Tag : Lifestyle

432 ผลลัพธ์
คอนโด สิงคโปร์ ราคาเท่าไร ซื้อ-ขายกันอย่างไร

คอนโด สิงคโปร์ ราคาเท่าไร ซื้อ-ขายกันอย่างไร

หลายครั้งที่ Reviewyourliving มักจะเล่าถึงคอนโดมิเนียมหลายๆ โครงการในบ้านเรามาให้ชมกัน แต่สำหรับบทความนี้ เราจะมาเล่าถึงคอนโดมิเนียมของประเทศสิงคโปร์ จากมุมมองของชาวสิงคโปร์เองดูกันบ้างค่ะ จะมีอะไรน่าสนใจ แตกต่างจากบ้านเราอย่างไร ต้องมาดูกันค่ะ   ประเทศสิงคโปร์มีขนาดพื้นที่ประมาณ 721.5 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าเกาะภูเก็ตในบ้านเราเล็กน้อย ซึ่งขยายจากเดิมด้วยการถมทะเลออกไปทางใต้ ตะวันออก และตะวันตก ขณะที่จำนวนประชากรมีกว่า 5.5 ล้านคน จึงถือว่ามีความหนาแน่นสูงที่สุดในโลกเป็นอันดับ 2 เลยทีเดียว แต่อย่าลืมว่าที่นี่ไม่มีคนเร่ร่อนอยู่เลยนะคะ แล้วแบบนี้รัฐบาลมีวิธีจัดการที่อยู่อาศัยให้รองรับประชาชนทุกคนได้อย่างไร ซึ่งเราก็ได้คำตอบจากการพูดคุยกับคนสิงคโปร์มาฝากกันค่ะ    80% ของคนสิงคโปร์ จะอาศัยอยู่ในการเคหะของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นที่อยู่อาศัยเริ่มต้นที่มีราคาถูกที่สุด แต่จะอยู่ในทำเลชานเมืองเสียส่วนใหญ่ ซึ่งมีสิทธิ์ครอบครอง 99 ปี 999 ปี และตลอดชีวิต แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รัฐบาลต้องการพื้นที่ก็ต้องขายคืน แต่ก็จะซื้อคืนด้วยราคาตลาด โดยราคาในปัจจุบันถ้า 2 ห้องนอน ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 เหรียญ    เมื่อเวลาผ่านไปคอนโดของการเคหะเริ่มเก่าแล้ว รัฐบาลก็จะไม่ปล่อยให้ทรุดโทรม โดยใช้วิธีสร้างแห่งใหม่ขึ้นมาแล้วซื้อที่เดิมคืน เพื่อให้คนย้ายเข้าไปอยู่อาศัยในแห่งใหม่ ถือเป็นการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนได้ดีทีเดียว   จากการอยู่อาศัยในการเคหะ หากต้องการขยับขยายก็ต้องเก็บเงินไปซื้อคอนโดของเอกชนต่อไป เพราะการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยจะมีลักษณะแบบเดียวกันกับในประเทศไทยค่ะ คือการกู้กับธนาคาร แต่จะไม่มีการปล่อยกู้ 100% ฉะนั้นต้องมีการวางเงินดาวน์ในส่วนที่เหลือ โดยทางธนาคารจะมีเกณฑ์การพิจารณาจากอาชีพ รายได้ อายุ    เมื่อพูดถึงการเลือกซื้อคอนโดสักยูนิต คนสิงคโปร์จะเลือกพิจารณาจากราคาและทำเล โดยคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองในทำเลที่แพงที่สุด คือย่าน Orchard ราคาประมาณ 4 ล้านเหรียญ ขนาด 3 ห้องนอน และได้สิทธิ์แบบ Freehold แต่ถ้าเป็นสิทธิ์ Leasehold 99 ปี ราคาก็จะลดลงมา เหลือประมาณ 1.5 ล้านเหรียญ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละโครงการ ส่วนทำเลที่ร์นิยมอยู่อาศัยกันมากที่สุด เมื่อก่อนจะนิยมอยู่ในย่าน Bishan หรือ Ang Mo kio เพราะถือเป็นพื้นที่ตรงกลางของประเทศ อยู่ใกล้กับใจกลางเมือง แต่ปัจจุบันก็กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ด้วย  เช่น Buangkok, Sengkang      สิ่งที่น่าสนใจมากอย่างหนึ่งคือเรื่องของขนาดยูนิตค่ะ เพราะอย่างที่เล่าไปตอนต้นว่าประเทศสิงคโปร์มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด แต่ขนาดยูนิตในคอนโดก็ไม่ได้เล็กตามเลยนะคะ เพราะห้องสตูดิโอจะมีขนาด 30 ตร.ม. ขึ้นไป ขณะที่ยูนิตไซส์ประมาณ 60 ตร.ม. จะเป็นหนึ่งห้องนอน ขณะที่พื้นที่ประมาณ 70 ตร.ม. จะเป็นสองห้องนอน โดยสมัยก่อนทั้งโครงการ จะมี 200-300 ยูนิต  แต่ปัจจุบันโครงการรุ่นใหม่ทำออกมาประมาณ 500 ยูนิต เพราะขนาดห้องเล็กลง     “ที่สิงคโปร์สมัยก่อนห้องสตูดิโอมีขนาด 40-60 ตร.ม. แต่ทุกวันนี้เหลือแค่ 30 กว่าตร.ม. หรือที่เรียกกันว่า Shoebox Condominium”    ชาวสิงคโปร์เรียกห้องสตูดิโอ ไซส์ประมาณ 30 ตร.ม.ว่า Shoebox Condominium แค่ฟังชื่อก็สะท้อนให้เห็นแล้วใช่ไหมคะ ว่าคนสิงคโปร์แม้ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมบนคอนโด แต่ไซส์ห้องที่เพียงพอต่อความต้องการจริงๆ นั้น ต้องมีความกว้างอยู่พอสมควร หากลองเทียบกับในเมืองไทยที่ปัจจุบันมีขนาดเริ่มต้นให้เราเห็นกันที่ 22 ตร.ม. เท่านั้น  หลักเกณฑ์ของรัฐบาลสิงคโปร์ต่อการดูแลที่อยู่อาศัย อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็อาจจะเกิดความคิดว่า แบบนี้ก็ซื้อคอนโดของการเคหะไปเลยจะดีกว่าไหม? เพราะทั้งราคาถูกกว่า ขนาดยูนิตกว้างกว่า การเดินทางก็สะดวกสบายอยู่แล้วด้วย แต่ในเรื่องของการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ รัฐบาลก็มีการกำหนดเงื่อนไขอื่นๆ ตามมาอีก โดยดูจากเกณฑ์รายได้ เช่น ถ้ามีเงินเดือนเกิน 13,500 เหรียญ หรือเป็นคนโสดอายุ 35 ปีขึ้นไป ก็ไม่สามารถซื้อคอนโดของการเคหะได้แล้วนะคะ จะต้องไปซื้อคอนโดมิเนียมของเอกชน แต่ถ้ามีครอบครัวแล้วจะดูรายได้ครอบครัวเป็นหลัก ถ้ารวมกันแล้วมากกว่า 7,000 เหรียญ ก็จะซื้อห้องขนาด 3-4 ห้องนอนขึ้นไป เป็นต้น  เห็นถึงการจัดเรื่องที่อยู่อาศัยแบบนี้แล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นเลยนะคะ เพราะปัจจุบันสังคมผู้สูงอายุก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาขึ้นได้ในอนาคตคล้ายกับในประเทศญี่ปุ่น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา รัฐบาลก็เตรียมวิธีรับมือกับปัญหานี้อยู่หลายทาง อย่างการสร้างที่อยู่อาศัยของการเคหะในทำเลที่เข้ามาในเมืองมากขึ้น เช่น ย่านไชน่าทาวน์ ด้วยเหตุผลที่คนรุ่นใหม่มักจะนิยมซื้อคอนโดทำเลในเมืองมากขึ้น จนในอนาคตทำเลของการเคหะในเขตเดิมอาจกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ ฉะนั้นซื้อคอนโดของการเคหะรุ่นใหม่ๆ จึงมีจุดประสงค์ในการทำให้คนรุ่นใหม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวเดิมด้วย ไม่จำเป็นต้องเข้าเมืองเพียงอย่างเดียว     อีกเรื่องที่สำคัญมากไม่แพ้กัน คือ รายได้ของผู้สูงอายุไม่เพียงพอหลังจากเกษียณ จึงได้มีมาตรการที่สามารถขายสิทธิ์ที่อยู่อาศัย Leasehold ของตัวเองได้สำหรับปีสัญญาที่เหลือ เช่น หลังจากเกษียณแล้วเหลือสัญญาอีก 30 ปี แล้วขายให้รัฐบาลไป 10 ปี ก็จะได้เงินจำนวนนี้มาใช้หลังเกษียณ และหากมีชีวิตอยู่ต่อ ไม่ถึง 20 ปี สิทธิ์ที่เหลือ รัฐบาลก็จะจ่ายเงินให้กับลูกหลาน แต่ลูกหลานจะไม่ได้สิทธิ์อยู่ต่อตามสัญญาที่เหลือ      เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับวิถีของคนคอนโดในประเทศสิงคโปร์ ทั้งในแง่ของขนาดยูนิตและการบริหารจัดการจากทางรัฐบาลน่าสนใจมากทีเดียวใช่ไหมคะ น่าเอามาปรับใช้ในบ้านเราอยู่หลายอย่างเลย สุดท้ายโอกาสหน้าเราจะนำข้อมูลดีๆ มาเล่าให้กันฟังอีกนะคะ 
สำรวจคอนโดตระกูล Life ย่านพระราม 9 

สำรวจคอนโดตระกูล Life ย่านพระราม 9 

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ถ้าพูดถึงทำเลที่สุดแสนจะร้อนแรง จน Developer ค่ายใหญ่ต่างพร้อมใจกันกระโดดลงไปเล่นช่วงชิงตลาดกันให้คึกโครมจนเกิดนิยามใหม่ขึ้นมาสำหรับย่านนี้โดยเฉพาะนั่นคือ NEW CBD แน่นอนว่าเรากำลังเอ่ยถึงย่านพระราม 9 โดยเฉพาะช่วงสี่แยกพระราม 9    ศักยภาพของทำเลที่ได้ขึ้นชื่อกันว่าเป็น New CBD แน่นอนว่าต้องมีความสมบูรณ์ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการเป็นแหล่งงานของหลายบริษัทชั้นนำบนอาคารออฟฟิศเกรดเอ ศูนย์การค้า ไฮเปอร์มาร์เกต สถานที่สำคัญอื่นๆ เช่น สถานฑูต เป็นต้น และเรื่องของการเดินทางไม่ว่าจะด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือระบบขนส่งสาธารณะจะต้องสามารถเข้าถึงได้ง่าย ภาพรวมก็คือย่านที่เป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ    ทุกวันนี้ถ้าผ่านไปแถวสี่แยกพระราม 9 ไม่ว่าจะบนถนนหรือทางด่วนก็จะเห็นคอนโดหลายๆ โครงการก่อสร้างขึ้นเป็นรูปเป็นร่างให้เราได้เห็นกันจนแทบแยกไม่ออกว่า อาคารไหนคือโครงการอะไร เพราะความที่ใกล้กันมากเหลือเกินค่ะ ซึ่งคอนโดแบรนด์ที่เราจะพามาอัพเดทกันมีความน่าสนใจมากค่ะ เพราะในโซนใกล้เคียงกัน AP (Thailand) ยกมาถึง 3 โครงการด้วยกัน นั่นคือ Life แบรนด์ที่ถูกปลุกขึ้นมาใหม่ให้ดียิ่งกว่าที่เคย หากใครที่ลองติดตามแบรนด์ Life ก็จะเห็นการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ นี่ยังไม่นับแบรนด์ RHYTHM อีก 2 โครงการในละแวกเดียวกันนะคะ แสดงว่าทาง AP (Thailand) รวมถึงค่ายอื่น ก็ต้องมั่นใจในศักยภาพของทำเลนี้มาก ถึงได้กลายเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีการแข่งขันกันดุเดือดตั้งแต่ช่วงเริ่มเปิดโครงการ และเชื่อว่าตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปที่จะเริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการใหม่ๆ ก็จะยิ่งมีโปรโมชั่นออกมาอย่างน่าสนใจ        Life Asoke-Rama 9  ถ้าเราใช้รถไฟฟ้าใต้ดินมาขึ้นที่สถานีพระราม 9 แล้วเดินข้ามสี่แยกพระราม 9 มาจากฝั่งฟอร์จูนทาวน์ ประมาณ 300 เมตร ก็จะพบกับ Life Asoke-Rama 9 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2560 เป็น High-Rise 2 อาคาร สูง 42 กับ 45 ชั้น รวม 2,248 ยูนิต Studio-2 Bedroom ขนาด 25 – 58 ตร.ม. พื้นที่โครงการ 8-3-11 ไร่ ขายแบบ Fully Fitted โดยการวางผังยูนิตของ Life Asoke-Rama 9 จะใช้เทคนิค New Interlocked Layout ทำให้ได้ห้องหน้ากว้างมากขึ้นถึง 5-7 เมตร เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ และได้ห้องครัวปิด        โครงการนี้โดดเด่นตรงที่พื้นที่ส่วนกลางบน Rooftop รวมกว่า 1.5 ไร่ เป็นสะพาน Sky Bridge เชื่อมต่อระหว่างสองอาคาร ยังไม่รวมส่วนกลางชั้นอื่นๆ ซึ่งถ้ารวมกันทั้งโครงการแล้วก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางถึง 7.5 ไร่เลยทีเดียว ส่วน Facilities อื่นๆ ที่น่าสนใจก็จะมี 24-HOUR CONNECTED WORLD สามารถเชื่อมต่อ Wi-fi ในพื้นที่ส่วนกลางทุกจุด รองรับกับพื้นที่ Co-working Space ที่ถูกแบ่งตามการใช้งานจริงไม่ว่าจะทำงานคนเดียวหรือมีการนัดประชุม   ราคาเริ่มต้นช่วงเปิดตัวโปรโหมดกันอยู่ที่ 2.75 ล้านบาท ซึ่งมีข่าวออกมาว่าสามารถปิดยอดขายได้ประมาณ 90% ไปได้พร้อมๆ กับตัว Life One Wireless กับ Life Ladprao ที่เปิดตัวในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้ส่งผลไม่น้อยกับให้ยอดขายรวมในปี 2560 ของ AP (Thailand) ทำสถิติเติบโต 85% ทะลุเป้าถล่มทลาย โดยปัจจุบันซื้อ-ขายกันที่ราคาเริ่มต้นประมาณ 2.8 ล้านบาทขึ้นไป และจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์กันในปีหน้า ซึ่งใกล้จะ Sold Out เต็มที      Life Asoke Hype  ตัวนี้เปิดตัวพร้อมๆ กันกับ Life Ladprao Valley ซึ่งออกตัวมาว่าถ้าซื้อเพื่อลงทุนจะคุ้มค่าแค่นอน ด้วยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณ 5 – 6% ประกอบกับทำเลย่านนี้ก็มีชาวเอเชียมาอาศัยอยู่ไม่น้อย เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น โดย Life Asoke Hype เรียกได้ว่าเป็นรุ่นน้องของ Life Asoke-Rama 9 เพราะที่ดินใกล้เคียงกันมาก ใช้ทางเข้า-ออกเดียวกันตรงฝั่งถ.อโศก-ดินแดง แต่ตัวนี้จะสามารถเข้า-ออกทางฝั่งถ.จตุรทิศ เป็นหลักได้ด้วย      Life Asoke Hype เป็น High Rise สูง 40 ชั้น 1,253 ยูนิต+4 Shop Studio-2 Bedroom ขนาด 25.5-64 ตร.ม. บนพื้นที่ 5-0-10 ไร่ และมี Layout แบบใหม่จาก AP มาลงโครงการนี้ที่แรก โดยโครงการนี้จะโดดเด่นด้านงานดีไซน์ ที่ออกแบบด้วยการใช้สีแดงเข้มมาแต่งแต้มเพิ่มมิติให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แบบที่ถ้าอาคารสร้างเสร็จ มองมาปุ๊บก็รู้ทันที่ว่านี่คือ Life Asoke Hype ประกอบกับวัสดุตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งทำ Custom Made พิเศษขึ้นมาทำให้ มีความ Unique โดดเด่นไม่เหมือนใคร ตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเป็นตัวของตัวเอง ขณะที่ Facilities เองก็ยังคงตอบรับกับกลุ่มคนยุคใหม่เช่นเดียวกัน อย่างการมีปลั๊กไฟอยู่ให้ทุกจุดที่นั่ง พร้อมฟรี Wifi ส่วนสระว่ายน้ำก็มีมาให้ถึง 2 สระ ที่ชั้น 7 ยาว 30 เมตร ชั้น 40 L-Shape Sky Pool และฟิตเนสถึง 2 ชั้น  บนชั้น Roof Top เชื่อมด้วยสะพานพื้นกระจกใส เรียกได้ว่าพัฒนาให้ดูทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากขึ้น      ราคาเปิดตัว 2.89 ล้านบาท ปัจจุบันราคาเริ่มต้น 1 Bedroom ราคา 3.99 ล้าน กำหนดสร้างเสร็จประมาณปี 2564       Life Asoke โครงการนี้จะอยู่ห่างจากสี่แยกพระราม 9 ออกมาสักหน่อยค่ะ แต่จะอยู่ติดกับแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีมักกะสัน โดยมีสะพานเชื่อมเดินเข้าสถานีได้เลย และยังเป็นจุด Interchang กับ MRT เพชรบุรี รวมถึงใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัช ด่านอโศก Life Asoke จึงถือว่ามีความโดดเด่นในด้านของทำเลการเดินทางอย่างมาก            Life Asoke คอนโดมิเนียม High Rise 35 ชั้น 1,642 ยูนิต Studio-2 Bedroom ขนาด 24–54 ตร.ม. บนพื้นที่ 6-2-85 ไร่ แม้ปัจจุบันจะ Sold Out เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยทำเลทำให้กลายเป็นคอนโดที่ปล่อยเช่าต่างชาติได้ค่อนข้างดีทีเดียว ราคารีเซลที่ตามหากันได้ตอนนี้จะเริ่มต้นประมาณ 4.6 ล้านาท            
[PR NEWS] มหาจักรเปิดตัว Wisdom Audio : The Sound of Modern  Living  เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์

[PR NEWS] มหาจักรเปิดตัว Wisdom Audio : The Sound of Modern Living เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์

บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด ผู้นำเข้าแบรนด์สินค้าคุณภาพระดับพรีเมียม ในอุตสาหกรรมเครื่องเสียง นำโดย คุณกิตติศักดิ์ กาญจนชัยภูมิ ผู้อำนวยการฝ่าย Consumer ร่วมกับ มร.ลุค กรี-ยม กรรมการผู้จัดการ จาก Wisdom Audio แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำระดับโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา จัดงานเปิดตัว “Wisdom The Sound of Modern Living” ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ของความบันเทิงระดับไฮเอนด์ จาก Wisdom Audio ณ M-Hall อาคารมหาจักร พร้อมตอบโจทย์ทุกการออกแบบภายในและฟังก์ชันการใช้งานภายในงานได้รับเกียรติจากเซเลบริตี้แถวหน้าของเมืองไทย อาทิ สู่ขวัญ บูลกุล, วสุ วิรัชศิลป์, วริษฐา พรหมมาสา และบุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ เข้าร่วมงาน ณ M-Hall อาคารมหาจักรกรุงเทพฯ   มร.ลุค กรี-ยม กรรมการผู้จัดการ จาก บริษัท Wisdom Audio Corporation จำกัด กล่าวว่า “Wisdom Audio เป็นแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำระดับโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา ก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยสุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านซาวน์ เอ็นจิเนียร์ สถาปนิก นักออกแบบภายใน และวิศวกรชื่อดังระดับโลก เพื่อให้คุณได้สัมผัสถึงขีดสุดของความสมบูรณ์แบบด้านความบันเทิงอย่างใกล้ชิด ซึ่งคุณอาจจะไม่เคยได้ยินที่โรงภาพยนต์ทั่วไป แต่คุณจะได้ยินที่นี่”   นายกิตติศักดิ์ กาญจนชัยภูมิ ผู้อำนวยการฝ่าย Consumer บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า “เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด ได้รับความไว้วางใจ จากแบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย เพื่อต้องการให้กลุ่มลูกค้าที่รักในเสียงเพลงและชื่นชอบกับการชมภาพยนตร์ ได้สัมผัสกับประสบการณ์พลังเสียงที่สมจริง ได้อรรถรสความบันเทิงระดับไฮเอนด์ที่เหนือกว่าโรงภาพยนตร์ทั่วไป พร้อมตอบโจทย์กับทุกการออกแบบทั้งภายในบ้าน หรือคอนโดมิเนียม ซึ่งเราวางกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่ต้องการ Customize เพื่อให้เข้ากับ Personalize ของลูกค้าแต่ละคน” ด้วยระบบเสียงที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเอกลักษณ์เฉพาะของ Wisdom Audio ที่ใช้เทคโนโลยี Planar Magnetic Driver เป็นเทคโนโลยีเฉพาะ ที่แบรนด์ Wisdom Audio ได้ประดิษฐ์ขึ้นมา ซึ่งมีน้ำหนักเบา ต่างจาก Driver ทั่วไป ช่วยให้เสียงที่ส่งออกมามีคุณภาพสูง และให้เสียงที่ธรรมชาติสมจริง เพิ่มอรรถรสในทุกไลฟ์สไตล์ต่อการใช้งาน ทั้งฟังเพลงและชมภาพยนตร์ เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความบันเทิงเหนือขีดจำกัด โดยพลังเสียงสุดยอดจากชุดเครื่องเสียง Wisdom 2 Channel และ Wisdom Atmos 9.4.4 Channel ซึ่งเป็นระบบเสียง Surround 9.4.4 Channel ตัวแรกของประเทศไทย มาพร้อมกับ Power Amp, System Controller, Decoder และ Speaker เพื่อการสร้างประสบการณ์เสียงเหนือระดับในแบบทุกทิศทาง 360 องศาอย่างลงตัว ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุ Aluminum-Airplane Grade คุณภาพพรีเมียมระดับโลก ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง คงทน ทันสมัยและหรูหราไปพร้อมกัน เพื่อให้เครื่องเสียงสุด Luxury เป็นเสมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเด่นที่ชูให้บ้านของคุณดูมีระดับกว่าที่เคยเป็นมา  
30 สวนสาธารณะ ลอยกระทง 62

30 สวนสาธารณะ ลอยกระทง 62

กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม กำหนดเปิดสวนสาธารณะ 30 แห่ง เพื่อให้ประชาชนพาครอบครัวเข้าไปลอยกระทง ได้แก่ 1. สวนลุมพินี เขตปทุมวัน 2. สวนจตุจักร เขตจตุจักร 3. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เขตจตุจักร 4. สวนพระนคร เขตลาดกระบัง 5. สวน 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง 6. สวนสราญรมย์ เขตพระนคร 7. สวนรมณีนาถ เขตพระนคร 8. สวนสันติชัยปราการ เขตพระนคร 9. สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ 10. สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม 11. สวนนวมินทร์ภิรมย์ เขตบึงกุ่ม 12. สวนหนองจอก เขตหนองจอก 13. อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย 14. สวนน้ำบึงกระเทียม เขตมีนบุรี 15. สวนพระยาภิรมย์ เขตมีนบุรี 16. สวนวารีภิรมย์ เขตคลองสามวา 17. สวนราษฎร์ภิรมย์ เขตหนองจอก 18. สวนเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา (ฝั่งพระนคร) เขตบางคอแหลม 19. สวนสันติภาพ เขตราชเทวี 20. สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน 21. สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง 22. สวน 50 พรรษา มหาจักรีสิรินธร เขตประเวศ 23. สวนวนธรรม เขตประเวศ 24. สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา 25. สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด 26. สวนสาธารณะบึงน้ำลาดพร้าว 71 เขตลาดพร้าว 27. สวนสิรินธราพฤกษาพรรณ เขตบางกอกน้อย 28. สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขตบางกอกน้อย 29. สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขตสาทร 30. สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค *ส่วนสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และสวนหลวง ร.9 ไม่เปิดให้ประชาชนไปลอยกระทง   เพื่อความปลอดภัย ห้ามจุด ปล่อย และจำน่ายโคมลอย บั้งไฟ โคมไฟ โคมควัน ประทัด พลุ รวมถึงกระทง สินค้า อาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ ภายในสวนสาธารณะอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
1 ปี การเดินทาง “ไอคอนสยาม” กับความสำเร็จใน 7 สิ่งมหัศจรรย์

1 ปี การเดินทาง “ไอคอนสยาม” กับความสำเร็จใน 7 สิ่งมหัศจรรย์

วันที่ 30 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา คือ วันครบรอบ 1 ปี ของการเปิดให้บริการ “ไอคอนสยาม” อภิมหาโปรเจ็กต์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ของ 3 บริษัทระดับบิ๊ก ที่ร่วมกันปั้นโปรเจ็กต์นี้ขึ้น ได้แก่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เครือเจริญโภคภัณฑ์  และบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดิเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด  ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์ถึง 55,000 ล้านบาท กับระยะเวลาการพัฒนาในระยะเวลา 5 ปี ​ เนรมิตโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้สำเร็จ   ย้อนหลังไป 7 ปีก่อน นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม  ได้ประกาศวิสัยทัศน์ไว้เมื่อว่าจะต้องพัฒนาโครงการให้สำเร็จ  พร้อมกับสร้างให้ไอคอนสยามเป็น Game Changer Destination ที่สามารถสร้างศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวกลางเมืองของกรุงเทพฯ อยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและฝั่งธนบุรีได้สำเร็จ   โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา คงเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จดังกล่าว ได้เป็นอย่างดี และบริษัทได้ทำภารกิจสำคัญตามวิสัยทัศน์ที่ประกาศไว้สำเร็จลุล่วงแล้วทุกประการ  ที่สำคัญโครงการไอคอนสยาม เป็นโครงการของบริษัทคนไทยสามารถดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย ผ่านการลงทุนเปิดธุรกิจร้านต่างๆ ในโครงการ เป็นมูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น Apple Store สาขาแรกในประเทศไทย และ Luxury Brands ต่างๆ ที่แม้จะเปิดในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ก็ให้ความเชื่อมั่นและเปิดอีกสาขาระดับแฟล็กชิฟสโตร์ในไอคอนสยามได้ “เวลาผ่านพ้นมา 1 ปี  หลายร้านมีผลประกอบการที่ดี  และหลายร้านมียอดขายเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากสาขาสยามพารากอน”   นอกจากนี้ ไอคอนสยาม ยังสามารถสร้างสิ่งที่ถือว่าเป็น “ไฮไลท์” ของโครงการ แถมเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยว นักช้อปปิ้ง ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ  กับการสร้าง 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม ที่ถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จ  โครงการระดับบิ๊กเช่นนี้ (แม้จะมีสิ่งมหัศจรรย์บางอย่างไม่แล้วเสร็จ แต่ไม่ได้เริ่มต้นพัฒนาขึ้นแล้ว) 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม ประกอบด้วย 1.สุขสยาม พื้นที่รวบรวม Local Heroes ศิลปิน ช่างฝีมือ ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชนจำนวนมาก ซึ่งอยู่ในทุกมุมประเทศ ให้ได้มีโอกาสเข้ามาค้าขายในไอคอนสยาม ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา สุขสยามได้ดึงดูดผู้คนเข้ามาที่สุขสยามไม่ต่ำกว่า 50,000 – 70,000 คนต่อวัน  ยิ่งไปกว่านั้นผู้ประกอบการหลายรายได้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวจนได้มีโอกาสไปทำธุรกิจในต่างประเทศแล้วอีกด้วย 2.ริเวอร์ พาร์ค จากปณิธานของไอคอนสยามในการอุทิศพื้นที่ในโครงการขนาดใหญ่ 10 ไร่ ให้เป็น Community Space วันนี้ริเวิอร์พาร์คได้กลายเป็นพื้นที่สำคัญที่ชุมชนสามารถมาใช้ประโยชน์ได้เสมือนเป็นระเบียงหน้าบ้าน  มีการใช้พื้นที่ในการจัดประเพณีไทย 12 เดือน เต็มตลอดทุกเดือน เกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อาทิ ประติมากรรมเทียนพรรษายักษ์ที่เดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานีเข้าสู่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก กลายเป็น world class destination ที่สามารถดึงดูดผู้คนจากทั่วประเทศและทั่วโลก 3.การแสดงระบำสายน้ำ แสง สี เสียง มัลติมีเดีย การแสดงที่ยาวและยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้พิสูจน์ความสำเร็จแล้ว ในการทำให้แม่น้ำเจ้าพระยากลายเป็น New Global Destination ด้วยการมี World Class Attraction ที่ทรงพลัง ซึ่งนอกเหนือจากการดึงดูดผู้คนให้มาชมการแสดงได้อย่างล้นหลามแล้ว ล่าสุดการแสดงระบำสายน้ำ แสง สี เสียง มัลติมีเดีย ของไอคอนสยาม ยังได้รับคัดเลือกให้ได้รางวัลชนะเลิศ รางวัล Gold Stevie Award 2019 สาขา Art, Entertainment & Public - Art Event จาก The International Business Awards การประกวดธุรกิจนานาชาติประจำปี 2019 บนเวทีระดับโลก 4.ทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การประชุมระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทย บนชั้น 7 ด้วยความจุขนาด 2,700  ที่นั่ง  รองรับการจัดงานประชุม ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และสามารถรองรับโชว์ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศได้ซึ่งจะจุดประกายให้กับอุตสาหกรรม MICE และทำให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางของการประชุมนานาชาติและการแสดงระดับชั้นนำของโลก 5.ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก พื้นที่ศิลปะและพิพิธภัณฑ์ระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทย โดยได้เปิดเฟสแรก ‘ไอคอนสยาม อาร์ท สเปซ’ เมื่อเดือนกันยายนศกนี้ พื้นที่ 2,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินไทยทุกแขนงตั้งแต่ศิลปินรุ่นใหม่ ศิลปินท้องถิ่น ไปจนถึงศิลปินระดับชาติใช้แสดงผลงาน โดยงานแรก กลุ่มบริษัทโตชิบา ประเทศไทย ได้จัดนิทรรศการศิลปกรรม “นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” งานแสดงผลงานจากประกวดศิลปกรรม “นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” ของศิลปินทั่วประเทศ ภายใน 1 เดือนถึงวันนี้มีผู้ชมงานมากถึง 100,000 คน   หลังจากนี้จะเปิดเฟสสองคือ ‘ริเวอร์ มิวเซียม ฮอลล์’ จะเป็นพื้นที่สำหรับการจัดแสดงงานสำคัญจากทั่วโลก และการร่วมมือกับแบรนด์ดังระดับโลก และส่วนสุดท้ายคือ ‘ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก’ ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์ระดับโลกแห่งแรกในประเทศไทยจะเปิดให้บริการปลายปี 2563 ทั้งหมดนี้จะทำให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นจุดศูนย์กลางวงการศิลปะโลกอีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 6.รถไฟฟ้าสายสีทอง ระบบคมนาคมขนส่งทางราง ซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวผ่านถนนเจริญนครไปสิ้นสุดที่โรงพยาบาลตากสินรวม 3 สถานี และในอนาคตจะเป็น Feeder Line ที่เชื่อมเข้ากับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง ขณะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)  โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้กลางปี 2563   รถไฟฟ้าสายสีทอง จะเป็นรถไฟฟ้าสายแรกในประเทศไทยที่เปิดเดินรถโดยใช้ระบบ AGT (Automated Guideway Transit) ทำให้ก่อสร้างบนพื้นที่จำกัดได้ จึงไม่ต้องเวนคืนที่ดินของประชาชน อีกทั้งการเดินรถระบบนี้มีน้ำหนักเบา ส่งผลให้สามารถใช้โครงสร้างเสาขนาดเล็กกว่าระบบเดิม นอกจากนั้นตัวรถเป็นระบบล้อยาง ทำให้เวลาเดินรถเสียงจะเงียบกว่ารถไฟฟ้าแบบเดิม ลดผลกระทบด้านเสียง และ AGT ยังเป็นระบบเดินรถแบบไร้คนขับ (Driverless) ที่จะถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ควบคุมการเดินรถด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะควบคุมระยะเวลาในการเดินรถได้อย่างแม่นยำและมีความปลอดภัยสูง 7.ปรากฏการณ์รวมโลกในรอยไทย  จากศิลปินไทยระดับอาจารย์ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินท้องถิ่นจากทั่วประเทศไทย และรวมถึงผลงานสร้างสรรค์โดยศิลปินต่างชาติ ได้แสดงความสามารถและผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะซึ่งกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งโครงการกว่า 100 ชิ้น หรือแม้กระทั่งในร้านค้าต่างๆ เป็นการสนับสนุนผลงานสร้างสรรค์ของศิลปินและช่างฝีมือไทยเหล่านั้นให้ได้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาโลก และจะยังมีเพิ่มเติมเข้ามาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 ปีของการเปิดดำเนินการ  โครงการไอคอนสยามยังได้รางวัลจากเวทีต่างๆ ทั่วโลก มาเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จอีกมากายหลายรางวัล อาทิ  การได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัล ‘ออกแบบดีที่สุดในโลก’ จากสภาการค้าปลีกโลก (World Retail Congress) และคว้ารางวัลชนะเลิศสูงสุดด้าน ‘การออกแบบที่ดีที่สุด’ จากสมาคมศูนย์การค้าโลก (International Council of Shopping Centers – ICSC) ถือเป็น 1 ปี ของเส้นทางความสำเร็จที่สวยงามจริงๆ   ข้อมูลเพิ่มเติม ไอคอนสยาม
รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 2 เดือนพฤศจิกายน 2562

รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 2 เดือนพฤศจิกายน 2562

สัปดาห์นี้หลายคนต่างก็รอคอยอีกหนึ่งเทศกาลที่เป็นหนึ่งในประเพณีประจำปี นั่นคือ ลอยกระทง ซึ่งปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562 แต่สำหรับหลายๆ สถานที่จัดงานก็จะเริ่มจัดกันตั้งแต่วันเสาร์ ที่ 9 พฤศจิกายน และไม่ได้มีเพียงแต่งานลอยกระทงเท่านั้นนะคะ ถ้าช่วงกลางวันยังว่างอยู่ ก็ลองหาอีเว้นท์อื่นๆ ไปเดินเล่นก่อนจะไปงานลอยกระทงก็ดูไม่เลวนะคะ   River Festival Thailand 2019 River Festival Thailand 2019 เทศกาลสายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ 5 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เสียงสุขแห่งสายน้ำ” งานนี้มีปีละหนที่ชวนคุณร่วมแต่งกายย้อนวันวาน แล้วมาทำบุญไหว้พระ ลอยประทีปบูชาสร้างสิริมงคลในยามค่ำคืนพร้อมกิจกรรมบันเทิง ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม เพลิดเพลินกับดนตรี ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน อิ่มอร่อยไปกับตลาดอาหารและขนมไทย   วัน เวลา :  9-11 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ท่ามหาราช ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค ล้ง 1919 เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ สุขสยาม ณ ไอคอนสยาม วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร   เทศกาลสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ปี 2562 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในงาน "เทศกาลสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง" มีกิจกรรมมากมาย อาทิ ม่านน้ำนิรมิต น้ำพุมัลติมีเดีย บนแม่น้ำเจ้าพระยา, ขบวนแห่ทางวัฒนธรรม “นบบูชาศรัทธา คงคามหานที”, การแสดงดอกไม้ไฟโบราณที่หาชมยาก, การแสดงจากศิลปินชั้นนำ อาทิ ไข่มุก รุ่งรัตน์ ไอซ์ ศรัญญู เก่ง ธชย และ กัน ณภัทร ฯลฯ   วัน เวลา :  9–11 พฤศจิกายน 2562 16.00 - 24.00 น. สถานที่ : สวนสันติชัยปราการ กรุงเทพฯ     เทศกาลลอยกระทงสี วัดไทรฯ 62 ร่วมลอยกระทงสี ทำมาจากกระดาษสี ตัด พับ จับมุม กลับด้าน ยกกลีบ กลายเป็นกระทงสีสันสวยงาม เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังย่อยสลายง่าย โดยภูมิปัญญาชาวมอญลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ที่สืบสานตามดำริของหลวงพ่ออุตตมะ แห่งวัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมในงาน อาทิ จุดประทีปรอบโบสถ์ ตามประทีปรอบวิหาร ปิดทองรอยพระบาท บูชาพระสารีริกธาตุจำลอง ร่วมพิธีลอยเรือสะเดาะเคราะห์ นมัสการพระอุปคุต   วัน เวลา :  9-11 พฤศจิกายน 2562  17.30 - 22.00 น. สถานที่ : วัดไทรอารีรักษ์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี     งานสีฐานเฟสติวัล บุญสมมาบูชานาค จังหวัดขอนแก่น  งานบุญประเพณีลอยกระทง และงานเฟสติวัลที่รวบรวมความสนุกไว้มากมาย ทั้ง Creative Walking Street, การแสดงกระทงไฟและเรือไฟลอยน้ำ, การประกวดวงดนตรีลูกทุ่ง, การประกวดวงโปงลางอีสาน ฟ้อนลำแคนคอนเทสต์, การประกวดนางนพมาศ, การเสวนาวิชาการ, การประกวดขบวนแห่ และกิจกรรมของนักศึกษา    วัน เวลา :  9-11 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : บึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น     งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2562 งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย มีชื่อเสียงโด่งดังมายาวนาน และดังไกลไปทั่วโลก ปีนี้ นอกจากจะได้รับชม ความสวยงามตระการตราของฉากการแสดงที่ยิ่งใหญ่ และนักแสดงมืออาชีพกว่า 300 ชีวิต ยังมีการนำเทคโนโลยี Projection Mapping กับโบราณสถานประกอบการแสดง ซึ่งจะทำให้การแสดงแสงเสียงในปีนี้มีความพิเศษ และสวยงามตระการตา มากยิ่งขึ้น และภายในยังมีการคัดสรรอาหารดังขึ้นชื่อของจังหวัด การแสดงของท้องถิ่นสุโขทัย การบรรเลงดนตรีไทย ฯลฯ   วัน เวลา :  2-11 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ลานหน้าวัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย ซื้อบัตรที่ ThaiticketMajor ทุกสาขา     เทศกาลโคมยี่เป็ง เชียงใหม่ ครั้งที่ 25  เทศกาลโคมยี่เป็ง เชียงใหม่ ครั้งที่ 25 ยิ่งใหญ่ที่สุด ใจกลางย่านไนท์บาซ่าร์ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกิจกรรมมากมาย อาทิ กิจกรรมการประกวดเทพบุตร เทพธิดา โคมยี่เป็ง ณ โครงการตลาดอนุสาร, การประกวดขบวนแห่ โคมยี่เป็งและการแสดงนาฎศิลป์ล้านนา สุดอลังการภายใต้แนวคิด “ตามประทีปโคมไฟ ในงานบุญตั้งธรรมหลวง”, การเทศน์มหาชาติ และจำลองเขาวงกต พร้อมการแสดงนิทรรศการโคมยี่เป็ง ณ วัดศรีดอนไชย   วัน เวลา : 9-12 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ไนท์บาซ่าร์ จังหวัดเชียงใหม่     งานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม  งานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม "ลอยกระทงกาบกล้วย เมืองแม่กลอง ตามครรลองวิถีพอเพียง ปลอดภัยไร้ซึ่งแอลกอฮอล์ ประจำปี ๒๕๖๒" มีกิจกรรมมากมาย อาทิ ประกวดกระทงกาบกล้วยพอเพียง,ลอยกระทงกาบกล้วย 200,000 ใบ, ชมเรือไฟประดับและร่วมลอยกระทงกาบกล้วย, ประกวดนางนพมาศแม่ลูกชิงถ้วยรางวัล เป็นต้น   วัน เวลา สถานที่ :  10 - 11 พฤศจิกายน 2562 ณ อุทยาน ร.๒ 11 พฤศจิกายน 2562 ณ วัดภุมรินทร์กุฎีทอง     งานประเพณีลอยกระทงพัทยาประจำปี 2562  เมืองพัทยาได้ดำเนินการจัดสถานที่จัดงานไว้ 3 แห่ง 3 กิจกรรมด้วยกัน คือ สวนสาธารณะลานโพธิ์นาเกลือ จัดให้มีกิจกรรมการประกวดประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติ ชิงเงินรางวัลกว่าแสนบาท, ลานเอนกประสงค์ พัทยากลาง มีกิจกรรมการประกวดหนูน้อยนพมาศและการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย, ลานกีฬาชายหาด จอมเทียน จัดให้มีกิจกรรมการประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติด้วยตนเอง ซึ่งแต่ละเวทียังมีคอนเสิร์ตจากศิลปินดังมาร่วมสร้างสีสันให้กับงานอีกด้วย และนักท่องเที่ยว หรือผู้สนใจ ร่วมประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติด้วยตนเอง โดยเมืองพัทยาจะเป็นผู้จัดเตรียมอุปกรณ์ให้   วัน เวลา : 11 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ลานกิจกรรม ชายหาดพัทยากลาง, ลานกิจกรรม ชายหาดจอมเทียน, สวนสาธารณะลานโพธิ์นาเกลือ     One Shot Knockout River Festival 2019  ขอเชิญผู้ที่สนใจและรักในการถ่ายภาพ สมัครเข้าร่วมกิจกรรมแข่งขันประกวดถ่ายภาพ "ONE SHOT KNOCKOUT RIVER FESTIVAL 2019" ชิงรางวัลมูลค่า 46,000 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งของงาน "River Festival 2019 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย" ครั้งที่ 5 ที่จัดขึ้นโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งนี้การแข่งขันจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562 ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 20,000 บาท   วัน เวลา : 10 พฤศจิกายน 2562 06:30-16:00 น. สถานที่ : โรงเรียนโฆสิตสโมสร วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เปิดลงทะเบียน : วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562 เวลา 20:00 น. ทางเว็บไซต์สมาคมฯ : www.rpst.or.th     มหกรรมนิยายนานาชาติ ครั้งที่ 1  งานบุ๊คแฟร์ที่รวบรวมหนังสือนิยายเอาไว้มากที่สุด เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศรูปแบบใหม่ที่จะพาคุณหลุดเข้าไปในโลกซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายเรื่องโปรด พร้อมโปรโมชั่น พรีเมี่ยมสุดเอ็กคลูซีฟ และกิจกรรมมากมายภายในงาน   วัน เวลา : 9-17 พฤศจิกายน 2562  10.00 - 22.00 น. สถานที่ : มิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์     งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 53 งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 53 : โดนใจคนชอบ Cool พบโปรโมชั่นพิเศษให้ผู้รักการท่องเที่ยวได้เลือกซื้อและชมจุใจ ทั้งแพ็คเกจทัวร์ โรงแรม รีสอร์ สายการบิน สปา รถเช่า เรือท่องเที่ยว อุปกรณ์เดินทาง และท่องเที่ยวครบครันมากมาย   วัน เวลา :  7-10 พฤศจิกายน 2562 10.00 - 21.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   กินดี อยู่ดี by ชีวจิต งานเดียว จัดเต็มกว่า 200 บูธ สินค้าสุขภาพ สินค้าออร์แกนิค สินค้าโฮมเมด ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เครื่องนอน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องออกกำลังกาย ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์ความงาม อาหารเสริม อิ่มอร่อยกับอาหารหลากหลาย   วัน เวลา : 7-10 พฤศจิกายน 2562 10.00 – 20.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 5 อิมแพ็ค เมืองทองธานี      
เปิดพฤติกรรมคนไทย กับเรื่อง “กิน” ทั้งบ่อย ชอบรสหวาน-เค็ม

เปิดพฤติกรรมคนไทย กับเรื่อง “กิน” ทั้งบ่อย ชอบรสหวาน-เค็ม

เรื่องอาหารการกิน คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เพราะประเทศไทยมีอาการให้กินสารพัดชนิด และกินกันได้แบบตลอด 24 ชั่วโมง หลากหลายรูปแบบ ประเภท และระดับราคา เรื่องอาหารจึงกลายเป็นหนึ่ง แม่เหล็กดึงดูดให้คนทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยว เพื่อหาประสบการณ์ด้านการกิน และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศเป็นที่รู้จักของโลก   แล้วคนไทยในยุคปัจจุบันมีการกินอะไรกันบ้าง จากปัจจุบันที่ตลาดอาหารมีหลากหลายประเภท และสารพัดรูปแบบ โดยทาง Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชากรอายุ 6 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจอนามัยและสวัสดิการของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2556 และปี 2560 ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างประมาณ 28,000 ครัวเรือน ข้อมูลดังกล่าวได้แสดงถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมการกินของคนไทยที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้   คนไทยเลือกซื้ออาหารจากความชอบเป็นหลัก  ในปี 2560 ปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเมื่อเลือกซื้ออาหารเป็นอันดับหนึ่ง คือ ความชอบ มีผู้ตอบ 22.1% ของกลุ่มตัวอย่างจากการสำรวจ  ตามมาด้วย รสชาติ สัดส่วน 18.5%  ความอยากทาน สัดส่วน 18.2%  ความสะอาด สัดส่วน  17.8% คุ ณค่า  สัดส่วน 12.9%  ความสะดวก สัดส่วน 6.5% โดยราคาเป็นปัจจัยที่มีผู้ตอบน้อยที่สุดที่ สัดส่วน 4.0%   จากผลการสำรวจดังกล่าวอาจมองได้ว่าคนไทยให้ความสำคัญกับความสุขจากการกิน สะท้อนจากการเลือกปัจจัย ความชอบ-ความอยากทาน-รสชาติ มากกว่าคุณภาพของอาหาร ซึ่งสะท้อนจากการเลือกปัจจัย ความสะอาด-คุณค่า    โดยปัจจัยในกลุ่มที่สะท้อนเรื่องความสุขจากการกินมีผู้ตอบรวมกันอยู่ที่ 57.1% ในปี 2556 และเพิ่มมาเป็น 58.8% ในปี 2560 ขณะที่คุณภาพของอาหารกลับมีสัดส่วนลดลงจาก 32.2% ในปี 2556 เหลือเพียง 30.7% ในปี 2560 นอกจากนี้ ปัจจัย ความชอบ เพิ่มความสำคัญขึ้นมาอย่างมากจากสัดส่วนเพียง 17.7% หรือเป็นปัจจัยอันดับ 3 ในปี 2556 ขึ้นมาเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งในการเลือกซื้ออาหารของคนไทยในปัจจุบัน แซงปัจจัย รสชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งในปี 2556   สะท้อนว่าสำหรับผู้บริโภคในปัจจุบัน อาหารอร่อยอย่างเดียวอาจไม่พอ ควรมีสิ่งอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น รูปแบบการนำเสนอ ประสบการณ์ หรือการบริการ เป็นต้น ทั้งนี้ ราคา ยังคงเป็นปัจจัยรั้งท้ายจาก 7 ปัจจัยดังกล่าวสำหรับคนไทยมาตั้งแต่ปี 2556   คนไทยกินบ่อยขึ้น กินรสหวาน-เค็มมากขึ้น และกินผักผลไม้ลดลง -คนไทยกินบ่อยขึ้น   ในปี 2560 คนไทยส่วนใหญ่กว่า 89.4% กินอาหาร 3 มื้อต่อวัน สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 88.0% ในปี 2556 นอกจากนี้ สัดส่วนของคนที่กินอาหารมากกว่า 3 มื้อก็เพิ่มขึ้นจาก 3.8% ในปี 2556 มาเป็น 4.1% ในปี 2560 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งในเพศหญิงและชาย และเพิ่มในหลายช่วงอายุ ได้แก่ เด็ก อายุ 6-14 ปี วัยรุ่น  อายุ 15-24 ปี  และคนวัยทำงาน อายุ 25-59 ปี  ยกเว้นผู้สูงอายุ อายุ 60 ปีขึ้นไป  ที่กลับมีสัดส่วนการกินมากกว่า 3 มื้อที่ลดลง     -คนไทยกินรสหวาน เค็ม มากขึ้น    โดยสัดส่วนของคนที่กินรสหวานเป็นอาหารมื้อหลักเพิ่มจาก 11.2% ในปี 2556 มาเป็น 14.2% ในปี 2560 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในกลุ่มอายุน้อยกว่า 25 ปีเป็นสำคัญ และยังพบการเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ขณะที่รสเค็มเพิ่มจาก 13.0% มาเป็น 13.8% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการบริโภคในกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไปเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม รสชาติอาหารมื้อหลักของคนไทยส่วนใหญ่จากข้อมูลการสำรวจในปี 2560 คือ รสจืด 38.3% รองลงมาเป็น รสเผ็ด สัดส่วน 26.2% หวาน สัดส่วน 14.2%  เค็ม สัดส่วน 13.8% และเปรี้ยว สัดส่วน 4.8%  ตามลำดับ   ทั้งนี้รสชาติอาหารมื้อหลักของคนไทยมีลักษณะของการกินตามช่วงอายุ เช่น การกินรสหวานจะมีสัดส่วนสูงที่สุดในวัยเด็กที่ 32.5% โดยมีสัดส่วนลดหลั่นลงไปตามช่วงอายุ และน้อยที่สุดในกลุ่มผู้สูงอายุที่กินรสหวานเป็นหลักเพียง 6.6% เท่านั้น ขณะที่รสชาติอื่น ๆ ได้แก่ เผ็ด เค็ม และเปรี้ยว จะมีสัดส่วนน้อยที่สุดในวัยเด็ก โดยจะเพิ่มขึ้นในวัยรุ่นและวัยทำงาน ตามลำดับ แล้วจะลดน้อยลงอีกครั้งในกลุ่มผู้สูงอายุ   -คนไทยบริโภคผักและผลไม้สดลดลง  ถึงแม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่กว่า 98.8% จะมีการบริโภคผักและผลไม้อย่างน้อย 1 วันในแต่ละสัปดาห์โดยสัดส่วนดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2556 แต่สัดส่วนของคนที่กินผักและผลไม้ทุกวันกลับลดลง จาก 54.5% เป็น 41.1% โดยเป็นการลดลงในทุกกลุ่มอายุ เพศ และภูมิภาค   คนไทยอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักกันมากขึ้น และเพิ่มการกินอาหารเสริม  สะท้อนถึงความพยายามในการดูแลตัวเองที่มากขึ้น แม้พฤติกรรมการกินในหลายด้านของคนไทยไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากนักตามที่ข้อมูลข้างต้นบ่งชี้   -กลุ่มคนอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักมีมากขึ้น  กลุ่มคนที่งดอาหารมื้อหลักเพื่อลดน้ำหนักมีสัดส่วนมากขึ้น จาก 9.4% ของคนที่กินอาหารน้อยกว่า 3 มื้อเป็นประจำ  ในปี 2556 มาเป็น 12.4% ในปี 2560 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในทั้งเพศหญิงและชาย แต่จะเพิ่มขึ้นชัดเจนกว่าในกลุ่มผู้หญิงซึ่งเพิ่มจาก 14.1% เป็น 19.2% และเมื่อพิจารณารายกลุ่มอายุ พบว่า สัดส่วนคนงดอาหารมื้อหลักเพื่อลดน้ำหนักมีเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มอายุ แต่กลุ่มวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงอายุมีการเพิ่มขึ้นชัดเจนกว่ากลุ่มเด็กและวัยรุ่น อย่างไรก็ดี แม้จะมีทิศทางเพิ่มขึ้น แต่คนที่อดอาหารเพื่อลดน้ำหนักก็ยังถือว่าเป็นคนส่วนน้อย โดยในปี 2560 มีสัดส่วนต่อประชากรอายุ 6 ปีขึ้นไปทั้งสิ้นเพียง 0.8% เท่านั้น ประมาณ 500,000 คน   -คนไทยบริโภคอาหารกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและกลุ่มแร่ธาตุ วิตามินมากขึ้น โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 19.1% ในปี 2556 เป็น 21.6% ในปี 2560 เป็นการบริโภคเพิ่มขึ้นของคนต่างจังหวัด ขณะที่คนกรุงเทพฯ บริโภคน้อยลง แต่ยังคงเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนผู้บริโภคอาหารเสริมมากที่สุด  1 ใน 3 ของคนกรุงเทพฯ บริโภคอาหารเสริม/วิตามิน  
รวมอีเว้นท์ประจำเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2562

รวมอีเว้นท์ประจำเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2562

อีเว้นท์ช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ มีหลากหลายทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะงานที่รวบรวมของอร่อยเอาไว้หลายงานเลยค่ะ   Sorayama Space Park by AMKK at Central Embassy ฉลองครบ 5 ปี ของศูนย์การค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ภายใต้ความร่วมมือกับ Nanzuka และ EchoOne Nanzuka ที่จะเชิญชวนให้ทุกคนท่องไปในห้วงอวกาศเหนือจินตนาการ กับประติมากรรมไดโนเสาร์ทีเร็กซ์อะลูมิเนียมขนาดยักษ์ และศิลปะการจัดดอกไม้และแลนด์สเคปที่ไม่เหมือนใคร กับการพบกันครั้งแรกของสองศิลปินระดับโลก Hajime Sorayama และ AMKK ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์พิเศษแห่งโลกศิลปะที่ไม่ควรพลาด   วัน เวลา : 16 ตุลาคม 2562-17 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00–22.00 น. สถานที่ : OPEN HOUSE ชั้น 6 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี สำรองที่นั่งได้ที่ www.centralembassy.com/sorayamatalk   Thailand Food Show 2019 งานแสดงสินค้าและความรู้เพื่อธุรกิจอาหารและคาเฟ่ เพื่อผู้ประกอบการร้านอาหารโดยเฉพาะ ภายในงานรวบรวมบูธสินค้ากว่า 200 บูธ, ซัพพลายเออร์วัตถุดิบอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่ม, อุปกรณ์สำหรับร้านอาหารและร้านกาแฟ, เครื่องครัว, บรรจุภัณฑ์, รวมสัมมนาฟรี พร้อมพบปะผู้ประกอบการธุรกิจตัวจริง   วัน เวลา : 18-27 ตุลาคม 2562 สถานที่ : ชาเลนเจอร์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   if it rained on that day ทิ้งทวนฤดูฝนปีนี้ไปกับแบรนด์ไลฟ์สไตล์ Ease Around ที่มีสินค้าลายเส้นน่ารักๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ เกิดนึกสนุกว่า "ถ้าวันนั้นฝนตก จะเป็นยังไงนะ" กลายมาเป็น  mini-exhibition ภาพวาดที่สามารถ apply ไอเดียนี้กับเรื่องราวอื่นๆ ที่ทุกคนชอบให้ได้สนุกกัน   วัน เวลา : วันนี้-27 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น.-18.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ เปิดถึง 20.00 น. *ปิดทุกวันจันทร์* สถานที่ : ร้านโฮมเมดคาเฟ่ Ponder & Paste ทองหล่อ ซอย 5   TGIF KPlus TGIF Ep.6 TGIF TGIF กับธนาคารกสิกรไทย รวบรวมแบรนด์แฟชั่นจากร้านออนไลน์กว่า 150 แบรนด์ ภายใต้คอนเซปงาน Soul Pastal โทนสีหวานๆ กันทั้งงาน มารวมไว้ที่ใจกลางสยามสแควร์ พร้อมโปรโมชั่นมากมายเมื่อจ่ายผ่าน K Plus Shop, K Plus Market และบัตรเครดิตของกสิกร   วัน เวลา : 25-27 ตุลาคม 2562  เวลา 12.00 น.-21.00 น. สถานที่ : ลานฮาร์ดร็อค คาเฟ่ สยามสแควร์   กรุงเทพธารา ตอน ไทยเท่ เสน่ห์นคร  หนึ่งปีมีหนเดียวกับเทศกาลอาหารสุดยิ่งใหญ่ รวบรวมร้านอาหารชื่อดังในตำนานและสตรีทฟู้ดจากทั่วพระนครกว่า 220 ร้านค้า และร้านที่มีชื่อเสียง ดีเด็ดประจำจังหวัดของประเทศไทย กว่า 40 จังหวัด อาทิ ซ้งเป็ดพะโล้, หมี่กรอบ ร.5 จีนหลี เต็กเฮง, หมูปลาร้า สายซิ่ง, Monster ยำ, Project bus café art ฯลฯ พร้อมชมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมของไทย ทั้งภาคเหนือ อีสาน และภาคใต้กันแบบจุใจ จัดเต็มทั้ง 10 วัน   วัน เวลา : 25 ตุลาคม–3 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์   เทศกาลกินหอย ณ หัวหิน ครั้งที่ 4 สำหรับคนชอบเมนูหอย ต้องชอบงานนี้แน่ๆ พบการออกบูธจำหน่ายอาหารจากโรงแรมชื่อดัง และร้านอาหารยอดฮิต ปรุงโดยเชฟมืออาชีพ สดใหม่ทุกวันพร้อมเสิร์ฟในราคาสบายกระเป๋า และยังมีการแข่งขันกินหอยแมลงภู่ การแข่งขันตำ ยำ หอยลีลา ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นบาท   วัน เวลา : 23-27 ตุลาคม 2562 เวลา 10.30-21.30 น. สถานที่ : HuaHin Market Village    เที่ยว กิน ถิ่นตำนานบางกอก ย้อนเสน่ห์วันวาน กับบรรยากาศบางกอกยุค พ.ศ.250 กับมุมถ่ายรูปที่จุดนิทรรศการของสะสมหาดูยาก กล้องโบราณ เครื่องเล่นแผ่นคลั่ง แผ่นเสียง เทปคาสเซ็ท ฯลฯ อิ่ม อร่อยไปกับอาหารโบราณ อาหารพื้นเมือง ของฝากพื้นบ้านชื่อดังจากทั่วประเทศ อาทิ ข้าวแช่ป้าเฉลียวต้นตำรับจากจ.เพชรบุรี, อาหารผัดเผ็ดเชฟเปี๊ยกแกงป่า จ.สิงห์บุรี, ขนมเบื้องโบราณ, ขนมไหมทอง, ขนมหวานเมืองเพชร ฯลฯ   วัน เวลา : 19–27 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00-19.00 น. สถานที่ : ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้า เจเจ มอลล์   มหกรรมเล่นกับผี ตอน "คนเล่นของ" ฮาโลวีนปีนี้... ท้าพิสูจน์ความกล้ากับอาถรรพ์มนต์ดำที่หลอนกว่าเคย ร่วมพิสูจน์ความลี้ลับของไสยศาสตร์มนต์ดำตามความเชื่อของไทย กิจกรรมความบันเทิงแนววาไรตี้ ที่ให้เหล่าผู้กล้ามาท้าความหลอนกับตำนานอาถรรพ์ โดยจำลอง “ทมิฬเทวาลัย” ตำหนักคุณไสยที่มีเรื่องราวเล่าขานถึงความน่ากลัว และความสยดสยองในทุกมิติ พร้อมด้วยภารกิจหาทางหลุดพ้นจากอาถรรพ์อันน่าสะพรึงของคนเล่นของ ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท   วัน เวลา : 18-31 ตุลาคม 2562 เวลา 12:00-23:59 น. สถานที่ : เมกาบางนา ซื้อบัตรและจองรอบล่วงหน้าที่ www.zipeventapp.com ตั้งแต่วันนี้–31 ตุลาคมนี้ (สงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่อายุ 13 ปีขึ้นไป)   Halloween Costume Party 2019 ตื่นเตาเร้าใจไปกับบ้านผีสิงรวมผีนานาชาติ และเพลิดเพลินกับการเพ้นท์หน้าสุดแฟนซี, เพ้นท์ลายแทททูหรรษา, มุมถ่ายรูปสุดหลอน, เรื่องผีชวนขนลุก, เกมสุดสยอง อาทิเช่น เกมบันไดพิศวง, ฟักทองทะลุมิติ, บ่อแมงมุมหรรษา, การประกวด “Fancy Costume Contest” พร้อมลุ้นรับรางวัลมากมาย รวมทั้งพบกับร้านค้าที่มาในธีมฮาโลวีน เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป งานนี้เข้าฟรี!    วัน เวลา : 31 ตุลาคม 2562 เวลา 16.00–22.00 น. สถานที่ : ลาน K Square ศูนย์การค้าฯ K Village สุขุมวิท 26    Thailand Game Show 2019 เพราะวงการเกมส์ไม่เคยหยุดนิ่ง ปีนี้จึงมาในธีม "TOMORROW" ภายในงานก็มีทั้ง กิจกรรม TGS Cosplay Contest ประจำปี 2019 , Meet and Greet และ กิจกรรมสุดมันส์จากบูธต่างๆ ที่ได้เตรียมพร้อมเอาไว้ให้กับทุกๆ คนภายในงาน Thailand Game Show 2019 แบบจัดเต็ม แถมด้วยเซอร์ไพรส์อีกเพียบ   วัน เวลา : 25-27 ตุลาคม 2562 เวลา 11:00-21:00 น. สถานที่ : รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน   งานหนังสือเล็กๆ งานหนังสือเล็กๆ แต่มีคุณภาพ จาก 4 สำนักพิมพ์ ได้แก่ happening, Fullstop, เป็ดเต่าควาย และสำนักพิมพ์ 113 นำนักเขียนในสังกัด อาทิ วินทร์ เลียววาริณ, องอาจ ชัยชาญชีพ, ตุล ไวฑูรเกียรติ, Tedjiro (ผู้เขียน Tokyo In Brown), ศศิ วีระเศรษฐกุล, วิภว์ บูรพาเดชะ ฯลฯ มาพบปะและแจกลายเซ็นกับนักอ่าน พร้อมโปรโมชั่นหลากหลาย   วัน เวลา : 29 ตุลาคม 2562-3 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร     มุสลิมไทย แฟร์ ครั้งที่ 5 อร่อย อิ่ม ฟินกระจาย ภายในงานมีอาหารกว่า 100 เมนู เลือกช้อปสินค้า เสื้อผ้า และเล่นเกมส์ชิงรางวัล ตลอด 3 วัน   วัน เวลา :  25-27 ตุลาคม 2562 เวลา 15.30-22.30 น. สถานที่ : ลานพลาซ่า อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก (กกท.)    
ทำความรู้จัก Hybrid Living นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

ทำความรู้จัก Hybrid Living นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

  แน่นอนว่า “บ้าน” คือ 1 ในปัจจัย 4 ที่จำเป็นในการใช้ชีวิต หน้าที่หลักของบ้าน คือ สถานที่พักอาศัย เป็นสถานที่ “กิน-อยู่-หลับนอน” แต่บ้านที่ดีไม่ได้มีคุณค่าแค่ทำให้การพักอาศัยมีความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเท่านั้น แต่บ้านที่ดีต้องสามารถสร้างคุณค่าของความเป็นอยู่โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสุข ความอบอุ่น ความสบายใจ และเป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต ไปจนถึงการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของการอยู่อาศัยด้วย   แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน จึงไม่ได้มุ่งตอบโจทย์แค่เรื่อง “ฟังก์ชั่น” การใช้งาน เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น แต่มุ่งตอบสนองความต้องการใช้ชีวิต ที่มีคุณภาพของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ภายในบ้าน หรือภายในชุมชนรอบข้าง ด้วยการยึดเอาไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเป็นหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์หลากหลาย ไม่ได้มีบทบาทและหน้าที่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่มีบทบาทและหน้าที่หลากหลายในคนๆ เดียว บ้านที่ดีจึงต้องตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย     การพัฒนาที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการจึงต้องตอบสนองความต้องการเหล่านั้นให้ครบ และยังต้องมีคุณภาพที่ดีด้วย โดยเฉพาะกับการอยู่อาศัยในโครงการบ้านเดี่ยว เพราะเป็นการอยู่อาศัยกับคนหลายเจเนอเรชั่น คนแต่ละช่วงอายุ มีความต้องการหลากหลาย และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง แต่ทุกคนต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี   AP หรือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้เห็นถึงความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งมุ่งหวังการใช้ชีวิตภายในบ้าน ที่สามารถเติมเต็มคุณภาพชีวิตได้ในทุกไลฟ์สไตล์ของทุกคน จึงได้พัฒนาบ้านเดี่ยวภายใต้แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลของคนยุคปัจจุบัน ซึ่งพบว่า มีความต้องการที่หลากหลาย ต้องการความสะดวกสบาย โดยเฉพาะความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี   Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต คือ การนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ กับโครงการบ้านเดี่ยวของ AP ทั้งภายในตัวบ้านและภายนอกบ้าน ทำให้ทุกฟังก์ชั่นของบ้าน สร้างสรรค์ประโยชน์สูงสุดให้กับผู้อยู่อาศัย มีการผสมผสานฟังก์ชั่นบ้าน ให้เข้ากับเทคโนโลยีพลังงานทดแทน และระบบสมาร์ทโฮม ถือเป็นนวัตกรรมของการใช้ชีวิตในรูปแบบ Hybrid Living อย่างแท้จริง     Hybrid Living ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างไร?   หากมองไปในท้องตลาดตอนนี้ใครๆ ก็พูดถึงระบบสมาร์ทโฮม หรือ โฮมออโตเมชั่น ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาทำให้การอยู่อาศัยสะดวกสบาย กับเทคโนโลยีสารพัด เป็นจุดขายของโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่สำหรับ AP แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต พัฒนาโครงการบนแนวคิดที่เชื่อว่า ตัวตนคุณไม่ได้มีแค่หนึ่งคำจำกัดความ ความต้องการของการอยู่อาศัยจึงไม่ได้มีเพียงด้านเดียว บางคนอยากทำงาน แต่ก็อยากเที่ยว บางคนอยากหลีกหนีความวุ่นวาย แต่ก็อยากเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ บางคนอยากอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่ก็ชอบความสะดวกสบายของเมือง และบางคนอยากพักผ่อนที่บ้าน แต่ก็อยากสังสรรค์กับเพื่อนๆ เป็นต้น     เมื่อโจทย์ความต้องการของคนยุคปัจจุบันมีความหลากหลายเช่นนี้ แนวคิดของ Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จึงถูกพัฒนาบน 4 องค์ประกอบหลักสำคัญ เพื่อให้ทุกความต้องการได้รับการตอบสนอง   1. Cost-saving-ค่าใช้จ่ายส่วนกลางถูกลงด้วยเทคโนโลยี ในยุคที่คนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่าย ทำให้คนยุคปัจจุบันมุ่งเน้นเรื่องของ “ความคุ้มค่า” โดยเฉพาะการใช้จ่าย ผู้บริโภคยุคปัจจุบันมีทางเลือกมากมาย ในการซื้อสินค้าหรือบริการ ทำให้ทุกการใช้จ่ายยืนอยู่บนเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ซึ่ง AP เข้าใจในเรื่องความคุ้มค่านี้ดี จึงเลือกพัฒนาสาธารณูปโภคภายในโครงการบ้านเดี่ยว ด้วยนวัตกรรมที่ช่วยให้ลูกบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด อาทิ นวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power system) และระบบกำจัดน้ำเสีย (Greywater Recycle system) ซึ่งนำน้ำมาบำบัดเพื่อใช้รดต้นไม่ในโครงการ เป็นต้น ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางลดลง เมื่อเทียบกับโครงการที่ไม่ได้ติดตั้งระบบนี้   2. Security-ความปลอดภัยในทุกไลฟ์สไตล์ บ้านแค่อยู่อาศัยแล้วสบายคงไม่เพียงพอ แต่ต้องมีความปลอดภัย ทั้งทรัพย์สินและชีวิตของผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน นอกจากระบบรักษาความของโครงการ ไม่ว่าจะเป็น รปภ. กล้องวงจรปิด ระบบคีย์การ์ด ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีเป็นเรื่องพื้นฐานจำเป็นอยู่แล้ว แต่แนวคิดของ Hybrid Living ของ AP ต้องตอบโจทย์การดูแลความปลอดภัยได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น   ระบบเซ็นเซอร์ประตู หน้าต่าง และเซ็นเซอร์ตรวจจับ ความเคลื่อนไหว ให้เจ้าของบ้านได้มั่นใจ แม้ว่าจะออกไปทำงานหรือเดินทางท่องเที่ยว เพราะจะมีระบบจะแจ้งเตือนผ่าน Application พร้อมส่งเสียงเตือนเมื่ออยู่ในโหมด “Alarm” ช่วยแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบการเปิด-ปิดของประตูหรือหน้าต่าง หรือตรวจเจอการเคลื่อนไหวในบ้าน หรือจะดูความเป็นไปของคนภายในบ้าน สามารถทำได้ด้วยการดูผ่านกล้อง IP Camera จาก Application ได้แบบ Live Stream     แม้แต่ปัญหาประจำที่ทุกคนจะต้องเจอ เช่น การลืมกุญแจบ้าน ก็ไม่ใช่ปัญหาต้องจ้างช่างมาไขประตูเข้าบ้านอีกต่อไป เพราะระบบ Digital Door Lock ช่วยแก้ปัญหาได้ สามารถสั่งงานผ่าน Application ได้ หรือจะสั่งเปิดประตูให้กับแม่บ้านเพื่อเข้ามาทำความสะอาด ระบบก็มี Pin Code ชั่วคราวที่ใช้ได้ครั้งเดียวให้ เจ้าของบ้านอยู่ที่ไหนก็ใช้งานได้สะดวก เหมาะกับการวิถีชีวิตคนยุค 4.0   ที่สำคัญการพักอาศัยอยู่กับคนหลายเจเนอเรชั่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ บางครั้งลูกหลานออกไปทำงาน หรือเดินทางท่องเที่ยว ต้องให้ผู้สูงอายุอยู่โดยลำพัง ก็หมดห่วงกับสิ่งที่ AP คิดมาให้ เพื่อดูแลผู้สูงอายุ กับปุ่มเรียกฉุกเฉินในยามคับขัน พร้อมทั้งมีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่เตียงนอน เพื่อเปิดไฟทางเดินสู่ห้องน้ำแบบอัตโนมัติในตอนกลางคืน หรือการดูแลที่ดีขึ้นไปอีก กับการส่งสัญญาณเตือนและภาพ Live Stream จาก IP Camera ไปยัง Application ในโทรศัพท์มือถือ หากไม่พบการเคลื่อนไหวของผู้อยู่อาศัยในห้อง เพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีที่ผู้สูงอายุเกิดล้ม ถือเป็นแนวทางการพัฒนาที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนได้ทุกเจเนอเรชั่นจริงๆ   3. Comfort-ความสบายแค่ปลายนิ้วสั่งงาน เรื่องความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย แม้จะเป็นเรื่องพื้นฐานที่บ้านต้องตอบโจทย์ แต่เพราะปัจจุบันเป็นยุคที่มีเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ความสะดวกสบายต้องเป็นเรื่องที่พัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานการดูแลบ้าน และให้ผู้อยู่อาศัยสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน ที่ AP นำระบบควบคุมอุปกรณ์ ไฟฟ้าอัจฉริยะในบ้าน Smart Home Gateway and Security Module มาดูแลความสบายของคุณและครอบครัว   การใช้ระบบควบคุมไฟแสงสว่าง Lighting Control ที่สามารถเปิด-ปิด ผ่านสวิตช์ และ Application ทำงานคู่กับระบบ Motion Sensor ช่วยตรวจจับความเคลื่อนไหว และความสว่างในบ้าน และระบบพัดลม Air Flow ระบบควบคุมเครื่องกรองอากาศอัจฉริยะ แม้แต่ชีวิตนอกบ้าน เทคโนโลยีก็ยังเข้ามาทำให้มีความสะดวกสบาย อาทิ ระบบตั้งเวลา Sprinkle รดน้ำต้นไม้ ผ่านสวิตช์ และ Application ระบบ Gate Controller ควบคุมเปิด-ปิด มอเตอร์ประตูรั้วบ้าน ผ่าน Application ระบบ Digital Door Lock เป็นต้น   4. Community-ดูแลชุมชนปลอดภัย 24 ชั่วโมง การอยู่อาศัยภายในบ้าน แม้ว่าจะได้รับความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีซึ่งเติมเต็มให้กับการอยู่อาศัย สิ่งที่ละเลยไม่ได้กับการอยู่อาศัยภายในโครงการบ้านเดี่ยว AP คือ การสร้างสรรค์ให้เกิดสังคมแห่งความสงบสุข จากการอยู่ร่วมกันของผู้อยู่อาศัยในโครงการ เพราะ AP เชื่อว่า “เพื่อนบ้านที่ดี” คือ ปัจจัยสำคัญของการอยู่ร่วมกันในชุมชน จึงได้สร้างสรรค์ Katsan Application เพื่อสื่อสารกับพนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าโครงการ เมื่อมีแขกมาเยือน ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังมือถือของคุณ   นอกจากนี้ ยังช่วยคัดแยกรถต้องสงสัย และแจ้งเตือนพนักงานรักษาความปลอดภัย เมื่อมีรถสาธารณะอยู่เกินเวลา ในกรณีฉุกเฉินยังสามารถใช้กดเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย ตำรวจ หรือรถพยาบาลได้แค่ปลายสัมผัส ทำให้การอยู่ร่วมกันของคนในชุมชนได้รับความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เป็นชุมชนที่น่าอยู่อาศัย และสามารถสร้างคุณภาพชีวิตให้กับทุกคนในโครงการบ้านเดี่ยวของ AP     องค์ประกอบทั้งหมดที่ AP นำมาใช้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ภายใต้แนวคิด Hybrid Living นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต จึงเป็นคำตอบของการอยู่อาศัยในยุคดิจิทัล 4.0 ที่ไม่ได้ต้องการแค่ความสะดวกสบายเมื่ออยู่ในบ้านเท่านั้น แต่หมายถึงการเติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้อยู่อาศัยในทุกเจเนอเรชั่นด้วย   อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.apthai.com/HybridLiving/  
6 วิธีเลี่ยงปัญหาฝุ่น อันตรายที่แฝงตัวอยู่ภายในบ้าน

