ธุรกิจที่ทำรายได้หลักเข้ามาในประเทศปีละมหาศาล นอกจากการผลิตละส่งออกสินค้าชนิดต่าง ๆ แล้ว ก็มีธุรกิจการท่องเที่ยว ที่นำรายได้มาสู่ประเทศของเรา จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายออกไปจากตลาดการท่องเที่ยวของไทย แน่นอนปีนี้รายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คงเหลือเพียงน้อยนิด เพราะผลจากมาตรการการปิดประเทศป้องกันภัยจากโรคโควิด-19
ตลอดระยะเวลาหลายเดือนนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด โรงแรมหลายแห่งจึงปิดกิจการลง เพราะไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ หากมีก็น้อยนิดไม่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายในการเปิดดำเนินการ ซึ่งมีทั้งแบบปิดเพียงชั่วคราว และปิดกิจการเลย หลังจากภาครัฐสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ จึงได้ออกมาตรการมาช่วยกระตุ้นตลาด อย่างเช่น เราเที่ยวด้วยกัน ให้สิทธิพิเศษในการเข้าพักโรงแรมด้วยส่วนลดถึง 40% เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น ปัจจุบันยังได้ขยายระยะเวลาโครงการเราเที่ยวด้วยกันไปสิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2564 จากเดิมสิ้นสุดในปี 2563 และเพิ่มสิทธิพิเศษมากขึ้นด้วย
กลุ่มบริษัท เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด หรือ UHG ผู้พัฒนาโรงแรมภายใต้แบรนด์เดอะ ควอเตอร์ (The Quarter) เดอะเรสซิเดนซ์ (The Residence) อัลท์ โฮเทล นานา (Alt Hotel Nana) เอเวอร์กรีน เพลส สยาม(Evergreen Place Siam) และ อโศก เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท (Asoke Residence Sukhumvit) ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมระดับ 4 ดาว กระจายอยู่ในทำเลต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้เช่นกัน แต่ในภาพรวมแล้ว UHG ยังถือว่าสามารถผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ โดยไม่ได้ปิดการให้บริการโรงแรม และไม่ได้เลิกจ้างพนักงาน แต่ที่สำคัญยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ได้
นายวุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการ ผู้จัดการกลุ่มบริษัท เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด หรือ UHG เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปีนี้ คาดว่าบริษัทจะยังรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ 300 ล้านบาท ซึ่งปีที่ผ่านมามีกำไรขั้นต้นประมาณ 400 ล้านบาท เพราะในปีนี้ได้รับผลกระทบจากจำนวนลูกค้าต่างชาติที่เป็นสัดส่วนหลัก 80% ไม่ได้เข้ามาใช้บริการตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต้องปรับเป้าหมายรายได้ใหม่ โดยปรับลดรายได้ลง 40% จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะทำได้
“เราเป็นโรงแรม 4 ดาว ซิตี้ โฮเทล ค่าบริหารจัดการน้อยกว่า โรงแรม 5 ดาว ที่ต้องมีเซฟฝรั่ง สปาหรู ล็อบบี้เปิดแอร์ตลอด โครงสร้างค่าใช้จ่ายน้อยกว่าโรงแรม 5 ดาว ซึ่งโรงแรม 5 ดาวมีกำไรขั้นต้น 35-40% แต่โรงแรม 4 ดาว มีกำไรขั้นต้น 65% ที่สำคัญเรามีหนี้น้อย การพัฒนาโรงแรมใช้งบลงทุนน้อย เพราะเป็นที่ดินเช่า ช่วงที่ผ่านมาเจ้าของที่ดินยังมีการปรับลดค่าเช่าที่ดินลง 30% ให้ในช่วงโควิดด้วย และยังมีข้อดีจาก อีโคโนมีออฟสเกล เรามีหลายโรงแรม แต่ฝ่ายจัดการกลุ่มเดียว เพราะต้นทุนหลัก ๆ เป็น ค่าเงินเดือน ค่าเช่าและค่าไฟ”
