Retail Covid

ธุรกิจค้าปลีกมีความเชื่อมั่นแค่ไหน ? ในภาวะวิกฤตโควิด-19 ระรอก ใหม่

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เผยความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกเดือนเมษายน  ลดลงกว่า 43% ยอดขายหดตัว 15-40 %  วอนรัฐเร่งช่วยเหลือ เยียวยา เสนอ มาตรการกระตุ้นการจับจ่ายอย่างต่อเนื่องโดยเร็ว

 

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ล่าสุด นับว่ารุนแรงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อแต่ละวันพุ่งสูงหลักพันคน แถมอัตราการเสียชีวิตก็มีมากกว่าทุกครั้ง หลายฝ่ายต่างมีความกังวลและเป็นห่วงว่าเหตุการณ์จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น หากแผนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นไปอย่างล่าช้า และวัคซีนมีไม่เพียงพอ รวมถึงอาจจะมีประสิทธิภาพไม่มากพอ

 

หนึ่งในธุรกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก คือ ธุรกิจค้าปลีก​  เพราะต้องปรับเวลาเปิด-ปิดให้บริการเหลือจำนวนชั่วโมงน้อยลง ขณะที่ร้านอาหารต่าง ๆ ก็ต้องงดการให้บริการรูปแบบนั่งรับประทานในร้าน และให้ซื้อกลับไปบริโภคที่บ้านแทน เพื่อลดอัตราเสี่ยงของการแพร่เชื้อโรค ซึ่งแน่นอนย่อมส่งผลต่อยอดขายและรายได้ของผู้ประกอบการ

Supermarket 3

ไม่เพียงแต่ผลการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกที่ลดลง แต่เรื่องของความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจของธุรกิจค้าปลีกก็ลดลงด้วยเช่นกัน เห็นได้จากผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกไทย ในทุกภาคส่วนของ ทั้งค้าปลีกสินค้าและค้าปลีกบริการ ของสมาคมผู้ค้าปลีกไทยร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้ทำการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกไทย ซึ่งได้ดำเนินเป็นประจำทุกเดือน

ความเชื่อมั่นธุรกิจค้าปลีกลดหนัก

โดยในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ดำเนินการสำรวจทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 16-24 เมษายน 2564 มีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามประกอบด้วย ร้านค้าปลีกสินค้าทั่วประเทศ ซึ่งมีช่องทางจำหน่ายรวมกันกว่า 23,000 แห่ง และร้านค้าปลีกบริการภัตตาคารร้านอาหาร ที่มีช่องทางบริการกว่า 6,000 แห่ง โดยมี 8 ข้อสรุปสำคัญ  ดังนี้

1.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก ลดลงกว่า 43%

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก  (Retail Sentiment Index) เดือนเมษายน ปรับลดลงกว่า 43% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมโดยดัชนีปรับลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 อย่างชัดเจน ใกล้เคียงกับดัชนีความเชื่อมั่นเดือนเมษายน 2563 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลดลง หลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3ในเดือนเมษายน กระจายเป็นวงกว้างกว่าที่ผ่านมา ประกอบกับกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้าเป็นปัจจัยที่เพิ่มความกังวลให้แก่ผู้ประกอบการ

2.อีก 3 เดือนข้างหน้าความเชื่อมั่น ยังลดต่ำ

ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า เปรียบเทียบระหว่างดัชนีในเดือนมกราคม 2564 และดัชนีในเดือนเมษายน 2564 จะพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า ในเดือนเมษายน 2564 ลดต่ำกว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า ในเดือนมกราคม 2564 สะท้อนถึงความไม่มั่นใจถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้วยข้อกังวลถึงความรุนแรงของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ค่อนข้างสูง และความวิตกกังวลถึงความไม่ชัดเจนของแนวทางการฉีดวัคซีนที่ภาครัฐนำเสนอ

Supermarket 1

3.ยอดขายสาขาเดิมลด 40%

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการต่อการเติบโตยอดขายสาขาเดิมเดือนเมษายน same store sale growth (SSSG) เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม (Month on Month) มีทิศทางที่ลดลงกว่า 40% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม สะท้อนให้เห็นว่ายอดขายสาขาเดิมเดือนเมษายนลดลงจากเดือนมีนาคมเกือบครึ่ง ซึ่งเป็นการลดลงทั้งยอดซื้อต่อบิล (Spending per Bill or Basket Size)) และความถี่ในการจับจ่าย (Frequency of Shopping)

4.ยอดขายในภูมิภาคยังต่ำ

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการต่อยอดขายเดิมรายภูมิภาคปรับลดลงจากเดือนเมษายนในทุกภาค สะท้อนถึงสภาวะความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่กระจายทุกภูมิภาค โดยเฉพาะดัชนีที่ลดลงชัดเจน กรุงเทพปริมณฑล และภาคใต้ ที่เป็น Super Spread หลัก