6 วิธีเลี่ยงปัญหาฝุ่น อันตรายที่แฝงตัวอยู่ภายในบ้าน

ปัญหาฝุ่น PM2.5 กลับมากวนใจและสร้างปัญหาสุขภาพให้คนไทยอีกครั้งแล้ว จากการรายงานของกรมควบคุมมลพิษล่าสุด  เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 23 ตุลาคม 2562 ดังนี้   ปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ตรวจวัดได้ระหว่าง 27-57 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินเกณฑ์มาตรฐาน 8 สถานี (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ได้แก่   -บริเวณริมถนนกาญจนาภิเษก -ริมถนนลาดพร้าว -ริมถนนพระราม3-เจริญกรุง -ริมถนนเพชรเกษม -ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ -เขตบางซื่อ -เขตหลักสี่ -บริเวณตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ   บริเวณต่างๆ ดังกล่าว มีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ  ซึ่งปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มลดลงจากช่วงเวลาก่อนหน้าเกือบทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศวันนี้ใน พื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเมฆบางส่วน ประกอบกับมีฝนฟ้าคะนอง 10% ของพื้นที่ ซึ่งเป็นส่วนช่วยให้ฝุ่นละอองเจือจางลง   คำแนะนำสำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านเป็นเวลานาน ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันฝุ่นละออง   อันตรายของ PM 2.5 นั้น สามารถทำให้เสียชีวิตได้ก่อนวัยอันควร และยังมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดในสมอง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจขาดเลือด  และโรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง   แต่แม้ว่าเราจะอยู่ภายในบ้าน ปัญหาฝุ่นอาจจะเข้ามาสร้างปัญหากับสุขภาพเราได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควร ต้องเตรียมตัวตั้งรับ ด้วยการดูแลตัวเราเอง  และทำให้สิ่งแวดล้อมภายในบ้านและรอบๆ ตัวดีขึ้นด้วย แต่ถ้าต้องไปปฏิบัติงานหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมหน้ากากที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “หน้ากาก N95” สำหรับการพักอาศัยอยู่ในบ้าน หรือห้องพัก เรามีคำแนะนำและวิธีสำหรับป้องกันอันตรายจากฝุ่น PM2.5 มาเป็นแนวทางการปฏิบัติ กับ 6 วิธี เลี่ยงปัญหาฝุ่นในบ้าน 1.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นหรือควัน ประเภทจุดธูปจุดเทียน  หรือจุดอโรมาทั้งหลาย ถ้าไม่จำเป็นควรงดไปก่อน 2.หมั่นทำความสะอาดบ้าน เช็คล้างอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ ไม่ให้ฝุ่นจับตัว ควรทำอย่างสม่ำเสมอ 3.ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท ช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองเข้ามาภายในบ้าน  เลือกเปิดแอร์โดยใช้ระบบอากาศหมุนเวียนอากาศจากภายในบ้านแทนการดึงอากาศมาจากภายนอก  และตรวจทำความสะดวกระบบกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ 4.เปิดเครื่องฟอกอากาศที่ตอนนี้มีออกมารองรับปัญหานี้มากมาย 5.ปลูกต้นไม้ภายในบ้านก็ช่วยได้ เพราะการรดน้ำต้นไม้เป็นการช่วยลดฝุ่นได้อีกทางหนึ่ง 6.การปรับปรุงต่อเติมบ้าน เจ้าของบ้านควรเลือกใช้วัสดุที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การเลือกผนังและฝ้าเพดานที่มีคุณภาพจะช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองภายในบ้านได้ นอกจากการป้องกันตัวเองจากปัญหา ฝุ่นที่จะเกิดขึ้นแล้ว  ทุกคนคงต้องร่วมมือกัน ไม่สร้างปัญหาหรือทำให้เกิดปัญหาฝุ่นขึ้นเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าปัญหาการเกิดฝุ่นส่วนใหญ่จะเกิดจากภาคอุตสาหกรรม หรือการคมนาคมขนส่งก็ตาม    
เปิดข้อมูล 5 แอปเรียกรถโดยสารในประเทศไทย

เปิดข้อมูล 5 แอปเรียกรถโดยสารในประเทศไทย

ในยุคที่ใครๆ ก็มีสมาร์ทโฟนอยู่ในมือ จะทำอะไรชีวิตก็ดูง่ายไปหมด รวมถึงการมี Application เรียกรถโดยสาร จะไปไหนก็สะดวก บริการรับ-ส่งถึงหน้าบ้าน ไม่ต้องต่อรองใดๆ แต่ในบ้านเราก็มีบริการแบบเดียวกันอยู่หลายเจ้า วันนี้เรานำข้อมูลจาก 5 Application มาเปรียบเทียบกันให้ดูครับ เผื่อจะเป็นทางเลือกให้ตัดสินใจลองใช้บริการกันได้   Grab เจ้าของ : 75% สัญชาติไทย โดยมีกลุ่มเซ็นทรัลเป็นนักลงทุนใหญ่ รูปแบบการให้บริการรถ : รถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป, แท็กซี่, บริการสั่งอาหาร, บริการจ่ายเงินออนไลน์ และบริการส่งของ จำนวนจังหวัดให้บริการ : 18 จังหวัด แพลตฟอร์มการเรียก : แอปพลิเคชั่น ราคา : ใช้ระบบ Dynamic Pricing รถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป เริ่มต้น 30 บาท และ 9 บาท/กม. แท็กซี่ ราคาตามมิเตอร์ + ค่าเรียก 20 บาท   Line Thailand เจ้าของ : 50.02% สัญชาติไทย (บริษัทแม่จากประเทศเกาหลีใต้) รูปแบบการให้บริการรถ : แท็กซี่, บริการสั่งอาหาร และพัสดุ จำนวนจังหวัดให้บริการ : กรุงเทพฯ แพลตฟอร์มการเรียก : แอปพลิเคชั่น ราคา : ราคาตามมิเตอร์ + ค่าเรียก 20 บาท   All Thai Taxi เจ้าของ : นครชัยแอร์ (ทำแบบธุรกิจเช่าซื้อ) รูปแบบการให้บริการรถ : แท็กซี่จากนครชัยแอร์ (Toyota Prius) จำนวนจังหวัดให้บริการ : กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ แพลตฟอร์มการเรียก : Call Center, Line@ ราคา : มิเตอร์เริ่มต้น 35 บาท + ค่าบริการเรียกผ่านแอปพลิเคชั่น และ Call Center 40 บาท   Smart Taxi เจ้าของ : บริษัท สมาร์ทแท็กซี่ จำกัด รูปแบบการให้บริการรถ : แท็กซี่ทั่วไป จำนวนจังหวัดให้บริการ : กรุงเทพฯ แพลตฟอร์มการเรียก : Call Center และแอปพลิเคชั่น ราคา : มิเตอร์เริ่มต้น 35 บาท + ค่าบริการเรียกผ่านแอปพลิเคชั่น 25 บาท หรือ Call Center 20 บาท   Taxi OK เจ้าของ : บริษัท แท็กซี่ โอเค จำกัด รูปแบบการให้บริการรถ : Taxi ทั่วไป จำนวนจังหวัดให้บริการ : กรุงเทพฯ แพลตฟอร์มการเรียก : แอปพลิเคชั่น ราคา : มิเตอร์เริ่มต้น 35 บาท + ค่าบริการเรียกผ่านแอปพลิเคชั่น 20 บาท     ข้อมูลจาก CONC Thammasat  
เปิด Fresh Taiwan สินค้าไลฟ์สไตล์ สุดล้ำจากไต้หวัน

เปิด Fresh Taiwan สินค้าไลฟ์สไตล์ สุดล้ำจากไต้หวัน

ช่วงปลายปีแบบนี้เชื่อว่าหลายคนจะต้องหาซื้อของขวัญกันเอาไว้บ้างแล้วใช่ไหมคะ แต่ถ้าใครอยากจะหาของขวัญหรือสินค้าที่เป็นนวัตกรรม ดีไซน์สวย ไม่ต้องกลัวว่าจะซื้อไปซ้ำกับใครแล้วล่ะก็ ต้องไม่พลาดที่จะไปเดินงาน Style Bangkok Fair 2019 ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ของงานนั่นคือการนำเอาสินค้าจากต่างประเทศมาไว้ในงานด้วย โดยครั้งนี้เราจะพาไปทำความรู้จักสินค้า Fresh Taiwan จากไต้หวัน ที่เห็นแล้วจะต้องรู้สึกอยากจะได้เป็นเจ้าของสักชิ้นแน่นอนค่ะ   Fresh Taiwan คือโครงการที่กระทรวงวัฒนธรรมไต้หวัน จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์และการสร้างแบรนด์ของ Designer ชาวไต้หวัน แล้วผลักดันไปไกลระดับโลก ซึ่งการมาร่วมจัดพาวิลเลี่ยนภายในงาน Style Bangkok Fair 2019 ถือเป็นครั้งที่ 6 แล้ว โดยในแต่ละปีก็มีหลากหลายแบรนด์ใหม่ๆ มาโชว์ผลงานที่สามารถซื้อกลับไปเป็นของขวัญแบบไม่ซ้ำใคร หรือจะเจรจาธุรกิจก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ   สำหรับปีนี้ไต้หวันพาวิลเลี่ยนจะมาในธีม “ไฮไลท์” (HIGHTLIGHT) เน้นสินค้าที่เป็นนวัตกรรมคุณภาพ ความสร้างสรรค์ และฟังก์ชันที่ล้ำสมัย สะท้อนไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งหมด 10 แบรนด์ ซึ่ง 8 ใน 10 แบรนด์จะเป็นครั้งแรกที่มาร่วมงานนี้ ได้แก่ 49101 Electronics, Vinaera, Eye Candle, Singular Concept, Conquer Casa, Hands, Dilio, และ CLARECHEN รวมถึงแบรนด์ที่กลับมาอีกครั้งอย่าง bi.du.haev และ Fyber Forma จะมีสินค้าตัวไหนน่าสนใจบ้าง เรานำมาฝากกันค่ะ   Dilio สินค้าตกแต่งบ้านที่ไม่ใช่แค่วางประดับไว้เท่านั้น แต่ยังเป็นที่รองน้ำมันหอมระเหย ด้วยส่วนผสมเฉพาะจากวัสดุหลักที่เป็นซีเมนต์พิเศษ จะช่วยให้กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยฟุ้งกระจายและคงทนอยู่ได้นานขึ้นด้วย   bi.du.haev (Biduhaev cold brew system) ใครที่ชื่นชอบกาแฟสกัดเย็น หรือที่เรียกกันว่า cold brew จะต้องอยากมีเครื่องนี้ไว้ครองครองค่ะ ด้วยวัสดุของทั้งตัวเครื่องทำมาจากแก้ว ทำให้การแฟ cold brew แก้วโปรดได้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น   Vinaera เครื่องเติมอากาศในไวน์ สำหรับคอไวน์โดยเฉพาะจะต้องสะดุดตากับเจ้าเครื่องเติมอากาศในไวน์ครั้งแรกของโลก สินค้าตัวนี้จะมีอยู่ 2 รุ่นด้วยกันค่ะ Vinaera Classic กังหันน้ำไวน์ไฟฟ้า และ Vinaera Pro เครื่องเติมอากาศไฟฟ้าแบบปรับได้   49101 Electronics หูฟังบลูทูธ คนรักเสียงเพลงก็ย่อมจะต้องหาหูฟังดีๆ ไว้สักอันใช่ไหมคะ โดยหูฟังแบรนด์ 49101 มีความโดดเด่นตรงที่เป็นหูฟังบลูทูธสามารถเปลี่ยนเป็นสายชาร์จความเร็วสูงได้ และยังสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ในตัวได้ด้วย   Fyber Forma กระเป๋ากันน้ำ กระเป๋าหลากหลายดีไซน์ มีคุณสมบัติพิเศษด้านนอกกันน้ำ ผิวสัมผัสนุ่มละเอียดคล้ายหนัง น้ำหนักเบา ด้านในกรุด้วยผ้าอ่อนนุ่ม เพิ่มความทนทาน     หากใครอยากจะสัมผัสของจริง แล้วซื้อเก็บไว้เป็นของขวัญในช่วงสิ้นปีก็แนะนำให้รีบมาในงาน Style Bangkok Fair 2019 ในวันที่ 17-21 ตุลาคม 2562 นี้เท่านั้นนะคะ รับรองว่าไม่เหมือนใครแน่นอน    
รวมอีเว้นท์ประจำเดือนตุลาคม (3) 2562

รวมอีเว้นท์ประจำเดือนตุลาคม (3) 2562

เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวที่หลายคนรอคอยกันแล้วนะคะ บรรยากาศเป็นใจ แถมของลดราคาก็เพียบในช่วงปลายปีเช่นนี้ใครจะไม่อยากออกไปเดินเล่นซึมซับช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ล่ะ จริงไหมคะ?   Style Bangkok Fair 2019 ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่กำลังมองหาช่องทางเริ่มทำธุรกิจใหม่ๆ อยากจะหาพันธมิตรทางธุรกิจ หรือมองหาสินค้าดีไซน์ดีๆ บางอย่างก็หาไม่ได้ตามศูนย์การค้าทั่วไป ลองมาเดินงานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ระดับนานาชาติ Style Bangkok Fair 2019 เป็นงานที่รวม 3 เทรดแฟร์เข้าไว้ ด้วยกัน ได้แก่ งานแสดงสินค้าแฟชั่นและงานแสดงสินค้าเครื่องหนัง (BIFF&BIL) งานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของ ใช้ในบ้าน(BIG+BIH) และงานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ (TIFF) มีบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 800 บริษัท ประกอบด้วยกลุ่มสินค้า 5 กลุ่มหลัก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ของขวัญ ของตกแต่งบ้าน และของใช้ในบ้าน   วัน เวลา : วันเจราจาธุรกิจ วันที่ 17–19 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00–18.00 น. วันบุคคลทั่วไป วันที่ 20–21 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00–21.00 น. สถานที่ : ไบเทค บางนา   บ้านและสวนแฟร์ 2019 : “Living Transformed” สำหรับคอนเซปงานในครั้งนี้มุ่งนำเสนอการคำนึงถึงคุณค่าของสิ่งเดิม ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ ภูมิปัญญา หรือวิถีชีวิต ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่มาที่ไปของสิ่งเดิมไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ โดยไฮไลท์ของงานก็มีมากมาย เช่น สวนโชว์ สวนที่จัดลงในพื้นที่อาคารเก่ารกร้าง เปลี่ยนสภาพความรุงรังเก่าโบราณเป็นสวนที่มีอาคารเก่านี้เป็นฉากหลัง, นิทรรศการดีไซด์อัพเดท วัสดุทันสมัยในการก่อสร้างและตกแต่ง ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับที่บ้านได้อย่างสะดวก, การประกวดต้นไม้ ยอดนิยม เฟิน, สัปปะรดสี, กล้วยไม้, แคคตัสและไม้อวบน้ำ ฯลฯ   วัน เวลา : 18 - 27 ตุลาคม 2562 เวลา 09.30-21.00 น. สถานที่ : ชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี     Fattival Food Fest เทศกาลอาหารสุดอินเทรนด์ประจำปี 2019 คัดสรรจัดเต็มกว่า 60 ร้านชื่อดัง Recommend โดย 3 เพจสายกิน foodyoucaneat เรากินได้ คุณก็กินได้, เพนกวิ้นรีวิว GuinHungry, วันนี้แดกไรดีวะ พิเศษ! มีเมนูพิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น   วัน เวลา : 17-20 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00–22.00 น. สถานที่ : Emquartier     Karma Koncrete ปาร์ตี้ในโกดังในกลางกรุงเทพตลอด 10 ชั่วโมงเต็ม ภายในโกดังที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น สไตล์อินดัสเทรียล โดยได้ศิลปินชั้นนำจาก 4 ประเทศประกอบไปด้วย CPI (สเปน) เสริมเติมกลิ่นอายจากบาร์เซโลน่ากับ Marc Pinol และ Capablanca,Vladimir Ivkovic (เซอร์เบีย / เยอรมนี) Yoshinori Hayashi (ญี่ปุ่น) และ Rifain (ฝรั่งเศส / เวียดนาม) ร่วมด้วย  Sunju Hargun และ Jirus นอกจากนี้ยังมีโซนตลาดขายของ มีทั้งฟู้ดทรัค บูทีกค็อกเทล ฯลฯ ซื้อบัตรที่ ticketmelon   วัน เวลา : 26 ตุลาคม 2562 เวลา 14.00–00.00 น. สถานที่ :  ABOUT Studio   Melody Of Life Music Festival เทศกาลดนตรีของคนรักษ์โลก ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตจากศิลปินตลอดสองวัน แต่ยังมีบูธอาหารและกิจกรรมหลากหลาย ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น อาทิ Cheeze Market ตลาดขายของทั้งมือหนึ่งและมือสอง, Workshop สิ่งของเหลือใช้มา Reuse ใช้ใหม่, นิทรรศการมัลติมีเดียเชิง Installation & Visual Effect เรื่องสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล และมลพิษทางทะเล, การประมูล CE โดยศิลปิน ดารา ที่มาร่วมออกแบบ CE หุ่นมาสคอตประจำงานครั้งนี้ รายได้จากการประมูลหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนต่อไป เป็นต้น   วัน เวลา : 19-20 ตุลาคม 2562 เวลา 12.00–22.00 น. สถานที่ :  ศูนย์การค้าเซนทรัลเวิลด์        
ถอดรหัส CPN กับตัวเลข “3-2-12-22” ตามแผนธุรกิจภายในปี 2565

