Tag : คอนโดแนวรถไฟฟ้า

48 ผลลัพธ์
[Review] BTS สำโรง-เคหะฯ

[Review] BTS สำโรง-เคหะฯ

รอคอยกันมาพักใหญ่กับการมาของรถไฟฟ้าสายสีเขียว จากสถานีสำโรงยาวไปจนถึงสถานีเคหะฯ จนเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 61 ที่ผ่านมา ก็เปิดให้ใช้บริการอย่างเป็นทางการกันเสียที แถมยังนั่งฟรีตั้ง 4 เดือนด้วยนะ ทีมงาน Reviewyourliving ไม่รอช้า พาไปเดินสำรวจกันทุกสถานีมาฝากกันเลยค่ะ   รถไฟฟ้าสายสีเขียวสุขุมวิท มุ่งหน้าออกนอกใจกลางเมืองไปสุดที่สถานีสำโรงค่ะ ถ้าจะนั่งส่วนต่อขยายนี้ต่อล่ะก็ ต้องลงจากขบวนแล้วเดินไปชานชาลาฝั่งตรงข้ามค่ะ ซึ่งในอนาคตสถานีสำโรงแห่งนี้ก็จะกลายเป็น Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง   บรรยากาศในวันแรกที่เปิดใช้ในช่วงบ่ายๆ ก็มีทั้งวัยทำงาน วัยเรียน และผู้สูงอายุที่มาทดลองนั่งกันอย่างสนุกสนานตั้งแต่สถานีสำโรงกันเลยค่ะ สถานีปู่เจ้า สถานีแรกของส่วนต่อขยายล่าสุด ตัวสถานีอยู่บริเวณซ.สุขุมวิท 115 เลยสามแยกปู่เจ้าสมิงพรายไปนิดหน่อย ข้างสถานีจะมีบิ๊กซีที่อยู่ติดกับ Ideo Sukhumvit 115 ที่ลูกบ้านเข้าอยู่กันตั้งแต่ปีที่แล้ว ถ้าเข้าซ.สุขุมวิท 115 ไปหน่อยก็จะมี Low Rise อย่าง Pause 115 กับ B Loft 115 อยู่ด้วย และล่าสุดกับคอนโดฯ ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ Supalai Veranda Sukhumvit 117 ห่างจากสถานีประมาณ 200 เมตร ฝั่งเดียวกันกับ Ideo Sukhumvit 115 รอบๆ นี้ส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งอุตสาหกรรมทั้งถ.สุขุมวิทเอง และเข้าไปทางถ.ปู่เจ้าสมิงพราย ค่ะ เช่น Honda Toyota และ Panasonic ที่อยู่ใกล้กับสถานี สถานีเอราวัณ จากสถานีปู่เจ้า รางรถไฟฟ้าจะยกตัวขึ้นผ่านถ.กาญจนาภิเษก ฝั่งซ้ายมือผ่านพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ พอมาถึงตัวสถานีมองไปทางฝั่งขาเข้าก็จะเห็น 2 คอนโดพร้อมอยู่ ซึ่งมีที่ดินอยู่ข้างกันเลยค่ะ The Trust @BTS เอราวัณ กับ Aspire Erawan บันไดสถานีอยู่หน้าโครงการพอดีเลย เป็นสถานีที่สามารถขับรถเข้าถ.กาญจนาภิเษกได้สะดวกที่สุดค่ะ    สถานีโรงเรียนนายเรือ เป็นสถานีที่เราเริ่มจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากบนบีทีเอสแล้วล่ะค่ะ ตัวสถานีอยู่หน้าโรงเรียนนายเรือพอดิบพอดี ตรงชานชาลาฝั่งขาเข้าจึงต้องกั้นทึบสูงขึ้นมาค่ะ ส่วนฝั่งตรงข้ามกันก็เป็นพิพิธภัณฑ์ทหารเรือ ถ้าเรามองไปทางสถานีต่อไปก็จะมีคอนโดมิเนียม Knightsbridge Sky River Ocean อยู่ริมถนนฝั่งขาออกค่ะ เป็นคอนโดฯ วิวสวยอีกโครงการหนึ่งเลยทีเดียว   สถานีปากน้ำ อยู่บริเวณหน้าวิทยาลัยสารพัดช่าง สมุทรปราการ ก่อนถึงสามแยกปากน้ำนิดหน่อย อยู่ใกล้กับสถานที่ราชการหลายแห่งเลยค่ะ เช่น ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ, สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สมุทรปราการ, ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรปราการ, ศาลจังหวัดสมุทรปราการ, สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรปราการ ฯลฯ เป็นสถานีที่เริ่มมีผู้คนเยอะขึ้นกว่าสถานีอื่นๆ ที่ผ่านมาค่ะ และสามารถมองเห็นปากอ่าวไทย ซึ่งมีเรือบรรทุกสินค้าให้เห็นกันตลอดวัน สถานีศรีนครินทร์ จากสามแยกปากน้ำ รถไฟฟ้าจะเลี้ยวซ้ายไปตามถนน ผ่าน Samut Prakan Observation Tower & Knowledge Park หรือ อุทยานการเรียนรู้อ่าวไทย จังหวัดสมุทรปราการ ที่เห็นเป็นหอคอยสูงสีขาวคล้ายกับเป็น Lighthouse ปากอ่าวไทย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดให้เข้าชมนะคะ ตามแผนจะเปิดให้เข้าชมประมาณปี 2563 และเมื่อผ่านสามแยกการไฟฟ้า ซึ่งตัดกับถนนศรีนครินทร์ก็เป็นเป็นที่ตั้งของสถานีค่ะ   สถานีแพรกษา ตั้งแต่สถานีปู่เจ้าไปจนสุดสาย สถานีแพรกษาถือว่าเป็นสถานีที่มีความคึกคักมากที่สุดค่ะ เพราะรอบๆ สถานีทั้งสองฝั่งมีทั้ง โรบินสัน, บิ๊กซี และโรงเรียนสมุทรปราการ ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางสิ่งอำนวยความสะดวกของปากน้ำก็ว่าได้ค่ะ สถานีอยู่เลยสามแยกที่จะเข้าสู่ถ.แพรกษา ไปเล็กน้อย ซึ่งก็จะมี Notting Hill Sukhumvit - Praksa คอนโดจากออริจิ้นอยู่ริมถนนค่ะ ถ้าเข้าไปลึกกว่านี้ก็มีโครงการแนวราบอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ แต่จะมีโครงการที่กำลังเริ่มก่อสร้าง โดยได้ EIA Approved แล้วนั่นคือ The President Sukhumvit-Samutprakan ใครที่อยู่แถวนี้อยู่แล้วหรือกำลังสนใจ สำหรับโครงการนี้ถือว่าทำเลดีมากๆ เพราะติดกับโรบินสันชนิดที่ว่าเดินไม่กี่ก้าว แถมหน้าโครงการก็มีสถานีแพรกษาอีกต่างหาก ถ้าไม่ติดว่ากว่าจะเข้าไปถึงกลางเมืองต้องผ่านไม่น้อยกว่า 13 สถานี   สถานีสายลวด ถัดมาไม่ไกลกัน ก่อนถึงสามแยกที่ตัดกับถ.สายลวด ก็จะเป็นที่ตั้งของสถานีสายลวดค่ะ ละแวกนี้ส่วนใหญ่เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบของผู้อยู่อาศัยดั่งเดิม มีหอพัก อพาร์ทเม้นท์ขนาดเล็ก-กลาง อยู่บ้างภายในชุมชนเดิม ไม่แปลกที่จะเห็นคนขึ้น-ลงที่สถานีนี้อยู่พอสมควรค่ะ สถานีเคหะฯ สุดท้ายที่สถานีเคหะฯ ค่ะ จะมีความคล้ายกับสถานีหมอชิตตรงที่มีลานจอดรถค่ะ แต่ที่นี่จะเป็นลานจอดรถที่มีหลังคา ตีเส้นสำหรับจอดแบบเข้าซองเอาไว้เรียบร้อย ตอนนี้ยังเปิดให้จอดฟรี 4 เดือนตามรถไฟฟ้าอยู่ค่ะ แต่หลังจากนี้จะมีระบบการเสียเงินค่าที่จอดรถอย่างเป็นระบบ และห่างกันกับสถานีออกไปไม่ไกลก็ยังมีศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าอยู่ด้วยค่ะ   ตั้งแต่เราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในสถานีเปิดใหม่มาทั้งหมดนี้ แต่ละสถานีจะต้องรอขบวนละประมาณ 10 นาที ซึ่งก็ถือว่าห่างกันอยู่พอสมควรเลยค่ะ ส่วนบรรยากาศรอบๆ ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นบ้านแนวราบเดิมๆ อยู่ อาจจะด้วยเหตุเพราะบทเรียนจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ Dev หลายเจ้าแห่กันไปสร้างโครงการไว้จนเหลือยูนิตเพียบ แต่สิ่งที่ต้องจับตามองอีกเรื่องคือ ราคาค่าโดยสารจริงหลังจากหมดช่วงฟรี 4 เดือนนี้ไปแล้ว ว่าจะมีชาวสมุทรปราการยังคงเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าต่อไปหรือไม่ เพราะถ้าหากราคาสูงเกินไป หลายคนคงจะต้องกลับมาทบทวนใช้บริการรถสาธารณะเดิมที่ใช้กันเป็นประจำอยู่แล้วก็ได้ ข้อมูล BTS เพิ่มเติม BTS ข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟฟ้า BTS Update รถไฟฟ้า ปี 2563 เคล็ดลับเลือกคอนโดติดรถไฟฟ้า คอนโดติดรถไฟฟ้า ดีจริงหรือ?  
Nue Noble Chaengwattana – นิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

Nue Noble Chaengwattana – นิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

Nue Noble Chaengwattana (นิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ) - คอนโด High Rise 31 ชั้น แนวคิด “อัพลุคใหม่ สไตล์คนเมือง” ติดถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู MRT สถานีศรีรัชเพียง 20 ก้าว   รายละเอียดโครงการ เจ้าของโครงการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด คอนโดมิเนียม High Rise 31 ชั้น พื้นที่โครงการ 3-3-38 ไร่ จำนวนห้อง 813 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี   สถานที่สำคัญใกล้เคียง ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ Impact เมืองทองธานี The Anenue แจ้งวัฒนะ บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส แม็คโคร แจ้งวัฒนะ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ   ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 - 28.5 ตร.ม. แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 30 - 31 ตร.ม. แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 45 - 46.5 ตร.ม. แบบ 2 ห้องนอน พลัส ขนาด 57 ตร.ม.   สิ่งอำนวยความสะดวก สวนส่วนกลาง สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-251-9955 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.noblehome.com/condominium/NUE-Chaengwattana/th/home
Magnolias Ratchadamri Boulevard นิยามใหม่ของความหรูหรา..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

Magnolias Ratchadamri Boulevard นิยามใหม่ของความหรูหรา..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

หากพูดถึงคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เชื่อว่าภาพที่เกิดขึ้นในใจใครหลายคน คงเป็นภาพรูปแบบคอนโดที่ไม่ต่างกันมากนัก แต่แท้จริงแล้วอาคารที่มีลักษณะคล้ายกันทั้งหมดนั้น สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดีแล้วหรือไม่? วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันในรีวิวฉบับนี้ กับโครงการมิกซ์ยูส ระดับลักชัวรี่ “Magnolias Ratchadamri Boulevard (แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด)” ผลงานชิ้นโบว์แดงจาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ที่สร้างปรากฏการณ์ตื่นตาตื่นใจให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยไม่ใช่น้อย ทั้งในแง่ของงานดีไซน์ที่ฉีกรูปแบบคอนโดเดิมๆ ด้วยการออกแบบสไตล์โมเดิร์น โดยได้แรงบันดาลใจในรูปทรงอาคารจากกลีบดอกแมกโนเลีย ทำให้มีความโดดเด่นอ่อนช้อยสวยงาม จนกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางเมืองย่านราชดำริ นอกจากนี้ยังนำเสนอความเป็นที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมหรู, สำนักงาน และโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ (Waldorf Astoria Bangkok) แบรนด์โรงแรมระดับ 6 ดาว ในเครือฮิลตัน ที่มีสาขาอยู่ในเมืองสำคัญทั่วโลก ซึ่งมาเปิดใน South East Asia เป็นแห่งแรกในโครงการนี้ ภายใต้โจทย์ที่พักอาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งก็สอดคล้องกับปรัชญาของแมกโนเลียที่ว่า “คิดและสร้างสรรค์เพื่อความยั่งยืนของมนุษย์” ได้เป็นอย่างดี     ทำเลศักยภาพใจกลางเมือง   โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการอยู่ติดถนนราชดำริ ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสีลม อยู่ใกล้ๆ กับโรงแรมเอราวัณและเพนินซูล่า ซึ่งเป็นทำเลที่ดีที่สุดผืนสุดท้ายของราชดำริ ห่างจากแยกราชประสงค์มาประมาณ 200 เมตร จุดเด่นของโครงการคืออยู่ใจกลางเมือง ใกล้ CBD, แหล่งงาน, สถานศึกษา และห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ซึ่งตอบโจทย์ลูกบ้านทั้งคนมีรถและไม่มี สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนใกล้ที่สุดอยู่ที่ถนนพระราม 4 โดยจากถนนราชดำริหน้าโครงการตรงเข้าสู่สี่แยกศาลาแดง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพระราม 4 อีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบกับจุดขึ้น-ลงทางพิเศษเฉลิมมหานคร ไม่ว่าจะออกไปโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก, ฝั่งธนบุรี หรือกรุงเทพฯ โซนเหนือก็สะดวกทั้งหมด ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังทางยกระดับอุตราภิมุข (โทลเวย์) และจุดขึ้น-ลงทางด่วนอีกเส้นทางหนึ่ง คือวิ่งตรงผ่านหน้าห้างสรรพสินค้า Central World จนถึงสี่แยกราชปรารภ แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนจตุรทิศ เพื่อขึ้นทางพิเศษศรีรัชมุ่งตรงไปเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ก็จะไปสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างง่ายดาย     สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกมากที่สุดแล้วค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าตัวโครงการตั้งอยู่ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าในย่านราชประสงค์ ใกล้สถานที่สำคัญของกรุงเทพฯ อย่าง ศาลท่านท้าวมหาพรหม รวมทั้งแหล่งช็อปปิ้งสำคัญของกรุงเทพฯ ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS ถึง 2 สาย ทั้งสายสีเขียว (สถานีชิดลม) และสายสีเขียวเข้ม (สถานีราชดำริ) แถมบริเวณหน้าโครงการก็มีวินมอเตอร์ไซค์, รถเมล์, รถแท็กซี่ผ่านไปมาให้ใช้บริการตลอดทั้งวัน ซึ่งถ้าใครเป็นสายช็อปปิ้งก็คงถูกใจเพราะพิกัดจากโครงการสามารถเดินไปขึ้น Sky Walk เพื่อไปเซ็นทรัลเวิลด์, เกษรพลาซ่า และเซ็นทรัลชิดลม ในระยะเดินเท้าได้สบายๆ หรือถัดไปอีกหน่อยก็จะเป็นสยามสแควร์ ที่มีรถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม จุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลม และมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามแสควร์วัน, สยามดิสคัฟเวอรี่ ไปจนถึงมาบุญครอง ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยได้อย่างเพลิดเพลิน     และไม่ใช่ว่าเพียบพร้อมไปด้วยแหล่งช็อปปิ้ง สถานที่แฮงค์เอ้าท์เท่านั้นนะคะ ในส่วนของสถานศึกษา สถานพยาบาล รวมถึงสถานที่ราชการก็มีไม่น้อยเลยค่ะ ลองไล่เรียงคร่าวๆ ก็มี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย, โรงเรียนสอนภาษา AUA และสถานทูตประเทศต่างๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลตำรวจ, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วยังมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต, ราชกรีฑาสโมสร, วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร รวมไปจนถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างสวนลุมพินี และอีกมากมายจนบรรยายไม่หมดเลยค่ะ   เจาะลึกโครงการ   “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” เป็นโครงการลักชัวรี่ มิกซ์ยูส ตัวอาคารสูง 60 ชั้น บนพื้นที่ 6 ไร่ 2 งาน 70 ตารางวา ประกอบด้วยส่วนคอนโดมีเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ (Residence), สำนักงาน และโรงแรม ในส่วนของห้องพักหรูมีจำนวนทั้งหมด 316 ยูนิต เริ่มตั้งแต่ชั้น 17 – 54 ด้วยขนาดห้องชุดตั้งแต่ 48 – 360 ตารางเมตร โดยทำเป็นสัญญาเช่า (Leasehold) ระยะเวลา 30 ปี จากที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งทาง MQDC ต้องการความเป็น Masterpiece ให้ได้มาตรฐานระดับสูงสุดเทียบเท่าระดับโลก ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย รวมไปจนถึงการคัดสรรแต่วัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยมมาใช้ในโครงการ ครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการรวมตัวของเหล่าดีไซเนอร์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อความเป็นที่สุดของโครงการหรูใจกลางเมือง ซึ่งได้ DI Design และ The Beaumont Partners Co., Ltd. บริษัทออกแบบสัญชาติไทยชื่อดังมาทำงานร่วมกัน อีกทั้งยังมีบริษัทสถาปนิกระดับโลกอย่าง atelier ten จากนิวยอร์ก เข้ามาเป็นที่ปรึกษาการออกแบบเพื่อความยั่งยืน โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยดีไซน์โค้งมนเป็นรูปกลีบดอกแมกโนเลีย ทำให้มีความโดดเด่นอ่อนช้อยสวยงามที่สุดในย่านราชดำริ ซึ่งก็มุ่งเน้นประหยัดพลังงานโดยประยุกต์แนวคิดสถาปัตยกรรมของบ้านไทย ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองร้อนของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะทิศทางของแสงแดด มาออกแบบเป็นส่วนชายคา หรือ Sunshade ของตัวอาคารที่ถูกคำนวณอย่างแม่นยำ และดีไซน์ให้กลายเป็นส่วนประดับอย่าง Façade โอบล้อมอาคารร่วมกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ     ในส่วนงานออกแบบ Landscape ก็ได้บริษัท Shma เข้ามาดูแล ส่วนงาน Interior นั้นทางโครงการให้บริษัท PIA ผู้มีชื่อเสียงด้านการออกแบบและมีประสบการณ์กับโครงการระดับหรูมาเป็นผู้ดูแลค่ะ ทั้งนี้โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” จะเป็นโครงการที่พักอาศัยแห่งแรกของไทยที่กำลังจะได้รองรับมาตรฐาน LEED จากอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงานที่เข้มงวดที่สุดในโลก เพราะทางทีมดีไซเนอร์ได้คำนึงแสง ความร้อน อากาศ และการใช้น้ำในโครงการมาเป็นอย่างดี แถมยังเลือกใช้กระจกแบบ IGU และใช้ Sun Shading เพื่อลดความร้อนให้แก่ห้องอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีระบบหมุนเวียนน้ำบางส่วนที่คุณภาพดีและสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น รดน้ำต้นไม้ ตลอดจนระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ เพื่อใส่อากาศที่ปราศจากสารพิษเจือปนเข้าไปในโครงการ ทำให้มั่นใจได้เลยค่ะว่านอกจากความสวยหรู และการเดินทางที่สะดวกสบายแล้ว ผู้อยู่อาศัยจะได้คุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวแน่นอน     ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันมากทีเดียวค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัว เริ่มจากชั้น 1 เป็นพื้นที่ของเอ็กซ์คลูซีฟล็อบบี้, ห้องจดหมายและตู้ไปรษณีย์ ในส่วนของที่จอดรถก็สามารถจอดได้มากถึง 100% สำหรับ Facility บนอาคารจะอยู่ที่ชั้น 5 และชั้น 10 ประกอบด้วย ห้องสมุดพร้อมวิวสวนโค้งเล่นระดับที่ทางโครงการนำความเขียวขจีของธรรมชาติเข้าไปใส่ไว้ , ศูนย์ฟิตเนสและลู่วิ่งออกกำลังกายริมสวนแนวลาด, ห้องประชุม ห้องพบปะสังสรรค์, สระว่ายน้ำพร้อมสระเด็ก และส่วนจากุชชี่, ห้องอบไอน้ำและซาวน่า, ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมล็อกเกอร์, สำนักงานผู้อำนวยการประจำเรสซิเดนซ์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีกุญแจรีโมทนิรภัย สำหรับเปิดประตูและควบคุมลิฟท์อีกด้วย   เริ่มต้นกันที่บริเวณ Lobby ชั้น Ground Floor ก่อนเลยค่ะ ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็นส่วนต้อนรับ, พื้นที่รับรอง และ Mail Box พื้นที่ด้านหนึ่งของโถง Lobby จะเป็นส่วน Mail Box นะคะ มาในส่วนของโถงลิฟท์โดยสารกันบ้างค่ะ ซึ่งมีให้บริการลูกบ้านถึง 4 ตัว ทั้งยังดูหรูหรากว่าคอนโดฯ ทั่วไป ด้วยการประดับตกแต่งด้วยหินอ่อน บรรยากาศภายในห้องสมุดค่ะ ภายในห้องดูสูงโปร่ง โอบล้อมด้วยกระจกใส วิวบริเวณข้างห้องสมุดเป็นสวนนะคะ ข้อดีของการมีสวนอยู่ใกล้ๆ ทำให้เวลาอ่านหนังสือสามารถพักสายตามองต้นไม้สีเขียวขจีได้ จากบริเวณห้องสมุดมองออกไปจะเห็นพื้นที่สวนเล่นระดับด้วยนะคะ พื้นที่สวนขั้นบันไดที่ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจ บันไดวนขึ้นไปยังส่วนของสระว่ายน้ำและฟิตเนสนะคะ เมื่อเดินไต่บันไดขึ้นมาจะพบกับลานกว้างๆ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นของพรรณไม้ นอกจากจะมีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กแล้วยังมีส่วนของ Jacuzzi ด้วยนะคะ พื้นที่ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็นสวนแบบขั้นบันไดนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมองวิวเมืองรอบด้านได้อย่างจุใจ เดินต่อเนื่องไปยังห้อง Fitness นะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ กลับมาในส่วนของห้องอบไอน้ำและซาวน่า ที่มาพร้อมห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมล็อกเกอร์ แยกฝั่งชาย-หญิงด้วยนะคะ บรรยากาศด้านหน้าห้องอบไอน้ำและซาวน่า ต่อเนื่องมายังห้อง KID'S ROOM ที่ออกแบบมาสำหรับรองรับสมาชิกตัวน้อยในครอบครัวของลูกบ้าน   เปิดแบบห้อง Magnolias Ratchadamri Boulevard   สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” มีทั้งหมด 316 ยูนิตนะคะ ซึ่งมีแบบห้องพักหรูให้เลือกด้วยกันถึง 4 แบบ ตั้งแต่ 1 Bedroom ขนาด 48-60 ตารางเมตร จำนวน 88 ยูนิต, 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 72-106 ตารางเมตร จำนวน 220 ยูนิต, Penthouse ขนาดตั้งแต่ 209-300 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต และ Duplex Penthouse ขนาดตั้งแต่ 250-360 ตารางเมตร จำนวน 6 ยูนิต ปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้ นั่นคือห้อง 2 Bedroom ขนาด 89.47 และ 92.38 ตารางเมตรค่ะ โดยจะแตกต่างกันที่การจัดวาง Layout และวิวเท่านั้นค่ะ แต่ภายในห้องจะตกแต่งมาให้เสร็จสรรพแล้ว หากลูกบ้านเลือกห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์รวมมาด้วย ทางโครงการจะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ Olivia Living, Sonder Living,  CHANINTR และ Classic Chair เหมือนดั่งห้องตัวอย่างที่เราเก็บมาฝากกันวันนี้   ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบและตกแต่งอย่างพิถีพิถันในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่เรียบหรู แต่ยังคงงดงาม แถมยังคัดสรรและเลือกใช้แต่วัสดุคุณภาพแบรนด์ระดับโลก ดีไซน์ให้พื้นที่ส่วนครัวกว้างขวางติดตั้งชุดครัว Bulthaup แบรนด์หรูจากเยอรมนี ในทุกยูนิต อีกทั้งยังผสมผสานห้องครัวและพื้นที่ใช้สอยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันห้องน้ำก็ใช้แต่เครื่องสุขภัณฑ์ชั้นนำเช่นเดียวกับที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ทั่วโลก แถมยังสั่งทำอ่างอาบน้ำขนาดพิเศษแบรนด์ KASCH มาใช้ในโครงการด้วย ไม่รอช้า.. เราไปเปิดประตูดู Layout ของแต่ละห้องไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 89.47 ตารางเมตร ประตูจะเป็นแบบ Digital Door Lock นะคะ เปิดประตูเข้ามาเจอห้องน้ำ และห้องนอนเล็กก่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางนะคะ ซึ่งภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Olivia Living ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมด เรามาดูห้องน้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน ทางโครงการจัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก โดยใช้สุขภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมี่ยมทั้งหมด จากภาพจะเห็นว่าส่วนเปียกจะมีบานกระจกกั้นพร้อมยกธรณีสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำกระเด็นมาส่วนแห้ง ซึ่งที่พื้นด้านในจะเซาะร่องไว้สำหรับกันลื่นด้วยนะคะ ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ กระจกห้องนอนเป็นบานใหญ่มาก สูง 3 เมตรไม่มีอะไรมาบังสายตาเลยนะคะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ กลับเข้ามาบริเวณโถงกลางจะเป็นส่วนของมุมทำงาน มุมรับประทานอาหาร มุมนั่งเล่น และครัวเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด มุมทำงานที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวทีเดียวเลยนะคะ ต่อเนื่องมายังส่วนครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน ตรงข้ามกับมุมนั่งเล่นนะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวแอล (L) มาพร้อมไอส์แลนด์ตรงกลางสำหรับเตรียมอาหาร ระยะห่างระหว่างเคาน์เตอร์กับไอส์แลนด์มีขนาดกำลังดีเลยนะคะ สามารถเดินได้โดยรอบสบายๆ สำหรับชุดครัวจะเป็นแบรนด์ bulthaup นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน สำหรับอ่างล้างจานจะเป็นแบรนด์ FRANKE นะคะ ซึ่งก็เป็นแบรนด์คุณภาพที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเช่นกัน พื้นที่ติดกับครัวจะเป็นมุมนั่งเล่นนะคะ ซึ่งสามารถวางคอนโซลทีวี โซฟาตัวยาว พร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ สำหรับมุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ พื้นที่โถงกลางสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบายๆ เลยนะคะ มาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง สามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ เพราะบริเวณรอบๆ เตียงมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย ยิ่งถ้าใครที่ชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งไว้ที่ผนังปลายเตียงได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดเลยค่ะ จากระเบียงก็จะมองเห็น City view ประมาณนี้ มุมมองจากระเบียงกลับไปในห้องนอนใหญ่ ผนังหน้าห้องน้ำถูกบิลต์อินให้เป็นตู้เสื้อผ้าทั้งสองฝั่งเลยนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน ซึ่งรูปแบบจัดวางจะต่างกับห้องน้ำด้านนอก ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะมีอ่างอาบน้ำแบรนด์ KASCH ที่สั่งทำขึ้นมาพิเศษด้วยนะคะ   ห้องตัวอย่างต่อมาที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 92.38 ตร.ม. จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout เลยนะคะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะมีโถงกลางขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่ครัวแบบเปิดเชื่อมต่อกับมุมรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ส่วนห้องนอนจะถูกแบ่งออกไปทางฝั่งขวา โดยห้องนอนเล็กจะใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องโถงกลาง ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 92.38 ตารางเมตร สำหรับห้องนี้ เมื่อเปิดประตู Digital Door lock เข้ามาในห้องจะเจอส่วนนั่งเล่นและมุมรับประทานอาหารที่อยู่ติดริมระเบียงก่อนเลยนะคะ ภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Olivia Living ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมดเช่นเดียวกับห้องตัวอย่างแรกค่ะ ความแตกต่างนอกจาก Layout และขนาดห้องแล้ว ก็จะเป็นส่วนของวิวนี่แหละค่ะ โดยห้องนี้จะเป็นห้องที่ได้วิวฝั่งเซ็นทรัลเวิลด์ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นส่วนครัวนะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นรูปตัวแอล (L) จะได้วัสดุเหมือนในห้องตัวอย่างห้องแรกเลยนะคะ มีแตกต่างนิดหน่อยที่ขนาดและตำแหน่งของไอส์แลนด์ พื้นที่รับประทานอาหารที่อยู่ติดกับห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งข้อดีของระเบียงที่ติดกับมุมนี้คือช่วยระบายอากาศเวลารับประทานอาหารที่มีกลิ่นได้ดี พื้นที่ต่อเนื่องจากครัวเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำนะคะ เรามาเริ่มที่ฝั่งขวามือที่เป็นห้องน้ำก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องน้ำจะตกแต่งด้วยหินอ่อนเป็นส่วนใหญ่ โทนสีที่นำมาใช้ดูสะอาดตาและเลือกคู่สีได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ การวางฟังก์ชันโดยรวมใช้งานได้ดีทุกส่วน พื้นที่ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ล้างหน้าจะเป็นส่วนเปียกนะคะ ผนังฝั่งหนึ่งใน Shower Area จะถูกตกแต่งให้สวยงามด้วยด้วยหินอ่อน ตรงข้ามกับห้องน้ำจะเป็นห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน ภายในห้องนอนเล็กเมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย พื้นที่ติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ออกมาจากห้องนอนเล็ก เดินตรงเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนะคะ คือโซนพักผ่อน และโซนแต่งตัวที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ นอกจากเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบแล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วยค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอน จะเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ติดห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนๆ กับห้องน้ำด้านนอก จะต่างกันแค่เพิ่มอ่างอาบน้ำแบรนด์ KASCH ที่ทางโครงการสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำจะได้อ่างล้างหน้า มาพร้อมกับตู้ลอยที่มีหน้าบานเปิด-ปิดสำหรับเก็บของนะคะ ซึ่งห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านก็จะได้แบบนี้เลยนะคะ   ด้วยทำเล Prime Location ของกรุงเทพฯ ริมถนนราชดำริ ย่านธุรกิจสำคัญของเมืองไทยและแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับที่เพียบพร้อมแบบนี้โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการหรูที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Fitted ดังนั้นในห้องมาตรฐานก็จะมี ชุดครัวแบรนด์ bulthaup ที่มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน FRANKE รวมถึงสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็ยังเป็นแบรนด์นำเข้ามาเหมือนกันเกือบทุกรายการค่ะ อาทิ ก๊อกน้ำ Dornbracht และอ่างอาบน้ำ KASCH เป็นต้น ซึ่งทาง MQDC ประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 20 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ย ณ ปัจจุบันประมาณ 280,000 บาท/ตร.ม. ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียม Luxury ในระดับเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะแนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มแน่นอน..   ใครที่ไม่ติดเรื่องกำลังทรัพย์และกำลังมองหาคอนโดหรูที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายทุกอย่างแบบนี้ แนะนำให้แวะเข้าไปเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 083-095-5054  หรือ www.magnolias-ratchadamri.com
NICHE Pride Taopoon – Interchange ที่สุดของความลงตัว..กับชีวิตที่เพียบพร้อมทุกรูปแบบ : รีวิวคอนโด

