ชื่อโครงการ Whizdom Station Ratchada – Thapra (วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา – ท่าพระ) ที่ตั้งโครงการ ถนนรัชดาภิเษก แขวง ดาวคะนอง เขต ธนบุรี กรุงเทพฯ พื้นที่โครงการ 3-0-53.2 ไร่ ลักษณะโครงการ High Rise จำนวนอาคาร 1 อาคาร จำนวนชั้น 37 ชั้น จำนวนยูนิต 690 ยูนิต ขนาดห้อง 1 Bedroom 26 – 35 ตร.ม. 2 Bedrooms 47 – 59 ตร.ม. Penthouse 40 – 78 ตร.ม. เฟอร์นิเจอร์ Fully Fitted ที่จอดรถ 295 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 43% สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง ชั้น G Grande Lobby, Mailbox Room, Retails Shop Space ชั้น 6,7 Infinity Edge Pool, Fitness, Greenery Courtyard, Pool Bar ชั้น 37 Tunnel Garden, Co-Working Space, Glass House Sky Lounge ปีที่สร้างเสร็จ พร้อมเข้าอยู่ ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร 110,000 – 120,000 บาท/ตร.ม. ค่าส่วนกลาง 500 บาท/ตร.ม. ค่ากองทุน 45 บาท/ตร.ม./เดือน จุดเด่นโครงการ พบกับ Station ที่เหนือกว่า Whizdom Station รัชดา-ท่าพระ เพียง 80 เมตร จาก BTS ตลาดพลู 250 เมตร BRT ราชพฤกษ์ ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง BTSตลาดพลู รถเมลล์สาย 15 , 68 , 101 , 147 , 163 , 195 , 205 และ 547 สถานที่ใกล้เคียง เดอะมอลล์ ท่าพระ,Max Valu,บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์,ตลาดซอย 13,ไทยช่วยไทยพลาซ่า,ตลาดพลู,วัดบางสะแกใน,วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ,ธนาคารกสิกรไทย,โรงเรียน สตรีวัดอัปสรสวรรค์,วงเวียนใหญ่,โรงพยาบาล พญาไท 3 |
ในซอกมุมเล็ก ๆ แถวฝั่งธนบุรี มีย่านเก่าแก่ย่านหนึ่งที่มีชื่อว่า “ตลาดพลู” จุดกำเนิดมาจากชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในสมัยก่อนทำสวนพลูและนำมาค้าขาย พื้นที่แถวนั้นจึงปกคลุมไปด้วยสวนพลูจึงเรียกแถวนี้ว่าตลาดพลู และถ้าพูดถึงย่านนี้ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักนึกถึงของกินมากมายและขึ้นชื่อมีหลายอย่างอาทิเช่น ข้าวหมูแดง, กุยช่ายตลาดพลู,ไอศครีมไข่แข็ง,หมี่กรอบจีนหลี และอีกมากมายให้นักชิมได้มาลิ้มลอง
ทำเลทองของฝั่งธนบุรี
ธนบุรีเมืองกรุงเก่า เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมเก่าแก่ วัดวาอารามต่างๆ อาหารขึ้นชื่อดังๆ หลายร้าน จึงเป็นเสน่ห์อย่างมากของฝั่งธนบุรีที่ฝั่งพระนครหาไม่ได้ เดิมธนบุรีมีพื้นที่เป็นชุมชนส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยมีตึกสูงเสียดฟ้าแบบฝั่งพระนคร ซึ่งมีความแออัดมาก จึงจำเป็นต้องขยายพื้นที่และเล็งเห็นว่าธนบุรีสามารถรองรับขยายได้ 10กว่าปีมาแล้วที่ธนบุรีมีการเติบโตเทียบเท่าฝั่งพระนครจะมองเห็นว่ามีตึกสูงมากมายผุดขึ้นมาอย่างกับดอกเห็ด นอกจากนี้เสน่ห์เมืองเก่าอย่างธนบุรีจะเป็นแหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่ อาหารขึ้นชื่อมากมายแล้ว มีชุมชนความเป็นอยู่ที่เงียบสงบที่่ฝั่งพระนครหาไม่ได้เลย
