปิ่นเกล้า ใครที่ยังคิดไม่ตกว่าจะซื้อบ้านแบบไหนดี ?  "บ้านเดี่ยว" ไปเลยดีไหม ? ... แล้ว "บ้านแฝด" ล่ะ ... ก็น่าสนนะ ? ทั้งยังเป็นตัวเลือกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่สิ่งสำคัญ นอกจากตอบโจทย์ความต้องการของเราแล้ว ยังต้องตอบโจทย์เงินในกระเป๋าสตางค์ด้วย   ธนาสิริ (THANA) เปิดตัวโครงการธนาวิลเลจ วงแหวน - ปิ่นเกล้า พร้อมกับนิยามบ้านแฝดที่มีพื้นที่เกือบเท่าบ้านเดี่ยวในราคาจับต้องได้ เสมือนเป็นตัวเลือก "ตรงกลาง" ที่มีพื้นที่ไม่น้อยเกินไป แต่จ่ายในราคาไม่เกินตัว ไปกับแนวคิดโครงการที่ว่า “ใช้ชีวิตกับความสุขที่ใช่ ... ในพื้นที่ส่วนตัวของคุณ” “ธนาวิลเลจ วงแหวน – ปิ่นเกล้า” บ้านแฝดหลังใหญ่ 2 ชั้น จำนวน 114 ยูนิต บนเนื้อที่ 18-2-5.15 ไร่ มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น (โปรโมชั่น) 4.69 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จ ประมาณ 30 % โดยมีหน้ากว้าง 11 เมตร ส่งให้ทุกฟังก์ชันสัมผัสกับธรรมชาติบริเวณหน้าบ้านโดยรอบ เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่เริ่มสร้างชีวิตในสไตล์ที่บ่งบอกความเป็นตัวตน ใส่ใจกับทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิต ด้วยการออกแบบสไตล์ Modern Craft จำนวน 3 แบบบ้าน ได้แก่ Levie (เลวี่) (28 ยูนิต) พื้นที่ใช้สอย 164.30 ตร.ม. , Vejle (ไวเล่) (60 ยูนิต)  พื้นที่ใช้สอย 155.47 ตร.ม. , Dalarna (ดอลลาน่า) (26 ยูนิต) พื้นที่ใช้สอย 151.08 ตร.ม. โดยการออกแบบ Modern Craft เน้นที่ความทันสมัย แต่ไม่หมุนเปลี่ยนตามกระแส สอดรับกับการใช้ชีวิตในวิถีการรู้คุณค่าทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สำหรับตัวบ้านก่อสร้างด้วยผนังก่ออิฐมวลเบาที่แข็งแรง ทนทานกับความร้อน และเก็บเสียงได้มากกว่าผนังทั่วไป ทั้งยังจัดวางพื้นที่ภายในบ้านให้มีความเป็นส่วนตัว ขณะเดียวกันแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเป็นสัดส่วน ลงตัวทุกอิริยาบถ เหมาะกับการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคนทุกวัย สร้างความรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่เข้ามาในบ้าน และเมื่อคุณรู้สึกเหนื่อยล้า ที่นี่จะกลายเป็นที่สำหรับเติมพลังเก็บเกี่ยวความสดชื่นให้สามารถสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวาที่เกิดขึ้นที่ “ธนาวิลเลจ วงแหวน – ปิ่นเกล้า”   สลับบรรยากาศมาที่สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ เริ่มจาก Clubhouse ที่เน้นการออกแบบให้เป็นพื้นที่โปร่งโล่ง และประหยัดพลังงาน โดยการนำหลักการธรรมชาติมาปรับภูมิทัศน์ให้กลมกลืนกับการออกแบบให้สามารถใช้ทุกพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใน Clubhouse ประกอบด้วย สระว่ายน้ำระบบเกลือ และห้องออกกำลังกาย โดยรอบนอกอาคารล้อมรอบด้วยพื้นที่สวนสีเขียว เติมเต็มทุกพื้นที่โล่งภายในโครงการ พร้อมสรรพด้วยเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง สนามเด็กเล่น เลนสำหรับวิ่งกลางแจ้ง และเดินออกกำลังกายตามแนวสวน ตลอดจนลานหินนวดเท้าคลายเส้น จุดเด่นของ “ธนาวิลเลจ วงแหวน – ปิ่นเกล้า” ตั้งอยู่ในย่านถนนกาญจนาภิเษกที่สามารถเชื่อมต่อได้หลากหลายเส้นทาง เป็นหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้อยากมีบ้านที่ต้องการใช้ชีวิตแบบคนเมืองที่มีความเป็นส่วนตัวสูง กับทำเลที่มากด้วยศักยภาพ ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกสบาย ทั้งห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์  ตลาดสด โรงพยาบาล สถานศึกษา และหน่วยงานราชการต่างๆ   “ใช้ชีวิตกับความสุขที่ใช่ ... ในพื้นที่ส่วนตัวของคุณ” กับโครงการธนาวิลเลจ วงแหวน – ปิ่นเกล้า ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ให้เราได้ใช้ชีวิต สร้างแรงบันดาลใจ และรู้สึกผ่อนคลายไปในทุกๆ วัน   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -ธนาสิริ จับมือ อนาบูกิ โคซัน บุกโซนกรุงเทพฯ​ ตะวันออก ปั้น “ธนาวิลเลจ บางนา-บางบ่อ” มูลค่ากว่า 1,000 ล้าน -ธนาสิริ เดินแผนปี 66 เปิดขายบ้าน 2-20 ล้าน พร้อมรับร่วมทุนปั้นที่ดิน100ไร่ในภูเก็ต
[PR News] ERA ชู CHAT GPT สุดล้ำ หนุนสร้าง ตัวแทนขาย คุณภาพ

[PR News] ERA ชู CHAT GPT สุดล้ำ หนุนสร้าง ตัวแทนขาย คุณภาพ

นักขายอสังหา ERA (THAILAND) ประกาศแผนกลยุทธ์ต่อยอดการเติบโตหลังดำเนินธุรกิจมาครบ 30 ปี วางธีม “Enrich lives, Embrace Tech” เติมเต็มชีวิต นักขายอสังหาฯ ด้วยเทคโนโลยีโลกอนาคต ชูจุดแข็งเป็นรายแรกที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ OPEN AI ‘CHAT GPT’ เข้ามาเสริมศักยภาพตัวแทนขายให้ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด ควบคู่กับเครื่องมือสุดสมาร์ท ‘VR PRO’ เพิ่มโอกาสปิดทุกดีลการขายได้ง่ายดั่งใจ พร้อมเดินหน้าเต็มสูบขยายสาขา แฟรนไชส์ครอบคลุมทั่วไทย และมีตัวแทนคุณภาพแตะระดับ 3,000 ราย ในสิ้นปี 2566 นี้ นายวรเดช ศิวเตชานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีอาร์เอ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ERA Holding (ประเทศไทย)เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 ปัจจุบันจะก้าวขึ้นสู่ปีที่ 31 บริษัทจึงประกาศทรานฟอร์มธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ วางธีมประจำปี “Enrich lives, Embrace Tech” เติมเต็มชีวิตนักขายอสังหาฯ ด้วยเทคโนโลยีโลกอนาคต” ชูจุดเด่นเป็นบริษัทแรกของวงการธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ที่นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ โดยจะนำ Chat GPT หรือ Chatbot Generative Pre-trained Transformerมาใช้ และด้วยการสนับสนุนจาก ERA Asia Pacificทำให้ Chat GPT โมเดลนี้ ได้ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นภายใต้การดูแลของทีม AI LAB เพื่อให้ตอบสนองต่อธุรกิจของ ERA โดยเฉพาะ จึงมีความชาญฉลาดในด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะช่วยให้ตัวแทนขายและบริษัทสมาชิกของ ERA สามารถนำไปใช้งานได้ง่ายขึ้นเพียงปลายนิ้ว ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นมา ERA Asia Pacific ได้นำ Chat GPT มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับสำนักงานภูมิภาคในประเทศต่างๆ ได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว และประเทศไทย โดยจะมีการฝึกสอนการใช้งานและสนับสนุนในทุกด้าน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทสมาชิกและตัวแทนขายจะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังนำโปรแกรม“VR PRO” มาใช้ ซึ่งจะสามารถแสดงภาพเสมือนจริงของทรัพย์แต่ละประเภทได้อย่างละเอียดทุกพื้นที่ ทำให้ลูกค้าในทุกมุมโลกสามารถเข้าดูทรัพย์และสภาพแวดล้อมโดยรอบ ผ่านทางระบบได้ทุกที่ทุกเวลาตามต้องการ โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ตั้งจริง ช่วยเพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลา ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสในการปิดดีลซื้อหรือเช่าขายอสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายขึ้นอย่างมาก เรามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการมีตัวแทนขายแตะระดับ 3,000 คน และขยายสาขาได้ครบ 50 สาขาภายในปี 2566 นี้ ได้อย่างแน่นอน ด้าน นางสาวรณิดา พูลเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ  บริษัท อีอาร์เอ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 นี้ บริษัทมั่นใจว่าด้วย เทคโนโลยี Chat GPT ที่ถูกจัดทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับ ERA จะเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาเสริมศักยภาพของตัวแทนขาย ให้สามารถทำการขายทรัพย์ได้เพิ่มขึ้นและให้ Agentทำงานได้ง่ายขึ้น   บริษัทเชื่อว่าภาพความสำเร็จของตัวแทนขายและบริษัทสมาชิกที่เกิดขึ้นทั้งก่อนหน้าและต่อจากนี้ จะเป็นเครื่องการันตีความเชื่อมั่นให้กับแฟรนไชส์และตัวแทนใหม่ ให้ก้าวเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ERA และสนับสนุนให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการขยายสาขาแฟรนไชส์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2566 นี้  ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาในระยะเวลา 6 เดือน ERA สามารถขยายการให้บริการได้ถึง 15 สาขา ในพื้นที่ดังนี้ สาขาอยุธยา,สาขานครปฐม,สาขากาญจนบุรี,สาขาชิดลม,สาขาสาทร,สาขาภูเก็ต,สาขาพานทอง(ชลบุรี),สาขาสมุทรปราการ,สาขาเชียงใหม่1,สาขาสุพรรณบุรี, สาขารามอินทรา, สาขาปทุมธานี, สาขาเชียงใหม่2, สาขาพิษณุโลก และสาขาหัวหิน และในขณะนี้มีผู้ที่สนใจเข้ามาเป็นบริษัทสมาชิก ERA อยู่อีกหลายรายซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ จึงมั่นใจว่าจะสามารถขยายสาขาได้ตรงตามเป้าหมายอย่างแน่นอน   สำหรับ ERA THAILAND มีระบบการทำงานที่แข็งแรง มีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งและมีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีตลอดเวลา มีการซัพพอร์ตตัวแทนขายและบริษัทสมาชิกในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดอบรม การดูแลวางแผนงาน และอื่นๆ ที่เอื้อประโยชน์ให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะเป็นจุดแข็งสำคัญ ที่ทำให้บริษัทเติบโตไปพร้อมกับสมาชิกตามเป้าหมายที่วางไว้ในทุกด้าน​   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -พร็อพฟิต เปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ Propfit ดึง 900 รายสร้างยอดขายอสังหาฯ​ 3,200 ล้าน
[PR News] SENA ส่งคอนโดของคนช่างคิด  เสนา คิทท์ ครองใจมวลชน

[PR News] SENA ส่งคอนโดของคนช่างคิด เสนา คิทท์ ครองใจมวลชน

เสนา คิทท์ แบรนด์เสนา คิทท์ (SENA Kith) คอนโดมิเนียม จาก SENA เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์คอนโดที่ได้รับการยอมรับและมีการเติบโตอย่างรวดเร็วใช้เวลาเพียง 4 ปี (ตั้งแต่ปี 2562 - ปัจจุบัน) ส่วนใหญ่พัฒนาใกล้นิคมฯ แหล่งงาน แหล่งทำมาหากิน และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ทำให้คุณสะดวกกว่าที่คิดในทุกมิติชีวิตคุณ SENA Kith “คอนโดของคนช่างคิด” ปัจจุบันมีทั้งหมด 21 โครงการ มากกว่า 10,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 11,000 กว่าล้านบาท   กลยุทธ์สำคัญ คือ การวางโพสิชันคอนโดแบรนด์ SENA Kith ภายใต้แนวคิด SENA Kith “คอนโดของคนช่างคิด” เนรมิตที่อยู่อาศัยให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยจากข้อมูลอินไซด์ของแบรนด์เสนาคิทท์ จะเน้นการเลือกทำเลใกล้แหล่งงาน การออกแบบต่างๆ ฟังก์ชันการใช้สอยครบและลงตัว โดยแต่ละโครงการจะมีแบบห้องขนาด      1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเฉลี่ย 26 ตร.ม. ราคาเริ่ม  999,000 บาท ทำให้ลูกค้าเอื้อมถึงและสามารถผ่อนจ่ายได้อย่างสบายใจไร้ความกังวล   SENA Kith “คอนโดของคนช่างคิด” พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทุกคน ดังนั้นจุดเริ่มต้นมาจากการหาอินไซต์ผู้บริโภค ผู้ซื้อที่ต้องการคอนโดฯ ราคาต่ำล้านไปจนถึง 1.5 ล้านบาทเป็นกลุ่มเพิ่งเริ่มทำงาน ที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 – 20,000 บาท ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใกล้แหล่งงานอยู่แล้ว และเช่าหอพักหรืออพาร์ทเมนท์ คอนโดเสนา คิทท์ จึงเปรียบเสมือนคอนโดที่ตอบโจทย์กับลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนจากผู้เช่าเป็นผู้ซื้อเมื่อต้องการบ้านหลังแรก ครึ่งปีหลัง 2566 ของ SENA Kith เตรียมเปิดคอนโดใหม่ครอบคลุมทำเลศักยภาพ 6 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเสนาคิทท์ บางนา กม.29, เสนาคิทท์ สาทร – กัลปพฤกษ์, เสนาคิทท์ รัตนาธิเบศร์ - บางบัวทอง, เสนาคิทท์ สำโรง,เสนาคิทท์  พหลโยธิน นวนคร และเสนาคิทท์ เพชรเกษม 48 เป็นต้น   SENA Kith เตรียมจัด 2 อีเว้นต์ใหญ่ 22 – 23 ก.ค.กระตุ้นยอดขาย เร็วๆ นี้ ทางเสนาเตรียมจัดงาน 2 อีเว้นต์ เปิดขายโครงการเสนาคิทท์ รัตนาธิเบศร์ - บางบัวทอง ภายใต้คอนเซ็ปต์คอนโดที่ให้ “คุ้มกว่าที่คิด"  เตรียมจัดงานพรีเซลล์ครั้งแรกในวันที่ 22- 23 กรกฏาคม 2566 โปรโมชั่น 1 ห้องนอน ฟรีเฟอร์ฯ ราคาเดียว 999,000 บาท ซื้อถูกกว่าเช่าล้านละ 4,100 บาท/เดือน* หรือลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษก่อนใครผ่านลิ้งค์ bit.ly/3FVU2KG  สอบถามเพิ่มเติมโทร.1775 #61 อีก 1 โครงการ เสนาคิทท์ สาทร – กัลปพฤกษ์ คอนโดที่พร้อมคอนเซ็ปต์ “คอนโดโลว์คาร์บอน” ใช้พลังงานสะอาด เตรียมเปิดให้ยลโฉมห้องตัวอย่างเป็นครั้งแรกเช่นกัน วันที่ 22 กรกฏาคม 2566 พบโปรโมชั่น 1 ห้องนอน เฟอร์ฯ ครบ เริ่ม 990,000 บาท* ผ่อนเพียง 1,500 บาท/เดือน* ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ https://bit.ly/3NFcNae หรือ สอบถามเพิ่มเติมโทร.1775 #71   สำหรับใครที่สนใจโครงการแบรนด์เสนาคิทท์ ราคาเริ่มไม่ถึงล้านบาท บนโลเคชั่นที่มีศักยภาพให้เลือกใกล้แหล่งงาน ใกล้สิ่งความสะดวก ทั้งการเดินทาง แหล่งกิน แหล่งช้อป ที่มีให้เลือกถึง 21โครงการคุณภาพ หรือสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sena.co.th/brands/sena-kith   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -[PR News] “เสนาคิทท์ เวสต์เกต – บางบัวทอง” เนรมิตคลับเฮ้าส์ใหม่รองรับลูกบ้าน -เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เปิด 7 โปรเจ็กต์ใหม่ Q2 หนุนเป้ายอดขายกว่า 1.8 หมื่นล.
