Tag : Lifestyle

432 ผลลัพธ์
สัมผัสจิตวิญญาณอันเหนือระดับแบบฉบับอังกฤษ “อเล็กซานเดอร์ แอนด์ เจมส์” ผ่านเฟอร์นิเจอร์สไตล์อิเคล็กทิก สร้างมิติใหม่ให้ความงามที่แตกต่าง

สัมผัสจิตวิญญาณอันเหนือระดับแบบฉบับอังกฤษ “อเล็กซานเดอร์ แอนด์ เจมส์” ผ่านเฟอร์นิเจอร์สไตล์อิเคล็กทิก สร้างมิติใหม่ให้ความงามที่แตกต่าง

เคยไหม! กับการเข้าไปสัมผัสและซึมซับบรรยากาศในสถานที่ต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร หรือคาเฟ่หลากหลายสไตล์ อาทิ โรงแรมลักซ์ชัวรี่สัญชาติอังกฤษในกลุ่มโซโห เฮาส์ (Soho House) ที่รังสรรค์พื้นที่ด้วยการจัดวางองค์ประกอบอันมีเอกลักษณ์อย่างลงตัว สะดุดตา อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของอารยธรรมอันน่าชื่นชมโดดเด่นด้านความแปลกใหม่และไอเดียการมิกซ์ & แมทช์เฟอร์นิเจอร์ที่ยากจะหาใครทัดเทียม ร้านอาหารเก๋ๆ อย่างเอล บูด้า เฟลิส (EL Buda Feliz) ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่สะท้อนรสนิยมที่ล้ำสมัย ด้วยทุกวันนี้การตกแต่งบ้านที่อยู่อาศัยไม่ได้มีเพียงแค่รูปแบบหรือเทรนด์เฉกเช่นในอดีต รสนิยมของแต่ละบุคคลได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผู้คนเปลี่ยนไป ผู้คนให้ความสำคัญกับประสบการณ์การท่องเที่ยว การได้ไปสัมผัสสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่สามารถสะสมความทรงจำ ห้วงเวลาแห่งความสุขในช่วงต่างๆ เพื่อมาตีความและเนรมิตบ้านให้กลายเป็นผลงานศิลปะอันทรงคุณค่า หล่อหลอมแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ความสง่างาม และรสนิยมเข้ารวมกันอย่างลงตัว “อเล็กซานเดอร์ แอนด์ เจมส์” (Alexander & James)”  แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชั้นนำสัญชาติอังกฤษ ที่มาพร้อมกับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ชวนหลงใหล พร้อมหลอมรวมกับเทรนด์ล้ำสมัยในปัจจุบันให้เข้ากันอย่างลงตัว เพื่อสะท้อนรสนิยมแห่งการอยู่อาศัยอย่างมีระดับ  สร้างตัวตนที่ใช่ในสไตล์ที่เป็นคุณ เปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.2013 ก่อตั้งขึ้นโดย “มาร์ค อเล็กซานเดอร์ สมิทธ์” (Mark Alexander Smith) ดีไซเนอร์ผู้เติมเต็มรสชาติใหม่ๆ ให้กับงานออกแบบผ่านการรังสรรค์เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านอันเหนือระดับ โดยมีจุดเริ่มต้นจากการเดินทางไปรอบโลกเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และค้นหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานอันล้ำค่า ถ่ายทอดวัฒนธรรมชาวอังกฤษตอนเหนือที่มีความเรียบง่ายแต่แฝงด้วยมนต์เสน่ห์ชวนหลงใหลของงานฝีมือชั้นสูง  ผ่านผลงานการออกแบบที่ให้ความสำคัญทุกรายละเอียด โดยเน้นรังสรรค์ให้ทุกชิ้นงานเป็นดั่งผลงานศิลปะที่ถูกรังสรรค์ผ่านการร่างแบบด้วยมือของ มาร์ค อเล็กซานเดอร์ สมิทธ์ เพื่อให้ได้รูปทรงที่สมดุล ก่อนที่จะพัฒนาร่วมกันกับทีม ครีเอทีฟจนกลายเป็นชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด สะท้อนรสนิยมและแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตเหนือระดับอันเป็นเอกลักษณ์ กลายเป็นนิยามแห่งการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ภายใต้แบรนด์ อเล็กซานเดอร์ แอนด์ เจมส์ปัจจุบันมีวางจำหน่ายในร้านเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำทั่วโลกมากกว่า 50 ร้าน เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นเกิดขึ้นจากความใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงความพิถีพิถันในกระบวนการผลิต ที่โดดเด่นหลากสไตล์ทั้งแนวคลาสสิค(Classic) คอนเทมโพรารี(Contemporary) และแนวอิเคล็กทิก(Eclectic) อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ดึงเอาความหลากหลายขององค์ประกอบทั้งรูปทรง สีสัน  ความคลาสสิกและเทรนด์ล้ำสมัยมาผสมผสานเพื่อสร้างมิติใหม่ให้การอยู่อาศัยไร้ขีดจำกัด ชิ้นงานศิลปะที่สะท้อนอุดมการณ์ของมาร์ค อเล็กซานเดอร์ สมิทธ์ ได้อย่างชัดเจนคือ โซฟา ผลงานหัตกรรมอันชดช้อยจากช่างฝีมือที่มีความชำนาญเชี่ยวชาญในการผลิต  ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบสิ่งแปลกใหม่ชั้นเลิศจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ลูกค้าคนพิเศษ อาทิ หนังแท้ 100% ที่ได้รับคัดเลือกอย่างละเอียดจากบราซิลและยุโรปให้ผิวสัมผัสที่นุ่มสบาย ผ่อนคลาย โดยหนังแต่ละผืนสะท้อนคาแรคเตอร์ที่มีความโดดเด่น นอกจากนั้นยังมีผ้ากำมะหยี่จากแบรนด์วิลเลียม มอร์ริส (William Morris) ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก ด้านโครงสร้างของชิ้นงานโดยรวมทำมาจากยางพาราในแหล่งผลิตซึ่งได้มาตรฐานและการรับรองว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่มีความคงทน และยืดหยุ่น พร้อมทั้งยังรองรับสรีระของร่างกายได้เป็นอย่างดี รวมไปจนถึงการจัดวางผสมผสานองค์ประกอบโซฟา การดึงกระดุม และการตอกหมุดด้วยมือเพื่อเพิ่มดีเทลให้กับชิ้นงาน โดดเด่นด้วยการใช้เฉดสีที่มีความเด่นชัดและตัดกันได้อย่างลงตัวเป็นเสนห์อันน่าดึงดูดใจคืออัตลักษณ์เฉพาะของแบรนด์อเล็กซานเดอร์ แอนด์ เจมส์ ของแบรนด์ เอาใจเหล่าคนรักการแต่งบ้านที่ต้องการความโดดเด่นและแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ด้วยการฉีกทุกกฎแห่งการตกแต่งเนรมิตงานดีไซน์ในสไตล์ที่เป็นตัวเองลงไปในเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างอิสระ  ไม่ว่าจะเป็นมิกซ์แอนด์แมตช์จับคู่สีที่ใช่ หรือการเลือกวัสดุในแบบที่ชอบ เพื่อชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบอันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก สะท้อนคาแรกเตอร์ของผู้ครอบครอง รอบรับทุกไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต  ขอเชิญสัมผัสจิตวิญญาณความรุ่งโรจน์ทางวัฒนธรรมอันหลากหลายของเฟอร์นิเจอร์สุดยูนีค อเล็กซานเดอร์ แอนด์ เจมส์ ได้ที่แฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในเอเชีย ซึ่งจะเปิดในเดือนมกราคมนี้ บริเวณซอยสุขุมวิท 39 เท่านั้น!          
X’mas แล้วววว จูงมือแฟนไปดูไฟที่ไหนดี??

X’mas แล้วววว จูงมือแฟนไปดูไฟที่ไหนดี??

"สี่แยกราชประสงค์" เมื่อเอ่ยชื่อนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอนจริงไหมคะ? ด้วยความเป็นทั้งแหล่งเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของประเทศ และยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะเวียนกันมาอยู่เป็นประจำตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงปลายปีแบบนี้ก็ยิ่งหนาแน่นไปด้วยผู้คนที่ชอบมาเดินเล่น มาช้อปปิ้ง หรือมาหาอะไรทานก็มีไม่น้อยค่ะ แต่ถ้าโฟกัสไปที่ช่วงเทศกาลคริสมาสต์ในบ้านเราแล้วล่ะก็ เชื่อเหลือเกินค่ะว่าแถวสี่แยกราชประสงค์จะต้องเป็นชื่อที่ผุดขึ้นมาในใจเป็นอันดับแรกเลยทีเดียว ยิ่งถ้าใครชอบถ่ายรูปแล้วล่ะก็ รีบมานะคะก่อนเหล่าไฟประดับทั้งหลายจะหมดลงไปตามเทศกาล เราไปเดินเล่นหามุมถ่ายรูปด้วยกันเลยค่ะ   บรรยากาศช่วงเย็นย่ำแบบนี้ ท้องฟ้าจะเริ่มไร้แสงอาทิตย์กันตั้งแต่ช่วง 6 โมงเย็น โดยจาก BTS สถานีชิดลม เราเริ่มเดินเล่นกันที่ฝั่ง Amarin Plaza บริเวณหน้าประตูห้างสรรพสินค้าเขาจัดงาน Amarin Villa De Rabbit ให้ได้ร่วมลุ้นของรางวัล ใครที่เป็นแฟนๆ เหล่า Line Character แล้วล่ะก็ต้องปลื้มแน่นอนค่ะ งานมีถึงวันที่ 7 มกราคม 2562 นะคะ   เดิน Sky walk กันต่อจนเชื่อมเข้ากับ CentralWorld ที่ทุกๆ ปีจะต้องมีสัญลักษณ์ต้น Christmas ซุ้มสวยๆ สำหรับถ่ายรูปกันทุกปี ซึ่งปีนี้ไฮไลท์จะอยู่ที่ม้าหมุนจาก Swarovski ราคารอบละ 150 บาท/คน โดยรายได้จากการจำหน่ายบัตรมอบให้แก่ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ มูลนิธิบ้านเด็กเร่ร่อนครูมุ้ย และสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรังสิต เป็นครั้งแรกในโลกของ Swarovski ค่ะ และที่ลืมไม่ได้ก็คงจะเป็นลานเบียร์จากหลากหลายค่าย เรียกได้ว่าจัดเต็มทั้งพื้นที่ลานหน้าห้างกันเลยทีเดียว   จากบริเวณหน้า CentralWorld ลองหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นไปดูความตระการตาบนตึก 60 ชั้น ของ Magnolias Ratchadamri Boulevard บนถ.ราชดำริ กันดูค่ะ เพราะมีการยิงเลเซอร์บนตัวอาคารโดยใช้เทคนิคสื่อผสม 3D Projection Mapping&Multi-color Laser Lighting Show กว่า 250 ภาพ บนคอนเซ็ปต์ Beautiful Bangkok @Magnolias Ratchadamri Boulevard ซึ่งจะฉายวันละ 7 รอบ เริ่มตั้งแต่ 19.00/19.20/19.40/20.00/20.20/ 20.40 และ 21.00 น. ไปจนถึงคืนวันที่ 31 ธันวาคม เวลา 23.55 น.     ข้ามมาที่ฝั่ง Gaysorn Village กันบ้างค่ะ ถ้าใครที่คิดว่าฝั่งหน้า CentralWorld ดูคนเยอะจนเกินไปแล้วล่ะก็ เราแนะนำให้ลองมาหามุมถ่ายรูปที่ Gaysorn กันบ้างค่ะ ผู้คนจะบางตากว่ามากไม่มีคนเดินผ่านกล้องไปมาให้เสียอารมณ์ แต่ก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ด้วยเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นจุดทางเชื่อมกับ Sky walk ฝั่งตรงข้ามกับ CentralWorld หรือฝั่งบีทีเอส ภายในห้างสรรพสินค้าเอง และลานเบียร์เล็กๆ ตรงกลางค่ะ   ปิดท้ายกันด้วยหน้าโรงแรม InterContinental Bangkok ที่จะได้ภาพสีโทนไฟแบบ Cool White ต่างจากจุดอื่นๆ ที่เป็นไฟโทน WarmWhite เสียส่วนใหญ่     ภาพรวมของช่วงคริสมาสต์ปี 2018 นี้ ย่านราชประสงค์ยังคงคึกคักเช่นเคย จนเรียกได้ว่าเป็น Christmas Landmark ในบ้านเราเลยทีเดียวค่ะ          
รู้จักการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เรียกว่า “Investment Property” (IP)

รู้จักการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เรียกว่า “Investment Property” (IP)

“Investment Property” (IP) คืออะไร   การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เรียกว่า “Investment Property” (IP) จะมีลักษณะผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ได้แก่ นักลงทุนหรือผู้ซื้อ (Investor) ผู้บริหารมืออาชีพ (Management Company) และ ผู้พัฒนา (Developer) โดยทั่วไปแล้ว IP จะมีลักษณะโครงการที่ถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนโดยเฉพาะตั้งแต่เริ่มสร้างโครงการ ทำให้การออกแบบโครงสร้างต่างๆนักลงทุนได้ประโยชน์เต็มๆมากกว่า รวมไปถึงการหามืออาชีพ มาคอยดูแลบริหารโครงการ แล้วสภาพในการเข้าและออกการลงทุนก็สามารถขายโฉนดของตัวเองได้เลย “Investment Property” (IP) ต่างจากการลงทุนในกองทุน REIT   จริงๆ แล้ว IP ก็เป็นอะไรที่เราคุ้นเคยอยู่แล้ว คือ การที่เราสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพขนาดใหญ่ได้โดยตรงเหมือนกับ กองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือว่า REIT แต่จะต่างกันตรงที่ว่าการลงทุนแบบ IP นั้นเราจะมี “โฉนด” ของแต่ละบุคคลมีสิทธิ์เป็นเจ้าของอย่างชัดเจนไม่เหมือนกัน REIT ที่ถือผ่านนิติบุคคลที่เป็นกองทุนหรือกองทรัสต์ ถ้าให้ยกตัวอย่างแบบง่ายๆก็คือเหมือนกับเราเข้าลงทุนตรงในคอนโดแล้วปล่อยเช่าเอง แต่จุดแตกต่างที่คอนโดไม่สามารถทำแบบอสังหาริมทรัพย์ที่เป็น REIT หรือว่า IP ที่เป็นโรงแรมได้ คือ รายรับของโรงแรมจะเป็นรายวัน แล้วราคาปล่อยเช่าโดยเฉลี่ยของ IP ที่เป็นโรงแรมจะสูงกว่าการปล่อยเช่าคอนโดเป็นรายเดือนหรือว่าเป็นสัญญาระยะยาว 6 เดือน 1 ปี เลือกลงทุน Investment Property ในทำเลศักยภาพ   จ.ภูเก็ต เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และยังคงเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆของชาวต่างชาติ ที่เมื่อเข้ามาท่องเที่ยวในไทย จึงเป็นเหตุให้ อสังหา ในภูเก็ตกลับมาบูมอีกครั้ง หลังจากทั้งภาครัฐ และเอกชน ได้เข้ามาลงทุน โดยการลงทุนในส่วนของทางภาครัฐ เช่น โครงการภูเก็ต สมาร์ทซิตี้ การสร้างสนามบินเพิ่ม การขยายท่าเรือน้ำลึก การก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา LRT และการสร้างอุโมงค์รองรับการจราจร รองรับการขยายตัวของภูเก็ตด้านการลงทุนภาคเอกชนมีทั้ง เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต เฟส 3 มูลค่าลงทุน 20,000 ล้านบาท เนื้อที่รวม 136 ไร่ พื้นที่ 4 แสนตารางเมตร และโครงการบลู เพิร์ล ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของ เดอะมอลล์ ด้วยเนื้อที่ 150 ไร่ พื้นที่ 6.5 แสนตารางเมตร ลงทุน 10,000 ล้านบาท "WYNDHAM Nai Harn Beach Phuket" โครงการแบบ IP   ในประเทศไทยเราก็มีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มมาทำโครงการแบบ IP แล้วเหมือนกัน โครงการ “Wyndham Nai Harn Beach Phuket” โดยบริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด เป็นนักพัฒนาและผู้บริการจัดการหลังจากพัฒนาเสร็จก็คือ Wyndham Hotel Group เครือโรงแรมรีสอร์ทระดับโลกที่เข้ามาบริหารโครงการ มีประวัติการบริหารโรงแรมมากว่า 9,000 แห่ง ห้องพักรวมมากว่า 790,000 ห้อง ใน 80 ประเทศทั่วโลก เป็นแบรนด์โรงแรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกเครือหนึ่งเลยก็ว่าได้ และแน่นอนว่าการที่มี “Wyndham Hotel Group” เป็นผู้บริหารจัดการ ก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมจากผู้บริหารรายอื่นๆ เพิ่มเติม หาดในหาน จะอยู่ทางใต้ของภูเก็ต ใกล้ๆ กับแหมพรหมเทพ และหาดราไวย์ เดินทางจากตัวเมืองไม่ไกลนัก เป็นหาดที่คนไม่พลุกพล่าน เหมาะกับคนชอบความสงบ ล่ำลือกันว่า เป็นหาดคุณภาพระดับไฮเอนด์ที่มีความสวยมาก และมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ในบริเวณนั้นด้วย สามารถพาคนในครอบครัวมาทำกิจกรรมได้สบาย "WYNDHAM Nai Harn Beach Phuket" อยู่ห่างจาก หาดในหานประมาณ 800 ม. เป็นที่ดิน Free Hold ซึ่งนับวันจะหาได้ยากยิ่งในภูเก็ต “Wyndham Nai Harn Beach Phuket” นักลงทุนได้ Sharing Profit เต็ม 100% !!   โครงการ วินแดม ในหาน บีช ภูเก็ต สร้างเป็นอาคารสูง 4 ชั้น แบ่งเป็นห้อง 2 แบบ ขนาดตั้งแต่ 40 ตารางเมตร ขึ้นไป และ 60 ตารางเมตร จำนวนรวม 353 ยูนิต มีทั้งหมด 12 อาคาร ตั้งอยู่บริเวณชายหาดในหาน โดยบริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด เป็นนักพัฒนาที่มุ่งเน้นเฉพาะโครงการที่เป็น IP เท่านั้น ทั้งยังเป็นผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาฯในรูปแบบ IP ได้ตรงตามความต้องการของตลาดและตอบโจทย์นักลงทุน โครงการ วินแดม ในหาน บีช ภูเก็ต เปิดให้นักลงทุนทั่วไปที่ไม่ใช่รายใหญ่เข้าลงทุนได้ 248 ห้องเท่านั้น ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท ส่วนห้องที่เหลือเป็นสัดส่วนของนักลงทุนรายใหญ่ จาก CISSA Group การันตีผลตอบแทนในปีที่ 1 และ ปีที่ 2 ให้ 6% และผลตอบแทนในปีที่ 3 ถึง 15 เป็นไปตามผลประกอบการของโรงแรมซึ่งคาดการณ์เฉลี่ยอยู่ที่ 10% หลังจากที่มีการหักค่าดำเนินการทุกอย่างออกแล้วจะมีการแบ่งส่วนกำไรให้นักลงทุนได้ Sharing Profit เต็ม 100% นอกจากนักลงทุนที่ลงทุนจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว นักลงทุนยังสามารถเข้าพักฟรีที่ “Wyndham Nai Harn Beach Phuket” 30 วันต่อปี หรือเลือกพักตาม Hotel & Resort ในเครือ RCI ที่มีมากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือเป็นความคุ้มค่าในการมอบทางเลือกให้ผู้ลงทุน อีกทั้งยังสามารถเข้าพักและได้รับส่วนลดที่โรงแรมมากกว่า 30% รวมไปถึงบัตรสมาชิกที่สามารถทำให้เราเข้าถึงสิทธิ์ประโยชน์ได้อีกมากมายโดยคาดว่าโรงแรมจะเปิดให้บริการได้ในเดือนกันยายนปี 2562          
บ้านประหยัดพลังงาน อยู่แล้วดีอย่างไร?

บ้านประหยัดพลังงาน อยู่แล้วดีอย่างไร?

หลายต่อหลายครั้งที่เราได้ยินคำว่า บ้านประหยัดพลังงาน, บ้านอนุรักษ์พลังงาน หรือนิยามอะไรก็แล้วแต่ที่ดูเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นบ้านที่อยู่แล้วสบายมากกว่าท่ามกลางสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นในบ้านเรา แต่อะไรคือความหมายที่แท้จริงของบ้านลักษณะนี้ อยู่แล้วสบายกว่าอย่างไร แล้วจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้จริงๆ หรือเปล่า เราไปค้นหาคำตอบด้วยกันค่ะ     ลองนึกภาพตามนะคะ ช่วงฤดูร้อนเดือนเมษายน บางวันแดดจัดจนแสบผิว บางวันก็อบอ้าวทั้งวัน แล้วถ้านั่งอยู่ในบ้านเราเอง แต่ยังรู้สึกร้อนจนเหงื่อไหล เปิดหน้าต่างก็ไม่มีลม สุดท้ายต้องไปจบที่การเปิดแอร์กันทั้งวัน ผลคือค่าไฟพุ่งสูงกว่าปกติเท่าตัว บางคนก็แก้ปัญหาด้วยการขับรถยนต์ไปเดินห้างสรรพสินค้ารับแอร์เย็นคลายร้อน แต่นั่นก็เกิดค่าใช้จ่ายตามมาอีกอยู่ดี ถ้าเราหันมาแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน อย่างการอยู่ในบ้านที่มีลมพัดเข้าในตัวบ้านได้ อากาศหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น แสงแดดส่องเข้ามาได้น้อย หรือส่องเข้ามาในทิศทางที่เราไม่ได้ใช้งานมาก เช่น ห้องเก็บของ อยู่ในบ้านได้แบบสบายๆ ส่งผลต่อการใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยลง สิ่งเหล่านี้แหละค่ะคือส่วนหนึ่งที่เรียกว่า บ้านประหยัดพลังงาน         พอพูดถึงโครงการที่อยู่อาศัย สิ่งแรกที่จะต้องเอ่ยถึงคือเรื่องทำเลที่ตั้ง จะต้องใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา รวมถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วน และรถไฟฟ้า ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นโครงการที่ดี แต่จะมีสักกี่โครงการที่กล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าอยู่แล้วสุขกายสบายใจ ซึ่งบ้านเดี่ยวจากโครงการ Sena Parkgrand Ramindra เป็นโครงการที่มีความโดดเด่นอย่างมีสไตล์ เพราะมีดีไซน์ที่มาจากงานวิจัยร่วมกันระหว่าง SENA กับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เกิดเป็นบ้าน Green Smart Design ที่มีทั้งเรื่องดีไซน์ที่รับกับทิศทางลม แสงแดด ใช้วัสดุป้องกันความร้อน มีระบบ Air Fresh ช่วยให้อากาศหมุนเวียนในบ้านได้ดีขึ้น ความร้อนเข้าตัวบ้านน้อยลง ตอนที่เดินถ่ายรูปอยู่ในโครงการก็รู้สึกได้เลยว่า นานแล้วนะคะที่เราไม่ได้ยินเสียงนกร้องในโครงการแบบนี้   ไม่ใช่แค่เรื่องของสถาปัตยกรรมเท่านั้นนะคะ แต่นวัตกรรมก็สำคัญเช่นกัน เพราะจะช่วยส่งให้ความเป็น Green จับต้องได้ ดูเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากยิ่งขึ้น โดยสิ่งที่ SENA จับมาใส่ในโครงการก็มีทั้ง EV Charger เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ติดตั้งให้เลยทุกยูนิต     คุณเศรษฐวิชย์ อารีสกุลกิจ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจพลังงาน บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้มานั่งอยู่กับเราท่ามกลางบรรยากาศอันสงบร่มรื่นในโครงการ Sena Parkgrand Ramindra แล้วเริ่มเล่าให้เราฟังถึงนวัตกรรมเหล่านี้ว่า “ในระยะ 3-4 ปีต่อจากนี้เป็นช่วงเปลี่ยนเทรนด์จากรถยนต์ใช้น้ำมันธรรมดามาเป็นใช้ไฟฟ้าแทน อย่างที่เห็นรถยนต์ Hybrid ซึ่งใช้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ทางโครงการมองว่าในอนาคตอันใกล้ที่จะมีเพิ่มมากขึ้น คนก็จะเริ่มหันมาสนใจขึ้นด้วย เพราะมีทั้งในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ช่วยสิ่งแวดล้อมในการลดมลพิษที่เกิดขึ้นได้ด้วย ซึ่ง EV charger ก็เป็นเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่มีอายุการใช้งาน 20-30 ปี โดยไม่ต้องดูแลรักษาอะไรมาก เสนาจึงได้เตรียม EV charger เอาไว้ให้ก่อนใคร”   ส่วนที่เป็นไฮไลท์เลยคือ Solar Scale up หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Solar Cell ติดตั้งมาให้บนหลังคาบ้านทุกหลังขนาด 2 กิโลวัตต์ นับเป็นโครงการแรกของประเทศไทยเลยทีเดียวค่ะ ที่ติดตั้งมาให้เลยแบบนี้ และยังสามารถติดตั้งเพิ่มได้สูงสุดถึง 5 กิโลวัตต์ แล้วแต่การใช้งานของแต่ละบ้าน      คุณเศรษฐวิชย์ อธิบายให้เราฟังต่อว่า “โซล่าเซลล์เป็นระบบที่ไม่มีความยุ่งยากเลย เรียกได้ว่าแค่ต่อระบบ มีแสงสว่างก็เป็นอันใช้ได้ ในท้องตลาดทั่วไปขายตัว อุปกรณ์เฉลี่ยประมาณ 40,000 บาท/ 1 กิโลวัตต์ ไม่รวมค่าติดตั้ง และการขออนุญาติจากการไฟฟ้า ซึ่งเป็นระเบียบของการไฟฟ้าว่า หากมีการผลิตไฟฟ้าไม่ว่าจะใช้เองหรือขายจะต้องขออนุญาตก่อน ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับระบบสายส่งการไฟฟ้า คุณภาพไฟฟ้า และความสเถียรของไฟฟ้า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับภาพรวมของระบบไฟฟ้าหลัก และความปลอดภัย แต่สำหรับ Sena Parkgrand Ramindra เรามีการดำเนินการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านทุกอย่างจึงสามารถไฟจากโซล่าเซลล์ได้หมด เพราะระบบโซล่าเซลล์ของทางโครงการต่อขนานเข้ากับระบบของการไฟฟ้าภายในบ้าน เกิดการผสมผสานกันระหว่างกระแสไฟฟ้าที่ได้จากโซล่าเซลล์ กับที่ได้จากการไฟฟ้าแบบทั่วไป”      การผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์จะได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายยอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขนาดของแผงที่ติดตั้ง ซึ่งก็ต้องดูเรื่องของแบรนด์ที่ใช้ เพื่อให้ได้คุณภาพและความทนทาน โดยอายุการใช้งานทั่วไปอยู่ที่ 25-30 ปี ระหว่างนี้ก็ต้องมีการทำความสะอาดหน้าแผง เพื่อไม่ให้มีคราปสกปรกเกาะ แล้วบดบังการรับแสงแดด และความเข้มของแสงอาทิตย์ในแต่ละวัน เช่น หากวันไหนได้รับความเข้มข้นจากแสงอาทิตย์มากก็จะมีสัดส่วนไฟฟ้าที่ได้เข้าไปมาก ช่วยการใช้ไฟบ้านปกติให้ลดลงได้         คุณเศรษฐวิชย์ ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า คำว่าประหยัด ไม่ได้แปลว่าไม่ใช้เลย แต่ช่วยกันใช้ให้น้อยที่สุด ไม่ใช่แค่บ้านอยู่แล้วสบาย อากาศปลอดโปร่งเท่านั้น แต่เป็นการช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วย   ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่นวัตกรรม ยังมีบริการหลังการขายแบบครบวงจร ทั้งหมดนี้จับลง Application SENA 360 องศา ที่สามารถเห็นการทำงานของโซล่าเซลล์ได้ตลอดเวลา รวมไปถึงบริการทำความสะอาดแผง ดูกล้อง CCTV ภายในบ้านได้ตลอดเวลา ปุ่ม SOS ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ฯลฯ ครบทุกการอยู่อาศัยใน App เดียว ง่ายดายแค่สัมผัสปลายนิ้ว เป็น Smart Lifestyle แบบกรีนๆ ที่ SENA ให้ความสำคัญมาตลอด         
[Review] BTS สำโรง-เคหะฯ

[Review] BTS สำโรง-เคหะฯ

รอคอยกันมาพักใหญ่กับการมาของรถไฟฟ้าสายสีเขียว จากสถานีสำโรงยาวไปจนถึงสถานีเคหะฯ จนเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 61 ที่ผ่านมา ก็เปิดให้ใช้บริการอย่างเป็นทางการกันเสียที แถมยังนั่งฟรีตั้ง 4 เดือนด้วยนะ ทีมงาน Reviewyourliving ไม่รอช้า พาไปเดินสำรวจกันทุกสถานีมาฝากกันเลยค่ะ   รถไฟฟ้าสายสีเขียวสุขุมวิท มุ่งหน้าออกนอกใจกลางเมืองไปสุดที่สถานีสำโรงค่ะ ถ้าจะนั่งส่วนต่อขยายนี้ต่อล่ะก็ ต้องลงจากขบวนแล้วเดินไปชานชาลาฝั่งตรงข้ามค่ะ ซึ่งในอนาคตสถานีสำโรงแห่งนี้ก็จะกลายเป็น Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง   บรรยากาศในวันแรกที่เปิดใช้ในช่วงบ่ายๆ ก็มีทั้งวัยทำงาน วัยเรียน และผู้สูงอายุที่มาทดลองนั่งกันอย่างสนุกสนานตั้งแต่สถานีสำโรงกันเลยค่ะ สถานีปู่เจ้า สถานีแรกของส่วนต่อขยายล่าสุด ตัวสถานีอยู่บริเวณซ.สุขุมวิท 115 เลยสามแยกปู่เจ้าสมิงพรายไปนิดหน่อย ข้างสถานีจะมีบิ๊กซีที่อยู่ติดกับ Ideo Sukhumvit 115 ที่ลูกบ้านเข้าอยู่กันตั้งแต่ปีที่แล้ว ถ้าเข้าซ.สุขุมวิท 115 ไปหน่อยก็จะมี Low Rise อย่าง Pause 115 กับ B Loft 115 อยู่ด้วย และล่าสุดกับคอนโดฯ ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ Supalai Veranda Sukhumvit 117 ห่างจากสถานีประมาณ 200 เมตร ฝั่งเดียวกันกับ Ideo Sukhumvit 115 รอบๆ นี้ส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งอุตสาหกรรมทั้งถ.สุขุมวิทเอง และเข้าไปทางถ.ปู่เจ้าสมิงพราย ค่ะ เช่น Honda Toyota และ Panasonic ที่อยู่ใกล้กับสถานี สถานีเอราวัณ จากสถานีปู่เจ้า รางรถไฟฟ้าจะยกตัวขึ้นผ่านถ.กาญจนาภิเษก ฝั่งซ้ายมือผ่านพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ พอมาถึงตัวสถานีมองไปทางฝั่งขาเข้าก็จะเห็น 2 คอนโดพร้อมอยู่ ซึ่งมีที่ดินอยู่ข้างกันเลยค่ะ The Trust @BTS เอราวัณ กับ Aspire Erawan บันไดสถานีอยู่หน้าโครงการพอดีเลย เป็นสถานีที่สามารถขับรถเข้าถ.กาญจนาภิเษกได้สะดวกที่สุดค่ะ    สถานีโรงเรียนนายเรือ เป็นสถานีที่เราเริ่มจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากบนบีทีเอสแล้วล่ะค่ะ ตัวสถานีอยู่หน้าโรงเรียนนายเรือพอดิบพอดี ตรงชานชาลาฝั่งขาเข้าจึงต้องกั้นทึบสูงขึ้นมาค่ะ ส่วนฝั่งตรงข้ามกันก็เป็นพิพิธภัณฑ์ทหารเรือ ถ้าเรามองไปทางสถานีต่อไปก็จะมีคอนโดมิเนียม Knightsbridge Sky River Ocean อยู่ริมถนนฝั่งขาออกค่ะ เป็นคอนโดฯ วิวสวยอีกโครงการหนึ่งเลยทีเดียว   สถานีปากน้ำ อยู่บริเวณหน้าวิทยาลัยสารพัดช่าง สมุทรปราการ ก่อนถึงสามแยกปากน้ำนิดหน่อย อยู่ใกล้กับสถานที่ราชการหลายแห่งเลยค่ะ เช่น ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ, สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สมุทรปราการ, ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรปราการ, ศาลจังหวัดสมุทรปราการ, สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรปราการ ฯลฯ เป็นสถานีที่เริ่มมีผู้คนเยอะขึ้นกว่าสถานีอื่นๆ ที่ผ่านมาค่ะ และสามารถมองเห็นปากอ่าวไทย ซึ่งมีเรือบรรทุกสินค้าให้เห็นกันตลอดวัน สถานีศรีนครินทร์ จากสามแยกปากน้ำ รถไฟฟ้าจะเลี้ยวซ้ายไปตามถนน ผ่าน Samut Prakan Observation Tower & Knowledge Park หรือ อุทยานการเรียนรู้อ่าวไทย จังหวัดสมุทรปราการ ที่เห็นเป็นหอคอยสูงสีขาวคล้ายกับเป็น Lighthouse ปากอ่าวไทย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดให้เข้าชมนะคะ ตามแผนจะเปิดให้เข้าชมประมาณปี 2563 และเมื่อผ่านสามแยกการไฟฟ้า ซึ่งตัดกับถนนศรีนครินทร์ก็เป็นเป็นที่ตั้งของสถานีค่ะ   สถานีแพรกษา ตั้งแต่สถานีปู่เจ้าไปจนสุดสาย สถานีแพรกษาถือว่าเป็นสถานีที่มีความคึกคักมากที่สุดค่ะ เพราะรอบๆ สถานีทั้งสองฝั่งมีทั้ง โรบินสัน, บิ๊กซี และโรงเรียนสมุทรปราการ ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางสิ่งอำนวยความสะดวกของปากน้ำก็ว่าได้ค่ะ สถานีอยู่เลยสามแยกที่จะเข้าสู่ถ.แพรกษา ไปเล็กน้อย ซึ่งก็จะมี Notting Hill Sukhumvit - Praksa คอนโดจากออริจิ้นอยู่ริมถนนค่ะ ถ้าเข้าไปลึกกว่านี้ก็มีโครงการแนวราบอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ แต่จะมีโครงการที่กำลังเริ่มก่อสร้าง โดยได้ EIA Approved แล้วนั่นคือ The President Sukhumvit-Samutprakan ใครที่อยู่แถวนี้อยู่แล้วหรือกำลังสนใจ สำหรับโครงการนี้ถือว่าทำเลดีมากๆ เพราะติดกับโรบินสันชนิดที่ว่าเดินไม่กี่ก้าว แถมหน้าโครงการก็มีสถานีแพรกษาอีกต่างหาก ถ้าไม่ติดว่ากว่าจะเข้าไปถึงกลางเมืองต้องผ่านไม่น้อยกว่า 13 สถานี   สถานีสายลวด ถัดมาไม่ไกลกัน ก่อนถึงสามแยกที่ตัดกับถ.สายลวด ก็จะเป็นที่ตั้งของสถานีสายลวดค่ะ ละแวกนี้ส่วนใหญ่เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบของผู้อยู่อาศัยดั่งเดิม มีหอพัก อพาร์ทเม้นท์ขนาดเล็ก-กลาง อยู่บ้างภายในชุมชนเดิม ไม่แปลกที่จะเห็นคนขึ้น-ลงที่สถานีนี้อยู่พอสมควรค่ะ สถานีเคหะฯ สุดท้ายที่สถานีเคหะฯ ค่ะ จะมีความคล้ายกับสถานีหมอชิตตรงที่มีลานจอดรถค่ะ แต่ที่นี่จะเป็นลานจอดรถที่มีหลังคา ตีเส้นสำหรับจอดแบบเข้าซองเอาไว้เรียบร้อย ตอนนี้ยังเปิดให้จอดฟรี 4 เดือนตามรถไฟฟ้าอยู่ค่ะ แต่หลังจากนี้จะมีระบบการเสียเงินค่าที่จอดรถอย่างเป็นระบบ และห่างกันกับสถานีออกไปไม่ไกลก็ยังมีศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าอยู่ด้วยค่ะ   ตั้งแต่เราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในสถานีเปิดใหม่มาทั้งหมดนี้ แต่ละสถานีจะต้องรอขบวนละประมาณ 10 นาที ซึ่งก็ถือว่าห่างกันอยู่พอสมควรเลยค่ะ ส่วนบรรยากาศรอบๆ ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นบ้านแนวราบเดิมๆ อยู่ อาจจะด้วยเหตุเพราะบทเรียนจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ Dev หลายเจ้าแห่กันไปสร้างโครงการไว้จนเหลือยูนิตเพียบ แต่สิ่งที่ต้องจับตามองอีกเรื่องคือ ราคาค่าโดยสารจริงหลังจากหมดช่วงฟรี 4 เดือนนี้ไปแล้ว ว่าจะมีชาวสมุทรปราการยังคงเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าต่อไปหรือไม่ เพราะถ้าหากราคาสูงเกินไป หลายคนคงจะต้องกลับมาทบทวนใช้บริการรถสาธารณะเดิมที่ใช้กันเป็นประจำอยู่แล้วก็ได้ ข้อมูล BTS เพิ่มเติม BTS ข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟฟ้า BTS Update รถไฟฟ้า ปี 2563 เคล็ดลับเลือกคอนโดติดรถไฟฟ้า คอนโดติดรถไฟฟ้า ดีจริงหรือ?  
จัดบ้านให้ ถูกทิศ ถูกทาง อยู่แล้วสบาย สไตล์ “บ้านนวัต รามคำแหง 118”

