Tag : Lifestyle

432 ผลลัพธ์
Update รถไฟฟ้า ปี 2563

Update รถไฟฟ้า ปี 2563

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเดินทางไปย่านไหนของกรุงเทพฯ ก็มักจะพบเจอกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่หลายสาย ซึ่งตั้งแต่ปีที่แล้วก็เริ่มมีการเปิดให้ใช้บริการเพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้การเดินทางเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งภายในปี 2563 นี้ ก็จะมีการเปิดให้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก เราจึงชวนมาอัพเดทกันครับว่า จะมีเส้นทางไหนที่ทั้งเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบไปแล้ว และกำลังจะเปิดให้ใช้บริการในอนาคตอันใกล้นี้ เผื่อเป็นตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มเติม สำหรับกรุงเทพฯ เมืองที่ประสบปัญหารถติดอยู่เกือบทุกเมื่อเชื่อวันเช่นนี้ รถไฟฟ้า สายสีเขียวเข้ม สุขุมวิท BTS สายสีเขียวทั้งเขียวสุขุมวิท และเขียว สีลม เป็นรถไฟฟ้าสายแรกในประเทศไทยที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2542 ซึ่งยังคงเป็นเส้นทางหลักในบ้านเรามาจนปัจจุบัน เพราะผ่านใจกลางเมืองแหล่งทำงานอยู่หลายโซน ไม่ว่าจะเป็นช่วงห้าแยกลาดพร้าว อารีย์ อโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ สีลม สาทร ฯลฯ เมื่อดูจากเส้นทางทั้งหมดแล้วจะเป็นรถไฟฟ้าสายหนึ่งที่ชัดเจนมากในแง่ของการขนส่งคนจากนอกเมืองเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็วที่สุดในบรรดาการคมนาคมในเมืองหลวงเช่นนี้ และเนื่องจากสายนี้มีเส้นทางทั้งหมดยาวมากทีเดียวครับ เราจึงแบ่งออกเป็น 2 เส้นทาง คือสายสีเขียวเหนือ กับสายสีเขียวใต้ ดังนี้   รถไฟฟ้า สายสีเขียวเหนือ ภาพของผู้คนแน่นขนัดที่ยืนรอรถเมล์อยู่ใต้สถานีหมอชิต ฝั่งขาออกทุกเย็นวันทำงาน หลังจากนี้อาจจะเบาบางลงบ้างนะครับ เพราะสายสีเขียวเหนือ ซึ่งเปิดให้บริการไปจนถึงสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบตลอดสายไปจนถึงสถานีคูคต ในช่วงปลายปี 2563 นี้ จะทำให้การเดินทางสะดวกสบายขึ้นอีกเยอะ เพียงแต่ก็ยังต้องพิจารณากันดีๆ ในแง่ของค่าใช้จ่ายที่จะต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน สำหรับใครที่ตัดสินใจนั่งรถไฟฟ้าต่อออกไป รถไฟฟ้า สายสีเขียวใต้ ปัจจุบันเปิดให้บริการตลอดสายแล้วครับ โดยที่สถานีสำโรง จะเป็นจุด Interchange ต้องลงเพื่อเปลี่ยนขบวน เพื่อต่อออกไปยังสถานีปู่เจ้า-เคหะฯ ซึ่งค่าใช้จ่ายตลอดสาย หากเริ่มจากสถานีสยามไปจนถึงเคหะฯ ก็มีราคาปกติอยู่ที่ 59 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 42 นาที รถไฟฟ้า สายสีเขียวอ่อน สีลม รถไฟฟ้าสายแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากใจกลางเมืองข้ามไปฝั่งธนฯ โดยราคาจากสถานีสนามกีฬาไปจนถึงบางหว้าอยู่ที่ 59 บาท ใช้เวลาประมาณ 23 นาที รถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายแรกในบ้านเราครับ ซึ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2547 จากเดิมเริ่มจากสถานีบางซื่อ-หัวลำโพง แต่ในปัจจุบันได้เปิดเพิ่มขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 สาย คือ ช่วงหัวลำโพง-หลักสอง เปิดให้ใช้บริการตั้งแต่ปีที่แล้ว และช่วงเตาปูน-ท่าพระ จะให้บริการอย่างเป็นทางการ วันที่ 30 มีนาคม 2563 นี้แล้ว เมื่อสายสีน้ำเงินเดินรถอย่างเต็มรูปแบบก็จะกลายเป็นวงแหวนล้อมรอบกรุงเทพ ผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นย่านที่อยู่อาศัย แหล่งออฟฟิศ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ จนกลายเป็นอีกหนึ่งสายหลักที่น่าจับตามองทีเดียวครับ   ช่วงเตาปูน-หลักสอง จากเดิมเปิดให้บริการเตาปูน-หัวลำโพง แต่ปัจจุบันสามารถเดินทางกันยาวๆ ไปจนถึงสถานีหลักสอง โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนครับ โดยที่เตาปูนจะเป็นสถานีแบบยกระดับ ส่วนช่วงสถานีบางซื่อจะเป็นการเดินรถใต้ดินก่อนจะมายกระดับที่สถานีท่าพระ-หลักสอง ซึ่งอัตราค่าโดยสารสูงสุด 42 บาท ใช้เวลาเดินทางตั้งแต่สถานีเตาปูน-หลักสอง ประมาณ 57 นาที ช่วงเตาปูน-ท่าพระ เป็นช่วงที่ใช้รถไฟฟ้าแบบยกระดับตลอดสาย โดยตอนนี้ยังเป็นช่วงทดลองวิ่ง ซึ่งเปิดให้บริการ 10.00-16.00 น. และจะให้บริการอย่างเป็นทางการ วันที่ 30 มีนาคม 2563 มีอัตราค่าโดยสารสูงสุด 42 บาท ใช้เวลาเดินทางตั้งแต่สถานีเตาปูน-ท่าพระ ประมาณ 44 นาที รถไฟฟ้า สายสีม่วง MRT สายสีม่วง ถือว่าได้รับกระแสตอบรับดีทีเดียวสำหรับชาวนนทบุรี ซึ่งมักจะใช้เดินทางเข้าไปทำงานในเมืองโดยเปลี่ยนขบวนเป็นสายสีน้ำเงินที่สถานีเตาปูน เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการครั้งแรกวันที่ 6 สิงหาคม 2559 เป็นช่วงเตาปูน-บางใหญ่ โดยมีราคาสูงสุดที่ 42 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 28 นาที ส่วนสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มีกำหนดเปิดให้บริการภายในปี 2569 รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ รถไฟฟ้าที่เป็นหัวใจหลักของผู้ที่ต้องการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงผู้ที่พักอาศัยอยู่ในโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ เข้าเมืองที่สถานีพญาไท ในราคาสูงสุด 45 บาท ใช้เวลาเดินทางทั้งสายประมาณ 26 นาที ที่สำคัญเลยคือ ในอนาคตสายนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งหากเปิดให้บริการอย่างสมบูรณ์เมื่อไร เราจะสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ-มาบตาพุด ได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมงเท่านั้น   Infographic เรื่องอื่นๆ ลดหย่อนภาษี สำหรับมนุษย์เงินเดือน บ้านกับรถ ซื้ออะไรก่อนดี ? เคล็ดลับผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ดอกเบี้ยลด หมดหนี้ไว
Airbnb เผย 5 เมืองที่คนไทยนิยม “เคาท์ดาวน์” มากสุด

Airbnb เผย 5 เมืองที่คนไทยนิยม “เคาท์ดาวน์” มากสุด

คืนวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี นับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่หลายคน ต่างเฝ้ารอเพื่อจะทำการ “เคาท์ดาวน์” เพื่อส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า คนส่วนใหญ่จะเลือกสถานที่สำคัญๆ ที่สวยงามหรือชื่นชอบ เป็นจุดหมายปลายทางเพื่อการ “เคาท์ดาวน์” นอกเหนือจากการกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อร่วมฉลองปีใหม่กับครอบครัว   นอกจากการเฉลิมฉลอง และการเตรียมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ภายในประเทศแล้ว เมืองท่องเที่ยวหลายแห่งในต่างประเทศ ก็ถูกเลือกเป็นสถานที่สำคัญ สำหรับการเคาท์ดาวน์ด้วยเช่นกัน ซึ่งคนไทยนิยมไปประเทศไหนบ้าง เพื่อใช้เป็นสถานที่ส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ กับคนรักหรือคนพิเศษนั้น ทาง Airbnb ได้เปิดเผยผลสำรวจให้ได้รู้กัน   กรุงโซล เมืองยอดฮิตคนไทย "เคาท์ดาวน์" หากวัดจากผลสำรวจของ Airbnb จากการจองห้องพักมากที่สุดของคนไทย ในช่วงระหว่างวันหยุดยาวปีใหม่ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้เข้าพักในปีที่แล้ว เมืองที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดก็คือ “กรุงโซล” ประเทศเกาหลีใต้ เหตุผลสำคัญ คงเป็นเพราะการมีเที่ยวบินไปมากขึ้น และคนชนชั้นกลางที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้คนไทยนิยมเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่และเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ     ถึงแม้กรุงโซลจะเป็นเมืองจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่การเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศในช่วงปีใหม่ของคนไทยนั้น ประเทศญี่ปุ่น นับว่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีถึง 3 เมืองใหญ่อย่าง “โตเกียว โอซาก้า และฮอกไกโด” ติดโผ 5 อันดับแรก โดยอ้างอิงจากยอดการเข้าพักในช่วงปีใหม่มีการเติบโตขึ้นเมื่อเปรียบเทียบระหว่างปี 2561 กับปี 2562 ดังนี้   1.ลอนดอน  มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 164% 2.เซี่ยงไฮ้  มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 162% 3.โตเกียว มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 87% 4.โอซาก้า มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 70% 5.ฮอกไกโด มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 61%   “เชียงใหม่” เมืองที่คนไทยไปมากสุดในประเทศ  สำหรับคนที่เลือกที่จะท่องเที่ยวภายในประเทศไทย พบว่า จุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงปีใหม่ยังคงเป็นภูเขากับความหนาวเย็นทางภาคเหนือ โดย “เชียงใหม่” ยังรักษาตำแหน่งสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย จากการมียอดจองห้องพักสูงถึง 90% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้เชียงใหม่ มีอัตราการเติบโตมากที่สุด โดย 3 อันดับเมืองยอดนิยมในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวไทย ได้แก่ 1.เชียงใหม่ มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 90% เมื่อเทียบกับปีก่อน 2.ภูเก็ต มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบกับปีก่อน 3.กรุงเทพฯ มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับปีก่อน     หากดูภาพรวมของการจองห้องพักทั้งหมดของ Airbnb ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศแล้ว เมืองที่คนไทยนิยมไปเฉลิมฉลองมากที่สุดนั้น 5 อันดับแรก เป็นเมืองที่อยู่ภายในประเทศ ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ 2.เชียงใหม่ 3.พัทยา 4.ภูเก็ต 5.สมุย สรุปแล้วปีนี้ ไปเคาท์ดาวน์ที่ไหนกันบ้าง แต่ไม่ว่าจะอยู่สถานที่ใดก็ตาม ขอให้ทุกช่วงเวลานับจากนี้ มีแต่สิ่งดีดีให้กับทุกคน เพื่อการเริ่มชีวิตในปีใหม่ที่สดใส และเต็มไปด้วยความสุข
ส่องเทรนด์พื้นที่ “ออฟฟิศ-รีเทล” ปี 63 จะไปทางไหน?

ส่องเทรนด์พื้นที่ “ออฟฟิศ-รีเทล” ปี 63 จะไปทางไหน?

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ นอกจากการพัฒนาที่อยู่อาศัย ประเภทบ้านและคอนโดมิเนียมแล้ว โครงการประเภทคอมเมอร์เชียล ในส่วนของโครงการค้าปลีกและพื้นที่สำนักงาน ก็เป็นโครงการอสังหาฯ​ ที่ถูกพัฒนาออกมาจำนวนมาก และยังเป็นอีกหนึ่งประเภทสำคัญของธุรกิจอสังหาฯ ด้วย   โดยเฉพาะเทรนด์การพัฒนาโครงการประเภทมิกซ์ยูส ซึ่งภายในโครงการประกอบด้วยอสังหาฯ หลายประเภทรวมอยู่ด้วยกัน เป็นเทรนด์ที่ถูกพัฒนาออกมาจำนวนมาก โดยโครงการได้เริ่มเสร็จและเปิดให้บริการตั้งแต่ปีนี้  ต่อเนื่องไปในอีกหลายปีข้างหน้า ส่งผลให้พื้นที่ค้าปลีกและสำนักงานให้เช่า จะมีเพิ่มออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย   อีก 5 ปี พื้นที่ออฟฟิศเช่าทะลุ 10 ล้านตร.ม. รายงานล่าสุด จาก บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด ระบุว่า ปัจจุบันพื้นที่อาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ มีทั้งสิ้นประมาณ 9 ล้านตารางเมตร โดยเป็นอาคารเกรด เอ และ บี จำนวน 6.08 ล้านตารางเมตร ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของราคาค่าเช่าที่มีการปรับตัวสูงขึ้น และอัตราว่างของพื้นที่ที่อยู่ในระดับต่ำมาตลอดหลายปี  ทำให้ในปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาอาคารสำนักงานให้เช่าเพิ่มมากขึ้น  โดยคาดการณ์ว่าจะมี  ซัพพลายใหม่จ่อเข้าตลาดกว่า 1.78 ล้านตารางเมตร ในอีก 5 ปีข้างหน้า  ทำให้มีพื้นที่โดยรวมกว่า 10.78 ล้านตารางเมตร   อัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยทั้งกรุงเทพฯ มีประมาณ 94% และมีราคาค่าเช่าเฉลี่ยที่ 800 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน แต่หากพิจารณาเฉพาะอาคารสำนักงานเกรดเอ ที่อยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจเท่านั้น พบว่า ค่าเช่าเฉลี่ยในปีนี้ปรับตัวขึ้นประมาณ 5% จากสิ้นปีที่แล้ว ไปอยู่ที่ประมาณ 1,080 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน และอัตราการเช่าพื้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อยที่ 95% และจากการสำรวจยังพบความต้องการในการเช่าอาคารสำนักงานเกรดเอ ในย่านศูนย์กลางธุรกิจอีกมาก ทำให้ราคาค่าเช่าของบางอาคารพุ่งสูงขึ้น เช่น เกษร ทาวเวอร์ มีราคาค่าเช่าแพงที่สุดที่ 1,600 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ซึ่งในย่านเพลินจิต พระราม 1 และวิทยุ ยังคงได้รับความสนใจจากผู้เช่าสูงอย่างต่อเนื่อง   เทรนด์ออฟฟิศให้เช่าในอนาคต นายธีระวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากอาคารสำนักงานส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ มีอายุอาคารมากกว่า 20 ปี ซัพพลายใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามาในตลาดจะช่วยทำให้ตลาดมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น พื้นที่สำนักงานใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในตลาด  โดยส่วนมาก จะถูกพัฒนาในรูปแบบโครงการอสังหาฯ มิกซ์ยูส มีการเพิ่มพื้นที่รีเทลในชั้นล่าง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เช่าให้มากขึ้น รวมถึงการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ มีส่วนประกอบของโครงการที่หลากหลาย     โดยตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป จะได้เห็นโครงการสำคัญ ๆ หลายโครงการพร้อมใช้งาน อาทิ ศุภาลัย ไอคอน  บนพื้นที่สถานทูตออสเตรเลียเดิม,  วัน แบงค็อก อภิมหาโปรเจกต์จาก TCC, เดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการเมืองในป่าแห่งแรกของเมืองไทย, แบงค็อกมอลล์ เมกะโปรเจกต์ จาก เดอะมอลล์ กรุ๊ป, และ เอ็มสเฟียร์ จิ๊กซอว์ส่วนสุดท้ายของ ดิ เอ็มดิสทริค ทั้งหมดนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานอาคารสำนักงานในไทยมากยิ่งขึ้น   ส่วนเทรนด์ตลาดพื้นที่ออฟฟิศให้เช่าในปีหน้านั้น  จะมีโครงการเดอะปาร์ค (The PARQ) เปิดเข้ามาเพิ่ม ซึ่งโครงการ เดอะ ปาร์ค  บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าของโครงการ มีพื้นที่อาคารรวม 320,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยสำนักงานระดับพรีเมี่ยมเกรดเอ พื้นที่ร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรม มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท   สำหรับแนวโน้มตลาดออฟฟิศในปี 2563 นั้น คาดว่าจะเติบโตทั้งในส่วนของความต้องการ และราคาค่าเช่า รวมถึงปริมาณพื้นที่จากการเปิดตัวโครงการใหม่ของโครงการเดอะ   พื้นที่ค้าปลีกได้ “นักท่องเที่ยวจีน” หนุนตลาด   ด้านพื้นที่ศูนย์การค้า  พบว่า ยังคงเติบโตอย่างสม่ำเสมอ  มีพื้นที่ใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง  ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ร้านค้ายังคงอยู่ในอัตราที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านศูนย์กลางทางการค้าใจกลางเมือง อย่าง สยาม-ราชประสงค์-พร้อมพงษ์ ที่แม้จะมีการแข่งขันสูง แต่ยังคงเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ  เนื่องจากย่านศูนย์กลางทางการค้ายังคงเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญ ​ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยสูงกว่า 95%   โดยปัจจุบันจะพบว่า ภาวะหนี้ครัวเรือนในไทย จะยังคงสะสมอยู่ในระดับสูง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคภายในประเทศจะมีตัวเลขที่ลดลง  แต่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังเข้ามาเป็นแรงสนับสนุนตลาดค้าปลีกให้เติบโตในช่วงปีที่ผ่านมา โดยครึ่งปีหลัง สถิตินักท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นทั้งในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยว และรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ   นักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นกลุ่มหลัก  ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมีผลมาจากการขยายระยะเวลามาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (Visa on Arrival) ออกไปอีก 6 เดือน การประท้วงที่ยืดเยื้อของฮ่องกง รวมถึงการขึ้นภาษีของญี่ปุ่น ส่งผลให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากสถิติกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า 9 เดือนแรกมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน  29.47 ล้านคน ขยายตัว 3.51% และมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 1.42 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3 - 4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา   พื้นที่ใหม่เข้าสู่ตลาด 280,000 ตารางเมตร จากการแข่งขันที่สูงมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ร้านค้า หรือแม้แต่ผู้ประกอบการศูนย์การค้า หันมาให้ความสนใจในการเรียกเก็บค่าเช่าแบบ GP (Gross Profit) มากขึ้น โดยการเรียกเก็บค่าเช่าแบบ GP จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าเช่าให้กับร้านค้าได้ในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ ศูนย์การค้าใหญ่ ๆ จะมี Minimum guarantee หรือ Based rent กำหนดให้แก่ร้านค้าเมื่อทำสัญญาเช่า ทำให้ร้านค้าจำเป็นจะต้องทำยอดขายให้ได้ ซึ่งเป็นผลดีทั้งต่อร้านค้าและศูนย์การค้า และจากการสำรวจ  พบว่าราคาค่าเช่าเฉลี่ยชั้น G ในย่านศูนย์กลางทางการค้าปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3,915 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน สูงขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อย   แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการพื้นที่ศูนย์การค้ายังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งจากตลาดสินค้าออนไลน์ การบริการส่งอาหารที่ปัจจุบันมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และรวมไปถึงพื้นที่ใหม่ที่จะแบ่งกำลังซื้อออกไป ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องสร้างสิ่งดึงดูด สร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการ   ขณะเดียวกันร้านค้าแบรนด์ไทยก็ยังต้องเผชิญความท้าทายจากแบรนด์ต่างชาติที่ให้ความสนใจเข้ามาเปิดในเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมา มีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเปิดอย่างหลากหลาย อาทิ ดองกิ มอลล์ (Donki Mall), ทิม ฮอร์ตันส์ (Tim Horton), อี้ ฟาง (Yi Fang), ทาโก้ เบลล์ (Taco Bell), ไทเกอร์ชูก้า (Tiger Sugar), ดิ แอลลี่ (The Alley), และ ซิง ฝู่ ถัง (Xing Fu Tang) เป็นต้น   ในปีนี้มีพื้นที่ค้าปลีกใหม่ เข้ามาสู่ตลาดหลายแห่งกว่า 280,000 ตารางเมตร เช่น วัน-โอ-วัน เดอะเทิร์ด เพลส (101 the third place), ดอง ดอง ดองกิ (Don Don Donki), เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก (The Market Bangkok), สามย่านมิตรทาวน์ (Samyan Mitrtown), เซ็นทรัล วิลเลจ (Central Village) และ แอม ไชน่าทาวน์ (I’m Chinatown) และคาดว่าจะมีโครงการใหม่ ๆ ทยอยเข้ามาสู่ตลาดในอีก 3 ปีข้างหน้าอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 400,000 ตารางเมตร โดยมีโครงการที่น่าจับตามองหลายโครงการ อาทิ เอ็มสเฟีร์ย (EmSphere), วันแบงค็อก (One Bangkok),  และ สยาม พรีเมียม เอ้าท์เล็ต แบงค็อก (Siam Premium Outlets Bangkok)   ส่องเทรนด์พื้นที่ค้าปลีกปี 63   โดยภาพรวมแล้ว ตลาดพื้นที่ศูนย์การค้าของกรุงเทพฯ ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องเน้นการสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภค ที่หาไม่ได้จากโลกออนไลน์ หรือการเดลิเวอรี่ การตอบสนองที่ตรงใจลูกค้าและความรวดเร็วในการบริการ รวมไปถึงการสร้างและรักษาความสัมพันธ์แก่ลูกค้า และการรักษาพร้อมพัฒนาสินค้าให้อยู่ในระดับแข่งขันได้อีกด้วย   ขณะที่ปริมาณพื้นที่ค้าปลีก ที่จะเข้ามาเพิ่มในปี 2563  เป็นพื้นที่ในส่วนของโครงการเดอะปาร์ค  ที่จะมีเข้ามาอีกประมาณ 12,000 ตารางเมตร ทั้งในส่วนพื้นที่ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์อาหาร ภายใต้แนวคิด ‘Eat Well and Shop Well’ รวมไปถึงการนำเสนอบริการด้านสุขภาพและความงาม ตลอดจนร้านค้าที่ดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซูเปอร์มาร์เก็ตภายในโครงการจะมุ่งเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอาหารปลอดสารพิษ อาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงอาหารมังสวิรัติที่หลากหลายกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป   นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่โครงการสยาม พรีเมียม เอ้าท์เล็ต แบงค็อก มีพื้นที่อาคารรวมทั้งหมด (GFA) ประมาณ 50,000 ตารางเมตรจะเป็นโครงการที่เน้นสภาพแวดล้อมภายนอกอาคาร ธรรมชาติ พื้นที่สีเขียว และสายน้ำ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับกินดื่ม พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ และความบันเทิงอยู่ในโครงการด้วย ซึ่งภายในโครงการจะประกอบไปด้วยร้านค้าประมาณ 200 ร้าน  และสีลมคอมเพล็กซ์ จะมีพื้นที่อีกประมาณ 10,000 ตารางเมตร   โดยแนวโน้มราคาค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกในปี 2563 มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ความต้องการและปริมาณพื้นที่ใหม่ก็น่าจะมีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง เน็กซัสชี้ ปี 2019 คือ ปีแห่งการก้าวกระโดดของธุรกิจ Co- Working Office เน็กซัสเผย 7 ประเด็นอสังหาฯ Q1 + แนวโน้มธุรกิจหลังการเลือกตั้ง
เศรษฐกิจแย่ คนไทยรัดเข็มขัด การใช้จ่ายช่วงปีใหม่ ต่ำสุดรอบ 12 ปี

