วิธีซื้อคอนโด สิ่งหนึ่งที่เป็นความฝันของทุก ๆ คน คือ การมีบ้านหรือคอนโดมิเนียมเป็นของตนเอง แต่การจะซื้อบ้านหรือคอนโดสักห้อง คงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการจะเก็บเงิน เพื่อใช้ในการดาวน์และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และคงต้องมีอายุการทำงานมาระยะหนึ่ง เพื่อให้มีคุณสมบัติเพียงพอจะขอกู้เงินกับธนาคารด้วย คุณสมบัติและเงื่อนไขเหล่านี้ อาจจะเป็นปัญหาสำหรับเด็กจบใหม่ กลุ่ม First Jobber หรือคนที่เพิ่งจะเริ่มต้นทำงานได้ไม่นาน อาจจะขอกู้เงินกับธนาคารไม่ได้ หรืออาจจะกู้ได้แต่ได้รับการอนุมัติวงเงินไม่เพียงพอที่จะซื้อที่อยู่อาศัยที่อยากได้ ซึ่งเรามีเทคนิคในการเลือกซื้อคอนโดหลังแรก สำหรับเด็กใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน เพราะคนรุ่นใหม่นิยมจะเลือกซื้อเป็นบ้านหลังแรก และเป็นที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ รวมถึงกำลังซื้อของคนกลุ่มนี้
3 วิธีซื้อคอนโด หลังแรก
สิ่งที่ต้องพิจารณาเพื่อเลือกซื้อคอนโด ให้ตอบโจทย์และตรงใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มคนเพิ่งเริ่มต้นทำงานมากที่สุด มี วิธีซื้อคอนโด ดังนี้
1.หาตัวเลือกคอนโดที่ใช่
วิธีสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ คือ ทำเล ควรเป็นโครงการที่อยู่ในโซนไม่ไกลจากที่ทำงาน หรือสามารถเดินทางได้สะดวก หากเป็นทำเลที่มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในอนาคต ก็จะเป็นโครงการที่มีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าที่สูงขึ้นและมีความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้เราสามารถขายต่อหรือปล่อยเช่าในอนาคตได้ง่ายหากมีเหตุจำเป็น การเปรียบเทียบระหว่างการซื้อคอนโดมือ 1 และมือ 2 ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยข้อดีของคอนโดมือ 1 คือ ความใหม่และทันสมัย รวมไปถึงส่วนกลางต่าง ๆ ของคอนโด ที่ยังไม่ค่อยเสื่อมสภาพ เพราะเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ นั่นเอง อีกทั้งมีตัวเลือกที่หลากหลายกว่า โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งมีโครงการเปิดใหม่เป็นจำนวนมาก ทั้งที่กำลังสร้างอยู่และสร้างเสร็จแล้ว แต่ข้อเสีย คือ ราคาขายต่อตารางเมตรที่ค่อนข้างแพงกว่าคอนโดมือ 2 และหากเราเลือกโครงการที่กำลังสร้างอยู่ เราก็จะยังไม่เห็นห้องจริง วิวจริง นอกจากนี้คอนโดมือ 1 ก็อาจจะมีค่าส่วนกลางที่แพงกว่า ส่วนข้อดีของคอนโดมือ 2 คือ ราคาถูก ประหยัดงบ และอาจได้ของดีอย่างคาดไม่ถึง หากเลือกให้ดี เราอาจได้ทำเลดีๆ พร้อมราคาเบาๆ ก็ได้ จึงเหมาะกับคนที่มีภาระหน้าที่ หรือเงินอาจจะไม่มากมายนัก แต่ข้อเสีย คือ ความเก่า ซึ่งหากตรวจสอบไม่ดี ก็อาจจะมีปัญหาตามมาอีกมากมาย ก็ลองเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียให้ดี
2.วางแผนการเงิน
วิธีซื้อคอนโด สิ่งที่ต้องเตรียมตัว เตรียมใจก่อนจะซื้อคอนโดคือการคำนวณ “ความสามารถในการกู้” ของตนเอง ซึ่งเราสามารถคำนวณได้ผ่านโปรแกรมการคำนวณสินเชื่อของธนาคารต่าง ๆ ตามเว็บไซต์ของธนาคาร ซึ่งมีอยู่หลากหลาย อาทิ HOME.SCB | ธนาคารไทยพาณิชย์ คำนวณสินเชื่อ จะทำให้เรารู้ว่าวงเงินกู้เท่านี้ ต้องมีรายได้ต่อเดือน และยอดผ่อนชำระต่อเดือนเท่าไหร่ หรือถ้าเรามีเงินเดือนเท่านี้ เราจะได้วงเงินกู้เท่าไหร่ และต้องผ่อนชำระต่อเดือนเท่าไหร่ เช่น หากเรามีเงินเดือน 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี ระยะเวลาผ่อน 30 ปี จากโปรแกรมคำนวณข้างต้น เราจะได้วงเงินกู้อยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านบาท และยอดผ่อนชำระต่อเดือนจะอยู่ 7,000 บาท ก็จะทำให้เราสามารถประเมินความสามารถในการกู้และการผ่อนชำระในเบื้องต้นได้ เงื่อนไขการได้รับสินเชื่ออาจจะแตกต่างไปจากการคำนวณเบื้องต้นได้ ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ย ณ ช่วงเวลานั้น รวมไปถึงธนาคารอาจพิจารณาภาระหนี้สินต่าง ๆ ของผู้กู้ประกอบด้วย เพราะยอดผ่อนต่อเดือนสูงสุดไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เช่น หากเรามีกู้เงินเพื่อซื้อรถไปก่อนแล้ว เมื่อรวมยอดผ่อนรถและผ่อนคอนโดแล้วหากเกิน 40% ของรายได้ วงเงินในการกู้คอนโดของเราอาจได้ไม่เต็มจำนวน ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อคอนโด ต้องไม่ลืมพิจารณาฐานะการเงิน และความสามารถในการผ่อนชำระให้รอบคอบก่อน อย่ากู้จนเกินตัว หรือซื้อคอนโดในมูลค่าที่สูงเกินกว่าเราจะผ่อนไหว เพราะในท้ายที่สุด หากเกิดเหตุสะดุดทางการเงินขึ้นมา คอนโดนี้ก็จะกลายเป็นภาระที่หนักอึ้งให้เราก็เป็นได้ หากเป็นคอนโดที่ยังสร้างไม่เสร็จ ต้องมีการเตรียมเงินดาวน์ไว้ด้วย โดยปกติเงินดาวน์จะอยู่ที่ 10% – 30% ของราคาขาย และยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินของกรมที่ดิน (ส่วนใหญ่ผู้ซื้อกับโครงการจะแบ่งจ่ายคนละครึ่งหรือ 1%) ค่าอากร จำนวน 0.05% ของวงเงินกู้ รวมไปถึงค่าธรรมเนียมอื่นๆ ตามระเบียบของกรมที่ดิน และยังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กับโครงการด้วย เช่น เงินกองทุนสำรองส่วนกลาง ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ค่าส่วนกลางรายปี เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องเตรียมเงินไว้สำหรับตบแต่งห้องและซื้อเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ อีกด้วย ซึ่งจะเห็นว่ากว่าจะเป็นเจ้าของคอนโดสักห้องนึงนั้น ต้องเตรียมการและมีการวางแผนการเงินมาเป็นอย่างดีเลยทีเดียว
3.ซื้อจากผู้ขายที่น่าเชื่อถือ
วิธีซื้อคอนโด การศึกษาข้อมูลโครงการก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากซื้อคอนโดมือ 1 เราต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือของดีเวลล็อปเปอร์ ความเหมาะสมของราคาและคุณภาพ ความคืบหน้างานก่อสร้าง หรือหากเป็นโครงการที่สร้างเสร็จแล้วก็ต้องดูเรื่องการบริหารโครงการว่ามีสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร มีการจัดการที่ดีหรือไม่ ความเป็นอยู่ในโครงการเป็นอย่างไร หรือขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาอสังหาฯ หรือใช้นายหน้ามืออาชีพที่เชื่อถือได้ หากเป็นการซื้อคอนโดมือ 2 เราต้องเข้าไปดูสภาพห้อง ทำเล เพื่อนบ้าน สภาพแวดล้อมของคอนโด รวมไปถึงการบริหารของนิติบุคคลด้วยตัวเอง อาจใช้บริการผ่านนายหน้ามืออาชีพที่น่าเชื่อถือ จะช่วยลดความเสี่ยงและช่วยให้การซื้อคอนโดดำเนินไปอย่างราบรื่นและสะดวกขึ้น เพราะมีตัวกลางที่คอยให้คำแนะนำและประสานจัดการเรื่องเอกสาร การติดต่อหน่วยงาน ต่างๆ รวมไปถึงการจ่ายเงิน และการดำเนินการในวันโอนให้ด้วย แม้ First Jobber จะเพิ่งเริ่มทำงานมีเงินเดือน แต่หากมีการวางแผนการการเงินที่ดีและรัดกุม มีที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ และมีการศึกษาหาข้อมูลที่มากพอ ก็จะทำให้การซื้อคอนโดหลังแรกเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น หากได้คอนโดที่ดี สอดคล้องกับสถานะทางการเงินของเรา ย่อมช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ทั้งในแง่การประหยัดเวลาไปทำงาน การใช้ชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น และไม่เป็นภาระทางการเงินจนมากเกินไป และในท้ายที่สุดการซื้อคอนโดนี้ก็จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะเราสามารถปล่อยเช่า หรือขายต่อได้ในอนาคต
10 ขั้นตอนเก็บเงินซื้อคอนโด
นอกจาก 3 วิธีเลือกซื้อคอนโดหลังแรก ที่คนเพิ่งเริ่มต้นทำงานต้องใช้พิจารณาประกอบการตัดสินใจแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาก็คงเป็น การหาเงินมาซื้อคอนโด ซึ่งเรามีเทคนิคการเก็บเงินมาแนะนำ ถ้าหากทำตามทั้ง 10 ขั้นตอนนี้ รับรองว่าจะมีเงินก้อนมาซื้อคอนโดแน่นอน 1.เลือกซื้อคอนโดในราคาที่เหมาะสมกับรายได้
ราคาของคอนโด ที่เลือกซื้อต้องมีความเหมาะสมกับรายได้หรือฐานเงินเดือน เนื่องจากจะส่งผลต่อการตั้งงบในการเก็บเงิน และค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ตามมา
2.คำนวณเงินก้อนแรกที่ต้องเก็บในการซื้อคอนโด
การซื้อคอนโดแบบผ่อนกับธนาคาร จะมีค่าใช้จ่ายก้อนแรกที่ต้องเตรียมเป็นเงินสดเอาไว้ก่อน ดังนี้ -ค่าจองยูนิตที่ต้องการ อยู่ที่ประมาณ 5,000-50,000 บาท ขึ้นอยู่กับราคาของโครงการคอนโดที่เลือก -ค่าทำสัญญา อยู่ที่ประมาณ 30,000-100,000 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหรือโปรโมชั่นตามที่โครงการกำหนด -เงินดาวน์ หรือค่าผ่อนดาวน์ในกรณีที่โครงการอยู่ในระหว่างก่อสร้าง หากคิดรวมกับค่าจอง ค่าทำสัญญา และค่าผ่อนดาวน์ จะต้องไม่น้อยกว่า 10% ของราคาห้อง -ค่าใช้จ่าย ณ วันโอน ได้แก่ ค่าโอนกรรมสิทธิ์ 2%, ค่ากองทุนส่วนกลาง ประมาณ 500 บาทต่อตารางเมตร, ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้, ค่าจดจำนอง 1% หากวงเงินเกิน 3 ล้านบาท หรือ 0.01% หากวงเงินไม่เกิน 3 ล้าน, ค่าประเมินราคา ขึ้นอยู่กับธนาคาร เป็นต้น ซึ่งบางโครงการคอนโดอาจมีโปรโมชันฟรีทุกค่าใช้จ่าย หรือราคาปรับลดลงตามประกาศโครงการของรัฐบาล
3.ตั้งเป้าหมายและทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
เพื่อให้ได้เงินก้อนแรก ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็น การตั้งเป้าหมายเก็บเงินซื้อคอนโด โดยการตั้งเป้าหมายของการเก็บเงินซื้อคอนโด จะต้องรู้ก่อนว่าจำนวนเงินที่โดยประมาณที่ต้องเก็บมีจำนวนเท่าไร เช่น ต้องเก็บเงินก้อนแรก 410,000 บาท โดยมีรายได้เดือนละ 35,000 บาท แบ่งเก็บเดือนละ 40% (ตกเดือนละ 14,000 บาท) จะใช้เวลาประมาณ 30 เดือน จะได้เงินก้อนแรกสำหรับซื้อคอนโด
4.แยกบัญชีใช้จ่ายและบัญชีสำหรับเก็บเงินซื้อคอนโด
การเปิดบัญชีใหม่สำหรับเก็บเงินโดยเฉพาะ จะช่วยสร้างวินัยในการใช้เงินได้มากขึ้น และเก็บเอาไว้อย่างปลอดภัยไม่ให้นำออกมาใช้จ่ายอย่างไม่จำเป็น จนทำให้แผนการเก็บเงินซื้อคอนโดต้องเลื่อนระยะเวลาออกไปจากที่ตั้งเป้าไว้ โดยบัญชีที่ใช้เก็บเงินควรเป็นบัญชีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยสูง จะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มค่าในการฝากเงินได้มากยิ่งขึ้น
5.ปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก
ในการเก็บเงินก้อนใหญ่ ให้สังเกตดูว่าในแต่ละเดือน มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ดูแล้วไม่มีความจำเป็น หรือเป็นสิ่งที่อาจไม่ต้องจ่ายทุกเดือนก็ได้ ซึ่งหากว่าคุณสามารถปรับเปลี่ยน ปรับลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ออกไปได้ ก็จะช่วยให้การเงินในแต่ละเดือนมีสภาพคล่องที่ดีได้
6.จัดการหนี้สินเก่าให้ได้มากที่สุด
ระหว่างที่เก็บเงินซื้อคอนโด ควรแบ่งเงินส่วนหนึ่งออกไปจัดการหนี้สินเก่าให้หมดด้วย เนื่องจากการมีหนี้สินค้างชำระหรือติดแบล็คลิสต์อยู่ จะส่งผลต่อการขอสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโดที่อาจได้รับการอนุมัติวงเงินน้อยลง หรือไม่ผ่านการอนุมัติได้ และนอกจากการจัดการหนี้เดิมแล้ว ก็ต้องพยายามไม่สร้างหนี้ใหม่เพิ่มเติม เพราะอาจต้องนำเงินสดที่ได้มาจ่ายหนี้ไปเรื่อย ๆ จนทำให้การเก็บเงินล่าช้าไปจากที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้
7.สร้างเครดิตทางการเงินให้ดี
หากมีบัตรเครดิตแล้วใช้งานในระหว่างที่เก็บเงินซื้อคอนโดอยู่ ให้สร้างวินัยทางการเงินที่ดีด้วยการชำระยอดการใช้งานบัตรเครดิตให้ตรงเวลา หรือเลือกให้ตัดยอดการใช้งานจากบัญชีอัตโนมัติก็ได้ วิธีนี้จะช่วยสร้างเครดิตทางการเงิน ให้คุณมีประวัติการชำระหนี้ดีบนฐานข้อมูลของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ซึ่งมีผลต่อการอนุมัติเชื่อเพื่อซื้อคอนโดในอนาคตด้วย
8.หาวิธีสร้างผลตอบแทนจากการออมเงินให้มากขึ้น
เมื่อเก็บเงินไว้ได้ในระยะหนึ่งแล้ว จะทำให้คุณมีเงินก้อนที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างผลตอบแทนได้ ด้วยการนำไป ลงทุนในระยะสั้นแบบ 0-3 ปี ที่สามารถรักษาสภาพคล่องทางเงินและรักษาเงินต้นได้ เช่น กองทุนรวม ตราสารหนี้ เป็นต้น แต่ในการลงทุนก็ต้องศึกษาเงื่อนไขอย่างละเอียด ดูความเสี่ยงที่รับได้ และผลตอบแทนที่จะได้รับให้ดีก่อน
9.หาวิธีสร้างรายได้จากช่องทางอื่น
หากว่าใครต้องการเก็บเงินซื้อคอนโดให้รวดเร็วยิ่งขึ้น การหารายได้เสริมจากช่องทางอื่น ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้การเก็บเงินซื้อคอนโด สามารถลดระยะเวลาไปจากเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ด้วยการมองหาช่องทางที่คิดว่ามีโอกาสทำเงิน เช่น รับของมาขาย ทำสินค้าขาย ขายอาหาร เป็นต้น โดยเริ่มจากการลงทุนน้อยๆ ก่อนเพื่อดูความต้องการของตลาด และลู่ทางที่จะทำกำไรได้ หรือใช้ทักษะการทำงานที่มีอยู่เพิ่มรายได้ด้วยการรับงานฟรีแลนซ์ ที่สามารถเลือกทำในวันหยุดหรือในเวลาว่างก็ได้เช่นกัน
10.เลือกสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโดที่ตอบโจทย์
เมื่อผ่านขั้นตอนการเก็บเงินซื้อคอนโดมาครบทุกข้อ และสามารถจ่ายเงินก้อนแรกในการซื้อคอนโดได้แล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก่อนการเป็นเจ้าของห้องชุด นั่นคือ การขอสินเชื่อกับธนาคาร ที่ตอบโจทย์ทางการเงินของคุณ โดยเลือกดูจาก -วงเงินสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติ -อัตราดอกเบี้ยที่คุ้มค่า -ระยะเวลาในการผ่อนชำระที่เหมาะสม -โครงการสินเชื่อที่ตรงกับคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ หากเลือกได้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด ก็จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่คล่องตัวมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีเงินเหลือใช้สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ทั้งหมดนี้ ก็เป็นวิธีซื้อคอนโด และเทคนิคในการเก็บเงิน ซึ่งหากทำตามคำแนะนำทั้งหมดนี้ เชื่อว่าทุกคนจะสามารถซื้อคอนโดได้ตามที่ใจต้องการได้อย่างแน่นอน CR : นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP®, ACC นักวางแผนการเงินอิสระ นักเขียนและวิทยากร SCB, ธอส. บทความน่าสนใจ
-6 ข้อกฎหมายพื้นฐานควรรู้ ถ้าคิดจะซื้อคอนโด
-ทางเลือกซื้อคอนโด สำหรับคนงบน้อย
-ซื้อคอนโด มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?