Tag : condo

1488 ผลลัพธ์
a space ME บางนา : รีวิวคอนโด

a space ME บางนา : รีวิวคอนโด

a space ME บางนา คอนโด High Rise สูง 26 ชั้น ใกล้ MEGA Bangna พร้อมเข้าอยู่ จาก Areeya Property รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,290,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 26 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    3 - 1 - 17.1ไร่ จำนวนห้อง     945 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 378 คัน รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40% ที่ตั้งโครงการ    ถนนลาดพร้าววังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ค่าส่วนกลาง    35 บาท/ตารางเมตร/เดือน ค่ากองทุน    350 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง MEGA Bangna IKEA Tesco Lotus เซ็นทรัล ซิตี้ บางนา พาราไดซ์ พาร์ค ซีคอน สแควร์ ไบเทค บางนา ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 25 และ 32.10 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก ร้านค้าในโครงการ 15 ยูนิต สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนหย่อมรอบโครงการ และบนดาดฟ้า ระบบ CCTV / Access Card สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1797 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.aspace.co.th
เดอะ ไลน์ ราชเทวี : รีวิวคอนโด

เดอะ ไลน์ ราชเทวี : รีวิวคอนโด

จากความร่วมมือของ แสนสิริ กับ BTS Group ได้ปล่อยคอนโดแบรนด์ เดอะ ไลน์ ออกมาแล้ว 2 โครงการ คือ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต และ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเปิดตัว วันนี้เราจะพาไปชมโครงการที่ 3 อย่าง เดอะ ไลน์ ราชเทวีกันครับ โครงการนี้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านราชเทวีกันเลยครับ เพียง 220 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี สามารถเดินได้สบายๆ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น     6,900,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 250,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise สูง 38 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    231 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 2 - 0 ไร่ ที่จอดรถ    ประมาณ 67% ที่ตั้งโครงการ    ถนนเพชรบุรี แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ สถานะโครงการ    EIA Approved เริ่มก่อสร้าง    เดือนธันวาคม 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนกันยายน 2561 ค่าส่วนกลาง    90 บาท/ตารางเมตร/เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    600 บาท/ตารางเมตร/เดือน ชำระ ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ วิธีการเดินทาง สำหรับตัวโครง เดอะ ไลน์ ราชเทวี จะตั้งอยู่ปากซอยเพชรบุรี 18 ติดถนนเพชรบุรี ก่อนถึงแยกราชเทวีนิดหน่อย การเดินทางในวันนี้เราเลือกใช้บริการของรถไฟฟ้า BTS ดูจะสะดวกที่สุดในการเดินทางในย่านนี้ ที่ตั้งโครงการจะอยู่ห่างจากตัวสถานี BTS ราชเทวีประมาณ 220 เมตรเท่านั้น ซึ่งอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ ไม่ไกลจนเกินไป แผนที่โครงการ การเดินทางวันนี้เราขอให้รถไฟฟ้า BTS นะครับ เนื่องจากเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดแล้วในย่านนี้ มาลงที่สถานีราชเทวี ตามชื่อโครงการเลยครับ เราลงทางออกที่ 4 นะครับ ไปทางพันธ์ทิพย์พลาซ่าตามป้ายเลย ลงมาจากสถานีราชเทวีแล้ว จะเจอแยกราชเทวี เราเดินเลี้ยวขวาตามทางไปถนนเพชรบุรีเลยนะครับ จากแยกราชเทวีเดินตรงไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงที่ตั้งโครงการแล้วละครับ ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ ล้อมรั้วไว้ให้เห็นอย่างเด่นชัด ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสามารถเลือกได้หลายเส้นทางเลยนะครับ แต่อาจจะต้องทำใจเรื่องการจราจรกันสักหน่อย เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าในย่านนี้ การจราจรค่อนข้างจะหนาแน่นอยู่ทีเดียว เริ่มจากด้านหน้าโครงการคือถนนเพชรบุรี ตัวโครงการจะตั้งอยู่ปากซอยเพชรบุรี 18 ก่อนถึงแยกราชเทวี ถ้ามาจากถนนราชดำริก็สามารถเลี้ยวซ้ายที่แยกประตูน้ำเข้าถนนเพชรบุรี แล้วตรงผ่านพันธุ์ทพย์ พลาซ่า ก่อนถึงโครงการ ส่วนถ้ามาจากทางถนนพญาไทฝั่งขาเข้า สามารถมาเลี้ยวซ้ายที่แยกราชเทวี แล้วไปกลับรถที่ใต้สะพานข้ามแยกประตูน้ำกลับมาที่โครงการได้เช่นกัน แต่ถ้ามาจากถนนพญาไทฝั่งขาออก จะไม่สามารถเลี้ยวขวาที่แยกราชเทวีได้นะครับ ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพญานาคที่อยู่ข้างๆ โรงแรมเอเชีย ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงถนนบรรทัดทอง จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนบรรทัดทอง ตรงไปอีกนิดเดียวก็จะออกถนนเพชรบุรี พอออกมาถึงถนนเพชรบุรีแล้วให้เลี้ยวขวาอีกทีนะครับ จากนั้นก็ตรงขึ้นสะพานข้ามแยกราชเทวีได้เลย การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเหมือนจะง่ายนะครับ แต่ค่อนข้างจะซับซ้อนสักหน่อย แยกไหนเลี้ยวได้ เลี้ยวไม่ได้ ต้องดูกันดีๆ หากไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวจริงๆ เลือกใช้บริการของรถไฟฟ้า BTS จะสะดวกสบายมากขึ้นเยอะเลยครับ เพียงสถานีเดียวก็ถึงศูนย์กลางแหล่งช้อปปิ้งใจกลางกรุงเทพฯ อย่างสยามแล้ว สถานที่สำคัญใกล้เคียง พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า แพลทินั่ม ประตูน้ำ MBK สยาม พารากอน สยาม เซ็นเตอร์ สยาม สแควร์ สยาม สแควร์ วัน จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เซ็นทรัล เวิลด์ วิเคราะห์รอบโครงการ ภาพรวมของที่ตั้งโครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี ซึ่งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตรงช่วงซอยเพชรบุรี 18 ในตำแหน่งนี้มีเพื่อนบ้านใกล้ๆ เป็นคอนโดบ้านกลางกรุง สยาม-ปทุมวัน อยู่ทางทิศตะวันตก ทางทิศใต้มีคอนโด Low Rise ของ The Address ปทุมวัน แล้วก็มีอาคารของกรมการพลังงานทหารอยู่ทางทิศตะวันออกอีกตึก ส่วนในซอยเพชรบุรี 18 ก็มีอพาร์ทเม้นท์กับบ้านพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ ถึงแม้บริเวณนี้จะค่อนข้างมีรถวิ่งผ่านไปมาพลุกพล่านตลอดทั้งวัน แต่โดยรวมแล้วบรรยากาศยังค่อนข้างเหมาะกับการอยู่อาศัยเหมือนกันนะครับ ไหนจะเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่ถือเป็นจุดเด่นที่ทางโครงการเลือกมาเป็นประเด็นชูโรง ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้แหล่งช็อปปิ้งสำคัญมากมายทั้งสยามสแควร์ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ ประตูน้ำ อนุสาวรีย์ชัยฯ King Power Duty Free เรียกว่าอยู่ในระยะที่เดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า 1-2 สถานีเท่านั้น  และแถมยังใกล้สถานศึกษาชื่อดังใจกลางเมืองอีก จึงทำให้โครงการนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยครับ BTS สถานีสยามจุดเชื่อมต่อของสายสุขุมวิทและสายสีลม ห่างจากสถานีราชเทวี เพียง 1 สถานี ตัวโครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น เป็นอาคารเดี่ยวแต่ออกแบบมาให้ตัวอาคารเป็นทรงตัว L จนถึงชั้นที่ 31 ส่วนชั้นที่เลยขึ้นไปจะมีจำนวนห้องต่อชั้นน้อยลง และด้วยจำนวนยูนิตรวมที่มากถึง 231 ยูนิต ทางโครงการจึงใส่ใจเพิ่มพื้นที่ส่วนกลาง และ Facility ต่างๆ ให้เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกบ้าน เริ่มตั้งแต่จำนวนที่จอดรถที่มากถึง 67% ซึ่งให้พื้นที่จอดตั้งแต่ชั้น 1-10 เลยทีเดียว แถมด้วยที่จอดรถอัจริยะ (Mechanical Parking) สำหรับผู้มาติดต่ออีก 16 คัน ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 11 ขึ้นไป​ โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งของชั้นที่ 11 จะถูกแบ่งเป็นพื้นที่ของ Facility หลัก ทั้งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ พร้อม Outdoor Theater ริมสระว่ายน้ำ ในขณะที่พื้นที่บนชั้น 31 ส่วนหนึ่งจะเป็นห้องสมุดภายในอาคาร และห้องอ่านหนังสือที่จัดเตรียมไว้เป็นสัดส่วน ถือว่าเป็น Co-working Space สำหรับนั่งทำงาน ประชุมงาน หรือติวหนังสือก่อนสอบได้เลย ซึ่งพื้นที่บนชั้นนี้มาพร้อมกับสวนกลางแจ้ง และวิวสีเขียวสวยๆ สบายตา และถ้าขึ้นไปที่ชั้น 38 ก็ยังมี Rooftop Garden ที่จัดเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สามารถใช้เป็นจุดชมวิวและที่พักผ่อนได้ในคราวเดียวกัน โมเดลของโครงการ ดูจาก Master Plan ของโครงการ จะเห็นว่ามีทางเข้า-ออกทางเดียว ด้านหน้าจะมี Drop off สำหรับรับ-ส่งลูกบ้าน ใกล้ๆ กันจะมีจุดจอดรถอัจฉริยะอยู่ด้วย ส่วนด้านในอาคารจะมี Lobby ขนาดใหญ่ ก่อนจะถึงโถงลิฟท์ ที่มีลิฟท์ทั้งหมด 4 ตัว เป็นลิฟท์โดยสาร 3 ตัวและ Service Lift 1 ตัว ทางเข้าโครงการ หน้าตาของ Lobby ที่ชั้น G ตกแต่งได้อย่างหรูหราทีเดียวครับ จากชั้น G ขึ้นไปถึง 10 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด สามารถรองรับได้ประมาณ 67% ขึ้นมาที่ชั้น 11 จะเป็นชั้นเริ่มของห้องพักอาศัย ที่มีเพียง 5 ห้อง เนื่องจากส่วนหนึ่งจะเป็น Facility หลักของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำและ ฟิตเนส ทำให้ห้องพักอาศัยของชั้น 11 จะมีเพดานสูงกว่าชั้นอื่นๆ อยู่ประมาณ 60 ซม. โมเดลจำลองฟิตเนสบนชั้น 11 ที่มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านนอก โมเดลจำลองของสระว่ายน้ำบนชั้น 11 ภาพบรรยากาศจำลองของสระว่ายน้ำในเวลากลางวัน สระว่ายน้ำจะประดับด้วยสาย Fibre Optic พอถึงเวลากลางคืนจะมีแสงระยิบระยับให้บรรยากาศเหมือนว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวบนฟากฟ้า (งานมโนต้องมา ฮ่าๆๆ) นอกจากนั้นยังมี Outdoor Theater จอใหญ่ให้ได้ชมรายการต่างๆ เวลาเล่นได้อีกด้วย บรรยากาศห้องฟิตเนส ขึ้นมาที่ชั้น 13-29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด มีประมาณ 11 ห้องต่อชั้น พอถึงชั้นที่ 30 จำนวนห้องพักอาศัยจะลดลงเหลือเพียง 6 ห้อง เนื่องจากถูก Facility บนชั้น 31 กินพื้นที่ลงมาบางส่วน ชั้น 31 ห้องพักอาศัยจะเหลือเพียง 3 ห้อง และเป็นอีกชั้นหนึ่งที่มี Facility อยู่ด้วยทั้งห้องสมุด ห้องซักผ้า พร้อมกับพื้นที่พักผ่อนที่แยกกันอย่างเป็นสัดส่วน เชื่อมต่อไปออกถึงสวนสีเขียวด้านนอก Facility บนชั้น 31 ที่กินพื้นที่ลงมาที่ชั้น 30 ด้วย บรรยากาศภายในห้องสมุดบนชั้น 31 ของโครงการ โมเดลจำลองของสวนสีเขียวที่เชื่อมต่อกับห้องสมุดบนชั้น 31 ตั้งแต่ชั้น 32-37 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดอีกครั้งนะครับ แต่จำนวนห้องจะน้อยลงอีกเหลือเพียงชั้นละ 3-4 ยูนิตต่อชั้น เนื่องจากจะเป็นห้องขนาดใหญ่ตั้งแต่ 2-3 ห้องนอน และห้อง Penthouse มาถึงชั้นบนสุดของโครงการที่ชั้น 38 จะเป็น Rooftop Garden ให้ลูกบ้านได้ขึ้นมาชมวิวมุมสูงที่ชั้นดาดฟ้า ในส่วนของที่พักอาศัย ทางโครงการเน้นออกแบบให้เหมาะกับ Lifestyle คนเมือง ซึ่งก็มีให้เลือกตั้งแต่ห้องแบบ Studio ห้อง 1-3 Bedroom ไปจนถึงห้องแบบ Duplex และ Penthouse เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยในลักษณะต่างๆ ทั้งแบบเดี่ยว หรืออาศัยกันทั้งครอบครัวก็สามารถเลือกแบบห้องได้ตามต้องการ แถมทางโครงการยังจัดขายห้องมาแบบ Semi Furnished มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in วัสดุคุณภาพมาให้เสร็จสรรพ ห้องที่ได้มาจึงแทบจะไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มมากนักก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ภายในห้อง เดี๋ยวเราไปดูในห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการเตรียมไว้ตอนนี้มีด้วยกัน 2 แบบ คือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 34.25 ตร.ม และห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 59 ตร.ม. เราเริ่มต้นกันที่ห้อง 1 Bedroom กันก่อนนะครับ พอเปิดเข้าห้องมาก็จะเจอกับครัวและพื้นที่นั่งเล่นก่อน โดยที่พื้นที่ของห้องนอนจะแยกไว้เป็นสัดส่วน การจัดวาง Layout ของพื้นที่ใช้สอยภายในห้องค่อนข้างทำได้ดีเลยทีเดียว ยิ่งในห้องตัวอย่างนี้เป็นแบบห้องที่อยู่ในตำแหน่งห้องมุมของอาคาร จึงได้หน้าต่างเพิ่มขึ้นมาที่ผนังด้านข้างด้วย ทำให้ห้องนี้รับแสงและเห็นวิวได้มากขึ้น แปลนห้อง Type 1E ขนาด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 34.25 ตารางเมตร ที่นี่จะให้ Digital Door Lock รุ่น push and pull ของ Samsung ที่ใช้ได้ 3 ระบบทั้ง Key Card , Password และ กุญแจไข เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวอยู่ด้านหน้า มองตรงเข้าไปด้านในถึงจะเป็น Living Area พื้นที่ส่วนครัวจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีขาว ส่วนพื้นที่ Living Area จะเป็น Engineering Wood สีไม้โอ๊ค ครัวที่อยู่ด้านหน้าห้องจะเป็นแบบเปิดนะครับ ตัวท็อปครัวจะเป็นกระเบื้องหินแกรนิต Black Galaxy ด้านซ้ายมือจะเป็นซิงค์ล้างจานทรงสีเหลี่ยมของ MEX ด้านขวาเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ smeg มาพร้อมกันฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านบนจะเป็นตู้ลอยติดผนัง ห้องจริงจะได้หน้าบานเป็นกระจกแบบนี้เลยนะครับ เปิดเข้าไปก็จะเป็นที่เก็บจาน ชาม ช้อน ส้อม ด้านล่างจะเป็นจุดวางไมโครเวฟและตู้เก็บของ ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวจะมีโต๊ะอเนกประสงค์ ซึ่งสามารถพับเก็บได้ ใช้เป็นโต๊ะทานอาหารก็สะดวกดีนะครับ แต่เก้าอี้โครงการไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ ฝั่งตรงข้ามครัวจะเป็นจุดวางตู้เย็น และตู้เก็บของที่โครงการ Built in มาให้ ตู้ที่ได้มานี่สารพัดประโยชน์เลยนะครับ เก็บได้ทั้งไม้กวาด ไม้ถูพื้น รองเท้า ไปจนถึงของเล็กๆ น้อยๆ ถัดจากส่วนครัวเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ด้านชั้นวางทีวีโครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีเล็กๆ พร้อมตู้เก็บของด้านล่าง โซฟาที่โครงการจัดวางมาให้ดูเป็นโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง ทำให้ด้านข้างมีที่ว่างเหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟ ส่วน Living Area จะให้แอร์ฝั่งฝ้าแบบนี้นะครับ ทำให้เพดานตรงส่วนครัวถูกดรอปลงมาเหลือ 2.5 เมตร ในขณะที่เพดานในส่วน Living Area จะสูง 2.75 เมตร ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน แบบ Full High Window พื้นที่บริเวณระเบียงจะกว้างประมาณ 1 เมตร ที่วางเครื่องซักผ้าจะอยู่ที่นอกเบียงนี่นะครับมี Grill กั้นอย่างเป็นสัดส่วน คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเครื่องซักผ้าอีกที เรากลับเข้ามาดูที่ห้องนอนกันต่อเลยนะครับ ภายในห้องนอนสามารถเลือกวางเตียง 5-6 ฟุตได้ตามใจชอบเลยนะครับ เพราะมีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควร ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่าง มีที่เหลือพอให้วางโต๊ะทำงานเลยทีเดียว แต่โครงการวางให้ดูเป็นตัวอย่างเฉยๆ นะครับ ไม่ได้แถมให้ด้วย ส่วนหน้าต่างจะได้บานประมาณนี้นะครับ ที่เห็นเป็นกระจกข้างๆ หน้าต่างนั่นไม่ใช่ตู้เก็บของนะครับ แต่เป็นส่วนของที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ที่ยื่นเข้ามาในห้องนอน หน้าต่างจะเป็นบาน Fix บานใหญ่เลยนะครับ พื้นที่ปลายเตียงจะเหลืออยู่นิดหน่อยให้พอเดินได้ ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอน ก็คงต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทนนะครับ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า และทางเข้าห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าโครงการจะ Built in มาให้ด้วยนะครับ เป็นตู้สูงถึงเพดานห้องเลย หน้าบานจะเป็นกระจกสีชาแบบที่เห็นนี่เลยครับ ติดกับตู้เสื้อผ้าจะมีชั้นวางของเล็กๆ พร้อมกับกระจกเงาที่สามารถปิด-เปิด ได้ ช่วยให้ดูเรียบร้อยขึ้น เราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อนะครับ ภายในห้องน้ำจะปูด้วยหินแกรนิต Misty Grey ทั้งห้องเลยนะครับ ทั้งพื้นและผนัง จะมีความแตงต่างกันตรงที่ผิวของกระเบื้อง บริเวณผนังห้องจะมีผิวขรุขระให้ความรู้สึกเหมือนหินจริงๆ ส่วนที่พื้นจะเป็นผิวเรียบ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Cotto ตัวเคาน์เตอร์จะเป็นหินแกรนิตเหมือนที่ปูผนังห้องน้ำ กระจกเงาจะได้บานสูงแบบนี้เลยนะครับ โถสุขภัณฑ์จะได้เป็นสุขภัณฑ์อัจฉริยะของ Cotto รุ่น The Tunio มีฟังก์ชัน Automatic Flushing Sensor พร้อมกันรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ที่ให้มาพร้อมทั้ง Hand Shower และ Rain Shower ของ Cotto ชุดฝักบัวของ Cotto มาพร้อมกับ Rain Shower ของ Cotto เหมือนกัน ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้อง คือ ห้องแบบ 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายในห้องกว้างขวางมากขึ้น ด้วยลักษณะของห้องเป็นห้องหน้ากว้างนะครับ เด่นที่พื้นที่ระเบียง ที่จะติดตั้งกระจกกั้นไว้สองชั้น คือชั้นแรกเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อออกสู่ระเบียง ซึ่งกระจกชั้นที่สองจะติดตั้งเต็มพื้นที่ด้านนอก โดยติดตั้งเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อเปิดระบายอาการและรับลมจากด้านนอก ซึ่งห้องแบบ 2 ห้องนอนขึ้นไปจะได้ระเบียงแบบนี้ทั้งหมดนะครับ แปลนห้อง Type 2B-1 ขนาด 59 - 59.75 ตารางเมตร เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วมองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ด้านข้างประตูห้องจะมีตู้เก็บของ เก็บรองเท้า เราไปดูด้านขวามือกันก่อนนะครับ ด้านขวามือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิด ซึ่งจะคล้ายๆ กับห้อง 1 ห้องนอนที่เราดูมาเมื่อกี้เลยนะครับ แต่ห้องนี้จะได้ครัวใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย พื้นบริเวณส่วนครัวจะเป็นกระเบื้องเซรามิคสีขาว ส่วน Living Area จะเป็นพื้น Engineering Wood สีไม้โอ๊ค เหมือนห้อง 1 ห้องนอนเมื่อสักครู่ เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปตัว L ตัวท็อปจะเป็นกระเบื้องหินแกรนิต Black Galaxy เหมือนกัน ด้านบนก็จะเป็นตู้ลอยเก็บของ ซิงค์ล้างจานทรงสี่เหลี่ยมของ MEX เตาไฟฟ้า 2 หัวของ smeg มาพร้อมกับฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของ พร้อมจุดวางไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้า ที่วางตู้เย็นจะอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัว ขยับออกมาทาง Living Area จะเป็นจุดวางโต๊ะทานอาหาร ขนาด 4 ที่นั่ง อยู่ตรงกลางระหว่างครัวกับ Living Area มุมมองจาก Living Area ไปที่ส่วนครัวที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าห้อง ถัดจากส่วน Dining Area เข้าไปด้านในจะเป็นส่วน Living Area Living Area ของห้อง Type นี้ ถือว่ากว้างขวางเลยนะครับ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่ากว้างพอสมควร สามารถวางทีวีจอใหญ่ๆ ได้บายๆ โครงการเลือกวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งให้ดูนะครับ แต่จริงๆ แล้วมีพื้นที่เหลือพอให้วางโซฟา 4 ที่นั่งได้เลย ด้านชั้นวางทีวี โครงการ Built in มาให้เป็นเป็นเคาน์เตอร์ยาวสีดำ ติดกับ Living Area เข้าไปด้านในจะเป็นระเบียง ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน พื้นที่ระเบียงของห้องจริงจะกว้างกว่าที่เราเห็นนี้ประมาณ 15 ซม. นะครับ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องโครงสร้างทำให้โครงการทำขนาดเท่าห้องจริงไม่ได้ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียงเหมือนเดิมนะครับ มี Grill กั้น ให้เรียบร้อย จะสังเกตว่าที่ระเบียงจะมีกระจกกั้นอีก 1 ชั้นนะครับ เพราะห้องแบบ 2 ห้องนอน เกือบทั้งหมดจะอยู่ทิศใต้ หันไปทางวังสระปทุม จึงต้องมีกระจกกั้นไว้อีกชั้น ซึ่งจะเป็นบานกระทุ้ง 3 บาน สามารถเปิดได้ประมาณ 30 องศา เรากลับเข้ามาดูด้านในกันต่อ จาก Living Area จะเป็นทางเดินเข้าไปที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้องและห้องน้ำ ห้องแรกจะเป็นห้องนอนเล็ก พื้นที่ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้นะครับ ถ้าจะวางทีวีไว้ในห้องนอน อาจจะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน พื้นที่ในห้องนอนเล็กค่อนข้างกว้าพอสมควรนะครับ สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้เลย หน้าต่างภายในห้องนอนเล็กจะได้บานใหญ่เลยนะครับ แต่จะเป็นบาน Fix ทั้งหมด ไม่สามารถเปิดออกไปได้ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in บานสูงขึ้นไปจนถึงเพดาน เปิดตู้เสื้อผ้าออกมาแล้ว หน้าตาจะประมาณนี้นะครับ ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำเล็ก สุขภัณฑ์ที่ใช้และการวาง Layout ในห้องน้ำจะเหมือนกับห้อง 1 ห้องนอนที่เราดูมาแล้วนะครับ แต่ห้องน้ำเล็กห้องนี้จะไม่ได้โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Cotto พร้อมกับกระจกเงาบานสูง อย่างที่บอกนะครับ โถสุขภัณฑ์ของห้องน้ำเล็กจะเป็นแบบธรรมดา ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ชุดฝักบัวของ Cotto พร้อมกับ Rain Shower ของ Cotto เช่นกัน จากห้องน้ำเล็ก เราเข้ามาดูที่ห้องนอน Master พื้นที่ในห้องนอน Master ค่อนข้างใหญ่เลยนะครับ วางเตียง 6 ฟุตเข้าไปแล้วยังมีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลืออีกพอสมควร ด้านปลายเตียงโครงการ Built in เป็นชั้นวางทีวีพร้อมกับที่เก็บของ หน้าต่างในห้องนอนใหญ่ก็จะเหมือนกับในห้องนอนเล็กนะครับ คือจะเป็นบาน Fix ทั้งหมด ไม่สามารถเปิดออกไปได้ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า Built in อยู่มุมห้อง ติดกับทางเข้าห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าจะคล้ายๆ กับของห้อง 1 ห้องนอนนะครับ หน้าบานเป็นกระจกสีชา มีชั้นวางของอยู่ด้านข้าง สุดท้ายเราไปดูที่ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ การจัดวางสุขภัณฑ์จะเหมือนกับห้องน้ำเล็กเมื่อสักครู่นะครับ แต่ห้องนี้จะได้โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะด้วย โถสุขภัณฑ์อัจฉริยะของ Cotto พร้อมกันรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส ติดกับโถสุขภัณฑ์จะเป็น Shower Box พร้อมชุดฝักบัวของ Cotto และ Rain Shower ยี่ห้องเดียวกัน มุมมองจากห้องนอนใหญ่ออกไปที่ Living Area สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ทางโครงการก็มีห้องแบบ 3 Bedroom และ Penthouse ให้เลือก 3 Type ด้วยกันนะครับ คือ 3 Bedrooms 2 Bathrooms ขนาด 85 ตร.ม. 3 Bedrooms 3 Bathrooms ขนาด 105 ตร.ม. Penthouse ขนาด 119.50 ตร.ม. ซึ่งการออกแบบก็ตอบโจทย์ให้พื้นที่ใช้สอยที่เป็นส่วนตัวกับสมาชิกทุกคน รวมถึงการ Upgrade วัสดุอุปกรณ์บางชิ้นให้สูงขึ้นด้วยถึงแม้ว่าโดยรวมทางโครงการจะเลือกใช้วัสดุแบรนด์คุณภาพ หรือวัสดุนำเข้าอยู่แล้วก็ตาม อย่างตัวอย่างของวัสดุอุปกรณ์ที่ถูก Upgrade ขึ้นมาก็เช่น ในส่วนครัวเตาไฟฟ้าจะได้เป็นเตา 4 หัว พร้อมฮูดดูดควันของ Küppersbusch ซึ่งเป็นแบรนด์นำเข้าจากเยอรมัน เช่นเดียวกับซิงค์ล้างจานที่เพิ่มมาเป็น 2 หลุม นอกจากนั้นจะมีตู้เย็นและไมโครเวฟ Built in ของ Foster แบรนด์จากอิตาลีเพิ่มมาให้อีกด้วย ส่วนห้องน้ำทุกห้องให้เป็นสุขภัณฑ์อัจฉริยะ Cotto รุ่น The Tunio ที่มีฟังก์ชันสุดล้ำ Automatic Flushing Sensor และรีโมทคอนโทรลแบบผิวสัมผัส และยังได้ความเป็น private มากขึ้น เพราะเป็น High Floor เริ่มตั้งแต่ชั้น 31 -37 มีจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อย ที่สำคัญวิวที่ได้รับจะเป็นวิวเมือง เปิดโล่ง มุมสูง แปลนห้อง Type 3A 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 85 ตารางเมตร แปลนห้อง Type 3B 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 105 ตารางเมตร แปลนห้อง Penthouse (3 ห้องนอน) ขนาด 119.50 ตารางเมตร ด้วยทำเลที่จัดว่าได้เปรียบเรื่องศักยภาพในด้านต่างๆ ทั้งการเดินทางที่สะดวก แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีสาธารณูปโภคครบครัน โครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี จึงเป็นที่น่าจับตา และน่าสนใจทั้งในแง่ของการซื้อไว้อยู่อาศัยเอง และซื้อเพื่อการลงทุน แถมตัวโครงการเองก็ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองด้วย ใครที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างพร้อมพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกับพนักงานขายได้ที่ THE LINE Sales Centre (BTS หมอชิต) โดยโครงการ เดอะ ไลน์ ราชเทวี จะเปิดจองในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย.นี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com/condominium/theline_ratchathewi หรือ โทร.1685
ค่าใช้จ่ายที่ตามมา หากคิดว่าจะอยู่คอนโด

ค่าใช้จ่ายที่ตามมา หากคิดว่าจะอยู่คอนโด

หนุ่มสาวรุ่นใหม่วัยเริ่มต้นทำงาน เมื่อทำงานไปได้สักพัก พอมีเงินเก็บบ้างแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงมองหาคอนโดสักห้องไว้อยู่อาศัยเพื่อให้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องตื่นแต่เช้า เดินทางฝ่ารถติดจากบ้านมาถึงที่ทำงาน จะไปไหนมาไหนก็ใกล้ เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน แต่การซื้อคอนโดสักห้องก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง พอๆ กับการซื้อบ้านสักหลังเลยทีเดียว นอกจากเงินดาวน์ เงินผ่อนต่อเดือนแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายตามมาอีกมากมายเมื่อเข้าอยู่คอนโด ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ว่าจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยครับ ค่าใช้จ่ายที่เลี่ยงไม่ได้หากจะใช้ชีวิตในคอนโด ค่าเฟอร์นิเจอร์ ถ้าคอนโดที่ซื้อเป็นห้องเปล่าซึ่งยังไม่ได้ตกแต่งหรือมีเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ใดๆ แน่นอนว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งห้องให้พร้อมอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โซฟา รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่จำเป็น รวมกันแล้วเป็นค่าใช้จ่ายหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทเลยทีเดียวครับ ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้คือค่าดูแลรักษาทรัพย์สินของส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็น ระบบรักษาความปลอดภัย สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนในโครงการ หรือที่จอดรถ ซึ่งจะเรียกเก็บจากเราล่วงหน้าเป็นรายปี โดยคิดราคาตามขนาดพื้นที่ห้อง เป็นราคาต่อตารางเมตร ทั้งนี้ อัตราค่าส่วนกลางจะแตกต่างกันไปในแต่ละโครงการ เช่น 50 บาท/เดือน/ตร.ม. สมมติเราเลือกคอนโดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตารางเมตร ค่าใช้จ่ายส่วนกลางจะอยู่ที่ 15,000 บาท ต่อปีครับ ค่าประกันอัคคีภัย ค่าประกันอัคคีภัยถือเป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่มาพร้อมกับการกู้ซื้อคอนโด หรือนิติบุคคลเรียกเก็บจากเจ้าของร่วมทุกคน เพื่อช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับคอนโด ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ปกติจะจ่ายพร้อมกับค่าผ่อนคอนโดในงวดแรก หรือถูกเรียกเก็บจากนิติบุคคลเป็นรายปี โดยค่าเบี้ยประกันจะแตกต่างกันไปตามขนาดพื้นที่ห้อง รวมถึงชั้นของคอนโดที่อยู่ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณหลักพันบาทต่อปี ค่าสาธารณูปโภค เมื่อเข้าอยู่คอนโดแล้วย่อมมีค่าสาธารณูปโภคเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือค่าอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือน แต่จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ของแต่ละคน ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาทต่อเดือนขึ้นไป จะเห็นว่าเมื่อรวมค่าใช้จ่ายต่างๆ เข้าด้วยกันแล้วจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว หากไม่เตรียมตัวเก็บเงินก้อนไว้ หรือไม่ได้วางแผนบริหารจัดการรายจ่ายในแต่ละเดือน แต่ละปีให้ดี ก็มีโอกาสที่จะกู้ซื้อคอนโดแล้วผ่อนไม่ไหว ดังนั้น ใครที่คิดว่าคอนโดสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้ และสนใจอยากซื้อคอนโดสักห้อง ต้องไม่มองเพียงแค่ว่ามีเงินดาวน์ เงินผ่อนแล้วจะเข้าอยู่ได้เลย ต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายที่จะตามมาด้วยครับ ทั้งนี้ แม้ว่าธนาคารจะกำหนดให้เรามีภาระผ่อนต่อเดือนได้ถึง 40% ของรายได้ แต่ทางที่ดีแนะนำว่า ไม่ควรผ่อนเกิน 30% ของรายได้ครับ เพราะต้องเผื่อเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะตามมาด้วย เพื่อไม่ให้ภาระผ่อนตึงมือจนเกินไปหรือกระทบกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในแต่ละเดือนของเรา   ขอขอบคุณข้อมูลจาก : K-Expert
The Trust Condo@BTS Erawan : รีวิวคอนโด

The Trust Condo@BTS Erawan : รีวิวคอนโด

The Trust Condo@BTS Erawan คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น บนถนนสุขุมวิท ติด BTS พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จาก Q House รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,790,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    7 - 2 - 84.1 ไร่ จำนวนห้อง     1,570 ยูนิต ที่จอดรถ    476 คัน ที่ตั้งโครงการ    ถนนสุขุมวิท ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ สถานที่สำคัญใกล้เคียง พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โลตัส ศรีนครินทร์ บิ๊กซี สำโรง บิ๊กซี สมุทรปราการ อิมพิเรียล เวิลด์ สำโรง ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 23.50 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 28.50 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิตเนส สวนพักผ่อนธรรมชาติสไตล์รีสอร์ท ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. กล้อง CCTV Access Card เข้า-ออก เฉพาะชั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1388, 02-380-6000, 087-606-4334 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.qh.co.th
อยากได้เงินมาซ่อมบ้าน ต้องทำอย่างไร 

อยากได้เงินมาซ่อมบ้าน ต้องทำอย่างไร 

เชื่อว่าใครๆ ก็อยากให้บ้านแสนรักยังคงสภาพสวยงามเหมือนใหม่อยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อระยะเวลาผ่านไปนานๆ บ้านของเราก็ย่อมที่จะทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา การซ่อมแซมบ้านเพื่อให้มีสภาพสวยงามพร้อมอยู่เหมือนเช่นเดิมจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งในการซ่อมแซมบ้านแต่ละครั้ง ต้องยอมรับว่าใช้เงินจำนวนไม่น้อย แล้วจะทำอย่างไรเพื่อให้มีเงินเพียงพอไว้สำหรับซ่อมแซมบ้าน ใช้เงินของตัวเอง จากการเก็บออม สำหรับใครที่ต้องการเตรียมเงินไว้ซ่อมแซมบ้านในอนาคต โดยปัจจุบันยังไม่มีเรื่องเร่งด่วนให้ต้องรีบซ่อมแซมบ้าน หรือไม่อยากเสียดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงิน แนะนำให้ใช้วิธีเก็บออมเงินเอาไว้ล่วงหน้า โดยตั้งเป้าหมายว่าจะซ่อมแซมบ้านเมื่อไหร่ และใช้งบประมาณเป็นจำนวนเงินเท่าไร เช่น จะซ่อมแซมบ้านด้วยจำนวนเงิน 100,000 บาท ในอีก 2 ปีข้างหน้า ก็เท่ากับว่าจะต้องเก็บออมเงินประมาณเดือนละ 4,100 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้แนะนำให้เก็บออมไว้ในสินทรัพย์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ฝากประจำรายเดือนปลอดภาษี หรือกองทุนตลาดเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีเงินไว้ใช้ซ่อมแซมบ้านอย่างแน่นอน ขอวงเงินเพิ่ม จากสินเชื่อบ้านที่กำลังผ่อน หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินซ่อมแซมบ้านทันที หรือไม่สามารถรอเวลาให้เก็บออมเงินได้เพียงพอเสียก่อน  เราก็สามารถขอสินเชื่อเพิ่มจากธนาคารปัจจุบันที่เรากำลังผ่อนชำระสินเชื่อบ้านอยู่ได้ โดยธนาคารจะมีการกำหนดเงื่อนไขสำหรับการกู้เพิ่ม เช่น ต้องเป็นลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระดี ไม่มีการค้างชำระและผ่อนมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือกำหนดเงื่อนไขอื่นๆ เช่น ให้วงเงินไม่เกิน 80% ของวงเงินที่ได้ผ่อนชำระไปแล้ว ทั้งนี้เงื่อนไขของแต่ละธนาคารอาจมีความแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามการขอวงเงินเพิ่มจากยอดเงินกู้ที่ผ่อนชำระไปแล้วนั้น อัตราดอกเบี้ยจ่ายอาจจะสูงกว่าดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่กำลังผ่อนอยู่ และดอกเบี้ยจ่ายสำหรับวงเงินกู้เพิ่มครั้งนี้จะไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เหมือนกับดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านครับ ขอสินเชื่อใหม่ จากบ้านที่ปลอดภาระ การนำบ้านที่ปลอดภาระไปใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้มีเงินมาซ่อมแซมบ้าน ซึ่งการนำบ้านที่ปลอดภาระไปใช้ขอกู้เงินกับธนาคารอีกครั้ง เงื่อนไขที่ได้รับจะแตกต่างจากการกู้ซื้อบ้านครั้งแรกครับ เช่นระยะเวลาการผ่อนชำระจะสั้นกว่า อาจผ่อนได้ไม่เกิน 15 ปี แต่สินเชื่อกู้ซื้อบ้านจะผ่อนได้สูงถึง 30 ปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยอาจจะคิดในอัตราที่สูงกว่าการกู้ซื้อบ้านใหม่ โดยสินเชื่อประเภทนี้จะไม่สามารถนำดอกเบี้ยจ่ายไปลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ในการขอสินเชื่อใหม่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเหมือนกับการกู้ซื้อบ้านใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ค่าจำนอง 1% ของวงเงินจำนอง ค่าประเมิน ค่าประกันอัคคีภัย ค่าอากรแสตมป์ ค่าทำสัญญาวงเงินกู้ เป็นต้น การหมั่นตรวจเช็คสภาพบ้านอยู่เสมอจะทำให้พบจุดซ่อมแซมเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเราสามารถทยอยซ่อมแซมบ้านไปได้เรื่อยๆ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้บ้านคงสภาพสวยงามเช่นเดิมอยู่เสมอ โดยที่ไม่ต้องเสียเงินก้อนโตไปกับการซ่อมแซมบ้านครั้งใหญ่ครับ   ขอบคุณข้อมูลจาก  k-expert
5 วิธีเลือกซื้อคอนโดเพื่ออยู่อาศัยเอง

5 วิธีเลือกซื้อคอนโดเพื่ออยู่อาศัยเอง

การเลือกซื้อคอนโดนั้น มีปัจจัยหลายอย่างให้ตัดสินใจเลือก และผู้ที่จะซื้อคอนโดเองก็ต้องศึกษาหาข้อมูลเอาไว้แล้วไม่มากก็น้อย ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดสักห้องเพื่ออยู่อาศัยเอง เราควรจะมีหลักเกณฑ์ในการตรวจเช็คเพื่อพิจารณาเลือกซื้อ ดังต่อไปนี้ครับ 1. เช็ครายการความต้องการ หรือเตรียมข้อมูลในการเลือกซื้อคอนโด เช่น ทำเลที่ตั้ง ระยะทาง การเดินทาง ระบบคมนาคมขนส่ง การจราจร หรือแม้กระทั้งการเช็คขนาดของห้องชุดที่อยู่ว่าเหมาะสมกับจำนวนคนที่เข้าอยู่หรือไม่ 2. เช็คพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของตัวเอง ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรเช็คว่าเรามีชีวิตประจำวันอย่างไร มีไลฟ์สไตล์แบบไหน ทำเลรอบข้างมีอะไรที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์เราหรือไม่ เพื่อที่จะได้เลือกคอนโดได้เหมาะสมกับความเป็นอยู่ของเราได้มากขึ้น 3. เช็คสังคมและพฤติกรรมของเพื่อนบ้าน เพื่อที่จะได้ตรวจเช็คว่าสังคมและเพื่อนบ้านของคอนโดที่เราจะเลือกอยู่นั้นเป็นอย่างไร ซึ่งจะส่งผลกระทบไปถึงความรับผิดชอบในการดูแลรับผิดชอบอาคารนี้ เมื่อมีการจัดตั้งนิติบุคคลอาคารชุด เพื่อร่วมรับผิดชอบให้คอนโดน่าอยู่อาศัยมากขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทีมผู้บริหารอาคารและทีมงานนิติบุคคลด้วย 4. เช็คราคาซื้อขาย ก่อนอื่นควรตั้งงบไว้ก่อนว่าจะสามารถซื้อได้ในราคาเท่าไร และควรเลือกซื้อคอนโดที่สามารถซื้อได้ โดยพิจารณาเลือกให้ดีตามความสมดุลของทำเล และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของคอนโดนั้น 5. เช็คความสามารถในการผ่อนชำระ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่ควรเกินความสามารถของเรา โดยทางที่ดีคือต้องมีเงินดาวน์จำนวนมากพอเท่าที่จะทำได้ เพราะจะทำให้เราจ่ายดอกเบี้ยจำนวนน้อยๆ ด้วยครับ   ขอขอบคุณข้อมูลจาก home.co.th
บ้านมีหลายหลัง ดอกเบี้ยลดหย่อนอย่างไร?

บ้านมีหลายหลัง ดอกเบี้ยลดหย่อนอย่างไร?

หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่า "ดอกเบี้ยบ้าน" เป็นอีกค่าลดหย่อนหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งหากมีบ้านหลังเดียวก็คงทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ว่าสามารถนำดอกเบี้ยบ้านมาใช้ลดหย่อนภาษีได้เท่าไร แต่หากมีบ้านหลายหลัง บางคนอาจสับสนว่าจะนำดอกเบี้ยบ้านมาลดหย่อนอย่างไร วันนี้เรามีคำแนะนำที่เข้าใจได้ง่ายๆ สำหรับคนที่มีบ้านหลายหลังมาฝากครับ บ้านหลายหลังแบบกู้คนเดียว โดยปกติแล้วดอกเบี้ยบ้านสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาทครับ หากมีบ้านหลายหลังมาจากการกู้คนเดียว สามารถนำดอกเบี้ยจ่ายของบ้านที่เราเป็นผู้กู้ มารวมกันแล้วลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท เช่น มีบ้าน 2 หลัง หลังที่ 1 มีดอกเบี้ยจ่าย 50,000 บาท หลังที่ 2 มีดอกเบี้ยจ่าย 60,000 บาท เท่ากับว่าสามารถนำดอกเบี้ยบ้านมาลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาทครับ ถึงแม้ดอกเบี้ยจ่ายจริงจะอยู่ที่ 110,000 บาทก็ตาม บ้านหลายหลังแบบกู้ร่วม หากใครที่มีบ้านหลายหลังและเป็นการกู้ร่วม การนำดอกเบี้ยบ้านมาลดหย่อนให้หารเฉลี่ยเท่าๆ กันตามจำนวนผู้กู้ร่วมครับ แต่ก่อนที่จะนำดอกเบี้ยมาหารเฉลี่ย ดอกเบี้ยจ่ายของการกู้ร่วมของบ้านแต่ละหลังจะต้องไม่เกิน 100,000 บาท เช่น กู้ร่วม 2 คน ดอกเบี้ยบ้านจากการกู้ร่วมทั้งปีอยู่ที่ 120,000 บาท ตามเกณฑ์ของการลดหย่อนดอกเบี้ยบ้านสามารถลดหย่อนได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท จึงทำให้ดอกเบี้ยบ้านที่แต่ละคนนำมาลดหย่อนได้จะเท่ากับคนละ 50,000 บาทเท่านั้นครับ และหากมีบ้านหลายๆ หลัง เมื่อนำจำนวนดอกเบี้ยบ้านที่หารเฉลี่ยแล้วมารวมกัน ในหนึ่งคนจะลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาทเช่นกันครับ ตัวอย่างเช่น มีบ้าน 3 หลัง กู้ร่วม 2 หลัง กู้เดี่ยว 1 หลัง สมมติว่า หลังที่ 1 กู้ร่วมหารเฉลี่ยผู้กู้ร่วมได้ดอกเบี้ยบ้านคนละ 40,000 บาท หลังที่ 2 กู้ร่วมหารเฉลี่ยผู้กู้ร่วมได้ดอกเบี้ยบ้านคนละ 30,000 บาท หลังที่ 3 กู้เดี่ยวดอกเบี้ยบ้านอยู่ที่ 50,000 บาท รวมแล้วดอกเบี้ยบาททั้งหมดเท่ากับ 120,000 บาท แต่สามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนดอกเบี้ยบ้านได้ไม่เกิน 100,000 บาทครับ แต่หากรวมกันแล้ว 3 หลังดอกเบี้ยตามจริงไม่ถึง 100,000 บาท ก็สามารถลดหย่อนได้ตามจริงเท่านั้น เช่น ดอกเบี้ยบ้าน 3 หลัง รวมกันแล้วอยู่ที่ 80,000 บาท สิทธิลดหย่อนจะใช้ได้ตามจริงก็คือ 80,000 บาทครับ อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยบ้านจากการกู้เงินบางประเภทไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่น การกู้เพื่อตกแต่งบ้าน การนำบ้านปลอดภาระมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอกู้เงินกับธนาคาร การกู้เอนกประสงค์โดยกู้เพิ่มจากวงเงินกู้บ้านเดิม ดังนั้นก่อนการนำดอกเบี้ยบ้านมาลดหย่อนภาษีควรตรวจสอบสัญญาด้วยครับว่าเป็นเงินกู้ประเภทใด เพื่อไม่ให้ใช้สิทธิแบบผิดเงื่อนไขของกรมสรรพากร   ขอขอบคุณข้อมูลจาก K-Expert
The Residences@Mandarin Oriental Bangkok : รีวิวคอนโด

The Residences@Mandarin Oriental Bangkok : รีวิวคอนโด

The Residences@Mandarin Oriental Bangkok คอนโดหรูระดับ Super Luxury ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา  อีกหนึ่งโครงการในโปรเจค ICONSIAM ภายใต้แบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 350,000 บาทต่อตารางเมตร เจ้าของโครงการ   บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 52 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     146 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 350 คัน พื้นที่โครงการ    ประมาณ 4.9 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนเจริญนคร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปี 2561 สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน โรงแรมเพนนินซูล่า ท่าเรือสี่พระยา โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ลักษณะห้องและขนาดห้อง 2 Bedroom  ขนาด 127.87 - 165.40 ตารางเมตร 3 Bedroom  ขนาด 222.21 - 228.88 ตารางเมตร Penthouse  ขนาด 380.93 - 383.98 ตารางเมตร Penthouse Duplex  ขนาด 386.12 - 707.28 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Club House Business Center Lounge Infinity-edge Lap Pool Fitness Center สนามกอล์ฟจำลอง ห้องเล่นเกม ระบบจอดรถอัตโนมัติ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-118-2211 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.iconsiam.com
ซื้อหรือเช่าคอนโดฯ ใกล้โรงเรียนของลูก แบบไหนดีกว่ากัน

ซื้อหรือเช่าคอนโดฯ ใกล้โรงเรียนของลูก แบบไหนดีกว่ากัน

เมื่อถึงเวลาที่ลูกๆ ต้องเข้าโรงเรียน มักจะมีหลายๆ เรื่องให้คุณพ่อคุณแม่ต้องวางแผน นอกจากเรื่องโรงเรียนที่จะให้ลูกเข้าเรียนแล้ว เรื่องการเดินทางก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าโรงเรียนของลูกอยู่ใกล้บ้านหรือที่ทำงานของคุณพ่อคุณแม่ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าโรงเรียนไม่ได้อยู่ใกล้อย่างที่บอกล่ะ? หลายๆ ท่านจึงมักจะหาทางออกด้วยการซื้อคอนโดหรือหาเช่าคอนโดใกล้ๆ โรงเรียนของลูกแทน แต่ก็มีคำถามตามมาว่า ควรซื้อหรือเช่าคอนโด แบบไหนดีกว่ากัน วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝาก ลองใช้ข้อมูลเหล่านี้ประกอบการตัดสินใจกันดูนะครับ วางแผนเลือกโรงเรียนให้ลูกอย่างไร คุณพ่อคุณแม่ที่วางแผนให้ลูกเรียนในโรงเรียนเดิมในแต่ละระดับชั้น หรือถ้ามีการย้ายโรงเรียน ก็เป็นโรงเรียนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน หรืออยู่ใกล้เส้นรถไฟฟ้า หรือรถใต้ดิน คุณพ่อคุณแม่อาจตัดสินใจซื้อคอนโดฯ เพราะมีโอกาสที่ลูกจะได้อยู่คอนโดฯ นี้นานกว่า 10 ปี และการซื้อคอนโดฯ ก็มีข้อดีที่สำคัญคือ ทำให้มีสินทรัพย์เป็นของเราเอง และในอนาคตถ้าไม่ได้อยู่คอนโดฯ ที่ซื้อนี้แล้ว ก็มีโอกาสสร้างรายได้ด้วยการปล่อยเช่า หรือขายทำกำไรจากการปรับขึ้นของมูลค่าคอนโดฯ แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่วางแผนให้ลูกเรียนในโรงเรียนที่แตกต่างกันไปในแต่ละระดับชั้น การเช่าคอนโดฯ อาจจะเหมาะกว่า เพราะเมื่อต้องการย้ายที่เรียน ก็เพียงแค่มองหาคอนโดฯ ให้เช่าแห่งใหม่ที่ใกล้โรงเรียนของลูก แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ได้ตัดสินใจซื้อคอนโดฯ ไปแล้ว เมื่อต้องย้ายคอนโดฯ อาจเกิดความยุ่งยากในการขายคอนโดฯ เดิม ซึ่งอาจขายไม่ได้ในทันที หรือต้องหาผู้มาเช่า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย มีเงินดาวน์เพียงพอหรือไม่ ส่วนใหญ่การซื้อคอนโดฯ สักห้องหนึ่งมักซื้อด้วยการขอสินเชื่อ โดยทั่วไปธนาคารจะให้วงเงินกู้ประมาณ 80-90% ของราคาคอนโดฯ เท่ากับว่า ผู้กู้จะต้องมีเงินดาวน์อย่างน้อย 10-20% ของราคาคอนโดฯ เช่น คอนโดฯ ราคา 2 ล้านบาท ก็ควรมีเงินดาวน์อย่างน้อย 2-4 แสนบาท ถ้ามีเงินก้อนสำหรับเป็นเงินดาวน์เพียงพอแล้ว ก็สามารถตัดสินใจกู้ซื้อคอนโดฯ ได้ แต่ถ้าเงินดาวน์ยังมีไม่เพียงพอ อาจต้องเช่าคอนโดฯ และระหว่างนี้ก็เก็บออมเงินดาวน์ไปก่อน หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ การผ่อนดาวน์คอนโดฯ ซึ่งจะเป็นคอนโดฯ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ภาระหนี้ปัจจุบันมีมากน้อยเพียงใด ถ้าวางแผนซื้อคอนโดฯ ด้วยการขอสินเชื่อ ธนาคารจะพิจารณาว่าเรามีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้มากน้อยเพียงใด โดยทั่วไปภาระผ่อนหนี้ทั้งหมดต่อเดือน ไม่ว่าจะเป็น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน สมมติเงินเดือน 50,000 บาท จะสามารถผ่อนชำระหนี้ได้เดือนละประมาณ 20,000 บาท ถ้าไม่มีภาระหนี้สินใด โอกาสขอสินเชื่อบ้านผ่านก็มีสูง แต่ถ้ามีภาระผ่อนหนี้อื่นอยู่ โอกาสขอสินเชื่อบ้านผ่านก็อาจเป็นไปได้ยาก หรือได้วงเงินกู้ที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งการเช่าคอนโดฯ อยู่ก็จะเหมาะกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้ามีภาระหนี้สินอยู่เยอะแล้ว ก็ต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนค่าเช่าที่เพิ่มเข้ามา โดยอาจต้องปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นลง เพื่อให้รายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดของครอบครัว ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจซื้อหรือเช่าคอนโดฯ สิ่งสำคัญอยู่ที่ความพร้อมทางการเงินของครอบครัว เพราะจะมีค่าผ่อนหรือค่าเช่าที่ต้องจ่ายทุกเดือน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องวางแผนให้ดีจะได้ไม่เกิดปัญหาการเงินตามมาในอนาคต
Supalai Loft @ สถานีแคราย : รีวิวคอนโด

Supalai Loft @ สถานีแคราย : รีวิวคอนโด

Supalai Loft @ สถานีแคราย คอนโด High Rise สูง 33 ชั้น บนถนนติวานนท์ ใกล้รถไฟฟ้าสถานีแคราย โครงการใหม่จาก ศุภาลัย รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1 ล้านกว่าบาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 33 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการ    ประมาณ  2-0-34.5 ไร่ จำนวนห้อง     422 ยูนิต / ร้านค้า 2 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ    ถนนติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี สถานที่สำคัญใกล้เคียง ไปรษณีย์นนทบุรี MRT สถานีแคราย เทสโก้ โลตัส รัตนาธิเบศร์ เอสพลานาด รัตนาธิเบศร์ ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี สถาบันโรคทรวงอก กระทรวงสาธารณสุข บิ๊กซี เดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 32- 35 ตารางเมตร 1 Bedroom ขนาด 46- 49 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 56.5- 68 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Meeting Room บริเวณ lobby  ชั้น 1 สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge ห้องน้ำส่วนกลาง ชั้น8  ( สระว่ายน้ำ) พร้อมห้องออกลังกาย (Fitness) สวนชั้นล่าง, สวนชั้นสระว่ายน้ำและสวนชั้นดาดฟ้า(สวนพักผ่อน)  Roof  Garden รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1720 กด 79 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.supalai.com
THAN Living รัชดา-วงศ์สว่าง : รีวิวคอนโด

THAN Living รัชดา-วงศ์สว่าง : รีวิวคอนโด

THAN Living รัชดา-วงศ์สว่าง คอนโด High Rise สูง 28 ชั้น บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ห่างจาก MRT วงศ์สว่างเพียง 200 เมตร โครงการใหม่จาก กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,200,000 บาท (เดือนสิงหาคม 2558) เจ้าของโครงการ    บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 28 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     707 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ    ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT วงศ์สว่าง บิ๊กซี วงศ์สว่าง โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom - 2 Bedroom ขนาด 28 - 80 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก สวนพักผ่อน Sky Lounge ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. กล้อง CCTV สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-275-8888 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.siralai.com
สูตรเด็ดเคล็ดลับ ลงทุนคอนโด การรันตีผลตอบแทน

สูตรเด็ดเคล็ดลับ ลงทุนคอนโด การรันตีผลตอบแทน

“คอนโด การันตีผลตอบแทน” หรือที่ในต่างประเทศนิยมเรียกว่า “Sales & Leaseback Stratgies (คอนโดที่ขายโดยใช้กลยุทธ์ขายแล้วเช่ากลับคืน) ” ในแง่การลงทุนแล้วจัดว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คอนโดแบบนี้มักพบเจอได้ไม่ยากตามหัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ พัทยา หัวหิน ภูเก็ต และเชียงใหม่ รวมถึงในกรุงเทพฯ ด้วย จุดน่าสนใจของคอนโดฯ ลักษณะนี้อยู่ตรงที่ผู้ลงทุนที่ซื้อเป็นเจ้าของจะมีสิทธิได้รับผลตอบแทนจากการที่โครงการรับเอาไปบริหารจัดการปล่อยเช่า โดยอาจทำเป็นโรงแรมหรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ให้แทน โดยผลตอบแทนนี้จะได้รับแน่ๆ ตามข้อตกลงหรือสัญญาที่การันตีเอาไว้ ซึ่งปกติมักจ่ายออกมาในรูปของค่าเช่านั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้นการถือครองคอนโดฯ แบบนี้ยังช่วยให้เจ้าของไม่มีภาระจ่ายค่าส่วนกลางในระหว่างการถือครอง ขณะเดียวกันก็ยังมีโอกาสกลับมาใช้ประโยชน์คอนโดฯ เพื่อพักผ่อนในยามที่ต้องการได้ด้วย และข้อดีสุดท้ายก็คือเมื่อคิดขายเมื่อไร คอนโดฯ แบบนี้ก็มักขายได้ง่ายและได้ราคากว่าคอนโดฯ ทั่วไป แม้คอนโดฯ ประเภทนี้จะน่าจูงใจอย่างยิ่งต่อการลงทุนซื้อ แต่ความสำเร็จสำคัญในการลงทุนจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับคุณลักษณะและทำเลที่ตั้งของตัวคอนโดฯ เป็นสำคัญ ซึ่งจะต้องเหมาะกับการนำมาใช้หาผลประโยชน์ในการปล่อยเช่าด้วย หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว คนที่ลงทุนก็มีโอกาสประสบปัญหาต่างๆ ได้เช่นกัน อาทิ ทำสัญญากันแล้วไม่อาจ ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว หรือบางครั้งอาจเลวร้ายถึงชั้นมีการผิดสัญญาเกขึ้นได้ ในบ้านเราเมื่อไม่นานมานี้ได้เคยมีผู้ทำการวิจัยและศึกษาคอนโดฯ การันตีผลตอบแทนเอาไว้ โดยพบว่าปัจจัยกำหนดความสำเร็จในการซื้อคอนโดฯ แบบขายแล้วเช่ากลับคืนมาบริหาร โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับ 7 ปัจจัยสำคัญดังนี้ วิวทิวทัศน์และบรรยากาศ เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่จะช่วยให้คอนโดฯ ปล่อยเช่าง่าย ได้ราคาและประสบความสำเร็จ ทำเลที่ตั้ง คอนโดฯ ที่ทำเลที่ตั้งที่ดีกว่า เมื่อนำห้องชุดไปบริหารเป็นโรงแรมก็จะทำให้มีลูกค้ามาใช้บริการมากกว่าตามไปด้วย การเพิ่มมูลค่าคอนโดฯ หลังลงทุนไป ต้องเน้นเลือกคอนโดฯ เฉพาะที่อยู่ในทำเลที่มีแนวโน้มเพิ่มค่าได้ดีเท่านั้น คือต้องเป็นพื้นที่ที่มีแนวโน้มเจริญขึ้นได้เรื่อยๆ และไม่มีปัญหาการแข่งขันทั้งในปัจจุบันและในอนาคต การการันตีค่าเช่า ควรต้องมีระบุในสัญญาไว้อย่างชัดเจนเป็นลายลักษรณ์อักษร ผลตอบแทนและความคุ้มค่าในการลงทุน ต้องพิจารณาดูว่าผลตอบแทนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหนและคุ้มค่าเพียงใด ปกติเกณฑ์ที่ใช้วัดความคุ้มค่าควรต้องสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อคอนโดฯถัวเฉลี่ยอย่างน้อย 1% ความปลอดภัยในโครงการ โดยทั่วไปคอนโดฯ ที่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยมักส่งผลลบตามมา ทำให้คอนโดฯนั้น มีปัญหาในการปล่อยเช่าในอนาคต การมีสิทธิได้กลับมาพักที่โครงการ ถือเป็นส่วนที่ทำให้ผู้ซื้อเกิดความภาคภูมิใจและรู้สึกดีที่ได้เป็นเจ้าของคอนโดฯ เพราะมีโอกาส มาใช้พักผ่อนเมื่อต้องการได้
Plum Condo ลาดพร้าว 101 : รีวิวคอนโด

Plum Condo ลาดพร้าว 101 : รีวิวคอนโด

Plum Condo ลาดพร้าว 101 คอนโด Low Rise สูง 5 ชั้น จำนวน 12 อาคาร ราคาต่ำกว่าล้าน พร้อมเข้าอยู่ ในซอยลาดพร้าว 101 จากพฤกษา เรียลแอสเสท รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    ประมาณ 950,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท พฤกษา เรียลแอสเสท จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 5 ชั้น 12 อาคาร จำนวนห้อง     712 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   8 - 1 - 71 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    พร้อมเข้าอยู่ ที่จอดรถ    ประมาณ 190 คัน คิดเป็น 30% (รวมจอดซ้อนคัน) ค่าส่วนกลาง    29 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร ชำระครั้งเดียว สถานที่สำคัญใกล้เคียง The Mall บางกะปิ Crystal Park Crystal Design Center (CDC) Makro Mini Big C Tesco Lotus Supermarket โรงพยาบาลลาดพร้าว โรงพยาบาลเวชธานี ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 22.05 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Chit – Chat Room สวนพักผ่อนแบบ Private Garden Self - Service Laundry Room มีให้บริการ 2 จุด ตู้กดน้ำหยอดเหรียญ มีให้บริการ 2 จุด ที่จอดรถ Security 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  plum.pruksa.com
Menam Residences : รีวิวคอนโด

Menam Residences : รีวิวคอนโด

Menam Residences (แม่น้ำ เรสซิเดนซ์) คอนโดหรูสูง 54 ชั้น ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ Asiatique รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    8,100,000 บาท (เดือนสิงหาคม 2558) ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร    ประมาณ 180,000 บาท เจ้าของโครงการ    Menam Residences Co., Ltd. ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 54 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     294 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   5 - 0 - 58 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2559 ที่จอดรถ    ประมาณ 350 คัน คิดเป็น 120% ค่าส่วนกลาง    60 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    600 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สถานีสะพานตากสิน Asiatique โรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรี่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน Homepro พระราม 3 Vanilla Moon โรบินสัน บางรัก เซ็นทรัล พระราม 3 เทสโก้ โลตัส พระราม 3 โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 44.5 - 60 ตารางเมตร 2 Bedroom ขนาด 63 - 99 ตารางเมตร 3 Bedroom ขนาด 120.5 - 160 ตารางเมตร Duplex Penthouse ขนาด 262 - 287 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำที่ชั้น 10 + Jacuzzi ห้องออกกำลังกาย ห้องเด็กเล่น สนามเด็กเล่น Steam / Sauna Indoor / Outdoor Onsen ห้องสมุด Reflective Pool สวนใหญ่หน้าโครงการ พร้อม Pool + Pavillion Sky Lounge ที่ชั้น 41 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-688-2002 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.menamresidences.com
ก่อสร้างหรือดัดแปลงบ้าน ต้องมีระยะร่น

ก่อสร้างหรือดัดแปลงบ้าน ต้องมีระยะร่น

กฎหมายควบคุมอาคารมีข้อกำหนดให้อาคารทุกประเภทต้อง “ร่นแนวอาคาร” จากแนวเขตที่ระบุไว้ นอกเหนือจากการต้องเว้นให้มีที่ว่างสำหรับอาคารทุกหลังที่ก่อสร้างหรือดัดแปลงแล้ว กฎหมายควบคุมอาคารยังมีข้อกำหนดให้อาคารทุกประเภทต้อง ร่นแนวอาคาร  จากแนวเขตที่ระบุไว้ ไม่ว่าจะเป็นการต้องร่นแนวอาคารจากเขตถนนสาธารณะ หรือร่นจากเขตทางน้ำสาธารณะ บางข้อกำหนดให้ ผนังหรือระเบียงต้องห่าง  จากแนวเขตที่ดิน หรือต้องห่างจากผนังอาคารของผู้อื่นที่อยู่ข้างเคียง หรือต้องห่างจากผนังหรือระเบียงอาคารอื่นที่อยู่ในที่ดินเจ้าของเดียวกัน หลายคนเรียกข้อกำหนดนี้ว่า “ระยะร่น” และ “ระยะห่าง” ของอาคาร ก่อนดูในรายละเอียดของระยะร่น ท่านเจ้าของบ้านควรต้องทราบแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการร่นแนวอาคาร เพราะกฎหมายควบคุมอาคารกำหนดให้ต้อง ร่นแนวอาคาร  แต่ไม่ได้เขียนให้ชัดว่า แนวอาคาร  ที่ว่านั้นหมายถึงแนวไหนของตัวอาคาร หากไม่ใช่ข้อกำหนดที่ระบุชัดว่าเป็นผนังหรือระเบียง หลายคนเลยอาจคิดว่าแนวอาคารอาจหมายถึง แนวชายคา แนวกันสาด หรือแนวใดๆของอาคารยื่นออกไปมากที่สุด ปัจจุบันแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นโดยทั่วไปแล้วจะพิจารณาแนวอาคาร โดยถือเอาแนวผนังอาคาร หรือแนวเสาของอาคารที่อยู่ริมด้านนอกสุด แต่จะไม่รวมถึงกันสาด ชายคา หรือหลังคา  (อ้างอิงจากหนังสือตอบข้อหารือของกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่ มท.0710/10880 และที่ มท.0710/13604) โดยระยะร่นทั้งหลายก็ให้วัดจากแนวเขตที่กฎหมายกำหนด เช่น กึ่งกลางถนนสาธารณะไปจนถึงผนังอาคารหรือเสาที่อยู่ริมนอกสุดของอาคารที่จะ ก่อสร้างหรือดัดแปลงนั่นเอง อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นเพียงแนวปฏิบัติ ดังนั้นในอนาคตก็อาจมีแนวปฏิบัติที่แตกต่างออกไป ระยะร่นอาคารจากแนวเขตที่กฎหมายกำหนดที่สำคัญ คือ ระยะร่นจากถนนสาธารณะ  เนื่อง เพราะถนนเป็นที่สาธารณะ ซึ่งอาคารส่วนใหญ่มักจะก่อสร้างใกล้ถนน และต้องก่อสร้างไม่ให้ส่วนใดของอาคารล้ำเข้าไปในที่สาธารณะ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นกรณีไป ระยะร่นจากถนนสาธารณะ กฎหมายควบคุมอาคารกำหนดให้อาคารทุกประเภทที่ก่อสร้างหรือดัดแปลงต้องมีระยะร่นจากถนนสาธารณะ โดยระยะที่ต้องร่นแนวอาคารขึ้นกับว่าถนนสาธารณะที่อยู่ใกล้นั้นมีความกว้างเท่าใด และขึ้นกับว่าอาคารที่ก่อสร้างหรือดัดแปลงนั้นเป็นอาคารประเภทใด โดยกฎหมายเขียนเรื่องนี้อยู่ในข้อเดียวกัน แต่เขียนเป็นสองวรรค (แต่ละวรรคก็คือแต่ละย่อหน้านั่นเอง เพียงแต่กฎหมายในระดับรอง เช่นกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติ ใช้คำเรียกว่า “วรรค” ในที่นี้จึงขอเขียนคำว่าวรรคนำหน้าเพื่อให้อ้างอิงได้) - วรรคแรก ถนนสาธารณะที่มีความกว้างเขตทางน้อยกว่า 6 เมตร ให้ร่นแนวอาคารห่างจากกึ่งกลางถนนสาธารณะไม่น้อยกว่า 3 เมตร กรณีนี้ไม่ได้ระบุประเภทอาคารจึงบังคับใช้กับทุกอาคาร - วรรคสอง สำหรับอาคารที่สูงเกิน 2 ชั้นหรือเกิน 8 เมตร ห้องแถว ตึกแถว บ้านแถว อาคารพาณิชย์ โรงงาน อาคารสาธารณะ ป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้าย หรือคลังสินค้า ที่ก่อสร้างสร้างใกล้ถนนสาธารณะที่มีความกว้างต่างๆ ให้มี ระยะร่นดังนี้ 1. ถนนสาธารณะที่มีความกว้างน้อยกว่า 10 เมตร ให้ร่นแนวอาคารห่างจากกึ่งกลางถนนสาธารณะไม่น้อยกว่า 6 เมตร 2. ถนนสาธารณะที่มีความกว้างตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน20 เมตร ให้ ร่นแนวอาคารห่างจากเขตถนนสาธารณะไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของความกว้างของเขตถนนนั้นๆ เช่น ถ้าถนนกว้าง 12 เมตร แนวอาคารต้องร่นห่างจากเขตถนนเท่ากับ 1.20 เมตร 3. ถนนสาธารณะที่มีความกว้างตั้งแต่ 20 เมตรขึ้นไป ให้ร่นแนวอาคารห่างจากเขตถนนสาธารณะไม่น้อยกว่า 2 เมตร หลายคนอ่านแล้วอาจคิดต่อว่าในวรรคสอง (1) กำหนดความกว้างของถนนสาธารณะว่ากว้างน้อยกว่า 10 เมตร แปลว่า ถ้าถนนกว้างเพียง 4 เมตร จะเข้าเกณฑ์ทั้งวรรคแรกและวรรคสอง (1) แล้วจะใช้ระยะร่นตามวรรคไหน เพราะวรรคแรกให้ร่นเพียง 3 เมตรแต่วรรคสอง (1) ให้ร่นถึง 6 เมตร แต่ให้สังเกตว่าในวรรคสองนั้นมีกำหนดประเภทของอาคารไว้ด้วย หมายความว่าอาคารตามที่ระบุเท่านั้นจึงใช้ตัวเลขระยะร่นตามวรรคสอง (1) นอกจากนั้นจึงให้ใช้ตัวเลขระยะร่นตามวรรคแรก ซึ่งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดก็มีระบุไว้แตกต่างกัน ดังนั้น ถ้าสร้างบ้านใกล้ถนนสาธารณะที่กว้างน้อยกว่า 6 เมตร จะใช้ระยะร่นตามวรรคแรกก็ต่อเมื่อ บ้านนั้นสูงไม่เกิน 2 ชั้นหรือไม่เกิน 8 เมตร กรณีสร้างอยู่ต่างจังหวัด แต่หากเป็นบ้านที่สร้างในกรุงเทพฯ จะต้องเป็นบ้านที่สูงไม่เกิน 3 ชั้นหรือไม่เกิน 10 เมตร และพื้นที่ไม่เกิน 1,000 ตารางเมตร โดยบ้านที่สร้างนั้นต้องไม่ใช่ห้องแถว ตึกแถวหรือบ้านแถว นอกเหนือจากนี้ต้องใช้ตัวเลขระยะร่นตามวรรคสอง (1) ตัวอย่างเช่น ถ้าก่อสร้างบ้านพักอาศัยสูง 4 ชั้นใกล้กับถนนสาธารณะที่กว้างน้อยกว่า 6 เมตร จะต้องร่นแนวอาคารจากกึ่งกลางถนนสาธารณะไม่น้อยกว่า 6 เมตร ประเด็นสำคัญที่ท่านเจ้าของบ้านต้องทราบไว้ คือ หากท่านหรือใครก็ตามเป็นเจ้าของที่ดินในต่างจังหวัด แล้วยินยอมให้คนทั่วไปใช้ที่ดินนั้นเป็นทางผ่าน โดยจะเก็บค่าผ่านทางหรือไม่ก็ตาม กฎหมายควบคุมอาคารจะถือว่าที่ดินนั้นเข้าข่ายเป็น “ถนนสาธารณะ” ทันที เมื่อเป็นถนนสาธารณะ อาคารที่สร้างใกล้กับที่ดินที่ยอมให้คนทั่วไปผ่านนั้น ก็ต้องก่อสร้างให้มีระยะร่นเช่นเดียวกับที่ต้องร่นจากถนนสาธารณะ สำหรับในเขตกรุงเทพฯ ที่ดินที่ยินยอมให้คนทั่วไปใช้เป็นทางผ่าน หากมีความยาวไม่เกิน 500 เมตรหรือมีการปักป้ายหวงห้ามกรรมสิทธิ์ไว้ จะถือว่าเป็น “ทางส่วนบุคคล” ไม่ถือเป็นถนนสาธารณะ แต่หากไม่เข้าสองเงื่อนไขนี้จะเข้าข่ายเป็นถนนสาธารณะตามกฎหมายควบคุมอาคารและก็จะต้องมีระยะร่นเช่นกัน เรื่องของกฎหมายควบคุมอาคารเกี่ยวกับระยะร่นหรือระยะห่างอาคารนั้น มีข้อกำหนดอยู่ค่อนข้างมาก จะค่อยๆ นำแต่ละกรณีมาเขียนให้ทราบต่อไป หมายเหตุ : ท่านที่ต้องการอ้างอิงข้อกฎหมายในเรื่องระยะร่นจากถนนสาธารณะ หากเป็นที่ดินในต่างจังหวัดให้ดูกฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ข้อ 41 หากเป็นที่ดินในกรุงเทพฯ ให้ดูข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 ข้อ 50   ขอขอบคุณแหล่งที่มาจาก คมกฤช ชูเกียรติมั่น ผู้อำนวยการสถาบันสถาปนิกสยาม สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
The Esse Asoke : รีวิวคอนโด

The Esse Asoke : รีวิวคอนโด

The Esse Asoke คอนโด High Rise หรูสูง 55 ชั้น บนถนนอโศกมนตรี ใกล้แหล่งธุรกิจใจกลางเมือง โครงการแรกจาก Singha Estate รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    7,890,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร    ประมาณ 220,000 บาท เจ้าของโครงการ   Singha Estate Public Company Limited ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 55 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     419 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   2 - 2 - 74.4 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนอโศกมนตรี แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ที่จอดรถ    ประมาณ 432 คัน หรือคิดเป็น 102% พร้อมที่จอดรถซุปเปอร์คาร์และซุปเปอร์ไบค์ เริ่มก่อสร้าง    ปี 2559 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาส 4 ปี 2561 ค่าส่วนกลาง    80 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    800 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สุขุมวิท MRT เพชรบุรี BTS อโศก Airport Rail Link มักกะสัน ท่าเรือสะพานอโศก ตลาดรวมทรัพย์ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรจน์ประสานมิตร Terminal 21 อาคาร GMM Grammy อาคาร Exchange Tower อาคาร Interchange Tower โรงแรม The Continent Sukhumvit ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 37.00 - 53 ตารางเมตร 2 Bedrooms 2 Bathrooms  ขนาด 75.50 - 84 ตารางเมตร Penthouse ขนาด 104.50 – 195.50 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก The ESSE court, 1,000 sq.m. garden Locker for super bike accessories Grand lobby Mail box room Central storage for golf bag and suitcase Laundry room Driver waiting room Serenity court Sky swimming pool with kids pool , lap pool , and jacuzzi Pool terrace Steam room and plunge pool Sky gym Golf simulation The ESSE residences lounge Reading club Business center and board room (size S,M,L) Skyscraper deck สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-664-3555 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  condo.singhaestate.co.th
Supalai Lite รัชดาฯ-นราธิวาส-สาทร : รีวิวคอนโด

Supalai Lite รัชดาฯ-นราธิวาส-สาทร : รีวิวคอนโด

Supalai Lite รัชดาฯ-นราธิวาส-สาทร คอนโด High Rise สูง 27 ชั้น บนถนนรัชดาภิเษก ใกล้เซ็นทรัล พระราม 3 โครงการใหม่จากศุภาลัย รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,500,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 27 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     566 ยูนิต และร้านค้า 7 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   4 - 1 - 14 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนน รัชดาภิเษก แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง BRT ถนนจันทน์ เซ็นทรัลพระราม 3 Tesco Lotus รพ. BNH รพ. เซนต์หลุยส์ Makro ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.5 – 70 ตร.ม. 2 Bedrooms ขนาด 76.5 – 86 ตร.ม. 3 Bedrooms ขนาด 135 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำระบบเกลือ (Infinity Edge) สระเด็ก ห้องออกกำลังกายประมาณ พร้อมห้องซาวน่า Sky Lounge (ระบายอากาศด้วยวิธีธรรมชาติ) Roof Garden รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1720 กด 74 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.supalai.com
The Remarkable ศูนย์วิจัย 2 : รีวิวคอนโด

The Remarkable ศูนย์วิจัย 2 : รีวิวคอนโด

The Remarkable ศูนย์วิจัย 2 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น ในซอยศูนย์วิจัย 2 โครงการใหม่จาก Able Asset รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,300,000 บาท เจ้าของโครงการ    Able Asset Group Co., LTD. ลักษณะคอนโด    Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     87 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   0 - 3 - 24 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ซอยเพชรบุรี 47 แยก 2 ( ซอยศูนย์วิจัย 2 ) แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    ประมาณ 41 คันคิดเป็น  47% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) เริ่มก่อสร้าง    เดือนธันวาคม 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนธันวาคม 2560 ค่าส่วนกลาง    58 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง สถานีตำรวจมักกะสัน โรงพยาบาลกรุงเทพ M Theater Foodland เพชรบุรี โรงพยาบาลปิยะเวท โรงพยาบาลพระราม 9 มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ โรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.31 – 50.06 ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 54.75 – 55.09 ตารางเมตร Penthouse ขนาด 83.16 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก ล็อบบี้ (INDOOR & OUTDOOR) ห้องออกกำลังกาย (FITNESS ROOM) สวนส่วนกลาง (GARDEN) ห้องน้ำส่วนกลาง (WC) สระว่ายน้ำระบบเกลือพร้อม JET SPA (SWIMMING POOL) ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว (ELEVATOR) สวนส่วนตัว (บางยูนิต) ที่จอดรถ (CAR PARK) บริการรถรับส่ง ระบบรักษาความปลอดภัย (CCTV / KEY CARD ACCESS) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง (SECURITY GUARD) ระบบเตือนเพลิง (FIRE ALARM) ตู้ดับเพลิงและถังเคมีดับเพลิง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  089-333-8222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.remarkablecondo.com
Chewathai Residence Bang Pho : รีวิวคอนโด

Chewathai Residence Bang Pho : รีวิวคอนโด

รีวิววันนี้ เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ความน่าสนใจของโครงการนี้นอกจากจะเป็นคอนโดที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบางโพแล้ว ยังเป็นคอนโด High Rise สูง 24 ชั้น ที่อยู่ริมถนนประชาราษฎร์สาย 2 ในช่วงที่ใกล้มากพอจะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ พร้อมกับการออกแบบที่เน้นความหรูหรา ในสไตล์ Modern Contemporary และพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางกว่าคอนโดอื่นๆ ในทำเลเดียวกัน ซึ่งขณะนี้โครงการได้เริ่มก่อสร้างไปแล้วนะครับ และจะเปิด Pre-Sales ในวันที่ 26-27 กันยายนนี้แล้วด้วย ใครสนใจก็อย่าลืมแวะไปชมกันนะครับ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,900,000 บาท (เฉพาะช่วง Pre-Sales เท่านั้น) ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร    ประมาณ 125,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ    High Rise สูง 24 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     172 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   1 - 1 - 94.3 ไร่ ที่จอดรถ    ประมาณ 80% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ถนนประชาราษฎร์สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    เดือนกันยายน 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2560 วิธีการเดินทาง การเดินทางในครั้งนี้ เราเริ่มจากถนนรัชดาภิเษกก่อนถึงแยกประชานุกูล วิ่งมาตามถนนรัชดาภิเษกมาที่แยกวงศ์สว่าง จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรี วิ่งมาจนสุดที่แยกเตาปูนแล้วเลี้ยวขวา เพื่อเข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ก่อนจะถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนประชาราษฎร์สาย 1 เล็กน้อย เราก็จะเห็นที่ตั้งของโครงการชีวาทัยบางโพอยู่ทางด้านซ้ายมือ ติดกับที่ทำการไปรษณีย์ ส่วนสำนักงานขายตอนนี้จะแยกตัวไปอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้ามนะครับ ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลบางโพ รับรองว่าหาไม่ยากครับ การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นกันตรงถนนรัชดาภิเษกฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปทางวงศ์สว่าง ข้างหน้าเราจะเป็นแยกประชานุกูล ตรงนี้มีทางเลือก 2 ทางนะครับ จะตรงไปขึ้นสะพานข้ามแยกประชานุกูล เพื่อไปทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ก็ได้ หรือจะเลี้ยวซ้ายที่แยกประชานุกูล เพื่อไปทางถนนประชาชื่น ก็ได้ เราเลือกตรงขึ้นสะพานข้ามแยกประชานุกูล เพื่อไปเข้าทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี พอลงสะพานข้ามแยกมาแล้ว ให้ค่อยๆ ชิดซ้ายไว้นะครับ ข้างหน้าจะมีอีก 1 สะพาน เป็นสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง เราไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ เพราะเราจะต้องเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ไปทางเตาปูนตามป้าย ชิดซ้ายไว้ ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ จากนั้นเรามาเลี้ยวซ้ายที่แยกวงศ์สว่าง พอเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรีแล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ เลยครับ ผ่านแนวรถไฟฟ้าสายสีแดง ด้านขาวมือตอนเย็นๆ จะมีตลาดสยามยิปซี เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกเตาปูน ข้างหน้าจะเป็น MRT สถานีเตาปูน เป็นสถานี Interchange เชื่อมต่อสายสีน้ำเงินกับสายสีม่วง ที่กำลังจเปิดให้บริการในปลายปีนี้แล้ว ตรงนี้เราต้องเลี้ยวขวาไปทางบางโพ ตามป้าย เลี้ยวขวาลอดใต้สถานีเตาปูน เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปทางบางโพ เลี้ยวขวามาแล้วจะเห็นโครงการชีวาทัย Interchange ที่อยู่ติดกับสถานีเตาปูน จากแยกเตาปูนเราตรงมาตามถนนประชาราษฎร์สาย 2 เรื่อยๆ ตัวโครงการจะตั้งอยู่ติดกับไปรษณีย์บางโพ (ที่ไฮท์ไลท์สีเขียวไว้นะครับ) ก่อนถึงแยกบางโพนิดหน่อย ส่วนสำนักงานขาย จะไม่ได้ตั้งอยู่ที่เดียวกับสถานที่ก่อสร้างโครงการนะครับ จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยโรงพยาบาลบางโพไปนิดหน่อย สำหรับการเดินทางมายังโครงการ นอกจากจะใช้รถส่วนตัวแล้ว การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็สะดวกไม่แพ้กัน ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ รวมถึงวินมอเตอร์ไซค์ก็วิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งวัน ที่สำคัญในอนาคตอันใกล้นี้ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็จะเปิดให้บริการ การเดินทางมายังโครงการก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะมีสถานีรถไฟฟ้าบางโพอยู่ห่างจากหน้าโครงการออกไปเพียง 80 เมตรเท่านั้น สถานที่สำคัญใกล้เคียง MRT สถานีบางโพ โรงพยาบาลบางโพ ตลาดบางโพ ตลาดเตาปูน เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น บิ๊กซี วงศ์สว่าง รัฐสภา แห่งใหม่ โรงเรียนโยธินบูรณะ วิเคราะห์รอบโครงการ ทำเลที่ตั้งของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ต้องบอกว่าอยู่ในทำเลที่น่าสนใจเลยทีเดียว ทั้งเรื่องที่มีสถานีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ๆ ห่างจากสี่แยกออกไปไม่ไกล สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลายเส้นทาง และยังได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ อีกด้วย ขณะเดียวกันบรรยากาศในบริเวณรอบๆ โครงการยังคงมีความเป็นชุมชนเก่า มีตลาดสด ร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล วัด และสถานที่ราชการแวดล้อมอยู่หลายแห่ง เลยไม่ต้องกลัวว่าจะเงียบเหงาเลย ในขณะเดียวกันถ้าต้องการออกไปช๊อปปิ้ง ทำเลที่ตั้งของโครงการก็ไม่ได้อยู่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ มากนัก เช่น สวนจตุจักร เจเจกรีน ห้างเซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ รวมถึงย่านฮิปๆ แถวอารีย์เลย ซึ่งสามารถเดินทางรอบเมืองได้ด้วยเส้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่วิ่งเป็น loop เพียงสายเดียวเท่านั้น สำหรับตัวโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ อย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นคอนโด High Rise สูง 24 ชั้น บนพื้นที่ขนาด  1 ไร่เศษ ริมถนนประชาราษฎร์ ไม่ต้องเข้าซอยอีกให้ยุ่งยากครับ คอนเซปต์การออกแบบของโครงการนี้เน้นมาในสไตล์ Modern Contemporary ชูความต่างจากโครงการอื่นๆ ในเครือชีวาทัย ด้วยขนาดของห้องที่กว้างขวาง และเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตรวมเพียง 172 ยูนิตเท่านั้น ในแต่ละชั้นก็มีจำนวนห้องน้อยมาก แถมห้องส่วนใหญ่จะเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบเต็มๆ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นสำคัญของโครงการนี้ Master Plan ของโครงการ จะเห็นว่ามีทางเข้าออกทางเดียว คือด้านถนนประชาราษฏร์สาย 2 ถนนรอบโครงการเป็นแบบ One Way ที่ชั้น 1 จะประกอบไปด้วย Main Lobby, Business Lounge, Mail Box และโถงลิฟท์ แบ่งเป็นลิฟท์โดยสาร 2 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว ส่วนที่จอดรถก็เริ่มที่ชั้น 1 ขึ้นไปถึงชั้น 6 เลยนะครับ รวมแล้วจอดได้ประมาณ 80% Lobby หรูหราที่ชั้น 1 ส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 7 ชั้น 8-15 แปลนจะคล้ายๆ กับชั้น 7 นะครับ มีห้องพักอาศัยประมาณ 12 ยูนิตต่อชั้น ชั้น 17-20 จำนวนห้องพักจะลดลงเหลือ 10 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้นสูงสุดของห้องพักอาศัยที่ชั้น 21-22 จะมี 7 ยูนิตต่อชั้น และมีห้อง Penthouse อยู่ชั้นละ 2 ยูนิต หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ทางด้านของ Facility ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ก็ต้องบอกว่าเต็มที่เลยทีเดียว ซึ่ง Facility หลักจะรวมอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า ทั้งสระว่ายน้ำแบบ River View Sky Lap Pool, Panoramic Fitness, Steam Room, Sky Garden, Business Lounge และ Pocket Garden รวมถึงเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่ใช้ระบบ Elevators Access Control มี Key Card ล็อคชั้น มีกล้อง CCTV และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้เรื่องที่จอดรถก็จัดมาให้มากถึง 80% เลยนะครับ ถือว่าเยอะมากๆ สำหรับคอนโดที่มีทำเลติดรถไฟฟ้าแบบนี้ Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้นบนสุดคือชั้น 23-24 ที่ชั้น 23 จะเป็นสระว่ายน้ำและส่วนลอยฟ้า ส่วนที่ชั้น 24 จะเป็นฟิตเนส บรรยากาศสระว่ายน้ำและฟิตเนส บนชั้นดาดฟ้าของโครงการ สิ่งอำนวยความสะดวก Main Lobby Panaromic Fitness Mailbox Room Pocket Garden River View Sky Lap Pool Steam Room Business Lounge Sky Garden 24 hr. Security Guards CCTV พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ชมด้วยกัน 2 แบบครับ คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 42.50 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 78.50 ตร.ม. โดยที่ห้องทั้งหมดจะขายให้แบบ Fully Furnished เลยนะครับ ชุดเฟอร์นิเจอร์จะเป็นแบบสั่งทำยี่ห้อ Starmark ทั้งหมด ทั้งหน้าตา สีสันก็สวยงาม เรียบหรูมากๆ เดี๋ยวเราไปชมในห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องกันเลยดีกว่าครับ Type B1 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 42.5 ตารางเมตร บานประตูลายไม้ ประตูจะเป็น Digital Door Lock ของ Yale เข้ามาด้านในแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ มองตรงไปด้านในถึงจะเป็น Living Area ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L เชื่อมตัวกับโต๊ะอาหาร ขนาด 2 ที่นั่ง หันหน้าเข้าหาครัว ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ค่อนข้างลึกพอสมควร ตู้ด้านล่างซิงค์ล้างจาน พร้อมถังขยะ ขยับมาอีกหน่อยจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ Take ด้านบนจะเป็นฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ส่วนด้านล่างจะเป็นช่องวางเตาอบ ตู้ลอยเก็บของด้านบน ภาพรวมของส่วนครัวด้านหน้าห้อง ส่วนฝั่งตรงข้ามครัว จะเป็นทางเข้าห้องน้ำ และเป็นจุดที่วางตู้เย็นอยู่ข้างๆ ติดกับตู้เย็นมีตู้เก็บรองเท้าให้ด้วย ด้านในห้องน้ำส่วนแรกจะเป็นอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ฝั่งตรงข้ามเป็นโถสุขภัณฑ์ จากห้องน้ำตรงนี้จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน เพื่อเข้าไปยังห้องอาบน้ำด้านใน เลยเข้ามาด้านในอีกจะเป็นส่วนอาบน้ำ มีอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาให้อีก 1 จุด อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม รอบๆ ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค ติดกับอ่างล้างหน้าจะเป็นอ่างอาบน้ำ อีกฝั่งจะเป็น Shower Box ชุดฝักบัวและ Rain Shower ของ Cotto มุมมองจากห้องอาบน้ำออกไปถึงส่วนครัวด้านนอก คราวนี้เราออกมาดูที่ Living Area กันต่อ ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างพอสมควรนะครับ สามารถวางทีวีจอใหญ่ได้เลย โซฟาที่โครงการวางมาให้เป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง อีกด้านโครงการ Built in ชั้นวางทีวี ขนาดพอดีกับผนัง Living Area จะอยู่ติดกับระเบียง ขนาดของระเบียงกว้างประมาณนี้นะครับ ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน จาก Living Area เราเข้าไปดูห้องนอนกันต่อ ห้องนอนถือว่าใหญ่พอสมควรนะครับ สามารถวางเตียง King Size ได้เลย ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือให้เดินได้สะดวก ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอนด้วย แนะนำเป็นทีวีแบบแขวนผนังจะดีกว่าครับ ส่วนหน้าต่างด้านในจะเป็นบาน Fix บานใหญ่ และมีบานกระทุ้ง 2 บานข้างๆ ข้างเตียงอีกด้านโครงการจัดวางเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ ต่อจากโต๊ะทำงานเข้าไปจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Walk in closet ข้างๆ ตู้เสื้อผ้าจะเห็นประตูบานเลื่อน เป็นทางเข้าห้องน้ำอีกด้านหนึ่ง ต่อมาเรามาดูกันที่ห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 78.5 ตารางเมตร กันต่อ เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยนะครับ การวาง Lay Out ส่วนนี้จะคล้ายๆ กับห้องแบบ 1 ห้องนอน ที่เราดูมาเมื่อกี้เลย ด้านซ้ายมือจะเป็นตู้สูงไว้สำหรับเก็บรองเท้า ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L เตาไฟฟ้าจะได้ขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกเป็นเตาแบบ 4 ตัวของ Teka พร้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ขยับมาอีกจะเป็นซิงค์ล้างจาน ห้องนี้จะได้ 2 หลุมเลยนะครับ ด้านบนก็เป็นตู้ลอยเก็บของ จุดวางตู้เย็นจะอยู่ใกล้ๆ กับไมโครเวฟและเตาอบ ภาพรวมๆ ของส่วน Dining Area มีโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง เป็น Island อยู่ตรงกลาง ถัดเข้าไปด้านในเป็นส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่ากำลังดีเลยนะครับ สามารถเลือกวางทีวีจอใหญ่ได้เลย โซฟาที่โครงการจัดมาให้เป็นขนาด 3 ที่นั่ง และเก้าอี้อาร์มแชร์อีก 1 ตัว ด้านชั้นวางทีวีเป็นตู้ Built in ยาวไปจรดกับตู้เก็บรองเท้า ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ฝ้าบริเวณนี้โครงการจะทำเป็นร่องไว้สำหรับซ่อนรางผ้าม่านให้ด้วยนะครับ ขนาดของระเบียง จาก Living Area เราเดินเข้าไปดูห้องนอนทั้ง 2 ห้องกันต่อ ห้องนอนแรกเป็นห้องนอนเล็ก อยู่ติดกับ Living Area ขนาดของห้องนอนเเล็ก เมื่อวางเตียง 5 ฟุต ลงไปแล้วจะเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงนิดหน่อย ปลายเตียงมีที่เหลือให้เดินได้สะดวก และโครงการยังได้ Built in ชั้นวางทีวีเล็กๆ มาให้ด้วย หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานใหญ่เลยนะครับ เป็นบาน Fix บานใหญ่ และมีบานกระทุ้งบานเล็ก 2 บานอยู่ข้างๆ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า หน้าบานเป็นบานกระจกแบบในรูปเลยครับ จากห้องนอนเล็กเราเดินต่อเข้าไปด้านใน ก่อนถึงห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำเล็ก 1 ห้อง สุขภัณที่ใช้จะเหมือนกับห้องน้ำของห้อง 1 ห้องนอน อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมมาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ด้านในสุดจะเป็น Shower Box ขนาดของ Shower Box จะประมาณนี้นะครับ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็กจนดูอึดอัด ชุดฝักบัวและ Rain Shower ของ Cotto เหมือนกัน ติดๆ กับห้องน้ำเล็กก็จะเป็นห้องนอนใหญ่ ห้องนอนใหญ่นี่กว้างขวางดีเลยครับ โครงการจัดเตียง King Size มาให้ พื้นที่รอบๆ เตียงยังเหลืออีกเยอะพอสมควร ปลายเตียง Built in เป็นชั้นวางทีวียาวไปเป็นโต๊ะทำงานด้วย หน้าต่างในห้องนอนใหญ่จะเหมือนกับหน้าต่างในห้องนอนเล็กนะครับ ข้างเตียงอีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้า ดีไซน์จะเหมือนกับตู้เสื้อในห้องนอนเล็ก แต่ขนาดจะใหญ่กว่า ในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวอีก 1 ห้อง ซึ้งขนาดจะใหญ่กว่าห้องน้ำข้างนอกเยอะเลยครับ โถสุขภัณฑ์จะแยกออกมาอย่างเป็นสัดส่วน เป็นห้องเล็กๆ กั้นด้วยประตูกระจก อ่างล้างหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ยาวมี 2 อ่าง กระจกเงาก็ได้ 2 บาน ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็น Shower Box ขนาดของ Shower Box จะพอๆ กับห้องน้ำเล็กข้างนอก ชุดฝักบัวกับ Rain Shower ก็จะเหมือนๆ กัน ด้านในสุดจะเป็นอ่าง Jacuzzi บริเวณอ่าง Jacuzzi จะเป็นกระจกรอบด้านเลยนะครับ เวลานอนแช่น้ำในอ่างได้ชมวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วย ในช่วงแรกที่มีการเปิดขายนี้จะมีโปรโมชั่นพิเศษ แถม Motion Sensor, Digital Door Lock ของ Yale และ Water Heater ในห้องมาให้ด้วย อันนี้สามารถไปต่อรองและคุยกับเซลล์ที่สำนักงานขายกันได้ครับ เท่าที่รู้มาโครงการนี้ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยนะครับ รีบเข้าไปดูห้องตัวอย่างประกอบการตัดสินใจก่อนหน่อยก็ดีครับ เพราะจำนวนห้องมีน้อย พลาดห้องสวยๆ ไปแล้วจะเสียดายครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 14/08/2558 1 Bedroom จอง 30,000 บาท ทำสัญญา 70,000 บาท 2 Bedroom จอง 50,000 บาท ทำสัญญา 150,000 บาท ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตร ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
ผู้ซื้ออาคารชุดต้องพิทักษ์สิทธิตนเอง

ผู้ซื้ออาคารชุดต้องพิทักษ์สิทธิตนเอง

ผู้ซื้อที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอาคารชุดตามสัญญา และเข้าอยู่อาศัยในห้องชุดที่เป็นทรัพย์ส่วนบุคคลของตน และเป็นผู้ใช้สิทธิในห้องชุดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเจ้าของห้องชุดแต่ละห้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลาง ดังนั้นแต่ละคนมีหน้าที่ร่วมกันออกค่าใช้จ่ายเพื่อบำรุงดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนกลางได้แก่ (1) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการบริการส่วนรวม เช่น ค่าจ้างยามรักษาความปลอดภัย ค่าจ้างเก็บขยะ ค่าจ้างดูแลรักษาความสะอาด (2) ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น ค่ากระแสไฟฟ้าสำหรับลิฟท์ส่วนกลาง (3) ค่าภาษีอากร เช่น ค่าภาษีอากรที่จะต้องชำระในนามของอาคารชุดและเกิดขึ้นจากการดูแลรักษา และการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลางเท่านั้น (4) ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลาง (5) ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลาง เช่น เงินเดือนของผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด ค่าเครื่องใช้และอุปกรณ์ต่างๆ ในสำนักงานนิติบุคคลอาคารชุด เป็นต้น ทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุด ได้แก่ (1) ที่ดินแปลงที่ปลูกสร้างอาคารชุด (2) ที่ดินที่มีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันเช่น ที่ดินสวนพักผ่อนร่วมกัน ที่ลานจอดรถยนต์ร่วมกัน (3) โครงสร้างและสิ่งก่อสร้างเพื่อความมั่นคงและป้องกันความเสียหายต่ออาคารชุด เช่นรากฐาน เสาเข็ม หลังคา ฝาผนังด้านนอกโดยรอบ เขื่อนกั้นน้ำ (4)อาคารหรือส่วนของอาคารและเครื่องอุปกรณ์ที่มีไว้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่นอาคารที่เก็บรถยนต์ร่วมกัน ระเบียงที่มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน (5) เครื่องมือและเครื่องใช้ที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น เครื่องดับเพลิงส่วนรวม เครื่องดูดฝุ่นส่วนรวม (6) สถานที่มีไว้เพื่อบริการส่วนรวม เช่น สระว่ายน้ำ ห้องรับแขกร่วมกัน (7) ทรัพย์สินอื่นที่มีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น ลิฟท์ เป็นต้น นิติบุคคลอาคารชุด เป็นองค์กรจัดการดูแลทรัพย์สินส่วนกลางของอาคารชุด โดยมีคณะกรรมการควบคุมการจัดการนิติบุคคลอาคารชุด เป็นผู้บริหารจัดการดูแลทรัพย์ส่วนกลางในนามของนิติบุคคลอาคารชุด ในการดำเนินการจะเป็นไปตามข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุด ผู้ดำเนินการแทนนิติบุคคลอาคารชุดที่เรียกว่า ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดนั้นจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ซึ่งเจ้าของห้องชุดแต่ละห้องต้องจัดให้มีคณะกรรมการเข้าควบคุมการจัดการนิติบุคคลอาคารชุดด้วยตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กำหนดให้เจ้าของห้องชุดแต่ละห้อง มีหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบการบริหารงานของนิติบุคคลอาคารชุดว่าเป็นไปตามข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุดหรือไม่หากพบว่าผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ไม่มีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดปัญหาอาคารชุดดังกล่าว ตามกฎหมายกำหนดให้เจ้าของห้องชุดมีสิทธิเรียกประชุมเจ้าของห้องชุด เพื่อให้ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดชี้แจงข้อเท็จจริง หากผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดไม่ชี้แจงหรือปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ก่อให้เกิดความเสียหาย ก็ให้เจ้าของห้องชุดนำเรื่องเสนอที่ประชุมเจ้าของร่วมทั้งหมด เพื่อมีมติถอดถอนผู้จัดการได้ ทั้งนี้โดยได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนคะแนนเสียงของเจ้าของร่วมทั้งหมดนั้น
รับโอนบ้าน คอนโดฯ ทั้งที่ยังมีจุดแก้ไข จะกลายเป็นไก่รองบ่อน

รับโอนบ้าน คอนโดฯ ทั้งที่ยังมีจุดแก้ไข จะกลายเป็นไก่รองบ่อน

เรื่องหนึ่งที่อยากจะเตือนผู้ซื้อบ้าน หรือคอนโดทั้งหลายให้จำขึ้นใจไว้เลยว่า หากบ้านหรือคอนโดที่เราซื้อไว้ ยังมีจุดที่ต้องแก้ไขในระหว่างขั้นตอนการตรวจรับ เราจะต้องแน่ใจว่าทางโครงการได้ทำการแก้ไขให้เราครบถ้วนเรียบร้อยตามที่เราพอใจ ก่อนจะเซ็นรับโอนบ้านหรือคอนโด ไม่ว่าจะเป็นจุดบกพร่องเหล่านั้นจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม บางทีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อย่าง งานเก็บสีเลอะเทอะตามขอบประตู หน้าต่าง, ประตูปิดไม่สนิท หรือหน้าต่างฝืดเปิด-ปิดลำบาก และแม้กระทั่งพวกปัญหารอยรั่วซึมนิดๆ หน่อยๆ ในห้องน้ำที่เราอาจจะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรวุ่นวาย อาจจะกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องตามแก้กันยาวนานให้เราปวดหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก ยิ่งถ้าเราโชคร้ายไปเจอกับโครงการที่ไร้ความรับผิดอบ ไม่ใส่ใจไม่ทำตามสัญญาทั้งๆ ที่รับปากกันไว้แล้ว หรือกว่าจะมาแก้ให้ก็ต้องโทรตามช่างกันถี่ยิบ หรือตามจิกกันเป็นเดือนๆ จาก และอาจจะต้องเสียเงินเพิ่มเติมถ้าปัญหาเหล่านั้นเรื้อรังต้องซ่อมต้องแก้กันจนเกินระยะเวลาประกัน บางครั้งทางโครงการอาจจะพยายามยื่นข้อเสนออันน่าจูงใจเพื่อให้เราเซ็นรับมอบไปก่อน แล้วค่อยมาแก้ปัญหา (ที่คิดว่า) เล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ทีหลัง โดยสัญญากันปากเปล่าไม่มีหนังสืออะไรรับรอง ถ้าหากเราเกิดเห็นแก่ข้อเสนอหรือของแถมเพิ่มเติม เช่น บัตรกำนัลเฟอร์นิเจอร์, ส่วนลดค่าโอน หรือออกค่าใช้จ่ายในการโอนให้ทั้งหมด ยอมเซ็นรับมอบโอนบ้านหรือคอนโดไปแล้ว ทางโครงการอาจตุกติกไม่ยอมเข้ามาซ่อมแก้ไขให้ตามที่สัญญา ดึงเวลาให้ยืดเยื้อยาวนานออกไปอีก ทีนี้ก็เท่ากับเราตกหลุมพลางที่ถูกหลอกล่อไว้ด้วยสิ่งจูงใจเพียงเล็กน้อย เข้าตำรา " เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" แล้วต้องกลายมาเสียสุขภาพจิต หรือเสียเงินจ้างช่างมาซ่อมเองเสียอีก....จะได้ไม่คุ้มเสียเอานะครับ จำไว้!!!
U Delight รัชวิภา : รีวิวคอนโด

U Delight รัชวิภา : รีวิวคอนโด

U Delight รัชวิภา คอนโด High Rise สูง 23 ชั้น บนถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า ใกล้เมเจอร์ รัชโยธินและ SCB Park Plaza โครงการใหม่จาก Grand U รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,490,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 23 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     875 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   6 - 0 - 69 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนวิภาวดี-รังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ที่จอดรถ    345 คัน คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนพฤศจิกายน 2559 ค่าส่วนกลาง    35 บาทต่อตารางเมตร ค่ากองทุน    500 บาทต่อตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง เมเจอร์ รัชโยธิน SCB Park Plaza วัดเสมียนนารี ตลาดบองมาเช่ โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ โรงพยาบาลวิภาวดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น โรงเรียนหอวัง เซ็นทรัล ลาดพร้าว ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 Bedroom  ขนาด 30.4 – 52 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 51.5 – 66.5 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด สวนสีเขียว ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-652-4000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  grandu.co.th
สำเพ็ง 2 สาทร-กัลปพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

