Tag : howto

432 ผลลัพธ์
ก่อสร้างหรือดัดแปลงบ้าน ต้องมีระยะร่น

ก่อสร้างหรือดัดแปลงบ้าน ต้องมีระยะร่น

กฎหมายควบคุมอาคารมีข้อกำหนดให้อาคารทุกประเภทต้อง “ร่นแนวอาคาร” จากแนวเขตที่ระบุไว้ นอกเหนือจากการต้องเว้นให้มีที่ว่างสำหรับอาคารทุกหลังที่ก่อสร้างหรือดัดแปลงแล้ว กฎหมายควบคุมอาคารยังมีข้อกำหนดให้อาคารทุกประเภทต้อง ร่นแนวอาคาร  จากแนวเขตที่ระบุไว้ ไม่ว่าจะเป็นการต้องร่นแนวอาคารจากเขตถนนสาธารณะ หรือร่นจากเขตทางน้ำสาธารณะ บางข้อกำหนดให้ ผนังหรือระเบียงต้องห่าง  จากแนวเขตที่ดิน หรือต้องห่างจากผนังอาคารของผู้อื่นที่อยู่ข้างเคียง หรือต้องห่างจากผนังหรือระเบียงอาคารอื่นที่อยู่ในที่ดินเจ้าของเดียวกัน หลายคนเรียกข้อกำหนดนี้ว่า “ระยะร่น” และ “ระยะห่าง” ของอาคาร ก่อนดูในรายละเอียดของระยะร่น ท่านเจ้าของบ้านควรต้องทราบแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการร่นแนวอาคาร เพราะกฎหมายควบคุมอาคารกำหนดให้ต้อง ร่นแนวอาคาร  แต่ไม่ได้เขียนให้ชัดว่า แนวอาคาร  ที่ว่านั้นหมายถึงแนวไหนของตัวอาคาร หากไม่ใช่ข้อกำหนดที่ระบุชัดว่าเป็นผนังหรือระเบียง หลายคนเลยอาจคิดว่าแนวอาคารอาจหมายถึง แนวชายคา แนวกันสาด หรือแนวใดๆของอาคารยื่นออกไปมากที่สุด ปัจจุบันแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นโดยทั่วไปแล้วจะพิจารณาแนวอาคาร โดยถือเอาแนวผนังอาคาร หรือแนวเสาของอาคารที่อยู่ริมด้านนอกสุด แต่จะไม่รวมถึงกันสาด ชายคา หรือหลังคา  (อ้างอิงจากหนังสือตอบข้อหารือของกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่ มท.0710/10880 และที่ มท.0710/13604) โดยระยะร่นทั้งหลายก็ให้วัดจากแนวเขตที่กฎหมายกำหนด เช่น กึ่งกลางถนนสาธารณะไปจนถึงผนังอาคารหรือเสาที่อยู่ริมนอกสุดของอาคารที่จะ ก่อสร้างหรือดัดแปลงนั่นเอง อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นเพียงแนวปฏิบัติ ดังนั้นในอนาคตก็อาจมีแนวปฏิบัติที่แตกต่างออกไป ระยะร่นอาคารจากแนวเขตที่กฎหมายกำหนดที่สำคัญ คือ ระยะร่นจากถนนสาธารณะ  เนื่อง เพราะถนนเป็นที่สาธารณะ ซึ่งอาคารส่วนใหญ่มักจะก่อสร้างใกล้ถนน และต้องก่อสร้างไม่ให้ส่วนใดของอาคารล้ำเข้าไปในที่สาธารณะ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นกรณีไป ระยะร่นจากถนนสาธารณะ กฎหมายควบคุมอาคารกำหนดให้อาคารทุกประเภทที่ก่อสร้างหรือดัดแปลงต้องมีระยะร่นจากถนนสาธารณะ โดยระยะที่ต้องร่นแนวอาคารขึ้นกับว่าถนนสาธารณะที่อยู่ใกล้นั้นมีความกว้างเท่าใด และขึ้นกับว่าอาคารที่ก่อสร้างหรือดัดแปลงนั้นเป็นอาคารประเภทใด โดยกฎหมายเขียนเรื่องนี้อยู่ในข้อเดียวกัน แต่เขียนเป็นสองวรรค (แต่ละวรรคก็คือแต่ละย่อหน้านั่นเอง เพียงแต่กฎหมายในระดับรอง เช่นกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติ ใช้คำเรียกว่า “วรรค” ในที่นี้จึงขอเขียนคำว่าวรรคนำหน้าเพื่อให้อ้างอิงได้) - วรรคแรก ถนนสาธารณะที่มีความกว้างเขตทางน้อยกว่า 6 เมตร ให้ร่นแนวอาคารห่างจากกึ่งกลางถนนสาธารณะไม่น้อยกว่า 3 เมตร กรณีนี้ไม่ได้ระบุประเภทอาคารจึงบังคับใช้กับทุกอาคาร - วรรคสอง สำหรับอาคารที่สูงเกิน 2 ชั้นหรือเกิน 8 เมตร ห้องแถว ตึกแถว บ้านแถว อาคารพาณิชย์ โรงงาน อาคารสาธารณะ ป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้าย หรือคลังสินค้า ที่ก่อสร้างสร้างใกล้ถนนสาธารณะที่มีความกว้างต่างๆ ให้มี ระยะร่นดังนี้ 1. ถนนสาธารณะที่มีความกว้างน้อยกว่า 10 เมตร ให้ร่นแนวอาคารห่างจากกึ่งกลางถนนสาธารณะไม่น้อยกว่า 6 เมตร 2. ถนนสาธารณะที่มีความกว้างตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป แต่ไม่เกิน20 เมตร ให้ ร่นแนวอาคารห่างจากเขตถนนสาธารณะไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของความกว้างของเขตถนนนั้นๆ เช่น ถ้าถนนกว้าง 12 เมตร แนวอาคารต้องร่นห่างจากเขตถนนเท่ากับ 1.20 เมตร 3. ถนนสาธารณะที่มีความกว้างตั้งแต่ 20 เมตรขึ้นไป ให้ร่นแนวอาคารห่างจากเขตถนนสาธารณะไม่น้อยกว่า 2 เมตร หลายคนอ่านแล้วอาจคิดต่อว่าในวรรคสอง (1) กำหนดความกว้างของถนนสาธารณะว่ากว้างน้อยกว่า 10 เมตร แปลว่า ถ้าถนนกว้างเพียง 4 เมตร จะเข้าเกณฑ์ทั้งวรรคแรกและวรรคสอง (1) แล้วจะใช้ระยะร่นตามวรรคไหน เพราะวรรคแรกให้ร่นเพียง 3 เมตรแต่วรรคสอง (1) ให้ร่นถึง 6 เมตร แต่ให้สังเกตว่าในวรรคสองนั้นมีกำหนดประเภทของอาคารไว้ด้วย หมายความว่าอาคารตามที่ระบุเท่านั้นจึงใช้ตัวเลขระยะร่นตามวรรคสอง (1) นอกจากนั้นจึงให้ใช้ตัวเลขระยะร่นตามวรรคแรก ซึ่งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดก็มีระบุไว้แตกต่างกัน ดังนั้น ถ้าสร้างบ้านใกล้ถนนสาธารณะที่กว้างน้อยกว่า 6 เมตร จะใช้ระยะร่นตามวรรคแรกก็ต่อเมื่อ บ้านนั้นสูงไม่เกิน 2 ชั้นหรือไม่เกิน 8 เมตร กรณีสร้างอยู่ต่างจังหวัด แต่หากเป็นบ้านที่สร้างในกรุงเทพฯ จะต้องเป็นบ้านที่สูงไม่เกิน 3 ชั้นหรือไม่เกิน 10 เมตร และพื้นที่ไม่เกิน 1,000 ตารางเมตร โดยบ้านที่สร้างนั้นต้องไม่ใช่ห้องแถว ตึกแถวหรือบ้านแถว นอกเหนือจากนี้ต้องใช้ตัวเลขระยะร่นตามวรรคสอง (1) ตัวอย่างเช่น ถ้าก่อสร้างบ้านพักอาศัยสูง 4 ชั้นใกล้กับถนนสาธารณะที่กว้างน้อยกว่า 6 เมตร จะต้องร่นแนวอาคารจากกึ่งกลางถนนสาธารณะไม่น้อยกว่า 6 เมตร ประเด็นสำคัญที่ท่านเจ้าของบ้านต้องทราบไว้ คือ หากท่านหรือใครก็ตามเป็นเจ้าของที่ดินในต่างจังหวัด แล้วยินยอมให้คนทั่วไปใช้ที่ดินนั้นเป็นทางผ่าน โดยจะเก็บค่าผ่านทางหรือไม่ก็ตาม กฎหมายควบคุมอาคารจะถือว่าที่ดินนั้นเข้าข่ายเป็น “ถนนสาธารณะ” ทันที เมื่อเป็นถนนสาธารณะ อาคารที่สร้างใกล้กับที่ดินที่ยอมให้คนทั่วไปผ่านนั้น ก็ต้องก่อสร้างให้มีระยะร่นเช่นเดียวกับที่ต้องร่นจากถนนสาธารณะ สำหรับในเขตกรุงเทพฯ ที่ดินที่ยินยอมให้คนทั่วไปใช้เป็นทางผ่าน หากมีความยาวไม่เกิน 500 เมตรหรือมีการปักป้ายหวงห้ามกรรมสิทธิ์ไว้ จะถือว่าเป็น “ทางส่วนบุคคล” ไม่ถือเป็นถนนสาธารณะ แต่หากไม่เข้าสองเงื่อนไขนี้จะเข้าข่ายเป็นถนนสาธารณะตามกฎหมายควบคุมอาคารและก็จะต้องมีระยะร่นเช่นกัน เรื่องของกฎหมายควบคุมอาคารเกี่ยวกับระยะร่นหรือระยะห่างอาคารนั้น มีข้อกำหนดอยู่ค่อนข้างมาก จะค่อยๆ นำแต่ละกรณีมาเขียนให้ทราบต่อไป หมายเหตุ : ท่านที่ต้องการอ้างอิงข้อกฎหมายในเรื่องระยะร่นจากถนนสาธารณะ หากเป็นที่ดินในต่างจังหวัดให้ดูกฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ข้อ 41 หากเป็นที่ดินในกรุงเทพฯ ให้ดูข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 ข้อ 50   ขอขอบคุณแหล่งที่มาจาก คมกฤช ชูเกียรติมั่น ผู้อำนวยการสถาบันสถาปนิกสยาม สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
เงื่อนไขดีๆ เมื่อคิดรีไฟแนนซ์

เงื่อนไขดีๆ เมื่อคิดรีไฟแนนซ์

ในช่วงแรกของการผ่อนชำระหนี้บ้านธนาคารมักให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ หรืออัตราดอกเบี้ยโปรโมชั่น เพื่อจูงใจให้เราตัดสินใจกู้ซื้อบ้านกับธนาคารนั้นๆ เชื่อว่าหลายคนเมื่อผ่อนชำระหนี้บ้านไปสักระยะหนึ่ง โดยผ่านพ้นอัตราดอกเบี้ยโปรโมชั่นไปแล้ว ก็มักคิดที่จะหาดอกเบี้ยถูกด้วยการรีไฟแนนซ์ไปธนาคารอื่น แต่รู้หรือไม่ว่าการรีไฟแนนซ์เราสามารถเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่างเพื่อให้เป็นประโยชน์มากขึ้น เพิ่มผู้กู้ สร้างความสามารถในการชำระหนี้ เมื่อมีความจำเป็นที่ต้องขอสินเชื่อเพิ่ม เช่น จำเป็นต้องกู้ซื้อรถยนต์ไปใช้ในการทำงานหรือทำธุรกิจ หรือต้องการกู้เงินเพื่อใช้ศึกษาต่อ แต่ความสามารถในการชำระหนี้ไม่เพียงพอ เพราะติดภาระผ่อนหนี้บ้านอยู่ การรีไฟแนนซ์สามารถเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ด้วยการเพิ่มผู้กู้ที่เป็นเครือญาติได้ครับ ซึ่งหลังจากที่เรารีไฟแนนซ์โดยเปลี่ยนจากการกู้คนเดียวเป็นการกู้ร่วมแล้ว ในการขอสินเชื่อครั้งต่อไป ภาระผ่อนที่ธนาคารนำไปพิจารณาก็จะหารตามจำนวนผู้กู้ร่วมแทนที่จะคิดเต็มจำนวน ทั้งนี้การกู้ร่วมช่วยให้เรามีโอกาสกู้ผ่านได้ก็จริง แต่ควรให้ความสำคัญกับการผ่อนชำระหนี้ด้วยครับว่า มีรายได้เพียงพอสำหรับการชำระหนี้หรือไม่ ในกรณีที่เราต้องเป็นผู้จ่ายชำระหนี้เพียงคนเดียวซึ่งอาจจะส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาทางด้านการเงินได้ หากมีรายได้ตามที่แจ้งกับธนาคารเท่านั้น แต่ถ้ามีรายได้อื่นๆ ที่ธนาคารไม่ได้นำมารวม เช่น รายได้จากอาชีพเสริม ก็จะช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มในการจ่ายชำระหนี้ได้เป็นปกติ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการผ่อนชำระหนี้ แนะนำว่าควรมีภาระผ่อนต่อเดือนไม่เกิน 30% ของรายได้ครับ เช่น มีรายได้เดือนละ 40,000 บาท ควรมีภาระผ่อนต่อเดือนไม่เกิน 12,000 บาท เพิ่มระยะเวลาผ่อน ลดภาระค่าใช้จ่าย หากใครที่ทำสัญญาวงเงินกู้กับธนาคารเดิมไว้ โดยเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระสั้นกว่าที่ธนาคารกำหนด เช่น มีสิทธิที่จะกู้ได้สูงสุดถึง 30 ปี แต่เลือกกู้เพียงแค่ 15 ปี ทำให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนเป็นจำนวนเงินที่สูง หากต่อมาปัจจุบันมีภาระค่าใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถผ่อนหนี้บ้านได้ตามปกติ การรีไฟแนนซ์สามารถเลือกยืดระยะเวลาการผ่อนครั้งใหม่ ให้ผ่อนได้ยาวขึ้น ซึ่งจะทำให้ค่าผ่อนต่อเดือนลดลง โดยระยะเวลาผ่อนที่เลือกใหม่จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งใหม่กำหนด อย่างไรก็ตามการเพิ่มระยะเวลาในการผ่อนชำระถึงแม้จะช่วยให้ภาระผ่อนต่อเดือนน้อยลงก็จริง แต่ต้องไม่ลืมว่าการผ่อนชำระด้วยจำนวนเงินที่น้อยลงจะส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายโดยรวมสูงขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการผ่อนสั้นด้วยจำนวนเงินที่มากกว่า เพิ่มวงเงิน มีเงินไว้ใช้จ่ายยามจำเป็น สำหรับวงเงินกู้ของการรีไฟแนนซ์ไม่จำเป็นต้องเท่ากับภาระหนี้คงเหลือจากธนาคารเดิมเสมอไปครับ ถ้าหากใครที่กำลังคิดจะรีไฟแนนซ์ และมีความจำเป็นต้องใช้เงิน เช่น อยากซ่อมแซมบ้าน ก็สามารถขอวงเงินเพิ่มให้สูงกว่าภาระหนี้คงเหลือได้ ซึ่งวงเงินทั้งหมดจะต้องไม่เกินมูลค่าหลักประกันตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด เช่น วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 80% ของราคาประเมิน หรือบางธนาคารอาจกำหนดเงื่อนไขการได้เพิ่มวงเงิน เช่น สามารถขอเพิ่มได้ไม่เกิน 5 ล้านบาท เป็นต้น แต่การขอวงเงินเพิ่มธนาคารจะต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ประกอบด้วยครับว่า รายได้เมื่อเปรียบเทียบกับภาระหนี้แล้วเพียงพอ สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดหรือไม่
การเลือกอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ และการเลือกธนาคาร

การเลือกอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ และการเลือกธนาคาร

ปัจจุบันหลายธนาคารต่างก็ออกสินเชื่อรูปแบบต่างๆ รวมทั้งเงื่อนไข และอัตราดอกเบี้ยที่น่าจูงใจมากมาย พอถึงเวลาที่เราจะต้องตัดสินใจเลือกกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านหรือคอนโดซักครั้ง เลยเกิดอาการตาลาย มึนกับข้อมูลต่างๆ จนทำให้ตัดสินใจเลือกไม่ได้ หรือถ้าเลือกได้ก็อาจจไม่ใช่เงื่อนไขที่ดีที่สุดตามใจเรา วันนี้เราเลยนำหลักเกณฑ์ง่ายๆ ในการตัดสินใจเลือกธนาคาร และอัตราดอกเบี้ยสำหรับการกู้สินเชื่อมาให้เป็นข้อมูลเพื่อช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้น ก่อนอื่นเรามาดูกันที่อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ กันก่อน โดยหลักๆ แล้ว มักจะมีให้เลือกกัน 3 แบบคือ 1. สินเชื่อดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating Rate Loan) คือ อัตราดอกเบี้ยที่คิด ณ วันที่ทำสัญญาที่ผู้กู้ตกลงกู้ ซึ่งทางธนาคารสามารถปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นลงได้ตามสถานการณ์ตลาดเงิน หรือต้นทุนทางการเงินของธนาคาร โดยการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยอาจจะกระทบต่อเงินงวดในแต่ละเดือนซึ่งอาจจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ข้อดีคือ ถ้าอัตราดอกเบี้ยลดลง เงินงวดที่เคยจ่ายก็จะนำไปตัดเงินต้นได้เยอะขึ้น ทำให้เราสามารถผ่อนได้หมดเร็วขึ้น 2. สินเชื่อดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fixed Rate Loan) คือ อัตราเงินกู้ที่กำหนดเอาไว้ให้คงที่ เช่นเดียวกันกับจำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวดก็จะเท่ากันตลอดระยะเวลากู้ ซึ่งมักจะเป็นแบบดอกเบี้ยคงที่ระยะสั้น 1-2 ปี ข้อดีก็คือ เราสามารถวางแผนการเงินได้ เพราะเงินค่างวดไม่เปลี่ยนแปลง 3. สินเชื่อดอกเบี้ยแบบผสม (Rollover Mortgage Loan) คือ การกู้เงินที่ใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ในระยะหนึ่ง แต่เมื้อพ้นกำหนดไปแล้ว จะเปลี่ยนเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวแทน ซึ่งสินเชื่อแบบนี้จะมีอัตราดอกเบี้ยในช่วงแรกค่อนข้างถูก ทำให้ผู้กู้สามารถโปะเงินงวดเพื่อลดเงินต้นได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ผู้กู้ควรคำนวนอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งหมดให้รอบคอบเสียก่อนด้วย ** ทั้งนี้ หลังจากวันที่ 1 สิงหาคม 2556 เป็นต้นมา ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดให้สถาบันการเงินต้องแสดงอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (Effective Interest Rate - EIR) เพื่อช่วยเป็นแนวทางในการเปรียบเทียบดอกเบี้ยจากโปรโมชั่น และอัตราดอกเบี้ยจริง แต่อย่างไรก็ดี ผู้กู้ก็ควรสังเกตุฐานการคำนวนของแต่ละธนาคารด้วยว่าใช้วงเงินและระยะเวลาผ่อนชำระเท่าไหร่ในการคำนวน   พอได้อัตราดอกเบี้ยที่ต้องการแล้ว การเลือกธนาคาร ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันนะครับ ซึ่งเราควรพิจารณาจาก อัตราดอกเบี้ย ที่ต้องจ่าย วงเงินสินเชื่อ ที่ทางธนาคารให้ครอบคลุมกับวงเงินที่ต้องการหรือไม่ ระยะเวลาในการผ่อนชำระค่างวด ให้ดูว่าเหมาะสมกับกำลังการจ่ายของเราด้วยหรือไม่ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการขอสินเชื่อ เช่น ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ ค่าจดจำนอง เป็นต้น ความรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อ เงื่อนไขอื่นๆ เกี่ยวกับการชำระเงินงวด ค่าธรรมเนียม หรือค่าปรับต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกรณีจ่ายค่างวดล่าช้า หรือผิดนัด เงื่อนไขในการรีไฟแนนซ์ หรือการปิดบัญชี มีค่าปรับหรือค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ความสะดวกในการใช้บริการ เช่น มีจุดจ่ายเงินหลายแห่ง หรือธนาคารสาขาอยู่ใกล้บ้าน เป็นต้น โดยปกติแล้ว เรามักจะให้ความสำคัญกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด แต่ก็ไม่ควรลืมพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ตามหัวข้อในข้างต้น เพื่อให้ได้ธนาคารที่มีทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา ที่สำคัญต้องไม่ลืมดูเงื่อนไขต่างๆ ให้ครบถ้วนทุกข้อด้วยนะครับ เพื่อจะได้ไม่มีข้อเสียเปรียบธนาคารในภายในหลังยังไงล่ะครับ  
ผู้ซื้ออาคารชุดต้องพิทักษ์สิทธิตนเอง

ผู้ซื้ออาคารชุดต้องพิทักษ์สิทธิตนเอง

ผู้ซื้อที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอาคารชุดตามสัญญา และเข้าอยู่อาศัยในห้องชุดที่เป็นทรัพย์ส่วนบุคคลของตน และเป็นผู้ใช้สิทธิในห้องชุดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเจ้าของห้องชุดแต่ละห้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลาง ดังนั้นแต่ละคนมีหน้าที่ร่วมกันออกค่าใช้จ่ายเพื่อบำรุงดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนกลางได้แก่ (1) ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการบริการส่วนรวม เช่น ค่าจ้างยามรักษาความปลอดภัย ค่าจ้างเก็บขยะ ค่าจ้างดูแลรักษาความสะอาด (2) ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น ค่ากระแสไฟฟ้าสำหรับลิฟท์ส่วนกลาง (3) ค่าภาษีอากร เช่น ค่าภาษีอากรที่จะต้องชำระในนามของอาคารชุดและเกิดขึ้นจากการดูแลรักษา และการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลางเท่านั้น (4) ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลาง (5) ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลาง เช่น เงินเดือนของผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด ค่าเครื่องใช้และอุปกรณ์ต่างๆ ในสำนักงานนิติบุคคลอาคารชุด เป็นต้น ทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุด ได้แก่ (1) ที่ดินแปลงที่ปลูกสร้างอาคารชุด (2) ที่ดินที่มีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันเช่น ที่ดินสวนพักผ่อนร่วมกัน ที่ลานจอดรถยนต์ร่วมกัน (3) โครงสร้างและสิ่งก่อสร้างเพื่อความมั่นคงและป้องกันความเสียหายต่ออาคารชุด เช่นรากฐาน เสาเข็ม หลังคา ฝาผนังด้านนอกโดยรอบ เขื่อนกั้นน้ำ (4)อาคารหรือส่วนของอาคารและเครื่องอุปกรณ์ที่มีไว้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่นอาคารที่เก็บรถยนต์ร่วมกัน ระเบียงที่มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน (5) เครื่องมือและเครื่องใช้ที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น เครื่องดับเพลิงส่วนรวม เครื่องดูดฝุ่นส่วนรวม (6) สถานที่มีไว้เพื่อบริการส่วนรวม เช่น สระว่ายน้ำ ห้องรับแขกร่วมกัน (7) ทรัพย์สินอื่นที่มีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น ลิฟท์ เป็นต้น นิติบุคคลอาคารชุด เป็นองค์กรจัดการดูแลทรัพย์สินส่วนกลางของอาคารชุด โดยมีคณะกรรมการควบคุมการจัดการนิติบุคคลอาคารชุด เป็นผู้บริหารจัดการดูแลทรัพย์ส่วนกลางในนามของนิติบุคคลอาคารชุด ในการดำเนินการจะเป็นไปตามข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุด ผู้ดำเนินการแทนนิติบุคคลอาคารชุดที่เรียกว่า ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดนั้นจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ซึ่งเจ้าของห้องชุดแต่ละห้องต้องจัดให้มีคณะกรรมการเข้าควบคุมการจัดการนิติบุคคลอาคารชุดด้วยตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กำหนดให้เจ้าของห้องชุดแต่ละห้อง มีหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบการบริหารงานของนิติบุคคลอาคารชุดว่าเป็นไปตามข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุดหรือไม่หากพบว่าผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ไม่มีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดปัญหาอาคารชุดดังกล่าว ตามกฎหมายกำหนดให้เจ้าของห้องชุดมีสิทธิเรียกประชุมเจ้าของห้องชุด เพื่อให้ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดชี้แจงข้อเท็จจริง หากผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดไม่ชี้แจงหรือปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ก่อให้เกิดความเสียหาย ก็ให้เจ้าของห้องชุดนำเรื่องเสนอที่ประชุมเจ้าของร่วมทั้งหมด เพื่อมีมติถอดถอนผู้จัดการได้ ทั้งนี้โดยได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนคะแนนเสียงของเจ้าของร่วมทั้งหมดนั้น
รับโอนบ้าน คอนโดฯ ทั้งที่ยังมีจุดแก้ไข จะกลายเป็นไก่รองบ่อน

รับโอนบ้าน คอนโดฯ ทั้งที่ยังมีจุดแก้ไข จะกลายเป็นไก่รองบ่อน

เรื่องหนึ่งที่อยากจะเตือนผู้ซื้อบ้าน หรือคอนโดทั้งหลายให้จำขึ้นใจไว้เลยว่า หากบ้านหรือคอนโดที่เราซื้อไว้ ยังมีจุดที่ต้องแก้ไขในระหว่างขั้นตอนการตรวจรับ เราจะต้องแน่ใจว่าทางโครงการได้ทำการแก้ไขให้เราครบถ้วนเรียบร้อยตามที่เราพอใจ ก่อนจะเซ็นรับโอนบ้านหรือคอนโด ไม่ว่าจะเป็นจุดบกพร่องเหล่านั้นจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม บางทีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อย่าง งานเก็บสีเลอะเทอะตามขอบประตู หน้าต่าง, ประตูปิดไม่สนิท หรือหน้าต่างฝืดเปิด-ปิดลำบาก และแม้กระทั่งพวกปัญหารอยรั่วซึมนิดๆ หน่อยๆ ในห้องน้ำที่เราอาจจะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรวุ่นวาย อาจจะกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องตามแก้กันยาวนานให้เราปวดหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก ยิ่งถ้าเราโชคร้ายไปเจอกับโครงการที่ไร้ความรับผิดอบ ไม่ใส่ใจไม่ทำตามสัญญาทั้งๆ ที่รับปากกันไว้แล้ว หรือกว่าจะมาแก้ให้ก็ต้องโทรตามช่างกันถี่ยิบ หรือตามจิกกันเป็นเดือนๆ จาก และอาจจะต้องเสียเงินเพิ่มเติมถ้าปัญหาเหล่านั้นเรื้อรังต้องซ่อมต้องแก้กันจนเกินระยะเวลาประกัน บางครั้งทางโครงการอาจจะพยายามยื่นข้อเสนออันน่าจูงใจเพื่อให้เราเซ็นรับมอบไปก่อน แล้วค่อยมาแก้ปัญหา (ที่คิดว่า) เล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ทีหลัง โดยสัญญากันปากเปล่าไม่มีหนังสืออะไรรับรอง ถ้าหากเราเกิดเห็นแก่ข้อเสนอหรือของแถมเพิ่มเติม เช่น บัตรกำนัลเฟอร์นิเจอร์, ส่วนลดค่าโอน หรือออกค่าใช้จ่ายในการโอนให้ทั้งหมด ยอมเซ็นรับมอบโอนบ้านหรือคอนโดไปแล้ว ทางโครงการอาจตุกติกไม่ยอมเข้ามาซ่อมแก้ไขให้ตามที่สัญญา ดึงเวลาให้ยืดเยื้อยาวนานออกไปอีก ทีนี้ก็เท่ากับเราตกหลุมพลางที่ถูกหลอกล่อไว้ด้วยสิ่งจูงใจเพียงเล็กน้อย เข้าตำรา " เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" แล้วต้องกลายมาเสียสุขภาพจิต หรือเสียเงินจ้างช่างมาซ่อมเองเสียอีก....จะได้ไม่คุ้มเสียเอานะครับ จำไว้!!!
เรื่องต้องรู้ก่อนกู้ร่วมซื้อบ้าน

เรื่องต้องรู้ก่อนกู้ร่วมซื้อบ้าน

“กู้ร่วมซื้อบ้าน เป็นทางออกหนึ่งของผู้ที่กู้คนเดียวอาจผ่านยาก หรือต้องการวงเงินกู้บ้านที่สูงขึ้น” “อยากมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลังหนึ่ง” เชื่อว่าเป็นความฝันที่ทุกคนมีเหมือนๆ กัน ซึ่งปัจจุบันเราสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องรอเก็บเป็นเงินก้อนใหญ่ก็สามารถกู้เงินซื้อบ้านได้ โดยผู้ที่มีฐานรายได้สูงอาจทำเรื่องกู้บ้านเพียงคนเดียวก็ผ่าน แต่ผู้ที่มีรายได้ไม่สูงนัก หรือมีภาระค่าใช้จ่ายด้านอื่นมากทำให้มีความสามารถในการผ่อนชำระค่าบ้านลดลง หากยังต้องการซื้อบ้าน เพื่อให้สามารถกู้ผ่าน ก็จะต้องหาผู้กู้ร่วม ทั้งนี้ การกู้ร่วมนั้นมีประเด็นสำคัญๆ ที่ควรคำนึงถึง 3 เรื่องด้วยกัน ผู้กู้ร่วมซื้อบ้าน ... เป็นใครได้บ้าง แม้ว่าการกู้ร่วมจะเป็นทางออกที่ช่วยให้การกู้เงินซื้อบ้านง่ายขึ้น และได้วงเงินกู้เพิ่มขึ้น แต่ใช่ว่าจะเลือกใครมาเป็นผู้กู้ร่วมก็ได้ หรือกู้ร่วมกี่คนก็ได้ เนื่องจากธนาคารจะมีเงื่อนไขของการกู้ร่วมไว้ โดยทั่วไปกำหนดว่าผู้กู้ร่วม ต้องมีสายโลหิตเดียวกัน หรือมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ เช่น - ผู้ที่มีนามสกุลเดียวกัน อาจเป็นสามีภรรยา พี่น้อง พ่อ/แม่กับลูก รวมทั้งเป็นญาติกันโดยมีนามสกุลเดียวกัน - พี่น้องท้องเดียวกันแต่คนละนามสกุลก็สามารถกู้ร่วมกันได้ เพียงแต่แสดงทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรระบุว่าพ่อแม่เดียวกัน - กรณีสมรสไม่จดทะเบียนก็แสดงหลักฐาน เช่น ภาพถ่ายงานแต่ง การ์ดแต่ง หรือการมีบุตรร่วมกัน แต่กรณีผู้ที่เป็นแฟนกันเฉยๆ โดยทั่วไปมักจะกู้ร่วมไม่ได้ นอกจากนี้ ธนาคารอาจกำหนดจำนวนผู้กู้ร่วมไว้ เช่น กู้ร่วมได้ไม่เกิน 2 คน เป็นต้น สำหรับการอนุมัติสินเชื่อบ้านของการกู้ร่วม จะพิจารณารายได้ของทุกคน หักภาระค่าใช้จ่ายของทุกคนแล้วดูว่ามีความสามารถที่จะผ่อนได้ต่อเดือนเท่าไรแล้วพิจารณาวงเงินสินเชื่อกู้บ้าน กรรมสิทธิ์ในอสังหาฯ ... เป็นของคนเดียว หรือ หลายคน แน่นอนว่ากรณีของการกู้เดี่ยว เมื่อผ่อนชำระสินเชื่อบ้านหมดแล้ว กรรมสิทธ์ในบ้านหลังนั้นจะเป็นของผู้กู้ สำหรับกรณีของการกู้ร่วมนั้น โดยทั่วไป การกู้ร่วมซื้อบ้านทำได้ 2 แบบ แบบแรกคือ การใส่ชื่อคนเดียวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่เวลากู้ยืมใช้หลายคนมากู้ร่วม และแบบที่สอง การกู้ร่วมโดยใส่ชื่อผู้กู้ร่วมทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ในทางปฏิบัติ ส่วนใหญ่แล้วผู้กู้จะเลือกแบบที่สอง เพราะผู้กู้ทุกคนมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหรืออสังหาฯ นั้นร่วมกัน แต่การถือกรรมสิทธิ์ร่วม มีเรื่องที่ต้องคำนึงคือ หากต้องการขายบ้านหรืออสังหาฯ นั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับการยินยอมจากผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมทุกคน หรือแม้กระทั่ง ต้องการยกกรรมสิทธิ์ในบ้านหรืออสังหาฯ ให้เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่อยู่ในชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมนั้น กรมที่ดินจะถือว่า มีการซื้อขายบ้านหรืออสังหาฯ เกิดขึ้น ทำให้มีค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย รวมถึงค่าอากรแสตมป์หรือภาษีธุรกิจเฉพาะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากดอกเบี้ยจ่าย ... ลดหย่อนอย่างไร ดอกเบี้ยจ่ายของเงินกู้บ้านสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีภาษี ดอกเบี้ยจ่ายของเงินกู้บ้านสามารถดูได้จากหนังสือรับรองดอกเบี้ยจ่ายที่สถาบันการเงินจะส่งมาให้ผู้กู้ตอนต้นปี กรณีของการกู้เดี่ยว การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยบ้านดังกล่าวจะเป็นของผู้กู้เพียงผู้เดียว จ่ายดอกเบี้ยทั้งปีเท่าไร ก็ลดหย่อนได้เท่านั้น แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เช่น ดอกเบี้ยจ่ายทั้งปี 80,000 บาท ก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 80,000 บาท แต่หากดอกเบี้ยจ่ายทั้งปีอยู่ที่ 120,000 บาท ก็ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เพียง 100,000 บาท สำหรับกรณีของการกู้ร่วม ให้หารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ กรณีกู้ร่วมสองคนก็คือหารครึ่งนั่นเอง สมมติจ่ายดอกเบี้ยทั้งปี 80,000 บาท สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้คนละ 40,000 บาท จะแบ่งเองว่าฝ่ายหนึ่งมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ ทั้งนี้ มีข้อควรทราบเกี่ยวกับการใช้สิทธิลดหย่อนดอกเบี้ยสำหรับการกู้ร่วมคือ สมมติว่ากู้ร่วมกันสองคน ปรากฏว่าทั้งปีจ่ายดอกเบี้ยไป 140,000 บาท ไม่ใช่ว่า จะสามารถหารครึ่งแล้วใช้สิทธิลดหย่อนภาษีคนละ 70,000 บาท เนื่องจากสัญญาเงินกู้บ้านนั้นจะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เพียง 100,000 บาท นั่นคือ จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุดคนละ 50,000 บาท อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้จะสังเกตได้ว่าแต่ละฝ่ายยังใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยไม่เต็มสิทธิ 100,000 บาท ดังนั้น หากมีดอกเบี้ยเงินกู้อสังหาฯ อื่น เช่น อาจกู้ไว้เองหรือกู้ร่วมกับคนอื่น ก็ยังสามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนได้เพิ่มเติมสูงสุด 50,000 บาท กรณีที่ต้องการซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัย แต่กู้คนเดียวไม่ผ่านหรือรายได้ไม่พอ การกู้ร่วมเป็นทางออกหนึ่งของปัญหาที่นิยมเลือกใช้ ทั้งนี้ ก่อนจะกู้ซื้อบ้าน ต้องคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระ ซึ่งตามเกณฑ์คือยอดผ่อนชำระไม่เกิน 40% ของรายได้ และควรมีเงินก้อนเผื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย เช่น ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ ค่าธรรมเนียมการโอน คิดที่ 2% ของราคาประเมิน (ขึ้นอยู่กับว่าผู้ซื้อ หรือผู้ขายจะเป็นผู้ออก หรือแบ่งครึ่งกัน) รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นค่าส่วนกลางกรณีซื้อบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรร หรือค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าตกแต่งบ้านต่างๆ จะต้องวางแผนการเงินให้รอบคอบ เพื่อชีวิตจะได้มีความสุข
ยื่นขออนุญาตก่อสร้างบ้านให้ผ่านก็สร้างบ้านได้

ยื่นขออนุญาตก่อสร้างบ้านให้ผ่านก็สร้างบ้านได้

การจะปลูกสร้างบ้านซักหลัก เราจะต้องยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างตามที่กฏหมายกำหนดซะก่อน ซึ่งขั้นตอนการยื่นเรื่องขออนุญาตก่อสร้างนั้น เจ้าบ้านอาจจะรู้สึกกังวลใจ กลัวว่าจะมีขั้นตอนยุ่งยากสารพัด แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าเรามีการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี มีเอกสารแบบบ้านจากสถาปนิกและวิศวกรครบถ้วน ก็จะช่วยให้ผ่านขั้นตอนการยื่นขออนุญาตไปได้ และไม่มีปัญหาก่อนลงมือสร้างตามมาทีหลัง ซึ่งครั้งนี้เรามีขั้นตอนในการเตรียมตัวเพื่อยื่นขออนุญาตมาให้ทราบกันครับ เตรียมเอกสารให้พร้อม สถาปนิกและวิศวกรจะเป็นผู้เตรียมเอกสารเกี่ยวกับแบบทั้งหมดให้เรา ทั้งแบบก่อสร้าง และรายการคำนวณต่างๆ รวมทั้งเอกสารหลักฐานการประกอบวิชาชีพของผู้ออกแบบ ซึ่งในส่วนของเจ้าบ้านจะต้องเตรียมเอกสารส่วนตัว เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาโฉนดที่ดิน เป็นต้น โดยเราสามารถตรวจรายการเอกสารที่ต้องเตรียมได้ที่ กองควบคุมอาคารสำนักการโยธา หรือ เว็บไซต์ตามแต่ละสำนักงานเขต ยื่นขออนุญาต เมื่อเอกสารพร้อมแล้ว เจ้าบ้านสามารถยื่นขออนุญาตก่อสร้างได้ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาสำนักงานเขต หรือ อบต. ที่รับผิดชอบพื้นที่ที่กำลังจะก่อสร้างบ้าน ซึ่งขั้นตอนนี้จะมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย เช่น ค่าอากรแสตมป์ ค่าเอกสาร เป็นต้น หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นว่าครบถ้วนหรือไม่ แล้วนัดวันเข้าตรวจที่ดิน หากมีการแก้ไขแบบที่ยื่นขอฯ เจ้าจะหน้าที่แจ้งเจ้าบ้านให้ทราบเพื่อให้สถาปนิกนำไปแก้ไขให้ถูกต้อง ระหว่างรอใบอนุญาตก่อสร้าง เจ้าหน้าที่โยธาจะตรวจสอบแบบที่จะก่อสร้างทั้งหมดให้ถูกต้องตามกฏหมายควบคุมอาคาร และดูว่าการออกแบบทั้งหมดสอดคล้องกัน มีข้อมูลทั้งหมดถูกต้องไม่มีส่วนใดขัดแย้งกัน ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 30 วัน แต่ทั้งนี้ระยะเวลาในการตรวจสอบก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่ต้องแก้ไขด้วย ได้ใบอนุญาตก่อสร้าง เมื่อได้รับใบอนุญาตก่อสร้างมาแล้ว เจ้าบ้านควรถ่ายสำเนาแล้วแจกจ่ายให้กับ สถาปนิก วิศวกร และผู้รับเหมาไว้อย่างน้อยคนละหนึ่งชุด เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในการก่อสร้างบ้าน ซึ่งปกติแล้วใบอนุญาตนี้จะมีอายุ 1 ปี นับจากวันอนุมัติที่ระบุในใบอนุญาต โดยเจ้าบ้านจะต้องก่อสร้างบ้านให้เสร็๗ทันเวลาที่กำหนด แต่ถ้าไม่สามารถสร้างเสร็จได้ทันเวลา จะต้องทำการขอต่ออายุเพิ่ม ขั้นตอนการขออนุญาตจริงๆ แล้วไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย และเป็นเรื่องที่เจ้าบ้านทุกคนควรทำ เพื่อเป็นข้อยืนยันว่าบ้านของเรานั้น มีการก่อสร้างที่ถูกต้อง มั่นคง แข็งแรง และสามารถอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัยด้วย แต่ทั้งนี้เจ้าบ้านทุกคนก็ควรจะให้ความใส่ในขั้นตอนการก่อสร้าง และดูแลงานก่อสร้างด้วย เพื่อให้ตรงตามแบบที่ยื่นขออนุญาตไว้ จะไม่ได้มีส่งผลกระทบจนต้องเกิดข้อร้องเรียน หรือทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมาในภายหลัง  
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เราเชื่อว่าหลายๆ คนอยากจะสร้างความมั่นคงในชีวิต หน้าที่การงาน การเงิน รวมถึงมีครอบครัว โดยเฉพาะคนที่ทำงานเก็บเงินมาได้สักระยะหนึ่ง ย่อมอยากที่จะซื้อบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง เพราะหลายๆ คนคิดว่าบ้านคือวิมานของครอบครัว แต่บอกเลยว่าถ้าผ่อนไม่ไหว ก็จะกลายเป็นวิมาร(ผจญ) ทันที วันนี้เราจึงจะมาช่วยแบ่งปันความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการกู้ซื้อบ้าน รวมถึงการจัดสรรเรื่องการเงินเพื่อให้ครอบครัวมีความมั่นคงแข็งแรง มาดูกันดีกว่าครับ ว่าต้องทำยังไงกันบ้าง วางแผนผ่อนบ้านให้มีสุข หลายคนต้องการจะซื้อบ้าน แต่ลืมวางแผนหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ครบถ้วนเสียก่อน ไหนจะเรื่องภาระต่างๆ ที่ต้องรับผิดชอบ รายได้กับรายจ่ายไม่สัมพันธ์กัน อาจจะส่งผลให้มีเงินไม่เพียงพอต่อการผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน ทำให้ภาระหนี้สินเพิ่มมากขึ้น และที่เลวร้ายที่สุดคือ ทำให้บ้านที่เราตั้งใจหาเงินมาทั้งชีวิต อาจจะถูกยึดได้!!! ดังนั้น เราควรจะวางแผนให้รอบคอบ และเตรียมความในด้านต่างๆ ซึ่งเรื่องแรกที่ควรรู้ก็คือ การวางแผนการเงิน จะมีเรื่องอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ   การประเมินและประมาณเงินที่ต้องผ่อน เราควรเก็บเงินออมเตรียมไว้เพื่อเป็นเงินดาวน์ประมาณ 10-15% ของราคาบ้าน จะได้ไม่เป็นภาระหนักเกินไปในการผ่อนแต่ละงวด โดยทั่วไปธนาคารมักจะอนุมัติให้วงเงินผ่นอต่องวดประมาณ 30-40% ของรายได้ของผู้กู้ เข้าใจเรื่องรูปแบบอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อบ้าน โดยทั่วไปธนาคารจะมีอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน 2 รูปแบบ ซึ่งเราควรเลือกให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนของเรา ทั้งแบบคงที่ และแบบลอยตัว หรือส่วนใหญ่ทางธนาคารจะผสมผสานการคิดดอกเบี้ยทั้ง 2 แบบเข้าด้วยกัน ลองเข้าไปดูรายละเอียดเรื่องดอกเบี้ยเกี่ยวกับบ้านได้ที่  ดอกเบี้ย-เกี่ยวกับบ้าน หาสินเชื่อประเภทที่เหมาะกับตัวเอง ปัจจุบันนี้ ทางธนาคารมักมีสินเชื่อให้เลือกหลากหลายประเภท แบ่งแยกไปตามกลุ่มลูกค้า สาขาอาชีพ หรือความต้องการของลูกค้า รวมถึงบริการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อเพื่อการต่อเติมบ้าน หรือตกแต่งบ้าน ซึ่งเราควรวางแผน และทำการเปรียบเทียบข้อมูลสินเชื่อของแต่ละธนาคารให้ดีเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีและเหมาะสมกับเรามากที่สุด ผ่อนบ้านอย่างมีชั้นเชิง แน่นอนว่าใครก็ต้องการจะปลดภาระการผ่อนบ้านให้หมดเร็วๆ และต้องการจะประหยัดดอกเบี้ยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งมีวิธีที่สามารถทำได้ทั้ง การจ่ายเงินต่อเดือนเพิ่ม และการทำการรีไฟแนนซ์บ้าน ก็จะช่วยให้เรามีโอกาสผ่อนดอกเบี้ยได้ถูกลง รวมถึงการโปะเงินก้อนลงไปคราวละมากๆ ก็จะช่วยลดระยะเวลาในการผ่อนบ้านได้ด้วยเช่นกันยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเลือกจ่ายค่าผ่อนบ้านเพิ่มขึ้นอีก 10% ต่อเดือน เราจะมีโอกาสผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้นประมาณ 7 ปีเลยทีเดียว รวมถึงค่าใช้จ่ายของดอกเบี้ยบ้านก็สามารถนำไปลดหย่อยภาษีได้มาถึง 1 แสนบ้านด้วย ถ้าเราวางแผนให้ดีๆ ก็จะช่วยให้เราลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น เป็นการแปรภาษีมาเป็นเงินออม สร้างความมั่นคงและมั่งคั่งได้อีกทาง   วางแผนป้องกันความเสี่ยง แบบมีเงินเหลือใช้ การวางแผน และป้องกันความเสี่ยง ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้ไม่ต้องนำเงินเก็บออกมาใช้หมดในยามฉุกเฉิน และไม่ต้องมีหนี้สินก้อนโดให้เป็นภาระไปถึงคนอื่นๆ ในครอบครัวด้วย ซึ่งวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้ในการกำจัดความเสี่ยงก็คือ การเตรียมเงินฉุกเฉินให้เพียงพอ การทำประกันชีวิต หรือการซื้อกองทุน RMF ไว้เป็นเงินออมยามเกษียณ แถมยังสามารถนำไปลดหย่อยภาษีได้อีกทาง แค่นี้เราก็จะสามารถสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตให้มากขึ้น แม้ว่าจะมีภาระจากการผ่อนบ้านก็ตาม
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ใครๆ ก็อยากมีบ้านในฝันจริงมั้ยครับ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถซื้อบ้านได้ด้วยเงินสดก้อนโต กว่าจะรอเก็บเล็กผสมน้อยให้ได้จำนวนเงินก้อนใหญ่ ราคาบ้านก็พุ่งสูงจนเกินเอื้อมอีกแล้ว ดังนั้นการกู้สินเชื่อเผื่อซื้อบ้านจึงเป็นทางเลือกที่จะทำให้ฝันของเราเป็นจริงได้มากที่สุดใช่มั้ยล่ะครับ แต่หลายคนก็ยังกังวลว่าจะกู้ไม่ผ่าน เราจึงมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่จะมาช่วยให้คุณยื่นขอกู้สินเชื่อแล้วมีโอกาสผ่านเกณฑ์มากขึ้น เลือกจ่ายเงินดาวน์ก้อนใหญ่ โดยปกติจำนวนเงินดาวน์มักจะคิดเป็น 20% ของราคาบ้าน ดังนั้นธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้เราอีกประมาณ 80% ดังนั้นถ้าหากว่าเรามีแนวโน้มไม่สามารถผ่านเกณฑ์การพิจารณาเนื่องจาก รายได้น้อยกว่าความสามารถในการผ่อนชำระ ทางออกที่จะสามารถช่วยเราได้ก็คือ การจ่ายเงินดาวน์ในจำนวนที่มากขึ้น เช่น เพิ่มเป็น 30% หรือ 40% ของราคาบ้าน ทำให้ค่างวดในการผ่อนชำระแต่ละเดือนลดลง แค่นี้โอกาสที่จะกู้ผ่านก็มากขึ้นแล้วครับ หาผู้กู้ร่วม ทางออกที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการผ่อน ถ้าหากมีเงินเก็บไม่มากพอที่จะจ่ายเงินดาวน์ก้อนโต ดังนั้นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการดาวน์น้อยผ่อนสบาย ก็คือ หาผู้กู้ร่วม โดยที่ผู้กู้ร่วมจะต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง คู่สมรส หรือแม้แต่ลูกก็ได้ เพราะอย่างไรแล้ว เมื่อรวมรายได้ของผู้กู้ร่วม ก็จะทำให้ความสามารถในการผ่อนชำระเพิ่มมากกว่าการเลือกผ่อนคนเดียวจริงมั้ยครับ แต่ทั้งนี้คนทั้งคู่ก็ต้องไม่มีภาระผ่อนชำระอื่นๆ ค้างอยู่นะครับ ไม่อย่างนั้นทางธนาคารก็จะมองว่า ความสามารถในการชำระหนี้ของคุณน้อยลง เลือกขนาดบ้านให้เล็กลง หากบ้านในฝันมีราคาที่สูงจนเกินไป และไม่สามารถใช้ทางออกในข้อข้างต้นได้ การเลือกบ้านที่มีขนาดเล็กลง หรือเลือกบ้านที่มีราคาลดลงกว่าที่ฝันไว้ ก็พอจะทำให้ชีวิตเราสบายมาขึ้น ไม่ต้องสร้างภาระหนี้ก้อนใหญ่เกินตัว รวมถึงไม่ต้องรบกวนคนอื่นให้มากู้ร่วมด้วยนะครับ นอกจากเรื่องการกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านแล้ว อย่าลืมเตรียมเงินไว้สำหรับ ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่ามัดจำมิเตอร์น้ำและไฟฟ้า ค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายล่วงหน้าตามที่โครงการกำหนด รวมถึงค่าตกแต่งบ้านอีก และที่สำคัญก็คือ การกันเงินสำรองไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินอีกก้อนด้วยนะครับ ถึงเวลาจำเป็นขึ้นมาจะได้ไม่เดือดร้อนมากจนเกินไป... การมีบ้านในฝันเป็นเรื่องดี แต่ก็อย่าให้เป็นภาระหนักจนต้องเป็นทุกข์นะครับ
ไอเดียแต่งบ้าน ด้วยฉากกั้นห้อง ผนังไม่ต้องก็ได้

ไอเดียแต่งบ้าน ด้วยฉากกั้นห้อง ผนังไม่ต้องก็ได้

ปกติแล้ว เรามักคิดถึงกำแพง หรือผนังห้องเป็นสิ่งแรกในการแบ่งพื้นที่ห้อง พื้นที่ว่าง หรืออาณาเขตใช้สอย ที่แตกต่างกันในการตกแต่งบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่บางครั้งก็ไม่จำเป็นเสมอไปค่ะ แม้กำแพงจะให้ความรู้สึกมั่นคงและแบ่งแยกพื้นที่ได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งนี้แลกมาด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือปรับเปลี่ยนยาก เหนือสิ่งอื่นใดคือความรู้สึกคับแคบมากเกินจำเป็นหากใช้กำแพงมากเกินไป เพราะเหตุนี้เราอาจต้องพิจารณาสิ่งอื่นๆ ทดแทนกำแพงอันใหญ่โตเทอะทะน่าอึดอัด นั่นคือฉากกั้นห้อง ผ้าม่าน ชั้นวางของ ฯลฯ ตู้หนังสือหรือชั้นวางของน่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆที่หลายคนนึกถึง อาจเป็นชั้นไม้เบาๆที่ใช้วางแจกันหรือของประดับอื่นๆด้วย บางครั้งคุณอาจใช้โต๊ะเตี้ยตั้งไว้ระหว่างพื้นที่โดยไม่ต้องให้ยาวจากผนังจรดผนังแต่ให้เว้นช่องว่างไว้ทั้งสองฝั่งเพื่อความโปร่งแล้วกั้นฉากเบาขึ้นมา เพื่อประดับงานศิลปะสำหรับกั้นสายตาก็เพียงพอค่ะ กรอบหน้าต่าง ประตูขนาดใหญ่ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นำมาติดตั้งได้ไม่ยาก นอกนั้นแล้วก็เป็นงานระแนงไม้ โครงเหล็กเบาๆ หรือกระจกสี สิ่งเหล่านี้สร้างขอบเขตเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ยังมองเห็นกันได้ในขณะที่ไม่เสียความเป็นส่วนตัวไป บังตาก็เป็นตัวกั้นพื้นที่ซึ่งราคาถูกเคลื่อนย้ายปรับเปลี่ยนง่ายในทุกสถานการณ์ ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  www.forfur.com
22 ไอเดียแต่งห้องนอนโทนสีเบจ เติมเต็มความอบอุ่น