[PR News] ไทวัสดุ เดินหน้าดันสินค้ารักษ์โลก จัดโปรสี “JBP Good Paint Re-Acrylic”

[PR News] ไทวัสดุ เดินหน้าดันสินค้ารักษ์โลก จัดโปรสี “JBP Good Paint Re-Acrylic”

สีทาอาคาร ไทวัสดุ เดินหน้าผลักดันกลุ่มสินค้ารักษ์โลก กับผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ “JBP Good Paint Re-Acrylic” ครั้งแรกของสีทาอาคารรีไซเคิลในประเทศไทย พร้อมส่งดีลสุดคุ้มเอาใจคนรักบ้านสายกรีน เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ JBP Good Paint Re-Acrylic ขนาด 2.5 แกลลอน รับส่วนลดพิเศษท้ายบิล 100 บาท/ถัง ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม นี้ ที่ไทวัสดุทุกสาขา   นางสาวชุติพร คงเจริญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า จากความร่วมมือกับ บริษัท เจ.บี.พี อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด ภายใต้โครงการ “One World : One Future Together” ที่ตั้งเป้าการลดใช้พลังงาน เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่มีความยั่งยืนให้กับประเทศไทย ไทวัสดุจึงพร้อมสนับสนุนคู่ค้าที่มีแนวทางดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมร่วมกัน เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันหันมาให้ความสำคัญและตระหนักถึงเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น อ้างอิงจากผลสำรวจ Global Consumer Insights Pulse Survey จาก PwC ที่พบว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นอานิสงส์ของการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค และเป็นไลฟ์สไตล์ที่ถูกปรับเปลี่ยนในชีวิตประจำวันเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ไทวัสดุ  จึงเดินหน้าจัดหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาจัดจำหน่ายในทุกสาขาทั่วประเทศ ล่าสุดกับผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ สี JBP Good Paint Re-Acrylic ซึ่งเป็นสีทาอาคารที่ผ่านกรรมวิธีรีไซเคิล ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติสำหรับกระบวนการผลิตสี และลดการเกิดของเสียที่เป็นต้นเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม เข้ามาวางจำหน่ายที่ไทวัสดุเป็นที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะมีเป้าหมายกระตุ้นให้เกิดมูลค่าในสินค้ารักษ์โลกแล้ว ยังมุ่งที่จะเป็นช่องทางให้คนในทุกภูมิภาคได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและตกแต่งบ้านที่ยั่งยืนผ่านไทวัสดุกันได้อย่างสะดวก   นางสาวชุติพร กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดตัวสีทาอาคาร JBP Good Paint Re-Acrylic สุดยอดนวัตกรรมสีรีไซเคิล และส่งเสริมให้คนไทยได้ร่วมส่งต่อความยั่งยืนสู่สิ่งแวดล้อม ไทวัสดุขอส่งโปรโมชันสุดเอกซ์คลูซีฟ เมื่อซื้อสี JBP Good Paint Re-Acrylic ขนาด 2.5 แกลลอน สูตรใดก็ได้ รับไปเลยส่วนลดพิเศษท้ายบิล 100 บาทต่อถัง ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม ที่ไทวัสดุเท่านั้น ทุกสาขาทั่วประเทศ และทางช่องทางออนไลน์ การจับมือกับบริษัท เจ.บี.พี.อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด ถือเป็นอีกก้าวของความตั้งใจที่จะส่งเสริมและผลักดันให้สินค้าในกลุ่มรักษ์โลกให้เป็นที่นิยมในวงกว้าง ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสินค้าเหล่านี้จะสามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ให้เข้ามาสัมผัสกับความครบครันเรื่องบ้านที่ไทวัสดุเพิ่มมากขึ้น   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -[PR News]ไทวัสดุ ส่งแคมเปญ “ใช่เลย ถูกจริง” -[PR News]ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ตั้งเป้าแท่นเบอร์ 1 วงการค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง อัดฉีดงบ 7,000 ลบ. ปี 65
[PR News] ผลิตภัณฑ์ตราเพชร เดินหน้าต่อยอด DIAMOND CAFE สู่บ้านผู้สูงอายุและโฮมออฟฟิศ

[PR News] ผลิตภัณฑ์ตราเพชร เดินหน้าต่อยอด DIAMOND CAFE สู่บ้านผู้สูงอายุและโฮมออฟฟิศ

ผลิตภัณฑ์ตราเพชร ผลิตภัณฑ์ตราเพชร มองตลาดวัสดุก่อสร้างครึ่งปีหลังขยายตัวต่อเนื่อง เดินเกมขยายฐานลูกค้ากลุ่ม SME ต่อเนื่อง มุ่งต่อยอดผลิตภัณฑ์ DIAMOND CAFE สู่ LIVING SPACE อาคารสำเร็จรูปสำหรับพักอาศัยและประกอบธุรกิจ เจาะโฮมออฟฟิศขนาดเล็กและกลุ่มบ้านผู้สูงอายุ          ดร.พิชญานันท์ ล้อวรลักษณ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT  เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ยังมีสัญญาณการเติบโตต่อเนื่อง แม้ในไตรมาส 3/2566 จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของตลาด เนื่องจากก้าวเข้าสู่ฤดูฝนทำให้งานก่อสร้างชะลอตัวลงไป อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่และกลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ยังเดินหน้าลงทุนขยายสาขาและพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมุ่งตอกย้ำด้านความหลากหลายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ตราเพชร เพื่อต่อยอดขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการ SME ผ่านผลิตภัณฑ์ DIAMOND CAFE ช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายและระยะเวลาการก่อสร้าง รองรับความต้องการกลุ่มผู้ประกอบการที่ลงทุนเริ่มต้นทำธุรกิจร้านกาแฟ รวมถึงต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่ กลุ่มอาคารสำเร็จรูปสำหรับพักอาศัย และประกอบธุรกิจ (LIVING SPACE) โดยมีการออกแบบอาคารสำนักงานขนาดเล็ก หรือโฮมออฟฟิศและบ้านสำเร็จรูปสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ   โดยสินค้ากลุ่ม LIVING SPACE ได้มีการนำไปจัดแสดงโชว์ภายในงาน Thailand Coffee Fest 2023: Good Coffee For Everyone ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5-8 เมืองทองธานี ในวันที่ 13-16 กรกฎาคมนี้ เพื่อนำเสนอแพ็กเกจงานก่อสร้าง และรูปแบบร้าน DIAMOND CAFE  & LIVING SPACE ดีไซน์ใหม่ในราคาพิเศษ โดยอาคารสำเร็จรูปสำหรับร้านกาแฟเพียง 529,990 บาท จากปกติ 570,300 บาท และอาคารสำเร็จรูปสำหรับพักอาศัย และประกอบธุรกิจ เริ่มต้นที่ 429,990 บาท จากปกติ 450,300 บาท   สำหรับผู้สนใจหากวางเงินจองสิทธิในการก่อสร้างภายในงาน รับส่วนลดพิเศษเพิ่มอีก 1 เท่าจากยอดเงินจอง หรือรับส่วนลดสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท หรือหากซื้อ DIAMOND CAFE ตัวโชว์ภายในงาน รับส่วนลดทันที 50% ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าการออกบูทในงานครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และเป็นโอกาสของ ตราเพชร ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นอีกด้วย   สำหรับบริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชรฯ ผู้ผลิตและจำหน่ายระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูป ร้านกาแฟสำเร็จรูป (DIAMOND Cafe) และบริการติดตั้งโครงหลังคา และกระเบื้องหลังคา ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราเพชร” มีประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจกว่า 38 ปี มีเทคโนโลยีการผลิตทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน ISO9001:2015, ISO14001:2015 และ ISO45001:2018 จากสถาบัน Lloyd's Register Quality Assurance Limited (LRQA) รวมถึงได้รับเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งยืนยันถึงคุณภาพสินค้า ตลอดจนมีการบริหารจัดการภายในโรงงานที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นทางเลือกที่ดีกว่าด้านวัสดุก่อสร้างและบริการ”   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -ตราเพชรเปิดตัวบ้านน็อกดาวน์ 1.2 ล้าน ตอบโจทย์มีสินค้าครบทั้งหลัง
[PR News] สิงห์ เอสเตท เปิดตัว JUMP&SYNC สำนักงานพร้อมใช้ ที่ S-OASIS

[PR News] สิงห์ เอสเตท เปิดตัว JUMP&SYNC สำนักงานพร้อมใช้ ที่ S-OASIS

