Tag : Home

816 ผลลัพธ์
“แอสเซทไวส์” ลุยศึกอสังหา ปี 2567   เปิด 12 โครงการใหม่ และธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์  

“แอสเซทไวส์” ลุยศึกอสังหา ปี 2567  เปิด 12 โครงการใหม่ และธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์  

แอสเซทไวส์ หรือ ASW  เผยแผนธุรกิจชู 3 กลยุทธ์หลัก “Execute / Expand / Explore” มุ่งนำธุรกิจเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” ลุยเปิด 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 25,920 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาท และรุกแผนเปิดโครงการแนวราบ รวมถึงขยายทำเลครอบคลุมกรุงเทพฯ EEC และภูเก็ต เสริมแกร่งด้วยธุรกิจใหม่เพิ่มรายได้ต่อเนื่อง ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์  และธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ พร้อมปรับทัพผู้บริหารขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตแข็งแกร่งรับทุกสถานการณ์ นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ASW” เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ดีของแอสเซทไวส์ โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม, บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านระดับลักชัวรี เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าในหลากหลายเซ็กเมนต์ บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต  ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมรวม 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,260 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้เดิม 12 โครงการ และสามารถทำยอดขายปี 2566 ได้ถึง 16,486 ล้านบาท สูงทะลุเป้าที่วางไว้ ซึ่งเติบโตกว่า 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา   “สำหรับทิศทางอสังหาฯ ในปี 2567 นี้ แอสเซทไวส์ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง โดยปี 2567 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 25,920 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 9 โครงการ และ แนวราบ 3 โครงการ พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 17,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 8% จากปี 2566  และเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท  ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” กับการพัฒนาแอสเซทไวส์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในทุกมิติ โดยบูรณาการ 3 กลยุทธ์หลักซึ่งประกอบไปด้วย สำหรับพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ต  THE TITLE ภายใต้บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ในเครือแอสเซทไวส์ ซึ่งล่าสุดได้เปิดขายโครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา มียอดขายรวมแล้วกว่า 80%  เพื่อต่อยอดความสำเร็จ  ในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเดอะ ไทเทิล เฮอริเทจ บางเทา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท  โครงการเดอะ ไทเทิล เซเรนิตี้ ในยาง มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท  และ โครงการเดอะ ไทเทิล ราไวย์  มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว (BOTANICA Grand Avenue) ลักชัวรี่พูลวิลล่าที่เป็นเมกะโปรเจ็คต์ มูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านบาท ในสัดส่วน 30% ทำให้พอร์ตอสังหาฯ ในภูเก็ตของแอสเซทไวส์มีความครบเครื่องมากยิ่งขึ้น มีโปรดักต์ครอบคลุมทั้ง Leisure คอนโดมิเนียม และวิลล่าระดับลักชัวรี สำหรับการหารายได้ประจำสมำเสมอต่อเนื่อง ทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อเป็นการสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income)  ประกอบด้วยธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ภายใต้โครงการ Mingle Mall ที่ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ , Well Aesthetic & Wellness Center  พื้นที่เช่าสำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประเภทศูนย์สุขภาพและคลินิกด้านความงาม บนใจกลางย่านรัชดาภิเษก ล่าสุดกับ มิงเกิ้ล สปอร์ต วิลเลจ (Mingle Sport Village at Rangsit) ศูนย์กีฬาในร่มเอาใจสายรักสุขภาพ รวมถึง Rocket Fitness  บริหารงานของ “บริษัท เทรเชอร์ เอ็ม จำกัด” ในเครือแอสเซทไวส์ รวมถึง ZAAP World ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่าง ๆ  ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่จะเข้ามาเติมเต็ม และเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแอสเซทไวส์อีกด้วย พร้อมกันนี้ แอสเซทไวส์ยังมีโครงการที่สร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนในปี 2567 อีกจำนวน 9 โครงการ ซึ่งแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 7  โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9,557 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 2 โครงการ และปัจจุบัน บริษัทฯ มียอด Backlog อยู่ ถึง 19,500 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนโครงการในกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน13,700 ล้านบาท โครงการในทำเล EEC จำนวน 1,800 ล้านบาท และโครงการในภูเก็ตอีกกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567 ต่อเนื่องไปถึงปี 2569 บทความน่าสนใจ AssetWise เข้าถือหุ้น 57% TITLE “รุกตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต” สร้างรายได้ 10,000 ล้านบาทใน 3 ปี แอสเซทไวส์  กวาดยอดขายไตรมาสแรกเกือบ  3,500 ล้าน ลุยต่อเปิด 3 โครงการใหม่  
SC ASSET ตั้งเป้า5ปี 150,000 ล้าน ภายใต้แนวคิด “มหาศาล มั่นคง สมดุล“

SC ASSET ตั้งเป้า5ปี 150,000 ล้าน ภายใต้แนวคิด “มหาศาล มั่นคง สมดุล“

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา SC ทำยอดขายนิวไฮ 4 ปีต่อเนื่อง ต่อไปทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะเวลา 5 ปี จากนี้ (2567-2571)  คาดว่าจะสร้างรายได้รวมกว่า 150,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากหลากหลายธุรกิจทั้งในส่วนของ อสังหาฯที่อยู่อาศัย โรงแรม และคลังสินค้า ภายใต้แนวคิด “มหาศาล  มั่นคง สมดุล”   SC ASSET ธุรกิจบนความหลากหลายเริ่มจาก  มหาศาล การสร้างรายได้รวม (portfolio revenue) รวม 5 ปี (2567-2571) จากหลากหลายธุรกิจที่คาดว่าจะทำรายได้มากกว่า 150,000 ลบ. สำหรับเป้าหมายและแผนธุรกิจในปี 2567 คาดการณ์จะทำยอดขายนิวไฮ 28,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น โครงการแนวราบ 65% และโครงการแนวสูง 35% โครงการเพื่อขายทั้งสิ้น 86 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 91,000 ล้านบาท เป็นการเปิดโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,000ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 25,000 ล้านบาท โดยมีไฮไลท์เป็นแบรนด์ใหม่ชื่อ “คอนนาเซอร์” (Connoisseur) ราคาเริ่มต้น 80 ล้านบาท และบ้านไลฟ์สไตล์เฉพาะ และโครงการใหม่แนวสูง 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “เรฟเฟอเรนซ์” (Reference) มั่นคง : ลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุน D/E น้อยกว่า 1.5 สมดุล : ส่วนผสมกำไร จากธุรกิจที่หลากหลาย โดยมีกำไรจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (engine 2) มากกว่า 25%ในส่วนธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ มาจาก 4 ธุรกิจหลัก แบ่งเป็น 1.อาคารสำนักงานให้เช่า มีพื้นที่เช่ารวม 120,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากอาคารสำนักงานรวม 6 อาคาร 2.โรงแรม มีจำนวนห้องพักรวม 545 ห้อง จากโรงแรม 3 โครงการ โดยเปิดแล้วที่ “YANH ราชวัตร” ขนาด 78 ห้องและกำลังจะเปิดปลายปี 2567 นี้ “ครอโม” (Kromo) ทำเลสุขุมวิท 29 บริหารโดย CurioCollection by Hilton จำนวน 306 ห้อง และเปิดต้นปี 2568 ในทำเลพัทยา จำนวน 161 ห้อง 3.คลังสินค้า มีพื้นที่เช่ารวม 160,000 ตร.ม. จากคลังสินค้ารวม4 โครงการ ดำเนินการแล้วที่ทำเลนครสววรค์พื้นที่ 16,000 ตร.ม. กำลังจะเปิดในปี 2567 นี้และปี 2568 อีก 144,000 ตร.ม. ใน 3 ทำเลคือ บางนา กม.20, บางนา กม.22 และแหลมฉบัง และยังมีการร่วมลงทุนกับสตอเรจเอเชีย บุกตลาด Self Storageภายใต้แบรนด์ “i-Store” 4.อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าในสหรัฐอเมริกา มีห้องพักรวม78 ห้อง ใน 4 ทำเลใจกลางเมืองบอสตัน   ในส่วนของภารกิจ SCeroMission ดำเนินธุรกิจอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการออกแบบ สร้าง ใช้ ทิ้ง จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก 25% ในปี 2573 ที่ผ่านมาองค์กรได้มีการติดตั้ง Solar Roof บริเวณอาคารสำนักงาน และโครงการบ้าน ติดตั้ง EV Charger ณ อาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม เปลี่ยนหลอดไฟ LED เปลี่ยนระบบทำความเย็น ในอาคารสำนักงาน ช่วยลด GHG ได้กว่า 1,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ในปี 2565-2566 และตั้งเป้าหมายว่าจะลดก๊าซเรือนกระจก 15% จากการดำเนินงานตามปกติ ในปี 2567 นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปอย่างมั่นใจว่า “SC พร้อมและมุ่งมั่นสำหรับการเติบโตในทศวรรษที่ 3 ตามวิสัยทัศน์ SC the Evolution เติบโตด้วยการปรับตัวตามบริบท เติบโตด้วยการสร้างคุณค่าสู่คนและโลก เติบโตด้วยธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม คลังสินค้า ออฟฟิศ”   บทความน่าสนใจ SC เปิดบ้านหรูซีรีส์ใหม่ “อยู่แบบใหม่ แบบสับ” bangkok boulevard signature westgate Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา โครงการ Modern Luxury เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น  
Grand Opening GRAND DECO ศาลายา

Grand Opening GRAND DECO ศาลายา

โครงการ GRAND DECO ศาลายา มูลค่าโครงการ 810 ล้านบาท อยู่บนเนื้อที่กว่า 29 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านแฝด บ้านเดี่ยว และอาคารพาณิชย์ สไตล์ Minimal Nordic เรียบง่ายทันสมัย ตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่ มีจำนวน 163 ยูนิต   เดินทางสะดวกตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ศาลายา ใกล้ถนนปิ่นเกล้า ใกล้ทางด่วน ทางคู่ขนานบรมราชชนนี 6.4 กม.และทางด่วนศรีรัชวงแหวนรอบนอก 8.0 กม. ได้ GRAND DECO ศาลายา มีบ้านแบบ DAISY บ้านเดี่ยว 2 ชั้นขนาดใหญ่ บนเนื้อที่ 56 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 225 ตร.ม. หน้ากว้าง 15 เมตร ลึกถึง 7.7 เมตร ฟังก์ชัน5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 3 ที่จอดรถ ห้องนอนใหญ่สามารถกั้น Walk- in Closet เก็บของได้เยอะเป็นสัดเป็นส่วน มีห้องนอนด้านล่าง ติดห้องน้ำเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ราคาขายเริ่มต้น 6.59 ล้านบาทต่อยูนิต บ้านแบบ LILY บ้านแฝด 2 ชั้น หลังใหญ่ ด้วยหน้ากว้างถึง 10 เมตร ฟังก์ชันจัดเต็ม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ บนเนื้อที่ 37.5 ตร.ว.พื้นที่ใช้สอย 155 ตร.ม. ออกแบบให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยว หน้ากว้าง 10 เมตร ลึก 6 เมตร จอดรถได้ 2 คัน ให้มาก กว่าถึง 3 ห้องนอน 1 ห้องเอนกประสงค์ และ 3 ห้องน้ำ มีห้องนอนด้านล่างติดห้องน้ำ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ราคาขายเริ่มต้น 4.59 ล้านบาทต่อยูนิต ส่วนอาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้น อยู่ด้านหน้าโครงการเป็นพื้นที่ขายในอนาคต   บทความน่าสนใจ เศรษฐสิริ กรุงเทพ ปทุมธานี 2 บ้านเดี่ยวดีไซน์ MODERN CLASSIC พร้อมวิวสนามกอล์ฟ สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) บ้านแฝด-ทาวน์โฮมพร้อมรองรับ EV ทุกหลัง  
[Preview] ไมซัน ฮิลล์ สุขุมวิท-ศรีราชา บ้านที่เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ แบบ French Colonial

[Preview] ไมซัน ฮิลล์ สุขุมวิท-ศรีราชา บ้านที่เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ แบบ French Colonial

ไมซัน ฮิลล์ สุขุมวิท-ศรีราชา บ้านไมสัน ฮิลล์ บ้านที่เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ บนแบบบ้าน French Colonial   เจ้าของโครงการ   : บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด ที่ตั้งโครงการ      : ซ.เขาน้ำซับ ตำบล ทุ่งสุขรา  อ.ศรีราชา ลักษณะโครงการ  : ทาวน์โฮม ทาวน์โฮมอิสระ บ้านแฝด บ้านเดียว พื้นที่โครงการ  : 22-3-20.1 ไร่ จำนวนยูนิต  : 176 ยูนิต ที่จอดรถ  : 2  คัน ขนส่งสาธารณะ  : รถตู้สาย กรุงเทพ-พัทยา // รถสองแถม // วินมอเตอร์ไซต์ กำหนดการเปิด  : 17-18 ก.พ. 67 สิ่งอำนวยความสะดวก  : สวนสวยขนาดใหญ่, สระว่ายน้ำระบบเกลือ , เข้า-ออกโครงการด้วยระบบสแกนทะเบียน  Auto Access, กล้องวงจรปิดรปภ. 24 ชม. (Smart home) รองรับ EV Ready จุดเด่นโครงการ  : เป็นโครงการบ้านใกล้เมือง บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองศรีราชา ใกล้มหาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา และนิคมฯ แหลมฉบัง เพียง 1 นาที ถึงมหาลัยเกษตรศาสตร์ และ 5 นาที ถึงนิคมฯ แหลมฉบัง , ในแบบบ้านสไตล์ เฟรนช์โคโลเนียล (French Colonial) สโมสร สระว่ายน้ำ ราคา  :  เริ่มต้น 2-4 ลบ.    
สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้า1.8 หมื่นล้าน ก้าวสู่ปีที่ 10 อย่างแข็งแกร่ง ทุกโครงการที่เปิดต้องมาสเตอร์พีซ

สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้า1.8 หมื่นล้าน ก้าวสู่ปีที่ 10 อย่างแข็งแกร่ง ทุกโครงการที่เปิดต้องมาสเตอร์พีซ

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2567 ที่ยังคงเน้นการพัฒนาและลงทุนกับโครงการระดับมาสเตอร์พีซ ภายใต้ปรัชญา “Go Beyond Dreams” เดินหน้าสร้างซินเนอร์จีธุรกิจภายในเครือ ตลอดจนผนึกกำลังพันธมิตร พร้อมชูกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน  โดยตั้งเป้ารายได้โต 20% อยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท   สิงห์ เอสเตท นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า  ถึงกลยุทธ์ในการสร้าง สิงห์ เอสเตท ในปี 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย ที่มีการเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบขยายฐานลูกค้าครบทุก ลักซ์ชัวรีเซ็กเมนต์ และการขยายสัดส่วนการถือครองโครงการ The ESSE Sukhumvit 36 รับการฟื้นตัวของความต้องการในกลุ่ม ของตลาดคอนโดมิเนียม อีกทั้งการลงทุนในที่ดินในทำเลศักยภาพที่รองรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการในอนาคตตามกลยุทธ์หลักของบริษัทที่สร้างการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน   ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ (SET: SHR) ก็มีความโดดเด่นจากการเปิดตัว SO/Maldives โรงแรมไลฟ์สไตล์หรูระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการครอสโรดส์ มัลดีฟส์ และการยกระดับห้องพักโรงแรมในเครืออีก 5 แห่ง เพื่อตอบรับโอกาสจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเสริมการให้บริการในโรงแรมเพื่อให้สามารถเก็บอัตราห้องพักต่อวันและรายได้จากบริการอื่น ๆ ได้สูงขึ้นและเพิ่มมากขึ้น และการต่อยอดแบรนด์ ทราย (“SAii”)  ในการให้บริการที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้นและเพิ่มรายได้อื่น ๆ นอกจากราคาห้องโรงแรมของกลุ่ม   ในส่วนของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า บริษัทมีการนำโมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการใช้พื้นที่ของคนทำงานยุคใหม่ และกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งของนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ที่มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 2 แห่ง และแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ภายในพื้นที่รองรับการลงทุนในอนาคต “โดยในปี 2567 นี้ เราตั้งเป้ารายได้รวมของบริษัทให้เติบโตขึ้นสูงถึง 20% หรือมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 18,000 ล้านบาทผ่านแนวคิด Go Beyond Dream ที่ใช้ 3 แนวทางสนับสนุนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตครั้งนี้ ได้แก่ 1) Go Expertise การสร้างซินเนอร์จีจากความชำนาญของทีมระหว่าง 4 กลุ่มธุรกิจ โดยดึงเอาจุดแข็งและความชำนาญที่แตกต่างและโดดเด่นของแต่ละธุรกิจเพื่อเกื้อหนุนกันและกัน เพื่อการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและส่งมอบคุณค่าแก่ลูกค้า 2) Go Elixir การผนึกกำลังกับพันธมิตรใหม่ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและการลงทุน 3) Go Exceed, Go Exit ความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDG13 Climate Change สู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality ของสิงห์ เอสเตท ในปี 2573 เพื่อสร้างความสมดุลของธุรกิจทั้งกับชุมชุน สังคมและสิ่งแวดล้อม” กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย จากความสำเร็จในการพัฒนาโครงการระดับมาสเตอร์พีซอย่าง โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส โครงการลาซัวว์ เดอ เอส และโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส ทำให้เกิดความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในโครงการใหม่ ๆ อาทิ SMYTH, S’RIN และ SHAWN ในปี 2567 นี้ สิงห์ เอสเตท เตรียมต่อยอดความสำเร็จโครงการบ้านแนวราบที่มีครบทุกเซ็กเมนลักซ์ชัวรีตามแผนงาน และยังคงไว้ซึ่งการถ่ายทอด DNA ที่ยึดถือในการพัฒนาโครงการให้ได้คุณภาพระดับ “Best in Class” ด้วยอัตลักษณ์ในแบบฉบับของสิงห์ เอสเตท โดยได้มีการลงทุนในที่ดินทำเลศักยภาพที่รองรับการพัฒนาสำหรับโครงการที่จะเกิดขึ้นระยะ 3-5 ปีต่อจากนี้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากยอดโอนเพิ่มขึ้นอีก 50% ในปีนี้   กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ SHR ยังคงมีแผนที่จะปรับปรุงโรงแรมตามแผนการยกระดับพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง จำนวน 5 โรงแรมในเครือที่ประเทศไทยและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มอัตราเฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ได้มากกว่า 25% รวมถึงแผนการเสริมการให้บริการด้านอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับการยกระดับห้องพักที่จะสร้างรายได้เพิ่มเติม นอกเหนือจากรายได้การเข้าพัก (Non-Room Revenue) จากการใช้จ่ายต่อคนในการใช้บริการ ภายในโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 15% ขณะที่การหมุนเวียนสินทรัพย์ (Asset Rotation) ยังเป็นปัจจัยหนึ่งในการเสริมความแข็งแกร่งด้านผลประกอบการ โดยมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง รวมถึงการมองหาโอกาสในการควบรวมกิจการของธุรกิจที่ทำให้เกิดโอกาสรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นด้วย   กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการใช้โมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น ควบคู่ไปกับการชูจุดเด่นด้านที่ตั้งของโครงการต่างๆ ในเครือ ซึ่งจะทำให้มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยของอาคารสำนักงานในเครือที่มากกว่าในช่วงปี 2562 ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 85% ในทุกโครงการที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน มีการตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง อยู่ที่ 40% ของพื้นที่ขายรวม โดยใช้ทำเลยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดศูนย์กลางระหว่างแหล่งวัตถุดิบและเส้นทางการขนส่ง ความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภคทั้งกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีสูงถึง 400 MWและปริมาณน้ำซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเฉพาะทาง อาทิ กลุ่ม Semi-Conductor หรือ กลุ่ม Data Center นอกเหนือจากธุรกิจทางด้านอาหาร และความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นแรงหนุนสำคัญในการทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย   การดำเนินงานด้านความยั่งยืน มีแผนที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ด้วยกลยุทธ์ Climate Resilience Model เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  รวมถึงการให้ความสำคัญของพื้นที่ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยตั้งเป้าขยายพื้นที่ความหลากหลายทางทะเลถึง 30% นอกจากนี้ยังมุ่งเป็นศูนย์กลางในการสร้างสังคมคุณภาพ ผ่านโครงการต่าง ๆ ถึงกว่า 30 โครงการ นับเป็นจำนวนมากกว่า 100,000 คน ครอบคลุมพื้นที่การดำเนินงาน 5 ประเทศในทุกกลุ่มธุรกิจ  ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐมอริเชียส สหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ     “ภายใต้แนวคิด Go Beyond Dreams เราพร้อมก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 10 ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมที่จะพัฒนาโครงการคุณภาพระดับ “Best in Class” ในทุกกลุ่มธุรกิจ อย่างที่เราได้ประสบความสำเร็จมาแล้วกับโครงการระดับมาสเตอร์พีซ อาทิ โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส โครงการ  ครอสโรดส์ มัลดีฟส์ และโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ แม้ว่า ปี 2567 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทายสำหรับเศรษฐกิจโลก แต่กลุ่มบริษัท สิงห์ เอสเตท มีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจไปพร้อมกับการเตรียมตั้งรับสถานการณ์ต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เพื่อตอกย้ำแนวทางการทำธุรกิจแบบมั่นคงและยั่งยืน” นางฐิติมา กล่าว   บทความน่าสนใจ สิงห์ เอสเตท รุกตลาดบ้าน Ultra Luxury ปักหมุด SMYTH’S Ramintra เริ่ม 120 ล้าน สิงห์เอสเตท  ครึ่งปีแรกรายได้โต 92% พลิกมีกำไร 102 ล้าน สิงห์ เอสเตท เปิด 5 โครงการที่อยู่อาศัยหมื่นล้าน ขายบ้านอัลตร้า ลักชัวรี่ หลังละ 550 ล้าน
เศรษฐสิริ กรุงเทพ  ปทุมธานี 2 บ้านเดี่ยวดีไซน์ MODERN CLASSIC พร้อมวิวสนามกอล์ฟ

เศรษฐสิริ กรุงเทพ ปทุมธานี 2 บ้านเดี่ยวดีไซน์ MODERN CLASSIC พร้อมวิวสนามกอล์ฟ

เศรษฐสิริ กรุงเทพ  ปทุมธานี 2 โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ดีไซน์ MODERN CLASSIC เรียบง่ายร่วมสมัย สง่างาม TIMELESS DESIGN ที่เหนือกาลเวลา  สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมีอย่างครบครัน พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ร่มรื่น สระว่ายน้ำระบบเกลือและมีสระว่ายน้ำเด็ก ฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ครบครัน โครงการตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ครบทุกการเดินทาง เชื่อมต่อถนนกรุงเทพ – ปทุมธานี, ถนนทางหลวง 345, ถนนติวานนท์, ถนนสรงประภา-วิภาวดี ดอนเมือง โดยเดินทางเพียง 10 นาที ถึง ทางด่วนศรีรัช ด่านศรีสมาน       จุดเด่นของโครงการ ส่วนกลางแบบ PANORAMIC VIEW ทั้งคลับเฮาส์ สวนส่วนกลาง สระว่ายน้ำ ที่รับวิวสนามกอล์ฟขนาดใหญ่ 18 หลุม และมาพร้อมกับบ้านทั้งหมด 8 แบบ ครบครันทุกฟังก์ชันการอยู่อาศัย พิเศษส่วนตัวมากๆเพียง 70 หลังเท่านั้น     เศรษฐสิริ กรุงเทพ – ปทุมธานี 2   แบบบ้านให้เลือกมากถึง 8 แบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 200-425 ตร.ม.  ห้องโถง DOUBLE VOLUME SPACE, ห้อง PAVILION วิวสนามกอล์ฟที่จอดรถ ABSORPTION FLOOR พื้นลดแรงกระแทก และ HOME SECURITY ระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ รวมถึงนวัตกรรมบ้านสีเขียว GREEN LIVING DESIGNED HOME นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สะดวกสบาย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม     เศรษฐสิริ กรุงเทพ - ปทุมธานี 2 บ้านเดี่ยววิวสนามกอล์ฟ สไตล์ MODERN CLASSIC ที่สุดของทัศนียภาพแห่งความงดงาม ในราคา 12 - 30 ล้าน บ้านนวัตกรรมบ้านสีเขียว GREEN LIVING DESIGNED HOME เพื่อการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น พร้อมส่วนกลางที่รองรับไลฟ์สไตล์ทุกวัย     บทความน่าสนใจ แสนสิริ โชว์กำไรครึ่งปี 66 โตก้าวกระโดด 162% ครึ่งปีหลัง เปิดโครงการใหม่ กว่า 56,700 ล้าน แสนสิริ ตุนยอดโอน 4 เดือนแรก โต 28% กวาดรายได้แล้ว 9,200 ล้าน 
ศรีพันวาเปิดตัว The Sky Series เวิลด์คลาสลักชัวรี่วิลล่า หลังละ 250 ล้าน

ศรีพันวาเปิดตัว The Sky Series เวิลด์คลาสลักชัวรี่วิลล่า หลังละ 250 ล้าน

ศรีพันวา ผุดโปรเจกต์ The Sky Series เวิลด์คลาสลักชัวรี่วิลล่าเพียง 4 หลัง บนที่ดินกว่า 2 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,000 ลบ. ภายใต้แนวคิด Modern Natural ชูสไตล์การออกแบบที่มีเอกลักษณ์จากสถาปนิกชั้นนำ บริษัทแฮบบิต้า เพื่อสร้างความเป็น World Class Tourist Destination ของจังหวัดภูเก็ต ราคาเริ่มต้น 250 ลบ.     The Sky Series นายดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตในปีนี้ว่ามีทิศทางการเติบโตขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาภูเก็ตยังได้รับการยกย่องว่าเป็น World Class Tourist Destination ของโลก และในปัจจุบันกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็น World Class Investment Destination ของนักลงทุนไทยและต่างชาติที่สำคัญอีกด้วย โดยเห็นได้ชัดจากจำนวนนักท่องเที่ยว นักลงทุนต่างชาติ ที่เดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมากขึ้น ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปีนี้มีนักท่องเที่ยวมากว่า 8.2 ล้านคน และคาดว่า ณ สิ้นไตรมาส 4 ของปีจะมีนักท่องเที่ยวสูงถึง 14 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย จีน และคาซัคสถาน ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต ในทุกพื้นที่ คึกคักเป็นอย่างมาก     “จากภาพรวมการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตที่ฟื้นตัว ทำให้ภาคธุรกิจอสังหาฯ โรงแรม เร่งปรับตัว พร้อมพัฒนาโปรดักส์ที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศ โดยเฉพาะบ้านพักตากอากาศซึ่งค่อนข้างได้รับความสนใจซื้อจากเศรษฐี-นักลงทุน ทั้งคนไทยและต่างชาติอย่างมาก โดยเฉพาะบ้านพักตากอากาศตามแนวชายหาด วิวทะเล ที่เงียบสงบ ให้ความเป็นธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันที่ดินบริเวณนี้เริ่มหายากและมีราคาที่สูง บวกกับการปรับตัวของราคาที่ดินในพื้นที่เกาะภูเก็ตในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด” นายดิฐวัฒน์ กล่าว   ล่าสุด ศรีพันวา ภูเก็ต เดินหน้าเปิดที่ดินส่วนเรสซิเดนซ์ผืนสุดท้ายของโครงการจำนวนกว่า 2 ไร่ 1,000 ล้านบาท เปิดตัว  The Sky Series เรสซิเดนซ์ 4 หลังในโครงการ ศรีพันวา ภายใต้แนวคิด Modern Natural ชูจุดเด่นด้านงานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจากสถาปนิกชั้นนำอย่างแฮบบิตา ในการสร้างให้สถานที่แห่งนี้คือจุดหมายปลายทางที่หลายคนใฝ่ฝันต้องมาเยือน ประกอบกับศักยภาพของทำเลที่ยังคงคอนเซ็ปต์การอนุรักษ์ธรรมชาติ เพราะเรสซิเดนซ์แต่ละหลังจะเน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้เห็นทั้งวิวทะเล ต้นไม้ใหญ่ที่สมบูรณ์ อีกทั้งบางแอเรียจะได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบซีวิว บางแอเรียจะได้สัมผัสบรรยากาศในแบบสกายวิว ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากการออกแบบ Baba Nest ภายในโครงการศรีพันวา ที่มีชื่อเสียงดังไกลระดับโลก มาย่อส่วนให้เรสซิเดนซ์ทั้ง 4 หลัง มี Baba Nest ส่วนตัว พร้อมสระว่ายน้ำ ให้สามารถขึ้นมาเทควิวที่สวยงาม ชมพระทิตย์ตก นอกจากนี้การออกแบบพื้นที่ใช้สอยยังถูกออกแบบให้พื้นที่ภายนอกและภายในเชื่อมต่อเป็นพื้นที่เดียวกัน ให้บรรยากาศของธรรมชาติ ท้องฟ้า ทะเล พื้นที่สีเขียว ให้เราได้อยู่กับธรรมชาติตลอดเวลา   “จากการพัฒนาโครงการของชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เรามีความเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี และสามารถพัฒนาทุกโปรดักส์ออกมาตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าในทุกเซกเมนต์ โดยโปรเจกต์ The Sky Series นับว่าเป็นสัญลักษณ์ความเป็นเวิลด์คลาสลักชัวรี่วิลล่า ที่จะเป็นแลนด์มาร์คที่โดดเด่น และสร้างความภาคภูมิใจในการครอบครอง โดย The Sky Series เป็นเรสซิเดนซ์ 3 ชั้น 5 ห้องนอน มีจำนวนเพียง 4 หลังสุดท้าย ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 1,200 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 250 ล้านบาท โดยทุกๆ หลัง จะคงคอนเซ็ปต์ในการอนุรักษ์ธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่สำคัญๆ ที่มีอยู่ อาทิต้นมะกอก ต้นมะค่า ที่ยังคงเก็บไว้ ดังนั้นการออกแบบของเรซิเดนซ์ทั้ง 4 หลัง จะไม่เหมือนกัน เพราะเราจะรักษาต้นไม้ดั่งเดิมไว้ และทำบ้านให้อยู่โอบล้อมธรรมชาติ โดยจะเริ่มก่อสร้างในช่วงเดือนมิถุนายน 2567” นายดิฐวัฒน์ กล่าว   ทั้งนี้จากจุดเด่นทั้งทำเลที่เป็นแลนด์มาร์ค งานออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ผสมผสานกับงานอินทีเรียดีไซน์ที่สื่อถึงความเป็น Craft และ Unique จะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความภูมิใจที่เหนือระดับให้กับผู้อยู่อาศัยที่ได้ครอบครองวิลล่าหรูที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโครงการศรีพันวา ภูเก็ต นอกจากนี้ยังจะได้รับบริการ สิ่งอำนวยความสะดวก สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากโรงแรมที่ขึ้นชื่อระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร, รูฟท็อปบาร์, สปา ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง   สำหรับโครงการศรีพันวา ภูเก็ต เป็นโครงการบ้านพักตากอากาศ และโรงแรมสุดหรู แบบพูลวิลล่า ตั้งอยู่บนหาดส่วนตัว ปลายสุดของแหลมพันวา ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต บนเนื้อที่ 85 ไร่ วิลล่าของศรีพันวา แฝงตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้ และบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว ทั้งยังเปิดให้เห็นทะเลแสนสวยของท้องทะเลอันดามันพร้อมหมู่เกาะล้อมรอบ วิลล่าทุกหลังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว   ศรีพันวาได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในห้ารีสอร์ทชั้นนำของประเทศไทย และยังได้รับการคัดเลือก ให้เป็นโรงแรมที่มีเสน่ห์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก วิลล่าออกแบบในสไตล์ทรอปิคอลร่วมสมัย ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลสูงประมาณ 40-60 เมตร มีสิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมสันทนาการมากมาย เพียบพร้อมไปด้วย 6 ร้านอาหาร, 2 รูฟท็อปบาร์, สปา และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการที่ครบครัน พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง  และโซนใหม่ล่าสุด "Yaya" ห้องพัก Pool Suite 24 ห้อง พร้อมห้อง Convention ความจุ 400 คน รวมถึง Baba Soul Cafe และ รูฟท๊อปแห่งใหม่ TU Bar ชมพระอาทิตย์ตกบนชั้นดาดฟ้าที่วิวดีที่สุด แลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ทุกคนต้องมา   บทความน่าสนใจ ชาญอิสสระ อวดโฉม โครงการ ดิ อิสสระ สาทร ครั้งแรก ชู Luxury Urbanature ชาญอิสสระ แตกไลน์ 2 ธุรกิจ “เวลเนส-คริปโตฯ” พร้อมขนบ้าน-คอนโดหั่นราคา 50%
สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) บ้านแฝด-ทาวน์โฮมพร้อมรองรับ EV ทุกหลัง

สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) บ้านแฝด-ทาวน์โฮมพร้อมรองรับ EV ทุกหลัง

สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) บ้านแฝด-ทาวน์โฮมพร้อมรองรับ EV ทุกหลัง รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปเยี่ยมชมแบบบ้านซีรีส์ใหม่ล่าสุด สไตล์เบอร์เกน นอร์เวย์ ที่โครงการ “สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์)” จาก บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หนึ่งในโครงการที่มีแบบบ้านสวย น่ารัก บนทำเลติดถนนบางกรวย-ไทรน้อย ที่จะมาตอบโจทย์ครอบครัวที่กำลังตามหาบ้านหลังใหม่เพื่อการขยับขยาย หรือคนที่ต้องการบ้านหลังแรกสำหรับการเริ่มต้นครอบครัวใหม่ เพราะที่โครงการ “สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์)” มีแบบบ้านใหม่เลือกทั้งบ้านแฝดและทาวน์โฮม พร้อมรองรับทุกสไตล์ของการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์   ด้วยแรงบันดาลใจที่ได้มาจากเมืองเบอร์เกน ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งของยุโรป ทางโครงการจึงนำมาใช้เป็นคอนเซปต์หลักในการออกแบบตัวบ้านที่เน้นการใช้โทนสีที่สดใส และมีเอกลักษณ์ด้วยหลังคาทรงจั่ว พร้อมคิ้วหน้าต่างทรงยุโรป ทำให้ได้บรรยากาศมีชีวิตชีวาเหมือนอยู่ในชุมชนเล็กๆ ของยุโรปอย่างไรอย่างนั้น ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าที่มีรูปทรงคล้ายประภาคารสูง พร้อมป้อมรักษาความปลอดภัย เข้าออกด้วยระบบ Easy Pass และ CCTV ที่บริเวณประตูทางเข้าซึ่งจะช่วยเสริมความปลอดภัยให้ลูกบ้านอุ่นใจได้อย่างเต็มที่     ถัดเข้ามาจากซุ้มประตูเราก็จะเห็นพื้นที่สวนและคลับเฮาส์ส่วนกลางที่ตกแต่งสไตล์สวนยุโรป เด่นด้วยประติมากรรมหัวเรือไวกิ้งขนาดใหญ่ พร้อมดอกไม้มากมายซึ่งทำให้บรรยากาศภายในโครงการมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก พื้นที่ของคลับเฮ้าส์รวบรวมทั้ง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องเด็กเล่น และ Co-working Space ไว้อย่างครบครัน นอกจากนี้พื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ ทางโครงการยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กๆ ด้วยเครื่องเล่นสำหรับเด็กสีสันสดใสมากมาย และยังส่งเสริมให้ลูกบ้านมีสุขภาพที่ดีด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้ง สนามบาสเก็ตบอล และลู่จ็อกกิ้งรอบๆ บ่อน้ำพุขนาดใหญ่ ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดนี้สามารถตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการของทุกคนในครอบครัวได้อย่างเต็มที่แน่นอน   แบบบ้านใหม่สดใสในสไตล์เบอร์เกน โครงการ “สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์)” มีแบบบ้านให้เลือกทั้ง ทาวน์โฮม, บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์ รวม 242 ยูนิต ซึ่งแบบบ้านตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในครั้งนี้ มีด้วยกัน 2 หลัง นั่นคือ บ้านแฝด Flamsbana และ บ้านทาวน์โฮม Lofoten ความพิเศษของบ้านในโครงการนี้จะเป็นที่แรกของสิวารมณ์ที่พร้อมรองรับ EV Charger ทุกหลัง และ มีทั้ง Smart Security พร้อมสัญญาณกันขโมย และ IP Camera ติดตั้งให้เสร็จเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน   บ้านตัวอย่างหลังแรกเราเริ่มต้นกันด้วย บ้าน Flamsbana บ้านแฝด 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 135 ตารางเมตร หน้ากว้าง 10.2 เมตร พร้อมฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 2 ที่จอดรถ บ้านเดี่ยวหลังคาทรงจั่วสีสันสดใสนี้ เชื่อมติดกันด้วยคานบริเวณโรงจอดรถ ทำให้ไม่ต้องใช้กำแพงบ้านร่วมกัน และทางโครงการได้ออกแบบพื้นที่ระหว่างกำแพงทั้งสองหลังตกแต่งต่อเติมเป็นห้องซักรีดให้เราได้เห็นภาพการใช้สอยประโยชน์จากพื้นที่ได้มากขึ้นด้วย   มาดูพื้นที่ภายในบ้านบริเวณชั้น 1 กันก่อน ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าที่สามารถจอดรถได้ 2 คัน และยังมีพื้นที่สวนล้อมตัวบ้านไว้ถึง 3 ด้าน ช่วยเพิ่มวิวสวนให้กับตัวบ้านได้มากขึ้น พื้นที่ภายในตัวบ้าน ต้อนรับด้วยมุมรับแขกที่โอ่โถง เชื่อมต่อกับบริเวณรับประทานอาหารในสไตล์ Open Plan ที่เราสามารถจัดสรรการใช้พื้นที่ได้ตามใจ ด้วยลักษณะของบ้านแฝดที่ไม่ต้องใช้ผนังร่วมกับใคร บริเวณรับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่น จึงมีหน้าต่างและประตูเชื่อมต่อกับสวนบริเวณด้านข้างของบ้านและทำให้ภายในบ้านสว่างด้วยแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่   ครัวในบ้านเป็นครัวปิดให้ความเป็นสัดส่วน ซึ่งมีประตูเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ซักล้างด้านข้างของบ้าน ซึ่งทางโครงการกั้นเป็นห้องซักรีดให้ความเป็นสัดส่วนน่าใช้งานมากๆ   ในขณะที่ห้องโซนด้านหลังของชั้น 1 เป็นห้องเอนกประสงค์ที่เราสามารถเลือกตกแต่งเป็นห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องอื่นๆ ก็ได้ตามความต้องการ ด้วยขนาดของห้องที่กำลังพอดี และมีหน้าต่างเปิดรับแสงได้ดีทั้ง 2 ด้าน จึงเป็นพื้นที่ที่เราสามารถเลือกปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้มากมาย ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 2 จากโถงกลางจะแบ่งพื้นที่ด้านบนออกเป็น 3 ห้องนอน และ 1 ห้องน้ำแยก โดยที่ห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องจะใช้ห้องน้ำร่วมกัน ในขณะที่ห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัว   ห้อง Master Bedroom เป็นห้องโซนด้านหน้าของตัวบ้าน ดังนั้นจะได้ห้องที่มีขนาดหน้ากว้างเต็มพื้นที่ และเปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ พื้นที่ภายในห้องกว้างขวางมาก เราสามารถวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ และสามารถ Built-in พวกตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของเพิ่มเติมได้อีก ซึ่งฟังก์ชันในบ้านตัวอย่างทางโครงการเพิ่มฉากกั้นห้องให้มีพื้นที่สำหรับ Walk-in Closet บริเวณหน้าห้องน้ำได้เป็นสัดส่วน เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ขยับมาทางโซนด้านหลังแบ่งเป็น 2 ห้องนอนเล็กที่มีขนาดเท่าๆ กัน โดยสามารถตกแต่งให้เป็นห้องนอนสำหรับเด็ก ก็สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้กำลังดี หรือจะเพิ่มฟังก์ชันด้วยการ Built-in โต๊ะ ตู้ ได้ตามการใช้งาน ในขณะเดียวกันเราก็สามารถปรับพื้นที่การใช้งานให้เป็นห้องทำงาน ห้องแต่งตัวเพิ่มเติม หรือห้องออกกำลังกายก็ยังได้ ด้วยความที่ภายในห้องมีเพดานสูงถึง 2.9 เมตร และมีหน้าต่างบ้านใหญ่ ทำให้บรรยากาศภายในห้องไม่อึดอัดเลย   บ้านตัวอย่างหลังต่อไป บ้าน Lofoten ทาวน์โฮม 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 125 ตารางเมตร หน้ากว้าง 5.4 เมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ บริเวณชั้น 1 มีพื้นที่นั่งเล่นหรือมุมรับแขกเชื่อมต่อยาว ลึกเข้าไปถึงด้านหลัง ซึ่งกั้นลานซักล้างด้านหลังบ้านด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ลานซักล้างด้านหลังทางโครงการลงเสาเข็มไว้พร้อมรองรับการต่อเติมทั้งหลังคา หรือต่อเติมเป็นห้องครัวเพิ่มเติมแล้ว       ห้องนอนบริเวณชั้น 1 เป็นห้องที่อยู่ในโซนด้านหลังของตัวบ้าน มีหน้าต่างเปิดรับแสงและระบายอากาศได้ และอีกเช่นกันที่เราสามารถปรับการใช้พื้นที่ของห้องนี้ให้เป็นห้องทำงาน ห้องเกม หรือห้องอื่นๆ ได้ตามไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านได้เลย   ขึ้นมาที่ชั้น 2 การแบ่งพื้นที่ยังคงให้ Master Bedroom อยู่โซนด้านหน้าของบ้าน และแบ่งอีก 2 ห้องนอนเล็กไว้ที่โซนด้านหลัง Master Bedroom ยังคงดีไซน์ให้มีห้องน้ำในตัว และสามารถจัดฟังก์ชั่นการใช้งานได้เป็นสัดส่วน ทั้งการวางเตียงนอนขนาดใหญ่ 6 ฟุต แล้วก็ยังคงมีพื้นที่เพียงพอสำหรับตู้เสื้อผ้า ชั้นเก็บของ และโต๊ะเครื่องแป้งได้สบายๆ ส่วนห้องน้ำภายในห้องนอน ก็แบ่งพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียกไว้ให้แล้ว รองรับการติดตั้งกระจกฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมได้   ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องมีขนาดพอๆ กัน และแชร์ห้องน้ำที่อยู่ด้านหน้าด้วยกัน ในห้องนอนเล็กทางโครงการให้ไอเดียวการตกแต่งเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้องในสไตล์ที่แตกต่างกัน ห้องแรกน่ารักๆ แบบห้องนอนเด็กเล็ก และอีกห้องมีสไตล์ที่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่ทั้งนี้ เราก็สามารถเลือกใช้ประโยชน์ของพื้นที่ในห้องได้ตามจำนวนสมาชิกในครอบครัว หรือตามความต้องการอื่นๆ ได้เช่นกัน   ทำเลดี ติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวก โครงการ “สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์)” ปักหมุดอยู่ในทำเลที่ดี ติดถนนใหญ่ บางกรวย-ไทรน้อย ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญหลายสาย เช่น ถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก (ถนนกาญจนาภิเษก), ถนนชัยพฤกษ์, ถนนรัตนาธิเบศร์, ถนนราชพฤกษ์ และยังอยู่ไม่ไกลจากระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีคลองบางไผ่ ทำให้การเดินทางไปสู่แหล่งงานมีความสะดวก และง่ายมากยิ่งขึ้น   นอกจากนี้พื้นที่รอบๆ โครงการยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย ด้วยความเป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัย ใกล้ๆ โครงการจึงมีทั้ง ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อมากมาย รวมถึงตลาดสด, คลินิก, ร้านขายยา ก็พร้อมรองรับทุกความต้องการ ในขณะเดียวกันห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง Central West Gate, IKEA บางใหญ่, Lotus, Makro ก็มีครบทุกแบรนด์ เช่นเดียวกับ สถานศึกษาและสถานพยาบาลก็มีอยู่ในบริเวณใกล้ๆ พร้อมสำหรับการดูแลสุขภาพของทุกคน ด้วยดีไซน์ของตัวบ้าน บนทำเลศักยภาพ ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.45-3.99 ล้านบาท*  โครงการสิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) จึงเหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านเพื่อสร้างครอบครัว หรือขยายบ้านใหม่ เพราะสามารถตอบโจทย์ของสมาชิกครอบครัวได้อย่างรอบด้าน และมีแบบบ้านหลายขนาดให้เลือก ใครที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมโครงการได้แล้ว พร้อมข้อเสนอพิเศษที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ ลงทะเบียนรับส่วนลดพิเศษ คลิกเลย http://sivaromvillagewongwaen-chaiyapruek.com/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ โทร. 063 212 2323 บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พรีวิวโครงการ สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์) M Life สุขุมวิท–บางปู 87 บ้านแฝดหรูดีไซน์ใหม่ สิวารมณ์ เนเจอร์พลัส 2 (สุขุมวิท-บางปู)
ESTAR ลุยทำเลทอง  บ้านฉาง – ระยอง เปิดโครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท

ESTAR ลุยทำเลทอง บ้านฉาง – ระยอง เปิดโครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท

  บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดความสำเร็จ 5 โครงการฝั่งตะวันออก ทำนิวไฮ อัพเดท กวาดรายได้รวมแล้วกว่า 700 ล้านบาท พร้อมเร่งเครื่องท้ายปีเตรียมเปิดตัว โครงการน้องใหม่ ‘เวลาน่า ไฮด์’ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท ทำเลติดสนามกอล์ฟ ใกล้สนามบิน อู่ตะเภา   ESTAR นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ สามารถคว้าความสำเร็จในการปิดยอดขายโครงการพื้นที่ฝั่งระยอง – บ้านฉาง อาทิ โครง การบ้านสินทวี การ์เด้นท์ 2 โครงการแฮมเล็ต 3 โครงการเวลาน่า กอล์ฟ เฮ้าส์ ที่ปัจจุบันปิดโครงการเป็นที่เรียบร้อย แล้ว เช่นเดียวกันกับโครงการ บรีซ แอท อีสเทอร์น สตาร์ ฟอเรสโต้ ที่ตอนนี้ยอดขายอยู่ที่ 99% ซึ่งคาดว่าจะปิดได้ สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ สำหรับโครงการเวลาน่า อะโมด้า อู่ตะเภา - บ้านฉาง ยอดขายตอนนี้ขึ้นมาที่ 96% และในส่วน ของโครงการแกรนด์ เวลาน่า ยอดขายตอนนี้อยู่ที่ 80% นอกจากนี้ จากที่ทราบกันในปีนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการที่เปิด ใหม่ โครงการเธร่า พรีม่า บูรพาพัฒน์ – สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ที่ตอนนี้ทำยอดขายได้แล้ว 75% ของ เฟสแรก เช่นเดียวกับโครงการบรีซ ชาเล่ต์ บูรพาพัฒน์ – สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ที่ตอนนี้ยอดขายแตะ อยู่ที่ 80% ของเฟสแรก   จากการสำรวจพื้นที่ทำเลในบริเวณรัศมีรอบโครงการอีสเทอร์น สตาร์ พบว่า โซนระยอง - บ้านฉาง มีศักยภาพทำเลสูง เนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรมและประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น อีกทั้งยังมีเส้นทางคมนาคมที่หลากหลาย โดย เฉพาะสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาที่ตอนนี้กำลังจะมีโปรเจกต์ในการสร้างส่วนต่อขยาย อีกทั้งยังมีโครงการใน อนาคตที่เป็นเมกะโปรเจกต์ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เชื่อม กทม. สู่ EEC คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2029 การเดินทางที่สะดวก ทันสมัย จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น การจ้างงานในอุตสาหกรรมต่อเนื่องกว่า 1 แสนตำแหน่ง เกิดเมืองใหม่ที่เป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตามสองข้างทางที่ รถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน หากมีเมกะโปรเจกต์เหล่านี้มาก็จะสร้างแหล่งงานมากในพื้นที่ ทำให้ความต้องการ อสังหาริมทรัพย์มีอย่างต่อเนื่อง     ในปีนี้ โครงการฝั่งระยอง - บ้านฉาง ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ โดยให้ความสนใจเข้ามา เยี่ยมชมโครงการอีสเทอร์น สตาร์ เพิ่มขึ้น เห็นได้จากกระแสตอบรับสำหรับโครงการเปิดใหม่อย่าง โครงการบรีซ ชาเล่ต์ บูรพาพัฒน์ – สุขุมวิท บ้านเดี่ยว 2 ชั้น หน้ากว้าง พื้นที่โครงการ 27-0-66.3 ไร่ จำนวนบ้าน 134 หลัง สไตล์ Modern English Garden Home ในราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท ซึ่งกำลังเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากสามารถทำ ยอดจองได้สูง พร้อมกับโครงการบ้านในสนามกอล์ฟที่เป็นไฮไลท์ โครงการอะโมด้า อู่ตะเภา - บ้านฉาง บ้านเดี่ยว พร้อมอยู่ 2 ชั้น จำนวน 104 ยูนิต บนที่ดินกว่า 27-1-55.80 ไร่ ในสนามกอล์ฟ สไตล์โมเดิร์นคลาสสิค รูปแบบ Timeless Design ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท ที่ตอนนี้ยอดขายกระโดดมาสูงเกือบจะ 100% ภายในระยะเวลาเพียง ไม่กี่เดือน และใกล้ปิดการขายโครงการได้ในเร็วๆ นี้   ซึ่งจากปัจจัยบวกต่างๆ ตลอดปีที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลให้ บริษัทฯ ลงทุนขยายโครงการใหม่เพิ่มในพื้นที่เดียวกัน เพื่อตอบรับความต้องการผู้อยู่อาศัย ในชื่อ โครงการเวลาน่า ไฮด์ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 128 ยูนิต มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท บนคอนเซ็ปต์ Modern Classic สะท้อนความงดงาม สมบูรณ์แบบของการใช้ชีวิต โดยการออกแบบตัวบ้านและโครงการได้รับแรงบันดาลใจจาก สถาปัตยกรรมยุโรป และยังคงเน้นกลุ่มเป้าหมาย เป็นกลุ่มผู้บริหาร บริษัทในนิคมฯ มาบตาพุด กลุ่มหมอ และพนักงานสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ตั้งแต่ช่วงวัยทำงาน อายุ 30-55 ปี รายได้เดือนละ 7 หมื่น - 3 แสนบาท ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามี กำลังซื้อศักยภาพสูง และโอกาสรีเจ็กต์เรตอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก ทั้งนี้ปัจจุบัน โครงการเวลาน่า ไฮด์ อู่ตะเภา - บ้านฉาง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ดำเนินการแล้วกว่า 60% โดยคาดว่า แล้วจะเสร็จพร้อมเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า ไตรมาส 1/2024     อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสำหรับโครงการอีสตาร์ในพื้นที่ระยอง ปีนี้คาดว่าจะทำนิวไฮของบริษัทฯ กว่า 700 ล้านบาท นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทฯ ยังมีการลงทุนเพิ่มสำหรับขยายโครงการ เพื่อตอบรับผู้อยู่อาศัย ในทุกเซกเมนท์โดยมีจะการออกโปรดักส์ในราคาเริ่มตั้งแต่ 2 ล้านบาทต้นๆ ไปจนถึง 12 ล้านบาท ซึ่งตามคาดการณ์ จะสามารถรับรู้รายได้ อยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท นายไพโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย   บทความน่าสนใจ ESTAR  เปิดชม ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39  ยอดนิยมในย่าน ขายแล้วกว่า 70% ESTAR เปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ ไพโรจน์ วัฒนวโรดม ปรับใหญ่รุกตลาดบ้าน
The Gentry สุขุมวิท-บางนา วิลล่าหรูเพื่อชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติสไตล์คนติดเมือง

The Gentry สุขุมวิท-บางนา วิลล่าหรูเพื่อชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติสไตล์คนติดเมือง

The Gentry สุขุมวิท-บางนา วิลล่าหรูเพื่อชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติสไตล์คนติดเมือง   ถ้าคุณเป็นคนกรุงเทพที่ติดไลฟ์สไตล์แบบใจกลางเมือง ทั้งทำงาน กินข้าว แฮงค์เอ้าท์อยู่แต่ย่าน CBD หรือแม้แต่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองจนเคยชิน แล้วเกิดอยากขยับขยายครอบครัว มองหาบ้านซักหลังที่ใหญ่ขึ้น แต่ก็ไม่อยากได้ทำเลที่ต้องหนีไปถึงพื้นที่รอบนอกของกรุงเทพฯ เรามีโครงการบ้านเดี่ยวบนทำเล “สุขุมวิท-บางนา” จาก SC Asset มาแนะนำภายใต้ชื่อแบรนด์ “The Gentry Sukhumvit-Bangna” (เดอะ เจนทริ สุขุมวิท-บางนา) โครงการบ้านเดี่ยวใหม่ล่าสุดซึ่งปักหมุดอยู่บนถนนสุขุมวิทจริงๆ พร้อมสัมผัสนิยามของชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ตอบโจทย์ชีวิตติดเมือง แบบใกล้กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!!   EFFORTLESS Location The Gentry สุขุมวิท-บางนา ตั้งอยู่บนทำเลสุขุมวิท-บางนาอย่างแท้จริง เพราะใกล้กับสี่แยกบางนาแบบสุดๆ ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 68 ใกล้ทางด่วนเฉลิมมหานคร (ด่านบางนา) เพียง 250 เมตรเท่านั้น แถมยังมีเส้นทางเข้าออกโครงการได้หลากหลายเส้นทาง เช่น ทางซอยสุขุมวิท 68,ซอยสุขุมวิท 64, ถนนบางนา-ตราด และถนนสรรพาวุธ ตอบโจทย์การเดินทางของคนติดเมืองแบบสุดๆ เพราะแค่อึดใจก็สามารถเข้าถึงใจกลาง CBD ได้อย่างรวดเร็วแล้ว หรือถ้าวันไหนไม่อยากขับรถ ก็สามารถใช้บริการรถไฟฟ้า BTS ได้ง่ายๆ ด้วยทำเลที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากถึง 2 สถานี ใช้เวลาแค่ 5 นาที ก็เลือกได้เลยว่าจะไปที่สถานีอุดมสุข หรือสถานีบางนาก็ได้เช่นกัน   นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงกับโครงการยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งโรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาลชั้นนำ เช่น Berkeley International School, Anglo Singapore International School, St. Andrews International School, Bangkok Mall, Cloud 11, True Digital Park, Central Plaza Bangna, Emporium, Emquartier, รพ.ไทยนครินทร์, รพ.สมิติเวช ฯลฯ ซึ่งเรารู้กันดีอยู่แล้วว่า ทำเลในย่านนี้จะหาบ้านเดี่ยวสักหลังไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จึงไม่เกินจริงถามเราจะบอกว่าที่ตั้งของโครงการ The Gentry สุขุมวิท-บางนานั้น เป็น Rare Item ที่หาได้ยากในปัจจุบัน ห้างสรรพสินค้า บางกอกมอลล์         1.2 กม. คลาวด์ 11                2.3 กม. ทรู ดิจิทัล พาร์ค       2.5 กม. เซ็นทรัล บางนา       4.0 กม. เอ็มโพเรียม             8.5 กม. เอ็มควอเทียร์           8.7 กม. เมกา บางนา            9.6 กม.                       สถานศึกษา โรงเรียนนานาชาติเบอร์กลีย์                                 1.8 กม. โรงเรียนนานาชาติแองโกล-สิงคโปร์                   2.4 กม. โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส สุขุมวิท 107  2.8 กม. โรงเรียนนานาชาติเวลส์                                        4.5 กม. โรงเรียนบางกอกพัฒนา                                        4.7 กม. โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส กรุงเทพฯ       6.6 กม. โรงพยาบาล โรงพยาบาลไทยนครินทร์                         4.9 กม. โรงพยาบาลสุขุมวิท                                  6.8 กม. โรงพยาบาลพริ้นซ์สุวรรณภูมิ                    7.9 กม. โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท                     9.5 กม. Club House และส่วนกลาง ด้วยคอนเซปต์การออกแบบโครงการที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Swedish Forest, Sweden ด้วยบรรยากาศของป่าสนที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งอยู่ร่วมกันกับชุมชน ดังนั้นบรรยากาศของพื้นที่ส่วนกลางตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ, Club House และพื้นที่สวนส่วนกลางจึงแวดล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวครึ้มในสไตล์สวนป่าที่มีพื้นที่พักผ่อนแทรกตัวอยู่อย่างกลมกลืน   นอกจากบรรยากาศที่ทำให้การอยู่อาศัยของทุกคนได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นแล้ว ทางโครงการยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยของลูกบ้าน ตั้งแต่บริเวณซุ้มทางเข้าที่ควบคุมการเข้าออกด้วย Smart Gate with License Plate จัดการการเข้าออกได้ง่ายผ่านการสแกนทะเบียนรถ รวมถึงการติดตั้ง Solar Roof ในพื้นที่ส่วนกลางเพราะใช้พลังงานทดแทนและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง   บรรยากาศสวนส่วนกลางในโครงการ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากป่าสนที่สมบูรณ์ ของประเทศสวีเดน พร้อมมุมพักผ่อนที่แทรกตัวอยู่ตามจุดต่างๆ มุมเด็กเล่นที่ถูกออกแบบให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติ   บริเวณ Club House เป็นอาคาร 2 ชั้นที่มีสถาปัตยกรรมร่วมสมัย ระแนงของ façade ในโทนสีเอิร์นโทนที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบด้าน ภายในอาคารประกอบไปด้วย ฟิตเนส, Co-working Area & Meeting Room และสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือยาวกว่า 16 เมตร ซึ่งแยกสระว่ายน้ำเด็กมาให้ด้วย พร้อมรองรับทุกการใช้งานของลูกบ้านทุกช่วงวัยอย่างแท้จริง   อาคาร Club House ถูกออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมที่ใช้โทนสีสอดคล้องไปธรรมชาติ โดยมีทั้งโซน indoor และ semi outdoor สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ แบ่งโซนของสระเด็กและมุมพักผ่อนไว้เป็นสัดส่วน สระว่ายน้ำกว้างเหมาะสำหรับการออกกำลังกาย  มุมพักผ่อนริมสระว่ายน้ำ ให้บรรยากาศสบายๆ เหมาะกับการพักผ่อนทุกๆ วัน บริเวณชั้น 2 ของอาคาร Club House มีโซนที่เป็น Co-working & Meeting Room เพื่อรองรับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ของลูกบ้านไม่ว่าจะเป็นการทำงาน WFH หรือแม้แต่การนัดประชุมงานกลุ่มย่อยๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ฟิตเนสบริเวณชั้น 2 ของ Club House พร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน ระบบรักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้าโครงการ ซึ่งใช้ระบบ Smart Gate with License Plate ลูกบ้านเข้าออกสะดวกด้วยการสแกนทะเบียนรถ และสามารถจัดการการเข้าออกของแขกผ่านแอปพลิเคชันรู้ใจได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พร้อมกล้อง CCTV ซึ่งทำให้ลูกบ้านอุ่นใจได้ตลอดการอยู่อาศัย   3 แบบบ้านจาก The Gentry สุขุมวิท-บางนา The Gentry สุขุมวิท-บางนา คือบ้านเดี่ยวสุดหรู 3 ชั้น พร้อมสังคมคุณภาพที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุดด้วยจำนวนบ้านเพียง 17 ยูนิตเท่านั้น บ้านทุกหลังครบครันด้วยนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย ทั้ง Ruejai Home OS แอปพลิเคชันควบคุมบ้านอัจฉริยะ, จุดรองรับการติดตั้ง EV Charger, Active Air Qualityระบบที่ขจัดมลพิษทางอากาศในบ้าน, ติดตั้งสัญญาณกันขโมยในตัวบ้านด้วย Magnetic และ Shock Sensor, Smoke & Heat Detector และ CCTVs รอบตัวบ้าน ฯลฯ     รูปแบบบ้านของ The Gentry สุขุมวิท-บางนา ออกแบบผ่านแนวคิดเพื่อคนเจนเนอเรชั่นใหม่ที่กำลังมองหาบ้านเพื่อการใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว แต่ยังไม่ทิ้งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบคนเมือง สามารถตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบาย ความทันสมัย และมีความเป็นส่วนตัว ทางโครงการมีแบบบ้านให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ HAVEN-T พื้นที่ใช้สอย 442 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ และรองรับการติดตั้งลิฟต์ HIDEAWAY-T พื้นที่ใช้สอย 553 ตร.ม ขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 4 ที่จอดรถ และลิฟต์ SANCTUARY-T พื้นที่ใช้สอย 695 ตร.ม. ขนาด 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 2 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 5 ที่จอดรถ ลิฟต์ และสระว่ายน้ำ   ซึ่งเราจะพาไปชมบ้านตัวอย่างทั้ง 3 แบบ เพื่อให้เห็นฟังก์ชันการใช้งานภายในบ้าน และรูปแบบการตกแต่งภายในบ้านแต่ละสไตล์กันครับ The Gentry สุขุมวิท-บางนา เริ่มต้นกันด้วยบ้าน HAVEN-T พื้นที่ใช้สอย 442 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ และรองรับการติดตั้งลิฟต์ (หน้ากว้างของบ้าน 15 เมตร) ถึงแม้จะบอกว่าเป็นบ้านไซส์เล็กสุด แต่พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านก็ยังมากถึง 442 ตร.ม. ซึ่งมาพร้อมฟังก์ชันเพื่อครอบครัวขยาย สามารถอยู่ได้หลายเจนเนเรชั่น  ทางโครงการเตรียมจุดติดตั้ง EV Charger เพื่อรองรับการใช้รถไฟฟ้า และพื้นที่หน้าบ้านสามารถจอดรถได้มากถึง 3 คัน และภายในบ้านยังมี Home Automation แผงควบคุมไฟฟ้าในบ้าน ซึ่งสามารถสั่งการผ่านแอปพลิเคชั่น Ruejai  เมื่อเข้าบ้านมาจะเจอกับโถงรับแขกที่เป็น Double Volume เพดานสูงโปร่งและเชื่อมต่อกับพื้นที่สวนบริเวณข้างๆ บ้านได้ เอื้อต่อการขยายพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมครอบครัวที่ต้องการพื้นที่มากขึ้น สำหรับบ้านหลังนี้ ทางโครงการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับติดตั้งลิฟต์โดยสารบริเวณด้านหน้าบันไดทางขึ้นชั้นบนไว้ให้ด้วย โถงทางเดินชั้น 2 เชื่อมต่อกับบริเวณ Double Volume ชั้นล่าง และเชื่อมต่อกับห้องพักอีก 2 ห้อง ซึ่งเปิดโล่งรับแสงได้เต็มที่ ทำให้ไม่อึดอัดเลย ส่วนห้องนอนในตำแหน่งต่างๆ เราสามารถเลือกตกแต่งฟังก์ชันการใช้งานได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นห้องเสริมสวยสำหรับสาวๆ หรือจะเป็นห้องนอนของสมาชิกในบ้าน เพราะทุกห้องมีห้องน้ำในตัว โถงพักผ่อนบริเวณชั้น 3 เป็นอีกมุมที่น่าสนใจ เนื่องจากทางโครงการได้ออกแบบเป็นมุมพักผ่อนและโชว์ของเล่น ของสะสมไว้เต็มผนัง เชื่อว่ามุมนี้น่าจะถูกใจใครหลายๆ คนเลยทีเดียว   -----------------------------------------------------------------     บ้านหลังต่อมาคือ HIDEAWAY-T พื้นที่ใช้สอย 553 ตร.ม ขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 4 ที่จอดรถ และลิฟต์ (หน้ากว้างของบ้าน 18 เมตร) สำหรับบ้านหลังขนาดกลางนี้ ยังคงเตรียมจุด EV Charger ไว้ให้เช่นกัน ส่วนชานข้างบ้านทางโครงการเลือกแต่งให้เป็นมุมพักผ่อน และมุมออกกำลังกายกึ่งกลางแจ้ง เลยทำให้เห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้กว้างมากเลยครับ โถงรับแขกบริเวณชั้น 1 ยังโดดเด่นด้วยความเป็น Double Volume เพดานสูงโปร่ง และบานหน้าต่างที่เปิดรับแสงได้เต็มที่มากๆ ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น จึงสามารถวางโซฟาชุดใหญ่เพื่อรองรับแขกได้จำนวนมาก   แบบบ้านหลังนี้ เพิ่มเติมห้องนอนที่ชั้น 1 ไว้ให้ด้วย ซึ่งเหมาะจะใช้เป็นห้องสำหรับผู้สูงอายุ ด้วยการออกแบบ Universal Design เสริมอุปกรณ์ช่วยพยุงในห้องน้ำเพื่อการใช้ที่สะดวกขึ้น รวมถึงการออกแบบพื้นให้เรียบ ไม่มีส่วนที่ต่างระดับ เตรียมรองรับการใช้ Wheel Chair ในอนาคต แต่ถ้าเราได้เข้ามาดูในบ้านตัวอย่าง ทางโครงการลองตกแต่งให้เป็นห้องออกกำลังกายในร่ม พร้อมเติมแสงสีให้รู้สึก Active กับการออกกำลังกายมากขึ้น และยังเชื่อมโยงกับพื้นที่ออกกำลังกายด้านนอก ซึ่งก็เป็นไอเดียที่ดีมากๆ เลยทีเดียว พื้นที่ของครัวไทยภายในบ้านก็แยกออกมาเป็นสัดส่วน และมีพื้นที่มากขึ้นเหมาะสำหรับการทำครัวจริงๆ  โถงทางเดินชั้น 2 ยังคงโล่งและเชื่อมต่อกับโถงรับแขกด้านล่าง และด้วยธีมการออกแบบของบ้านนี้ที่ออกแนวเท่ห์ๆ แบบคนรักรถและรักความเร็ว บรรยากาศโดยรวมของห้องต่างๆ จึงดูเท่ห์และแมนมาก ทั้งห้องทำงานที่เป็นเหมือนห้องทำงานของนักแข่ง หรือห้องเกมซึ่งก็ยังเป็นเกมแข่งรถจากเครื่อง PS5 เชื่อว่าหลายห้องของบ้านนี้ต้องถูกใจคุณผู้ชายที่มีใจรักการแข่งรถแน่นอน บ้านหลังนี้ มีห้อง Master Bedroom ที่ให้บรรยากาศคล้าย Penthouse เพราะมีทั้งมุมพักผ่อนภายในห้อง มีระเบียงกว้าง พร้อม Walk-in Closet ขนาดใหญ่ ซึ่งวาง Layout เพื่อการใช้งานไว้อย่างดี รวมถึงห้องน้ำภายในห้อง Master Bedroom ก็มาพร้อมอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ และสุขภัณฑ์ไฟฟ้า (washlet) ขณะเดียวกัน ห้องนอนเล็กอีกห้องก็ไม่ได้มีขนาดเล็กเลย ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่กว้างและจัด Layout ไว้เป็นสัดส่วน ถามยังมีระเบียบส่วนตัวเหมือนกับห้องอื่นๆ จึงทำให้บรรยากาศภายในห้องโปร่งน่าอยู่มากๆ   -----------------------------------------------------------------   ส่วนแบบบ้านหลังสุดท้ายเป็นหลังที่ใหญ่สุดชื่อ SANCTUARY-T พื้นที่ใช้สอย 695 ตร.ม. ขนาด 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 2 ส่วนพักผ่อน 1 ห้องครัว 1 ห้องรับประทานอาหาร 1 ห้องแม่บ้าน 5 ที่จอดรถ ลิฟต์ และสระว่ายน้ำ (หน้ากว้างของบ้าน 23 เมตร) ด้วยขนาดบ้านที่เป็นหลังใหญ่สุดสามารถรองรับสมาชิกจำนวนมาก ดังนั้นลานจอดรถหน้าบ้านจึงเตรียมพร้อมรองรับการจอดได้มากถึง 5 คัน รวมถึงจุด EV Charger  ความอลังการของโถงรับแขกของบ้านหลังนี้ เชื่อว่าใครเห็นก็ต้องร้องว้าว ทั้งความกว้างของพื้นที่ใช้สอย เพดานสูงแบบ Double Volume และประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้าน แถมทางโครงการยังปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นของบ้านหลังนี้หลายส่วน จนแทบจะเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยเดิมไปอย่างสิ้นเชิง บรรยากาศภายในบ้านหลังนี้จึงดูพิเศษไปซะทุกส่วน จริงๆ พื้นที่บริเวณนี้ เป็นส่วนของห้องนอนชั้นล่างที่ออกแบบไว้สำหรับผู้สูงอายุ แต่พอปรับเปลี่ยนเป็นมุมพักผ่อนประกอบกับตำแหน่งห้องอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ เลยทำให้พื้นที่บริเวณชั้น 1 ของบ้าน โอ่อ่าอลังการมากที่สุด เหมือนได้ไปพักผ่อนตากอากาศในพูลวิลล่าหรูจนเกือบลืมไปว่าจริงๆ แล้วเราอยู่แค่แยกบางนาซึ่งใกล้เมืองมากๆ สระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้าน ให้บรรยากาศของความผ่อนคลายมากที่สุด เพราะแวดล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขึยวซึ่งเป็นสวนที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สังสรรค์ได้อย่างลงตัว พื้นที่ครัวไทยขนาดใหญ่จัดสรรไว้เป็นสัดส่วน และยังเชื่อมต่อไปยังโซนรับประทานอาหาร และ pentry ด้านนอก อย่างที่บอกไว้ว่า บ้านหลังนี้ทางโครงการได้นำเสนอไอเดียการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานส่วนต่างๆ ไว้หลายจุด ทั้งกั้นพื้นที่เพิ่ม หรือลองปรับให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดอยู่แค่ห้องนอน ดังนั้นเราจะเป็นพื้นที่พักผ่อน Family Room รวมถึงพื้นที่อเนกประสงค์ที่ถูกจัดเป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ห้องซ้อมดนตรี ห้องพลู หรือมุมเก็บของสะสมต่างๆ รวมถืงพื้นที่พักผ่อนชิวๆ บริเวณระเบียง หรือบริเวณชานบ้าน เพื่อแสดงให้เห็นว่า หากสมาชิกในบ้านมีความสนใจในกิจกรรมที่ต่างกัน หรือหลากหลาย พื้นที่ทั้งหมดภายในบ้านก็สามารถรองรับทุกกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 3 ทางโครงการออกแบบให้เป็นเหมือน Penthouse ส่วนตัว มีทั้งโซนทำสปาเพื่อความผ่อนคลายของเจ้าบ้าน แล้วจัดสรรพื้นที่ใหม่โดยปรับพื้นที่เกือบทั้งชั้นให้เป็น Master Bedroom พร้อม Walk-in Closet สุดอลังการ (เพราะปรับห้องนอนเล็กอีกห้องของชั้นนี้ จัดเป็นห้องแต่งตัวทั้งหมด) แบบห้องแต่งตัวในฝันของใครหลายๆ คน โดยเสนอไอเดียแบ่งพื้นที่แต่งตัวชาย-หญิงแยกกันด้วยสไตล์การตกแต่ง ในขณะเดียวกันพื้นที่ในห้องนอนก็มีพร้อมทั้งมุมนั่งเล่น และระเบียงขนาดใหญ่สำหรับนั่งเล่นรับลมได้ตลอดวัน  ห้องนอนเล็กที่ถูกปรับฟังก์ชันให้เป็นห้องแต่งตัวแบบเข้มๆ ในสไตล์แมนๆ  Master Bedroom พร้อมอ่างอาบน้ำ และสุขภัณฑ์ washlet ซึ่งแยกส่วนแห้งส่วนเปียกไว้เป็นสัดส่วน   ดูบ้านตัวอย่างกันไปครบทั้ง 3 แบบแล้ว จะเห็นได้ว่าบ้านแต่ละหลังถูกออกแบบฟังก์ชันการใช้งานเป็นสัดส่วนมาอย่างดี แต่ก็ยังสามารถปรับแต่งพื้นที่การใช้งานให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเจ้าบ้านได้หลากหลายเช่นกัน ซึ่ง The Gentry สุขุมวิท-บางนา สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนเมืองได้เป็นอย่างดี ด้วยจุดเด่นของทำเลที่ตั้งที่อยู่บนถนนสุขุมวิท ใกล้กับสี่แยกบางนา สามารถเข้า-ออกได้หลายทาง ใกล้ทางด่วนเฉลิมมหานคร (ด่านบางนา) เพียง 250 เมตรเท่านั้น ทำให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองในเวลาแค่อึดใจเท่านั้น สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการยังเพียบพร้อมพอดีกับการใช้ชีวิตของคนเมืองที่ดูยังไงก็ลงตัวไปทุกด้าน พร้อมสังคมคุณภาพที่มีเพื่อนบ้านเพียง 17 หลังเท่านั้น ในราคาเริ่มต้น 45-75 ล้านบาท* ใครที่สนใจสามารถติดต่อเข้าชมบ้านตัวอย่างได้แล้ว หรือต้องการสอบถามข้อมูลโครงการเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 065-919-3456 หรือคลิกลิงก์เพื่อลงทะเบียน https://m.scasset.com/If7G     บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เอสซี แอสเสท ลุยเปิดคอนโดแบรนด์ใหม่ COBEเจาะ 2 ทำเล COBE รัชดา-พระราม 9 โครงการใหม่ของคนรุ่นใหม่ เอสซี แอสเสท ส่งบ้านหรูแบรนด์ใหม่ 95E1 ราคาเริ่มต้นหลังละ 100 ล้าน  
Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา โครงการ Modern Luxury เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น

Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา โครงการ Modern Luxury เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น

Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา โครงการ Modern Luxury เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น New Series ใหม่เอี่ยมของ SC ASSET บนทำเลรวมบ้านหรูราคามากกว่า 10 ล้าน กรุงเทพกรีฑา Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา บนที่ดิน 23 ไร่ ที่มีเพียง 35 ยูนิตเท่านั้นให้ความเป็นส่วนตัวมาก มาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางครบครัน มี CLUBHOUSE สระว่ายน้ำระบบเกลือ ,Kid’s Room , Game room ,Fitness และพื้นที่สีเขียวจัดสวนสวยๆรอบโครงการ พร้อมกับระบบความปลอดภัยในแบบ SC ASSET ที่บอกเลยว่าเข้ม สำหรับตัวบ้าน หรือจะเรียกคฤหาสน์ก็ไม่ผิดอะไร ดีไซน์ใหม่หรูแปลกตา ในแบบ Modern Luxury ที่เหนือการเวลา บ้านมี 3 ชั้น 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ การออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจจาก ORVIETO  ITALY อาสนวิหารที่สวยติดอันดับต้นๆ ในยุโรป Grand Bangkok Boulevard พระราม 9 กรุงเทพกรีฑา มีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ราคาเริ่มต้นที่ 45 - 85 ล้านบาท SOLIANA พื้นที่ใช้สอย 593 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 3 ห้องพักผ่อน จอดรถได้ 4 คัน กับอีก 1 ห้องแม่บ้าน CAPPELLA พื้นที่ใช้สอย 620 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 3 ห้องพักผ่อน จอดรถได้ 4 คัน 2 ห้องแม่บ้าน และ Lift ส่วนตัว ORVIETO  พื้นที่ใช้สอย 776 ตร.ม. ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 3 ห้องพักผ่อน จอดรถได้ 5 คัน กับอีก 2 ห้องแม่บ้าน และ Lift ส่วนตัว   บ้านตัวอย่างเสร็จเรียบร้อยพร้อมเปิดให้ชมแล้ว ในตลอดทั้งปีนี้  SC ASSET ยังจะมีโครงการใหม่ออกมาให้ชมอีกทั้งหมด 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 10,680 ล้านบาท ซึ่งจะประกอบไปด้วย   โครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ รามอินทรา-วัชรพล โครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ - ราชพฤกษ์ โครงการ วี คอมพาวด์ ราชพฤกษ์ - 345 โครงการ เวนิว ไอดี ราชพฤกษ์ - 345 แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา กม.15 บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ บางแค โดยโครงการทั้งหมดนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่งาน “20 Years of Good Mornings” ที่ SC ASSET จะจัดขึ้น ณ ลานพาร์ค พารากอน ในวันนี้ถึง 23 ตุลาคม สิ้นค้าทุกแบบของ SC ASSET รวมอยู่ที่งาน พร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมากมาย และสำหรับลูกค้าที่จองโครงการ 20 ท่านแรกภายในงาน รับทันที iPhone 15 Pro Max มูลค่า 48,900 บาท*ดูรายละเอียดและเงื่อนไขโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.scasset.com บทความที่เกี่ยวข้อง SC เปิดบ้านหรูซีรีส์ใหม่ “อยู่แบบใหม่ แบบสับ” bangkok boulevard signature westgate “เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส” อยู่อย่าง 5ดาว ที่ 5 แยกลาดพร้าว
บ้านเดี่ยวทำเลหายาก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา “Noble Aqua Riverfront Ratburana”

บ้านเดี่ยวทำเลหายาก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา “Noble Aqua Riverfront Ratburana”

Noble Aqua โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ "Noble Aqua Riverfront Ratburana" บ้านเดี่ยวทำเลหายาก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คอนเซปท์ออกแบบบนแนวคิดการสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตใจกลางเมืองที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ  เป็นโครงการบ้านเดี่ยวบนที่ดิน 15 ไร่ จำนวน 53 ยูนิต มีลิฟท์ส่วนตัวทุกยูนิต  แต่ละหลังอยู่บนที่ดินเริ่มต้น 56.5-182.3 ตร.ว.  พื้นที่ใช้สอยเต็มพื้นที่  346-795 ตร.ม.   Noble Aqua โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ มีแบบบ้านให้เลือก 5 แบบ VIA 01 พื้นที่ดินประมาณ 56.72 - 58.72 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 346.64 ตรม. เป็นบ้านสูง 3 ชั้น มีจำนวน 15 หลัง 3 นอน 4 ห้องน้ำ  จอดรถได้ 3 คัน VIA 02 พื้นที่ดินประมาณ 63.61 - 65.42 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 431.18 ตรม. เป็นบ้านสูง 4 ชั้น มีจำนวนเยอะสุดคือ 20 หลัง 4 นอน 5 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน PARC  พื้นที่ดินประมาณ 71.10 - 71.8 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 527.95 ตรม. เป็นบ้านสูง 4 ชั้น จำนวน 14 หลัง 4 นอน 1 ห้องเอนกประสงค์ 5 น้ำ จอดรถได้ 4 คัน VIU  พื้นที่ดินประมาณ 82.95 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 658.41 ตรม. สูง 4 ชั้น มีแค่ 2 หลัง 5 นอน 1 ห้องเอนกประสงค์ 7 น้ำ  จอดรถได้ 5 คัน ORA 01 พื้นที่ดินประมาณ 159.67 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 779.42 ตรม. สูง 4 ชั้น  5 นอน 1 ห้องเอนกประสงค์ 7 น้ำ จอดรถได้ 5 คัน มี 1 หลัง โนเบิล เอควาโครงการตั้งอยู่บนถนนราษฎร์บูรณะ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ เช่น สาทร สีลม และสุขุมวิทได้โดยสะดวก การเดินทางสะดวกใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน 3.9 กิโลเมตร ใกล้ MRT สีม่วงใต้ สถานีราษฎร์บูรณะ 1.2 กิโลเมตรที่จะเสร็จในอนาคต   การออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยมีโจทย์หลักคือ ทิวทัศน์ (VIEW) จากแม่น้ำ เพื่อให้บ้านทุกหลังสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้มากที่สุด โดยนำเอาพื้นที่ห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของบ้านขึ้นไปไว้บนชั้น 2 และชั้น 3 ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับการมองเห็น (VISUAL) แม่น้ำ รวมถึงการสร้าง ช่องว่าง (VOID) ระหว่างบ้านแต่ละหลังคือการใช้รูปทรงหลังคาแบบทรงจั่ว   สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้าน โดยจัดเตรียมพื้นที่สำหรับครอบครัวที่เป็น Multi-Generation ไว้ในบ้านทุกหลัง เช่น การเตรียมห้องนอนและห้องน้ำผู้สูงอายุที่ชั้น 1 มีทางลาดทางเข้าบ้านสำหรับการใช้ wheelchair และมี Lift ทุกหลัง ระบบ Home Automation และระบบ Active Air Flow เติมอากาศบริสุทธิ์ พร้อมถ่ายเทความร้อนภายในบ้านให้เย็นสบายตลอดวัน รวมถึงติดตั้ง EV Charger ให้กับบ้านทุกหลัง     จุดเด่นสำคัญของ เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ หน้ากว้างริมน้ำ 110 เมตร  มีคลับเฮ้าส์ 2 จุด ด้านหน้า Garden Clubhouse และ Riverfront Clubhouse  ในโครงการออกแบบให้มีสวนขนาดใหญ่เป็นแนวยาว มี Fitness  สระน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา สายไฟฟ้าลงดินทั้งโครงการ  ค่าส่วนกลาง 100 บาทต่อตารางวาต่อเดือน   โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ จะกลายเป็น ICONIC RIVERFRONT VILLA ที่โดดเด่นริมน้ำได้โดยสมบูรณ์แบบ โดดเด่นทั้งจากการมองเห็นทั้งภายนอก และ การมองเห็นจากผู้อยู่อาศัยในโครงการ ถ้ากำลังมองหาบ้านเดี่ยวทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา การเดินทางสะดวก สิ่งอำนวยความสะดวกครบ เปิดให้ชมบ้านตัวอย่าง ในวันที่ 30 ก.ย. - 1 ต.ค. 66  กับราคาเริ่มต้น 30-100 ล้านบาท คิดเป็นตร.ม. ก็ประมาณ 86,000 บาทต่อ ตร.ม. กับการออกแบบที่โนเบิลดีเวลลอปเม้นท์ตั้งใจ้ให้เป็น ICONIC RIVERFRONT VILLA ที่โดดเด่นสะดุดตา ริมน้ำได้โดยสมบูรณ์แบบ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษสุด ได้ที่  https://bit.ly/45Tqt8l หรือไลน์โครงการ @noblerarity   บทความน่าสนใจ Noble Around Ari  คอนโดพรีเมี่ยมที่สุดในย่าน อารีย์ NOBLE CREATE Condo High Rise กลางเลียบด่วน เอกมัย-รามอินทรา NUE CROSS KHU KHOT STATION  ชีวิตคูลๆ ที่คูคต  
ละไม หทัยราษฎร์ 39  บ้านที่ออกแบบอย่างละเมียดละไม

ละไม หทัยราษฎร์ 39 บ้านที่ออกแบบอย่างละเมียดละไม

ละไม หทัยราษฎร์ 39 โครงการบ้านที่ออกแบบอย่างละเมียดละไมสมชื่อ  จากการพัฒนาโดยคนที่อยู่ในวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 30 ปี ประกอบธุรกิจลงทุนและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว และอาคารชุด ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจังหวัด  ในนาม บริษัท คราฟเวิร์ค จำกัด         ละไม แบรนใหม่ของบริษัท ที่ถูกพัฒนาให้สมชื่อ คือการตั้งใจ ใส่ใจ อย่างละเมียดละไม  โครงการเริ่มต้นโครงการแรกที่โซนกรุงเทพตะวันออกชื่อ  ละไม หทัยราษฎร์ 39 เป็นโซนที่อยู่อาศัยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า สถานพยาบาล สถานศึกษา รวมทั้งมีการตัดถนนเส้นใหม่ๆ เส้นทางลัดให้เลือกเดินทางเพื่อเชื่อมต่อไปยังพื้นที่โซนอื่นๆ ได้หลากหลายเส้นทาง รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ใกล้จะเปิดให้ใช้งาน ทำให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น     โครงการละไม หทัยราษฎร์ 39 โครงการตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 35 ไร่ ออกแบบทั้งภายในและภายนอกสไตล์ญี่ปุ่น (Modern Japanese Philosophy) ที่มีมีรายละเอียดการออกแบบในรูปแบบที่เรียกว่า Liveable Layout  จำนวน 144 ยูนิต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางครบครัน ทั้งคลับเฮ้าส์ สนามเด็กเล่น และสระว่ายน้ำ ห้องเรียนรู้นอกห้องเรียนสําหรับเด็กๆ สวนขนาดใหญ่รองรับพื้นที่เล่นสนุก และสิ่งอํานวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยง พร้อม Smart Village เข้าถึงจุดต่างๆ ของโครงการได้อย่างง่ายดาย ทั้งระบบประตูอัตโนมัติไปจนถึงระบบการจองพื้นที่ส่วนกลางออนไลน์ ประตูเข้า-ออก แบบ Double Gate พร้อม CCTV ระบบรักษาความปลอดภัยทั่วทั้งโครงการตลอด24 ชั่วโมง     โครงการละไม หทัยราษฎร์ 39  มีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ แบบ ARUN ขนาดพื้นที่ใช้สอย 153 ตารางเมตร เป็นบ้าน 2 ชั้นมี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 ห้องอเนกประสงค์ และจอดรถได้ 2 คัน แบบ TIWA ขนาดพื้นที่ใช้สอย 160 ตารางเมตร ขนาด 2 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 ห้องพระ 1 ห้องอเนกประสงค์ และจอดรถได้ 2 คัน แบบ SURI ขนาดพื้นที่ใช้สอย 216 ตารางเมตร ขนาด 2 ชั้น มี 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ครัวไทย 1 ห้องอเนกประสงค์ จอดรถได้ได้ 3 คัน     บ้านในแต่ละแบบแต่ละหลังมีฟังก์ชันใช้สอยครบครัน รวมถึง EV Charger รองรับการชาร์จรถไฟฟ้า และ Application สำหรับสมาร์ทโฮมในอนาคต เพื่อให้ทุกคนในบ้านใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ บ้านมีสไตล์ MODERN JAPANESE มีความเรียบง่ายในสไตล์มินิมอล กลมกลืน ลงตัว พร้อมกับพื้นที่สีเขียวรอบบ้าน     ละไม หทัยราษฎร์ 39    สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน อาทิ คลับเฮาส์, สนามเด็กเล่น, สระว่ายน้ำ, Kids Room, ฟิตเนส, สวนขนาดใหญ่, สิ่งอํานวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยง, Smart Village  ประตูอัตโนมัติไปจนถึงระบบการจองพื้นที่ส่วนกลางออนไลน์, ประตูเข้า-ออก แบบ Double Gate, กล้อง CCTV, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และ EV Charger รองรับการชาร์จรถไฟฟ้า ราคาเริ่ม 5-9 ล้านบาท   บทความน่าสนใจ   ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 7 แบบบ้านใหม่ เอาใจทาสแมว Viranya บางนา-สุวรรณภูมิ บ้านหรูเพื่อการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ลลิล เปิดบ้านพลีเมียม แบบใหม่แตกต่างกว่าเดิม  
อรสิรินโฮลดิ้ง เตรียมขาย IPO 406.5 ล้านหุ้นใน SET หลังก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง

อรสิรินโฮลดิ้ง เตรียมขาย IPO 406.5 ล้านหุ้นใน SET หลังก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง

ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง อรสิริน โฮลดิ้ง ดีเวลลอปเปอร์จากเชียงใหม่ เตรียมขายไอพีโอ 406.5 ล้านหุ้น เข้า SET ผนึก APM ที่ปรึกษาการเงิน เดินสายโรดโชว์นำเสนอข้อมูลแก่กองทุน นักลงทุนสถาบันต่างประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง พร้อมพบนักลงทุนรายย่อย 15 จังหวัดทั่วประเทศ มั่นใจพื้นฐานแกร่ง นักลงทุนตอบรับดี   ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ORN เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือ ไฟลิ่ง เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ของ ORN ในวันที่ 23 สิงหาคม 2566  เป็นที่เรียบร้อยแล้ว   โดยบริษัทจะเดินหน้านำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับกองทุน นักลงทุนสถาบัน ต่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ในวันที่ 23-25 สิงหาคม 2566 สำหรับการนำเสนอข้อมูลในครั้งนี้คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกองทุนต่างประเทศเป็นอย่างดี  เนื่องจาก ORN เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบและแนวสูงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มายาวนานกว่า 17 ปี และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคง ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM กล่าวว่า ปัจจุบัน อรสิริน  หรือ ORN มีทุนจดทะเบียน 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทและมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 1,093.50 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 406.50 ล้านหุ้น หรือ 27.10% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)   โดยหลังจากนี้ เตรียมเดินหน้านำเสนอข้อมูลธุรกิจของบริษัท พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนกลุ่มต่างๆ และผู้ที่สนใจ โดยจะทำการโรดโชว์ในประเทศทั้งหมด 15 จังหวัดในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2566  รวมถึงนำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์ แก่เจ้าหน้าที่นักวิเคราะห์ เจ้าหน้าที่การตลาด ณ ห้องค้าบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายในปีนี้   ขณะที่นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจของบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง เสริมสร้างศักยภาพทางการเงิน เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต   ปัจจุบัน ORN ประกอบธุรกิจการลงทุนถือหุ้นบริษัทอื่น (Holding Company) มีกลุ่มธุรกิจหลักคือ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการแนวราบ แนวสูง ประเภทที่อยู่อาศัยเพื่อขาย บนทำเลคุณภาพจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและการพัฒนา ณ วันที่ 31 มี.ค. 2566 จำนวนรวม 18 โครงการ ภายใต้แบรนด์สินค้า ได้แก่ THE ESCAPE , HABITAT , BELIVE , ORNSIRIN , ORNSIRIN VILLE , URBAN MYX , THE ASTRA , ARISE และ THE NEXT มูลค่าขายโครงการรวมประมาณ 15,533 ล้านบาท มีมูลค่าคงเหลือขายรวมประมาณ 2,329 ล้านบาท เป็นที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จแล้วหรือที่อยู่ระหว่างก่อสร้างที่เปิดขายแล้ว แบ่งเป็นมูลค่าคงเหลือขายโครงการแนวราบประมาณ 712 ล้านบาท และโครงการแนวสูงประมาณ 1,617 ล้านบาท รวมถึงมีที่ดินรอการพัฒนาหรืออยู่ระหว่างก่อสร้างที่ยังไม่เปิดขายรวมประมาณ 3,850 ล้านบาท บริษัทยังคงมุ่งเน้นเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง เตรียมแผนขยายโครงการบนทำเลคุณภาพ ชูกลยุทธ์พัฒนาที่อยู่อาศัย ด้วยการออกแบบฟังก์ชันและนวัตกรรมการอยู่อาศัยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ลูกบ้านทุกโครงการ ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำ ผู้พัฒนาอสังหาฯภูมิภาคอย่างแข็งแกร่ง   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -อรสิริน ดีเวลลอปเปอร์รายแรกของภาคเหนือ เตรียม IPO ใน SET  ปี 66
[PR News] “ณ วีรา รามอินทรา” พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างจริงครั้งแรก แถมโปรส่วนลด 200,000 บาท

[PR News] “ณ วีรา รามอินทรา” พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างจริงครั้งแรก แถมโปรส่วนลด 200,000 บาท

ณวรางค์ แอสเซท ได้ฤกษ์เปิดตัวโครงการ ณ วีรา รามอินทรา มูลค่า 550 ล้าน ภายใต้แนวคิด “ให้คุณเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่ได้ทุกวัน ..CRAFT YOUR EVERYDAY” คอนโดฯ ใหม่ให้ครบเกินคุ้ม ย่านลาดปลาเค้าใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู แค่ 3 นาที พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่างครั้งแรก ด้วยราคาเริ่มต้น 1.49 ล้าน แถมส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท ชูจุดเด่นทำเลทองเพื่อการอยู่อาศัย ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยจริง และลงทุนปล่อยเช่า   นายอภิภู พรหมโยธี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด  เปิดเผยว่า ได้เตรียมเปิดตัวโครงการ ณ วีรา รามอินทรา คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ล่าสุดของบริษัทพร้อมให้ชมห้องตัวอย่างครั้งแรกในวันที่ 26 -27 ส.ค.นี้ โดยเปิดขายห้องชุดในราคาเริ่มต้นเพียง 1.49 ล้านบาท และยังจัดโปรโมชั่นต้อนรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ด้วยส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท สำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์​ https://navarangasset.com/projects/naveera-ramintra/   สำหรับโครงการ  ณ วีรา รามอินทรา ตั้งอยู่บริเวณซอยลาดปลาเค้า 72 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีลาดปลาเค้า เพียง 3 นาที บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ มูลค่า 550 ล้านบาท มีจำนวน 218 ยูนิต พัฒนาภายใต้แนวคิด “ให้คุณเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ใช่ได้ทุกวัน ..CRAFT YOUR EVERYDAY” คอนโดฯ ใหม่ให้ครบเกินคุ้ม ด้วยการดีไซน์ห้องที่ลงตัวเพื่อการอยู่อาศัยอย่างมีความสุข พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุคใหม่ อาทิ คลับเฮ้าส์สองชั้นที่มี Co-working space ฟิตเนสวิวธรรมชาติ รูฟท้อป สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ลานบาร์บีคิว   นายอภิภู กล่าวว่า โครงการ ณ วีรา รามอินทรา ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านลาดปลาเค้า เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีลาดปลาเค้า ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อมุ่งสู่ทุกจุดหมายในกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ยังใกล้กับแหล่งการศึกษาชั้นนำ อาทิ มหาวิทยาลัยศรีปทุมและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงแปดถึงสิบห้านาทีเท่านั้น ใกล้แหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ ทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ที่ใช้ระยะเวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาที ใกล้กับสถานีราชการและแหล่งงานต่าง ๆ มากมายด้วย ความต้องการอยู่อาศัยของคนยุคปัจจุบัน ยังคงคำนึงถึงเรื่องทำเลที่ตั้ง ซึ่งต้องเดินทางสะดวก สามารถเชื่อมต่อกับบริการรถสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน    สำหรับโครงการ  ณ วีรา รามอินทรา นับว่าเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว เพราะใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส ในอนาคตยังจะเชื่อมต่อสายสีน้ำตาลและสีม่วงด้วย ซึ่งบริษัทตั้งใจพัฒนาดังกล่าวเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการอยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่ นักศึกษา ผู้ที่อยู่ย่านลาดปลาเค้าและต้องการขยับขยายจากบ้านเดิมแต่ยังรักในทำเลที่คุ้นเคย รวมทั้งกลุ่มนักลงทุนที่มองหาความคุ้มค่าสมราคา เพราะสามารถซื้อและปล่อยเช่าให้กับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือกลุ่มคนทำงานในบริเวณใกล้เคียงได้ด้วย โครงการมีห้องทั้งหมด 218 ห้อง โดยมีห้องทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ TYPE A  :  1 BEDROOM              22.07 -22.87 SQ.M. TYPE B  :  1 BEDROOM              26.42-27.34  SQ.M. TYPE C  :  1 BEDROOM PLUS   35.13-35.74   SQ.M. TYPE D1  :  2 BEDROOM            41.04            SQ.M. TYPE D2  :  2 BEDROOM            41.72            SQ.M.   โดยทุกห้องจะออกแบบในสไตล์โมเดิร์นมาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์แบบครบครัน ภายในวันงานโครงการมีโปรโมชั่น จองพร้อมทำสัญญาในงานรับ Voucher Central มูลค่า 5,000 – 10,000 บาท พิเศษเฉพาะในงานวันที่ 26 -27 ส.ค.นี้ เท่านั้น   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -ณวรางค์ แอสเซท ได้แรงหนุนสายสีชมพูสร้างใกล้เสร็จ ส่ง “ณ รีวา รามอินทรา” รับลูกค้าย่านลาดปลาเค้า -“ณวรางค์ แอสเซท” กางแผน 3 ปี ผุดโปรเจ็คต์ใหม่กว่า 5,000 ล้าน พร้อมเปิดตัว “ณ วีรา พหลฯ-อารีย์” คอนโดฯ เพื่อคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน
[PR News] นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป พร้อมเปิดตัว “หลับดี” 3 แห่งในญี่ปุ่นและไทย

[PR News] นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป พร้อมเปิดตัว “หลับดี” 3 แห่งในญี่ปุ่นและไทย

นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เตรียมเปิด 3 ที่พักใหม่ “หลับดี” ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เกาะเต่าและย่านไชน่าทาวน์ (สามยอด) ใจกลางกรุงเทพฯ ประเทศไทย   นายนที นิธิวาสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยว่า นารายณ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ผู้พัฒนาและประกอบธุรกิจที่พักแบรนด์หลับดีและโรงแรมเครือมาราสก้า ประกาศความพร้อมเปิดตัวที่พักแบรนด์หลับดี (Lub d) เพิ่มอีก 3 แห่งในปี 2566 และ 2567 ได้แก่ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ หลับดี เกาะเต่าและหลับดี ไชน่าทาวน์  กรุงเทพฯ โดยทั้ง 3 แห่งได้ออกแบบให้มีเอกลักษณ์ รวมถึงประสบการณ์การต้อนรับอันโดดเด่นของแบรนด์หลับดี ถือเป็นที่พักแนวไลฟ์สไตล์ ดีไซน์ทันสมัย เพื่อนักเดินทางรุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายชัดเจน และเน้นความคุ้มค่า การเปิดตัวที่พักแบรนด์หลับดีเพิ่มเติมอีก 3 แห่งถือเป็นการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ เสริมสร้างและสะท้อนความแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทที่กำลังขยายสาขาในเอเชีย หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินธุรกิจโรงแรมและบริการในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ โรงแรมหลับดีได้ขยายกิจการไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้งในไทยและประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันโรงแรมหลับดีได้เปิดให้บริการแล้วถึง 5 แห่ง ได้แก่ หลับดีในไทย 3 แห่ง เสียมราฐ กัมพูชา 1 แห่ง และกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ อีก 1 แห่ง   สำหรับในปีนี้ หลับดีมีแผนเปิดให้บริการโรงแรมเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง คือ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ในช่วงเดือนกันยายน และนอกจากนี้ยังมีแผนเปิดให้บริการเพิ่มเติมในปี 2567 อีก 2 แห่ง คือ หลับดี เกาะเต่า  ในไตรมาสที่ 1 และหลับดี ไชน่าทาวน์  กรุงเทพฯ ในไตรมาสที่ 3   โดยหลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฮอนมาจิ เมืองโอซาก้า หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ถือเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ เนื่องจากเป็นการเปิดตัว หลับดีที่แรกในญี่ปุ่น แขกผู้เข้าพักจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศของเมืองที่มีสีสัน แถมยังเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ที่สำคัญที่พักแห่งนี้ยังมอบโอกาสให้นักเดินทางจากทั่วโลกมาพบปะทำความรู้จักกันท่ามกลางกลิ่นอายวัฒนธรรมญี่ปุ่น และการต้อนรับอย่างอบอุ่นในรูปแบบเฉพาะตัวของหลับดี ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกสุดทันสมัยไว้คอยให้บริการ หลับดี โอซาก้า ฮอนมาจิ ยังเต็มไปด้วยการตกแต่งที่ทันสมัยพร้อมด้วยผลงานศิลปะจากศิลปินท้องถิ่น ที่จะทำให้บรรยากาศไม่น่าเบื่อและสนุกสนาน พร้อมเปิดให้บริการ ในเดือนกันยายน 2566 ส่วนหลับดี เกาะเต่า ตั้งอยู่ที่อ่าวโตนด ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 20 แหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดของโลก มีหาดหน้าที่พักอันเงียบสงบ ทรายขาวละเอียดและน้ำใสสวยงาม เนื่องจากเกาะเต่าเป็นจุดหมายปลายทางในดวงใจของนักดำน้ำลึก หลับดี เกาะเต่า จึงเปิดโรงเรียนสอนดำน้ำไว้คอยให้บริการด้วยเช่นกัน ใครที่พร้อมออกผจญภัย ทริปดำน้ำอันแสนเร้าใจอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นที่พักในฝันของผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยอย่างแท้จริง โดยหลับดี เกาะเต่ามีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2567   ขณะที่หลับดี ไชน่าทาวน์ กรุงเทพฯ เตรียมจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสามยอด ที่รายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ เยาวราช ชุมชนชาวจีนที่เก่าแก่ วัดวาอาราม ถนนคนเดินริมคลองโอ่งอ่าง และย่านการค้าพาหุรัด ชุมชนชาวอินเดียอันมีเสน่ห์  ใครได้มาสัมผัสบรรยากาศจะได้รับประสบการณ์ดี ๆ ที่ไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน   ด้านนางสาวนิธิดา นิธิวาสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบรนด์หลับดี กล่าวว่า หลับดีกำลังเติบโตทั่วเอเชียเพราะเราปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักเดินทางรุ่นใหม่ซึ่งอยากให้ที่พักที่เป็นมากกว่าที่พัก   ที่พักของเราเป็นพื้นที่สำหรับการเข้าสังคมและทำกิจกรรมเพื่อสัมพันธภาพและประสบการณ์ที่มีความหมายของนักเดินทางหนุ่มสาว หลับดีเป็นเหมือนแหล่งเติมพลังสำหรับการเดินทางสำรวจที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของนักเดินทางเหล่านี้   นางสาวนิธิดา อธิบายด้วยว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นในปี 2551 หลับดีตั้งเป้าที่จะเปิดที่พักทั้งในเมืองและเกาะต่าง ๆ ทั่วเอเชียมาโดยตลอด เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่อยากได้ที่พักที่สะดวกสบาย ราคาจับต้องได้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สำรวจสิ่งแปลกใหม่และของแท้ดั้งเดิมอย่างเต็มที่   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ประกาศรายได้การให้บริการ-โรงแรมโตรับท่องเที่ยวฟื้นตัว ชูดิจิทัล-กลยุทธ์บริหาร RevPar สู่เป้ากว่า 10,000 ล้าน -AWC จับมือ โนบุ ผุดโรงแรม Plaza Athenee สร้างแลนด์มาร์กในนิวยอร์ก-กรุงเทพฯ
เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัว “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” โปรเจ็กต์ร่วมทุน เพรสทีจ-ลักซ์ คอนโด กับ มิตซูบิชิ เอสเตท

เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัว “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” โปรเจ็กต์ร่วมทุน เพรสทีจ-ลักซ์ คอนโด กับ มิตซูบิชิ เอสเตท

เอพี ไทยแลนด์ พร้อมเผยโฉม THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี เพรสทีจ-ลักซ์ คอนโดมิหนึ่งเดียว ภายใต้การร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท ชูจุดเด่น เพียง 150 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี กับคอนเซ็ปต์ Create Your Own Etiquette - วิถีแห่งที่สุดของชีวิตสุนทรียะในแบบคุณ กับ 3 วิธีคิดในการออกแบบที่รังสรรค์จากความเข้าใจชีวิตเหนือระดับใจกลางเมือง   นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” เพรสทีจ-ลักซ์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ THE ADDRESS โครงการเดียวที่พัฒนา ภายใต้การร่วมทุนกับทางบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป)  มูลค่าโครงการ 8,600 ล้านบาท  อยู่ห่างเพียง 150 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี ถือเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ในพอร์ตสินค้าระดับเพรสทีจ–ลักซ์ที่บริษัทฯ ไม่ได้เปิดตัวมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งการเฟ้นหาที่ดินใจกลางเมือง ที่ตอบโจทย์ทั้งคุณค่าและมูลค่าถือเป็นคีย์สำคัญในการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์ THE ADDRESS โดยโครงการ THE ADDRESS สยาม–ราชเทวี พัฒนาขึ้นจากความเข้าใจถึงการใช้ชีวิตคุณภาพทุกองค์ประกอบ พร้อมส่งมอบการพักอาศัยที่สมบูรณ์ หนึ่งเดียวบนทำเลมากมูลค่า ในย่านสยามเชื่อมต่อราชเทวี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Create Your Own Etiquette - วิถีแห่งที่สุดของชีวิตสุนทรียะในแบบคุณ” กับ 3 วิธีคิดในการออกแบบที่รังสรรค์จากความเข้าใจชีวิตเหนือระดับใจกลางเมือง ได้แก่ 3 วิธีคิดปั้น “THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี” 1.SOPHISTICATION DESIGN ตั้งใจออกแบบตั้งแต่ภายนอก จนถึงพื้นที่ภายในทุกมิติ ด้วยการออกแบบพื้นที่ภายในห้องพักแบบพิเศษให้มีส่วน Cantilever ที่ยื่นออกมาเพื่อเปิดมุมมองได้กว้างกว่าเดิม รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 4 ไร่ สู่การรับวิวสวยของทัศนียภาพใจกลางทำเลราชเทวีได้ถึง 360 องศาจาก The Sky Facilities ชั้น 50 เพิ่มสุนทรียะแห่งการใช้ชีวิตในอาคารที่สูงที่สุดในราชเทวี ที่ให้ความรู้สึกที่พิเศษ 2.BEST QUALITY & FINEST MATERIALS วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในโครงการ ได้รับการเลือกเฟ้นจากผู้ผลิต และแหล่งที่ดีที่สุดจากทั่วโลก สะท้อนความประณีตในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น หินอ่อน Palissandro Bluette และ หินอ่อน Venice Grey ที่มีลวดลายสวยงามหรูหรา เพิ่มความพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ในพื้นที่ส่วนกลางแต่ละแห่ง  รวมถึงหิน Limestone  หินสีขาวที่มีความพิเศษ โดยนำมากรุส่วน Façade ด้านหน้าของตึก   นอกจากนี้ ยังมีหินอ่อน Statuario (สตาตูอาริโอ้) เนื้อหินสีขาวแทรกด้วยเส้นแร่หนาบางสีเทาอ่อน ซึ่งเป็นหินที่โปรดปรานของเหล่าประติมากร ที่ถูกนำมาต่อเป็นลวดลายบุ๊คแมกซ์ขนาดใหญ่ในส่วนของ The Grande Chamber ล็อบบี้ต้อนรับ การเลือกใช้ผ้าบุจากแบรนด์ระดับโลก Hermès Furnishing Fabrics and Wallpapers สะท้อนความลักชัวรีที่มีเอกลักษณ์ นำมาใช้ในงานตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางในส่วน The Sky Chamber อาทิ ชุดเฟอร์นิเจอร์ Signature Arm Chair และผนังหลักของห้อง ที่พร้อมเติมเต็มไลฟ์สไตล์ที่หรูหราเฉพาะตัวของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างชัดเจน 3.PRECIOUS LOCATION ตั้งอยู่ในโลเคชันมากคุณค่าและมูลค่าใจกลางเมือง บนตำแหน่งที่ดินที่ดีที่สุดในย่านสยามเชื่อมต่อราชเทวี เพียง 150 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี และไม่ไกลจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีพญาไท ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจสำคัญ ใจกลางย่านชอปปิง ไลฟ์สไตล์ และศูนย์กลางย่านสถานศึกษา โดยโครงการพร้อมเปิดให้ชมทุกพื้นที่อย่างเป็นทางการในวันที่ 26 - 27 สิงหาคมนี้  ดีไซน์เพื่อชีวิตระดับเพรสทีจ - ลักซ์ ลงทะเบียนนัดหมายล่วงหน้า รับส่วนลดสูงสุด 1,000,000 บาท 1 ห้องนอน 35 ตารางเมตร พร้อมพาโนรามิควิว ราคาเริ่มต้น 8.29 ล้านบาท   สำหรับข้อมูลโครงการ THE ADDRESS สยาม–ราชเทวี ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3-1-55 ไร่  มูลค่าโครงการ 8,600 ล้านบาท ที่พักอาศัยสูง 50 ชั้น จำนวนเรสซิเดนส์ทั้งสิ้น 880 ยูนิต ประกอบด้วยห้องทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ 1.ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 31 - 35 ตารางเมตร 2.ห้องชุด 1 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาด 50 ตารางเมตร 3.ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาด 51.5 - 69.5 ตารางเมตร 4.ห้องชุด 2 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาด 65 ตารางเมตร 5.ห้องชุด 3 ห้องนอน ขนาด 86 ตารางเมตร   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เอพี ไทยแลนด์ มิตซูบิชิ เอสเตท 10 ปีกับผลงานชิ้นโบว์แดง 24 โครงการร่วมทุน มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท
เสนา นำร่องแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เปิดตัว “เสนา เวล่า สุขุมวิท – บางปู”

เสนา นำร่องแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เปิดตัว “เสนา เวล่า สุขุมวิท – บางปู”

เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ชูแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ เตรียมส่ง “เสนา เวล่า สุขุมวิท - บางปู” ทาวน์โฮม ฟังก์ชันใหม่ ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ช่วยประหยัดค่าไฟสูงสุด 25 ปี พร้อมแนวคิด geo fit+ จากญี่ปุ่นที่นำมาปรับใช้ให้เหมาะกับการอยู่อาศัยของคนไทย และนวัตกรรมประหยัดพลังงาน มุ่งสู่การสร้างบ้านพลังงานเป็นศูนย์ ลดค่าไฟ ลดคาร์บอน     ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวคิดบ้านพลังงานเป็น 0 รายแรกของประเทศไทย เปิดเผยว่า เสนามุ่งมั่นในการนำพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวคิด “The Essential Lifelong Trusted Partner” เพื่อสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีให้ลูกค้าในทุกช่วงชีวิต ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ส่วนหนึ่งของแนวคิดนี้สะท้อนผ่านการเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง ที่จะมุ่งสู่การสร้างสังคมแบบ Decarbonized Lifestyle   โดยในส่วนโครงการแนบราบ เสนาพัฒนาบนแนวคิด “บ้านพลังงานเป็น 0” ที่คิดละเอียดและใส่ใจทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง และสุขภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงการติดตั้งโซลาร์รูฟ เพื่อผลิตพลังงานสะอาดใช้เอง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมามีงานวิจัยร่วมกับ Chula Unisearch เพื่อทำการศึกษาทดลองบ้านพลังงานเป็น 0 ที่เหมาะสำหรับประเทศไทย และผลการวิจัยพบว่าบ้านขนาดใหญ่ของเสนา สามารถลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 38% ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการ “เสนา เวล่า สุขุมวิท - บางปู” พัฒนาบนแนวคิด “บ้านพลังงานเป็น 0” พร้อมนำแนวคิด “SMART CITY” ไม่ว่าจะเป็น Smart Energy, Smart Mobility, Smart Living ,Smart Environment เป็นต้น มาปรับใช้ในโครงการเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ง่าย ๆ ผ่านการอยู่อาศัยภายในบ้าน   โครงการประกอบด้วย ทาวน์โฮมอิสระ 2 ชั้น และบ้านแฝด 2 ชั้น จำนวน 170 ยูนิต แบ่งเป็น ทาวน์โฮมอิสระ จำนวน 156 ยูนิต ที่ดินเริ่มต้น 27 ตร.วา 4 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และบ้านแฝด จำนวน 14 ยูนิต ที่ดินเริ่มต้น 36 ตร.วา 4 ห้องนอน 1 ห้องครัว 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้กว้างเทียบเท่าบ้านเดี่ยว และมีพื้นที่สีเขียว  พร้อมด้วยนวัตกรรมโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ช่วยประหยัดค่าไฟสูงสุดตลอดอายุการใช้งาน 25 ปี พื้นที่ส่วนกลาง สระว่ายน้ำระบบเกลือ คลับเฮ้าส์บริเวณกลางโครงการ ฟิสเนต สวนย่อมส่วนกลาง ระบบกล้อง CCTV พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้นที่ 4.59 ล้านบาท   นอกจากนี้ โครงการยังถูก​ออกแบบด้วยแนวคิด geo fit+ (จีโอฟิต พลัส) จากพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น เน้นการออกแบบและตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัย 3 ด้าน ได้แก่ geo fit+ itsumo เปลี่ยนช่วงเวลาธรรมดาให้แสนพิเศษ geo fit+ tsunagu การสร้างความยั่งยืนในอนาคต และ geo fit+ mamoru ใส่ใจคนที่คุณรักในทุกมิติของการใช้ชีวิต ที่มุ่งเน้นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด #ที่เยอะจะทำอะไรก็ได้ ใส่ใจต่อผู้อยู่อาศัย สะท้อนความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัย เพื่อนำมาปรับปรุง ออกแบบพัฒนาในทุกมิติ รองรับครอบครัวใหญ่ ครอบครัวขยาย ด้วยราคาที่คุ้มค่า โครงการตั้งอยู่บนทำเล ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เดินทางสะดวก มีรถสาธารณะผ่าน ติดถนนสุขุมวิท-บางปู อยู่ใกล้แหล่งชุมชนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกสบาย และความปลอดภัยให้กับคุณและทุกคนในครอบครัว ซึ่งบริษัทได้เตรียมจัดงานพรีเซลล์ครั้งแรก วันที่ 26 – 27 กรกฎาคม 2566  นี้   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เสนาฯ เปิดโมเดล​ บ้านพลังงานเป็นศูนย์ เดินหน้าสู่บริษัท ด้านความยั่งยืน
เพอร์เฟค สรุปผลงานครึ่งปีแรกปรับตัวดีทุกพอร์ต ลุยเปิด 9 โครงการใหม่ ดันรายปีกลุ่มบริษัท​ 13,000 ล้าน​   

เพอร์เฟค สรุปผลงานครึ่งปีแรกปรับตัวดีทุกพอร์ต ลุยเปิด 9 โครงการใหม่ ดันรายปีกลุ่มบริษัท​ 13,000 ล้าน​  

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค สรุปผลงานครึ่งปีแรก ปรับตัวดีขึ้นทุกพอร์ต รายได้เติบโต 17.2% กำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 35.7% ครึ่งปีหลังแนวโน้มเติบโตกว่าครึ่งปีแรก ลุยเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 13,250 ล้านบาท หนุนรายได้รวมทั้งปีให้อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท ด้านธุรกิจโรงแรมยอดจองคึกคักจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพ ช่วง 6 เดือนแรกมีอัตราเข้าพักสูง 70%   นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในครึ่งปี 2566 ปรับตัวดีขึ้น มีการฟื้นตัวในทุกหมวดธุรกิจ ส่งผลให้ครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 4,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  โดยเป็นผลจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโต 0.3% ธุรกิจโรงแรมซึ่งเติบโต 125.2%  จากธุรกิจให้เช่าและบริการอีก 56.0% ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้น ปรับตัวแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 35.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 25.5% โดยครึ่งปีแรกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีกำไรขั้นต้น 33.3% เทียบกับปีก่อนที่ 29.4%  ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวอย่างชัดเจนที่ระดับ 48.2% เทียบกับครึ่งปีแรกของปีก่อนที่ 6.3% และธุรกิจให้เช่าและบริการ ทำได้ 9.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ติดลบ 1.1% อีกทั้งยังมีส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนเข้ามาอย่างมีนัยยะ เป็นจำนวน 116 ล้านบาท เป็นบวกเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2565 ที่มีผลขาดทุนที่ 42 ล้านบาท   สำหรับรายได้จากการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 13,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 9,600 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรม 2,850 ล้านบาท และธุรกิจเช่าและบริการ 550 ล้านบาท นอกจากนี้ยังจะมีรายได้จากโครงการร่วมทุนอีก 5,000 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังมีความพร้อมในการเปิดโครงการใหม่ได้อย่างเต็มที่ โดยจะเดินหน้าเปิด 9 โครงการ มูลค่ารวม 13,250 ล้านบาท ซึ่งยังคงเน้นตลาดแนวราบและกระจายในทุกเซกเม้นต์ ขณะเดียวกัน ยังเน้นทำการตลาดสินค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่ที่อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ ซึ่งบริษัทมีโครงการบ้านหรู 6 โครงการในแบรนด์ “เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ” และ “เลค เลเจนด์” ที่สามารถรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งมีดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน  พร้อมกันนี้ยังมีการพัฒนาแบบบ้านรุ่นใหม่ในโครงการเดิม รวมทั้งมีแผนการตลาดและส่งเสริมการขายอย่างเข้มข้น   สำหรับธุรกิจโรงแรมของกลุ่มบริษัทมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงแรมในกรุงเทพ ซึ่งมีอัตราเข้าพักเพิ่มสูงขึ้น โดย 6 เดือนแรกของปีนี้อัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 70% เทียบกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 35% ขณะที่โรงแรมในต่างจังหวัดยังคงได้รับความนิยมจากคนไทยที่ท่องเที่ยวในประเทศ โดยอัตราเข้าพักเฉลี่ย 6 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 50% อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมทั้งปีนี้ จะมากกว่าปีก่อนถึง 57% โดยเป็นผลพวงมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งของโครงการใหม่ ที่กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในครึ่งปีหลัง     อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เพอร์เฟคลุยพัฒนา 6 โครงการบ้านหรู จับตลาดใกล้โรงเรียนนานาชาติ
[PR News] กลุ่มบริษัทรีโว่ เปิด “ไอเจ้นท์ พระราม 9” พรีเมียมทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น

[PR News] กลุ่มบริษัทรีโว่ เปิด “ไอเจ้นท์ พระราม 9” พรีเมียมทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น

กลุ่มบริษัทรีโว่ เปิด “ไอเจ้นท์ พระราม 9” พรีเมียมทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น  เริ่ม 4.99 ล้าน ต่อยอดความสำเร็จ โครงการ ไอเจ้นท์ พรีเมี่ยมทาวน์โฮม พัฒนาการ   นางสาวสุทธิสินี อยู่สวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีโว ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กลุ่มบริษัท รีโว  ที่ร่วมทุนระหว่าง รีโวกรุ๊ป, บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB และ เค.อาร์.ซี. เอ็นจิเนียริ่ง เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จอย่างดี จากการพัฒนาโครงการ ไอเจ้นท์ พรีเมี่ยมทาวน์โฮม พัฒนาการ จึงได้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ “ไอเจ้นท์ พรีเมียมทาวน์โฮม พระราม 9” ทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น 3 ชั้น จำนวน 72 ยูนิต เรามีนโยบายที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด จึงมีความมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยให้ความสำคัญในเรื่องของนวัตกรรม และสิ่งแวดล้อมของที่อยู่อาศัยสำหรับชีวิตเมืองในปัจจุบัน นอกจากนี้ จากความต้องการของตลาดบ้านแนวราบ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง เป็นกลุ่มลูกค้าในตลาดระดับกลางถึงระดับบนที่มีกำลังซื้อ ประกอบกับพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปหลังเกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อาทิ การทำงานที่บ้าน (Work from home) ทำให้มีความต้องการบ้านแนวราบมากกว่า บริษัทจึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ เพราะมีพื้นที่ใช้สอยที่มา และมีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต   สำหรับโครงการ ไอเจ้นท์ พรีเมียมทาวน์โฮม พระราม 9  พรีเมียมทาวน์โฮม 3 ชั้น โครงการใหม่ บนทำเลใหม่ ย่านพระรามเก้า กับแบบบ้านที่ขายดีที่สุดเพียง 72 หลัง โดยมีจุดเด่นห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ 3 ห้อง พร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง และห้องอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย ด้วยฟังก์ชันและดีไซน์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี มีความเป็นส่วนทุกพื้นที่ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ส่วนกลางที่ออกแบบในสไตล์ Mid Century ที่มีทั้งคลับเฮ้าส์, ลานนวดเท้าเพื่อสุขภาพ, ฟิตเนส, Co-Working Hall พร้อม Library Room และพื้นที่สีเขียว รองรับกิจกรรมการอยู่อาศัย นอกจากนี้ ทางโครงการยังมีระบบ Smart Life Security สร้างความอุ่นใจด้วยระบบแจ้งเตือน Triple Active Alert เพื่อความสุขและอุ่นใจของทุกคนในครอบครัว โครงการตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ใกล้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์สถานีบ้านทับช้าง ใกล้รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองสถานีหัวหมาก อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อถนนหลักได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนอ่อนนุช ถนนพัฒนาการ ถนนมอเตอร์เวย์ เชื่อมเข้าถนนพระราม 9 และทางด่วนศรีรัช   โครงการ​ไอเจ้นท์ พระราม 9 พร้อมเปิดจองทาวน์โฮมสมาร์ทฟังก์ชั่น รอบพิเศษสำหรับคนพิเศษ VIPday วันที่ 19-20 สิงหาคมนี้  ด้วยบ้านโซนพิเศษในราคาเริ่มต้นที่ 4.99 ล้านบาท จองวันนี้ กู้ 100% พร้อมรับโปรโมชั่นฟรี เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน เครื่องปรับอากาศ  Smart Home Gadget ค่าใช้จ่าย ณ วันโอน และพิเศษยิ่งขึ้น เมื่อลงทะเบียนออนไลน์รับส่วนลด 50,000 บาท อีกด้วย ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์พร้อมส่วนลดพิเศษได้ที่ https://www.eigen-rama9.com/ (เงื่อนไขต่าง ๆ เป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -พรีบิลท์ ปั้นแบรนด์ “พรรณนา” ลุยตลาดบ้านลักชัวรี่ราคา 15 ล้านอัพ !!
บริทาเนีย ใช้กลยุทธ์การร่วมทุนพันธมิตร ปั้นโปรเจ็กต์ 5 จังหวัด กว่า 8,700 ล้าน

บริทาเนีย ใช้กลยุทธ์การร่วมทุนพันธมิตร ปั้นโปรเจ็กต์ 5 จังหวัด กว่า 8,700 ล้าน

บริทาเนีย เสริมแกร่งธุรกิจเดินหน้ากลยุทธ์ร่วมทุนพันธมิตร ทั้งด้านการเงินและเจ้าของที่ดิน  พัฒนาบ้านจัดสรร 10 โครงการ กระจายตัวใน 5 จังหวัด มูลค่ากว่า 8,700 ล้าน ในไตรมาส 2 ทำรายได้ 1,554 ล้าน พร้อมกำไรสุทธิ 348 ล้าน ขณะที่บอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.115 บาท  ส่วนครึ่งปีหลังโหมเปิด 16 โครงการใหม่ รวม 17,500 ล้าน  ช่วยหนุนยอดขาย-ยอดโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่อง   นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้แนวคิด “CRAFT a life you love” ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมาบริษัทได้เดินหน้าร่วมทุน (Joint Venture หรือ JV) กับพันธมิตรด้านการเงินการลงทุน (Financial Partner) และพันธมิตรเจ้าของที่ดิน (Landlord) เพื่อพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม จำนวน 10 โครงการ กระจายตัวใน 5 จังหวัด อาทิ นนทบุรี นครปฐม ชลบุรี นครราชสีมา และอุบลราชธานี คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 8,700 ล้านบาท ครึ่งปีแรกของปี 2566 เป็นช่วงเวลาที่เราให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานเพื่อการเติบโตสู่อนาคต การจับมือกับเหล่าพันธมิตรหลากหลายกลุ่มพัฒนาโครงการ จะเป็นบันไดก้าวสำคัญให้เรามีที่ดินแปลงศักยภาพเข้ามาอยู่ในพอร์ตฟอลิโออย่างรวดเร็ว พร้อมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่อย่างก้าวกระโดดในช่วงหลังจากนี้ สำหรับช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,554 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 348 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิ​ (Net Profit Margin หรือ NPM) อยู่ที่ราว 22% โดยโครงการสำคัญที่มีส่วนหนุนยอดโอนกรรมสิทธิ์ รายได้ และกำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าว ได้แก่ แกรนด์บริทาเนีย ราชพฤกษ์-พระราม 5 (Grand Britania Ratchaphruek-Rama 5) เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9 (Belgravia Exclusive Pool Villa Bangna-Rama 9) แกรนด์บริทาเนีย วงแหวน-รามอินทรา (Grand Britania Wongwaen Ramintra) แกรนด์บริทาเนีย พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา (Grand Britania Rama 9-Krungthep Kreetha) และบริทาเนีย บางนา-สุวรรณภูมิ (Britania Bangna-Suvarnabhumi) ขณะเดียวกัน สามารถปิดการขาย (Sold Out) โครงการบริทาเนีย คูคต สเตชั่น (Britania Khukhot Station) ได้ ซึ่งถือเป็นอีกเครื่องตอกย้ำการได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง จนสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว   นายสุรินทร์ กล่าวอีกว่า จากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญจ่ายปันผลสำหรับกำไรสะสมและผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย.66 ในอัตรา 0.115 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายเป็นเงินสดทั้งสิ้นไม่เกิน 98.1 ล้านบาท โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 สิงหาคม 2566 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่  25 สิงหาคม 2566 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 11 กันยายน 2566   สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 17,500 ล้านบาท กระจายตัวอยู่ใน 5 จังหวัด ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม 4 แบรนด์ แบ่งเป็น เบลกราเวีย (Belgravia) 2 โครงการ แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) 4 โครงการบริทาเนีย (Britania) 8 โครงการ และไบรตัน (Brighton) 2 โครงการ โดยถือเป็นการเปิดโครงการเพิ่มอย่างก้าวกระโดดในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่เปิดตัวเพียง 4 โครงการ   นอกจากนี้ เป็นเพราะช่วงครึ่งปีหลังถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และปัจจัยภายนอกด้านการเมืองและเศรษฐกิจน่าจะมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งผลผลักดันทั้งยอดขาย ยอดโอนกรรมสิทธิ์ และรายได้รวมของบริษัทให้สูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะนำร่องเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/2566 ก่อนจำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 5,900 ล้านบาท ได้แก่ แกรนด์บริทาเนีย วงแหวน – ประชาอุทิศ (Grand Britania Wongwaen-Parchauthit) แกรนด์บริทาเนีย ทวีวัฒนา (Grand Britania Thawi Watthana) บริทาเนีย บางนา-เทพารักษ์ (Britania Bangna Thepharak)   ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 2,260 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2566 นี้ เมื่อประกอบกับการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง และแผนการตลาด การจัดแคมเปญเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพิ่มเติม เชื่อว่าจะช่วยสร้างยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ใหม่ และรักษาระดับการเติบโตของบริษัทอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนได้ สำหรับ BRI เป็นผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้คอนเซปต์ CRAFT a life you love ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก พัฒนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านซีรีส์ใหม่ ทาวน์โฮม ครอบคลุมผู้บริโภคทุกเซ็กเมนท์ ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.เบลกราเวีย (Belgravia) บ้านเดี่ยวลักชัวรี ระดับราคา 20-50 ล้านบาท 2.แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับ High-End ราคา 8-20 ล้านบาท 3.บริทาเนีย (Britania) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับ Mid-end ราคา 4-8 ล้านบาท และ 4.ไบรตัน (Brighton) บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับเริ่มต้น (Entry) ราคา 2.5-4 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 พัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้น 34 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการสะสม 41,456 ล้านบาท   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -บริทาเนีย ผนึกเจ้าของ ม.เกษมบัณฑิต ปั้นโปรเจ็กต์ 34 ไร่ บนถนนร่มเกล้า -บริทาเนีย วางเป้า 3 ปี ติดTop 5 ตลาดบ้าน พร้อมลุยต่างจังหวัดจับคนระดับท็อป
แสนสิริ โชว์กำไรครึ่งปี 66 โตก้าวกระโดด 162%  ครึ่งปีหลัง เปิดโครงการใหม่ กว่า 56,700 ล้าน

แสนสิริ โชว์กำไรครึ่งปี 66 โตก้าวกระโดด 162% ครึ่งปีหลัง เปิดโครงการใหม่ กว่า 56,700 ล้าน

แสนสิริ ย้ำความแข็งแกร่งผู้นำอสังหาฯ โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก 66 ด้วยกำไรสุทธิ 3,203 ล้าน โตก้าวกระโดดถึง 162% ขณะที่กวาดรายได้รวมครึ่งปี 18,493 ล้านบาท โต 42% และรายได้รวมไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 9,988 ล้านบาท โต 27% เผยผลงานมาจากแนวราบเติบโตทุกเซกเมนต์ และคอนโดพร้อมอยู่ได้รับการตอบรับดีและ นับเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีของตลาดคอนโด รุกต่อครึ่งปีหลัง เปิด 39 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 56,700 ล้าน     นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลประกอบการรอบ 6 เดือน ปี 2566 แสนสิริมีกำไรสุทธิ 3,203 ล้านบาท เติบโต 162% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ เฉพาะไตรมาสที่ 2/2566 อยู่ที่ 1,621 ล้านบาท เติบโตขึ้น 77% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา อัตรากำไรสุทธิรอบ 6 เดือนสูงถึง 17.3% ของรายได้รวม ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจากอัตรากำไรสุทธิ 9.3% ของรายได้รวมจากช่วงเดียวกันของปีก่อน   ขณะที่รายได้รวมรอบ 6 เดือน อยู่ที่ 18,493 ล้านบาท เติบโต 42% จากรอบ 6 เดือนของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้รวมในช่วงไตรมาสแรก 8,505 ล้านบาท และรายได้รวมไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 9,988 ล้านบาท เติบโต 27% เป็นผลมาจากรายได้จากการขายโครงการที่เติบโตในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย อาทิ นาราสิริ พหล – วัชรพล บ้านเดี่ยวระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี และ เศรษฐสิริ ดอนเมือง โดยแบรนด์ “เศรษฐสิริ” ในปีนี้มีการพัฒนา 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 21,900 ล้านบาท  รวมถึงแบรนด์สราญสิริ โครงการสราญสิริ ราชพฤกษ์ – 345 ระดับราคา 5 – 10 ล้านบาท ที่กลุ่มลูกค้าให้การตอบรับที่ดีเช่นกัน นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในรอบครึ่งปี ยังมาจากโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ที่ได้รับการตอบรับที่ดี และเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีของตลาดคอนโด โดยคอนโดพร้อมอยู่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในทุกเซกเมนต์เช่นเดียวกัน อาทิ โครงการเอ็กซ์ที พญาไท, เอ็กซ์ที ห้วยขวาง, โอกะ เฮาส์, เดอะ เบส เพชรบุรี – ทองหล่อ, ดีคอนโด พนา และ เดอะ มูฟ บางนา เป็นต้น   แสนสิริยังสร้างยอดขายรวมไปได้ถึง 27,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 50% จากเป้าหมายยอดขาย 55,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลัง แสนสิริยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,700 ล้านบาท ไฮไลท์โครงการที่เตรียมเปิดตัวในไตรมาส 3 อาทิ “บูก้าน พัฒนาการ” บ้านเดี่ยวรูปแบบ Luxury Private Villa จำนวน 17 ยูนิต ราคา 65 - 115 ล้านบาท* เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายเดือนกันยายน และการเปิดตัว New Luxury Condominium หนึ่งในโครงการไฮไลท์ของแสนสิริในปีนี้ ทำเล “ราชเทวี” เตรียมเปิดตัวเดือนสิงหาคมนี้ แสนสิริยังมุ่งเดินหน้าสร้างรายได้และผลกำไร เพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วนรวมถึงผู้ถือหุ้น โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (Interim dividend) จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2566 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 สิงหาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 กันยายน 2566 นี้   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -แสนสิริ ตุนยอดโอน 4 เดือนแรก โต 28% กวาดรายได้แล้ว 9,200 ล้าน  -แสนสิริ เปิดทำเลโครงการใหม่ปี 66 บักหมุดพื้นที่กรุงเทพฯ​ และอีก 6 จังหวัด
โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ โชว์ครึ่งปีแรกโกยกำไร 990% ครึ่งปีหลังลุยเปิด 6 โครงการ

โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ โชว์ครึ่งปีแรกโกยกำไร 990% ครึ่งปีหลังลุยเปิด 6 โครงการ

โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์  ประกาศผลงานครึ่งปีแรกของปี 66 กวาดรายได้รวม 4,478 ล้านบาท เติบโต 76% และกำไรสุทธิทะยาน 184 ล้านบาท เติบโต 990%  ประกาศเดินหน้าลุยเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 17,900 ล้านบาทในครึ่งปีหลังนี้ พร้อมแจกข่าวดีจ่อปันผลระหว่างกาล 0.081 บาทต่อหุ้น เตรียม XD 24 สิงหาคม 2566 นี้ ส่งซิก Q3/66 นี้ จ่อบุ๊กกำไรพิเศษขายเงินลงทุนใน 2 โครงการร่วมทุนให้กับ PROUD   นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการเดินหน้าธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 สวนกระแสความท้าทายจากการฟื้นตัว ของสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ ที่ทยอยฟื้นตัวตามลำดับ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีรายได้รวมที่ 4,478 ล้านบาท เติบโต 76% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 184 ล้านบาท เติบโต 990% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน   แม้ว่าบริษัทจะไม่มีโครงการคอนโดมิเนียม ที่สร้างเสร็จพร้อมโอนในครึ่งปีแรกของปี 2566 แต่บริษัทยังคงรักษาการเติบโตของผลประกอบการไว้ได้ดี  โดยโครงการที่รับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีแรก ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นหลัก ๆ มาจากการส่งมอบโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) อาทิ โครงการโนเบิล บี19 สุขุมวิท โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 โครงการนิว โนเบิล ศรีนครินทร์–ลาซาล โครงการโนเบิล อราวน์ อารีย์ โครงการนิว โนเบิล งามวงศ์วาน และโครงการนิว โคฟ นอร์ธ ราชพฤกษ์ เป็นต้น สำหรับยอดขาย (Pre-sale) ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 4,040 ล้านบาท และยอดขายช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา อยู่ที่ 9,706 ล้านบาท  (รวมโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการ นิว ครอส คูคต สเตชัน ซึ่งทางบริษัทยังคงเป็นผู้บริหารโครงการในบทบาทเดิม) โดยยอดขาย 7 เดือนแรกของปี 2566 มาจากโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่เป็นจำนวน 2,808 ล้านบาท และโครงการเปิดใหม่และอยู่ระหว่างการก่อสร้างเป็นจำนวน 6,898 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2566  รวมมูลค่า 17,940 ล้านบาท (ไม่รวมโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ) ซึ่งจะทยอยรับรู้ใน 2-3 ปีข้างหน้า   ช่วงไตรมาส 2​ บริษัทเริ่มมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจตัวแทนและนายหน้าและบริการหลังการขายภายใต้บริษัท เซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัด ซึ่งธุรกิจดังกล่าวถือเป็นการต่อยอดจากธุรกิจหลัก และเป็นผู้ให้บริการหลังการขายครบวงจรเต็มรูปแบบ ทั้งบริการการฝากขาย-ปล่อยเช่า บริหารนิติบุคคล บริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ ทำให้มีการรับรู้รายได้ประจำอย่างต่อและเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้     นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกประจำปี 2566 จำนวน 0.081 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 111 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) ที่ 60.1% โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 24 สิงหาคม 2566 และคาดว่าจะทำการจ่ายเงินปันผลภายในต้นกันยายนนี้   สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมองเชิงบวก อย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งเห็นการฟื้นตัวของตลาดอย่างชัดเจน ตั้งแต่ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าลูกค้าต่างชาติจากประเทศจีนจะยังเข้ามาได้ไม่เต็มที่ก็ตาม แต่บริษัทได้มีการปรับพอร์ตกระจายฐานลูกค้าต่างชาติให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง และเมียนมาร์ เป็นต้น และยอมรับว่าพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าชาวต่างชาติในปัจจุบันเปลี่ยนไป โดยจะเน้นซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองมากขึ้น แต่ก็ยังมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุนเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน   โดยปี 2566 บริษัทได้มีการปรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงเหลือ  9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า22,200 ล้านบาท จากแผนเดิมที่จะเปิดตัวจำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวม 23,300 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้เตรียมเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 17,900 ล้านบาท โดยเริ่มจากโครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9-เอกมัย เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ High-End  และโครงการ โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ เป็นโครงการทาวน์โฮมระดับ High-End ติดแม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการคอนโดมิเนียนมขนาดใหญ่ที่ร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ บนถนนวิทยุ อีก 1 โครงการด้วย   นายธงชัย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงกระบวนการขายเงินลงทุนและโอนหุ้นดีล 2 โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ให้กับ PROUD เป็นอันเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยได้รับกระแสเงินสดกว่า 1,400 ล้านบาทเข้าบริษัททันที พร้อมบันทึกเป็นกําไรพิเศษในไตรมาส 3/2566 นี้ ช่วยเสริมผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้น   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -บอร์ด โนเบิล ขาย 2 เงินลงทุนใน 2 โครงการ 867.57 ล้าน ให้ พราว เรียล เอสเตท
ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 7 แบบบ้านใหม่ เอาใจทาสแมว

ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 7 แบบบ้านใหม่ เอาใจทาสแมว

ศุภาลัย วิลล์ เปิดบ้าน Series ใหม่ล่าสุดจากทาง บมจ.ศุภาลัย ในสไตล์ Tropical Modern ที่เอาใจคนรักสัตว์ ตามเทรนด์ ที่อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน การวิจัยจากหลายสำนัก ครอบครัวคนรุ่นใหม่เริ่มมีบุตรน้อยลง แต่อัตราการมีสัตว์เลี้ยงเริ่มมากขึ้น  ยิ่งในปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์เหมือนดังเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว อยู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลา     ศุภาลัย ไม่รอช้าจัดทีมเฉพาะกิจ “Built for Pet’s Life” เข้ามาศึกษาพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าที่สนใจในโครงการ โดยเอาประสบการณ์การเลี้ยงสัตว์ของสมาชิกในทีมอไจล์เอง มาระดมสมองหาไอเดียจน ออกมาเป็นบ้านต้นแบบที่จับต้องได้ใช้ได้จริง ด้วยการดีไซน์พื้นที่ใช้สอย ฟังก์ชันการใช้งาน และสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้เจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้ใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างลงตัวและมีความสุข ในแนวคิด “Built for Cat’s Life”     ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน-ลำลูกกา คลอง 7   แบบบ้านแฝดศุภชวาล  โครงการตั้งอยู่บนถนนเทศบาลลำลูกกา 3 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นทำเลศักยภาพที่เดินทางได้สะดวก เพราะเชื่อมต่อถนนเส้นหลักได้หลายสาย เช่น ถนนลำลูกกา, ถนนรังสิต-นครนายก, ถนนพหลโยธิน และถนนวิภาวดีรังสิต   บ้านซีรีส์ล่าสุดสไตล์ Tropical Modern โครงการ ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน - ลำลูกกา คลอง 7 ภายใต้โมเดล SUPALAI PET FRIENDLY COMMUNITY ด้วยพื้นที่ใช้สอย 133 ตารางเมตร 3 ห้องนอน  3 ห้องน้ำ 1 ส่วนพักผ่อน 2 ที่จอดรถ     ด้วยจุดเด่นฟังก์ชันภายในบ้าน Shared Space พื้นที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานร่วมกันของคุณและแมว  บ้านเปิดโล่ง ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ห้องรับแขก ห้องทานอาหาร ห้อง Master Bedroom และห้องทำงาน Relaxing Space  ที่แยกพื้นที่กับพื้นที่ของน้องแมว     พื้นที่ต่อเติมพิเศษเพื่อการเลี้ยงสัตว์ในระบบปิด เพื่อให้น้องแมวได้ผ่อนคลาย ได้เล่นและสำคัญคือเรื่องสุขลักษณะและการใช้พื้นที่ร่วมกันระหว่างสัตว์เลี้ยงและผู้อยู่อาศัย  พื้นที่ใต้บันไดทำเป็นพื้นที่เก็บของสัตว์เลี้ยงได้     ห้องนอนใหญ่กั้น Walk in Closet ได้ ป้องกันขนแมวติดเสื้อผ้า Pet Friendly Materials เลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง และดูแลรักษาง่าย เช่น พื้นไม้ลามิเนตป้องกันแบคทีเรียทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี , สีทาพื้นผิว Organic Care , ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์รุ่น Pet Friendly รองรับการเกาของน้องแมวได้ ป้องกันเชื้อโรค,ผ้าม่านม้วน เก็บง่าย ป้องกันแบคทีเรีย , ลามิเนตสำหรับปิดผิวเฟอร์นิเจอร์ ป้องกันเชื้อโรคและน้ำ Technology  for Cat  เลือกใช้อุปกรณ์ไฮเทคและ Gadget ทันสมัยใหม่ ยังภายนอกมีการจัดสวนและเลือกปลูกต้นไม้  ที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง     ทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแบบบ้านใหม่ของศุภาลัยที่พัฒนาทีมงานที่คัดเลือกจากประสบการณ์การอยู่อาศัยกับสัตว์เลี้ยงจริง รักสัตว์เลี้ยง ตอบสนองความต้องการได้ทั้งคนและสัตว์  สำหรับใครสนใจเข้าไปชมบ้านตัวอย่างได้แล้ววันนี้   www.supalai.com ส่วนคนที่กำลังมองหาบ้านที่ตอบโจทย์การเลี้ยงสัตว์ได้ดีศุภาลัยเปิดโอกาสให้พาลูกๆ น้องแมว ของคุณมาทดลองอยู่ มาเดินสำรวจบ้านตัวตัวอย่าง ได้ที่โครงการศุภาลัย วิลล์ วงแหวน - ลำลูกกา คลอง 7     บทความน่าสนใจ ศุภาลัย เอสเซ้นส์  โครงการพรีเมี่ยมแห่งแรกในอ่างศิลา Lanceo Crib วงแหวน-รังสิต คลอง4   แบบบ้านใหม่สไตล์ French Colonial   City Home ดีไซน์ใหม่ ราคาสบายกระเป๋า เริ่ม 1.09 ล้านบาท