NICHE Pride Taopoon – Interchange ที่สุดของความลงตัว..กับชีวิตที่เพียบพร้อมทุกรูปแบบ : รีวิวคอนโด

เมื่อทำเลและการเดินทางเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมสักแห่งไว้สำหรับอยู่อาศัยหรือปล่อยเช่า “เตาปูน” ก็เป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพใหม่ที่น่าสนใจนะคะ เนื่องจากอยู่ติดกับย่านบางซื่อ Hub ใหญ่ในอนาคตที่ห่างไม่ไกลจากตัวเมืองและกำลังถูกพัฒนาให้เติบโตขึ้น เต็มไปด้วยความเจริญและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงเส้นทางคมนาคมที่สามารถเข้าถึงทุกส่วนของกรุงเทพได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT จุด Interchange ทั้ง 2 สาย ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีบางซื่อ) และรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีเตาปูน) ก็นับว่าเป็นจุดเด่นของทำเลในย่านนี้เลยล่ะ   ด้วยทำเลที่ดีเปี่ยมไปด้วยศักยภาพ แน่นอนค่ะว่าต้องมีที่อยู่อาศัยแนวดิ่งอย่างคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากมาย ทั้งโครงการที่สร้างเสร็จแล้วและโครงการใหม่ที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก “NICHE Pride Taopoon – Interchange (นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์)” ของ SENA ที่ร่วมทุนกับ Hankyu Realty ผู้นำโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในญี่ปุ่น มาพัฒนาต่อยอดความสำเร็จจากโครงการแรกที่มีกระแสตอบรับดีมากๆ จนเกิดเป็นคอนโดมิเนียมหรูบนทำเลทองย่านบางซื่อ-เตาปูน อยู่ติดรถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูนเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ซึ่งเราจะพาทุกคนไปชมห้องตัวอย่างก่อนใครในวันนี้..   สำหรับโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ (ประชาราษฎร์ สาย 2) เลยแยกเตาปูนไปทางบางโพ ซึ่งเป็นย่านอยู่อาศัยชุมชนเก่าซะส่วนใหญ่ เพราะมีความอุดมสมบูรณ์สูงทั้งตลาด, ร้านค้า, ร้านอาหาร รวมถึงบ้านเรือนและคอนโดฯ ทั้ง High Rise และ Low Rise อยู่หลายโครงการ โดยปกติราคาคอนโดฯ ในโซนนี้เริ่มสูงขึ้นและมักโฆษณาว่าอยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” เป็นโครงการเดียวที่อยู่ติด MRT สถานีเตาปูน มากที่สุดในตอนนี้ค่ะ   การเดินทางของคนใช้รถยนต์ก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายและคล่องตัวอยู่พอตัวเลยนะคะ เพราะอย่างที่บอกไปว่าโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ การเดินทางเข้านอกออกเมืองจึงจัดว่าสะดวกสบายเพราะสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย เส้นทางหลักที่ต้องใช้คือถนนประชาราษฎร์สาย 2 ถ้าจะเข้าเมืองก็สามารถใช้ถนนประชาราษฎร์สาย 1 วิ่งไปออกสามเสนก็จะเข้าเชื่อมกับเส้นราชเทวีแล้วค่ะ จากนั้นจะไปอนุสาวรีย์ชัยฯ หรือสยามก็ไม่ใช่เรื่องยาก หรือจะเลือกใช้ถนนเตชะวณิชวิ่งมาออกถนนพระรามที่ 5 ก็ไปถึงเส้นราชเทวีได้เช่นกัน ส่วนถ้าจะเดินทางออกนอกเมืองฝั่งวงศ์สว่างก็สามารถใช้เส้นประชาราษฎร์สาย 1 ไปตัดกับถนนวงศ์สว่างได้พอดี หรือจะข้ามสะพานพระราม 7 ไปฝั่งจรัญสนิทวงศ์ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้เส้นกรุงเทพ-นนทบุรี ไปออกวงศ์สว่างได้เช่นกัน ส่วนถนนประชาชื่นจะไปตัดกับถนนรัชดาภิเษก วิ่งไปออกวิภาวดีรังสิต หรือยาวไปพระรามเก้าได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้ทางด่วนแยกประชานุกูลและทางด่วนศรีรัชวงแหวนรอบนอกในเวลาเร่งด่วนได้อีกด้วย   สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ บอกได้คำเดียวว่าสะดวกที่สุดค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ทำให้มีรถเมล์, รถแท็กซี่ รวมถึงวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด จุดเด่นของโครงการคืออยู่ใกล้ MRT สถานีเตาปูน (ทางออก 4) ในระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ ซึ่งสถานีเตาปูนเป็นสถานีอินเตอร์เช้นจ์ระหว่างสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง ถ้าใครอยากจะเข้าเมืองไปช็อปปิ้งก็สามารถใช้ MRT จากสถานีเตาปูน นั่งรถไป 5 สถานีก็จะถึงสถานีพหลโยธิน ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว และยูเนี่ยนมอลล์ให้เลือกช็อปได้จุใจ หรือถ้าอยากจะใช้บริการ BTS ก็นั่ง MRT ไปลงที่สถานีจตุจักร เพื่อเชื่อมกับ BTS สถานีหมอชิต ก็ยังได้ แถมในอนาคตพื้นที่ละแวกโครงการยังมีแผนพัฒนาให้เป็นสถานีรถไฟฟ้ารูปแบบ Mixed-use Development โดยมีรถไฟฟ้าถึง 4 สายเชื่อมต่อกับสถานีกลางบางซื่อ ได้แก่ สายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีแดงเข้ม และสายสีแดงอ่อน อีกทั้งยังเป็นสถานีต้นทางของรถไฟฟ้าความเร็วสูง 2 เส้นทาง (กรุงเทพ-เชียงใหม่ และกรุงเทพ-หนองคาย) รวมถึงส่วนต่อขยาย Airport Rail Link 5 สถานีจากพญาไทเชื่อมต่อไปยังสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิอีกด้วย   นอกจากการพัฒนาด้านคมนาคมแล้วยังมีโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ที่นำมาซึ่งความเจริญมากมาย อาทิ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่, การขยายช่องทางจราจร และการก่อสร้างถนนเพิ่มเติมในอนาคต แถมยังมีโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ‘เกตเวย์ บางซื่อ’ รองรับร้านค้า และร้านอาหารมากมาย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโครงการเลย เพราะอยู่ห่างจากสถานีเตาปูนเพียง 650 เมตรเท่านั้น (คาดว่าจะเปิดบริการภายในปี 2561 นี้) ถ้าศูนย์การค้าเปิดบริการเมื่อไหร่ ตัวเลือกการจับจ่ายใช้สอยก็มีเพิ่มขึ้น ยิ่งในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าทุกสายเชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว การเดินทางไปแต่ละจุดหมายด้วยรถไฟขบวนเดียว ของลูกบ้านโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” ก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้นค่ะ   วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT นั่งมาลงที่สถานีเตาปูนนะคะ ซึ่งตอนนี้รถไฟฟ้าเตาปูนได้เปิดให้เชื่อมกับสายสีน้ำเงินที่สถานีบางซื่อโดยสมบูรณ์แล้ว เราจึงจะลองพาเดินจากรถไฟฟ้าไปโครงการกันดูค่ะ ทางออกไปฝั่งเตาปูนจะต้องเดินลงบันไดเลื่อนลงไปอีกชั้นหนึ่งนะคะ ทางออกไปโครงการจะอยู่ที่ทางออก 4 (ถนนประชาราษฎร์ สาย 2) ตามป้ายเลยนะคะ เมื่อรู้ทางออกแล้วก็แตะบัตรออกไปชมโครงการกันเลย เดินลงบันไดเลื่อนจากสถานีมาก็เจอวินมอเตอร์ไซด์แล้วค่ะ แต่สำหรับโครงการที่เราจะไปวันนี้ไม่ต้องพึ่งพี่วินนะคะ เพราะเดินเท้าแค่ไม่กี่เก้าก็ถึงแล้ว ทางออกฝั่งโครงการจะอยู่บริเวณสี่แยกเตาปูนนะคะ จะเห็นว่าพื้นที่ฝั่งตรงข้ามแม้จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่หันหน้าออกถนนใหญ่ แต่ก็มีร้านทอง ร้านขายยา ขายของ ร้านไฟฟ้า และรับซ่อมของอยู่เป็นระยะๆ บรรยากาศของอาคารพาณิชย์ฝั่งตรงข้ามโครงการ บรรดาอาคารตึกแถวร้านค้าโดยรอบถือว่าอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านในระยะทางเดินใกล้ๆ ได้ดีเลยนะคะ หากใครอยากจับจ่ายใช้สอยซื้อของสดก็สามารถไปตลาดเตาปูนได้ง่ายๆ ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ใช้ได้เลยทีเดียว แถมปัจจุบันยังมีคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ขึ้นมามากมาย ทำเลย่านนี้จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับมาที่ฝั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีเตาปูน ทางออก 4 กันต่อดีกว่าค่ะ จากบันไดทางลงเดินถัดมาอีกนิดเดียวก็ถึงสำนักงานขายของโครงการแล้วค่ะ มาถึงโครงการแล้วค่ะ พื้นที่ตรงนี้เป็นส่วนของสำนักงานขายนะคะ ซึ่งก็ออกแบบให้ดูเก๋ แปลกตาไม่เหมือนใครด้วยดีไซน์สไตล์โมเดิร์นทรงกล่อง ใช้สีส้มและสีเทาเป็นสีหลัก ทางเข้า-ออกเพื่อเยี่ยมชมโครงการในตอนนี้นั้นจะใช้ถนนประชาราษฎร์สาย 2 เป็นหลักนะคะ ซึ่งเข้ามาก็จะเจอกับรปภ. และพื้นที่จอดรถขนาดใหญ่ เจาะลึกโครงการ โครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” เป็นคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น จำนวน 742 ยูนิต พร้อมอาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้น 1 อาคาร รวมทั้งร้าน Mini-Mart & Coffee Cafe บนที่ดิน 3-1-64.1 ไร่ สามารถจอดรถได้ประมาณ 50% (รวมจอดซ้อนคัน) จะจอดได้ในบริเวณชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 7 ของโครงการ การออกแบบของโครงการนั้นจะเน้นการอยู่อาศัยตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ลงตัวภายใต้แนวคิด 'My Select' โดยจะมีนวัตกรรม Geo fit+ จากญี่ปุ่น ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้มาใส่ไว้ในโครงการนี้ เหมือนกับโครงการที่ผ่านมาอย่าง นิช โมโน สุขุมวิท - แบริ่ง ด้วยค่ะ การออกแบบในครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการพัฒนาทั้งห้องพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลางให้ตอบโจทย์มากขึ้น เพื่อความเป็นที่สุดของโครงการรหรู ซึ่งได้ A49 บริษัทออกแบบสัญชาติไทยมาเป็นผู้ดูแล โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ด้วยสไตล์โมเดิร์น โทนสีเทา ขาว และส้ม ประสานรวมกับแนวคิดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเน้นการประหยัดพลังงานด้วย Solar ที่สามารถเอามาใช้ในพื้นที่ส่วนกลางเพื่อประหยัดค่าไฟได้ และยังมี Solar station ให้ลูกบ้านได้ชาร์จไฟกับรถที่ใช้ระบบเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้อีกด้วย ในส่วนของ Facility นอกจากทางโครงการจะจัดเต็มแบบต้องร้องว้าวแล้ว ยังถือว่าเป็นการสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ บ้านเราด้วยการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับความสุขของลูกบ้านถึง 30 ชั้น โดยออกแบบจากการหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัวที่พร้อมให้ลูกบ้านเลือกกิจกรรมกว่า 7 ไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเอง ทั้ง Active และ Passive ที่ให้ความสดชื่นจากการออกกำลังกายพร้อมความเพลิดเพลินกับวิวเมืองที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น Sky Fitness ห้องออกกำลังกายลอยฟ้าพร้อม Sky Garden สวนสาธารณะพร้อมวิวเมือง, Sky Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือยาวเกือบ 50 เมตร, Sky Lounge, Mini-Theater, Co-Working Space, Kid Club, Yoga Room, Party Room & Recreation Game Room เป็นต้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีบริการ After Sales Services ซ่อม-เช่า-ขายต่อ ด้วยนะคะ Master Plan ของโครงการ แปลนพื้นที่ชั้นล่างสุด แบ่งออกเป็นสวนสวย, ที่จอดรถ และบริเวณล็อบบี้ แปลนของพื้นที่ชั้น 8 จะเริ่มเป็นยูนิตพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งที่ชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วย ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Sky Lounge ที่มีอยู่ในชั้น 9, 12, 19, 23, 27, 34 และ 35 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Mini Theater ชั้น 8 และ 11 สำหรับแปลนชั้น 9-23 จะเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดค่ะ โดยทางโครงการก็ออกแบบ Facility มาไว้รองรับลูกบ้านทุกๆ ชั้นอย่างครบครัน ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Kid Club ชั้น 13 และ 14 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Yoga ชั้น 17 และ 18 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Party ชั้น 21-22 และ 33 แปลนของพื้นที่ชั้น 24 นะคะ ซึ่งความพิเศษนอกจาก Facility ที่จัดเต็มแล้ว ยังมีสวนสวยให้ออกไปสัมผัสความสดชื่นอีกด้วย ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Co-Working Space ที่มีตั้งแต่ชั้น 10, 15, 16, 20, 24, 29, 30 และ 36 แปลนของพื้นที่ชั้น 25 - 37 ซึ่งจะเป็นที่อยู่อาศัยและโซน Facility เหมือนกับชั้นอื่นๆ ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง GAME ROOM ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Executive Meeting Room ชั้น 32 และ 37 แปลนของพื้นที่ชั้น 38 นะคะ ซึ่งจะรวม Facilities ส่วนกลางหลักๆ โดยจัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่ส่วนกลางที่กระจายอยู่ในทุกๆ ชั้น ภาพจำลองบรรยากาศของสระว่ายน้ำลอยฟ้า Sky Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือที่มีความยาวเกือบ 50 เมตร ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Sky Fitness ให้ลูกบ้านออกกำลังกายพร้อมกับชมวิวอย่างเพลิดเพลิน   เปิดห้องตัวอย่าง   ก่อนจะไปเปิดประตูห้องตัวอย่าง ขอย้อนไปจากที่บอกข้างต้นว่าโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” เป็นการร่วมทุนระหว่าง SENA กับ Hankyu Realty ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในญี่ปุ่น ซึ่งนำนวัตกรรม Geo fit+ ที่สนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยทั้ง 4 ด้าน มาใส่ไว้ในโครงการนี้ด้วยค่ะ โดยห้องตัวอย่างมีทั้งหมด 3 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 31.5 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาด 34.5 ตร.ม. โดยยึดคอนเซ็ปต์ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็น Working Zone ออกแบบมาเพื่อคนที่ชอบพื้นที่ในการสร้างสรรค์งาน หรือ Relaxing Zone ออกแบบมาให้ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการพักผ่อน หนีจากความวุ่นวายภายนอกมาชาร์จพลังแห่งความสุขได้อย่างเต็มที่   สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมวันนี้ มีด้วยกัน 3 แบบ ทุกยูนิตขายแบบ Fully Furnished มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ขาดก็เพียงแค่พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้นเองค่ะ เริ่มต้นกันด้วยห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. กันเลยดีกว่าค่ะ ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่นจริงๆ ค่ะ ทั้งห้องนอน, ห้องน้ำ, ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน พร้อมแบ่งมุมรับประทานอาหารไว้อีกด้วย   แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตารางเมตร ห้องนี้จะมีการแบ่งฟังก์ชั่นอย่างชัดเจน เมื่อเข้าห้องมาจะเจอห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่ติดกับมุมรับประทานอาหาร ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อน ทางด้านซ้ายเป็นครัว ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ จุดเด่นของห้องนี้จะเป็นห้องครัวแบบปิด สามารถประกอบอาหารได้สบาย แถมยังมีระบายอากาศได้ดีเนื่องจากจากมีระเบียงอยู่ติดกับครัวนั่นเองค่ะ ในส่วนของมุมนั่นเล่นทางโครงการจัดวางวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่างได้กำลังดีเลยค่ะ แถมยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ด้วย บริเวณคอนโซลทีวี ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานมาให้แล้วนะคะ โต๊ะรับประทานอาหารที่ถูกออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เพราะสามารถพับเก็บได้ ไม่เปลืองเนื้อที่ มุมมองจากบริเวณห้องนั่งเล่นไปยังห้องนอนที่ติดกับห้องครัวนะคะ ซึ่งกั้นกลางด้วยประตูบานเลื่อน ภายในห้องนอนได้รับการออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี พื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้โดยรอบเลยนะคะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย ฟังก์ชั่นพิเศษสำหรับห้องนี้คือพื้นที่ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นมุมนั่งเล่นเหมือนในภาพ หรือใช้เป็นมุมทำงานก็ได้ทั้งนั้นค่ะ ระยะห่างระหว่างพื้นที่ My Select กับบริเวณเตียงนอนก็กำลังดีเลยนะคะ สามารถวางโต๊ะข้างเตียงเล็กๆ เสริมเข้าไปได้สบาย ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ พื้นที่ตรงข้ามเยื้องๆ กับห้องนอนจะเป็นส่วนของห้องน้ำนั่นเองค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน พร้อมปูกระเบื้องทั้งพื้นและผนังเป็นสีขาวลายหินอ่อน ก่อนจะเพิ่มจุดเด่นให้ผนังบริเวณอาบน้ำด้วยการใช้สีกระเบื้องสีเข้ม พร้อมจัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก จากภาพจะเห็นว่าส่วนเปียกจะมีบานกระจกกั้นพร้อมยกธรณีสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำกระเด็นมาส่วนแห้ง ภายในมีที่นั่งอาบน้ำ ซึ่งแบบนี้ชาวญี่ปุ่นจะชอบมาก อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จะเป็นของ Kohler เหมือนกันเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านจะได้วัสดุตามนี้เลย กลับออกมาพื้นที่หน้าห้องน้ำมีชั้นวางของบิลต์อินให้สามารถตกแต่งได้ตามใจ ในส่วนของห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางนะคะ สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีดำ ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร ทางโครงการจะเว้นช่องสำหรับวางไมโครเวฟมาให้แล้วค่ะ ติดกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นระเบียงนะคะ โดยมีประตูบานเลื่อนกั้นกลาง ข้อดีของระเบียงที่อยู่ติดครัวก็ช่วยระบายอากาศเวลาประกอบอาหารนั่นเองค่ะ ประตูบานเลื่อนแบบ 2 ตอน พื้นที่ระเบียงมีขนาดกะทัดรัดนะคะ ซึ่งมาพร้อมก๊อกน้ำ และติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบน   ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม. ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน สำหรับห้องนี้เปิดประตูมาจะเจอส่วนครัวก่อน ซึ่งต่อเนื่องไปนั้นจะเป็นส่วนของ Living Area ที่กว้างพอสำหรับพื้นที่ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ในส่วนของห้องนอนก็ดูกว้างขวางสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุต ได้สบายๆ แถมยังมีระเบียงให้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเมื่อตื่นนอน พร้อมห้องน้ำที่อยู่ในตัว ซึ่งก็ง่ายต่อการแต่งตัวนั่นเองค่ะ   แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 31.50 ตารางเมตร เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับส่วนของ Pantry ครัวก่อนเลยค่ะ ถัดไปจะเป็นส่วนของ Living Area ที่ตอบโจทย์ต่อพักผ่อนได้ดี ในส่วนของพื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้ ไฟเพดานในห้องเป็นดาวน์ไลท์ทั้งหมดค่ะ ตรงข้ามกับ Pantry ครัว ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานพร้อมเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วนะคะ ชุดเคาน์เตอร์ครัว ลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น แถมยังดีไซน์หน้าบานตู้ริมสุดให้เป็นโต๊ะกินข้าวที่สามารถพับเก็บได้ ข้อดีคือไม่เปลืองเนื้อที่นั่นเองค่ะ ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย มุมนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งได้สบายๆ ซึ่งแน่นอนว่าพื้นที่ด้านในสุดเป็นฟังก์ชั่น My Select ที่มีระยะกว้างมากพอที่จะจัดวางโต๊ะทำงานตัวยาวได้อีกด้วย ระยะห่างจากโซฟาถึงทีวีนั้นกำลังดีเลยนะคะ และยังมีพื้นที่ตรงกลางอีกเยอะเลย พื้นที่ My Select ส่วนของ Working Zone ออกแบบมาเพื่อคนที่ชอบพื้นที่ในการสร้างสรรค์งาน ซึ่งนี้จะอยู่ชิดติดหน้าต่างกระจกใสเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ มุมมองจาก Working Zone กลับไปจะเห็นว่าพื้นที่โดยรอบสามารถเดินได้อย่างสบายๆ ไร้ซึ่งความอึดอัดใดๆ พื้นที่ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนนะคะ ซึ่งกั้นกลางด้วยประตูบานเลื่อน ภายในห้องนอนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้เป็นตัวอย่าง แต่ลูกบ้านสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตก็ยังได้ค่ะ เพราะบริเวณรอบๆ เตียงมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย พื้นที่ปลายเตียงสามารถติดตั้งทีวีไว้ที่ผนังได้สบายๆ โดยเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบด้วยค่ะ บริเวณเตียงนอนจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ แถมระเบียงมีขนาดกว้างกำลังดีสามารถวางราวตากผ้าได้ด้วย ในส่วนของคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเหมือนห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ในสุดจะเป็นห้องน้ำนะคะ ผนังบริเวณหน้าห้องน้ำทางโครงการได้บิลต์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดเพดานมาให้ด้วย เรามาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง ภายในห้องแบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ พื้นที่ส่วนเปียกจะถูกกั้นด้วยธรณียกสูงหนึ่งเสต็ป เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ ภายในห้องน้ำ มุมมองจากหน้าห้องน้ำกลับเข้าไปในห้อง จะเห็นว่าห้องมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ สามารถใช้งานพื้นที่ทุกส่วนได้อย่างคุ้มค่าทุกตารางเมตร   สำหรับห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.5 ตร.ม. ลักษณะแปลนด้านหน้าจะเป็นห้องแคบลึก แต่เมื่อเดินเข้าไปด้านในกลับให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวและมุมรับประทานอาหารเลย ซึ่งสามารถจัดวางพื้นที่ดินเนอร์สำหรับ 2 คนได้สบายๆ ถัดไปนั้นเป็นมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ได้เลย แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับ My Select ให้ปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องทำงานได้อีกด้วย ในส่วนของห้องนอนนั้นก็จะอยู่ตรงข้ามกับส่วนนั่งเล่นค่ะ ติดกับห้องนอนเป็นระเบียงซึ่งช่วยเปิดรับแสงสว่างได้เต็มที่ ต้องบอกว่าการจัด Space ภายในห้องทำไว้ได้ดีมาก ถึงแม้จะเป็นห้องขนาด 34.5 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วนสบายๆ กว้างขวางเหมือนดั่งขนาดห้อง 2 ห้องนอนเลยค่ะ   แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.50 ตารางเมตร สำหรับไทป์นี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวเหมือนกับห้องตัวอย่างที่สองเลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดที่กว้างและใหญ่กว่า Counter ครัวจะเป็นรูปแบบตัวไอ (i) จะได้วัสดุเหมือนอย่างในห้องตัวอย่างก่อนหน้าเช่นกัน จะมีแตกต่างนิดหน่อยที่ตำแหน่งจัดวางเท่านั้นค่ะ พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของ พร้อมเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วค่ะ เดินเข้ามาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป บริเวณคอนโซลทีวีมีขนาดกว้างพอรองรับจอขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ พื้นที่ติดกันนั้นจะเป็นมุมรับประทานอาหารค่ะ โต๊ะรับประทานอาหารที่ถูกดีไซน์เหมือนดั่งห้องตัวอย่างที่ผ่านมา ซึ่งถ้าลูกบ้านไม่ใช้งานก็สามารถพับเก็บลงได้ ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นพื้นที่ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็น Working Zone หรือ Relaxing Zone ก็สามารถเนรมิตเองได้ง่ายๆ ซึ่งทางโครงการก็เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนมาให้ค่ะ ภายในห้องจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวาง Daybed ไว้เป็นตัวอย่าง แต่ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องนอนเล็ก โดยวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตก็ยังได้ค่ะ บริเวณรอบๆ มีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ จะเห็นว่าการจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้องตัวอย่างที่สอง เพียงแต่ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่า บรรยากาศภายในห้องนอน มีขนาดที่กว้างขวาง และยังมีประตูบานเลื่อนกระจกใสบานใหญ่ให้สามารถออกไประเบียงด้วยค่ะ เตียงนอนมีฟังก์ชั่นให้สามารถดึงลิ้นชักข้างเตียงมาเก็บของได้ด้วยนะคะ นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ ระเบียงมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ ในส่วนของคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเหมือนห้องตัวอย่างก่อนหน้าเลยนะคะ กลับเข้ามาภายในห้อง ห้องน้ำจะอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้าเลยนะคะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ตรงกลางจะเป็นชุดสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ พื้นที่ในสุดจะเป็นส่วนเปียก ชุดตู้กระจกเงาบริเวณอ่างล้างหน้า สามารถเปิดออกมาไว้เก็บของใช้งานทั่วไปด้วยนะคะ อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จะเป็นของ Kohler เหมือนกันกับห้องตัวอย่างก่อนหน้าเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านจะวัสดุตามนี้เลย ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง   ห้องตัวอย่างทั้งหมดของโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” ที่เราพาไปชมในครั้งนี้ เสร็จเรียบร้อยและพร้อมเปิดให้เยี่ยมชมแล้วนะคะ ใครกำลังมองหาคอนโดแนวรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่แบบนี้ แนะนำให้ไปลองสัมผัสบรรยากาศจริงที่ sale gallery ก่อนที่ทางโครงการจะเปิดจองพร้อมกันในวันที่ 10 มีนาคม 2561 ที่จะถึงนี้ ซึ่งต้องบอกว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับคนที่ต้องการที่พักอาศัยในย่านบางซื่อ-เตาปูน ใกล้รถไฟฟ้าและสามารถเดินทางเข้านอกออกเมืองได้สะดวก ที่สำคัญทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูน เพียงแค่ก้าวเดียวนี่นับว่าเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดลูกค้าได้ไม่ยากเลยค่ะ   นอกจากนี้ภายในโครงการยังจัดเตรียม Facility ไว้รองรับลูกบ้านทุกๆ ชั้นอย่างหรูหราและครบครันมาก ในขณะที่พื้นที่โดยรอบก็มีความอุดมสมบูรณ์ มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อให้เลือกมากมาย แถมราคาก็ยังจับต้องได้โดยเฉลี่ยตกตารางเมตรละ 1.3 แสนบาทเท่านั้น บอกเลยค่ะไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือลงทุนก็คุ้มค่าแน่นอนค่ะ เพราะในอนาคตการขยายตัวของตัวเมือง ทำให้การครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในทำเลนี้มีโอกาสที่จะเติบโตสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ ใครที่สนใจไม่ควรพลาดคอนโดมิเนียมคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึงแบบนี้เลยนะคะ     พิเศษ! สำหรับแฟนๆ ชาว Review Your Living ที่สนใจโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ ได้ที่ https://goo.gl/fpWSi5  ในราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท*
Knightsbridge Space Rama 9 – ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Space Rama 9 – ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Space Rama 9 (ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9) - คอนโด High Rise สูง 28 ชั้น จาก Origin บนทำเล New CBD พระราม 9 ติดถนนอโศก-ดินแดง เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9 เพียง 350 เมตร   รายละเอียดโครงการ เจ้าของโครงการ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด คอนโด High Rise สูง 27 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 2-0-47 ไร่ จำนวนห้อง 325 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต ที่จอดรถ Auto Parking 52% ที่ตั้งโครงการ ถนนอโศก-ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ   สถานที่สำคัญใกล้เคียง เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ฟอร์จูน ทาวน์ เซ็นทรัล พระราม 9 G Tower Super Tower Unilever Show DC Mall Esplanade Cineplex The Street รัชดา รพ.พระราม 9 รพ.ปิยะเวช รพ.กรุงเทพ ร.ร.บางกอก ทวิวิทย์ วิทยาลัยนานาชาติ RIC   ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 27 ตร.ม. แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตร.ม.   สิ่งอำนวยความสะดวก Business Lounge Craft Café & Working Space Secret GardenHidden Backyard Garden EV Charger Private Sky Terrace & Garden Sky Sunset Pool Terrace & Garden Sky Infinity Lap Pool Sky Yoga & Zumba Sky Sunrise Onsen (Male & Female) Sky Panoramic Social Fitness Club Dusk & Dawn Sky Terrace Horizon Rooftop Lounge     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-030-0000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://origin.co.th/knightsbridgespace/ https://goo.gl/zX9aw ORIGIN เปิดจอง Online Booking ครั้งแรก!   โดย ORIGIN จะเปิดจอง Online Booking ครั้งแรก 8 มี.ค. ‘‘3 คอนโด Flagship แบรนด์หรู KnightsBridge SPACE พระราม 9, KnightsBridge SPACE รัชโยธิน’’ และKnightsbridge collage สุขุมวิท 107 สุด Exclusive 100 ยูนิต แรกเท่านั้น!   ลงทะเบียน https://goo.gl/zX9awJ เพื่อรับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท พร้อมเข้าจองออนไลน์ก่อนใคร ในราคาสุดเอ็กคลูซีฟ!
Magnolias Ratchadamri Boulevard – แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด : รีวิวคอนโด

Magnolias Ratchadamri Boulevard – แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด : รีวิวคอนโด

Magnolias Ratchadamri Boulevard (แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด) - คอนโด High Rise สูง 60 ชั้น เป็นโครงการซูเปอร์ลักชัวรี่ มิกซ์ยูส ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดผืนสุดท้ายบนถนนราชดำริ โดดเด่นด้วยการออกแบบด้านสถาปัตยกรรมด้วยความมีเอกลักษณ์ แต่ยังคงซึ่งความอ่อนช้อย สมเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ   รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 10 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. ประมาณ 180,000 – 220,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท แมกโนเลีย ไฟน์เนสท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ภายใต้ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ลักษณะคอนโด คอนโด High Rise สูง 60 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 6 ไร่ 2 งาน 70 ตารางวา จำนวนห้อง 316 ยูนิต ที่จอดรถ 100% ที่ตั้งโครงการ ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ ไตรมาสที่ 1 ปี 2561 สำหรับส่วนเรสซิเดนซ์   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   Siam Square Siam Paragon Central World Gaysorn Central Chidlom Central Embassy   ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 ห้องนอน ขนาด 48-60 ตร.ม. 2 ห้องนอน ขนาด 72-106 ตร.ม. เพนท์เฮ้าส์ ขนาด 290-300 ตร.ม. ดูเพล็กซ์ เพนท์เฮ้าส์ ขนาด 250-360 ตร.ม.     สิ่งอำนวยความสะดวก   เอ็กซ์คูลซีฟ ล็อบบี้ ห้องสมุดพร้อมวิวสวนแนวโค้ง ศูนย์ฟิตเนสและลู่วิ่งออกกำลังกายริมสวนแนวลาด ห้องประชุม ห้องพบปะสังสรรค์ ศูนย์ธุรกิจ ห้องอเนกประสงค์ สระว่ายน้ำ สระเด็ก และส่วนจากุชชี่ ห้องอบไอน้ำและเซาว์น่า ห้องเปลี่ยนเสื้อและล็อกเกอร์ สำนักงานผู้อำนวยการประจำเรสซิเดนซ์ ห้องจดหมายและตู้ไปรษณีย์ ลิฟต์ความเร็วสูงสำหรับผู้พักอาศัย ลิฟต์ความเร็วสูงสำหรับงานบริการผู้พักอาศัย พื้นที่จอดรถสำหรับแขกของผู้พักอาศัย ห้องมาตรวัดระบบสาธารณูปโภค     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 083-095-5054 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.magnolias-ratchadamri.com/
Aspire Sathorn – Ratchapruek เปลี่ยน..ชีวิตให้เพียบพร้อม ต่อติดทุกการเดินทาง : รีวิวคอนโด