สำนักงาน สิงห์ เอสเตท  เปิดตัวโซลูชันอาคารสำนักงานใหม่ JUMP&SYNC  สำนักงานแบบ Ready to Move Office Space ที่รวม 3 ความพร้อม  Space Ready-Design Ready-Business Ready  ภายในพื้นที่โครงการ S-OASIS อาคารสำนักงานที่มุ่งเน้นอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานระดับสากล LEED Gold V4     นางอรณีย์ พูลขวัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและการพาณิชย์ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อาคารสำนักงาน S-OASIS ของสิงห์ เอสเตท เปิดตัวเมื่อปลายปี 2022 ได้รับการออกแบบให้รองรับการทำงานแบบHybrid Workplace ตอบโจทย์วัฒนธรรมการทำงานยุคใหม่ที่มีการจัดพื้นที่ใช้สอยภายในสำนักงานอย่างยืดหยุ่นและสะดวกสบาย (Workplace Strategy) ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้พื้นที่สำนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยในปีนี้ ภาคธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว ทุกบริษัทกลับมาดำเนินงานเต็มรูปแบบ ซึ่งส่งผลให้การขยายตัวทางธุรกิจมีแนวโน้มกลับมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับกำลังการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะการมองหาอาคารสำนักงานใหม่ อาคาร S-OASIS  จึงได้เพิ่มทางเลือกด้วยการปรับพื้นที่อาคารให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันด้วยโซลูชัน JUMP&SYNC ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานแบบ Ready to Move Office Space เน้นความสะดวกสบายให้กับการขยาย และดำเนินธุรกิจได้แบบไร้รอยต่อ (Seamless Work Anywhere) ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะเวลาในการก่อสร้างหรือตกแต่งสำนักงาน ภายใต้แนวคิด 3 ความพร้อม Space Ready, Design Ready, และ Business Ready Space Ready: ขนาดพื้นที่ที่รองรับธุรกิจได้หลากหลาย จัดสรรพื้นที่โดยคำนึงถึงความจำเป็นต่อการใช้งาน และความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ มีพื้นที่ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Type S กับ Type S+ ที่มีขนาดกว้างสูงสุดถึง 150 ตรม. และ Type M ที่มีขนาดตั้งแต่ 150  - 450 ตรม. โดยใน Type S+ และ Type M มาพร้อมพื้นที่ Open Pantry เพื่อความสะดวกในการเตรียมอาหารและเครื่องดื่มของพนักงาน   นอกจากนี้พื้นที่ในแต่ละขนาดยังสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ Fix Area ที่จัดวางตามโครงสร้างของสำนักงาน และ Float Area ที่เปิดโล่งรองรับการปรับเปลี่ยนรูปแบบทำงานได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งเฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์สำนักงาน สามารถปรับแต่งการจัดวางในบริเวณนี้ได้ตามความต้องการ ทั้ง Workstation, Private Workspace, Communal Workspace และ Meeting Booth หรือ Brainstorm ในกลุ่มที่ต้องการการสื่อสาร และความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน Design Ready: การออกแบบที่พร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจ ในสไตล์ Modern Minimal ภายใต้แนวคิด Functional, Neutral, และ Adaptable มีการเลือกใช้โทนสีที่สบายตาผ่าน 3 แพ็คเกจ ได้แก่ Economy, Standard, และ Premium ออกแบบ Mood & Tone ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้สามารถปรับแต่งรายละเอียดพื้นที่ได้อย่างเหมาะสมกับธุรกิจและภาพลักษณ์ขององค์กรอย่างง่ายดาย และยังช่วยในการจัดลดงบประมาณไม่ให้สิ้นเปลืองในระยะยาว Business Ready: ให้คุณพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างไร้ขอบเขต อาคาร S-OASIS มีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย มีระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ช่วยตอบสนองการทำงานแบบ Hybrid Working Model ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งแบบไร้รอยต่อ (Seamless Work Anywhere) ซึ่งช่วยให้พนักงานได้ทำงานในสภาพแวดล้อมของสำนักงานที่ดี ช่วยให้ธุรกิจไม่ต้องกังวลกับเรื่องการบริหารสำนักงาน การก่อสร้างและจัดวางระบบสาธารณูปโภค นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ในจุดยุทธศาตร์ ใจกลางย่านธุรกิจที่เชื่อมโยงด้วยโครงข่ายคมนาคมที่ครอบคลุมทันสมัย เสริมภาพลักษณ์ความมั่นคงและเป็นมืออาชีพ สามารถติดต่อประสานงานกับธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องซึ่งกำลังมองหาโอกาสในแบบเดียวกัน ช่วยให้ธุรกิจสามารถ พัฒนาและเติบโตได้อย่างเต็มที่   ทั้งนี้ อาคาร สำนักงาน S-OASIS ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของอาคารประหยัดพลังงานและ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานโลก LEED Gold V4 ภายในสำนักงานมีการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นกระจก 3 ชั้นสะท้อนรังสี UV รวมถึงรองรับการติดตั้งระบบไฟ LED ที่สามารถสั่งการได้บนมือถือ ระบบหมุนเวียนอากาศ และสวนสวยรอบนอกอาคารที่รดด้วยน้ำจากกระบวนการบำบัด และการใช้เทคโนโลยีลดการสัมผัสในพื้นที่ส่วนกลางของอาคารเพื่อสุขอนามัยที่ดีของพนักงานทุกคน