จัดบ้านให้ ถูกทิศ ถูกทาง อยู่แล้วสบาย สไตล์ “บ้านนวัต รามคำแหง 118”

ดั่งคำโบราณว่าไว้ การสร้างบ้านต้องโปร่ง โล่ง รับลม อยู่สบาย การสร้างบ้านระดับลักชัวรี ราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว บ้านนวัต รามคำแหง 118 โดย พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์ จึงออกแบบอย่างละเอียดให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ ตัวบ้านถูกจัดวางให้สอดคล้องกับทิศทางลมและแดด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Thoughtful Design for Every Step of Life” บ้านสำหรับคนทุกเจเนอเรชั่น อยู่อาศัยอย่างเป็นส่วนตัวและยั่งยืนพร้อมประหยัดพลังงานเต็มรูปแบบ สอดคล้องกับ Lifestyle ของผู้พักอาศัยทุกช่วงวัย และอยู่อาศัยได้อย่างสบายใจยันรุ่นโหลน โดยหลักการสร้างบ้านตามแบบฉบับโครงการ บ้านนวัต รามคำแหง 118 มีด้วยกัน 4 ข้อ   1.หันตัวบ้านให้ถูกทิศถูกทาง ตามคำโบราณบอกไว้ว่าบ้านที่ดีควรหันไปทางทิศใต้และทิศเหนือ แต่ บ้านนวัต รามคำแหง 118 ได้วิจัยทิศทางลมพบว่า...ลมเปลี่ยนทิศทุกๆ 6 เดือน ซึ่งหกเดือนแรกจะพัดที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อีก 6 เดือนหลังพัดทิศตะวันตกเฉียงใต้ ถ้าหากสร้างบ้านตั้งฉากกับลม ลมจะโชยเข้าบ้าน เย็นสบาย โดยไม่ต้องพึ่งแอร์แม้แต่น้อย 2. หลังคาบ้านต้องมีชายคายื่นออกมาบล็อคแดด อย่างที่รู้กันคือเมืองไทยเป็นเมืองร้อนชื้น แดดเปรี้ยง บอกเลยว่าบรรพบุรุษเราคิดมาดีแล้ว เพราะบ้านคนไทยส่วนใหญ่มักมีชายคาขนาดกว้างยื่นออกมาเพื่อกันแดด กันฝนสาด โดย บ้านนวัต รามคำแหง 118 ได้ศึกษาทิศทางการเคลื่อนตัวของดวงอาทิตย์พบว่า...พระอาทิตย์บ้านเราขึ้นแบบเฉียงอ้อมทิศใต้มา เพราะฉะนั้นการออกแบบชายคาบ้านต้องเฉียงหักมุม องศาได้ และกว้างกำลังดี เพื่อบล็อคแดดไม่ให้เข้าในบ้าน และบ้านก็จะเย็นสบาย 3.จัดให้สระว่ายน้ำอยู่หน้าบ้านชั้น 2 เพราะชั้น 2 เป็นตำแหน่งที่ลมพัดดี เวลาลมร้อนพัดผ่านสระว่ายน้ำ ไอน้ำนี่แหละที่จะช่วยลดอุณหภูมิอากาศลง ส่งผลให้ไอเย็นพัดเข้ามาในบ้านอย่างทั่วถึง และการที่สระว่ายน้ำอยู่ชั้น 2 ยิ่งเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วย 4.ห้องทุกห้องจัดให้อยู่หัวมุมทั้งหมด ห้องนอนทุกห้องต้องอยู่มุม เพราะต้องติดตั้งหน้าต่าง อย่างน้อย 2 ด้าน และหน้าต่างต้องวางให้ถูกทิศ เพื่อมีทางให้ลมเข้า-ออกเสมอ ที่สำคัญคือได้แสงธรรมชาติทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ทุกห้องในบ้านไม่ต้องเปิดไฟตอนกลางวัน ช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี ด้านห้องครัวและห้องน้ำ บ้านนวัต รามคำแหง 118 ก็จัดไปอยู่มุมที่รับแดดได้ดีเพื่อกำจัดเชื้อโรค ซึ่งการทำครัวไทยของโครงการเน้นตอบโจทย์เหล่าแม่บ้าน ที่ต้องกว้าง อากาศถ่ายเท และเหมาะสำหรับผัดเผ็ด แกง ทอด ได้อย่างสบายๆ ด้วยแนวคิดในการออกแบบเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างประโยชน์ใช้สอยกับความงามทางสถาปัตยกรรม จนกลายเป็นบ้านที่อยู่สบาย บำรุงรกษาง่าย ประหยัดพลังงาน และมีประโยชน์ใช้สอยบนพื้นที่อย่างเต็มรูปแบบเหมาะสำหรับการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและยั่งยืน ล่าสุด บริษัท พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์ จำกัด นำโดย ทิพย์ชยา พงศธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจโรงแรมกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ และ สาทิต สืบสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์ จำกัด ขึ้นรับรางวัล “บ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงานดีเด่น ปี 2561 จำนวน 3 รางวัลรวด ได้แก่ แบบบ้าน โครงการบ้านนวัตพระราม 9 แปลงที่ 17 และ แบบบ้าน โครงการบ้านนวัตรามคำแหง Type B และ Type C จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) โดยได้รับเกียรติจาก นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล เมื่อวันพุธที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา   ทั้งนี้ โครงการ บ้านนวัต รามคำแหง 118  (BAAN NAWAT RAMKHAMHAENG 118) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่พร้อมรองรับความสุขของครอบครัวใหญ่ที่ชอบความสงบ เรียบง่ายและยั่งยืน  โดยโครงการเริ่มเปิดขายพรีเซลแล้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 29 ล้านบาท สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.premierassets.co.th หรือ โทร.02 301 2888          
AIS Fibre จับมือโนเกียเปิดตัวบริการ Mesh Wi-Fi สำหรับใช้ในบ้าน เป็นรายแรกในประเทศไทย

AIS Fibre จับมือโนเกียเปิดตัวบริการ Mesh Wi-Fi สำหรับใช้ในบ้าน เป็นรายแรกในประเทศไทย

AIS Fibre ผู้นำอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูงของไทย จับมือโนเกีย พัฒนาบริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงระดับพรีเมี่ยมรูปแบบใหม่แก่ลูกค้า AIS Fibre ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสัญญาณ Wi-Fi broadband ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุดทั่วทุกมุมของบ้าน  ลูกค้าของ AIS Fibre จะได้รับสิทธิ์ในการซื้อ Nokia WiFi Beacon 3 แบบ duo-pack ในราคาพิเศษ ซึ่งเมื่อการติดตั้งเรียบร้อยเครือข่าย Wi-Fi แบบ mesh จะมีสัญญาณกระจายทั่วทั้งบริเวณบ้าน (whole-home) อย่างรวดเร็ว เป็นการเพิ่มพื้นที่ครอบคลุมและเสริมประสิทธิภาพของบรอดแบนด์ความเร็วสูงมาก (ultra-broadband) ได้อย่างมีนัยสำคัญ   ประสิทธิภาพของเครือข่าย Wi-Fi ที่ครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณบ้านมักจะได้รับผลกระทบเช่นความเร็วที่ลดลงหรือสัญญาณไม่เสถียร จากจำนวนของอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เครือข่ายดังกล่าวต้องบริหารจัดการและสัญญาณรบกวนที่อาจเกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เตาไมโครเวฟ หรือเครือข่าย Wi-Fi จากที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง การทำให้บ้านของลูกค้ามีสัญญาณ Wi-Fi ครอบคลุมเพียงพอเป็นเรื่องที่ท้าทายและในหลายกรณีจะต้องมีการติดตั้ง access point หลายจุดเพื่อลดจุดอับสัญญาณ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากสัญญาณขาดหายเนื่องจากมีผนังภายในกั้นหรือสัญญาณรบกวน โซลูชั่น Wi-Fi ของ Nokia ซึ่งได้รับรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมจาก iF Design Foundation ช่วยขจัดปัญหาของเครือข่ายเหล่านี้ที่พบโดยทั่วไปตามบ้านพักอาศัยและช่วยให้ลูกค้าของ AIS Fibre ได้ใช้เครือข่าย Wi-Fi แบบ mesh ที่เต็มประสิทธิภาพอย่างแท้จริง อีกทั้งยังติดตั้งง่าย ให้สัญญาณครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณบ้านและมีคุณสมบัติรองรับบรอดแบนด์ความเร็วสูงมากได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ Nokia WiFi Beacon 3 ถูกออกแบบมาให้สามารถตรวจจับแหล่งที่มาของสัญญาณรบกวนทั้งที่เป็นสัญญาณ Wi-Fi และไม่ใช่ Wi-Fi ได้ถึง 100% จากนั้นจึงทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับช่องสัญญาณที่แรงที่สุดโดยอัตโนมัติเพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าเชื่อมต่อได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์และฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ข้อมูลที่มากับ Nokia WiFi Beacon 3 ยังสามารถแก้ไขปัญหาได้เองโดยอัตโนมัติ ลดความจำเป็นที่ลูกค้าต้องจัดการเครือข่ายด้วยตนเองเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้ลูกค้ามีประสบการณ์ในการใช้ Wi-Fi ในบ้านที่ดียิ่งขึ้น   หลังจากลูกค้า AIS Fibre ได้รับอุปกรณ์ Nokia WiFi Beacon 3 ลูกค้าสามารถทำการติดตั้งเองได้อย่างรวดเร็ว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นลงบนมือถือและทำตามขั้นตอนการตั้งค่าที่แนะนำ เมื่อการติดตั้งเสร็จ ลูกค้าสามารถใช้แอปพลิเคชั่นบนมือถือเพื่อดูการแสดงข้อมูลภาพซึ่งแสดงความครอบคลุมของสัญญาณ  (heat map) เพื่อระบุและจัดการจุดอับสัญญาณได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถระบุจุดที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่ม access point เพื่ออุดช่องว่างความครอบคลุมของสัญญาณ นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถเข้าถึงรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อและสร้างเครือข่ายแยกสำหรับผู้มาเยือน (guest networks) และตั้งค่าความปลอดภัยตามที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว มร.เบนวา เฟลเทน หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิจัย ของ Diffraction Analysis กล่าวว่า “ผู้ให้บริการ บรอดแบรนด์ส่วนมากจะไม่ได้ให้บริการหรือจัดการเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านของลูกค้า ทำให้ในหลายกรณีสมรรถภาพของบรอดแบนด์ความเร็วสูงที่ส่งมาถึงบ้าน อาจจะถูกลดทอนลงจากสัญญาณรบกวนต่างๆ ที่เกิดกับเครือข่าย Wi-Fi  โซลูชั่น Wi-Fi ของ Nokia ทำให้ผู้ใช้บริการมีประสบการณ์ Wi-Fi ที่ดีขึ้นโดยการสร้าง mesh network ที่กำจัดจุดอับพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพอย่างไร้รอยต่อ ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บรอดแบนด์ความเร็วสูงมากจากทุกมุมของบ้านไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ใดก็ตาม”   นายศรัณย์ ผโลประการ ผู้อำนวยการธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า "AIS Fibre ในฐานะผู้นำนวัตกรรมอินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์ความเร็วสูงของประเทศ ที่มุ่งมั่นคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีที่แตกต่างและนำเทรนด์ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมเน็ตบ้านมาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผู้บุกเบิกการให้บริการอินเทอร์เน็ต ไฟเบอร์ออปติกแท้รายแรกของไทย รวมถึงให้บริการ Dual Band Router เป็นรายแรกเช่นกัน เพื่อส่งมอบบริการเน็ตบ้านที่คุณภาพดีที่สุดเสมอ ล่าสุด AIS Fibre ตอกย้ำความเป็น Innovative Leader อีกครั้ง ด้วยการจับมือกับพันธมิตรระดับโลก Nokia ทำงานร่วมกันในเชิงลึก เพื่อศึกษาและทดสอบอุปกรณ์ Mesh WiFi สำหรับตลาดในเมืองไทย เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าไปอีกขั้น โดยร่วมกันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เป็นรายแรกของโลกกับ “Nokia WiFi Beacon 3” อุปกรณ์เสริมเราเตอร์ระดับพรีเมี่ยม เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า ทำให้การเชื่อมต่อราบรื่น ครอบคลุมทุกพื้นที่ในบ้าน” มร.เฟเดอริโก้ กิวเล็น ประธานธุรกิจฟิกซ์ เน็ตเวิร์ค ของโนเกีย กล่าวว่า "โซลูชั่น Wi-Fi ของ Nokia ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องการใช้งาน Wi-Fi ที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ให้บริการมีเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทำให้การบริการลูกค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่น เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับ AIS Fibre ในการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างด้านการบริการเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านของลูกค้าของ AIS Fibre ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ในการใช้บรอดแบรนด์ความเร็วสูงมากที่ดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย จากทุกมุมภายในบ้านอย่างแท้จริง"          
แต่งคอนโดฯ อย่างไร…ให้คอมพลีท!

แต่งคอนโดฯ อย่างไร…ให้คอมพลีท!

ยังคงเป็นปัญหาความยุ่งยากของใครหลายคน ที่เมื่อซื้อคอนโดฯ แล้วยังจะต้องหาเวลาไปเลือกเฟอร์นิเจอร์ตรงนั้นที ตรงนี้ที ไหนจะต้องโทรตามช่างมาติดตั้งอะไรต่างๆ นานา ไหนจะเจอปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม่พอดีกับพื้นที่ สายไฟตามผนังทำให้ดูรกหูรกตา ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ เอสบี ดีไซน์สแควร์ ผู้นำด้านนวัตกรรมและดีไซน์เฟอร์นิเจอร์เมืองไทย จึงปิ๊งไอเดียเปิดโมเดลธุรกิจใหม่เป็นของขวัญส่งท้ายปีด้วย “CONDO SOLUTIONS @ SB DESIGN SQUARE” (คอนโด โซลูชั่นส์ @ เอสบี ดีไซน์สแควร์) ทั้งยังนับเป็นเจ้าแรกที่รวบรวมบริการตกแต่งคอนโดแบบครบวงจร พร้อมตอบทุกเรื่อง ขจัดทุกปัญหา การแต่งคอนโดได้ในที่เดียว โดยเปิดตัวที่แรก ณ เอสบี ดีไซน์สแควร์ บางนา     นางธัญญรักข์ ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ เผยว่า สิ่งแรกเลย คือ เอสบีเข้าใจในความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงว่า เมื่อลูกค้าซื้อคอนโดฯ ก็อยากจะตกแต่งห้องให้สวย แต่บางครั้ง   ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง ทั้งสไตล์ที่ชอบ แบบที่ใช่ ช่างที่ไว้ใจได้ รวมถึงเรื่องงบประมาณ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะหมดปัญหาไปเมื่อได้มาที่ CONDO SOLUTIONS @ SB DESIGN SQUARE เพราะครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การเลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง ที่สามารถตอบโจทย์เพียงเรื่องการออกแบบ การใช้งาน คุณภาพและความสวยงามเท่านั้น แต่เอสบีจะเข้ามาช่วยดูแล “งานตกแต่งคอนโด” ให้กับลูกค้าแบบครบวงจร ทั้งงานปูพื้น  ดรอปฝ้า  ย้ายปลั๊ก ทำผนังตกแต่ง กรุกระจก เติมไฟประดับ  ติดฟิมล์กันความร้อน ผ้าม่าน วอลเปเปอร์ ติดตั้ง Digital Door Lock และระบบ Smart Home System   “การที่เอสบีมาทำแบบนี้ คือ การเดินเข้าสู่โลก Disruptive ซึ่งมันคือการเอา Pain Point ของผู้บริโภค มาหา Solution ให้ทุกอย่างง่ายขึ้น จึงเป็นที่มาของ CONDO SOLUTIONS ซึ่งทางเอสบีกำลังก้าวล้ำไปกว่า พวก Disruptive โดยทั่วไป คือ การเป็น Hybrid Disruptive ผนวกทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ให้ผู้บริโภคเอง ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่วาง 3D และดึง Database ทุกอย่างที่เอสบีมีเอามาใช้ เรียกได้ว่า ลงตัวทั้งคนและโลกดิจิตอล ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ปล่อยให้เครื่องมือทำงานอย่างเดียว เพราะว่าบ้าน คือ การใส่ใจลงไปด้วย เรายังมีทีมงาน Interior Designer มืออาชีพคอยช่วยดูแลเรื่องออกแบบและสไตล์การตกแต่ง และทีม Condo Décor Planner ที่เป็นมากกว่าผู้ช่วยส่วนตัว คอยให้คำปรึกษา ติดตามงาน บริหารจัดการเวลาและวางแผนงานติดตั้งต่างๆ ให้กับลูกค้า เพื่อให้การแต่งคอนโดของลูกค้าเป็นเรื่องสะดวกสบายและง่ายขึ้น”   โดยในงานเปิดตัว CONDO SOLUTIONS @ SB DESIGN SQUARE ยังยกห้องตัวอย่างแปลนห้องจริงของคอนโดโครงการต่างๆ  พร้อมไอเดียการตกแต่งมาไว้ให้ดูถึง 6 แบบ ซึ่งแต่ละแบบเรียกว่าสะท้อนสไตล์ที่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น แบบที่ 1 เป็นการนำแปลนห้องขนาด 33.5 ตารางเมตร จากโครงการ Ideo สุขุมวิท 93 มาตกแต่งเป็นสไตล์“Modern Luxury” ที่มีความเรียบหรู ดูทันสมัย ด้วยหลากวัสดุอินเทรนด์ อาทิ ลายหินอ่อนสีดำ Crystal High Gross อะลูมิเนียมสีทอง กระจกเงาเทา ขณะที่ แบบที่ 2 ด้วยพื้นที่เท่ากัน   ในโครงการเดียวกัน แต่มาในสไตล์ “Metro Luxe” ที่โฉบเฉี่ยวแบบแฟชั่นลุค โดดเด่นในธีมสีเทาเข้มขรึม แต่หยอดความมีชีวิตชีวาด้วยสีสันแห่งดีไซน์ ตามมาด้วย แบบที่ 3 กับขนาดพื้นที่ 33 ตารางเมตร โครงการ The Line สุขุมวิท 101 ถูกเนรมิตรในสไตล์ “Stylish Loft” ที่บ่งบอกเอกลักษณ์แห่งตัวตน สะท้อนความดิบ เท่ สไตล์ลอฟท์ ด้วยการตกแต่งที่เน้นเผยผิวสัมผัสของหลากวัสดุ ทั้งลายไม้ เหล็กและผ้า นอกจากการตกแต่งสไตล์เท่ๆ แล้ว ลองมาดูสไตล์หวานๆ กันบ้างกับ แบบที่ 4 ที่จำลองห้องขนาด 33.7 ตารางเมตร ของโครงการWhizdom Essence สุขุมวิท 101 มาตกแต่งในสไตล์  “Scandi Chic” ซึ่งมีความสวยเรียบ แต่ซ่อนเสน่ห์ด้วยลายไม้สีอ่อน ให้ความรู้สึกอบอุ่น และโปร่งสบาย สไตล์สแกนดิเนเวีย บอกรสนิยมอย่างมีระดับ ต่อกันด้วย แบบที่ 5 “Classy Urban” ที่หยิบเอาโครงการ Ideo Mobi สุขุมวิท 66 ขนาด 52.5 ตารางเมตร มาตกแต่งแบบไลฟ์สไตล์คนเมือง  ให้สัมผัสอบอุ่นแต่หรูหรามีสไตล์ ด้วยการผสานสีเอิร์ธโทนเข้ากับวัสดุ ลายหิน ลายไม้ และคริสตัลไฮกลอส และปิดท้ายด้วยสไตล์ที่หนุ่ม-สาวสายวินเทจห้ามพลาด กับ แบบที่ 6 “Classic White” ด้วยการเนรมิตห้องขนาด  22 ตารางเมตร ของโครงการ Knights Bridge Prime Onnut ให้ออกมาสวยคลาสสิค อ่อนหวาน ผสานความทันสมัย โดดเด่นด้วยหน้าบ้านสีพ่นสีขาว ดีไซน์คิ้วบัวสุดประณีต บอกเอกลักษณ์สไตล์วินเทจสุดๆ  พร้อมกันนี้  ทุกห้องยังสามารถติดตั้ง Digital Door Lock และเพิ่มระบบ Smart Home System เพื่อตอบรับการใช้ชีวิตแบบ Smart Metro Lifestyle ได้อย่างลงตัวอีกด้วย   และแม้ว่าเทรนด์การออกแบบตกแต่งคอนโดที่มาแรงในปี 62 นี้ จะเป็นสไตล์ลักซัวรี่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคงขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนด้วย เพราะการตกแต่งคอนโดฯ ให้ออกมาในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด น่าจะตอบโจทย์ ตัวเราเองได้อย่างดีที่สุดเช่นกัน ซึ่งนอกจากทั้ง 6 แบบที่กล่าวมาแล้วนั้น ก็ยังมีอีกหลายร้อยแบบเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า จะชอบแต่งคอนโดฯ สไตล์ไหน จะปรับ-เปลี่ยน-แต่งเติม-เพิ่มอะไร ให้ CONDO SOLUTIONS ดูแล คลิ๊กดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sbdesignsquare.com/th/condo_solutions
“SPACE, STYLE, FUNCTION & PERSONALITY”  ความสัมพันธ์ของพื้นที่ ตัวตน กับความลงตัวด้านความงามและประโยชน์ใช้สอย

“SPACE, STYLE, FUNCTION & PERSONALITY” ความสัมพันธ์ของพื้นที่ ตัวตน กับความลงตัวด้านความงามและประโยชน์ใช้สอย

3 กูรูนักออกแบบ พิมพ์รุจา ศานต์ตระกูล ต้น บดินทร์ พลางกูร และ ณัฏฐา สุนทรวิเนตร์ แชร์ประสบการณ์งานออกแบบที่ดี ต้องมีความสัมพันธ์ของพื้นที่ ตัวตน กับความลงตัวด้านความงามและประโยชน์ใช้สอย แก่นักศึกษาวิชาออกแบบ ยัง ทาเลนท์ ดีไซเนอร์ ในงานเวิร์กช็อป “Space, Style, Function & Personality” เพื่อบ่มเพาะนักออกแบบรุ่นใหม่ เติมพลังความคิดสร้างสรรค์และเตรียมพร้อมสู่โลกของการทำงานจริง     พิมพ์รุจา ศานต์ตระกูล รองประธานกรรมการ และดีไซเนอร์ ผู้รับผิดชอบงานออกแบบ ตกแต่งแก่ลูกค้าDMHOME ให้ความคิดเห็นต่อแนวทางการออกแบบในปัจจุบันว่า “งานออกแบบตกแต่งไม่มีกฎเกณฑ์หรือสไตล์ ที่ตายตัว แต่เป็นการทำงานบนความเป็นตัวตนของลูกค้าและผู้อยู่อาศัย หัวใจของงานออกแบบอยู่ตรงที่ การผสานFunction การใช้งาน และการดึงอารมณ์ ความรู้สึก (Emotion) บุคลิก ความชอบ เรียกว่าต้องเข้าใจ Insight ของลูกค้า เพราะแต่ละคนก็มีความเฉพาะเจาะจง ซึ่งงานออกแบบที่ได้ก็จะมีสไตล์ความพิเศษสะท้อน คาแร็กเตอร์ของลูกค้า ได้อย่างชัดเจน และความเป็นตัวตนนี้แหละคือเอกลักษณ์ของงานออกแบบที่ดีและ จะคงอยู่ต่อไป”     ด้านต้น-บดินทร์ พลางกูร นักออกแบบเจ้าของ Context Studio ผู้มีความชัดเจนในแนวทางการออกแบบที่ ไม่ตามเทรนด์ แต่มองถึงความเป็นปัจเจกและบริบทโดยรอบของลูกค้าและความสัมพันธ์ของสเปซ บอกว่า “เราต้องนำบริบททั้งหมดโดยรอบลูกค้ามาปรับใช้ เวลาเราออกแบบทุกงาน ลูกค้าเขาจะมีคาแร็กเตอร์ มีตัวตน ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นไอเดนติตี้ ที่ที่เราจะไปอยู่ สภาพแวดล้อม ฉะนั้นงานออกแบบมันควรจะต้องสะท้อน ตัวตนของผู้อยู่ งานออกแบบและตกแต่งภายในที่ดี ควรมีเอกลักษณ์เฉพาะสัมพันธ์กับพื้นที่ และไม่เฉพาะเพื่อ ความสวยงามเท่านั้นแต่มาด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ลงตัวกับสภาพแวดล้อม”     ในขณะที่ จือ-ณัฏฐา สุนทรวิเนตร์ ดีไซเนอร์เจ้าของ บริษัท Double V Space จำกัด เสริมเรื่องแรงบันดาลใจ และหัวใจของการทำอาชีพอินทีเรียดีไซเนอร์ว่า “การจะเป็นดีไซเนอร์ที่ดีต้องรู้จักสังเกตพฤติกรรมของคน และบริบทของสังคม สภาพแวดล้อม การทำงานดีไซน์ไม่เหมือนการทำงานไฟน์อาร์ต ต้องเข้าถึงความต้องการ ของลูกค้า ซึ่งไม่เพียงแค่ความสวยงามที่เราจะแนะนำลูกค้าแต่จะต้องสอดรับกับไลฟ์สไตล์การใช้งาน จึงจะเป็น การใช้งานได้อย่างคุ้มประโยชน์ ที่ฟังก์ชั่นต้องมาพร้อมกับฟอร์ม”     “จากประสบการณ์ทำงานออกแบบตกแต่งภายในแก่ลูกค้าของ DMHOME ทั้งที่พักอาศัย โชว์รูมและห้องพัก ตัวอย่างในโครงการชั้นนำของไทย อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการสร้าง Customer Experience หรือประสบการณ์ ที่ดีให้กับลูกค้า นักออกแบบที่ดีจะสามารถสื่อสารความคิด ถ่ายทอดไอเดียให้ลูกค้าเข้าใจ ทำให้ลูกค้ารู้สึก เชื่อมั่นและไว้ใจในตัวเราได้ สิ่งที่เราจะได้รับกลับมาคือการเป็นลูกค้าประจำและยังได้รับการบอกต่อแบบ ปากต่อปาก ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งจำเป็น ที่นักออกแบบรุ่นใหม่ต้องให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าการทำงานออกแบบ” พิมพ์รุจา สรุป     ทั้งนี้ DMHOME ได้จัดประกวดการออกแบบตกแต่งห้องพักในคอนโดมิเนียม แก่นักศึกษาวิชาออกแบบ เพื่อส่งเสริมศักยภาพและมอบโอกาสให้นักศึกษาได้พัฒนาฝีมือเพื่อเป็น Young Talented Designer ไทยรุ่นใหม่ ที่จะช่วยพัฒนาวงการออกแบบภายในให้ก้าวหน้าในอนาคต โดยมี ศิรวิชญ์ ชอบธรรม นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นผู้ชนะได้รับ ทุนการศึกษา Visual Merchandising - Interiors short summer course ที่ Central Saint Martins College ประเทศอังกฤษ
Rare location @Victory Monument

Rare location @Victory Monument

คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ อนุสาวรีชัยสมรภูมิ ย่านที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางของกรุงเทพฯ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ช่วงเริ่มก่อสร้างปี 2484 จนตัวอนุสาวรีย์เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 2485 ก็อยู่เคียงคู่คนไทยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ท่ามกลางบรรยากาศรอบๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นอาคารสูงใหญ่เกิดขึ้นมากมาย รถยนต์ผ่านตลอดทั้งวัน เพราะใกล้ทางด่วนรวมถึงสถานที่สำคัญ มีรถไฟฟ้าผ่าน อาหารการกินทั้งภัตตาคารชื่อดัง ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อไปจนถึง Street Food ทุกสิ่งส่งให้เป็นย่านที่สมบูรณ์พร้อมรอบด้าน แต่กลับมีที่อยู่อาศัยค่อนข้างน้อยค่ะ เราจึงเรียกว่าเป็น Rare Location แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ซึ่งในบทความนี้เราจะไปค้นหาเหตุผลที่ช่วยตอกย้ำความเป็น Rare Location ไปพร้อมๆ กันค่ะ   1.โซนที่ดินหายาก อนุสาวรีย์ชัยฯ ถือเป็นโซนที่ดินหายากมากค่ะ โดยเฉพาะสำหรับที่อยู่อาศัย เพราะแวดล้อมส่วนใหญ่แล้วจะเป็นที่ทำการของทางราชการ จะมีก็เพียงแต่ช่วงถ.ราชเทวี ฝั่งใกล้สวนสันติภาพ กับซอยรางน้ำที่พอจะมีที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยวตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่า และคอนโดมิเนียมสมัยใหม่ให้เห็นกันอยู่บ้างในละแวกรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ แต่ก็มีจำนวนไม่มากนัก ทั้งที่มีความต้องการอยู่อาศัยในย่านนี้อยู่ไม่น้อย โดนเฉพาะกลุ่มคนทำงานทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการกระทรวงต่างๆ รวมถึงใกล้กับโรงเรียน, มหาวิทยาลัย และแหล่งสถาบันกวดวิชา ทำให้ราคา/ยูนิตพุ่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว สามารถเก็บเกี่ยว Capital gain ได้ดีเยี่ยมเลยล่ะค่ะ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อการปล่อยเช่าตามไปด้วย เพราะ Supply มีน้อยกว่า Demand ก็ย่อมทำราคาได้ดีกว่า การแข่งขันก็ต่ำกว่าในโซนอื่น   2.ศูนย์กลางการเดินทางของกรุงเทพฯ แน่นอนว่าการเดินทางที่สะดวกรวดเร็วที่สุดในกรุงเทพฯ นั่นคือรถไฟฟ้าค่ะ โดยเฉพาะสายสีเขียวอ่อนที่เป็นสายหลักสำคัญที่ผ่านช่วงสำคัญต่างๆ มากมาย เช่น เอกมัย ทองหล่อ อโศก สยาม หรือแม้แต่อนุสาวรีย์ชัยฯ แห่งนี้ ซึ่งสามารถต่อการเดินทางไปยังเส้นทางอื่นๆ ได้ง่าย ชนิดที่ใครจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ย่อมต้องนึกถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ และยังมีจุดขึ้น-ลงทางพิเศษศรีรัช บริเวณฝั่งถนนพหลโยธินสามารถเชื่อมต่อไปทางแจ้งวัฒนะหรือสีลมได้สะดวก เพราะที่นี่นั้นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นหนึ่งใน HUB แห่งการเดินทางของบ้านเราค่ะ     3.แหล่งรวมโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ เป็นย่านที่มีโรงพยาบาลปักหมุดอยู่เยอะที่สุดในบ้านเราก็ว่าได้นะคะ ซึ่งแต่ละแห่งก็มีชื่อเสียงระดับประเทศเลยทีเดียว ตั้งแต่รพ.ราชวิถี ที่อยู่ใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยฯ มากที่สุด ไล่ขึ้นไปตามถนนราชวิถี ก็มีทั้ง รพ.เด็ก, รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน, รพ.สถาบันโรคผิวหนัง, รพ.พระมงกุฏเกล้า ไปจนตัดกับถนนพระราม 6 ก็มีทั้งรพ.รามา, สถาบันประสาทวิทยา, รพ.วิชัยยุทธ หรือแม้แต่รพ.พญาไท 1, รพ.พญาไท 2 อินเตอร์เนชันแนล, รพ.สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์, ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในบริเวณนี้ทั้งสิ้น ใครที่อยู่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ก็อุ่นใจได้เลยค่ะ       4.ย่านของคนรักสุขภาพ สวนสันติภาพ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นสวนป่ากลางกรุง บรรดาต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาช่วยกันโอบล้อมสระน้ำตรงกลาง เวลามีลมพัดผ่านจึงช่วยให้เกิดลมเย็นขึ้นมาด้วย ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบท่ามกลางเมืองใหญ่แบบนี้ ช่วงเย็นจึงเป็นที่นิยมสำหรับคนรักสุขภาพไม่ว่าจะมาเดิน-วิ่งรอบสระน้ำ มาเล่นเครื่องออกกำลังกายภายในสวน หรือมาร่วมแอโรบิคแดนซ์ช่วง 18.00 น. โดยสวนสันติภาพมีทางเข้า-ออกอยู่ 2 ทางคือจากถนนรางน้ำกับถนนราชเทวี เปิดตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น.   5.ร้านอาหารชื่อดังมากมาย ตั้งแต่เช้าจรดค่ำรับรองว่าละแวกนี้อาหารการกินไม่เคยขาดแน่นอนค่ะ ไม่ว่าจะสไตล์ไหนก็มีให้เลือกหลากหลายละลานตา ซึ่งถ้าจะให้เราแนะนำล่ะก็ มื้อเช้าของวันจะต้องเริ่มต้นด้วยอาหารดีๆ ต้อนรับวันใหม่ด้วยบรรยากาศร้านโทนสีขาวสว่างคลีนๆ ที่ร้าน Kay's Boutique Breakfast อาหารเช้าสไตล์ตะวันตกแบบโมเดิร์น มีทั้งบุฟเฟ่ต์และ À La Carte ใครที่เป็นสายถ่ายรูปรับรองว่าแต่ละเมนูออกมาได้ถ่ายรูปสวยแน่นอนค่ะ พอบ่ายคล้อยก็หาร้านนั่งจิบกาแฟในสไตล์ที่ไม่มีใครเหมือน เพราะร้านนี้คือ กาแฟนรสิงห์ ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ในวังพญาไท โดยสร้างขึ้นตั้งแต่รัชกาลที่ 6 ภายในร้านจึงจำลองบรรยากาศทั้งหมดให้ย้อนกลับไปในสมัยนั้น จิบกาแฟชมวังไปด้วยก็คลาสสิคไปอีกแบบนะคะ ปิดท้ายช่วงค่ำคืนกันด้วยเสียงเพลงแจ๊สละมุนละไมจากศิลปินคุณภาพที่หมุนเวียนเปลี่ยนกันมาขับกล่อมพร้อมเครื่องดื่มหลายชนิด และอาหาร อร่อยๆ ที่ร้าน Saxophone Pub & Restaurant คอเพลงแจ๊สไม่ผิดหวังแน่นอน   6.ช็อปปิ้งแบรนด์ดังแบบง่ายๆ มีทั้งอาหารการกินรายล้อม มีสวนสาธารณะไว้เปลี่ยนบรรยากาศออกกำลังกาย มีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ไว้ให้อุ่นใจ มีทั้งทางด่วน รถไฟฟ้าไว้เดินทางได้ง่ายๆ ทุกวันแล้ว จะขาดแหล่ง Shopping คุณภาพดีๆ ไปก็คงจะไม่สมบูรณ์แบบสมกับเป็น Rare location ใช่ไหมคะ ซึ่งแหล่ง Shopping ที่รับประกันคุณภาพของแท้แน่นอนคงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก King Power ซ.รางน้ำ ถึงไม่มีไฟล์บินก็สามารถไปเดินช็อปปิ้งได้ง่ายๆ สังเกตแค่ป้ายราคาสีฟ้าที่ติดไว้บนตัวสินค้าค่ะ นอกจากนี้ก็ยังอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าชื่อดังอีกหลายแห่ง เช่น เซนจูรี่, เซนเตอร์วัน, มาบุญครอง, สยามเซนเตอร์, สยามพารากอน เป็นต้น           Maestro 07 คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น บนพื้นที่ 1-0-41.80 ไร่ 171 ยูนิต แบ่งเป็นขนาด 1 Bedroom 27-29.34 ตร.ม. 150 ยูนิต กับ 2 Bedroom 45.51-68.37 ตร.ม. 21 ยูนิต ที่จอดรถ 67 คัน (40%) อยู่ที่ชั้นใต้ดิน B1-2 สถาปัตยกรรมของยังคงเอกลักษณ์ตามแบบฉบับ Maestro คือมีความผสมผสานระหว่างกลิ่นอายของความคลาสสิคสไตล์ตะวันตกกับความโมเดิร์นสมัยใหม่(Classic Inspired with Modern Twist) ทำให้ตัวอาคารออกมาดูเรียบหรู เกิดเป็นงานดีไซน์ Timeless Design ดูแล้วให้ความรู้สึกสงบผ่อนคลายเมื่อเข้ามาในโครงการ ซึ่งแตกต่างจากภายนอกที่เป็นถนนใหญ่ ซึ่ง Maestro 07 ตั้งอยู่หัวมุมซอยราชเทวี 7 ซึ่งสามารถเข้าจากทางซอยรางน้ำ แล้วเข้าซอยวัฒนโยธินอีกทีก็ได้ค่ะ ถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของแบรนด์ Maestro ทุกตัวเลยนะคะที่ต้องสามารถเข้า-ออกโครงการได้หลายเส้นทาง ตอนนี้สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วค่ะ     แม้ว่าตัวโครงการจะตั้งอยู่กลางเมืองใหญ่ ห่างจาก Skywalk เพียง 80 เมตร ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ 300 เมตร และ 500 เมตรจากทางพิเศษศรีรัช ทางโครงการเองที่ตระหนักถึงความวุ่นวายจากถนนใหญ่ดีค่ะ ก็เลยพยายามออกแบบมาให้เกิดความสงบผ่อนคลายมากที่สุด อย่างตัวโครงการที่เป็น Low Rise นั้นมีข้อดีตรงที่มียูนิตน้อย ทำให้ได้ความสงบเป็นส่วนตัวมากกว่า สำหรับ Maestro 07 จะมียูนิตน้อยที่สุดเพียง 10 ยูนิต/ชั้น และมากที่สุดคือ 24 ยูนิต/ชั้น มี Facilities ครบครันเปรียบได้กับ Sanctuary Space ที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในที่ออกแบบมาเพื่อการพักผ่อนที่ดีของลูกบ้านคนพิเศษ และยังคงอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ตามสไตล์ของ Major Development หรือวันว่างก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศเดินไปออกกำลังกายกลางสวนสันติภาพได้ แค่ 160 เมตรจากโครงการเท่านั้น   MAGNIFIQUE LOBBY และ EXECUTIVE LOUNGE ต้อนรับลูกบ้านและแขกผู้มาเยือนอย่างหรูหราโอ่โถง   KIDS ROOM สำหรับแต่งแต้มจินตนาการให้กับเด็กๆ     SWIMMING POOL กลางโครงการ พร้อม POOL TERRACE มุมนั่งพักผ่อนพร้อมเสียงสายน้ำล้อมรอบตัว   Roof Top Facilities แบ่งโซนเป็นสัดส่วน ตอบสนองการใช้ประโยชน์ได้จริงทั้ง BBQ COURTYARD พื้นที่สำหรับจัดงานปาร์ตี้ปิ้งย่างกับกลุ่มเพื่อน พื้นที่ SKY PLAYGROUND ให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่นท่ามกลางสวนสีเขียว ออกกำลังกายแบบเบาๆ ที่ PEACEFUL YOGA COURT มีลานให้สัตว์เลี้ยงได้วิ่งคลายเครียดใน PET ZONE หรืออยากมีโมเมนต์นั่งชิวรับลมก็มาพักผ่อนกันได้ที่ BIRDCAGE CABANA   Floor Plan ทางเข้า-ออกของโครงการจะอยู่ทางถนนราชวิถีค่ะ ซึ่งที่จอดรถจะอยู่ชั้นใต้ดิน 2 ชั้น ยูนิตพักอาศัยก็จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 โดยอาคารจะวางลักษณะรูปตัว U มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัวอยู่กลางอาคาร บันไดหนีไฟ 2 จุด ส่วนยูนิตพักอาศัยจะมีทั้งทางทิศเหนือ ฝั่งหน้าโครงการ ทิศใต้หลังโครงการได้วิวฝั่งซอยรางน้ำ ทิศตะวันออกได้วิวทางสวนสันติภาพ และทิศตะวันตกจะได้วิวทางอนุสาวรีย์ชัยฯ ค่ะ                           Unit Plan สำหรับ Maestro 07 จะมีขนาดห้องเริ่มต้นตั้งแต่ 1 Bedroom 27.00-29.34 ตร.ม. และ 2 Bedroom 45.51-68.37 ตร.ม.                           เสน่ห์ของความเป็น Maestro ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์อันงดงามที่แค่มองผ่านก็ทราบได้ทันทีว่านี่คือคอนโดมิเนียมที่มีความเรียบหรูไปพร้อมกับความสงบอยู่ภายใน แม้จะตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองก็ตาม ถ้าของดีแล้วทำเลใช่อย่างนี้ก็ไม่แปลกหรอกค่ะที่จะ Sold out อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าใครพลาดไปก็ยังสามารถมองหายูนิต Resale ได้อยู่นะคะ ลองติดต่อสอบถามไปดูได้ที่ ฝ่ายขายของโครงการได้ที่เบอร์ 02 116 1111 ค่ะ   รายละเอียดโครงการ Maestro 07 เพิ่มเติม >>> http://bit.ly/2RiQRBM    
5 ขั้นตอนในการวางแผนปรับปรุงห้องน้ำ อย่างมืออาชีพ

5 ขั้นตอนในการวางแผนปรับปรุงห้องน้ำ อย่างมืออาชีพ

รู้หรือไม่ ว่าอุปกรณ์ในห้องน้ำที่เราใช้อยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสุขภัณฑ์เซรามิค ก๊อกน้ำและกระเบื้องล้วนแล้วแต่มีอายุการใช้งาน อีกทั้งสุขภัณฑ์หรืออุปกรณ์ต่างๆ ยังมีวิวัฒนาการก้าวไกลไปตามยุคสมัย หากอุปกรณ์ในห้องน้ำของคุณยังล้าหลังอยู่ล่ะก็ ถึงเวลาแล้วสำหรับการปรับปรุงห้องน้ำของคุณ วันนี้ Villeroy & Boch (วิลเลรอย แอนด์ บอค) มี 5 ขั้นตอน ในการวางแผนปรับปรุงห้องน้ำอย่างมืออาชีพมาฝาก 1.การเตรียมการ ขั้นตอนการวางแผนควรเริ่มต้นขึ้นอย่างน้อย 6 เดือนก่อนการปรับปรุงห้องน้ำที่จะเกิดขึ้นจริง เพื่อให้ได้มีเวลาคัดสรรแบบห้องน้ำใหม่ให้ตรงใจที่สุด รวมถึงมีเวลาตัดสินใจคัดเลือกอุปกรณ์ในห้องน้ำว่าสิ่งใดที่คุณควรเก็บไว้ สิ่งใดที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลงรวมถึงทำให้เราได้มีเวลาวิเคราะห์ถึงความต้องการที่แท้จริงของเราและสมาชิกในครอบครัว เพื่อให้ได้ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองความต้องการของสมาชิกในบ้านให้มากที่สุด ที่สำคัญยังทำให้คุณมีเวลาเพียงพอที่จะจัดสรรเรื่องงบประมาณได้อย่างเป็นระบบอีกด้วย 2.หาแรงบันดาลใจ เมื่อพูดถึงเรื่องการออกแบบห้องน้ำแล้ว ย่อมเกิดตัวเลือกขึ้นมาในใจของคุณมากมาย Villeroy & Boch (วิลเลรอย แอนด์ บอค) จึงมีเครื่องมือออนไลน์อันชาญฉลาด เพื่อช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมตรงใจที่ Bathroom Inspirator โดยคุณสามารถคลิกเข้าไปที่ www.villeroyboch.com/bathroominspiration เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสคุณ จะได้พบกับหลากหลายคอลเล็กชั่น ที่สะท้อนถึงรสนิยมส่วนตัวของคุณได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถทดลองการผสมผสานกันระหว่างสุขภัณฑ์เซรามิค เฟอร์นิเจอร์ ห้องอาบน้ำ กระเบื้องผนังและกระเบื้องปูพื้นในรูปแบบที่แตกต่างกันหลายรูปแบบ เพื่อเป็นอีก 1 ทางเลือกของผู้ช่วยมืออาชีพ ให้คุณเนรมิตห้องน้ำในฝันของคุณแบบเสมือนจริง 3.การวางแผน ก่อนจะลงมือทำ คุณควรเริ่มต้นจากการทดลองวางขนาดของอุปกรณ์ต่างๆ ลงในแผนผังแผน วิธีหนึ่งในการปฏิบัติที่เหมาะสมและสวยงามสำหรับการปรับปรุงห้องน้ำ คือการติดตั้งผนังด้านหน้าเพื่อปกปิดระบบท่อและการเชื่อมต่อทั้งหมด ทั้งยังจะช่วยให้สามารถจัดวางตำแหน่งต่างๆ ของอ่างล้างหน้า ห้องอาบน้ำ รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างลงตัวและยังช่วยให้คุณสามารถคำนวณงบประมาณได้อีกด้วย   สำหรับผู้ที่กำลังมองหาไอเดียเกี่ยวกับ "การวางแผนห้องน้ำ" (Bathroom Planner ) ลองทดลองได้ที่ http://www.villeroy-boch.de/partnerbadplaner.html เป็นโซลูชันที่สมบูรณ์แบบ ที่จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนห้องน้ำในฝันของคุณได้อย่างสะดวกสบายภายในบ้านของคุณเองโดยการเริ่มต้นเพียงสอง สามขั้นตอน เริ่มจากภาพวาดง่ายๆไปจนถึงกราฟิกคอมพิวเตอร์ 3D ที่สมจริง อย่างไรก็ตามสำหรับการใช้งานจริงคุณจะต้องมีการวางแผนห้องน้ำอย่างมืออาชีพ   Villeroy & Boch (วิลเลรอย แอนด์ บอค) มีสุขภัณฑ์เซรามิคขนาดกะทัดรัดพิเศษ สำหรับห้องน้ำขนาดเล็กและผู้ที่มีงบประมาณที่จำกัด แม้จะมีขนาดที่เล็กลงแต่ยังคงให้ความสะดวกสบาย นอกจากนี้ ยังมีที่จัดเก็บสิ่งของ ที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในห้องน้ำขนาดเล็ก เคลฟเวอร์ (Clever) เป็นเฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำแบบแยกส่วนเหมาะกับพื้นที่เกือบทุกห้อง ดูดีและช่วยให้ห้องเป็นระเบียบเรียบร้อย อาทิ ตู้กระจกที่มีทั้งพื้นที่จัดเก็บและมีหลอดไฟ LED ให้แสงสว่าง ที 4.ช่างฝีมือ เมื่อเราได้แบบห้องน้ำที่ตรงความต้องการของเราแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกช่างมืออาชีพที่ไว้ใจสำหรับคุณ อาทิ ช่างปูนสำหรับงานโครงสร้างต่างๆ ช่างกระเบื้อง ช่างสี ช่างงานระบบน้ำ-ไฟ รวมไปถึงตัวแทนสุขภัณฑ์เครื่องใช้ภายในห้องน้ำต่างๆ ควรเลือกทีมงานที่มีความเชียวชาญ เพื่อสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างมืออาชีพ 5.กำหนดระยะเวลา ไม่มีเจ้าของหรือผู้เช่าคนใดเลือกที่จะอยู่ในท่ามกลางของสถานที่ก่อสร้างเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเตรียมการเพื่อให้อยู่ในระยะเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะในที่อยู่อาศัยที่มีห้องน้ำเพียงห้องเดียว เวลาที่จำเป็นสำหรับการปรับปรุงห้องน้ำจะขึ้นอยู่กับเนื้องาน การติดตั้งห้องน้ำใหม่ที่สมบูรณ์จะต้องใช้เวลามากขึ้นกว่างานปรับปรุงเล็กน้อยซึ่งสามารถทำได้ภายในสองสามวัน ในความเป็นจริงนั้น เราไม่จำเป็นต้องเป็นการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด บางทีเพียงแค่อ่างล้างหน้าหรือก๊อกใหม่ ก็สามารถสร้างรูปลักษณ์ใหม่ให้ห้องน้ำคุณได้ โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียวที่จะสามารถเพิ่มพื้นที่การใช้งานในห้องน้ำคุณให้มากขึ้นได้ ทั้งยังดูทันสมัยอีกด้วย แล้วเหตุใดคุณจึงไม่ลองเลือกพิจารณาสุขภัณฑ์ชิ้นพิเศษเพียงชิ้นเดียวเพื่อเนรมิตมุมพิเศษหือสร้างจุดเด่นให้ห้องน้ำของคุณล่ะ? เพราะเราเชื่อว่าการให้ความสำคัญกับคุณภาพและการออกแบบที่ล้ำยุคย่อมจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน   สำหรับผู้ที่สนใจสัมผัสสุขภัณฑ์คุณภาพเหนือระดับที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 270 ปี  พร้อมนวัตกรรมล้ำสมัย สามารถชมสินค้าได้ที่โชว์รูม “วิลเลรอย แอนด์ บอค” ทุกสาขา โทร. 02-206-3400 หรือ www.villeroy-boch.com          
จะฝากชีวิตไว้กับใคร ไลฟ์สไตล์ต้องเข้ากัน

จะฝากชีวิตไว้กับใคร ไลฟ์สไตล์ต้องเข้ากัน

ถ้าเปรียบการใช้ชีวิตคนเราเหมือนการเลือกคู่ชีวิตก็คงไม่ผิดนัก เพราะในทุกๆ วันเราจะตามหาสิ่งรอบตัวที่เหมาะกับตัวเองตั้งแต่ก่อนก้าวออกจากบ้านอย่างเสื้อผ้าที่บ่งบอกแฟชั่นความเป็นตัวเอง อาหารการกินที่ชื่นชอบ ของใช้ทุกชิ้นที่เราต่างก็อยากเลือกด้วยตัวเองเพื่อให้ได้สิ่งที่โดนใจที่สุด เข้ากันกับเรามากที่สุดถึงจะไปด้วยกันได้อย่างสบายใจ แต่ละคนก็มีความชอบส่วนตัวแตกต่างกันไป บางคนชอบออกกำลังกาย บางคนชอบนั่งชิวร้านกาแฟ บางคนชอบออกไปเที่ยว บางคนชอบอยู่บ้าน ถึงแม้ว่าไลฟ์สไตล์ของทุกคนจะไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเราใส่ใจกันก็จะเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นตรงกลาง ซึ่งเป็นจุดที่เรียกว่าความลงตัว ก็เปรียบเสมือนพบเจอเนื้อคู่ที่สามารถเข้ากันได้ในทุกเรื่องราวของชีวิต สำหรับที่อยู่อาศัยก็เช่นกันค่ะ ต้องใส่ใจเลือกสิ่งที่ลงตัวกับครอบครัวของเราให้มากที่สุด เพราะการซื้อบ้านสักหลังก็เหมือนการเลือกฝากชีวิตไว้กับใครสักคนที่สามารถดูแลกันและกันไปทั้งชีวิต     ใครๆ ก็อยากมีบ้านในฝันเป็นของตัวเองกันทั้งนั้นใช่ไหมคะ แต่กว่าจะได้บ้านที่ตรงใจเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัวของเราก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพบเจอ เพราะบ้านแต่ละหลังนั้นต้องประกอบด้วยรายละเอียดเล็กๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ใช่ คุณภาพวัสดุที่ต้องได้มาตรฐาน ความชำนาญในการก่อสร้าง ไปจนถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทเจ้าของโครงการ เพราะบ้านจะอยู่กับครอบครัวของเราไปอีกยาวนานหลายสิบปี ยิ่งถ้าบ้านในฝันหลังนั้นเกิดขึ้นมาจากความใส่ใจในคุณภาพมาตั้งแต่แรก สิ่งดีๆ ก็ย่อมเกิดขึ้นกับทุกคนในครอบครัวของเรา       25 ปีมาแล้วนะคะที่ “พฤกษา” พัฒนาคุณภาพอย่างไม่หยุดหยั้ง คอยดูแลบ้านด้วยความใส่ใจมาตลอด ตั้งแต่รากฐานด้วยเทคโนโลยีการผลิตวัสดุก่อสร้างได้มาตรฐาน การออกแบบให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี ใส่นวัตกรรมอันทันสมัยเพื่อชีวิตที่สะดวกสบายกว่าที่เคย เกิดเป็นสังคมที่มีสิ่งแวดล้อมดีๆ รอบตัวอย่างสร้างสรรค์ พร้อมด้วยบริการดูแลตั้งแต่ก้าวแรกตลอดจนการใช้ชีวิตในรั้วของพฤกษา และนี่คือ 5 แนวคิดหลักที่เกิดจากความใส่ใจลงไปในบ้านทุกหลัง เพื่อให้เป็นบ้านในฝันสำหรับทุกคน       ใส่ใจ...เทคโนโลยีการก่อสร้าง และการผลิต บ้านที่ดีไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม แต่ต้องมีรากฐานที่ดีมาตั้งแต่การใช้วัสดุและระบบการก่อสร้างอันทันสมัย ซึ่งพฤกษามีโรงงาน Pruksa Precast ผลิตคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป โดยใช้เทคโนโลยีจากเยอรมันนี สามารถมั่นใจได้กับคุณภาพแข็งแรง ทนทานทุกชิ้นก่อนออกจากโรงงาน เสริมด้วยระบบการก่อสร้างจากช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน Pruksa REM (Pruksa Real Estate Manufacturing) การันตีจาก 2 รางวัลยอดเยี่ยมระดับโลกของงาน ASQ ’s 2012 World Conference สหรัฐอเมริกา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด         ใส่ใจ...นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างสร้างสรรค์ เทคโนโลยีในยุคปัจจุบันที่มักจะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น ยิ่งหากได้นวัตกรรมที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ได้แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้กับทุกคนในครอบครัวของเรา อย่างระบบปฏิบัติการ Pruksa Home Automation & Security System ที่สามารถควบคุมได้แค่ปลายนิ้วสั่งผ่าน Smartphone ทั้ง Smart Control ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ Remote Smart Camera กล้องรักษาความปลอดภัยภายในบ้านสามารถสั่งงานออนไลน์ได้ Smart Security สัญญาณกันขโมย และเครื่องจับความเคลื่อนไหว       ใส่ใจ...การออกแบบอย่างสร้างสรรค์ กว่าจะได้บ้านแต่ละหลัง นั่นหมายถึงความทุ่มเทครั้งใหญ่ของชีวิต พฤกษาตระหนักดีถึงจุดนี้จึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ตามเทรนด์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง สร้างคุณค่าให้กับบ้านยุคใหม่ Safety Home บ้านแข็งแรงทนทานด้วยวัสดุได้มาตรฐาน ผ่านการคัดสรรจากโรงงานก่อนถึงไซต์ก่อสร้าง Healthy Home เพราะสุขภาพคือสิ่งสำคัญของครอบครัว พฤกษาจึงคิดตั้งแต่การวางผังบ้านเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี เหมาะกับเมืองร้อนในบ้านเรา ใช้สีทาบ้านที่ไม่ระคายเคืองต่อระบบหายใจ ห้องน้ำไม่อับชื้นปราศจากเชื้อรา ฯลฯ Green Home ดูแลครอบครัวแล้วก็ต้องดูแลโลกของด้วยการประหยัดพลังงาน  อย่างการใช้หลังคาระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ฝ้าสำเร็จรูปป้องกันความร้อน การใช้ผนังสำเร็จรูปลดฝุ่น ลดมลภาวะ วัสดุสังเคราะห์ที่ลดปัญหาการทำลายธรรมชาติ ฯลฯ Smart Home เป็นสิ่งที่บ้านสมัยใหม่จะขาดไปไม่ได้เลยทั้งระบบ Home Automation ควบคุมบ้านด้วยรีโมทคอนโทรลหรือผ่านโทรศัพท์มือถือ เช่น การเปิด – ปิด ไฟฟ้า หรือระบบ Building Information Modeling การออกแบบ 3 มิติ ด้วยคอมพิวเตอร์ให้การสร้างบ้านมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น     ใส่ใจ...สังคมและสิ่งแวดล้อมรอบข้างอย่างสร้างสรรค์ บ้านของเราจะน่าอยู่ได้ไม่ใช่แค่ตัวบ้านเท่านั้น แต่สิ่งแวดล้อมรอบๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน รวมถึงสังคมดีๆ ที่พฤกษาออกแบบสังคมคุณภาพที่พัฒนาเฉพาะเพื่อคุณ Solar Cell ประหยัดพลังงานด้วยการดึงพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ที่ส่วนกลาง แถมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางลงได้   Jogging Track สวนที่ออกแบบพิเศษสำหรับการออกกำลังกาย สำหรับคนรักสุขภาพ Bike Lane เลนสำหรับรถจักรยานโดยเฉพาะ ปั่นได้ปลอดภัยภายในโครงการ CCTV ติดตั้งกล้องวงจรปิดทั้งบนถนนหลักถนนรอง และ Main Gate ในทุกๆ โครงการ   Double Security Gate เพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยประตูทางเข้า 2 ชั้น   Fast Lane & Easy Pass แยกทางเข้า – ออก ระหว่างลูกค้าและแขกผู้เยี่ยมเยือน       ใส่ใจ...การบริการอย่างสร้างสรรค์ การบริการถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่จะทำให้เกิดความประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกด้วยทีมงานที่มีความชำนาญ ตั้งแต่ให้คำปรึกษาเรื่องสินเชื่อ ไปจนบริการหลังการขายพร้อมดูแลคุณทุกปัญหา โดยสามารถแจ้งปัญหาผ่าน www.pruks.com ที่สะดวกครอบคลุมทุกช่วงเวลา ให้ได้กว่าคำว่าบ้าน   สิ่งสำคัญที่สุดนั่นคือรากฐานที่ดีจะต้องมีตั้งแต่แรกเริ่มจนกลายเป็นบ้านในฝันของใครหลายคน คือความทุ่มเทจากพฤกษาที่พร้อมจะมอบบ้านคุณภาพที่ดีที่สุดส่งมอบให้กับลูกบ้านทุกคน เพราะ Pruksa ใส่ใจ...เพื่อทั้งชีวิต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1739 หรือ Pruksa.com  
24 Hours in Ramkhamhaeng