ปัจจุบันอัตราการเข้าพักในโรงแรมของกลุ่มบริษัท เริ่มปรับตัวดีขึ้นจนใกล้จะเป็นปกติ รวมถึงค่าห้องได้ปรับเพิ่มขึ้นจนใกล้เคียงกับอัตราปกติ จากก่อนหน้าที่บริษัทได้ทำโปรโมชั่นและการจัดรายการส่งเสริมการขายต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าตลาดโรงแรมน่าจะฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปี 2564 แต่ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องวัคซีนที่จะมีออกมาป้องกันไวรัสโควิด-19 ด้วยว่าจะมีออกมาใช้จริงเมื่อไร รวมถึงการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของภาครัฐ จะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือมากขึ้นกว่านี้หรือไม่
แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาสสุดท้าย จะต้องติดตามข่าวของภาครัฐ เพื่อปรับแผนการตลาดให้ทันกับมาตรการภาครัฐที่จะเกิดขึ้น และการมุ่งเน้นการให้บริการกับลูกค้า ตอบสนองทุกความต้องการที่ลูกค้าต้องการ เพื่อให้ลูกค้าพอใจ รวมถึงการสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ควบคู่ การนำเอาข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์ เพื่อการโฆษณาและสื่อสารได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
หลังจากภาครัฐมีแคมเปญเราเที่ยวด้วยกันออกมา สถานการณ์ดีขึ้นทุกเดือน ถือว่าแคมเปญรัฐบาลมีผลพอสมควร และบริษัทได้เน้นการทำตลาดออนไลน์เจาะในแต่ละโลเกชั่นมากขึ้น แต่ละโลเกชั่นจะมีคีย์เวิร์ด เช่น ทองหล่อไนท์ไลฟ์ ทำคนเริ่มจำแบรนด์ UHG ได้มากขึ้น ปีนี้บริษัทเพิ่มงบในสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น 3-4 เท่า จากปีที่ผ่านมา เพราะในตลาดตอนนี้เหลือแต่คนไทย และคนไทยเล่นเฟสบุ๊คเยอะมาก
แม้ว่าปีนี้จะมีปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ในด้านการลงทุน UHG ยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนที่ได้วางไว้ โดยปีนี้วางแผนเปิดโรงแรมใหม่ 4 โรงแรม ซึ่งเปิดดำเนินการไปแล้ว 3 โรงแรม ยังเหลืออีก 1 โรงแรมที่จะเปิดในย่านสีลม ในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ขณะที่โครงการมิกซ์ยูสบริเวณถนนรามคำแหง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบ และการยื่นขออีไอเอ ซึ่งตามแผนจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผน
นอกจากการเปิดโรงแรมแห่งใหม่ตามแผนที่วางไว้แล้ว ปีนี้บริษัทยังได้ทำสัญญาเช่าระยะยาวเป็นเวลา 18 ปี ในการบริหารโรงแรมสิริสาธร เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยได้ลงทุน 40-50 ล้านบาท ปรับปรุงห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็นโรงแรมสิริสาธร แบงคอก บาย ยูเอชจี ซึ่งหลังจากการปรับปรุงห้องพัก ด้วยการลดขนาดห้อง 90 ตารางเมตร เหลือขนาดห้อง 45 ตารางเมตรทำให้มีห้องพักเพิ่มเป็น 167 ห้องจากเดิมที่มีจำนวน 104 ห้อง โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม
นายวุฒิพล กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น บริษัทได้เรียนรู้ใน 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.ต้องพยายามสู้และปรับตัว เพราะในตลาดมันยังมีโอกาส และ 2.กระแสเงินสดสำคัญที่สุด ต้องหาเงินสดเข้ามาให้ได้ ที่ผ่านมาจึงไม่ได้ปิดให้บริการโรงแรมเลย และยังได้ปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลง เช่น การปรับห้องพักเป็นห้องทำงาน รองรับกับพฤติกรรม Work From Home ซึ่งพนักเลือกมาใช้บริการห้องของโรงแรม เพราะมีความสะดวก มีห้องอาหารเปิดให้บริการ เป็นต้น
นอกจากนี้ เรื่องการบริหารความเสี่ยง ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ต้องนำมาใช้ควบคู่กับกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งบริษัทมีโครงการที่เป็นลักษณะมิกซ์ยูส มีพื้นที่สำนักงานให้เช่า จึงทำให้สามารถบาลานซ์ความเสี่ยงจากธุรกิจโรงแรมได้ และยังสามารถนำสองธุรกิจดังกล่าวมาทำการตลาดร่วมกันได้ เช่น การบริการห้องประชุม ห้องพัก สำหรับกลุ่มลูกค้าของพื้นที่สำนักงานให้เช่า เป้นต้น