[PR News] SEN X ชู “Elite Service” อัพสกิลบริหารจัดการครบวงจร

[PR News] SEN X ชู “Elite Service” อัพสกิลบริหารจัดการครบวงจร

SEN X ยกขบวนทีมงานเสริมทักษะการบริหารจัดการ ศึกษาดูงานและฝึกปฏิบัติการให้บริการลูกบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจากฮันคิว ฮันชิน โฮเทล เจ้าของโรงแรมยักษ์ใหญ่ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟ “Elite Service” บริการมาตรฐานโรงแรมระดับ World class ประเดิมนำร่องคอนโดพรีเมี่ยมบนถนนสุขุมวิทที่แรก “ปีติ สุขุมวิท 101” ตอบโจทย์การใช้ชีวิตสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เหนือระดับให้แก่ลูกบ้าน   นางสุพินท์ มีชูชีพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEN X  เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีความพร้อมและมีความมั่นใจในการขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ด้วยโซลูชัน  บริการแบบครบวงจรด้านอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Integrated Service Solution) โดยมีวิสัยทัศน์เพื่อการสร้างสรรค์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการบริการอย่างครอบคลุม เพื่อการอยู่อาศัยในทุกมิติตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่ตามมาตรฐานระดับโลก พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)   โดยในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Property Management) และกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) ทางบริษัทได้ส่งทีมงานบริหารและบริการไปเพิ่มศักยภาพด้วยการเข้ารับการอบรมเสริมทักษะบริหารจัดการแบบครบวงจรตามมาตรฐานโรงแรมระดับโลกจาก ฮันคิว ฮันชิน โฮเทล เจ้าของโรงแรมยักษ์ใหญ่ในโอซาก้า อีกหนึ่งธุรกิจในกลุ่มของพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่นอย่างฮันคิว ฮันชิน โฮลดิ้ง กรุ๊ป ซึ่งมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมอันดับต้นของประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นการยืนยันให้เห็นว่าบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพด้านการบริการเพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าอย่างสูงสุด ทางบริษัทฯ พร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะให้บริการในรูปแบบ “Elite Service” บริการมาตรฐานโรงแรมระดับ World class แก่ลูกบ้านสังคมระดับพรีเมี่ยม โดย “Elite Service” คือการบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่ต้องการความสะดวกสบายและการบริการคุณภาพระดับโรงแรม 5 ดาว พร้อมด้วยการดูแลพิเศษที่จะช่วยรังสรรค์ให้การใช้ชีวิตเหนือระดับ ประกอบไปด้วย บริการพนักงานต้อนรับ (Reception), Doorman, Bellboy , Concierge Service บริการผู้ช่วยส่วนตัว เจ้าหน้าที่จองตั๋วเครื่องบิน,ร้านอาหาร,ที่พักโรงแรม, จองรถเช่า, บริการเรียก Taxi, นัดพบแพทย์, บริการแจ้งซ่อมฉุกเฉิน บริการ Shuttle Service บริการรถรับส่งนอกโครงการ เป็นต้น พร้อมให้บริการด้วยคุณภาพตลอด 24 ชั่วโมง เรามุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานการบริการอย่างมืออาชีพของบุคลากรเพื่อยกระดับองค์กรสู่การบริการที่เป็นมาตรฐาน เน้นการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ในทุกมิติของลูกบ้านผู้พักอาศัยในโครงการ/อาคารให้ได้รับประโยชน์สูงสุด    อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -[PR News] เสนา ตั้ง “สุพินท์ มีชูชีพ” ขึ้นแท่นซีอีโอบริษัท SEN X คนใหม่ -เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เปิด 7 โปรเจ็กต์ใหม่ Q2 หนุนเป้ายอดขายกว่า 1.8 หมื่นล.