24 Hours in Ramkhamhaeng

พูดถึง “รามคำแหง” เชื่อว่าหลายคนน่าจะมีภาพผุดขึ้นมาในหัวทันทีแบบไม่ต้องคิดนาน…. ถนนสายเก่าที่พลุกพล่านตลอดทั้งวัน มีกิจกรรมสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนจนแทบจะไม่เคยหลับใหล นอกจากจะเป็นแหล่งการศึกษาชั้นนำแล้ว ก็ยังเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นศูนย์กลางของการกีฬา และมีสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็ตั้งอยู่บนถนนสายนี้เช่นกัน ภาพที่ผู้คนหมุนเวียนในแต่ละวันมากมาย ตั้งแต่เช้าจรดค่ำจนถึงรุ่งเช้าของอีกวัน ทำให้เรารู้สึกว่าย่านรามคำแหงไม่เคยหลับเลย แต่ใครจะรู้ว่าในย่านรามคำแหงนี้ ยังมีมุมสงบสวยๆ ร้านคาเฟ่สุดแนวซึ่งดีต่อกายและใจให้เราได้เช็คอินกันรัวๆ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ พร้อมแล้วตามเราไปเติมประสบการณ์ใหม่ให้ชีวิตในรามคำแหงกันค่ะ   Sport Lover : กกท. (การกีฬาแห่งประเทศไทย)   ด้วยความที่เป็นศูนย์กลางของกีฬาแห่งประเทศไทย จึงมีหลายประเภทกีฬาเปิดกว้างสำหรับประชาชนทั่วไปให้ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก ไม่ได้สงวนเฉพาะแต่ทีมชาติเท่านั้น จะว่ายน้ำ ยิงปืน เทควันโด ยกน้ำหนัก หรือจะหมัดมวย สาย Active ชอบออกกำลังกายไม่ควรพลาด   ไฮไลท์ที่เรากำลังสนใจคือ “การยิงธนู” กีฬาที่แสนจะคูล เพราะต้องอาศัยทั้งสมาธิอันแน่วแน่ และจิตใจที่แข็งแกร่ง เพราะต้องฝึกฝนจนเกิดทักษะความแม่นยำ แค่เห็นท่าทางการน้าวสายธนูของนักกีฬาที่กำลังฝึกอยู่ในสนามก็เท่เกินบรรยายแล้วล่ะ ใน “กกท.” ยังมีสมาคมกีฬาที่น่าสนใจอีกมากมาย หรือแม้กระทั่งพื้นที่ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้ออกกำลังกายได้ทุกวัน     Café Hopping : Emmie’s  +  Café Now   ใครจะเชื่อว่า “รามคำแหง” มีคาเฟ่เก๋ๆ เยอะจนเลือกแทบไม่ถูก ทั้งแบบ Grab & Go และแบบที่มีพื้นที่ให้นั่งเล่น นั่งชิล หรือแม้แต่นั่งทำงานก็ยังได้   “Emmie’s” เป็นร้านหนึ่งในซอยพระรามเก้า 49 คาเฟ่สีขาวน่ารักพร้อมบรรยากาศเงียบสงบแห่งนี้ มีเมนูบรั้นช์และขนมหวานในสไตล์เฮลธ์ตี้ให้เลือกมากมาย โทนสีขาวแบบเรือนกระจก ทำให้รู้สึกโล่งและโปร่งมาก ยิ่งหันไปเห็นสีเขียวๆ สบายตาจากต้นไม้รอบๆ อีก บอกเลยว่าที่นี่เหมาะแก่การซุกตัวในวันหยุดมากๆ       จากคาเฟ่สีขาว เปลี่ยนมูดมาที่คาเฟ่โทนเข้มอย่าง “Café Now” by Propaganda แค่ชื่อก็การันตีความเท่ห์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีอาหารและเครื่องดื่มสุดแนวให้ได้ลองกันอีกด้วย ภายในร้านเต็มไปด้วยของแต่งบ้านและของสะสมสไตล์วินเทจ ถูกใจคนรักงานดีไซน์แน่นอน ไม่ว่าจะนั่งเล่นจิบกาแฟชิลๆ หรือจะนัดคุยนั่งทำงาน บรรยากาศในร้านก็น่าจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี           ออกซิเจนเต็มปอด : สวนนวมินทร์ภิรมณ์   ถ้าการออกกำลังกายใน กกท. ดูจะจริงจังเกินไป “สวนนวมินทร์ภิรมณ์” น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนในย่านรามคำแหง ห่างออกมาแค่อึดใจก็จะได้สูดออกซิเจนได้เต็มปอด การได้มาวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่รอบบึง ได้เดินเล่นปล่อยสมองให้ได้หยุดพักกับธรรมชาติรอบตัวซักนิด หรือจะชวนเพื่อนๆ มาเล่นกีฬาด้วยกัน ก็อาจจะเป็นการชาร์จแบตที่ดีที่สุดของวันเลยก็ได้       ถูกใจสายเปย์ : แหล่งช็อปปิ้งหลากสไตล์   ย่านรามคำแหงมีแหล่งช็อปปิ้งให้เลือกหลากหลายสไตล์ แวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตลาดนัด รวมถึงคอมมิวนิตี้มอลล์ก็มีให้เลือกแวะ ช็อป ชิลได้ไม่เว้นวัน คุณแม่บ้านน่าจะถูกใจกับการเลือกซื้ออาหารปรุงสดสะอาดจากตลาดเสรีมาร์เก็ต สายเฮลท์ตี้ก็ได้สนุกกับการช็อปปิ้งอาหารเพื่อสุขภาพที่ Lemon Farm หรือ Gourmet Market ของเดอะมอลล์ จับจ่ายผักผลไม้สารพัดชนิดกลับไปปรุงมื้ออาหารที่ดีต่อกายและใจ          ยังคงเอาใจสายสุขภาพกันต่อด้วย แหล่งช็อปปิ้งอุปกรณ์กีฬา ซึ่งจัดหนักจัดเต็มตั้งแต่ห้าง FBT ซึ่งตั้งตระหง่านคู่ถนนรามคำแหงมาอย่างยาวนาน หรือถ้ายังไม่ถูกใจ แผนกเครื่องกีฬาในห้างเดอะมอลล์ก็นับว่ามีครบครันแทบจะทุกแบรนด์ให้เลือกหากันเลยทีเดียว       ถ้าเป็นคนรามฯตัวจริง จะต้องเคยเดิน “ตลาดนัดการกีฬาไนท์” (ตลาดนัด กกท.) ไม่งั้นจะถือว่าไม่ใช่ ช่วงเย็นๆ ของทุกวัน (เว้นเวันพุธ) ที่นี่มีของให้เลือกจับจ่ายเพียบ ไม่ว่าจะของกิน ของใช้ทั่วไป เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า มีให้เลือกแทบไม่ซ้ำในราคาน่าคบหาอีกด้วย         Life Style 24 ชั่วโมง : Niche MONO Ramkhamhaeng   พูดถึงรามคำแหงมาไม่น้อยแล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะเริ่มสนใจ และอาจจะเปลี่ยนใจอยากมาใช้ชีชิตในย่านนี้กันบ้างแล้วแหละ เพราะรามคำแหงยังมีอะไรน่าค้นหาอีกเยอะ ถ้าจะพูดถึงคอนโดมิเนียมในรามคำแหง หนึ่งในโครงการที่จะมาตอบโจทย์ Life Style แบบ 24 ชั่วโมงนี้ ต้องยกให้ “Niche MONO Ramkamhaeng” เท่านั้น เพราะหัวใจหลักของการออกแบบโครงการนี้คือ “ความสนุกของการใช้ชีวิต ที่สามารถเติมเต็มทุกกิจกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง” ด้วย Facility ส่วนกลางขนาดใหญ่ต่อเนื่องทั้งโครงการ ใหญ่กว่า 6.5 ไร่ ซึ่งรวบรวมทุก Healthy Lifestyle ไว้อย่างครบถ้วน และยังเป็นโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางที่ใหญ่ที่สุดในย่านรามคำแหงเลยทีเดียว     ถึงจะไม่ได้ไปออกกำลังกายที่ กกท. ในโครงการเองก็ยังมี Sport Village ขนาดใหญ่ รวบรวมไว้ทั้ง Jogging Track, Bike Lane, สนามบาสเกตบอล แบบ Multi-Sport ซึ่งปรับเปลี่ยนเป็นสนามฟุตซอลได้ และสระว่ายน้ำมากถึง 3 สระ 3 สไตล์ ถ้าทั้งหมดนี้ยังไม่หนำใจ Niche MONO Ramkhamhaeng ยังจัด Fitness Village ขนาดใหญ่ที่ชั้น 6-7 ให้อีก พร้อมพื้นที่สีเขียวบิ๊กเบิ้มที่เราไม่จำเป็นต้องออกไปหาสูดโอโซนที่อื่นอีก ทั้งหมดนี้เปิดให้บริการกันแบบ 24 ชั่วโมงไปเลยยยย  เรียกว่าเอาใจคนรักสุขภาพกันแบบเต็มๆ   ความเพียบพร้อมที่ทางโครงการเตรียมไว้ ไม่ได้เอาใจแค่ลูกบ้านหัวใจนักกีฬาเท่านั้นนะคะ ลูกบ้านที่ชอบชิล ชอบแฮงค์เอ้าท์ ก็มีพื้นที่ส่วนร้านค้าภายในโครงการรวมไว้ทั้ง Café เก๋ๆ, ร้านอาหาร และซุปเปอร์มาร์เก็ตไว้ค่อยอำนวยความสะดวก และตอบทุกโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างแท้จริง         Niche MONO Ramkamhaeng อยู่บนทำเลการเดินทางสะดวกแบบสุดๆ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าหัวหมาก (สายสีส้ม) 0 เมตร ใกล้ทั้งสถานีอินเตอร์เชนจ์ ใกล้แอร์พอร์ตลิงค์ ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน และมอเตอร์เวย์ ด้วยทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ทำให้คุณสามารถกำหนดจังหวะการเดินทางในทุกวันได้ด้วยตัวเอง   Niche MONO Ramkhamhaeng เริ่มต้น 1.99 ล้านบาท* เปิดจอง 1-7 พ.ย. นี้ ที่เดอะมอลล์บางกะปิ ลงทะเบียนรับส่วนสูงสุด 100,000 บาท* สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก http://bit.ly/2IcXJ09    
ทอล์กไอเดียแต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ยกับ หมอวั้ง

ทอล์กไอเดียแต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ยกับ หมอวั้ง

หากเราต้องการจะตกแต่งห้องสักห้อง หรือบ้านสักหลัง แน่นอนว่าแทบทุกคนก็ต้องรีดไอเดียกันมาอย่างเต็มที่ บ้างก็ต้องไปเสาะแสวงหาแนวทางหรือดีไซน์เก๋ๆ เพื่อมาทำให้ที่อยู่ของเรากลายเป็นบ้านในฝันแบบ ‘โฮม สวีท โฮม’ กันอย่างแน่นอน แต่หากมองลึกเข้าไปในตัวบ้านจริงๆ แล้ว ยังมีปัจจัยเล็กๆ ที่หลายคนมองข้ามไป ซึ่งหากเพ่งมองดีๆ เรื่องนี้ก็เป็นไอเดียแต่งบ้านสุดแสนจะสำคัญที่อยู่เคียงคู่กับความเชื่อของเราๆ มาตลอด แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องของ “ฮวงจุ้ย” นั่นเอง ส่วนใหญ่แล้วฮวงจุ้ยจะถูกมองว่าเป็นความเชื่อรูปแบบหนึ่ง แต่ใช่ว่าเคล็ดลับทุกอย่างในตำราจะเป็นแค่ความเชื่อเท่านั้น  หัวใจสำคัญของฮวงจุ้ยอิงจากหลักจิตวิทยา และยิ่งถ้าบวกกับความรู้ด้าน Interior Design แล้วล่ะก็ ฮวงจุ้ยจะกลายเป็นศิลปะที่น่าสนใจที่บรรดาเหล่าคนรักบ้านไม่ควรมองข้ามกันเลยทีเดียว ที่สำคัญเมื่อไม่นานมานี้ ‘หมอวั้ง’ หมอดูชื่อดังควบตำแหน่งอดีตนิสิตเอก Interior ทอล์กไอเดียแต่งบ้านผ่านแฟนเพจ Horolive.com ซึ่งเป็นเคล็ดลับแต่งบ้านแบบกูรู อย่างนี้ก็ต้องเอามาเล่าให้คนรักบ้านฟังเพื่อเสริมไอเดียใหม่ๆ แบบไม่ให้ตกหล่นกันเลยดีกว่า สิ่งแรกที่นักแต่งบ้านทุกคนต้องรู้ก็คือ คำแนะนำสั้นๆ 3 ข้อ ที่ต้องจำให้ขึ้นใจ คือ บ้านไม่ควรรก, รีบทิ้งของเน่าเสียในบ้าน และไม่ควรเก็บข้าวของที่ชำรุดแล้วไว้ในบ้าน เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลในเรื่องความเหน็ดเหนื่อยวุ่นวายในการใช้ชีวิตและการเงิน ซ้ำยังส่งผลให้คนในบ้านเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอีกด้วย และที่สำคัญบ้านที่ไม่รก ไม่มีของเน่าของเสียก็จะดูสะอาดสะอ้าน สบายตา เสริมพลังด้านบวก พร้อมต้อนรับเรื่องดีๆ ใหม่ๆ เข้ามาในบ้าน นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดของตกแต่งอื่นๆ ที่เราอาจมองข้าม ซึ่งหมอวั้งก็ได้เล่าเคล็ดลับเสริมฮวงจุ้ยตั้งแต่หน้าบ้านยันหลังบ้าน ให้เราไปอัพเดทไม่ให้พลาดสักจุดกันเลยทีเดียว   รองเท้า เริ่มจากสิ่งที่ถูกถอดไว้ก่อนเข้าบ้านกันเลย รองเท้าไม่ควรถูกวางขวางทางเข้าบ้าน เพราะเป็นของที่เหยียบย่ำอยู่ติดเท้า และกลิ่นของรองเท้าจะทำให้บรรยากาศของบ้านไม่ดี ที่สำคัญคือเหล่าสัตว์ร้าย อย่างงู มด และแมลงต่างๆ อาจไปซ่อนตัวอยู่ในรองเท้า ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับเราได้ วิธีแก้ง่ายๆ คือหาชั้นวางรองเท้าที่เป็นระเบียบวางไว้ข้างประตู ก็ช่วยเปิดทางให้ลมพัดเอาบรรยากาศดีๆ เข้าภายในตัวบ้านได้แล้ว   ปลั๊กไฟ เมื่อเดินผ่านประตูบ้านหรือห้องมา ด้านขวามือไม่ควรเป็นแหล่งรวมของปลั๊กไฟที่ไร้ระเบียบ เพราะด้านขวามือของบ้านคือแหล่งพลังงาน การมีปลั๊กไฟจะทำให้เกิดการขัดแย้งกัน ส่วนสายไฟจะสื่อถึงคลื่น หากไร้ความเป็นระเบียบจะแสดงถึงอาการควบคุมอารมณ์ยาก เกิดการโต้เถียงในครอบครัวบ่อยๆ และจะทำให้เกิดอันตรายอีกด้วย   นาฬิกา ห้ามวางอยู่ปลายเท้าเวลานอน เพราะจะทำให้เกิดความกังวล พักผ่อนได้ไม่เต็มที่ สำหรับนาฬิกาดิจิทัล จะเหมาะกับห้องทำงาน ห้องรับแขก ไม่เหมาะกับห้องนอน เพราะจะทำให้เกิดแสงรบกวนในห้อง และหากเป็นนาฬิกาแบบเข็ม ก็ไม่ควรได้ยินเสียงการเดินของนาฬิกา เพราะเสียงของเข็มนาฬิกาสื่อถึงเวลาชีวิตที่เดินไปหาวันสุดท้าย ที่สำคัญที่สุดคือในบ้านห้ามมีนาฬิกาเสีย เพราะจะทำให้การงานติดขัด และสื่อถึงเรื่องราวในชีวิตเราจะหยุด จะติดขัด สะดุด ไม่ราบรื่น โคมไฟ ไม่ควรซื้อดีไซน์ที่มีความแหลม เป็นปลายหอก ปลายธนู ปลายดาบ ที่ทิ่มลงมา โดยเฉพาะในห้องนอน โต๊ะทานข้าว จะส่งผลเรื่องสุขภาพ โคมไฟแบบห่วง หรือแบบกลมจะช่วยให้การทำธุรกิจรุ่งเรือง เพราะสื่อถึงสัญลักษณ์ Infinity โคมไฟสุ่ม หรือแบบตะแกรงเป็นโคมไฟที่ดี สามารถวางไว้ได้ทุกที่ในบ้าน และโคมไฟหลากสี ตามสีเบญจธาตุ แดง ขาว เขียว น้ำเงิน เหลือง จะสื่อถึงลักษณะฮวงจุ้ยที่ดี   กระจก ข้อห้ามสำคัญ คือห้ามติดกระจกตรงกับช่องบานประตู และไม่ควรติดกระจกตรงกับบันไดแนวที่เราเดินขึ้น เพราะมุมนี้แสดงถึงมุมที่เป็นอันตราย รวมทั้งไม่ควรใช้กระจกที่มีดีไซน์ของรอยต่อหลายแผ่น เพราะรอยต่อนั้นจะสื่อถึงความไม่เชื่อมโยง ไม่สมบูรณ์ ซึ่งกระจกที่ปลอดภัยและสามารถติดได้ทุกจุดของบ้านคือ กระจกทรงกลม กระจกทรงรี ไม่มีเหลี่ยม ไม่มีมุม แต่หากต้องติดกระจกที่มีเหลี่ยม ก็ไม่ควรติดหันเหลี่ยมไปทางมุมที่เราใช้ชีวิต เช่น ที่นอน ที่นั่ง ที่ทำงาน ที่เก็บเงิน   วอลล์เปเปอร์ ในยุคที่มีนวัตกรรมอันหลากหลายจึงเกิดวอลล์เปเปอร์ที่สามารถเขียนได้ ลบได้ และมีคุณสมบัติแม่เหล็กติดของโชว์ได้ ซึ่งวอลล์เปเปอร์นี้ไม่ควรติดไว้ในห้องสำคัญ เช่น ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องนั่งเล่น เพราะด้านนั้นจะเป็นด้านผนังที่มีพลังไม่ดี เรื่องของลวดลาย วอลล์เปเปอร์ที่มีลายของสัตว์ดุร้ายหรือสัตว์มีพิษ ห้ามติดภายในบ้าน ในห้องนอนควรหลีกเลี่ยงลายที่ดูมีความแหลมคม พันไปมา ยุ่งยาก ซับซ้อน จะส่งผลในมีปัญหาคู่ครอง ผ้าม่าน นับเป็นสิ่งเสริมฮวงจุ้ยที่ดี เพราะหากหน้าต่างหรือประตูหันหน้าเก็บแสงแดดไว้จะทำให้บ้านร้อน ทำให้เราหลับพักผ่อนไม่สบาย ยิ่งถ้าเปิดเครื่องปรับอากาศ ก็จะทำให้พลังร้อนและเย็นมาปะทะกัน จนทำให้เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยได้ ซึ่งผ้าม่านแบล็กเอาท์ที่กันแสง UV ได้ 100% ก็เป็นของตกแต่งที่ตอบโจทย์ฮวงจุ้ยได้ดี   สี แม้บางสีจะมีความเป็นมงคลสุดๆ แต่ควรคำนึงถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการใช้สีนั้นๆด้วย เช่น สีแดง ไม่ควรทาทั้งบ้าน แต่ควรใช้ในบางมุมของบ้าน เช่น มุมผนังที่เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แนวของเสาที่บังหลบเหลี่ยม ส่วนของประตู เพราะประตูบ้านส่วนใหญ่จะเป็นมุมของความมีชื่อเสียง ที่สำคัญคือตามหลักฮวงจุ้ยไม่ควรรื้อหรือทุบบ้าน การใช้สีทับเพื่อเปลี่ยนฮวงจุ้ยก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี   การตกแต่งบ้านที่ดีนอกเหนือจากความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยที่หลากหลายแล้ว ดีไซน์เองก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน และสำหรับคนรักบ้านไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือวัยเก๋าเอง ก็ควรระมัดระวังความลงตัวเข้ากันได้ของบรรยากาศบ้าน เพราะหากเราเลือกของตกแต่งที่เป็นมงคล แต่ไม่เข้ากับแนวทางตกแต่งของบ้านเราเลย ก็จะทำให้บรรยากาศนั้นติดลบเอาเสียเปล่าๆ เพราะความเชื่อที่ดีควรตั้งอยู่ในความเหมาะสม และไม่ก่อความเดือดร้อน ที่สำคัญที่สุดคือ เชื่อแล้วต้องมีความสุข เชื่อแล้วต้องสบายใจนั่นเอง
“ยิปซัมตราช้าง” แนะเคล็ดลับรีโนเวทบ้านสร้างความสุขให้กับผู้สูงอายุ

“ยิปซัมตราช้าง” แนะเคล็ดลับรีโนเวทบ้านสร้างความสุขให้กับผู้สูงอายุ

ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 โดยจะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปในสัดส่วนสูงถึง 20%  ทำให้สัดส่วนของผู้สูงอายุต่อประชากรวัยทำงานสูงถึง 1 ต่อ 4 คน (ข้อมูลอ้างอิงจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของคนในสังคมที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการอยู่อาศัยและที่อยู่อาศัยที่ต้องสามารถตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุให้มีความเหมาะสม สะดวกสบาย และปลอดภัยมากขึ้น  “ยิปซัมตราช้าง”  ตระหนักถึงความสำคัญนี้ จึงขอนำเสนอเคล็ดลับ “การรีโนเวทบ้านเพื่อผู้สูงอายุ” เพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่มาพร้อมกับมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สำหรับพื้นที่ใช้งานของผู้สูงอายุที่มีการใช้งานในชีวิตประจำวันบ่อยครั้ง เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ และพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง ควรจัดให้อยู่บริเวณชั้นล่าง เพื่อความสะดวกและปลอดภัยไม่ต้องเดินขึ้นลงบันได เริ่มที่ ห้องนอน ขนาดพื้นที่ห้องนอนควรกว้างขวางพอสำหรับพักผ่อนและทำงานอดิเรก ควรอยู่ใกล้ห้องน้ำหรือมีห้องน้ำในตัว มีหน้าต่างในขนาดและระดับที่เหมาะสมให้มองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกชัดเจนและรับแสงธรรมชาติได้ เพิ่มความปลอดภัยด้วยการติดตั้งไฟอัตโนมัติพร้อมเซ็นเซอร์บริเวณเตียงและตามทางเดิน เพื่อช่วยนำทางให้ผู้สูงอายุลุกเดินไปห้องน้ำในเวลากลางคืนได้สะดวกยิ่งขึ้น ห้องน้ำ ไม่ควรมีพื้นต่างระดับ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุกับผู้สูงอายุหากเกิดอาการกล้ามเนื้อหรือแขนขาอ่อนแรง พื้นผิวกระเบื้องต้องไม่ลื่นและมีค่าความฝืดที่เหมาะสม ควรติดตั้งราวจับทรงตัวบริเวณที่นั่งอาบน้ำเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัย   นอกจากนี้ควรติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือด้วย หากเกิดการล้มและเหตุฉุกเฉินเพื่อคนในบ้านจะสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที พื้นที่ทั่วไปภายในบ้าน ควรติดตั้งราวจับทรงตัวไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อช่วยพยุงตัวระหว่างเดิน และลดความเสี่ยงในการหกล้ม   วัสดุปูพื้นควรเลือกใช้ที่พื้นผิวเรียบแต่ไม่ลื่น มีความนุ่มแต่ไม่ยวบจะช่วยลดแรงกระแทกได้ และยังช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถทรงตัวได้ดีขณะเดิน ประตูควรเป็นประตูบานเลื่อนระบบรางแขวนด้านบน เพื่อไม่ให้มีธรณีประตูหรือรางกีดขวางด้านล่าง ช่วยลดโอกาสการสะดุดหกล้มและควรมีความกว้างที่มากพอหากต้องรองรับการใช้งานของรถเข็น มือจับประตูต้องมีขนาดที่เหมาะสม ใช้แรงน้อยในการเปิดปิด ไม่ลื่นมือ และไม่มีเหลี่ยมมุมที่อาจทำให้เกิดอันตรายจากการล้มกระแทกหรือเกี่ยวเสื้อผ้า พื้นที่ภายนอก สามารถจัดสรรพื้นที่ทำสวน เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายและกระตุ้นให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีชีวิตชีวาได้ด้วยการทำกิจกรรมเบาๆ อย่างเช่น รดน้ำต้นไม้ พื้นทางเดินภายนอกควรเป็นพื้นระดับเดียวและมีความเรียบสม่ำเสมอกันทั้งผืน ควรเลือกใช้วัสดุพื้นที่ไม่ลื่นและช่วยลดแรงกระแทก หากเกิดการล้มก็จะช่วยบรรเทาความรุนแรงได้ นอกจากนี้ยังควรติดตั้งราวจับทรงตัวและเตรียมพื้นที่สำหรับนั่งพักด้วย สำหรับการปรับปรุงและขยายห้องกรณีที่ภายในบ้านมีผู้สูงอายุที่ต้องนั่งวีลแชร์ ทำให้ห้องเดิมกลายเป็นห้องที่เล็กเกินไปจะขยับไปทางไหนก็ติดและกลับตัวไม่สะดวก ในกรณีแบบนี้เราสามารถติดตั้งผนังยิปซัมเพื่อช่วยขยายพื้นที่ได้ ด้วยการรื้อผนังเดิมและขยับแนวผนังเพื่อขยายห้อง โดยควรเลือกใช้ผนังยิปซัมที่มีความหนา12มม. เพราะจะสามารถทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี   นอกจากเคล็ดลับด้านบนแล้ว “ยิปซัมตราช้าง” ขอนำเสนอนวัตกรรมระบบปิดผิวผนังอีซี่ฟินิช ตราช้าง (EASYFINISH™ System) “นวัตกรรมเพื่อผิวผนังที่สมบูรณ์แบบ” ช่วยให้ผนังสวยเรียบเนียน ปราศจากรอยร้าว ทำให้ผนังได้ระนาบช่วยให้การติดตั้งเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินเรียบเนียนสวยงาม ทำงานได้งานเร็วขึ้น ช่วยลดมลภาวะจากฝุ่นละออง เหมาะสำหรับบ้านที่มีผู้อยู่อาศัยและต้องการรีโนเวทบ้านให้รองรับกับการใช้งานของผู้สูงอายุได้อย่างครบถ้วน   สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนยิปซัมตราช้าง โทร. 02-555-0000 หรือ www.siamgypsum.com หรือ facebook fanpage:@GypsumTraChangTH
ตำแหน่งขุมทรัพย์ ตามหลักฮวงจุ้ยอยู่ตรงไหนเอ่ย

ตำแหน่งขุมทรัพย์ ตามหลักฮวงจุ้ยอยู่ตรงไหนเอ่ย

อ.ธนากร แนะนำว่า "หลายๆ คน ชอบถามเสมอว่า ตำแหน่งขุมทรัพย์ผมอยู่ตรงไหน แล้วตั้งดูอย่างไร ต้องถามซินแสฮวงจุ้ยไหม คำตอบคือ ไม่ต้องครับ ลองทำแบบนี้ครับ ให้เรานึกว่า สถานที่ที่เราอยู่เหมือนกะละมัง ตักลงไป น้ำจะไหลจากข้างหน้า ไปสู่ข้างหลัง น้ำที่มันไหลไปหลังสุด นั่นแหละคือตำแหน่งของขุมทรัพย์ ดังนั้น ตำแหน่งตั้งตู้เซฟควรตั้งอยู่ตรงนี้ เงินไหลมาแล้วจะมาเก็บที่ตำแหน่งตู้เซฟ แต่ตู้เซฟ ต้องหันหน้าตู้มาทางข้างตัวคุณ อย่าหันหน้าออกไปหน้าบ้านเด็ดขาด แต่ถ้าคุณคิดจะปล่อยเงินกู้ ให้หันหน้าตู้เซฟ ออกข้างนอกบ้านได้เลย"        ขอบคุณข้อมูลจาก อ.ธนากร ตันอาวัชนการ ซินแสมังกร
มิกซ์ดีไซน์ แมทช์เฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัว

มิกซ์ดีไซน์ แมทช์เฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัว

มิกซ์ดีไซน์ แมทช์เฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัว ถ้าได้ผ่านไปผ่านมาแถวทองหล่อบ่อยๆ เชื่อว่าหลายคนคงจะเริ่มคุ้นตากับโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 จาก SINGHA ESTATE ที่มี Sales Gallery อยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 36 กันบ้างแล้ว ต้องบอกว่าโครงการนี้มีความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบ โดยมีที่ปรึกษาจากทีมดีไซน์เนอร์ระดับโลกทำให้โครงการนี้จัดเป็นโครงการ ที่น่าจับตามองมากในเวลานี้ ปัจจุบันโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 มียอดขายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 60% โครงการนี้ไม่ได้มีดีแค่จุดเด่นของทำเลที่ตั้งที่อยู่ใจกลางสุขุมวิท ติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อเท่านั้นนะคะ งานดีไซน์ของคอนโดมิเนียมทั้ง Exterior และ Interior ต้องเรียกว่าเป็นการลงรายละเอียดในทุกๆ ตารางนิ้ว เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง   โครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 ได้ทีมออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายเจ้า แถมยังเป็นทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านแทบทั้งสิ้น อย่างงานด้านสถาปัตยกรรมก็ได้ “Tandem” บริษัทออกแบบสัญชาติไทยที่มีประสบการณ์มากมาย มาร่วมมือกับบริษัทสถาปนิกชื่อดังจากอเมริกาอย่าง “SOM” Skidmore, Owings and Merrill (Thailand) Co. Ltd เป็นที่ปรึกษา ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการออกแบบอาคารสูง และฝากผลงานไว้มากมาย ทำให้ดีไซน์ตัวอาคารของ THE ESSE Sukhumvit 36 สวยสะดุดตาเป็นที่สุด   ส่วนงานภูมิสถาปัตยกรรม ทาง SINGHA ESTATE เลือก “Shma” เป็นผู้ออกแบบ ในขณะที่ Interior ส่วนกลางได้ “dwp” (Design Worldwide Partnership) มาเป็นอีกแรงสำคัญที่ทำให้บรรยากาศภายในมีกลิ่นอายที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบภูมิปัญญาไทย กับการออกแบบที่เป็นสากล ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้แนวคิด “The Essence of Luxurious Living is HARMONY OF CONTRAST” ที่ต้องการสื่อสารถึง “การใช้ชีวิตที่มีความสมดุลในความแตกต่างอย่างกลมกลืน”   แน่นอนว่ารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เห็นในโครงการทั้งหมดนี้ เกิดจากการผสมผสานเอกลักษณ์ของดีไซน์เนอร์แต่ละคนไว้อย่างลงตัว   จริงอยู่ที่ทางโครงการ THE ESSE Sukhumvit 36 เปิดขายห้องชุดแบบ Fully Fitted เพื่อให้เจ้าของห้องชุดได้มีโอกาสสร้างสรรค์การตกแต่งห้องตามสไตล์ตัวเองได้อย่างเต็มที่ แต่ความชื่นชอบที่หลากหลายและแตกต่างกัน ก็สามารถนำมา Mix and Match จนได้สไตล์ส่วนตัวที่ไม่ซ้ำกับใคร บางครั้งเราอาจจะนึกไม่ถึงเลยว่าเฟอร์นิเจอร์ในสไตล์ Loft จะสามารถเข้ากันได้ดีห้องสไตล์ Classic หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เรียบง่าย หากเพิ่มเติมโลหะสีทองหรือสีทองแดงเข้าไป จะสามารถเพิ่มความน่าสนใจให้กับชิ้นงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่เราเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ให้ถูกชิ้น จัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม ก็สามารถผสมผสานวัสดุ และสไตล์ Mix & Match กันได้อย่างกลมกลืน   การออกแบบหรือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้กับห้องใดๆ ไม่ได้มีกฏกำหนดตายตัวเสมอไปหรอกค่ะ เราเชื่อว่าห้องนั้นๆ จะถูกตกแต่งอย่างไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับความชอบ รสนิยม ความพึงพอใจของเจ้าของห้องเป็นหลัก ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้มา คือห้องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และสามารถบ่งบอกถึงตัวตนของเจ้าของห้องได้ดีที่สุดนั่นเองค่ะ   ก็เหมือนกับที่ THE ESSE Sukhumvit 36 ที่ผสมผสานเอกลักษณ์งานออกแบบของดีไซน์เนอร์หลากหลายสัญชาติ ให้มารวมกันได้อย่างลงตัวที่สุด และเพื่อให้เจ้าของห้องชุดรู้สึกว่าการตกแต่งห้องเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องจ้าง Interior Designer เสมอไป ที่โครงการจึงจัดชุดเฟอร์นิเจอร์สวยๆ จาก LOAM ARTISANAL LIVING มาจัดโปรโมชั่นพิเศษ (Limited Offer) ให้เจ้าของห้องได้มีโอกาสเลือกห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่จะมา Mix& Match ความหรูหราอย่างมีสไตล์ได้ตามใจคุณ เริ่มต้นกันด้วยห้อง 1 Bedroom กับ Furniture Package จาก LOAM ARTISANAL LIVING มูลค่า 500,000 บาท ชุดเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นทั้งในห้องนั่งเล่นและห้องนอน สี Earth Tone สบายตา ทำให้เราสามารถแต่งเติมสีสันด้วยของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพิ่มเติมเข้าไปได้ง่ายขึ้น รับรองว่าไม่ซ้ำกับใครแน่นอนค่ะ     ส่วนห้อง 2 Bedroom ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลยค่ะ เพราะมูลค่า Furniture Package มากถึง 700,000 บาทเลย ชุดเฟอร์นิเจอร์สวยๆ จาก LOAM ARTISANAL LIVING มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว งานดีไซน์เรียบหรู แต่ก็แอบซ่อนกิมมิกเก๋ๆ ไว้ในเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นด้วยนะคะ     นอกจาก Exclusive Furniture Package ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ทาง SINGHA ESTATE ยังได้เสนอเงื่อนไขพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ชำระค่าห้องผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ จะได้คะแนนสะสมสูงสุด 20 เท่า**   จะมามัวรีรอไม่ได้แล้วค่ะ คอนโดสวยๆ ใจกลางเมือง ติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ แถมยังได้เฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ดังครบเซ็ต ในราคาเริ่มต้น 12.6 ล้านบาท* แบบนี้มีจำนวนจำกัด และหาที่ไหนไม่ได้ง่ายๆ แล้วนะจ๊ะ รีบคลิกลงทะเบียนกันที่ http://bit.ly/2ws3h1s  หรือ โทร. 1221    
บ้านที่มีรั้วสูง รั้วทึบเหมือนกำแพงคุก จะมีผลอย่างไร?