ถอดรหัส CPN กับตัวเลข “3-2-12-22” ตามแผนธุรกิจภายในปี 2565

ในบรรดาดีเวลลอปเปอร์พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์  ประเภทศูนย์การค้าซึ่งมีจำนวนพื้นที่บริหารมากสุด คงต้องยกให้กับ CPN หรือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ปัจจุบันมีพื้นที่บริหารอยู่กว่า 1.8 ล้านตารางเมตร จากจำนวนพื้นที่ศูนย์การค้าทั้งหมดในปีนี้ ซึ่งคาดว่ามีประมาณ 20.9 ล้านตารางเมตร    ความเคลื่อนไหวของตลาดศูนย์การค้าในปีนี้ มีจำนวนผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเติมตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้าของกลุ่ม CPN เอง อย่างโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ (รายละเอียดโครงการ) หรือโครงการของดีเวลลอปเปอร์รายอื่น อย่าง โครงการสามย่านมิตรทาวน์ (รายละเอียดโครงการ) โครงการวิสซ์ดอม 101 (รายละเอียดโครงการ) เป็นต้น ซึ่งประเมินกันว่า เฉพาะปีนี้พื้นที่ศูนย์การค้า จะมีเข้ามาเติมตลาดอีกกว่า 9 ล้านตารางเมตร   แม้จะมีคู่แข่งหน้าใหม่หรือหน้าเก่าเข้ามาในตลาด แต่ดูเหมือนว่า CPN ยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังลงทุนต่อเนื่อง ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจหรือบ้านเมืองจะเป็นเช่นไร  โดยลงทุนทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ  ต่างจังหวัด และออกไปไกลในต่างประเทศ อย่างล่าสุด กับการเปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัลไอ-ซิตี้ (Central i-City) โครงการร่วมทุนระหว่าง CPN และไอ-เบอร์ฮาด เจ้าของโครงการ ไอ-ซิตี้ ด้วยงบลงทุนกว่า 8,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 28 ไร่ พื้นที่โครงการ 278,000 ตารางเมตร   ส่วนภายในประเทศ CPN ได้ประกาศแผนธุรกิจ ภายในปี 2565 เตรียมพัฒนาและเปิดให้บริการ โครงการใหม่ รวมถึงการรีโนเวตโครงการเดิม ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการ ของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน กับตัวเลขทางธุรกิจ “3-2-12-22” ซึ่งเป็นแผนธุรกิจที่จะดำเนินให้แล้วเสร็จ ภายในปี 2565     ถอดรหัสตัวเลข “3-2-12-22” ตามแผนธุรกิจภายในปี 2565   “3” = โปรเจ็กต์ใหม่ใน 3  ทำเล    CPN เตรียมยึดหัวหาดเมืองเศรษฐกิจใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ จังหวัดอยุธยา  อำเภอศรีราชา และจันทบุรี สร้าง ‘Golden District’ ของจังหวัด ด้วย ‘โครงการมิกซ์ยูสรูปแบบใหม่’ ได้แก่   1.โครงการมิกซ์ยูส ‘เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา’ พัฒนาภายใต้แนวคิด ความเรืองรองแห่งพระนครศรีอยุธยา เมืองอยุธยาถือเป็น strategic location เป็น ‘Hub ของภาคกลางตอนบน’ ครอบคลุมจังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท สุพรรณบุรี ประชากรเกือบ 2.5 ล้านคน และยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมสำคัญที่ต่อขยายจากกรุงเทพฯ   โครงการประกอบด้วย ศูนย์การค้า Tourist Attraction โรงแรม ที่พักอาศัย และคอนเวนชั่นฮอลล์ โครงการจะเปิดให้บริการไตรมาสที่ 2 ปี 2564   2.โครงการมิกซ์ยูส ‘เซ็นทรัลพลาซา ศรีราชา’ พัฒนาภายใต้แนวคิด Living Green in Smart City of EEC Center  โครงการที่ซีพีเอ็นลงทุนเสริมแผนภาครัฐในเมืองหลักภาคตะวันออก ผลักดันศรีราชาเป็นเมืองเศรษฐกิจใหม่ที่จะมีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดใน EEC ซึ่งจะเป็นการลงทุนที่คู่ขนานไปกับภาครัฐ เพื่อเชื่อมโยง กรุงเทพฯ - ชลบุรี – เพิ่มจิ๊กซอว์ ศรีราชา – บรรจบ ระยอง ให้ครบ โดยศรีราชาเป็นเมืองอุตสาหกรรม New S-Curve เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และจะเป็น MICE Hub ของ EEC Center จึงต้องตอบโจทย์ด้วยศูนย์กลางการใช้ชีวิต   โครงการประกอบด้วย ศูนย์การค้า คอนเวนชั่นฮอลล์ เซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ ออฟฟิศ และโรงแรมในอนาคต โดยเป็นครั้งแรกที่มีศูนย์การค้าแบบ Semi-Outdoor โมเดลเดียวกับเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ นอกพื้นที่กรุงเทพฯ ในคอนเซ็ปต์ ‘Living Green in Smart City of EEC Center’ สร้าง Third Place ให้คนศรีราชาได้มาพักผ่อน   โดยที่นี่เป็นศูนย์การค้าฟอร์แมตใหม่แบบ Lifestyle Thematic Mall ที่แบ่งโซนร้านค้าตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ตกแต่งเป็นธีมห้องต่างๆ ให้บรรยากาศเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน พร้อมมี Outdoor walking street ที่ตกแต่งโดย integrate ธรรมชาติ บนพื้นที่ indoor และ outdoor ไว้ที่นี่ที่เดียว คาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 2 ปี 2564     3.โครงการมิกซ์ยูส ‘เซ็นทรัลพลาซา จันทบุรี’   เป็นการสร้างฟอร์แมทใหม่ ภายใต้แนวคิด The Shining Gem of EEC Plus 2  เป็นการเชื่อมต่อการพัฒนาตั้งแต่จังหวัดชลบุรีมาต่อเนื่องถึงจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่มีเศรษฐกิจเติบโตสูง เห็นได้จากยอดขายของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซึ่งเป็นอันดับ 1 ในสาขานอกจังหวัดกรุงเทพฯ​ ส่วนรูปแบบโครงการอยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2565   “2” = การปรับโฉมสาขาเดิมให้ทันสมัย เป็นการปลุกปั้น 2 ทำเลใหม่ -New Urbanised District ของกรุงเทพฯ ได้แก่ พระราม 2 และรามอินทรา   1.เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 ปรับสู่คอนเซ็ปต์ The Largest Regional mall - Gateway of South Bangkok  โดยเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 จะถูกพลิกโฉมยกเครื่องศูนย์ใหม่ทั้งหมด ทั้งด้านดีไซน์ การเพิ่มร้านค้าใหม่ๆ ปรับปรุงร้านค้าที่มีอยู่เดิม โดยธุรกิจต่างๆ ของกลุ่มเซ็นทรัล อาทิ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล,TOPs, B2S ก็เตรียมปรับโฉมให้สอดคล้องกับศูนย์การค้าด้วย   ที่โดดเด่นที่สุดคือ จะมีการ re-create พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ชื่อว่า สวน Central Plearn Park ที่มีขนาดใหญ่ถึง 37 ไร่ ให้เป็นเหมือน The Oasis of South Bangkok ที่จะเป็นพื้นที่สำหรับครอบครัว  ซึ่งประกอบไปด้วย Food Garden &  Fashion Park, Kids Gym, Multi-sport recreation (ลู่วิ่ง, bike lane, ร้านค้าขายสินค้าแนวสปอร์ต) และเป็น Pet Community ที่มีทั้ง โรงพยาบาลสัตว์ Pet playground, Pet pool และ Pet Shop คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1 ปี 2565   2.เซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา ภายใต้แนวคิด Living Lab of Ramindra กับการพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 26 ปี เพื่อรองรับกลุ่มประชากรและชุมชนที่ขยายตัวจากโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ เข้าไปพัฒนา รวมถึงการพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้าสายสี   โดยโครงการนี้จะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ ที่เป็นเหมือน Third Place เช่นเดียวกับเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 เคยทำจนประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยจะเป็นเดสติเนชั่นทั้งด้านอาหาร กีฬา Co-living Space รองรับทุกความต้องการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2564     “12” = โปรเจ็กต์เดิมเตรียมรีโนเวตเพื่อความทันสมัย   โดยในปี 2563 บริษัทฯ จะทำการปรับปรุงและขยายพื้นที่ศูนย์การค้าอีก 12 สาขาทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา พระราม 9, เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์, เซ็นทรัลพลาซา บางนา, เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น, เซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี, เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ และเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่แอร์พอร์ต, เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช, เซ็นทรัล มารีนา พัทยา, เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย และเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ ภายใต้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท   “22” = เม็ดเงินลงทุงตามแผนธุรกิจมูลค่า 22,000 ล้าน   ตามแผนธุรกิจดังกล่าว บริษัทได้เตรียมงบประมาณไว้ทั้งสิ้น 22,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น   โครงการมิกซ์ยูส ‘เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา’ มูลค่า 6,200 ล้านบาท โครงการมิกซ์ยูส ‘เซ็นทรัลพลาซา ศรีราชา’  มูลค่า 4,200 ล้านบาท โครงการมิกซ์ยูส ‘เซ็นทรัลพลาซา จันทบุรี’  มูลค่า 3,500 ล้านบาท โครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 มูลค่า 1,500 ล้านบาท โครงการเซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา  มูลค่า 1.600 ล้านบาท การปรับปรุงโครงการเดิม 12 แห่ง มูลค่า 5,000 ล้านบาท   “ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร เราลงทุนต่อเนื่อง และลงทุนระยะยาวมาตลอด 39 ปี โดยพัฒนาสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ” นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN กล่าว  
7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ประโยชน์มากกว่า ในราคาสุดคุ้ม

7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ประโยชน์มากกว่า ในราคาสุดคุ้ม

  การสร้างหรือการซ่อมแซมบ้าน ปัจจัยหนึ่งที่มักทำให้งบประมาณบานปลาย  คือ ขาดการวางแผนและเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ไม่มีคุณภาพ  คำนึงแต่เรื่องราคาถูกเป็นหลัก ทำให้เวลาเอามาใช้งานจริง ไม่ได้ตามมาตรฐานของงาน ผลงานจึงออกมาไม่มีคุณภาพ หรือเมื่อใช้ไปได้สักระยะก็ต้องมาเจอปัญหาเดิม  ต้องมานั่งรื้อนั่งซ่อมกันใหม่  ทำให้ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และอารมณ์  หงุดหงิดกับปัญหาซ้ำซากที่ต้องเจอบ่อยๆ   การเลือกใช้วัสดุจึงควรจะเน้นเรื่องคุณภาพมาเป็นอันดับแรก และพิจารณาเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคา อายุการใช้งานยาวนาน ไม่ต้องมาเสียอารมณ์ เสียเวลาแก้ไขปัญหาที่ตามมาภายหลัง แม้ว่าอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย  แต่ถ้าคำนวณแล้วคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป  ก็น่าจะดีกว่าเลือกซื้อแต่ของถูกเท่านั้น   อย่างห้องน้ำหรือห้องครัวที่มีการปูกระเบื้อง ปัญหาสำคัญที่มักพบเสมอ เมื่อใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง คือ ยาแนวของกระเบื้องหลุดล่อน เกิดเปราะแตก น้ำรั่วซึม เกิดปัญหาราดำ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการใช้ยาแนวที่ไม่มีคุณภาพที่ดีมากพอ ไม่เหมาะกับประเภทกระเบื้อง ทำให้มีปัญหาภายหลังมากวนใจ กวนเงินในกระเป๋าเจ้าของบ้าน ให้ต้องตามแก้ตามซ่อมกันเสมอๆ   5 เทคนิคเลือกใช้ยาแนวเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหาเรื่องยาแนวกระเบื้องในภายหลัง  ลองใช้ 5 เทคนิคนี้เป็นแนวทาง ในการเลือกใช้ยาแนวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด   1.เลือกใช้ยาแนวให้เหมาะกับประเภทของกระเบื้อง เริ่มต้นของการเลือกยาแนวที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือต้องเลือกให้เหมาะสมกับประเภทกระเบื้อง เช่น กระเบื้องแกรนิตโต้นิยมปูชิดเพื่อความสวยเนียน มีขนาดร่องเพียง 0.2-2 มม. ส่วนกระเบื้องเซรามิคทั่วไปมีร่องขนาด 3 มม. การเลือกยาแนวจึงต้องมีคุณสมบัติไหลลึกเหมาะกับร่องของกระเบื้องร่องเล็กปูชิด     2.เลือกใช้ยาแนวให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานของกระเบื้อง กระเบื้องที่ปูในห้องต่างๆ ไม่ว่าจะห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องทั่วไป ลักษณะการใช้งานก็แตกต่างกันไป เพราะสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน ห้องน้ำและห้องครัวอาจจะต้องเจอกับน้ำและความชื้นมากเป็นพิเศษ ทำให้อาจจะเกิดเชื้อรา หรือราดำตามร่องยาแนวได้ การเลือกใช้ยาแนวจึงต้องเลือกที่มีคุณสมบัติป้องกันราดำ และทนต่อกรดหรือสารเคมีในน้ำยาทำความสะอาดได้ดีกว่า เป็นต้น แต่ถ้าเป็นห้องทั่วไปภายในอาคาร ก็ควรเลือกกาวยาแนวที่มีสารระเหยที่เป็นพิษต่ำ (Low VOC) ทำให้เกิดสภาพอากาศที่ดีทั้งระหว่างการก่อสร้างและการอยู่อาศัย   3.เลือกสินค้าจากแบรนด์หรือผู้ผลิตที่มีมาตรฐานการผลิต เป็นที่ยอมรับ สินค้ายาแนวที่จำหน่ายในท้องตลาดมีอยู่มากมาย หลากหลายยี่ห้อ  และผู้ผลิต เหตุผลง่ายๆ ที่เราจะต้องเลือกสินค้าจากแบรนด์และผู้ผลิตที่มีมาตรฐานการผลิต เป็นที่ยอมรับ เพราะสินค้าจะมีคุณภาพและมาตรฐานตามที่เราต้องการใช้งานจริงๆ หากไปใช้สินค้าที่แบรนด์ไม่เป็นที่รู้จัก แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสินค้ามีคุณภาพตรงตามที่ได้โฆษณาไว้     4.เลือกสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่ม เดี๋ยวนี้การผลิตสินค้ามีเทคโนโลยี และการพัฒนาที่ล้ำหน้าไปไกล ผู้ผลิตจึงมักเสริมคุณสมบัติพิเศษของสินค้า  เพื่อให้สินค้ามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้านำไปใช้งาน ดังนั้นเราจึงควรเลือกสินค้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่เหนือกว่าสินค้าที่มีแค่คุณสมบัติพื้นฐาน หากราคาไม่แตกต่างกันมากนัก   5.ไม่เลือกสินค้าโดยพิจารณาแต่ราคาเป็นหลัก เรื่องราคาอาจจะเป็นปัจจัยหลักของหลายคนในการเลือกสินค้า แต่หากคิดให้รอบครอบ การเลือกสินค้าโดยคิดแต่เอาเรื่องราคาถูกเข้าไว้ก่อน นานไปก็ต้องมีปัญหาตามมาให้แก้ไข เพราะสินค้าราคาถูกก็ย่อมจะมากับคุณภาพพอประมาณ ถ้าคิดเฉพาะราคาสินค้าถูกก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่อย่าลืมถ้ามีปัญหาต้องเสียเวลา และหาช่างมาซ่อมแซมเพิ่มเติม นี่คือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เผลอๆ คิดแล้วอาจจะแพงกว่าการเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดี ที่อาจมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ และการเลือกจากขนาดถุงใหญ่กว่าก็อาจไม่ใช่คำตอบ ขนาดบรรจุควรเป็นขนาดที่เหมาะสมต่อการใช้งาน ไม่เหลือเศษทิ้งจนต้องจ่ายเกินจำเป็น     ถ้าพูดถึงเทรนด์การใช้กระเบื้อง สำหรับใช้ปูห้องต่างๆ ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้กระเบื้องประเภทแกรนิตโต้ ได้รับความนิยมถูกนำมาใช้ในบ้านและคอนโดมิเนียมมากมาย เพราะมีทั้งความสวยงามและมีรูปแบบให้เลือกหลากหลายประเภทในการใช้งาน แต่การเลือกใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งความสวยงามและอายุการใช้งานยาวนาน คงต้องมีกาวยาแนวที่มีประสิทธิภาพควบคู่กันด้วย   บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในฐานะผู้นำด้านการผลิตภัณฑ์กาวยาแนว  จึงได้ทำตลาดผลิตภัณฑ์ กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัสเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า ที่หันมาปูกระเบื้องแกรนิตโต้และกระเบื้องตัดขอบปูชิดกันเพิ่มมากขึ้นด้วย และยังเป็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์กาวยาแนวไม่มีคุณภาพ หรือไม่เหมาะกับกระเบื้องแกรนิตโต้  ทำให้ห้องที่ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ ประสบปัญหาภายหลังมากมาย อาทิ ปัญหาราดำ  น้ำซึม และเปราะแตก เป็นต้น  ซึ่งสาเหตุสำคัญคือยาแนวไม่ลงลึกไปในร่องของกระเบื้องได้เต็มประสิทธิภาพ  ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ต้องมาตามแก้ไขปัญหาภายหลัง จึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจริงๆ   ลองมาดูกันว่าผลิตภัณฑ์กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มีอะไรดีบ้าง  เพราะแม้ว่าจะมีขนาดถุงเล็กๆ แต่เต็มด้วยประสิทธิภาพ เรียกได้ว่า แก้ได้หมดจบทุกปัญหา   7 ฟังก์ชั่น “จระเข้ เทอร์โบ พลัส” ที่ให้ประโยชน์มากกว่าในราคาสุดคุ้ม 1. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มี Deep Active Molecule ทำให้เนื้อกาวไหลตัวได้ลึก ยึดเกาะเต็มร่องเล็ก สำหรับร่องยาแนว ขนาด 0.2-5 มม. โดยเฉพาะกระเบื้องแกรนิตโตที่นิยมปูชิด แต่เต็มประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่า “เล็กแต่แรง” จริงๆ หมดปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลัง เพราะสามารถไหลลึกกว่า 8 มม. หรือเต็มความหนาของกระเบื้องแกรนิตโต้ จึงไม่เกิดโพรงช่องว่างหมดปัญหาน้ำซึมผ่านได้ หากเป็นยาแนวธรรมดาทั่วไป จะยึดเกาะร่องเล็กสุดตั้งแต่ 1-5 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงมีโอกาสเปราะแตกง่ายกว่าสร้างปัญหาตามมาอีกมากมาย      2. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส มีเทคโนโลยีไมโครแบน ทำให้มีคุณสมบัติยับยั้งราดำและตะไคร่น้ำ ที่ถือเป็นปัญหาสกปรกกวนใจ แถมยังเป็นแหล่งเชื้อโรคอีกด้วย ซึ่งสาเหตุของการเกิดราดำ เป็นเพราะเราละเลยและเลือกกาวยาแนวไม่ถูกประเภท ซึ่งส่งผลให้ยาแนวเปราะแตก มีน้ำซึม เกิดราดำในที่สุด     และเมื่อยาแนวหลุดล่อน น้ำจะซึมผ่านใต้แผ่นกระเบื้อง หากเป็นห้องน้ำชั้น 2 จะทำให้ฝ้ารั่ว ฝ้าพังเกิดความเสียหาย น้ำหยดลงเฟอร์นิเจอร์ และหยดลงพื้น จากปัญหาเล็กๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ในที่สุด  ทำให้ทุกอย่างพังหมด ต้องหาช่างมาซ่อมแซม เสียค่าใช้จ่ายบานปลาย เสียทั้งเงิน ทั้งเวลา เพียงเพราะมองข้ามเรื่องเล็กๆ เหล่านี้     3. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ยังมีคุณสมบัติในเรื่องการแห้งตัวเร็ว สามารถเปิดใช้พื้นที่ได้ภายใน 6 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งปกติยาแนวทั่วไปนั้นกว่าจะแห้งสนิท หรือเปิดพื้นที่ใช้งานได้ ต้องใช้ระยะเวลา 12-24 ชั่วโมง เหมาะมากกับบ้านหรือคอนโดที่มีห้องน้ำเดียวและต้องใช้ทุกวัน     4. คุณสมบัติด้านการทนกรด และสารเคมีมากกว่ากาวยาแนวทั่วไป ทำให้หมดปัญหาและข้อกังวลใจหากใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่มีสารเคมีหรือกรดซึ่งไม่ต้องกังวลใจว่ายาแนวจะซึกกร่อนได้ เพราะหากเป็นยาแนวปกติทั่วไปนั้น มีคุณสมบัติพื้นฐานเพียงแค่ปิดร่องกระเบื้อง แต่ไม่ได้พัฒนาให้กาวยาแนวมีคุณสมบัติทนกรด ทำให้เมื่อใช้ไปได้ไม่นานก็เกิดปัญหาหลุดล่อน เพราะถูกกรดหรือสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทำลายยาแนว   5. นอกจากกาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส จะมีเทคโนโลยีไมโครแบน ลดปัญหาราดำแล้ว ยังมีสารไฮโดรโฟบิก ที่ช่วยลดคราบสกปรกฝังแน่น และลดการซึมน้ำ ซึ่งเป็นต้นเหตุการณ์ทำให้กระเบื้องหลุดล่อนอีกด้วย หากเป็นยาแนวธรรมดา ที่ไม่ได้มีสารไฮโดรโฟบิก สิ่งที่เรามักพบเสมอคือ คราบสกปรกฝังแน่น เป็นคราบดำ เนื่องจากยาแนวนั้นเน้นแต่เพียงการปิดร่องกระเบื้อง เป็นคุณสมบัติพื้นฐานหลักเท่านั้น     6. กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ยังมี WCAC Technology ซึ่งช่วยในเรื่องของลดการเกิดคราบขาวได้ในหนึ่งเดียว เป็นคุณสมบัติพิเศษ   7. ผลิตภัณฑ์กาวยาแนว จระเข้ เทอร์โบ พลัส ใช้เทคโนโลยีและมาตรฐานการผลิตสินค้าเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยได้รับการทดสอบควบคุมตามมาตรฐาน ANSI A 118.6 (Unsanded), A 118.7 (Unsanded) มาตรฐานยุโรป EN 13888 CG2 และผ่านเกณฑ์การทดสอบตามมาตรฐานการประเมินอาคารเขียว หรืออาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม LEED v4 ในหัวข้อ Indoor Environmental Quality – IEQ (คุณภาพสภาพแวดล้อมในอาคาร) ด้วยวัสดุที่มีสารระเหยที่เป็นพิษต่ำ   จะเห็นว่าผลิตภัณฑ์กาวยาแนวมีความสำคัญมากต่อการปูกระเบื้อง และไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ยาแนวอุดร่องกระเบื้องเท่านั้น แต่มีความสำคัญมากต่อการป้องกันปัญหาจุดเล็กๆ ที่อาจจะบานปลายเป็นปัญหาใหญ่ ต้องใส่ใจเลือกผลิตภัณฑ์กาวยาแนวจระเข้ เทอร์โบ พลัส ไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะมากวนใจภายหลัง แม้ว่าอาจจะมีราคาสูงกว่าสินค้าในท้องตลาด และมีขนาดบรรจุต่อถุงเพียง 0.5 กิโลกรัม แต่ก็ครอบคลุมพื้นที่ได้มาก ประสิทธิภาพสูง บรรจุขนาดเหมาะกับพื้นที่ใช้งาน  เรียกว่าจ่ายครั้งเดียวคุ้มค่าในระยะยาวถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ “เล็กแต่แรง” เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ และคุ้มค่าคุ้มราคามากเลยทีเดียว   หมายเหตุ : LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) มีต้นกำเนิดจากสหรัฐอเมริกาเป็นที่ยอมรับใช้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกในการก่อสร้างปรับปรุงอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม : http://bit.ly/2B0ANyw  
รวมคอนโดฯ สุขุมวิทช่วงปลาย ในราคาแค่ล้านกว่า

รวมคอนโดฯ สุขุมวิทช่วงปลาย ในราคาแค่ล้านกว่า

ราคาคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง แม้จะมีความสะดวกสบายรอบด้านแถมใกล้ที่ทำงานของใครหลายคนอีกต่างหาก แต่ราคาแต่ละโครงการนั้น มนุษย์เงินเดือนธรรมดาอย่างเราๆ ก็ยากจะเอื้อมถึงเข้าไปทุกที ถ้าเราอยากจะมองหาคอนโดฯ ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าเดินทางไปทำงานได้อย่างสะดวก แต่มีราคาที่ยังสามารถเอื้อมถึงได้ วันนี้เราจะมาแนะนำคอนโดฯ โซนสุขุมวิทช่วงปลาย ในราคาแค่ล้านกว่าๆ เท่านั้น แถมยังไม่ไกลจากรถไฟฟ้าด้วยนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้ทางโครงการ ก็มีรถรับ-ส่งถึงสถานีกันอยู่แล้วด้วย จะมีโครงการไหนน่าสนใจบ้าง ลองมาดูกันค่ะ     Supalai City Resort Sukhumvit 107 (ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สุขุมวิท 107) คอนโดฯ Low Rise 8 ชั้น 6 อาคาร 1,022 ยูนิต 4 ร้านค้า Type ห้อง Studio-2 Bedroom ขนาด 28.5-69.5 ตร.ม. ขายแบบ Fully Furnished มาในสไตล์รีสอร์ทเน้นการพักผ่อนเหมือนอยู่บ้านทั้งสวนสีเขียว สระว่ายน้ำ Infinity Edge ส่วนกลางอื่นๆ จะอยู่ในลักษณะของอาคารสโมสรสูง 2 ชั้น วางแยกกัน 2 อาคาร โดยจะมีทั้ง Fitness, Co-Living Space และ EV Charger   สถานที่ตั้ง : ซ.แบริ่ง 18 ราคาเริ่มต้น : 1.78 ล้านบาท   รีวิวฉบับเต็ม https://www.reviewyourliving.com/review-condo/supalai-city-resort-sukhumvit-107-bearing-082019/   THE ORIGIN SUKHUMVIT 105 (ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท 105) คอนโดฯ Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร รวม 672 ยูนิต 1 Shop แบ่งเป็นอาคาร A 243 ยูนิต อาคาร B 224 ยูนิต อาคาร C 205 ยูนิต Type ห้อง 1 Bedroom-2 Bedroom ขนาด 22.50-54.50 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted เป็นคอนโดที่เน้นเอาใจคน Gen Z ทั้งส่วนกลาง Co-Working Space เปิด 24 ชม. มีเทคโนโลยี Home Automation, Smart Mirror ควบคุมการทำงานผ่าน App ไปจนถึง Hotel Service On demand   สถานที่ตั้ง : ซ.ลาซาล 30 ราคาเริ่มต้น : 1.39 ล้านบาท   รีวิวฉบับเต็ม https://www.reviewyourliving.com/review-condo/the-origin-sukhumvit-105-082019/   Aspire Sukhumvit-Onnut (แอสปาย สุขุมวิท-อ่อนนุช)      คอนโดฯ Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร รวม 553 ยูนิต Type ห้อง Studio-2 Bedroom ขนาด 26.5-52 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted ตั้งอยู่ริมคลองพระโขนงอันเงียบสงบ ครั้งแรกของแบรนด์ Aspire ที่นำการวาง Floor Plan แบบ Unit Interlock มาใช้เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้คุ้มค่าที่สุด ดีไซน์อาคาร COLONIAL POP สีสันแปลกใหม่ แต่ยังคงแฝงเรียบง่ายของโทนสีธรรมชาติเอาไว้ด้วยกัน ใช้วัสดุส่วนกลางที่มีความพรีเมียมมากขึ้นจาก Aspire ตัวก่อนๆ   สถานที่ตั้ง : ซ.อ่อนนุช 21 ราคาเริ่มต้น : 1.89 ล้านบาท   รีวิวฉบับเต็ม https://www.reviewyourliving.com/review-condo/aspire-sukhumvit-onnut-aspire-asoke-ratchada/   Niche MONO Sukhumvit-Puchao (นิช โมโน สุขุมวิท-ปู่เจ้า) คอนโดฯ  High Rise 12 ชั้น 3 อาคาร 572 ยูนิต ร้านค้า 1 ยูนิต Type ห้อง 1 Bed Plus, Living Plus, 2 Bedroom ขนาด 35-48 ตร.ม. ติด BTS ปู่เจ้า ตรงข้ามกับบิ๊กซี สำหรับ Facilities ถูกวางเอาไว้ทั้ง 3 อาคาร ซึ่งต่างคอนเซ็ปต์กันทั้ง Active Family และ Connecting ให้ได้เลือกใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย   สถานที่ตั้ง : ติด BTS ปู่เจ้า ราคาเริ่มต้น : 1.89 ล้านบาท   รีวิวฉบับเต็ม https://www.reviewyourliving.com/review-condo/niche-mono-sukhumvit-puchao-2/   THE BASE SUKHUMVIT 50 (เดอะ เบส สุขุมวิท 50) คอนโดฯ Low Rise 8 ชั้น  2 อาคาร 415 ยูนิต Type ห้อง 1 Bedroom-2 Bedroom ขนาด 25-56.75 ตร.ม. เป็นคอนโดที่ใกล้ทั้งทางด่วน และไม่ไกลจาก BTS อ่อนนุช ซึ่งซอยสุขุมวิท 50 เองก็มีอาหารการกินมากมาย และยังมีเทสโก้ โลตัส ที่อยู่ติดกับ BTS อ่อนนุช ตัวอาคารทั้ง 2 โอบล้อม Facilities กลางโครงการเอาไว้ ผ่านคอนเซ็ปต์ Camouflage   สถานที่ตั้ง : ซอยเริ่มเจริญ ถนนซอยสุขุมวิท 50 ราคาเริ่มต้น : 2.29 ล้านบาท   ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.reviewyourliving.com/review-condo/the-base-sukhumvit-50/    
รวมอีเว้นท์ประจำเดือนกันยายน-ตุลาคม 2562 

รวมอีเว้นท์ประจำเดือนกันยายน-ตุลาคม 2562 

สัปดาห์นี้มีหลากหลายอีเว้นท์ที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะสายกิน สายช้อป ห้ามพลาดเลยทีเดียว เพราะในบางงานก็จัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น มาวางแผนออกไปเที่ยวกันค่ะ   เทศกาลประเพณีกินเจเยาวราช ประจำปี 2562 เทศกาลงานประจำปี 10 วัน 10 คืน สุดยิ่งใหญ่บนถนนเยาวราช มีการออกร้านจำหน่ายอาหารเจจากร้านอาหารชื่อดังทั่วทั้งกรุงเทพฯ รวมมากกว่า 100 ร้านค้า และร่วมพิธีสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาลทั้ง 7 พระองค์ และพระโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ พร้อมอัญเชิญกระถางธูปผงจาก 22 ศาลเจ้า 7 โรงเจในเยาวราชทั้งหมด ซึ่งทุก ๆ วันจะมีการสวดมนต์ถวายกิ้วอ๊วงฮุกโจ้ว และขอพรจากเทพเจ้า   วัน เวลา : 29 ก.ย.-7 ต.ค. 62 สถานที่ : ถนนเยาวราช ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 ไปจนถึงแยกเฉลิมบุรี   Fair of the Year @Bitec งานสำหรับคนรักบ้านโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านมากมาย อาทิ โซฟา เตียง เก้าอี้ ตู้เสื้อผ้า ม่าน กันสาด ฯลฯ คุณภาพระดับส่งออก ส่งตรงจากโรงงาน ครบทุกสิ่งในบ้าน ยกกันมาลดราคาพิเศษ ร่วมกับโปรโมชั่นเด็ด ของแถมอีกเพียบ นอกจากนี้ยังมี Electronics Fair of the Year รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า มาให้ผ่อนยาว 0% กันอีกด้วย   วัน เวลา : 25-29 ก.ย. 62 11.00-21.00 น. สถานที่ : ไบเทค บางนา EH106   ร้านเด็ดแฟร์ครั้งที่ 3 รวมร้านเด็ด ร้านดังจากทั่วประเทศ ยกมาไว้ที่อิมแพค สำหรับที่คิดว่ากินเก่ง กินไว ก็ลองสมัครแข่งขันกิน เช่น แข่งกินก๋วยเตี๋ยวเรือ By โกฮับ, แข่งกินบิงซู By Malee, แข่งกินเกี๊ยวซ่า By KINZA GYOZA ฯลฯ และไม่ได้มีแค่ของอร่อยเท่านั้น แต่ยังรวมสินค้าแฟชั่น ของตกแต่งบ้านมาให้เลือกช้อปกันเต็มฮอลล์ พร้อมพบปะศิลปินดังมากมายภายในงานได้ทุกวัน รับรองมางานเดียวครบ!   วัน เวลา : 26-29 ก.ย. 62 10.00-21.00 น. สถานที่ : IMPACT เมืองทองธานี Hall 11-12 TFIC Furniture 2019 (Outlet) งานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ส่งออก 2019 โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยได้นำบริษัทผู้ส่งออกและผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์มาจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์คุณภาพส่งออก ในราคาสุดพิเศษ ลดราคาสูงสุด 80% จัดขึ้นปีละครั้งเท่านั้น   วัน เวลา : 25-29 ก.ย. 62 10.30-21.00 น. สถานที่ : IMPACT เมืองทองธานี Hall 6-8   The Sound of Silence นิทรรศการภาพถ่ายสัตว์เลี้ยงแสนรัก จาก ดารา ศิลปิน และ เหล่าผู้รักสัตว์ทั้งหลาย ณ มุมสามเหลี่ยม ชั้น 1 โดยมีช่างภาพชั้นแนวหน้าของเมืองไทย อาทิ ธนากร เตลาน ช่างภาพผู้สร้างสรรค์ศิลปะด้านไฟน์อาร์ต, สุทธิศักดิ์ สุจริตตานนท์ นักสร้างสรรค์โฆษณาชาวไทย มือหนึ่งแห่งเอเชีย ฯลฯ   วัน เวลา : 26-29 ก.ย. 62 10.00-21.00 น. สถานที่ : หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) มุมสามเหลี่ยม ชั้น 1   ZAAP ON SALE ครั้งที่ 18 Ready, Sale, Go! ZAAP On Sale สินค้าแฟชั่นสุดชิค กว่า 500 แบรนด์ ที่ลดสูงสุด 50% ทั้งงาน ยกมาไว้ที่นี่ที่เดียว   วัน เวลา : 28-29 ก.ย. 62  11.00 - 22.00 น. สถานที่ : รอยัล พารากอน ฮอลล์ 1-3   IMMORTALS DAY การรวมตัวของเหล่าไบค์เกอร์รุ่นใหญ่ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน (HARLEY-DAVIDSON) และไทรอัมพ์ (TRIUMPH) พบกับ Harley Davidson Show Case จากสำนักแต่งรถชื่อดัง, คอนเสิร์ตสุดมันส์จากศิลปินชาวร๊อค Silly Fools, Dak Rock Raider, DJ Ka-Toy, Harley Band และสินค้าแบรนด์ชั้นนำมากมาย   วัน เวลา : 27-29 ก.ย. 62  18.00 น. เป็นต้นไป สถานที่ : Crystal Arena และ Oval Plaza ซีดีซี คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์      
19 ร้านคอนเซ็ปต์ “ใหม่”  ในสามย่านมิตรทาวน์

19 ร้านคอนเซ็ปต์ “ใหม่” ในสามย่านมิตรทาวน์

เพราะคอนเซ็ปต์การพัฒนาโครงการ “สามย่านมิตรทาวน์” คือ “Urban Life Library – คลังแห่งอาหารและการเรียนรู้” เป็นวิธีการสร้างความแตกต่าง และการจดจำ โดยไม่ได้มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการให้สวยงามที่สุดเป็นหลัก แต่เน้นสร้างการจดจำ ไม่ได้มุ่งเน้นในเรื่องความหรูหรา แต่เน้นไปสู่ในเรื่องของ Smart & Friendly คีย์เวิร์ดสำคัญที่ถูกนำมาใช้เป็นแนวคิดในการพัฒนา จึงประกอบด้วย 2 คำ คือ “ความรู้” (Knowledge)  และ “อาหาร” (Food) เนื่องจากสร้างโครงการบนพื้นที่ของสำนักทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ดินเดิม คือ ตลาดสามย่าน แหล่งรวมร้านอาหารที่ขึ้นชื่อและอร่อย การพัฒนาจึงมุ่งเน้นการตอบสนองใน 2 เรื่องดังกล่าว โครงการ  “สามย่านมิตรทาวน์” ภายใต้การดำเนินงานของ โกลเด้นแลนด์ หรือ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  จึงเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ มากมาย ทั้งที่เคยอยู่ในย่านตลาดสามย่าน และร้านค้าทั่วไป  แต่ที่สำคัญมีหลายร้านที่เพิ่งมาเปิดภายในโครงการเป็นสาขาแรก หรือไม่ก็เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ ซึ่งไม่เคยเปิดที่ไหนมาก่อน รวมถึงยังมีร้านที่เปิดให้บริการแบบ 24 ชั่วโมงด้วย     นี่คือ 19 ร้านค้าร้านอาหาร กับคอนเซ็ปต์ใหม่ที่มีมาเปิดบริการ ใน “สามย่านมิตรทาวน์” เป็นที่แรก ได้แก่                         1.เซ็น บ็อกซ์ (Zen box) อาหารญี่ปุ่นสไตล์ Grab & Go ที่มีรูปแบบร้านขนาดกะทัดรัด และเมนูตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ   2.อากะ (AKA) เป็นร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นในรูปแบบบุฟเฟ่ต์แบบพรีเมียม และปรับปรุงเมนูบุฟเฟ่ต์ซาซิมิมาเป็นครั้งแรกที่สาขานี้   3.มูจิ ไลฟ์สไตส์ แอนด์ คาเฟ่ (Muji Lifestyle and Café) สาขาแรกในประเทศไทย ที่เพิ่มความพิเศษด้วยของว่าง ขนมหวาน และเครื่องดื่ม รวมถึงเมนูอาหารที่ทำจากผักหลากหลายชนิด และวัตถุดิบธรรมชาติ พร้อมจำหน่ายเครื่องเขียน เสื้อผ้า อาหาร และอุปกรณ์เครื่องครัวครบครัน   4.เม่ย เว้ย หว่าน นู้ดเดิ้ล (Mei wei wan noodle) ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ สูตรจากไต้หวัน และเนื้อวัวนำเข้าจากออสเตรเลีย   5.ร้านไก่ทอด โต คิว โจ  (To Kio Jo) จากเกาหลี ที่มาเปิดเป็นสาขาแรก   6.ร้านอาหารสไตล์จีน ดินส์ (Din's) ที่มีการสร้างสรรค์ลูกเล่นหรือกิมมิคใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากร้านอาหารในเครือเซ็นกรุ๊ป เป็นแบรนด์ใหม่ที่ถูกขึ้นมาและปักหมุดเป็นสาขาแรก   7.ร้านกาแฟและอาหารบริการด่วน ทิม ฮอร์ตันส์ (Tim Hortons) ซึ่งเป็นร้านชื่อดังจากประเทศแคนาดา     8.ศูนย์อาหารสตรีท ฟู้ด สามย่าน ฟู้ด เลเจ้นด์ส บาย เอ็มบีเค (SAMYAN FOOD Legends by MBK) ที่รวมร้านอาหารระดับตำนานในสามย่าน สะพานเหลือง และเยาวราช  แห่งแรกของเมืองไทยมาเสิร์ฟลูกค้ากว่า 10 ร้าน เช่น เพ้งคั่วไก่ ทูเดย์สเต็ก ไฮเช็งลูกชิ้นปลา   9.เอพรอน วอร์ค (Apron Walk) ชั้น B1 เป็นศูนย์รวมอุปกรณ์เครื่องครัวทันสมัยและครบครันที่สุดในสามย่าน โดยลูกค้าจะมีสินค้าเครื่องครัวให้เลือกหลากหลายแบรนด์ ทั้งยังมีการจำหน่ายวัตถุดิบในการทำอาหารทั้งในส่วนของวัตถุดิบในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงการมีคุ้กกิ้ง คลาส เพื่อเอาใจคนรักการทำอาหาร     10.ร้านมีเดียม แอนด์ มอร์ (Medium & More) ชั้น 3 ศูนย์รวม อาร์ต แอนด์ คราฟต์ ซัพพลาย (Art and Craft Supply) ความโดดเด่นของร้านนี้ คือ ความครบเครื่องในด้านของอุปกรณ์ศิลปะงานประดิษฐ์ รวมถึงสินค้าแปลกใหม่จากทุกมุมโลก นอกจากนี้ยังมีบริการในส่วนของการสลักชื่อ และปั๊มตัวอักษรหรือลวดลายเงิน ทองลงบนวัสดุหนัง โดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเป็น “เจ้าของ” และ “จับจอง” ได้ ซึ่ง “โกลเด้นแลนด์” พัฒนาร้านนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ   11.เซเลบริตี้ฟิตเนส (Celebrity Fitness) สตูดิโอออกกำลังกาย เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 21 - 35 ปี แบรนด์ใหม่ของค่ายฟิตเนส เฟิร์สท   12.แองกริซ (Angkriz) โรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ ที่จะเพิ่มคอร์สอินเตอร์เป็นสาขาแรก เจาะกลุ่มนักเรียนที่ต้องการไปเรียนต่อในต่างประเทศ ปี 2563 จะเพิ่มหลักสูตรในส่วนของคอร์ส PRIVATE CHAMBER หรือ PC (พีซี) คือ คอร์สเรียนส่วนตัวของโรงเรียนกวดวิชาอาจารย์ปิง (ดาว้องก์) เป็นต้น   13.รำปุรี (rumPUREE) โรงเรียนสอนเต้นด้วยคลาสระดับโลก ที่รวบรวมคลาสเต้นมากมาย   14.บิ๊กซี ฟู้ด เพลส (Big C Food Place) แพลตฟอร์มใหม่ของซูเปอร์มาร์เก็ตพร้อมนำอินโนเวชั่นมาบริการลูกค้า อาทิ ป้ายราคาดิจิทัล และมุ่งลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจัง   15.ก๋วยเตี๋ยวเรือพระนคร ก๋วยเตี๋ยวเรือชื่อดังย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงสาขาแรก   16.ชาบูชิ บุพเฟ่ต์ (Shabushi buffet) ร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทหม้อไฟยอดนิยมที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง สาขาแรก   17.เคเอฟซี (KFC) เปิดประสบการณ์ใหม่ พร้อมเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘1 OF A KIND' สั่งออเดอร์อาหารด้วยระบบ Self-ordering Kiosk ได้เห็นกระบวนการประกอบอาหารผ่าน Open Kitchen รวมไปถึงการจ่ายเงินในรูปแบบ Cashless และสามารถสั่งผ่านมือถือได้ด้วยบริการ Click & Collect ที่สำคัญยังใช้ชื่อร้าน ภายใต้ชื่อต้นตำรับดั้งเดิมของ KFC คือ Kentucky Fried Chicken เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นตลาดย่านเก่าของ “สามย่าน”      18.สเวนเซ่นส์ (Swensens) สาขาแรกที่จะเปิดให้บริการภายในโซน 24 ชั่วโมง   19.ไวท์สตอรี่ เดลี่ (White Story Daily) ร้านเบเกอรี่ และอาหารเครื่องดื่ม ของทานเล่น ในรูปแบบเทคอะเวย์ ที่มีให้เลือกมากมายหลายอย่างและสดใหม่วันต่อวัน เพื่อให้ลูกค้าได้ทานขนม อาหารที่ดีมีคุณภาพในราคาเป็นกันเอง        
“สามย่านมิตรทาวน์” มิกซ์ยูส 9,000 ล้าน โปรเจ็กต์แรกที่เปิดบนถนนพระราม 4

“สามย่านมิตรทาวน์” มิกซ์ยูส 9,000 ล้าน โปรเจ็กต์แรกที่เปิดบนถนนพระราม 4

เปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2562 ซึ่งถือฤกษ์งามยามดีเป็นวันแรก  สำหรับโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส “สามย่านมิตรทาวน์” บนถนนพระราม 4 และนับเป็นโปรเจ็กต์แรกของถนนเส้นนี้ ที่พร้อมให้บริการกับประชาชน นิสิต และนักศึกษา บริเวณสามย่าน  หลังพัฒนาโครงการมาเป็นระยะเวลา 3 ปี โครงการ  “สามย่านมิตรทาวน์” ภายใต้การดำเนินงานของ โกลเด้นแลนด์ หรือ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กับมูลค่าการลงทุนกว่า 9,000 ล้านบาท ประกอบด้วยพื้นที่ค้าปลีก โรงแรม อาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย บนเนื้อที่กว่า 14 ไร่ รวมพื้นที่ใช้สอย 222,000 ตารางเมตร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Urban Life Library – คลังแห่งอาหารและการเรียนรู้”   4 องค์ประกอบตอบทุกไลฟ์สไตล์ นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า จุดเด่นของโครงการสามย่านมิตรทาวน์ ถือเป็นมิกซ์ยูสแห่งแรกบนหัวมุมถนนพญาไท - พระราม 4 ที่มีความสมบูรณ์แบบ เนื่องจากภายในโครงการประกอบด้วย ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม “ทริปเปิ้ล วาย เรสซิเด้นซ์” โรงแรม “ทริปเปิ้ล วาย โฮเทล” อาคารสำนักงาน “มิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์” และพื้นที่ค้าปลีก “ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์”  ปัจจุบันถือว่าโครงการประสบความสำเร็จเนอย่างดี เนื่องจากมีพันธมิตรเข้ามาเช่าพื้นที่ต่างๆ ค่อนข้างมาก อาทิ โซนพลาซ่า ปล่อยเช่ากว่า 85% คอนโดมิเนียมยอดจองซื้อกว่า 60% และอาคารสำนักงานมียอดเช่าพื้นที่กว่า 60%     โดยมี 4 องค์ประกอบสำคัญที่ช่วยทำให้มีความแตกต่างจากโครงการอื่น 1.การเชื่อมต่อระบบ MRT ที่มีอุโมงค์ระหว่างรถไฟฟ้าใต้ดินมายังโครงการ ภายใต้ชื่อ “เชื่อมมิตร” (MITR DIRECT LINK) ด้วยงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของพื้นที่ถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวและขาช้อปปิ้ง 2.การเป็นโครงการมิกซ์ยูส  ที่ประกอบด้วยพื้นที่ทั้งสำนักงาน ที่พักอาศัย และพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งนับเป็นโครงการแรกที่เปิดให้บริการบนถนนพระราม 4 3.โครงการที่มีคอนเซ็ปต์แตกต่าง และสร้างการจดจำ โดยไม่ได้มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการให้สวยงามที่สุดเป็นหลัก แต่เน้นสร้างการจดจำ ภายใต้ 2 คีย์เวิร์ดสำคัญ คือ “ความรู้” (Knowledge)  และ “อาหาร” (Food) เนื่องจากสร้างโครงการบนพื้นที่ของสำนักทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ดินเดิม คือ ตลาดสามย่าน แหล่งรวมร้านอาหารที่ขึ้นชื่อและอร่อย  การพัฒนาจึงมุ่งเน้นการตอบสนองใน 2 เรื่องดังกล่าว ไม่ได้มุ่งเน้นในเรื่องความหรูหรา แต่เน้นไปสู่ในเรื่องของ Smart & Friendly 4.การใช้ชีวิตที่สะดวกสบายของผู้อยู่อาศัย จากการมีพื้นที่ของที่พักอาศัย และโรงแรม ที่ทำให้ผู้พักอาศัยใช้บริการในส่วนต่างๆ ของโครงการได้ตลอด 24 ชั่วโมง “เรามุ่งมั่นพัฒนาโครงการสามย่านมิตรทาวน์ให้เป็นคลังแห่งอาหารและการเรียนรู้ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง"   ภายในโครงการมีร้านค้าและบริการจากแบรนด์ดังต่างๆ เราจะไม่ทำเหมือนเดิม แต่จะมีการสร้างสรรค์คอนเซ็ปต์ใหม่เป็นแห่งแรก มาให้บริการแก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายซึ่งมีพฤติกรรม   การบริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก จากอิทธิพลของเทคโนโลยีและโลกดิจิทัล ไม่เพียงแค่ร้านค้าของพาร์ตเนอร์เราที่เนรมิตคอนเซ็ปต์ใหม่ เพราะโกลเด้นแลนด์เองได้มีการพัฒนาร้านสินค้าและบริการ  คอนเซ็ปต์ใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้โครงการด้วย อาทิ ร้านมีเดียม แอนด์ มอร์ (Medium & More), เอพรอน วอร์ค (Apron Walk) ทั้งหมดจะช่วยตอกย้ำให้โครงการมิกซ์ยูสเป็นจุดหมายปลายทางของพนักงานออฟฟิศ นิสิตนักศึกษา ฟรีแลนซ์ สตาร์ทอัพ นักท่องเที่ยว ผู้พักอาศัยในคอนโดฯ โรงแรม รวมถึงคนในพื้นที่สามย่านเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงให้เข้ามาเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ได้  
ถอด 3 กลยุทธ์ “ศรีพันวา” รับมือกับในภาวะตลาดนักท่องเที่ยวจีนลดลง

ถอด 3 กลยุทธ์ “ศรีพันวา” รับมือกับในภาวะตลาดนักท่องเที่ยวจีนลดลง

นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาประเทศไทยมากที่สุด ในเวลานี้ต้องยกให้กับ “ชาวจีน” จากแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีตัวเลขมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีน จะส่งสัญญาณว่ามีตัวเลขลดลงมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดเหตุเรือฟินิกซ์ล่ม เมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ไม่เฉพาะตลาดท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเท่านั้น แต่เป็นไปในภาพรวมของประเทศด้วย   สาเหตุสำคัญเป็นเพราะเรื่องความเชื่อมั่น ด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยว  แต่ไม่เพียงเท่านั้นยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ที่มาทำให้ตลาดจีนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าโลก นโยบายการส่งเสริมให้คนจีนเที่ยวภายในประเทศ และภาวะค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท และการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ  ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการเดินทางท่องเที่ยว และจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวแทบทั้งสิ้น     นายวรสิทธิ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีพันวา แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้บริหารโรงแรมศรีพันวา และบาบา บีช คลับ เปิดเผยว่า ภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หาดป่าตองขณะนี้ น่าจะมีตัวเลขลดลงประมาณ 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปจากตลาด ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนมากที่สุดในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ  โดยมีสัดส่วนประมาณ ​25% ส่งผลทำให้ภาพรวมตลาดนักท่องเที่ยวลดลง “ประเทศจีนมีนโยบายส่งเสริมการเที่ยวในประเทศจีนเอง คาดว่าภายใน 2 ปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะหายจากตลาดไปเป็นจำนวนมาก” ​ อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดจีนน่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แต่คงต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ปี และแม้ว่าปัจจุบันตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติประเทศอื่นๆ จะยังไม่ได้หายไปจากตลาดภูเก็ต แต่ถือว่ามีสัดส่วนน้อยกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน   สำหรับแนวทางการรับมือ กับภาวะตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลง บริษัทได้วาง 3 กลยุทธ์เพื่อทดแทนรายได้ที่หายไป และสร้างรายได้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง   1.ปรับโครงสร้างการขายใหม่ บริษัทมีพนักงานขายรวม 23 คน  ซึ่งปัจจุบันพนักงานขายแต่ละราย  จะถือพอร์ตลูกค้าเฉพาะในแต่กลุ่มตลาดหรือประเทศ ต่อไปจะปรับการทำงานและวิธีการทำงาน ให้พนักงานขายแต่ละคน มีพอร์ตลูกค้าหลากหลาย เพื่อสามารถจะเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และเป็นการบริหารความเสี่ยงทางการตลาด 2.สร้างตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ บริษัทจะสร้างตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ที่ชื่นชอบงานปาร์ตี้ดนตรีในแนวอันเดอร์กราวน์ ด้วยการจัดมิวสิคเฟสติวัลหรือเทศกาลดนตรีริมหาดขึ้นที่โรงแรมบาบา บิช คลับ ภูเก็ต ซึ่งวางเป้าหมายให้เป็นหนึ่งในมิวสิคเดสทิเนชั่น ที่ให้ทุกคนได้สัมผัสเทศกาลดนตรีระดับโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Music Lovers Hotel ซึ่งได้พันธมิตรระดับโลกอย่าง Circoloco นักจัดปาร์ตี้ชื่อดัง จากอิบิซา เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มาร่วมจัดเทศกาลดนตรี  ซึ่งเคยจัดมาแล้วหนึ่งครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา     สำหรับแผนการจัดเทศกาลดนตรี บริษัทจะจัดขึ้นประมาณ 6 ครั้งในช่วงต้นปีหน้า ในระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมจนถึงมีนาคม 2563 โดยจัดขึ้นทั้งที่ป่าตอง จังหวัดภูเก็ตและนาใต้ จังหวัดพังงา มีเป้าหมายคนเข้าร่วมงาน 1,500-3,000 คนต่องาน เป้าหมายทำรายได้เฉลี่ยคนละ 2,000 บาท   นายวรสิทธิ กล่าวอีกว่า นอกจากการจัดเทศกาลดนตรีในโรงแรมของบริษัทแล้ว ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างวางแผนเซ็นต์สัญญาเพื่อบริหารโรงแรมท้องถิ่นแห่งหนึ่งในอำเภอป่าตอง เป็นโรงแรมขนาด 100 ห้อง ซึ่งหมดสัญญากับเชนโรงแรมอินเตอร์เนชั่นแนล  มาตั้งแต่ 3 ปีที่ผ่านมาแล้ว  ภายหลังบริษัทได้เข้าบริหารโรงแรมดังกล่าว จะปรับปรุงพื้นที่พร้อมกับวางตำแหน่งใหม่ให้เป็น Party Hotel เพื่อใช้ในการจัดเทศกาลดนตรีด้วย 3.สร้างรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทได้เซ็นต์สัญญากับบริษัท จุนฟา เรียลเอสเตท จำกัด  บริษัทอสังหาริมทรัพย์ 1 ใน 50 ชั้นนำของประเทศจีน ในการออกแบบโรงแรม เรสซิเดนซ์ รวมถึงการบริหารงานและการบริการทั้งหมด กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ในมณฑลไห่หนาน ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่าหมื่นล้านบาท  มีขนาดพื้นที่ประมาณ 129 ไร่   ในเฟสแรกจะเป็นการพัฒนาโรงแรมขนาด 60 ยูนิต รูปแบบห้องพลูสวีท ใช้งบประมาณลงทุนประมาณ​ 600-700 ล้านบาท ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จและเปิดบริการได้ภายในปลายปี 2563 ส่วนในเฟส 2 จะพัฒนาเป็นวิลล่า จำนวน 100 หลัง มีบ้านพัก 6 ขนาด   นอกจากกลุ่มทุนจากประเทศจีนแล้ว ขณะนี้ยังมีนักธุรกิจชาวแคนนาดา เจ้าของแอพพลิเคชั่นเรียกใช้บริการรถแท็กซี่  ซึ่งเพิ่งนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีความสนใจจะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก โดยต้องการให้บริษัทเป็นผู้บริหารจัดการ  และอาจจะนำแบรนด์ของบริษัทไปใช้  รวมถึงบริหารงานขาย ขณะนี้มีความเป็นไปได้กว่า 90% คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในกลางปีหน้า  ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้เพิ่มจากการบริหารเข้ามามากขึ้นด้วย   นายวรสิทธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า  บริษัทยังได้ลงทุนต่อเนื่องภายในพื้นที่โรงแรมศรีพันวา ด้วยการพัฒนาเป็นวิลล่า 30 ยูนิต และคอนเวนชั่นฮอลล์ เพื่อจังตลาดงานแต่งงาน ซึ่งใช้งบลงทุนประมาณ 1,000  ล้านบาท รองรับจำนวนผู้ร่วมงานได้ 200 ที่นั่ง โดยคาดว่าภายหลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ จะทำให้สามารถเพิ่มจำนวนการจัดงานแต่งได้ถึง 80 งานต่อปี จากปกติที่มีผู้เข้ามาจัดงานแต่งงาน 60 งานต่อปี โดยพื้นที่ในโครงการยังมีเหลืออีกประมาณ 5 ไร่สำหรับใช้ในการพัฒนาโครงการได้อย่างต่อเนื่องด้วย ข่าวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พฤกษาวาง 5 กลยุทธ์ ลุยปัจจัยลบ ถอดกลยุทธ์ “เอสซี แอสเสท” ใช้ความยืดหยุ่น สร้างพอร์ตธุรกิจให้เติบโต พร้อมเพิ่มรายได้ประจำ 7 ไฮไลท์แผนธุรกิจ PF-GRAND สู่เป้าหมายรายได้ 22,000 ล้าน  
เปิด 10 ร้าน ไฮไลท์ ที่ “มิกซ์ จตุจักร” แหล่งช้อปปิ้งที่ไม่มีวันหยุด

เปิด 10 ร้าน ไฮไลท์ ที่ “มิกซ์ จตุจักร” แหล่งช้อปปิ้งที่ไม่มีวันหยุด

โครงการ มิกซ์ จตุจักร (Mixt Chatuchak) ศูนย์การค้าแห่งใหม่ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ติดกับตลาดนัดสวนจตุจักร กับมูลค่าการลงทุน 900 ล้านบาท ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท สยาม พิริยา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ตอนนี้ได้เปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ต่อไปนี้ขาช้อปทั้งหลายจะสามารถหาซื้อสินค้าได้ โดยไม่ต้องรอวันหยุดเสาร์และอาทิตย์อีกต่อไปแล้ว วันไหนๆ ก็มาช้อปปิ้งได้ เพราะนี่คือตลาดนัดสวนจตุจักร ติดแอร์ ขนาดอาคารสูง 5 ชั้น  มีความยาวถึง 350 เมตร  พื้นที่ขายรวมกว่า 60,000 ตารางเมตร   ภายในโครงการมีร้านค้าที่เข้ามาเปิดบริการกว่า 700 ร้าน มีทั้งที่ย้ายมาจากตลาดสวนจตุจักร  และบางร้านก็ขยายสาขาเพิ่ม โดยมีสัดส่วน 60% เป็นร้านค้าที่ธุรกิจเติบโตมาจากสวนจตุจักร อีก 20% กลุ่มธุรกิจธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เริ่มต้นสร้างแบรนด์ มีสินค้าสร้างสรรค์ แตกต่าง มีการสะท้อนสไตล์ความเป็นไทย แต่ยังไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะเข้าไปอยู่ในห้าง ก็เข้ามาเปิดในที่แห่งนี้เพื่อแจ้งเกิดแบรนด์ และเติบโตไปด้วยกัน ส่วนที่เหลืออีก 20% คือ ร้านออนไลน์ที่มีแบรนด์ แต่ยังไม่เคยมีหน้าร้านก็เข้ามาเปิดพัฒนาหน้าร้านและสร้างแบรนด์ในช่องทางออนไลน์ไปพร้อมกันด้วย ภายในโครงการ มิกซ์ จตุจักร แบ่งออกเป็น  5 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีร้านค้าหลากหลายให้เลือกช้อปกันได้อย่างเต็มที่ ชั้น 1 เป็นพื้นที่ร้านค้ามิกซ์ จตุจักร กว่า 140 ยูนิต ในโซนแฟชั่น มีทั้งสินค้าแฟชั่นผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก โดยเฉพาะสินค้าสไตล์วินเทจ ยังมีโซนร้านอาหาร และคาเฟ่ชื่อดัง รวมถึงโซนบริการต่าง ๆ อาทิ บริการด้านการจัดส่งสินค้า และบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ  มีลานกิจกรรมหมุนเวียน บนพื้นที่กว่า 800 ตารางเมตร ที่จะมีกิจกรรมพิเศษในแต่ละเดือน ชั้น 2​ เป็นพื้นที่ต่อเนื่องในมิกซ์ จตุจักร ของโซนแฟชั่น สไตล์ฟิวชั่น บนพื้นที่ร้านค้ากว่า 240 ยูนิต รวมแฟชั่นสุดแนวไปจนถึงสตรีทแวร์ เครื่องสำอาง เครื่องหนังดีไซน์สวยทั้งรองเท้า กระเป๋า และโซนรวมเครื่องประดับ จิวเวลรี่ รวมทั้งสินค้างานคราฟต์ และสินค้าไอที ชั้น 3  เป็นพื้นที่รวมร้านค้าของมิกซ์ จตุจักร กว่า 120 ยูนิต โซนสินค้าตกแต่งบ้าน งานศิลปะ หัตถกรรมกับงานแฮนด์เมด ของที่ระลึกต่าง ๆ โซนสปาและความงาม ศูนย์อาหารสไตล์สตรีทฟู้ด บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร มีร้านอาหารให้เลือกกว่า 45 ร้าน ราคาเริ่มต้นเพียง 30 บาทเท่านั้น ชั้นที่ 4 – 5 และชั้นดาดฟ้า เป็นพื้นที่ลานจอดรถของมิกซ์ จตุจักร ที่รองรับได้กว่า 700 คัน โครงการมิกซ์ จตุจักร มีความพิเศษและน่าสนใจ มีสินค้าและบริการตรงใจลูกค้าหรือไม่ คงต้องลองไปสัมผัสของจริงกัน แต่เป็นการเรียกน้ำย่อยและให้เห็นภาพคร่าว ๆ ของโครงการ เรามีตัวอย่าง 10 ร้านไฮไลท์ มานำเสนอ ว่าภายในโครงการมิกซ์ จตุจักร น่าไปเดินช้อปปิ้งกันอย่างไรบ้าง 1.ไก่เขี่ย (KAI KIA) Shop No: 3032 ชั้น 3 โซน Souvenir&Thai Handicraft   ร้านนี้ จำหน่ายเครื่องหนัง Handmade ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ในแบบฉบับของตัวเอง  จะซื้อสินค้าภายในร้าน หรือจะสั่งทำช่างก็สามารถเนรมิตให้ได้ ไม่ว่ากระเป๋นจะเป็นแบบไหน ส่วนงานที่ทำออกมาขายก็เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย กระเป๋าหนึ่งใบสามารถปรับเปลี่ยนได้หลายรูปทรงตามการใช้งาน และตามที่ลูกค้าต้องการ มีทั้งกระเป๋าสะพาย กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าถือ และอื่น ๆ ราคาตั้งแต่ 200 - 5,000 บาท 2.Amaree Aroma Shop No: 3041 ชั้น 3 โซน Souvenir&Thai Handicraft   ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมที่ช่วยผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด สร้างความสุขให้แก่บ้าน มีทั้งแบบ Diffuser ก้านไม้กระจายหอม ใช้งานง่ายเพียงแค่ใส่ก้านไม้ในขวดที่มีน้ำหอม น้ำหอมใส่รถ สบู่อโรม่าราคาเริ่มต้น 120 - 400 บาท 3.Inter Fish Thailand Shop No: 3060 ชั้น 3 โซน Art   ปลากัดไทยสวยงามระดับพรีเมียม ชื่อเสียงของร้านดังไกลไปทั่วโลก เพราะไม่เพียงแต่เจ้าของร้านเคยชนะปลากัดระดับโลก รุ่นที่ 2 ของ Inter fish Thailand Shopแล้ว ร้านนี้ยังจำหน่ายปลากัดไปทั่วโลก ทั้งอเมริกา ยุโรป และเอเชียหลายประเทศ สำหรับร้านนี้ มีที่มาเริ่มต้นจากห้องเช่าหลังสวนจตุจักร สู่ความมุ่งมั่นสร้างร้านปลากัดติดแอร์ และศูนย์การเรียนรู้การเลี้ยงปลากัดในห้องแอร์แห่งแรกที่ ศูนย์การค้า มิกซ์ จตุจักร ราคาตั้งแต่ 200 – 10,000 บาทขึ้นไป 4.ไทยเท่ คาเฟ่ (ThaiThae Café) Shop No: 3003 ชั้น 3 โซน Food&Beverage กาแฟสไตล์ไทยร้านไทยเท่ (Thaithae) เจ้าของร้านมีความฝันอยากเปิดร้านคาเฟ่สไตล์ไทยประยุกต์เป็นของตัวเอง จึงเกิดเป็นร้านไทยเท่ จำหน่ายทั้งเครื่องดื่มและขนมหลากหลายเมนู อาทิ อัญชัญนมสด อัญชัญมะนาว หรือจับคู่ความอร่อย ชาเย็นกับทาโกยากิ อร่อยลงตัว ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 39 – 69 บาท 5.อานนท์ (ARNON) Shop No: 2114 ชั้น 2 โซน Men’s Fashion ร้านอานนท์ สาขาแรกตั้งอยู่ในสวนจตุจักร จำหน่ายเสื้อยืดผู้ชาย เสื้อแขนยาวสไตล์เกาหลี เนื้อผ้าคอตตอนอย่างดี คัดติ้งได้มาตรฐาน พร้อมด้วยสัญลักษณ์เป็นรูปหมีที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน และที่สำคัญราคาไม่แพง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง และกระเป๋า ราคาตั้งแต่ 100 – 400 บาท 6.Papilo Shop No: 2163 ชั้น 2 โซน Shoe & Handbag & Leather   งานสาน Handmade จากธรรมชาติ สไตล์ Eco-product สามารถสั่งทำรูปแบบการตกแต่งสินค้าตามสไตล์ ที่ต้องการในแบบที่ไม่ซ้ำใคร ทั้งกระเป๋าสะพาย กระเป๋าถือ กระเป๋าไซส์ใหญ่ หมวก และรองเท้า รับรองว่าเก๋ไก๋ไม่มีเชยแน่นอน ราคาตั้งแต่ 100 - 1,000 บาท 7.Sea Shop No: 1122 ชั้น 1 โซน Vintage สินค้าตกแต่งบ้านสไตล์บาหลี มีดีไซน์เก๋ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร ด้วยวัสดุสีทองและเงินที่ช่วยเพิ่มความคลาสสิกให้บ้านหรือออฟฟิศของคุณดูมีสไตล์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีแอ็คเซสซอรี่ให้เลือกอีกหลากหลายแบบ เปลี่ยนบรรยากาศในบ้านด้วยรูปภาพติดผนังสไตล์บาหลี (เครื่องประดับยังไม่เข้ามา) ราคาเริ่มต้น 80 - 1,600 บาท 8.Hyena Shop No: 1107-1108 ชั้น 1 โซน Woman Fashion Children & Mom   แฟชั่นผ้ามัดย้อมที่ใส่ได้ทุกฤดูกาล เพิ่มความเก๋ดูมีสไตล์ให้โททัลลุคดูเรียบแต่เก๋ ด้วยสไตล์ผ้ามัดย้อมโทนสีฟ้าขาว จะใส่ไปเที่ยวทะเล หรือให้ไปเดินช้อปปิ้งก็ดูดีไม่เบา มีทั้งเสื้อผ้าและกระเป๋าให้เลือกช้อปในแบบที่ใช่ ราคาตั้งแต่ 80 - 2,500 บาท 9.SEVEN HEAVEN Shop No: 1027 ชั้น 1 โซน Women Fashion, Children & Mom   เสื้อยืดแฟชั่นสีสันสดใส Seven Heaven เสื้อผ้า​แฟชั่น​ดีไซน์สุดจี๊ด ลุคสตรีท มาหมดทั้ง นีออน โฮโลแกรม รีเฟลก คลาสสิคชิคชิค Swag แหวกทุกเทรนด์ ทั้งเสื้อสีสะท้อนแสง​ ลุคสตรีท​ แขนกุด​ แมตช์กับกางเกง ​Hologram ​กางเกงสะท้อนแสง ให้ลุคเปรี้ยวไม่ซ้ำใคร ราคาตั้งแต่ 250 – 890 บาท 10.เด็กโข่ง ปิ่นโตสีหวาน Shop No: 1138 ชั้น 1 โซน Vintage   จากปิ่นโต จาน ชามสังกะสี ดัดแปลกไอเดียเติมเต็มสีหวานสดใสกลายเป็นร้านเด็กโข่ง ปิ่นโตสีหวานถึง 42 เฉดสีด้วยกัน มีสีสดชัดระดับแม่สีไปจนถึงสีพาสเทลโทนต่างๆ จะซื้อมาใช้เองหรือซื้อเป็นของที่ระลึกฝากเพื่อนก็น่ารักไปอีกแบบ ราคาตั้งแต่ 25 - 400 บาท   นี่เป็นเพียงร้านค้าส่วนหนึ่งในจำนวนกว่า 700 ร้านค้า ที่ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อกันได้อย่างจุใจ  แต่จะถูกใจหรือไม่ ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง เพื่อค้นหาคำตอบว่า โครงการ มิกซ์​ จตุจักร จะประสบความสำเร็จ ท่ามกลางศูนย์การค้าที่อยู่รายรอบจตุจักร ซึ่งวันนี้เงียบเหงา และดูเหมือนจะทำผลงานได้ไม่เป็นไปตามเป้า เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ สุดท้ายแล้วใครจะสามารถครองใจลูกค้าได้มากกว่ากัน รายละเอียดอื่นๆ จาก มิกซ์ จตุจักร Mixt Chatuchak ไปดูรีวิวที่อื่นๆ ที่น่าสนใจ SINGHA COMPLEX ครบทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง 5 Co-Working Space ทั่วกรุงฯ ทำงานยังไงก็ไม่เบื่อ!! COTTO LIFE โลกของกระเบื้องที่ไม่ใช่แค่เรื่องพื้นๆ
รวมอีเว้นท์ประจำเดือนกันยายน 2562

รวมอีเว้นท์ประจำเดือนกันยายน 2562

ในช่วงครึ่งปีหลังอย่างเดือนกันยายนนี้จะมีงานอีเว้นท์ไหนที่น่าสนใจให้ได้ไปเดินเล่นเพลินๆ กันบ้าง ลองไปดูกันค่ะ   Amazing Brew & Blend @ Chiangrai การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเทศกาลสำหรับคอกาแฟและชา พบสุดยอดชากาแฟจาก Inter Brand และกว่า 30 ร้านทั่วประเทศที่จะมานำเสนอเมนูสูตรพิเศษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชูความโดดเด่นของเมล็ดกาแฟและวัตถุดิบในท้องที่อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายภายในงาน เช่น เปิดประสบการณ์การดื่มด่ำชากาแฟแบบ OAMAKASE (โอ มา กะ เสะ), ซุ้มอาหารขนมสินค้าแฮนด์เมด, การแสดงดนตรีจากวงดนตรีชื่อดัง ฯลฯ   ทั้งนี้ ททท. ยังสนับสนุนการรณรงค์ ลดโลกเลอะ ลดการใช้พลาสติกและโฟม นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานสามารถนำแก้วหรือภาชนะมาเอง เพื่อรับส่วนลดเมื่อซื้อเครื่องดื่มภายในงานอีกด้วย งานนี้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย   วัน เวลา : 13 – 15 กันยายน 2562 14.00 – 21.00 น. สถานที่ : ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก) อ.เมือง จ.เชียงราย   Bangkok Art Book Fair งานเทศกาลหนังสือศิลปะกรุงเทพฯ ครั้งที่ 3 งานนี้ไม่ใช่แค่ขายหนังสือ แต่เป็นการรวมตัวกันของศิลปิน นักออกแบบ นักวาดภาพประกอบ นักเขียน นักวิชาการ บล็อกเกอร์ และบรรณาธิการ ที่สนใจจัดพิมพ์เผยแพร่ผลงานของตน ตลอดจนสำนักพิมพ์อิสระ สำนักพิมพ์ขนาดเล็ก ผู้จัดจำหน่าย แกลเลอรี่และกลุ่มศิลปะร่วมสมัยทั้งในไทยและนานาชาติ ที่จะมาร่วมปล่อยของ โชว์ไอเดียหลากหลาย เพื่อสนับสนุนช่วยกันสนับสนุน ละผลักดันการสร้างสรรค์สื่อสิ่งพิมพ์   วัน เวลา : 5 - 8 กันยายน 2562 13:00 - 21:00 สถานที่ : BANGKOK CITYCITY GALLERY ซ.สาทร 1 MRT ลุมพินี   Point Of JAD นิทรรศการภาพถ่ายครั้งแรกของ คุณเจษฎา อินเอก ศิลปินช่างภาพแนว Street Photography ชั้นแนวหน้าของไทย ที่สามารถเลือกมุมมองที่ดูขบขันคล้ายกับนิสัยของคนไทย แต่ก็แฝงไปด้วยภาพสะท้อนของวิถีชีวิตของคนกรุง หรือแม้แต่สภาพบ้านเมืองในช่วงเวลาต่างๆ โดยเชื่อมโยงเอา “สิ่งสองสิ่ง ของสองอย่าง” มาหลอมรวม จับคู่ความแตกต่างให้ดูพิลึกพิลั่น ลงตัว และสมบูรณ์ ซึ่งผลงานภาพถ่ายทั้งหมดบันทึกด้วยกล้อง RICOH GR Series นอกจากนี้ยังมีโซนจัดแสดงกล้อง Ricoh GR III รุ่นล่าสุด ที่ทาง บริษัท อิสท์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้สนับสนุนงานในครั้งนี้นำมาให้ทุกท่านที่สนใจได้สัมผัส และทดลองภายในงานด้วย   วัน เวลา : 7 กันยายน - 6 ตุลาคม 2562 13:00 - 21:00 สถานที่ : Glimpse Space อาคารเอเชีย ถ.พญาไท BTS สถานีราชเทวี   EOS R movie x D JI Seminar Ep.4 แคนนอนจัดอบรม EOS R movie x D JI Seminar Ep.4 เพื่อเรียนรู้เทคนิคการถ่ายวีดีโออย่างมืออาชีพ โดยมีคุณเบญจมินทร์ วีลาทัศไพศาล หรือ Benjamin Filmmaker เจ้าของเพจด้านงานวิดีโอ และ คุณนรา จิรายุวัฒนา (NARAKORN PHOTOGRAPHY) ช่างภาพเวดดิ้งแนวหน้าของเมืองไทย ร่วมแชร์ประสบการณ์การถ่ายทำวีดีโอในแบบมืออาชีพ พร้อมให้ความรู้เรื่องเทคนิคการถ่ายวีดีโอด้วยกล้อง Canon EOS R ร่วมกับ DJI Ronin-SC   วัน เวลา : 7, 14 กันยายน 2562 สถานที่ : ร้านตัวแทนหลักของแคนนอนในกรุงเทพ ทาง https://life.canon.co.th/course/canonxdji โดยไม่มีค่าใช้จ่าย   Happening Art Market : Living & Garden Weekend ตลาดนัดศิลปะที่รวบรวมเอาสินค้าตกแต่งบ้านและสวน ที่ไม่ใช่นำออกมาวางขายด้วยราคาโปรโมชั่นเท่านั้น แต่จะมีการมานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันในงานดีไซน์ และยังจัด เวิร์กช็อป DIY ที่จะเปิดโอกาสให้คุณลองทำโปสการ์ดทำมือด้วยการวาดสีน้ำ แล้วส่งถึงมือคนที่คุณรัก   วัน เวลา : : 7 - 8 กันยายน 2562 11:00 - 21:00 สถานที่ : ดาดฟ้า Dadfa ลาซาล   Food and Hotel Thailand 2019 ใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือกำลังสนใจทำธุรกิจทางด้านอาคาร เครื่องดื่ม งานเซอร์วิชต่างๆ ลองไปเดินงาน Food and Hotel Thailand 2019 กันดูค่ะ เป็นงานเจรจาธุรกิจ ซึ่งจะมีการจัดแสดงสินค้า และเทคโนโลยีด้านอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์ เครื่องใช้ในโรงแรม ภัตตาคาร การจัดเลี้ยงและบริการนานาชาติ ชั้นแนวหน้าจาก 40 ประเทศ มีสินค้าและบริการจาก 550 ราย เช่น Japan Pavilions พาวิลเลี่ยนจากประเทศญี่ปุ่นที่จัดแสดงอาหารแบบดั้งเดิมจากเมืองโอซาก้าและจังหวัดมิยาซากิ รวมถึงอุปกรณ์การออกแบบโรงแรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจาก Taito Ward (Tokyo), Denmark Pavilion พบผู้ผลิตเนื้อสัตว์แช่แข็งพรีเมี่ยม ปลา อาหารทะเล ผักและผลิตภัณฑ์จากผลไม้ส่งตรงจากประเทศเดนมาร์ก ฯลฯ พร้อมทั้งกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้ใหม่ๆ ในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารและโรงแรม   วัน เวลา : 4 - 7 กันยายน 2562 สถานที่ : EH102-104 Bitec บางนา   มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 41 12-15 ก.ย.นี้ ชั้น 5 สยามพารากอน ภายในงานจะเป็นการรวบรวมโครงการที่อยู่อาศัย “ ครบทุกที – ทุกทำเล - ทุกราคา” รวมกว่า 1,000 โครงการ พร้อมด้วย “BEST PROMOTION” …โปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่แต่ละโครงการต่างพร้อมกันมานำมาเสนอเฉพาะในงานเท่านั้น นอกจากนั้นคณะผู้จัดงานยังได้จัดโปรโมชั่น และแคมเปญ Amazing Deals ลุ้นรับบัตรกำนัลส่วนลดเงินสด และ เครื่องใช้ไฟฟ้าจากพานาโซนิค นอกจากนี้ยังมีสถาบันการเงินชั้นนำที่เข้ามาร่วมแสดงงานในครั้งนี้ที่พร้อมข้อเสนอ “BEST FINANCIAL”… ให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ พร้อมตรวจสอบวงเงินสินเชื่อรู้ผลเบื้องต้นทันทีก่อนเลือกจองบ้านอีกด้วย   โดยในปีนี้ได้ใช้งบการจัดงานกว่า 20 ล้านบาท จัดขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ “Amazing Deals” สุดยอดข้อเสนอสำหรับคนอยากมีบ้านและคอนโดฯ   วัน เวลา : 12-15 กันยายน 2562 สถานที่ : ห้องรอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน    
[PR] โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จับมือ เบอร์เจส รุกตลาดซูเปอร์ยอช์ตของไทย

[PR] โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จับมือ เบอร์เจส รุกตลาดซูเปอร์ยอช์ตของไทย

โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จับมือ เบอร์เจส รุกตลาดซูเปอร์ยอช์ตของไทย บริษัท โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเรือยอช์ตระดับลักชัวรีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในภูมิภาค ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับ Burgess (เบอร์เจส) จากอังกฤษซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลกด้านซูเปอร์ยอช์ตและเมกะยอช์ต เพื่อขยายฐานธุรกิจของโบ๊ทลากูนยอช์ตติ้งให้ครบวงจร เพิ่มขีดความสามารถในตลาดซูเปอร์ยอช์ตในไทยและภูมิภาค ทั้งการซื้อขาย หรือสร้างเรือใหม่ขนาดยักษ์มูลค่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมบริการให้เช่าซูเปอร์ยอช์ตเพื่อท่องเที่ยวทั่วโลก และช่วยกระตุ้นให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการนักท่องเที่ยว ระดับ Top End   นายวริศ ยงสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จำกัด เล็งเห็นโอกาสของการขยายตลาดเรือยอช์ตขนาดยักษ์ในไทยและภูมิภาค ที่กำลังเป็นที่ต้องการของลูกค้ากลุ่มไฮเอ็น รวมถึงมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น ความร่วมมือกับ Burgess ครั้งนี้จะทำให้ โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้งเป็นผู้ประกอบการด้านเรือยอช์ตรายใหญ่ของไทยที่ให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งการซื้อขาย การเช่าซูเปอร์ยอร์ต เมกะยอช์ตเพื่อการท่องเที่ยวในที่ต่างๆ ของโลก โดยงานแรกจะมีเรือซูเปอร์ยอช์ต และเมกะยอช์ต จำนวน 4 ลำ ราคาลำละ 1,500-2,500 ล้านบาท เดินทางมาเอเชียเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มลูกค้าสามารถใช้บริการเช่าได้     มร. ฌอง-มาร์ค พูเลท์ ประธานประจำภาคพื้นเอเชีย และหุ้นส่วนอาวุโสของ Burgess (เบอร์เจส) กล่าวว่า “Burgess เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์มายาวนานถึง 40 ปี มีการให้บริการ 4 ด้านประกอบด้วย บริการซื้อขายเรือซูเปอร์ยอช์ต, บริการให้เช่าซูเปอร์ยอช์ต, บริการรับต่อเรือใหม่ และบริการด้านการบริหารจัดการเรือซูเปอร์ยอช์ต การจับมือเป็นพันธมิตรกันครั้งนี้ เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าที่สนใจ มีความต้องการเรือซูเปอร์ยอช์ต และเมกะยอช์ต จะได้รับความสะดวกจากบริการด้วยทีมงานมืออาชีพระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายเรือซูเปอร์ยอช์ตที่มีระดับราคาตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โดยทีมที่ปรึกษาของ Burgess และโบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนตั้งแต่เริ่มต้นจนส่งมอบการหาผู้ผลิตเรือที่ถูกต้อง การคัดสรรวัสดุอุปกรณ์ การตกแต่งภายใน งานระบบ และงานบริการทุกอย่างตามที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงการบริหารจัดการทางการเงินด้วย"     จากข้อมูลของ The Superyacht Migration Report ระบุว่า ซูเปอร์ยอช์ตที่เดินทางมาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะนิยมมาเที่ยวประเทศไทยและสิงคโปร์มากที่สุด และในระหว่างปี 2558-2561 มีซูเปอร์ยอช์ตเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 50% (จาก 27 ลำในปี 2558 เป็น 41 ลำในปี 2561) “การเป็นพันธมิตรกับ Burgess (เบอร์เจส) ไม่เพียงจะช่วยขยายศักยภาพของ โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้งในตลาดซูเปอร์ยอช์ตเติมเต็มความต้องการให้กับลูกค้าแล้ว Burgess ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มลูกค้าระดับบนสุดที่ต้องการเช่าเรือซูเปอร์ยอช์ต เมกะยอช์ตเพื่อท่องเที่ยวตามที่ต่างๆทั่วโลก โดยBurgess ก็มีซูเปอร์ยอช์ตที่เข้าไปดูแลด้านการให้เช่ากว่า 100 ลำ นอกจากนั้น Burgess ยังจะยกระดับให้ประเทศไทยเป็นอีกจุดหมายปลายทางหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทางซูเปอร์ยอช์ตจะต้องเดินทางมา ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่นทั้งโรงแรม ร้านอาหารการท่องเที่ยวและอื่นๆ โดยมีการประมาณการว่าซูเปอร์ยอช์ต 1 ลำที่เดินทางมาแวะพักที่ประเทศไทยจะใช้จ่ายประมาณ 35-70 ล้านบาทต่อทริป” นายวริศ กล่าว    
เปิดออฟฟิส “GET” เยี่ยมชมดีไซน์ดีไซน์แนว Street Smart จุดเด่นบนท้องถนนกทม.

เปิดออฟฟิส “GET” เยี่ยมชมดีไซน์ดีไซน์แนว Street Smart จุดเด่นบนท้องถนนกทม.

รู้จัก GET (เก็ท) กันไหม? หรือเคยใช้บริการของเขากันบ้างหรือเปล่า   ถ้ายังไม่รู้จัก เราขอแนะนำ GET ให้รู้จักกันคร่าวๆ ก่อน....   GET แอพพลิเคชั่นไลฟสไตล์ออนดีมานด์ ที่ให้บริการเรียกมอเตอร์ไซค์วิน สั่งอาหาร ส่งของ และอีวอลเลต เป็นออนดีมานด์  ซึ่งถือว่ามีความหลากหลายงานด้านการบริการ  ก่อตั้งขึ้นโดยทีมงานคนไทย พร้อมด้วยเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญชั้นนำระดับโลก  นอกจากนี้ ยังมีเงินลงทุนจาก “โกเจ็ก” (GO-JEK) เข้ามาร่วมด้วย     สำหรับรายละเอียดการใช้บริการเป็นอย่างไร ผู้ที่สนใจก็คงต้องไปศึกษาและสอบถามกันกับทาง GET ส่วนเรื่องราวที่ Reviewyourlivng อยากจะมา “รีวิว” คือ การพาไปเยี่ยมชมบ้านหลังใหญ่ของเหล่ามนุษย์ GET ซึ่งก็คือที่ทำงานของพนักงานและผู้บริหาร GET นั่นเอง โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ชั้น 19-21 ของอาคารชาร์เตอร์สแควร์  ย่านสาทร  ชั้น 19  ใช้เป็นสำนักงานมีพื้นที่กว่า 1,400 ตารางเมตร  ส่วนชั้น 20-21 เป็นพื้นที่สำหรับการฝึกอบรมคนขับ   ชูดีไซน์แนว Street Smart  ออฟฟิศของ GET ถูกออกแบบในดีไซน์แนว Street Smart โดยนำจุดเด่นของท้องถนนในกรุงเทพฯ ที่เป็นหัวใจหลักของธุรกิจ เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจำลองลวดลายบนพื้นที่ถนน อย่างทางม้าลาย เส้นห้ามหยุดรถ เส้นแบ่งช่องทางเดินรถ หมวกกันน็อค เสื้อวิน และมอเตอร์ไซค์ เข้ามาเป็นจุดเด่นในการตกแต่ง เพราะเป็นธุรกิจบริการซึ่งมีมอเตอร์ไซต์ เป็นเครื่องมือหลัก   โดยโทนสีหลักที่ใช้คือหลักของแบรนด์ ได้แก่ สีเหลือง Safety Yellow และสีเทา Street Grey ที่ทั้งสองสีได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเดินทาง โดยสีเหลืองเป็นสีที่สามารถสะท้อนได้ดีเวลากลางคืนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ให้คนขับของ GET และสีเทามาจากสีของพื้นถนนคอนกรีต ซึ่ง GET จับจุดเด่นนี้มาวางไว้ในออฟฟิศได้อย่างลงตัว ช่วยให้บรรยากาศการทำงานดูสดใส     ออฟฟิศของ GET ถือเป็น Flexible Workspace ที่เป็นมิตรกับคนทำงานในทุกเจนเนอเรชั่น ไม่ว่าจะเป็น Gen X, Millennial และ Gen Z เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และไม่มีกฎตายตัวว่าการทำงานจะต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเองเท่านั้น เอื้อให้พนักงานสามารถใช้ประโยชน์จากทุกมุมของออฟฟิศได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเพื่อการทำงานหรือการผ่อนคลาย “เราได้แรงบันดาลใจในการออกแบบ ตกแต่งออฟฟิศมาจากงานที่เราทำ และเราให้ความสำคัญกับทั้ง Flexibility และ Work-Life Balance เพราะที่ GET เราทำงานกันหนัก แต่พอเราว่าง เราก็พักผ่อนกันเต็มที่" คุณก่อลาภ สุวัชรังกูร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด หรือซีเอ็มโอ ของ GET เล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบออฟฟิศ     ออฟฟิศของ GET จึงถูกออกแบบออฟฟิศให้ยกคอมไปนั่งทำงานตรงไหนก็ได้ จะอยู่ที่โต๊ะตัวเอง จะไปนั่งดูวิวแม่น้ำ หรือจะไปนั่งในห้องเงียบๆ หรือถ้าคุณทำงานเสร็จ คุณจะตีปิงปองตอนบ่าย 3 ก็ได้ เพราะ GET เชื่อว่าพื้นที่ออฟฟิศและบรรยากาศที่ผ่อนคลายทำให้พนักงานทำงานอย่างแฮปปี้ และโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น Flexible Workspace เสริมการทำงาน 4 ด้าน สำหรับ Flexible Workspace ของ GET ถูกดีไซน์ออกมา เพื่อช่วยส่งเสริมการทำงานสำหรับพนักงานและผู้บริหารใน 4 ด้านหลัก ได้แก่     Collaboration: การทำงานในรูปแบบสตาร์ทอัพ การทำงานร่วมกันหรือ Collaboration ระหว่างทีมต่างๆ ถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยในออฟฟิศมีห้องประชุมจัดไว้ 8 ห้อง แต่ถ้าใครที่ต้องการคุยกันในบรรยากาศที่เป็นกันเองมากขึ้น ก็สามารถใช้พื้นที่ส่วนกลาง และมุมโซฟาต่างๆ ที่จัดไว้หลากหลายมุมเพื่อการประชุม พูดคุย หรือ Brainstorm กันได้ เพื่อให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น    Concentration: แน่นอนว่าพนักงานจำนวนมากยังเคยชินและต้องการมีโต๊ะทำงานของตัวอยู่ ดังนั้น GET จึงมีพื้นที่ทำงานส่วนตัวให้กับพนักงานทุกคน และเพิ่มพื้นที่เงียบ หรือ Quiet Corner สำหรับคนที่ต้องการทำงานที่ใช้สมาธิมาก และจัดห้องสำหรับคุยโทรศัพท์แยกต่างหาก ไว้เพื่อให้คนที่ต้องประชุมทางโทรศัพท์และไม่อยากรบกวนคนอื่นๆ    Community: เพื่อให้พนักงานได้สามารถผ่อนคลายในระหว่างการทำงานหรือหลังเลิกงาน ที่ GET จึงมีทั้งโต๊ะปิงปอง ห้องเกม และห้องนอน โดยทุกคนสามารถเข้ามาใช้เมื่อไรก็ได้ที่ต้องการ เพราะบริษัทฯ เข้าใจดีว่าการ Work & Play โดยไม่เครียดมากเกินไป จะช่วยผลักดันความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจในการทำงานได้ดีกว่า      Mobility & Freedom: ที่ GET พนักงานทุกคนสามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นมุมโซฟา นั่งดูวิวเมือง หรือนั่งทำงานที่ canteen โดยสามารถยกคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของตัวเองไปอยู่ในที่ที่ต้องการได้ นอกจากนี้ ห้องประชุมยังเป็นการต่อจอแบบไร้สาย ด้วยระบบ Zoom ที่คอมพิวเตอร์ของพนักงานสามารถ cast content ขึ้นจอได้ทันที     ไม่ใช่แค่ออฟฟิสสวย แต่ต้องสร้างความสุข  “ผมกับ Co-founder ทุกคนลงความเห็นตรงกันตั้งแต่วันแรก ว่าเราต้องทำให้คนที่ทำงานกับเรามีความสุขมากที่สุด" คุณภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ GET บอกเล่าถึงแนวคิดในการบริหารองค์กร   สำหรับความสุขที่ทางฝ่ายบริหาร ให้คำจำกัดความไว้นั้น นอกจากเรื่องสถานที่สะดวกสบาย น่าทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพงานแล้ว องค์กรยังจะต้องมีสวัสดิการที่ดี  รวมถึงต้องเป็น Culture First Company หรือการให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรมากกว่าตัวเลข ดังนั้นเวลาเลือกคนเข้ามาร่วมทีม GET จะใช้เวลานานมากในการพิจารณาคัดเลือก   พนักงานนอกจากจะต้องเป็นคนเก่งแล้ว ยังต้องอยากทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคมด้วย พนักงานของ GET  มีความหลากหลายมาก  มีทุกเพศทุกวัยด้วย และโครงสร้างการทำงานของ GET ถูกวางให้มีลักษณะ Flat คือ  ทุกคนสามารถเดินเข้ามาคุยกับฝ่ายบริหารได้ แถมยังใช้ห้องผู้บริหารเป็นห้องประชุมได้   “สวัสดิการที่นี่ต้องดี ไม่ใช่แค่ออฟฟิศสวยแต่เพียงอย่างเดียว เราอยากให้พนักงานของเราทุกคนมีความมั่นคง เพราะผมรู้ดีว่าทุกคนทำงานนหนักและทุ่มเท”     สำหรับหลักการทำงานของ GET ยึดหลัก Core Values 3 ข้อ 1.It’s not About You งานที่เราทำอยู่เป็นสิ่งที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของคนหลายๆ คนได้ ดังนั้นเราจึงอยากให้พนักงานของเรามองในมุมกว้าง และคิดถึงคนอื่นๆ ที่เขาทำงานด้วย 2.Collaborate with Compassion คือการเป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารักของกันและกัน 3.Shoot for Greatness หรือการมุ่งพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ทำให้เราทำงานด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพในบรรยากาศที่ไดนามิค   ปัจจุบัน GET เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีพนักงานเพิ่มจากปีที่แล้วเพียง 40 กว่าคน ในปีนี้ GET มีพนักงานประจำและคอนแทรคเตอร์กว่า 200 คน ที่มุ่งสร้าง Ecosystem ที่ช่วยยกระดับชีวิตของทั้งผู้ใช้ คนขับ และร้านค้าด้วยเทคโนโลยีแบบออนดีมานด์หลากหลาย รวมถึงบริการทางการเงินที่สะดวกและครบวงจรยิ่งขึ้น