ห่างออกไปอีกไม่ไกลบนถนนรัชดาภิเษกมีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะเป็นถนนที่เชื่อมต่อกับถนนพระราม 3 และถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งถนนสองเส้นนี้เป็นถนนที่เชื่อมต่อไปเพื่อเข้าเมืองอย่างฝั่งพระนครนั้นเอง นอกจากนี้ ยังเป็นทำเลทองเพราะเป็นถนนที่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา สามารถขับรถส่วนตัวข้ามฝั่งโดยใช้สะพานพระราม 3 และสะพานตากสินได้ เมื่อมองลึกเข้าไปบนถนนรัชดาภิเษกมีโครงการ Whizdom Station Ratchada – Thapra ซึ่งอยู่ติดกับรถไฟฟ้า BTS 80 เมตรใช้เวลาเพียง 1 นาทีถึงสถานี และใช้เวลา 11 นาทีเข้าตัวเมืองอย่างสะดวกสบาย ง่ายดาย ขยับไปอีกนิดเพียง 250 เมตรก็จะถึง BRT สถานีราชพฤกษ์ นอกจากนี้ตัวโครงการยังติดถนนใหญ่จึงมีรถโดยสารวิ่งผ่านเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางอีกด้วย ความโชคดีด้านหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์ประจำทางวิ่งผ่าน ไม่ได้มีเพียงรถเมล์เท่านั้นยังมีวินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ รถสามล้อ และ รถสองแถวแดง ให้ได้เลือกใช้บริการตามสะดวก
Whizdom Station Ratchada – Thapra ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษก ซึ่งละแวกนี้เป็นชุมชนเก่าแก่และเป็นศูนย์กลางของธนบุรีเลยก็ว่าได้ จึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ใกล้ที่ครบครัน อย่างห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ท่าพระ เพียงข้ามสะพานลอยหน้าโครงการก็ถึงแล้วเพราะอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน และยังมีห้างสรรพสินค้าอื่นๆ โดยรอบอย่าง Max Value , BigC ไม่ได้มีแต่ห้างสรรพสินค้าเท่านั้น ถัดมาข้างๆโครงการมีตลาดไทยช่วยไทยพลาซ่าอีกด้วย หรือจะขยับออกมาอีกนิดเพียง 2 กิโล ก็จะถึงตลาดเก่าแก่ที่มีร้านอาหารดังหลายอย่างนั้นก็คือ “ตลาดพลู” ให้ได้ไปสัมผัสลิ้มลองรสชาติกัน นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงอย่าง โรงพยาบาลพญาไท3 , โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า , โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ , วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ , ธนาคารกสิกรไทย
ภาพรวมโครงการ
Whizdom Station Ratchada – Thapra คอนโดมิเนียม High Rise สูง 37 ชั้น บนพื้นที่ 3-0-53.2 ไร่ ที่จอดรถประมาณ 295 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 43% จุดเด่นของโครงการมีการวาง Concept ได้เป็นอย่างดี โดยได้รับแรงบันดาลใจจากตลาดพลูในสมัยก่อน อย่างการออกแบบสถาปัตยกรรมตัวตึกมีแนวความคิดจากใบพลู มาให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสกลิ่นอายความเป็นตลาดพลูแต่เก่าก่อน ที่สำคัญการออกแบบได้รับรางวัลมาตราฐาน TREES ออกโดยสถาบันอาคารเขียวไทย ว่าเป็นตึกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างดีเยี่ยม
Facility ยังคงนำความเป็นตลาดพลูในประวัติศาสตร์มาผสมผสานกับปัจจุบันได้อย่างลงตัว โดยมอบของขวัญเป็นพื้นที่สีเขียวมากมายให้ความรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ ร่มรื่น ผ่อนคลาย ซึ่งส่วนกลางแบ่งออกเป็น 3 ส่วน เริ่มจากชั้นที่ 1 Grand Lobby ที่คอยต้อนรับมีเพดานสูงดูโอ่โถง ภายในประติมากรรมตกแต่งให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เราได้สัมผัส มีความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ถัดมาเพิ่มสะดวก สบายด้วย Retails shop ด้วยกันถึง 6 ร้านที่ทันสมัย
Grand Lobby ที่ดูโอ่งโถงใหญ่โต บวกกับประติมากรรมให้ความรู้สึกเหมือนนั่งเล่นใต้ต้นไม้
ส่วนของชั้น 6 , 7 เป็นส่วนของ Infinity Edge Pool เปิดประสบการณ์ว่ายน้ำรูปแบบใหม่กับบรรยากาศเมืองสุดขอบฟ้า Pool Bar ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านริมน้ำ สามารถก้าวเท้าลงเล่นน้ำได้ทันใจ หรือเวลากลางคืนเปลี่ยนบรรยากาศจัดปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำก็ย่อมได้ สำหรับคนที่รักสุขภาพเดินขึ้นบันไดจาก Pool Bar อีกชั้นก็จะพบแหล่งพลังความสุขภาพนั้นก็คือ Fitness ที่รายล้อมไปด้วยกระจกทำให้มองเห็นวิวเมืองหรือสระว่ายน้ำได้ หรือใครที่อยากได้ความเงียบสงบ ร่มรื่นกับอีกฝั่งหนึ่งพบกับ Greenery Courtyard ที่จำลองยกสวนหลังบ้านที่เป็นท้องร่องในสมัยก่อน เน้นการปลูกพืชผักสวนครัวยึดพันธุ์ไม้ท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่อาทิเช่น ว่านหางจระเข้ , ใบยี่หร่า , ใบชะพลู , ตะไคร้ , ต้นชมพู่ เป็นต้น
Infinity Edge Pool เปิดประสบการณ์ใหม่กับสระว่ายน้ำกับวิวสุดขอบฟ้าและ Pool Bar ผ่อนคลายกับบ้านริมน้ำเพียงอึดใจก้าวเท้าลงเล่นน้ำได้ทันใจ
Fitness ที่มองเห็นวิวได้ทั่ว อยู่ระหว่างชั้นหกและเจ็ด