บ้านที่มีรั้วสูง รั้วทึบเหมือนกำแพงคุก จะมีผลอย่างไร?

อ.ธนากร แนะนำว่า "คุณลองสังเกตุมั้ยว่า มีหลายๆ บ้านชอบสร้างกำแพง หรือรั้วบ้านให้สูงทึบ ยังกับกำแพงคุก ซึ่งหมายถึงกำลังขังตัวเองอยู่ นั่นหมายถึง คนในไม่อยากออก คนนอกไม่อยากเข้า ไม่อยากคบค้าสมาคมกับผู้อื่น มีลูกชายลูกสาว ก็ไม่อยากจะแต่งงาน ออกจากบ้าน ก็จะขายไม่ออก จะอยู่เป็นโสด ขึ้นคาน ฉนั้นการทำรั้วบ้าน ทั้งซ้ายและขวา อย่าให้สูงต่ำไม่เท่ากัน ด้านหลังสูงหน่อยไม่เป็นไร แต่รั้วด้านหน้า ขอให้มองออกมาแล้วทะลุเห็นถนนหน้าบ้าน และคนที่เดินอยู่หน้าบ้าน จะทำให้ชีวิตมีความสุข มองการณ์ไกล คนที่มาคบหาสมาคมด้วย ก็จะมีความสุขไปด้วย"        ขอบคุณข้อมูลจาก อ.ธนากร ตันอาวัชนการ ซินแสมังกร
ประตูหน้า-ประตูหลัง นั้นสำคัญไฉน

ประตูหน้า-ประตูหลัง นั้นสำคัญไฉน

อ.ธนากร แนะนำว่า "หลายๆคนเชื่อกันว่า ต้องกินอย่างเดียวไปต้องถ่าย เปรียบเสมือน ปี๋เซี๊ยะ สัตว์มงคล ที่มีแต่ปาก แต่ไม่มีมีทวาร บ้านบางบ้านก็ปิดประตูหลังเสีย แบบนี้ไม่ดีนะครับ การที่เรากินแล้วไม่ถ่าย หรือมีแต่ประตูหน้าแล้วไม่มีประตูหลัง แสดงว่า การเงินนั้น จะไหลไม่คล่อง ไหลเข้าบ้านมาซักพัก พอเด็มแล้วก็หยุด คุณเคยเป็นมั้ย ตอนเข้ามาอยู่บ้านแรกๆ ธุรกิจรุ่งเรือง เจริญดีมาก แต่อยู่ซักพัก ทำไมเริ่มอืด ให้สังเกตุแบบนี้ครับ น้ำไหลจากหน้าบ้าน ไปสู่หลังบ้าน ไหลจากประตูหน้าบ้านที่ใหญ่ ไปสู่ประตูหลังบ้านที่เล็ก โดยที่ประตูเล็กหลังบ้าน ต้องไม่ตรงกับประตูใหญ่หน้าบ้าน เงินจะค่อยๆ ไหลเข้ามาจนเต็มก่อน แล้วค่อยๆ ออก นี่คือความคล่องตัว ดังนั้น อย่าปิดประตูหลังบ้านเด็ดขาด หากคุณปิดประตูหลังบ้านเมื่อไร แสดงว่า คุณจะไม่รับเงินใหม่แล้ว พอใจในเงินที่มีแค่นี้อยู่แล้ว ถ้าพอใช้ ปิดประตูหลังไปเลยครับ"        ขอบคุณข้อมูลจาก อ.ธนากร ตันอาวัชนการ ซินแสมังกร
“วิลเลรอย แอนด์ บอค” จับมือ “สายการบิน “Lufthansa”  ชวนคุณสัมผัสพิเศษกับ “ห้องน้ำหรู”  ณ สนามบิน Milan Malpensa ประเทศอิตาลี

“วิลเลรอย แอนด์ บอค” จับมือ “สายการบิน “Lufthansa” ชวนคุณสัมผัสพิเศษกับ “ห้องน้ำหรู” ณ สนามบิน Milan Malpensa ประเทศอิตาลี

บริษัท วิลเลรอย แอนด์ บอค จำกัด ผู้นำด้าน Total Bathroom Solution ระดับโลก จากประเทศเยอรมนี ภายใต้แบรนด์ “Villeroy & Boch” ที่มากประสบการณ์ในเรื่องของการออกแบบสุขภัณฑ์ฉลองครบรอบ 270 ปี ด้วยการจับมือกับ “Lufthansa” สายการบินยักษ์ใหญ่จากประเทศเยอรมนี ผนึกกำลังร่วมเนรมิต “ห้องน้ำสุดหรู” ภายในห้องรับรองโฉมใหม่ของสายการบิน Lufthansa ณ สนามบิน Milan Malpensa ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 สนามบินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลีตอนเหนือ คอนเซ็ปต์การออกแบบเน้นที่ความทันสมัยของผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำและกระเบื้องคุณภาพชั้นเยี่ยม ผสานกับกลิ่นอายประวัติศาสตร์ของเมืองมิลานด้วยแผนที่เมืองเก่าและตึกที่มีรูปแบบและสไตล์แบบดั้งเดิม   ทั้งนี้ ห้องรับรองของสายการบิน Lufthansa ถูกจัดไว้สำหรับให้ผู้โดยสารของสายการบินได้หลีกหนีจากการเดินทางที่แสนวุ่นวาย และได้พักผ่อนเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า ด้วยพื้นที่ขนาด 550 ตารางเมตร และพิเศษด้วยวิวลานจอดเครื่องบินที่พร้อมให้บริการแบบ first-class และห้องรับรองแบบส่วนตัวในบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเงียบสงบเป็นส่วนตัว   ด้วยประสบการณ์ในเรื่องการออกแบบและในเรื่องของสุขภัณฑ์ที่มีมากกว่า 270 ปี ทางวิลเลรอย แอนด์ บอค จึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านที่มาใช้บริการ ห้องน้ำสุดหรูแห่งนี้ จะได้รับประสบการณ์ใหม่และความประทับใจมิรู้ลืม     ติดตามข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมของ Villeroy & Boch ได้ที่ www.villeroy-boch.comhttp://www.villeroy-boch.com และ โทร. 02206-3400      
เอกมัย-ทองหล่อ ไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

เอกมัย-ทองหล่อ ไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

ถ้าถามถึงแหล่งไลฟ์สไตล์ของในกรุงเทพฯ ยุคนี้ย่อมต้องมีองค์ประกอบเรื่องกิน-เที่ยวในตัวเองครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านคาเฟ่ตกแต่งเก๋ๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟเฉพาะตัว หรือร้านอาหารหลากหลายสัญชาติ เชฟและวัตถุดิบอิมพอร์ตจากต่างประเทศโดยเฉพาะ ไปจนถึงร้านที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างรอบด้าน เช่น ร้านจักรยาน ร้านแฟชั่น ร้านเฟอร์นิเจอร์ ร้านบาร์เบอร์-ซาลอน ร้านสปา ร้านแฮงค์เอาท์ ผับบาร์ยามค่ำคืนยาวไปจนร้านข้าวต้มโต้รุ่ง เรียกได้ว่าย่านนี้ไม่เคยหลับใหล จึงไม่แปลกที่ย่านเอกมัย-ทองหล่อ คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบค่ะ   หากพูดถึงในแง่ของที่อยู่อาศัยย่านนี้แล้ว เชื่อว่าคงเป็นที่อยู่อาศัยในฝันของใครหลายคน รวมไปถึงชุมชน Expat ที่กระจุกตัวกันอยู่ในย่านนี้ไม่น้อย เพราะนอกจากไลฟ์สไตล์อันเพียบพร้อมรอบด้านแล้วยังเดินทางสะดวกสบาย ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีเอกมัย-ทองหล่อ และตัวถนนเองที่แม้จะเป็นเพียงถนนหรือซอยที่เป็นทางเชื่อมลัดเลาะไปสู่ถนนหลักอย่างถนนเพชรบุรีกับถนนสุขุมวิท แต่ด้วยความกว้างของถนนจึงทำให้สามารถมีอาคารสูงขนาดใหญ่เกิดขึ้นได้ตามกฏหมาย อีกทั้งยังสามารถทะลุออกไปถนนพระราม 4 ที่ต่อไปยังสีลม-สาทรได้ในระยะไม่ไกลกัน จึงทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในย่านที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ              จากแผนที่จะเห็นภาพชัดขึ้นค่ะว่าช่วงซอยทองหล่อ 10  - เอกมัย 12 - ปรีดีฯ 31 เป็นซอยที่เชื่อมต่อกันตรงใจกลางย่านนี้พอดี ส่วนจุดขึ้น-ลงทางด่วนที่ใกล้ที่สุดก็มีทั้งทางพิเศษฉลองรัช ซึ่งอยู่เลยแยกพระโขนงไปเล็กน้อย และทางพิเศษเฉลิมมหานคร โดยอยู่บริเวณถนนพระราม 4   เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้แล้ว เราก็จะพาไปเดินชมทำเลเอกมัย-ทองหล่อด้วยเลยค่ะ   รอบๆ สถานีรถไฟฟ้าเอกมัย มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่ใครๆ ต่างก็จดจำได้ เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ใกล้กันทั้ง เกตเวย์ เอกมัย, เมเจอร์ สุขุมวิท และ สถานีขนส่งเอกมัย   บรรยากาศช่วงปากซอยเอกมัย มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในย่านนี้คึกคักอยู่ตลอดเวลา เดินเล่นในเอกมัยก็มีความคึกคักไม่แพ้กันทั้งกลางวัน-กลางคืน ตลอดทางมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านที่น่าสนใจเรียงรายอยู่มากมาย ทั้งร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ และร้านที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ต่างๆ ในปัจจุบัน ตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คนได้หลากหลาย หากโฟกัสกันที่จุดสำคัญของย่านเอกมัยก็คงต้องบอกว่าอยู่ตรงสี่แยกกลางซอยที่สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ตั้งแต่ซอยทองหล่อ 10 ต่อมาที่ซอยเอกมัย 5 ซอยเอกมัย 12 แล้วไปทะลุสุดที่ซอยสุขุมวิท 71 ตรงซอยปรีดี พนมยงค์ 31 ทำให้การเดินทางง่ายขึ้น  ลองเดินทะลุมาที่ทองหล่อ ช่วงทองหล่อซอย 10 ยังเป็นแหล่งปาร์ตี้ชื่อดังอยู่หลายร้าน ใครที่ชอบชีวิต nightlife ต่างก็รู้จักแถวนี้แน่นอน      จากนั้นเราลองเดินกลับมาที่เอกมัย เข้าไปดูในซอยเอกมัย 12 กันต่อค่ะ    บรรยากาศภายในซอยเอกมัย 12 เป็นช่วงถนนที่มีความกว้างถึง 4 เลน ซึ่งเรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างทองหล่อ-เอกมัย-ซอยสุขุมวิท 71(ซอยปรีดีพนมยงค์) ภายในซอยเอกมัย 12 แห่งนี้มีคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ที่น่าสนใจอยู่ค่ะ ชื่อว่า "The FINE Bangkok"   The FINE Bangkok คอนโดมิเนียม High Rise 31 ชั้น 1 อาคาร 220 ยูนิต ที่จอดรถแบบอัตโนมัติ 70% บนพื้นที่ 1-1-05 ไร่ ในซอยเอกมัย 12  เกิดจากการร่วมทุนกันระหว่างบริษัท ซันเคียวโฮม (ไทยแลนด์) จำกัด(บริษัทอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่น) กับ บริษัท เคฮัง เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ Keihan Railways  ผู้ให้บริการรถไฟรายใหญ่ในภูมิภาคคันไซ จึงเกิดเป็น The FINE Bangkok คอนโดมิเนียมสไตล์ Luxury Modern Japanese มูลค่าโครงการกว่า 1.7 พันล้านบาท และรังสรรค์งานดีไซน์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ออกแบบตกแต่งภายใน และ Landscape โดยบริษัทชื่อดังอย่าง  Architects 49     สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนด้วยกัน ได้แก่   โซน Fine Greenery แม้เป็นคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง แต่กลับรายล้อมไปด้วยธรรมชาติตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าโครงการด้วยบรรยากาศแแบบ Fine Spring Garden และสวนพักผ่อนที่ชั้น 23 และ 27 ให้ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมด้วย City View   โซน Fine Lounge ด้วยความตั้งใจออกแบบให้เป็นพื้นที่ใช้ร่วมกัน มีส่วนรองรับสำหรับการใช้งานจากกลุ่มใหญ่ แต่ยังคงได้ความเป็นส่วนตัว โดยดีไซน์ออกมาให้มีเอกลักษณ์ความเป็น Modern Luxury แบบญี่ปุ่นชัดเจนที่สุด ประกอบไปด้วย  Lobby, Mail Room, Co-working room และ Private Meeting room   โซน Fine Retreat พื้นที่พักผ่อนรับลมธรรมชาติพร้อมดื่มด่ำทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองไปด้วย ซึ่งทุกส่วนออกแบบให้สามารถชมวิวขอบฟ้าได้ใกล้ที่สุดอย่าง สระว่ายน้ำขนาดใหญ่, Pool Bar, Sauna Room, Hot Pool, The Edge View Point     โซน Fine Sky พื้นที่ Roof Lounge สูงสุดของอาคาร ออกแบบมาให้สามารถชม City View ได้รอบทิศทาง 360 องศา ไปพร้อมกัน เช่น Fitness, Golf Club, Sky Seat, Karaoke room, Kid Room, Wine Lounge                          Floor Plan ชั้น 1 หน้าโครงการหันไปทางทิศใต้ จัดสวนสไตล์ Fine Spring Garden โดยต้องผ่านลำธารเล็กๆ หน้าโครงการไปก่อน ให้ความรู้สึกแบบสวนญี่ปุ่น  Floor Plan ชั้น 9-22 เป็นชั้นสำหรับยูนิตพักอาศัย ประกอบไปด้วยลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ลิฟท์เซอร์วิส 1 ตัว บันไดหนีไฟ 2 จุด วางรูปแบบ Double Corridor ฝั่งทิศตะวันออกได้วิวทางพระโขนง-อ่อนนุช ส่วนทางฝั่งตะวันตกจะได้วิวในเมืองอย่างทองหล่อ-อโศก Floor Plan ชั้น 30 เป็น Facility โซน Fine Retreat ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่, Pool Bar, Sauna Room, Hot Pool และ The Edge View Point       สิ่งเหล่านี้สามารถพูดได้ว่าเป็นการออกแบบมาเพื่อวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ในระดับพรีเมียม เพื่อสนองต่อความต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตได้ดีที่สุดบนกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นอันทรงเสน่ห์   The FINE Bangkok ไม่ใช่แค่คอนโดมิเนียมสไตล์ญี่ปุ่น แต่เป็นคอนโดที่ตั้งใจให้เกิดขึ้นในบ้านเราได้สัมผัสกับความแตกต่างในสไตล์ Luxury Modern Japanese เตรียมเปิดห้องตัวอย่างเร็วๆ นี้ และพร้อมเปิด Pre sale 2-3 มิ.ย. นี้   
ความสมดุลในบ้าน ประตู และหน้าต่างบ้าน

ความสมดุลในบ้าน ประตู และหน้าต่างบ้าน

อ.ธนากร แนะนำว่า "หลายๆ คนคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า บ้านนั้นคือคน คนคือบ้าน ความสมดุลของบ้าน จะทำให้คนที่ไปอยู่ในบ้านมีแต่ความสุข ความสมดุลนั้นก็คือ หน้าต่าง กับประตู ลองมาดูกัน บ้านไหนที่มีประตูหน้าบ้าน 2 ประตู หมายความว่า ประตูมาก แย่งกันพูด แสดงว่าคนในบ้านจะแย่งกันใหญ่ นี่คือไม่สมดุล ดังนั้น หนึ่งบ้าน หนึ่งประตู ส่วนที่เป็นหน้าต่าง ควรจะมีหน้าต่างที่หันไปด้านหน้าบ้านน้อย อย่ามีหน้าต่างเยอะ เพราะคุณจะนั่งอยู่ท่ามกลาง สมาคมนินทาแห่งประเทศไทยเลยทีเดียว"          ขอบคุณข้อมูลจาก อ.ธนากร ตันอาวัชนการ ซินแสมังกร