5.ร้านค้าปลีกความเชื่อมั่นลดต่ำ

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ เมื่อจำแนกตามประเภทความร้านค้าปลีก เปรียบเทียบระหว่างเดือนเมษายนและเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่า ลดลงอย่างชัดเจนและต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 ในทุกประเภทร้านค้าปลีก ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนทรงตัวเท่าเดิม สะท้อนถึงผู้ประกอบการร้านค้าปลีกไม่มีความหวังและความมั่นใจในมาตรการภาครัฐที่จะฟื้นกำลังซื้อกลับมาได้เร็ว

6.คนไทยยังช้อปปิ้งวัสดุก่อสร้าง

ยกเว้นร้านค้าปลีกประเภทวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งและซ่อมบำรุง ที่ปรับลดต่ำกว่าเดือนมีนาคมเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่เหนือค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 ทั้งนี้จากราคาเหล็กที่เป็นปัจจัยพื้นที่ในการก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นและช่วยให้ราคาวัสดุก่อสร้างอื่นปรับตัวขึ้นตาม ประกอบกับ ร้านค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง ตกแต่ง ซ่อมบำรุง ยังคงได้รับแรงหนุนจากวิถี New Normal ทำงานที่บ้าน WFH ทำให้มีความนิยมในการปรับภูมิทัศน์ภายในที่อยู่อาศัย

7.ยอดขายเม.ย.หาย15-40%

จากประเด็นคำถามพิเศษประจำเดือน ให้ผู้ประกอบการประเมินผลกระทบ ต่อยอดขายและกำลังซื้อ และผลกระทบต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ผลการสำรวจผู้ประกอบการที่บริหารร้านค้าปลีกกว่า 29,000 แห่ง พบว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคมีสัญญาณปรับตัวแย่กว่าเดือนมีนาคมมากกว่า 25% ผลจากผลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่เดือนเมษายน และประเมินว่ายอดขายจะได้ผลกระทบมากกว่า 15-40% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม

8.วอนรัฐเร่งมาตรการเยียวยาช่วยจ่ายค่าแรง 50%

ผู้ประกอบการยังมีความกังวล ถึงการจ้างงานที่จะลดลง จากยอดขายที่หดหายไป  ผู้ประกอบมีข้อเสนอให้ภาครัฐ ควรมีมาตรการเยียวยาช่วยจ่ายค่าแรงพนักงาน 50% รวมถึงควรหาแหล่ง Soft Loan ที่เข้าถึงง่ายให้กับผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการ

 

นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า โควิดระลอกใหม่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างหนัก โดยเฉพาะผลกระทบต่อภาคการค้าปลีก ค้าส่ง ศูนย์การค้า ร้านอาหาร และการท่องเที่ยว โควิดระลอกใหม่ เพียงแค่เขตการควบคุมพิเศษและเข้มงวดสีแดงเข้ม 6 จังหวัด จะกระทบถึง 22% ต่อ GPP รวมของประเทศ ซึ่งมีการจ้างงานภาคการค้าปลีก ค้าส่ง ศูนย์การค้า ร้านอาหาร และการท่องเที่ยว กว่า 3.12 ล้านคน

สมาคมฯ วิตกถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่จะทำให้เกิดความเสียหายใกล้เคียงกับการ Lockdown เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา ร้านค้าแม้ไม่ถูกปิดแต่ก็ไม่มีลูกค้า ภัตตาคาร ร้านอาหารไม่อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในร้าน ธุรกิจที่ผ่านมาก็ได้ปิดกิจการเป็นจำนวนมาก การเลิกจ้าง การว่างงานมีมาอย่างต่อเนื่อง สต็อกสินค้าล้นเนื่องจากไม่มีการขาย ธุรกิจขาดสภาพคล่องอย่างหนัก

Supermarket 2

ยื่น 4 ข้อเสนอให้รัฐช่วยผู้ประกอบการ

สมาคมฯใคร่ขอตอกย้ำและกระตุ้นภาครัฐ ให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าปลีก ศูนย์การค้า และร้านอาหาร ดังนี้

1.สนับสนุนค่าจ้างพนักงาน ลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยมาตรการภาษี เพื่อไม่ให้มีการลดพนักงานหรือเลิกจ้าง

2.สนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) แก่ผู้ประกอบการอย่างจริงจังและรวดเร็ว เพราะด้วยสภาพคล่องที่เหลืออยู่ของผู้ประกอบการค้าปลีกจะสามารถดำเนินธุรกิจได้เพียง 3-6 เดือน

3.ประกาศการจ้างงานแบบรายชั่วโมง เพื่อให้สอดคล้องกับการบริการต่อผู้บริโภคที่มาเป็นช่วงเวลา โดยให้ใช้กับธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหารเป็นการเฉพาะก่อน

4.เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้รวดเร็ว ครอบคลุม และทั่วถึง

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด