Tag : Home

408 ผลลัพธ์
Nirvana Icon วงแหวน-พระราม 9 : รีวิวบ้าน

Nirvana Icon วงแหวน-พระราม 9 : รีวิวบ้าน

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปชมบ้านเดี่ยวของหมู่บ้าน Nirvana Icon วงแหวน-พระราม 9 ซึ่งตั้งอยู่สุดถนนกรุงเทพกรีฑา ใกล้กับตรงช่วงแยกใหญ่บ้านทับช้างที่ถนนมอเตอร์เวย์ตัดกับถนนกาญจนาภิเษก (ถนนวงแหวน) ที่ดินตรงนี้เป็นผืนเดียวกันกับที่ดินของ หมู่บ้านณุศาศิริ ที่อยู่มาก่อนหลายมีแล้ว ถ้าดูในภาพรวมของที่ดินขนาดใหญ่ โซนด้านขวามือจะเป็นหมู่บ้านณุศาศิริครับ ส่วนที่ดินในโซนด้านซ้ายจะเป็นของ Nirvana Icon ที่เราจะพาไปดูกันนี่แหละครับ ก่อนอื่นต้องบอกว่าทั้ง 2 โครงการนี้เป็นพันธมิตรเพื่อนบ้านที่จับมือกันเป็นอย่างดี โดยทั้ง 2 หมู่บ้านจะใช้ทางเข้าออกเดียวกัน และใช้พื้นที่ส่วนกลาง Facility ต่างๆ ร่วมกันด้วยนะครับ   รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    10,500,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะโครงการ    บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 60 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    67 - 0 - 26.50 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ วิธีการเดินทาง เรามาเริ่มกันด้วยวิธีการเดินทางกันก่อนครับ ซึ่งการเดินทางมายังโครงการนี้ก็เหมือนกับโครงการ Nirvana Beyond Lite เลยครับ แค่ขับเลยซอยกรุงเทพกรีฑา 32 มาอีกนิดหน่อย (ดูรีวิว Nirvana Beyond Lite) สำหรับเส้นทางถนนที่สามารถเลือกเดินทางมายังโครงการได้ก็มีทั้งทางซอยรามคำแหง 24 หรือจากแยกลำสาลี รวมถึงสามารถเลือกเดินทางมาตามเส้นทางถนนคู่ขนานกับถนนมอเตอร์เวย์ ซึ่งเข้าได้จากตรงแยกศรีนครินทร์ตัดกับพระราม 9 ส่วนเส้นทางอื่นๆ อย่างเส้นถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) ก็สามารถใช้เป็นทางหลักๆ ในการเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพได้ มีด่านทับช้างซึ่งเป็นด่านที่ใกล้ที่สุดก็แถวๆ วัดลาดบัวขาวนั่นแหละครับ แต่โดยภาพรวมแล้วการเดินทางด้วยรถยนต์ในย่านนี้ก็จัดว่าสะดวกใช้ได้เลยนะครับ ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเพราะถนนหนทางในย่านนี้บางทีถ้าขับรถพลาดแล้ว ก็ต้องกลับรถกันหลายครั้งหน่อย แนะนำว่าให้ใช้เส้นทางจากทางฝั่งรามคำแหงจะสะดวกที่สุดครับ การเดินทางเราเริ่มต้นจากซอยรามคำแหง 24 กันเลยนะครับ ตรงมาเรื่อยๆ ก่อนถึงแยกกรุงเทพกรีฑาจะมีป้ายบอก พอมาถึงแยกกรุงเทพกรีฑาข้างหน้าที่เราเห็นจะเป็นถนนศรีนครินทร์ เราตรงไปเพื่อเข้าถนนกรุงเทพกรีฑานะครับ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปทางบางกะปิ เลี้ยวขวาจะไปทางพัฒนาการ ตรงผ่านแยกมาแล้ว เราก็เข้าสู่ถนนกรุงเทพกรีฑาเป็นที่เรียบร้อย คราวนี้ตรงอย่างเดียวเลยครับ ระยะทางจากแยกกรุงเทพกรีฑาไปจนถึงที่ตั้งโครงการรวมๆ แล้วประมาณ 6 กิโลนิดๆ ทางขวามมือจะมีผ่านสนามกอล์ฟ 2 แห่งนะครับ ที่แรกเป็นสนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา สปอร์ต คลับ อีกสนามใกล้ๆ กัน เป็นสนามกอล์ฟยูนิโก้ ตรงมาจนถึงตรงนี้จะเป็น 3 แยก ทางซ้ายจะเป็นซอยนักกีฬาแหลมทอง ตรงไปจะยังเป็นถนนกรุงเทพกรีฑาอยู่นะครับ เราต้องตรงต่อไป เลยสามแยกมาอีกหน่อย เราโค้งขวาตามทางไปเลยครับ ตรงมาอีกจะเห็นซอยกรุงเทพกรีฑา 32 อยู่ทางขวามือ เข้าไปในซอยนี้อีกนิดเดียวจะเจอโครงการ Nirvana Beyond Lite พระราม 9 เผื่อใครอยากจะดูทั้ง 2 โครงการ ก็แวะเข้าไปได้เลยนะครับ จากนั้นเราตรงไปกันต่อ ข้ามสะพานข้ามคลองตรงนี้ไปอีกนิดเดียวก็ถึงโครงการแล้วครับ ถึงหน้าโครงการ Nirvana Icon แล้วครับ ที่เห็นป้ายณุศาศิริเพราะพื้นที่โครงการเป็นที่ดินผืนเดียวกัน เลยใช้ทางเข้าออกเดียวกัน ไม่ต้องตกใจคิดว่ามาผิดโครงการนะครับ นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแล้ว รถไฟฟ้า Airport Rail Link ก็เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกสบายเช่นกัน เพราะตัวสถานีบ้านทับช้างอยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ซึ่งทางโครงการก็มีบริการรถรับส่งลูกบ้านจากโครงการไปถึงสะพานลอยฝั่งตรงข้ามสถานีตลอดทั้งวัน ทำให้ลูกบ้านสามารถเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟฟ้าได้สะดวกมากขึ้น วิเคราะห์รอบโครงการ เรื่องสภาพแวดล้อมรอบโครงการนั้นต้องบอกว่าเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยมากๆ เพราะพื้นที่รอบๆ โครงการส่วนใหญ่ยังเป็นที่ดินว่าง บ้านพักอาศัยในแนวราบ รวมถึงหมู่บ้านอื่นๆ อีกมากมาย และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ หมู่บ้านณุศาศิริ ที่เป็นเพื่อนบ้านซึ่งอยู่ติดกัน ซึ่งทำให้เราเห็นบรรยากาศความเป็นอยู่จริงๆ ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีเพื่อนส่วนหนึ่งเข้าอยู่อาศัยกันมาก่อนแล้ว เช่นเดียวกันกับพื้นที่ส่วนกลางทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ที่ลูกบ้านจะได้ใช้งานร่วมกัน รวมถึงนิติบุคคลของทั้ง 2 โครงการก็จะเป็นนิติบุคคลเดียวกันด้วย สำหรับโครงการ Nirvana Icon นี้มีจำนวนบ้านทั้งหมด 60 ยูนิต ซึ่งจัดว่าเป็นจำนวนไม่มากเลย แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเงียบเกินไปนะครับ เพราะมีเพื่อนบ้านณุศาศิริอีกหลายหลัง รับรองว่าไม่เหงาแน่นอน ถ้าดูถามแปลนของที่ดินทั้งหมด จะเห็นว่าพื้นที่สีเทาๆ ก็คือโครงการณุศาศิริเดิม ส่วน Nirvana Icon จะอยู่ทางฝั่งซ้าย ทั้งสองโครงการนี้ใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกันนะครับ บรรยากาศในหมู่บ้านครับ ถนนเมนกว้าง 12 เมตร ส่วนถนนในซอยกว้าง 9 เมตรนะครับ ในส่วนของพื้นที่รอบๆ โครงการไม่ค่อยมีร้านค้าให้เห็นมากนัก แต่ถ้าออกมาในช่วงต้นๆ ของถนนกรุงเทพกรีฑา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงซอยนักกีฬาแหลมทองจะคึกคักมากหน่อย เพราะบริเวณนี้จะเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ มีทั้งตลาดสด โรงเรียน สำนักงานที่ดิน สวนสาธารณะ หมู่บ้านนักกีฬา ร้านสะดวกซื้อ เทสโก้โลตัส รวมถึงร้านค้า แผงลอยอีกมากมาย เรื่องอาหารการกินมีให้เลือกเยอะเลยทีเดียว และยังสามารถจับจ่ายซื้อหาอาหารสดไปทำครัวกันได้ ส่วนห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ หน่อยก็มีทั้ง เดอะมอลล์รามคำแหง เดอะมอลล์บางกะปิ เดอะไนน์ พระราม 9 แฟชั่นไอส์แลนด์ พรอมานาด รามอินทรา หรือถ้าเป็นโซนศรีนครินทร์ก็มี ห้างซีคอนสแควร์ และพาราไดซ์พาร์ค ที่สามารถเดินทางได้ไม่ไกลจนเกินไปนัก ดังนั้นเรื่ององค์ประกอบแวดล้อมสำหรับการอยู่อาศัย จึงจัดว่าครบถ้วนใช้ได้เลยทีเดียวครับ สิ่งอำนวยความสะดวก คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. กล้อง CCTV พาชมบ้านตัวอย่าง สำหรับบ้านตัวอย่างของโครงการ Nirvana Icon ที่เราได้มีโอกาสเข้าไปชมในครั้งนี้ เป็นแบบบ้านที่มีชื่อว่า New Inspiration ซึ่งมีการปรับปรุงใหม่จากแบบบ้าน Inspiration เดิม ให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเพิ่มมากขึ้น สำหรับแบบบ้าน New Inspiration นี้ เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นในสไตล์โมเดิร์น ตามเอกลักษณ์ของ Nirvana ตัวบ้านมีพื้นที่ใช้สอย 275 ตร.ม. แบ่งเป็น 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้จะตั้งอยู่บนที่ดินเริ่มต้นที่ขนาด 80 ตร.ว. แต่ถ้าลูกบ้านอยากจะให้มีสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านด้วย ทางโครงการก็มีเตรียมไว้ให้เลือกเหมือนกัน แต่มีจำนวนไม่มากนะครับ แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย SPIRIT พื้นที่ใช้สอย 185 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้า ที่จอดรถ 2 คัน SPIRIT SPECIAL พื้นที่ใช้สอย 210 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้า ที่จอดรถ 2 คัน ELEMENT พื้นที่ใช้สอย 225 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้า ที่จอดรถ 2 คัน LIFE&SOUL พื้นที่ใช้สอย 265 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้า ที่จอดรถ 2 คัน 1 ห้องแม่บ้าน INSPIRATION 275 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้า ที่จอดรถ 2 คัน 1 ห้องแม่บ้าน NEW INSPIRATION 275 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ เดี๋ยวเราไปดูแปลนบ้านกันก่อนนะครับว่า มีการปรับเปลี่ยนตรงไหนและเพิ่มอะไรเข้ามาใหม่บ้าง ก่อนจะไปชมภายในบ้านตัวอย่างสวยๆ ครับ อันนี้เป็นแปลนของบ้าน New Inspiration ซึ่งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านนี้แน่นครบทุกตารางเมตรเลยทีเดียว ทรงบ้านเป็นสไตล์โมเดิร์นตามแบบของ Nirvana เลย จากด้านหน้าจะเห็นว่าตัวบ้านโอ่อ่าใหญ่โตมาก บริเวณหน้าบ้านนะครับ เป็นรั้วเตี้ยและปลูกต้นไม้ไว้สวยงาม ประตูเล็กเป็นบานทึบสีเทา พื้นที่ด้านข้างตัวบ้านเป็นที่จอดรถ 2 ที่ ซึ่งบ้านตัวอย่างหลังนี้เป็นบ้านบนที่ดินขนาดใหญ่ ที่จอดรถเลยขยับออกมาทางที่ดินด้านข้างมากหน่อย ไม่ได้อยู่บริเวณหน้าตัวบ้านอย่างในแปลนครับ ประตูใหญ่ทางเข้าที่จอดรถเป็นรั้วเหล็กโปร่งๆ ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล จากบริเวณที่จอดรถตรงนี้จะเห็นทางเดินเข้าสู่พื้นที่บ้านครับ เดี๋ยวเราไปชมรอบๆ บ้านกันก่อน อันนี้เป็นสนามหญ้าบริเวณด้านหลังที่จอดรถนะครับ ก็ที่ดินตรงข้างๆ ตัวบ้านนั่นแหละครับ มีต้นไม้ปลูกไว้รอบรั้วเลย ถ่ายกลับมาให้ดูที่ด้านหลังที่จอดรถบ้าง จะเห็นว่าพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างกว้างเหมือนกัน แถมยังมีศาลานั่งเล่นที่ทางโครงการทำไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย แต่บ้านจริงที่ที่ดินขนาดเล็กกว่านี้จะไม่มีให้นะครับ ตรงนี้เป็นบริเวณด้านหลังบ้านครับ มีปลูกต้นไม้ไว้ตลอดแนวรั้ว และห้องแม่บ้านก็จะอยู่ทางด้านหลังนี้ด้วย อันนี้เป็นห้องน้ำแม่บ้านซึ่งอยู่ทางด้านหลังของบ้าน ใกล้ๆ กันมีประตูเข้าออกทางด้านหลังบ้าน บริเวณนี้จะเป็นเคาน์เตอร์ครัวไทย ซึ่งเป็นครัวแบบเปิดนะครับ บ้านตัวอย่างหลังนี้มีสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านด้วยนะครับ สระว่ายน้ำอยู่ตรงหน้าบ้านเลย เวลาเดินเข้าประตูหลักของบ้านจะต้องเดินผ่านสระว่ายน้ำก่อน ในขณะที่รอบบ้านชั้นล่างกั้นเป็นกระจกเกือบทั้งหมด จึงมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้รอบบ้านเลย ประตูหลักของบ้านเป็นประตูไม้สักบานเล็กอยู่ในตำแหน่งกลางบ้าน ที่จับเป็นแบบคันโยก พร้อมด้วยล็อค 2 ชั้น เปิดเข้ามาจะเจอโถงพักตรงหน้าบันได บริเวณนี้ Built-in เป็นตู้เก็บรองเท้า และมีมุมให้นั่งใส่รองเท้าเล็กๆ ตรงนี้ด้วย ดูภาพมุมกว้างกันบ้าง จะได้เห็นชัดๆ ว่าต่อจากโถงทางเข้าบ้านไป ทางขวาจะเป็น Living Area ส่วนบันไดและห้องนอนเล็กด้านล่างจะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน เรามาดู Living Area โซนแรกกันก่อน เป็นห้องนั่งเล่นกว้างขวางมากๆ ตำแหน่งที่วางโซฟา ได้ระยะดูทีวีกำลังดี มองเห็นเลยไปถึงอีกด้านของบ้านด้วย พื้นที่ภายในบ้านกว้างขวางมากนะครับ วางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้สบายๆ Living Area ในโซนนี้กว้างมากนะครับ จัดแบ่งพื้นที่กันดีๆ ก็จะใช้งานได้หลากหลายมากขึ้นครับ อย่างในตัวอย่างที่เห็น มุมติดกันสามารถวางโต็ะทำงานขนาดใหญ่ จัดเป็นมุมทำงานได้สวยงาม เหมือนได้ห้องทำงานกว้างๆ อีกห้องเลยใช่มั้ยครับ แถมอยู่ติดประตูกระจกบานใหญ่ทำให้รับแสงธรรมชาติได้เป็นอย่างดี บรรยากาศภายในบ้านโอ่โถงสบายตา เพราะประตูกระจกบานใหญ๋ช่วยให้เปิดรับแสงและวิวได้เต็มที่ นั่งทำงานไปชมวิวสระว่ายน้ำไปได้เพลินๆ ครับ ออกจากโซนนั่งเล่น เดี่ยวเราไปดู Dining Area กันบ้าง เดินผ่านโถงทางเข้าก่อน มุมนี้นั่งใส่รองเท้าตรงหน้าตู้รองเท้าได้ด้วย ภายใน Dining Area ครับ บรรยากาศโปร่งสบายๆ เช่นกัน โต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่วางเป็น island ไว้กลางห้องได้เลยครับ ยังเหลือที่รอบโต๊ะให้เดินสบายๆ บรรยากาศภายใน Dining Area อบอุ่นมากทีเดียว ตำแหน่งที่ตั้งโต๊ะกินข้าว มีประตูกกระจกบานเลื่อนเข้ามุม สามารถเปิดโล่งให้เชื่อมต่อถึงสระว่ายน้ำได้เลย เหมาะกับเวลาจัดปาร์ตี้มากๆ บริเวณนั่งรับประทานอาหารใช้พื้นที่เดียวกันกับ pentry ครัวเลยนะครับ Pentry ครัวโซนนี้เป็นครัวเปิดนะครับ มี island ตรงกลางไว้วางของ และเคาน์เตอร์รอบด้านสำหรับจัดเตรียมอาหาร เคาน์เตอร์บริเวณด้านข้างครับ ยาวตลอดแนวเลย ด้านบนและล่าง Built-in ตู้เก็บของไว้เรียบร้อย เคาน์เตอร์ครัวท๊อปด้วยหินอ่อน มีหน้าต่างกระจกยาวตลอดแนวช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติได้อีกทาง ซิงค์ล้างจานจะอยู่ที่เคาน์เตอร์ทางด้านนี้ครับ เป็นซิงค์ขนาดใหญ่เหมาะกับขนาดครัว เคาน์เตอร์ประกอบอาหารจะอยู่อีกด้าน มีหัวเตาและฮูตดูดควันพร้อม ช่องว่างที่เห็นนี่เว้นไว้วางตู้เย็นครับ รองรับตู้เย็นคิวใหญ่ๆ สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ได้สบาย ประตูด้านข้างครัว เป็นประตูออกไปที่หลังบ้าน ตรงนี้มีซิงค์ล้างจานอย่างที่บอก สามารถตกแต่งเพิ่มเป็นครัวไทยไว้ทางด้านหลังบ้านได้ บ้านแบบใหม่ผนังด้านหน้าเปลี่ยนเป็นกระจกทั้งหมด นอกจากจะได้วิวสระว่ายน้ำแล้ว ยังเปิดรับแสงได้เต็มที่มากๆ ครับ เดี๋ยวเราไปดูห้องน้ำ และห้องนอนที่บริเวณชั้นล่างกันครับ ห้องนี้มีทางเข้าอยู่ตรงบันไดทางขึ้นบ้านนั่นแหละ ประตูทางด้านซ้ายเป็นห้องน้ำนะครับ ไปดูห้องน้ำกันก่อน ในห้องน้ำชั้นล่างมีชุดสุขภัณฑ์พร้อมสรรพ ด้านบนมีหน้าต่างบานเลื่อน เปิดออกระบายความชื้นได้ดีแถมยังช่วงรับแสงได้อีก อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่ มีพื้นที่วางของได้พอสมควร โถสุขภัณฑ์ครบชุด พื้นบริเวณที่อาบน้ำ ดร๊อปต่ำลงมาอีกประมาณ 3 ซม. ป้องกันน้ำเอ่อล้นเวลาอาบน้ำได้ดี ชุดฝักบัวอาบน้ำหน้าตาแบบนี้ครับ ภายในห้องนอนที่ชั้นล่างครับ ซึ่งในบ้านตัวอย่างตกแต่งให้เป็นห้องอเนกประสงค์ บริเวณหน้าต่างด้านข้าง Built-in เป็นมุมนั่งเล่นน่ารักๆ ภายในห้องมีหน้าต่างทั้ง 2 ด้าน ทำให้ภายในห้องสว่างด้วยแสงธรรมชาติ ทางโครงการตกแต่งเป็นโต๊ะทำงานพร้อมตู้เข้ามุมไว้ให้ชมเป็นไอเดียครับ ตู้ Build-in เข้ามุม ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของได้ดีครับ หน้าต่างบานเลื่อนเป็นกรอบอลูมิเนียมสีดำ มีล็อค 2 ชั้น เพิ่มความแน่นหนาได้มากขึ้น ขึ้นไปดูชั้นบนกันครับ ตรงโถงพักบันได เจาะช่องกระจกเปิดรับแสงธรรมชาติได้ กระจกบานใหญ่ตรงโถงบันไดชั้น 2 เปิดช่องให้แสงผ่าน ทำให้บริเวณโถงนี้สว่างมากขึ้น ในบ้านตัวอย่าง ทางโครงการ Built-in เพิ่มตรงราวบันไดให้เป็นตู้โชว์ อันนี้เป็นไอเดียที่น่าสนใจนะครับ โถงหน้าห้องบนชั้นสอง จัดเป็นมุมนั่งเล่นเก๋ๆ ครับ ด้านที่ติดกับราวบันไดจัดเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ หรือเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือได้ครับ ช่วงกลางวันภายในบ้านสว่างไปด้วยแสงธรรมชาติ เนื่องจากมีกระจกเกือบรอบด้าน เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยในบ้านมีมาก วางเก้าอี้นั่งเล่น เอนหลังอ่านหนังสือได้หลายมุม เดี๋ยวเราไปดูห้องนอนเล็กกันครับ อยู่ใกล้กับบันไดทางขึ้นพอดี ในห้องนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ Built-in ออกแบบให้เป็นห้องนอนเด็ก ถึงจะเป็นห้องนอนเล็ก แต่ก็วางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้ว เหลือที่อีกเหลือเฟือ ข้างเตียงติดกระจกเงาบานใหญ่ ให้เป็นมุมแต่งตัวขนาดกว้างเลยทีเดียว ตำแหน่งเตียงอยู่ใกล้กับหน้าต่าง Built-in ชั้นวางของไว้ด้านหัวเตียง ทำให้มีที่เก็บของมากขึ้น ช่วงปลายเตียงยังมีที่เหลืออีกมาก ทำเป็นโต๊ะทำการบ้านและชั้นเก็บของได้อีก หน้าต่างของห้องก็เป็นบานใหญ่ เกือบเต็มแนวกำแพงเลย ภายในห้องนอนเล็กมีห้องน้ำในตัวด้วยนะครับ ภาพรวมภายในห้องน้ำครับ ก็เป็นไปตามมาตรฐาน ติดกระจกเงาบานใหญ่มาให้ตามนี้ อ่างล้างหน้าสีขาว ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระครบ บริเวณที่อาบน้ำ ไม่มีกระจกกั้นมาให้นะครับ ต้องติดเพิ่มเอง หน้าต่างบานเลื่อนในห้องน้ำ ห้องนี้มีเพิ่มกระจกเข้ามุมมาด้วย ยิ่งทำให้ในห้องน้ำสว่างมากขึ้น ชุดฝักบัวอาบน้ำในห้องนี้จะต่างจากห้องข้างล่างนิดหน่อย พื้นห้องอาบน้ำดร๊อปต่ำลงมาเช่นกัน ต่อไปเป็นห้องนอนที่ 2 ครับ อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน บรรยากาศภายในห้องนอนครับ ห้องนี้ตกแต่งในสไตล์หวานๆ หน่อย หัวเตียงทั้ง 2 ด้านมีหน้าต่างบานกระทุ้งตามภาพ บริเวณปลายเตียง Built-in เป็นตู้เก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง พร้อมด้วยมุมทำงานเล็กๆ ติดกับหน้าต่าง ตู้เก็บของด้านข้างเตียง Built-in สูงจรดเพดานเลยนะครับ พื้นที่บริเวณปลายเตียงครับ เหลือที่วางกว้างเลยทีเดียว สำหรับห้องนอนนี้ พื้นที่หน้าห้องน้ำกว้างพอที่จะสามารถตกแต่งเป็น walk in closet ได้ด้วย มุมแต่งตัวตรงหน้าห้องน้ำครับ หวานๆ แบบห้องผู้หญิง หน้าหลังกระจกเงาที่โต๊ะเครื่องแป้ง มีหน้าต่างกระจกเปิดรับแสงธรรมชาติได้สวยๆ ภายในห้องน้ำครับ Lay out ไม่ได้ต่างกันมากนัก เครื่องสุขภัณฑ์ครบเซ็ต อ่างล้างหน้าสเปคเดียวกับห้องก่อนหน้าเลยครับ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระก็เช่นกัน บริเวณอาบน้ำไม่ได้กั้นกระจกให้นะครับ และในห้องน้ำก็มีหน้าต่างบานเลื่อนเปิดระบายความชื้นได้เช่นเดิม พื้นบริเวณที่อาบน้ำดร๊อปต่ำลงมาเหมือนห้องอื่นๆ ครับ แล้วก็มาถึง Master Bedroom ซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนเล็กนะครับ เดินเข้าห้องมาก็จะเจอโซนแต่งตัวหน้าห้องน้ำก่อนเลย ภายโดยรวมของห้องน้ำใน Master Bedroom ครับ ตกแต่งต่างไปจากห้องอื่นๆ มีอ่างอาบน้ำเพิ่มมาด้วย ชุดก๊อกน้ำที่อ่างอาบน้ำครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า และชุดสุขภัณฑ์จะอัพสเปคขึ้นมาอีก อ่างล้างหน้าทรงรีขนาดใหญ่ฝังบนเคาน์เตอร์สีดำเข้มขรึม เคาน์เตอร์ล้างหน้าในห้องน้ำติดกระจกเงาบานใหญ่มาให้ด้วย ชุดโถสุขภัณฑ์ของห้องนอนใหญ่นี่หน้าตาดูหรูหรามากขึ้น มุมอาบน้ำติดกับอ่างอาบน้ำ (ตัวกระจกกั้นทางโครงการติดไว้เป็นตัวอย่าง ของจริงไม่มีมาให้นะครับ) ส่วนชุดฝักบัวอาบน้ำก็หน้าต่างแบบนี้ครับ เป็นหัวก๊อปแบบผสม เข้ามาดูในห้องนอนกันบ้าง อันนี้เป็นภาพรวมครับ พื้นที่ภายในห้องกว้างขวางมากๆ ตรงหัวเตียงของห้องนี้ก็มีหน้าต่างกระจกทั้ง 2 ด้านเช่นกัน บริเวณปลายเตียงแขวนทีวี และมีมุมแต่งตัวพร้อมกระจกเงาบานใหญ่ติดกับตู้เสื้อผ้าเลย ด้านหลังกระจกเงาเป็นหน้าต่างนะครับ เปิดรับแสงธรรมชาติเวลาแต่งตัวแต่งหน้าได้ ดูกันชัดๆ ครับ มีผ้าม่านบังแสงไว้ให้นิดหน่อย มองกลับไปที่หน้าห้องน้ำจะเห็นว่าฝั่งตรงข้าม Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ตลอดแนว ในห้องนอนใหญ่กว้างและเหลือที่พอให้วางโซฟา 2-3 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังมีมุมทำงานด้วย มุมทำงานจะอยู่ติดกับเตียงอีกด้าน ด้านหลัง Built-in ตู้เก็บของเพิ่ม และติดกันก็เป็นประตูบานเลื่อนออกไประเบียงครับ โต๊ะทำงานในห้องนอนครับ ไม่ใช่เล็กๆ เลยนะครับ นี่ครับพื้นที่ระเบียง รั้วระเบียงเป็นกระจก เปิดออกไปก็มองเห็นหน้าบ้านพอดี พื้นระเบียงดร๊อปต่ำกว่าพื้นห้องนอนมาก ป้องกันเรื่องน้ำท่วมขังเข้าห้องได้เป็นอย่างดี จากระเบียงห้องนอนใหญ่สามารถมองเห็นได้รอบบริเวณหน้าบ้านเลยนะครับ มองลงไปเห็นวิวสระว่ายน้ำ และประตูหน้าบ้านเต็มตา ใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวสวยๆ ที่มาพร้อมกับการออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่าในย่านวงแหวน-พระราม 9 โครงการ Nirvana Icon ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว ทั้งในเรื่องแบบบ้านที่ทันสมัย อยู่ไม่ไกลจากในเมืองมากนัก และมีบรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ที่สำคัญเรายังสามารถไปเยี่ยมชมบรรยากาศของหมู่บ้านได้จริงก่อนการตัดสินใจซื้อด้วยครับ
ยื่นขออนุญาตก่อสร้างบ้านให้ผ่านก็สร้างบ้านได้

ยื่นขออนุญาตก่อสร้างบ้านให้ผ่านก็สร้างบ้านได้

การจะปลูกสร้างบ้านซักหลัก เราจะต้องยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างตามที่กฏหมายกำหนดซะก่อน ซึ่งขั้นตอนการยื่นเรื่องขออนุญาตก่อสร้างนั้น เจ้าบ้านอาจจะรู้สึกกังวลใจ กลัวว่าจะมีขั้นตอนยุ่งยากสารพัด แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าเรามีการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี มีเอกสารแบบบ้านจากสถาปนิกและวิศวกรครบถ้วน ก็จะช่วยให้ผ่านขั้นตอนการยื่นขออนุญาตไปได้ และไม่มีปัญหาก่อนลงมือสร้างตามมาทีหลัง ซึ่งครั้งนี้เรามีขั้นตอนในการเตรียมตัวเพื่อยื่นขออนุญาตมาให้ทราบกันครับ เตรียมเอกสารให้พร้อม สถาปนิกและวิศวกรจะเป็นผู้เตรียมเอกสารเกี่ยวกับแบบทั้งหมดให้เรา ทั้งแบบก่อสร้าง และรายการคำนวณต่างๆ รวมทั้งเอกสารหลักฐานการประกอบวิชาชีพของผู้ออกแบบ ซึ่งในส่วนของเจ้าบ้านจะต้องเตรียมเอกสารส่วนตัว เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาโฉนดที่ดิน เป็นต้น โดยเราสามารถตรวจรายการเอกสารที่ต้องเตรียมได้ที่ กองควบคุมอาคารสำนักการโยธา หรือ เว็บไซต์ตามแต่ละสำนักงานเขต ยื่นขออนุญาต เมื่อเอกสารพร้อมแล้ว เจ้าบ้านสามารถยื่นขออนุญาตก่อสร้างได้ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาสำนักงานเขต หรือ อบต. ที่รับผิดชอบพื้นที่ที่กำลังจะก่อสร้างบ้าน ซึ่งขั้นตอนนี้จะมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย เช่น ค่าอากรแสตมป์ ค่าเอกสาร เป็นต้น หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นว่าครบถ้วนหรือไม่ แล้วนัดวันเข้าตรวจที่ดิน หากมีการแก้ไขแบบที่ยื่นขอฯ เจ้าจะหน้าที่แจ้งเจ้าบ้านให้ทราบเพื่อให้สถาปนิกนำไปแก้ไขให้ถูกต้อง ระหว่างรอใบอนุญาตก่อสร้าง เจ้าหน้าที่โยธาจะตรวจสอบแบบที่จะก่อสร้างทั้งหมดให้ถูกต้องตามกฏหมายควบคุมอาคาร และดูว่าการออกแบบทั้งหมดสอดคล้องกัน มีข้อมูลทั้งหมดถูกต้องไม่มีส่วนใดขัดแย้งกัน ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 30 วัน แต่ทั้งนี้ระยะเวลาในการตรวจสอบก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่ต้องแก้ไขด้วย ได้ใบอนุญาตก่อสร้าง เมื่อได้รับใบอนุญาตก่อสร้างมาแล้ว เจ้าบ้านควรถ่ายสำเนาแล้วแจกจ่ายให้กับ สถาปนิก วิศวกร และผู้รับเหมาไว้อย่างน้อยคนละหนึ่งชุด เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในการก่อสร้างบ้าน ซึ่งปกติแล้วใบอนุญาตนี้จะมีอายุ 1 ปี นับจากวันอนุมัติที่ระบุในใบอนุญาต โดยเจ้าบ้านจะต้องก่อสร้างบ้านให้เสร็๗ทันเวลาที่กำหนด แต่ถ้าไม่สามารถสร้างเสร็จได้ทันเวลา จะต้องทำการขอต่ออายุเพิ่ม ขั้นตอนการขออนุญาตจริงๆ แล้วไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย และเป็นเรื่องที่เจ้าบ้านทุกคนควรทำ เพื่อเป็นข้อยืนยันว่าบ้านของเรานั้น มีการก่อสร้างที่ถูกต้อง มั่นคง แข็งแรง และสามารถอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัยด้วย แต่ทั้งนี้เจ้าบ้านทุกคนก็ควรจะให้ความใส่ในขั้นตอนการก่อสร้าง และดูแลงานก่อสร้างด้วย เพื่อให้ตรงตามแบบที่ยื่นขออนุญาตไว้ จะไม่ได้มีส่งผลกระทบจนต้องเกิดข้อร้องเรียน หรือทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมาในภายหลัง  
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ใครๆ ก็อยากมีบ้านในฝันจริงมั้ยครับ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถซื้อบ้านได้ด้วยเงินสดก้อนโต กว่าจะรอเก็บเล็กผสมน้อยให้ได้จำนวนเงินก้อนใหญ่ ราคาบ้านก็พุ่งสูงจนเกินเอื้อมอีกแล้ว ดังนั้นการกู้สินเชื่อเผื่อซื้อบ้านจึงเป็นทางเลือกที่จะทำให้ฝันของเราเป็นจริงได้มากที่สุดใช่มั้ยล่ะครับ แต่หลายคนก็ยังกังวลว่าจะกู้ไม่ผ่าน เราจึงมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่จะมาช่วยให้คุณยื่นขอกู้สินเชื่อแล้วมีโอกาสผ่านเกณฑ์มากขึ้น เลือกจ่ายเงินดาวน์ก้อนใหญ่ โดยปกติจำนวนเงินดาวน์มักจะคิดเป็น 20% ของราคาบ้าน ดังนั้นธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้เราอีกประมาณ 80% ดังนั้นถ้าหากว่าเรามีแนวโน้มไม่สามารถผ่านเกณฑ์การพิจารณาเนื่องจาก รายได้น้อยกว่าความสามารถในการผ่อนชำระ ทางออกที่จะสามารถช่วยเราได้ก็คือ การจ่ายเงินดาวน์ในจำนวนที่มากขึ้น เช่น เพิ่มเป็น 30% หรือ 40% ของราคาบ้าน ทำให้ค่างวดในการผ่อนชำระแต่ละเดือนลดลง แค่นี้โอกาสที่จะกู้ผ่านก็มากขึ้นแล้วครับ หาผู้กู้ร่วม ทางออกที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการผ่อน ถ้าหากมีเงินเก็บไม่มากพอที่จะจ่ายเงินดาวน์ก้อนโต ดังนั้นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการดาวน์น้อยผ่อนสบาย ก็คือ หาผู้กู้ร่วม โดยที่ผู้กู้ร่วมจะต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง คู่สมรส หรือแม้แต่ลูกก็ได้ เพราะอย่างไรแล้ว เมื่อรวมรายได้ของผู้กู้ร่วม ก็จะทำให้ความสามารถในการผ่อนชำระเพิ่มมากกว่าการเลือกผ่อนคนเดียวจริงมั้ยครับ แต่ทั้งนี้คนทั้งคู่ก็ต้องไม่มีภาระผ่อนชำระอื่นๆ ค้างอยู่นะครับ ไม่อย่างนั้นทางธนาคารก็จะมองว่า ความสามารถในการชำระหนี้ของคุณน้อยลง เลือกขนาดบ้านให้เล็กลง หากบ้านในฝันมีราคาที่สูงจนเกินไป และไม่สามารถใช้ทางออกในข้อข้างต้นได้ การเลือกบ้านที่มีขนาดเล็กลง หรือเลือกบ้านที่มีราคาลดลงกว่าที่ฝันไว้ ก็พอจะทำให้ชีวิตเราสบายมาขึ้น ไม่ต้องสร้างภาระหนี้ก้อนใหญ่เกินตัว รวมถึงไม่ต้องรบกวนคนอื่นให้มากู้ร่วมด้วยนะครับ นอกจากเรื่องการกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านแล้ว อย่าลืมเตรียมเงินไว้สำหรับ ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่ามัดจำมิเตอร์น้ำและไฟฟ้า ค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายล่วงหน้าตามที่โครงการกำหนด รวมถึงค่าตกแต่งบ้านอีก และที่สำคัญก็คือ การกันเงินสำรองไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินอีกก้อนด้วยนะครับ ถึงเวลาจำเป็นขึ้นมาจะได้ไม่เดือดร้อนมากจนเกินไป... การมีบ้านในฝันเป็นเรื่องดี แต่ก็อย่าให้เป็นภาระหนักจนต้องเป็นทุกข์นะครับ
Nirvana Beyond LITE พระราม 9 : รีวิวบ้าน

Nirvana Beyond LITE พระราม 9 : รีวิวบ้าน

รีวิวฉบับนี้ เรามีบ้านเดี่ยวสวยๆ จาก Nirvana ในชื่อ Beyond Lite ​มาฝากกันครับ ทำเลที่ตั้งโครงการก็อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า  Airport Rail Link สถานีบ้านทับช้าง อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถส่วนตัว ทั้งเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) โซนกรุงเทพกรีฑา และเส้นทางมอเตอร์เวย์ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามไปดูกันเลยดีกว่าครับ   รายละเอียดโครงการ   ราคาเริ่มต้น    12,400,000 บาท เจ้าของโครงการ    บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะโครงการ    บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 156 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด    34 - 3 - 72.8 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยกรุงเทพกรีฑา 32 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ค่าส่วนกลาง    20 บาท/ตารางวา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี   วิธีการเดินทาง   สำหรับการเดินทางไปยังโครงการ Nirvana Beyond Lite พระราม 9 ในครั้งนี้ เราเลือกเดินทางกันด้วยรถไฟฟ้า Airport Rail Link ไปลงที่สถานีบ้านทับช้าง แล้วเดินขึ้นสะพานลอยข้ามมอเตอร์เวย์มายังที่โครงการ ซึ่งทางโครงการบอกไว้ว่ามีระยะห่างเพียง 300 เมตรเท่านั้น แต่ถ้าลองวัดระยะกันจริงๆ จังๆ ต้องบอกว่าจากทางลงสถานีรถไฟฟ้าบ้านทับช้างจะมาถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้านต้องมีระยะเดินไม่ต่ำกว่า 550 เมตร เลยนะครับ แต่โชคดีหน่อยที่ทางหมู่บ้านมีบริการรถรับ-ส่งถึงบันไดสะพานลอย ระยะเดินที่ต้องเดินจริงๆ จึงร่นเหลือแค่ 300 เมตรตามที่ทางโครงการบอกเลยครับ (เดี๋ยวจะหาว่าโกหก) ที่สำคัญลูกบ้านทุกหลังสามารถเรียกใช้บริการรถรับส่งได้ตลอดทั้งวันเลยทีเดียว แผนที่กราฟฟิกของโครงการ จะเห็นว่าอยู่ใกล้กับมอเตอร์เวย์เลยนะครับ แผนที่จาก google map จะได้เห็นทิศทางกันชัดๆ ครับ ครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยรถไฟฟ้า Airport Rail Link มาลงที่สถานีบ้านทับช้างครับ ลงจากสถานีมาจะเห็นซอยเล็กๆ ที่เลี้ยวออกไปถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ เดินทางตามซอยไม่ไกลมาก็จะเห็นสะพานลอยแล้วครับ เราจะเดินขึ้นสะพานลอยนี้เพื่อข้ามถนนมอเตอร์เวย์ไปยังฝั่งที่ตั้งโครงการกันนะครับ ข้ามมาลงฝั่งตรงข้ามแล้ว ก็เดินเลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปได้เลย หรือจะรอเรียกรถกอล์ฟของโครงการให้มารับตรงนี้ก็ได้ครับ เดินเข้าซอยมาประมาณกลางซอยก็จะเห็นป้ายโครงการ Nirvana อันใหญ่ๆ เอาล่ะใกล้จะถึงโครงการแล้วใช่มั้ย จากป้าย Nirvana ตัวใหญ๋ตรงหัวโค้งนั่น เราต้องเลี้ยวขวาไปตามถนนอีกนิดหน่อยนะครับ ถึงจะเจอทางเข้าโครงการ ระยะเดินจริงๆ จากตัวสถานีทับช้างมาถึงหน้าโครงการก็ต้องมีมากกว่า 550 นะครับ ส่วนที่ทางโครงการแจ้งไว้ว่า 300 เมตรคือนับมาถึงแค่สุดสะพานลอยตรงปากซอยทางเข้า หลังจากนี้ถ้าเรียกให้รถมารับ ก็ไม่นับเป็นระยะเดินแล้ววครับ ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ ​Nirvana Beyond Lite ใหญ่โตสวยงามเช่นเคย เข้ามาแล้วก็จะเจอถนนเมนตรงเข้าไปหมู่บ้านเลย ซึ่งลักษณะที่ดินของหมู่บ้านก็ลึกทีเดียว เดี๋ยวเราไปชมบรรยากาศของโครงการกันก่อนครับ ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมายังซอยกรุงเทพกรีฑา 32 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการก็มีให้เลือกได้หลายเส้นทาง เช่น จากฝั่งรามคำแหงก็สามารถเข้ามาตามเส้นทางกรุงเทพกรีฑา โดยทางซอยรามคำแหง 24 หรือจากแยกลำสาลี หรือถ้ามาจากแยกพระราม 9 ผ่านแยกศรีนครินทร์มาแล้วจะใช้ถนนคู่ขนานกับมอเตอร์เวย์มาเรื่อยๆ ก็ได้นะครับ อีกทั้งยังมีเส้นทางจากฝั่งอ่อนนุชมาเข้าทางประเวศได้ แต่อาจจะต้องกลับรถข้ามฝั่งมอเตอร์เวย์กันไกลหน่อย เส้นทางนี้จึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) และถนนมอเตอร์เวย์ แต่กว่าจะถึงด่านเข้า-ออกของถนนแต่ละเส้นก็ต้องขับรถอ้อมหรือเลยไปไกลหน่อยนะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ ทำเลที่ตั้งของโครงการ Nirvana Beyond Lite อยู่ค่อนไปทางโซนชานเมืองหน่อยนะครับ แต่เรื่องการเดินทางเข้า-ออกเมืองยังถือว่าสะดวกดี โดยเฉพาะคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก เพราะถนนหนทางแถบนี้ใกล้ทั้งมอเตอร์เวย์ และถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) ซึ่งน่าจะเป็นเส้นทางหลักๆ ในการเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพฯ รวมถึงการเดินทางออกไปทางภาคตะวันออกด้วย แต่ติดที่ด่านทางเข้าของทั้งมอเตอร์เวย์ และถนนวงแหวนรอบนอกไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ตัวโครงการเท่าไหร่นัก บางครั้งการเลือกใช้เส้นทางปกติก็อาจจะเดินทางได้ง่ายกว่าก็ได้ จึงต้องวางแผนเลือกเส้นทางกันนิดหน่อยน่าจะดีกว่า ในย่านนี้ที่พักอาศัยจะเป็นบ้านเดี่ยว ตึกแถว หรือบ้านพักในแนวราบสูงไม่เกิน 4-5 ชั้นเกือบทั้งหมด และก็เป็นหมู่บ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นบรรยากาศโดยทั่วไปจึงไม่พลุกพล่านมากนัก โดยเฉพาะในซอยกรุงเทพกรีฑา 32 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการด้วยแล้ว ต้องบอกว่าเงียบสงบมากเลยทีเดียว แต่เรื่องอาหารการกินก็ไม่ได้ขาดแคลน หรือห่างไกลจากร้านค้าอย่างที่คิดนะครับ ถ้าออกจากซอยกรุงเทพกรีฑา 32 มาตามถนนกรุงเทพกรีฑาช่วงซอยนักกีฬาแหลมทอง แถบนี้ก็จะมีร้านค้าต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ มินิมาร์ท แผงลอย ตลาดสด เทสโก้โลตัส ธนาคาร รวมถึงสำนักงานที่ดินสาขาประเวศ สวนสุขภาพเคหะชุมชนหัวหมาก โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภช และโรงเรียนอื่นๆ อีกหลายแห่ง บริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์มากทีเดียวจึงไม่ต้องกลัวอดเลยครับ ถ้าไม่อยากขับรถก็ขี่จักรยานออกมาก็ยังได้ เพราะระยะทางไม่ได้ไกลเลย แต่ถ้าอยากจะช็อปปิ้งจับจ่ายซื้อของแบบจริงจัง ในย่านนี้ก็มีทั้งห้างเดอะมอลล์บางกะปิ ซีคอนสแควร์ และพาราไดซ์พาร์ค ที่พอจะจัดว่าใกล้หน่อย ถ้าไม่อย่างนั้นก็แนะนำให้ขึ้นรถไฟฟ้า Airport Rail Link เข้าเมืองไปช็อปปิ้งที่สยามกันไปเลยครับสะดวกดี สิ่งอำนวยความสะดวก คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. กล้อง CCTV รถกอล์ฟรับ-ส่งลูกบ้าน ไปสะพานลอยข้าม Airport Link จากหน้าหมู่บ้านเข้ามาไม่ไกลมากก็จะเจอพื้นที่ส่วนกลางอยู่ทางขวามือ ตึกที่เห็นนั่นคือ ห้องฟิตเนสในบริเวณคลับเฮาส์ ห้องฟิตเนสอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ เป็นห้องกระจกติดแอร์เย็นฉ่ำ ภายในห้องออกกำลังกายมีอุปกรณ์ครบเลยทีเดียวครับ ถึงแม้พื้นที่ไม่ได้กว้างมากก็ตาม ออกมาจากห้องฟิตเนสก็จะเจอกับสระว่ายน้ำเลย สระว่ายน้ำมีก้ันแยกสำหรับสระเด็กไว้ด้วย พร้อมพื้นที่นั่งเล่นริมสระ จากมุมนี้จะเห็นได้ชัดว่าห้องฟิตเนสจะอยู่บริเวณเดียวกับสระว่ายน้ำเลย ทำให้การออกกำลังกายสะดวกมากๆ เดินลงมาอีกด้านของสระว่ายน้ำ จะเจอกับสวนสาธารณะส่วนกลาง บริเวณนี้จะเป็นสนามหญ้ากว้าง พร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ ลานบริเวณนี้จัดเป็นสนามเด็กเล่นให้ด้วย พร้อมมุมนั่งเล่นรอบๆ เผื่อให้ผู้ปกครองได้ดูแลลูกๆ อย่างใกล้ชิด มีทั้งของเล่น และพื้นที่กว้างให้เด็กๆ วิ่งเล่นได้สบาย เครื่องเล่นมีหลากหลายเลยครับ แถมบรรยากาศก็ร่มรื่นด้วย พาชมบ้านตัวอย่าง ก่อนอื่นต้องบอกกันก่อนว่าโครงการ Nirvana Beyond Lite พระราม 9 นั้นมีลูกบ้านอยู่กันมานานแล้วพอสมควร เราจึงได้เห็นบรรยากาศภายในหมู่บ้านจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่บรรยากาศตัวอย่างขณะก่อสร้างเหมือนหมู่บ้านใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้ทางโครงการได้มีการขยายพื้นที่เปิดเฟสใหม่ รวมถึงเพิ่มแบบบ้านใหม่เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ชื่อว่า Just So บนที่ดินขนาดเริ่มต้นที่ 50 ตร.ว. ตัวบ้านแบ่งเป็น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ ภายใต้การออกแบบตัวบ้านในสไตล์โมเดิร์น และด้วยคอนเซปต์บ้านของ Nirvana ที่เน้นการออกแบบให้ภายในบ้านมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่คุ้มค่าทุกตารางเมตร ตัวบ้านจึงมีพื้นที่ใช้สอยรวมมากถึง 270 ตร.ม. เลยทีเดียว เราไปดูภายในบ้านตัวอย่าง Just So กันเลยดีกว่าครับ หน้าตาของตัวบ้านแบบเต็มๆ ครับ บ้านที่เราจะได้ดูกันมีชื่อว่า Just So ครับ และนี่คือแปลนชั้นล่างของบ้านครับ เข้ามาในตัวบ้าน จะเจอโถงเล็กๆ Built-in ตู้เก็บรองเท้าไว้เรียบร้อย พื้นที่ตรงประตูทางเข้าบ้านครับ บ้านจริงไม่มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in มาให้นะครับ ถัดเข้ามาใน Living Area ครับ บันไดทางขึ้นก็อยู่ใกล้ๆ กัน บรรยากาศภายในพื้นที่นั่งเล่น หรือห้องรับแขกครับ กว้างๆ โล่งๆ เลย ทีวีแขวนติดผนังเลยนะครับ มุมด้านที่ติดกับประตูทางเข้าเป็นผนังกระจกบางส่วน เปิดรับแสงธรรมชาติได้อีกทาง อีกด้านของห้องนั่งเล่น เป็นประตูกระจกบานใหญ่ทำให้บรรยากาศภายในห้องสว่าง และโปร่งมากขึ้น พื้นที่ติดกันใน Living Area แบ่งมาตั้งโต๊ะกินข้าวได้สบายๆ ด้านนึง Built-in เป็นโซฟาที่นั่งติดหน้าต่าง วางโต๊ะกินข้าวขนาด 6-8 ที่นั่งได้สบายๆ เลย บรรยากาศรวมๆ ใน Living Area ครับ ถัดจากโต๊ะกินข้าวเข้าไปด้านใน เป็นห้องครัวนะครับ ครัวเป็นแบบครัวปิดนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้เรียบร้อย ส่วนประตูข้างๆ เป็นประตูที่ออกไปข้างๆ บ้านได้ ประตูกระจกห้องครัว เป็นกรอบอลูมิเนียมสีขาว พร้อมที่จับตามภาพครับ ในห้องครัวมีหน้าต่างบานใหญ่ เลื่อนเปิดเพื่อระบายกลิ่นได้ และยังช่วยให้รับแสงได้มากขึ้น เคาน์เตอร์ครัว Built-in เข้ามุม มาให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่บ้านจริงไม่มีมาให้นะครับ ส่วนภาพนี้เป็นห้องน้ำที่บริเวณชั้นล่างครับ อยู่ติดกับห้องครัว มีหน้าต่างบานใหญ่ในห้องน้ำเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้เลย พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ อ่างล้างหน้า มีตู้เก็บของด้านล่างด้วยนะครับ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระครับ ส่วนพื้นของห้องน้ำก็ดร๊อปต่ำลงมาจากพื้นบ้านอีกพอสมควรเลย เดี๋ยวเราขึ้นไปดูชั้นบนกันครับ อันนี้เป็นแปลนของชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ของ Master Bedroom ทั้งหมดครับ ขึ้นบันไดมา ตรงจุดพักจะตกแต่งเป็นมุมนั่งเล่นเล็กๆ เพดานตรงนี้สูงโปร่ง ทำให้บรรยากาศโอ่โถงมากขึ้น จากพื้นที่พักบันได มีบันไดอีก 2 ขั้นก่อนขึ้นไปดูที่ชั้น 2 ครับ อันนี้เป็นบริเวณหน้าห้อง Master Bedroom ตรงชั้น 2 ครับ หน้าห้องนอนใหญ่มีแผงคอนโทรลระบบกันขโมย หน้าตาแผงควบคุมครับ ภายในห้องนอนใหญ่ กว้างขวางมาก สามารถวางโซฟาชุดใหญ่ได้ แถมยังเหลือที่อีกเพียบ ข้างๆ โซฟา ยัง Built-in เป็นชั้นวางของและใช้เป็นมุมอ่านหนังสือหรือนั่งทำงานได้ ดูกันชัดๆ ครับ ตรงมุมชั้นวางของตรงประตูทางเข้าห้องครับ ติดกับพื้นที่นั่งเล่นในห้องนอน เป็นประตูระเบียงกระจกบานเลื่อนนะครับ ระเบียงกว้างขวางมากๆ นะครับ แถมเลยไปด้านของห้องด้วย พื้นที่ระเบียงด้านข้างครับ จากระเบียงห้องนอนใหญ่สามารถมองเห็นวิวหน้าบ้านได้ชัดเจน เดี๋ยวไปดูพื้นที่ของห้องนอนกันบ้างครับ บริเวณกลางห้องกว้างมากพอให้เหลือที่จะวาง ชุดเก้าอี้ได้อีก เตียงนอนขนาดใหญ่ วางไว้กลางห้องเลยครับ จะเห็นว่าพื้นที่รอบๆ เตียงยังเหลือกอีกเพียบ ปลายเตียงแขวนทีวีติดผนังไว้ และ Built-in เป็นชั้นวางของด้วย พื้นที่ของห้องนอนเต็มหน้ากว้างของบ้านเลยนะครับ มีโต๊ะทำงานตรงหัวเตียงด้วย ดังนั้นเตียงนอนจึงไม่ได้วางชิดผนังห้องนะครับ จากโต๊ะทำงานที่หัวเตียงสามารถนั่งทำงานไป ดูทีวีไปได้ ระยะทีวีไกลพอสมควรเลย สามารถเลือกแขวนทีวีขนาดใหญ่ได้สบาย ถัดจากห้องนอนเข้ามาก็เป็นห้องน้ำครับ ประตูห้องน้ำเป็นกระจกใสเต็มผนัง ห้องอาบน้ำแอบเซ็กซี่ ติดกระจกเปิดโล่งทั้ง 2 ด้าน ของอ่างอาบน้ำเลย ชุดก๊อกของอ่างอาบน้ำครับ หน้าต่างตรงอ่างอาบน้ำไม่ได้เปิดออกไปนอกตัวบ้านนะครับ พื้นที่ตรงนี้เหมือนเป็นระเบียงเล็กๆ เปิดเป็นโถงรับลม ที่อาบน้ำอยู่ในมุมด้านในสุด มีชุดฝักบัวแบบ Rain Shower ด้วย แต่พื้นที่ไม่ได้กว้างมากนัก มีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดระบายความชื้นได้ครับ เปิดออกไปก็จะเป็นพื้นที่ระเบียงเดียวกับอ่างอาบน้ำนั่นแหละ พื้นที่ในห้องน้ำยาวเข้าไปด้านในเลย ถัดจากอ่างอาบน้ำอีกด้านเป็นอ่างล้างหน้าครับ มุมทำธุระส่วนตัว อยู่ติดกับเคาน์เตอร์ล้างหน้าครับ มีกระจกเงาบานใหญ่มากติดมาให้แล้ว เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่วางของได้เยอะแยะเลย หน้าตาของอ่างล้างหน้าและชุดก๊อกแบบผสมครับ ก๊อกน้ำดีไซน์สวยงามทันสมัยมาก หน้าตาชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระครับ จากบริเวณที่อาบน้ำเข้าไปเป็นพื้นที่แต่งตัวครับ พื้นตรงนี้จะยกสูงกว่าพื้นห้องน้ำหนึ่งสเตป มุมแต่งตัวออกแบบให้อยู่ติดกับหน้าต่าง ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ตู้เสื้อผ้า Built-in ทำเป็น Walk in closet ยาวตลอดแนวเลย มุมด้านในมีมุมแต่งตัวอีกมุมนะครับ และตู้เสื้อผ้าก็เต็มพื้นที่ทั้ง 2ด้านเลย ออกจากห้องนอนใหญ่มาจะเห็นห้องระบบ ซึ่งอยู่ตรงบันไดทางขึ้นชั้น 3 ครับ เดี๋ยวเราไปดูที่ชั้น 3 กัน จะสังเกตุได้ว่า ตรงบันไดบ้านทุกส่วนจะติดกระจกบานใหญ่ ช่วยเปิดรับแสงได้ทุกช่วง ต่อไปเป้นแปลนชั้น 3 ของบ้านครับ แบ่งเป็น 2 ห้องนอน โถงนั่งเล่นตรงที่พักบันได คล้ายๆ ที่ชั้นสองครับ พื้นที่ตรงนี้ต้องตกแต่งเพิ่มเติมเองนะ ชั้นบนสุดนี้แบ่งเป็น 2 ห้องนอน เดี่ยวเราไปดูห้องนอนเล็กกันก่อน ภาพบรรยากาศโดยรวมของห้องนอนเล็กครับ มีห้องน้ำในตัวด้วย ถึงจะเรียกว่าห้องนอนเล็กแต่พื้นที่ก็ไม่ได้เล็กเลยนะครับ กว้างขวางใช้ได้เลย วางเตียงไซส์ 5 ฟุตลงไปแล้วยังเหลือที่อีกกว้างให้เดินสบาย พื้นที่ภายในห้องกว้างมาก กำแพงฝั่งปลายเตียงยัง Built-in ทำตู้เก็บของ และโต๊ะทำงานได้อีก พื้นที่ติดผนังนี้ Built-in ใช้ประโยชน์ได้อีกเยอะเลยนะครับ แล้วแต่ไอเดียแต่ละคน อย่างห้องนี้ยังคงเน้นแสงธรรมชาติ มีหน้าต่างอีก 2 บาน แถมวางโต๊ะทำงานไว้มุมนี้พอดีเลย ฝั่งด้านข้างที่นอนเป็นห้องน้ำครับ Lay out ในห้องน้ำก็เรียบง่ายครับ วางเรียงกันเป็นแนวเลย เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีที่เก็บของด้านล่างด้วย อันนี้ดีมากเลยครับ จะได้มีที่เก็บเครื่องใช้ในห้องน้ำมากขึ้น ข้างกันคือชุดโถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำกั้นด้วยกระจกไว้เป็นสัดส่วนครับ มีเจาะช่องให้วางของได้ด้วย หน้าตาชุดฝักบัวอาบน้ำครับ และมีตำแหน่งติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนมาให้เรียบร้อย หัวฝักบัวเป็นหัวขนาดใหญ่ครับ พร้อมก๊อกน้ำแบบหัวผสม พื้นห้องอาบน้ำดร๊อปต่ำลงมาอีกเล็กน้อย เข้ามาดูห้องนอนใหญ่ของชั้น 3 กันบ้าง ภายในมีบรรยากาศโปร่งสบายดีทีเดียวครับ เฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง Built-in ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งก็ดูลงตัวมากๆ ครับ วางเตียงลงไปแล้ว ยังเหลือที่กว้างอยู่ สามารถเลือกว่า Day Bed ได้สบายๆ หรือจะตกแต่งตามแบบตัวอย่างก็ได้ ห้องนอนนี้มีระเบียงในห้องด้วยนะครับ เป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ กรอบอลูมิเนียมสีขาว พร้อมระบบล็อคแบบ 2 ชั้น เพิ่มความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยครับ พื้นที่ตรงระเบียงไม่ได้กว้างมากนะครับ เอาไว้ออกไปยืนชมวิวได้สวยๆ พื้นระเบียงดร๊อปต่ำลงมามากพอสมควรเช่นเคย ลักษณะพื้นที่ของห้องนี้คล้ายตัว L ครับ มีมุมลึกเข้าไปด้านในอีก ซึ่งทางโครงการตกแต่งให้เป็นมุมแต่งตัวขนาดใหญ่ ก่อนถึงห้องน้ำครับ ผนังด้านนึง Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าเต็มพื้นที่ เพิ่มพื้นที่เก็บของได้ถูกใจสาวๆ มาก ใครชอบตู้แบบนี้ลองดูเป็นไอเดียวได้ครับ มีการแบ่งพื้นที่แขวนเสื้อผ้าได้มากมาย อีกด้านจะติดเป็นกระจกบานใหญ่ทั้งหมดเลยนะครับ และจัดเป็นมุมแต่งตัว วางโต๊ะเครื่องแป้งให้รับกับแสงธรรมชาติเลย พื้นที่บริเวณที่แต่งตัวนี้ เพดานสูงโปร่งมากๆ นะครับ ด้านบนยังเพิ่มช่องติดกระจกเปิดรับแสงอีกทาง ไม่สว่างก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว ส่วนภายในห้องน้ำก็เหมือนกับห้องนอนเล็กเลยครับ อ่างล้างหน้าสเปคเดียวกันเป๊ะ ก๊อกน้ำเลือกมาได้สวยหรูมีดีไซน์ดีทีเดียว ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระครับ ห้องอาบน้ำกั้นกระจกเทมเปอร์มาให้เช่นกัน พร้อมตำแหน่งติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนมาแล้วด้วย ชุดฝักบัวอาบน้ำก็เหมือนกับในห้องนอนเล็กครับ บริเวณที่อาบน้ำจะต่ำกว่าพื้นห้องน้ำอีกนิดหน่อยนะครับ ส่วนการวางตำแหน่งสุขภัณฑ์ก็เรียงตัวกันเหมือนเดิม แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย JUST SO    พื้นที่ใช้สอย 270 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้า 2 ที่จอดรถ และห้องแม่บ้าน KEEN   พื้นที่ใช้สอย 310 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้า 3 ที่จอดรถ LIVE   พื้นที่ใช้สอย 350 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้า 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ MOST   พื้นที่ใช้สอย 418 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 4 ห้องน้า 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ ถึงแม้ว่าทั้งโครงการจะมีจำนวนบ้านมากถึง 156 หลัง แต่บรรยากาศโดยรวมภายในหมู่บ้านก็เงียบสงบเหมาะแก่การอยู่อาศัยมากเลยครับ พื้นที่ส่วนกลางก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ลูกบ้านทุกหลังสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทั้งสระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น และห้องออกกำลังกาย ไม่ต้องกังวลว่านิติบุคคลจะดูแลพื้นที่ส่วนกลางได้ไม่ดีเพราะเราได้เห็นสภาพหมู่บ้านจริงกันก่อนตัดสินใจซื้อ หรือจะลองสอบถามกับลูกบ้านที่อยู่กันมาก่อนแล้วก็ได้ครับว่าสะดวกสบายมากน้อยแค่ไหน อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครสนใจโครงการ Nirvana Beyond Lite พระราม 9 หรือว่ากำลังมองหาบ้านเดี่ยวสวยๆ ในย่านนี้อยู่แล้ว ก็ลองแวะไปเยี่ยมชมกันได้ครับ
ไอเดียแต่งบ้าน ด้วยฉากกั้นห้อง ผนังไม่ต้องก็ได้

ไอเดียแต่งบ้าน ด้วยฉากกั้นห้อง ผนังไม่ต้องก็ได้

ปกติแล้ว เรามักคิดถึงกำแพง หรือผนังห้องเป็นสิ่งแรกในการแบ่งพื้นที่ห้อง พื้นที่ว่าง หรืออาณาเขตใช้สอย ที่แตกต่างกันในการตกแต่งบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่บางครั้งก็ไม่จำเป็นเสมอไปค่ะ แม้กำแพงจะให้ความรู้สึกมั่นคงและแบ่งแยกพื้นที่ได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งนี้แลกมาด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือปรับเปลี่ยนยาก เหนือสิ่งอื่นใดคือความรู้สึกคับแคบมากเกินจำเป็นหากใช้กำแพงมากเกินไป เพราะเหตุนี้เราอาจต้องพิจารณาสิ่งอื่นๆ ทดแทนกำแพงอันใหญ่โตเทอะทะน่าอึดอัด นั่นคือฉากกั้นห้อง ผ้าม่าน ชั้นวางของ ฯลฯ ตู้หนังสือหรือชั้นวางของน่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆที่หลายคนนึกถึง อาจเป็นชั้นไม้เบาๆที่ใช้วางแจกันหรือของประดับอื่นๆด้วย บางครั้งคุณอาจใช้โต๊ะเตี้ยตั้งไว้ระหว่างพื้นที่โดยไม่ต้องให้ยาวจากผนังจรดผนังแต่ให้เว้นช่องว่างไว้ทั้งสองฝั่งเพื่อความโปร่งแล้วกั้นฉากเบาขึ้นมา เพื่อประดับงานศิลปะสำหรับกั้นสายตาก็เพียงพอค่ะ กรอบหน้าต่าง ประตูขนาดใหญ่ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นำมาติดตั้งได้ไม่ยาก นอกนั้นแล้วก็เป็นงานระแนงไม้ โครงเหล็กเบาๆ หรือกระจกสี สิ่งเหล่านี้สร้างขอบเขตเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ยังมองเห็นกันได้ในขณะที่ไม่เสียความเป็นส่วนตัวไป บังตาก็เป็นตัวกั้นพื้นที่ซึ่งราคาถูกเคลื่อนย้ายปรับเปลี่ยนง่ายในทุกสถานการณ์ ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  www.forfur.com
22 ไอเดียแต่งห้องนอนโทนสีเบจ เติมเต็มความอบอุ่น

22 ไอเดียแต่งห้องนอนโทนสีเบจ เติมเต็มความอบอุ่น

สิ่งที่เราคาดหวังจากห้องนอน ก็คือบรรยากาศของการพักผ่อน ที่จะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และ สามารถเติมพลังชีวิตได้อย่างเต็มที่ หนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อบรรยากาศของห้องนอนก็คือ การเลือกโทนสีตกแต่งภายใน เพราะสีนั้นมีอิทธิพลกับอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ หากเลือกโทนสีที่ไม่ใช่สำหรับเรา ก็อาจจะทำให้ความสุขหายไปเลยก็เป็นได้ หากใครกำลังมองหาไอเดียแต่งห้องนอนอยู่ล่ะก็ ลองมาชมไอเดียที่เรานำมาฝากกันคราวนี้ครับ โดยจะเป็น ไอเดียแต่งห้องนอนโทนสีเบจ ซึ่งเป็นโทนสีที่ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่น เหมาะสำหรับการแต่งบ้านในสไตล์มินิมอล วินเทจ หรือ เรโทร มองดูแล้วเพลินตามากๆเลยล่ะครับ ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  www.naibann.com
บียอนด์ ศรีนครินทร์ : รีวิวบ้าน