เศรษฐกิจแย่ คนไทยรัดเข็มขัด การใช้จ่ายช่วงปีใหม่ ต่ำสุดรอบ 12 ปี

ตอนนี้หลายคนคงเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด หรือไม่ก็เดินทางท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ กันบ้างแล้ว บรรยากาศปีนี้หลายคนบ่นว่าไม่คึกครื้น เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำเอาเงินในกระเป๋าไม่ฟูเหมือนหลายปีก่อน เลยจะฉลองแบบจัดเต็มกันได้ไม่เต็มที่ การใช้จ่ายช่วงปีใหม่เลยดูไม่คึกคัก แถมยังมีโรงงานหรือสถานประกอบการบางแห่งปิดกิจการลงด้วย ทำเอาบรรดาลูกจ้างและพนักงานอยู่ในภาวะหมดกำลังใจกันไปตามๆ กัน   แล้วจริงๆ บรรยากาศปีใหม่ และการใช้จ่ายช่วงปีใหม่ของคนไทยเป็นอย่างไรบ้าง คงต้องมาดูผลการสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า ซึ่งจัดทำออกมาทุกปี เพื่อให้เห็นภาพของการใช้จ่ายช่วงปีใหม่ของคนไทย  ว่ามีสถานการณ์อย่างไร ใช้ไปกับเรื่องอะไรมากน้อยแค่ไหน มีเงินสะพัดเป็นมูลค่าเท่าไร คนไทยใช้จ่ายช่วงปีใหม่  ต่ำสุดในรอบ12ปี   นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิดเผยว่า  ผลการสำรวจการพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินในช่วงปีใหม่ของคนไทย ซึ่งสำรวจช่วงวันที่ 11-20 ธันวาคม 2562 จำนวน 1,223 คนทั่วประเทศ พบพว่า แม้การใช้จ่ายจะมีการขยายตัว แต่เป็นการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบ 12 ปี   โดยค่าใช้จ่ายที่ประชาชนใช้ในช่วงปีใหม่ 2563  เงินสะพัดรวมประมาณ 137,809 ล้านบาท แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 58,000 ล้านบาท และต่างจังหวัด 79,000 ล้านบาท  ขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1.9% จากปี 2562 ที่มีมูลค่า 135,279 ล้านบาท ถือว่าการใช้จ่ายเงินช่วงปีใหม่ ที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 12 ปี  ซึ่งสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่อัตราการเติบโต หรือจีดีพีขยายตัวเพียง 2.6% เท่านั้น   “เนื่องจากประชาชนกังวลภาวะเศรษฐกิจจึงใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ส่วนผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงปีใหม่  พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 76.8%  มีการวางแผนออกนอกพื้นที่ในช่วงปีใหม่ เพื่อเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด โดย 84.7 % มีการวางแผนท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวมคนละ 15,615 บาท 15.3%  วางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 58,842 บาท   โดยคาดว่าประชาชนจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงวันที่ 28 ธ.ค. 2562  และกลับวันที่  1 ม.ค. 2563 เฉลี่ยประมาณ 3-5 วัน ไปเที่ยวเฉลี่ย 2-4 คนต่อกลุ่ม   การใช้จ่ายช่วงปีใหม่ คนไทยซื้อของฟุ่มเฟือย   นอกจากนี้ยังมีการวางแผนซื้อของขวัญทั้งให้ตนเอง เช่น ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เครื่องประดับ ทอง 16,362  บาทต่อคน เสี่ยงโชคคนละ  1,115 บาทต่อคน  ซื้อสินค้าโอท็อปต่อคน 1,062 บาท  และซื้อของให้ผู้อื่น เช่น สินค้าฟุ่มเฟือย เครื่องประดับ ทอง 5,981 บาทต่อคน ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล 241 บาทต่อคน สินค้าคงทน (เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเรือน)  3,803 บาทต่อคน   กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงปีใหม่ ส่วนใหญ่ 91.1% จะทำบุญทางศาสนา รองลงมา 90.7% สังสรรค์ /จัดเลี้ยง ท่องเที่ยว 76.8% ส่วนของขวัญยอดนิยมในช่วงปีใหม่ คือ ของประรับประทาน สินค้าคงทน เครื่องดื่มบำรุงกำลัง  กระเช้าของขวัญ เป็นต้น  โดยมีปัจจัยในการเลือกซื้อของขวัญให้กับตนเองและผู้อื่นคือคุณภาพ ราคา และประโยชน์การนำไปใช้   คนไทยอยากให้ของขวัญ “ลุงตู่” มากสุด ความเห็นของกลุ่มตัวอย่างต่อปัญหาที่รัฐบาลควรแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด คือ เศรษฐกิจโดยรวม ปัญหาสังคม เสถียรสภาพทางการเมือง  ปัญหาทุจริต  และการเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ และปัจจัยที่น่าห่วงในปี 2563 ยังเป็นปัญหาเศรษฐกิจ  การศึกษา สุขอนามัย ค่าครองชีพ ปัญหาเยาวชน เป็นต้น   ส่วนการให้คะแนนในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของรัฐบาลในรอบปีที่ผ่านมา หากคะแนนเต็ม 10  จะให้คะแนนรัฐบาล ดังนี้ การเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ ได้ 7.67 คะแนน ปัญหาสังคม 6.23 คะแนน ปัญหาคอร์รัปชั่น 5.81 คะแนน ปัญหาเศรษฐกิจ 5.56 คะแนน ปัญหาโดยรวม 5.44 คะแนน ปัญหาความขัดแย้ง 5.34 คะแนน   กลุ่มตัวอย่างอยากให้ชองขวัญเป็นกำลังใจนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากที่สุด 58.8% นายอนุทิน ชาญวีรกุล 21.5% พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 9.0% นายวิษณุ เครืองาม 5.6%  และอยากเดินทางท่องเที่ยวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 20.2% พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 18.5% นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 10.4% นายทักษิณ ชินวัตร 8.5%   ส่วนนักแสดงชาย ที่ประชาชนอยากให้ของขวัญมากที่สุดคือ ณเดชน์ คูกิมิยะ เกรท วรินทร มาริโอ เมาเร่อ  ฝ่ายหญิงคือ ญาญ่า อุรัสยา อั้ม พัชราภา ใหม่ ดาวิกา  นักร้องชาย ตูน บอดี้สแลม เบริ์ด ธงไชย ไผ่ พงศธร นักร้องหญิง ต่ายอรทัย ปาล์มมี่ อาม ชุติมา  คำอวยพรให้กับประเทศไทยอันดับหนึ่งคือขอให้สมเด็จพระราชินีในร 9 และร.10 ทรงมีพลานามัยแข็งแรง ขอให้เศรษฐกิจดีขึ้น ขอให้ค้าขายดี ๆ เป็นต้น    
รวมงาน COUNTDOWN 2020

รวมงาน COUNTDOWN 2020

ค่ำคืนข้ามปีจากทั่วทุกมุมโลกต่างก็ร่วมเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ไปพร้อมกัน ซึ่งในบ้านเราเองก็มีการจัดงาน COUNTDOWN 2020 กันหลายแห่งให้ได้สนุกไปด้วยกัน เอาแค่ในกรุงเทพฯ ก็เลือกกันไม่ถูกว่าจะไปที่ไหนกันดี  แต่รับรองว่างานที่เรานำมาฝากกันครั้งนี้ต้องมันส์สุดแน่นอน!!   AIS Bangkok Countdown 2020 ร่วมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ ปี 2020 ไปกับ AIS Bangkok Countdown 2020 จัดเต็มด้วยเวทีไฮโดรลิก 4 ชั้น ยาว 220 เมตร ซึ่งยาวที่สุดใน Southeast Asia อลังการกับทะเลบอลลูนและซีนแสงสีเสียงสุดตระการตา ไฮไลท์การแสดงจากจากศิลปินระดับท็อป อาทิ The Toys , เป๊ก ผลิตโชค , ปาล์มมี่ , Getsunova , Slot Matchine , โจอี้บอย , Thaitanium , Twopee และโชว์จาก ดารานักแสดงจากไทยทีวีสีช่อง 3   วัน เวลา : 31 ธันวาคม 2562 สถานที่ : ลานด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ Amazing Thailand Countdown 2020 เฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่สุดยิ่งใหญ่ตระการตาตลอดคืน ภายใต้แนวคิด ´มหัศจรรย์พร 7 ประการ´ ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งสถานที่สวยงามด้วยไฟประดับประดาสว่างไสวอลังการริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และพบการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมอันวิจิตรงดงามที่ถ่ายทอดมรดกวัฒนธรรมไทยอันทรงคุณค่า พร้อมจัดเตรียมไฮไลท์การแสดงพลุทำจากข้าวเหนียวไทย นวัตกรรมการสร้างสรรค์พลุแบบรักษ์โลกจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมบนโค้งน้ำเจ้าพระยาระยะทาง 1,400 เมตร ซึ่งปีนี้ได้เพิ่มพื้นที่จุดชมพลุ บนชั้น 7 ไอคอนสยาม ทั้งหมด 7 ชุดการแสดง อีกทั้งยังขนเหล่าดาราศิลปินดังร่วมสร้างความสุขในคืนเคาท์ดาวน์ พบการแสดงและมินิคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบจากศิลปินชื่อดัง อาทิ ตู่ ภพธร, B5, นนท์ ธนนท์, ตี๋ AF, ต้น AF, จินตหรา พูนลาภ, โต้ง Twopee Southside, ณเดชน์ คูกิมิยะ ฯลฯ   วัน เวลา : 31 ธันวาคม 2562 เริ่ม 17.00 น. เป็นต้นไป สถานที่ : ริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม CDC Countdown 2020 เฉลิมฉลองเคาท์ดาวน์ไปกับฟรีคอนเสิร์ต กับศิลปินที่ดีที่สุดในเมืองไทย Zeal, Cocktail, นิว-จิ๋ว, Paradox และ Joeyboy ด้วยบรรยากาศเหมือนอยู่ท่ามกลางจตุรัส "ไทม์สแควร์ แห่งมหานครนิวยอร์ก" ตระการตากับเทคโนโลยีแสงสีเสียงสุดอลังการ และการจัดเต็มความบันเทิงสุดมันส์ตลอดคืน และเมนูติดล้อฟู๊ดทรัค (Food Truck) พร้อมเสิร์ฟตลอดคืน   พิเศษ! ลงทะเบียนล่วงหน้ารับเครื่องดื่มฟรี และลุ้นรางวัล iphone 11 รวมมูลค่ากว่า 120,000 บาท คลิก https://bit.ly/2OUoAlu   วัน เวลา : 31 ธันวาคม 2562 เริ่ม 18.00 น. เป็นต้นไป สถานที่ : Event Park CDC เอกมัย-รามอินทรา ASIATIQUE Thailand Countdown 2020 ปีนี้ ASIATIQUE Thailand Countdown 2020 มาในคอนเซปต์ “Boost Your Energy Up”  ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ ตื่นตาไปกับเวที แสง สี เสียง ด้วยโปรดักชั่นมืออาชีพระดับสากล สนุกสุดเหวี่ยงไปกับมหกรรมคอนเสิร์ต จากศิลปินแถวหน้าของเมืองไทย อาทิ ดา เอ็นโดรฟิน, Urboy TJ, สครับ, อะตอม, แสตมป์, มาเรียม, วงมายด์, แบล็คเฮด ฯลฯ และการแสดงพลุจากทีม PYRO 2000 แชมป์โลกจากประเทศอังกฤษ ที่กวาดแชมป์มาแล้วทั่วโลก   วัน เวลา : 31 ธันวาคม 2562 เริ่ม 17.00 น. เป็นต้นไป สถานที่ : เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ The Forestias by MQDC Presents Mega Countdown 2020 นับถอยหลังไปกับงาน The Forestias by MQDC Presents Mega Countdown 2020 จัดเต็มความมันส์และศิลปินอัดแน่น ให้ได้สนุกสุดมันส์ข้ามปีกับคอนเสิร์ตยิ่งใหญ่เต็มรูปแบบจากศิลปินดัง ได้แก่ Getsunova, โปเตโต้, SlotMachine, PolyCat, URBoyTJ, นนท์ ธนนท์ และกอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ในธีมงานสไตล์ BOHO   วัน เวลา : 31 ธันวาคม 2562 เริ่ม 17.00 น. เป็นต้นไป สถานที่ : เมกา บางนา The Street Countdown 2020 ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่งาน "The Street Countdown 2020" ร่วมปาร์ตี้เคาน์ดาวส่งท้ายปีเก่าใจกลางถนนรัชดา พร้อมพบกับศิลปินที่คุณชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น ACTART, เต-นิว, VARINZ, Z TRIP, KANOM, NONNY9 มาร่วมถ่ายรูปกับต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ พร้อมชมพลุฉลองสุดพิเศษ   วัน เวลา : 31 ธันวาคม 2562 เริ่ม 17.00 น. เป็นต้นไป สถานที่ : ลานหน้า เดอะ สตรีท รัชดา One Siam The Magical Tale เปิดประสบการณ์เฉลิมฉลองท่ามกลางโลกแห่งเทพนิยายสุดมหัศจรรย์ รวมความตื่นตาตื่นใจ ความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร  และไอเดียสุดบรรเจิดเลิศล้ำ ให้ทุกคนได้มาฉลองความสุขครบ ทุกโมเมนท์สุดต้องมนต์ กับสุดยอดอีเวนท์ โชว์ระดับโลก และยังมีการแสดงพิเศษตลอดเดือน ธ.ค. และ “The World Magical Countdown 2020” ไปกับศิลปินดัง อาทิ ปาล์มมี่, ทอย The Toys, 4 โพดำ-กัน แก้ม โดม และตั้ม, เจ-เจตริน กับเจ้านาย และโจอี้บอย ที่ "พาร์ค พารากอน" ในคืนวันที่ 31 ธ.ค.นี้ และครั้งแรกในเมืองไทย!! แดนซ์ฉลองข้ามปีไปกับดีเจ Hello Kitty จากญี่ปุ่นอีกด้วย   วัน เวลา : 21 พฤศจิกายน 2562–12 มกราคม 2563 สถานที่ : สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ Central Westgate Countdown 2020 คอนเสิร์ตส่งท้ายปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนนทบุรี กับศิลปินช่อง ONE อาทิ 4 โพดำ, แกงส้ม, กั้ง, เต๋า เศรษฐพงศ์, ตงตง กฤษกร ฯลฯ รวมถึง BNK48, พาราด็อกซ์, โอ๊ต ปราโมทย์ และวงฟลัวร์   วัน เวลา : 31 ธันวาคม 2562 สถานที่ : ลานด้านหน้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต Future Park & Zpell Countdown 2020 พบกับพิธีกร แทค ภรัณยู และซาร่า โฮเลอร์ ศิลปินในงาน อาทิ YOUNGOHM, LAZYLOXY, OG-ANIC, 25 Hours, Modern Dog, Cocktail และของอร่อยสไตล์ Food Truck และบูธหลากสไตล์พร้อมเสิร์ฟ   วัน เวลา : 31 ธันวาคม 2562 เริ่ม 17.00 น. เป็นต้นไป สถานที่ : ลานด้านข้าง ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต SEACON COUNTDOWN CONCERT 2020 ต้อนรับปี 2020 ไปกับฟรีคอนเสิร์ตตลอด 3 คืน โดยมีตารางคอนเสิร์ต ดังนี้   วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562 20.30 น. - 21.30 น. วง Scarlett. 21.45 น. - 22.45 น. วง Cocktail 23.00 น. – 24.00 น. ปาล์มมี่ วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2562 20.30 น. - 21.30 น. วง Acolix 21.45 น. - 22.45 น. วง Paradox 23.00 น. – 24.00 น. วง Clash วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2562 20.30 น. - 21.30 น. วง Earth Band ft. P Pirapat 21.45 น. - 22.45 น. วง ETC 23.00 น. – 24.00 น. วง Mild   วัน เวลา : 29-31 ธันวาคม 2562 เวลา 20.30-24.00 น. สถานที่ : ลานหน้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์    
10 ของแต่งบ้าน เสริมโชค รับปีหนู

10 ของแต่งบ้าน เสริมโชค รับปีหนู

ใกล้เข้าสู่ปีใหม่ 2563 ทุกที บางสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นก็อยากจะทิ้งไปกับปีเก่า แล้วต้อนรับสิ่งดีๆ เข้ามาพร้อมกับปีใหม่นี้ เริ่มต้นง่ายๆ จากการหาของตกแต่งบ้านเสียใหม่ เพื่อเสริมสิริมงคลตามความเชื่อฮวงจุ้ย เพื่อความร่ำรวย เสริมโชค เพิ่มพูนความสุขให้กับสมาชิกในครอบครัวไปพร้อมๆ กับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง โมบายกระดิ่ง โมบายกระดิ่งมักเกิดเสียงไพเราะยามต้องลม ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อีกทั้งตามหลักฮวงจุ้ยจะช่วยขจัดพลังงานด้านลบให้ออกไป แถมยังช่วยเรียกเงินทองเข้าบ้าน เพียงแค่นำไปแขวนไว้หน้าบ้าน โดยมีเคล็ดลับในการเลือกโมบายกระดิ่งให้มีจำนวน 6 หรือ 8 แท่ง จะยิ่งช่วยเสริมด้านเงินทองได้ดียิ่งขึ้น เทียนหอม นอกจากจะช่วยสร้างกลิ่นหอม ไล่กลิ่นอับไม่พึงประสงค์แล้ว ตามหลักฮวงจุ้ยยังถือเป็นพลังชีวิตจากพืช เพิ่มพลังบวกมีแต่สิ่งดีเกิดขึ้นกับบ้านเรา พัด หลายครั้งที่เราเห็น “พัด” เข้ามามีบทบาทในภาพยนตร์จีนหลายต่อหลายเรื่อง เพราะมีความสำคัญมาตั้งแต่ในอดีตกาล โดยเราสามารถนำมาประดับตกแต่งห้องรับแขก จะช่วยพัดข่าวดีเข้าบ้านเสมอ นำพามิตรสหายที่ดีเข้ามาสู่ชีวิต และยังช่วยให้คู่รักร่มเย็นเป็นสุข กระจกเงา ตามความเชื่อแล้ว กระจกเงาจะช่วยสะท้อนพลังงานให้ไหลเวียนในบ้านได้ดีขึ้น เสริมโชคลาภและความร่ำรวย ไม่ว่าจะเป็นกระจกทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือทรงกลม โดยจะต้องหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ ไม่บิ่น หรือแตกร้าว และติดตั้งให้ถูกทิศทาง เช่น ติดกระจกตรงข้ามบริเวณที่มีทิวทัศน์สวยงาม, ติดในห้องรับประทานอาหาร เป็นต้น เรือสำเภา ในอดีตเรือสำเภามีความสำคัญอย่างมากสำหรับการขนส่งสินค้ารวมถึงการทูตกับเมืองต่างๆ เรือสำเภาจึงกลายเป็นตัวแทนของความเชื่อทางฮวงจุ้ยว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ความสำเร็จ และการสมความปรารถนา รูปปั้นช้าง “ช้าง” ถือเป็นหนึ่งในสัตว์มงคลมาช้านาน แม้จะมีรูปร่างใหญ่โต แต่กลับอ่อนโยนและเป็นมิตร ตามหลักฮวงจุ้ยจะเปรียบเหมือนกับภูเขาสูง จึงเชื่อกันว่าจะช่วยปัดเป่าภัยอันตรายทั้งปวงไม่ให้เข้าบ้าน และยังช่วยให้เกิดความมั่นคง จึงแนะนำให้นำรูปปั้นช้างวางไว้บนโต๊ะทำงาน ด้านหลังเป็นผนังทึบ นกยูง สัญลักษณ์แห่งความมีชื่อเสียงเกียรติยศ อำนาจ ความสำเร็จ รวมถึงช่วยเสริมด้านความรัก และการเงิน ฉะนั้นหากมีภาพนกยูงตกแต่งห้องเอาไว้ก็จะดีไม่น้อย โดยเฉพาะภาพนกยูงรำแพนหางที่จะมีลายเสมือนดวงตาพันดวง จะช่วยปกป้องจากโชคร้ายและอันตรายรอบตัวได้อีกด้วย ต้นไม้มงคล นอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศให้สดชื่น “ต้นไม้” ยังสามารถมอบเป็นของขวัญปีใหม่ที่ให้ความหมายอันเป็นมงคล โดยเฉพาะด้านโชคลาภได้ด้วยนะครับ ซึ่งก็มีอยู่มากมายหลายหลากพันธุ์ อาทิ พลูด่าง ไผ่กวนอิม ต้นวาสนา ต้นนางกวัก ต้นกวนอิม มะยม กล้วยไม้ จำปา โป๊ยเซียน เป็นต้น โดยแนะนำว่าให้ปลูกต้นไม้มงคลเหล่านี้เอาไว้ทางทิศเหนือของบ้าน เลี้ยงปลามงคล คำว่าปลาในภาษาจีนอ่านว่า “หยู” ซึ่งพ้องเสียงกับคำที่แปลว่าอุดมสมบูรณ์ ทำให้เชื่อกันว่าการเลี้ยงปลาจะช่วยเสริมด้านการเงินให้ร่ำรวย มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะการเลี้ยง “ปลาคาร์ฟ” โดยภาษาจีนออกเสียงว่า “หยูหลี่” พ้องเสียงกับคำที่แปลว่ามั่งคั่ง น้ำตกหรือน้ำพุ “น้ำ” คือตัวแทนของเงินทองในทางฮวงจุ้ย การที่มีน้ำไหลเวียนอยู่เสมอจึงหมายถึงการดึงดูดโชคลาภ และเสริมสิริมงคล ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะแนะนำให้วางหน้าประตูบ้าน   เสริมดวงตามฮวงจุ้ยด้านอื่นๆ ฮวงจุ้ยตำแหน่งเตียงนอน เสริมรักรุ่ง เงินพุ่ง 9 วิธีจัดห้องนอนเสริมดวง ฮวงจุ้ยตู้เย็น วางตรงไหนเสริมดวง สีอะไรถูกโฉลก
5 ทำเลฮอต คนสนใจค้นหามากที่สุดประจำปี 2019

5 ทำเลฮอต คนสนใจค้นหามากที่สุดประจำปี 2019

ปี 2019 นับเป็นปีแห่งความลุ้นระทึกของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่พักอาศัย จากรายงาน DDproperty Property Market Outlook ฉบับล่าสุด พบว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงทรงตัว ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลกที่ชะลอตัว มาตรการ LTV ควบคุมสินเชื่อบ้านจากธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง แต่ด้วยความที่ที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสี่ที่สำคัญ จึงเชื่อว่ายังมีความต้องการอย่างต่อเนื่องในตลาด รอเพียงการกระตุ้นจากภาครัฐ หรือโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น   สังเกตได้จากการค้นหาที่อยู่อาศัยในเว็บไซต์ DDproperty.com ที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลสำคัญ ๆ ของกรุงเทพฯ  แล้วทำเลไหนที่คนยังคงมองหา และค้นหามากที่สุดกัน ลองมาดูว่าตลอดทั้งปี 2019 มีทำเลไหนที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ค้นหาที่อยู่อาศัยมากที่สุด 5 อันดับแรก 5 ทำเลฮอตคนหามากสุดในรอบปี 1.อ่อนนุช อ่อนนุช ถือเป็นทำเลยอดฮิต ติดอันดับต้น ๆ ของยอดค้นหามากที่สุด มาตลอดแทบจะทุกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณรถไฟฟ้า BTS สถานีอ่อนนุช ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากราคาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่แพงเกินไป ถือเป็นช่วงราคาที่คนทำงาน หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน (First Jobber) ยังสามารถซื้อเป็นเจ้าของเองได้ นอกจากนี้ยังเดินทางสะดวกสบาย ใกล้รถไฟฟ้า BTS เชื่อมต่อใจกลางเมืองและศูนย์กลางธุรกิจทั้งทองหล่อ อโศก สยาม หรือสีลม สาทร ได้ไม่ยาก และใช้เวลาไม่นาน รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ตลาด และแหล่งแฮงก์เอ้าท์มากมาย มีสีสันในการใช้ชีวิตที่ครบจบในที่เดียว ทำไมอ่อนนุชถึงน่าอยู่ ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ตลาดอ่อนนุช, เทสโก้ โลตัส สุขุมวิท 50, บิ๊กซี อ่อนนุช, ฮาบิโตะมอลล์, พิคอะเดลี่ เดินทางง่ายใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีอ่อนนุช และเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีนุช (อนาคต) จุดเด่นสำคัญ ตลาดเช่าใหญ่ของกลุ่มชาวต่างประเทศที่มาทำงานในเมืองไทย (Expat) โดยมีชาวต่างชาติเช่าห้องชุดเพื่ออยู่อาศัยในย่านนี้สูงถึงประมาณ 70% ราคาค่าเช่าคอนโดมิเนียมสูงขึ้นถึง 10% ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา 2.อารีย์ อีกหนึ่งทำเลที่ได้รับความนิยมในการค้นหาสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ในปี 2019 คือ อารีย์ หากถามว่าทำเลนี้มีอะไรดี คงต้องบอกว่าทำเลนี้แต่เดิมเป็นทำเลขุนนางเก่า ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด หลังจากมีรถไฟฟ้า BTS เปิดให้บริการ ทำให้ทำเลนี้กลายเป็นทำเลที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ โดยเฉพาะรูปแบบคอนโดมิเนียมที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน รวมถึงยังเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง เดินทางเชื่อมต่อสะดวก ไม่ไกลจากใจกลางเมือง และสถานีกลางบางซื่อ ทำไมอารีย์ถึงน่าอยู่ ใกล้สถานีกลางบางซื่อ เชื่อมต่อใจกลางเมือง-ปริมณฑลได้สะดวก ด้วยรถไฟฟ้า BTS โดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย จุดเด่นสำคัญ ศูนย์กลางอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ทั้งภาครัฐและเอกชน มีคนทำงานมากกว่า 6,000 คนต่อวัน 3.พระราม 9 ทำเลที่มียอดการค้นหามากเป็นอันดับที่ 3 คงหนีไม่พ้น พระราม 9 เพราะที่ผ่านมามีการพัฒนาในทำเลนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณรถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9 ซึ่งมีทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ขนาบข้างทั้ง 2 ฟากฝั่งถนน ได้แก่ ฟอร์จูน และเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ไม่ไกลกันนักก็มีทั้งเอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดาภิเษก และเดอะ สตรีท รัชดา แม้ว่าซุปเปอร์ทาวเวอร์จะพับโครงการไปแล้ว แต่ยังมีอาคารสำนักงาน และแหล่งงานขนาดใหญ่จำนวนมากในย่านนี้ และมีโครงการใหม่ ๆ รอจ่อคิวพัฒนาเป็นจำนวนมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่พระราม 9 ได้ชื่อว่าเป็นทำเลศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ หรือ New CBD โดยโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในทำเลนี้มียอดขายเฉลี่ยสูงถึงเกือบ 90% ทำไมพระราม 9 ถึงน่าอยู่ ทำเลใกล้ห้าง ใกล้แหล่งงาน ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9 เชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS ได้สะดวก อนาคตจะเชื่อมต่อเป็นวงแหวนกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-ท่าพระ และช่วงหัวลำโพง-หลักสอง จุดเด่นสำคัญ เป็นทำเลที่กลุ่มชาวจีนเข้ามาอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก เพราะใกล้สถานทูตจีน ราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้นปีละประมาณ 10-20% ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าอยู่ที่ประมาณ 5% ต่อปี 4.บางนา มาถึงอันดับที่ 4 ทำเลบางนา ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันมีการพัฒนาต่อเนื่องทั้งด้านการเดินทางที่มีรถไฟฟ้า BTS พาดผ่านช่วงบริเวณแยกบางนา และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย จากแต่เดิมที่การพัฒนากระจุกตัวอยู่บริเวณแยกบางนา อาทิ ห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัลพลาซา บางนา และศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา แต่ปัจจุบันการพัฒนาเริ่มกระจายตัวออกไปจากบริเวณอื่นมากขึ้น ซึ่งปัจจัยหลักมาจากห้างสรรพสินค้าใหม่อย่างอิเกีย บางนา และเมกาบางนา ส่วนรูปแบบที่อยู่อาศัยก็มีหลากหลายทั้งคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี บริเวณแนวถนนกาญจนาภิเษก ทำไมบางนาถึงน่าอยู่ มีตัวเลือกการเดินทางที่หลากหลายทั้งถนนบางนา-ตราด และสุขุมวิท ใกล้ทางด่วนอย่างทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษบูรพาวิถี และถนนกาญจนาภิเษก และใกล้รถไฟฟ้า BTS จุดเด่นสำคัญ อนาคตบริเวณแยกบางนาจะมีโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ของเดอะมอลล์กรุ๊ปอย่างแบงค็อกมอลล์ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ทำเลนี้เติบโตเพิ่มขึ้นไปอีก บางนา เป็นเพียงไม่กี่ทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีราคาอสังหาฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดปี 2019 5.สะพานควาย มาถึงทำเลสุดท้าย ไม่ไกล้ ไม่ไกล ยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้า BTS คือทำเลสะพานควาย ทำเลนี้เป็นทำเลก่อนหน้าจตุจักรเพียง 1 สถานี จึงเชื่อมต่อสถานีกลางบางซื่อได้ไม่ยาก เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควาย โดยปัจจุบันเป็นแหล่งงานสำคัญอีกแห่งหนึ่ง เชื่อมต่อกับถนนวิภาวดีรังสิต และรัชดาภิเษกได้สะดวก และใช้ถนนพหลโยธินเดินทางได้สะดวกเช่นกัน มีตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร Co-working space และแหล่งแฮงก์เอ้าท์มากมาย ทำไมสะพานควายถึงน่าอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้สถานีกลางบางซื่อ มีแหล่งแฮงก์เอ้าท์ ร้านค้า ร้านอาหาร จำนวนมาก และใกล้สวนจตุจักร จุดเด่นสำคัญ ใกล้สวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างอุทยานจตุจักร มีเนื้อที่ประมาณ 727 ไร่ อนาคตจะมีโครงการมิกซ์ยูสเกิดขึ้น ซึ่งมีทั้งอาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และโรงแรม รถไฟฟ้า ผลักดันทำเลฮอต จะเห็นได้ว่าทำเลที่มียอดค้นหามากที่สุดทั้ง 5 อันดับ ล้วนแล้วแต่เป็นทำเลในแนวรถไฟฟ้าทั้งสิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการของผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ไม่ว่าซื้อหรือเช่านั้น มองเรื่องทำเลเป็นสำคัญสอดคล้องกับผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคต่อสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ (DDproperty Consumer Sentiment Survey) รอบล่าสุด ที่ระบุว่าทำเลยังเป็นปัจจัยหลักที่ผู้เลือกซื้อที่อยู่อาศัยให้ความสำคัญ เชื่อว่าในอนาคตเมื่อกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกหลายสาย จะยิ่งทำให้เห็นภาพการเลือกที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคกระจายตัวออกไปสู่เส้นทางสายต่าง ๆ มากขึ้น   โดยพบว่า 1 ใน 3 ของผู้ที่ตอบแบบสอบถาม หรือ 32% มองว่าระยะทาง 400-500 เมตร จากที่พักอาศัยถึงระบบขนส่งสาธารณะ เป็นระยะห่างที่ยอมรับได้   นอกจากนี้ยังพบว่า ระยะทางจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ ได้แก่ 60% ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ 51% ใกล้สถานที่ทำงาน 34% ใกล้จากแหล่งช้อปปิ้ง 33% ใกล้สถานพยาบาล   ขณะเดียวกันยังพบว่า 35% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสนใจกับการซื้ออสังหาฯ ในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ เนื่องจากราคาที่ดินและอสังหาฯ ในบริเวณดังกล่าวยังมีราคาไม่สูงมากนัก รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าหลายสายที่ใกล้เปิดใช้บริการและอยู่ในระหว่างการก่อสร้างหลายเส้นทางทำให้การเดินทางเชื่อมต่อจากเขตกรุงเทพฯ รอบนอก เข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวกเช่นกัน   รองลงมาจำนวน 16% ให้ความสนใจในทำเลรัชดา ลาดพร้าว พระราม 9 และอีก 15% ยังเทใจให้กับพื้นที่สุขุมวิทชั้นใน ขณะที่ทำเลสุขุมวิทรอบนอก อย่าง บางนา แบริ่ง และย่านอารีย์กับพหลโยธิน ได้รับความสนใจในจำนวน 11% เท่ากัน อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง เปิดทำเลฮอต !! คอนโดฯ ที่จะออกสู่ตลาดกว่า 20,000 ยูนิตในไตรมาส 3 ที่ดิน 4 ทำเลฮอตราคาพุ่ง 20-30%
[PR News] ศุภาลัย จับตลาดสูงวัยเปิดบ้านอายุวัฒนะ “ศุภวัฒนาลัย” เพื่อคนวัย 50+

[PR News] ศุภาลัย จับตลาดสูงวัยเปิดบ้านอายุวัฒนะ “ศุภวัฒนาลัย” เพื่อคนวัย 50+

ศุภาลัย ลงทุน 300 ล้าน เปิดโปรเจ็กต์บ้านอายุวัฒนะ “ศุภวัฒนาลัย” จับตลาดสังคมผู้สูงวัย กลุ่มคนอายุ 50 ปีขึ้นไป ให้พักอาศัยตลอดชีวิต ในราคา 1.3-1.5 ล้านบาท   ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการเล็งเห็นถึงสังคมไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งจะมีสัดส่วน 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมด  บริษัทจึงได้พัฒนาโครงการ “ศุภวัฒนาลัย” (Supalai Wellness Valley) โครงการเพื่อสังคมคุณภาพของผู้ที่มีอายุ 50+ (อายุ 50 ปีขึ้นไป) เป็นโครงการแรกจำนวนกว่า 100 ยูนิต มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ประกอบกับตลอดระยะเวลา  3 ทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวมถึงการลงทุนโครงการอสังหาฯในต่างประเทศ เป็นที่พักอาศัยรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยทุกคนในครอบครัว ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบโครงการอสังหาฯ มาอย่างยาวนาน จึงพัฒนาโครงการดังกล่าว  เพื่อเป็นโครงการส่งเสริมสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี   โดยมุ่งออกแบบและพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่คำนึงถึงความสะดวกสบายของทุกเพศทุกวัย หรือการออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design) อาทิ เด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข สอดคล้องกับนโยบาย  “ศุภาลัย ใส่ใจ…สร้างสรรค์ สังคมไทย” สู่การเปิดตัวโครงการ “ศุภวัฒนาลัย” เพื่อสังคมคุณภาพของวัย 50 ปีขึ้นไป บ้านสำหรับวัยแห่งความสุขที่ลูกหลานไปเยี่ยมเยียนและพักอยู่ด้วยกันได้ โครงการ “ศุภวัฒนาลัย” (Supalai Wellness Valley) ชูแนวคิด “สังคมคุณภาพของวัย 50+ เพื่อคุณค่าการมีชีวิตอยู่อย่างยั่งยืน”  มุ่งสร้างการใช้ชีวิตอย่างสุขสงบงดงามในสังคมคุณภาพปลอดภัย ในอ้อมกอดของธรรมชาติ ตั้งอยู่บนที่ดินรวมกว่า 180 ไร่   ใกล้โค้งแม่น้ำป่าสักที่สวยที่สุด อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี   โดยแบบบ้านทันสมัยสไตล์โมเดิร์น ออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความปลอดภัยของผู้สูงวัย บ้านพัก ขนาดประมาณ 55 ตารางเมตร  1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น/อาหาร และ 1 ห้องน้ำ พร้อมพื้นที่ หน้าบ้าน-หลังบ้าน ที่จะทำสวนส่วนตัว และชื่นชมสวนป่าใหญ่ในโครงการด้วยพรรณไม้กลิ่นหอม หลากหลายชนิด  มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง กล้อง CCTV เข้า-ออก   ภายในโครงการ อีกทั้งติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอดจนศูนย์ Service Center พร้อมเจ้าหน้าที่พยาบาลให้การดูแลและบริการกิจกรรมความรู้ทั้งด้านสุขภาพ ทำอาหาร ศิลปะ บันเทิง เกษตรกรรม ท่องเที่ยว ฯลฯ  สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมศุภาลัย ป่าสัก รีสอร์ท แอนด์ สปา อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส  ห้องสปานวดผ่อนคลาย ห้องอาหารรสเลิศ ห้องคาราโอเกะ สนุกเกอร์ มินิมาร์ท ร้านกาแฟ สวนนก  หอชมวิว ฯลฯ เพื่อเสริมสร้างคุณค่าการมีชีวิตอยู่อย่างยั่งยืนของผู้พักอาศัยตามแนวคิดหลักของโครงการ สำหรับข้อกำหนดของผู้พักอาศัยต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีสิทธิพักอาศัยภายในโครงการตลอดชีพ*  ราคาเช่าซื้อระยะยาว โปรโมชั่นพิเศษเพียง 1.3 ล้านบาท สำหรับผู้พักอาศัย 1 ท่าน และราคา 1.5 ล้านบาท สำหรับผู้พักอาศัย 2 ท่าน  (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)  
กลุ่มเซ็นทรัล เปิดไทวัสดุโมเดลใหม่ ใช้เทคโนโลยีเสริมไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค-ลดต้นทุน

กลุ่มเซ็นทรัล เปิดไทวัสดุโมเดลใหม่ ใช้เทคโนโลยีเสริมไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค-ลดต้นทุน

ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจจัดจำหน่ายวัดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน ซึ่งนับวันมีแต่รุนแรง เพราะมีบรรดาผู้เล่นรายใหญ่ซึ่งมีศักยภาพการแข่งขันสูงอยู่ในตลาด ประกอบกับยุคปัจจุบัน ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แถมยังมีเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาสร้างความสะดวกสบาย และยังทำให้วิถีชีวิตของคนยุคนี้ เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมากมาย ทำให้การทำธุรกิจต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค   กลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งถือเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าปลีก มีรูปแบบการทำธุรกิจหลากหลาย ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ ธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่ง และซ่อมแซมบ้าน ภายใต้แบรนด์ “ไทวัสดุ” ของบริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด มีนายสุทิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร เป็นผู้ดูแลธุรกิจ ก็ต้องปรับตัวรองรับกับสภาพธุรกิจและการแข่งขันในปัจจุบัน  ถือเป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ เปิดไทวัสดุโมเดลใหม่ กับสาขาที่ 50 ที่หนองจอก ไทวัสดุ โมเดลใหม่ สาขาหนองจอก มีอะไรแตกต่าง ด้วยเหตุผลเรื่องของไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน ทำให้ กลุ่มเซ็นทรัล เปิดไทวัสดุ โมเดลใหม่ ที่สาขาหนองจอก เป็นสาขาแรกและต้นแบบกับการทำตลาดตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ซึ่งมี 4 เรื่องสำคัญแตกต่างจากสาขาเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้านี้   1.ลดขนาดพื้นที่ของสาขาลง 50% จากปกติจะต้องใช้พื้นที่ 30 ไร่ แต่ไทวัสดุ สาขาหนองจอก ใช้พื้นที่ประมาณ​ 10 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่ขายประมาณ 10,000 ตารางเมตร 18,000 ตารางเมตร 2.ลดจำนวนพนักงานให้บริการลง 50% จากสาขาปกติใช้พนักงานประมาณ​150 คน ไทวัสดุ สาขาหนองจอก ใช้พนักงานประมาณ 50-80 คน 3.วางจำหน่ายสินค้าหลักกว่า 20,000 รายการ แต่สินค้าประเภทของใช้ส่วนตัว หรือของตกแต่ง  (Home Decoration) จะใช้รูปแบบการจัดจำหน่ายออนไลน์ 4.นำระบบเทคโนโลยีมาช่วยในการซื้อขายสินค้า โดยสินค้าบางรายการลูกค้าไม่ต้องหยิบลงตระกร้า เพียงแต่สแกนคิวอาร์โค้ท เพื่อสั่งซื้อและชำระเงินที่แคชเชียร์ ซึ่งลูกค้ารอรับสินค้าได้ที่จุดรับสินค้า ไม่เกิน 15 นาทีหลังจากชำระเงินแล้ว   สินค้าที่จำหน่ายภายในไทวัสด โมเดลใหม่ สาขาหนองจอก แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.สินค้าที่ลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อประจำ สินค้าจะอยู่บนชั้นวางสินค้า สามารถหยิบซื้อได้ทันที 2.สินค้าโครงสร้าง เช่น เหล็ก ปูน ลูกค้าสามารถสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อสั่งซื้อสินค้า 3.สินค้าที่บริษัทจำหน่ายให้ครบ แต่ลูกค้าต้องสั่งซื้อผ่านออนไลน์ โดยสามารถสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อสั่งซื้อสินค้าได้ ไทวัสดุ โมเดลใหม่ ช่วยลดต้นทุน-เข้าถึงกลุ่มลูกค้า นายสุทธิสาร กล่าวว่า การเปิดไทวัสดุ โมเดลใหม่ สาขาหนองจอก จะทำให้ลูกค้าเดินทางเข้าถึงสาขาได้ง่ายขึ้น เพราะใช้ระยะเวลาเดินทางไม่นาน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสาขาลดต่ำลง แม้ต้นทุนการลงทุนจะไม่ได้ลดลงก็ตาม   “เราอยากให้ลูกค้าเดินทางไม่นาน ไม่เกินชั่วโมง เดิมลูกค้าบางพื้นที่ในต่างจังหวัดต้องเดินทาง 3 ชั่วโมง เพราะสาขาอยู่ไกล”   แผนการขยายต่อไปในอนาคต บริษัทจะเน้นอำเภอขนาดเล็กลง  ซึ่งหากเป็นพื้นที่หลัก เช่นตัวจังหวัดหรืออำเภอเมือง จะใช้รูปแบบสาขาขนาดใหญ่  แต่หากเป็นอำเภอขนาดเล็ก จะใช้รูปแบบสาขาขนาดเล็ก และนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งกลยุทธ์การขยายสาขาจะช่วยสร้างการเติบโตของบริษัท   ไทวัสดุ โมเดลใหม่ ต้นแบบขยายสาขา ปัจจุบันบริษัทมีสาขาเปิดให้บริการรวมสาขาหนองจอก 50 สาขา ซึ่งปีนี้ขยายสาขาก่อนหน้าในรูปแบบขนาดใหญ่ไปแล้ว 4 สาขา ใช้งบลงทุนไปประมาณ​ 3,000 ล้านบาท ส่วนปี 2563 จะขยายสาขาเพิ่ม 7 สาขา แบ่งเป็นรูปแบบสาขาขนาดใหญ่ 5 สาขา และสาขาขนาดเล็กอีก 2 สาขา ซึ่งจะใช้ไทวัสด โมเดลใหม่ สาขาหนองจอก เป็นต้นแบบ โดยใช้งบลงทุน 3,500 ล้านบาท หรือประมาณ​สาขาละ 300 ล้านบาท รวมถึงมีแผนปรับปรุงสาขาเดิมด้วย   สำหรับภาพรวมธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและซ่อมแซม ในปีนี้ชะลอตัวกว่าปีที่ผ่านมา ยอดขายสินค้าของคู่แข่งส่วนใหญ่จะลดลงกว่าปีที่ผ่านมา  ส่วนผลประกอบการของไทวัสดุ มีอัตราการเติบโตโดยรวม 20% ซึ่งเป็นผลจากการขยายสาขาใหม่เพิ่ม ขณะที่ยอดขายของสาขาเดิมมีอัตราการเติบโต 8-10%  โดยคาดว่าภาพรวมตลาดในปีนี้อาจจะติดลบ 0.1% หรือหากสถานการณ์ฟื้นตัวดีขึ้น อาจจะเติบโตได้ในอัตรา 1%   “ในอดีตยอดขายเติบโต 20% ปัจจุบันเติบโตได้ถึง 10% ก็ถือว่าดีแล้ว ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ 15% จากยอดขายปีนี้น่าจะทำได้ 30,000 ล้านบาท”   ข่าวที่เกี่ยวข้อง ไทวัสดุ เขย่าตลาดวัสดุก่อสร้างปลายปี ทุ่ม 600 ล้านผุดสาขาที่ 43 บนถนนชัยพฤกษ์
9 วิธีรับมือเมื่อลูกโดนกลั่นแกล้งที่โรงเรียน  แก้ปัญหาการบลูลี