ในชั้นบนสุดอย่างชั้นที่ 37 เราจะพบ Tunnel Garden สวนแปลกตากับอุโมงค์พันธุ์ไม้เลื้อย ช่วยลดความร้อนให้กับตัวอาหาร และได้ความร่มรื่น ผ่อนคลายกับสายลมและสบายตากับพันธุ์ไม้ต่างๆ เนื่องจากได้คัดสรรพันธุ์ไม้ที่ไม่บังทิศทางของสายลม และยังเพิ่มความร่มเงาให้ผู้พักอาศัยได้ความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างมาก เมื่อหลุดเข้าไปข้างในจะพบกับ Co-Working Space สนุกกับการทำงานท่ามกลางธรรมชาติ สำหรับคนที่ต้องการหาที่ทำงานเงียบๆ ใช้สมาธิส่วนตรงนี้เหมาะกับผู้อาศัยอย่างมากเพราะได้ทำงานโดยมีพืชพรรณรายล้อมทำให้รู้สึกสบายไม่เครียดหรือกดดัน สิ่งต่อจากนี้ถือเป็น Signature ของโครงการนี้เลยก็ว่าได้นั้นก็คือ Glass House Sky Lounge ที่ให้กลิ่นอายความรู้สึกเหมือนอยู่เรือนเพาะชำ ให้ผู้อาศัยมาทำกิจกรรมต่างอย่างอ่านหนังสือเล่มโปรด ทำงาน หรือนั่งเล่นนั่งก็คุยก็ทำได้ เมื่อมองขึ้นไปจะพบกับ Vertical Garden เป็นพื้นที่เล็กๆเอาไว้นั่งคุยหรือประชุมลับได้ มีการออกแบบที่น่าสนใจเป็นรูปแก้วแชมเปญอยู่เหนือพื้นที่ Co-Working Space
Tunnel Garden เปิดมิติใหม่กับสวนอุโมงค์ไม้เลื้อยชวนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
Co-Working Space มองหาพื้นที่ทำงานพร้อมกับธรรมชาติ
ขอนำเสนอ Glass House Sky Lounge ยกแปลงเพาะชำมาอยู่ในห้องนั่งเล่นทำกิจกรรมต่างๆ
Floor Plan
ทางเข้า-ออกของโครงการมีทางเดียว อยู่ติดริมถนนรัชดาภิเษก ด้านหน้าโครงการจัดแต่งด้วยสวนให้ดูเหมือนหลุดเข้าไปในท่ามกลางธรรมชาติที่แท้จริง ซึ่ง Facility จะอยู่ภายในอาคาร
สำหรับชั้นหก ถ้าเดินออกจากลิฟท์ทางด้านซ้ายมือจะเป็น Greenery Courtyard และฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของ Pool Bar และสระว่ายน้ำ
ชั้น 7 เป็นส่วนของ Fitness และมีบันไดทางเชื่อมลงไปชั้นหกเพื่อพักผ่อนกับ Pool Bar และสระว่ายน้ำ
ส่วน Facility บนสุดอย่างชั้นที่ 37 จะเป็นส่วนของสวน Tunnel Garden และ Glass House Sky Lounge and Co-Working Space
Floor Plan ชั้นที่ 9-33 จะสังเกตเห็นได้ว่าทุกยูนิตถูกวางไว้โดยไม่มีห้องไหนถูกบดบังทัศนียภาพเมือง ทำให้ดูโปร่งโล่งสบายไม่อึดอัด
Floor Plan ชั้นที่ 36 Type Penthouse จะถูกวางเอาไว้ที่ชั้น 36 นี้ และเพียงแค่ขึ้นไปอีกหนึ่งชั้นก็จะเจอ Facility ของชั้นที่ 37
Unit Plan
สำหรับโครงการ Whizdom Station Ratchada – Thapra จะมียูนิตให้เลือกมากมายตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย โดยจะมี Type ตั้งแต่ Studio , 1 Bedroom, 2 Bedroom และ Penthouse ลองไปชมตัวอย่างแปลนห้องในแต่ละ Type กันเลย
เริ่มจาก Studio มีขนาดเริ่มต้น 22.81 ตร.ม. เพื่อความเป็นส่วนตัว ดูแลรักษาง่าย ตัวห้องจัดพื้นที่ได้อย่างลงตัวสามารถใช้สอยได้อย่างเต็มที่ เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะพบกับด้านซ้ายมือเป็นครัวและขวามือเป็นห้องน้ำ
มาต่อกับ Type B One Bedroom (Separate Kitchen) มีขนาดเริ่มต้น 26.08 ตร.ม. จุดเด่นของห้องนี้คือมีห้องครัวที่เป็นครัวปิด หมดปัญหากลิ่นอาคารเวลารังสรรค์เมนูสุดโปรดของเรา
Type C เป็น One Bedroom มีขนาดเริ่มต้น 28.14 ตร.ม. ตัวห้องมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ห้องมีความโปร่ง โล่งสบาย
Type D เป็น Two Bedroom มีขนาดเริ่มต้น 47.82 ตร.ม. สิ่งที่น่าสนใจสำหรับห้องนี้ ทุกห้องวางตำแน่งไว้ห้องมุม และเสริมกระจกเพื่อความกว้างขวาง ดูโปร่งสบาย
และสุดท้ายกับ Type E เป็น Penthouse อยู่บนชั้นที่ 36 ทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์เมืองได้กว้าง ทุกพื้นที่ภายในห้องออกแบบใช้สอยอย่างเต็มประสิทธิภาพ
จาก BTS ถึง Whizdom เพียงหนึ่งนาที
จาก BTS สถานีตลาดพลูก็สามารถมองเห็นโครงการแล้ว
เดินออกจากสถานี BTS ตลาดพลูโดยใช้ทางออก 3
เมื่อเดินลงมาให้เลี้ยวขวาเดินตามทางเท้าเพียงไม่กี่ก้าวด้านขวามือจะพบห้างสรรพค้าเดอะมอลล์ท่าพระและซ้ายมือจะเจอโครงการแล้ว
ในที่สุดก็ถึงโครงการ Whizdom Station Ratchada – Thapra เป็นที่เรียบร้อย
เดินชมรอบโครงการ
เมื่อเข้าโครงการจะพบไม้กั้นรถ โดยโครงการนี้ใช้ระบบ Access Card ในการเข้าออกโครงการ
ทางด้านข้าง เป็นทางเดินเพื่อเข้าไปยังสวนพักผ่อนที่จำลองบรรยากาศทางเดินในบ้านสวนของย่านตลาดพลู
สวนหย่อมโครงการรายล้อมไปด้วยต้นไม้ดูเป็นธรรมชาติ
ภายในโครงการมีที่สำหรับจอดรถ ECO Parking อีกด้วย
ชั้นแรกพื้นที่ตรงนี้จะเป็นส่วนของร้านค้า 2 ร้านอำนวยความสะดวกแก่ผู้พักอาศัยในโครงการ
ไม่ได้มีร้านค้าเพียงชั้นแรกเท่านั้นบันไดด้านนี้นำไปสู่ชั้นสองซึ่งเป็นร้านค้าอีก 4 ร้านที่เหลือ
เดินเข้ามาต่อจากร้านค้าก็จะพบ Grand Lobby ที่ดูโอ่โถง คอยต้อนรับผู้พักอาศัย
ก่อนที่เราจะขึ้นลิฟท์ทางฝั่งซ้ายมือ จะพบตู้ล็อคเกอร์เก็บจดหมาย
ตู้จดหมายสามารถเดินวนได้รอบ ออกแบบได้อย่างหรูหรา สวยงาม
ขณะนี้เรากำลังจะขึ้นไปชมตัวโครงการโดยเราจะแวะไปที่ชั้น 6 ก่อนเพื่อไปดู Facility กันเลยครับ
เมื่อออกจากลิฟท์มาแล้ว เดินออกมาซ้ายมือเราจะพบกับ Greenery Courtyard
เป็นสวนที่จำลองเป็นท้องร่องในสมัยก่อน มาปรับให้เข้ากับปัจจุบันได้อย่างลงตัว
พืชพันธุ์ที่นี้ ทางโครงการจะปลูกเป็นพันธุ์ไม้พื้นบ้าน อย่างต้นชมพู่ , ว่านหางจระเข้ , ใบยี่หร่า เป็นต้น นอกจากทำให้ร่มรื่นแล้วยังสามารถนำไปใช้ได้จริง
ถ้ามองขึ้นไปจากสวนนี้ ก็จะเห็นตึกโครงการเสียดฟ้า ที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว อย่างที่อาคารด้านขวามือตัว Facade(เปลือกอาคาร) ได้แรงบันดาลใจจากปลายแหลมของใบพลูที่ซ้อนกันหลายๆ ชั้น
