Shr Ipo

สิงห์ เอสเตท ส่ง SHR ระดมทุน หาเงินเพิ่มโรงแรม 2 เท่าตัว

สิงห์ เอสเตท ส่งบริษัทในเครือ “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” ขายหุ้น IPO ราคาประมาณ 5.1-5.5 บาทต่อหุ้น เตรียมหาเงินมาต่อยอดธุรกิจโรงแรม เดินหน้า 5 ปีเพิ่นขึ้นเป็น​ 2 เท่า

 

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้นำบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงแรม  เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 1,473.456 ล้านหุ้น  กำหนดราคาขาย 5.10-5.50 บาทต่อหุ้น  โดยจะขายให้แก้ผู้ถือหุ้นของบริษัทเฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม  และประชาชนทั่วไปในวันที่ 1-5 พฤศจิกายนนี้

 

“กลุ่มโรงแรมมีศักยภาพเติบโตสูง จากการนำเอาโรงแรมที่ดีเข้ามา ตอนนี้ก็ดูอยู่หลายโรงแรม แต่เงินของเรามีค่อนข้างจำกัด ไม่อยากให้ผู้ถือหุ้นเพิ่มทุนอีก จึงเอา SHR มาจดทะเบียนบริษัท แต่สิงห์​ เอสเตทยังถือหุ้น 60%”

 

เพิ่มรายได้และจำนวนโรงแรมปีกว่า 15% 

 

ปัจจุบัน SHR มีโรงแรมทั้งหมด 39 แห่ง ใน 5 ประเทศ ภายใต้ 7 แบรนด์ รวมจำนวนห้องพัก 4,647 ห้อง เป้าหมายภายในระยะ 5 ปี หรือปี 2568 จะเพิ่มจำนวนห้องเติบโตปีละ 15% หรืออย่างน้อย 2 เท่า นั่นหมายว่าจะมีจำนวนโรงแรมรวมอย่างน้อย 80 แห่ง หรือคิดเป็นจำนวนกว่า 9,000 ห้องเลยทีเดียว

 

Cro Marina Dawn Final

 

โดยยังตั้งเป้าหมายว่ารายได้จากการดำเนินธุรกิจจะต้องเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 15% ด้วย  ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562  SHR  มีรายได้ 1,751.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 715.6 ล้านบาท ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีรายได้เติบโตเฉลี่ย 63.1% เฉพาะในปี 2561 มีรายได้รวมกว่า 2,575.1 ล้านบาท

 

3 กลยุทธ์สร้างการเติบโต

 

แนวทางในการสร้างการเติบโตของ SHR เพื่อไปสู่การเพิ่มจำนวนโรงแรมอย่างน้อย 2 เท่าตัวนั้น มี 3 กลยุทธ์ที่สำคัญ ได้แก่

 

1.การเข้าซื้อและบริหารจัดการสินทรัพย์ใหม่

เป็นแนวทางในการเพิ่มจำนวนโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาขึ้นมาใหม่ หรือการเข้าซื้อกิจการโรงแรมที่มีอยู่แล้ว โดยเตรียมเงินเพื่อใช้ในการลงทุนปีละ 5,000-8,000 ล้านบาท

 

2.การบริหารจัดการสินทรัพย์เชิงรุก

ด้วยการเพิ่มกระแสเงินสด และการทำกำไรให้เพิ่มขึ้น จากการดำเนินการ ซึ่งจะเน้นการบริหารพอร์ตกลุ่มโรงแรมที่มีทั้งรูปแบบ การบริหารจัดการเองผ่านระบบแฟรนไชส์ ภายใต้แบรนด์ซายน์ (Saii) ให้มีสัดส่วน 40% การบริหารจัดการโดยบุคคลภายนอก สัดส่วน 10%  การจัดทำสัญญาบริหารจัดการโรงแรม สัดส่วน 20% และกลุ่มโรงแรมในประเทศอังกฤษอีก 30%

 

3.พัฒนาธุรกิจการให้บริการบริหารโรงแรมให้บุคคลอื่น 

เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำรายได้และกำไร โดยไม่เป็นภาระการบริหารการเงิน เช่น การนำเอาทรัพย์เข้ากองทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เป็นแหล่งรายได้ที่มีวามสม่ำเสมอ การเพิ่มช่องทางในการระดมทุน ผ่านการเข้าซื้อทรัพย์  นอกจากนี้ ยังมีโอกาสในการออกหุ้นกู้ เพื่อได้รับประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ รวมถึงการสร้างฐานนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น ภายหลังจากการปรับโครงสร้างเงินทุน และหลังจาก IPO แล้วจะทำเรทติ้งบริษัทด้วย

 

Hard Rock Hotel Maldives Lobby & Sessions All Day Dining Restaurant

 

นายนริศ กล่าวอีกว่า ธุรกิจโรงแรและการท่องเที่ยวมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของ UNWTO พบว่าในปีที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยว 1,400 ล้านคน เติบโตจากปี 2560 ประมาณ​ 6% โดยภูมิภาคเอเชีย ยังคงเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนนักท่องเที่ยว 343 ล้านคน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโต 7%  โดยคาดว่าในปีนี้ การท่องเที่ยวจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดเอเชียจะเติบโต 5-6%

บทความ ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด