Awc

AWC หวังเปิดประเทศอัตราเข้าพักพุ่ง40% หลังยอดจองบุ๊กกิ้งเดียวได้ 2,000 รูมไนท์

AWC หวังนโยบายเปิดประเทศ ดันอัตราเข้าพักโต 2 เท่า เดินขนโรงแรมในเครือกว่า 5,000 ห้อง สร้างประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยว พร้อมเปิดบริการ “คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์” โรงแรมที่ 19 ชี้กระแสดีแค่บุ๊กกิ้งเดียวได้ 2,000 รูมไนท์ ขณะที่ททท. วางเป้านักท่องเที่ยวเข้าไทย 1 ล้านคน ทำรายได้กว่า 6 แสนล้านบาท

 

หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนมีเพิ่มมากขึ้น  ทำให้รัฐบาลเดินหน้านโยบายเปิดประเทศตั้งแต่ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ตอนนี้ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อนจำนวนมาก หลายโรงแรมอัตราการเข้าพักเริ่มขยับสูงขึ้น หลังจากชะลอตัวลงมา ถือเป็นแนวโน้มในภาพบวกต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย

 

สำหรับ AWC ที่มีโรงแรมในเครืออยู่ทั่วประเทศ ก็ได้รับอานิสงค์และผลบวกจากการเปิดประเทศ โดยเห็นได้จากอัตราการเข้าพักเริ่มปรับสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มผลประกอบการของปีนี้จะขยับเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเช่นกัน ซึ่งปัจจัยสำคัญคงขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาว่ามีมากน้อยแค่ไหน

 Awc Aey

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า  จากนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือว่าส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมของบริษัท เพราะมีนักท่องเที่ยวเข้าพักในโรงแรมต่าง ๆ ของบริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในหัวเมืองสำคัญ อย่างกรุงเทพฯ หรือภูเก็ต เป็นจำนวนมาก

 

โดยปัจจุบันภาพรวมอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ของโรงแรมในกลุ่ม AWC มีประมาณ​29% เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ที่มีประมาณ 24% โดยแนวโน้มของอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม โดยยังสูงกว่าช่วงปีที่ผ่านมาในทุกเดือนด้วย ซึ่งปี 2563 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปะประมาณ 23.43% โดยเดือนมกราคมมีอัตราการเข้าพักสูงสุดถึง 77.89% ก่อนจะลดลงเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ได้รับการตอบรับดีมาก มี 1 บุ๊กกิ้งได้กว่า 2,000 รูมไนท์ เดือนพฤศจิกายนน่าจะเห็น Occupancy Rate 30% และธันวาคมคงเห็นตัวเลขที่ดีไปถึง 30-40%

Awc Oc

AWC เปิดรร.แห่งที่ 19 จ.ภูเก็ต

แนวทางการเตรียมรับนักท่องเที่ยงของ AWC คือ การนำโรงแรมที่บริหารอยู่ในปัจจุบันทั้งสิ้น 18 แห่ง มีจำนวนห้องพักรวมกันกว่า 4,941 ห้อง ตั้งอยู่ใน 6 เมืองท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ กระบี่ หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ และเกาะสมุย  ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยแพ็คเกจ​และแคมเปญต่าง ๆ ​ซึ่งโรงแรมทั้งหมดผ่านการรับรองและให้บริการตามมาตรฐานของ Amazing Thailand Safety & Health Administration หรือ SHA+ รวมถึงมาตรฐานของเชนบริหารโรงแรมระดับโลก ที่ให้ความสำคัญและเข้มงวดในเรื่องความสะอาด สุขอนามัย และความปลอดภัยของแขกผู้มาใช้บริการ ทั้งในส่วนของห้องพัก ห้องอาหาร รวมถึงสระว่ายน้ำ และบริการสปาภายในโรงแรม

 

ล่าสุด วันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ยังได้เปิดให้บริการโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์  เป็นโรงแรมขนาด 248 ห้องพักที่บริหารโดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นการรีโนเวตโรงแรมเก่าอย่างโรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต โดยเป็นการรีโนตเต็มรูปแบบในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา สำหรับโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์  ถือเป็นโรงแรมแห่งที่ 19 ภายใต้การบริหารงานของ AWC ทำให้ปัจจุบัน AWC มีโรงแรมเปิดให้บริการแล้ว 5,189 ห้อง

ถ้านักท่องเที่ยวกลับมาเราจะเห็นผลประกอบการของกลุ่มโรงแรมเติบโตก้าวกระโดด ช่วงตุลาคมก็เห็นบุ๊กกิ้งดับเบิล

Awc1

Awc2

เปิดประเทศเงินสะพัดเข้าไทยกว่า 3,500 ล้าน

ด้านนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึง ภาพรวมและผลตอบรับหลังการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวว่า จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน บรรยากาศการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นโดยลำดับ อัตราการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเฉลี่ย 2,000-3,000 คน/วัน สามารถ โดยเม็ดเงินที่ได้จากการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมถึง 9 พฤศจิกายน มีประมาณ 3,500 ล้านบาท

Tat

โดยข้อมูลสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1-10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีจำนวนกว่า 30,000 คน ซึ่งชาติที่เข้าประเทศไทย 10 อันดับแรก  ได้แก่ ​1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 3,864 คน 2.เยอรมนี จำนวน 3,274 คน 3.อังกฤษ จำนวน 1,785 คน 4.ญี่ปุ่น จำนวน 1,713 คน 5.เกาหลีใต้ จำนวน 1,296 คน 6.รัสเซีย จำนวน 1,140 คน 7.สวิตเซอร์แลนด์ จำนวน 1,116  คน 8.ฝรั่งเศส จำนวน 1,041 คน 9.สวีเดน จำนวน 932 คน และ 10.เสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำนวน 810 คน

คาดรายได้ท่องเที่ยวทั้งปีกว่า 6 แสนล้าน

นางสาวฐาปนีย์ฯ กล่าวอีกว่า ตลอดปี 2564 นี้ คาดว่าประเทศไทยจะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน  ผ่านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมและมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด ควบคู่กับการส่งเสริมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว “Visit Thailand Year 2022” ด้วยแนวคิด “Amazing New Chapters” ของ ททท. ทั้ง 29 สำนักงานทั่วโลก

 

สำหรับตลาดในประเทศนั้น ททท. ได้เตรียมสินค้าการท่องเที่ยวแบบ Theme Campaign ที่ตอบสนองพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยทุกกลุ่ม เริ่มจาก UNSEEN New Series เที่ยววันธรรมดา เมืองรองต้องลอง ชุมชนท่องเที่ยวสร้างสรรค์ Workation Thailand และ Thailand Premium เป็นต้น โดยมุ่งสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ภายใต้แนวคิด “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” โดยการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง ททท. กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ กระทรวงสาธารณสุข ตำรวจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการสายการบิน ขนส่ง ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก ตลอดจนผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก อย่างเช่น โรงแรมคุณภาพจากเครือ AWC ทั้ง 18 แห่งทั่วประเทศ

 ททท. มั่นใจว่า ภายในปี 2564 นี้ ประเทศไทยจะสร้างรายได้สู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ไม่น้อยกว่า 625,700 ล้านบาท และจะบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อส่งเสริมให้เกิดมูลค่าเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ในปี 2565 จำนวนไม่น้อยกว่า 1,938,034 ล้านบาท ด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ 160 ล้าน คน-ครั้ง และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ 18 ล้านคน

 

Tat1

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด