บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (วันพ้อยท์ซิกซ์) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “The Smart Difference: แตกต่างอย่างชาญฉลาด” กับความมุ่งมั่นที่จะนำมาตรฐานระดับโลกมาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ที่ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คำมั่นสัญญา ‘for all well-being’ ร่วมลงทุนและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ – THE STRAND THONGLOR” โครงการแรก มูลค่ามากกว่า 4,800 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “Essentially More” นำเสนอประสบการณ์การอยู่อาศัยในรูปแบบ Mixed-Use บนพื้นที่ “ทองหล่อ” มุ่งเจาะคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและชื่นชอบการใช้ชีวิตที่มีรูปแบบเฉพาะตัวของย่านทองหล่อ มั่นใจสามารถสร้างยอดขายภายในปลายปี พ.ศ. 2561 มากกว่า 50%
นางสาวธัญทิพ เจียรวนนท์ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นที่จะนำมาตรฐานระดับโลกมาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ด้วยมุมมองในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เปรียบดั่งการสร้างสรรค์งานศิลปะและงานฝีมือชั้นสูง ทั้งนี้ในปัจจุบัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย ได้นำเสนอจุดเด่นของโครงการโดยเน้นความแตกต่างของทำเลที่ตั้ง เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย ดังนั้น เราจึงได้สร้างสรรค์โครงการที่เข้าใจถึงธรรมชาติและสามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มคนที่นิยมการใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการมาอยู่อาศัยในย่านทองหล่อได้เป็นอย่างดี ด้วยจุดขายที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ ในย่านทองหล่อ ล่าสุด ได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับมาสเตอร์พีซ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ – THE STRAND THONGLOR” มูลค่าโครงการกว่า 4,800 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นโครงการคอนโดมิเนียมมิกซ์ยูส (Mixed-use) ในรูปแบบไฮไรส์ (High rise) ครบวงจรระดับอัลตร้าลักชัวรี่ แลนด์มาร์กแห่งใหม่บนทำเลทองหล่อ ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงสำหรับการอยู่อาศัยและการลงทุนในอนาคต โดดเด่นด้วยการออกแบบโครงการที่ผสมผสานทั้งพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่มิกซ์ยูสได้อย่างลงตัว เน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสไลฟ์สไตล์ที่โอบล้อมไปด้วยความมีชีวิตชีวาของย่านทองหล่อแบบออลเดย์และออลไนท์”
โครงการ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ – THE STRAND THONGLOR” ตั้งอยู่บริเวณปากซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) ห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีทองหล่อ เพียง 30 เมตร เป็นอาคารสูง 30 ชั้น ขนาด 1 ไร่ 2 งาน 46 ตารางวา หรือ 2,584 ตารางเมตร ดำเนินการออกแบบภายใต้แนวคิด “Essentially More” ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงให้กับลูกบ้านอย่างรอบด้านมากที่สุด และสามารถแบ่งปันความสุขด้วยการสร้างคุณค่าในทุกๆ ด้านของชีวิต นอกจากความเฉพาะตัวในรูปแบบคอนโดมิเนียมมิกซ์ยูสแล้ว พื้นที่อยู่อาศัยของโครงการฯ ยังได้ออกแบบเพื่อความปลอดภัยระดับสูงสุดและเน้นความเป็นส่วนตัว โดยผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าสู่พื้นที่อยู่อาศัยได้ทั้งจากทางเข้าเฉพาะของส่วนอยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยทางเข้าทั้ง 2 ทางมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เหนือระดับ และด้วยแนวคิด Low Density Living ที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีความเป็นส่วนตัวสูงสุดและมีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุด โดยจะมีความหนาแน่นของจำนวนยูนิตต่อชั้นไม่มากนัก ซึ่งโครงการฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 198 ยูนิต แบ่งเป็นห้องชุด 4 รูปแบบ ได้แก่
· 1-Bedroom (1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ) มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 48.10 – 55.00 ตารางเมตร จำนวน 124 ยูนิต
· 2-Bedroom (2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ) มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 73.00 – 90.60 ตารางเมตร จำนวน 63 ยูนิต
· Duplex (2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ) มอบความกว้างขวางบนพื้นที่ขนาด 110.40 ตารางเมตร จำนวน 5 ยูนิต
· Penthouse (3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ) มอบความกว้างขวางบนพื้นที่ขนาด 184.20 ตารางเมตร จำนวน 6 ยูนิต
นอกจากพื้นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังมีพื้นที่ Micro-Office & Business Lounge พื้นที่ร้านอาหารที่ให้บริการในรูปแบบ All-day dining สปีคอีซี่บาร์ (Speakeasy Bar) และพื้นที่สวนสาธารณะ “The Strand Park” บริเวณด้านหน้าโครงการฯ ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการฯ และเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ของชุมชนในบริเวณนั้น นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ใช้สอยที่ได้รับการออกแบบอย่างลงตัว เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานที่สามารถรองรับทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ เพลย์ รูม (The Playroom) และ ติวเตอร์ รูม (Tutor room) บริเวณชั้น 6 เดอะ คลับเฮาส์ (The Clubhouse) ชั้น 27 ซึ่งประกอบด้วย The Living Room ส่วนบริการ Fitness และ Meditation Studio สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ระบบน้ำเกลือความยาว 25เมตร พร้อมจากุซซี่ สำหรับผู้ใหญ่ และสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก รวมถึงส่วนของ Rooftop terrace และ Putting green ตลอดจน เรสซิเด้นส์ ล็อบบี้ (Residential Lobby) ที่ออกแบบ มาเพื่อความเป็นส่วนตัว เป็นต้น โครงการ THE STRAND THONGLOR ราคาเริ่มต้นที่ 330,000 บาทต่อตารางเมตร หรือเริ่มต้นที่ 16.5 ล้านบาท
นางสาวธัญทิพ กล่าวต่อไปว่า “สำหรับนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบาย โครงการฯ ได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์นำเสนอ “Intelligent Technology” อาทิ “Secured Private Lift Lobby” ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถขึ้นตรงจากพื้นที่ส่วนกลางถึงห้องชุดเสมือนลิฟต์ส่วนตัว ด้วยเทคโนโลยีไมโครชิปเซ็นเซอร์ (Microchip Sensor Technology – RFID) ที่จะส่งผู้อยู่อาศัยไปแต่ละชั้นโดยเฉพาะ พร้อมทั้งมาตรฐานความปลอดภัยภายในลิฟต์ ด้วยระบบ “Active CCTV Monitoring & Control” เชื่อมต่อกับห้องควบคุมตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้อาศัย ระบบ “Automatic Parking” ที่จอดรถอัจฉริยะครบทุกยูนิต นอกจากนี้ เรายังได้พัฒนาแอพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ทดีไวซ์ซึ่งผู้อยู่อาศัยสามารถควบคุมการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องของตนได้ อีกทั้งยังสามารถใช้เรียกบริการพิเศษต่างๆ เช่น แม่บ้าน ช่างซ่อมบำรุง หรือจองพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ เช่น ห้องประชุม หรือ Living Room social lounge ได้ เป็นต้น”
นายชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “โครงการ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ – THE STRAND THONGLOR” ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในแต่ละด้านอย่างการออกแบบและดีไซน์ ได้ร่วมมือกับ “เอชบี ดีไซน์ (HB Design)” ที่ปรึกษาด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมของโครงการ “พีไอเอ อินทีเรีย (PIA Interior)” รับผิดชอบด้านการออกแบบภายใน สะท้อนความเป็น Minimal luxury เน้นคุณภาพวัสดุที่ดี ความเรียบหรูอยู่เหนือกาลเวลา (Timeless design) และ “ทร็อพ (TROP)” มาดูแลในด้านภูมิสถาปัตยกรรมของโครงการ และได้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่าง “บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)” ร่วมลงทุนในการพัฒนาโครงการดังกล่าว โดย MQDC ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน แบ่งปันองค์ความรู้ที่ยอดเยี่ยมในการออกแบบและการก่อสร้างในระดับสากล ตลอดจนให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาดและกลยุทธ์การขาย”
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานเพื่อให้โครงการ The Strand Thonglor บรรลุเป้าหมาย เราได้กำหนดกลยุทธ์ไว้ 3 รูปแบบ คือ
· กลยุทธ์การตลาด ที่มุ่งเน้นการสร้างความน่าเชื่อถือของโครงการ เจาะตลาดกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อคนไทย 75% และคนต่างชาติ 25%
· กลยุทธ์การสื่อสารประชาสัมพันธ์ เน้นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ แคมเปญผ่าน โซเชียลมีเดีย (Social Media) ทั้ง เฟสบุ๊ค (Facebook) บทความออนไลน์ (Content online) และอื่นๆ
· กลยุทธ์การขาย อาทิ กิจกรรม Private Launch โฟกัสที่กลุ่มเป้าหมายโดยตรง เพื่อให้รับทราบข้อมูลของโครงการและแผนในการพัฒนาการก่อสร้าง กิจกรรม Group Exclusive นำเสนอการขายผ่านกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟปาร์ตี้ เพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นกันเองเสมือนได้มาร่วมจัดปาร์ตี้ภายในยูนิตที่เกิดขึ้นจริงในอนาคต และการจัดกิจกรรม Exclusive Pre-Sale เรียนเชิญกลุ่มลูกค้าเพื่อรับทราบข้อมูลโครงการโดยแจ้งยืนยันเข้าชมล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 18 และ 19 สิงหาคมนี้ ที่โรงแรมบางกอก แมริออท โฮเต็ล สุขุมวิท เป็นต้น
ทั้งนี้ เราตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างยอดขายภายในปลายปีนี้ (พ.ศ. 2561) ได้มากกว่า 50% และโครงการมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2564 ” คุณชวินกล่าวสรุป