The Bangkok Thonglor

ซีคอน โฮม ล้างภาพ “เชย-ช้า-จุกจิก” วางเป้าหมายอีก 2 ปีทำยอดขาย 2,000 ล้าน

ในแต่ละปีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเมินมูลค่ามีกว่า 600,000 ล้านบาท  เป็นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม หรือทาวน์โฮม คาดว่ามีมูลค่ากว่า 450,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นมูลค่าของตลาดรับสร้างบ้านที่คาดว่าจะมีประมาณ​ 150,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดรับสร้างบ้านที่เป็นผู้ประกอบการอยู่ในสมาคมหลัก 2 สมาคม ได้แก่ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน และสมาคมไทยรับสร้างบ้าน มีตัวเลขผลประกอบการรวมๆ กันปีละกว่า 20,000 ล้านบาทเท่านั้น  ที่เหลือเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย ผู้รับเหมาอิสระ หรือช่างฝีมือทั่วไปที่รับงานตามต่างจังหวัด

โอกาสทางการตลาดของธุรกิจรับสร้างบ้านจึงยังมีอีกมหาศาล  ที่จะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมุมมองของ “มนู ตระกูลวัฒนะกิจ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน โฮม จำกัด  เห็นว่าธุรกิจรับสร้างบ้านสามารถเติบโตได้มากกว่านี้ถึง 5 เท่า  เพราะปัจจุบันบริษัทในธุรกิจรับสร้างบ้านยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่บริษัทเองแม้จะดำเนินธุรกิจมายาวนานถึง 58 ปี แต่ผลประกอบการยังอยู่ในระดับ 1,300 ล้านบาทในปีที่ผ่านมาเท่านั้น  ภายหลังจากได้เข้ามาบริหารงาน จึงวางเป้าหมายว่าภายในอีก 2 ปีข้างหน้า  จะต้องทำให้ซีคอน โฮม เติบโตทำยอดขายได้ถึง 2,000 ล้านบาท  ส่วนปีนี้ได้วางเป้าหมายยอดขายไว้ 1,600 ล้านบาท เฉพาะ 5 เดือนแรกสามารถทำยอดขายได้ 950 ล้านบาทแล้ว

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท เพื่อไปสู่เป้าหมายยอดขาย 2,000 ล้านบาท ภายในระยะ 2 ปีนับจากนี้  คือ

รีแบรนด์ ปรับพอร์ต+รุกการตลาดเพิ่ม

ก่อนหน้านี้ บริษัทมีแบรนด์ทำตลาดด้วยกัน 3 แบรนด์ ได้แก่  1.แบรนด์ซีคอน​ โฮม จับตลาดรับสร้างบ้านราคาสูงตั้งแต่ 18,000-20,000 บาทต่อตารางเมตร 2.แบรนด์คอมแพค โฮม จับตลาดรับสร้างบ้านราคาระดับปานกลาง ราคา 15,000-18,000 บาทต่อตารางเมตร และ 3.แบรนด์บัดเจด โฮม จับตลาดรับสร้างบ้านระดับราคาต่ำ 12,000-15,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังจดจำแบรนด์ซีคอน โฮมได้ดีกว่า แม้จะมาใช้บริการแบรนด์คอมแพค โฮม หรือแบรนด์บัดเจท โฮม ก็มักจะพูดเสมอว่าใช้บริการของแบรนด์ซีคอน โฮม บริษัทจึงทำการยกเลิกการทำตลาดและให้บริการกับ 2 แบรนด์ดังกล่าวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีบ้านระดับราคาต่ำและปานกลางให้บริการลูกค้าเหมือนเดิม

