บทความนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องค่าส่วนกลางค่ะซึ่งงค่าส่วนกลางนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าใครที่ซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม-ทาวน์โฮม-บ้านเดี่ยวกับโครงการต่างๆ ก็จะต้องเสียค่าส่วนกลางล่วงหน้ากันส่วนใหญ่ประมาณ 1-2 ปี ตั้งแต่วันโอนกรรมสิทธิ์กันเลย โดยมีการคิดเป็นบาท/ตร.ม. หรือบาท/ตร.ว. เพื่อนำไปดูแลทรัพย์ส่วนกลาง ภายในโครงการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีต้นทุนอยู่ และหากต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นแน่นอนว่าค่าส่วนกลางก็จะถูกขึ้นราคาตามไปด้วย
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนค่ะว่า ค่าส่วนกลางที่เราจ่ายไปนั้นจะถูกนำไปบริหารจัดการโดยนิติบุคคล ของโครงการ ซึ่งเงินก้อนนี้จะถูกนำมาดูแลส่วนกลางทั้งหมด เช่น ค่าซ่อมบำรุงลิฟต์ ค่าพนักงานรักษาความปลอดภัย ค่าแม่บ้านทำความสะอาด ค่าดูแลสวน สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคส่วนกลางต่างๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ก็ย่อมมีต้นทุนอย่างที่เกริ่นกันไปแล้วใช่ไหมคะ ซึ่งสิ่งสำคัญที่เรากำลังจะมาบอกถึงสาเหตุของการขึ้นราคา ค่าส่วนกลางในอนาคตนั้นหลักๆ แล้วก็เป็นผลพวงมาจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจากเดิมในกรุงเทพฯ วันละ 300 บาท เป็นวันละ 325 บาท ซึ่งมีผลมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา ฉะนั้นค่าจ้างพนักงานนิติบุคคล ค่าจ้างรปภ. ค่าจ้างแม่บ้านก็จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงส่วนกลางที่แต่ละโครงการต่างก็แข่งขันกันทำให้สวยยิ่งขึ้น มีพื้นที่เพิ่มขึ้น ตรงนี้ก็กลายเป็นว่าต้องมีต้นทุนในการดูแลรักษากันมากขึ้นตามไปด้วย หลาย Developer จึงผลักต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ประมาณ 1-2% ไปที่ค่าส่วนกลาง โดยจะเริ่มมีผลกันตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป
สุดท้ายอาจมีคำถามเกิดขึ้นว่า แล้วแบบนี้ไม่จ่ายค่าส่วนกลางได้ไหม ซึ่งเราขอแนะนำว่าจ่ายเถอะค่ะ แม้ว่าราคาต่อปีจะอยู่ที่หลายหมื่นบาทก็ตาม เพราะค่าใช้จ่ายนี้ก็นำไปปรับปรุงให้โครงการที่เราอยู่นั้นมีสภาพแวดล้อมสวยงามอยู่เสมอ ดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกให้ รวมถึงยังช่วยเรื่องความปลอดภัยของเราด้วย ซึ่งการอาศัยอยู่ร่วมกันก็ต้องทำตามกฎเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่งผลให้บ้านของเราน่าอยู่อาศัยไปด้วย เพราะหากลูกบ้านไม่จ่ายค่าส่วนกลางก็จะมีการกำหนดโทษปรับ ไปจนถึงฟ้องศาลได้ตามกฎหมาย