Aspire Sathorn – Ratchapruek เปลี่ยน..ชีวิตให้เพียบพร้อม ต่อติดทุกการเดินทาง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปอัพเดทความคืบหน้าล่าสุดของคอนโดมิเนียมใหม่ที่อยู่ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีบางหว้า อินเตอร์เชนจ์ เพียงแค่ก้าวเดียวจาก Skywalk กับโครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek (แอสปาย สาทร-ราชพฤกษ์)” แบรนด์คอนโดคุณภาพจาก AP Thai นั่นเองค่ะ หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณสองปีก่อนหลายคนอาจจำกันได้ว่าทางโครงการได้เคยเปิดจองกันไปแล้ว และก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมากๆ แต่ด้วยประสบการณ์และชื่อเสียงที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนาน ทำให้ทางแบรนด์อยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกบ้าน โดยเล็งเห็นอนาคตว่าการมาถึงของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ที่ทำการเชื่อมต่อกับ BTS สถานีบางหว้า จะทำให้ทำเลย่านนี้ดูคึกคัก น่าสนใจ และเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น จึงได้หยุดทำการขายและมีการคืนเงินให้แก่ผู้จองเพื่อพัฒนาโครงการให้ดีขึ้นกว่าเดิม ปัจจุบันทางโครงการได้ดำเนินการก่อสร้างใกล้เสร็จเต็มทีแล้วนะคะ และการกลับมาครั้งนี้ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ค่ะ เพราะจุดเด่นนอกจากเรื่องของทำเลศักยภาพแล้ว ตัวอาคารยังถูก Re-design และปรับวาง Layout ภายในใหม่ทั้งหมด รวมถึงคัดสรรแต่วัสดุพรีเมี่ยมที่ดีกว่าเดิมมาใช้กับโครงการในราคาที่แทบไม่ต่างจากเดิมเลย เรียกว่าทุกคนสามารถจับต้องได้เช่นเดิม ซึ่งจะมีการ Pre-Sale อีกครั้งในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2561 นี้ ทำเลและการเดินทาง   ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า โครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ราชพฤกษ์ ใกล้กับท่าเรือสะพานตากสิน-เพชรเกษม สามารถเข้าออกได้ 2 ทาง ทั้งจากถนนราชพฤกษ์และถนนเทอดไท จุดเด่นคืออยู่ติด BTS สถานีบางหว้าที่อยู่บนถนนเพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์ บริเวณโดยรอบโครงการเป็นย่านชุมชนเก่าที่คึกคักพอสมควร เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยซะส่วนใหญ่ มีทั้งบ้านเรือนรวมถึงคอนโดฯ ทั้ง High Rise และ Low Rise อยู่หลายโครงการ โดยปกติแล้วคอนโดฯ ในโซนนี้ มักโฆษณาว่าอยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ แอสปาย สาทร-ราชพฤกษ์ นับว่าเป็นโครงการเดียวที่อยู่ติด BTS บางหว้ามากที่สุดในตอนนี้ค่ะ เพราะมี Skywalk ติดหน้าโครงการเลย นับว่าสะดวกสบายและมีความปลอดภัยมากทีเดียว   สำหรับการเดินทางของคนใช้รถยนต์ก็ถือว่าสะดวกและคล่องตัวอยู่พอตัวเลยนะคะ เพราะด้านหน้าโครงการสามารถกลับรถได้เลย และอย่างที่บอกไปว่าโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ราชพฤกษ์ ตรงหัวมุมถนนเทอดไทพอดี โดยถนนเทอดไทนั้นเป็นถนนสายหลักที่สามารถเชื่อมไปออกถนนบางแค และถนนเพชรเกษมได้ ซึ่งก็ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงคับคั่งได้เป็นอย่างดี แถมถนนบางแค และถนนเพชรเกษมก็มีร้านค้า, ตลาดสด, ห้างสรรพสินค้า ให้เลือกจับจ่ายมากมาย สาธารณูปโภคต่างๆ ก็มีครบถ้วนทั้งสถานศึกษา, โรงพยาบาล, ศาสนสถาน ไปจนถึงหน่วยงานราชการต่างๆ ใครที่ทำงานในเมืองก็น่าจะถูกใจและสะดวก เพราะจากโครงการสามารถวิ่งตรงเข้าใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว ด้วย 2 สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ใกล้ๆ ทั้งสะพานกรุงเทพ (ห่างประมาณ 5 กิโลเมตร) และสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน (ห่างประมาณ 6 กิโลเมตร) ก็มุ่งตรงสู่ย่าน CBD อย่างสาทร, สีลม, พระราม 4 แล้วค่ะ การเดินทางด้วยรถสาธารณะ บอกได้คำเดียวว่าสะดวกที่สุดค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ทำให้มีรถแท็กซี่ รวมถึงวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ที่สำคัญคืออยู่ติด BTS สถานีบางหว้า สามารถเดิน Skywalk มาลงหน้าโครงการได้สบายๆ หากใครอยากจะเข้าเมืองไปช็อปปิ้งเพลินๆ ก็สามารถใช้ BTS จากสถานีบางหว้า (ต้นสาย) นั่งไปลงที่สถานีสยาม ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลม ที่มีห้างสรรพสินค้ามากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามสแควร์วัน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่ โดยใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกของการเดินทางสำหรับคนเมืองที่อยากหนีความจอแจบนท้องถนน สามารถใช้เรือด่วนในคลองภาษีเจริญที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการได้ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงท่าเรือสะพานตากสิน-เพชรเกษม และท่าเรือด่วนสาทร ศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญของกรุงเทพแล้วค่ะ และในอนาคตสถานีบางหว้าก็จะกลายเป็นศูนย์กลางระบบการคมนาคมขนาดใหญ่ด้วยการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินอีกด้วย เรียกว่าถ้าเปิดให้ใช้บริการเมื่อไหร่ ความสะดวกสบายและตัวเลือกในการเดินทางก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางจากสยาม นั่งมาลงสถานีบางหว้านะคะ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 25 นาที จากสถานีจะมองเห็น MRT สายสีน้ำเงิน ที่เป็น Interchange กับ BTS สถานีบางหว้าเลยนะคะ ซึ่งก็ดูก่อสร้างใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ ตัวเลือกในการเดินทางก็มีเพิ่มขึ้นเท่านั้น สำหรับทางไปคอนโดจะอยู่ที่ทางออก 3 และ 4 นะคะ สังเกตป้ายที่บอกไปท่าเรือ สะพานตากสิน-เพชรเกษม และเดินตามลูกศรไปเลยค่ะ เดินลงบันไดมาจะเจอ Skywalk ก็เลี้ยวขวาไปตามทางเลยค่ะ ทางเดินเชื่อมจากตัวสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าข้ามคลองภาษีเจริญมายังฝั่งเทอดไทจะทอดยาวไปจนถึงหน้าคอนโดเลยนะคะ โดยทางโครงการได้ทำการเชื่อมต่อทางเดินบน Skywalk ให้ถึงหน้าทางเข้าโครงการเลยทีเดียว ระห่างทางเดินจะมีป้ายบอกทางอยู่ตลอดเลยนะคะ แถมยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลอยู่ตามจุดเป็นระยะๆ ด้วย ซึ่งก็ให้ความอุ่นใจเวลาเดินไปกลับคอนโดฯ ได้ระดับหนึ่งเลยค่ะ จาก Skywalk มีบันไดลงมาถึงท่าเรือ สะพานตากสิน-เพชรเกษมเลยนะคะ ถ้าใครอยากหลีกเลี่ยงรถติด ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวกสบายมากๆ ตัวโครงการตั้งอยู่บริเวณตรงหัวมุมถนนเทอดไทพอดี ดังนั้นจึงสามารถเดินตามป้ายที่ชี้ไปทางเทอดไทได้เลยค่ะ เดินตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเห็นตัวคอนโดแล้วค่ะ เพราะอยู่ห่างจาก BTS สถานีบางหว้าเพียง 450 เมตรเท่านั้น ซึ่งเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ จาก Skywalk จะมองเห็นถนนเส้นราชพฤกษ์หน้าโครงการเลยนะคะ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดกลับรถไม่ไกล หากจะเข้าเมืองไปสาทรก็สามารถกลับรถใต้สะพานและมุ่งตรงไปได้เลย บริเวณใกล้ๆ โครงการเป็นย่านชุมชนเก่านะคะ ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยซะส่วนใหญ่ นอกจากบ้านเรือนก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารอยู่บ้างนะคะ ถ้าใครอยู่คอนโดและใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก เดินลงมาจากสถานีซื้อข้าวกลับไปคอนโดก็เป็นเรื่องที่สะดวก ติดกับทางลงโครงการ จะเป็นทางลงฝั่งถนนเทอดไทนะคะ ซึ่งเป็นย่านชุมชนเก่าที่คึกคักไม่เบา เนื่องจากเป็นซอยที่สามารถลัดเลาะเชื่อมต่อกับถนนบางแค และเพชรเกษมได้นั่นเอง ถัดจากทางลงฝั่งเทอดไท ก็จะเป็นทางลงสู่โครงการแล้วค่ะ ซึ่งอยู่ติดกับประตูทางเข้าเลย เปรียบเสมือนเป็น private walk way ประตูทางเข้าโครงการจะติดกับ Skywalk เพียงแค่ก้าวเดียวเลยนะคะ แถมยังเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ลูกบ้านด้วยการใช้ระบบ keycard ในการเข้าออก ที่ดินของโครงการฝั่งที่ติดกับถนนราชพฤกษ์จะมีคลองระบายน้ำเล็กๆ กั้นอยู่ จากภาพจะเห็นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ติดหัวมุมถนนเทอดไทเลยนะคะ   เจาะลึกโครงการ   โครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek” เป็นคอนโด High Rise สูง 32 ชั้น 1 อาคาร บนที่ดิน 4-3-13.6 ไร่ แบ่งออกเป็นร้านค้า 1 ยูนิต และที่พักอาศัย 1,049 ยูนิต มาพร้อมที่จอดรถ 419 คัน (คิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน) และมี EV Fharger ด้วย สำหรับลิฟท์โดยสารนั้นมีทั้งหมด 5 ตัว และมี Service Lift ไว้ขนของอีก 1 ตัว อย่างที่บอกไปว่าทางโครงการได้ทำการ Re-design ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้เข้ากับยุค 2018 แบบที่ไม่มีใครเคยเห็นจากโครงการไหนของ Aspire มาก่อน ตัวอาคารถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่าย มี Façade ปกคลุมอาคารไว้ และแฝงความเก๋ด้วยการไล่โทนสีอ่อนเข้มแบบ Gradient ให้ตัวอาคารเกิดความมีมิติที่สวยงาม ดูแปลกตาและน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสีประจำโครงการอย่างสีมัสตาร์ด ที่นำมาตกแต่งรายละเอียดภายในอาคารบางจุด เพื่อเพิ่มสีสันและเป็นกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ ให้กับโครงการ   สำหรับพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันและคุ้มค่าเกินราคามากเลยค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมยุคใหม่เข้ากับความเป็นส่วนตัวที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกันและแยกเป็นส่วนตัว ในรูปแบบของ Facility ที่ใหญ่ขึ้นและมีความหลากหลายมากกว่าเดิม รวมถึงดีไซน์ให้ต่างไปจากเดิมและน่าใช้งานได้มากขึ้น เริ่มตั้งแต่บริเวณ Ground Floor พื้นที่ Lobby อันหรูหรา มาพร้อม multi function แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ Reception Hall, Lobby Loumge และ Semi Outdoor Area ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง โดยการทำ Co-working & sharing space ให้ลูกบ้านสามารถมานั่งทํางาน หรือรีแลกซ์ได้ แถมยังมี Internet แบบ Fibre optic เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในตอนนี้ให้บริการอีกด้วย จาก Master Plan จะมีทางเข้าโครงการจากถนนราชพฤกษ์นะคะ และมีจุด Drop-off ก่อนจะเข้าสู่ Lobby พื้นที่ Lobby ของโครงการออกแบบมาให้เป็น Co-working and Sharing Space อย่างสมบูรณ์ ด้วยจุดที่ลูกบ้านสามารถใช้ทํางาน ได้ถึง 4 จุดตามไลฟ์สไตล์ ประกอบด้วย Social lounge, meeting room, semi outdoor lounge และ techno booth ภาพบรรยากาศจำลองส่วนของโถงต้อนรับ Lobby Lounge ที่ดูหรูหราและทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Social Library Lounge ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Social Library Lounge โซนห้องสมุดที่มาพร้อมโต๊ะนั่งอ่านหนังสือแบบ Indoor สามารถนั่งคุยงาน ทํางานในห้องแอร์แบบ Casual ได้ แต่ถ้าใครต้องการความ private ก็เปลี่ยนไปใช้ Private Meeting Room อีกโซนแทนได้ค่ะ ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Private Meeting Room ออกแบบไว้รองรับลูกบ้านได้ถึง 6-8 คน สําหรับคุยงานจริงจัง ซึ่งสามารถปิดเป็นที่ประชุมได้แบบ private ซึ่งมาพร้อม TV ให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกด้วยค่ะ ภาพบรรยากาศจำลองห้อง Techno Booth ออกแบบให้ลูกบ้านสามารถมานั่งทำงานหรือติวหนังสือคนเดียว หรือเป็นคู่ได้ แถมยังมี TV ให้สามารถต่อ Laptop Present งานได้ แปลนอาคารชั้น 3 ซึ่งแบ่งเป็นที่จอดรถ และเป็นส่วนของที่พักอาศัย โดยเริ่มต้นตั้งแต่ชั้นนี้เลยค่ะ ในส่วนของสระว่ายน้ำ, ฟิตเนต และความสะดวกสบายอื่นๆ ถูกยกขึ้นไปไว้บนพื้นที่ชั้น 8 และ Rooftop ทั้งหมดเลยนะคะ โดยพื้นที่ชั้น 8 นั้นมีสระว่ายน้ำแบบ Overlap Pool ความยาวถึง 40 เมตร โดยจะแบ่งการใช้งานไว้ 2 ฟังก์ชั่น คือ Active Zone มาพร้อมสระว่ายน้ำ Lap pool ความยาวขนาด 25 เมตร สำหรับนักออกกำลังกายแบบจริงจัง ในส่วนของ Passive Zone แบ่งออกเป็น Relaxing Zone ประกอบด้วย Sunken bed, Social pool, kid pool, sunbed บนผิวน้ำ และ Pool Cabana/Pavilion แถมในโซนสระว่ายน้ำยังมีโซน Multifunction Deck เพื่อลูกบ้านที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสำหรับนั่งทำงานและพักผ่อน ซึ่งเป็นออฟชั่นเสริมจากชั้น GF ที่ทางโครงการตั้งใจมอบให้แก่ลูกบ้าน แปลนของพื้นที่ชั้น 8 เป็นส่วนของ Facility สำคัญอย่างสระว่ายน้ำและฟิตเนสนะคะ ซึ่งชั้นนี้จะมียูนิตห้องพักอาศัยรวมด้วย ภาพบรรยากาศจำลอง Facility ชั้น 8 ในส่วนของ Social Pool, kid Pool และ Sunken Bed ภาพบรรยากาศจำลอง Facility ชั้น 8 ที่ออกแบบ Landscape ใหม่ โดยทำทางเดินขนานไปกับผืนน้ำ นับว่าเป็นดีไซน์ที่แปลกใหม่ต่างจากโครงการ Aspire อื่นๆ สำหรับ Fitness ถูกวางขนานไปกับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ โอบล้อมด้วยกระจกใสให้ลูกบ้านได้ออกกำลังกายอย่างเพลิดเพลิน และเป็นครั้งแรกของแบรนด์ AP ที่มุ่งเน้นการออกกำลังกายอย่างแท้จริง โดยจัดเต็มเครื่องเล่นใหม่ๆ อย่าง Matrix และ Johnsons ให้ลูกบ้านแบบไม่มีกั๊ก ซึ่งแบ่งพื้นที่ทั้งหมดออกเป็น 5 Sections ได้แก่ Boxing Arena & dummies, ลานเครื่องออกกําลังกายที่มีถึง 5 เครื่อง รวมไปจนถึง S-Drive และ Rower, 2 Dumbbell racks & 2 benches, Cable Machine และ Multi-purpose area โซนเอนกประสงค์หลากหลายกิจกรรม เช่น Yoga, Yoga ball และ free style ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้องฟิตเนสที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครัน แถมยังดีไซน์โฉบเฉี่ยวเพิ่มความเก๋ด้วยการฝังเส้นไฟ LED สีเหลืองมัสตาร์ด (สีประจำโครงการ) ลงที่ขอบพื้น มาต่อกันที่ Rooftop พื้นที่ชั้น 32 ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดถึง 1,200 ตร.ม. เลยนะคะ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่งคือ Corecreational Sky Park และ Rooftop Garden เพื่อให้ลูกบ้านได้พักผ่อนในรูปแบบของลานกิจกรรม เป็น Sharing space ไม่ว่าจะเป็น Relax Sitting และ Amphitheater, Jogging track, BBQ area, Outdoor TRX และยังมีลานสำหรับกีฬาแบบกลุ่ม (Co-Sporting) ที่รองรับกีฬาหลากหลายประเภทเช่น ฟุตซอล, แฮนด์บอล, แชร์บอล, โยคะ อีกด้วย แปลนของพื้นที่ชั้น 32 นะคะ ซึ่งเป็น Facility บน Rooftop ขนาดใหญ่ ภาพมุมสูงอาคาร จะมองเห็นเนื้อที่บนดาดฟ้าทั้งหมด 1,200 ตร.ม. โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ Corecreational Sky Park และ Rooftop Garden เพื่อให้ลูกบ้านพักผ่อนได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมี Rooftop Garden พื้นที่สีเขียวและเป็น Buffer กันความร้อนเข้าตึกแล้ว ยังมีพื้นที่ 20% เป็น Urban Farming ที่ลูกค้า สามารถปลูกผักสลัดและสมุนไพรต่างๆ เพื่อนำมาประกอบอาหารได้ โดยโครงการมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดทุกวัน และมีจุดชมวิวเมือง City Scape ได้ 360 องศา มี Multifunction Deck สำหรับนั่งทำกลางเป็นจุดสูงสุด ของถนนราชพฤกษ์ได้พร้อมๆ กัน   เปิดแบบห้อง Aspire Sathorn – Ratchapruek ครั้งแรก!   สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek”  มีให้เลือกด้วยกันถึง 4 แบบด้วยกันนะคะ มีตั้งแต่ห้อง Studio ขนาด 26 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาด 31-32 ตารางเมตร, 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตารางเมตร และ 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 45-48 ตารางเมตร ทั้งนี้ทางแบรนด์ยังได้พัฒนา Layout รูปแบบใหม่ให้ดีและคุ้มค่ามากกว่าเดิม โดยนำมาใช้เป็นโครงการแรกของ AP ด้วย ซึ่งภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้หลายรูปแบบ ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งโล่ง สบาย ตอบโจทย์การใช้งานของลูกบ้านได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังจัดเต็มวัสดุให้เกินราคาจริงๆ ค่ะ เพราะเท่าที่เราสอบถามข้อมูลมาคร่าวๆ ก็พอจะเห็นถึง Spec ที่ต่างไปจากเดิมมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นประตูกั้นห้อง Full height ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา, ห้องน้ำสําเร็จรูปที่ใช้กระเบื้องเพื่อให้ลูกบ้านรู้สึกเหมือนห้องน้ำทั่วไป ข้อดีคือทำความสะอาดง่าย และมี service ที่ดีกว่า, ภายในครัวใช้กระเบื้องครัวขนาด 60 x 60 นิ้ว เหนือกว่าโครงการอื่นๆ ที่มักใช้กระเบื้องขนาด 30 x 30 นิ้วเท่านั้น และชุดครัว Hob hood ก็ใช้ Teka Sink MEG ด้วยค่ะ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ลูกบ้านจะได้รับทั้งหมดเลยนะคะ เพราะทางโครงการจะเปิดขายห้องแบบ Fully Fitted ในราคาที่แทบไม่ต่างจากเดิมเลยค่ะ   นอกจากการปรับ Layout และเพิ่ม Spec ที่คุ้มค่าให้ห้องพักอาศัยแล้ว ทางโครงการยังมอบ Fiber Optic to Room ให้ลูกบ้านสามารถใช้ Internet Hi-speed ได้สูงสุด ซึ่งเป็นครั้งแรกใน Product Aspire ด้วยค่ะ แถมโครงการคู่แข่งรอบข้างส่วนใหญ่จะใช้เป็นสายทองแดงปกติ ทำให้สามารถสมัคร Net fiber ได้แต่ความเร็วก็จะลดลงนั่นเองค่ะ นับว่าเป็นข้อดีที่เหนือกว่าอีกข้อเลย สำหรับใครที่กำลังสนใจโครงการนี้อยู่คงต้องอดใจรออีกนิดนะคะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าปัจจุบันตัวโครงการได้ดำเนินการก่อสร้างจนเกือบเสร็จแล้ว เหลือเพียงเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย ทีมงานจึงยังไม่สามารถเข้าไปเก็บภาพห้องตัวอย่างมาฝากได้ แต่เพื่อชาว Review Your Living ทุกคน วันนี้เราจึงมีภาพ Draft และภาพ Mockup room จากทางโครงการ มาให้พิจารณาก่อนที่ทาง AP จะมีการเปิดตัวใหญ่ในช่วงปลายเดือนที่จะถึงนี้ แปลนห้องทั้ง 4 แบบด้วยกันนะคะ ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ห้อง Studio ขนาด 26 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาด 31-32 ตารางเมตร, 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตารางเมตร และ 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 45-48 ตารางเมตร แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 31.5-32 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนห้องนั่งเล่นก่อน ติดกันนั้นเป็นห้องน้ำและส่วนห้องนอนอยู่ถัดไป ส่วนครัวเป็นแบบครัวปิดมีกั้นห้องมาให้ ห้องครัวมีระเบียงอยู่ด้านในสุด ตัวระเบียงสามารถวางแอร์คอมเพรสเซอร์ และเครื่องซักผ้าได้ ภาพตัวอย่างส่วนของ Living area ที่ดูกว้างขวาง ซึ่งลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ฝั่งขวามือของห้องนั่งเล่นจะเป็นส่วนครัวมีประตูบานเลื่อนกระจกใสกั้นไว้ให้ ติดกับคอนโซลทีวีจะเป็นห้องนำ้และห้องนอนที่เป็นประตูทึบ เพดานห้องสูง 2.55 เมตร ภาพตัวอย่างภายในห้องนอนโอบล้อมด้วยกระจกใส สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบายๆ แถมยังดูมีระยะพื้นที่ข้างเตียงเหลือพอให้เดินโดยรอบได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเหลือพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in closet พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้ด้วยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. นับว่าเป็นห้องไฮไลท์ของโครงการได้เลยค่ะ เพราะออกแบบมาให้ลูกบ้านสามารถจัดวาง Layout ได้ตามใจชอบ มีให้เลือกถึง 5 option สามารถปรับเปลี่ยนได้หลายฟังก์ชั่น โดยจะมีห้องอเนกประสงค์กั้นเพิ่มมาให้ 1 ห้อง ซึ่งเราสามารถที่จะจัดเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องทำงานได้ค่ะ ภาพตัวอย่างส่วนของ Living area ที่แบ่ง Zoning ของ Living Ding ชัดเจน โดยใช้ Furniture Built-in ท่ีเป็น Style BAY WINDOW BENCH เข้ามาเป็นตัวแบ่ง ZONE ทําให้พื้นที่ห้องดูกว้างขวางและลงตัวมากขึ้น ภาพตัวอย่างภายในห้องนอนจะมีขนาดกว้างพอสมควรเลยค่ะ สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบถ้วนแบบเหลือๆ ไม่อึดอัด มีช่องแสงป็นหน้าต่างบานฟิกซ์และบานกระทุ้ง แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 46.5-48 ตารางเมตร เป็นห้องขนาดใหญ่สุดของโครงการค่ะ เข้าห้องมาจะเจอส่วนกลางเป็นมุมรับประทานอาหารที่เชื่อมกับห้องนั่งเล่น มีห้องครัวแบบปิดกั้นอยู่ตรงกลางระหว่าง MasterBedroom และห้องนอนเล็ก ระเบียงจะอยู่ด้านหลังครัวนะคะ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนใหญ่ ซึ่งใช้ร่วมกันกับห้องนอนเล็ก เพราะมีประตูเข้าออก 2 ทาง ภาพตัวอย่างส่วนของ Living area เน้น Function ที่ห้อง Living ใหญ่ ยาวต่อเนื่องไปยังพื้นที่ Dining area โดยสามารถนั่งทานข้าวบริเวณเก้าอี้ที่เสมือนเป็น sofa ได้ เหมาะสําหรับตอนเพื่อนๆ มา Party จะได้นั่งต่อกันเป็นพื้นท่ีใหญ่ได้โดยไม่รู้สึกว่าแยกพื้นที่กัน ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้องนอนเล็กที่ดูกว้างขวางทีเดียว เพราะสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง Master Bedroom มีขนาดกว้างเลยทีเดียวค่ะ เพราะสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบ อัพเดทข้อมูลกันมาถึงตรงนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธใช่ไหมคะว่าโครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek” เป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพจาก AP Thai ที่น่าสนใจมากๆ นอกจากเป็น Product Aspire ตัวแรกในปี 2018 ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของ Spec, Design, Technology, และ Facilities อย่างแท้จริงแล้ว โลเคชั่นของโครงการยังสามารถเดินทางสะดวกทั้งคนใช้รถส่วนตัวและรถสาธารณะ เพราะอยู่ใกล้ Interchange บางหว้า ที่มีรถไฟฟ้าถึง 2 สาย (สายเขียวอ่อน BTS + สายสีน้ำเงิน MRT เสร็จภายใน 2 ปี) โดยสายสีฟ้าเป็นรถไฟลอยฟ้าเชื่อมต่อกับใต้ดิน วิ่งครบลูปรอบเมือง ที่สำคัญตัวโครงการมี Skywalk เปรียบเสมือนเป็น Private walk way ส่วนตัว ติดกับประตูทางเข้าเพียงแค่ก้าวเดียว ซึ่งโครงการเองก็เพิ่มความปลอดภัยให้ลูกบ้านอีกขั้นด้วยระบบ keycard เข้าออก   สำหรับคนที่สนใจไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่า บอกได้คำเดียวว่าคุ้มค่าแน่นอนค่ะ เพราะเป็นโครงการที่จองต้นปีก็สามารถย้ายเข้าอยู่ช่วงปลายปีเลย ไม่ต้องอดทนรอก่อสร้างอีกนานกว่าจะได้อยู่จริง จึงสามารถดึงดูด Real demand ได้ดี อีกทั้งราคายังสามารถจับต้องได้ โดยแตกต่างจากเดิมนิดหน่อยแต่ยังคงสูสีกับโครงการในตลาดด้วยราคา 87,000 บาท/ตร.ม. เท่านั้นค่ะ แถมทุกยูนิตขายแบบ Fully Fitted มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดี ซึ่งทางโครงการแอบกระซิบว่า โครงการ “Aspire Sathorn – Ratchapruek” จะเปิด Pre-Sale ในวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ 2561 นี้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท* พิเศษ! สำหรับชาว Review Your Living สามารถลงทะเบียนรับส่วนลด 100,000 บาท ได้ที่นี่ https://goo.gl/7XdzS4 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร Call Center 1623
The Ritz – Carlton Residences Bangkok – เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก : รีวิวคอนโด

The Ritz – Carlton Residences Bangkok – เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก : รีวิวคอนโด

The Ritz – Carlton Residences Bangkok (เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก) - คอนโด High Rise ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ตั้งอยู่ภายในโครงการมหานคร บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ระหว่างถนนสีลม ติด BTS ช่องนนทรี     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 30 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. 494,000 บาท/ตร.ม. (ณ เดือนกันยายน 2560) เจ้าของโครงการ บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 77 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 9 ไร่ จำนวนห้อง 209 เรสซิเดนซ์ ที่จอดรถ 566 คัน (อาคารมหานคร 180 คัน / อาคารจอดรถอัตโนมัติ 386 คัน) ที่ตั้งโครงการ โครงการมหานคร ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ ปี 2558   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เซ็นทรัล สีลมคอมเพล็กซ์ รถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์     ลักษณะห้องและขนาดห้อง   สกาย เรสซิเดนซ์ 4 ห้องนอน - Contemporary Classic ขนาด 57 ตารางเมตร เรสซิเดนซ์ 3 ห้องนอน (พิกเซล) - Modern Lux ขนาด53 ตารางเมตร เรสซิเดนซ์ 3 ห้องนอน - Contemporary Classic ขนาด 71 ตารางเมตร เรสซิเดนซ์ 2 ห้องนอน - City Essential ขนาด 99 ตารางเมตร     สิ่งอำนวยความสะดวก   สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องซาวน่า ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ห้องเล่นสำหรับเด็กเล็ก เกมส์รูมพร้อมอุปกรณ์ อาทิ โต๊ะบิลเลียด โต๊ะปิงปอง ซอคเกอร์เทเบิ้ล ห้องฉายภาพยนตร์ส่วนตัว 12 ที่นั่ง ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-234-1414 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.rcr-bangkok.com/_th/
Aspire สาทร-ท่าพระ เพียบพร้อมทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต : รีวิวคอนโด

Aspire สาทร-ท่าพระ เพียบพร้อมทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูคอนโดมิเนียมคุณภาพดีที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่และยังเดินทางสะดวกสบายห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูเพียงแค่ก้าวเดียว กับโครงการ “Aspire สาทร - ท่าพระ” จาก AP Thailand กันค่ะ ซึ่งถ้าย้อนไปเมื่อช่วงปี 59 นับว่าเป็นคอนโดฯ ที่สร้างความฮือฮาในย่านนี้เป็นอย่างมาก เพราะขายหมดในวันเดียวตั้งแต่วัน Pre-Sale แต่ปัจจุบันทางโครงการเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้อีกครั้งกับห้องหลุดดาวน์ Lot พิเศษ ซึ่งเราได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศตัวโครงการและห้องตัวอย่างรวมถึงเก็บภาพมาฝากกันด้วยค่ะ ทำเลที่ตั้งและการเดินทาง โครงการ Aspire สาทร - ท่าพระ ตั้งอยู่ติดถนนแยกรัชดา-ราชพฤกษ์ เลยนะคะ ด้านหน้าโครงการนั้นจะอยู่ติดกับถนนราชพฤกษ์ แต่ด้านข้างจะอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูค่ะ ซึ่งต้องบอกเลยว่าโครงการนี้ตั้งอยู่บนทำเลที่อุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะอยู่ใกล้ชุมชนที่มีกลุ่มคนอาศัยอยู่หนาแน่น รายล้อมไปด้วยหมู่บ้าน อาคารพาณิชย์ แหล่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ออฟฟิศ, สถานศึกษา, โรงพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า The Mall ท่าพระ ที่อยู่ใกล้มากๆ (ห่างเพียง 160 เมตร) สามารถเดินไปได้ รวมไปจนถึงร้านค้าและตลาดสดเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่ออย่าง ‘ตลาดพลู’ ที่มีร้านอาหารอร่อยๆ มากมายให้เลือกสรร   ในส่วนของการเดินทางก็จัดว่าสะดวกสบายมากทีเดียวค่ะ สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนเส้นหลักอย่างราชพฤกษ์ ฝั่งมุ่งหน้าไปทางวุฒากาศ แต่ก็เอื้อต่อการขับรถเข้าเมืองไปย่านสาทรนะคะ เพราะทางเข้า-ออกของโครงการนั้นอยู่ไม่ไกลจากจุดกลับรถ โดยสามารถกลับรถไปใช้เส้นราชพฤกษ์ขาเข้า ตรงไปเชื่อมกับถนนกรุงธนบุรี ขับตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ตากสิน-บางหว้า) ไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานตากสินก็จะเชื่อมกับโซนธุรกิจอย่างสีลม สาทร แล้วค่ะ นอกจากนี้ถนนราชพฤกษ์ ยังสามารถเชื่อมต่อสู่ถนนสายสำคัญเส้นอื่นๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนนกัลปพฤกษ์, ถนนเพชรเกษม, ถนนเทอดไท, ถนนรัชดาฯ-ท่าพระ, ถนนพระราม 3, ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน, ถนนกรุงธนบุรี, สะพานตากสิน และถนนสาทร ถ้าใครอยากเข้าออกเมืองในชั่วโมงเร่งด่วน ก็สามารถใช้ทางด่วนที่มีให้เลือกใช้ถึง 2 ด่าน คือทางด่วนศรีรัช ด่านสุรวงศ์ (ห่างเพียง 5.6 กม.) และทางด่วนเฉลิมมหานคร (ห่างเพียง 5.6 กม.)     สำหรับคนเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวกสบายไม่แพ้กันค่ะ อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ข้างต้นว่าจุดเด่นของโครงการอยู่ติดบันไดทางขึ้น-ลง BTS ตลาดพลู (ทางออก 3) เพียงแค่ก้าวเดียวค่ะ โดยทางโครงการได้ทำประตูเล็กๆ ใช้คีย์การ์ดสำหรับเข้า-ออกไว้ เพื่อให้ลูกบ้านที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกมากขึ้น ซึ่งสถานีนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรถไฟฟ้าสายหลักในการเข้าเมืองไปย่านสาทร เลยไปจนถึงสยามเลยค่ะ และในอนาคตบริเวณ BTS บางหว้าก็จะทำการ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงหัวลำโพง-บางแค) ให้สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้หลากหลายมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ใกล้ๆ โครงการยังมี BRT คอยบริการอยู่ด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับนักศึกษาและคนทำงานย่านพระราม 3 หรือบริเวณสีลมและสาทร เรียกได้ว่าสะดวกในการเดินทางมากๆ ที่สำคัญคือค่าโดยสารราคาถูกกว่ารถเมล์ไม่ปรับอากาศอีกด้วยค่ะ   เจาะลึกโครงการ สำหรับตัวโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร บนที่ดินกว่า 5 ไร่ มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 1,219 ยูนิต และมีที่จอดรถประมาณ 40% (รวมจอดซ้อนคัน) โดยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 6 แนวคิดโครงการมาในรูปแบบ Modern Japanese ที่ผสมกับ Natural Feeling ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Aspire ที่อยากให้คนเมืองได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติในสไตล์ญี่ปุ่นสมัยใหม่   ในส่วนของ Facility ก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ซึ่งทางโครงการก็จัดให้แบบเต็มที่ โดย Facility หลักๆ จะอยู่บริเวณชั้นล่างมีทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ความยาว 30 เมตร โดยลูกบ้าน สามารถลงเล่นน้ำได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องกลัวแดดร้อนเลย เพราะตัวโครงการเป็นอาคารสูงถึง 30 ชั้น จึงช่วยบังแดดได้เป็นอย่างดีเกือบตลอดทั้งวัน บริเวณสระว่ายน้ำจึงร่มรื่น นอกจากนี้ยังมีห้องฟิตเนส แบบ Double Floor, ห้องซาวน่า และล็อบบี้ขนาดใหญ่ ในขณะที่ดาดฟ้าชั้น 30 เป็นพื้นที่พักผ่อนชมวิวแบบพาโนโรมาท่ามกลางสวนสวยที่มาพร้อม Jogging Track รองรับการออกกำลังกายของลูกบ้าน บริเวณ Lobby ดูโออ่า กว้างขวาง รองรับลูกบ้านได้เป็นจำนวนมาก พื้นที่ด้านหนึ่งของโถง Lobby จะเป็นส่วน Mail Box นะคะ เมื่อเดินผ่านโถงกลาง Lobby ออกมาจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำและฟิตเนสค่ะ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นของพรรณไม้ ภายในห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่มาพร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ครบครันและทันสมัย บริเวณชั้นล่างของฟิตเนสจะเน้นรองรับกิจกรรมเวทเทรนนิ่ง โดยมีอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างครบครันเช่นเดียวกับชั้น 2 เลยค่ะ บรรยากาศอันร่มรื่นของสวนลอยฟ้าบริเวณชั้น 30 นอกจากพื้นที่พักผ่อนแล้ว ยังมี Jogging Track รองรับการออกกำลังกายของลูกบ้านอีกด้วย   เปิดห้องตัวอย่าง ปัจจุบันทางโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ มีลูกบ้านย้ายเข้ามาพักอาศัยกันเป็นจำนวนพอสมควรแล้วนะคะ ดังนั้นใครที่กำลังสนใจโครงการนี้อยู่สามารถติดต่อเข้ามาขอชมห้องในบรรยากาศจริงได้เลยค่ะ สำหรับห้องตัวอย่างที่เราเก็บภาพมาฝาก เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ที่ขนาด 30.50 นะคะ การออกแบบ Layout ภายในห้องค่อนข้างลงตัวเป็นสัดส่วนเรียบร้อยดีทีเดียว ซึ่งทางโครงการจะขายห้องแบบ Fully Fitted มาพร้อมเคาน์เตอร์ครัว, ห้องน้ำสำเร็จรูปจาก Mogen พื้นห้องลามิเนต หนา 8 มม. ผนังห้องจะเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว ไฟภายในห้องแบบดาวน์ไลท์ พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type ของ Samsung ให้ทุกยูนิตค่ะ แปลนห้องตัวอย่าง แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 30.50 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นก่อนเลยนะคะ ซึ่งก็ดูโปร่งโล่งเนื่องจากเพดานสูง 2.55 เมตร นับว่าเป็นความสูงกว่ามาตรฐานคอนโดทั่วไป ส่วนด้านซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ติดกันเป็นห้องครัวแบบปิดพร้อมระเบียงด้านในสุด พื้นที่นั่งเล่นทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวไว้เป็นตัวอย่างนะคะ จะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ด้านข้างเหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างหรือโคมไฟตั้งพื้นได้ด้วย ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีค่อนข้างกว้างขวางพอที่จะวางโต๊ะกลางดังห้องตัวอย่างในภาพเลยค่ะ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถบิลต์อินชั้นวางทีวีและวางของได้ตามใจ หรือจะวางเฟอร์นิเจอร์ขนาดพอเหมาะดังตัวอย่างที่ทางโครงการจัดวางไว้ก็ได้เช่นกันค่ะ ติดกับส่วนคอนโซลทีวีจะเป็นห้องน้ำค่ะ โดยทางโครงการจะกั้นประตูไม้สำเร็จรูปบานเรียบทาสีขาว ลูกบิดกลมมาตรฐาน และยกธรณีสูงขึ้นประมาณ 10 ซม. เพื่อป้องกันน้ำออกมายังส่วนห้องนั่งเล่น สำหรับห้องน้ำของโครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ จะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปจากแบรนด์ Mogen นะคะ ซึ่งห้องน้ำสำเร็จรูปจะผลิตสำเร็จจากโรงงาน ตามรูปแบบที่ทางโครงการได้ออกแบบไว้ โดย ใช้เป็นผนังโครงสร้างเบา ส่วนแห้งเป็นพื้นคอนกรีต ปูกระเบื้อง ส่วนเปียกออกแบบผนังเป็นไฟเบอร์หล่อชิ้นเดียว พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์มาตรฐานให้ครบชุด โดยจะประกอบทุกส่วนมาจากโรงงาน และยกมาติดตั้งที่โครงการทีเดียว ส่วนข้อดีของห้องน้ำสำเร็จรูป คือช่วยประหยัดเวลาในการติดตั้ง, ลดข้อบกพร่องที่เกิดจากการติดตั้งของคนงานก่อสร้าง ง่ายต่อการซ่อมบำรุง และการติดตั้งรื้อถอน ลดปัญหาการรั่วซึมจากรอยต่อต่างๆ ได้เป็นอย่างดีค่ะ   ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนนะคะ ตกแต่งห้องน้ำโทนสีสว่างให้ความรู้สึกอบอุ่น สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำของ Mogen ทั้งหมดเลยนะคะ พื้นที่อาบน้ำนั้นมีการยกธรณีขึ้นสูงเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนได้ดี ส่วนพื้นบริเวณพื้นที่อาบน้ำนั้นใช้วัสดุเป็นไฟเบอร์ค่ะ เดินออกมาจากห้องน้ำ ไปต่อกันที่ห้องนอนกันดีกว่าค่ะ ห้องนอนจะเป็นประตูไม้สำเร็จรูปบานเรียบทาสีขาว ลูกบิดกลมมาตรฐาน บริเวณด้านข้างประตูมีพื้นที่เหลือพอให้สามารถวางตู้เสื้อผ้าหรือบิลต์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ สำหรับห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุต ได้นะคะ ซึ่งก็จะเหลือพื้นที่โดยรอบประมาณหนึ่ง ภายในห้องนอนนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งทีเดียว ล้อมรอบด้วยหน้าต่างกระจกใสจึงทำให้ได้แสงสว่างจากภายนอกค่อนข้างมาก ครัวจะมีประตูบานเลื่อนเพื่อป้องกันกลิ่นเข้ามารบกวนส่วนอื่นๆ เวลาประกอบอาหาร พื้นภายในห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกนะคะ ข้อดีคือง่ายต่อการทำความสะอาดและมีความคงทนในการใช้งาน ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารนั้นก็พอจะวางในห้องครัวได้นะคะ โดยสามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้ เคาน์เตอร์ครัวจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ โดย Top ครัวเป็น Particle และบานเปิดแบบ Soft Close ปิดผิวด้วยลามิเนตดูสวยงามน่าใช้งาน บริเวณด้านบนเคาน์เตอร์จะบิลต์อินชั้นวางของให้ 2 ชั้นนะคะ ซึ่งก็สามารถวางอุปกรณ์ของใช้ภายในครัวได้ครบครัน ถัดไปด้านในสุดของห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งก็กั้นด้วยประตูบานเลื่อน พื้นที่ในสุดเป็นส่วนระเบียงซักล้างนะคะ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกเหมือนในครัวเลยค่ะ ขนาดระเบียงถ้าเทียบจากขนาดห้องแล้วถือว่ากว้างขวางกำลังดีเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถวางเครื่องซักผ้าได้สบายๆ และยังเหลือพื้นที่ให้สามารถตากผ้าหรือซักล้างได้เล็กน้อย วิวจากมุมระเบียงจะมองเห็น The Mall ท่าพระ เลยนะคะ ซึ่งอยู่ใกล้โครงการมากในระยะที่เดินเท้าได้   เปิดห้องตัวอย่างในบรรยากาศจริงของโครงการ “Aspire สาทร-ท่าพระ” กันไปแล้ว บอกได้คำเดียวเลยค่ะว่าน่าสนใจมาก ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่าก็คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ แถมโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วด้วย ไม่ต้องอดทนรอก่อสร้างอีกนานกว่าจะได้อยู่จริง   ใครที่กำลังมองหาคอนโดดีๆ ทำเลที่เชื่อมสู่สาทร ใกล้ห้างสรรพสินค้าด้วยระยะเดินเท้า ทั้งยังเดินทางสะดวกเพราะอยู่ติดรถไฟฟ้าเพียงแค่ก้าวเดียวแบบนี้ เราแนะนำให้ลองเข้ามาเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ   สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://goo.gl/zLoFBc หรือโทร 1623
JW Station @Ramintra – เจดับบลิว สเตชั่น แอท รามอินทรา : รีวิวคอนโด

JW Station @Ramintra – เจดับบลิว สเตชั่น แอท รามอินทรา : รีวิวคอนโด

JW Station @Ramintra (เจดับบลิว สเตชั่น แอท รามอินทรา) - คอนโด High Rise 20 ชั้น สูงที่สุดในย่านรามอินทรา พร้อมรองรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ เพียง 150 เมตร     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 1,790,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. ประมาณ 75,000 บาท/ตร.ม. เจ้าของโครงการ บริษัท เจ.ดับบลิว.เรียลเอสเตท จำกัด ในเครือ JW Group ลักษณะคอนโด High Rise สูง 20 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 1 – 3 – 98 ไร่ จำนวนห้อง 275 ยูนิต ที่จอดรถ ประมาณ 108 คัน รวมจอดซ้อนคันประมาณ 130 คัน หรือกว่า 45% ของจำนวนยูนิตโครงการ ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน ชำระล่วงหน้า 2 ปี ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม. ที่ตั้งโครงการ ถนนรามอินทรา เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ มีนาคม ปี 2562   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 โรงพยาบาลเสรีรักษ์ ตลาดน้ำขวัญเรียม ศูนย์การค้าตลาดมีน ตลาดจตุจักรมีนบุรี เทสโก้ โลตัส สาขาสุขาภิบาล 3 เทสโก้ โลตัส สาขามีนบุรี บิ๊กซี สุวินทวงศ์ Makro รามอินทรา Promanade Fashion Island ตลาดปัฐวิกรณ์ Chocolate Ville Crystal Park     ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom ขนาด 23.9 – 37.91 ตร.ม. 2 Bedroom ขนาด 40.59 – 57.05 ตร.ม.     สิ่งอำนวยความสะดวก   พื้นที่ลานกิจกรรมบน Activity Arcade On The Roof สระว่ายน้ำระบบเกลือ พร้อมระบบ Jacuzzi Fitness ครบวงจร ระบบอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง พร้อมบริการ Free wifi* ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 091-110-6666 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.jwgroupthailand.com/register/
Taka Haus Ekamai 12 – ทากะ เฮาส์ เอกมัย 12 : รีวิวคอนโด

Taka Haus Ekamai 12 – ทากะ เฮาส์ เอกมัย 12 : รีวิวคอนโด

Taka Haus Ekamai 12 (ทากะ เฮาส์ เอกมัย 12) - คอนโด Low Rise ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีเอกมัย โครงการใหม่จากแสนสิริ และโตคิว ร่วมพัฒนาโครงการ     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 4,490,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด Low Rise 2 อาคาร อาคาร A สูง 7 ชั้น และอาคาร B สูง 8 ชั้น พื้นที่โครงการ 3-1-29 ไร่ จำนวนห้อง 269 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ ซอยเอกมัย 12 ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   โรงพยาบาลสมิติเวช โรงเรียนนานาชาติ บางกอกเพรพ (Bangkok Prep) Nihonmura Mall Big C เอกมัย Foodland ทองหล่อ Park Lane Fifty Fifth Avenue Major เอกมัย J Avenue Gateway เอกมัย ตลาดสดเอกมัยEmporium EmQuatier โรงพยาบาลคามิลเลียน โรงพยาบาลสุขุมวิท โรงพยาบาลสมิติเวช   ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 30.00-71.5 ตร.ม. 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 30.00-71.5 ตร.ม.   สิ่งอำนวยความสะดวก   Lobby lounge Library Co - kitchen space Entertainment room Game room Exercise room Garden with outdoor recreation area Treehouse Swimming pool Electric vehicle charging station     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.sansiri.com/condominium/taka-haus/th/
Living Nest Ladprao 44 – ลีฟวิ่งเนสท์ ลาดพร้าว 44 : รีวิวคอนโด

Living Nest Ladprao 44 – ลีฟวิ่งเนสท์ ลาดพร้าว 44 : รีวิวคอนโด

Living Nest Ladprao 44 (ลีฟวิ่งเนสท์ ลาดพร้าว 44) - คอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น 1 อาคาร ทำเลใกล้ทั้ง BTS สถานีภาวนา และ MRT รัชดา, ลาดพร้าว รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และโรงพยาบาล     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 1,990,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร 80,000 บาท/ตร.ม. เจ้าของโครงการ บริษัท ฮิวแมนเนสท์ จำกัด ลักษณะคอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 0-3-5 ไร่ จำนวนห้อง 77 ยูนิต ที่จอดรถ คิดเป็น 39% หรือ 30 คัน ไม่รวมซ้อนคัน ที่ตั้งโครงการ ซอยลาดพร้าว 44 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ มี.ค. ปี 2562   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า ลาดพร้าว ยูเนียนมอลล์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัล พระราม 9 ฟอร์จูน เทสโก้ โลตัส ตลาดโชคชัย 4 การบินไทย     ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom ขนาด 28.17 - 32.73 ตารางเมตร 1 Bedroom Loft ขนาด 28.17-29.39 ตารางเมตร     สิ่งอำนวยความสะดวก   Tropical Garden Spa Jet Pool Fitness Business Lounge ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 085-002-8888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://livingnestladprao.com/
Lumpini Park Phahol 32 – ลุมพินี พาร์ค พหล 32 : รีวิวคอนโด

Lumpini Park Phahol 32 – ลุมพินี พาร์ค พหล 32 : รีวิวคอนโด

Lumpini Park Phahol 32 (ลุมพินี พาร์ค พหล 32) - คอนโด High Rise ย่านเกษตร เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีเสนานิคมเพียง 200 เมตร จาก LPN   รายละเอียดโครงการ ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร 135,000 บาท / ตรม. เจ้าของโครงการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ ประมาณ 4 ไร่เศษ จำนวนห้อง 546 ยูนิต ที่จอดรถ ประมาณ 204 คัน (ไม่รวมที่จอดรถซ้อนคัน) คิดเป็น 37% ที่ตั้งโครงการ ถนนพหลโยธิน (ซอย 32) แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. คาดว่าจะแล้วเสร็จ กรกฎาคม ปี 2562   สถานที่สำคัญใกล้เคียง ตลาดบางเขน เมเจอร์รัชโยธิน 600 ม. เทสโก้ โลตัส ลาดพร้าว Central ลาดพร้าว Union Mall บอง มาร์เช่ สวนรถไฟ. ตลาดนัดจตุจักร เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น ม.เกษตรศาสตร์ ร.ร.หอวัง ม.ราชภัฏจันทรเกษม ม.ศรีปทุม ร.ร.เซนต์จอห์น รพ.เปาโล เกษตร รพ.วิภาวดี รพ.วิภาวดี รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น รพ.เปาโล เมมโมเรียล     ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบ Studio ขนาด 24 – 26 ตร.ม. แบบ 1 Bedroom ขนาด 28 – 32 ตร.ม. แบบ 2 Bedroom ขนาด 36 – 46 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ (Infinity Edge Pool) ห้องเอนกประสงค์ ( Co-Living Zone) ห้องคุณหนู (Kid’s Fun Zone) ห้องสตีมและซาวน่า (Steam and Sauna) ฟิตเนสโซน (Fitness Zone) ห้องเปี่ยมสุข (Happiness Zone) ลานกิจกรรม (Co-Living Zone) ลานพักผ่อน (Co-Living Area) ลานฟิตแอนด์เฟิร์ม (Fit & Firm area) สนามเด็กเล่น (Playground) ห้องเรียนรู้ (Learning zone) ห้องเฮาส์เวิร์ค (Housework Zone)     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-513-8932, 02-513-8933 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.lpn.co.th/
Supalai Premier Charoen Nakhon – ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร – : รีวิวคอนโด

Supalai Premier Charoen Nakhon – ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร – : รีวิวคอนโด