สำเพ็ง 2 สาทร-กัลปพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาทุกคนไปดูโครงการใหญ่จาก J.S.P. Property บนทำเลที่ถนนสาทร-กัลปพฤกษ์ ชื่อว่า “สำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม” ซึ่งเป็นส่วนของที่พักอาศัยในหมู่อาคาร High Rise รวม 7 ตึก โดยพื้นที่ใกล้ๆ กันยังเป็นที่ตั้งของโครงการสำเพ็ง 2 เซ็นเตอร์ และสำเพ็ง 2 พลาซ่า ที่ถือเป็นพื้นที่รวมร้านค้าขนาดใหญ่ และคาดว่าจะเป็นแหล่งการค้าที่สำคัญอีกแห่งของย่านนี้เลยก็ว่าได้ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,100,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 48,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ   High Rise สูง 25 ชั้น 1 อาคาร และสูง 16 ชั้น 6 อาคาร จำนวนห้อง    2,821 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    20 - 0 - 4 ไร่ ที่จอดรถ    938 คัน หรือคิดเป็น 33% ที่ตั้งโครงการ   ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางแค เขตบางแค กทม. คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ปลายปี 2559 ค่าส่วนกลาง    35 บาท/ตารางเมตร ต่อเดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ การเดินทาง สำหรับการเดินทางมายังตัวโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม ในครั้งนี้เราเริ่มต้นกันจากแยกบางแค ตรงช่วงถนนเพชรเกษมตัดกับถนนกาญจนาภิเษก พอเลี้ยวเข้าถนนกาจนาภิเษกมุ่งหน้ามาทางถนนพระราม 2 ให้วิ่งตรงมาตามถนนคู่ขนานมาอีกประมาณ 2.7 กิโลเมตร ก็จะเห็นทางแยกซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ เลี้ยวซ้ายมาเล็กน้อย ก็จะเห็นโครงการสำเพ็ง 2 ในส่วนของพลาซ่าอยู่ทางซ้ายมือ ให้ตรงขึ้นมาอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเห็นพื้นที่ก่อสร้างคอนโดมิเนียม ซึ่งตอนนี้มีสำนักงานขายอยู่ตรงด้านหน้าเลยครับ มองเห็นได้ชัดเจน แผนที่ของโครงการ คราวนี้เรามาดูแผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการกันบ้าง การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม ขาออก บริเวณเดอะมอลล์ บางแค ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พอใกล้ถึงเดอะ มอลล์ บางแค แล้วให้ชิดซ้ายไว้เลยนะครับ เพราะเราต้องเลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายช่องแรกเลยนะครับ พอเข้าสู่ถนนกาญจนาภิเษกแล้ว ตรงไปอีกประมาณ 1 กม. จะมีทางเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ ตามป้ายที่บอกอยู่ข้างทาง สังเกตป้ายบอกทางนะครับ จะมีบอกเรื่อยๆ ใกล้ถึงถนนกัลปพฤกษ์แล้วครับ มีป้านยบอกให้เตรียมตัวเลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนกัลปพฤกษ์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกัลปพฤกษ์มาได้นิดหน่อย จะเจอศูนย์การค้าสำเพ็ง 2 อยู่ทางซ้ายมือ ตรงนี้ไม่ใช่ที่ตั้งโครงการนะครับ โครงการจะเลยตรงนี้ไปอีก เลยจากศูนย์การค้าสำเพ็ง 2 มานิดเดียวก็ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ นอกจากเส้นทางที่เลือกเข้ามาทางฝั่งถนนกาญจนาภิเษกแล้ว สำหรับการเดินทางเข้าเมืองก็สามารถใช้เส้นทางถนนกัลปพฤกษ์ ต่อมายังถนนราชพฤกษ์ และมุ่งหน้าเข้าสู่สาทรได้เลย ซึ่งที่ตั้งของโครงการสามารถเดินทางได้สะดวกมากด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ถ้าหากต้องการพึ่งพาบริการขนส่งมวลชนบนถนนกัลปพฤกษ์ไม่มีรถเมล์ หรือรถบริการสาธารณะวิ่งผ่านเท่าไหร่นัก ดังนั้นถ้าใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็อาจจะเดินทางไปไหนมาไหนยากหน่อย สถานที่สำคัญใกล้เคียง เดอะ มอลล์ บางแค เทสโก้ โลตัส บางแค บิ๊กซี แมคโคร   วิเคราะห์รอบโครงการ ที่ตั้งโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม อยู่บนถนนกัลปพฤกษ์ค่อนไปทางด้านถนนกาญจนาภิเษกนะครับ ซึ่งเส้นทางนี้สามารถเชื่อมต่อมายังถนนสาทรได้ไม่ยาก แต่อาจจะต้องใช้เวลานิดหน่อยโดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าและเย็น เนื่องจากมีปริมาณรถมาก รอบๆ โครงการเป็นหมู่บ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ หาร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อได้ยากในระยะเดินใกล้ๆ ต้องมุ่งหน้าเลยขึ้นไปทางด้านขาเข้าเมือง จึงจะมีร้านค้า ร้านอาหารให้แวะพึ่งพาได้บ้าง หรือไม่ก็ต้องออกไปทางถนนกาญจนาภิเษก หรือออกบางแคไปเลยจะดีกว่า แหล่งช็อปปิ้งที่ใกล้ที่สุดจะเป็นที่ไหนไม่ได้เลย นอกจากโครงการสำเพ็ง 2 นั่นแหละครับ รอให้ตัวโครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์ทุกส่วนแล้ว ก็คงจะคึกคัก มีที่ให้แวะช็อปได้เต็มที่ ส่วนห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ก็คงต้องออกไปทางด้านบางแค ซึ่งจะมีทั้ง The Mall บางแค, Seacon บางแค, Tesco Lotus และ Big C รวมถึง Macro บางบอน บนถนนกาญจนาภิเษกด้วย นอกเหนือจากนี้คาดว่าภายในโครงการก็น่าจะมีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อให้ลูกบ้านพอพึ่งพา ซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ได้บ้าง สำหรับตัวโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม จัดว่าเป็นโครงการใหญ่เลยนะครับ เพราะมียูนิตรวมมากถึง 2,821 ยูนิต โดยแบ่งเป็นตึกสูง 16 ชั้น 6 ตึก และตึกสูง 25 ชั้นอีก 1 ตึก นอกจากนี้ยังมีอาคารจอดรถแยกให้อีก 1 ตึก ซึ่งเป็นตึกสูง 6 ชั้น และมี Facility อยู่บนชั้นดาดฟ้าด้วย สำหรับเรื่องของ Facility ภายในโครงการนั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะครับ ลูกบ้านที่เลือกอยู่ในอาคาร 16 ชั้นทั้งหมด สามารถเดินมาใช้ Facility ทั้งสระว่ายน้ำ และฟิตเนสได้ที่ดาดฟ้าของอาคารจอดรถ ส่วนลูกบ้านในตึกใหญ่ จะมี Facility แยกไว้ให้ต่างหากที่ชั้น 4 ของตึก 25 ชั้น โดยขนาดของ Facility ทั้ง 2 ส่วนนี้ไม่ได้ต่างกันมาก ทั้งเรื่องของขนาดสระว่ายน้ำ 8x30 เมตร แบบ Infinity Pool และห้องฟิตเนสพร้อมห้องอาบน้ำแต่งตัวแยกชายหญิง ส่วนพื้นที่สีเขียวรอบโครงการก็ใช้ร่วมกันนะครับ สำหรับลูกบ้านที่เลือกห้องในตึกใหญ่ หรือตึก 25 ชั้น จะค่อนข้างได้เปรียบกว่าลูกบ้านในตึกเล็กนะครับ เพราะมีสิทธิ์ในการใช้อาคารจอดรถ และที่จอดรถกลางแจ้ง เช่นเดียวกันกับลูกบ้านในตึกอื่นๆ รวมถึง Facility ที่บนดาดฟ้าของอาคารจอดรถด้วยนะครับ ในขณะที่ Facility ต่างๆ ในตึกใหญ่สามารถใช้ได้เฉพาะคนในตึกเท่านั้นครับ ทางเข้าโครงการ โมเดลจำลองอาคารใหญ่ สูง 25 ชั้น เรามาดูแปลนของตึกใหญ่ก่อนนะครับ ที่ชั้น G จะเป็น Lobby และเป็นที่จอดรถขึ้นไปถึงชั้น 3 ชั้น 4 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัย และเป็น Facility หลักๆ เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนสีเขียว โมเดลจำลอง Facility บนชั้น 4 สระว่ายน้ำขนาด 8x30 เมตรบนชั้น 4 ตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไปขึ้นถึงชั้น 25 อาคารจะแยกออกเป็น 2 ฝั่ง และเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด พื้นที่สีเขียวบนชั้นดาดฟ้า อาคาร 2 อาคาร 3 อาคาร 4 อาคาร 5 อาคาร 6 อาคาร 7 สำหรับ Facility ของลูกบ้านตึก 16 ชั้น ทั้ง 6 ตึกจะอยู่บนอาคารจอดรถ ทั้งสระว่ายน้ำและฟิตเนส ถ้าดูแปลนที่ดินของโครงการ จะเห็นว่า มีทางเข้าออก 2 ทางนะครับ เป็นทางเข้าลึกเข้ามาด้านใน และมีที่จอดรถกลางแจ้งอยู่ตลอดทางเข้า ซึ่งลูกบ้านที่ต้องมาจอดรถตรงนี้ก็ต้องเดินกันไกลหน่อย เช่นเดียวกับระยะการเดินจากด้านในออกมาที่หน้าโครงการถือว่าไกลมากเหมือนกัน ยิ่งทางโครงการไม่มีบริการรถรับส่งด้วย ก็ค่อนข้างลำบากนิดหน่อยครับ ไหนจะเดินจากตึกที่พักไปอาคารจอดรถหรือที่จอดรถ หรือเดินไปใช้ส่วนกลาง เชื่อว่าต้องมีเหงื่อตกกันบ้างไม่มากก็น้อยเลยครับ สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ สระว่ายน้ำ Fitness เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชั่วโมง พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างของโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม มีให้ชมด้วยกัน 3 แบบนะครับ โดยเริ่มต้นกันที่ขนาด 25 ตร.ม. 28 ตร.ม. และ 35 ตร.ม. ซึ่งขายกันมาแบบพร้อมเฟอร์นิเจอร์เลย เดี๋ยวเราไปดูห้องตัวอย่างแต่ละแบบกันเลยดีกว่าครับ ห้องแรกเรามาดูห้องไซส์เล็กสุดของโครงการกันก่อนนะครับ เป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตารางเมตร Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตารางเมตร เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวที่อยู่หน้าห้องก่อนเลยครับ ตรงข้ามกับครัวจะเป็นประตูเข้าห้องน้ำ เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันก่อน อ่างล้างหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ยาว อยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์ อีกด้านเป็น Shower Box ติดตั้งฉากกั้น 3 ตอนมาให้เรียบร้อย เราออกมาดูที่ส่วนครัวด้านนอกกันต่อ ชุดครัวจะเป็นเคาน์เคาน์เตอร์เล็กๆ เหมาะกับการเตรียมอาหารมากกว่าทำทานเอง เพราะโครงการไม่มีเตาไฟฟ้ามาให้ด้วย ซิงค์ล้างจานแบบฝัง ถัดจากส่วนครัวเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area โครงการ Built in ชั้นวางทีวีเล็กๆ มาให้ โดยระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าเยอะพอสมควร สามารถเลือกว่าทีวีจอใหญ่ได้สบายๆ ด้านที่วางโซฟาโครงการจัดวางโซฟา 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางมาให้ ซึ่งจะอยู่ติดกับห้องนอนเลย สำหรับห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ด้านในห้องนอนโครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ มีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลือนิดหน่อย ด้านที่ติดกับหน้าต่างมีที่เหลือพอให้เลือกวางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้เลย ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in อยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้งและประตูออกไปที่ระเบียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่โครงการ Built in มาให้ ประตูที่ระเบียงจะเป็นประตูกระจก มุมมองจากจากห้องนอนออกไปด้านนอก ต่อมาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกันนะครับ แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 28 ตารางเมตร Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร Layout ห้อง Type นี้จะต่างกับ 25 ตารางเมตรเลยนะครับ เจ้ามาในห้องจะเจอส่วน Living Area ก่อน โครงการจัดวางโซฟา 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางมาให้เหมือนกันนะครับ ข้างๆ โซฟามีที่เหลือพอสมควร โครงการจัดวางโต๊ะทำงานมาให้ดูเป็นไอเดีย ไม่ได้ให้ไปด้วยนะครับ ด้านชั้นวางทีวีเป็นชั้น Built in เล็กๆ พร้อมตู้เก็บของด้านข้าง และชั้นลอยด้านบน ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ถัดจาก Living Area เข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ซึ่งกั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อน 3 ตอน โครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้ พื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งเหลือนนิดหน่อย ทำให้ไม่ดูอึดอัดจนเกินไป หน้าต่างในห้องนอนได้บานใหญ่เลยนะครับ เป็นบานเลื่อน 2 บาน ที่เหลือเป็นบาน Fix ปลายเตียงมีที่เหลือให้เดินได้สะดวก ตู้เสื้อผ้า Built in จะอยู่ที่ปลายเตียง เป็นตู้เสื้อผ้า 2 บาน ขนาดค่อนข้างจะเล็กไปสักหน่อย มีชั้นลอยวางของเล็กๆ ติดมาให้ด้วย เดี๋ยวออกจากห้องนอนไปดูด้านนอกกันต่อนะครับ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนดีกว่า การจัดวาง Layout ภายในห้องน้ำจะคล้ายๆ กับห้องไซส์ 25 ตารางเมตรนะครับ แต่จะแตกต่างกันตรงที่อ่างล้างหน้า ห้องนี้จะได้เป็นอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Balena ไม่ได้เป็นเคาน์เตอร์ยาวเหมือนห้อง 25 ตารางเมตร โถสุขภัณฑ์ของ Balena อยู่ข้างๆ Shower Box Shower Box ขนาดค่อนข้างจะกะทัดรัดไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เล็กจนดูอึดอัด ชุดฝักบัว ออกจากห้องไปดูห้องครัวด้านซ้ายกันต่อ ครัวห้อง Type นี้จะเป็นครัวเปิดเหมือนกันนะครับ เป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ สำหรับจัดเตรียมอาหาร พร้อมซิงค์ล้างจานแบบฝัง ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะทานอาหาร Built in ขนาด 2 ที่นั่ง ด้านในสุดจะเป็นระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขนาดของระเบียงค่อนข้างกะทัดรัดไปสักหน่อย คอมเพรสเซอร์แอร์อยู่ที่ระเบียงนะครับ ห้องตัวอย่างอีก 1 ห้องเป็นแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่ขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็น 35 ตารางเมตร แต่ตอนนี้ขายหมดเรียบร้อยแล้วนะครับ เราจึงเอาแค่ภาพรวมของห้องไซส์นี้มาให้ชมกัน Layout แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร ห้องไซส์ใหญ่สุดของโครงการเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร สำหรับใครที่สนใจคอนโดมิเนียมในทำเลแถบนี้ ก็ลองเข้ามาดูบรรยากาศรอบๆ โครงการและห้องตัวอย่างกันดูก่อนได้นะครับ เพราะราคาห้องนั้นจับต้องได้ไม่ยากเลย ถ้าไม่ติดขัดเรื่องการเดินทางมากนัก มีรถส่วนตัวใช้ และการดำเนินชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในย่านนี้อยู่แล้ว เชื่อว่าโครงการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจเหมือนกันนะครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 19/08/2558 Type E ขนาดห้อง 25 ตารางเมตร ราคาขาย 1.180 - 1.575 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 3,900 บาท ผ่อนดาวน์ 3,900 บาท 18 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type A ขนาดห้อง 28 ตารางเมตร ราคาขาย 1.391 - 1.931 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 4,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type B ขนาดห้อง 35 ตารางเมตร ราคาขาย 1.965 - 2.395 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 5,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์ Type C ขนาดห้อง 43 ตารางเมตร ราคาขาย 2.435 - 2.871 ล้านบาท จอง+ทำสัญญา 6,000 บาท ผ่อนดาวน์ 7,900 บาท 19 งวด งวดสุดท้ายเทดาวน์
Miami Bangpu : รีวิวคอนโด

Miami Bangpu : รีวิวคอนโด

รีวิวครั้งนี้เราจะพาไปดูอีกหนึ่งโครงการใหญ่จาก J.S.P. Property เป็นที่อยู่อาศัยแบบผสมผสานบนถนนสุขุมวิทสายเก่า ในย่านบางปู ซึ่งเป็นเมืองพักตากอากาศที่ใครๆ ก็รู้จักกันดี และยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นส่วนต่อขยายด้วย โครงการ Miami บางปู จึงออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัย และรองรับการขยายตัวของเมืองที่จะตามมาในอนาคตด้วย   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    995,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ   Low Rise สูง 5 ชั้น 90 อาคาร จำนวนห้อง    5,010 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    120 - 0 - 5.2 ไร่ ที่จอดรถ    39% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ   ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือนกรกฏาคม ปี 2559 (เฟส 1) ค่าส่วนกลาง    Garden Villa 25 บาท/ตร.ม. , Beach Front 35 บาท/ตร.ม. ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ค่ากองทุน    Garden Villa 350 บาท/ตร.ม. , Beach Front 500 บาท/ตร.ม. ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ วิธีการเดินทาง สำหรับการเดินทางไปยังโครงการ Miami บางปู ปัจจุบันยังคงต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก ซึ่งเราสามารถเลือกใช้เส้นทางสุขุมวิทสายเก่า มุ่งหน้าสู่บางปูได้เลย หรือจะอาศัยเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) แล้วมาเข้าถนนสุขุมวิทสายเก่าก็ได้เช่นกัน ส่วนการเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกใช้เส้นทางสุขุมวิทสายเก่า เดินทางต่อจากรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง วิ่งมาตามเส้นทางส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผ่านช้างสามเศียรแล้วก็ตรงไปตามเส้นทางสู่สถานตากอากาศบางปู ซึ่งตัวโครงการ Miami บางปู ตั้งอยู่เยื้องๆ กับเมืองโบราณ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของย่านนี้ พอเห็นเมืองโบราณแล้ว เราก็เตรียมชิดขวากลับรถมายังโครงการ Miami บางปูได้เลยครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นจากถนนสุขุมวิท เลยจาก BTS แบริ่ง มานิดเดียว เลยมานิดหน่อย จะเห็นอิมพี เวิลด์ สำโรง อยู่ทางขวามือ เราวิ่งตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ นะครับ ตามป้ายสมุทรปราการไปเรื่อยๆ หรืออีกจุดสังเกตหนึ่งที่ง่ายๆ เลย คือตามแนวรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ เลยก็ได้ครับ ตามป้ายสมุทรปราการต่อนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เรายังคงวิ่งตามถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ ถึงตรงนี้จะเป็นสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิทต่อ ถ้าตรงไปจะเป็นถนนประโคนชัย-ปากน้ำ เลี้ยวซ้ายมาแล้วจะไม่มีป้ายสมุทรปราการแล้วนะครับ คราวนี้ตามป้ายชลบุรีกันต่อ เรายังคงตามแนวรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ ด้านซ้ายมือจะเป็นโรบินสัน สมุทรปราการ พอหมดเขตการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้ว เราก็เข้าสู่เทศบาลบางปูแล้วครับ จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งขวามมือ ทางเข้าเมืองโบราณจะอยู่เยื้องๆ กับโครงการ พอถึงเมืองโบราณแล้วให้ชิดขวาเตรียมตัวกลับรถไว้เลยนะครับ เลยจากเมืองโบราณมาก็จะเจอที่กลับรถ กลับรถมาแล้ว พอเห็นวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ให้ชิดซ้ายไว้ได้เลยนะครับ เลยจากวิทยาเทคนิคสมุทรปราการมานิดเดียว ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับ สำนักงานขายโครงการ ส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ต้องบอกว่ามีให้เลือกพอสมควร ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ แต่ก็อาจจะมีให้เลือกไม่มากนักนะครับ ส่วนรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ส่วนต่อขยายส่วนแรกจากแบริ่งมายังสมุทรปราการ ยังมีระยะทางเพิ่มมาเพียง 13 กิโลเมตรเท่านั้นนะครับ ต้องรอส่วนต่อขยายในลำดับต่อไปถึงจะมีรถไฟฟ้าวิ่งมาถึงสถานพักตากอากาศบางปู และคาดว่าตัวสถานีที่ใกล้กับโครงการ Miami บางปูที่สุดก็น่าจะเป็น สถานีสวางคนิวาศ ที่ห่างเพียง 100 เมตรเท่านั้น ถ้ารถไฟฟ้ามาถึงเมื่อไหร่ การเดินทางเข้าออกเมืองก็คงจะสะดวกขึ้นอีกมากเลยทีเดียวครับ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เมืองโบราณ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ สถานตากอากาศบางปู สนามกอล์ฟบางปู เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี ฟาร์มจระเข้ สมุทรปราการ วิเคราะห์รอบโครงการ ถึงทำเลที่ตั้งของโครงการ Miami บางปู อยู่ออกมาในเขตจังหวัดสมุทรปราการ แต่ก็ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพเลย เพราะถนนหนทางแถบนี้ยังเดินทางได้สะดวก มีเส้นทางเชื่อมต่อหลายเส้นทาง ทั้งถนนหลักอย่างถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ถนนวงแหวนรอบนอก ถนนศรีนครินทร์ และถนนตำหรุ-บางพลี ที่เชื่อมถึงถนนเทพารักษ์ ถนนบางนา-ตราด ฯลฯ เราสามารถใช้เส้นทางเหล่านี้เดินทางเข้า-ออกเมือง รวมถึงเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้ไม่ยากเลย และต่อไปถ้าหากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายมาถึงก็จะยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก พื้นที่รอบๆ ในย่านนี้ ยังคงมีความเจริญในรูปแบบชานเมืองอยู่มาก ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีห้างสรรพสินค้ามาเปิดในพื้นที่บ้างแล้ว แต่ก็ยังคงบรรยากาศเรียบๆ แบบชานเมืองมากกว่า ในบริเวณนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย เช่น สถานตากอากาศบางปู แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าโครงการไปเพียง 7 กิโลเมตร เยื้องๆ กับโครงการก็เป็น เมืองโบราณ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากอีกแห่งหนึ่ง รวมถึง ฟาร์มจรเข้สมุทรปราการ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ และพิพิธภัณฑ์ทหารเรือก็ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และด้วยความเป็นเมืองตากอากาศที่ขึ้นชื่อมายาวนาน บริเวณรอบๆ จึงมีร้านอาหารใหญ่ๆ บรรยากาศดี ติดริมทะเลบางปูให้เลือกเป็นจำนวนมาก ในขณะที่พื้นที่แถบนี้ก็ยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมด้วย มีโรงงานใหญ่ๆ ตั้งอยู่มากมาย มีรถบรรทุกใหญ่ๆ วิ่งผ่านตลอดทั้งวัน บางช่วงของถนนอาจจะมีกลิ่นรบกวนจากโรงงานอุตสาหกรรมฟอกหนังบ้าง เหมือนเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นแหล่งอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกันบริเวณโดยรอบก็เป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ทำให้มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล วัดวาอาราม และสถานที่ราชการสำคัญๆ มากมายเลยทีเดียว ทำให้บรรยากาศโดยรวมเหมาะกับการอยู่อาศัยมากขึ้น มากกว่าให้ความรู้สึกว่าเป็นแหล่งอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว สำหรับโครงการ Miami บางปู เป็นโครงการขนาดใหญ่บนที่ดิน 120 ไร่ ซึ่งแบ่งพื้นที่หลักๆ ออกเป็น 3 โซน ได้แก่ Miami Bayside อยู่โซนด้านหน้าติดถนนสุขุมวิท พื้นที่ตรงนี้จะเป็นไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งมอลล์ เป็นแหล่งรวมร้านค้าต่างๆ มากกว่า 500 ร้านค้าเลยทีเดียว ซึ่งในอนาคตพื้นที่ตรงนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งช็อปปิ้งที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในบางปู ส่วนโซนที่ 2 เรียกว่า Miami Garden Villa ซึ่งอยู่ถัดเข้ามาในโซนตรงกลาง พื้นที่ตรงนี้จะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 60 อาคาร พร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวโดยรอบเลยครับ และโซนสุดท้ายจะอยู่ด้านในสุดติดทะเลบางปู เรียกว่า Miami Beach Front Villa มีคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 30 อาคาร และมีพื้นที่ส่วนกลาง Facility ต่างๆ ครบครัน ทางโครงการต้องการเน้นบรรยากาศอยู่อาศัยแบบเมืองตากอากาศนะครับ ดังนั้นการออกแบบจึงเน้นเรื่องการเปิดรับวิว ทั้งวิวสวน และวิวทะเลได้อย่างเต็มที่ ผสมผสานกับความสะดวกสบายด้วยแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ด้านหน้า ทำให้ลูกบ้านสามารถเลือกกินเลือกช็อปกันได้อย่างมีความสุข สนุกสนาน โดยแทบจะไม่ต้องเดินทางออกไปไกลๆ เลย Facility ต่างๆ ในแต่ละโซนและแยกออกจากกันอย่างชัดเจนเลยนะครับ ลูกบ้านในแต่ละโซนก็จะใช้พื้นที่ส่วนกลางในส่วนของตัวเองไป รวมถึงเรื่องที่จอดรถก็เช่นกันนะครับ ทางโครงการจัดเป็นที่จอดรถกลางแจ้งไว้รอบโครงการ ไม่มีที่จอดรถในอาคาร เนื่องจากห้องพักอาศัยจะเริ่มกันตั้งแต่ชั้น 1 กันเลย และแน่นอนว่าจำนวนที่จอดรถอาจจะไม่เพียงพอต่อจำนวนห้องทุกห้อง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นที่น่ากังวลสำหรับโครงการที่ยังต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลักแบบนี้ โซน Miami Bayside จะเป็นโซนที่รวบรวมศูนย์การค้า ร้านอาหารต่างๆ ไว้ด้วยกัน บรรยากาศจำลองจะเห็น McDonald's ตั้งอยู่หน้าโครงการ โซนที่ 2 เรียกว่า Miami Garden Villa จะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 60 อาคาร พร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวโดยรอบ Floor Plan ของทั้ง 60 อาคารในโซน Garden Villa จะเหมือนกันหมดนะครับ โดยห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ขึ้นไปเลย บรรยากาศภายในโซน Garden Villa โซนสุดท้ายจะอยู่ด้านในสุดติดทะเลบางปู เรียกว่า Miami Beach Front Villa มีคอนโดมิเนียมสูง 5 ชั้น จำนวน 30 อาคาร และมีพื้นที่ส่วนกลาง Facility ต่างๆ ครบครัน Floor Plan ของโซนนี้จะเป็นรูปวงรี ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 1 เหมือนกันนะครับ ทางเข้าโซน Beach Front Villa บรรยากาศจำลองบริเวณ Club House ให้อารมณ์เหมือนสถานตากอากาศมั่กๆ บรรยากาศจะลองของส่วนที่ติดกับทะเล โครงการทำเป็นส่วนหย่อมกับทางเดินไว้เดินเล่นพักผ่อนริมทะเล โมเดลจำลองของโครงการ ด้านหน้าสุดโซน Miami Bayside ติดถนนสุขุมวิท โมเดลโซน Garden Villa Club House ของโซน Garden Villa ตั้งอยู่บริเวณถนนเส้นหลัก โมเดลโซน Beach Front Villa ระหว่างโซน Garden Villa และโซน Beach Front Villa จะแบ่งโซนกันอย่างชัดเจน Club House ของโซนนี้จะอยู่ด้านหน้าโซนตรงทางเข้าเลยนะครับ จาก Club House ยาวเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่สีเขียว ให้บรรยากาศเหมือนสถานพักตากอากาศ ด้านท้ายโครงการที่ติดกับทะเล จะเป็นสถานที่พักผ่อนเดินเล่น ปั่นจักรยาน ริมทะเล ด้านหน้าโครงการในโซน Miami Bayside เริ่มก่อสร้างไปได้เยอะแล้วนะครับ ส่วนด้านในโซนคอนโดก็เริ่มทะเยอะสร้างเข้าไปเรื่อยๆ ด้านขวามือที่เห็นเป็นพื้นที่โล่งๆ เป็นพื้นที่ของเทศบาลใหม่บางปู ได้ยินแว้วๆ มาว่าในอนาคตจะทำเป็นสวนสาธารณะ แต่ต้องรอดูกันอีกทีนะครับว่าจะจริงรึเปล่า ทะเลที่ติดกับโครงการจะเป็นสันเขื่อนแบบนี้นะครับ ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ สระว่ายน้ำ Fitness เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด ตลอด 24 ชั่วโมง พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า คอนโดมิเนียมของโครงการ Miami บางปู แบ่งออกเป็น 2 โซน คือ Garden Villa และ Beach Front Villa รูปแบบอาคาร และห้องพักของทั้ง 2 โซนจึงแตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจนนะครับ ในโซน Garden Villa จะมีด้วยกัน 60 อาคาร ประกอบไปด้วยห้องพักแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตร.ม. จำนวน 3,840 ยูนิตนะครับ ห้องพักในโซนนี้จะเน้นวิวสวนสวยๆ สบายตา ส่วนแปลนห้องก็เหมาะกับการอยู่อาศัยอย่างเรียบง่าย พื้นที่ห้องนอน ห้องนั่งเล่น และครัวขนาดเล็กเชื่อมโยงถึงกันเลย แปลนห้อง Type Garden Villa ขนาด 25 ตารางเมตร เปิดประตูเข้าในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวอยู่ด้านหน้าห้องเลยนะครับ ตรงข้ามกับครัวจะเป็นห้องน้ำ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนนะครับ มองตรงเข้าไปด้านในสุดจะเป็นส่วนเปียก โครงการไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้ด้วย อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Balena และกระจกเงา โถสุขภัณฑ์วางอยู่ข้างๆ อ่างล้างหน้า ออกมาดูครัวที่ด้านนอกกันต่อ ครัวจะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ สำหรับเตรียมอาหาร มีช่องวางไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง ส่วนด้านบนเป็นตู้ลอยเก็บของ ซิงค์ล้างจานแบบฝังติดมากับเคาน์เตอร์ครัว จากครัวเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอน ด้านปลายเตียงส่วนที่ติดกับครัวจะ Built in เป็นชั้นวางทีวี และโต๊ะทำงาน ข้างเตียงด้านขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า 2 บาน ข้างเตียงอีกด้านเป็นเหมือน Living Area หลบเข้าไปอยู่ในช่อง วางโซฟา 2 ที่นั่งได้พอดิบพอดี ระเบียงจะอยู่ติดกับโต๊ะทำงานนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ขนาดของระเบียงพอวางเครื่องซักผ้าลงไปแล้วอาจจะเล็กไปสักหน่อย ส่วนในโซน Beach Front Villa จะอยู่ด้านในสุดติดกับทะเลนะครับ มีทั้งหมด 30 อาคาร แบบห้องยังคงเป็นแบบ 1 ห้องนอน จำนวนรวม 1,170 ยูนิต แต่ขนาดห้องจะเริ่มต้นกันที่ 34-41.50 ตร.ม. แล้วแต่ตำแหน่งห้อง เนื่องจากตัวอาคารถูกออกแบบมาให้มีลักษณะโค้งมนเปิดรับวิวทะเลได้มากยิ่งขึ้น ห้องแต่ละห้องจึงมี Layout ต่างกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ แปลนห้อง Type Beach Front Villa ขนาด 40.5 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเจอส่วน Dining Area อยู่ด้านหน้าห้องก่อนเลยครับ ทางขวามือจะเป็นห้องครัวหลบอยู่ในมุม ถ้าติดกระจกหรือกั้นเป็นห้องจะเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น เคาน์เตอรืครัวจะเป็นรูปตัว L ซิงค์ล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้า 2 หัว มาพร้อมฮูดดูดควันของ Hafele ด้านล่างเป็นตู้เก็บของ และช่องวางไมโครเวฟ ส่วนด้านบนเป็นตู้ลอยเก็บของเช่นกัน ตู้เย็นจะอยู่ด้านในสุดต่อจากเคาเตอร์ครัว ฝั่งตรงข้ามกับครัวเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ชุดโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ห้องน้ำจะอยู่เยื้องๆ กับโต๊ะทานอาหาร เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า พร้อมกระจกเงา ขนาดจะใหญ่กว่าห้อง Type Garden Villa ห้องนี้จะได้อ่างล้างหน้าเป็นเคาเตอร์ สามารถวางของได้เยอะขึ้น โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ด้านในติดกับ Shower Box Shower Box จะกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ประตูเข้าออกเป็นบานเลื่อน 2 บาน เข้ามุม ชุดฝักบัวใน Shower Box ออกจากห้องน้ำเข้าไปด้านในอีกจะเป็น Living Area ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาประมาณ 2 เมตร ชั้นวางทีวีที่ได้ขนาดจะไม่ใหญ่มากนะครับ มาพร้อมโต๊ะกลาง โซฟาที่โครงการจัดวางไว้เป็นโซฟา 3 ที่นั่ง ระเบียงจะอยู่ติดกับ Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ความกว้างเต็มพื้นที่เลยครับ ทำให้แสงเข้ามาได้เยอะ ช่วยประหยัดไฟในเวลากลางวันได้อีกแรง พื้นที่ระเบียงจะเป็นลักษณะโค้งๆ เหมือนในภาพนะครับ ได้พื้นที่เยอะพอสมควร สามารถเอาเก้าอี้มาวางเพื่อนั่งรับลมทะเลได้เลย มุมมองจากระเบียงเข้ามาด้านในห้อง กลับเข้ามาข้างใน ห้องนอนจะอยู่ต่อจาก Living Area นะครับ ขนาดห้องนอนจะค่อนข้างกะทัดรัดไปสักหน่อย เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่ Dining Area กับ Living Area ซะมากกว่า ระหว่างห้องนอนกับ Living Area จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ช่วยให้เปิดประตูได้กว้างขึ้น ในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตลงไปแล้ว จะเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงไม่มาก หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in ฝังผนังห้อง ในส่วนของ Beach Front Villa ถึงแม้จะบอกว่าติดทะเลบางปู แต่ทะเลในแถบนี้ลงเล่นน้ำไม่ได้นะครับ เพราะติดแนวเขื่อนกั้น และมีถนนลาดยางเล็กๆ กั้นอยู่ ลูกบ้านจึงทำได้แค่ออกมาเดินเล่นรับลมชมวิวทะเลตามแนวสันเขื่อนเท่านั้นครับ ส่วนถ้าจะเล่นน้ำก็แนะนำให้เล่นในสระว่ายน้ำของโครงการจะดีกว่า โครงการ Miami บางปู เป็นโครงการขนาดใหญ่มากๆ และอาจจะใหญ่ที่สุดของย่านนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมีจำนวนห้องพักอาศัยรวมมากกว่า 5,000 ยูนิต แถมยังมีพื้นที่ร้านค้าอีกมากกว่า 500 ร้าน อาจจะเรียกว่าเป็นเมืองย่อยๆ เลยทีเดียว แถมราคาเริ่มต้นของห้องก็อยู่ในเรทที่จับต้องได้ไม่ยาก จึงไม่น่าแปลกใจที่โครงการนี้จะได้รับความสนใจ และถูกจับจองห้องกันเป็นจำนวนมากแล้ว ยิ่งถ้าหากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสร้างมาถึงตามแผนการขยายตัวของเมือง ความสะดวกสบายในการเดินทางก็จะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นไปอีก ใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในย่านนี้ หรือว่ามีที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ ทำเลแถบย่านนี้อยู่แล้ว เชื่อว่าโครงการ Miami บางปู ก็เป็นที่น่าจับตามองอีกแห่งหนึ่งนะครับ ราคาและเงื่อนไขในการขาย ณ วันที่ 27/08/2558 Garden Villa ขนาดห้อง 25 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 995,000 บาท จอง 900 บาท ทำสัญญา 3,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 34 ตารางเมตร ราคาขาย 1.671 - 1.799 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 40.50 ตารางเมตร ราคาขาย 1.976 - 2.117 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท Beach Front ขนาดห้อง 41.50 ตารางเมตร ราคาขาย 2.033 - 2.176 ล้านบาท จอง 1,000 บาท ทำสัญญา 5,000 บาท