รอคอยกันมาพักใหญ่กับการมาของรถไฟฟ้าสายสีเขียว จากสถานีสำโรงยาวไปจนถึงสถานีเคหะฯ จนเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 61 ที่ผ่านมา ก็เปิดให้ใช้บริการอย่างเป็นทางการกันเสียที แถมยังนั่งฟรีตั้ง 4 เดือนด้วยนะ ทีมงาน Reviewyourliving ไม่รอช้า พาไปเดินสำรวจกันทุกสถานีมาฝากกันเลยค่ะ
รถไฟฟ้าสายสีเขียวสุขุมวิท มุ่งหน้าออกนอกใจกลางเมืองไปสุดที่สถานีสำโรงค่ะ ถ้าจะนั่งส่วนต่อขยายนี้ต่อล่ะก็ ต้องลงจากขบวนแล้วเดินไปชานชาลาฝั่งตรงข้ามค่ะ ซึ่งในอนาคตสถานีสำโรงแห่งนี้ก็จะกลายเป็น Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง
บรรยากาศในวันแรกที่เปิดใช้ในช่วงบ่ายๆ ก็มีทั้งวัยทำงาน วัยเรียน และผู้สูงอายุที่มาทดลองนั่งกันอย่างสนุกสนานตั้งแต่สถานีสำโรงกันเลยค่ะ
สถานีแรกของส่วนต่อขยายล่าสุด ตัวสถานีอยู่บริเวณซ.สุขุมวิท 115 เลยสามแยกปู่เจ้าสมิงพรายไปนิดหน่อย ข้างสถานีจะมีบิ๊กซีที่อยู่ติดกับ Ideo Sukhumvit 115 ที่ลูกบ้านเข้าอยู่กันตั้งแต่ปีที่แล้ว ถ้าเข้าซ.สุขุมวิท 115 ไปหน่อยก็จะมี Low Rise อย่าง Pause 115 กับ B Loft 115 อยู่ด้วย และล่าสุดกับคอนโดฯ ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ Supalai Veranda Sukhumvit 117 ห่างจากสถานีประมาณ 200 เมตร ฝั่งเดียวกันกับ Ideo Sukhumvit 115 รอบๆ นี้ส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งอุตสาหกรรมทั้งถ.สุขุมวิทเอง และเข้าไปทางถ.ปู่เจ้าสมิงพราย ค่ะ เช่น Honda Toyota และ Panasonic ที่อยู่ใกล้กับสถานี
จากสถานีปู่เจ้า รางรถไฟฟ้าจะยกตัวขึ้นผ่านถ.กาญจนาภิเษก ฝั่งซ้ายมือผ่านพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ พอมาถึงตัวสถานีมองไปทางฝั่งขาเข้าก็จะเห็น 2 คอนโดพร้อมอยู่ ซึ่งมีที่ดินอยู่ข้างกันเลยค่ะ The Trust @BTS เอราวัณ กับ Aspire Erawan บันไดสถานีอยู่หน้าโครงการพอดีเลย เป็นสถานีที่สามารถขับรถเข้าถ.กาญจนาภิเษกได้สะดวกที่สุดค่ะ
เป็นสถานีที่เราเริ่มจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากบนบีทีเอสแล้วล่ะค่ะ ตัวสถานีอยู่หน้าโรงเรียนนายเรือพอดิบพอดี ตรงชานชาลาฝั่งขาเข้าจึงต้องกั้นทึบสูงขึ้นมาค่ะ ส่วนฝั่งตรงข้ามกันก็เป็นพิพิธภัณฑ์ทหารเรือ ถ้าเรามองไปทางสถานีต่อไปก็จะมีคอนโดมิเนียม Knightsbridge Sky River Ocean อยู่ริมถนนฝั่งขาออกค่ะ เป็นคอนโดฯ วิวสวยอีกโครงการหนึ่งเลยทีเดียว
อยู่บริเวณหน้าวิทยาลัยสารพัดช่าง สมุทรปราการ ก่อนถึงสามแยกปากน้ำนิดหน่อย อยู่ใกล้กับสถานที่ราชการหลายแห่งเลยค่ะ เช่น ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ, สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สมุทรปราการ, ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรปราการ, ศาลจังหวัดสมุทรปราการ, สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรปราการ ฯลฯ เป็นสถานีที่เริ่มมีผู้คนเยอะขึ้นกว่าสถานีอื่นๆ ที่ผ่านมาค่ะ และสามารถมองเห็นปากอ่าวไทย ซึ่งมีเรือบรรทุกสินค้าให้เห็นกันตลอดวัน