9 วิธีรับมือเมื่อลูกโดนกลั่นแกล้งที่โรงเรียน แก้ปัญหาการบลูลี

ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว หนึ่งในประเด็นร้อนแรงบนโลกโซเชียล ที่พูดถึงกันมากมาย คือ  เรื่องเด็กนักเรียนมัธยมถูกเพื่อนล้อเลียน จนนำมาซึ่งความโกรธแค้น จนถึงขั้นเกิดการฆาตกรรม เป็นเรื่องเศร้าเสียใจที่ไม่น่าเกิดขึ้นในสังคมไทย การรังแก กลั่นแกล้งในโรงเรียน หรือ การบูลลี (Bully) ได้กลายเป็นปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นในสังคมไทย จากสถิติของกรมสุขภาพจิต ชี้ว่า ในปี 2561 มีจำนวนนักเรียนไทยโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียนสูงถึง 600,000 คน หรือคิดเป็นอัตราส่วน 40% มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากญี่ปุ่น ปัจจุบันระดับความรุนแรงของพฤติกรรมการกลั่นแกล้งและปัญหาการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี ทุกฝ่ายจึงควรหันมาร่วมมือกันแก้ปัญหาการบลูลี   BDMS เสริมความรู้ผู้ปกครองแก้ปัญหาการบลูลี บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS จึงได้จัดกิจกรรมเพื่ออบรมให้ความรู้ แก่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครู ที่โรงเรียนทอสี  ในหัวข้อ “คำพูดสร้างสรรค์ สร้างสังคมน่าอยู่ ไม่บูลลี่ในเด็ก” เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562   เพื่อเป็นการสานต่อโครงการ “Shared Kindness คำพูดสร้างสรรค์ สร้างสังคมน่าอยู่” รณรงค์ลดการทำร้ายจิตใจผ่านคำพูด สนับสนุนการส่งต่อคำพูดสร้างสรรค์ในสังคมไทย  ปัญหาการล้อเลียนชื่อพ่อแม่ การเรียกชื่อสมมติหรือปมด้อยของเพื่อน การไม่ให้เข้าร่วมกลุ่มเล่น หรือทำกิจกรรมด้วยกัน และการตบหัวหรือการชกต่อยกัน พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครู บางท่านอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก หากเราไม่ไปสนใจเค้า  เราไม่ไปยุ่งกับเพื่อนที่แกล้งเรา เดี๋ยวเค้าก็จะเลิกยุ่งกับเราไปเอง   นายแพทย์กมล แสงทองศรีกมล ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการเด็ก โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า “ในมุมของผู้ใหญ่ เรามักจะมองว่าการกลั่นแกล้งกันในเด็ก เป็นเรื่องเด็กเล่นกัน  เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในมุมของเด็กที่ถูกกระทำ ถูกกลั่นแกล้งนั้น เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเขา เพราะเด็กต้องเจอกับปัญหาเดิมๆ ซ้ำๆ ทุกๆ วัน เราควรจะต้องทำความเข้าใจกันใหม่ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก และสามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจของเด็กได้ในระยะยาว ดังนั้น เราในฐานะพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครู จึงไม่ควรนิ่งเฉย ควรเฝ้าสังเกตพฤติกรรม อารมณ์ และดูแลเด็กๆ อย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที”   9 วิธีรับมือ แก้ปัญหาการบลูลี ก่อนจะสาย นายแพทย์กมล ได้ฝาก “เคล็ดไม่ลับ 9 วิธีรับมือ เมื่อเด็กๆถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน” เพื่อให้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูนำไปปรับใช้ เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลเด็กๆ ได้ต่อไป 1.ทำความเข้าใจว่าการกลั่นแกล้งคืออะไร การทำความใจว่าการกลั่นแกล้งคืออะไร คือสิ่งสำคัญ ที่ทำให้เราเข้าใจปัญหาของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำมากขึ้น แท้จริงแล้วการกลั่นแกล้งคือ  นิสัยที่เรียนรู้และเลียนแบบมาจากการเห็นหรือได้ยิน เช่น การพบเจอปัญหาคนในครอบครัวทะเลาะกัน หรือพบเจอคนในชุมชนด่าทอกันด้วยคำพูดหยาบคายทุกวัน จนมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ผู้กระทำบางราย อาจจะเป็นบุคคลที่ขาดความมั่นใจในตนเอง  อิจฉาริษยาผู้อื่น  รวมถึงผู้กระทำบางรายอาจจะเคยเป็นผู้ถูกกระทำมาก่อน   2.กล้าที่จะพูดหรือแสดงความไม่พอใจต่อผู้กระทำ หลายครั้งที่ปัญหาการกลั่นแกล้งเกิดขึ้นกับบุคคล บุคคลหนึ่งมาอย่างยาวนาน  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ถูกกระทำ ไม่กล้าที่จะพูด หรือแสดงความไม่พอใจออกมา ทำให้ผู้กระทำไม่รับรู้ว่าผู้ถูกกระทำนั้นมีความรู้สึกอย่างไร จึงกระทำการกลั่นแกล้งซ้ำๆ เพราะมองว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้  การแสดงออกหรือการพูดสื่อสารออกมาว่าผู้ถูกกระทำนั้นไม่พอใจ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้กระทำมีแนวโน้มที่จะกลั่นแกล้งลดน้อยลง หรือหยุดการกระทำนั้นๆ ลงได้  เนื่องจากผู้กระทำได้รับการตระหนักรู้ ถึงความรู้สึกของผู้ถูกกระทำว่า “ไม่พอใจ” และ “เสียใจ” ตลอดจนรับรู้ว่าการกระทำของตนนั้นสร้างผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำอย่างไรบ้าง   3.บอกเล่าการโดนกลั่นแกล้งกับพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือครู ส่วนใหญ่แล้ว ปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน เกิดจากการที่ผู้ถูกกระทำ ไม่ได้บอกเล่าเรื่องถูกกลั่นแกล้งให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและครูทราบ จึงทำให้ปัญหาการกลั่นแกล้งยังคงเกิดขึ้น และไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด ดังนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่ต้องสอนเด็กและลูกหลานของเรา “ไม่ให้เงียบ” , “เพิกเฉย” หรือ “ทนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” และ    จงกล้าที่จะบอกเล่าปัญหาของตนกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูที่โรงเรียน  เพราะปัญหาการถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนต้องได้รับความร่วมมือจากทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครู ต้องปรึกษาหารือกัน เพื่อหาวิธีการรับมือ และหาวิธีการแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน   4.การกลั่นแกล้งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทราบหรือไม่ว่า ในบางสถานการณ์ การกลั่นแกล้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากว่าผู้ถูกกระทำ ถูกกลั่นแกล้งทางร่างกายหรือทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูดด่าทอเชื้อชาติหรือเพศสภาพ ใช้กำลังและความรุนแรงรังแกผู้อื่น หรือแม้แต่การแชร์เรื่องส่วนตัวของผู้อื่นในอินเทอร์เน็ต ล้วนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น หากว่ามีการพบเจอการกลั่นแกล้งที่รุนแรงเช่นนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูสามารถรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป   5.อย่ามองว่าตัวเองเป็นปัญหา การมีอัตลักษณ์ที่ต่างจากผู้อื่น เช่น เพศสภาพ เชื้อชาติ รูปร่างหน้าตา ที่ต่างจากผู้อื่น ไม่ใช่ปัญหาของผู้ถูกกระทำเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะทัศนคติของผู้กระทำต่อผู้อื่นต่างหาก สิ่งที่สำคัญคือเราต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองของตนเองก่อนเป็นอันดับแรก หากลูกของคุณเป็นผู้ถูกกระทำ จงสอนเขาว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด และมันไม่ใช่ปัญหาของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวผู้กระทำเองทั้งสิ้น 6.มองหาวิธีจัดการกับความเครียด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การกลั่นแกล้งนั้นสามารถสร้างความเครียดให้แก้ผู้ถูกกระทำเป็นอย่างมาก นอกจากการบอกเล่าปัญหาต่อผู้ที่ไว้ใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พ่อแม่ หรือครูแล้ว ควรลองมองหากิจกรรมหรือสิ่งใหม่ๆ เช่น การออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง หรือออกไปเที่ยว เพื่อจัดการกับความเครียดของตนเอง และทำให้สภาพจิตใจไม่หมกมุ่นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น 7.อย่าแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว การอยู่คนเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาหรือทำให้เราจัดการกับการกลั่นแกล้งได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อยๆ การอยู่คนเดียวเงียบๆ จะทำให้ลดความมั่นใจและความภาคภูมิใจของผู้ถูกกระทำได้ ดังนั้น เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ผู้ปกครองและครู ที่จะคอยสอดส่อง ดูแล พฤติกรรม อรมณ์ของเด็กๆ และบุตรหลาน ไม่ให้ตกอยู่ในภาวะเงียบหรือปลีกตัวมาอยู่คนเดียว   8.ดูแลสุขภาพกายและใจของตนเองให้ดี สุขภาพคือสิ่งสำคัญที่เราควรใส่ใจ การกลั่นแกล้งนั้นสามารถสร้างบาดแผลและปมในใจให้กับผู้ถูกกระทำซึ่งสามารถส่งผลต่อสภาพร่างกาย เช่น การอดอาหาร เครียดจนนอนไม่หลับ เป็นต้น หากบุตรหลานของท่านได้รับการกลั่นแกล้งที่กระทบต่อสภาพร่างกายและจิตใจ ควรพาไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและจิตวิทยา เพื่อช่วยให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาได้อย่างดีและตรงจุด 9.มองหาบุคคลต้นแบบที่ดี การกลั่นแกล้ง ทำให้ผู้ถูกกระทำสับสนและไม่ชอบในตัวเอง หากว่าผู้ถูกกระทำมีบุคคลต้นแบบที่ดี จะสามารถทำให้เห็นได้ว่า มีอีกหลายคนที่เคยพบเจอกับปัญหาเดียวกัน แต่พวกเขาก็สามารถก้าวข้ามผ่านการโดนกลั่นแกล้งจนสามารถประสบความสำเร็จได้ การมีบุคคลต้นแบบที่ดีนั้น จะทำให้ผู้ถูกกระทำ มองเห็นคุณค่าของตัวเองและรักตัวเองมากขึ้น BDMS เชื่อมั่นว่า การที่จะสร้างแรงผลักดันให้เกิดสังคมน่าอยู่ได้ ต้องเกิดจากความร่วมมือกันในทุกภาคส่วน เริ่มต้นจากความร่วมมือในโรงเรียน ชุมชนเล็กๆ ของเด็กๆ ขยายวงกว้างออกไปสู่ความร่วมมือในสังคมไทย โดยเราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการ “Shared Kindness คำพูดสร้างสรรค์ สร้างสังคมน่าอยู่” จะสามารถสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจต่อคนในสังคม เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในสังคมไทยอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน      
รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 3 เดือนธันวาคม 2562

รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 3 เดือนธันวาคม 2562

รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 3 เดือนธันวาคม 2562  ใกล้ปีใหม่แล้ว เชื่อว่าหลายคนกำลังมองหาของขวัญ เพื่อมอบให้แก่คนพิเศษ หรือจับฉลากของขวัญปีใหม่ก็มีหลายงานอีเว้นท์ที่จัดขึ้นสำหรับสินค้าที่นำไปเป็นของขวัญได้หลายงานทีเดียวค่ะ หรือจะวางแผนไปเที่ยวรับลมหนาวก็น่าสนใจเช่นกัน   Commart Work 2019 ยกขบวนสินค้าไอทีชั้นนำ กว่า 100 ราย จัดโปรโมชั่นร้อนแรงส่งท้ายปี ภายใต้แนวคิด "Upgrade your ideas ไอทีเวิร์ค ไอเดียว้าว!" นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์ความพิเศษ เพื่อสร้างประสบการณ์ไอทีระดับมือโปรของการจัดงานครั้งนี้ อาทิ Work Smart Zone สัมผัสประสบการณ์ธนาคารแห่งอนาคตและโลกสังคมไร้เงินสด พร้อมกิจกรรม เกมสุดสนุกแบบ Interactive ของรางวัลมากมาย Top Tech & Trend 2020 รวบรวมเทคโนโลยีสุดล้ำจากทุกค่ายในงานเดียว Home electric Biggest Sales ช้อปสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากแบรนด์ชั้นนำ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ COMMART Big Bonus ช้อปครบทุก 3,000 บาท มีสิทธิร่วมลุ้นรับรางใหญ่ อาทิ รถยนต์ Suzuki Celerio   วัน เวลา : 19-22 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00–21.00 น. สถานที่ : EH 98-99 ไบเทค บางนา Thailand Siam Street Fest 2019 มหกรรมสตรีทโชว์สุดยิ่งใหญ่ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 กับนักแสดงสตรีทโชว์สุดว้าวจากทั่วโลก มารวมไว้ในใจกลางกรุงเทพตลอดทั้งงานจะได้พบกับนักแสดงสตรีทชาวไทย และนักแสดงระดับโลก อาทิ นักแสดงสตรีทโชว์ หุ่นเชิด, ละครใบ้, นักแสดงตลก, จักกลิ้ง, มายากล, กายกรรมผาดโผน รวมถึง รับสมัครนางแบบ, นายแบบ มาร่วมเดินสตรีทแฟชั่นโชว์แบบไทยๆ บน SIAM STREET RUNWAY ที่ยาวที่สุดเป็นครั้งแรก ณ ใจกลางสยาม งานนี้ชมฟรีตลอดงาน   วัน เวลา : 20-22 ธันวาคม 2562 เวลา 12.00-22.00 น. สถานที่ : สยามสแควร์ มหกรรมลดทะลุพิกัด ครั้งที่ 29 เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยกขบวนสินค้ามาให้ช้อปต้อนรับปีใหม่ ลดราคาสูงสุด 80% ด้วยสินค้าหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ กว่า 1,000,000 รายการ จากห้างสรรพสินค้าและร้านค้าชั้นนำภายในศูนย์การค้าเพื่อมาลดราคา อาทิ เครื่องเสียง - เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน ชุดเครื่องนอน เครื่องครัว เสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ชั้นนำ ทั้งผู้ชาย–ผู้หญิง อุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้า รองเท้า ทั้งแบรนด์ไทย แบรนด์ต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีโซนอาหารที่ขนมาให้ช้อปแบบเพลิดเพลินร่วมกับโปรโมชั่นจากบัตรเครดิตชั้นนำ และ สินค้า SUPER SHOCK PRICE ลดต่ำกว่าทุนทุกวัน เวลา 13.00 น. / 16.00 น. / 19.00 น.   วัน เวลา : 18-22 ธันวาคม 2562 สถานที่ : Hall 9-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี The Kin : Gift & Craft Village สินค้าน่ารัก ของขวัญ ของที่ระลึก และขนมมาให้เลือกกันแบบไม่ซ้ำใคร โดยเฉพาะงาน Design และ Craft สุดชิค พร้อมสนุกกับกิจกรรม workshops และของที่ระลึก D.I.Y. เพื่อเป็นของขวัญสำหรับคนพิเศษ   วัน เวลา : 18-24 ธันวาคม 2562 เวลา 9:30 - 16:30 น. สถานที่ : สามย่านมิตรทาวน์ Mega Gift Fest SALE เตรียมพบกับงาน Mega Gift Fest SALE up to 70% ช้อปของขวัญถูกใจผู้รับ หรือของตกแต่งให้เป็นของขวัญของตัวเองก็ได้ ขนทัพสินค้าน่ารักมากมายจาก Gift Wonderland / The Wonder Room / Moshi Moshi / Ravipa Jewelry / Botanique / Robinson   วัน เวลา : 20 ธันวาคม 2562-5 มกราคม 2563 เวลา 10.00-21.00 น. สถานที่ : เมกา บางนา มาหา(อะ)ลัย ขายของ ครั้งที่ 5 งานเดียวที่คุณจะได้ช้อป เล่น เต้น และชิล พร้อมกระทบไหล่เน็ตไอดอลทุกวัน พบตลาดนัดนักศึกษากว่า 50 ร้านค้า จาก 22 มหาวิทยาลัย พร้อมกิจกรรมสาธิตสุดเก๋ และสิทธิพิเศษอีกมากมายจาก MBK Application   วัน เวลา : 21-22 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00-20.00 น. สถานที่ : ชั้น G Avenuen โซน A MBK Center Pet Christmas Party by mhatidtiew พบกับ 5 โซนร้านค้าที่รวบรวมสินค้า ของใช้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะน้องหมา หรือน้องแมวไว้ครบครัน ให้เหล่าทาสทั้งหลายได้มาช็อปเอาไปปรนเปรอเจ้านายที่บ้านอย่างจุใจ และสนุกกับกิจกรรม workshop &​diy ประดิษฐ์ของน่ารักๆให้สัตว์เลี้ยงของคุณ   วัน เวลา : 16-22 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00-21.00 น. สถานที่ : เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 6 แอ่วดอยม่วนใจ๋ สนุกได้ทั้งครอบครัว เทศกาลแห่งความสุขของครอบครัว บนถนนคนเดินที่สูงที่สุดในประเทศไทย เพลิดเพลินไปกับ “ตัวโต” สุดอาร์ตที่รังสรรค์ขึ้นมาพิเศษจากศิลปินชื่อดัง อิ่มอร่อยไปกับอาหารนานาชาติ ทั้งอาหารชนเผ่าจากฝีมือคนท้องถิ่น จนไปถึงอาหารฟิวชั่นฝีมือเชฟดอยตุง กิจกรรมมที่จัดมาเพื่อสายแอดเวนเจอร์ สาย DIY ไปจนถึงความสนุกของการละเล่น และวัฒนธรรมที่หลากหลาย ของทั้ง 6 ชนเผ่าบนดอยตุง และช้อปสินค้าคุณภาพจากฝีมือคนในพื้นที่   วัน เวลา : 4 ธันวาคม 2562-12 มกราคม 2563 เวลา 08.00 - 18.00 น. สถานที่ : โครงการพัฒนาดอยตุงฯ อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย   มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2019 มหกรรมไม้ดอกที่ยิ่งใหญ่ พร้อมให้คุณสัมผัสกับอุทยานไม้ดอกไม้ประดับ สวยงามหลากหลายสายพันธุ์ และสวนกุหลาบแบบอังกฤษสไตล์ ตราตรึงกับอุทยานกล้วยไม้นานาพันธุ์ ตื่นตาไปกับการจัดแสดงภาพวาดบนผืนผ้าใบที่จะทอดยาวขนาดลำน้ำตกความยาวกว่า 100 เมตร พร้อมพบมิติใหม่แห่งงานศิลปะกลางสวนไม้ดอกเมืองหนาว และชิม ชม ช้อป บนเส้นทางถนนคนเดิน พร้อมการจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์ชุมชนเชียงรายขายดี    วัน เวลา : 25 ธันวาคม 2562-12 มกราคม 2563 สถานที่ : สวนไม้งามริมน้ำกก ศูนย์ราชการฝั่งหมิ่น จังหวัดเชียงราย    
เปิด 6 ไฮไลท์ “ปอร์โต เดอ ภูเก็ต” ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง มอลล์ 1,500 ล.กลุ่มเซ็นทรัล

เปิด 6 ไฮไลท์ “ปอร์โต เดอ ภูเก็ต” ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง มอลล์ 1,500 ล.กลุ่มเซ็นทรัล

กลุ่มเซ็นทรัล ทุ่มงบ 1,500 ล้าน ปั้นโปรเจ็กต์ “ปอร์โต เดอ ภูเก็ต” ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง มอลล์ แห่งใหม่ในจังหวัดภูเก็ต ตั้งเป้าดึงคนเข้าใช้ปีละกว่า 3 ล้านราย   จังหวัดภูเก็ตถือเป็นจังหวัดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลก จากผลสำรวจ พบว่า เป็นเมืองยอดนิยมติดอันดับที่ 14  จาก 200 เมืองยอดนิยมทั่วโลก จากผลสำรวจของ Mastercard Global Destination Cities Index 2019  โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนภูเก็ตมากที่สุด 3 อันดับ คือ จีน รัสเซีย และเยอรมัน จังหวัดภูเก็ตจึงกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญอันดับต้นๆ ของไทย มีดีเวลลอปเปอร์เข้าไปพัฒนาโครงการจำนวนมากมาย ล่าสุด กลุ่มเซ็นทรัลได้ทุ่มงบกว่า 1,500 ล้านบาท  พัฒนาไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง มอลล์ (Lifestyle Shopping Mall) ภายใต้โครงการ “ปอร์โต เดอ ภูเก็ต" (Porto de Phuket) บนพื้นที่โครงการกว่า 40,000 ตารางเมตร ภายใต้คอนเซปต์ “ที่สุดแห่งประสบการณ์การใช้ชีวิต” (The Finest Living Experience)   สำหรับไฮไลต์ของ ปอร์โต เดอ ภูเก็ต มี 6 โซนสำคัญ ได้แก่    1.เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ (Central Food Hall) ในรูปแบบ Stand Alone ด้านนอกศูนย์การค้าแห่งแรกของเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ สุดยอดฟู้ดสโตร์ที่ดีที่สุดในเอเชีย กับหลากหลายโซนที่พร้อมให้บริการ ทั้งอาหาร เบเกอรี่ และ Cheese Room ที่แรกในจังหวัดภูเก็ต 2.เดอะ เฟม (The Fame – Restaurant and Café Zone) รวบรวมร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดังเอาใจเหล่าฮิปสเตอร์และสายชิล ทั้งร้านสวย (SUAY) อาหารฟิวชั่น ไทย-ตะวันตก โดยเชฟกระทะเหล็ก การันดีด้วยรางวัลมิชลิน ไกด์, ร้านตู้กับข้าว อาหารใต้ชื่อดังของจังหวัดภูเก็ต, จำปา ร้านอาหารออแกนิก ที่แตกไลน์มาจาก PRU ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาวแห่งเดียวในจังหวัดภูเก็ต   3.มัลติดีไซน์ เฮ้าส์ (Multi Design House) แหล่งรวบรวมสินค้าเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ที่มีตั้งแต่ของแต่งบ้านจาก Indoor  ถึง Outdoor อาทิ ของแต่งบ้านสุดวินเทจ จากแบรนด์ Soul of Asia และร่วมชมผลงานศิลปะเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จากศิลปินท้องถิ่นชื่อดัง คุณสุนทร พาพาน แห่ง  Napas Art Gallery, บีทูเอส (B2S) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Think Space และ  ซูเปอร์สปอร์ต (Supersports) ฟอร์แมตพิเศษที่มีการทดลองวิ่งกับ Run Lab ที่ท่านสามารถทดลองรองเท้าวิ่งที่เหมาะกับคุณได้ทันที   4.เฮลตี้  เฮเว่น (Healthy Heaven)   ผ่อนคลายกับการนวดและสปาจากธรรมชาติบำบัดที่สปาชั้นนำ เช่น Let’s Relax ที่มีสปาแกลเลอรี่แห่งแรกของโลกและในจังหวัดภูเก็ต, นอกจากนี้ยังมีโซนเสริมความงาน จากร้านชื่อดังของภูเก็ต อาทิ Devadiva   5.เพท เฟรนด์ลี่โซน (Pet Friendly Zone) พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงให้ได้วิ่งเล่น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก จาก Phuket International Pet Care (PIPC) ทั้งคลินิกรักษาสัตว์, เพ็ทช็อป, กรูมมิ่ง และจุดรับ-ส่งน้องหมาน้องแมว   6.คิด เลิร์นนิ่ง สเปซ (Kid Learning Space) แหล่งพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กๆ ที่จะสนุกสนานกับเครื่องเล่นเสริมสร้างทักษะ   นายพงศ์ ศกุนตนาค กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายพัฒนาธุรกิจ กลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า  โครงการปอร์โต เดอ ภูเก็ต เป็นศูนย์การค้าที่ฉีกกฏของไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง มอลล์  ที่ผสมผสานดีไซน์ ไลฟ์สไตล์และพื้นที่ธรรมชาติอย่างลงตัว  ด้วยพื้นที่สีเขียวคิดเป็น 2 ใน 3 ส่วนของโครงการ ตกแต่งด้วยสไตล์ “คอนเทมโพรารี่ แวร์เฮ้าส์” (Contemporary Warehouse) โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด ด้วยการรักษาต้นไม้ในพื้นที่เดิมให้มากที่สุด ตอบสนองทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของคนทุกช่วงวัย   “ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เป็นกลุ่มคนในพื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูง และชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตทำงานในภูเก็ต ที่พักอาศัยบริเวณนี้ รวม 65 % และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35% โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการศูนย์ 10,000-13,000 คนต่อวัน ในช่วงไฮซีซั่นนี้ และอย่างน้อย 3 ล้านคนต่อปี”   นอกเหนือจาก 6 ไฮไลท์สำคัญที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว  ในช่วงต้นปี 2563 จะเปิดอีกหนึ่งโซนไฮไลท์ คือ  เดอะ เมอร์คาโด้ (The Mercado) ฟู้ดเดสติเนชั่น ที่จำลองบรรยากาศเหมืองแร่โบราณผสมผสานกับสถาปัตยกรรมสไตล์ ซิโน-โปรตุกิส (Sino-Portuguese)  และยังจะพัฒนาโครงการในเฟส 2 ช่วงปลายปี 2563 ที่จะเพิ่มการให้บริการต่างๆ  อาทิ อาทิ โรงภาพยนตร์ , ฟิตเนส, Indoor Playground, Edutainment รวมถึง Art Home and Decorative      
รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 2 เดือนธันวาคม 2562

รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 2 เดือนธันวาคม 2562

เสาร์-อาทิตย์ นี้มีอีเว้นท์มาฝากกันเช่นเคยค่ะ โดยเฉพาะอีเว้นท์สำหรับคนรักดนตรีและหนังสือ มีงานดีๆ ให้เลือกไปเดินเพียบ ทั้งใจกลางเมืองไปจนถึงนอกเมือง วางแผนการเดินทางกันดีๆ นะคะ จะได้ไม่พลาดงานโปรด    Thailand Street Wonder เนรมิตถนนสีลมให้กลายเป็นถนนคนเดิน ตามคอนเซ็ปสนุก สุข สบาย สไตล์ถนนคนเพลิน เดิน ชิลล์ จัดเต็มด้วยกิจกรรม 5 โซน ได้แก่ - ถนนเด็กศิลป์ (Art & Craft Street) - ถนนชวนชิมอิ่มอร่อย (Food Street) - ถนนชวนซื้อของดีของไทย (OTOP Thai Street) - ถนนเด็กเล่น (Young Steet) - ถนนคนวัยเก๋า (Young At Heart Street)   วัน เวลา : 15, 22, 29 ธันวาคม 2562 เวลา 12.00-24.00 น. สถานที่ : ถนนสีลม Coca-Cola presents Siam Music Fest 2019 งานดนตรีสุดยิ่งใหญ่ใจกลางเมือง ยกมาถึง 6 เวทีคอนเสิร์ต กระจายอยู่ทั่วสยามแสควร์ พร้อมทัพศิลปินกว่า 80 วง มาร่วมสร้างสีสันให้อัดแน่นเต็มพื้นที่สยามสแควร์ ฟังเพลงกันได้แบบจุใจ และอิ่มอร่อยไปกับโซนอาหารในงานได้ตลอดทั้งวัน งานนี้ฟรี! ตลอดทั้ง 2 วัน   วัน เวลา : 14-15 ธันวาคม 2562 สถานที่ : สยามแสควร์ Bonjour France 2019 ตลาดคริสต์มาสจากแบรนด์ดังสัญชาติฝรั่งเศส กว่า 60 แบรนด์แห่งเดียวในไทยใจกลางกรุง ทั้ง 3 โซนด้วยกัน ได้แก่ Fashion hall (1st FL.), Lifestyle hall (2nd FL.) และลาน Parc Paragon พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรม Lucky Draw รวมของรางวัลมูลค่ากว่า 300,000 บาท!   วัน เวลา : 12-15 ธันวาคม 2562 สถานที่ : สยามพารากอน Music at the Museum 2019  ต้อนรับปีใหม่ ในเทศกาล “Music at the Museum 2019” งานดนตรีในสวน รายล้อมด้วยแสงสี และนิทรรศการสุดยิ่งใหญ่ มอบความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผ่านนิทรรศการทั้ง 7 โซน ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งเปิดให้เข้าชมยามค่ำคืนเฉพาะช่วงเวลางานเท่านั้น สุดยอดความอลังการในเมืองแห่งสีสัน Neon City พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศดนตรีในสวนจากศิลปินชื่อดัง เต็มอิ่มกับอาหารคาวหวานทานอร่อยจากคาราวาน Food Trucks และร้านค้าชุมชน   วัน เวลา : 12-14 ธันวาคม 2562 เวลา 16.00-22.00 น. สถานที่ : ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง เชิงสะพานพระราม 7 นนทบุรี   Jim Thompson Grand Sale 2019 จิม ทอมป์สัน พาเหรดสินค้าลดราคามากกว่า 90% กับงานเซลล์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของปี! ช้อปของขวัญให้ตัวคุณเองและคนที่คุณรักด้วยสินค้าหลากหลายจากจิม ทอมป์สัน รวมถึงผลิตภัณฑ์คัดสรรพิเศษจากจิม ทอมป์สัน ฟาร์ม และอีกมากมาย   วัน เวลา : 13-15 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00-17.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 106 ไบเทค บางนา OTOP CITY 2019 สุดยอดเทศกาลช้อปแห่งปี OTOP City 2019 ภายใต้แนวคิด “เทศกาลของขวัญปีใหม่ ของฝากถูกใจ ผลิตภัณฑ์ทั่วไทยรวมไว้ใน OTOP City 2019” ร่วมฉลองปีใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจไทย พบกับคาราวานของขวัญและสินค้า OTOP กว่า 2 หมื่นรายการ จาก 77 จังหวัด นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษอื่นๆ มากมาย อาทิ ซนหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP, โซนตัดเย็บเสื้อผ้า ให้บริการตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปในงาน, การแสดงศิลปะพื้นบ้าน, มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง กิจกรรมจับรางวัลชิงโชค ลุ้นรับรางวัลสร้อยคอทองคำ ฯลฯ   วัน เวลา : 15-23 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00-21.00 น. สถานที่ : อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี นิทานในสวน ปีที่ 15 “มหัศจรรย์หนังสือนิทานทะลุมิติ” เนรมิตสวนสาธารณะสีเขียวใจกลางกรุงให้กลายเป็นโรงละครนิทานสุดแฟนตาซี ร่วมปลุกเหล่าตัวละครในจินตนาการให้ออกมาโลดแล่น พร้อมพาน้อง ๆ เรียนรู้เรื่องราวของหนังสือนิทานผ่านกิจกรรมสุดสนุกในหลากหลายมิติ ครั้งที่ 1 วันที่ 14 ธันวาคม 2562 เวลา 16.00–18.00 น. ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) พบกับ คุณนุ่น Afternoonz ณัชชานันท์ พีระณรงค์ ครั้งที่ 2 วันที่ 21 ธันวาคม 2562 เวลา 16.00–18.00 น. ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) พบกับ น้าเมฆ ธนะชัย สุนทรเวช ครั้งที่ 3 วันที่ 11 มกราคม 2563 เวลา 16.00–18.00 น. ณ สวนหลวง ร.9 พบกับ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ครั้งที่ 4 วันที่ 18 มกราคม 2563 เวลา 16.00–18.00 น. ณ สวนหลวง ร.9 พบกับ ครูชีวัน วิสาสะ และน้านิต ผึ้งน้อย   วัน เวลา : 14 ธันวาคม 2562-18 มกราคม 2563 เวลา 16.00-18.00 น. สถานที่ : สวนรถไฟ, สวนหลวง ร.9 นายอินทร์สนามอ่านเล่น ครั้งที่ 4 ต้อนรับโค้งสุดท้ายช้อปช่วยชาติ ร่วมเปิดประสบการณ์ความสุขกับหนังสือเล่มโปรดส่งท้ายปีในราคาพิเศษ ลดสูงสุด 70% พร้อมเปิดสนามอ่านสนุก ไปกับอาหารอร่อย ดนตรีเพลินๆ พบนักเขียน ดาราชื่อดัง และกิจกรรมแสนสนุกจุใจไปกับหนังสือกว่าล้านเล่ม จากกว่า 200 สำนักพิมพ์ และพิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะปีนี้ “บุ๊คบุฟเฟ่ต์” ยิ่งใหญ่ อลังกาลกว่าเดิม ด้วยหนังสือมากขึ้น หลากหลายสำนักพิมพ์มากขึ้น ยิ่งใหญ่มากขึ้น แต่ยังหยิบได้ไม่อั้น  ในราคาเดิม เพียง 199 บาท ขอรับใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบเพื่อนำไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 15,000 บาท   วัน เวลา : 11-15 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00-22.00 น. สถานที่ : แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มักกะสัน   ซีเอ็ดเปิดคลังลดกระหน่ำ ครั้งที่ 5 ซีเอ็ดเปิดบ้านครั้งที่ 5 พบกับสำนักพิมพ์ ซีเอ็ด นายอินทร์ นานมีบุ๊คส์ ไอดีซี อีคิวพลัส เนชั่น สถาพร ห้องเรียน โซฟา แจ่มใส พาสเอ็ดดูเคชั่น แสงแดด D–Plus Booktime เคล็ดไทย Pincall Toy MIS และอีกมากมาย มีโปรโมชั่นมากมาย อาทิ ลดกระหน่ำสูงสุด 90% ทั้งหนังสือไทย และต่างประเทศ หนังสือราคา ONE PRICE เริ่มต้นที่ 10 บาท สินค้า Gift Shop ลด 70% หนังสือ Shock Sale 7 เล่ม 59 บาท ฯลฯ   วัน เวลา : 13-22 ธันวาคม 2562 เวลา 9.00-20.00 น. พิเศษ ศุกร์–เสาร์ ปิด 21.00 น. สถานที่ : คลังซีเอ็ด ถ.เทพรัตน (บางนา-ตราด) กม.21 (ฝั่งขาออก)    
ทำความรู้จัก OYO เชนโรงแรมอันดับ 2 ของโลก บุกตลาดไทยไม่ถึงปีมีที่พักกว่า 8,000 ห้อง

ทำความรู้จัก OYO เชนโรงแรมอันดับ 2 ของโลก บุกตลาดไทยไม่ถึงปีมีที่พักกว่า 8,000 ห้อง

เมืองไทย ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดหมายทางด้านการท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบของนักเดินทางทั่วโลก เพราะมีสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของนักเดินทางและนักท่องเที่ยวครบ ที่สำคัญยังมีความหลากหลาย ตั้งแต่ตลาดแมสไปจนถึงระดับลักชัวรี่ เมืองไทยมีครบทั้งหมด   ในเรื่องของโรงแรมที่พัก เมืองไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก มีเชนโรงแรมลักชัวรี่ระดับโลก เข้ามาให้บริการในเมืองไทยมากมายหลายเชน หรือจะเป็นกลุ่มตลาดบัดเจ็ทโฮเทล แบบราคาสบายกระเป๋าก็มีให้เลือกมากมาย  เมืองไทยจึงไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเท่านั้น  แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักธุรกิจ และนักลงทุนด้านการท่องเที่ยวมากมาย เลือกเข้ามาทำธุรกิจแสวงหาโอกาสสร้างรายได้และกำไร   โอโย โฮเทลส์ แอนด์ โฮมส์ (OYO Hotels & Homes) เครือข่ายธุรกิจโรงแรม บ้านพัก คอนโดมิเนียม และพื้นที่สำนักงานที่ใหญ่เป็นลำดับ 2 ของโลก ก็ไม่พลาดโอกาสเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเช่นกัน โดยเริ่มเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยในช่วงปีที่ผ่านมา เพียงระยะเวลาไม่ถึงปี สามารถสร้างเครือข่ายห้องพักได้กว่า 8,000 ห้อง จาก 250 โรงแรม ใน 13 จังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และหัวหิน   ถือได้ว่าเป็นเชนโรงแรมที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็ว และน่าจับตามองเป็นอย่างมาก และนี่คือ 5 เรื่องที่จะทำให้รู้จักเชนโรงแรมนี้ได้มากขึ้น 1.โอโย โฮเทลส์ แอนด์ โฮมส์ แบรนด์โรงแรมจากประเทศอินเดีย ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการในปี 2556 ในอินเดีย ก่อนขยายธุรกิจออกไปในตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันเป็นเครือข่ายเครือข่ายธุรกิจโรงแรม บ้านพัก คอนโดมิเนียม และพื้นที่สำนักงานที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก พอร์ตโฟลิโอของโอโยรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบด้วยโรงแรมมากกว่า 35,000 แห่ง รวมห้องพักกว่า 1.2 ล้านห้อง 2.โอโย โฮเทลส์ แอนด์โฮมส์ ไม่ได้ทำแค่ธุรกิจโรงแรม แต่ยังมีบ้านพักตากอากาศให้บริการกว่า 125,000 หลัง ทั่วโลก ภายใต้แบรนด์ OYO Homes, Belvilla, Danland, Dancenter และแบรนด์ Traum-Ferienwohnungen จากประเทศเยอรมนี ในกว่า 800 เมืองใน 80 ประเทศทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป สหราชอาณาจักร อินเดีย มาเลเซีย ตะวันออกกลาง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น 3.รูปแบบการดำเนินธุรกิจ มี 2 โมเดลหลัก ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน คือ 1.การบริหารด้วยแฟรนไชส์ ซึ่งตลาดในประเทศไทยปัจจุบันยังเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ 100% และ 2.การร่วมลงทุนกับเจ้าของโรงแรม โดยโอโย โฮเทลส์ฯ ทำการตลาด เป็นเจ้าของแบรนด์ และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหาร ร่วมกับเจ้าของโรงแรม 4.ประเทศไทยเป็นประเทศลำดับที่ 5 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เข้ามาทำตลาด ก่อนหน้านี้ทำตลาดในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลลิปปินส์ และเวียดนาม มีจำนวนโรงแรมรวมกว่า 2,500 แห่ง 5.สาเหตุที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เนื่องจากมองเห็นศักยภาพการเติบโตของตลาดโรงแรม ซึ่งมีขนาดตลาดใหญ่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยปัจจุบันมีฐานโรงแรมกลุ่มบัดเจ็ทประมาณ​ 30,000-50,000 แห่ง รวมกว่า 1 ล้านห้อง     นายมัณดา ไวดิย่า ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง โอโย โฮเทลส์ฯ เปิดเผยว่า การขยายพอร์ตโฟลิโอของบริษัท โดยการเปิดให้บริการในประเทศไทย บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะมีเครือข่ายห้องพักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวม 2 ล้านห้อง ภายในปี 2568 3 กลยุทธ์สร้างเครือข่ายและการเติบโต การขยายเครือข่ายโรงแรมออกไปทั่วโลกได้จำนวน เพียงใช้ระยะเวลาแค่ 6 ปี และก้าวขึ้นมาเป็นเชนโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักมากเป็นอันดับ 2 ของโลกได้นั้น เป็นเพราะการใช้กลยุทธ์สำคัญ 3 เรื่อง เป็นคีย์ซัคเซส คือ 1.Business Model ที่ใช้เหมือนกันทั่วโลก โดยเฉพาะการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับเจ้าของโรงแรม ที่ได้เข้าร่วมธุรกิจด้วยกัน ขณะที่การเซ็นสัญญาใช้แบรนด์ของกลุ่มโอโย โฮเทลส์ฯ จะยืดหยุ่น โดยปกติจะเซ็นสัญญาระยะยาว 10-15 ปี แต่เจ้าของโรงแรมสามารถเริ่มต้นเซ็นสัญญาได้ตั้งแต่ 1-5 ปี 2.Branding แม้ว่าแบรนด์โอโย โฮเทลส์ฯ จะเพิ่งเข้ามาในตลาดเพียงระยะเวลาประมาณ 6 ปี แต่บริษัทมีแนวทางสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้เครือข่ายของโรงแรมที่มีทั่วโลก สร้างแบรนด์ระหว่างกลุ่มลูกค้าระหว่างกันดัวย โดยปัจจุบันแบรนด์โอโย โฮเทลส์ฯ เป็นที่รู้จักอันดับ 1 ในตลาดจีนและญี่ปุ่น 3.Knowlage & Investment การใช้เทคโนโลยี และฐานข้อมูลเข้ามาวางแผนการทำตลาด ให้ยืดหยุ่นตามสภาพตลาดและแต่ละพื้นที่ ขณะเดียวกันมีการลงทุนร่วมกับเจ้าของโรงแรม เพื่อพัฒนาโรงแรมให้ตอบสนองความต้องการของตลาดในแต่ละพื้นที่ได้อย่างตรงจุด     ถือเป็นอีกหนึ่งเชนโรงแรม ที่คงเข้ามาสร้างสีสันและขยายตลาดการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ที่คาดว่าจะมีเข้ามามากกว่า 2 ล้านคนในปีนี้ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ที่เคยเดินทางไปพักเครือโรงแรมโอโย โฮเทลส์ฯ มาแล้ว
[PR News] NOSTRA MAP จัดทำแผนที่ฟรี  เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน เข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

[PR News] NOSTRA MAP จัดทำแผนที่ฟรี เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน เข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

นอสตร้า แมพ (NOSTRA Map) แอพพลิเคชันแผนที่นำทาง โดย บริษัท โกลบเทค จำกัด จัดทำแผนที่พิเศษ อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่สนใจในการเดินทางไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการชื่นชมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ เพียงเปิดกดแอพ NOSTRA Map ได้ฟรี เรียลไทม์ 24 ชม.   นายวิชัย แสงหิรัญวัฒนา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลบเทค จำกัด เปิดเผยว่า ทาง NOSTRA Map ได้จัดทำแผนที่แสดง จุดเฝ้ารับเสด็จ จุดคัดกรอง จุดพื้นที่แก้มลิง จุดบริการ Shuttle bus จุดบริการจุดจอดรถ และเส้นทางปิดถนน ดูง่ายผ่านแอพฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มีความประสงค์จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการชื่นชมการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในวันที่ 12 ธันวาคม 2562 โดยริ้วขบวนจะเริ่มจากท่าวาสุกรีไปยังท่าราชวรดิฐ เป็นระยะทาง 3.4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที เพื่อชื่นชมความงดงามของประวัติศาสตร์ของไทยที่มีมายาวนาน   เพื่อให้ประชาชนเตรียมความพร้อม และวางแผนการเดินทางในวันที่ 12 ธันวาคม 2562 สามารถใช้งานแอพฯ แผนที่ NOSTRA Map ได้ง่ายและสะดวก เพียงเลือกชั้นข้อมูล 2 ส่วน ดังนี้  “จุดอำนวยความสะดวกงานพระราชพิธีฯ 12 ธันวา”   หรือกดแผนที่ NOSTRA Map ซึ่งรายละเอียดแผนที่อำนวยความสะดวก ประกอบด้วย 1.จุดเฝ้ารับเสด็จ แสดงพื้นที่ 6 จุดที่ประชาชนสามารถร่วมรับเสด็จในการพระราชดำเนินฯ ครั้งนี้อย่างใกล้ชิด 2.จุดคัดกรอง รอบบริเวณพื้นที่ทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี จำนวน 19 จุด โดยจุดคัดกรองจะเป็นจุดที่ประชาชนจะสามารถเดินทางเข้าสู่พื้นที่บริเวณจัดงานได้ 3.จุดพื้นที่แก้มลิง จุดให้บริการประชาชนด้านอาหารเครื่องดื่ม ด้านการแพทย์ และพักรอเพื่อเข้าสู่พื้นที่รับเสด็จต่อไป 4.จุดบริการ Shuttle bus รถ Shuttle bus ให้บริการกับประชาชน จำนวน 9 จุดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเข้าพื้นที่งาน 5.จุดบริการจุดจอดรถ สำหรับประชาชนที่จะเข้าร่วมงานสามารถไปจอดรถตามจุดที่กำหนดไว้ซึ่งสามารถรองรับรถได้ถึง 18,200 คัน 6.แผนที่แสดงการปิดถนน เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทาง พร้อมเส้นทางแนะนำสำหรับประชาชน “แผนที่แสดงข้อมูลการปิดถนน” หรือกดแผนที่ปิดถนนงานพระราชพิธี 12 ธันวาฯ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในส่วนของการจราจรในบริเวณโดยรอบ   ประชาชนที่สนใจแผนที่ดังกล่าว สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชันแผนที่ และใช้งานได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้ ทั้งบน App Store และ Google Play   นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลการเดินทาง การปฏิบัติตน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการชื่นชมงานพระราชพิธี โดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลอื่น ๆ ดังกล่าวเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 1-8 ธันวาคม 2562

สรุปข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ วันที่ 1-8 ธันวาคม 2562

หลังจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการ “บ้านดีมีดาวน์”  ในวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา  ด้วยการสนับสนุนเงินแคชแบ็ค (Cash Back) เพื่อลดภาระผ่อนดาวน์ จำนวน 50,000 บาท ให้แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการได้     โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.บ้านดีมีดาวน์.com  ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2562 เวลา 8.00 น. จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563  และจะต้องได้รับการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินและจดจำนองตั้งแต่วันที่27 พฤศจิกายน 2562 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563   โอกาสดีๆ แบบนี้ บรรดาดีเวลลอปเปอร์ ทั้งค่ายเล็กค่ายน้อย ย่อมไม่พลาดโอกาส ใช้เป็นจังหวะที่ดีในการจัดแคมเปญการตลาด กระตุ้นยอดขาย โดยขนบ้านและคอนโดมิเนียมในสต็อกออกมาร่วมแคมเปญกันแทบทุกราย อาทิ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ขน 9 โครงการ 370 ยูนิต มูลค่า 830 ล้านบาท ทั้งบ้านและคอนโดฯ มาจัดแคมเปญร่วมกับโครงการบ้านดีมีดาวน์ และแอล.พี.เอ็น.ฯ ยังเติมเงินให้อีก 50,000 บาท (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   บริษัท มั่นคง เคหะการ จำกัด (มหาชน) ก็ขานรับนโยบาย คัดโครงการทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยว 10 โครงการ กว่า 300 ยูนิต เข้าร่วม แถมด้วยสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ  ฟรีค่ามิเตอร์น้ำ – มิเตอร์ไฟ, ฟรีค่าส่วนกลาง 3 ปี, เฟอร์นิเจอร์ห้องนอนใหญ่ 1 ชุด, เครื่องปรับอากาศห้องนอนใหญ่ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอีก  5 รายการ เป็นต้น (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   นอกเหนือจากความเคลื่อนไหว การจัดแคมเปญของดีเวลลอปเปอร์ กับโครงการภาครัฐแล้ว ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาวงการอสังหาริมทรัพย์ มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง มาอัพเดทกันได้เลย   “ซิซซา” ลุยอสังหาฯ เพื่อการลงทุน การันตีผลตอบแทน 6% วินแดม โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จับมือพันธมิตร ซิซซา กรุ๊ป  รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ภายใต้แบรนด์ “วินแดม แกรนด์” (Wyndham Grand) เน้นเจาะตลาดพรีเมียม ด้วยสินค้าระดับลักซูรี่ ตามหัวเมืองท่องเที่ยว พร้อมยกระดับโครงการ “วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต”     นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด  เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลง แต่อสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตกลับยังมีความต้องการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ รวมถึงคนไทยที่เข้ามาซื้อในลักษณะเพื่อการลงทุน จนทำให้ตลาดอสังหาฯในรูปแบบการการันตีผลตอบแทน หรือ Investment Property มีความต้องการสูงเห็นได้จากจำนวนโครงการแบบ Investment Property ที่เพิ่มมากขึ้นในจังหวัดภูเก็ต   ในระยะหลายปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการในภูเก็ตจึงหันมาพัฒนาสินค้าในลักษณะ Investment Property จำนวนมาก จนทำให้การแข่งขันสูง และซิซซา กรุ๊ป ได้เล็งเห็นทิศทางของตลาด จึงได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ WYNDHAM Hotels and Resorts ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมรีสอร์ทที่มีจำนวนสาขาในเครือมากที่สุดของโลก ที่จะพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในตลาดระดับบน และโครงการล่าสุดของบริษัทก็ได้รับการยกระดับขึ้นเป็น วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต (WYNDHAM Grand Nai Harn Beach Phuket)  (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   “ฮาบิแทท กรุ๊ป” ปั้นโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส 4,500 ล้าน   “ฮาบิแทท กรุ๊ป” เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มุ่งเน้นทำตลาด อสังหาฯ เพื่อการลงทุน โดยมองแนวโน้มตลาดในปีหน้าว่ายัง เติบโตแต่ไม่หวือหวา ซึ่งแผนธุรกิจของบริษัทในปีหน้า ยังคงชูกลยุทธ์  "ไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์” พร้อมกับเตรียมเปิดโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส 4,500 ล้าน  นอกจากนั้นยังมุ่งหน้าทำตลาดในต่างประเทศ  ด้วยการผนึกพันธมิตร ลีสต์ กรุ๊ป ญี่ปุ่น รุกขยายตลาดใหม่จับลูกค้าต่างชาติเพิ่ม ทั้ง ญี่ปุ่น ไต้หวัน ตะวันออกกลางและยุโรป ทดแทนตลาดจีน และฮ่องกง     นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2563 คาดว่าจะไม่เติบโตจากปีนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2562  ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจ และค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทำให้กำลังซื้อได้รับผลกระทบ ขณะที่ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ธนาคารยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากกว่าระดับปกติ และยังมีปัจจัยเรื่องนโยบายการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV)   แม้จะมีปัจจัยบวกอยู่บ้างจากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นตลาด ประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอน และการจดจำนองให้เหลือเพียง 0.01% ของราคาประเมินไปจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 และยังมีโครงการบ้านดีมีดาวน์ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ แต่ภาพรวมตลาดอสังหาฯ น่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว หรือใกล้เคียงกับปี 2562 (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   เสนาฯ​ เลื่อน9โปรเจ็กต์หมื่นล้านเปิดตัวปี63 ปีนี้สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ไม่เอื้ออำนวยให้ดีเวลลอปเปอร์รุกตลาดมากนัก จากช่วงต้นปีที่ได้ประกาศธุรกิจ พอเอาเข้าจริงกลับไม่เป็นไปตามแผน หลายๆ บริษัทปรับแผนธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดในปัจจุบัน อย่างเสนาฯ เลื่อน 9 โปรเจ็กต์ มูลค่านับหมื่นล้านไปเปิดตัวใหม่ในปีหน้า   แม้ว่า 3 ไตรมาสแรกของปี ยังโกยรายได้และกำไรเติบโต  ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนในไตรมาสสุดท้ายได้เปิดตัว 3 โครงการแนวราบ–แนวสูง เพื่อผลักดันยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้     นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้อำนวยการ สายงานจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA  เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4 บริษัทมีแผนการเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการทั้งโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม  รวมมูลค่าโครงการราว 2,977 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ เสนา แกรนด์ โฮม รามอินทรา กม. 8 ม, โครงการเสนา วิลล์ ลำลูกกา คลอง 6 และล่าสุด เปิดโครงการเสนา- อาศุ พระราม 9  คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ ซึ่งทั้งหมดได้เปิดขายแล้ว   สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทวางแผนเปิดโครงการทั้งหมด 20 โครงการ รวมมูลค่า 18,779 ล้านบาท แต่จากสถานการณ์อสังหาฯ ที่ชะลอตัว และปัจจัยลบต่างๆ ทำให้บริษัทต้องบริษัทได้เลื่อนการเปิดโครงการใหม่ไปในปีหน้า ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ได้เปิดตัวโครงการใหม่แล้ว 8 โครงการมูลค่า 5,411 ล้านบาท และเลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่ 9  โครงการในปี 2563 มูลค่า 10,391 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเตรียมพร้อมการพัฒนาไว้ทั้งหมดแล้ว (อ่านข่าวเพิ่มเติม)   แมกโนเลียฯ จับมือ ททท.-RSTA จัดงานแสดงแสงสีเสียง   เข้าสู่ช่วงโค้งท้ายของปีแล้ว ตอนนี้สถานที่หลายแห่งเริ่มเตรียมพื้นที่เฉลิมฉลอง รับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันแล้ว อย่างแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น หรือ MQDC ได้จับมือกับ ททท. และสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ จัดงาน “Beautiful Bangkok 2020” งานแสดงแสงสีเสียงบริเวณอาคาร โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ซึ่งเตรียมเปิดแสดงรอบปฐมฤกษ์วันที่ 16 ธันวาคมนี้     นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA)  เตรียมประกาศความพร้อมการจัดงาน “Beautiful Bangkok 2020” การแสดงแสงสีเสียง ด้วยการเนรมิตอาคารโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ให้สวยงาม   โดยในปีนี้ใช้ชื่อการแสดงว่า “Beautiful Bangkok 2020: A Blossom of Happiness” ซึ่งมาพร้อมกับกิจกรรมอีกมากมาย บริเวณลานหน้าโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี  โดยจะเปิดการแสดงรอบปฐมฤกษ์วันที่ 16 ธันวาคม 2562 นี้ และจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 (อ่านข่าวเพิ่มเติม)      
แมกโนเลียฯ จับมือ ททท.-RSTA จัดงานแสดงแสงสีเสียง  ดึงนักท่องเที่ยวทะลุ 9 แสนคน

แมกโนเลียฯ จับมือ ททท.-RSTA จัดงานแสดงแสงสีเสียง ดึงนักท่องเที่ยวทะลุ 9 แสนคน

แมกโนเลียฯ ร่วมกับ ททท. และสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ จัดงาน “Beautiful Bangkok 2020”  เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เตรียมเปิดแสดงรอบปฐมฤกษ์วันที่ 16 ธันวาคม นี้  คาดเป็นตัวช่วยดึงนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ราชประสงค์ทะลุ 900,000 คน   นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA)  เตรียมประกาศความพร้อมการจัดงาน “Beautiful Bangkok 2020” การแสดงแสงสีเสียง ด้วยการเนรมิตอาคารโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ให้สวยงาม   โดยในปีนี้ใช้ชื่อการแสดงว่า “Beautiful Bangkok 2020: A Blossom of Happiness” ซึ่งมาพร้อมกับกิจกรรมอีกมากมาย บริเวณลานหน้าโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี  โดยจะเปิดการแสดงรอบปฐมฤกษ์วันที่ 16 ธันวาคม 2562 นี้ และจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 “งาน Beautiful Bangkok 2020 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ที่ต้องการสื่อถึงความสุขและความปรารถนาดี ที่เราต่างมอบให้กันอย่างจริงใจ  เปรียบเสมือนจิตใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุขเบ่งบานสดใส เฉกเช่นดอกไม้ที่บานอยู่กลางใจของคนกรุงเทพฯ พร้อมส่งมอบความสุขสดใสให้แก่ นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่มาเยือนกรุงเทพฯ ผ่านการมอบช่อดอกไม้ช่อแรกของปีให้เป็นตัวแทนของความสุขและความปรารถนาดีสำหรับทุกคน”   ใช้ AI จากญี่ปุ่นสร้างสรรค์ "แสงสีเสียง" โดยการจัดงานได้แรงบันดาลใจมาจาก รูปทรงอันอ่อนช้อยงดงามของดอกแมกโนเลีย ดอกไม้มงคลของไทย และดอกไม้นานาชาติอีกหลากหลายชนิด ซึ่ง MQDC ได้ทุ่มงบประมาณจัดกิจกรรม Beautiful Bangkok 2020: A Blossom of Happiness ในปีนี้ให้มีความยิ่งใหญ่และพิเศษมากกว่าปีก่อนๆ โดยในปีนี้ใช้เทคโนโลยี AI และการแสดงแสงสีตระการตาจากทีมสร้างสรรค์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น บนตึกโครงการ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยความสูง 60 ชั้น ที่ออกแบบอย่างสวยงามอ่อนช้อยจากแรงบันดาลใจของกลีบดอกแมกโนเลีย เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของย่านราชประสงค์   งาน Beautiful Bangkok 2020: A Blossom of Happiness มีกำหนดจัดแสดงรอบปฐมฤกษ์ โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ในวันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2562 เวลา 18.00 – 21.00 น. และจะเปิดการแสดงรอบประชาชนทั่วไปในวันที่ 17 – 31 ธันวาคม 2562 เวลา 18.00 – 23.00 น. โดยในวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จะจัดการแสดงจนถึงเวลา 24.00 น.   นอกจากนั้น ในปีนี้ MQDC ยังจัดให้มีกิจกรรม The Wonder Flower Land  บริเวณลานหน้าโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่การแสดงแสงสีแบบ Interactive ด้วยเทคโนโลยี AI จากประเทศญี่ปุ่น ที่จะทำให้ทุกคนสนุกสนานไปกับการแสดงแสงสี ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างแท้จริง โดยมาจากจังหวะการเต้นของหัวใจและชีพจรของแต่ละบุคคล ทำให้ผู้ร่วมงานแต่ละคนได้ภาพแห่งความประทับใจของตัวเองโดยเฉพาะและไม่ซ้ำกับใคร     ทั้งนี้ MQDC ได้จัดรถรับส่ง Beautiful Bangkok Free Shuttle เส้นทางราชดำริ - พระราม 4 - สยาม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวในการเดินทางท่องเที่ยวในย่านราชประสงค์ และมาร่วมมีความสุขที่งาน Beautiful Bangkok ได้อย่างสะดวกสบาย   จัดประกวดภาพถ่ายชิงกล้อง Leica นอกจากนั้น ยังได้จัดให้มีกิจกรรมประกวดภาพถ่ายจากงาน Beautiful Bangkok 2020: A Blossom of Happiness โดยเฟ้นหาภาพที่แสดงให้เห็นถึงความสวยงามที่งาน Beautiful Bangkok อาคารแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด มอบให้กับกรุงเทพฯ มีองค์ประกอบภาพ และการถ่ายทอดความสวยงามออกมาได้อย่างน่าประทับใจและสร้างสรรค์ที่สุด ตัดสินการประกวดโดย MQDC ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยภาพที่ได้รับการคัดเลือกว่าสวยงามที่สุด 3 อันดับแรก จะมอบให้กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำไปผลิตเป็นโปสการ์ดโปรโมทการท่องเที่ยวประเทศไทยต่อไป และผู้ชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับกล้อง Leica 1 รางวัล   “MQDC ในฐานะสมาชิก RSTA มีความยินดีและภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความงดงามให้กับฟากฟ้ากรุงเทพฯ ผ่านการจัดงาน Beautiful Bangkok ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 แล้ว เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สร้างสรรค์ความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนแก่ผู้อยู่อาศัยและสังคมรอบข้าง (For All Well Being) รวมทั้งกิจกรรมดังกล่าวนี้ยังมีส่วนช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ และประเทศไทย”   คาดนักท่องเที่ยวเยือนราชประสงค์วันละกว่า 9 แสนคน ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรุงเทพมหานครและประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ครองใจผู้คนทั่วโลก เอาชนะเมืองชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลกติดต่อกันมาตลอดหลายปี ด้วยความหลากหลายของแม็กเน็ตด้านการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของนักเดินทางทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม   สำหรับงาน Beautiful Bangkok 2020: A Blossom of Happiness จะเป็นอีกหนึ่ง  attraction ที่สำคัญ และน่าตื่นเต้นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงสุดท้ายก่อนสิ้นปี ซึ่งคาดว่าเฉพาะช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองความสุขส่งท้ายปี จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ เป็นจำนวนมากกว่าทุกปี โดยในปีนี้ภาครัฐมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งเป้าเติบโตขึ้นกว่าจากปีก่อน   สมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการเอกชนในย่านราชประสงค์ ก่อตั้งอย่างเป็นทางการในปี 2546   มีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสมาคมฯเพื่อผลักดันย่านราชประสงค์ให้เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจการค้า แหล่งช้อปปิ้ง และย่านท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก ด้วยพื้นที่รวมกว่า 1,020,000 ตารางเมตร โดยมีทางเดินเชื่อมลอยฟ้า "ราชประสงค์วอล์ค"  ยาวกว่า 1 กิโลเมตร เป็นโครงข่ายเส้นทางเดินเชื่อม 23 อาคาร โดยแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ได้เข้าร่วมในสมาคมฯ ในปี 2561 โดยนับเป็นสมาชิกรายที่ 9 ที่เข้ามาร่วมพัฒนาย่านราชประสงค์   ส่วนนายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ กล่าวว่า  ย่านราชประสงค์เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และการค้าที่สำคัญกลางใจเมือง มีผู้คนหมุนเวียนในแต่ละวันกว่า 600,000 คน และคาดว่าจะเพิ่มมากกว่า 50% เป็น 900,000 คน ในช่วงไฮซีซั่น โดยการจัดงาน Beautiful Bangkok ใน 2 ปีที่ผ่านมา เป็นแม็กเน็ตสำคัญที่ช่วยดึงดูดผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากให้เข้ามาในย่านราชประสงค์ โดยในปีนี้ ผู้ประกอบการต่างๆ ในย่านราชประสงค์ต่างเตรียมพร้อมในการจัดกิจกรรมมากมาย เพื่อร่วมผนึกกำลังสร้างสรรค์ความสนุกสนานและความน่าดึงดูดใจ ตอกย้ำความแข็งแกร่งของย่านราชประสงค์ในฐานะจุดหมายปลายทางด้านช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของภูมิภาค   ติดตามรอบการแสดง “Beautiful Bangkok 2020: A Blossom of Happiness” และกติกาประกวดภาพถ่ายได้ที่ www.mqdc.com หรือ https://www.facebook.com/mqdcforallwellbeing/  
รวมอีเว้นท์สัปดาห์แรก เดือนธันวาคม 2562

รวมอีเว้นท์สัปดาห์แรก เดือนธันวาคม 2562

เริ่มต้นสัปดาห์แรกของเดือนสุดท้ายของปี ซึ่งเริ่มจะมีอีเว้นท์แห่งการเฉลิมฉลองชวนให้เราออกจากบ้านกันมากยิ่งขึ้น ยิ่งบรรยากาศดีเช่นนี้ก็ยิ่งน่าชวนคนรู้ใจไปเดินเล่นกันนะคะ ครัวคุณต๋อย ยกทัพ พบกับร้านอาหาร 52 บูท และยังมีบูทจำหน่าย "วัตถุดิบอาหาร" ภายใต้แนวคิด "ครัวคุณต๋อย Selected" บนความเชื่อ "อาหารที่ดีเกิดมาจากวัตถุดิบที่ดี" เพื่อให้ผู้มาร่วมงานได้เลือกซื้อวัตถุดิบคุณภาพกลับไปประกอบอาหารเองตามสูตรเด็ดเฉพาะของแต่ละบุคคล   วัน เวลา : 5-15 ธันวาคม 2562 เวลา 10.30-21.30 น. สถานที่ : ชั้น G เดอะมอลล์ บางแค Banzai Chaiyo Festival 2019 EP.1 เทศกาลเฉลิมฉลอง 2 วัฒนธรรมญี่ปุ่นไทย พบ การตกแต่งโคมไฟญี่ปุ่นและยี่เป็ง นับ 1,000 ดวง การออกร้านอาหารและสินค้ายอดฮิตทั้งไทยและญี่ปุ่น กิจกรรมและการแสดงสุดพิเศษ งานนี้เข้าชมฟรี   วัน เวลา : 2-8 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00-22.00 น. สถานที่ : ลานหน้า Central World German Christmas Market 2019 thailand ตลาดคริสต์มาสในบรรยากาศที่แสนอบอุ่น พบกับร้านค้ากว่า 40 ร้านที่ขนเอาอาหารมากมายจากเยอรมนีและประเทศใกล้เคียงมาให้ทุกคนได้ลิ้มลอง พลาดไม่ได้กับเครื่องดื่มประจำเทศกาลอย่าง Glühwein (ไวน์อุ่นผสมเครื่องเทศ) แถมยังมีแซนด์วิชสไตล์เวียดนามและอาหารเมดิเตอร์เรเนียนด้วย อีกทั้งยังมีสินค้าอีกมากมาย พร้อมซุ้มกิจกรรม ดนตรีแจ๊สและคณะนักร้องประสานเสียงที่จะมาสร้างบรรยากาศคริสต์มาสตลอดทั้งงาน   วัน เวลา : 7-8 ธันวาคม 2562 เวลา 16.00–20.00 น.  สถานที่ : ซ.สาทร 1 สถาบันเกอเธ่ จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ : ต่ำหูก แต้มผ้า เล่าอีสานผ่านงานทอ กลับมาเปิดฟาร์มให้ได้เที่ยวกันปีละหน ปีนี้มาในธีม ‘ต่ำหูก แต้มผ้า เล่าอีสานผ่านงานทอ’ โดยนำเอาเรื่องราวของผ้ามาสร้างประสบการณ์ให้ผู้เข้าชมได้รับรู้ ได้สัมผัสความงามของผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ ความเกี่ยวพันระหว่างผ้ากับวิถีชีวิตและประเพณีของชาวอีสานที่ถักทอผูกพันกันมาช้านาน บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ ที่จะมาชวนให้ดื่มด่ำกับธรรมชาติในฟาร์ม   วัน เวลา : 7 ธันวาคม 2562-5 มกราคม 2563 เวลา 09.00–17.00 น. สถานที่ : จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา Thailand Furniture & Houseware Fair พบกับสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านส่งตรงจากโรงงานผู้ผลิต อาทิ โซฟา เคาน์เตอร์ครัว ชุดห้องนอน ชุดบิวท์อิน ฯลฯ รวมถึงบริษัทรับตกแต่งภายใน มาพร้อมโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ ส่วนลด สิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตมากมาย   วัน เวลา : 7-15 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00–21.00 น. สถานที่ : EH 103-104 ไบเทค บางนา ICC FAIR ครั้งที่ 20 ชมสินค้าหลากหลาย ช้อปสินค้าราคาถูก ส่งท้ายปีจากแบรนด์ดังในเครือ สหพัฒน์ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง ของกินของใช้ ของใช้สำหรับเด็ก ลดราคา สูงสุด 80% อาทิ ARROW, มาม่า, ELLE, GUY LAROCHE, DAKS, LACOSTE, Mizuno, Covermark, St.Andrews, Minna, Enfant, BSC และ อีกหลายแบรนด์ดัง พร้อมชิม อาหารร้านดังในเขตยานนาวา   วัน เวลา : 5-8 ธันวาคม 2562 เวลา 08.00-20.00 น. สถานที่ : บริษัท ไอ.ซี.ซี. สาธุประดิษฐ์ 58  Electronica Amazing Sale พบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จากแบรนด์ดังชั้นนำทุกยี่ห้อ ราคาโดนใจ ลดกระหน่ำราคาสุดคุ้ม พร้อมโปรโมชั่นส่วนลด/ผ่อน 0% จากบัตรเครดิตอีกมากมาย   วัน เวลา : 7–15 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00-21.00 น. สถานที่ : EH 103-104 ไบเทค บางนา    
รวมอีเว้นท์เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562

