ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด
ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด เดินหน้าขยายระยะเวลาโครงการ Elite Flexible One ต่ออีก 2 ปี ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 หลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ต่างชาติเดินทางไม่ได้ พร้อมดึงดีเวลลอปเปอร์อีก 10 รายใหม่ ขนโปรเจ็กต์คอนโดเข้าร่วมขาย สิ้นปีคาดทะลุ 100 โปรเจ็กต์ ช่วยกระตุ้นธุรกิจ-เศรษฐกิจ ดึงนำเม็ดเงินเข้าประเทศสูงถึง 100 ล้านบาท
หลังจาก “ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด” เปิดตัวโครงการ Elite Flexible One ออกมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการให้สิทธิพิเศษแก่ชาวต่างชาติ ที่ซื้อคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ มูลค่าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยสามารถซื้อได้ทั้งในรูปแบบ 1 ยูนิต ราคา 10 ล้านบาท หรือหลายยูนิตราคารวมกัน 10 ล้านบาท จากดีเวลลอปเปอร์รายเดียวกัน จะได้รับสิทธิการเป็นสมาชิกบัตรไทยแลนด์ อีลิท ตามประเทศบัตรที่บริษัทกำหนด ซึ่งกำหนดระยะเวลาการสิ้นสุดของโครงการ คือ ภายในสิ้นปี 2565 นี้
แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาซื้อคอนโดหรือทำการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดที่ซื้อไว้ได้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาโครงการ Elite Flexible One ต่อไปอีก 2 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดโครงการภายในสิ้นปี 2565 เป็นให้สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567
นางสาวรัชดาวรรณ เลิศศิลาทอง รักษาการแทนผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ “ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด” เปิดเผยว่า โครงการ Elite Flexible One นับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ คือ วันที่ 1 มกราคม 2564 จนถึงปัจจุบัน มีชาวต่างชาติการซื้อคอนโดมิเนียมไปแล้วเพียง 4 ราย เป็นชาวจีนสัญชาติกัมพูชา โดยมียอดซื้อประมาณ 100 ล้านบาท จากเดิมที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมไม่ต่ำกว่า 100 ยูนิต และมีมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท
ช่วงโควิดที่ผ่านมาส่งผลให้ชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาได้ โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งเป็นลูกค้าหลักซื้ออสังหาฯ ของไทย ปัจจุบันรัฐบาลจีนจะให้เฉพาะผู้ที่มีวีซ่าของต่างประเทศที่ยังไม่หมดอายุเดินทางออกนอกประเทศได้เท่านั้น
การขยายระยะเวลาโปรแกรมพิเศษ “Elite Flexible One” ครั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาคอสังหาฯ ของประเทศ โดยเฉพาะหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และประเทศไทยทำการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการพิเศษนี้จะช่วยกระตุ้นให้มีการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้นได้อีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับความร่วมมือพิเศษโครงการ Elite Flexible One ระหว่าง ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด กับ กลุ่มผู้ประกอบการด้านอสังหาฯ ต่าง ๆ ที่ผ่านมานั้นถือเป็นโครงการที่จะช่วยเหลือ สนับสนุนธุรกิจภาคอสังหาฯ และเศรษฐกิจของประเทศในการดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศช่วงสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มผู้ประกอบการด้านอสังหาฯ เข้าร่วมโครงการ Elite Flexible One แล้วกว่า 22 ราย รวม 78 โครงการ และอยู่ระหว่างการพูดคุยเพิ่มอีกกว่า 10 ราย จึงทำให้คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ น่าจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมเพิ่มขึ้นอีก 10 ราย และมีโครงการคอนโดเข้าร่วมโครงการรวมกว่า 100 โครงการด้วย
สำหรับคุณสมบัติและเงื่อนไขของบัตรสมาชิกประเภท “Elite Flexible One” นั้น มีรายละเอียดดังนี้
1.ผู้สมัครต้องซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมซึ่งมีมูลค่ารวมไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท และจะได้เป็นสมาชิกบัตรไทยแลนด์ อีลิท ตามประเภทบัตรที่บริษัทฯ กำหนด
2.ผู้สมัครที่ยื่นความประสงค์ขอเข้าร่วมโปรแกรม Elite Flexible One จะต้องแสดงหลักฐานยืนยันกรรมสิทธิ์การถือครองอสังหาริมทรัพย์ในนามของผู้สมัคร ที่มีมูลค่ารวมไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท และห้ามจำนอง จำหน่าย โอน ภายในระยะเวลา 5 ปี