จากสามแยกปากน้ำ รถไฟฟ้าจะเลี้ยวซ้ายไปตามถนน ผ่าน Samut Prakan Observation Tower & Knowledge Park หรือ อุทยานการเรียนรู้อ่าวไทย จังหวัดสมุทรปราการ ที่เห็นเป็นหอคอยสูงสีขาวคล้ายกับเป็น Lighthouse ปากอ่าวไทย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดให้เข้าชมนะคะ ตามแผนจะเปิดให้เข้าชมประมาณปี 2563 และเมื่อผ่านสามแยกการไฟฟ้า ซึ่งตัดกับถนนศรีนครินทร์ก็เป็นเป็นที่ตั้งของสถานีค่ะ
ตั้งแต่สถานีปู่เจ้าไปจนสุดสาย สถานีแพรกษาถือว่าเป็นสถานีที่มีความคึกคักมากที่สุดค่ะ เพราะรอบๆ สถานีทั้งสองฝั่งมีทั้ง โรบินสัน, บิ๊กซี และโรงเรียนสมุทรปราการ ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางสิ่งอำนวยความสะดวกของปากน้ำก็ว่าได้ค่ะ สถานีอยู่เลยสามแยกที่จะเข้าสู่ถ.แพรกษา ไปเล็กน้อย ซึ่งก็จะมี Notting Hill Sukhumvit – Praksa คอนโดจากออริจิ้นอยู่ริมถนนค่ะ ถ้าเข้าไปลึกกว่านี้ก็มีโครงการแนวราบอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ แต่จะมีโครงการที่กำลังเริ่มก่อสร้าง โดยได้ EIA Approved แล้วนั่นคือ The President Sukhumvit-Samutprakan ใครที่อยู่แถวนี้อยู่แล้วหรือกำลังสนใจ สำหรับโครงการนี้ถือว่าทำเลดีมากๆ เพราะติดกับโรบินสันชนิดที่ว่าเดินไม่กี่ก้าว แถมหน้าโครงการก็มีสถานีแพรกษาอีกต่างหาก ถ้าไม่ติดว่ากว่าจะเข้าไปถึงกลางเมืองต้องผ่านไม่น้อยกว่า 13 สถานี
ถัดมาไม่ไกลกัน ก่อนถึงสามแยกที่ตัดกับถ.สายลวด ก็จะเป็นที่ตั้งของสถานีสายลวดค่ะ ละแวกนี้ส่วนใหญ่เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบของผู้อยู่อาศัยดั่งเดิม มีหอพัก อพาร์ทเม้นท์ขนาดเล็ก-กลาง อยู่บ้างภายในชุมชนเดิม ไม่แปลกที่จะเห็นคนขึ้น-ลงที่สถานีนี้อยู่พอสมควรค่ะ
สุดท้ายที่สถานีเคหะฯ ค่ะ จะมีความคล้ายกับสถานีหมอชิตตรงที่มีลานจอดรถค่ะ แต่ที่นี่จะเป็นลานจอดรถที่มีหลังคา ตีเส้นสำหรับจอดแบบเข้าซองเอาไว้เรียบร้อย ตอนนี้ยังเปิดให้จอดฟรี 4 เดือนตามรถไฟฟ้าอยู่ค่ะ แต่หลังจากนี้จะมีระบบการเสียเงินค่าที่จอดรถอย่างเป็นระบบ และห่างกันกับสถานีออกไปไม่ไกลก็ยังมีศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าอยู่ด้วยค่ะ
ตั้งแต่เราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในสถานีเปิดใหม่มาทั้งหมดนี้ แต่ละสถานีจะต้องรอขบวนละประมาณ 10 นาที ซึ่งก็ถือว่าห่างกันอยู่พอสมควรเลยค่ะ ส่วนบรรยากาศรอบๆ ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นบ้านแนวราบเดิมๆ อยู่ อาจจะด้วยเหตุเพราะบทเรียนจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ Dev หลายเจ้าแห่กันไปสร้างโครงการไว้จนเหลือยูนิตเพียบ แต่สิ่งที่ต้องจับตามองอีกเรื่องคือ ราคาค่าโดยสารจริงหลังจากหมดช่วงฟรี 4 เดือนนี้ไปแล้ว ว่าจะมีชาวสมุทรปราการยังคงเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าต่อไปหรือไม่ เพราะถ้าหากราคาสูงเกินไป หลายคนคงจะต้องกลับมาทบทวนใช้บริการรถสาธารณะเดิมที่ใช้กันเป็นประจำอยู่แล้วก็ได้