กางแผน “โนเบิล” ในปีที่มีวิกฤตเศรษฐกิจ บุกหนักกับแผนเปิดคอนโดฯ 7 โครงการ มูลค่า 25,000 ล้านบาท เพื่อสร้างยอดขาย 12,000 ล้าน พร้อมลุยปั้นโปรเจ็กต์ในต่างประเทศ ปูทางสร้างการเติบโตต่อเนื่อง หวังติดอันดับ Top 5 ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2563 ว่า วางแผนเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการมูลค่า 25,000 ล้านบาท พร้อมกับตั้งเป้าหมายยอดขาย 12,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 12,000 ล้านบาท แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ยังไม่ฟื้นตัวเป็นปกติ
โดยนอกจากการเปิดโครงการใหม่ บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างขาย และก่อสร้างอีกจำนวน 12 โครงการมูลค่า 28,000 ล้านบาท มีโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ 6,000-7,000 ล้านบาท และกำลังจก่อสร้างแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้อีกประมาณ 7,000 ล้านบาท รวมถึงบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้มูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ต่อเนื่องใน 2-3 ปีข้างหน้า
นายธงชัย กล่าวอีกว่า บริษัทยังวางแผนลงทุนในต่างประเทศอีก 1 โครงการ เนื่องจากนายแฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง หนึ่งในผู้ถือหุ้นมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายอสังหริมทรัพย์ในจีนและฮ่องกง ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ด้านการทำตลาดร่วมกันได้ ก่อนหน้านี้มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง รวมถึงโครงการเก่าในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาเสนอขายให้ 3-4 โครงการ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะซื้อโครงการมาพัฒนาอย่างน้อย 1 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาโครงการมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท
ปัจจุบันโครงการของบริษัทถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งปีที่ผ่านมามีมูลค่ายยอดขายกว่า 3,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 11 % ในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 21% หรือมีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท เนื่องจากการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายด้านการตลาดที่เคยมีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 30% เป็นชาวจีน และฮ่องกง โดยกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติส่วนใหญ่นิยมซื้อห้องชุดราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท
“ตลาดต่างชาติถือว่าให้การตอบรับดี เพราะบริษัทมีเน็ตเวิร์ค โดยระดับราคาสำหรับต่างชาติจะอยู่ประมาณตารางเมตรละ 85,000-150,000 บาท ทำเลอยู่แนวรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ”
ในปีนี้บริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักชัวร์รี่ ที่ได้ร่วมทุนกับกลุ่มฮ่องกงแลนด์ มูลค่า 10,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ของถนนวิทยุ พัฒนา มีระดับราคาขายมากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้กว่า 15,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทติดอันดับ Top 10 บริษัทอสังหาฯ ที่มีรายได้มากที่สุด
โดยบริษัทได้วางเป้าหมายภายในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าขึ้นติดอันดับ Top 5 บริษัทอสังหาฯ ที่มีรายได้สูงสุด ซึ่งบริษัทกำลังวางแผนการพัฒนาโครงการ เพื่อให้ได้รับรู้รายได้ ยอดขาย และมูลค่าโครงการประมาณ 15,000-20,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันแบ็กล็อกของบริษัทมีประมาณ 20,000 ล้านบาท หลายโครงการรับรู้รายได้ใน 3-4 ปีข้างหน้า