3.อนุญาตให้ผู้สมัครที่มีสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์แบบสัญญาเช่าระยะยาวหรือ (Leasehold) สามารถสมัครบัตรสมาชิกในโครงการ Elite Flexible Oneได้ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทฯกำหนด
4.โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกซื้อกิจการ (Take Over) ทั้งโครงการโดยนักลงทุนหรือบริษัทที่เป็นทั้งของไทยและต่างชาติ สามารถเข้าร่วมโครงการ Elite Flexible One ได้ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทฯกำหนด
5.อนุญาตให้ผู้สมัครที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 สามารถสมัครบัตรสมาชิกในโครงการ Elite Flexible One ได้ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด
นอกจากนี้ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ยังมีการดำเนินงานภายใต้โครงการ Flexible Plus Program ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่19 ตุลาคม 2564 เห็นชอบในหลักการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย ด้วยการดึงชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนหรือซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย หลังจากภาวะเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 ได้การออกประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน
โดยมีการกำหนดเงื่อนไขให้กับชาวต่างชาติ ที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าว จะต้องมีเป็นสมาชิก Thailand Privilege Card หรือบัตร Thailand Elite ที่มีอายุบัตรตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ส่วนสมาชิกเดิมหากต้องการสมัครเข้าร่วมโครงการ จะต้องมีอายุสมาชิกบัตรคงเหลือไม่ต่ำกว่า 5 ปี และต้องเป็นบัตรสมาชิกมูลค่าตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไปด้วย
ส่วนรูปแบบการลงทุนในประเทศไทย จะต้องดำเนินการ 1 ใน 3 รูปแบบนี้ ภายใต้เม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
1.การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ตามสิทธิที่ชาวต่างชาติพึงได้รับ
2.การลงทุนในบริษัทจำกัดและบริษัทจำกัดมหาชน
3.การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (หรือหน่วยงานลงทุนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์)
นางสาวรัชดาวรรณ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีชาวต่างชาติ 2 รายที่สนใจโครงการ และมีการลงทุนในโครงการดังกล่าวแล้ว โดยรายแรกเป็นการลงทุนด้านซื้อเครื่องจักรเพื่อผลิตสินค้า ส่วนอีกรายอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการด้านการเงิน ซึ่งมีความสนใจที่จะเข้าลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติกว่า 50 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน สนใจสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ด้านแผนการทำตลาดและการขาย ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จะทำการออกไปโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อจะสื่อสารและทำการตลาดให้กับกลุ่มลูกค้าในประเทศต่าง ๆ ได้แก่ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (ก.ล.ต.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นต้น รวมถึงการทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายของบริษัท ที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมกว่า 30 รายด้วย
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ผู้เข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program จะได้รับพร้อมสิทธิพิเศษของบัตรแต่ละประเภท คือ การเปลี่ยนประเภทวีซ่า จากวีซ่าประเภทอยู่ชั่วคราวเป็นพิเศษ (PE Visa) เป็นวีซ่าธุรกิจและการทำงาน (Non-B Visa) และใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย (Work Permit) 5 ปี
การให้สิทธิสำหรับผู้ติดตาม ซึ่งเป็นคู่สมรสและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายอายุไม่เกิน 20 ปี สูงสุดไม่เกิน 3 คน สามารถขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Non Immigrant Visa) มีอายุการใช้งานการตรวจลงตราเป็นเวลา 5 ปี อีกทั้งยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์ร่วมกับบัตรหลักได้ แต่ ผู้ร่วมโครงการจะต้องรายงานตัว และแสดงเอกสารหลักฐานการลงทุนให้บริษัท เป็นประจำทุก ๆ ปี ตลอดระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่เริ่มต้นการลงทุนด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ไทยแลนด์ อีลิท เปิดรายชื่อ 57 คอนโด ร่วมโปรแกรม Elite Flexible One