คอนโด ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร (Supalai Premier Charoen Nakhon) - คอนโด High Rise สูง 26 ชั้น วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ติดรถไฟฟ้าสายสีทอง สถานีคลองสาน ใกล้ถนนสายหลักอย่าง เจริญนคร สาทร กรุงธนบุรี ใกล้ทางด่วน พร้อมจุดเชื่อมต่อการคมนาคมทางเรือ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,100,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 26 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ   5-1-0.7 ไร่ จำนวนห้อง     578 ยูนิต ร้านค้า 6 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ   ถนนเจริญนคร แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง ICONSIAM The Jam Factory Asiatique The Riverside Plaza เยาวราช พาหุรัด รพ.ตากสิน คลองสาน ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบ 1 Bedroom ขนาด 34.5-331 ตร.ม. แบบ 2 Bedroom ขนาด 34.5-331 ตร.ม. แบบ 3 Bedroom ขนาด 34.5-331 ตร.ม. แบบ Penthouse 4 ห้องนอน ขนาด 34.5-331 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก Infinity – edge Swimming Pool Fitness Sauna Social Club Meeting Room Sky Lounge Play Ground Sky Garden จุดชมวิวเมืองแบบ Exclusive สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1720 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.supalai.com/Home  
คอนโด CELES Asoke – เซอเรส อโศก : รีวิวคอนโด

คอนโด CELES Asoke – เซอเรส อโศก : รีวิวคอนโด

CELES  Asoke (เซอเรส อโศก) - คอนโด High Rise ความสูง 40 ชั้น ย่านอโศก-สุขุมวิท ตั้งอยู่บนที่ดินแปลงสวยที่สุด เป็น Super Prime Location ใกล้สี่แยกอโศก-สุขุมวิท จุดเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก และ MRT สถานีสุขุมวิท รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    7,900,000 บาท (Pre-sales) ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม    255,000 บาท / ตร.ม. เจ้าของโครงการ    บริษัท ลัคกี้ ลิฟวิ่ง พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 40 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    1 -  1 -  20  ไร่  (Freehold) จำนวนห้อง     217  ยูนิต ที่จอดรถ    82% ที่ตั้งโครงการ    สุขุมวิท 21  ใกล้สี่แยกอโศก –สุขุมวิท กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาส 1 ปี 2563 สถานที่สำคัญใกล้เคียง Terminal 21 Siam Paragon Central World สวนลุมพินี โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงเรียนสาธิตฯประสานมิตร ม.ศว.ประสานมิตร โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย NIST National School ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 – 3 ห้องนอน ขนาดยูนิตเริ่มต้นที่  34.70 – 138.92 ตร.ม. Crown  Penthouse ขนาดยูนิตเริ่มต้นที่  34.70 – 138.92 ตร.ม. Crown  Duplex ขนาดยูนิตเริ่มต้นที่  34.70 – 138.92 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก Sky Water Club Wet Spa Fitness Club Celes  Residential Club Personalized Service Room The Celestial  Terrace Alfresco Rooftop สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-259-4444 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.celesasoke.com/    
Knightsbridge Kaset Society เพื่อความสุขที่เพียบพร้อม : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Kaset Society เพื่อความสุขที่เพียบพร้อม : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของคอนโดมิเนียม High Rise ใกล้รถไฟฟ้าและมหาวิทยาลัย ที่ถูกจับตามองและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในย่าน “เกษตร” จาก ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ ซึ่งเลือกปักหมุดบนทำเลศักยภาพแวดล้อมด้วยรถไฟฟ้าถึง 4 สาย ภายใต้ชื่อ Knightsbridge Kaset Society ด้วยแนวคิด The Right One ให้ลูกบ้านใช้ชีวิตอย่างที่ใช่บนพื้นที่แห่งความสุขในทุกตารางเมตร   ศักยภาพทำเลดี ติดถนนใหญ่ ต้องบอกเลยว่า Knightsbridge Kaset Society (ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้) ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธินตรงร้านข้าวผัดปูเมืองทอง ฝั่งมุ่งหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าว ระหว่างซอยพหลโยธิน 34/1 และ 34/2 ใกล้ทั้งแยกเกษตรและแยกเสนานิคม อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีเสนานิคม) ที่กำลังก่อสร้างอยู่เพียงแค่ 40 เมตร สามารถเข้าออกโครงการได้หลากหลายทางทั้งซอยพหลโยธิน 34, ถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตรนวมินทร์), ซอยลาดพร้าววังหิน  และยังเดินทางเข้านอกออกเมืองได้สะดวกรวดเร็วด้วยทางด่วนโทลเวย์ (ด่านบางเขน) ที่อยู่ใกล้โครงการ ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (สถานีแยกเกษตร) มาทำการเชื่อมเข้ากับสายสีเขียวอีกด้วย ทำให้การเดินทางไปเรียน ไปทำงาน หรือเข้านอกออกเมืองเป็นเรื่องที่ง่ายสะดวกมากขึ้นทั้งรถยนต์และรถไฟฟ้า ทั้งนี้ตัวโครงการตั้งอยู่ในย่านแหล่งชุมชนทั้งคนทำงานและนักศึกษาเลยค่ะ บรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคัก รวมทั้งมีรถสาธารณะวิ่งผ่านมากมายทั้งรถเมล์ รถตู้ แท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง เรียกว่าตอบโจทย์คนไม่มีรถส่วนตัวได้ดี เพราะมีตัวเลือกในการเดินทางมากทีเดียว ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้า ด้วยความที่เป็นแหล่งชุมชนจึงมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปจนถึงตลาดสดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยตลอดเช้ายันค่ำ ขยับไปอีกหน่อยก็มีแหล่งช็อปปิ้ง สถานศึกษา สถานพยาบาลมากมาย อาทิ โรงพยาบาลเมโย (ห่างเพียง 200 เมตร), มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ห่างเพียง 400 เมตร), เมเจอร์รัชโยธิน (ห่างเพียง 1.1 กิโลเมตร), เซ็นทรัลลาดพร้าว (ห่างเพียง 2.7 กิโลเมตร) และเดอะแจ๊ส วังหิน (ห่างเพียง 3.5 กิโลเมตร) ซึ่งเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ ตัวโครงการอยู่ติดถนนพหลโยธิน   ภาพรวมโครงการ โครงการ Knightsbridge Kaset Society เป็นคอนโด High Rise 3 อาคาร บนพื้นที่ 2-0-79.6 ไร่ แบ่งออกเป็นที่พักอาศัยสูง 20 ชั้น 2 อาคาร, 16 ชั้น 1 อาคาร ในความเป็นส่วนตัวเพียง 6 ยูนิตต่อชั้น และอาคารจอดรถแบบ Automatic Parking 1 อาคาร สูงไม่เกิน 8 ชั้น สามารถรองรับรถได้ประมาณ 57% (ไม่รวมซ้อนคัน) มาพร้อม EV Charger 2 จุด มียูนิตรวมทั้งหมด 333 ยูนิตค่ะ โดยพื้นที่ชั้นหนึ่งจะมีร้านค้า 1 ยูนิต ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “Limitless” Connection : Explode The Passion interludw to Metropolis Being Limitless ให้ลูกบ้านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแบบไม่มีขีดจำกัด หากดูจากภาพตัวอย่างแล้ว จะเห็นได้ว่าตัวอาคารทั้ง 3 ตึก เชื่อมเข้าหากันที่บริเวณชั้น 16 มีความพิเศษด้วยส่วนกลางแบบ limitless skyline ของลูกบ้านทั้ง 3 อาคาร ซึ่งทาง ออริจิ้น ตั้งใจจัดไว้ให้เต็มที่ ทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือ (Sky society Swimming Pool), ฟิตเนต (Sky society Fitness) ท่ามกลางบรรยากาศสวนสวยลอยฟ้า (Sky society Garden) ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมี Social Club, Co-Working Space, Co-Kitchen ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านยุคใหม่ ทั้งนี้ภายในอาคารที่พักอาศัยทุกตึกจะมี Lobby Society Limitless ส่วนตัวแยกกันชัดเจน พร้อมลิฟท์ 2 ตัว โดยแต่ละอาคารจะมีลูกบ้านอยู่ประมาณ 100 ยูนิตกว่าๆ ซึ่งก็ให้ความรู้สึกปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น จากแปลนของโครงการจะเห็นว่าแต่ละชั้นจะมีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น ในเรื่องของวิวทิวทัศน์ก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ไม่มีคอนโดสูงตั้งอยู่ ทำให้ทุกอาคารไร้สิ่งกีดขวาง บดบังสายตา ได้วิวเปิดโล่ง โดยภาพมุมสูงที่ถ่ายมาในความสูง 100 เมตร ของโครงการจากทิศเหนือจะมองเห็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดูร่มรื่นสบายตาจากพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย ส่วนทิศตะวันออกจะได้วิวเป็นชุมชนฝั่งลาดพร้าว ถัดมาที่ทิศใต้จะได้วิวเมืองฝั่งรัชโยธินที่มีอาคารสำนักงานมากมาย แต่ก็คงความโปร่ง สบายตาไม่มีสิ่งบดบังเช่นเดิม รวมถึงทิศตะวันตกที่หันไปทางถนนวิภาวดี ก็สามารถมองทัศนียภาพของเมืองได้ระยะไกลเช่นเดียวกับทุกทิศ ซึ่งไม่ว่าลูกบ้านจะเลือกทิศไหนก็เจอ Top View ไร้สิ่งกีดขวางแน่นอนค่ะ     ด้านทิศเหนือจะหันไปทางสี่แยกเกษตร เห็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่วนด้านทิศใต้จะหันไปทางรัชโยธิน เห็นเมเจอร์ รัชโยธิน อยู่ไม่ไกล ทิศตะวันออกจะได้วิวฝั่งลาดพร้าว ทิศตะวันตกที่หันไปทางถนนวิภาวดี เปิดประตูห้องตัวอย่าง Knightsbridge Kaset Society ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนมากๆ ดังนั้นจึงออกแบบให้มียูนิตเฉลี่ยต่อชั้นเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น โดยคำนึงถึงรายละเอียด ฟังก์ชั่นภายในห้องพักอาศัยแบบสูงสุด นอกจากการคัดสรรวัสดุระดับพรีเมี่ยมแล้ว จุดเด่นของทุกยูนิตคือฝ้าเพดานห้องสูง 3 เมตร ทำให้ดูโปร่งโล่งมากกว่าคอนโดฯ ทั่วไป โดยเริ่มต้นที่ห้อง Studio ขนาด 23.3 ตร.ม. (1 Bedroom) ไปจนถึงขนาด 34.3 ตร.ม. (1 Bedroom Plus) ซึ่งทางโครงการจะขายแบบ Fully Fitted มาพร้อม Pantry ครัว, เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินตามห้องตัวอย่าง และวัสดุภายในห้องน้ำค่ะ   ในครั้งนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างถึง 3 ห้องด้วยกัน เริ่มกันด้วยห้อง Studio 1 Bedroom ขนาด 23.3 ตร.ม. ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องไม่ได้รู้สึกเล็กอย่างที่คิดเลยค่ะ ด้วยการจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่แยกไว้อย่างสัดส่วน ทั้งยังมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอนอีกด้วย แปลนห้อง Studio ขนาด 23.3 ตร.ม. (1 Bedroom) เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนนะคะ ด้านซ้ายเป็นเคาน์เตอร์ครัว ด้านขวาเป็นห้องน้ำ ก่อนจะมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางระหว่างโซนนั่งเล่น เคาน์เตอร์ครัวบิลต์อินมาในขนาดพอเหมาะกับห้อง ซึ่งลูกบ้านจะได้เฟอร์นิเจอร์ตามนี้เลยนะคะ เว้นเพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งทางโครงการจะเว้นตำแหน่งวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าให้ด้วยค่ะ เคาน์เตอร์ครัวไม่ได้ออกแบบเป็นหน้าบานเปิดปิดเพียงอย่างเดียวนะคะ ทางโครงการยังดีไซน์ลิ้นชักไว้สำหรับใส่อุปกรณ์ต่างๆ ให้ด้วย ตรงข้ามครัวจะเป็นห้องน้ำนะคะ ซึ่งภายในห้องแบ่งแยกพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน สำหรับสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ จะได้ครบตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการติดกระจกเงาส่องหน้าขนาดใหญ่ไว้ก็เพื่อช่วยสะท้อนให้ห้องดูกว้างขึ้น ประตูบานเลื่อนระหว่างครัวกับพื้นที่พักผ่อนจะเป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอนนะคะ ข้อดีคือทำให้มีพื้นที่กว้างกว่า พื้นที่พักผ่อนภายในห้องจะเชื่อมต่อกันระหว่างเตียงนอนกับโซนนั่งเล่น ซึ่งก็ดูกว้างขวาง ไม่อึดอัดแต่อย่างใดนะคะ เพราะเพดานสูงถึง 3 เมตร และมีระเบียงเล็กๆ ให้ออกไปสัมผัสอากาศด้านนอกด้วย แม้ตัวห้องจะมีขนาดกะทัดรัดแต่ภายในห้องก็ได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศที่เอื้อเฟื้อต่อการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ในส่วนของบริเวณเตียงนอน ทางโครงการตกแต่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างโดยกรุหินอ่อนที่ผนังหัวเตียงสื่อให้เห็นถึงความเรียบหรู ซึ่งทางโครงการไม่ได้มีเตียงให้นะคะ ลูกบ้านต้องซื้อเพิ่มเอง ทั้งนี้จะเลือกไซส์ 5 ฟุต หรือ 6 ฟุต ก็แล้วแต่สะดวก เพราะพื้นที่โดยรอบก็เหลือบริเวณให้เดินมากพอ พื้นที่เหลือข้างเตียง ทางโครงการจัดโต๊ะเก้าอี้เป็นมุมทำงานไว้ ซึ่งก็ดูโปร่งโล่งสบายด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเปิดแสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวห้อง ทางโครงการบิลต์อินคอนโซลทีวียาวไปจนถึงโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้าที่ผนังฝั่งหนึ่ง ข้อดีของบิลต์อินคือประหยัดพื้นที่และเพิ่มพื้นที่จัดเก็บมากขึ้นนั่นเองค่ะ ทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวสำหรับ 2 ที่นั่งเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ถือว่าระยะกำลังดีเลยนะคะ จะเห็นได้ว่าพื้นที่ภายในห้องนอนถูกจัดสรรมาเป็นอย่างดี นอกจากเฟอร์นิเจอร์บิลต์อินที่ทางโครงการมีให้แล้วนั้น ยังมาพร้อมเครื่องปรับอากาศ 1 ตัวด้วยค่ะ   ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.8 ตร.ม. ซึ่งเป็นแบบห้องที่มีจำนวนยูนิตเยอะที่สุดในโครงการ ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน ใช้ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่กั้นพื้นที่ห้องนอนไว้ด้านในสุด ซึ่งช่วยเปิดรับแสงสว่างได้เต็มที่ ติดกับห้องนอนเป็นห้องครัวแบบปิด ภายในออกแบบเคาน์เตอร์ไว้ด้านเดียวเพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งอยู่ติดกับระเบียงสามารถเปิดประตูเพื่อช่วยระบายอากาศและกลิ่นอาหารได้ ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นก็ดูกว้างขวาง มีบิลต์อินคอนโซลทีวีพร้อมตู้เก็บของสูงจรดเพดาน ทำให้เหลือพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ได้สบาย ต้องบอกว่าการจัด Space ภายในห้องทำไว้ได้ดีมาก ถึงแม้จะเป็นห้องขนาด 25.8 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วน โดยที่ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนดั่งคอนโดบางแห่ง แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.8 ตร.ม. แปลนห้องจะเป็นลักษณะแคบลึกนะคะ เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะพบกับส่วนนั่งเล่นก่อนเลย ด้วยขนาดเพดานที่สูงถึง 3 เมตรเลยทำให้ห้องนั่งเล่นดูโปร่งโล่ง น่าพักผ่อนมากขึ้น แม้แปลนห้องจะดูเหมือนหน้าแคบ แต่เมื่อเดินเข้ามาจริงๆ ก็กว้างพอตัวนะคะ เพราะสามารถวางโซฟาตัวยาวได้อย่างสบายๆ ซึ่งทางโครงการจะบิลต์อินคอนโซลทีวีไว้ให้เหมือนห้อง Studio ค่ะ เพียงแต่เพิ่มตู้เก็บของที่สูงจรดเพดานให้ด้วย พื้นที่ข้างโซฟา มีบริเวณเหลือมากพอที่จะจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ไว้สำหรับ 2 ที่ กั้นความเป็นส่วนตัวระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ภายในห้องนอนถูกจัดสรรมาเป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่าบริเวณรอบเตียงมีพื้นที่เดินเข้าออกได้สบายๆ ซึ่งถ้าใครอยากดูทีวีในห้องนอนก็สามารถติดทีวีที่ผนังเพิ่มได้เช่นกันค่ะ ทางโครงการบิลต์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดหน้าบานกระจกเงามาให้ด้วยนะคะ ซึ่งนอกช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัวแล้ว กระจกเงายังช่วยสะท้อนสายตาทำให้ห้องดูกว้างขึ้นด้วย พื้นที่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำและห้องครัว ถูกดีไซน์ให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่มีช่องเก็บของมากพอ ซึ่งเป็นมาตรฐานมาพร้อมกับห้องเลยค่ะ ต่อเนื่องไปยังห้องน้ำ เห็นได้ชัดเลยค่ะว่าประตูห้องน้ำมีความสูงมากกว่าคอนโดทั่วไป เพราะเป็นขนาดโอเวอร์ไซส์ ซึ่งภายในดรอปพื้นลงหนึ่งเสต็ปเพื่อกันปัญหาน้ำไหลย้อน ทั้งยังแบ่งแยกโซนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนด้วยฉากกระจกกั้น ตรงข้ามกับห้องน้ำเป็นพื้นที่ครัว ซึ่งเป็นครัวแบบปิด กั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน จัดวางเคาน์เตอร์แบบ One-Walk Kitchen ทำให้เหลือทางเดินมากขึ้น ด้านในสุดเป็นระเบียงสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็ช่วยในเรื่องระบายอากาศ ลดความอับชื้นได้ดีค่ะ ทางโครงการบิลต์อินเคาน์เตอร์มาให้กับห้อง โดยคำนึงถึงสัดส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างลงตัวพอดีเลยนะคะ ซึ่งนอกจากช่องวาง ยังมีตู้ลอย และลิ้นชักให้เก็บของมากขึ้นด้วย   และห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.3 ตร.ม. ที่มาพร้อมกับห้องเอนกประสงค์ ลักษณะเป็นห้องหน้ากว้าง รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ไว้ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนนั่งเล่นเลย ซึ่งมีที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับบิลต์อินโต๊ะกินข้าวและตู้เย็นได้อีกหน่อย ก่อนจะเข้าห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วนสวยงาม ภายในห้องบิลต์อิน ตู้ เตียงไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ   ติดกันกับห้องนอนจะเป็นห้องเอนกประสงค์ซึ่งลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นใช้งานได้ตามใจ ตรงข้ามเป็นห้องน้ำ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำกับห้องเอนกประสงค์นั้นถูกบิลต์อินให้เป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ที่มาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ซึ่งเหมาะกับนักศึกษาและคนทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลาประกอบอาหารเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่ก็ใช้แค่อุ่นอาหารและล้างจานเท่านั้น แปลนห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.3 ตร.ม. เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยค่ะ ซึ่งแปลนห้องจะคล้ายๆ กับห้องขนาด 25.8 ตร.ม. แต่กว้างขวางมากกว่านั่นเองค่ะ การจัดวางแปลนภายในห้อง ที่เชื่อมต่อพื้นที่การใช้งานอย่างมุมนั่งเล่น มุมรับประทานอาหารไว้ด้วยกัน จากโซฟาถึงคอนโซลทีวี มีพื้นที่กว้างขวางมากพอที่จะวางโต๊ะกลางได้อย่างสบายๆ ทางโครงการจะบิลต์อินคอนโซลทีวีพร้อมกับตู้เก็บของจรดเพดานมาให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างเลยนะคะ นอกจากคอนโซลทีวี ยังบิลต์อินชั้นเก็บของและโต๊ะรับประทานอาหารที่สามารถพับขึ้นลงเพิ่มมัลติฟังก์ชั่นใช้งานที่มากขึ้น ทั้งยังเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นได้อย่างพอดิบพอดี ประตูบานเลื่อน 3 ตอนกั้นกลางระหว่างโซนรับประทานอาหารกับห้องนอนเพื่อความเป็นส่วนตัว ห้องนอนที่มีหน้าต่างบานใหญ่โอบล้อมอาคารช่วยทำให้บรรยากาศโดยรวมของห้องดูปลอดโปร่ง โล่งสบายมากขึ้น ภายในห้องนอนมาพร้อมตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดาน 3 เมตร พื้นที่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำและห้องเอนกประสงค์ จะเป็นเคาน์เตอร์ครัวขนาดเล็ก เหมาะแก่การประกอบอาหารแบบง่ายๆ ถึงเคาน์เตอร์ครัวจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งานนะคะ เพราะมีทั้งเตาไฟฟ้าพร้อมที่ดูดควัน อ่างล้างจาน และช่องว่างสำหรับวางไมโครเวฟ ติดกับโซนครัวคือห้องเอนกประสงค์ ที่ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นใช้งานได้ตามใจ ภายในห้องเอนกประสงค์ที่ทางโครงการตกแต่งให้เป็นห้องทำงาน เพื่อเป็นไอเดียให้แก่ลูกบ้าน ซึ่งหากจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนก็สามารถทำได้นะคะ ทั้งนี้ในห้องยังมีประตูบานเลื่อนอีกชั้นให้ออกไปสัมผัสอากาศด้านนอกที่ระเบียงได้ ซึ่งระเบียงก็มีขนาดกว้างพอให้วางเครื่องซักผ้าได้ด้วยค่ะ ห้องน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับห้องอเนกประสงค์ ฟังก์ชั่นใช้งานรวมถึงสุขภัณฑ์ด้านในจะเหมือนกับห้องขนาด 23.3 ตร.ม. และ 25.8 ตร.ม. เลยนะคะ จะต่างกันแค่เพียงขนาดที่กว้างขวางกว่าเท่านั้นค่ะ   ห้องทุกยูนิตของโครงการ Knightsbridge Kaset Society ขายแบบ Fully Fitted นะคะ ภายในห้องจะบิลต์อินตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ครัว สุขภัณฑ์ต่างๆ และเครื่องปรับอากาศมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ลูกบ้านแค่ตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มมากนัก และด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ในย่านชุมชน รายล้อมด้วยสาธารณูปโภคอย่างครบครัน ทั้งยังเดินทางสะดวกสบาย เหมาะกับนักศึกษาและคนวัยทำงาน รวมถึงคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า ใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นหลักหรือเดินทางด้วยรถส่วนตัวบ้าง ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือซื้อไว้ลงทุนก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ ด้วยทำเลศักยภาพในราคาจับต้องได้ โดยเริ่มต้นที่ 2.69 ล้าน ไม่ควรมองข้ามเลยจริงๆ ค่ะ   สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างได้ที่ Sale Office โครงการ Knightsbridge ตั้งอยู่บนถนนทองหล่อ ซอย 5 (สุขุมวิท 55) หรือลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท* ได้ที่ http://knightsbridge.origin.co.th/kasetsociety/ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 020 300 000
Niche Mono Sukhumvit-Bearing : นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง : รีวิวคอนโด

Niche Mono Sukhumvit-Bearing : นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง : รีวิวคอนโด

Niche Mono Sukhumvit-Bearing (นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง) คอนโดแนวคิดใหม่กับการสร้างที่อยู่อาศัยตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น ที่ร่วมทุนกันระหว่าง "SENA" กับ "Hankyu Realty" ผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ร่วมกันพัฒนาโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ NICHE MONO พร้อมเปิดตัวคอนเซปต์ "Geo fit+" รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,300,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 34 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    1,275 ยูนิต พื้นที่โครงการ    4-3-59.8 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนสุขุมวิท 70 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สถานที่สำคัญใกล้เคียง รถไฟฟ้า BTS แบริ่ง ทางด่วน บางนา - ตราด ทางด่วน บางพลี สุขสวัสดิ์ อิมพีเรียล สำโรง Mega Bangna Central บางนา เทสโก้โลตัส บิ๊กซี โรงพยาบาลสำโรง โรงพยาบาลไทยนครินทร์ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 2 โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 4 โรงพยาบาลบางนา โรงเรียนนานาชาติแอนด์ดรูว์ส โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา โรงเรียนลาซาล พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 28-31 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus ขนาด 39 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 48 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Infinity Edge Pool 88 M Jacuzzi Sunken Deck Fitness Room 250 Sq.m. Boxing Room Games Room Yoga Room Steam Room Sky Lounge & Co-Working Space พร้อม Wi-Fi ในพื้นที่ส่วนกลาง Sky Relaxing Zone Amphitheatre Sky Meeting Room Double Lobby Jogging Track Tom & Toms Coffee 7-11 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1775 กด 70 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.sena.co.th/th/condominium/niche-mono-sukhumvit-Bearing
Melanie Bangkok ถนนจันทน์-สาทร : รีวิวคอนโด

Melanie Bangkok ถนนจันทน์-สาทร : รีวิวคอนโด

Melanie Bangkok ถนนจันทน์-สาทร คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น บนถนนจันทน์ ใกล้ BRT สถานีถนนจันทน์ โครงการใหม่จาก ไพร์มเกท เรียลตี้ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 110,000 บาท/ตารางเมตร เจ้าของโครงการ    บริษัท ไพร์มเกท เรียลตี้ จำกัด ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    123 ยูนิต พื้นที่โครงการ    1 - 0 - 36.2 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนจันทน์ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง Asiatique The Riverfront Central Plaza พระราม 3 The Up พระราม 3 Vanilla Moon Makro สาทร Top สาขาเซ็นหลุยส์ โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลบีเอ็นเอช โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1-2 Bedroom ขนาด 22 - 77 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนหย่อมภายในโครงการ ระบบ CCTV / Access Card Shuttle Service สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 092-925-2555 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.melaniebangkok.com/
UNiO จรัญสนิทวงศ์ 3 : รีวิวคอนโด

UNiO จรัญสนิทวงศ์ 3 : รีวิวคอนโด

UNiO จรัญสนิทวงศ์ 3 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 10 อาคาร ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีท่าพระ จาก Ananda Development รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    999,900 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 8 ชั้น 10 อาคาร จำนวนห้อง    1,932 ยูนิต ร้านค้า 4 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 636 คัน คิดเป็น 33% พื้นที่โครงการ    17 - 0 - 66.62 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนจรัญสนิทวงศ์ 3 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    ปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปี 2560 ค่าส่วนกลาง    35 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    300 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT ท่าพระ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ตลาดน้ำคลองบางหลวง โรงพยาบาลบางไผ่ โรงพยาบาลพญาไท 3 เทสโก้ โลตัส วิทยาลัยพาณิชยการธนบุรี มหาวิทยาลัยสยาม เดอะ มอลล์ ท่าพระ ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 28 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 28 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby Laundry Room Swimming Pool Outdoor Fitness Garden ระบบรักษาความปลอดภัยและ CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.ananda.co.th/condo/projects/unio-charan/
Knightsbridge Sky-River-Ocean : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Sky-River-Ocean : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูโครงการ Knightsbridge Sky River Ocean ของ Origin Property ในทำเลสมุทรปราการกันครับ ซึ่งเราจะพามาอัพเดทความคืบหน้าของโครงการก่อนจะเริ่มให้ทยอยโอนห้องกันในเร็วๆ นี้แล้ว ดังนั้นภาพที่เห็นทั้งหมดก็จะเป็นภาพห้องในบรรยากาศจริงทั้งหมดเลยนะครับ   ทำเลและการเดินทาง ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวในส่วนต่อขยาย โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดจะเป็นสถานีสมุทรปราการ ซึ่งห่างออกไปเพียง 200 เมตรเท่านั้น ความโดดเด่นของทำเลนี้คือ สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณปากแม่น้ำ ถัดออกไปก็เป็นทะเลพอดี แถมถ้าวันไหนอากาศดีๆ ก็ยังสามารถมองเห็นวิวไกลไปถึงแนวเขาในชลบุรีเลยทีเดียวนะครับ และด้วยจุดเด่นของวิวสวยๆ นี่เอง จึงทำให้การออกแบบตัวอาคารเน้นให้เปิดรับวิวได้อย่างเต็มที่ ทุกยูนิตสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้ทั้งหมด อาจจะต่างกันตามองศาของตำแหน่งห้องบ้าง แต่ก็รับรองได้ว่าเห็นวิวแม่น้ำแน่นอนครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราเริ่มจากบริเวณ BTS สถานีแบริ่งกันเลยนะครับ เราขับตรงตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ เลยครับ จะเห็นอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง อยู่ฝั่งขวามือ เลยอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง มานิดหน่อย จะเจอ BTS สถานีสำโรง เป็นสถานีแรกของส่วนต่อขยายจากสถานีแบริ่ง เรายังคงขับตรงตามถนนสุขุมวิทไปทางสมุทรปราการไปเรื่อยๆ นะครับ แล้วก็เจออีก 1 สถานีคือสถานีปู่เจ้าสมิงพราย เลยจากสถานีปู่เจ้าสมิงพรายมาสักหน่อย จะเห็นพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ หรือช้างสามเศียร อยู่ทางซ้ายมือ ขยับมาอีกหน่อยก็จะเป็น BTS สถานีพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เราก็ยังตรงต่อไปอีกนะครับ สถานีต่อมาคือสถานีโรงเรียนนายเรือ จะตั้งอยู่หน้าโรงเรียนนายเรือที่อยู่ฝั่งขวามือพอดี เลยจาก BTS สถานีโรงเรียนนายเรือมานิดเดียวก็จะถึงโครงการแล้วครับ ตึกสูงๆ ที่เห็นอยู่ข้างหน้านั่นแหละครับ เลี้ยวซ้ายเข้าไปโลดดด.. นอกจากเรื่องวิวแม่น้ำแล้ว ที่ตั้งของโครงการยังอยู่บนถนนสุขุมวิท ไม่ต้องเข้าซอยอีกให้เสียเวลา สามารถเดินทางมาได้สะดวกทั้งทางรถไฟฟ้า และรถยนต์ส่วนตัว สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนสุขุมวิท ทางด่วนกาญจนาภิเษก หรือถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ยิ่งถ้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ ถนนหนทางก็น่าจะคล่องตัวมากขึ้น ส่วนคนที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็น่าจะเป็นตัวเลือกหลักที่ดีเลยทีเดียว ในขณะที่รถเมล์ หรือแท็กซี่ก็หาง่ายไม่แพ้กันนะครับ   ภาพรวมโครงการ โครงการ Knightsbridge Sky River Ocean เป็น High Rise สูง 32 ชั้น ซึ่งถือว่าเป็นโครงการ High Rise เดียวที่อยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยามากที่สุดของย่านนี้ ปัจจุบันบริเวณรอบๆ ยังไม่มีอาคารสูงขึ้นมาบดบังสายตาเลยนะครับ วิวทางด้านหน้าโครงการ แน่นอนว่ารับวิวแม่น้ำไปแบบเต็มๆ ตากันเลย ส่วนทางด้านทิศใต้เป็นวิวปากแม่น้ำ สามารถเห็นหอชมเมืองสมุทรปราการได้อย่างชัดเจน ซึ่งทั้ง 2 ทิศนี้เป็นทิศที่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอาคารสูงใดๆ ขึ้นมาบังวิวได้อีก เนื่องจากฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นที่ดินติดริมแม่น้ำที่เหลือพื้นที่แคบมากๆ จนไม่สามารถขึ้นอาคารสูงได้อย่างแน่นอน ในขณะที่ทางทิศใต้ในรัศมี 500 เมตรรอบๆ หอชมเมืองสมุทรปราการ ก็ไม่สามารถสร้างอาคารสูงได้อีกเช่นกันครับ หันกลับมาทางทิศเหนือกับทิศตะวันออกบ้าง ก็จะเป็น City View มองเห็นพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ และส่วนมากยังเป็นอาคารเตี้ยๆ รวมถึงที่โล่งว่างของสมุทรปราการนั่นแหละครับ ในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการต้องบอกว่า เค้าจัดมากให้แบบเต็มๆ เลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่บริเวณชั้น G ที่มีทั้ง Lobby, Meeting Room, สวน และร้านค้าอีก 2 ร้าน บริเวณรอบๆ อาคารสามารถจอดรถได้ด้วยนะครับ แต่หลักๆ แล้วจะมีพื้นที่จอดรถที่ชั้น 2-7 ซึ่งทางโครงการเลือกใช้ระบบจอดรถแบบอัตโนมัติ หรือ Robot Parking เพื่อประหยัดเวลาในการวนหาที่จอดรถนะครับ โดยลูกบ้านเพียงแค่ขับรถเข้ามาจอดในลิฟท์จอดรถ แล้วแตะบัตร ระบบก็จะทำการหาที่จอดรถให้เรียบร้อย ทั้งสะดวกและทันสมัยมากๆ เลยครับ ชั้น G จะที่มีทั้ง Lobby, Meeting Room, สวนสไตล์อังกฤษ และร้านค้าอีก 2 ร้าน ห้องสมุดที่อยู่ในส่วนเดียวกันกับ Lobby ที่ชั้น G ห้อง Mail Box อยู่ที่ชั้น G นะครับ ชั้น 2 ถึงชั้น 6 จะเป็นที่จอดรถระบบอัตโนมัติ ทางเข้า-ออก สำหรับระบบจอดรถอัตโนมัติ หรือ Robot Parking ส่วนพื้นที่ตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปจะเป็นส่วนของที่พักอาศัย โดยแบ่งออกเป็นแบบ 1 Bedroom, 2 Bedroom, Duplex และ Penthouse ในขณะที่ Facility หลักๆ ทั้งหมดจะรวบรวมไว้ที่ชั้น 27 ได้แก่ สระว่ายน้ำ, Jacuzzi, Stream และ Fitness ในขณะที่ห้อง Yoga Room จะขยับไปอยู่ที่ชั้น 28 เหนือ Fitness โดยสามารถเดินขึ้นบันไดจากบริเวณนี้ได้เลย ชั้น 8-26 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมดนะครับ มี 22 ห้องต่อชั้น ชั้น 27 ห้องพักอาศัยจะน้อยลง เพราะพื้นที่ครึ่งหนึ่งจะเป็น Facility หลักๆ ของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำ, Jacuzzi, Stream และฟิตเนส บรรยากาศสระว่ายน้ำบนชั้น 27 อ่าง Jacuzzi ชมวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาและหอชมเมืองสมุทรปราการ บรรยากาศในห้องฟิตเนส เล่นฟิตเนสไปชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไป บรรยากาศดีสุดๆ ห้องโยคะจะอยู่ที่ชั้น 28 เหนือห้องฟิตเนส ชั้น 29-30 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดอีกครั้ง พอขึ้นไปที่ชั้น 31 บริเวณนี้จะเป็น Sky Garden ขนาดกว้างเกือบเต็มพื้นที่ ซึ่งจะมีมุมนั่งเล่น บาร์ชมวิวกลางแจ้ง รวมถึง Sky Putting Green ที่จัดแยกไว้บนชั้น 32 นะครับ ถ้าใครได้มีโอกาสขึ้นมาชมวิวบนนี้คงจะติดใจอยากนั่งเล่นพักผ่อนนานๆ จนไม่อยากจะลงไปไหนเลยล่ะครับ ชั้น 31 จะมีห้อง Penthouse อยู่ 2 ห้อง ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะเป็น Sky Garden เต็มพื้นที่ บรรยากาศ Sky Garden บนชั้น 31 เป็นพื้นที่เปิดโล่งให้ลูกบ้านได้ขึ้นมาเทควิวสวยๆ ของโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา และตัวเมืองสมุทรปราการ ชั้น 32 จะเป็น Sky Putting Green ไว้สำหรับโปรกอล์ฟมาประลองความแม่นกันบนชั้นสูงสุดของโครงการ   พาชมห้องตัวอย่าง ทีนี้มาดูห้องตัวอย่างกันบ้างดีกว่า ตอนนี้ทางโครงการเปิดห้องตัวอย่างตกแต่งใหม่เอี่ยมให้ชมทั้งหมด 3 Type ครับ เริ่มจากห้องแบบ 1 Bedroom ขนาดประมาณ 25 ตร.ม. ซึ่งเป็นไซส์เริ่มต้นกันก่อน ห้องนี้จัดวาง Layout ไว้อย่างเรียบง่าย แต่ก็ลงตัวนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อนแบ่งพื้นที่ห้องนอนให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น ในขณะที่ Living Area ก็ยังมีพื้นที่มากพอให้ใช้สอยประโยชน์ได้อย่างเต็มพื้นที่ ทั้งวางชุดโซฟานั่งเล่น ชมทีวี หรือวางโต๊ะกินข้าวไว้ใกล้ๆ กับ Pantry ครัว ห้อง Type นี้จะเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย 1-2 คน มีข้าวของเครื่องใช้พอจำเป็น ไม่ได้มีพื้นที่เก็บของมากมายเท่าไหร่ ยิ่งเป็นคนโสดอยู่คนเดียวก็คงกำลังพอดีเลย แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตารางเมตร ที่นี่จะใช้ประตู Digital Door Lock ของ Samsung ทุกยูนิตเลยครับ เค้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวที่ตั้งอยู่หน้าห้องก่อนเลยนะครับ เคาน์เตอร์ครัวที่โครงการจัดไว้ให้จะได้ประมาณนี้นะครับ สิ่งที่โครงการให้มาด้วยจะสังเกตได้จากสติ๊กเกอร์ที่สีดำๆ ที่แปะไว้นะครับ ท็อปครัวจะเป็นหินสังเคราะห์สีขาว ซิงค์ล้างจานแบบหลุมของ Teka เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka เช่นเดียวกัน ด้านบนจะเป็นฮู้ดดูดควันของ Teka และเป็นตู้ลอยสำหรับเก็บของ ด้านล่างเป็นจุดวางไมโครเวฟ พร้อมลิ้นชักเก็บของ ฝั่งตรงข้ามกับครัวจะเป็นห้องน้ำ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard เป็นหลักนะครับ ทั้งอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ไม่มีที่วางของด้านข้างให้ อาจจะต้องติดตั้งเพิ่มเอาหน่อยนะครับ สำหรับสาวๆ ที่ของใช้เยอะๆ โถสุขภัณฑ์ของ American Standard เช่นเดียวกัน Shower Box จะเข้ามุมอยู่ด้านใน มีฉากกั้นให้เรียบร้อย เข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area อยู่ต่อจากส่วนครัวเมื่อสักครู่ ด้านซ้ายมือจะเป็นจุดวางโซฟา โครงการวางโซฟา 2 ที่นั่งมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ไม่ได้แถมให้ด้วยนะครับ ขนาดจะพอดีเป๊ะเลย ด้านชั้นวางทีวีโครงการจะ Built-in ชั้นวางทีวีแบบนี้มาให้ด้วยนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ถือว่าอยู่ในระยะที่พอดีเลย ไม่ใกล้จนเกินไป ถัดจาก Living Area เข้ามาด้านในอีกจะเป็นส่วนของห้องนอน จะมีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนกั้นให้ด้วยนะครับ โครงการจะให้เตียงมาด้วยนะครับ แต่ไม่ได้ให้ฟูก เตียงที่โครงการให้มาจะขนาด 5 ฟุต แต่ดูจากพื้นที่แล้ว ใครชอบเตียงใหญ่ๆ ก็สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้เลยนะครับ ข้างเตียงมีพื้นที่เหลือพอโครงการเลยจัดโต๊ะทำงานไว้ริมหน้าต่างให้ดูเป็นไอเดีย ไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ มองออกไปเห็นหอชมเมืองสมุทรปราการและโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา ปลายเตียงโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งมาให้เรียบร้อย ติดกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นทางออกไปที่ระเบียง พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงได้เลย เหนือเครื่องซักผ้าจะเป็นจะแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ หันหน้าเข้าหาระเบียง ห้อง Type ที่ 2 ยังคงเป็นแบบ 1 Bedroom นะครับ แต่ขยับไซส์ขึ้นมาอีกนิดที่ 30 ตร.ม. โดยประมาณ แน่นอนว่าขนาดห้องจะกว้างขึ้นกว่า Type แรก และมีการกั้นพื้นที่ห้องนอนด้วยผนังทึบเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในขณะที่ห้องครัวก็จะได้เป็นครัวปิดติดระเบียงแทน ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับการอยู่อาศัยเป็นครอบครัวเล็กๆ มากขึ้นครับ Living Area ก็กว้างพอที่จะมีมุมสำหรับโต๊ะทำงานเพิ่มมาอีกหน่อย หรือจะจัดการตกแต่งเพื่อการใช้งานในด้านอื่นๆ ก็ตามแต่ความต้องการได้อีกเช่นกัน แปลนห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ ห้อง Type นี้ Living Area จะตั้งอยู่หน้าห้องเลย โครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ส่วนชั้นวางทีวีก็ Built-in มาให้เหมือนเดิมครับ ถัดเข้าไปด้านในจะแยกออกเป็น 2 ด้าน ด้านซ้ายมือจะเป็นห้องครัว ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำ หน้าห้องครัวโครงการวางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ให้ดูเป็นตัวอย่าง Type นี้จะได้ครัวแบบปิด มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนกั้น ชุดครัวก็จะคล้ายๆ กัน ขนาดใกล้เคียงกันกับ Type แรกนะครับ แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมานิดหน่อย ท็อปหินสังเคราะห์สีขาวเหมือนเดิม ซิงค์ล้างจานของ Teka อยู่ติดกับเตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka มาพร้อมกับฮู้ดดูดครวัยี่ห้อเดียวกัน จุดวางไมโครเวฟจะอยู่ด้านบน พร้อมตู้ลอยเก็บของ ด้านล่างเป็นเก็บของพร้อมลิ้นชัก ถัดไปด้านในจะเป็นระเบียง พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร ด้านบนเป็นจุดแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ วิวที่ระเบียงมองออกไปเห็นโค้งแม่น้ำ กลับเข้ามาดูที่ด้านในกันต่อ พื้นที่ว่างตรงกลางระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำโครงการ Built-in เป็นโต๊ะทำงานไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ชั้นลอยด้านบนโครงการ Built-in มาให้นะครับ แต่โต๊ะทำงานไม่ได้ให้ด้วย ห้องน้ำจะใหญ่กว่าห้อง Type แรกอยู่สักหน่อยนะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเป็นของ American Standard เหมือนเดิม อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มีที่วางของเป็นแนวยาวให้ด้วย กระจกเงาขนาดพอดีตัว ติดกันจะเป็นโถสุขภัณฑ์ Shower Box จะกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ใน Shower Box ถือว่ากว้างขวางดีนะครับ ยืนอาบน้ำได้ถนัดหน่อย มาถึงห้องนอน โครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้เหมือนเดิมนะครับ แต่ถ้าใครชอบเตียงใหญ่ King Size ก็มีที่เหลือพอให้วางได้ หน้าต่างที่ข้างเตียงจะเป็นบานกระทุ้ง 2 บานอยู่ด้านข้าง ส่วนตรงกลางและด้านล่างจะเป็นบาน Fix ข้างเตียงอีกด้านโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งมาให้ มาถึงห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายซึ่งเป็น Type ใหญ่สุดที่เปิดให้เข้าชม ห้อง 2 Bedroom ขนาดประมาณ 61.50 ตร.ม. ห้อง Type นี้จะอยู่ในตำแหน่งห้องมุมโซนด้านหน้าโครงการ ซึ่งสามารถเปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบเต็มตาทั้ง 2 ห้องนอน เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับ Living Area ก่อน โดยพื้นที่บริเวณนี้จะยาวไปจนติดกับระเบียงขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆ นะครับ ครัวที่ได้จะเป็นครัวปิด มีประตูกระจกมาให้เรียบร้อย และมีพื้นที่ซักล้างตรงระเบียงห้องครัวมาอีกนิดหน่อย ขยับมาอีกโซนจะเป็นพื้นที่ของห้องนอน ซึ่งแบ่งเป็น Master Bedrroom มีห้องน้ำในตัวพร้อมอ่างอาบน้ำ และห้องนอนเล็กอีกห้องที่เราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานให้เป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ได้อีกเช่นกัน แปลนห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 61.50 ตารางเมตร เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเป็นโถงกว้างเลยนะครับ มองตรงไปจะเจอส่วน Dining Area ยาวไปถึงส่วน Living Area ทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำห้องแรก การจัดวาง Layout ในห้องน้ำ สุขภัณฑ์ก็จะใช้ของ American Standard เหมือนกันนะครับ โถสุขภัณฑ์วางอยู่ติดกับอ่างล้างหน้า พื้นที่อาบน้ำค่อยข้างกว้างเลยนะครับ แต่จะไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้ด้วย กลับมาดูที่ส่วน Dining Area กันต่อ ก่อนจะเข้าไปที่โซน Living Area โครงการจัดวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ติดกันจะเป็นส่วน Living Area โครงการวางโซฟา 3 ที่นั่ง ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ฝั่งชั้นวางทีวีโครงการ Built-in ชั้นวางทีวีมาให้เรียบร้อย พร้อมชั้นวางของเล็กๆ น้อยๆ ด้านบน ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาอยู่ในระยะที่พอดีเลยนะครับ ไม่ใกล้จนเกินไป ระเบียงจะอยู่ต่อจาก Living Area กว้างประมาณ 1 เมตร มองออกไปเห็นวิวโค้งน้ำเจ้าพระยา ฝั่งโรงเรียนนายเรือ กลับเข้ามาในห้องโครงการ Built-in โต๊ะทำงานไว้ให้ตรงมุมห้องโถง โต๊ะทำงานที่โครงการ Built-in มาให้ ครัวของห้อง Type นี้จะเป็นแบบปิดนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนกั้นอยู่ เคาน์เตอร์ครัวที่จะเหมือน Type 30 ตารางเมตร ที่เราดูมาเมื่อกี้เลยนะครับ ด้านบนมีชั้นลอยเก็บของ พร้อมช่องวางไมโครเวฟ ในห้องครัวจะมีระเบียงให้อีกจุดนะครับ เป็นที่วางเครื่องซักผ้าและคอมเพรสเซอร์แอร์ จากห้องครัวมาจะแยกออกเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้อง เรามาดูห้องนอนเล็ก ที่อยู่ทางซ้ายกันก่อนนะครับ ในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาดประมาณ 3.5 ฟุตมาให้ ข้างเตียง Built-in ตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งมาให้เรียบร้อย ส่วนในห้องนอนใหญ่โครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ มีช่องหน้าต่างอยู่ตรงหัวเตียง บานใหญ่จะเป็นบาน Fix มีบานกระทุ้งเล็กๆ อยู่ทั้ง 2 ด้าน ข้างเตียงมีหน้าต่างให้อีกหนึ่งบาน ข้างเตียงอีกด้าน Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาด 4 บาน พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งมาให้ ปลายเตียงโครงการ Built-in ชั้นวางทีวีมาให้ด้วย ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ก็จะอยู่ทด้านปลายเตียงเหมือนกันครับ การจัดวางสุขภัณฑ์จะต่างกับห้องน้ำจะต่างจาก Type อื่นๆ ที่เราดูมานะครับ ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะมีอ่างอาบน้ำให้ด้วย แต่จะไม่ได้แยกกับ Shower Box นะครับ ต้องยืนอาบในอ่างอาบน้ำเลย ห้องทุกห้องของโครงการขายกับมาแบบ Fully Furnished เลยนะครับ มีเฟอร์นิเจอร์ Built in มาให้เรียบร้อย ประตูห้องทุกห้องก็เป็นแบบ Digital Door Lock วัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างก็เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งจัดได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคากันเลยทีเดียว ตัว Facility เองถึงแม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอลังการ แต่ก็จัดว่ามีครบครันมากกว่าหลายๆ โครงการที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเอาเทคโนโลยีการจอดรถอัตโนมัติมาใช้ ก็ถือได้ว่าเป็นคอนโดที่ทันสมัยมากๆ ในย่านนี้ โครงการ Knightsbridge Sky River Ocean นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เหมาะสำหรับคนในย่านสมุทรปราการ หรือคนที่ทำงานหลักในย่านนี้อยู่แล้ว และอยากมีบ้านหรือคอนโดใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย โดยที่ยังอยู่ในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยาก สามารถจับจองไว้อยู่อาศัยเอง และเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
‘Premio Quinto’ (พริมิโอ ควินโต) คอนโดใหม่ย่านพหลโยธิน ใกล้ ม.เกษตร ติด BTS สถานีเสนานิคม : รีวิวคอนโด

‘Premio Quinto’ (พริมิโอ ควินโต) คอนโดใหม่ย่านพหลโยธิน ใกล้ ม.เกษตร ติด BTS สถานีเสนานิคม : รีวิวคอนโด

“Premio Quinto” (พริมิโอ ควินโต) คอนโดหรูใจกลางเมือง เพื่อคำตอบที่มากกว่าคำว่า “สมบูรณ์แบบ” โครงการใหม่ล่าสุดจาก บริษัท พรรุ่งเรือง ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ปักหมุดบนถนนพหลโยธิน เนรมิตคอนโดสวยหรูด้วยดีไซน์ใหม่ในสไตล์ Modern Classic พร้อมความหรูหราในทุกรายละเอียดที่สัมผัสได้ เพื่อสะท้อนรสนิยมผ่านที่อยู่อาศัยใน Liftstyle ที่คุณต้องการ   ตอบโจทย์ด้วยการเดินทางที่สะดวก บนทำเลใจกลางเมือง โครงการ “Premio Quinto” (พริมิโอ ควินโต) อยู่ติดถนนพหลโยธิน ระหว่างซอยพหลฯ 32 และ 34 แวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคครบครัน ติดทางขึ้นลง BTS สถานีเสนานิคม ห่างจากสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพียง 3-4 สถานี (ห้าแยกลาดพร้าว-พหลโยนธิน)   ด้วยทำเลติดถนนใหญ่ ทำให้การเดินทางสะดวกทั้งใช้รถยนต์ส่วนตัว และการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน มีถนนสายหลักเพื่อการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลายเส้นทาง ถนนในซอยพหลฯ 30 และ 32 เชื่อมถึงกัน สามารถลัดไปออกลาดพร้าว, เกษตร นวมินทร์ แถมยังมีทางด่วนอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย นอกจากนี้สภาพแวดล้อมรอบๆ ก็ตอบโจทย์ของการอยู่อาศัย เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ใกล้ทั้งตลาดบางเขน, โรงพยาบาลเปาโล เกษตร (รพ.เมโยเดิม), มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, สถานศึกษาชั้นนำ และ Community Mall แหล่งบันเทิง แหล่งช็อปปิ้ง ชื่อดังประจำย่าน ฯลฯ โครงการ “Premio Quinto” (พรีมิโอ ควินโต) เลือกปักหมุดบนทำเลที่สามารถตอบโจทย์ Lifestyle คนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยแบบครบวงจรได้อย่างแท้จริง   คอนโดที่ตอบโจทย์ ครบครัน ในราคาสุดคุ้ม โครงการ “Premio Quinto” (พรีมิโอ ควินโต) เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร มียูนิตรวม 439 ยูนิต หรืออาคารละประมาณ 109 ยูนิต เฉลี่ยต่อชั้นมีเพียง 13 ยูนิตเท่านั้น!!! ซึ่งจัดว่ามีความเป็นส่วนตัวสูงมากๆ แถมยังเพียบพร้อมไปด้วย Facilities อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่รอบโครงการ และ Co-Working Space ที่จัดมาให้เพื่อรองรับ Lifestyle คนรุ่นใหม่ที่ไม่จำกัดแค่การทำงานในออฟฟิศเท่านั้น นอกจากนี้ยังเติมเต็มการอยู่อาศัยด้วย ฟังก์ชั่นภายในห้องที่จัดมาแบบ Fully Furnished แต่งครบจบในตัว สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันที โดยมี Type ห้องให้เลือกตั้งแต่ Studio 22 ตร.ม., 1 Bedroom 25-33 ตร.ม. และ 2 Bedroom ในขนาดสูงสุด 42 ตร.ม. Premio Quinto เป็นคอนโดมิเนียมติด BTS น้องใหม่ที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับการอยู่อาศัยใจกลางเมือง ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตที่คุณออกแบบเองได้ ท่ามกลางความร่มรื่นจากพื้นที่สีเขียวกว้างขวาง รวมถึงวัสดุที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีเพื่อบ่งบอกถึงความหรูหราไม่ซ้ำใคร ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.49 ล้านบาท* ด้วยทำเลศักยภาพที่สามารถตอบโจทย์คนเมืองได้อย่างแท้จริง เป็นที่หมายตาของเหล่านักลงทุน (Invester) และผู้อยู่อาศัยจริง (Real Demand) สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ http://www.premioquinto.com/ ด่วน!! โทรจองสิทธิ์ได้ที่ 02-579-2255, 086-301-8899 พิเศษ!!! ส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท** สำหรับลูกค้าที่จองสิทธิ์ล่วงหน้า รับสิทธิ์จองห้องสวยก่อน ในวันที่ 23-24 กันยายน นี้ และทางโครงการจะเปิด Pre-Sale วันที่ 30 กันยายน - 1 ตุลาคมนี้ ณ Sale Gallery
พรีวิว Knightsbridge Prime Sathorn ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการ : รีวิวคอนโด

พรีวิว Knightsbridge Prime Sathorn ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการ : รีวิวคอนโด

ล่าสุด บริษัท ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กำลังจะเปิดโครงการน้องใหม่ล่าสุด “Knightsbridge Prime Sathorn” บนทำเลสุดฮ็อตริมถนนนราธิวาสฯ ซึ่งถือเป็นการจับทำเลใจกลางเมืองอีกแห่งที่น่าจับตามองมากของค่ายนี้ ถ้าใครที่ติดตามข่าวอสังหาฯ อยู่เป็นประจำ จะรู้ว่าผู้พัฒนารายนี้เริ่มขยับตัวเข้ามาเล่นตลาดคอนโดมิเนียมในเมืองมากขึ้น โดยโครงการล่าสุดที่เราจะนำข้อมูลมาเสนอให้รู้ก่อนใครในวันนี้จัดเป็นแบรนด์ตัวท็อปของออริจิ้นกันเลยทีเดียว รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,200,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 150,000 บาท/ตารางเมตร เจ้าของโครงการ    บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    726 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 500 คัน (คิดเป็น 70%) เนื้อที่ทั้งหมด    2 - 3 - 68.92 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    ไตรมาสที่ 3 ปี 2017 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาสที่ 3 ปี 2019 Knightsbridge Prime Sathorn เปิดตัวมาในราคาที่น่าตกใจมากครับ ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นที่ 130,000 บาท หรือราวๆ 3 ล้านบาทสำหรับห้องขนาดเริ่มต้น!!! ซึ่งคอนโดส่วนใหญ่ที่อยู่ในย่านสาทร-สีลมจริงๆ ยังไม่มีรายไหนเปิดราคามาได้ต่ำกว่านี้ แถมทำเลที่ตั้งของโครงการก็อยู่ริมถนนใหญ่อย่าง ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ บริเวณปากซอยนราธิวาสฯ 13 ห่างจากสี่แยกสาทร-นราธิวาสที่มีรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี เพียง 650 เมตรเท่านั้น ถือว่าอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้สบายๆ ครับ ปัจจุบันยังมีสถานีรถด่วน BRT (สถานีอาคารสงเคราะห์) อยู่ติดหน้าที่ตั้งโครงการเลยด้วย แต่ต่อไปในอนาคตคาดว่าจะเปลี่ยนเป็นที่ตั้งของสถานีรถ Monorail สายสีเทา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการเดินทางของลูกบ้านให้สะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก   นอกจากนี้บริเวณที่ตั้งของโครงการ Knightsbridge Prime Sathorn ยังอยู่ในแหล่งรวมของอาคารสำนักงานเกรด A อันเป็น CBD หลักของกรุงเทพ ซึ่งมีทั้ง ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่, ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์, HSBC, Tisco, Samsung, AIA, กรุงเทพประกันภัย, CP, สถานฑูตต่างๆ และโรงแรมระดับ 5 ดาวอีกมากมาย ยังไม่นับรวมสถานศึกษา สถานพยาบาลชั้นนำอีกหลายแห่งที่รายล้อมอยู่ในย่านนี้ อาทิเช่น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน, โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก, โรงเรียนเซนโยเซฟคอนแวนต์, เตรียมอุดมศึกษา, สาธิตจุฬาฯ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพฯ, โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน, โรงพยาบาลเซนหลุยส์, โรงพยาบาล BNH, โรงพยาบาลเลิดสิน, โรงพยาบาลจุฬา ฯลฯ สำหรับแหล่งช็อปปิ้ง ร้านค้า ร้านอาหารในย่านนี้ ก็จัดว่าอุดมสมบูรณ์และมีให้เลือกมากมายในหลายระดับ เราขอยกตัวอย่างกันแบบคร่าวๆ พอนะครับ (ไม่งั้นคงต้องอาศัยพื้นที่อีกยาว) เช่น ห้างเซนทรัลพระราม 3, สีลมคอมเพล็กซ์, แมคโคร, โลตัส และแหล่งช็อปปิ้งของชาวออฟฟิศอย่าง ซอยละลายทรัพย์, ฮ่องกงพลาซ่า, ตลาดตึก ITF เป็นต้น ในขณะที่บรรดาร้านอาหารดังๆ ก็มีเยอะไม่แพ้กัน เช่น Dean & Deluca, Paul (บนตึก Empire), Rocket, Starbuck (มีสาขาแทบทุกตึกตรงแยกสาทรเลยครับ), Tenyuu Grand, Chef Man, Blue Elephent, Secret Garden, Amontre, Vertigo & Moon Bar, Nahm Restaurant, สมบูรณ์โภชนา, สามย่านซีฟู้ด, ครัวเจ๊ง้อ ฯลฯ เท่าที่ยกตัวอย่างมานี้ก็เรียกว่าครบครันมากพอที่เราแทบจะไม่ต้องขยับไปไหนไกลจากย่านนี้เลยนะครับ ทีนี้มาดูที่ตัวโครงการกันบ้างครับ Knightsbridge Prime Sathorn ออกแบบมาเป็นอาคาร High Rise 43 ชั้น แต่ความสูงเทียบเท่ากับตึกทั่วไปที่ 53 ชั้น รูปแบบอาคารถูกออกแบบมาในลักษณะตัว Z เพื่อให้ทุกห้องสามารถเปิดรับวิวได้สวยไม่แพ้กัน ทั้ง City View ด้านสาทร สีลม และวิวด้านเจริญกรุง รวมถึงวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาในบางตำแหน่งของตึก ในขณะที่พื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดมาเต็มที่ครับ บนชั้นดาดฟ้าจะมีทั้ง สระว่ายน้ำที่ยาวถึง 35 เมตร แบ่งเป็น Lap Pool และ Therapy Pool, Fitness, ห้อง Metropolitan Club และห้อง Media Club ส่วนบริเวณชั้น 1 จะแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านของโครงการครับ และเรื่องสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ที่จอดรถ ทางโครงการจัดระบบจอดรถอัจฉริยะ (Automation Parking Lots) มาให้เลยทีเดียว นับว่าอำนวยความสะดวกสบายกันให้เต็มที่มากๆ ครับ ไม่ต้องวนจอดรถให้เสียเวลา ตอนนี้คงอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยครับว่า หน้าตาของห้องแต่ละ Type จะเป็นเช่นไรบ้าง ซึ่ง Type หลักๆ จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Monoplex และ Duplex หรือก็คือห้องแบบ 1 ชั้น และ 2 ชั้นนั่นเอง รวมแล้วทั้งโครงการมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 726 ยูนิตครับ ลักษณะห้องและขนาดห้อง Type A : 1 Bedroom Plus Duplex ขนาด 44 ตารางเมตร ราคา 5.8 - 6.7 ล้านบาท Type B : 1 Bedroom Duplex ขนาด 37 ตารางเมตร ราคา 4.5 - 5.5 ล้านบาท Type C : 1 Bedroom Plus Monoplex ขนาด 30 ตารางเมตร ราคา 4.4 - 4.6 ล้านบาท Type D : 1 Bedroom Monoplex ขนาด 24 ตารางเมตร ราคา 3.2 - 3.5 ล้านบาท โดย Monoplex จะมีขนาด 24 ตร.ม. และ 30 ตร.ม. ความสูงของ Floor to Ceiling อยู่ที่ 2.6 เมตร โดย Layout ของห้องสัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยเอาไว้เป็นสัดส่วนเรียบร้อยครับ สำหรับห้องขนาด 30 ตร.ม. จะพิเศษกว่าตรงที่มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมา ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามต้องการ หรือจะจัดให้เป็นห้องนอนเล็กอีกห้องก็ได้ ส่วน Duplex ซึ่งอยู่ที่ชั้น 24-42 จะมีขนาด 37 ตร.ม. และ 44 ตร.ม. ความสูง Floor to Ceiling ประมาณ 4.4 เมตร โดดเด่นด้วยห้องหน้ากว้าง 5 เมตรเลยนะครับ ส่วนการจัดวาง Layout ของห้องก็จะให้ Common Area อยู่ในโซนชั้นล่าง และจัดให้พื้นที่ของห้องนอนไว้ที่ชั้นบน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้มากยิ่งขึ้น โดยภาพรวมของ Knightsbridge Prime Sathorn ต้องบอกว่าเป็นโครงการเด่นของ ออริจิ้น ที่น่าจับตาเลยก็ว่าได้นะครับ ทั้งการเลือกทำเลที่ตั้ง และการกำหนดกลุ่มตลาดไว้ให้อยู่ในระดับราคาที่จับต้องได้มากขึ้น ดังนั้นกลุ่มคนในระดับกลาง พนักงานออฟฟิศในระดับเมเนเจอร์ก็สามารถเอื้อมถึง กลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มคนทำงานในย่าน CBD ของสาทร-สีลม ที่อยากได้ที่พักอาศัยใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวก และมีสาธารณูปโภคครบครัน รวมถึงกลุ่มที่ชอบลงทุนในอสังหาฯ ก็คงจะเล็งที่จะจับจองไว้ปล่อยเช่าอีกเช่นกัน เนื่องจากในย่านนี้มีบริษัทใหญ่ๆ และบริษัทต่างชาติเยอะ กลุ่มผู้เช่าที่เป็นชาวต่างชาติก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าจะสร้างผลตอบแทนที่เกิดจากการเช่าได้ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งถ้าเทียบกับโครงการอื่นๆ ในระแวกเดียวกันแล้ว ต้องบอกว่า Knightbridge Prime Sathorn ทำราคาได้ถูกกว่าราคาตลาดจนน่าตกใจเลยล่ะ ส่วนใครที่สนใจโครงการนี้ และต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนเปิดขายจริงในช่วงต้นเดือนตุลาคม สามารถไปลงทะเบียนไว้ล่วงหน้าที่นี่ http://knightsbridge-sathorn.origin.co.th/Sathorn   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-030-0000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : knightsbridge-sathorn.origin.co.th/Sathorn
mori HAUS ชีวิตดีดี ที่เลือกได้ : รีวิวคอนโด

mori HAUS ชีวิตดีดี ที่เลือกได้ : รีวิวคอนโด

“สุขุมวิท” ทำเลที่ใครต่อใครต่างก็อยากจับจองมีที่พักอาศัยอยู่ในย่านนี้กับเค้าบ้าง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาห้องชุดใจกลางเมืองซักแห่ง ซึ่งแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในราคาที่เอื้อมถึง วันนี้เราจึงมีคอนโดมิเนียมดีๆ ในย่านอ่อนนุช-พระโขนงมาแนะนำ ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คนเมืองรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ mori HAUS ตั้งอยู่ในพื้นที่ T77 Community ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ในบริเวณระหว่างซอยสุขุมวิท 71 และซอยสุขุมวิท 77 ที่ตอนนี้หลายคนอาจจะรู้จักกันดีว่า T77 Community เปรียบเสมือนเมืองขนาดเล็กที่รวบรวมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ ทั้งโรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep ที่จะเปิดแคมปัสสำหรับชั้นมัธยมศึกษาในเดือนสิงหาคมปี 2560 และ Community Mall สุดชิคอย่าง HABITO ก็เข้ามาช่วยเติมเต็มให้การใช้ชีวิตของครอบครัวมีสีสันและมีคุณภาพมากขึ้นกว่าเดิม พื้นที่ T77 Community โรงเรียนนานาชาติ Bangkok International Preparatory and Secondary School (Bangkok Prep) HABITO Winter Market Fest ถ้าพูดถึงการเดินทางมายัง mori HAUS ก็จัดว่าสะดวกมากๆ เพราะเลือกเข้าได้ทั้งจากทางฝั่งซอยสุขุมวิท 71 และซอยสุขุมวิท 77 เช่นเดียวกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่เลือกขึ้นได้ทั้งสถานีอ่อนนุช และสถานีพระโขนง ในขณะที่ด่านขึ้นลงทางด่วนก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลอีกเช่นกัน mori HAUS มีความโดดเด่นที่เราต้องพูดถึงเป็นอันดับแรกก็คือ การออกแบบภายใต้คอนเซปต์ “Trees of  Life” ซึ่งให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กลางโครงการ มีการจัดวางพืชพรรณนานาชนิดให้คล้ายกับสวนป่าขนาดย่อม รอบสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ในรูปแบบทะเลสาบจำลอง ในขณะที่อาคารพักอาศัยทั้ง 2 อาคารถูกวางแบบตัว L ให้โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางไว้อีกชั้นหนึ่ง ทำให้ทุกห้องพักได้สัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ และได้ใช้ชีวิตแบบ “Urban Slow Living” ผสานทั้งชีวิตแบบคนเมือง กับการพักผ่อนในบรรยากาศสบายๆ ไว้อย่างลงตัว โดยพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย เช่น สระว่ายน้ำแบบลากูนพร้อมจากุชชี่ สระเด็ก ห้องฟิตเนส และล็อบบี้แบบ The Glass Haus เปิดรับวิวสวนสวยเต็มตา สวนขนาดใหญ่ ห้องซักผ้า ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาที่ไม่ได้เกินเอื้อมเลยล่ะครับ แถมทาง mori HAUS ยังมีให้เลือกตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน ในขนาด 35-117.5 ตร.ม. สามารถรองรับรูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลายมากขึ้น ถ้าหากสนใจโครงการดีๆ แบบนี้ คงต้องรีบกันหน่อยนะครับ เพราะชีวิตคุณภาพบนทำเลสุขุมวิทไม่ได้หากันง่ายๆ แล้ว สนใจอ่านอ่านรายละเอียดโครงการได้ที่นี่เลยครับ http://www.homenayoo.com/mori-haus-sukhumvit-77/
The Niche Mono Peak Bangna : รีวิวคอนโด

The Niche Mono Peak Bangna : รีวิวคอนโด

The Niche Mono Peak Bangna (เดอะ นิช โมโน พีค บางนา) คอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น 1 อาคาร บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.3 ให้ตวามเป็นส่วนตัวด้วยยูนิตที่น้อย ทั้งโครงการเพียง 42 ยูนิต พร้อมที่จอดรถที่มากถึง 200% และนวัตกรรม Solar Cell ที่นำพลังงานจากแสงอาทิตย์ มาผลิตไฟส่องสว่างส่วนกลางฟรี 24 ชม. โครงการใหม่จาก SENA Development ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษก่อนใครที่ www.sena.co.th รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,500,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 70,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 7 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    42 ยูนิต ( 7 ยูนิต/ชั้น) ที่จอดรถ     200% พร้อมโฉนดที่จอดรถ 1 คัน/ห้อง พื้นที่โครงการ    1 - 3 - 14 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนบางนา-ตราด (ก.ม.3 ฝั่งขาเข้า) แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2560 ค่าส่วนกลาง    55 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง เซ็นทรัล ซิตี้ บางนา บิ๊กซี บางนา โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ไบเทค บางนา BTS สถานีบางนา โรงพยาบาลปิยะมินทร์ เมกา บางนา อิเกีย ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท 2 Bedroom ขนาด 62 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.4 ล้านบาท สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก Jogging Track พื้นที่สังสรรค์ ฟิตเนส สนามเด็กเล่น Lobby แผงพลังงานแสงอาทิตย์ กล้องวงจรปิด ระบบรักษาความปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1775 กด 28 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.sena.co.th/th/condominium/thenichemono-bangna