รวมอีเว้นท์เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562

เดือนสุดท้ายของปีแล้ว บรรยากาศเป็นใจน่าออกนอกบ้านไปเดินเล่นตามงานอีเว้นท์ระดับบิ๊กแห่งปีหลายงานทีเดียวค่ะ   PHOTO FAIR 2019 โลกแห่งการถ่ายภาพที่ทุกคนรอคอยในงาน PHOTO FAIR 2019 มหกรรมการถ่ายภาพครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี มาในแนวคิด "Share Your Wonder แชร์ความมหัศจรรย์แห่งโลกของภาพถ่าย" พบสินค้าจากแบรนด์ดังกว่า 150 บูธ มาพร้อมโปรโมชั่นแรงๆ และร่วมสนุกชิงรางวัล รถยนต์ กล้องถ่ายรูป พร้อมด้วยกิจกรรมงานสัมมนาเกี่ยวกับการถ่ายภาพ พบกับช่างภาพชื่อดังในสายงานต่างๆ ที่จะมาให้ความรู้รวมถึงเทคนิคเพื่อไปปรับใช้ในการถ่ายภาพ อีกทั้งยังมีการประมูลอุปกรณ์ถ่ายภาพชุดพิเศษ   วัน เวลา : 27 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2562 เวลา 10.30-21.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 103-104 ไบเทค บางนา   Motor Expo 2019 “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 36” หรือ The 36th Thailand International Motor Expo 2019 ภายใต้แนวคิด “โลดแล่นทันใด ทะยานไปด้วยกัน-Ride and Drive Together Now” แต่ละค่ายมีแคมเปญพิเศษเฉพาะในงาน พร้อมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น บัตรเข้าชมงาน 100 บาท   วัน เวลา : 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2562 (บุคคลทั่วไปเริ่ม วันที่ 30 พฤศจิกายน) จันทร์-ศุกร์ เปิดเวลา 12:00-22:00 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 11:00-22:00 น. สถานที่ : ชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี    Thailand Friendly Design Expo 2019 มหกรรมอารยสถาปัตย์ และนวัตกรรมสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 4 ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน นำเสนอแนวคิดหลัก เรื่อง “Home Care & Rehabilitation : การดูแลและฟื้นฟูสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น ผู้พิการ และคนที่ใช้รถเข็น” เชื่อมโยงสู่ “Tourism for All : การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” โดยภายในงาน  จำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยี Friendly Design จากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงเทคโนโลยี นวัตกรรมล้ำยุค เกี่ยวกับการดูแล และฟื้นฟูสุขภาพ สำหรับผู้สูงวัย ผู้ป่วยพักฟื้น และผู้พิการ และสามารถร่วมฟังอภิปราย เสวนา บรรยายพิเศษ ากผู้รอบรู้เชี่ยวชาญด้าน Friendly Design หรือ Universal Design และเครือข่ายมนุษย์ล้อจากนานาประเทศทั่วโลก   วัน เวลา : 28 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00 - 19.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 6 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   Money Expo End-Year 2019 งานมหกรรมการเงินส่งท้ายปี ครั้งที่ 3 ขนทัพแบงก์-นอนแบงก์-ประกัน-บล.-บลจ. แข่งแคมเปญสุดพิเศษส่งท้ายปี อาทิ สินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน, เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ ดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดสูงสุด 10%, สินเชื่อ SME Start Up ดอกเบี้ย 1.99%, ซื้อประกันชีวิตแถมทองคำแท่ง 20 บาท/ทัวร์โครเอเชีย, ซื้อ RMF & LTF ลดหย่อนภาษี ทำธุรกรรมภายในงานลุ้นรับ iPhone11 พร้อมฟังฟรี! ฯลฯ สัมมนาการลงทุนหุ้นจากกูรูชื่อดัง/มินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน BNK48-SB FIVE   วัน เวลา : 28 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2562 สถานที่ : อีเว้นท์ฮอลล์ 99 ไบเทค บางนา   European Union Film Festival (EUFF) เทศกาลภาพยนตร์สหภาพยุโรปกลางแจ้ง 2019 พบกับภาพยนตร์คุณภาพจากยุโรปกว่า 17 ที่จะมาเล่าเรื่องหลากหลายแง่มุมจากสหภาพยุโรป ท่ามกลางบรรยากาศรับลมหนาวกลางแจ้งในบริเวณที่โอบล้อมด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ งานนี้ฟรี!   วัน เวลา : 29 พฤศจิกายน-15 ธันวาคม 2562 เวลา 18.30 น. สถานที่ : ทำเนียบเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป และสถาบันวัฒนธรรมยุโรป ทั้งหมด 8 แห่งในกรุงเทพฯ เช็คตารางฉายและจองตั๋วได้ที่ Ticketmelon Siam Carnival Fun Fair 2019 สนุกได้ทุกเพศทุกวัยไปกับเครื่องเล่นหลากหลายกว่า 20 ชนิด ซึ่งนำเข้าจากอิตาลีและเยอรมัน รับประกันความปลอดภัย ในราคาเบาๆ เพียง 50-60 บาท/เครื่องเล่น   วัน เวลา : 22 พฤศจิกายน-8 ธันวาคม 2562 เวลา 17.00-22.00 น. สถานที่ : ลานด้านหลัง เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 Central ลดดุ ช้อปเดือด 2019 มหกรรมเซลครั้งใหญ่ของเครือเซ็นทรัล สินค้าจาก Central Department Store ทุกแผนกที่ยกขบวนมาเต็มฮอลล์ ลดสูงสุดถึง 80% และยังมีสินค้าซื้อ 1 แถม 1 สินค้าราคาพิเศษร่วมกับบัตรเครดิต และมีช่วงนาทีทองที่ลดแรงกว่าเดิมถึงวันละ 3 รอบ เวลา 13.00 / 16.00 และ 19.00 น.*   วัน เวลา : 27 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00-21.00 น. สถานที่ : EH 102 ไบเทค บางนา    ONE STOP SHOPPING EXPO 2019 งานเดียวที่รวบรวมเอาไว้ 6 งานมาลดราคาสินค้าพร้อมๆ กัน ได้แก่ Furniture Expo, Home Electric Sale of the Year, Fashion Street Market, Wedding Expo, ตลาดน้ำ ตำนานอร่อย, Food Street Japan Yokocho   วัน เวลา : 30 พฤศจิกายน-8 ธันวาคม 2562 เวลา 10.30-21.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 9-11 อิมแพ็ค เมืองทองธานี    TGIF MARKET โ-ค-ต-ร SALE TGIF Market  ฉลองครบรอบปีที่ 5 ยกแบรนด์แฟชั่นจากโลกออนไลน์กว่า 220 แบรนด์และโปรส่วนลดสูงสุด 70 % เดินเพลินๆมีโซนอาหารให้อิ่มอร่อยไปด้วย พิเศษสำหรับ 100 คนแรกที่มาร่วมงาน รับไปเลย วอชเชอร์ฟรี 100 บาท   วัน เวลา : 29 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2562 เวลา 11.00-21.00 น. สถานที่ : GMM Live House ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์    
ทีเอ็มบี จับมือ ไวซ์ไซท์ ล้วงพฤติกรรมการเงิน GEN Y อะไรคือของที่พวกเขาต้องมีก่อน 40

ทีเอ็มบี จับมือ ไวซ์ไซท์ ล้วงพฤติกรรมการเงิน GEN Y อะไรคือของที่พวกเขาต้องมีก่อน 40

ทีเอ็มบี จับมือ ไวซ์ไซท์ เผยข้อมูลพฤติกรรมเชิงลึกทางการเงินในโซเชียลมีเดียของกลุ่มคน “GEN Y” ผ่านแคมเปญ #ของมันต้องมีก่อน40   พบส่วนใหญ่มีความฝันสร้างอนาคตที่ดีและมั่นคง อยากมีบ้าน รถ และเงินออม  ชี้พฤติกรรมการเงินที่ส่งผลให้ GEN Y ไปไม่ถึงเป้าหมายทางการเงิน พร้อมแนะทางแก้ปัญหาเพื่อให้ GEN Y มีพฤติกรรมทางการเงินที่ดีขึ้น ทีเอ็มบีจัดแคมเปญ #ของมันต้องมีก่อน40 นางกาญจนา  โรจวทัญญู หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร สื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับไวซ์ไซท์ (WISESIGHT) ผู้นำด้าน Social Monitoring Tool รายใหญ่ของไทย ในการจัดทำแคมเปญ #ของมันต้องมีก่อน40 ซึ่งมุ่งเน้นไปที่กลุ่มคน GEN Y  ที่มีการเปิดรับข้อมูล อัพเดทข่าวสารทางช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก ติดตาม Influencers ที่มีแนวคิดคล้ายกัน ผ่านทางช่องทางโซเชียล โดยเฉพาะ Twitter และ เฟซบุ๊ก (Facebook) เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต   ทั้งนี้ ทีเอ็มบี มีวิสัยทัศน์ของการเป็นธนาคารแบบยั่งยืน (Sustainable Banking) ที่มุ่งมั่นให้ความรู้ทางด้านการเงิน พร้อม ทั้งมีการใช้เครื่องมือกระตุ้นให้คนมีพฤติกรรมทางการเงินที่ถูกต้อง รวมไปถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ หรือปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ โดยได้เน้นถึงกลุ่มคนเป้าหมายที่เป็น GEN Y ช่วงต้นอายุระหว่าง 23 – 30 ปี ซึ่งถือเป็นกลุ่มกำลังแรงงานสำคัญของประเทศ เริ่มทำงาน มีรายได้ แต่ไม่มีการวางแผนทางด้านการเงิน ไม่สามารถจัดการบริหารการเงินได้อย่างเหมาะสม แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นกลุ่มที่พร้อมเปิดรับคำแนะนำ และความรู้ทางด้านการบริหารจัดการเงิน “จะเห็นได้ว่าในเฟสแรกเราได้จุดกระแสด้วย Influencer อย่าง กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ กันต์ กันตถาวร และกาละแมร์ พัชรศรี ที่เป็นดาราเซเลบ มีแง่มุมในด้านการใช้ชีวิต ตั้งเป้าหมายด้านหน้าที่การงาน การเงินอย่างชัดเจน รวมไปถึง มิ้นท์  บล็อกเกอร์สายท่องเที่ยวจากเพจ I Roam Alone และ ช่า เจ้าของเพจบันทึกของตุ๊ด ที่เป็นไอดอลสร้างแรงบันดาลใจ มาร่วมแชร์เป้าหมายชีวิตให้คนที่ติดตามได้ฟังกัน ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแฮชแท็กแคมเปญ #ของมันต้องมีก่อน40 ที่สามารถติดเทรนด์ Twitter อันดับหนึ่ง มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์เป้าหมายชีวิตรวมแล้วกว่าหมื่นความคิดเห็น” เนื่องจากทีเอ็มบีเชื่อว่าหาก GEN Y ได้ตระหนักถึงเป้าหมายในชีวิตแล้ว จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนพฤติกรรมตรงตามความเชื่อของทีเอ็มบี  Make THE Difference ที่ว่าคนเราสามารถเปลี่ยนเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น และนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้จนสำเร็จ นอกจากนี้กิจกรรมต่อไปที่จะเกิดขึ้นในกลางเดือนธันวาคมนี้ จะมีขึ้นเพื่อชักชวนให้ GEN Y ได้ลุกขึ้นเปลี่ยนพฤติกรรม ทางการใช้จ่าย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนตั้งเป้าหมายที่จะได้เริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในปีถัดไป เผยข้อมูลลึก Gen Y ของมันต้องมีก่อน40 ด้านนายกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ได้นำข้อมูลบนโซเชียล มาวิเคราะห์และปลดล็อคศักยภาพของข้อมูลดิบจนกลายเป็นอินไซท์เพื่อส่งต่อให้แบรนด์ และเอเจนซี่นำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในการวางกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยข้อมูลโซเชียลที่ไวซ์ไซท์นำมาวิเคราะห์นั้นมาจาก Facebook, Twitter, Instagram, YouTube, Pantip และเว็บไซต์ข่าวต่างๆ ปัจจุบันมีข้อมูลดิบที่เก็บเอาไว้ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท จำนวนมหาศาล ที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ในถัง Big Data และไม่เคยลบทิ้งเลยทำให้ในปัจจุบันบริษัทมีจำนวนข้อมูลดิบมากที่สุดในประเทศไทย   ส่วนนายพุทธศักดิ์ ตันติสุทธิเวท ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงข้อมูลที่ได้จากวิเคราะห์เก็บข้อมูลดังนี้  คนไทยใช้สื่อสังคมออนไลน์ (โซเชียล) 74% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งคิดเป็น อันดับ 8 ของโลก สำหรับจำนวนผู้ใช้โซเชียลในประเทศไทย พบว่าสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมที่ครองใจคนไทยในยุคนี้ และมีผู้ใช้งานบน Facebook 56 ล้านบัญชี Instagram 13 ล้านบัญชี และ Twitter 9.5 ล้านบัญชี และระยะเวลาที่ใช้คิดเป็น  3 ชั่วโมง 11 นาที เวลาเฉลี่ยใน 1 วัน และยังพบว่า 80% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย เคยซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และกว่า 50% เป็นคน GEN Y (อายุ 28-38 ปี) “ดังนั้นในการทำแคมเปญ #ของมันต้องมีก่อน40 ในครั้งนี้ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลถึงพฤติกรรมเชิงลึกของกลุ่มคน GEN Y ที่ได้จุดกระแสผ่านบรรดา Influencer จะเห็นได้ว่าการแสดงความคิดเห็น แชร์ มีความคิดเห็นที่คล้ายคลึงกับ Influencer ที่กดติดตามกันดังนี้ คนที่ติดตาม กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ กันต์ กันตถาวร และกาละแมร์ พัชรศรี ก็จะเป็นเป้าหมายเรื่องการเก็บเงิน มีบ้าน สร้างความมั่นคงในชีวิต ด้านกลุ่มคนที่ติดตามบล็อกเกอร์สายเที่ยว ก็จะมีเป้าหมายเรื่องเที่ยว เรื่องการใช้ชีวิตอิสระเสรี” หากลงลึกในด้านความคิดเห็นของในแต่ละแพลตฟอร์มนั้น ก็จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันไปอีกเช่นกัน อย่างเช่นใน Facebook จะเป็นไปในทิศทางที่แสดงออกถึงความจริงจังในชีวิต แสดงออกถึงตัวตนด้านที่อยากให้คนอื่นเห็น #ของมันต้องมีก่อน 40 ของชาว Facebook ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความมั่นคง เช่น อยากมีเงินเก็บ บ้าน รถยนต์ ธุรกิจส่วนตัว เป็นต้น ส่วนทางด้าน Twitter นั้น จะเป็นไปในแนวทางที่มีความอิสระเสรี เป็นตัวของตัวเอง มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกับความเห็นใน Facebook ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินเพื่อซื้อบัตรคอนเสิร์ต อยากเจอศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ และอยากเลี้ยงแมว เป็นต้น     จากการวิเคราะห์ Data ของแคมเปญในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่า Influencer มีอิทธิพลทางความคิดให้ผู้ติดตามได้คล้อยตามง่าย ดังนั้นเมื่อเหล่า Influencer ลุกขึ้นมาทำอะไร จะเกิดกระแส เกิด Social Voice ในการทำตาม ซึ่งแน่นอนว่าในการทำแคมเปญครั้งนี้ เมื่อได้จุดกระแสออกไปแล้ว เกิดการตั้งคำถามให้กับกลุ่ม GEN Y ให้เกิดการฉุกคิดเกี่ยวกับเป้าหมายทางการเงิน เพื่อนำไปสู่แนวทางในการวางแผนชีวิตให้ดียิ่งขึ้น GEN Y อยากมี "บ้าน" เพราะของมันต้องมีก่อน40 นอกจากนี้ ยังพบว่าความหวัง “ของมันต้องมี” ก่อนอายุ 40 คือ  อยากมีบ้าน (48%) รถยนต์ (22%) ขณะที่อยากมีเงินออมและสินทรัพย์อื่นๆ มีไม่มาก (13%) แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับ GEN Y เมื่อวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลจากการศึกษา พบว่ามียอดใช้จ่ายในกลุ่มสินค้า “ของมันต้องมี” ถึง 69% ขณะที่รายการซื้อบ้าน ซื้อรถที่เป็นความฝันมีสัดส่วนที่ลดลงมาก รวมทั้งสัดส่วนเงินออมมีไม่ถึง 10%   โดยเฉลี่ย GEN Y หมดเงินไปกับ “ของมันต้องมี” ปีละเกือบแสนหรือ 1 ใน 4 ของรายได้ต่อปี ส่วนใหญ่เป็นการซื้อโทรศัพท์ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋า และนาฬิกา/เครื่องประดับ และถ้าขยายภาพให้ชัดเจนในแต่ละกลุ่ม GEN Y ใช้เงินไปกับ“ของมันต้องมี” ถึงปีละ 1.37 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าสูงเทียบได้กับ 13% ของรายได้ประเทศ (GDP) หรือ 8 เท่าของมูลค่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หรือ 91% ของมูลค่าการลงทุนในโครงการ EEC 5 ปี     สาเหตุที่ GEN Y อยากได้ “ของมันต้องมี” เป็นเพราะซื้อตามเทรนด์กลัวเอ้าท์ (42%) มากกว่ามองเป็นของจำเป็น (37%) แถมเงินที่ใช้ซื้อนั้น คนส่วนใหญ่ (70%) บอกมีเงินไม่พอ แต่ใช้การกู้จากธนาคารและใช้บัตรเครดิตกับบัตรกดเงินสดในการใช้จ่าย ซึ่งเมื่อลงรายละเอียดพบว่ามากกว่า 70% ของ GEN Y มีการผ่อนชำระที่ต้องเสียดอกเบี้ย นอกจากนี้ GEN Y มีลักษณะเข้าทำนองฝันไกลแต่ไปไม่ถึง สะท้อนจาก GEN Y ที่เริ่มต้นทำงานเฉลี่ยตั้งเป้าอยากมีเงินเก็บ 6 ล้านบาท แต่บอกจะออมเงินแค่เฉลี่ยเดือนละ 5,500 บาท ซึ่งถ้าเก็บด้วยอัตรานี้ต้องใช้เวลาถึง 90 ปี จึงจะถึงเป้าหมาย   GEN Y จะต้องทำอย่างไรหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไรเพื่อนำไปสู่การมีพฤติกรรมทางการเงินที่ดีหรือมีวินัยทางการเงิน สิ่งแรกที่แนะนำคือ ลดเงินที่ใช้กับ “ของมันต้องมี” ง่ายๆ โดยลดลงแค่ 50% (เชื่อว่าลดหมด 100% เป็นไปได้ยาก) ควบคู่กับวางแผนการบริหารเงินให้ดีโดยเพิ่มการออมการลงทุนให้ถูกที่ แค่นี้ GEN Y จะมีเงินสะสมเพิ่มขึ้น 43,000 บาทต่อปี เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี 20 ปี หรือยาวไป 30 ปีก็จะสามารถซื้อทรัพย์สินตามที่เคยตั้งความหวังไว้ได้ไม่ยาก คุณนริศกล่าวปิดท้าย ด้วยข้อเสนอแนะสำหรับ GEN Y เพื่อให้สามารถวางแผนทางการเงิน และประสบผลสำเร็จในเป้าหมายที่วางไว้ได้ดียิ่งขึ้น   ข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ ทีเอ็มบี และ ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย)     
ทำความรู้จักกับ “แอมไชน่าทาวน์” มิกซ์ยูส 3,000 ล้าน ใจกลางเยาวราช

ทำความรู้จักกับ “แอมไชน่าทาวน์” มิกซ์ยูส 3,000 ล้าน ใจกลางเยาวราช

โครงการ แอมไชน่าทาวน์ (I’m Chinatown) โปรเจ็กต์มิกซ์ยูส มูลค่า 3,000 ล้านบาท ของบริษัท ไอแอมไชน่าทาวน์ จำกัด ได้เปิดให้บริการในเฟสแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ในส่วนของศูนย์การค้าตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับพื้นที่ย่านเยาวราช ในการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ เนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่ ซึ่งอาจจะหาได้ยาก นายสุวรรณ เลิศปัญญาโรจน์ กรรมการ บริษัท ไอแอมไชน่าทาวน์ จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ I’m Chinatown เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่สุด โครงการแรกที่มีการก่อสร้างในย่านเยาวราชภายในรอบ 30 ปี ด้วยขนาดพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร เนื่องจากย่านเยาวราชมีข้อจำกัดในเรื่องที่ดิน ไม่สามารถก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ ทำได้แค่เพียงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเดิมเท่านั้น “ย่านเยาวราช หรือ ไชน่าทาวน์ เป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ไม่เพียงแต่จะเป็นศูนย์รวมการค้าขายของชาวไทยเชื้อสายจีน ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกด้วย” สำหรับที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT วัดมังกร เพียงแค่ 1 นาที มีกลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่าวันละกว่า 8,000 คน ปัจจุบันมีร้านค้าทยอยเปิดให้บริการแล้วประมาณ  70% และจะเปิดบริการเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มกราคม 2563 ซึ่งหลังเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ บริษัทน่าจะมีรายได้จากการปล่อยเช่าพื้นที่ของศูนย์การค้า ปีละ 100 ล้านบาท และคืนทุนได้ภายใน 5-7 ปี เปิด 4 พื้นที่ในโครงการ I’m Chinatown 1.โรงแรม ซึ่งเป็นโครงการร่วมมือกันระหว่างโรงแรม “อาศัย” (ASAI) เครือดุสิต ซึ่งเป็นโรงแรมเจาะกลุ่มไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะสำหรับนักเดินทางที่มองหาประสบการณ์ที่แตกต่างไป โดยเน้นการเข้าถึงวิถีชุมชน หรือ ‘Live Local’ มีจำนวนห้องทั้งสิ้น 224 ห้อง ให้บริการตั้งแต่ชั้น 4-8 ของศูนย์การค้า จะเปิดรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยคาดว่า 40% จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน รองลงมาจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป และคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักมากกว่า 90% ตลอดทั้งปี   2.อาคารจอดรถ ที่อำนวยความสะดวกกับผู้มาใช้บริการและประชาชนที่จะเดินทางมาไชน่าทาวน์ โครงการฯ เปิดให้บริการที่จอดรถ 300 คัน ซึ่งเป็นอาคารจอดรถขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในย่านไชน่าทาวน์   3.I’m Chinatown Residence พื้นที่พักอาศัยในส่วนคอนโดมิเนียม ซึ่งตกแต่งเสร็จพร้อมอยู่ 8 ชั้น จำนวน 43 ยูนิต ซึ่งตอบสนองประชาชนที่พักอาศัยในย่านนี้ ที่ไม่ต้องเดินทางออกไปชานเมืองและกลับมาตอนเช้า รวมถึงเจ้าของกิจการและผู้ประกอบการที่มีธุรกิจในย่านเยาวราช  พื้นที่คอนโดมิเนียมจะใช้ระบบลิฟต์แยกตามชั้น เพื่อความเป็นส่วนตัว มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เข้า-ออก โครงการด้วยระบบคีย์การ์ด ปัจจุบันโครงการปิดการขายทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   4.พื้นที่ศูนย์การค้า ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมของฝากและร้านอาหาร เป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยว ผู้มาจับจ่ายใช้สอย แหล่งรับประทานอาหารของประชาชนทั่วไป สำรวจพื้นที่รีเทลหมื่นตารางเมตร สำหรับพื้นที่เชิงพาณิชย์ หรือรีเทล มีทั้งหมดด้วยกัน 4 ชั้น ซึ่งมีร้านค้าจำนวนทั้งสิ้นกว่า 80 ร้าน คิดเป็นพื้นที่พาณิชย์กว่า 10,000 ตารางเมตร   -ชั้น B1 เป็นพื้นที่ร้านค้าสะดวกซื้อและร้านบริการ เช่น 7 - Eleven, Kerry Express, ร้านขายยา, CleanMate, Kamu, Nara Gem, B’me by Wacoal, Beauty Maker, Vision and Café, ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ชื่อดังอย่าง King Kong บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสไตล์ยากินิคุ และ King Kong Sweets ร้านขนมหวานยอดนิยมต้นตำรับจากประเทศญี่ปุ่น   นอกจากนี้ยังมี Gourmet Thai ซึ่งเป็นสแตนอโลนช็อปแห่งแรกที่เปิดทำการนอกพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ภายในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป โดยได้คัดสรรรายการสินค้าคุณภาพจาก Gourmet Market สาขาต่างๆ มาจำหน่ายที่ร้านค้าแห่งนี้  เพื่อให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะ -ชั้น G และชั้น 2 เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ร้านไลฟ์สไตล์ และของหวานชั้นนำ ทั้ง KFC, Starbucks, Krispy Kreme, Wacoal, แว่นท็อปเจริญ, Beauty Station, Jamba Juice, Dairy Queen, ชานมไข่มุก CoCo, Olino Crepe & Tea, Stickhouse, ชาผลไม้อันดับหนึ่งของประเทศไต้หวันอย่าง Yi Fang ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย, New York 5th Ave. Deli ร้านแซนด์วิชสไตล์อเมริกันระดับพรีเมี่ยมสาขาแรกในกรุงเทพฯ, ร้านสุกี้ MK, Yayoi, Hachiban Ramen, Ryo Shi ซูชิบาร์, Swensen, Daiso, ตำมั่ว และ Munchy Bar and Restaurant รวมถึงยังมีศูนย์อาหาร ซึ่งรวบรวมสตรีทฟูดชื่อดังจากทั่วกรุงเทพฯ มาให้ได้ลิ้มรสกันอีกด้วย   -ชั้น 3 ประกอบไปด้วยร้านค้าที่เปิดให้บริการด้านสุขภาพและความงาม อย่าง Together Clinic, ร้านทำเล็บ, Jetts Fitness ฟิตเนสเต็มรูปแบบแห่งแรกของย่านเยาวราช เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และ Let’s Relax Spa สปาระดับพรีเมี่ยมแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในย่านเยาวราช ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00 น. ถึงเที่ยงคืน “การพัฒนาของยุคสมัยที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เยาวราชในปัจจุบันกลายเป็นศูนย์รวมธุรกิจการค้าที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว” ข้อมูลเพิ่มเติม "แอมไชน่าทาวน์"  
รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 4 เดือนพฤศจิกายน 2562