บียอนด์ ศรีนครินทร์ : รีวิวบ้าน

วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมโครงการ บียอนด์ ศรีนครินทร์ บ้านเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติ ตรงข้ามสวนหลวง ร.9 ภายใต้คอนเซปต์ Ever Green Living ซึ่งทางโครงการเปิดบ้านสไตล์โมเดิร์นให้เราได้เข้าไปเก็บภาพมาฝากแฟนๆ กันครับ   การเดินทาง การเดินทางมายังโครงการนี่ค่อนข้างสะดวกทีเดียว เพราะสามารถเลือกเส้นทางในการเดินทางได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านถนนสุขุมวิท เข้าซอยอุดมสุข (สุขุมวิท 103) ตรงมาข้ามแยกตัดถนนศรีนครินทร์ แล้วเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 มาอีกนิดหน่อยก็จะเจอกับโครงการ บียอนด์ ศรีนครินทร์ อยู่ทางด้านขวามือ นับจากปากซอยอุดมสุขมาถึงหน้าโครงการก็มีระยะทางแค่ 6.6 กิโลเมตรเท่านั้นครับ ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่ การเดินทางเส้นทางแรกเราเริ่มจากปากซอยสุขุมวิท 103 หรือซอยอุดมสุข กันเลยนะครับ ใครใช้รถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีอุดมสุข แล้วก็ต่อรถเข้าซอยนี้ได้เลยครับ บริเวณปากซอยอุดมสุขทั้ง 2 ข้างทาง จะมีร้านขายอาหาร เยอะแยะให้เลือกซื้อหา การจราจรตรงช่วงปากซอยจะติดขัดอยู่สักหน่อยนะครับ เพราะมีรถสองแถวจอดรอรับผู้โดยสารกินเลนซ้ายไป 1 เลน เลยจากปากซอยมาเข้าหน่อยการจราจรก็เริ่มโล่งขึ้นแล้วครับ ในซอยนี้มีร้านอาหารอยู่เยอะเหมือนกันนะครับ จะมีอยู่ตาม 2 ข้างทางเป็นช่วงๆ ช่วงไหนมีรถจอดข้างทางเยอะ แสดงว่าตรงนั้นแหละครับ มีร้านอาหาร เราตรงเข้ามาในซอยอุดมสุขเรื่อยๆ ก็เจอป้ายบอกทางไปถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ข้างหน้าจะมีสะพานข้ามถนนศรีนครินทร์ เราตรงขึ้นสะพานไปทางประเวศเลยครับ เราขึ้นสะพานไปเลยนะครับ ตรงนี้จะเป็นถนนศรีนครินทร์ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปทางซีคอน ถ้าเลี้ยวขวาจะไปออกถนนบางนา-ตราด หรือไปทางเทพารักษ์ก็ได้ พอลงสะพานมาแล้ว จะเป็นถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แล้วนะครับ ถนนเส้นนี้จะมีโครงการบ้านจัดสรรอยู่เป็นระยะๆ ช่วงที่เราไปเป็นช่วงบ่ายๆ การจราคล่องตัวดีนะครับ แต่ได้ยินมาว่าช่วงเช้ากับช่วงเย็นรถจะมาติดอยู่บริเวณหน้าวัดตะกล่ำตรงนี้แหละครับ เลยจากวัดตะกล่ำมาอีกสักหน่อยก็ใกล้ถึงโครงการแล้วครับ ถึงแล้วครับ โครงการ บียอนด์ ศรีนครินทร์ อยู่ด้านขวามือ หรือถ้าจะเลือกเข้าจากทางถนนบางนา-ตราดก็ได้ พอลงทางด่วนบางนามาแล้ว วิ่งผ่านเซ็นทรับบางนามานิดหน่อยก็ให้เลี้ยวเข้าถนนศรีนครินทร์ พอมาถึงแยกตัดกับถนนอุดมสุขก็เลี้ยวขวาเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติฯ ได้เลย เส้นทางนี้นับจากลงทางด่วนมาก็แค่เกือบๆ 8 กิโลเมตร เท่านั้น สำหรับเส้นทางนี้เราสามารถเลือกเลี้ยวเข้าซอยเชลียง 7 หรือ ซอยบางนา-ตราด 21 ซึ่งถึงก่อนห้างเซ็นทรัลบางนาเล็กน้อยมาเข้าถนนอุดมสุขได้ด้วย ซึ่งเส้นทางนี้เหมาะกับใช้เดินทางจากโครงการมาช็อปปิ้งที่ห้างเซ็นทรัลมากครับ เพราะไม่ต้องออกถนนบางนาตราดไปกลับรถให้เสียเวลา เส้นทางที่ 2 เราเริ่มจากถนนบางนา-ตราด ฝั่งตรงข้ามไบเทค บางนา ใครมาทางด่วน มาลงสี่แยกบางนา แล้วใช้เส้นทางนี้ต่อเลยนะครับ เลยมาอีกจะเจอเซ็นทรัล ซิตี้ บางนา ติดกับเซ็นทรัล จะเป็นบิ๊กซี เลยจากบิ๊กซีมา เตรียมชิดซ้าย ตามป้ายบางกะปิเลยครับ เจอ SB Design Square แล้วชิดซ้ายไว้เลยครับ เลยจาก SB มานิดเดียว เราต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อไปเข้าถนนศรีนครินทร์ เลี้ยวมาแล้วจะเจอวัดศรีเอี่ยมอยู่ทางซ้ายมือ จากนั้นขับตรงไปเลยครับ อาจจะมีโค้งเยอะหน่อยนะครับ ตรงมาเรื่อยๆ เราก็มาออกถนนศรีนครินทร์กันแล้ว ตรงมาตามถนนศรีนครินทร์เรื่อยๆ เราชิดซ้ายไว้นะครับ ข้างหน้าจะมีอุโมงค์ลอดผ่านแยกหนองบอน เราไม่ต้องลงอุโมงค์นะครับ เลยทางลงอุโมงค์มาแล้ว ให้ชิดขวาไว้นะครับ เพราะเดี๋ยวเราจะเลี้ยวขวาไปทางลาดกระบัง เลี้ยวขวามาแล้ว เราก็เข้าสู่ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 กันแล้วนะครับ คราวนี้ตรงไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางแรกเลยครับ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางถนนอ่อนนุช ออกถนนศรีนครินทร์ แล้วมาเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติฯ มาที่โครงการได้ หรือจะเลี่ยงไปวิ่งถนนวงแหวนตะวันออกแล้วเข้ามาทางเขตประเวศก็ได้อีกเช่นกัน เรียกว่าเส้นทางเดินรถรอบๆ โครงการนั้นมีให้เลือก ให้เลี่ยงรถติดได้เยอะดีเหมือนกันครับ นี่แค่เส้นทางหลักๆ เท่านั้น ถ้าใครที่คุ้นเคยถนนหนทางแถบนี้หน่อยก็จะรู้ว่า ตรอกซอกซอยย่านนี้เชื่อมโยงถึงกันได้หลายทาง ถึงบริเวณรอบๆ นี้จะมีปัญหารถติดค่อนข้างมาก แต่ยังมีทางเลี่ยงได้เยอะเลยไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไหร่ครับ ในขณะเดียวกัน ถ้าใครอยากจะใช้บริการระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ หน้าโครงการก็หาเรียกได้ทั้งแท็กซี่ รถเมล์ และรถสองแถว ซึ่งมีให้เลือกหลายสายไปได้หลายเส้นทาง หรือถ้าจะต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็สามารถทำได้ไม่ยากครับ สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุขเป็นสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุด แค่เรียกรถต่อไปอีกหน่อยก็สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ง่ายและรวดเร็วแล้วครับ วิเคราะห์รอบโครงการ อย่างที่ชื่อโครงการก็บอกชัดไว้แล้วว่า ทำเลที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้สวนหลวง ร.9 จากหน้าโครงการไปไม่ไกลก็จะเจอทางเข้าสวนหลวง ร.9 แล้ว บริเวณใกล้เคียงนี้จะเป็นหมู่บ้านเดี่ยว และบ้านพักอาศัยเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าจะห่างไกลแหล่งช็อปปิ้ง และร้านค้าร้านอาหารชนิดขาดความอุดมสมบูรณ์ไปเลยนะครับ เพราะแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ในย่านนี้ก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เช่น ห้างเซ็นทรัลบางนา ซีคอนสแควร์ พาราไดซ์พาร์ค เทสโกโลตัส แถมตลอดถนนเฉลิมพระเกียรติฯ ก็มีร้านอาหารเรียงรายอยู่มากมาย รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อก็รายล้อมอยู่ใกล้ๆ เช่นเดียวกับสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็มีครบถ้วนทั้งโรงพยาบาล ธนาคาร โรงเรียน มหาวิทยาลัย และที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ Landmark สำคัญอย่างสวนหลวง ร.9 ซึ่งถือเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ให้ผู้คนในย่านนี้ได้มาออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ ใกล้ชิดธรรมชาติ และสูดอากาศบริสุทธิ์กันได้เต็มปอด ในส่วนของพื้นที่ของโครงการจะมีลูกบ้านทั้งหมดเพียง 58 หลังเท่านั้น อีกทั้งทางโครงการยังกั้นรั่วรอบโครงการสูงถึง 6 เมตร จึงค่อนข้างได้เปรียบเรื่องความปลอดภัยและให้ความเป็นส่วนตัวไปพร้อมๆ กัน โซนด้านหน้าของโครงการจะเป็นคลับเฮาส์ส่วนกลาง มีทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือขนาดใหญ่ ห้องฟิตเนส สนามเด็กเล่น และสวนส่วนกลาง นอกจากนี้ระบบไฟฟ้าภายในโครงการก็เป็นระบบฝังใต้ดินทั้งหมด จึงไม่มีสายไฟระโยงระยางให้เกะกะสายตา ในขณะที่ระบบรักษาความปลอดภัยก็เป็นไปตามมาตรฐานทั้งกล้อง CCTV ทั่วโครงการ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง และระบบ Key Card เข้าออกโครงการครับ สำหรับแผนผังที่ดินของโครงการก็ไม่มีอะไรยากครับ ที่ดินมีลักษณะเป็นรูปตัว T จากหน้าโครงการลึกเข้าไปแล้วแยกออกเป็นซ้าย-ขวา ไม่มีซอยแยกซับซ้อนเพราะจำนวนบ้านมีไม่มาก บ้านส่วนใหญ่จะหันหน้าไปในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้ แต่ถ้าใครที่อยากได้บ้านหันหน้าไปทางทิศเหนือ ใต้ ก็ต้องเลือกในโซนด้านหน้าโครงการ แต่ก็มีจำนวนไม่มากนะครับ เข้ามาในโครงการจะเป็นถนนหน้ากว้าง 10 เมตร วิ่งตรงเข้าไปด้านในโครงการจะเป็นถนนกว้าง 9 เมตร ด้านขวามือจะเป็นคลับเฮาส์ของโครงการ เข้าไปชมคลับเฮาส์กันซะหน่อย เข้ามาแล้วจะเจอสระว่ายน้ำระบบเกลือ แยกสระเด็กไว้เรียบร้อย สระใหญ่ก็ลึกไม่เกิน 1.2 เมตรครับ มุมอาบน้ำข้างสระว่ายน้ำ เตียงพักผ่อนริมสระ ช่วงเย็นมานั่งเอนหลังได้ชิวๆ บรรยากาศสไตล์รีสอร์ทเลยนะครับ ไม่ธรรมดาจริงๆ ที่เห็นเป็นอาคาร 2 ชั้น ตอนนี้ชั้นล่างจะเป็นสำนักงานของนิติบุคคล ส่วนด้านบนจะเป็นฟิตเนส มีห้องอาบน้ำ ห้องแต่งตัว แยกชายหญิง อยู่ด้านล่างอาคาร ภายในห้องน้ำก็จะมีทั้งห้องอาบน้ำ และห้องสุขา สำหรับคนที่มาใช้บริการที่คลับเฮาส์ ด้านหลังสระว่ายน้ำ จะมีสนามเด็กเล่นเล็กๆ ปูพื้นด้วยหญ้าเทียม ครอบครัวที่มีลูกๆ ยังเล็กน่าจะชอบ พาชมบ้านตัวอย่าง แบบบ้านของโครงการมีทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ซึ่งแบ่งกันตามขนาดของที่ดินและพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ในขณะที่ลักษณะหน้าตาของบ้านแต่ละหลังก็ไม่ได้ต่างกันมาก ยังคงคงคอนเซปต์การออกแบบในแนวโมเดิร์นไว้ บ้านทุกหลังจะมีสัญญาณกันขโมย ลำโพง Bose ฝังฝ้า แอร์ฝังฝ้าแบบ Flow Way หนึ่งตัวที่ห้องนั่งเล่น และแอร์ติดผนังตามจำนวนห้อง รวมถึงเครื่องครัว สุขภัณฑ์ ตามมาตรฐานโครงการ และประตูรั่วพร้อม Remote Control ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลแบบคร่าวๆ ที่ทางโครงการจัดไว้ให้ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยในส่วนอื่นๆ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานขาย แต่ก่อนอื่นเราไปชมบรรยากาศในบ้านตัวอย่างกันดีกว่าครับ จะได้พอเห็นภาพและหน้าตาวัสดุต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น แบบบ้านที่เราได้ชมกันในครั้งนี้มีชื่อว่า Keen เป็นบ้านทรงโมเดิร์นบนที่ดินขนาด 52 ตร.วา ประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ซึ่งมาพร้อมกับพื้นที่ใช้สอยกว่า 310 ตร.ม. จุดเด่นภายในบ้านแต่ละหลังคือ การเล่นระดับพื้นที่ภายในให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ยังได้ความโอ่อ่า หรูหรา อยู่สบาย ซึ่งก็น่าจะถูกใจหลายๆ คนไม่มากก็น้อยครับ บ้าน Keen สูง 3 ชั้น บนที่ดินขนาด 52 ตร.วา แปลนบ้านชั้น 1 หน้าบ้านจอดรถได้ 3 คัน แปลนบ้านชั้นที่ 2 จะเป็นพื้นที่ของ Master Bedroom ครับ แปลนชั้นที่ 3 จะแบ่งเป็นห้องนอน 2 และพื้นที่ระเบียง รูปแบบบ้านจะออกแบบในสไตล์โมเดิร์น เน้นความเรียบหรู บริเวณหน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 3 คัน ลานหน้าบ้านเป็นทรายล้างเล่นลายนะครับ ซึ่งต่างจากที่เห็นในบ้านตัวอย่าง เดี๋ยวเราไปชมรอบๆ บ้านกันก่อน พื้นที่ตรงนี้สามารถจอดรถได้คันหนึ่งพอดีๆ พื้นที่ข้างบ้านเหลือนิดหน่อย พอให้เดินไปยังหลังบ้านได้ พื้นที่รอบบ้านจะตกแต่งเป็นสวน ปูหญ้าให้ด้วย ภายใต้คอนเซปต์ Ever Green Living พื้นที่สวนหลังบ้านกว้างประมาณ 2 เมตร บ้านจริงจะเป็นพื้นหญ้าสีเขียวปกตินะครับ ไม่ได้แต่งสวนให้แบบนี้ ลานด้านข้างของบ้านตัวอย่างจะปูพื้นกระเบื้องไว้ แต่บ้านจริงจะเป็นสนามหญ้าทั้งหมดครับ มุมนั่งเล่นหลังบ้านส่วนนี้ทางโครงการก็ตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียเช่นกันครับ หน้าบ้านมีซุ้มประตูเล็กดูหรูหราด้วยกระเบื้องหินอ่อนครับ จากซุ้มประตูเข้ามา ก็จะเป็นบันไดเข้าสู่ตัวบ้าน เดี๋ยวเราเข้าไปดูในตัวบ้านกันต่อ สวิชไฟดีไซน์เรียบหรู เข้ามาในบ้านแล้วมองตรงไปจะเป็นห้องทานอาหาร ด้านขาวมือจะเป็น Living Room Living Room พื้นที่จะค่อนข้างกระทัดรัด อาจจะดูไม่ใหญ่สมกับที่มีถึง 4 ห้องนอน แต่จะให้ความรู้สึกอบอุ่นซะมากกว่า บ้านตัวอย่างจัดวางโซฟา L-Shape พร้อมชั้นวางทีวีเล็กๆ บริเวณห้องนั่งเล่นเป็น Double Ceiling ให้บรรยากาศโอ่โถง หรูหรามากเลยทีเดียว ช่องแอร์ฝังฝ้าบริเวณห้องนั่งเล่น ด้านหลังมีหน้าต่างสูงคอยให้แสงสว่างเข้ามา ทำให้ไม่ดูทึบ จนดูอึดอัด มีช่องหน้าต่างจากห้อง Master Bedroom มองลงมาเห็นที่ Living Room บันไดขึ้นชั้น 2 จะแอบอยู่ด้านซ้ายมือก่อนลงไปที่โต๊ะทานอาหาร เดินเลยเข้ามาด้านในเป็นจุดที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน พื้นบริเวณชั้น 1 จะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ อยู่ติดกับห้องครัว จาก Living Room จะดรอปพื้นลงมาระยะประมาณบันได 3 ขั้น โต๊ะทานอาหารวางได้ขนาด 6 ท่านเลยนะครับ มีหน้าต่างอยู่ด้านหลังด้วย มองออกไปเห็นสวนได้นอก ให้ความร่มรื่นเวลาทานอาหาร อีกด้านของโต๊ะทานอาหารจะมีประตูกระจกบานเลื่อน ออกไปยังสวนด้านนอก ห้องครัวในบ้านตัวอย่างจะทำเป็นประตูกระจกบานเลื่อน และกระจกเข้ามุม กั้นห้องครัวให้ดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่บ้านจริงไม่มีให้นะครับ ประตูกระจกบานเลื่อนตรงห้องครัวเป็นอลูมิเนียมสีดำตามแบบเลยครับ ชุดครัวที่ทางโครงการเลือกให้เป็นเคาน์เตอร์รูปตัว U ของ Star Mark ตามแบบในบ้านตัวอย่างเลย มีหน้าต่างอยู่ทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้แสงเข้ามาอย่างเพียงพอ และเป็นการระบายกลิ่นอาหารออกนอกตัวบ้านด้วย จะได้เตาไฟฟ้า 4 ตัวของ Teka มาพร้อมฮูดดูดควันของ Teka เหมือนกัน ซิ้งค์ล้างจานแบบฝัง มีที่พักจานข้างๆ ด้านล่างจะเป็นตู้และลิ้นชักเก็บของ ลิ้นชักเคาน์เตอร์ครัวเป็นแบบ Soft Close ในครัวจะมีประตูออกมาที่สวนด้านนอก ส่วนที่ติดกับห้องครัวมีห้องน้ำอยู่อีก 1 ห้อง ห้องน้ำที่ชั้น 1 นี้ค่อนข้างจะเล็กกระทัดรัดอยู่สักหน่อยนะครับ จุดที่วางโถสุขภัณฑ์นี่อยู่ใต้บันไดพอดีเลยนะครับ ถ้าไม่ระวังอาจจะชนเอาได้ ห้องน้ำชั้นล่างอยู่ตรงตำแหน่งใต้บันได เวลาลุกจากนั่งชักโครกต้องระวังกันหน่อยสำหรับคนตัวสูงๆ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมมีตู้เก็บของด้านล่าง กระจกเงาจะได้บานสูง Shower Box จะกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ พื้นที่ใน Shower Box ขนาดก็กระทัดรัดตามขนาดห้องน้ำ มีช่องระบายอากาศอยู่ด้านบน ติดกับห้องน้ำ เป็นห้องนอนที่มีขนาดเล็กที่สุด บ้านตัวอย่างจะตกแต่งเป็นห้องทำงาน วางตู้โชว์ Daybed และโต๊ะทำงานเข้าไป ก็สามารถเปลี่ยนเป็นห้องทำงานเล็กๆ ได้เลยครับ หรือถ้าจะทำเป็นห้องนอน วางเตียงขนาด 3 ฟุต กำลังดีครับ ถ้าใหญ่กว่านี้จะดูอึดอัดเกินไป หน้าต่างมองออกไปที่ที่จอดรถหน้าบ้าน มุมนี้ตกแต่งไว้เป็นโต๊ะทำงานให้ดูเป็นตัวอย่าง สำหรับชั้น 2 จะเป็นส่วนของห้อง Master Bedroom แบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะครับ เมื่อขึ้นมาแล้วด้านซื้อมือจะเป็นห้องนอน ส่วนด้านขาวมือจะเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet และห้องน้ำ บันไดขึ้นชั้น 2 ไม่มีราวจับนะครับ ทั้ง 2 ด้านเป็นผนังปูน ขึ้นมาถึงจะเจอประตูเข้าห้อง Master Bedroom แผงควบคุมระบบสัญญาณกันขโมย จะอยู่บริเวณหน้าห้องนอนใหญ่ เข้ามาในห้องแล้วจะแยกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นห้องนอน ฝั่งขวาเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet และห้องน้ำ เราเข้ามาในห้องนอนกันก่อน ภายในห้องนอนก็ไม่ได้ใหญ่มากนะครับ เนื่องจากพื้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง เพื่อทำเป็นห้องแต่งตัว และยังถูก Double Ceilling ของ Living Room กินพื้นที่ขึ้นมาด้วย พื้นของชั้น 2 และชั้น 3 จะปูพื้นด้วยปาร์เก้ไม้สัก วางเตียง King Size ลงไปแล้วพื้นที่รอบๆ เตียงยังเหลือให้ตกแต่งได้อีกเพียบเลยครับ ข้างเตียงด้านซ้ายจะมีหน้าต่างเล็กๆ ปลายเตียงมีพื้นที่เลหือเยอะให้ Built in ชั้นวางทีวี และชั้นวางของได้ บรรยากาศภายในห้องนอนใหญ่ดูโปร่งสบายมากครับ มีหน้าต่างบานเลื่อน มองลงไปเห็น Living Room ที่อยู่ด้านล่าง มองจากหน้าต่างห้องนอนใหญ่ลงไปจะเห็นห้องนั่งเล่นแบบนี้ครับ มุมห้องอีกด้านมีหน้าต่างบานสูงเข้ามุมไว้ด้วย เมื่อแสงเข้ามาในห้องแล้ว ทำให้รู้สึกว่าห้องโปร่งโล่ง ไม่ดูอึดอัด บานด้านขวามือจะเป็นบานเลื่อน ติดกับบ้านข้างๆ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นระเบียง ออกมาด้านหน้าบ้าน เราออกจากห้องนอนข้ามไปดูห้องแต่งตัวที่อยู่อีกด้านกันต่อ ระหว่างทางเดินมีหน้าต่างอยู่อีก 1 บาน ห้องแต่งตัวปรับพื้นที่ขึ้นไปสูงกว่าห้องนอนอยู่ประมาณบันได 3 ขั้น ตู้ และชั้นวางของทั้งหมดจะ Built-in มาให้ดูเป็นไอเดียเท่านั้นนะครับ ภายในห้องจะ Built in เป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet มีเคาน์เตอร์กระจกเงาอยู่ตรงกลาง บ้านไหนที่มีเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้เยอะๆ ลองเอาไอเดีย Built-in ตู้แบบนี้ไปลองใช้ดูได้ ภาพมุมกว้างของห้องแต่งตัว ในห้องจะมีหน้าต่างบานสูง สามารถเลื่อนเปิดได้ มองลงไปเห็นสวนหลังบ้าน วิวจากหน้าต่างห้องแต่งตัวครับ แทรกด้วยสีเขียวสบายตา มองเข้าไปด้านในสุด จะเป็นห้องน้ำนะครับ ผนังห้องน้ำจะเป็นกระจกเข้ามุม ห้องอาบน้ำนี่เซ็กซี่ดีทีเดียว มุมนี้มองจากห้องแต่งตัวเข้าไปที่ห้องน้ำครับ เข้าในห้องน้ำจะเจอ Shower Box อยู่ตรงกลางเลยนะครับ ขนาดค่อนข้างกว้างทีเดียว ชุดฝักบัวและ Rain Shower ของ Kohler ในห้องอาบน้ำมีมุมเล็กๆ ก่อเป็นที่นั่งไว้ให้ด้วย อีกด้านจะเป็นอ่างล้างหน้า และอ่างอาบน้ำ อยู่ติดกับผนังกระจก ภายในห้องน้ำจะตกแต่งด้วยดทนสีเข้ม ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายไม้ อ่างอาบน้ำจะใช้ของ Kohler อ่างอาบน้ำมีระบบควบคุมตามแบบในรูปเลยครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า มาพร้อมกระจกเงาบานใหญ่ อ่างล้างหน้าจะเป็นทรงสีเหลี่ยมของ Kohler เหมือนกันนะครับ มาพร้อมเคาน์เตอร์สีดำเข้ม มีพื้นที่วางของเยอะเลยครับ ติดกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า มีหน้าต่างอยู่อีก 1 บาน คอยให้แสงสว่าง มองย้อนกลับมาทาง Shower Box จะมีโถสุขภัณฑ์แอบอยู่ข้างๆ จุดที่วางโถสุขภัณฑ์จะมาแอบอยู่อีกด้านนะครับ พื้นที่ค่อนข้างเล็กไปสักหน่อย ชุดโถสุขภัณฑ์มาพร้อมสายชำระ มีหน้าต่างบานเล็กๆ อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย ภายในห้องนอนใหญ่มีชุดลำโพง Bose ฝังฝ้าติดตั้งมาให้พร้อม ชั้น 3 จะเป็นห้องนอนอีก 2 ห้องขนาดเท่าๆ กัน พร้อมกับมีระเบียงใหญ่อยู่ด้วย จากชั้น 2 เราขึ้นบันไดไปดูที่ชั้น 3 กันต่อ โถงบันไดทางขึ้นชั้น 3 จากโถงบันไดที่ชั้น 3 มองออกไปเห็นระเบียงใหญ่ด้านนอก เราเลี้ยวเข้ามาดูในห้องทางขวามือกันก่อนนะครับ ห้องนี้จะอยู่เหนือห้องแต่งตัวที่ชั้น 2 นะครับ จะได้นึกภาพตามกันได้ พื้นที่ห้องถือว่ากว้างพอสมควรนะครับ วางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายๆ พื้นที่ปลายเตียงเหลือเยอะเลยครับ Built in เป็นชั้นวางของและชั้นวางทีวีได้เลย ข้างเตียงอีกด้านมีพื้นที่เหลือเยอะให้วางโต๊ะทำงาน เหมือนในบ้านตัวอย่างยังได้ มีหน้าต่างคอยให้แสงสว่างจากด้านหลังโต๊ะทำงาน ติดกับโต๊ะทำงานมีประตูกระจกบานเลื่อน ออกไปที่ระเบียงใหญ่ด้านนอก มุมนี้มองจากระเบียงกลับเข้ามาที่ห้องนอนครับ จะเห็นว่าภายในห้องกว้างขวางดีทีเดียว ห้องน้ำจะอยู่อีกด้าน เป็นจุดที่วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งอยู่หน้าห้องน้ำ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มีตู้เก็บของด้านล่าง กระจกเงาจะได้เป็นแนวยาว โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่หน้า Shower Box Shower Box จะอยู่ด้านในสุดเลยนะครับ จะได้เป็นชุดฝักบัวไม่มี Rain Shower ให้เหมือนห้อง Master ประตูกระจกบานเลื่อนออกไปที่ระเบียงเป็นอลูมิเนียมสีดำ พร้อมระบบ Double Lock ตามภาพเลย พื้นที่ระเบียงถือว่าใหญ่พอสมควรนะครับ สามารถจัดกิจกรรมเล็กๆ ภายในครอบครัวได้เลย ระเบียงจะเข้าออกได้ทั้ง 2 ห้องบนชั้น 3 เลยนะครับ ทีนี้เราข้ามไปดูห้องนอนอีกห้องกันต่อ ขนาดของห้องนี้จะพอๆ กับห้องเมื่อกี้นะครับ แต่การตกแต่งที่ต่างกัน ทำให้ห้องนี้ก็โปร่งโล่ง เลยดูกว้างมากกว่า ถ่ายจากประตูห้องนอนเข้าไปในห้องก็พอจะเห็นภาพว่าห้องนี่ดูกว้างขวางไม่น้อยเลย มุมห้องด้านซ้ายโครงการตกแต่งเป็นมุมแต่งตัว ที่มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งและเดย์เบดเล็กๆ อยู่รวมกัน ดูน่ารักดีนะครับ ติดกันจะเป็นห้องน้ำ การจัดวางและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะคล้ายๆ กับอีกห้องเลยนะครับ ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะได้ตามแบบนี้เลย แต่กระจกเงาของห้องนี้จะเล็กกว่า โถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระเหมือนห้องก่อนหน้า ห้องอาบน้ำกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์อย่างในรูปเลยครับ จะได้ชุดฝักบัวเหมือนกันนะครับ ไม่มี Rain Shower ให้ ใน Shower Box จะมีช่องระบายอากาศอยู่ด้านบน พื้นที่ในห้องมีเยอะเลยนะครับ วางเตียง 5-6 ฟุตได้ตามใจชอบเลยครับ พื้นที่ในห้องนอนกว้างมาก บริเวณปลายเตียงมีพื้นที่โล่งเหลือเฟือ ห้องนี้ปลายเตียงจะไม่เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้นะครับ ห้องนี้ปลายเตียงจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่ อาจจะต้องใช้ชั้นวางทีวีแทนการ Built in หน้าต่างกระจกบานใหญ่หันออกไปทางหน้าบ้าน เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ หน้าต่างที่ได้จะเป็นบานเลื่อนบานใหญ่ด้านบน และด้านล่างเป็นบาน Fix อีกดานจะมีประตูบานเลื่อนออกไปที่ระเบียง จะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน เหมือนห้องแรก มองจากระเบียงเข้าไปด้านในโครงการ สำหรับตัวโครงการบียอนด์ ศรีนครินทร์ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีเลยนะครับ สภาพแวดล้อมรอบๆ เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ ไปหน่อยก็เป็นสวนหลวง ร. 9 สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือเรียกได้ว่าเป็นปอดของย่านนี้เลยก็ว่าได้ เรื่องการเดินทางก็ถือว่าสะดวกพอสมควร ที่ตั้งโครงการไม่ได้อยู่นอกเมืองจนเกินไป การเดินทางเข้าเมืองมีให้เลือกหลายเส้นทาง แถมอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าอีกต่างหาก เรื่องทำเลถือว่าหายห่วงเลยครับ เรื่องวัสดุที่ติดมากับตัวบ้านก็ถือว่าเป็นวัสดุเกรดพรีเมี่ยมเหมาะสมกับราคาระดับนี้ ส่วนเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ของโครงการหรือของตัวบ้านเอง  ถ้ารูปภาพที่เรานำมาให้ชมยังไม่จุใจหรืออาจจะยังเห็นภาพรวมๆ ของโครงการไม่ชัดเจน สามารถเดินทางไปชมโครงการด้วยตัวเองได้ทุกวันนะครับ ดูรายละเอียดโครงการหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้เลยนะครับ โทร : 1787 www.nirvana-group.com www.nirvanabeyond.com E-Mail : contact@nirvana-group.com
4 ปัจจัย ผ่อนบ้านให้สบายกระเป๋า

4 ปัจจัย ผ่อนบ้านให้สบายกระเป๋า

4 ปัจจัย ผ่อนบ้านให้สบายกระเป๋า เงินดาวน์มีเท่าไรตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดให้ผู้ที่จะซื้อบ้านต้องมีเงินดาวน์ไม่น้อยกว่า 10% ของราคาบ้าน ดังนั้น หากจะซื้อบ้านราคาสัก 3 ล้านบาท ต้องมีเงินเก็บเพื่อเป็นเงินดาวน์อย่างน้อย 3 แสนบาท การเก็บออมเงินดาวน์อาจจะเก็บออมในรูปของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีสภาพคล่องและมีผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป   ยอดผ่อนชำระต่อเดือนปกติแล้วภาระการผ่อนรายเดือนที่ไม่หนักจนเกินไป หรือไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ก่อนภาษี หากรายได้คนเดียวผ่อนไม่ไหว สามารถกู้ร่วมได้ ทั้งนี้ ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด หรือเป็นสามีภรรยา ปกติทั่วไป หากขอสินเชื่อ จำนวน 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 7% ต่อปี จะมียอดผ่อนชำระประมาณ 8,000 บาทต่อเดือน จึงควรลองพิจารณาปัจจัยดังที่ได้กล่าวในเบื้องต้นว่า จะผ่อนบ้านอย่างไรให้สบายกระเป๋ากัน   ระยะเวลาในการผ่อนชำระปกติจะผ่อนสูงสุดไม่เกิน 30 ปี และเมื่อรวมกับอายุของผู้กู้แล้ว ต้องไม่เกิน 60-65 ปี (ช่วงอายุเกษียณ) ระยะเวลาผ่อนสั้นยอดผ่อนชำระรายเดือนจะมากกว่าระยะเวลาผ่อนยาว หากมีความสามารถในการผ่อนสูงสามารถเลือกผ่อนสั้นได้เพื่อให้หมดภาระได้เร็วและประหยัดค่าดอกเบี้ยจ่าย   รูปแบบอัตราดอกเบี้ยสถาบันการเงินมักมีทางเลือกให้กับผู้ขอสินเชื่อ ดังนั้นควรเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และควรเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง   นอกจากนี้ อย่าลืมพิจารณาเรื่องการวางแผนภาษี เนื่องจากสิทธิสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านสามารถนำดอกเบี้ยจ่ายมาลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เป็นการบรรเทาค่าใช้จ่ายทางภาษีได้อีกทางหนึ่ง (เพิ่มเงินในกระเป๋ามากขึ้น) ซึ่งชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านหรือคอนโดฯ ก็เป็นเรื่องสำคัญในการวางแผนภาษีด้วย ที่มา : http://k-expert.askkbank.com/
9 จุดต้องตรวจก่อนรับโอนบ้าน

9 จุดต้องตรวจก่อนรับโอนบ้าน

9 จุดต้องตรวจ ก่อนรับโอนบ้าน ใกล้จะเป็นเจ้าของบ้านเต็มทีแล้ว อยากจะอยู่บ้านใหม่เต็มแก่ แต่ก่อนรับโอนบ้าน ต้องอย่าลืมว่าควรตรวจสอบบ้านให้ดีก่อน เพื่อไม่ให้มีปัญหา และไม่ต้องปวดหัวหลังจากเข้าไปอยู่ สำหรับการตรวจสอบบ้าน แนะนำให้ตรวจสอบในทุกๆ จุด ทุกพื้นที่ โดยตรวจสอบทั้งภายนอกและภายในบ้าน ดังนี้ ภายนอก - สีทาอาคารบ้าน เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด ดังนั้น สีที่ทาต้องมีความสม่ำเสมอ ไม่มีรอยด่าง สีไม่ลอกหลุดล่อนหรือปูดโปนง่าย - หลังคา ต้องมีสภาพดี สีไม่เก่า แนะนำให้ฉีดน้ำขึ้นหลังคาเพื่อดูว่ามีรอยรั่ว หรือมีแสงลอดผ่านลงมาหรือไม่ ภายใน - ฝ้าเพดาน เป็นสิ่งที่อยู่ส่วนบน แนะนำให้สังเกตดูให้ทั่วทุกห้อง โดยจะต้องได้ระดับเสมอกันตลอดห้อง ไม่เป็นริ้วคลื่น ที่สำคัญต้องดูว่ามีร่องรอยน้ำที่รั่วจากหลังคาหรือไม่ - ผนัง ดูว่ามีรอยแตกลายงาหรือไม่ ซึ่งอาจเกิดจากการแยกตัวของปูนฉาบที่แห้งไม่สม่ำเสมอกัน สามารถให้ช่างมาแก้ไขโดยการโป๊วสี หรือการสกัดปูนฉาบหน้าออกและฉาบทับ ใหม่ รวมถึงสีที่ทาต้องสม่ำเสมอกัน - ประตูหน้าต่าง ดูความเรียบร้อยของอุปกรณ์และบาน ทดลองเปิด-ปิด ว่ามีเสียงรบกวนหรือเกิดการติดขัดหรือไม่ กลอนประตูหน้าต่างต้องสามารถใช้ได้ดี ตำแหน่งของรูกลอนต้อง พอดีกับกลอน ไม่หลวมจนล็อคไม่อยู่ หรือฝืดจนไม่สามารถล็อคได้ - ระบบไฟฟ้า แนะนำให้เปิดไฟทุกดวงในบ้าน ว่าไฟติดทุกดวงหรือไม่ รวมถึงปุ่มเปิดปิดไฟมีปัญหาติดขัดไหม นอกจากนี้ แนะนำให้ทดลองใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อดูว่าปลั๊กไฟมีกระแสไฟ เข้าเรียบร้อยดีทุกจุด - ระบบน้ำ ทดลองเปิดก๊อกน้ำทุกก๊อก ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน รวมถึงดูทางเดินน้ำทิ้งว่าน้ำสามารถไหลได้สะดวกหรือไม่ หากมีน้ำขังแสดงว่าท่ออาจอุดตันหรือท่อเล็กเกินไป - มิเตอร์น้ำ-ไฟ ในกรณีที่ปิดไฟทุกดวง ปิดสวิทช์ไฟ และปิดก๊อกน้ำทุกจุด หากมิเตอร์ยังหมุนอยู่ อาจเกิดจากท่อน้ำรั่ว หรือกระแสไฟฟ้ารั่ว - พื้น ต้องเรียบเสมอกัน ไม่แอ่น โก่งตัว หรือยุบ นอกจากนี้หากเป็นพื้นที่ใช้สำหรับการซักล้าง ต้องดูว่ามีความลาดเอียงเพียงพอให้น้ำสามารถระบายได้สะดวก มีน้ำไม่ระบาย หรือเป็น แอ่งขังอยู่หรือไม่ หากทำการตรวจสอบและให้ช่างมาแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถรับโอนบ้านได้อย่างสบายใจ แต่หากตรวจบ้านแล้ว ผู้ขายไม่มาทำการแก้ไขให้ หรือทำการแก้ไขให้ล่าช้าทำให้เราเสียสิทธิในการเข้าอยู่อาศัยบ้าน ผู้ซื้อสามารถปรับผู้ขายเป็นรายวันในอัตราไม่ต่ำกว่า 0.01% ของราคาที่ดินพร้อมบ้าน แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 10% ของราคาที่ดินพร้อมบ้าน โดยต้องดูในสัญญาว่ามีเงื่อนไขข้อนี้ระบุด้วยหรือไม่ เช่น มูลค่าบ้านพร้อมที่ดิน 1 ล้านบาท สามารถปรับได้วันละ 100 บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท ดังนั้น นอกเหนือจากการตรวจสอบก่อนรับโอนบ้านแล้ว อย่าลืมอ่านสัญญาให้ดีๆ ก่อนด้วยครับ  
3 คำถามฮิตก่อนคิดจะซื้อบ้าน

3 คำถามฮิตก่อนคิดจะซื้อบ้าน

3 คำถามฮิตที่คิดจะซื้อบ้าน “รายได้และภาระหนี้ในปัจจุบัน เป็นปัจจัยหลักที่ธนาคารใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อบ้าน” “อยากกู้ซื้อบ้านต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง” เชื่อว่าคำถามนี้คงเกิดขึ้นในใจของผู้ที่อยากเป็นเจ้าของบ้าน เพราะเมื่อคิดจะซื้อบ้านและต้องขอสินเชื่อกับธนาคาร มีหลายปัจจัยที่เราต้องพิจารณาและเตรียมตัวให้พร้อม แล้วมีปัจจัยอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ 1. รายได้เท่าไรจะขอสินเชื่อได้ รายได้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบอกว่า เราสามารถกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่ และกู้ได้เป็นเงินเท่าไร ปกติแล้ว รายได้ขั้นต่ำที่จะขอสินเชื่อได้อยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร โดยรายได้มาก ก็จะมีโอกาสขอสินเชื่อได้วงเงินสูงขึ้น ถ้าหากใครเป็นมนุษย์เงินเดือน การขอกู้มักทำได้ไม่ยาก เพราะมีหลักฐานแสดงว่ามีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ ไม่ได้มีรายได้ประจำ ก็ควรแสดงให้ธนาคารเห็นว่า มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยนำรายได้ฝากเข้าธนาคารในวันเดียวกันเป็นประจำทุกเดือน เช่น นำเงิน 20,000 บาท ฝากทุกวันที่ 30 ของทุกเดือน 2. มีภาระผ่อนอยู่แล้ว จะขอสินเชื่อได้หรือไม่ แม้ว่าปัจจุบันจะมีภาระหนี้สินอยู่แล้ว ก็ยังมีโอกาสขอสินเชื่อบ้านได้ครับ ปกติแล้ว ในการพิจารณาสินเชื่อ ธนาคารจะมีเกณฑ์ว่า ภาระหนี้ในแต่ละเดือนต้องไม่เกิน 40-60% ของรายได้ต่อเดือน ในเบื้องต้น เราสามารถเช็คด้วยตัวเองง่ายๆ ว่า จะขอสินเชื่อกับธนาคารผ่านหรือไม่ เช่น ปัจจุบันเงินเดือน 20,000 บาท ถ้าธนาคารตั้งเกณฑ์ไว้ว่า ภาระผ่อนต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ ดังนั้น ภาระผ่อนโดยรวมต้องไม่เกิน 8,000 บาท โดยลองคำนวณดูว่า ถ้ามีภาระผ่อนหนี้อื่นอยู่ หากผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น จะทำให้ภาระผ่อนโดยรวมสูงเกินเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดหรือไม่ ถ้าไม่เกิน ก็มีโอกาสขอสินเชื่อบ้านได้ สำหรับการคำนวณภาระผ่อนของสินเชื่อบ้าน อาจคำนวณง่ายๆ ได้ว่า สินเชื่อบ้าน 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี ยอดผ่อนต่อเดือนจะประมาณ 7,200 บาทครับ 3. ต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ในการกู้ซื้อบ้าน นอกจากเงินดาวน์ประมาณ 20% ของราคาบ้านที่เราต้องเตรียมให้พร้อมแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ซื้อบ้านที่เราต้องเตรียม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1. ค่าใช้จ่ายของธนาคาร เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ (ขึ้นอยู่กับธนาคารกำหนด) ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย (ขึ้นอยู่กับมูลค่าบ้าน) 2. ค่าใช้จ่ายของกรมที่ดิน เช่น ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ และค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน ดังนั้น แม้ว่าคุณสมบัติต่างๆ ในด้านรายได้และภาระหนี้จะผ่านเกณฑ์ขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะเตรียมเงินสำหรับดาวน์บ้านและค่าใช้จ่ายต่างๆ ไว้ด้วยนะคะ เมื่อขอสินเชื่อบ้านผ่านแล้ว สามารถหมดภาระหนี้ได้เร็วขึ้นด้วยการโปะหนี้บ้านหรือชำระหนี้มากกว่ายอดผ่อนที่กำหนดไว้ในแต่ละเดือน เพราะการโปะหนี้จะทำให้ยอดเงินต้นลดลง และประหยัดดอกเบี้ยจ่าย ดังนั้น หากได้รับโบนัสหรือเงินก้อนพิเศษเข้ามา การนำไปโปะหนี้บ้านจะช่วยให้ภาระหนี้บ้านหมดไวขึ้นครับ
6 เหตุผลที่ควรลงทุนอสังหาฯ ก่อนอายุ 30

6 เหตุผลที่ควรลงทุนอสังหาฯ ก่อนอายุ 30

การลงทุนยิ่งเริ่มต้นไว ยิ่งได้ผลตอบแทนเร็ว วัยที่เหมาะกับการลงทุนมากที่สุด คือ วัยที่จบการศึกษาและมีงานมีการทำเรียบร้อย นั่นคือช่วงอายุระหว่าง 25 – 30 ปี แต่ในวัยดังกล่าว มักเป็นวัยที่มีสิ่งยั่วยุสูง เพราะเพิ่งเริ่มต้นสัมผัสอำนาจของเงินและรายได้ด้วยตัวเองรายได้ของคนในวัยนี้จึงมักละลายไปกับสังคม ข้าวของ ท่องเที่ยว จนพบได้บ่อยๆ ว่าคนทำงานช่วง 2 – 3 ปีแรกไม่สามารถเก็บเงินได้ จะเริ่มมีเงินเก็บจริงๆ จังๆ คือเมื่อเริ่มแตะหลัก 30 ไปแล้ว ซึ่งหากเทียบกับคนที่เตรียมตัวไวกว่าก็ถือเป็นการเสียโอกาส หนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับคนวัยไม่ถึงเลข 3 คือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีข้อดีคือได้ผลตอบแทนในระยะยาว เป็นเงินจำนวนมาก และสม่ำเสมอ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเริ่มต้นก่อนอายุ 30 ด้วย 6 เหตุผล ต่อไปนี้ เป็นที่อยู่อาศัย คนวัยก่อน 30 หลายคนทำงานไกลบ้าน พักอยู่หอพักและเสียค่าเช่าทุกเดือน ซึ่งจำนวนค่าเช่าที่เสียไป สามารถนำมาผ่อนบ้านหรือคอนโดมิเนียมได้ เป็นการกู้ยืมอัตราดอกเบี้ยต่ำ ระยะยาว ดอกเบี้ยบ้านคือดอกเบี้ยที่น้อยที่สุดกับเงินก้อนใหญ่และมีระยะเวลาในการผ่อนชำระนานที่สุด การผ่อนบ้าน มีระยะเวลาในสัญญาสูงสุดนานถึง 30 ปี และด้วยอัตราดอกเบี้ยที่หลากหลาย การซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงไม่ใช่ภาระหนักอึ้ง ปล่อยเช่าได้ (Passive Income) อสังหาริมทรัพย์มีข้อดีที่สุดคือเป็นทรัพย์สินถาวร และมีมูลค่าเพิ่มตลอดเวลา ยิ่งซื้อบ้านและปล่อยเช่าเมื่ออายุน้อยเท่าไหร่ รายรับที่ได้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย เช่น ซื้อคอนโดมิเนียมมา 2 ล้านบาท ปล่อยเช่าเดือนละ 15,000 บาท สินทรัพย์ชิ้นนี้จะทำรายได้ 180,000 บาท/ปี และอาจเพิ่มได้เรื่อยๆตามศักยภาพของทำเล หากปล่อยเช่าเมื่ออายุ 25 เมื่ออายุ 30 จะมีรายได้จากคอนโดมิเนียมแห่งนี้แล้ว 900,000 บาท ทำเงินได้เกือบล้าน เมื่ออายุ 30 น่าสนใจใช่ไหม เป็นมรดก อสังหาริมทรัพย์ถือเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่คนทุกยุคทุกสมัยเลือกที่จะนำมาเป็นสินทรัพย์ที่สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองและจุดเด่นอีกจุดหนึ่งคือนำมาเป็นมรดกส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานได้ จะเห็นได้จากนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายคนที่ได้รับมรดกจากพ่อแม่และบรรพบุรุษทั้งที่ดิน บ้าน โรงแรม เป็นต้น แล้วสามารถนำทรัพย์สินเหล่านั้นมาพัฒนาหรือขายต่อเพื่อก่อร่างสร้างตัวจากอสังหาริมทรัพย์จนประสบความสำเร็จในอนาคตได้ เป็นหลักประกันชั้นเยี่ยม อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันที่ทุกสถาบันการเงินอ้าแขนรับหากต้องการเงินลงทุนก้อนใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในมือจะแปรเป็นเงินได้อย่างง่ายดาย เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน ยิ่งในคนอายุน้อยๆการเปลี่ยนแปลงทางหน้าที่การงานหรือความผิดพลาดทางธุรกิจคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เป็นการลงทุนที่ชนะเงินเฟ้อ เนื่องจากในปัจจุบันปัญญาเงินเฟ้อเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะลดทอนมูลค่าเงินในกระเป๋าของท่านให้มีค่าลดน้อยลง การลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถเอาชนะกับปัญหาเงินเฟ้อได้คือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ บางคนอาจจะบอกว่าก่อนอายุ 30 ปี จะมีเงินพอได้อย่างไรที่จะนำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงหลักแสนหลักล้าน เพราะคนส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ทำงานประจำและเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินไม่มากพอที่จะลงทุน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้ถูกแก้ปัญหาออกไปเนื่องจากนวัตกรรมทางด้านการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถนำอสังหาริมทรัพย์แบ่งออกเป็นหน่วยย่อยๆได้เพื่อให้คนหลายๆคนสามารถเข้ามาถือครองในอสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้นเป็นการถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ เราเรียกการลงทุนนี้ว่า การลงทุนในกองทุนรวมอสังริมทรัพย์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงทุนหลักแสน หลักล้าน เพียงแค่มีเงินลงทุนขึ้นต่ำ 500 บาท ขึ้นไป สามารถลงทุนได้ การลงทุนก่อนอายุ 30 เป็นสิ่งที่ดีและควรทำที่สุดด้วยเหตุผลต่างๆที่กล่าวมาแล้ว แต่คนวัยนี้มักมีข้อจำกัดคือยังไม่สามารถหาทุนมาใช้กับอสังหาริมทรัพย์ได้ เพราะช่วงเวลา 2 – 3 ปีแรก รายได้จากการทำงานไม่ได้มากมายและอำนาจของเงินที่ได้ด้วยตัวเองก็ช่างเย้ายวน ดังนั้นเมื่อเริ่มทำงานใหม่ๆจึงควรตั้งสติให้มั่นและเก็บเงินเก็บทองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่ออนาคต   ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.terrabkk.com
Areeya Como วงแหวน-รามอินทรา : รีวิวบ้าน

Areeya Como วงแหวน-รามอินทรา : รีวิวบ้าน

บ้าน....หลายคนอยากหาบ้านเดี่ยวซักหลังในทำเลที่มีศักยภาพ เดินทางได้สะดวก สามารถรองรับการพัฒนาในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำเลบริเวณ “วงแหวน-รามอินทรา” เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีศักยภาพตามที่ว่ามานี้ ทั้งถนนหนทางที่เชื่อมต่อถึงกันได้หลายสาย ใกล้วงแหวนตะวันออก (ถนนกาญจนาภิเษก) และทางด่วนจตุโชติ แถมยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้าอนาคต (สายสีชมพู) อีกด้วย แค่ตัวอย่างที่ยกมานี้ ก็เชื่อได้ว่า ทำเลที่เราจะพาไปดูโครงการในครั้งนี้ น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว “Areeya Como วงแหวน-รามอินทรา” คือโครงการบ้านเดี่ยวที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันครับ อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ทำเลในย่านรามอินทรามีความเจริญขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีถนนใหญ่ๆ ตัดผ่านหลายสาย ที่ล้วนแต่เป็นสายสำคัญที่เชื่อมโยงพื้นที่ส่วนต่างๆ ของกรุงเทพฯ ให้อยู่ใกล้กันมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถนนวงแหวนตะวันออก (ถนนกาญจนาภิเษก) ก็เชื่อมต่อทั้งทางด่วนจตุโชติ รังสิต-ลำลูกกา มอเตอร์เวย์ อ่อนนุช บางนา ไปจนถึงสุวรรณภูมิ ทำให้การเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ จากย่านนี้ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป แผนที่โครงการ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ   ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการ Areeya Como วงแหวน-รามอินทรา อยู่ในซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 15 ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยเดิมของคนในย่านนี้อยู่แล้ว ถนนในซอยสุเหร่าคลองหนึ่งเป็นถนนสองเลน ที่สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนปัญญาอินทรา ถนนหทัยราษฎร์ ถนนรามอินทรา ถนนพระยาสุเรนทร์ ฯลฯ พื้นที่ในย่านนี้มีลักษณะเป็นชุมชน ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการบ้านเดี่ยว รวมถึงบ้านเก่าที่อยู่ในชุมชนเดิม อาจจะไม่ได้มีแหล่งช็อปปิ้งใหญ่ๆ อยู่ใกล้ๆ ดังนั้นหากต้องการจับจ่ายข้าวของเข้าบ้าน อาจจะต้องขับรถออกไปทางถนนปัญญาอินทรา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่รวมร้านค้า ร้านอาหาร และบิ๊กซี ซุปเปอร์ เซ็นเตอร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด (ประมาณ 800 เมตร) หรือถ้าห่างออกไปอีกหน่อย ก็จะมีคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง The Promenade ที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ชิคที่สุดในย่านนี้ รวมถึง แฟชั่น ไอส์แลนด์ ห้างพี่ใหญ่บิ๊กเบิ้มประจำย่าน ก็ถือเป็นแหล่งช็อปหลักของคนแถบนี้ก็ว่าได้ครับ   Areeya Como วงแหวน-รามอินทรา   Areeya Como วงแหวน-รามอินทรา เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น หนึ่งในโครงการในอาณาจักรอารียาในซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 15 ซึ่งมีโครงการรุ่นพี่อย่าง The Color และ The Color Premium อยู่ถัดเข้าไปด้านใน บริเวณใกล้ๆ เป็นแหล่งชุมชนมีทั้งร้านสะดวกซื้อและร้านค้าให้บรรยากาศคึกคักในแบบชุมชน ในขณะที่พอขยับเข้ามาในซอยก็ยังคงความเงียบสงบ และเป็นส่วนตัวด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด โซนด้านหน้าโครงการก่อนซุ้มประตูโครงการ จะเป็นพื้นที่ของ Clubhouse ซึ่งรวมไว้ทั้งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนส และห้องสันทนาการ โดยในพื้นที่ส่วนนี้จะเป็น Clubhouse กลางที่จะใช้ร่วมกันกับลูกบ้านของอารียาอีก 2 โครงการนะครับ รูปร่างหน้าตาคลับเฮ้าส์ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการ มองลงไปเห็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ด้านซ้ายมือจะเป็นฟิตเนส พร้อมเครื่องเล่นครบครัน ส่วนด้านขวาจะเป็นพื้นที่รับรอง ลงมาดูที่สระว่ายน้ำของโครงการจะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือขนากใหญ่ แยกสระเด็กให้เรียบร้อย รอบๆ สระว่ายน้ำก็จะเป็นพื้นที่สีเขียว มีพื้นที่นั่งเล่น ผ่านซุ้มประตูของ Areeya Como เข้ามาแล้ว บริเวณด้านหน้าจะมีสวนสาธารณะเป็นพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านจะได้ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันนะครับ จะเห็นว่าโครงการจัดแบ่งพื้นที่ในโซนด้านหน้าเป็นเฟสของบ้าน Blissfully A จำนวน 73 หลัง ส่วนโซนด้านหลังเป็นเฟสของบ้าน Blissfully B จำนวน 51 หลัง ซึ่งทั้งหมดสร้างเสร็จพร้อมขายแล้วนะครับ ประตูทางเข้าโครงการ เข้า-ออก ใช้ระบบ Key Card เข้ามาแล้วจะเจอพื้นที่สีเขียวอยู่ด้านซ้ายมือ ถนน Main จะกว้าง 12 เมตร ส่วนถนนซอยจะกว้าง 9 เมตรนะครับ เปิดบ้านตัวอย่าง โครงการ Areeya Como วงแหวน-รามอินทรา เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น แนว Contemporary Modern Style ซึ่งแบ่งบ้านออกเป็น 2 แบบ ตามขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน บ้านแบบแรกมีชื่อว่า Blissfully A บ้านหน้ากว้าง 6 เมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ มีพื้นที่ใช้สอย 165 ตร.ม. บ้านหลังนี้ เป็นแบบบ้านที่เราเคยได้เห็นจากแบรนด์ Areeya Como แล้วนะครับ บริเวณชั้นล่าง มีหนึ่งห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถกั้นเป็นห้องนอนเพิ่มได้อีกหนึ่งห้อง หรือจะใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่น นั่งทำงานก็สามารถจัดตกแต่งได้ตามความต้องการเลย ส่วนของ Living Area ชั้นล่าง จะเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่น มุมกินข้าว และห้องครัว โดยพื้นที่ในส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับส่วนข้างบ้านด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ถึง 4.20 เมตร ซึ่งช่วยให้บ้านดูโปร่งสบายตามากขึ้น เมื่อเปิดประตูออกทั้งหมด ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ของสมาชิกในบ้านได้อย่างเต็มที่ แบบบ้าน Blissfully A จะเป็นแนว Contemporary Modern Style ประตูหน้าบ้านจะเป็นเหล็กโปร่ง บริเวณที่จอดรถหน้าบ้านจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก จอดรถได้ 2 คัน ด้านข้างที่จอดรถจะมีพื้นที่เล็กๆ ให้จัดสวนหย่อมไว้หน้าบ้าน ส่วนด้านข้างบ้านก็จะมีพื้นที่ให้จัดสวนหรือพื้นที่นั่งเล่นอีกจุดหนึ่ง โครงการตกแต่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นอยู่ข้างบ้าน ประตูเข้าบ้านจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน มีพื้นที่เล็กๆ ไว้ให้วางตู้เก็บหรือชั้นวางรองเท้า เข้ามาด้านในโครงการจะตกแต่งเป็นพาทิชั่นกั้นเป็นตู้เก็บรองเท้า ก่อนจะเข้าไปที่ Living Area ทางซ้ายมือก่อนของหน้าประตูจะเป็นพื้นที่ของห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถตกแต่งเป็นห้องนั่งเล่น ห้องดูหนัง ห้องทำงานหรือห้องนอนเล็กๆ ได้อีกห้อง ห้องนี้โครงการตกแต่งเป็นห้องนั่งเล่นไว้จิบชาเก๋ๆ เข้ามาด้านในตัวบ้านจะเป็นส่วน Living Area ขนาดใหญ่อยู่เชื่อมต่อกันส่วน Dining Area พื้นที่ Living Area โครงการตกแต่งด้วยโซฟา 4 ที่นั่ง พร้อมกับ Built-in ชั้นวางทีวี เป็นพื้นที่ดูทีวีของครอบครัวได้ขนาดใหญ่ทีเดียวครับ เลยจาก Living Area เข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ Dining Area ขนาดใหญ่อีกเหมือนกันครับ พื้นที่ตรงนี้สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4-6 ที่นั่งได้สบายๆ ข้างโต๊ะทานอาหารจะมีหน้าต่างแบบ Sky Bay Window เพื่อรับแสงจากสวนด้านนอก ประตูจะเป็นกระจกบานเลื่อน 2 ตอน เปิดออกมาด้านข้างบ้านจะเป็นพื้นที่ให้จัดสวนหรือพื้นที่นั่งเล่น Outdoor เหมือนที่โครงการตกแต่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง พื้นที่จัดสวนด้านข้างบ้าน อีกด้านของโต๊ะทานอาหารจะเป็นส่วนครัว ส่วนครัวโครงการ Built in ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างสวยงามทีเดียวครับ ติดกับครัวจะเป็นห้องน้ำสำหรับชั้นล่าง สุขภัณฑ์จะใช้ของ American Standard พร้อมพื้นที่อาบน้ำ เดี๋ยวเราขึ้นไปดูบนชั้น 2 กันต่อ มีห้องเก็บของซ่อนอยู่ใต้บันได ขณะที่ชั้นบนของตัวบ้าน จะแบ่งออกเป็น 3 ห้องนอน โดยที่ห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัว และห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง จะแชร์ห้องน้ำร่วมกันนะครับ จริงๆ แล้วพื้นที่ของห้องนอนเล็ก เราสามารถปรับตกแต่งใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ได้อย่างเต็มที่เลยนะครับ ทั้งเป็นห้องทำงาน ห้องแต่งตัว หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ขึ้นมาบนชั้น 2 จะมีทั้งหมด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ก่อนไปดูห้องนอนเรามาดูห้องน้ำแรกกันก่อน ห้องน้ำเล็กจะอยู่ใกล้ๆ กับห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้อง สุขภัณฑ์จะใช้งาน American Standard ทั้งอ่างล้างหน้า มาพร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์วางอยู่ใกล้ๆ พื้นที่เปียกอาบน้ำจะได้มีฉากกั้นให้นะครับ อาจจะต้องติดตั้งเพิ่มเอง มาถึงห้องนอนแรกโครงการตกแต่งเป็นห้องนอนเด็ก Builit-in เตียง 2 ชั้นเต็มพื้นที่ โทนห้องสีสว่างเหมาะกันเด็กน้อยมากๆ ข้ามมาห้องนอนอีกห้องจะตกแต่งเป็นแนวผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ด้วยโทนสีเข้ม โครงการ Built-in เตียงขนาด 3.5 ฟุต ไว้ติดกับหน้าต่าง และมีโซฟา และชั้นวางทีวี Built-in เป็น Living Area เล็กๆ ไว้ในห้องอีกด้วย มาที่ห้องนอน Master จะได้ห้องขนาดใหญ่เลยนะครับ สามารถเลือกวางเตียง 5 หรือ 6 ฟุต ได้ตามความชอบ ในห้องนอน Master จะมีระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ในห้องนอน Master จะมีห้องน้ำในตัวแยกให้ต่างหาก Shower Box ห้องนี้จะมีฉากกั้นมาให้เรียบร้อย ออกมาจากห้องน้ำ โครงการตกแต่งเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in closet ส่วนบ้าน Blissfully B จะเป็นบ้านที่อยู่ในโซนด้านในของโครงการนะครับ ตัวบ้านหน้ากว้าง 5.7 เมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ มีพื้นที่ใช้สอย 141 ตร.ม. ถ้าดูจากแปลนบ้านจะเห็นว่าฟังก์ชั่นภายในบ้านมีความใกล้เคียงกันมาก แต่จะย่อขนาดลงมาหน่อย โดยที่พื้นที่ชั้นล่างจะยังคงมีห้องอเนกประสงค์ที่สามารถกั้นเป็นอีกหนึ่งห้องนอนได้เหมือนกัน ส่วนพื้นที่นั่งเล่นและมุมกินข้าวอาจจะต้องมีพื้นที่จำกัดมากขึ้น และต้องแชร์พื้นที่ร่วมกัน จากบ้านตัวอย่างที่มีการตกแต่งไว้ให้ดูเป็นไอเดีย จะเห็นว่าการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างเป็นสัดส่วน มีการกั้นพื้นที่ครัวไว้หมดด้วยประตูกระจก ทั้งนี้ในบ้านจริงไม่ได้มีการกั้นพื้นที่ครัวไว้ให้ ถ้าหากจัดเป็นครัวเปิด และใช้พื้นที่เปิดโล่งถึงกัน ตัวบ้านก็จะดูโปร่งมากขึ้นกว่าในบ้านตัวอย่างไม่น้อยเลยนะครับ แบบบ้านตัวอย่าง Blissfully B ส่วนหลังนี้เป็นแบบบ้านมาตรฐานของ Blissfully B พื้นที่สวนข้างบ้าน ประตูเข้าบ้าน ประตูทางเข้าบ้านจะมี 2 ทางนะครับ ทางนี้จะเป็นด้านที่เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ พื้นที่อเนกประสงค์ห้องนี้โครงการตกแต่งเป็นห้องนั่งเล่น ส่วนอีกด้านจะเปิดประตูมาแล้วเจอพื้นที่ Dining Area ขนาดใหญ่ โครงการวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ที่นั่งไว้กลางห้อง ข้างโต๊ะทานอาหารจะมีหน้าต่าง และประตูออกไปที่สวนข้างบ้านได้ ต่อจากพื้นที่ Dining Area จะเป็นส่วนครัว ที่โครงการตกแต่งกั้นพื้นที่ไว้อย่างเป็นสัดส่วน พื้นที่ในครัวโครงการตกแต่งเป็นชุดครัว Built-in มาให้ดูเป็นตัวอย่าง หน้าต่างในครัวช่วยระบายกลิ่นอาหาร ติดกับห้องครัวจะเป็นห้องน้ำของชั้น 1 สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard มีพื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำอยู่ด้านใน บันไดขึ้นชั้น 2 เดี๋ยวเราขึ้นไปดูด้านบนกันต่อครับ เมื่อขึ้นมาที่ชั้นบน พื้นที่ด้านหน้าบ้านจะเป็น Master Bedroom ในขณะที่โซนด้านหลังจะแบ่งออกเป็นอีก 2 ห้องนอนในขนาดเท่าๆ กัน บ้าน Type นี้ห้องนอนทั้ง 3 ห้องจะต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกันนะครับ แต่ห้อง Master Bedroom จะได้เปรียบกว่าหน่อยก็ตรงที่มีประตูเข้าห้องน้ำได้จากด้านในห้องเลย มุมหน้าประตูห้องน้ำในห้องนอนจึงสามารถจัดเป็น Walk-in Closet ได้สบายๆ ขึ้นมาที่ชั้น 2 เรามาดูห้องนอนเล็กทั้ง 2 กันก่อนนะครับ ห้องแรกโครงการตกแต่งเป็นเหมือนห้องนั่งเล่น สามารถพักผ่อน นั่งเล่นดนตรี ได้เลยในห้องนี้ ห้องนอนเล็กอีกห้องตกแต่งเป็นห้องนอนเด็ก ด้วยโทนสีสว่างๆ ห้องนอน Master จะได้ห้องนอนขนาดใหญ่ สามารถเลือกวางเตียง 5-6 ฟุตได้เลยครับ ระเบียงจะอยู่ติดกับห้องนอน เป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ด้านปลายเตียงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ โครงการตกแต่งด้วยการวางชั้นวางทีวีกั้นพื้นที่ ด้านหลังวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งเป็นแบบ Walk-in closet ห้องน้ำบนชั้น 2 จะมีให้ 1 ห้องนะครับ สามารถเข้าได้ 2 ด้าน คือจากด้านห้องนอน Master แะลด้านนอก สุขภัณฑ์จะเป็นของ American Standard เหมือนเดิม Shower Box มีฉากกั้นให้เรียบร้อย จากแบบบ้านทั้ง 2 หลังที่ทางโครงการมีให้เลือกนั้น จะเห็นได้ว่าเน้นประโยชน์ใช้สอยที่ต่างกันออกตามจำนวนสมาชิกในบ้าน บ้านแบบ Blissfully B อาจจะมีพื้นที่ใช้สอยน้อยกว่า แต่ถ้าหากเป็นครอบครัวขนาดเล็ก มีสมาชิก 2-3 คน บ้านหลังนี้ก็คงอยู่กันแบบสบายๆ แถมยังมีห้องเหลือให้ใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีก ขณะที่บ้าน Blissfully A มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างกว่า เน้นพื้นที่สวนข้างบ้านเพื่อให้สมาชิกในบ้านทำกิจกรรมร่วมกันได้สะดวกขึ้น ส่วนพื้นที่ห้องนอนก็กว้างและใช้งานได้อย่างพอเพียง โดยภาพรวมแล้ว โครงการ Areeya Como วงแหวน-รามอินทรา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ หากมองกันในระยะยาวแล้ว พื้นที่ในย่านนี้ยังคงมีการพัฒนาไปอีกมากอย่างแน่นอน ไหนจะโครงการรถไฟฟ้าในอนาคต หรือความเจริญแบบกลางเมืองที่จะขยายตัวออกมาเรื่อยๆ การวางแผนเผื่อถึงอนาคตจึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึง เพราะการจะหาบ้านดีๆ ที่ถูกใจซักหลังอาจไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งถ้าใครที่คุ้นชินกับทำเลในย่านนี้อยู่แล้ว และต้องการบ้านใหม่เพื่อขยายครอบครัว บ้านของโครงการ Areeya Como นี้ก็คงตอบโจทย์ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