นอกจากนี้ ยังเตรียมรีแบรนด์และปรับภาพลักษณ์โลโก้ใหม่ของแบรนด์ซีคอนโฮมในช่วงปลายปีนี้ด้วย  โดยบริษัทจะยึดหลักหรือแนวคิดในการดำเนินธุรกิจในการให้บริการของลูกค้า คือ  ความคงทนแข็งแรง การควบคุมระยะเวลาก่อสร้างได้ตามกำหนด และการควบคุมงบประมาณไม่ให้บานปลาย  ขณะที่แนวทางการทำตลาดจะรุกหนักเพิ่มมากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการสื่อสารและการสร้างแบรนด์ การจัดโปรโมชั่น การขยายสาขาเพิ่ม และการทำตลาดออนไลน์ผ่านสื่อดิจิทัล และโซเชียลมีเดียต่างๆ การนำเอาดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อการขายแทนการพิมพ์โบชัวร์ เป็นต้น ซึ่งบริษัทได้วางแผนใช้งบประมาณด้านการตลาดไว้ 3% ของยอดขาย จากก่อนหน้านี้ที่ใช้งบประมาณไม่ถึง 3%

The Bangkok Thonglor

 

จัดระเบียบหลังบ้าน แก้ 3 คีย์เวิร์ด “เชย-ช้า-จุกจิก”  

ภายหลังจากที่ มนู ตระกูลวัฒนะกิจ” เข้ามาทำงาน 3 เดือน ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “กอบชัย ซอโสตถิกุล” ประธานกรรมการบริหารซีคอนกรุ๊ป ถึงการทำงานที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรบ้างนั้น  สิ่งที่เขาตอบกลับไป คือ การค้นพบ 3 คีย์เวิร์ดสำคัญภายใน “ซีคอนโฮม” ที่ควรจะปรับปรุงแก้ไข คือ “เชย ช้า และจุ๊กจิก” เชย คือ รูปแบบของบ้านที่นำออกมาให้ลูกค้าได้เลือก ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดระยเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะ 10 ปีหรือ 20 ปีเป็นมาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น  ช้า คือ การดำเนินธุรกิจมีกระบวนการ ขั้นตอน ที่ล่าช้า ไม่ต่างไปจากระเบียบขั้นตอนของทางราชการ จุกจิก คือ ขาดระบบการบริหารจัดการที่ชัดเจน เวลามีปัญหาเกิดขึ้นก็แก้ไขเฉพาะหน้า ไม่ได้ถูกวางระบบให้ชัดเจน เช่น การเก็บเงินลูกค้าเพิ่ม เมื่อเกิดปัญหาการขนส่งวัสดุก่อสร้างเข้าไปในซอยเล็กๆ เพราะต้องเปลี่ยนรถให้เล็กลง หรือการจะต้องเจอกับปัญหาฝนตกที่ทำให้งานล่าช้า ซึ่งกระบวนการต่างๆ เหล่านี้เป็นปัญหาจุกจิกที่ไม่ได้รับการบริหารจัดการให้ดี ทั้งๆ ที่รู้ว่าปัญหาจะเกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว เป็นต้น

The Bangkok Thonglor

เพียงระยะเวลา 1 ปี 3 ปัญหาสำคัญดังกล่าว ก็ถูกจัดการแก้ไขให้แล้วเสร็จ  ปัญหาเรื่อง “เชย” ได้ทำการพัฒนาแบบบ้านใหม่ออกมา 12 แบบ  ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน และแต่ละกลุ่มเป้าหมาย “ช้า”  จากกระบวนการขั้นตอนของการบริการลูกค้า ที่อดีตนับตั้งแต่วันที่เซ็นสัญญากับลูกค้าจนส่งมอบบ้าน ใช้ระยะเวลาถึง 18 เดือน ปัจจุบันได้ลดขั้นตอนต่างๆ ให้เร็วขึ้นเหลือเพียง 12 เดือน หรืออย่างน้อยลดความล่าช้าในการส่งมอบบ้านให้ลูกค้าลง 2-3 เดือนต่อหลัง “จุกจิก” ได้ลดขั้นตอนและปัญหาต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้น โดยเมื่อตกลงกับลูกค้าไว้ตั้งแต่ต้นอย่างไรก็จะเป็นไปตามนั้น ไม่มีการเก็บเพิ่มเงินกับลูกค้าระหว่างการก่อสร้าง

 

 

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด