พลอากาศตรี หม่อมหลวงประกิตติ เกษมสันต์ นายกสภาสถาปนิก กล่าวว่า “ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งการลดภาระค่าธรรมเนียม มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัย ออกโครงการบ้านล้านหลัง รวมไปถึงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก ทั้งยังเดินหน้าขยายโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งความพยายามเหล่านี้มีผลช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจก่อสร้างเกิดการขยายตัว ช่วยลดอุปทานในตลาดและช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลงทุนสร้างโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจวัสดุก่อสร้างและงานก่อสร้าง รวมไปถึงงานด้านสถาปัตยกรรมด้วยเช่นกัน”
“แต่ขณะเดียวกัน ความต้องการของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านรสนิยมในงานออกแบบ ประเภทวัสดุ นวัตกรรมในงานก่อสร้าง และการตกแต่งที่อยู่อาศัย รวมไปถึงช่องทางในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ทำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในวงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการวิชาชีพทางสถาปัตยกรรม วิศวกรรม และนักออกแบบจึงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรกนี้จึงได้ใช้คอนเซ็ปต์ที่ว่า “RE-ACT:ตอบสนอง ต่อยอด ต่อเนื่อง” เพื่อสื่อถึงการที่ผู้ประกอบการทุกวิชาชีพต้องศึกษาต่อยอดความรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในสังคมปัจจุบัน ทางสภาสถาปนิกมีความมั่นใจว่างานนี้ จะไม่เพียงแค่เป็นประโยชน์กับสถาปนิกและผู้ประกอบการ แต่ยังช่วยนำความรู้ใหม่ๆ นวัตกรรม และแรงบันดาลใจในการออกแบบมาสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทย เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถก้าวนำหน้าความต้องการของผู้บริโภคที่เติบโตขึ้นและเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา”
นายประกิต พนานุรัตน์ ประธานจัดงานสภาสถาปนิก’19 กล่าวว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา สภาสถาปนิกมุ่งส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมให้แก่สมาชิก ซึ่งเป็นการพัฒนาศักยภาพบุคลกรในวิชาชีพสถาปนิกของประเทศไทยโดยตรง ในวันนี้สภาสถาปนิกได้ร่วมกับบริษัท อารยะ เอ็กซ์โป จำกัด จัดงาน สภาสถาปนิก’19 ขึ้น โดยพยายามที่จะนำสิ่งใหม่ๆ และสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการสถาปนิกและอุตสาหกรรมก่อสร้าง งานนี้จึงเป็นงานประชุมเชิงวิชาการทางด้านสถาปัตยกรรมและงานแสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างระดับนานาชาติงานแรกของประเทศไทยที่ครอบคลุมครบทั้ง 4 สาขาวิชาชีพสถาปัตยกรรม ได้แก่ สถาปัตยกรรมหลัก สถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์ ภูมิสถาปัตยกรรม และสถาปัตยกรรมผังเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับงานสถาปัตยกรรม รวมถึงอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ทั้งยังเป็นศูนย์รวมเครือข่ายมืออาชีพในวงการเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้ สภาสถาปนิกยังได้เชิญวิทยากรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศมาแบ่งปันความรู้และแนวคิดด้านการออกแบบ รวมถึงช่วยสร้างกระบวนการทางความคิดและพัฒนาวิชาชีพให้กับสถาปนิกไทยอีกด้วย”
ด้านนายศุภแมน มรรคา ผู้อำนวยการโครงการ บริษัท อารยะ เอ็กซ์โป จำกัด ผู้จัดงานสภาสถาปนิก’19 กล่าวว่า “สำหรับการจัดงานครั้งแรกนี้ ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายอย่างล้นหลาม มีผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างกว่า 500 ราย จาก 30 ประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม สิงคโปร์ เยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ที่ตอบรับเข้าร่วมแสดงสินค้า คิดเป็นสัดส่วนผลิตภัณฑ์จากต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 25% ทั้งยังมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างชั้นนำทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมงานมากกว่า 50 ราย นอกจากนี้ไฮไลท์สำคัญภายในงานคือ Product Launching Day ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับเวทีที่เปิดโอกาสให้แบรนด์ชั้นนำในแวดวงผลิตภัณฑ์ก่อสร้างได้นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน มานำเสนอเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ระหว่าง 11.30-12.30 น. ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3”
– ระบบเจาะยึดเพื่อการติดตั้งผนัง Rain Screen แบบ Dry-process นำเข้าจากเยอรมัน ชุดท่อระบายน้ำสำหรับงานภูมิทัศน์ นำเข้าจากเยอรมัน จาก บริษัท ดีวันซิสเต็ม จำกัด
– จี คัลเลอร์ มอร์ตาร์ ผลิตภัณฑ์ปูนฉาบที่ผลิตจากหินปูนธรรมชาติผสานด้วยเทคโนโลยีกราฟีน ที่เหมาะสำหรับงานฉาบเพื่อการซ่อมแซมบูรณะโบราณสถาน จาก บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
– SUNTECH Hybrid Cooling Roof & Panel หลังคาและผนังที่มาพร้อมฉนวนกันความร้อน PU Foam คุณภาพสูง ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย จาก บริษัท ซันเทคสตีลเวิคส์ จำกัด
– Inorganic Self Luminescent Wall & Floor Tiles ผลิตภัณฑ์เรืองแสงที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องการลดใช้พลังงานได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถเก็บแสงธรรมชาติในเวลากลางวันและปล่อยพลังงานในรูปแบบของการเรืองแสงในเวลากลางคืน โดยใช้เวลาดูดซับและกักเก็บพลังงานเพียง 15-20 นาที แต่สามารถเรืองแสงยาวนาน จากห้างหุ้นส่วนจำกัด ซี.ซี.ดับบลิว. เทคนิคเซอร์วิส
นายศุภแมน กล่าวต่อว่า “ภายในงาน ยังมีโซน Designer Hub Pavilion ซึ่งเป็นพื้นที่ให้นักออกแบบจากทุกสาขาวิชาชีพที่เป็นสมาชิกของสภาสถาปนิกได้มาพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง ออกแบบ และตกแต่ง เพื่อสร้างโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ ส่วนผู้เข้าร่วมงานที่เป็นบุคคลทั่วไปก็สามารถมาพบกับผู้ให้บริการด้านการออกแบบทุกประเภท และผู้ให้บริการด้านการก่อสร้างอย่างครบวงจร”
“ปัจจุบัน ทั้งความสนใจของผู้บริโภคและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างจำเป็นต้องก้าวให้ทัน การได้มีโอกาสพบกับสถาปนิกในสาขาวิชาชีพต่างๆ ถือเป็นโอกาสทองที่จะได้อัปเดตความรู้และได้รับไอเดียดีๆ ที่สามารถนำไปใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการใหม่ของตัวเอง ซึ่งในระยะยาวสังคมไทยก็จะมีโครงการที่อยู่อาศัยหรือที่ทำงานมากขึ้นที่เป็นผลงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์ สอดรับกับพฤติกรรมการใช้งานและใช้ชีวิต ทั้งยังคำนึงถึงสุขภาพกายและจิตใจของผู้คนอีกด้วย”
“จากกิจกรรมไฮไลท์ทั้งหมดที่กล่าวมา คาดว่าจะสามารถดึงดูดให้มีผู้เข้าชมงานตลอดทั้ง 4 วัน อยู่ที่ประมาณ 90,000 คน ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ สำหรับต่างประเทศ ตอนนี้มีผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานแล้ว อาทิ กลุ่มประเทศในอาเซียน กลุ่มสถาปนิกจากจีน และนักลงทุนจากอินเดีย และจากการที่มีผู้เข้าร่วมจัดแสดงเต็มพื้นที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 ทำให้ปีหน้างานสภาสถาปนิก’20 จะมีการขยายพื้นที่จัดงานเพิ่มเป็น 2 เท่า รวมทั้งขยายวันจัดงานเพิ่มขึ้นเป็น 5 วัน เพื่อให้งานสภาสถาปนิกเป็นเวทีสำหรับคนในแวดวงสถาปัตยกรรมทุกสาขาอย่างแท้จริง” นายศุภแมน กล่าวทิ้งท้าย
ลงทะเบียนก่อนเข้างานที่ เว็บไซต์สภาสถาปนิก’19