เดินต่อจากสวนทางฝั่งตรงข้าม ก็จะพบกับสระว่ายน้ำในฝันของใครหลายคน ในส่วนตรงนี้จะเป็น Kids Pool และมีน้ำตกเล็กๆ ให้คุณหนูๆได้เพลิดเพลิน สนุกกับการเล่นน้ำมากขึ้น
ทีเด็ดของ Infinity Edge Pool สัมผัสใหม่กับการว่ายน้ำพร้อมมองเห็นบรรยากาศเมือง
ในส่วนของห้องน้ำส่วนกลางชั้นนี้ มีบริการตู้ล็อคเกอร์ให้ผู้พักอาศัยเก็บของก่อนไปทำกิจกรรมต่างๆได้ นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำ และอาบน้ำแบ่งไว้ให้อย่างละห้องอีกด้วย
Pool Bar เป็นส่วนในการทำกิจกรรมจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์ หรือมานั่งพักเหนื่อยหลังจากเล่นน้ำก็ได้
โดย Pool Bar จะรายล้อมด้วยกระจกใส ทำให้มองเห็นสระน้ำพร้อมกับวิวเมือง
บันไดตรงหน้า เป็นทางขึ้นไปยัง Fitness
ส่วนของ Fitness ที่ถูกล้อมด้วยกระจกเงา ทำให้ห้องดูใหญ่ขึ้น โปร่งสบาย ไม่อึดอัด
เครื่องเล่นที่มีมากมายให้กับผู้รักสุขภาพได้เลือกเล่นตามความชอบ
ขึ้นมาต่อกับชั้นที่ 37 บนสุดของโครงการ พักผ่อนกับ Tunnel Garden
เดินตรงมาจาก Tunnel Garden จะเจอ Glass House Sky Lounge มุมสำหรับนั่งคุยเล่นหรืออ่านหนังสือเล่มโปรด
มองออกไปก็จะเห็นวิวกว้างของเมือง
ส่วนมุมนี้เป็น Co-Working Space เอาใจคนที่อยากหาที่ทำงานเงียบๆ พร้อมอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
Vertical Garden มุมลับๆ สำหรับประชุมลับหรือนั่งคุยเล่นทำกิจกรรม
จะมีประตูเชื่อมไปยัง Tunnel Garden
ชมห้องตัวอย่าง
ห้องตัวอย่างที่เรากำลังจะพาไปชม เป็น 2 Bedroom ขนาด 59.95 ตร.ม. ทางโครงการมีเฟอร์นิเจอร์ให้แบบ Fully Fitted และทุกยูนิตจะติดตั้ง Home Intelligent System เพื่อความสะดวกสบายภายในบ้าน ตัวอย่างโหมด Healthy จะคำนวณวัดค่าคาร์บอนไดออกไซด์ถ้าเกินมาตราฐาน จะปรับเปลี่ยนเอาออกซิเจนเข้ามาแทน หรือโหมด lifestyle สามารถปรับเปลี่ยนแสงไฟตามความต้องการของเราได้ให้เป็น Entertainment Mode หรือ Reading Mode สามารถสั่งเปิดปิดไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆได้ ผ่านโทรศัพท์มือถือของเราเพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่ทางโครงการจัดทำขึ้นก็สะดวกสบายไร้กังวลเวลาออกจากบ้านแล้วลืมปิดไฟ ยอกจากนี้ยังมีโหมด Security ที่สามารถตรวจสอบภายในห้องพักอาศัยผ่าน IP Camera ที่เปิดดูจากแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ
บรรยากาศของทางเดินไปยังห้องตัวอย่างเป็น Double Corridor ก่อนที่เราจะเข้าห้อง หน้าห้องจะมีตู้เก็บท่อน้ำ ข้อดีก็คือเวลาเกิดน้ำรั่วซึมสามารถเปิดซ้อมได้จากตู้นี้โดยที่ไม่ต้องเข้าไปในห้อง เรียกว่าระบบท่อออกหลัง เพิ่มความสะดวกสบายเวลาผู้พักอาศัยไม่อยู่
มาถึงห้องตัวอย่างโดยประตูห้องทุกยูนิตใช้ระบบ Digital Door Lock จากแบรนด์ YALE
หลังจากปิดประตูก็ยังมีพื้นที่สามารถวางตู้เก็บรองเท้าได้ด้วย
สวิทซ์ไฟทั้งห้องจากแบรนด์ Obotrons และมีไฟ LED บอกสถานะการเปิด-ปิดไฟเป็นสีฟ้าอยู่รอบปุ่มในเฉพาะห้องน้ำเป็นเซนเซอร์เพียงแค่เดินเข้าไปก็สามารถเปิดไฟเองได้ หรือออกจากห้องเพียงไม่กี่วินาทีไฟก็จะปิดตัว
เมื่อเข้ามาก็จะพบกับประตูสองบาน เรามาเริ่มจากด้านขวามือกันเลย
ประตูทางด้านขวามือเมื่อเข้ามา เป็นส่วนของห้องน้ำกลาง
เปิดประตูมาจะเจอกับอ่างล้างหน้าจากแบรนด์ Lavenz ใต้อ่างมีชั้นวางเก็บของได้
พื้นห้องน้ำมีธรณีกั้นแยกระหว่างที่เปียกกับแห้ง แบ่งเป็นสัดส่วน พื้นของห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนของที่เปียกจะกั้นด้วยกระจกแบบ Temper
ฝักบัวสแตนเลสจากแบรนด์ Englefield ข้างฝักบัวยังมีชั้นวางของอีกด้วย
โถสุขภัณฑ์จากแบรนด์ Toto บริเวณข้างหลังที่ยื่นมาเป็นถังพักน้ำไว้เก็บท่อน้ำแบ่งน้ำดีน้ำเสีย และยังช่วยเพิ่มพื้นที่ในการวางของได้อีกด้วย
ถัดมาออกจากห้องน้ำซ้ายมือก็จะเป็นห้องนอนแรก
พื้นที่ของห้องนอนนี้ยังสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตก็ย่อมได้
มองออกไปก็จะมีหน้าต่างบานใหญ่ สามารถมองเห็นวิวเมืองและยังพอมีพื้นที่สามารถตั้งโต๊ะทำงานได้อีกด้วย
หน้าต่างเป็นแบบหน้าต่างบานกระทุ้ง
ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ปลายเท้าถูกติดตั้งไฟอัตโนมัติ และมีระบบ Soft close เพื่อกันเปิด-ปิดตู้เสียงดังทำให้ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน
เครื่องปรับอากาศทางโครงการติดตั้งของ Daikin และทางโครงการได้ใส่ใจรายละเอียดในทุกอยู่ยูนิต จะดูทิศทางในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศไม่ติดตั้งไว้บนหัวนอน เพราะจะทำให้มีปัญหาด้านสุขภาพผู้อยู่อาศัย
ออกจากห้องนอนแรกตรงเข้ามาก็จะเจอกกับ Common Area. Floor To Ceiling 2.65 เมตร
ซึ่งทางซ้ายของห้องตัวอย่างนี้ จะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นและถัดไปจะเป็น Kitchen Cabinets ไว้ประกอบอาหาร
ในส่วนของครัวยังมีพื้นที่พอให้วางสำหรับโต๊ะรับประทานอาหาร และยังพอมีพื้นที่ให้ทางเดินได้ ไม่ทำให้ดูแคบ
หน้าตาของ Kitchen Cabinets เป็นครัวเปิด มุมขวาชั้นบนเป็นตู้ไฟ
Top ครัวเป็นหินควอตซ์ อ่างล้างจานเป็นแบบฝั่งใต้เคาน์เตอร์ มีข้อดีทำให้น้ำไม่กระเด็นออกมาจากแบรนด์ Mex
ตัวเตาไฟฟ้าเป็นแบบสองหัว มาคู่กับเครื่องดูดควัน สะดวกต่อการประกอบอาหารของคุณแม่บ้าน
ส่วนต่อมากับ Living Room หรือส่วนที่ทำกิจกรรม นั่งเล่นดูโทรทัศน์กับครอบครัว
ด้านหลังที่วางโทรทัศน์ มีกระจกทรงสูงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง
ตรงจุดที่วางโซฟา สามารถซื้อโซฟาที่ใหญ่กว่านี้ก็ยังได้ ไม่ทำให้ดูขวางทางเดิน หรือวางโต๊ะก็ยังได้
ประตูกระจกบานเลื่อนออกไปสู่ระเบียงห้องเพื่อสูดอากาศภายนอก หรือชมวิวทิวทัศน์
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค กับราวกันตกเป็นราวเหล็กโปร่ง ส่วนของระเบียงยังสามารถวางราวตากผ้าได้ กำแพงริมระเบียงติดตั้ง Condensing Unit จะสังเกตเห็นได้ว่าข้างล่างมีก๊อกน้ําและรูปลั๊กไฟเหลือพื้นที่พอสำหรับเครื่องซักผ้า
กลับเข้าห้องมากับห้องสุดท้าย Master Bedroom
เมื่อเดินเข้ามาก็จะเจอห้องน้ำอยู่ในตัวของห้องนอนใหญ่
ซึ่งสุขภัณฑ์ห้องน้ำมีครบเหมือนกันกับห้องน้ำกลาง แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือมีหน้าต่างลอยตัวเป็นแบบหน้าต่างบานกระทุ้ง สามารถเปิดไว้เพื่อระบายอากาศได้
ภายในห้องนอน Master Bedroom มีความกว้างขวาง สามารถวางเตียงขนาด King Size
ตู้เสื้อผ้าของห้องนี้เป็นแบบสองฝั่งไว้แบ่งเสื้อผ้าชายหญิงได้
บนหัวเตียงนอนเป็นกระจกสามารถเปิดรับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าได้ครับ
ที่ปลายเตียงมีพื้นที่พอสำหรับการวางเคาน์เตอร์วางโทรทัศน์ ไว้ดูก่อนนอน
หน้าต่างห้องนี้ เป็นกระจกทรงสูงเชื่อมไปยังหัวเตียงทำให้สามารถมองเห็นวิวเมืองได้กว้างขึ้น
มุมบนหัวเตียงมีกระจกเข้ามุม ทำให้มองเห็นทัศนียภาพได้รอบทิศ
เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ทางโครงการได้แถมกล้องวงจรปิดให้กับทุกยูนิต ซึ่งสามารถบันทึกภาพขณะที่ไม่ได้อยู่ในห้องเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Home Intelligent System ที่รวมอยู่ในห้องชุดพักอาศัย
และนี้คือหน้าตาของรีโมทสั่งการที่จะช่วยอำนวยความสะดวกของผู้อยู่อาศัยในการควบคุมการเปิดปิดไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องซึ่งทางโครงการได้แถมให้กับทุกยูนิต
เพราะเป็นย่านเก่าแก่ และขึ้นชื่อของฝั่งธนบุรี ทำให้ Whizdom Station Ratchada – Thapra คอนโดมิเนียมใหม่จาก “Magnolia” MQDC Magnolia Quality Development Corporation ใช้ Concept “ใบพลู” สร้างสรรค์คอนโดมิเนียม High rise สูง 37 ชั้น ตอบโจทย์ Lifestyle คนรุ่นใหม่ที่ชอบความสงบ แต่สะดวกสบายต่อการเดินทางเพียง 1 นาทีถึง BTS ตลาดพลู และ 11 นาที สู่ใจกลางเมืองย่าน CBD ด้วยความสะดวกสบายทั้งการเดินทาง หรือไลฟ์สไตล์ที่ชอบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติกลางเมือง Whizdom Station Ratchada – Thapra ถือว่าตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยอย่างมาก
สอบถามรายละเอียดเพิมเติมที่ โทร. 1265 หรือ http://bit.ly/thaprareview