รวมอีเว้นท์สัปดาห์ที่ 4 เดือนพฤศจิกายน 2562

เข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน มีหลากหลายอีเว้นท์ให้ได้เลือกไปเดินชม เดินช้อป เดินชิม สนุกไปกับงานอีเว้นท์ที่เราคัดสรรมาแนะนำกันทุกสัปดาห์ค่ะ   เกาะสวาทหาดทิพย์ Coke HaadThip ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม โคคา-โคลา ใน 14 จังหวัดภาคใต้ จัดงานครั้งใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ หน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ โดยภายในงานแบ่งเป็น 3 โซน ทั้งฟรีคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง ซุ้มเกมส์โดนๆ และหลากหลายร้านอาหารชื่อดังจากภาคใต้   วัน เวลา : 23-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00-22.00 น. สถานที่ : Central World   Ocean Marina Pattaya Boat Show 2019 งานแสดงเรือ ไลฟ์สไตล์ และสันทนาการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยรูปแบบเต็นท์และผังงานแบบใหม่ที่จะเชิญชวนผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมเยียนบูธอย่างคับคั่ง มีบูธสินค้ามากกว่า 100 บูธ มีเรือจากแบรนด์เรือยอชท์ชั้นนำของโลกมากมาย มีสินค้าและบริการต่างๆ เกี่ยวกับเรือ รวมถึงของเล่นและอุปกรณ์กีฬาทางน้ำต่างๆ และยังมีบูธจากรถยนต์และมอเตอร์ไซค์แบรนด์หรู โรงแรมและรีสอร์ทระดับ 5 ดาว ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และที่พลาดไม่ได้คืออาหารและเครื่องดื่มที่คัดสรรมาอย่างดีใน Beer Garden ตลอด 4 วัน   วัน เวลา : 21-24 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : Ocean Marina Yacht Club Pattaya   Bangkok Hot Rod Custom Show 2019 งานที่รวมนักสร้างรถเบอร์หนึ่งของไทยไว้มากที่สุดของประเทศ กระทบไหล่คนดังของวงการคัสต้อมระดับโลกที่จะมาเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวด พร้อมกองทัพรถคัสต้อมไบค์ ฮอทรอท ที่มาจอดโชว์รวมกันในพี้นที่เฉพาะกิจ จากบิวท์เดอร์ทั่วประเทศ จากเหล่านักคัสต้อมทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นจากทั่วประเทศมารวมตัวกันมากที่สุด บัตรผ่านประตู 300 บาท ซื้อได้ที่หน้างาน พร้อมลุ้นรับ Honda Monkey125 Built by Triple 555 มูลค่ากว่า 180,000 บาท   วัน เวลา : 23-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.00–00.00 น. สถานที่ : SHOW DC ARENA   Central Home Expo มหกรรมสินค้าเพื่อคนรักบ้านแห่งปี รวมไอเทมสำหรับบ้านไว้แบบครบครัน แถมมาในราคาลดสนั่น สูงสุดถึง 70% สินค้าซื้อ 1 แถม 1 และยังมีช่วงนาทีทองที่ลดหนักกว่าเดิม ทั้งเครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนอน อุปกรณ์ห้องน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย   วัน เวลา : 14-24 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : BCC Hall เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว   Sports world Expo 2019 มหกรรมลดราคาสินค้ากีฬา ยกขบวนหลากหลายแบรนด์กีฬาดังมาร่วมรายการอาทิ Adidas, Nike, Under Armour, Reebok, Asics, Skechers, Converse, Puma ฯลฯ อีกมากมาย ลดกระหน่ำสูงสุดถึง 70% สินค้า ซื้อ 1 แถม 1 และสินค้านาทีทอง ทุกวัน   วัน เวลา : 15-24 พฤศจิกายน 2562 สถานที่ : ฮอลล์ 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   แม็คโคร มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 14 แม็คโคร จัดงาน “งานแม็คโคร มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 14 : HoReCa #14” สำหรับผู้ที่หลงใหลการทำอาหารแบบเข้าเส้นและผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร ในหลากหลายมิติ เพื่อนำไปสร้างสรรค์และต่อยอดธุรกิจอาหาร จากวัตถุดิบคุณภาพปลอดภัย ภายในงานมีพันธมิตรทางธุรกิจของแม็คโคร ทั้งรายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ ขนทัพสินค้ามาร่วมออกบูทจัดโปรโมชั่นแรง แซงทุกรายการ และกิจกรรมเวิร์คช็อป สร้างสรรค์ไอเดียล้ำทำได้จริง ต่อยอดธุรกิจให้รุ่งโรจน์ตลอดการจัดงาน   วัน เวลา : 21-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00-19.00 น. สถานที่ : ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   Bangkok Persian Carpet Exhibition 2019 ยลโฉมพรมเปอร์เซียของสะสมล้ำค่า กว่า 30 ผืน มูลค่ารวมกว่า 50 ล้านบาท ในธีม Persian Carpet and Your Lifestyle เนรมิตห้องต่างๆ ภายในบ้านให้กลายเป็นมุมโปรดด้วยการร้อยเรียงเรื่องราวของพรมเปอร์เซีย เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวัน กว่า 30 ผืน ภายในงานยังเปิดจำหน่ายพรมเปอร์เซียหายากผืนสวยหลากแบบหลายสีให้กับนักสะสมทั้งรุ่นใหม่และ รุ่นเก๋าได้เลือกจับจองอีกด้วย   วัน เวลา : 17 ตุลาคม – 24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00 – 22.00 น. สถานที่ : ศูนย์การค้าริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก   รักเหมา Fest 2019 งานรวมตัวผู้รับเหมาและชาวก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการได้มาพบปะ รวมถึงบุคคลทั่วไปที่กำลังมองหาผู้รับเหมาหรือสินค้าวัสดุก่อสร้างอย่างครบครัน มีโซนพิเศษ “Business Connection” ที่เต็มไปด้วยเหล่าบรรดา ผู้รับเหมามากคุณภาพมากมาย ที่จะมาให้คำปรึกษา งานนี้เข้าชมฟรี! แต่สำหรับงานสัมมนาพิเศษที่เชิญ Speaker ผู้ที่มีผลงานด้านออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกต่างๆ มากมาย จะต้องเสียค่าบัตร 599 บาท   วัน เวลา : 22-23 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00-18.00 น. สถานที่ : แอร์พอร์ตลิ้ง มักกะสัน ซื้อบัตรที่ zipeventapp   Siam Paragon Luxury Property Showcase 2019 สยามพารากอนชวนผู้ที่กำลังมองหาที่พักอาศัยใจกลางกรุงเทพมหานคร หรือผู้ที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศทำเลดีบนเกาะภูเก็ต กระบี่ และหัวหิน มาเลือกชมโครงการระดับมาสเตอร์พีซด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 2.69 ล้านบาท และราคาสูงสุด 191 ล้านบาท พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษ   วัน เวลา : 14-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 11:00 - 21:00 น. สถานที่ : แฟชั่น ฮอลล์ และ แฟชั่น แกลเลอรี่ ชั้น 1 สยามพารากอน   Seize the Day Coffee Salon: จิบกาแฟเล่าเรื่องเมืองเจริญกรุง มาร่วมเรียนรู้ พูดคุยถึงประวัติศาสตร์การเกิดขึ้นของถนนเจริญกรุง ถนนลาดยางแบบตะวันตกสายแรกของประเทศไทย ที่มาพร้อมกับความเจริญรุ่งเรืองจากกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติ มารู้จักและเข้าใจพื้นที่ต้นกำเนิดความเจริญของกรุงเทพฯ ที่เปรียบเสมือนย่านสร้างสรรค์แห่งแรกของสยามประเทศ กับวิทยากรผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและคุ้นเคยกับถนนเจริญกรุงเป็นอย่างดี งานนี้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย   วัน เวลา : 24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14:00 - 17:00 น. สถานที่ : TCDC Bangkok   EastVille Little Dog Market รวมพลคนรักน้องหมา มาช้อปสินค้าของใช้ เครื่องประดับ สำหรับน้องสุนัข พร้อมบริการตรวจสุขภาพน้อง   วัน เวลา : 21-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10:30 - 21:00 น. สถานที่ : ชั้น 1 CentralFestival EastVille    
รวมโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562

รวมโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562

รวมโปรโมชั่นบ้าน-คอนโด ปลายเดือนพฤศจิกายน 2562 ยังมีโปรโมชั่นจากหลาย Developer โดยเฉพาะโครงการพร้อมอยู่ให้ได้เข้าไปชมสถานที่จริงก่อนตัดสินใจคว้าราคาดีๆ และยังมีโครงการเปิดตัวใหม่ที่กำลังจะเปิดขายเป็นครั้งแรกในช่วงนี้เช่นกันค่ะ       THE ORIGIN Phahol-Saphanmai เปิดจองครั้งแรก THE ORIGIN Phahol-Saphanmai คอนโดใหม่ บนทำเลฮอต รถไฟฟ้า สายสีเขียว สถานีสายหยุด 23 พ.ย.นี้ เปิดจองครั้งแรก ราคา เริ่ม 1.49 ล้าน ลงทะเบียนจองสิทธิ์ ส่วนลด 200,000 บาท รายละเอียดเพิ่มเติม THE ORIGIN Phahol-Saphanmai The Tree Victory Monument เปิดรอบ VVIP DAY คอนโดตัวล่าสุดจากพฤกษา ใกล้ BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ ห้องเพดานสูง 4.9 เมตร ทุกยูนิต Facility ส่วนกลางบนชั้นRooftop Skyline ต่อเนื่องกันถึง 6 ชั้น เปิดรอบ VVIP DAY ในวันที่ 23-24 พ.ย. นี้ Exclusive Offer รับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท จองภายในงานรับเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่ม ธนาสิริ กรุ๊ปจัดโปรโมชั่นพิเศษ ในงาน Hello winter ธนาสิริได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ ในงาน Hello winter หนาวนี้ต้องรีบจอง แถมฟรี ! แอร์ทั้งหลัง เมื่อจองบ้านพร้อมอยู่ในโครงการที่สนใจ พร้อมรับของแถมเพิ่มสูงสุด 10 รายการ  โดยมีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ในทำเลใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ทางด่วนและห้างสรรพสินค้า ชั้นนำ ในราคาเริ่มต้น 2.59-13.9 ล้านบาท  โดย 5 โครงการบ้านคุณภาพในเครือธนาสิริ กรุ๊ปที่นำมาร่วมรายการ ได้แก่ ธนาฮาบิแทต ปิ่นเกล้า-สิรินธร, ธนาคลัสเตอร์ ราชพฤกษ์, ธนาคลัสเตอร์ เวสต์เกต, ธนาซิโอ รัตนาธิเบศร์, สิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต Rich Point @BTS วุฒากาศ จัดงาน Pre-sale Rich Point @BTS วุฒากาศ คอนโดใหม่ทำเลคุณภาพ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ 0 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS วุฒากาศ เริ่ม 1.99 ลบ.* เตรียมจัดงาน Pre-sale จองสิทธิ์ก่อนเพียง 5,000 บาท* รับส่วนลดสูงสุดทันที 300,000 บาท* ได้เลือกแบบ เลือกห้อง เลือกชั้น ก่อนใคร เปิดจอง 30 พ.ย. นี้ LPN โปรส่งท้ายปี ดีลปิดไตรมาส จัดเต็มทั้งลด ทั้งแถม ทุกโครงการพร้อมอยู่   คอนโดมิเนียม ลุมพินี วิลล์ พระนั่งเกล้า–ริเวอร์วิว พิเศษ 999,000 บาท* ลุมพินี วิลล์ ราษฎร์บูรณะ-ริเวอร์วิว 2 พิเศษ 1.23 ล้าน* ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 76-แบริ่ง สเตชั่น (2) พิเศษ 1.36 ล้าน* ลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์–บางแวก พิเศษ 1.24 ล้าน* ลุมพินี วิลล์ สุขสวัสดิ์-พระราม 2 พิเศษ 1.29 ล้าน* ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 พิเศษ 945,000 บาท* ลุมพินี เพลส รัชดา–สาธุ พิเศษ 2.78 ล้าน* ลุมพินี พาร์ค เพชรเกษม 98 (2) พิเศษ 1.19 ล้าน* ลุมพินี พาร์ค พหล 32 พิเศษ 2.59 ล้าน* ลุมพินี พาร์ค วิภาวดี–จตุจักร พิเศษ 2.19 ล้าน* ลุมพินี สวีท เพชรบุรี–มักกะสัน พิเศษ 2.99 ล้าน* ลุมพินี สวีท ดินแดง–ราชปรารภ พิเศษ 2.79 ล้าน* ลุมพินี ซีเล็คเต็ด สุทธิสาร–สะพานควาย พิเศษ 2.99 ล้าน* ลุมพินี พาร์คบีช ชะอำ 2 พิเศษ 2.55 ล้าน* ลุมพินี ซีวิว ชะอำ (B) พิเศษ 1.02 ล้าน* ลุมพินี พาร์คบีช จอมทียน พิเศษ 2.83 ล้าน* ลุมพินี วิลล์ นาเกลือ–วงศ์อมาตย์ พิเศษ 1.90 ล้าน*   บ้าน บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ลาดปลาดุก–บางไผ่สเตชั่น พิเศษ 1.99 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ รังสิต-คลอง 2 เฟส 1 พิเศษ 1.89 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ รังสิต-คลอง 2 เฟส 2 พิเศษ 1.20 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ เพิ่มสิน–วัชรพล พิเศษ 2.79 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า เฟส 2.1 พิเศษ 2.79 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า เฟส 2.2 พิเศษ 4.79 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์พาร์ค ท่าข้าม-พระราม 2 พิเศษ 2.90 - 5.39 ล้าน* บ้านลุมพินี ทาวน์เพลส พระราม 2–ท่าข้าม พิเศษ 5.89 ล้าน* บ้านลุมพินี สวนหลวง ร.๙ พิเศษ 11.00 ล้าน* อนันดา โปรเหนือโปร 6 คอนโดพร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า ฟรีโอน จดจำนอง ทุกราคา ทุกยูนิต เริ่ม 1.59-2.69 ล้านบาท วันที่ 23-24 พ.ย. นี้ ไอดีโอ โมบิ บางซื่อ-แกรนด์ อินเตอร์เชนจ์ ไอดีโอ โมบิ วงศ์สว่าง-อินเตอร์เชนจ์ ไอดีโอ พระราม 9 ตัดใหม่ ไอดีโอ ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ ไอดีโอ โอทู เอลลิโอ เดล มอสส์ พหลโยธิน 34 เสนา ให้ก่อนมาตรการรัฐ คืนค่าธรรมเนียมโอน ค่าจดจำนอง เสนา ดีลดี จอง 999 บาท รับเลย samsung galaxy note 10* และยังได้คืนค่าธรรมเนียมโอน 1% และค่าจดจำนอง 1% ทั้งบ้านและคอนโด 21 โครงการพร้อมอยู่ 26 ต.ค.-31 ธ.ค. 62 MAVISTA เปิดบ้านตัวอย่างหลังใหม่ ลดสูงสุด 5,000,000 บาท MAVISTA Krungthep Kreetha บ้านเดี่ยวสุดหรู พร้อมเข้าอยู่  ฉลองเปิดบ้านตัวอย่างหลังใหม่ 5 หลังสุดท้ายก่อนปิดโครงการ รับส่วนลดสูงสุด 5,000,000 บาท* เริ่มต้น 90 ล้านบาท* วันนี้-30 พ.ย. นี้ บ้านหลังแรก พร้อมโอน รับ 3 สิทธิ์ ตอบรับมาตรการรัฐ บ้าน ทาวน์โฮม คอนโด บ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 5 ล้าน พร้อมโอนภายในปีนี้ ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดอีก 200,000 บาท*    บ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ได้สิทธิ์ลดค่าโอน และจดจำนอง และสามารถใช้สิทธิ์ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท* จากโครงการดังนี้   Villaggio รังสิต - คลอง 2 ราคาเริ่มต้น 3.3 ล้านบาท Indy รังสิต – คลอง2 ราคาเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท ชัยพฤกษ์ ศรีนครินทร์ ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท Villaggio บางนา – เทพารักษ์  ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท Villaggio ศรีนครินทร์ – บางนา  ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท Villaggio บางนา ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท Indy 2 ศรีนครินทร์ ราคาเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท Villaggio 2 พระราม 2 ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท Villaggio ประชาอุทิศ 90 ราคาเริ่มต้น 3.6 ล้านบาท Villaggio เพชรเกษม – สาย4 ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท Indy ประชาอุทิศ 90 ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท พฤกษ์ลดา วงแหวน – หทัยราษฏร์ราคาเริ่มต้น 4.7 ล้านบาท The Key สาทร – เจริญราษฎร์ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท Villaggio เกาะเรียนราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท Indy อยุธยา ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท โปรแรงแห่งปี จาก Goldenland โกลเด้น ทาวน์ เพชรเกษม-พุทธมณฑลสาย 3 ทาวน์โฮมโครงการใหม่ สุดยอดทำเลทอง 2 กิโล ถึงรถไฟฟ้า ติดถนนใหญ่+ใกล้เดอะมอลล์ มาพร้อมฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ อลังการสโมสร+โรงหนังส่วนตัว พร้อมสวนสวยรอบโครงการ ราคาพิเศษ เริ่ม 2.39 ล้าน* วันที่ 16-24 พ.ย. นี้ The Vision ลาดพร้าว – นวมินทร์ เปิดจองครั้งแรก เปิดบ้านดีไซน์ใหม่ ใหญ่ทุกห้องนอน ทำเลทองย่านลาดพร้าว-นวมินทร์ บ้านใหม่ดีไซน์หรู Vision Smart เปิดจองครั้งแรก 23 พ.ย. นี้ รับส่วนลดสูงสุด 350,000 บ.* ราคาเริ่มต้น 2.59 ลบ.*       
บ้านกับรถ ซื้ออะไรก่อนดี ?

บ้านกับรถ ซื้ออะไรก่อนดี ?

เป้าหมายของชีวิตใครหลายๆ คนหลังจากเรียนจบคืออะไรครับ? ส่วนมากแล้วก็จะเป็นการที่มีรถและบ้านเป็นของตัวเอง หรือการเก็บเงินเริ่มสร้างครอบครัว แต่ไม่ว่าจะมีเป้าหมายอะไรก็ตาม เรื่องของราคาก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะยุคนี้จะซื้อด้วยเงินสด หรือใช้เงินเก็บล้วนๆ ก็คงยากสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา  ลองมาดูกันว่า เราควรจะวางแผนระหว่างซื้อรถกับซื้อบ้าน ถ้าต้องเลือกจะซื้ออะไรก่อนดี?? สำรวจความพร้อมของตัวเองในการกู้เงิน เริ่มจากดูรายรับกับรายจ่ายของเราในปัจจุบัน แล้วนำมาเปรียบเทียบกับความสามารถที่เราจะชำระเงินได้ โดยพิจารณาจาก 2 ส่วนหลักๆ   เงินดาวน์ เงินกู้ยืม ดอกเบี้ย ต้องนำมาคำนวณให้ดีในระยะยาวตามข้อกำหนดเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละสถาบันที่เราจะยื่นกู้ ซึ่งการผ่อนชำระนั้น เงินกู้ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เช่น เรามีเงินเดือน 30,000 บาท เราจะมีความสามารถในการชำระเงินกู้ได้เดือนละ 12,000 บาท เป็นต้น และอย่าลืมภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สินอื่นๆ ที่มีอยู่ก็ต้องเอามาคำนวณด้วยเช่นกัน   ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ไม่ว่าจะรถหรือบ้านก็ย่อมมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาระหว่างที่เราผ่อนไปด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ค่าซ่อมรถ ค่าน้ำมัน ค่าประกันรถยนต์ หรือค่าส่วนกลางของที่อยู่อาศัย ค่าบำรุงรักษาต่างๆ เหล่านี้อย่าลืมนำมาคิดเป็นรายจ่ายต่อเดือนด้วยนะครับ   ต้องเลือกซื้ออันไหนก่อนระหว่าง บ้าน หรือ รถ? ความจำเป็น เหตุผลนี้เป็นปัจจัยส่วนบุคคลเลยครับ บางคนอาศัยอยู่บ้านเดิมกับครอบครัวไม่มีแผนจะแต่งงาน หรือบ้านอยู่ไกล เดินทางไม่สะดวก ก็อาจจะต้องพิจารณาการซื้อรถ บางคนมีที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานอยู่แล้ว มีการวางแผนแต่งงาน ก็อาจจะพิจารณาซื้อบ้านก่อน เป็นต้น   วิถีชีวิต อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องลองสังเกตตัวเอง เช่น หากเราต้องทำงานที่ต้องใช้รถเดินทางตลอดเวลา อย่างเช่น อาชีพเซลที่ต้องเดินทางติดต่อลูกค้า การตัดสินใจซื้อรถเพื่อประโยชน์ในการเดินทางเพื่อสร้างรายได้ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง แต่ถ้าการเดินทางระหว่างบ้านกับที่ทำงานสะดวกสบายด้วยระบบขนส่งสาธารณะอยู่แล้ว ก็อาจจะพิจารณาซื้อบ้านก่อน แต่อย่าลืมการวางแผนระยะยาวไว้ด้วย เพราะเราทุกคนมีโอกาสที่จะเปลี่ยนงานได้อยู่เสมอ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม   การลงทุนทางการเงิน ในการกู้เงินซื้อบ้านหรือรถให้คิดว่าเป็นการลงทุนทางการเงิน เพราะบางคนอาจมีรายได้จากรถยนต์ได้ เช่น ค้าขาย หรือใช้ประโยชน์เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม ถ้าลองรวมกับค่าเสื่อมแล้วคุ้มค่าก็แนะนำให้พิจารณาการซื้อรถก่อน แต่ถ้าหากการซื้อรถนั้นไม่สามารถเพิ่มรายได้ หรือลดภาระทางการเงินได้ ในทางกลับกันมีแต่จะเกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การซื้อบ้านก่อนก็อาจมีผลดีกว่า เนื่องจากในแต่ละปีที่ผ่านไปมูลค่าของบ้านมักจะเพิ่มสูงขึ้น แต่รถยนต์กลับมีราคาลดลง   มองการณ์ให้ไกล สุดท้ายก็ต้องดูเรื่องของรายรับ-รายจ่ายของเราเป็นหลักแล้ว จะต้องมองไปไกลถึงอนาคตข้างหน้าถึงความจำเป็นของเราให้มากที่สุด แล้วคุณจะมีทั้งรถทั้งบ้าน โดยไม่ต้องกลัวว่าจะผ่อนกันหัวโต หรือต้องประสบปัญหาทางการเงิน     ไม่ว่าจะตัดสินใจซื้ออะไรก่อนระหว่างรถยนต์กับบ้าน ก็ควรคิดให้รอบด้านทั้งในปัจจุบันไปจนถึงอนาคต เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นรวมแล้วจำนวนไม่น้อยเลย และถ้าตัดสินใจเลือกซื้อได้แล้ว ในครั้งหน้าเราจะนำเทคนิคการผ่อนให้หมดเร็วๆ มาฝากกัน อย่าลืมติดตามในสัปดาห์หน้านะครับ