22 ไอเดียแต่งห้องนอนโทนสีเบจ เติมเต็มความอบอุ่น

สิ่งที่เราคาดหวังจากห้องนอน ก็คือบรรยากาศของการพักผ่อน ที่จะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และ สามารถเติมพลังชีวิตได้อย่างเต็มที่ หนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อบรรยากาศของห้องนอนก็คือ การเลือกโทนสีตกแต่งภายใน เพราะสีนั้นมีอิทธิพลกับอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ หากเลือกโทนสีที่ไม่ใช่สำหรับเรา ก็อาจจะทำให้ความสุขหายไปเลยก็เป็นได้ หากใครกำลังมองหาไอเดียแต่งห้องนอนอยู่ล่ะก็ ลองมาชมไอเดียที่เรานำมาฝากกันคราวนี้ครับ โดยจะเป็น ไอเดียแต่งห้องนอนโทนสีเบจ ซึ่งเป็นโทนสีที่ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่น เหมาะสำหรับการแต่งบ้านในสไตล์มินิมอล วินเทจ หรือ เรโทร มองดูแล้วเพลินตามากๆเลยล่ะครับ ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  www.naibann.com
แบบบ้านสองชั้นดีไซน์สวย พร้อมสวนสไตล์โมเดิร์น

แบบบ้านสองชั้นดีไซน์สวย พร้อมสวนสไตล์โมเดิร์น

ในทุกๆเรื่อง หากจัดสรรทุกสิ่งทุกอย่างให้เข้ากับตัวเอง เหมาะสมกับสถานะของตัวเอง จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ ในที่นี้หมายถึงสิ่งที่สามารถจัดสรรได้นะคะ อย่างเช่น บ้านของตัวเราเอง ก่อนที่จะสร้างหรือตกแต่ง เจ้าของบ้านย่อมรู้สถานะของตนเอง ว่าชอบหรือไม่ชอบแบบไหน ห้องไหนที่ใช้มากที่สุด แค่ไหนถึงจะพอดีกับครอบครัว เมื่อตอบโจทย์ได้ทีละข้อ การสร้างบ้านให้เข้ากับตัวเองจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น สวนก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่จะจัดสวน นอกจากอยากได้ความสดชื่นสวยงามแล้ว ต้องถามตัวเองก่อนด้วยว่า สามารถดูแลสวนได้แค่ไหน การจัดสวนเท่าที่สามารถดูแลไหว จะทำให้เราไม่เหนื่อยและไม่เป็นกังวลกับมัน ได้รับความผ่อนคลายอย่างเต็มที่     บ้านสองชั้นออกแบบสวย เข้ากับยุคปัจจุบัน สร้างอยู่บนที่ดิน 250 ตารางวา บริเวณบ้านรอบบ้านจึงสร้างความปลอดโปร่งให้กับผู้อยู่อาศัย ตัวบ้านปูนทาสีขาว มีพื้นที่ใช้สอยถึง 650 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ  ประตู หน้าต่าง ผนังกระจก ทำหน้าที่รับแสงจากภายนอก และสะท้อนแสงสว่างจากภายในได้เป็นอย่างดี ในเวลาที่เปิดไฟในบ้านจึงเพิ่มความงดงามขึ้นได้มาก การตกแต่งภายในสไตล์โมเดิร์น สะดวกสบายและโล่งสบาย สวนของบ้านเน้นการตกแต่งที่เรียบง่าย ปลูกต้นไม้ตามริมกำแพงพอให้ความสดชื่นสบายตา และเมื่อโตขึ้นจะให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดี พื้นสนามหญ้าสีเขียวตัดแต่งเรียบร้อยทั้งด้านหน้าและด้านข้าง สวนด้านข้างแบ่งเป็นสี่เหลี่ยมสามชั้น ชั้นนอกสุด โรยหินแซมด้วยไม้พุ่มเตี้ยเล็กๆในบางจุด ชั้นที่สองเป็นหญ้าสีเขียวนุ่มสบายเท้า ส่วนชั้นในสุดตรงกลางปูต้นไม้หนึ่งต้นโรยด้วยหิน สวนแบบเรียบง่ายแลดูมีมิติ และสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้อยู่อาศัยได้ในทุกๆวัน   ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  www.banidea.com
วิธีการกำจัดตะขาบ และวิธีไล่ตะขาบ ออกจากบ้านสุดง่าย ได้ผลดีมาก!!

วิธีการกำจัดตะขาบ และวิธีไล่ตะขาบ ออกจากบ้านสุดง่าย ได้ผลดีมาก!!

บ้านของเรา คือสถานที่ที่ปลอดภัย อยู่แล้วอบอุ่น เป็นที่พักพิงที่แสนสุขใจ แต่เมื่อมีแขกไม่ได้รับเชิญ แอบเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของเราหล่ะ!! แน่นอนว่าเราก็ต้องมีการไล่กันบ้างหล่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีกำจัดตะขาบกันค่ะ เจ้าสัตว์หลายขามีพิษชนิดนี้ มักจะเข้ามาหลบอยู่ตามพื้นบ้านของเรา ยิ่งในห้องน้ำด้วยแล้วจะเจอบ่อยมากๆ บางทีเอาไม่ทันได้ดู เผลอไปเหยียบเข้าแล้วหล่ะก็ จะต้องได้เข้าโรงพยาบาลกันให้วุ่น เมื่อเราเจอตะขาบในบ้าน เราจะมี วิธีไล่ตะขาบ อย่างไร ถึงจะปลอดภัยและได้ผล เรามีหลายวิธีเตรียมไว้มอบให้คุณได้นำไปใช้กันแล้ว เพื่อสร้างความปลอดภัยต่อชีวิตของคนในครอบครัวมากยิ่งขึ้น   ในช่วงฤดูฝนของทุกปี สัตว์มีพิษหรือแมลงต่างๆ มักจะหนีน้ำเข้ามาหลบอยู่ในบ้านของเรา แต่นั่นแหล่ะที่ทำให้เจ้าของบ้านอย่างเราเดือดร้อน ต้องมาคอยระแวงระวังว่าจะถูกสัตว์มีพิษทำร้ายถึงในบ้าน ยิ่งบ้านใครที่อยู่ใกล้ป่าด้วยแล้ว ควรใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะต้องเฝ้าระวังไล่งูที่มักจะเข้ามาในบ้านของเรา ส่วนตะขาบนั้นก็อันตรายไม่แพ้งูเลยนะ เพราะเป็นสัตว์มีพิษเหมือนกัน และยังสร้างความน่าขนลุกให้เราเป็นอย่างมาก ที่บ้านแอดมินเคยเจอตะขาบตัวสีดำเหมือนในรูปเลยหล่ะ มันวิ่งเร็วมาก กลัวมันวิ่งมาไต่ขึ้นขาของเรามากๆ ฉะนั้นเราต้องมี วิธีกำจัดตะขาบที่ใช้แล้วได้ผลเตรียมไว้บ้างหล่ะ เจอตะขาบเมื่อไหร่เราจะได้จัดการได้ทันที   รวมวิธีกำจัดตะขาบที่หลากหลายสำหรับคุณ ใช้ผงกำจัดปลวกก็กำจัดตะขาบได้เช่นกัน ให้คุณไปหาซื้อผงกำจัดปลวกยี่ห้อใดก็ได้ เอามาโรยรอบๆ ตัวบ้าน หรือบริเวณข้างรั้วบ้านของคุณ ซากตะขาบที่โดนฤทธิ์ของผงกำจัดปลวกก็จะนอนกองเต็มพื้นเลยหล่ะ คุณก็แค่เก็บกวาดเอาไปทิ้งเท่านั้นเอง แต่การใช้ตัวยาต้องระวังหากที่บ้านมีเด็กเล็ก หรือสัตว์เลี้ยงด้วยนะคะ อาจจะได้รับอันตรายจากสารพิษได้ ใช้โซดาไฟกำจัดตะขาบ บ่อยครั้งที่เรามักจะพบว่าตะขาบได้ขึ้นมาจากท่อระบายน้ำบริเวณบ้าน หรือในห้องน้ำ ให้เราจัดการด้วยโซดาไฟ โดยให้เอาโซดาไฟมาผสมกับน้ำ ราดลงไปตามท่อระบายน้ำที่บ้านของคุณได้เลย ฤทธิ์กัดกร่อน และความร้อนสูงของโซดาไฟ จะช่วยให้แมลงต่างๆ ไม่เข้ามาใกล้เลยหล่ะ เห็นมั๊ยว่านอกจากโซดาไฟจะใช้แก้ปัญหาท่อตันได้แล้ว ยังใช้ไล่ตะขาบได้อีกด้วย กำจัดตะขาบ ด้วยสารกำจัดแมลง Stargle G สารกำจัดแมลงชนิดนี้ค่อนข้างปลอดภัย เกษตรกรต่างประเทศนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยจะใช้โดยตามโคนต้นผลไม้ต่างๆ เพื่อป้องกันและกำจัดแมลง ถ้าเราเอามาโรยบริเวณรอบๆ บ้าน จะช่วยกำจัดตะขาบ และแมลงอีกหลายๆ ชนิดได้อย่างหมดจด และค่อนข้างได้ผล Stargle G สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์และเคมีทางการเกษตรทั่วไป ซื้อ Tick Tox Powder มาโรยกำจัดตะขาบ Tick Tox Powder เป็นผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บหมัด ให้กับสุนัข แมว กระต่าย หรือหนูที่เราเลี้ยง แต่เราสามารถนำมาใช้ในการกำจัดตะขาบได้อีกด้วยนะคะ โดยให้คุณเอามาโรยรอบๆ ตัวบ้านของเราได้เลย ช่วยกำจัดตะขาบได้ทั้งตัวเล็ก และตัวโตเลยหล่ะ ลักษณะเป็นขวดพลาสติกสีขาวฝาเขียว ขวดละประมาณ 35 บาทเองค่ะ ใช้ยากำจัดตะขาบของ DAISO ที่ร้าน DAISO จะมียากำจัดตะขาบขายอยู่ เป็นซองสีเขียวมีรูปตะขาบน่ารักๆ ติดอยู่ ราคาไม่แพงแน่นอน  มีลักษณะเป็นก้อนๆ เมื่อได้มาแล้วให้เอาไปวางไว้ตามจุดที่พบตะขาบบ่อยๆ ตามพุ่มไว้เล็กๆ ใกล้ตัวบ้าน แถวท่อระบายน้ำ กระถางต้นไม้  ควรเอาวางไว้ให้ห่างจากอาหาร และควรให้เด็ก หรือสัตว์เลี้ยงอยู่ห่างจากยากำจัดตะขาบเพื่อความปลอดภัย โรยพื้นดินด้วยปูนขาว เอาปูนขาวมาโรยไว้ตามพื้นดินที่มีความชื้น เพราะตะขาบ กิ้งกือ มักจะมาอาศัยอยู่บริเวณนั้น ที่บ้านแอดมินก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ตะขาบมักจะซ่อนตัวอยู่ในดินอ่อนๆ ที่มีความชื้น หรือตามกองใบไม้ที่ทับถม ให้คุณเอาปูนขาวมาโรยให้ทั่ว แล้วประชากรตะขาบจะลดลง บางส่วนก็จะอพยพหนีไปอยู่ที่อื่น พ่นด้วยน้ำส้มควันไม้ช่วยไล่ตะขาบ ไปซื้อน้ำส้มควันไม้ที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ทางการเกษตร นำมาผสมน้ำตามอัตราส่วน แล้วเอาไปพ่นบริเวณข้างรั้วบ้าน หรือตามขอบฟุตบาทของบ้าน เพื่อไล่ตะขาบออกไป แต่อย่าให้กระเด็นโดนตัวนะ เพราะน้ำส้มควันไม้ค่อนข้างมีความเป็นกรดสูง กำจักตะขาบโดยเศษสบู่วางไว้ที่ท่อระบายน้ำ เศษสบู่ก้อนเล็กๆ อย่าเพิ่งทิ้ง ให้เอาไปแปะไว้ตรงขอบของท่อระบายน้ำในห้องน้ำ หรือหากมีตะแกรงปิดฝาท่อ ให้เอาสบู่แปะไว้ได้เลย แต่อย่าลืมเว้นช่องให้น้ำไหลลงไปได้ด้วยหล่ะ เมื่อตะขาบหรือแมลงที่จะขึ้นมาตามท่อน้ำ ได้มาเจอฤทธิ์ของสบู่ ก็จะไม่กล้าเข้ามาใกล้เลยหล่ะ วิธีกำจัดตะขาบ แบบธรรมชาติ เลี้ยงไก่ให้ช่วยกำจัดตะขาบ คุณเคยเป็นไก่ชอบคุ้ยเขี่ยตามพื้นดินที่หาแมลงกินมั๊ยค่ะ นั่นแหล่ะคือสิ่งที่เราจะทำ โดยเลี้ยงไก่ไว้ที่บ้าน อาจจะเป็นไก่แก้ตัวเล็กๆ ก็ได้ค่ะ เอาไว้ประดับสวนที่บ้านด้วย ไก่จะจัดการกับตะขาบทันทีเมื่อพบเจอ แต่ต้องระวังหากคุณปลูกต้นกล้า หรือผักต่างๆ ไว้ที่บ้าน เพราะไก่จะไปคุ้ยกินจนพืชผักเสียหาย ทำความสะอาดบริเวณบ้าน วันหยุดควรจะสละเวลาทำความสะอาดพื้นที่บริเวณบ้านกันหน่อย หญ้าที่ขึ้นสูงก็ตัดให้สั้นลง ใบไม้ที่ทับถมก็ทำการกำจัดโดยการเผา หรือนำไปบดทำปุ๋ยหมัก อิฐบล็อค หรือแผ่นกระเบื้องที่วางไว้ตามพื้นให้เก็บไว้อย่างเรียบร้อย กองไม้ กองหนังสือต่างๆ ควรเก็บไว้ที่สถานที่ ที่มีแสงแดดลอดถึง เพราะตะขาบ แมงป่อง หรือสัตว์มีพิษต่างๆ มักไม่ค่อยชอบแสงแดดเท่าไหร่นัก   ถ้าที่บ้านของคุณก็มีตะขาบเยอะเหมือนกัน อย่านิ่งนอนใจ เพราะเป็นอันตรายต่อคนในบ้านเป็นอย่างมาก ลองเลือกเอา วิธีกำจัดตะขาบ ตามแบบที่คุณสะดวกแล้วนำไปใช้กันได้เลยนะคะ ขอให้ปลอดภัยกันทุกบ้าน ปลอดตะขาบกันทุกครอบครัวจ้า รู้จักอันตรายของตะขาบ ตะขาบ บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง กำจัดปลวก ด้วยวิธีธรรมชาติ วิธีกำจัดมด ด้วยของใกล้ตัว วิธีไล่หนูบนเพดานบ้าน
4 ปัจจัย ผ่อนบ้านให้สบายกระเป๋า

4 ปัจจัย ผ่อนบ้านให้สบายกระเป๋า

4 ปัจจัย ผ่อนบ้านให้สบายกระเป๋า เงินดาวน์มีเท่าไรตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดให้ผู้ที่จะซื้อบ้านต้องมีเงินดาวน์ไม่น้อยกว่า 10% ของราคาบ้าน ดังนั้น หากจะซื้อบ้านราคาสัก 3 ล้านบาท ต้องมีเงินเก็บเพื่อเป็นเงินดาวน์อย่างน้อย 3 แสนบาท การเก็บออมเงินดาวน์อาจจะเก็บออมในรูปของกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อให้มีสภาพคล่องและมีผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป   ยอดผ่อนชำระต่อเดือนปกติแล้วภาระการผ่อนรายเดือนที่ไม่หนักจนเกินไป หรือไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ก่อนภาษี หากรายได้คนเดียวผ่อนไม่ไหว สามารถกู้ร่วมได้ ทั้งนี้ ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด หรือเป็นสามีภรรยา ปกติทั่วไป หากขอสินเชื่อ จำนวน 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 7% ต่อปี จะมียอดผ่อนชำระประมาณ 8,000 บาทต่อเดือน จึงควรลองพิจารณาปัจจัยดังที่ได้กล่าวในเบื้องต้นว่า จะผ่อนบ้านอย่างไรให้สบายกระเป๋ากัน   ระยะเวลาในการผ่อนชำระปกติจะผ่อนสูงสุดไม่เกิน 30 ปี และเมื่อรวมกับอายุของผู้กู้แล้ว ต้องไม่เกิน 60-65 ปี (ช่วงอายุเกษียณ) ระยะเวลาผ่อนสั้นยอดผ่อนชำระรายเดือนจะมากกว่าระยะเวลาผ่อนยาว หากมีความสามารถในการผ่อนสูงสามารถเลือกผ่อนสั้นได้เพื่อให้หมดภาระได้เร็วและประหยัดค่าดอกเบี้ยจ่าย   รูปแบบอัตราดอกเบี้ยสถาบันการเงินมักมีทางเลือกให้กับผู้ขอสินเชื่อ ดังนั้นควรเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และควรเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง   นอกจากนี้ อย่าลืมพิจารณาเรื่องการวางแผนภาษี เนื่องจากสิทธิสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านสามารถนำดอกเบี้ยจ่ายมาลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เป็นการบรรเทาค่าใช้จ่ายทางภาษีได้อีกทางหนึ่ง (เพิ่มเงินในกระเป๋ามากขึ้น) ซึ่งชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านหรือคอนโดฯ ก็เป็นเรื่องสำคัญในการวางแผนภาษีด้วย ที่มา : http://k-expert.askkbank.com/
10 บ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ สวยสงบแบบสมถะ

10 บ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ สวยสงบแบบสมถะ

แบบบ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ ตั้งอยู่กลางธรรมชาติ แต่ละหลังโดดเด่นไปด้วยความเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น สำหรับคนอยากใช้ชีวิตสมถะ อยากมีบ้านหลังเล็ก ๆ สักหลังอยู่บนที่ดินผืนเล็ก แต่ยังคิดไอเดียไม่ออกว่าสร้างบ้านแบบไหนดี วันนี้เรามีไอเดีย แบบบ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ ที่เว็บไซต์ housebeautiful.com รวบรวมเอาไว้มาให้ชมกัน แม้จะมีพื้นที่ไม่มากนัก แต่การออกแบบและการตกแต่งก็โดนใจคนงบน้อยไปแบบเต็ม ๆ ใครว่าบ้านเล็กจะสวยไม่ได้คงต้องคิดใหม่แล้วล่ะ   1. บ้านทรงตู้คอนเทนเนอร์ สร้างจากไม้รีไซเคิล บ้านหลังเล็กขนาด 15 ตารางเมตร เป็นบ้านที่สร้างขึ้นสำหรับพักอาศัยของ เมซีย์ มิลเลอร์ นักออกแบบวัย 27 ปี กับเจมส์ คนรักของเธอ และลูกสาวชื่อ ฮาเซล พร้อมด้วย เดนเวอร์ สุนัขเกรทเดน อีก 1 ตัว ซึ่ง เมซีย์ เป็นคนออกแบบบ้านหลังนี้ด้วยตัวเอง และได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวและเพื่อน ๆ ที่ช่วยกันทำให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา บนฐานโครงเหล็กความยาวประมาณ 7.3 เมตร ส่วนหลังคากับผนังก็ทำมาจากไม้พาเลทรีไซเคิล พร้อมทั้งซ่อนตู้เก็บของไว้ใต้ที่นอน และชั้นวางแบบลอยตัว เพื่อทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ใช้เงินไปประมาณ 11,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.6 แสนบาท 2. บ้านไม้สไตล์คอจเทจบรรยากาศสงบ สำหรับบ้านไม้หลังเล็ก ๆ สไตล์คอจเทจหลังนี้ มีพื้นที่ใช้สอย 36 ตารางเมตร ที่ดูเหมือนเคบินตากอากาศในวันที่ต้องการความสงบ โดยเฉพาะหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ทำให้บรรยากาศข้างในดูปลอดโปร่ง ส่วนห้องนอนและห้องน้ำก็เป็นส่วนตัวมาก ๆ และเมื่อเปิดประตูบานใหญ่ออกมา ก็ยังช่วยขยายห้องนั่งเล่นกับห้องกินข้าวให้กว้างขวางกว่าที่เป็นด้วย 3. บ้านจิ๋วทรงสามเหลี่ยม เปิดด้านข้างให้กว้างขึ้นได้ ความน่าสนใจของบ้านหลังนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่รูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งใช้เงินในการก่อสร้างเพียง 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 39,000 บาทเท่านั้น แต่วัสดุที่นำมาใช้ก็มีน้ำหนักเบาทำให้สามารถยกพื้นและขยายพื้นที่จาก 7 เป็น 10 ตารางเมตรได้สบาย ๆ ในขณะที่ภายในก็มีเตียงนอน ตู้เก็บของ ห้องครัว อ่างล้างจาน และตู้เย็นให้ครบ ในขณะที่ด้านข้างยังเปิดเพื่อรับลมและขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้นได้ด้วย 4. บ้านไม้ยกพื้นดีไซน์โมเดิร์น บ้านหลังนี้มีพื้นที่ใช้สอย 31 ตารางเมตร จาก Alchemy Architects ถูกสร้างขึ้นในปี 2546 โดยตกแต่งด้วยหน้าต่างแทนผนังทั้งด้านหน้าและด้านหลังของตัวบ้าน ก็เลยทำให้แสงส่องเข้าสู่ภายในได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งยิ่งดูทันสมัยและสมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วยวิวต้นสน กับเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินสไตล์โมเดิร์น 5. บ้านโมเดิร์นยกพื้น ตั้งอยู่บนโขดหิน         สตูดิโอไม้สวย ๆ กลางป่าในแชปปากัว นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีความน่าสนใจตรงที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ระหว่างก้อนหินขนาดใหญ่ 2 ก้อน โครงสร้างบ้านตกแต่งด้วยไม้วอลนัทกับการออกแบบสไตล์ Mid-Century Modern เพื่อให้กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม อีกทั้งการตกแต่งผนังด้วย 2 วัสดุอย่างไม้และกระจก ก็ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว พร้อมทั้งสามารถชมวิวได้ไปพร้อม ๆ กันด้วย 6. บ้านไม้วินเทจแสนสงบ เป็นมิตรกับธรรมชาติ          หนึ่งใน 14 บ้านหลังน้อยที่ใช้เป็นที่พักสำหรับการท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์ในแมรี่แลนด์ โดยบนพื้นที่ใช้สอยประมาณ 23 ตารางเมตร ตกแต่งด้วยวัสดุรีไซเคิลและไม้ทั้งภายนอก-ภายใน พร้อมกันนี้ยังมีทั้งมุมนั่งเล่น เตียงนอนขนาดใหญ่ ห้องน้ำ และห้องครัวที่สามารถชมวิวได้ด้วยในตัว กลางบรรยากาศเงียบสงบในป่า 7. อดีตบ้านเคลื่อนที่ขอปักหลักอย่างสงบ          บ้านหลังเล็กบรรยากาศอบอุ่น ของคู่รัก กับสุนัขอีก 1 ตัว ที่สร้างขึ้นบนหางลากขนาด 6 เมตร มีระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร บนผนังก็มีหน้าต่างถึง 10 จุด และทุกจุดเป็นกระจกที่สามารถเปิด-ปิดได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยนำแสงสว่างเข้ามาแล้ว ยังเชื่อมต่อระหว่างภายในกับภายนอกเข้าหากันด้วย ซึ่งการก่อสร้างทั้งหมดก็ใช้เงินไปราว ๆ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.8 แสนบาท 8. บ้านสำเร็จรูปยกพื้น สร้างจากวัสดุรีไซเคิล          บ้านหลังน้อยทรงเดียวกับโรงเก็บข้าวโพดที่ออกแบบโดย Broadhurst Architects บนพื้นที่ใช้สอย 23 ตารางเมตร มีทั้งห้องนอนใต้หลังคา ผนังครัวพับเก็บได้ ห้องน้ำ และห้องนั่งเล่น นอกจากนี้ประตูที่เปิดสู่โต๊ะหน้าบ้านก็เป็นสื่อกลางที่เชื่อมต่อระหว่างภายในกับภายนอกได้เป็นอย่างดี แถมยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะใช้วัสดุรีไซเคิลที่มีความทนทาน ทั้งยังสามารถเคลื่อนย้ายบ้านทั้งหลังได้อีกด้วย 9. บ้านอารมณ์ทะเล๊ ทะเล รับมือเฮอร์ริเคนได้          บ้านเล็กสไตล์คอจเทจใกล้กับชายหาดในฟลอริดา บนเซนต์จอร์จ ไอส์แลนด์ ถูกตั้งชื่อให้ดูน่ารัก ๆ ว่า “Our Little Secret" และเป็นบ้านที่เจ้าของออกแบบเองทั้งหมด ตั้งแต่โครงสร้างไปถึงการตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน แถมยังมีความยืดหยุ่นสูงเตรียมพร้อมรับมือเวลาเกิดพายุเฮอร์ริเคนด้วย ส่วนภายในก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะมีห้องนอนที่สามารถรองรับได้มากถึง 4 คน อีกทั้งยังขยายห้องนั่งเล่นให้กว้างขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับการพักผ่อนมากขึ้นได้ด้วย 10. บ้านชั้นเดียวแต่มีห้องใต้หลังคาชิล ๆ          บ้านหลังเล็กขนาด 37 ตารางเมตร กับการตกแต่งที่ทำให้ผู้อาศัยรู้สึกผ่อนคลายเมื่อถึงบ้าน ไม่ว่าจะเป็นแสงนุ่มนวลสบายตา บรรยากาศอบอุ่นที่มาจากไม้ซีดาร์กับวิวสวย ๆ ของต้นไม้รอบด้าน บวกกับการออกแบบสุดเจ๋งจาก David Vandervort โดยมีห้องต่าง ๆ แบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องครัว ห้องกินข้าว ห้องน้ำ และห้องนอนใต้หลังคา เห็นบ้านชั้นเดียวหลังเล็กที่น่าอยู่แบบนี้แล้ว ใครอยากสร้างบ้านชั้นเดียวก็อย่าลืมเก็บไปใช้เป็นแรงบันดาลใจกันนะจ๊ะ ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  home.kapook.com
9 จุดต้องตรวจก่อนรับโอนบ้าน

9 จุดต้องตรวจก่อนรับโอนบ้าน

9 จุดต้องตรวจ ก่อนรับโอนบ้าน ใกล้จะเป็นเจ้าของบ้านเต็มทีแล้ว อยากจะอยู่บ้านใหม่เต็มแก่ แต่ก่อนรับโอนบ้าน ต้องอย่าลืมว่าควรตรวจสอบบ้านให้ดีก่อน เพื่อไม่ให้มีปัญหา และไม่ต้องปวดหัวหลังจากเข้าไปอยู่ สำหรับการตรวจสอบบ้าน แนะนำให้ตรวจสอบในทุกๆ จุด ทุกพื้นที่ โดยตรวจสอบทั้งภายนอกและภายในบ้าน ดังนี้ ภายนอก - สีทาอาคารบ้าน เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด ดังนั้น สีที่ทาต้องมีความสม่ำเสมอ ไม่มีรอยด่าง สีไม่ลอกหลุดล่อนหรือปูดโปนง่าย - หลังคา ต้องมีสภาพดี สีไม่เก่า แนะนำให้ฉีดน้ำขึ้นหลังคาเพื่อดูว่ามีรอยรั่ว หรือมีแสงลอดผ่านลงมาหรือไม่ ภายใน - ฝ้าเพดาน เป็นสิ่งที่อยู่ส่วนบน แนะนำให้สังเกตดูให้ทั่วทุกห้อง โดยจะต้องได้ระดับเสมอกันตลอดห้อง ไม่เป็นริ้วคลื่น ที่สำคัญต้องดูว่ามีร่องรอยน้ำที่รั่วจากหลังคาหรือไม่ - ผนัง ดูว่ามีรอยแตกลายงาหรือไม่ ซึ่งอาจเกิดจากการแยกตัวของปูนฉาบที่แห้งไม่สม่ำเสมอกัน สามารถให้ช่างมาแก้ไขโดยการโป๊วสี หรือการสกัดปูนฉาบหน้าออกและฉาบทับ ใหม่ รวมถึงสีที่ทาต้องสม่ำเสมอกัน - ประตูหน้าต่าง ดูความเรียบร้อยของอุปกรณ์และบาน ทดลองเปิด-ปิด ว่ามีเสียงรบกวนหรือเกิดการติดขัดหรือไม่ กลอนประตูหน้าต่างต้องสามารถใช้ได้ดี ตำแหน่งของรูกลอนต้อง พอดีกับกลอน ไม่หลวมจนล็อคไม่อยู่ หรือฝืดจนไม่สามารถล็อคได้ - ระบบไฟฟ้า แนะนำให้เปิดไฟทุกดวงในบ้าน ว่าไฟติดทุกดวงหรือไม่ รวมถึงปุ่มเปิดปิดไฟมีปัญหาติดขัดไหม นอกจากนี้ แนะนำให้ทดลองใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อดูว่าปลั๊กไฟมีกระแสไฟ เข้าเรียบร้อยดีทุกจุด - ระบบน้ำ ทดลองเปิดก๊อกน้ำทุกก๊อก ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้า อ่างล้างจาน รวมถึงดูทางเดินน้ำทิ้งว่าน้ำสามารถไหลได้สะดวกหรือไม่ หากมีน้ำขังแสดงว่าท่ออาจอุดตันหรือท่อเล็กเกินไป - มิเตอร์น้ำ-ไฟ ในกรณีที่ปิดไฟทุกดวง ปิดสวิทช์ไฟ และปิดก๊อกน้ำทุกจุด หากมิเตอร์ยังหมุนอยู่ อาจเกิดจากท่อน้ำรั่ว หรือกระแสไฟฟ้ารั่ว - พื้น ต้องเรียบเสมอกัน ไม่แอ่น โก่งตัว หรือยุบ นอกจากนี้หากเป็นพื้นที่ใช้สำหรับการซักล้าง ต้องดูว่ามีความลาดเอียงเพียงพอให้น้ำสามารถระบายได้สะดวก มีน้ำไม่ระบาย หรือเป็น แอ่งขังอยู่หรือไม่ หากทำการตรวจสอบและให้ช่างมาแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถรับโอนบ้านได้อย่างสบายใจ แต่หากตรวจบ้านแล้ว ผู้ขายไม่มาทำการแก้ไขให้ หรือทำการแก้ไขให้ล่าช้าทำให้เราเสียสิทธิในการเข้าอยู่อาศัยบ้าน ผู้ซื้อสามารถปรับผู้ขายเป็นรายวันในอัตราไม่ต่ำกว่า 0.01% ของราคาที่ดินพร้อมบ้าน แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 10% ของราคาที่ดินพร้อมบ้าน โดยต้องดูในสัญญาว่ามีเงื่อนไขข้อนี้ระบุด้วยหรือไม่ เช่น มูลค่าบ้านพร้อมที่ดิน 1 ล้านบาท สามารถปรับได้วันละ 100 บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท ดังนั้น นอกเหนือจากการตรวจสอบก่อนรับโอนบ้านแล้ว อย่าลืมอ่านสัญญาให้ดีๆ ก่อนด้วยครับ  
3 คำถามฮิตก่อนคิดจะซื้อบ้าน

3 คำถามฮิตก่อนคิดจะซื้อบ้าน

3 คำถามฮิตที่คิดจะซื้อบ้าน “รายได้และภาระหนี้ในปัจจุบัน เป็นปัจจัยหลักที่ธนาคารใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อบ้าน” “อยากกู้ซื้อบ้านต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง” เชื่อว่าคำถามนี้คงเกิดขึ้นในใจของผู้ที่อยากเป็นเจ้าของบ้าน เพราะเมื่อคิดจะซื้อบ้านและต้องขอสินเชื่อกับธนาคาร มีหลายปัจจัยที่เราต้องพิจารณาและเตรียมตัวให้พร้อม แล้วมีปัจจัยอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ 1. รายได้เท่าไรจะขอสินเชื่อได้ รายได้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบอกว่า เราสามารถกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่ และกู้ได้เป็นเงินเท่าไร ปกติแล้ว รายได้ขั้นต่ำที่จะขอสินเชื่อได้อยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร โดยรายได้มาก ก็จะมีโอกาสขอสินเชื่อได้วงเงินสูงขึ้น ถ้าหากใครเป็นมนุษย์เงินเดือน การขอกู้มักทำได้ไม่ยาก เพราะมีหลักฐานแสดงว่ามีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ ไม่ได้มีรายได้ประจำ ก็ควรแสดงให้ธนาคารเห็นว่า มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยนำรายได้ฝากเข้าธนาคารในวันเดียวกันเป็นประจำทุกเดือน เช่น นำเงิน 20,000 บาท ฝากทุกวันที่ 30 ของทุกเดือน 2. มีภาระผ่อนอยู่แล้ว จะขอสินเชื่อได้หรือไม่ แม้ว่าปัจจุบันจะมีภาระหนี้สินอยู่แล้ว ก็ยังมีโอกาสขอสินเชื่อบ้านได้ครับ ปกติแล้ว ในการพิจารณาสินเชื่อ ธนาคารจะมีเกณฑ์ว่า ภาระหนี้ในแต่ละเดือนต้องไม่เกิน 40-60% ของรายได้ต่อเดือน ในเบื้องต้น เราสามารถเช็คด้วยตัวเองง่ายๆ ว่า จะขอสินเชื่อกับธนาคารผ่านหรือไม่ เช่น ปัจจุบันเงินเดือน 20,000 บาท ถ้าธนาคารตั้งเกณฑ์ไว้ว่า ภาระผ่อนต้องไม่เกิน 40% ของรายได้ ดังนั้น ภาระผ่อนโดยรวมต้องไม่เกิน 8,000 บาท โดยลองคำนวณดูว่า ถ้ามีภาระผ่อนหนี้อื่นอยู่ หากผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น จะทำให้ภาระผ่อนโดยรวมสูงเกินเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดหรือไม่ ถ้าไม่เกิน ก็มีโอกาสขอสินเชื่อบ้านได้ สำหรับการคำนวณภาระผ่อนของสินเชื่อบ้าน อาจคำนวณง่ายๆ ได้ว่า สินเชื่อบ้าน 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี ยอดผ่อนต่อเดือนจะประมาณ 7,200 บาทครับ 3. ต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ในการกู้ซื้อบ้าน นอกจากเงินดาวน์ประมาณ 20% ของราคาบ้านที่เราต้องเตรียมให้พร้อมแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ซื้อบ้านที่เราต้องเตรียม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1. ค่าใช้จ่ายของธนาคาร เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ (ขึ้นอยู่กับธนาคารกำหนด) ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย (ขึ้นอยู่กับมูลค่าบ้าน) 2. ค่าใช้จ่ายของกรมที่ดิน เช่น ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ และค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน ดังนั้น แม้ว่าคุณสมบัติต่างๆ ในด้านรายได้และภาระหนี้จะผ่านเกณฑ์ขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะเตรียมเงินสำหรับดาวน์บ้านและค่าใช้จ่ายต่างๆ ไว้ด้วยนะคะ เมื่อขอสินเชื่อบ้านผ่านแล้ว สามารถหมดภาระหนี้ได้เร็วขึ้นด้วยการโปะหนี้บ้านหรือชำระหนี้มากกว่ายอดผ่อนที่กำหนดไว้ในแต่ละเดือน เพราะการโปะหนี้จะทำให้ยอดเงินต้นลดลง และประหยัดดอกเบี้ยจ่าย ดังนั้น หากได้รับโบนัสหรือเงินก้อนพิเศษเข้ามา การนำไปโปะหนี้บ้านจะช่วยให้ภาระหนี้บ้านหมดไวขึ้นครับ
10 ปัญหาบ้านยอดฮิต งานสถาปนิก ’58

10 ปัญหาบ้านยอดฮิต งานสถาปนิก ’58

จบลงไปแล้วกับงานสถาปนิก ‘58 ที่จัดขึ้นเมื่อ 28 เมษายน – 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ อิมแพค เมืองทองธานี สำหรับบูธ SCG Experience ภายใต้คอนเซปต์ Lab Gallery of Tomorrow’s Living ซึ่งนอกจากผู้เข้าชมจะได้พบกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีการอยู่อาศัย เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างบ้านแล้ว ทาง SCG Experience ยังมีโซนให้คำปรึกษาปัญหาเรื่องบ้านโดยสถาปนิกคู่คิด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวก่อนสร้างบ้านใหม่ ปัญหาจากการต่อเติม หรือซ่อมแซมบ้าน ก็มีคำตอบพร้อมแนวทางแก้ไขให้สำหรับทุกๆ ปัญหา ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 วัน ที่ผ่านมามีปัญหามากมายจากทางเจ้าของบ้าน โดยเราได้ทำการรวบรวมและสรุปปัญหายอดฮิต 10 เรื่องมาให้ ดังนี้ ปัญหาที่ถูกถามบ่อยที่สุดเป็นอันดับแรกคือเรื่องการต่อเติมครัวไทยนอกบ้าน ซึ่งนอกจากแนวทางการต่อเติมครัวอย่างถูกวิธี แล้ว ยังควรคำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างรวมถึงวัสดุหลังคาที่มีน้ำหนักเบา  ด้วย เพื่อช่วยชลอการทรุดตัวในกรณีที่เลือกใช้เสาเข็มสั้น นอกจากนี้การระบายอากาศในห้องครัว ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมากโดยเฉพาะครัวไทยที่มีการปรุงอาหารด้วยไฟแรง        ปัญหายอดฮิตอันดับ 2 เป็นคำถามที่มาจากเจ้าของบ้านที่ต้องการสร้างบ้านใหม่ ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร และมีขั้นตอนอะไรบ้าง ซึ่งทางเจ้าของบ้านต้องมีการเตรียมตัวหลายอย่าง ทั้งเรื่องงบประมาณในการสร้างบ้าน  อีกทั้งยังต้องรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ได้ แบบบ้าน ที่ถูกใจ โดยหาสถาปนิก รู้ใจสักคนเพื่อให้คำปรึกษาและออกแบบบ้านให้เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณที่ตั้งไว้  ปัญหาที่ถูกถามมากเป็นอันดับ 3 คือ ปัญหาดาดฟ้าคอนกรีตรั่วซึม  สืบเนื่องจากหลังคาดาดฟ้าคอนกรีตอาจสร้างไมได้มาตรฐาน หรืออาจมีการเสื่อมสภาพของคอนกรีตไปตามกาลเวลา ดังนั้นควรทำการป้องกันการรั่วซึม ตั้งแต่ตอนก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการผสมน้ำยากันซึมในคอนกรีต ทำพื้นให้ลาดเอียงเพื่อระบายน้ำฝน รวมถึงการใช้วัสดุปูหรือทากันซึมอีกชั้น แต่สำหรับบ้านเก่าที่เกิดปัญหารั่วซึม ก็ควรมีวิธีแก้ไขที่ถูกต้อง โดยการซ่อมแซมรอยร้าว ปรับระดับความลาดเอียงพืนใหม่ และทำระบบกันซึมให้เหมาะสม ปัญหาลำดับต่อมาเป็นอันดับที่ 4 ก็คือวิธีการต่อเติมหลังคาโรงรถ เริ่มตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ให้พร้อม รวมถึงการเลือกใช้วัสดุหลังคาที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นแบบทึบแสง  หรือโปร่งแสง ตามแต่สไตล์ที่เจ้าของบ้านต้องการ ปัญหาที่ถูกถามบ่อยลำดับถัดมาในอันดับที่ 5 เป็นปัญหาเรื่องวิธีแก้ไขน้ำรั่วซึมที่ผนังสำเร็จรูปแบบ Precast ซึ่งส่วนมากจะเกิดขึ้นกับบ้านโครงการ หรือคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างด้วยระบบผนังสำเร็จรูป ซึ่งเมื่ออยู่อาศัยไปสักระยะมักจะเกิดปัญหารั่วซึมที่ผนังตามแนวรอยต่อแผ่น Precast ดังนั้นควรทำความเข้าใจกับบ้านระบบผนังสำเร็จรูป Precast เพื่อที่จะได้ทำการแก้ไขได้อย่างถูกวิธี  อับดับ 6 เป็นคำถามเรื่องดินรอบบ้านทรุดจนเห็นโพรงใต้บ้าน จะแก้ไขได้อย่างไร โดยเฉพาะพื้นดินในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งด้วยสาเหตุจากลักษณะดินที่เป็นดินอ่อน รวมถึงการถมดินในพื้นที่ที่เคยเป็นบ่อ บึงมาก่อน เมื่อเวลาผ่านไป บ้านซึ่งตั้งอยู่บนชั้นดินแข็งจึงมีการทรุดตัวน้อย ในขณะที่รอบบ้านที่เป็นดินถมจะเกิดการทรุดตัวลงไปเรื่อยๆ การป้องกันและแก้ไขปัญหาดินทรุดรอบบ้าน ที่ดีคือการทำครีบ หรือผนังโดยยื่นต่อลงจากท้องคานพื้นชั้นล่างเพื่อช่วยกันดินไม่ให้เกิดช่องโผล่และยังลดค่าใช้จ่ายในการถมดินได้ ปัญหาเรื่องบ้านอันดับที่ 7 เป็นเรื่องการต่อเติมห้องน้ำภายในบ้าน หรือที่เรียกว่าการกั้นพื้นที่ทำห้องน้ำเพิ่มนั้นเอง ว่าจะทำได้หรือไม่ และมีแนวทางอย่างไร ทั้งเรื่องระบบโครงสร้างว่าเหมาะสมเพียงใด และการเตรียมงานระบบประปาสุขาภิบาลต่างๆ  สำหรับอันดับ 8 เป็นเรื่องการเปลี่ยนจากบ่อเกรอะบ่อซึมเป็นถังบำบัดน้ำเสียสำเร็จรูป จะทำได้อย่างไร เนื่องจากบ่อเกรอะ บ่อซึมเป็นระบบบำบัดน้ำเสียรุ่นเก่า ต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้งเยอะ และประสิทธิภาพยังด้อยกว่าถังบำบัดน้ำเสียในปัจจุบัน การเลือกใช้ถังบำบัดสำเร็จรูปจึงเข้ามาแทนที่ระบบบำบัดน้ำเสียเดิม ซึ่งควรศึกษาประเภทและวิธีการทำงานของถังบำบัดน้ำเสียประเภทต่างๆ ให้ดีเสียก่อนว่า แบบใดเหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งานที่บ้าน        ปัญหาลำดับที่ 9 เป็นเรื่องการต่อเติมห้องบนระเบียงชั้นบน ว่าทำได้หรือไม่และทำอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรปรึกษาสถาปนิกและวิศวกรในเรื่องแนวทางและรูปแบบ รวมถึงการรับน้ำหนักของโครงสร้างเดิมว่าเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด        สำหรับคำถามอันดับสุดท้าย เป็นเรื่องการรื้อหลังคามุงใหม่ โดยเปลี่ยนรูปทรงหลังคาไปเลย ทำได้หรือไม่ การปรับปรุงหลังคาในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย เป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และเตรียมตัวในด้านต่างๆ ให้พร้อมทั้งเรื่องงบประมาณ และช่วงเวลาในการปรับปรุงที่เหมาะสม ยิ่งถ้าหากเป็นการรื้อหลังคามุงใหม่ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงหลังคาเดิม รวมถึงการเตรียมที่อยู่อาศัยชั่วคราวด้วย ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  www.scgexperience.co.th
วิธีไล่งูออกจากบ้าน และป้องกันงูเข้าบ้าน ได้ผลดีสุดๆ

วิธีไล่งูออกจากบ้าน และป้องกันงูเข้าบ้าน ได้ผลดีสุดๆ

ในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมตามพื้นที่ต่างๆ บรรดาสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์มีพิษ แมลงต่างๆ ที่อยู่ตามพื้นดินย่อมอพยพหนีน้ำขึ้นมาสู่พื้นที่ที่สูงกว่า ฉะนั้นเราจะพอว่ามีงูเลื้อยเข้ามาในบ้านของเราบ่อยๆ นับได้ว่าเป็นอันตรายต่อเจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก ถ้าเผลอไปเหยียบโดนงูแล้วเราโดนฉก จะเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ ยิ่งบ้านไหนมีเด็กเล็กยิ่งน่าเป็นห่วง แอดมินเลยได้นำเอาวิธีป้องกันงูเข้าบ้าน และวิธีไล่งูออกจากบ้านมาให้เพื่อนๆ ได้ศึกษากัน เพื่อจะได้นำความรู้เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์เมื่อถึงคราวที่จำเป็น ที่จริงแล้วงูบางชนิดที่มีพิษ เป็นเรื่องอันตรายมากๆ หากเราจะไปยุ่งกับมัน เมื่อเราพบเจอควรอยู่ให้ห่างเข้าไว้ หรือไม่ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาจัดการจะดีกว่า แต่ในเบื้องต้นเรามาดูวิธีไล่งูออกจากบ้านกันเลย รวมวิธีไล่งูและป้องกันงูเข้าบ้าน เลี้ยงสัตว์ให้ช่วยไล่งู ถ้าคุณอยากจะมีสัตว์เลี้ยงไว้คอยเป็นเพื่อนที่บ้าน ให้เลือกสัตว์ที่ช่วยไล่สัตว์ไม่พึงประสงค์ ที่อาจจะลักลอบเข้ามาในบ้านของเรา อย่างการเลี้ยงสุนัข แมว ห่าน พังพอน หรือสัตว์อื่นๆ ที่มักจะส่งเสียงดังเวลาตกใจ เพราะสัตว์เลี้ยงพวกนี้จะไวต่อกลิ่นของสัตว์ที่เป็นอันตราย คุณคงจะเคยเห็นบ่อยๆ ที่สุนัขเมื่อพบกับงู จะเห่าและกัดงูอย่างไม่ลดละ ฉะนั้นสัตว์เลี้ยงเหล่านี้เหมือนเป็นเครื่องส่งสัญญาณเตือนให้กับเราได้เป็นอย่างดี ไล่งูด้วยน้ำมันก๊าด ในจุดที่มักมีงูมาอาศัยอยู่ หรือเป็นทางที่งูสามารถเข้ามาในบ้านของเรา ให้คุณเอาน้ำมันก๊าดไปพ่นบริเวณนั้้นให้ทั่ว กลิ่นฉุนรุนแรงของน้ำมันก๊าดจะช่วยไล่งูได้ ถ้าเป็นจุดที่เป็นรังงู เมื่อเราพ่นน้ำมันก๊าดเข้าไป งูจะเลื้อยหนีออกมา ช่วงนั้นคุณอย่าให้เด็กๆ อยู่บริเวณนั้นเด็ดขาด เพราะอาจถูกงูกัดได้ และการใช้น้ำมันต้องระวังเรื่องไปให้ดี อย่าเอาน้ำมันไปพ่นใกล้ไฟ หรือปลั๊กไปเด้ดขาด เพราะอาจเกิดอัคคีภัยได้ ใช้กำมะถันไล่งู ให้คุณเอาผงกำมะถันสีเหลืองๆ มาผสมกับน้ำแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นเอาไปราดรอบๆ บ้านของเราได้เลย บริเวณขอบรั้ว ช่องระบายน้ำของบ้าน หรือพงหญ้ารกบริเวณบ้านก็ได้ค่ะ งูจะไม่เข้ามาใกล้เลยหล่ะ กำจัดแหล่งอาหารของงู ธรรมชาติของงูมักจะกินหนู กบ เขียด ตุ๊กแก ถ้าหากที่บ้านของเราปล่อยให้มีสัตว์เหล่านี้อยู่เป็นจำนวนมาก เท่ากับว่าพื้นที่บ้านของเราคือแหล่งอาหารของงูดีดีนี่เอง ดังนั้นขอแนะนำให้คุณหมั่นมำความสะอาดบ้าน และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์ที่เป็นอาหารของงู เป็นการตัดแหล่งอาหาร แล้วงูจะไม่ค่อยเข้ามาแถวๆ บ้านคุณแล้วหล่ะ ไล่งูด้วยการกำจัดแหล่งที่อยู่ ให้คุณทำลายแหล่งที่คาดว่างูจะเข้ามาทำรังหรืออยู่อาศัย เช่น พงหญ้า พุ่มไม้รกๆ ตอไม้ผุๆ ให้คุณจัดการตัดหรือทำลายให้หมด โพรงใต้บ้านของคุณก็เป็นแหล่งอาศัยที่งูชอบเข้าไปอยู่เช่นกัน บางทีอาจมีการวางไข่อีกด้วย โพรง หรือรูต่างๆ ตามสนาม หรือขอบรั้วให้คุณถมให้หมด เพื่อไม้ให้งูเข้าไปอยู่ได้ ท่อระบายน้ำให้คุณใส่ตะแกรงกั้นไว้ เพื่อไม่ให้งูเข้ามาในบ้านโดยเส้นทางนี้ โทรแจ้งหน่วยกู้ภัย เมื่อคุณพบเห็นงูเลื้อยอยู่ในบ้าน ให้จับตามองงูไว้ แล้วโทรแจ้ง 199  เพื่อให้หน่วยกู้ภัยเค้าเข้ามาจับงู ซึ่งเค้ามีอุปกรณ์และความชำนาญในการจับงูและสัตว์ไม่พึงประสงค์ ที่เข้ามาในบ้านของเรา  น้ำมันเครื่องเก่าช่วยไล่งูได้ ให้เอาน้ำมันเครื่องเก่าสีดำๆ มาชุบเศษผ้า แล้วเอาไปวางตามขอบรั้วด้านล่าง หรือในพุ่มไม้ที่คาดว่างูจะเข้าไปหลบอยู่ เมื่องูได้กลิ่นน้ำมันเครื่องก็จะหนีไป ใช้ตาข่ายดักงู ให้เอาตาข่ายไนล่อน หรือตาข่ายดักนก มาวางขึงไว้ด้วยไม้ไผ่ให้รอบรั้วบ้านของเรา โดยเฉพาะริมร่องน้ำ ขอบรั้วบ้าน หรือช่องเล็กๆ ตามรั้ว เมื่องูเลื้อยมาติดตาข่าย อย่าพยายามจับเอง เพราะอาจถูกงูพิษกัดได้ ให้โทรเรียกหน่วยกู้ภัยมาจับไปจะดีกว่า ใช้แผ่นกันงู เราสามารถซื้อแผ่นกันงูตามเว็บไซต์  ราคาไม่กี่ร้อยเองค่ะ แผ่นกันงูมักจะใช้ป้องกันงู หรือสัตว์เลื้อยคลานขึ้นไปบนเสาไฟฟ้า เมื่องูเลื้อยขึ้นไปเจอแผ่นกันงู จะเกิดความลื่นไม่สามารถไปต่อได้ และตกลงมาเองค่ะ ใช้สารไล่งู หรือยาไล่งู ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์สำหรับไล่งูอยู่หลายแบบ หลายยี่ห้อ แบบผงไล่งูจะมียี่ห้อ KoBe และน้ำยาไล่งูแบบเป็นของเหลวก็มีนะคะ แต่แอดมินจำยี่ห้อไม่ได้ แต่มีอยู่หลายตัวเลย ลองหาซ์้อมาใช้กันดูนะคะ ใช้มะกรูดไล่งู โดยให้นำผลมะกรูดมาผ่าครึ่ง แล้วเอาไปวางตามมุมบ้าน มุมรั้ว หรือจุดลับตาที่ เช่น ใต้แผ่นกระเบื้องที่วางไว้กับพื้น ใต้ถุนบันได บริเวณใกล้ๆ ท่อน้ำทิ้ง แถวโต๊ะหินอ่อนนอกบ้าน เป็นต้น ซึ่งบริเวณเหล่านี้งูมักจะเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ เมื่องูเจอกลิ่น และความเป็นกรดของมะกรูด จะไม่อยากเข้าใกล้เลยหล่ะ หรืออีกอย่างคือให้หาต้นมะกรูดมาปลูกไว้รอบๆ บ้าน เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านเลยหล่ะ แถมเรายังมีมะกรูดไว้ปรุงอาหารอีกด้วย   สำหรับวิธีป้องกันงูเข้าบ้าน และวิธีไล่งูทั้งหมดทั้งมวล ที่แอดมินได้รวบรวมมาฝากกันนี้ เพื่อนๆ สามารถเอาไปใช้ได้จริงเลยนะคะ เพราะเคยมีผู้คนที่เค้าใช้แล้วได้ผล จึงนำมาบอกต่อกันจ้า ยังไงถ้าคุณเจองูในบ้าน อย่าเข้าใกล้เด็ดขาดนะคะ เพราะเราอาจจะถูกงูพิษกัดได้ ยิ่งหน้าฝน หรือตอนนี้ท่วม คุณต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะช่วงนี้งูและสัตว์มีพิษอื่นๆ มักจะหนีน้ำเข้ามาในบ้านของเราค่ะ ความรู้เกี่ยวกับงู งู รวมเทคนิคดีๆ ให้บ้านของคุณปลอดภัย มันมากับหน้าฝน ตะขาบเข้าบ้านทำอย่างไรดี ที่ดินทรุด ปัญหาที่เช็กและแก้ได้ วิธีใช้ปลั๊กพ่วงอย่างไรให้ปลอดภัย
น้ำผักปั่นเพื่อสุขภาพดี รักษาโรค สูตรบ้านสุขภาพโดย ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์

น้ำผักปั่นเพื่อสุขภาพดี รักษาโรค สูตรบ้านสุขภาพโดย ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์

น้ำผักปั่นเพื่อสุขภาพสูตรนี้ เป็นที่แพร่หลายมากๆ และยอมรับกันอย่างมากมาย เพราะทราบดีว่า ดื่มแล้วสุขภาพดีจริงๆ ขอเพียงขยันทำเท่านั้น ดื่มให้ได้ทุกวัน  บางคนทำตามสูตรดื่มมากแล้วมีปัญหาเรื่องความหวานจากน้ำผึ้งมากไป ไม่ดีต่อผู้เป็นเบาหวาน จริงๆแล้ว เราไม่ต้องใส่น้ำผึ้งก็ได้ หรือไม่ได้แช่เย็นดื่มไม่อร่อย  ซึ่งการดื่มน้ำผักปั่นนี้ ปั่นเสร็จแล้วควรดื่มทันที เพื่อให้ได้ สารอาหารสดๆวิตามินยังไม่หายไปไหน ถ้าชอบเย็น ก็นำน้ำจากตู้เย็นมาปั่นก็ได้อีกเช่นกัน  ลองทำดื่มนะคะ ดื่มได้ทุกวัย เด็กๆ ก็เติมน้ำผึ้งได้ตามสูตร น้ำผึ้งต้องเป็นน้ำผึ้งแท้นะคะ ถึงจะปลอดภัยต่อสุขภาพ   เคยเขียนบันทึกน้ำผักปั่นพลังเอนไซม์ สูตรเดียวกันแต่เปลี่ยนน้ำ เป็นน้ำเอนไซม์เท่านั้นค่ะ น้ำผักปั่นบ้านสุขภาพ เป็นน้ำผลไม้สดจึงช่วยล้างสิ่งปฏิกูลในร่างกาย ตลอดจนสารพิษต่างๆอย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัด ก็คือการลดอาการปวดต่างๆ จากอาการ ท้องเสีย หรือมีของเสียค้างอยู่ในระบบเลือดมาก มากจนปวดตามกล้ามเนื้อ ซึ่งเมื่อดื่มไปสักระยะเวลาหนึ่ง อาการต่างๆ ที่เป็นอยู่จะค่อยๆลดลงตามลำดับ การดื่มน้ำผักเป็นการเติมสารอาหารประเภทวิตามิน เกลือแร่ จำเป็นและที่สำคัญ คือ คลอโรฟิลด์ เมื่อดื่มเข้าไปแล้วส่วนที่ต้องถูกดุดซึม ก็จะไป “ฟื้นฟูตับ” มันจะไปก่อน พอ “น้ำตับหลั่ง” น้ำตับอ่อนก็หลั่ง การย่อยคาร์โปรไฮเดรด ไขมัน เกลือแร่ และวิตามินก็จะทำได้มากขึ้น ใจขณะที่ตัวมันไม่ย่อย ไขมันส่วนที่ เก่าส่วนหนึ่งแล้วเปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงาน ดังนั้นร่างกายก็ได้พลังงานมาสนับสนุนให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้มากกว่าเดิม ซึ่งอาการที่ดีขึ้น นั่นคือ ขบวนการที่ร่างกายชะล้างของเสียออกได้มากขึ้น ซึ่งอาการดังกล่าวไม่ควรเก็บกดได้ด้วยการใช้ยาระงับอาการปวด ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการไปหยุดความสามารถในการชะล้างของเสียในร่างกาย และทำให้เกิดการสะสมของสารพิษมากขึ้น ในทุกระบบของร่างกายและกระจายจนก่อเป็นเซลล์มะเร็ง ในน้ำผักปั่นเป็นกรดอ่อนๆที่มี คลอโรฟิลล์(สารสีเขียวในพืช) มีวิตามินเอ วิตามินซี ธาตุเหล็ก โปรตัสเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส เป็นส่วนประกอบหลัก อัตราส่วนของผักที่จะใส่น้ำผักปั่น ผักสลัดไม่มีใช้ ผักกาดแก้ว มะเขือเทศลูกเล็ก หอมใหญ่หัวเล็ก ก็เพิ่มได้พอควร ผักกาดหอม     2  ใบ คึ่นฉ่าย           2  ก้าน มะเขือเทศ      1  ลูก หอมหัวใหญ่   ¼  ลูก น้ำผึ้ง             2  ช้อนโต๊ะ เสาวรสหรือมะนาว   1 ลูก แอปเปิ้ล                 ½  ลูก น้ำสะอาด               2  แก้ว วิธีทำน้ำผักปั่น  1. นำส่วนประกอบที่กล่าวในข้างต้นใส่ลงในโถปั่น 2. ปั่นน้ำผัก เป็นเวลาประมาณ 20 วินาที 3. เทน้ำผักที่ปั่นแล้วลงในแก้ว(จะได้น้ำผักปั่น 2 แก้ว) ถ้าเป็นแอปเปิ้ลแดง หรือมะเขือเทศแดงมาก น้ำก็จะสีเข้มกว่านี้นะคะ ส่วนประกอบของน้ำผักปั่นและประโยชน์ น้ำผักปั่นมีสารอาการแร่ธาตุที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย ช่วยการทำงาน 5 ระบบคือ ระบบดูดซึม ระบบทางเดินหายใจ ระบบหมุนเวียนโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบต่อมไร้ท่อ ผักกาดหอม  ช่วยฟิ้นฟูเซลล์ระบบประสาทและเซลล์ในปอด ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อกระดูกเส้นเอ็น ช่วยบำบัดโรคโลหิตจาง คึ่นฉ่าย ช่วยฟื้นฟูระบบประสาทและฟื้นฟูการสร้างเซลล์ เม็ดเลือด ช่วยชะล้างของเสียในระบบเลือด ช่วยให้ร่างกายมีความสามารถใช้แคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการเจ็บปวดของระบบข้อเสื่อมต่างๆ มะเขือเทศ ช่วยทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ช่วยทำให้ผิวพรรณดี เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายมีสารช่วยย่อยอาหารทำให้เยื่อบุ กระเพาะ ลำไส้ทำงานเป็นปกติ หอมหัวใหญ่ ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง มะนาว ช่วยฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน น้ำผึ้ง ให้พลังงานสำรองม้าม พืชผักที่สามารถทดแทนหรือเพิ่มเติม กล้วยน้ำว้าสุก : เป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูง เมื่อต้องการเพิ่มความหวานให้กับน้ำผักปั่น สามารถใช้กล้วยน้ำว้าแทนน้ำผึ้งได้ แอปเปิ้ลแดง :  ให้วิตามิน เอ ซี แคลเซียม และฟอสฟอรัส ผักกาดขาว :  หากผักกาดหอมหมด ผักกาดขาวเป็นทางหนึ่งซึ่งจะให้แคลเซียมและไฟเบอร์ ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น สะระแหน่ : ช่วยขับลมในลำไส้ และบำรุงปลายประสาท โหระพา : ช่วยขับลมในลำไส้ บำรุงปลายประสาท ลดความเป็นกรด ในกระแสโลหิต ลดอาการไข้ แก้ปวดหัว ผลไม้ที่ให้รสเปรี้ยว ตะลิงปิง มะดัน มะนาว ส้ม ส้มโอ เสาวรส ผักที่ใช้แทนผักกาดหอมได้ ใบชะมวง ใบมะยม ใบโหระพา ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : www.gotoknow.org เคล็ดลับสุขภาพดีอื่นๆ จากเรา Reviewyourliving  เทคนิคทำความสะอาดบ้านแบบง๊ายง่าย ห่างไกล “ภูมิแพ้” แอร์ส่งกลิ่นเหม็นอับ ทำไงดี 8 สิ่งไม่ควรมี ถ้าอยากหลับสบาย
16 วิธีตกแต่งคอนโดแคบ ๆ ให้อยู่สบายไม่อึดอัด

16 วิธีตกแต่งคอนโดแคบ ๆ ให้อยู่สบายไม่อึดอัด

แต่งคอนโดขนาดเล็กให้กว้างขึ้นง่าย ๆ ด้วยเทคนิคแต่งคอนโดเล็ก ให้เก็บของได้เยอะ จะได้อยู่สบาย ๆ ไม่รู้สึกคับแคบอีกต่อไป.. ในปัจจุบันหลายคนสนใจหันมาอยู่คอนโดกันมากขึ้น เพราะมักตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง ทั้งยังราคาถูกกว่าการซื้อบ้านหลังใหญ่ชานเมือง แต่นับวันคอนโดก็มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ จนบางทีเท่ากับหอพักห้องหนึ่งด้วยซ้ำ ก็ในเมื่อลงทุนซื้อหรือแม้แต่เช่าคอนโดทั้งที ทำไมต้องมาทนอยู่แบบอึดอัดด้วยล่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงมีวิธีแต่งคอนโดขนาดเล็กใหดูกว้างขวางอยู่สบาย จากเว็บไซต์ homedit มาฝากกัน คราวนี้ถึงจะงบน้อยซื้อคอนโดได้แค่ห้องเล็ก ๆ ก็ใช่ว่าต้องอยู่แบบแคบ ๆ แล้วนะ 1. ใช้สีขาวเป็นหลัก อย่างที่รู้กันว่าสีส่งผลอย่างมากต่อการตกแต่ง ดังนั้นให้ใช้ข้อดีของสีขาวในการขยายห้องให้ดูกว้างขึ้น โดยอาจเลือกใช้กับทั้งผนังและเพดาน เพื่อห้องดูสว่างและเบาบางนั่นเอง 2. ชโลมสีสดใสให้ทั่ว เมื่อเลือกใช้สีอ่อนกับพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้องแล้ว ก็ให้ประดับด้วยของตกแต่งที่สีสันสดใส ที่จะช่วยเพิ่มทั้งสไตล์ พลัง และความเป็นตัวของตัวเอง นอกจากนี้ยังช่วยดึงดูดและลวงตาให้ห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย 3. จัดเก็บของอย่างชาญฉลาด หากว่าอยู่ในคอนโดขนาดเล็กแต่ตัดใจทิ้งของที่มีมากมายไม่ลง ก็ให้เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีที่เก็บของในตัว เช่น เตียงหรือโซฟาที่มีลิ้นชัก ซึ่งจะช่วยซ่อนของรก ๆ ไม่ให้ดูเยอะจนห้องยิ่งดูแคบไปกันใหญ่ 4. คิด "แนวตั้ง" เคล็ดลับที่จะทำให้พื้นที่เล็ก ๆ ดูกว้างขึ้นก็คือ การใช้ที่เก็บของแบบแนวตั้ง เช่น ชั้นหนังสือที่สูงจากพื้นจรดเพดาน หรือแม้แต่การติดผ้าม่านที่สูงจากเพดานลงมาก็ได้ผลเช่นกัน 5. ใช้เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ คอนโดขนาดเล็กคงไม่เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้น ลองเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบอเนกประสงค์ ที่ใช้งานได้อย่างหลากหลายในชิ้นเดียวมาใช้ เช่น โต๊ะกาแฟที่เปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานได้ หรือชั้นวางของที่ทั้งวางทั้งแขวนได้ในชิ้นเดียวกัน เป็นต้น 6. เก็บของแบบงานศิลปะ ถ้าเป็นหนอนหนังสือและกำลังหนักใจกับการจัดเก็บหนังสือที่มีมากมาย ก็ให้เปลี่ยนจากชั้นหนังสือธรรมดาเป็นงานศิลปะตกแต่งผนังไปในตัว หรือจะลองดัดแปลงไอเดียไปใช้กับสิ่งอื่นก็ได้ เช่น แขวนเครื่องครัวสวย ๆ ไว้บนผนังเพื่อเป็นการประดับตกแต่ง เป็นวิธีเก็บของที่ช่วยให้ห้องไม่ดูรกแต่สวยงามแทน 7. ใช้โคมไฟติดผนังหรือเพดาน แม้ว่าโคมไฟแบบตั้งพื้นจะดูสวยงามและเหมาะกับการตกแต่งบ้าน แต่อาจจะไม่เหมาะสมกับคอนโดเล็ก ๆ สักเท่าไหร่ แนะนำให้ลองพิจารณาโคมไฟแบบแขวนหรือติดผนังเป็นทางเลือกดู ซึ่งสามารถเลือกดีไซน์สวย ๆ ไม่แพ้ชนิดตั้งพื้นได้เช่นกัน 8. เปลี่ยนที่เก็บของเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับ แทนที่จะมีทั้งตู้เก็บของและเฟอร์นิเจอร์ประดับตกแต่ง ทำไมไม่เอาทั้งสองอย่างมารวมกันซะเลย เช่น แทนที่จะซื้อโต๊ะข้างเตียงนอน ก็ให้ใช้กระเป๋าวินเทจที่มีหลายใบซ้อนกันแทน ทั้งสร้างลุคเก๋ ๆ และเก็บของได้ไปในตัว 9. ใช้เฟอร์นิเจอร์ใสเพื่อความโปร่ง ใช้เฟอร์นิเจอร์ประเภทกระจก อะคริลิก หรือวัสดุแววววาว ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ หน้าต่างแบบกระจกใส ฯลฯ จะช่วยส่องสว่างให้กับห้องไม่ดูทึบจนเกินไป 10. ใช้เฟอร์นิเจอร์ทางเลือก โต๊ะกาแฟสำคัญสำหรับทุกบ้าน แต่สำหรับคอนโดเล็ก ๆ ที่ต้องใช้พื้นที่อย่างประหยัด ให้ลองประดิษฐ์ที่วางกาแฟแบบครอบพนักวางแขนโซฟาดู แค่นี้ก็สามารถแก้ววางกาแฟยามเช้า ได้แบบไม่เปลืองเนื้อที่แล้ว 11. โต๊ะกินข้าวประหยัดที่ ถ้าไม่อยากตั้งโต๊ะรับประทานอาหารให้เปลืองเนื้อที่ ให้ลองพิจารณาโต๊ะอาหารแบบติดผนัง เป็นทางเลือกโดยบางแบบยังสามารถพับเก็บตัวโต๊ะลงเมื่อใช้เสร็จได้อีกด้วย เวลาจะใช้ก็แค่กางออกมาง่าย ๆ และประหยัดพื้นที่ได้เป็นอย่างดี 12. ให้ความสำคัญกับหน้าต่าง หน้าต่างเป็นสิ่งมีค่าสำหรับห้องขนาดเล็ก ดังนั้นอย่าตั้งอะไรขวางหน้าต่างเป็นอันขาด รวมถึงใช้ประโยชน์จากแสงที่ส่องเข้ามาให้เต็มที่ เช่น การตั้งโต๊ะอาหารไว้ริมหน้าต่าง เป็นต้น รับรองว่าห้องจะดูกว้างและอบอุ่นจากแสงธรรมชาติแน่นอน 13. ใช้ที่กั้นห้องแบบชั่วคราว ใช้ผ้าม่าน ประตูเลื่อน หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสูง ๆ เป็นตัวแบ่งพื้นที่ห้องแบบไม่ดูอึดอัด แถมยังสะดวกในการเปลี่ยนย้ายตำแหน่งหรือเอาออกไปอีกด้วย 14. ใช้เฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับพื้นที่ โซฟานั่งสบายไม่จำเป็นต้องไซส์ใหญ่เสมอไป เพราะเดี๋ยวนี้มีโซฟาที่ถูกออกแบบมารองรับคอนโดขนาดเล็กมากขึ้น ที่ทั้งสวยและรองรับสรีระ หรือหากต้องการประหยัดพื้นที่มาก ๆ ลองพิจารณาโซฟาเบดเป็นทางเลือก ที่ใช้ประโยชน์ทั้งนั่งดูทีวีและนอนในเวลาค่ำคืนได้อย่างลงตัวทีเดียว 15. เลือกเตียงแบบพับเก็บได้ เตียงนอนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถประหยัดพื้นที่ได้ เพราะในปัจจุบันผู้ผลิตหลายรายได้ทำเตียงแบบพับเก็บได้มาให้เป็นทางเลือกกัน ซึ่งการใช้เตียงแบบนี้จะช่วยให้เหลือพื้นที่เหลือเฟือในการใช้งานเวลากลางวันเลยล่ะ 16. อย่ามองข้ามพื้นห้อง แม้ว่าห้องจะมีขนาดเล็ก แต่ก็มองข้ามเรื่องพื้นไปไม่ได้เลย เพราะพื้นสวย ๆ จะช่วยให้ภาพรวมของดูโดดเด่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นอย่าลืมใส่ใจกับการเลือกพื้นดีไซน์สวยเข้ากับสไตล์การตกแต่งห้อง หรือจะปูพรมก็เป็นไอเดียที่ดี ลองเก็บไอเดียไปใช้กันนะคะ ทีนี้ก็ไม่ต้องทนรู้สึกอึดอัดกันแล้ว แถมใครที่อยู่อพาร์ทเม้นท์หรือหอพักก็นำไปปรับใช้ได้เช่นกัน ทีนี้ห้องเล็กแค่ไหนก็มีความสุขได้เหมือนอยู่ห้องใหญ่ ๆ เลยนะ ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : home.kapook.com
10 วิธีแต่งห้องนอนแบบประหยัด ใช้แค่ของใกล้ตัว

10 วิธีแต่งห้องนอนแบบประหยัด ใช้แค่ของใกล้ตัว

แต่งห้องนอนแบบประหยัด ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้จินตนาการบวกเข้ากับของหาง่ายใกล้ ๆ ตัว เป็นวิธีแต่งห้องนอนแบบประหยัด ที่ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้หลายบาทเลยล่ะ การแต่งห้องแต่ละครั้งต้องใช้เงินเยอะพอดู แต่หลังจากนี้คุณอาจไม่ต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ เพื่อเก็บเงินแต่งห้องนอนให้สวยงาม ทันสมัย หรือดูดีมีสไตล์อีกแล้ว เพราะไม่ว่าใครก็สามารถตกแต่งห้องนอนได้ตามที่ต้องการ โดยใช้เงินแค่เพียงเล็กน้อย หรือบางทีอาจไม่ต้องทุบกระปุกเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่ใช้จินตนาการกับข้าวของรอบ ๆ ตัว มาปรับใช้ให้เก๋กว่าใคร แค่นี้ก็ได้ห้องนอนโดนใจไปเต็ม ๆ แถมยังประหยัดเงินแล้วล่ะ ลองไปดูกันค่ะว่ามีไอเดียอะไรบ้าง 1.แต่งห้องนอนด้วยเตียงนอนท่อน้ำสุดเท่ สำหรับคนที่เป็นแฟนการตกแต่งบ้านแบบอินดัสเทรียล (Industrial Style) หรืออยากได้เตียงนอนหลังใหม่ในบรรยากาศเดิม การนำท่อน้ำมาประกอบเป็นเตียงนอนเช่นนี้ ถือเป็นงาน DIY ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ดี และน่าจะลองทำดูมากทีเดียว 2.แต่งห้องนอนตรงหัวเตียงไม้ ไม่ซ้ำใคร เนื่องจากไม้เก่ามีความสวยงามในตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะได้แผ่นไม้มาจากตึกเก่าที่ถูกรื้อทิ้ง หรือไม้รีไซเคิลที่หาได้จากบริเวณบ้าน ต่างก็สามารถนำมาใช้ทำเป็นหัวเตียงได้ทั้งนั้น นอกจากนี้ความเก่าของไม้ บวกกับลวดลายและสีสันแบบหม่น ๆ ยังทำให้บรรยากาศในห้องนอนดูอบอุ่น อีกทั้งยังดูสบายตา เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่งด้วย 3.ขาเตียงดีไซน์แปลก ก็แต่งห้องนอนได้ พาเลทไม้เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน แต่สร้างประโยชน์ให้ได้มากทีเดียว อย่างน้อย ๆ ถ้านำพวกมันมาขัดผิวให้เรียบ แล้วทาสีใหม่ให้ทั่ว พร้อมกับนำมาต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจำนวน 2 ชั้น ก็จะมีขาตั้งเตียงนอนเหมือนเตียงหรู ๆ ทั่วไปแล้ว หรืออาจจะลดจำนวนให้เหลือเพียงชั้นเดียวก็ได้ หากไม่ชอบขาเตียงที่สูงมากนัก 4.โต๊ะหัวเตียงมหัศจรรย์ แต่งห้องนอนได้สวยงาม แค่มีบล็อกคอนกรีตไม่กี่อันก็มากพอสำหรับการครีเอทโต๊ะหัวเตียง แค่จับมาตั้งเรียงกันให้พอที่กับที่ว่างข้าง ๆ หัวเตียง เอาไว้สำหรับเก็บของ หรือวางหนังสือกับนิตยสาร และอาจจะตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สักใบ เพื่อทำให้บล็อกคอนกรีตดูมีสัน และสวยงามเหมาะกับบรรยากาศในห้องนอนมากยิ่งขึ้น 5.แต่งห้องนอนด้วยแกลลอรีภาพถ่ายแบบแนว ๆ แม้การนำรูปถ่ายมาตกแต่งผนัง จะไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่มันก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทุกคนสามารถตกแต่งผนังให้ดูสวยงามได้ได้ด้วยตัวเอง ส่วนทริคในการตกแต่งเพื่อให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็คือ นำรูปถ่ายมาติดเรียงกันให้ดูเป็นแพทเทิร์นที่น่าสนใจโดยไม่ต้องใส่กรอบ เช่น รูปหัวใจ สามเหลี่ยม หรือตัวอักษรเป็นต้น 6.ลายกราฟฟิกสวย ๆ จากของใกล้ตัว ก็แต่งห้องนอนได้เก๋ไปอีกแบบ การใช้วาชิเทป หรือเทปกาวสีสวย ๆ มาใช้ในการตกแต่งผนัง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีช่วยให้ผนังบ้านมีสีสันและน่าสนใจขึ้นไม่น้อยเลย โดยการนำเทปเหล่านั้นมาติดเป็นรูปร่างต่าง ๆ ตามใจชอบ 7.แต่งห้องนอนด้วยโต๊ะวางของสารพัดประโยชน์ หากมีลังเปล่า ๆ ไม่ว่าจะเป็นลังไม้หรือลังกระดาษ และไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์อะไร คงจะดีกว่าหากนำออกมาปัดกวาดให้เรียบร้อย หลังจากนั้นเอาไปใส่ของหรือทำเป็นโต๊ะวางของต่าง ๆ เช่น กระจกส่องเสื้อผ้า โคมไฟ หรือต่อเป็นโต๊ะหัวเตียง 8.ไฟประดับสีสันสดใส ช่วยแต่งห้องนอนให้มีสีสัน วิธีง่าย ๆ ที่อาจจะต้องลงทุนเล็กน้อย แต่เป็นวิธีเปลี่ยนบรรยากาศห้องนอนได้ทันใจสุด ๆ เพียงแค่นำไฟประดับมาตกแต่งในห้องนอน เช่น บนชั้นวางของ เหนือหัวเตียง หรือประตู นอกจากจะห้องนอนจะมีสีสันเพิ่มแล้ว ยังสว่างสดใสมากขึ้นอีกด้วย 9.หัวเตียงสวยหวานสไตล์วินเทจ แต่งห้องนอนสำหรับสาว ๆ แม้บานหน้าต่างเก่า ๆ จะถูกถอดออกไปนานแล้ว แต่แทนที่จะนำไปทิ้ง ลองนำพวกมันกลับมาแล้วใช้สร้างเป็นหัวเตียงสวย ๆ ดีกว่า แต่อย่างไรก็ตามก่อนจะนำมาตกแต่งควรจะเลือกเพ้นท์สีที่ดูแล้วเข้ากับการตกแต่งส่วนอื่น ๆ ในห้องนอนด้วย 10.ชิงช้าวางของ เล็ก ๆ แต่แต่งห้องนอน แทนที่จะใช้โต๊ะหัวเตียงแบบตั้งพื้น ลองเปลี่ยนเป็นชั้นวางของแบบแขวนบ้าง ก็จะช่วยให้ห้องนอนดูสวยงามอย่างมีสไตล์ แถมยังไม่ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์ด้วยแค่ใช้ของที่มีอยู่ภายในบ้านก็พอแล้ว เช่น แผ่นไม้ หรือแผ่นพลาสติก นำมาเจาะรู แล้วแขวนด้วยเชือกสีสวย ๆ เห็นไหมคะว่าการตกแต่งห้องนอนให้สวยงามไม่จำเป็นต้องใช้ของที่มีราคาแพง ๆ เลย เพราะของราคาถูกหรือของที่อยู่ใกล้ตัว รวมไปถึงของเหลือใช้ ก็สามารถทำให้ห้องนอนของทุกคนดูดีมีสไตล์ได้อย่างใจ เพียงแค่อาศัยเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ และลองเปลี่ยนวิธีการใช้งานดูบ้างตามที่ได้เสนอไปเท่านั้นเอง ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : home.kapook.com เกี่ยวกับการแต่งห้องนอนหลากหลายรูปแบบ 9 วิธีจัดห้องนอนเสริมดวง How to แต่งห้องนอนสไตล์ Zen สร้างบรรยากาศแบบญี่ปุ่น 8 เคล็ดลับ แต่งห้องนอนไม่ได้นอน เติมไฟรักให้ชีวิตคู่
6 เหตุผลที่ควรลงทุนอสังหาฯ ก่อนอายุ 30

6 เหตุผลที่ควรลงทุนอสังหาฯ ก่อนอายุ 30

การลงทุนยิ่งเริ่มต้นไว ยิ่งได้ผลตอบแทนเร็ว วัยที่เหมาะกับการลงทุนมากที่สุด คือ วัยที่จบการศึกษาและมีงานมีการทำเรียบร้อย นั่นคือช่วงอายุระหว่าง 25 – 30 ปี แต่ในวัยดังกล่าว มักเป็นวัยที่มีสิ่งยั่วยุสูง เพราะเพิ่งเริ่มต้นสัมผัสอำนาจของเงินและรายได้ด้วยตัวเองรายได้ของคนในวัยนี้จึงมักละลายไปกับสังคม ข้าวของ ท่องเที่ยว จนพบได้บ่อยๆ ว่าคนทำงานช่วง 2 – 3 ปีแรกไม่สามารถเก็บเงินได้ จะเริ่มมีเงินเก็บจริงๆ จังๆ คือเมื่อเริ่มแตะหลัก 30 ไปแล้ว ซึ่งหากเทียบกับคนที่เตรียมตัวไวกว่าก็ถือเป็นการเสียโอกาส หนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับคนวัยไม่ถึงเลข 3 คือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีข้อดีคือได้ผลตอบแทนในระยะยาว เป็นเงินจำนวนมาก และสม่ำเสมอ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเริ่มต้นก่อนอายุ 30 ด้วย 6 เหตุผล ต่อไปนี้ เป็นที่อยู่อาศัย คนวัยก่อน 30 หลายคนทำงานไกลบ้าน พักอยู่หอพักและเสียค่าเช่าทุกเดือน ซึ่งจำนวนค่าเช่าที่เสียไป สามารถนำมาผ่อนบ้านหรือคอนโดมิเนียมได้ เป็นการกู้ยืมอัตราดอกเบี้ยต่ำ ระยะยาว ดอกเบี้ยบ้านคือดอกเบี้ยที่น้อยที่สุดกับเงินก้อนใหญ่และมีระยะเวลาในการผ่อนชำระนานที่สุด การผ่อนบ้าน มีระยะเวลาในสัญญาสูงสุดนานถึง 30 ปี และด้วยอัตราดอกเบี้ยที่หลากหลาย การซื้ออสังหาริมทรัพย์จึงไม่ใช่ภาระหนักอึ้ง ปล่อยเช่าได้ (Passive Income) อสังหาริมทรัพย์มีข้อดีที่สุดคือเป็นทรัพย์สินถาวร และมีมูลค่าเพิ่มตลอดเวลา ยิ่งซื้อบ้านและปล่อยเช่าเมื่ออายุน้อยเท่าไหร่ รายรับที่ได้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย เช่น ซื้อคอนโดมิเนียมมา 2 ล้านบาท ปล่อยเช่าเดือนละ 15,000 บาท สินทรัพย์ชิ้นนี้จะทำรายได้ 180,000 บาท/ปี และอาจเพิ่มได้เรื่อยๆตามศักยภาพของทำเล หากปล่อยเช่าเมื่ออายุ 25 เมื่ออายุ 30 จะมีรายได้จากคอนโดมิเนียมแห่งนี้แล้ว 900,000 บาท ทำเงินได้เกือบล้าน เมื่ออายุ 30 น่าสนใจใช่ไหม เป็นมรดก อสังหาริมทรัพย์ถือเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่คนทุกยุคทุกสมัยเลือกที่จะนำมาเป็นสินทรัพย์ที่สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองและจุดเด่นอีกจุดหนึ่งคือนำมาเป็นมรดกส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานได้ จะเห็นได้จากนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายคนที่ได้รับมรดกจากพ่อแม่และบรรพบุรุษทั้งที่ดิน บ้าน โรงแรม เป็นต้น แล้วสามารถนำทรัพย์สินเหล่านั้นมาพัฒนาหรือขายต่อเพื่อก่อร่างสร้างตัวจากอสังหาริมทรัพย์จนประสบความสำเร็จในอนาคตได้ เป็นหลักประกันชั้นเยี่ยม อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันที่ทุกสถาบันการเงินอ้าแขนรับหากต้องการเงินลงทุนก้อนใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในมือจะแปรเป็นเงินได้อย่างง่ายดาย เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน ยิ่งในคนอายุน้อยๆการเปลี่ยนแปลงทางหน้าที่การงานหรือความผิดพลาดทางธุรกิจคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เป็นการลงทุนที่ชนะเงินเฟ้อ เนื่องจากในปัจจุบันปัญญาเงินเฟ้อเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะลดทอนมูลค่าเงินในกระเป๋าของท่านให้มีค่าลดน้อยลง การลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถเอาชนะกับปัญหาเงินเฟ้อได้คือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ บางคนอาจจะบอกว่าก่อนอายุ 30 ปี จะมีเงินพอได้อย่างไรที่จะนำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงหลักแสนหลักล้าน เพราะคนส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ทำงานประจำและเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินไม่มากพอที่จะลงทุน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้ถูกแก้ปัญหาออกไปเนื่องจากนวัตกรรมทางด้านการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถนำอสังหาริมทรัพย์แบ่งออกเป็นหน่วยย่อยๆได้เพื่อให้คนหลายๆคนสามารถเข้ามาถือครองในอสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้นเป็นการถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ เราเรียกการลงทุนนี้ว่า การลงทุนในกองทุนรวมอสังริมทรัพย์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงทุนหลักแสน หลักล้าน เพียงแค่มีเงินลงทุนขึ้นต่ำ 500 บาท ขึ้นไป สามารถลงทุนได้ การลงทุนก่อนอายุ 30 เป็นสิ่งที่ดีและควรทำที่สุดด้วยเหตุผลต่างๆที่กล่าวมาแล้ว แต่คนวัยนี้มักมีข้อจำกัดคือยังไม่สามารถหาทุนมาใช้กับอสังหาริมทรัพย์ได้ เพราะช่วงเวลา 2 – 3 ปีแรก รายได้จากการทำงานไม่ได้มากมายและอำนาจของเงินที่ได้ด้วยตัวเองก็ช่างเย้ายวน ดังนั้นเมื่อเริ่มทำงานใหม่ๆจึงควรตั้งสติให้มั่นและเก็บเงินเก็บทองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่ออนาคต   ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.terrabkk.com