Siri New Revenue Sales 2020 1

8 เหตุผลที่แสนสิริ ประกาศปรับเป้าเพิ่มทั้ง “รายได้-ยอดขาย”

แสนสิริ ประกาศปรับเป้าเพิ่ม  ทั้งยอดขายและยอดโอน หลัง 5 เดือนแรก ตุนยอดขายและรายได้เกินกว่าที่วางไว้ มั่นใจสิ้นปีกวาดยอดโอน 39,000 ล้าน เพิ่มจากแผนเดิมที่คาดว่าจะทำได้ 33,000 ล้าน ครึ่งปีหลังเตรียมเปิดโปรเจ็กต์ใหม่อีก 12 โครงการใหม่ รวม 16,900 ล้าน 

 

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ปรับแผนธุรกิจปี 2563 ใหม่ ด้วยการปรับเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 29,000 ล้านบาท  เป็น 35,000 ล้านบาท และปรับเป้าหมายการโอนในปีนี้เป็น 39,000 ล้านบาท จากแผนเดิมวางเป้าหมายยอดโอน 33,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายที่เติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา 26%

Siri New Revenue Sales 2020 2

ขณะที่แผนการเปิดโครงการได้ปรับลดลง จากเดิมเตรียมแผนเปิด 18 โครงการ ลดลงเหลือ 15 โครงการ โดยช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 16,900 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ 10 โครงการ มูลค่ารวม 14,300 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกบริษัทเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่า 3,100 ล้านบาท

 

สำหรับเหตุผลที่แสนสิริประกาศปรับเป้าหมาย ทั้งในด้านรายได้จากโอนและยอดขายใหม่ เป็นเพราะ 8 เหตุผล ดังนี้

1.ความสำเร็จจากการดำเนินงานในช่วง 5 เดือนแรก ที่สามารถทำยอดขายและยอดโอนได้ดีสวนภาวะตลาด ซึ่งมีปัจจัยลบเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ซึ่งบริษัทมียอดโอนแล้ว 18,200 ล้านบาท

 

2.จากปัจจุบันที่บริษัทมียอดโอนดังกล่าวแล้ว เมื่อรวมกับยอดขายรอรับรู้รายได้อีก 16,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนในปีนี้ จึงทำให้เป้าหมายในช่วง 7 เดือนหลังจากนี้ เหลือยอดโอนที่ต้องทำให้ได้อีกเพียง 4,600 ล้านบาท ถือว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับแสนสิริ ซึ่งน่าจะทำได้ตามเป้าหมายไม่ยาก ยิ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ปรับตัวดีขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยบวกให้กับบริษัท

 

3.ด้านยอดขายช่วง 5 เดือนแรกสามารถทำได้แล้ว 22,000 ล้านบาท เหลือยอดขายที่จะต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายเพียง 13,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน่าจะเป็นไปตามแผน เพราะปัจจุบันยังมีโครงการที่ขายอยู่จำนวนมาก รวมถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ดังกล่าว จะทำให้เกิดยอดขายตามเป้าหมายที่วางไว้

 

4.จากผลการดำเนินงานในช่วง 5 เดือนแรก ที่ใช้กลยุทธ์ Speed to Market รวมถึงการใช้แคมเปญการตลาด อาทิ แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน โปรลื่นปรี๊ด.. ถือว่าดำเนินธุรกิจมาถูกทาง กับแนวทางการทำตลาดต่างๆ  ซึ่งในช่วงเวลาที่เหลือยังคงใช้กลยุทธ์การตลาดดังกล่าว รวมถึงวางแผนออกโปรโมชั่นมาทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง

Siri Pro Banana

5.ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลให้ทั้งผู้บริโภค และนักการตลาดต้องปรับตัว วางแนวทางการตลาดในรูปแบบใหม่ อาทิ การใช้สื่อออนไลน์ และการขายออนไลน์ ก่อนที่ลูกค้าจะเข้ามาเยี่ยมชมโครงการจริง ส่งผลให้ได้รับการตอบรับที่ดีกว่าที่วางไว้ มีกลุ่มลูกค้ามาเยี่ยมชมโครงการเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดยอดขายเฉลี่ยต่อสัปดาห์สูงขึ้น จากภาวะปกติแสนสิริจะมียอดขายประมาณ 700 ล้านบาทต่อสัปดาห์  เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อสัปดาห์

 

6.ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน แสนสิริ สามารถปิดการขายโครงการไปได้ถึง 19 โครงการ รวมมูลค่า 27,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโด 6 โครงการ บ้านเดี่ยว 7 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์และมิกซ์อีก 6 โครงการ ทำให้เป็นการตอกย้ำว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจและแผนการตลาดที่ผ่านมาถูกต้อง และสามารถสร้างความสำเร็จในอนาคตได้

 

7.นอกจากแผนการตลาดและการเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังแล้ว แสนสิริยังวงงแผนทำการตลาดกับกลุ่มชาวต่างชาติ ทั้งกลุ่มชาวจีน และชาวยุโรป โดยอาศัยชื่อเสียงและความสำเร็จในระบบสาธารณสุขที่ดีของไทย ในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศไทยเป็นประเทศฟื้นตัวจากไวรัสโควิด-19 อันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย จาก 184 ประเทศทั่วโลก จากการจัดอันดับ Global COVID-19 Index

Siri Project

โดยแสนสิริจะใช้เรื่องดังกล่าวมาเป็นจุดขาย และการทำตลาดเจาะกลุ่มตลาดต่างชาติที่ต้องการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือ Leasehold ในรูปแบบบ้านหรือทาวน์โฮม จากความสำเร็จในการขายโครงการบุราสิริ สันผีเสื้อ จ.เชียงใหม่ ในรูปแบบ Leasehold ในช่วงที่ผ่านมาได้จำนวน 40 ยูนิต ซึ่งวางแผนทำตลาดในโครงการตลาดต่างจังหวัดเมืองท่องเที่ยว อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น อยุธยา เป็นต้น หลังจากประสบความสำเร็จกับโครงการ

 

8.แสนสิริมองว่า ภายหลังจากการผ่านพ้นวิกฤตไวรัสโควิด-19 ไปแล้ว ในช่วงครึ่งปีหลังตลาดบ้านแนวราบ จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยวิเคราะห์จากดีมานด์ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และจากเทรนด์อยู่อาศัยที่คนไทยต้องการมีบ้าน 2 หลัง ทั้งคอนโดที่อยู่ในเมือง เพื่อการเดินทางทำงานที่สะดวก แต่ก็ต้องการบ้านชานเมือง เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีความปลอดภัยมากกว่า รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่อไปของคนจะเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เช่น การทำงานที่บ้าน (Work From Home) จะทำให้ดีมานด์ของบ้านแนวราบเพิ่มสูงขึ้น

 

แสนสิริ จึงมั่นใจการทำงานที่มาถูกทาง ทั้งจากผลตอบรับที่ผ่านมา และแผนในอนาคตที่ต่อไป เน้นการทำตลาดแนวราบเป็นหลัก ด้วยกลยุทธ์ “Sansiri Housing Evolution” ที่จะพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัย ในทุกความต้องการและทุกเซ็กเมนต์ของตลาด

 

โดยแสนสิริมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่  ว่าจะเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวอันดับ 1 และ ติด Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมภายใน 3 ปีนับจากนี้ ซึ่งเวลานั้นแสนสิริจะมียอดขาย 120,000 ล้านบาท

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด