Tag : living

432 ผลลัพธ์
เลือกอ่างอาบน้ำแบบไหนให้ได้บรรยากาศผ่อนคลายแบบรีสอร์ท

เลือกอ่างอาบน้ำแบบไหนให้ได้บรรยากาศผ่อนคลายแบบรีสอร์ท

หลายคนอาจจะยกให้ห้องน้ำเป็นห้องที่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากที่สุดในบ้านห้องหนึ่ง บางคนก็ใช้เวลาทำกิจกรรมต่างๆ มากมายในห้องน้ำ เชื่อไหมคะว่าเราสามารถเปลี่ยนห้องน้ำธรรมดาให้กลายเป็นสปาได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เรามี ‘อ่างอาบน้ำ’ ใช่แล้วค่ะอ่างอาบน้ำนี่แหละที่จะเป็นสถานที่พักผ่อนกายอีกแห่งหนึ่งให้กับคุณผู้อ่าน ลองนึกภาพในวันที่กลับจากการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้าจากการเดินทางบนท้องถนน แล้วได้หย่อนกายแช่น้ำอุ่นๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ พร้อมด้วยกลิ่นหอมจากเทียนหอมหรือดอกไม้ดูสิค่ะ ผู้เขียนมีไอเดียมาแนะนำสำหรับคนที่อยากตกแต่งห้องน้ำให้ดูผ่อนคลายได้บรรยากาศแบบรีสอร์ทด้วยการเลือกใช้อ่างอาบน้ำค่ะ   เรียบหรูสไตล์คลาสสิก     หากอยากให้ห้องน้ำในบ้านดูสวยงามเหมือนดั่งรีสอร์ทชั้นนำ การเลือกใช้อ่างอาบน้ำลอยตัวสีขาวให้ดูเรียบหรู ตัดกับสีผนังปูนเปลือยอย่างสีเทา และสีน้ำเงิน ตกแต่งด้วยสุขภัณฑ์สีขาว ของประดับกลิ่นอายวินเทจย้อนยุค เพียงเท่านี้ก็จะได้ห้องน้ำที่เรียบหรูในสไตล์คลาสสิกเหมือนเวลาไปรีสอร์ทหรูแล้วค่ะ   เล็กน้อยแต่พอตัว     หากห้องน้ำของคุณผู้อ่านมีพื้นที่ใช้สอยน้อยค่อนข้างจำกัดไม่ต้องกังวลไปนะคะ พื้นที่เล็กๆ ก็สามารถเนรมิตให้น่าใช้งานได้เหมือนกัน เพราะเพียงแค่รู้จักหามุมหรือตำแหน่งจัดวางอ่างอาบน้ำให้เหมาะสม เพียงเท่านี้ก็สามารถนอนแช่น้ำได้อย่างสบายในห้องน้ำโทนสีหวานซึ่งแบ่งสัดส่วนไว้อย่างชัดเจน   ธรรมชาติเติมเต็ม     เพราะแสงแดดและทิวทัศน์อันงดงาม มักจะเป็นพลังบำบัดแห่งธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ว่าได้ใช่ไหมคะ การเลือกวางอ่างอาบน้ำจากุซซี่ทรงกลมติดกับผนังที่มีหน้าต่างไม้บานเล็กซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของงานตกแต่งแบบสเปนิซที่สามารถเปิดชมทัศนียภาพภายนอก หรือปิดไว้ให้แสงธรรมชาติสอดส่องเข้ามาได้ ก็จะช่วยเสริมเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ห้องอีกด้วย   เสน่ห์ชวนต้องมนต์     เปลี่ยนห้องน้ำเดิมๆ ให้ดูน่าใช้งานมากขึ้น ด้วยการเลือกใช้อ่างอาบน้ำลอยตัวทรงกลมสีขาวเรียบแสนเก๋ ตัดกับผนังสีเหลืองมัสตาร์ด เพิ่มเติมความเซ็กซี่ในแบบฉบับของสาวเซี่ยงไฮ้ด้วยฉากกั้นฉลุลายประแจจีน ทำให้มีกลิ่นอายแบบไชนีสที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แบบนี้เวลาอาบน้ำต้องเพลิดเพลินแน่นอน   สวยงามอย่างสมดุล   การใช้วัสดุอย่างไม้เข้ามาเติมเต็มการตกแต่งภายในห้องน้ำนั้น จะช่วยเสริมสร้างความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี แต่หากบ้านของคุณผู้อ่านมีพื้นที่ห้องน้ำขนาดใหญ่ก็คงจะกังวลกับการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ให้สมดุลใช่ไหมคะ ผู้เขียนขอแนะนำให้เลือกใช้อ่างอาบน้ำที่มีขนาดสมดุลกับขนาดของห้อง นอกจากจะดูกลมกลืนแล้วยังดูสวยงามอีกด้วย   ความงามเฉพาะตัว   ใครที่หลงรักเสน่ห์แบบชาวเหนือ คงอยากแต่งห้องน้ำสไตล์ไทยล้านนาที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนย้อนยุคกลับไปอยู่กับความคลาสสิกแบบดั้งเดิมใช่ไหมคะ เพราะความสวยงามในแบบเอกลักษณ์ที่มีจุดเด่นในการตกแต่งโดยการใช้ไม้เป็นองค์ประกอบหลักนั้น เป็นสไตล์ที่สามารถอยู่ไปได้นาน ทุกยุคสมัย ไอเดียการใช้อ่างอาบน้ำแบบคลาสสิกขาสิงห์ก็ช่วยให้สะดุดตาไม่ใช่น้อย   เรียบง่ายอย่างพอดี   การเลือกอ่างอาบน้ำไว้ในห้องน้ำนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นแบบลอยตัวเสมอไปนะคะ หากอยากตกแต่งห้องน้ำในสไตล์โมเดิร์นเรียบหรู การใช้อ่างอาบน้ำแบบฝังก็เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ห้องน้ำไม่ใช่น้อย อีกทั้งยังสะท้อนถึงความเรียบง่ายอย่างมีสไตล์ที่ชัดเจนด้วยการเลือกสีกระเบื้องหรือหินมาตกแต่งที่ขอบอ่างด้วยค่ะ ถ้าคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านให้เป็นรีสอร์ทหรูแบบง่ายๆ ลองนำไอเดียด้านบนที่เรานำมาฝากไปลองทำกันดูนะคะ รับรองว่ากลับบ้านมาเหนื่อยๆ หลังจากทำงาน ก็คงผ่อนคลายไปกับบรรยากาศที่เหมือนรีสอร์ทสบายๆ และคลายเครียดได้ดี ที่สำคัญ อย่าลืมหมั่นทำความอ่างอาบน้ำและห้องน้ำให้น่าใช้งานอยู่เสมอด้วยนะคะ เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องเสียงสตางค์ไปพักรีสอร์ทหรูๆ แล้วค่ะ :)
How to แต่งห้องนอนสไตล์ Zen สร้างบรรยากาศแบบญี่ปุ่น

How to แต่งห้องนอนสไตล์ Zen สร้างบรรยากาศแบบญี่ปุ่น

ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าในยุคปัจจุบันการแต่งบ้านสไตล์ Zen หรือที่เราเรียกติดปากกันว่ามินิมอล ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตของผู้คนในสังคมเป็นอย่างมาก เพราะด้วยวิถีชีวิตที่ค่อนข้างเรียบง่ายและเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบคนญี่ปุ่น รวมไปจนถึงการออกแบบที่พิถีพิถัน คำนึงถึงการใช้งานของผู้อยู่อาศัยมาเป็นอย่างดี ทำให้ผู้คนที่มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวต่างประทับใจ และไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะได้เห็นการตกแต่งบ้านในสไตล์นี้ในประเทศไทยมากขึ้น   เมื่อกระแสของความมินิมอลยังดีอยู่เสมอ และดูมีทีท่าที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะอย่างที่ทราบกันดีแหละค่ะว่าความมินิมอลอยู่บนพื้นฐานของความเรียบง่าย และถึงจะมีความเรียบง่าย แต่ก็ดูไม่ธรรมดา แม้จะใช้ของตกแต่งเพียงน้อยชิ้น แต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครันตามความต้องการ นี่จึงถือเป็นเสน่ห์สำคัญที่สไตล์มินิมอล เข้ามาครองใจใครหลายคน วันนี้ Review Your Living เลยขอหยิบเอาไอเดียการตกแต่งห้องนอนในสไตล์ Zen หรือสไตล์มินิมอลแบบฉบับญี่ปุ่น ที่เน้นความเรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สำหรับคนที่กำลังคิดจะแต่งหรือเปลี่ยนโฉมห้องนอนใหม่มาฝาก โดยเฉพาะห้องนอนไซส์มินิ ที่หากจัดเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งเยอะจนเกินไปอาจจะทำให้ดูรกและเกะกะได้ ดังนั้นการแต่งห้องนอนสไตล์นี้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งที่จะช่วยให้ห้องนอนออกมาดูสวยและตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนในบ้านได้.. ตกแต่งห้องนอนสไตล์ญี่ปุ่น ห้องนอนที่เรานำมาให้ชมกันเป็นห้องนอนในบ้านตัวอย่าง โครงการ Noble Gable Kanso Watcharapol ด้วยคอนเซ็ปต์ของการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สงบและใกล้ชิดธรรมชาติ มาสู่แรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยลดทอนความฟุ่มเฟือยให้เหลือเพียงแก่นแท้ของประโยชน์ใช้สอยแบบตะวันตก ทว่ายังแอบแฝงรายละเอียดสัมผัสความเป็นธรรมชาติของพื้นผิวรอบข้าง หลอมรวมออกมาในสไตล์เซน สะท้อนผ่านการตกแต่งห้องนอนขนาดพื้นที่จำกัด โทนสีของห้องใช้จึงเป็นสีเอิร์ธโทน เพื่อให้ห้องนอนดูเรียบง่ายมากที่สุด และการใช้วัสดุไม้มาตกแต่ง ก็ทำให้ห้องดูสว่าง และให้ความรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น   ภายในห้องนอนตกแต่งอย่างเรียบง่าย ดูอบอุ่นด้วยโทนสีอ่อนละมุนจากวัสดุไม้โทนสีวอร์มโอ๊คที่นำมากรุผนังและฝ้า เซาะร่องเพื่อเพิ่มความมีมิติ ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งและทำให้ห้องดูกว้างขวางมากขึ้น ใช้หน้าต่างกระจกใสรับแสงธรรมชาติที่มาเสริมให้ห้องดูสว่างโดยไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน ทั้งยังทำหน้าที่ช่วยถ่ายเทอากาศ ทำให้ห้องนอนเล็กๆ ดูสะอาดสะอ้านน่าพักผ่อนแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ขนาดน้อยนิดก็ตาม เทคนิค แต่งห้องนอนขนาดเล็ก ส่วนการตกแต่งที่ทำให้ห้องนอนดูไม่คับแคบไร้ซึ่งความอึดอัดใดๆ คือการบิลต์อินเฟอร์นิเจอร์ ไปตามความยาวของผนังห้องฝั่งหนึ่งเพื่อเหลือพื้นที่ว่างให้ได้มากที่สุด บริเวณข้างเตียงออกแบบให้เป็นลิ้นชักเก็บของ ซึ่งข้อดีของงานบิลต์อินคือเราสามารถทำขึ้นให้พอดีกับพื้นที่ได้โดยไม่เสียประโยชน์การใช้งานส่วนนั้นไป ทั้งยังเหมาะกับขนาดพื้นที่จำกัด จึงเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ทำให้สามารถใช้พื้นที่อันน้อยนิดได้อย่างคุ้มค่า   รวมไปถึงการบิลต์อินตู้เสื้อผ้า แทนการซื้อเฟอร์นิเจอร์ และการเลือกชั้นวางแบบโปร่งไม่มีหน้าบานเปิดปิด ก็ช่วยทำให้ห้องนอนไม่อึดอัด และยังทำให้ผู้อยู่อาศัยใช้งานสะดวกสบายมากขึ้น จะเห็นว่าแม้จะมีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งน้อยชิ้น แต่ในทุกๆ ชิ้นต่างใช้ประโยชน์ได้เต็มที่และเข้ากับสไตล์ Zen ในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นอีกด้วยค่ะ นี่เป็นเพียงไอเดียส่วนหนึ่ง ที่สามารถทำออกมาให้เป็นจริงได้ สำหรับใครที่มีไอเดียหรือแรงบันดาลใจแล้วอยากเปลี่ยนโฉมห้องนอนใหม่ สามารถนำไอเดียที่เรานำมาฝากไปปรึกษาสถาปนิกหรืออินทีเรียเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้เลยค่ะ :) ตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์ แต่งห้องนอนแบบเรียบง่าย IKEA Younique ไอเดียแต่งห้องนอนหลากหลายสไตล์ แต่งห้องนอนสวยด้วยวอลเปเปอร์ ชี้เป้าเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านสไตล์อินดัสเทรียล 10 วิธีแต่งห้องนอนแบบประหยัด ใช้แค่ของใกล้ตัว 22 ไอเดียแต่งห้องนอนโทนสีเบจ เติมเต็มความอบอุ่น
Tips เลือกซื้อบ้านโครงการจัดสรรอย่างไรให้ใช่ และดีที่สุด

Tips เลือกซื้อบ้านโครงการจัดสรรอย่างไรให้ใช่ และดีที่สุด

สำหรับคนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของบ้านสักหลังแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกซื้อจากโครงการไหนดี? เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าที่อยู่อาศัยในปัจจุบันถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูง ส่วนปัจจัยหลักในการเลือกซื้อบ้านนอกจากเรื่องทำเล, แนวคิดการพัฒนาโครงการ, พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านแล้ว ยังต้องคำนึงถึงชื่อของผู้ประกอบการว่ามีประวัติการสร้างและดูแลลูกค้าในโครงการดีแค่ไหน ดังนั้นก่อนที่จะซื้อบ้านไม่ว่าโครงการใดๆ ผู้ซื้อจึงควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด และทำความเข้าใจกับกฎหมายทางด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เข้าใจ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจนำไปสู่การเสียเงินและเสียเวลาในภายหลัง ทั้งนี้เพื่อเป็นตัวช่วยในการพิจารณาโครงการบ้านต่างๆ เราจะมาแบ่งปัน Tips เลือกซื้อบ้านอย่างไรให้โดนใจและดีที่สุด พร้อมกับรายละเอียดดังต่อไปนี้...   ทำเลที่ตั้งของโครงการ ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ค่ะ ว่าเรื่องตำแหน่งที่ตั้งของโครงการเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจ โครงการบ้านที่ดีต้องแวดล้อมไปด้วยสาธารณูปโภคครบครัน ซึ่งแนะนำให้ยึดทำเลที่ตั้งที่สมาชิกในครอบครัวสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกมาเป็นข้อพิจารณาอันดับแรก เช่น การเดินทางไปสถานที่ทำงาน หรือสถานศึกษาของสมาชิกในครอบครัว ระบบโครงข่ายคมนาคมที่มีระบบขนส่งรองรับ ทำให้การเดินทางเพื่อปฏิบัติภารกิจประจำวันสะดวกรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งการเลือกทำเลที่ตั้งของบ้านควรพิจารณาจากความเหมาะสมกับความต้องการและวิถีชีวิตของคนในครอบครัวเป็นหลัก   เส้นทางการคมนาคมเข้าสู่ตัวเมือง ประเด็นรองต่อจากเรื่องทำเลที่ตั้งคงหนีไม่พ้นเรื่องของเส้นทางคมนาคมจัดเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับต้นๆ ในการที่เราจะตัดสินใจซื้อบ้านสักโครงการหนึ่ง เพราะโครงการที่ดีนั้นควรจะตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนมากนัก หรือมีเส้นทางลัดที่สามารถเชื่อมกับทางด่วนหรือเส้นทางหลักที่ใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ และควรใช้เวลาบนถนนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเลือกได้ แนะนำว่าถ้ามีเวลาสนใจโครงการไหนก็ลองวนรถดูนะคะ วนเข้า-วนออก, ยูเทิร์น ซึ่งควรลองขับรถไปทั้งวันธรรมดาและวันเสาร์-อาทิตย์ หลาย ๆ ช่วงเวลาดูนะคะว่าจะ "สะดวก" อย่างที่ทางโครงการโฆษณาไหม แล้วจึงค่อยตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง   เลือกโครงการและราคาที่เหมาะสม เมื่อได้ทำเลที่ต้องการแล้ว ควรเลือกโครงการและราคาที่เหมาะสม สำหรับโครงการที่ดีนั้นควรจะมีสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่ครบถ้วน เช่น ถนน ท่อระบายน้ำ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายการจัดสรรที่ดินกำหนดหรือไม่ สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ เช่น สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ หรือฟิตเนส มีตรงตามความต้องการของผู้ซื้อไหม? ในบริเวณใกล้เคียงโครงการมีโรงเรียน โรงพยาบาล หรือห้างสรรพสินค้าหรือไม่ รวมถึงสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกโครงการ เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของสมาชิกในครอบครัวขนาดไหน   เลือกบริษัทหรือเจ้าของโครงการที่มีประสบการณ์ไว้ก่อน นอกจากเรื่องทำเลที่ตั้งและการเดินทางแล้ว การจะซื้อบ้านโครงการสักหลังยังต้องคำนึงถึงบริษัทหรือเจ้าของโครงการว่ามีความน่าเชื่อถือมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากน้อยเพียงใด โดยพิจารณาจากประวัติชื่อเสียงและผลงานในอดีต เพื่อเป็นเครื่องรับประกันในขั้นต้นว่า ผู้ซื้อจะได้บ้านที่มีมาตรฐานทั้งด้านความมั่นคงแข็งแรง และก่อสร้างบ้านให้ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันอย่างตรงเวลา ในกรณีนี้ผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์และมีความเป็นมืออาชีพ จะได้เปรียบกว่าผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีผลงานในการก่อสร้างเลย   ขนาดพื้นที่บ้าน นอกจากเรื่องแบรนด์ของตัวบ้านแล้วสิ่งที่ทำให้ราคาพุ่งสูงก็คือขนาดพื้นที่ดินที่บ้านหลังนั้นตั้งอยู่นั่นเองค่ะ ยิ่งโครงการตั้งอยู่ในที่เจริญแล้วก็จะยิ่งมีราคาสูงขึ้นไปอีกเนื่องจากราคาที่ดินต่อตารางวา ดังนั้นการที่เราสนใจจะซื้อบ้านสักหลังควรต้องรู้ขนาดที่ดินที่ตั้งของบ้านด้วยนะคะว่ามีขนาดเท่าไหร่ โดยมีหน่วยวัดเป็นตารางวา ซึ่งอาจสอบถามพนักงานขายก็ได้ค่ะ ว่าที่ราคาที่ดินตรงนี้ราคาตารางวาละเท่าไร แล้วจึงลองคูณจำนวนพื้นที่ดู ที่สำคัญคือส่วนที่เหลือจากค่าที่ดินก็คิดเป็นราคาบ้านค่ะ ลองคิดวิเคราะห์ดูครับว่าเงินส่วนที่เหลือประมาณระดับนี้แล้วต้องจ่ายเงินในส่วนที่เหลือก็คือราคาบ้านลองดูว่าวัสดุและเงินส่วนที่เหลือว่าคุ้มค่าแค่ไหน   แบบแปลนบ้าน แบบบ้านก็เป็นอีกหนึ่งความจำเป็นที่ต้องใช้ในการประกอบการตัดสินใจนะคะ เพราะขนาดหน้ากว้างและความลึกของตัวบ้าน ตลอดจนจำนวนที่จอดรถ, จำนวนห้องน้ำ, ห้องนอน, ห้องครัว รวมถึงพื้นที่ใช้สอยรอบบ้านว่าเพียงพอต่อความต้องการไหม นอกจากนี้ยังควรคำนึงถึงอนาคต กรณีที่ครอบครัวไหนจะมีสมาชิกเพิ่มด้วยนะคะ ว่ามีห้องสำหรับลูกสาวลูกชายตัวน้อยหรือเปล่า แนะนำให้ศึกษาดูแปลนบ้านชั้นล่างและชั้นบนโดยละเอียดนะคะ   คุณภาพวัสดุที่ใช้ สำหรับเรื่องของตัวบ้านควรคำนึงถึงเรื่องของคุณภาพของวัสดุที่ใช้เทียบกับราคาของบ้านว่าสมเหตุสมผลมากน้อยแค่ไหน ลองพิจารณาดูนะคะว่าวัสดุและเทคโนโลยีที่ทางโครงการใส่ให้กับบ้านของเราคุ้มค่าไหม ปัจจุบันที่เห็นก็จะเป็นระบบระบายอากาศในบ้าน, ระบบป้องกันความร้อนจากภายนอก เป็นต้น บางคนอาจจะมองหาบ้านที่ใช้อิฐมวลเบาและอิฐมอญ หรือเป็นบ้านแบบ Precast บ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องคำนึงอย่างละเอียด เพราะทุกชิ้นทุกมุมในบ้านคือสิ่งที่เราต้องจ่ายเงินซื้อรวมไว้ในราคาบ้านแล้วค่ะ ดังนั้นจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบสักนิดหนึ่งเพื่อบ้านที่ใช่และดีที่สุด   สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านโครงการจัดสรรอยู่ ลองนำ Tips เลือกซื้อบ้านอย่างไรให้โดนใจและดีที่สุดที่เรามาฝากกันในวันนี้ไปพิจารณาดูนะคะ ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อเอง ยังไงผู้เขียนก็ขอเอาใจช่วยให้ทุกคนได้เลือกบ้านที่ใช่ในราคาที่สมเหตุสมผล คุ้มค่าทุกพื้นที่อยู่อาศัยเลยนะคะ          
5 วิธีคืนชีพร่องยาแนว สวยสดใส น่าอยู่ยิ่งกว่าเดิม

5 วิธีคืนชีพร่องยาแนว สวยสดใส น่าอยู่ยิ่งกว่าเดิม

“งานบ้าน” ใครว่าไม่เหนื่อย พอลงมือทำจริง ๆ ก็เรียกเหงื่อได้เหมือนกันนะครับ การหาเคล็ดลับดี ๆ วิธีผ่อนแรงจึงเป็นแนวทางที่จะช่วยทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้ อย่างการทำความสะอาดพื้นกระเบื้องที่มีคราบดำติดฝังแน่นตามร่องยาแนว ที่ใคร ๆ เห็นแล้วก็ต้องหนักใจ เพราะลำพังใช้แปรงขัดถู ขัดทั้งวันก็ไม่สะอาด เนื้อหาชุดนี้ “บ้านไอเดีย” จึงรวบรวมวิธีทำความสะอาดร่องกระเบื้องแบบทำเองได้ไม่ต้องจ้างช่าง เพื่อให้คุณแม่บ้านและคุณพ่อบ้านไม่เหนื่อยจนเกินไป จะได้เหลือเวลาใช้ทำธุระส่วนตัวหรือพักผ่อนร่วมกับครอบครัวในวันหยุดมากขึ้นกว่าเดิม สนับสนุนโดย : บุญถาวร   บ้านยุคใหม่ ใคร ๆ ก็ปูพื้นและผนังด้วยกระเบื้องเซรามิก เนื่องด้วยเป็นวัสดุที่ทนทาน ดูแลง่ายกว่างานไม้และวัสดุอื่น ๆ กระเบื้องมีเพียงข้อเสียเดียวคือรอยต่อของร่องยาแนว เมื่อใช้งานไปนาน ๆ มักมีฝุ่นผงติดแน่น ยากที่จะทำความสะอาดให้กลับมาใหม่เช่นเดิมได้ วันนี้เรามีวิธีการขจัดสิ่งสกปรกฝังแน่นตามร่องยาแนวที่จะกลายเป็นเรื่องง่าย ที่ใคร ๆ ก็ทำได้ ไม่เปลืองเงิน ไม่เปลืองแรงกับ 5 วิธีนี้ครับ     1. สูตรเบคกิ้งโซดาและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์   หลายคนอาจจะสงสัยว่าเบคกิ้งโซดากับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ คืออะไร เบคกิ้งโซดาหรือโซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นส่วนผสมสำหรับทำขนมให้ขึ้นฟู (คนละตัวกับผงฟูนะครับ) จะมีความเป็นด่าง ส่วนไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ก็เป็นน้ำยาที่เราใช้ล้างแผลนั่นเองครับ มีคุณสมบัติช่วยให้บริเวณที่ใช้งานขาวและสะอาด โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ที่รุนแรงต่อผู้ใช้และผิววัสดุยาแนว ซึ่งทำมาจากซีเมนต์ที่มีรูพรุน จึงถูกกัดกร่อนได้จากสารเคมีรุนแรงที่พบในน้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือนทั่วไป สองอย่างนี้จึงค่อนข้างปลอดภัยเมื่อนำมาใช้ในบ้าน   วิธีใช้คือ ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ¼ ถ้วยตวง เบคกิ้งโซดา ½ ถ้วยตวง (หรือเพิ่มพลังขจัดความสกปรกด้วยการเติมน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชา) คนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปป้ายตามร่องยาแนว 30 นาที จากนั้นใช้แปรงแข็ง ๆ ขัดจนคราบดำ ๆ หลุดออก ใช้ผ้าสะอาดเช็ดตาม แล้วล้างออกด้วยน้ำอีกครั้ง     2. สูตรน้ำยาล้างห้องน้ำผสมน้ำส้มสายชู   การทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชู เป็นสูตรคลาสสิคที่หลายบ้านนิยมใช้เป็นน้ำยาพื้นฐานในการทำความสะอาดพื้น เพราะหาง่ายในครัว เป็นกรด acetic acid ที่ไม่มีสารพิษตกค้าง สูตรนี้จะใช้น้ำยาล้างห้องน้ำผสมกับน้ำส้มสายชูอย่างละครึ่ง แล้วใช้แปรงจุ่มขัดตามร่อง ใช้เวลาและแรงเพียงนิดเดียวก็ขัดออกได้หมด น้ำยาล้างตำรับนี้มีกลิ่นฉุนแรงและขจัดคราบค่อนข้างได้ผลดี เพราะน้ำยาล้างห้องน้ำมีส่วนผสมของกรดเกลือ (hydrochloric acid)  น้ำส้มสายชูกลั่นก็มีฤทธิ์เป็นกรดเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายคราบคูณ 2 ซึ่งผู้ใช้งานเองก็ต้องระวัง ควรลงมือทำในช่วงที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงหรือเด็กอยู่ใกล้ ๆ     3. แต้มร่องยาแนวด้วยสี   การเปลี่ยนคราบสีดำบริเวณร่องกระเบื้องให้ดูขาวสะอาดแบบเบสิค ไม่ใช้เทคนิคซับซ้อนก็ขาวได้ทันใจ นั่นคือ การใช้พู่กันจุ่มสีอะคริลิคสำหรับงานวาดรูป แบบ Deco Art ซึ่งจะมีคุณสมบัติที่กันน้ำได้ ทาเคลือบตามร่องยาแนวให้ทั่ว หากสีเลอะออกไปเปื้อนกระเบื้องก็สามารถใช้ฟองน้ำหรือผ้าชุบน้ำเช็ดได้ เมื่อทาเสร็จแล้วทิ้งไว้ให้สีแห้งสนิทประมาณ 24 ชั่วโมงเป็นอันเสร็จเรียบร้อย กรณีใช้สีอะคริลิคแนะนำเป็นกระเบื้องผนังนะครับ หากเป็นกระเบื้องพื้นอาจใช้สีซีเมนต์หรือสีที่ผลิตมาเพื่อเติมร่องยาแนวโดยเฉพาะ จะทนต่อความชื้นและแรงขัดถูได้ดีกว่าสีอะคริลิคทั่วไปครับ     4. ทำความสะอาดด้วยกระดาษทราย    สำหรับใครที่คิดว่าสูตรที่ให้มา 3 ข้อนี้ ยังไม่ได้ผลขั้นสูงสุดแบบที่อยากจะให้เป็น และพร้อมที่จะเสียสละผิวร่องยาแนว ให้ใช้สูตรขัดด้วยกระดาษทราย รับรองว่าร่องยาแนวจะขาวขึ้นแน่นอน แต่อาจต้องแลกมาด้วยการออกแรงมากกว่าสูตรอื่น ๆ สักหน่อย ซึ่งวิธีการก็ง่าย ๆ คือเลือกซื้อกระดาษทรายความละเอียดมากหน่อยประมาณเบอร์ 180-240 นำมาพับเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือพับพันหวีอันเล็ก ๆ  แล้วนำไปขัดตามร่องยาแนวดำ ๆ จนคราบออกหมดก็เสร็จเรียบร้อย ระวังอย่าเลือกกระดาษทรายเม็ดหยาบไปเพราะอาจจะขูดกระเบื้องเป็นรอยได้ครับ     5. ใช้น้ำยาทำความสะอาดร่องยาแนวโดยเฉพาะ   คุณพ่อบ้านแม่บ้านที่ไม่มีวัตถุดิบสำหรับงาน D.I.Y หาในบ้านแล้วไม่มีน้ำส้มสายชู ไม่มีเบคกิ้งโซดา หรือกลัวอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการผสมวัตถุดิบเอง แนะนำให้หาซื้อผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาดร่องยาแนวโดยเฉพาะ  โดยปกติมีจำหน่ายตามแผนกน้ำยาทำความสะอาด ข้อดีของน้ำยาเหล่านี้ คือ ปลอดภัย ไม่ทำลายผิวหน้ากระเบื้อง กลิ่นไม่ฉุนเท่ากับสูตรต่าง ๆ ที่ผสมเอง ซื้อมาเพียงขวดเดียว สามารถใช้ได้กับงานกระเบื้องทั้งหลังครับ   จบทั้ง 5 วิธี ที่จะช่วยให้กระเบื้องพื้นและกระเบื้องผนังบ้านของเรา กลับมาดูสดใสมีชีวิตชีวาน่าอยู่ยิ่งกว่าเดิม แต่ละวิธีไม่ยากเลยใช่ไหมครับ ถนัดใช้วิธีไหนประยุกต์ได้ตามความต้องการ แต่หากเลือกใช้วิธีที่ต้องสัมผัสสารเคมี ซึ่งอาจมีฤทธิ์เป็นกรด เป็นด่าง แนะนำให้หาถุงมือยางมาสวมใส่ เพื่อป้องกันมือไม่ให้สัมผัสกับสารเคมีโดยตรง   ส่วนใครที่อยากใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับขัดคราบสกปรกบริเวณร่องยาแนวโดยเฉพาะ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ทั้งกระดาษทราย สีอะคริลิค ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นบ้านและห้องน้ำหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นมาเพื่อวัสดุต่าง ๆ โดยเฉพาะ ช่วยป้องกันผิววัสดุไม่ให้ถูกทำลายจากสารเคมี หรือต้องการคำแนะนำอื่น สามารถหาซื้อสินค้าพร้อมรับคำปรึกษาจาก บุญถาวร ผู้นำงานกระเบื้องเซรามิกของไทย ได้ทุกสาขาใกล้บ้านครับ   ข้อมูลเพิ่มเติม เว็บไซต์: Boonthavorn.com ขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.banidea.com/tile-cleaner-by-boonthavorn/
วิธีดับกลิ่นเหม็นจากท่อน้ำ ด้วยสิ่งของใกล้ตัว

วิธีดับกลิ่นเหม็นจากท่อน้ำ ด้วยสิ่งของใกล้ตัว

ปัญหาท่อระบายน้ำภายในบ้านและคอนโดส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่กวนใจคุณแม่บ้านและใครหลายๆ คน เช่น ชักโครก ท่อน้ำทิ้งในห้องน้ำ ท่ออ่างล้างจานในห้องครัว หรือท่อระบายน้ำเครื่องซักผ้า ซึ่งจุดนั้นมักมีกลิ่นเหม็นที่เกิดจากเศษอาหารหลุดลงไป หรือเป็นแหล่งสะสมของคราบสกปรกและเชื้อโรค แม้ว่าบางครั้งคุณได้ล้างทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้วก็ตาม ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป เพราะวันนี้เรามีวิธีกำจัดกลิ่นท่อเหม็นเหล่านั้นมาฝากกันค่ะ   รักษาความสะอาด คุณต้องเก็บเศษอาหารทิ้งลงถังขยะแทนการเทลงท่อน้ำโดยตรง ส่วนท่อระบายน้ำในห้องน้ำหมั่นเอาเศษผมออก และเวลาคุณแม่บ้านกวาดบ้านควรตักเศษผงใส่ที่ตักขยะ ห้ามกวาดเศษผงนั้นลงในห้องน้ำเด็ดขาด นอกจากเศษผงจะส่งกลิ่นแล้วยังทำให้ท่อน้ำตันได้อีกด้วยนะ   ทำความสะอาดท่อด้วยเบกกิ้งโซดา โดยการนำเบกกิ้งโซดามาโรยลงในท่อ จากนั้นให้คุณราดน้ำส้มสายชูตามลงไปในปริมาณที่เท่ากัน แล้วรอประมาณ 15 นาที จึงค่อยราดน้ำเดือดตามลงไป วิธีนี้ช่วยสลายเศษอาหารหรือกระจุกเส้นผมภายในท่อออก ทำให้ท่อโล่งและน้ำไหลได้สะดวกขึ้น   ทำความสะอาดด้วยโซดาไฟ เนื่องจากโซดาไฟเป็นสารเคมีอันตรายอย่างมากคุณควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาจัดการให้ หรือหากต้องทำเองควรใช้อย่างระมัดระวัง เวลาใช้ต้องใส่ถุงมือ และผ้าปิดปากปิดจมูกทุกครั้ง นำโซดาไฟใส่ลงในภาชนะ ค่อยๆ เติมน้ำแล้วคนให้ละลาย จากนั้นเทลงในท่อที่อุดตัน ระวังอย่าให้เข้าตา จมูก และปาก แม้กระทั่งผิวหนังเอง เพราะโซดาไฟมีฤทธิ์เป็นด่าง หากเข้มข้นมากก็สามารถกัดผิวหนังให้เปื่อยยุ่ยได้ในระยะเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีนะคะ   ใช้ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ เช่น ยาขจัดเชื้อโรคเดทตอล หรือจุลินทรีย์ EM เป็นต้น คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ที่ใช้ในครัวเรือน โดยนำเอา EM เทลงไปในท่อน้ำทิ้ง ประมาณ 2-4 ลิตร (แล้วแต่พื้นที่ของท่อ) ติดต่อกันทุกวันประมาณ 1 สัปดาห์ พวกจุลินทรีย์หรือน้ำหมักชีวภาพนี้ จะทำหน้าที่ย่อยสลายคราบไขมัน หรือคราบสกปรกที่ติดอยู่ภายในท่อ ซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาท่อเหม็นนี้   ดับกลิ่นด้วยเกลือ ให้คุณนำเกลือที่เราใช้ปรุงอาหารมาละลายกับน้ำอย่างเข้มข้น แล้วนำไปราดลงในชักโครกหรือคอห่านได้เลย ฤทธิ์ของเกลือจะช่วยขจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นเหม็นได้   จะเห็นว่าการกำจัดท่อเหม็นด้วยวิธีเหล่านี้ จะช่วยแก้ปัญหากลิ่นจากท่อน้ำทิ้งได้ แต่สิ่งที่ควรปฏิบัติคือ การหมั่นดูแลทำความสะอาด อย่าให้มีเศษเส้นผม เศษอาหาร หรืออะไรหลุดลงไปตามท่อ เพียงเท่านี้ก็ขจัดแหล่งสะสมของเชื้อโรค และไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์มารบกวนใจผู้อยู่อาศัยได้อีก     ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.klangpanya.com/วิธีแก้ท่อเหม็น/            
คิดซักนิด ก่อนเช่าคอนโด

คิดซักนิด ก่อนเช่าคอนโด

การเช่าห้องพักหรือคอนโด เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับวัยทำงาน และวัยเรียน ที่ต้องการมีที่พัก ใกล้ที่ทำงานหรือที่เรียน เพราะหากจะซื้อบ้านหรือคอนโดอยู่ถาวรเลยนั้น ก็เป็นเรื่องที่หนักเอาการ การเช่าอยู่ จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่จะช่วยให้ความสะดวกสบายมากขึ้น   ทำเล ทำเล เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการเช่าคอนโดนั้น ต้องช่วยเพิ่มในความสะดวกสบายของการเดินทาง และแหล่งของกินที่จะช่วยในเรื่องของการดำรงชีวิต และอาศัยในแต่ละวัน เพราะถ้ามีสิ่งเหล่านี้ครบ ชีวิตเราก็จสบายขึ้นเยอะเลย และที่สำคัญคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปด้วยนะ   ที่จอดรถ หายากพอสมควรสำหรับหลายๆ ที่โดยเฉพาะคนที่มีรถนั้น ต้องดูที่พักที่มีที่จอดรถ และไม่เปลี่ยวจนเกินไป เพราะนอกจากจะอันตรายต่อทรัพย์สินของท่านแล้ว ยังช่วยให้ง่ายต่อการใช้ชีวิตมากขึ้นอีกด้วย แต่คงไม่มีปัญหาสำหรับหลายๆ คนที่ไม่ได้ใช้รถแต่ใช้การเดินทางโดยรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นใต้ดินหรือบนฟ้าก็ตาม ซึ่งปัจจุบัน ก็มีหลายคอนโดที่อยู่ติดรถไฟฟ้า และเส้นทางคมนาคมอื่นๆ ด้วย ทำให้ง่ายต่อการเดินทาง    เพื่อนบ้านนิสัยดี สภาพแวดล้อมอีกอย่างที่อาจจะสังเกตุยากหน่อย และควรจะหมั่นสังเกตุ ฉะนั้นหากห้องข้างๆ ดูน่าไว้ใจและมีอุปนิสัยที่ดีก็ถือเป็นความโชคดีสุดๆ ของคุณเลยทีเดียว เพราะจะหมดปัญหากวนใจอย่างการส่งเสียงดังรบกวน หรือความเสี่ยงในชีวิต และทรัพย์สินต่างๆ เผลอๆ อาจจะได้เพื่อนดีๆ ที่พึ่งพาได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย   การบำรุงรักษาห้องพัก ก่อนตัดสินใจเช่าคอนโด แนะนำให้ตรวจสอบร่องรอยความเสียหาย และการบำรุงรักษาห้องพักให้ดี ว่าส่วนไหนในห้องพักมีการชำรุด และยังไม่ได้รับการซ่อมแซมบ้าง หรือจุดที่ซ่อมแซมแล้วใช้งานได้จริง หรือไม่ เพราะเจ้าของห้องที่มีการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ จะช่วยยืนยันได้ว่า หากเกิดปัญหาอะไรในห้องพัก คุณจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ อีกอย่างจะได้ใช้ยืนยันเวลาทำสัญญาเช่าพักและจ่ายค่าประกันห้องด้วย เพื่อเลี่ยงปัญหาโดนหักค่าประกันห้องพักในภายหลังค่ะ   ค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับคอนโด การรู้ประวัติความเป็นมาของคอนโดนั้นๆ ก่อนตัดสินใจเข้าพักก็จำเป็นไม่น้อย ยิ่งเดี๋ยวนี้โลกออนไลน์เป็นแหล่งข่าวที่ดี ก็จะยิ่งทำให้ได้ทราบปัญหาและความเสี่ยงต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่าง ถ้าพื้นที่ไหนเกิดเหตุร้ายบ่อยๆ เช่น ปล้น ชิงทรัพย์หรือฆ่าข่มขืน คุณจะได้ไหวตัวทันว่าพื้นที่นั้นไม่ปลอดภัย เป็นต้น   ชัดเจนเรื่องค่าใช้จ่าย อย่าลังเลที่จะถามถึงบิลค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต หรือค่าโทรศัพท์จากเจ้าของห้อง ว่าได้รับการชำระหมดแล้วหรือไม่ จะได้ไม่เป็นภาระให้คุณต้องมานั่งรับผิดชอบทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนก่อ ให้ปวดใจเล่น รวมไปถึงส่วนกลางต่างๆ การให้บริการ   ตรวจสอบกฎระเบียบเรื่องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง หากคุณมีเพื่อนรักเป็นสัตว์เลี้ยง การหาคอนโดเช่าก็เป็นเรื่องยากขึ้นมาอีกนิดหน่อย เพราะไม่ใช่คอนโดทุกแห่งจะอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ ดังนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าที่พักนั้นๆ ไม่มีกฎห้ามในเรื่องสัตว์เลี้ยง แต่หากคุณไม่มีสัตว์เลี้ยงไว้ในครอบครอง ก็เบาใจกับปัญหานี้ไปได้เลย   ค่าเช่าที่เหมาะสม ถึงแม้ว่าคอนโดแห่งนั้น จะตอบโจทย์ของคุณได้หมดทุกข้อ แต่ถ้าคำนวณแล้วรายรับจะไม่พอรายจ่ายเพราะค่าเช่าคอนโดที่สูงเกินไป ก็เห็นทีว่าจะไม่เวิร์คเช่นกัน ดังนั้นลองมองหาคอนโดที่ราคาเหมาะสมกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และเงินในกระเป๋าของคุณจะดีกว่า   พิจารณาสัญญาเช่าให้ละเอียด ก่อนเซ็นสัญญาเช่า อย่าลืมอ่านรายละเอียดข้อตกลงที่ระบุไว้ในสัญญาให้ถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาขั้นต่ำในการเข้าพัก ราคาค่าเช่า จำนวนเงินค่ามัดจำ กฎระเบียบต่างๆ ของหอพัก รวมไปถึง การดูแลรักษาห้องพักในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้นด้วย เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันทั้งผู้เช่า และผู้ให้เช่า จะได้ไม่เกิดปัญหาโลกแตกในภายหลังค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเช่าพักหรือจะเป็นการพักอาศัยแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความปลอดภัย ดังนั้น   นอกเหนือจาก 9 ข้อด้านบนแล้ว ก็ควรเลือกคอนโดในย่านที่มีคนพลุกพล่าน ไม่เปลี่ยว ไม่อยู่ในซอยลึก เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินไว้ก่อน ขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.lalinproperty.com/news/think-before-loan-condo.html        
เลือกเหล็กดัดอย่างไรให้เข้ากับบ้าน

เลือกเหล็กดัดอย่างไรให้เข้ากับบ้าน

“เหล็กดัด” จัดว่าเป็นอีกหนึ่งวัสดุยอดฮิตของหลายๆ บ้านที่สถาปนิกและผู้รับเหมานิยมติดตั้งเพื่อป้องกันปัญหาบุกรุกและขโมยขึ้นบ้าน เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทาน และสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้แก่ผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี แต่ในเรื่องของความสวยงามนั้นกลับเป็นปัญหาให้เจ้าของบ้านกังวลใจไม่ใช่น้อยเลย เพราะเหล็กดัดที่เราเห็นทั่วไปมักมีลวดลายทำให้รูปลักษณ์ของบ้านดูสวยน้อยลง ซึ่งองค์ประกอบหลักของการเลือกเหล็กดัดให้เข้ากับบ้านนั้นก็มีอยู่ไม่กี่ข้อ เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง เลือกเหล็กดัดแบบที่ใช่ในสไตล์ที่ชอบ ขั้นตอนแรกของการเลือกเหล็กดัดให้เข้ากับตัวบ้าน แนะนำให้ลองหารูปภาพแบบที่ชอบในอินเตอร์เน็ต หรือหนังสือต่างๆ เพื่อเป็นภาพตัวอย่างให้แก่ช่างผู้ชำนาญหรือสถาปนิกผู้ออกแบบ นอกจากนี้ควรเลือกลวดลายให้รับกับสไตล์ของบ้าน เช่น บ้านสไตล์โมเดิร์น ก็ควรเลือกเหล็กดัดเป็นเส้นสายเรียบๆ ไม่ต้องมีลวดลายหรือเกิดความรกสายตาจนเกินไป เพราะถ้าออกแบบให้ดีก็สามารถเป็นส่วนตกแต่งที่ดีและโดดเด่นของบ้านได้ ก่อนติดเหล็กดัด ต้องทำความรู้จักกับชนิดของเหล็กก่อน แน่นอนว่าเหล็กดัดทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน ซึ่งเหล็กก็มีหลายประเภทด้วยกัน ทั้งเหล็กแผ่น เหล็กเส้น และเหล็กรูปทรงต่างๆ ส่วนใหญ่เราจะชินกับเหล็กกลมหรือเหลี่ยมเท่านั้น ดังนั้นแนะนำให้ศึกษาข้อมูลชนิดต่างๆ ของเหล็กให้ดี เพื่อจะได้เลือกวัสดุที่มีความสวยงาม แข็งแรงและปลอดภัยกับบ้านนั่นเองค่ะ เช็คขนาดและระยะห่างให้ดี ก่อนติดเหล็กดัด เมื่อเลือกรูปแบบ ลวดลาย ที่ชอบเหมาะกับบ้านได้แล้ว ขั้นตอนต่อมาแนะนำให้คำนวณขนาดและช่องว่างให้ดี เพราะความสวยงามเส้นสายต่างๆ ของเหล็กดัดที่เกิดขึ้น ต้องทำให้เกิดช่องว่างที่ไม่มากเกินไป ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในการป้องกันไม่ให้ตัวคนหรือแขนลอดผ่านได้ง่าย เลือกช่างที่ชำนาญในการติดตั้งเหล็กดัด ขั้นตอนสุดท้ายเมื่อมีแบบคร่าวๆ ก่อนที่จะให้ช่างลงมือทำ แนะนำให้เลือกช่างที่มีความชำนาญเกี่ยวกับเหล็กโดยตรง และช่วงติดตั้งนั้นเจ้าของบ้านควรหมั่นเข้ามาดูงานบ่อยหน่อย เผื่อมีการแก้ไขจะได้ทำทันที ส่วนจะติดเหล็กดัดข้างในหรือข้างนอกบ้านอาจไม่สำคัญเท่ารูปแบบ เพราะอย่างไรเหล็กดัดเหล่านี้ก็เป็นเกราะป้องกันให้แก่บ้านอยู่ดีค่ะ องค์ประกอบเพื่อความปลอดภัยที่สำคัญของบ้านอย่างเหล็กดัด นับเป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่เจ้าของบ้านควรใส่ใจ ทั้งในด้านการออกแบบ,การเลือกวัสดุคุณภาพ และช่างผู้ชำนาญก็ช่วยทำให้มั่นใจได้อีกขั้นหนึ่ง ขอแค่เลือกให้เข้ากับสไตล์ของบ้านแค่นี้ก็ได้บ้านสวยและอยู่สบายแล้วค่ะ ตัวอย่างเหล็กดัดชนิดต่างๆ baanandbeyond เรื่องราวเกี่ยวกับประตู-หน้าต่าง อื่นๆ ประตู หน้าต่าง เลือกใช้วัสดุแบบไหนดี? ผนัง Precast สามารถเจาะเพิ่มช่องประตูหรือหน้าต่างได้หรือไม่ ‘ทอสเท็ม’ นำเสนอ ‘บานประตูและประตูรั้วอะลูมิเนียมสำเร็จรูป’ รุ่นใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายของผู้อยู่อาศัย  
เทคนิคทำความสะอาดบ้านแบบง๊ายง่าย ห่างไกล “ภูมิแพ้”

เทคนิคทำความสะอาดบ้านแบบง๊ายง่าย ห่างไกล “ภูมิแพ้”

การทำความสะอาดบ้านตามปกติก็ต้องหมั่นทำกันบ่อย ๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าสมาชิกในบ้านของเรามีผู้ที่เป็น "โรคภูมิแพ้" คุณแม่บ้านต้องใส่ใจการดูแลทำความสะอาดบ้านบ่อย ๆ เลยนะคะ เพราะมลพิษและฝุ่นต่าง ๆ ภายในบ้าน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ไปกระตุ้นอาการภูมิแพ้ ดังนั้นเรามาดู เคล็ดลับการทำความสะอาด และจัดบ้านให้ปลอดจากเจ้าฝุ่นตัวการกันดีกว่าค่ะ ตุ๊กตาตัวสะสมฝุ่น มีหลายคนเลยที่ติดการนอนกอดตุ๊กตาตัวโปรดทุกคืน แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้าตุ๊กตาขน ๆ เหล่านี้เป็นแหล่งสะสมฝุ่นชั้นดีเลยนะคะ ดังนั้นหากเป็นไปได้อย่าวางตุ๊กตาไว้ใกล้หัวนอนเกินไป หรือทางที่ดีไม่ควรที่จะวางตุ๊กตาไว้ในห้อง เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่น หรือถ้าหากใครที่ติดนอนกอดตุ๊กตาจริง ๆ ก็ต้องหมั่นนำไปซักทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ฝุ่นจับ โดยวิธีการทำความสะอาด เพียงนำตุ๊กตาไปซักด้วยน้ำสบู่ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำร้อน ซับน้ำออกให้มากที่สุด แล้วนำไปตากแดด หมั่นทำแบบนี้เป็นประจำเพื่อสุขอนามัยที่ดี จะได้ไม่เกิดภูมิแพ้นะคะ ไรฝุ่นบนที่นอนก็ตัวแสบไม่แพ้กัน เตียงนอนถือเป็นจุดที่เราแทบจะใช้เวลาอยู่ตรงนี้มากที่สุดในแต่ละวัน ซึ่งหากที่นอนของเราไม่ได้รับการดูแลทำความสะอาด ก็จะยิ่งเป็นที่สะสมของไรฝุ่นเลยล่ะค่ะ เพราะไรฝุ่นจะอาศัยในบริเวณที่มีความอับชื้น และเจริญเติบโตได้ดีจากอาหารซึ่งก็คือเซลล์ผิวหนังของมนุษย์ รวมถึงใยผ้าและขนสัตว์ ดังนั้นทุก ๆ อาทิตย์ ควรนำผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ไปซักทำความสะอาด และหมั่นนำฟูกที่นอน หมอน ไปตากแดดฆ่าเชื้อโรค จะได้ช่วยลดไรฝุ่นนะคะ หมั่นกำจัดขนสัตว์ และอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงเป็นประจำ ใครที่มีสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้านก็ต้องระวังเรื่องของขนสัตว์ด้วยนะคะ โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ในส่วนนี้คุณแม่บ้านต้องหมั่นกำจัดขนสัตว์ภายในบ้านเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้า หรือตามซอกหลืบต่าง ๆ ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดให้ทั่ว ถ้ามีขนสัตว์ติดตามที่นอนหรือเสื้อผ้า ก็ควรใช้ลูกกลิ้งกำจัดให้เรียบร้อย ที่นอกจากนี้ไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงเข้ามานอนด้วย  เพราะรังแคของสัตว์เลี้ยงก็เป็นอาหารชั้นดีของไรฝุ่นเช่นกันค่ะ ที่สำคัญเลยก็ควรอาบน้ำทำความสะอาดเจ้าตูบและเจ้าเหมียวในบ้านกันด้วยนะคะ ทำความสะอาดมุมที่อับชื้น และซอกหลืบตามบ้าน  อย่างที่เคยบอกไว้ว่ามุมอับชื้น และซอกหลืบตามบ้าน เป็นแหล่งก่อตัวของเชื้อโรคได้ดีทีเดียว คุณแม่บ้านจึงจำเป็นต้องใส่ใจในการทำความสะอาดบริเวณเหล่านี้กันมาก ๆ นะคะ โดยนอกจากจะทำการดูดฝุ่นแล้ว ยังควรฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในการทำความสะอาดด้วย เพื่อป้องกกันการก่อตัวของสารก่อภูมิแพ้หรือไรฝุ่นค่ะ ผ้าม่าน แหล่งสะสมฝุ่นที่คุณมักมองข้าม ฝุ่นละอองตามพื้นหรือเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ กันเป็นสิ่งที่เราสามารถมองเห็นฝุ่นด้วยตาเปล่ากันอยู่แล้ว แต่ผ้าม่านกลับเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม แถมนาน ๆ ทีถึงจะถอดมาซักอีกด้วย แต่รู้หรือไม่ว่าที่เราไม่เห็นฝุ่นบนผ้าม่านก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนะคะ เพราะผ้าม่านนี่แหละตัว “อมฝุ่น” เลยล่ะค่ะ เพราะว่าเรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ก็เลยมักจะไม่ค่อยนำมาทำความสะอาด  ผ้าม่านจึงกลายเป็นแหล่งสะสมเพาะพันธุ์เชื้อโรค ดังนั้นอย่างน้อย ๆ จึงควรถอดผ้าม่านออกมาซักทำความสะอาดกันบ้าง จะได้ไม่อมฝุ่นจนกระตุ้นภูมิแพ้นะคะ ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.tescolotus.com/blog/view/567?cutheadfoot=1
ข้อควรรู้เมื่อบ้านเกิดรอยร้าว

ข้อควรรู้เมื่อบ้านเกิดรอยร้าว

อีกหนึ่งปัญหาสำหรับเจ้าของบ้านที่สร้างความกังวลใจอย่างมากก็คือ “รอยร้าว” ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับทุกๆ บ้านเมื่อมีอายุการใช้งานไปสักระยะหนึ่ง แต่เจ้าของบ้านส่วนใหญ่กลับละเลยและไม่ลงมือซ่อมแซมรอยร้าวเหล่านี้ทันที เพราะคิดว่าไม่เป็นอันตรายและเป็นการสิ้นเปลืองค่าซ่อมแซม โดยที่ไม่ทราบเลยว่ารอยร้าวบางลักษณะก็เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับบ้าน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับโครงสร้างอาคารโดยตรง หากปล่อยทิ้งไว้นานเข้าอาจเป็นอันตรายถึงขั้นทำให้บ้านถล่มได้เลยนะคะ วันนี้เราจึงรวบรวมรอยร้าวทุกอาการที่พบบ่อยซึ่งมีทั้งแบบไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง และรอยร้าวที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง พร้อมวิธีแก้ปัญหาดังกล่าว... รอยร้าวที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง รอยร้าวแนวดิ่งบนผนังและคาน รอยร้าวแนวดิ่งบนผนังและคานเป็นรอยร้าวที่เกิดจากการแอ่นตัวของพื้นและคานที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น เนื่องจากรองรับน้ำหนักมากเกินไป ทำให้คานแอ่นและดันผนังใต้คานให้เกิดรอยร้าวแนวดิ่งตามมาด้วย หากพบรอยร้าวแนวนี้ แนะนำให้รีบเคลื่อนย้ายข้าวของที่มีน้ำหนักมากๆ ออกทันที เพื่อลดน้ำหนักกดทับและใช้เหล็กค้ำยันเพื่อช่วยแบ่งเบาน้ำหนัก จากนั้นจึงให้วิศวกรเข้ามาตรวจสอบและจ้างผู้รับเหมาหรือช่างที่ชำนาญซ่อมแซมในขั้นตอนต่อไป รอยร้าวบริเวณกลางพื้นหรือบนเพดาน ถ้าเกิดรอยร้าวบริเวณนี้นับว่าเป็นรอยร้าวอันตรายที่สุดเลยค่ะ สาเหตุเกิดจากพื้นชั้นบนรับน้ำหนักมากเกินไป จนเกินขีดความสามารถ การที่เกิดรอยร้าวจึงเป็นสัญญาณเตือนภัยก่อนพื้นจะพังทลายลงมา วิธีรับมือที่ดีสุดคือควรรีบเคลื่อนย้ายข้าวของบริเวณใต้รอยร้าวและบนรอยร้าวให้เร็วที่สุด จากนั้นจึงติดต่อให้วิศวกรเข้ามาตรวจสอบและทำการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน รอยร้าวทแยงมุมบนผนัง รอยร้าวทแยงมุมบนผนังเกิดจากการทรุดตัวของฐานรากหรือเสาบ้านที่อยู่ใกล้ผนังบริเวณนั้น ซึ่งรอยร้าวลักษณะนี้บ่งบอกถึงความไม่แข็งแรงของโครงสร้างบ้าน แนะนำให้ปรึกษาช่างผู้ชำนาญหรือสถาปนิกมาตรวจสอบและแก้ไขโดยด่วน ซึ่งวิธีแก้ไขรอยร้าวชนิดนี้ อาจต้องเสริมเสาเข็มและฐานรากหรือใช้วิธียกบ้านขึ้นชั่วคราวเพื่อทำฐานรากใหม่ หากเจ้าของบ้านปล่อยให้เกิดรอยร้าวลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ อาจต้องทุบอาคารทิ้งทั้งหมดเลยนะคะ เพราะฉะนั้นรีบแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่าค่ะ รอยร้าวที่ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง รอยร้าวที่ขอบวงกบประตู- หน้าต่าง เชื่อว่ารอยร้าวนี้ทุกคนต่างพบเจอเยอะที่สุดตามที่อยู่อาศัยแล้วค่ะ สาเหตุหลักๆ มักเกิดจากวงกบประตูหรือหน้าต่างไม้ ซึ่งไม้เป็นวัสดุที่มีการยืดหดตัวง่าย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องอุณหภูมิและความชื้น ก็จะส่งผลให้ปูนฉาบบริเวณนี้เกิดรอยร้าวได้นั่นเอง วิธีแก้ไขแนะนำให้ติดต่อผู้รับเหมาหรือช่างที่มีความชำนาญ เข้ามาขัดแต่งรอยร้าวและฉาบปูนปิดทับลงไปให้เรียบเนียนเสมอกัน รอยร้าวแตกลายงาทั่วผนัง อีกหนึ่งรอยร้าวที่มีให้พบเห็นตามบ้านและอาคารทั่วไปบ่อยๆ คงหนีไม่พ้นรอยร้าวแตกลายงาทั่วผนังนี่แหละค่ะ สาเหตุนั้นมักเกิดจากงานฉาบที่ไม่ได้มาตรฐาน เมื่อผนังผ่านความชื้นและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงขึ้น จึงเกิดการยืดหดขยายและกลายเป็นรอยร้าวในที่สุด ซึ่งสามารถเกิดรอยได้ทั้งพื้นและผนังเลยนะคะ วิธีแก้ไขก็คือฉาบปูนปิดลงไปให้เสมอกัน โดยกรีดบริเวณรอยร้าวให้เป็นปากฉลาม (กว้างประมาณ 2 มิลลิเมตร) และใช้ปูนกาวโป๊เก็บบริเวณรอยต่อ จากนั้นก็ขัดให้เรียบร้อยแล้วจึงทาสีชนิดที่ปกปิดรอยร้าว เท่านี้ก็ผนังหรือพื้นที่มีรอยร้าวก็กลับมาสวยงามดังเดิมแล้วค่ะ รอยร้าวบริเวณรอยต่อระหว่างผนังกับโครงสร้างเสาและคาน รอยร้าวสุดท้ายที่มักเกิดขึ้นในบ้านมากที่สุดและไม่อันตรายต่อโครงสร้าง คือรอยร้าวบริเวณรอยต่อระหว่างผนังกับโครงสร้างเสาและคาน สาเหตุเกิดจากขั้นตอนการก่อสร้างผนังที่ผู้รับเหมาหรือช่างอาจไม่ได้เสียบเหล็กหนวดกุ้งเพื่อเกาะยึดกับโครงสร้างเสาด้านข้าง หรืออาจจะเสียบแต่ไม่แน่นพอ ทำให้ผนังเกิดรอยร้าวระหว่างรอยต่อของเสาได้ จึงมองดูแล้วไม่สวยงาม วิธีแก้ไขคือติดต่อให้ช่างที่มีความชำนาญอุดรอยต่อหรืออุดรอยร้าวโดยใช้โฟมหรือ PU และจึงทาสีทับให้กลับมาสวยงามดังเดิม รอยร้าวที่เรารวบรวมมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงรอยร้าวที่มักพบบ่อยตามอาคารที่อยู่อาศัยซึ่งมีทั้งแบบไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง และรอยร้าวที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้าง ทั้งนี้หากใครพบรอยร้าวตามที่กล่าวมา แนะนำให้ปรึกษาวิศวกรที่มีความชำนาญเข้ามาทำการตรวจสอบเพื่อแก้ไขในขั้นตอนต่อไป ทางที่ดีไม่ควรชะล่าใจปล่อยรอยร้าวทิ้งไว้นานนะคะ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสมาชิกในครอบครัวได้
5 ต้นไม้ริมรั้วบ้าน สวยงาม แถมปลูกไว้กันขโมย!

5 ต้นไม้ริมรั้วบ้าน สวยงาม แถมปลูกไว้กันขโมย!

เรามาตกแต่งรั้วบ้านที่เรียบๆ ด้วย “พรรณไม้” ให้กลายเป็นรั้วสีเขียวสวยงามสบายตากันดีกว่าค่ะ โดยทุกบ้านสามารถทำได้แม้จะมีพื้นที่ที่จำกัด เพราะอาศัยเพียงพื้นที่แนวนอนยาวขนาบไปกับตัวรั้วเท่านั้น แถมถ้าเลือกให้ดีต้นไม้บางชนิดยังมีคุณสมบัติช่วยอำพรางสายตาจากคนภายนอกและป้องกันโจรได้ด้วย เพราะไม้บางชนิดมีหนาม หรือจะปลูกไม้พุ่มสูงก็ทำให้โจรเข้ามาในบ้านได้ยากลำบาก ซึ่งการเลือกพรรณไม้สำหรับปลูกริมรั้วนั้นควรเลือกที่ทนแสงแดดและลมแรงได้ อีกทั้งควรเลือกชนิดที่ดูแลง่าย ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่จะเป็นตัวช่วยให้รั้วบ้านของคุณดูสวยงาม ปลอดภัย และโดดเด่นไม่ซ้ำเพื่อนบ้านข้างๆ ต้นไม้ริมรั้วบ้านแบบพุ่มสูงสวย "ต้นไทรเกาหลี" ไม้ประดับที่นิยมใช้เป็นไม้แนวรั้วและตัดเเต่งคงหนีไม่พ้น ‘ไทร’ ใช่ไหมคะ? ซึ่งไทรก็แบ่งออกเป็นหลายชนิด แต่ที่เราหยิบยกมาแนะนำวันนี้คือ ไทรเกาหลี ที่มีลักษณะเป็นไม้พุ่มทรงสูงค่อนข้างเเน่น ตัวพุ่มประกอบด้วยใบสีเขียวสดที่เรียงตัวซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ เมื่อโตเต็มที่จะสูงประมาณ 5-6 เมตร ด้วยความที่ไทรเกาหลีเป็นไม้พุ่มแน่นทึบมีใบไม้เรียงตัวซ้อนกันหลายชั้น ทำให้ช่วยกันเเสงเเดดและฝุ่นละอองได้ดี จึงเหมาะที่จะนำมาปลูกกั้นเป็นกำเเพงบดบังสายตาจากคนภายนอก และป้องกันขโมยได้ด้วยเนื่องจากพุ่มสูง ที่สำคัญคือเป็นไม้ที่มีความเเข็งเเรง ทนทาน ดูเเลรักษาง่าย ไม่ค่อยมีโรคหรือเเมลงกวน สามารถเติบโตได้ดีในดินธรรมดา จึงไม่แปลกที่นักจัดสวนส่วนใหญ่นิยมปลูกให้ตามแนวรั้วบ้านนั่นเอง ต้นไม้ริมรั้วบ้านยอดนิยม "ต้นข่อย" ไม้ต้นริมรั้วที่นิยมปลูกตามมาติดๆ ก็คือ ‘ข่อย’ ซึ่งมีลักษณะพุ่มหนา ทนแดดทนลม สูงถึง 5-10 เมตร นิยมปลูกเป็นไม้ริมรั้วเพราะพุ่มแน่นจากโคนถึงยอด หากเจ้าของบ้านหมั่นตัดแต่งดูแลพุ่มก็จะยิ่งแน่นขึ้นและใบจะมีขนาดเล็กลง กลายเป็นรั้วที่สวยงาม หรือบางบ้านอาจปลูกเป็นแนวเพื่อแบ่งอาณาเขตในสวนก็ได้ค่ะ ต้นสลัดได ต้นไม้ริมรั้วบ้านที่กันขโมยได้ด้วย! สำหรับใครที่ไม่ชอบพรรณไม้สูงๆ หรือไม้ใหญ่เพราะกลัวแผ่กิ่งก้านสาขาให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่สาธารณะ แนะนำให้ปลูกเป็นไม้พุ่มเตี้ยแทนค่ะ โดยเจ้าของบ้านอาจทำกระบะยกสูงจากพื้นสักระดับหนึ่ง และเลือกปลูก ‘สลัดได’ ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กจำพวกเดียวกับกระบองเพชร มีความสูงประมาณ 3-6 เมตร ลักษณะคือมีหนามทั่วทั้งลำต้น ปกคลุมตามข้อต่อใบ ภายในมียางสีขาวซึ่งเป็นพิษ หากถูกผิวหนังจะระคายเคือง จึงถือเป็นไม้ยอดนิยมที่ปลูกไว้รอบรั้วบ้าน เพราะนอกจากช่วยป้องกันขโมยแล้วยังกันสัตว์ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วยค่ะ ทนแดดจัดสำหรับต้นไม้ริมรั้วบ้านต้อง "ต้นเข็มกุดั่น" หากใครถือเคล็ด ไม่อยากให้มีต้นไม้มีหนามไว้ที่บ้าน แต่ก็ยังอยากปลูกไม้พุ่มขนาดเล็กให้สามารถป้องกันโจรได้ด้วย แนะนำให้เลือกปลูก ‘เข็มกุดั่น’ ค่ะ เพราะเป็นไม้พุ่มเตี้ยคล้ายๆ กับสลัดได แต่จะเป็นทรงพุ่มกลม ใบมีลักษณะหนาและแข็งดูแหลมคม ทนต่อสภาพแห้งแล้งที่มีแสงแดดเต็มวันได้ดี อีกทั้งเวลาออกดอกยังมีกลิ่นหอมตอนกลางคืนด้วยค่ะ ซึ่งเหมาะจะปลูกประดับกระบะยกสูงริมรั้วบ้าน หรือประดับตามสวนหิน และควรระวังเด็กๆ มาสัมผัสนะคะเพราะอาจบาดมือได้ ต้นกุหลาบเทียม ต้นไม้ริมรั้วบ้านมีดอกสวย  เอาใจเจ้าของบ้านที่ชอบพรรณไม้ออกดอกมีสีสันเพื่อเพิ่มความสวยงามตลอดแนวรั้ว แนะนำให้ปลูก ‘กุหลายเทียม’ ไม้พุ่มที่บางครั้งมีลักษณะคล้ายไม้เลื้อย ลำต้นแข็งมีหนามยาวสีน้ำตาลแดงออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ ซึ่งจะสูงประมาณ 2-5 เมตร ตัวดอกมีสีม่วงอมชมพู เจริญเติบโตง่าย เรียกว่าไม่ต้องคอยดูแลรักษามาก เหมาะที่จะปลูกไว้ริมรั้วหรือริมหน้าต่างเพื่อช่วยป้องกันโจร และสัตว์ร้ายที่จะเข้ามาในบ้านได้ดีทีเดียวค่ะ Tips : สำหรับพรรณไม้ริมรั้วที่เราแนะนำมาทั้งหมดนี้ เจ้าของบ้านควรดูแลควบคุมระบบรากไม่ให้มีโอกาสชอนไชสิ่งปลูกสร้างอย่างรั้วได้นะคะ และหมั่นตัดแต่งกิ่งด้านของต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมขนาดของทรงพุ่มไม่ให้แผ่ขยายใหญ่ออกไปเพราะขนาดของทรงพุ่มกับระบบรากนั้นมีความสัมพันธ์กัน หรืออาจบล็อกรากโดยปลูกลงในกระถางและวางในกระบะริมรั้วที่ก่อขึ้นมาแทน เท่านี้ก็สร้างความสวยงามและกันขโมยให้แก่รั้วบ้านของคุณได้แล้วค่ะ ไอเดียทำต้นไม้ริมรั้วบ้านอื่นๆ DIY ชั้นวางต้นไม้ริมรั้ว การต้นไม้ริมรั้วบ้าน ในแบบอื่นๆ ต้นไม้ตามริมรั้วบ้าน ควรตัด ดูแลให้ดี จะมีบริวารที่ดี โดย อ.ธนากร ตันอาวัชนการ ซินแสมังกร 5 ต้นไม้ใหญ่ เสริมสิริมงคล ช่วยให้เย็นสบายที่ควรปลูกไว้ในบ้าน 9 ต้นไม้มงคล ช่วยเสริมโชคลาภ มอบเป็นของขวัญปีใหม่
หมดกังวลเรื่องหยากไย่! 5 วิธีไล่แมงมุม แบบไม่ต้องฆ่า

หมดกังวลเรื่องหยากไย่! 5 วิธีไล่แมงมุม แบบไม่ต้องฆ่า

หากพูดถึงแมงมุม คงต้องนึกถึงใยแมงมุมกันอย่างแน่นอน ซึ่งมักจะมีให้เห็นกันอยู่บ่อยครั้ง บริเวณมุมเพดานหรือมุมห้องต่างๆ วันนี้ เราจึงมีวิธีการไล่แมงมุมมาฝากเพื่อนๆ กัน ซึ่งเป็นวิธีการไล่แบบง่ายๆ อีกทั้งไม่ต้องฆ่าให้บาปอีกด้วยค่ะ 1. ไล่แมงมุมด้วย “น้ำส้มสายชู” เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์จริงๆ เลยนะคะ สำหรับน้ำส้มสารชู ซึ่งสามารถนำไปประกอบอาหาร ทำความสะอาดสิ่งของต่างๆ และนำมาไล่แมงมุมได้อีกด้วย โดยนำน้ำสะอาด ผสมกับน้ำส้มสายชู จากนั้นนำไปฉีดบริเวณต่างๆ เท่านี้ก็สามารถไล่แมงมุมกันได้แล้ว และยังทำให้แมงมุมไม่กล้าเข้ามาใกล้อีกด้วย เนื่องจากแมงมุมไม่ชอบกลิ่นฉุนของน้ำส้มสายชูนั้นเองค่ะ 2. ไล่แมงมุมด้วย “สเปรย์เปปเปอร์มินต์” สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่อยากใช้น้ำส้มสายชูแนะนำให้ใช้เป็นสเปรย์เปปเปอร์มินต์แทนค่ะ โดยนำน้ำสะอาดผสมกับน้ำมันหอมระเหยกลิ่นเปปเปอร์มินต์ ฉีดบริเวณต่ามจุดต่างๆ ซึ่งกลิ่นของเปปเปอร์มินต์นั้น ถือเป็นอีกกลิ่นที่แมงมุมไม่ชอบ และไม่อยากเข้าใกล้ค่ะ 3. ไล่แมงมุมด้วย “เกาลัด” ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ง่ายๆ มาก เพียงนำเกาลัด ไปวางตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน เท่านี้ก็สามารถไล่แมงมุมกันได้แล้ว อีกทั้งยังไม่กล้าเข้ามาใกล้อีกด้วย เนื่องจากแมงมุมกลัวเกาลัด ซึ่งคาดว่าอาจเป็นเพราะกลิ่นนั้นเองค่ะ 4. ไล่แมงมุมด้วย “ผลไม้รสเปรี้ยว” อีกหนึ่งกลิ่นยอดนิยมที่สัตว์หลายชนิดมักไม่ชอบ รวมไปถึงแมงมุมด้วยเช่นกัน อาทิ มะนาว ส้ม เป็นต้น เพียงนำเปลือกไปทาบริเวณตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน และบริเวณที่แมงมุมชอบอาศัยอยู่  หรือจะใช้เป็นน้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้มแทนก็ได้เช่นกัน เท่านี้แมงมุมก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้วค่ะ 5. ทำความสะอาดบ้าน พร้อมปิดรูขนาดเล็ก สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้นั้นก็คือ ความสะอาด ซึ่งควรมีการทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้มีแมงมุมมาทำใยหรือมาอาศัยอยู่ รวมไปถึงควรปิดรูขนาดเล็กบริเวณรอบบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้แมงมุมมาทำใยนั้นเองค่ะ ขอบคุณแหล่งที่มา www.infinitydesign.in.th/หมดกังวลเรื่องหยากไย่-5-วิธีไล่แมงมุม-แบบไม่ต้องฆ่า/57215
ต่อเติมครัวไทยหลังบ้าน แบบโปร่งหรือแบบทึบ ดีกว่ากัน?

ต่อเติมครัวไทยหลังบ้าน แบบโปร่งหรือแบบทึบ ดีกว่ากัน?

บทความฉบับนี้ขอเอาใจคนที่มีบ้านใหม่ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมโครงการต่างๆ ที่จำนวนห้องและพื้นที่ใช้สอยมักจะไม่เพียงพอต่อความต้องการสักเท่าไหร่ เพราะบ้านจัดสรรส่วนใหญ่นั้นจะออกแบบครัวเป็นแบบเปิดอยู่ติดกับห้องนั่งเล่น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดกลิ่นรบกวนได้ อย่างที่ทราบกันดีแหละค่ะว่าครอบครัวคนไทยมักจะประกอบอาหารจำพวกต้ม, ผัด, แกง, ทอด ที่ก่อให้เกิดทั้งเสียง, กลิ่น, ควัน แผ่ฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งบ้านอยู่เสมอ ซึ่งเมนูเหล่านี้ไม่เหมาะกับพื้นที่ปรุงอาหารในบ้านขนาดเล็กและกลางเนื่องจากมีช่องระบายอากาศได้น้อย นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เจ้าของบ้านหลายๆ หลังต้องต่อเติมครัวไทยแยกออกมาจากตัวบ้านเพื่อประโยชน์ใช้สอยที่มากขึ้น แต่จะทำเป็นครัวแบบไหนดี? ระหว่างครัวแบบโปร่งและครัวแบบทึบ ครัวทั้งสองแบบนั้นมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง หาคำตอบได้ที่นี่ค่ะ ครัวไทย แบบโปร่ง เน้นความโล่งสบายๆ การต่อเติมครัวแบบโปร่งในรูปแบบที่เน้นความโปร่งโล่งนั้น มีจุดเด่นอยู่ที่เวลาประกอบอาหารกลิ่นควันและความอับชื้นต่างๆ จะระบายออกง่าย สามารถฉีดน้ำล้างทำความสะอาดครัวได้แต่ต้องมีทางระบายน้ำรองรับนะคะ ซึ่งวัสดุที่ใช้กับครัวแบบนี้จะต้องมีน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่มักทำเป็นแผงระแนงไม้, ไม้เทียมแทนผนัง บางทีอาจเลือกทำผนังทึบเฉพาะช่วงล่าง ส่วนด้านบนปล่อยโล่งหรือทำเป็นแผงระแนง เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ในส่วนของหลังคานั้นอาจทำติดลอยไว้กับผนังบ้านเดิมโดยซื้อกันสาดสำเร็จรูปมาติด หรือจะใช้โครงสร้างเสาส่วนต่อเติมรับหลังคาเช่นเดียวกับครัวแบบทึบ ซึ่งครัวแบบโปร่งมีข้อดีข้อเสียดังนี้ค่ะ ข้อดี ก่อสร้างได้ง่ายและรวดเร็วกว่าครัวแบบทึบ การต่อเติมครัวแบบโปร่งเป็นรูปแบบที่เน้นความโปร่งโล่งจะง่ายและรวดเร็วกว่า เพราะแค่ติดหลังคากันสาดและก่อปูนเป็นเคาน์เตอร์ครัวก็เรียบร้อยแล้วค่ะ หรือจะเลือกซื้อชุดครัวสำเร็จรูปมาติดตั้งเลยก็ได้ค่ะ ระบายอากาศได้ดี เหมาะกับครัวไทยที่อาหารบ่อย การต่อเติมครัวแบบโปร่งโล่งนั้นจะทำให้กลิ่นควันเวลาประกอบอาหาร รวมถึงความอับชื้นต่างๆ ภายในครัวจะระบายออกง่าย เนื่องจากไม่มีอะไรปิดกั้นผนังรอบด้าน สามารถทำความสะอาดง่าย เพราะครัวไทยจะเลอะเทอะง่ายกว่า ครัวแบบโปร่งบางบ้านอาจแค่เทปูนคอนกรีตธรรมดาพร้อมมีทางระบายน้ำรองรับ ทำให้สามารถฉีดน้ำหรือทำความสะอาดได้ง่ายกว่าครัวแบบปิดที่ปูพื้นด้วยกระเบื้อง ข้อเสีย สิ่งแปลกปลอมเข้ามาง่าย แน่นอนว่าครัวแบบเปิดส่วนใหญ่จะเป็นผนังเปิดโล่ง อาจทำให้มีน้ำฝน, ฝุ่นและสิ่งปรกต่างๆ สาดเล็ดรอดเข้ามาได้ง่าย อีกทั้งต้องคอยระวังป้องกันไม่ให้สัตว์เล็กสัตว์น้อยอย่างแมลง นก หนู รวมถึงแมวหรือสุนัขตัวเล็กเข้ามาก่อกวนภายในห้องครัว ซึ่งในส่วนนี้เจ้าของบ้านอาจติดตั้งมุ้งลวดเข้ามาช่วยป้องกันได้ค่ะ อาจส่งกลิ่นรบกวนต่อเพื่อนบ้านได้ เพราะครัวไทยกลิ่นฉุนกว่า เมนูอาหารจำพวกต้ม, ผัด, แกง, ทอด ที่มีกลิ่นฉุนและควันรวมถึงไอน้ำมันเวลาประกอบอาหาร อาจจะกระจายไปถึงเพื่อนบ้านได้ ดังนั้นจึงต้องคอยระมัดระวังให้ดีค่ะ ครัวไทย แบบทึบ ปกปิดมิดชิด สำหรับบ้านที่มีพื้นที่ด้านนอกสำหรับใช้สอยไม่มาก ก็สามารถใช้วิธีกั้นพื้นที่บางส่วนภายในตัวบ้านด้วยผนังทึบ และติดตั้งพัดลมดูดอากาศ เพื่อช่วยระบายอากาศดูดกลิ่นและควันออกสู่ภายนอกไม่ให้รบกวนภายในบ้าน ซึ่งการต่อเติมครัวแบบทึบที่มีผนัง 4 ด้านล้อมรอบโดยเจาะช่องเปิดตามความเหมาะสม พร้อมทำหลังคาครอบมิดชิดนั้น..มีข้อดีข้อเสียดังนี้ค่ะ ข้อดี ป้องกันสิ่งสกปรกได้ดี เมื่อเป็นครัวแบบทึบมีผนังปิดล้อม 4 ด้าน ดังนั้นจึงสามารถป้องกันสิ่งสกปรกและสิ่งไม่พึงประสงค์จากภายนอกได้ดีกว่าครัวแบบโปร่งนั่นเองค่ะ ป้องกันกลิ่นรบกวนเพื่อนบ้าน เพราะความมิดชิดของรูปแบบครัว ทำให้เจ้าของบ้านอาจต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์ช่วยอย่างเครื่องดูดควันพร้อมปล่องระบายอากาศเพิ่ม แต่ก็ยังมีข้อดีช่วยป้องกันกลิ่นควันจากการประกอบอาหารไม่ให้รบกวนเพื่อนบ้านได้ง่ายด้วย ปลอดภัยกว่า แน่นอนค่ะว่าครัวแบบทึบปกปิดมิดชิดนั้นให้ความรู้สึกปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากกว่าครัวแบบเปิดโล่ง นอกจากนี้บริเวณผนังโดยรอบยังสามารถติดตั้งชั้นเก็บของได้มากขึ้นอีกด้วยค่ะ ข้อเสีย บ้านมีโอกาสทรุดตัว การต่อเติมครัวแบบทึบส่วนใหญ่จะใช้วัสดุที่มีน้ำหนักมากกว่าครัวแบบทึบ จึงทำให้บ้านมีโอกาสทรุดตัวเร็วกว่า เพราะส่วนต่อเติมส่วนใหญ่จะใช้เสาเข็มสั้นซึ่งจะทรุดตัวเร็วกว่าตัวบ้านเดิม ทางที่ดีเจ้าของบ้านควรต่อเติมแบบแยกส่วนกันเพื่อลดปัญหาบ้านทรุด เนื่องจากการดึงรั้งกันและเกิดการฉีกขาดของโครงสร้าง ซึ่งอาจเป็นปัญหาใหญ่ที่อาจตามมาได้ค่ะ ค่าใช้จ่ายมากกว่า ครัวแบบทึบ ปิดมิดชิดนั้นก็ไม่ต่างกับห้องเปล่าหนึ่งห้อง ดังนั้นถ้าจะประกอบอาหารเจ้าของบ้านจึงต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ช่วยอย่างเครื่องดูดควันหรือพัดลมระบายอากาศเพิ่ม นอกจากนี้การสร้างห้องครัวแบบทึบจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าห้องครัวแบบโปร่ง ด้วยปริมาณวัสดุ โครงสร้าง และการเตรียมงานระบบที่มากกว่านั่นเองค่ะ ปฎิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าการต่อเติมครัวนอกบ้านนั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะสะดวกต่อการประกอบอาหารไม่ว่าจะผัด โขลก สับ แล้วยังสามารถระบายอากาศได้ดีกว่าครัวในบ้าน แต่ไม่ว่าจะเลือกต่อเติมครัวแบบไหน แนะนำให้ลองศึกษาสถาปนิกหรือผู้รับเหมาที่มีความชำนาญเพื่อออกแบบและคำนวณให้ถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้ควรศึกษากฎเกณฑ์ของโครงการบ้านจัดสรรนั้นๆ รวมถึงได้รับการยินยอมจากนิติบุคคลก่อนทำการต่อเติมด้วยนะคะ เรื่องราวเกี่ยวกับการต่อเติมบ้าน 4 ปัญหาคาใจต่อเติมครัวแล้วทรุด 10 วิธี เปลี่ยนบ้านจัดสรรให้สวยงาม มีสไตล์ เหมาะสมกับการใช้งาน ต่อรั้วบ้านเดิมเพิ่มความส่วนตัว
สาเหตุและวิธีรับมือปัญหารั่วซึมจากพื้นห้องน้ำ

สาเหตุและวิธีรับมือปัญหารั่วซึมจากพื้นห้องน้ำ

เมื่อห้องน้ำเป็นอีกหนึ่งห้องสำคัญประจำบ้านที่ทุกคนต่างต้องใช้งานกันทุกวัน เราจึงควรให้ความสำคัญตั้งแต่เรื่องโครงสร้าง วัสดุอุปกรณ์ สุขภัณฑ์ รวมถึงระบบสุขาภิบาล เพื่อป้องกันปัญหาการรั่วซึมในอนาคตนะคะ เพราะถึงแม้จะมีการก่อสร้างและออกแบบห้องน้ำที่ถูกต้องตามหลักการแล้วแต่ปัญหาการรั่วซึมก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งมักพบบ่อยในบ้านสองชั้นบริเวณห้องน้ำชั้นสอง โดยจุดสังเกตจะเริ่มจากคราบน้ำบนฝ้าเพดานที่อยู่ใต้ห้องน้ำชั้นบน จะมีลักษณะเป็นวงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และหากเปิดฝ้าดูก็อาจจะพบคราบน้ำตามคาน, ท้องพื้น และรอยต่อท่อ เป็นเหตุทำให้หลายบ้านที่ประสบปัญหาดังกล่าวต่างไม่สบายใจ วันนี้เราจึงรวบรวมสาเหตุพร้อมกับวิธีรับมือปัญหารั่วซึมจากพื้นห้องน้ำมาฝาก เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขให้กับผู้อ่านค่ะ สาเหตุของปัญหาพื้นห้องน้ำรั่วที่มักพบบ่อย ปัญหาจากการก่อสร้าง ปัญหาส่วนใหญ่มักจะเกิดจากขั้นตอนการเจาะท่อ แล้วทำให้เกิดช่องว่างระหว่างท่อกับพื้นห้องน้ำ ช่างส่วนใหญ่จะนำเศษกระดาษมาอุดช่องว่างไว้ แล้วจึงใช้ปูนซีเมนต์เทอุดรอบๆ ท่อ จึงทำให้เกิดรั่วซึมบริเวณท่อได้ง่าย ความชำนาญและวิธีการก่อสร้างของช่าง ก่อนปูพื้นกระเบื้องห้องน้ำ ช่างต้องเทกันซึมให้ก่อนปูกระเบื้องค่ะ แต่บ้านบางหลังช่างก็ไม่ได้เทกันซึมให้ จึงเป็นสาเหตุทำให้พื้นห้องน้ำรั่วซึมได้ง่ายค่ะ การใช้งานของผู้อยู่อาศัย การใช้งานของผู้อยู่อาศัยก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญนะคะ เพราะการทำความสะอาดและการใช้ห้องน้ำบ่อยๆ อาจทำให้ปูนยาแนวหลุดร่อน น้ำจะซึมผ่านร่องยาแนวไปสะสมอยู่ใต้พื้นกระเบื้องและโครงสร้างพื้นคอนกรีต หากปล่อยทิ้งไว้นานเข้าจะก่อเกิดสนิมที่เหล็กเสริมโครงสร้าง จนทำให้คอนกรีตแตก หลุดร่อน และอาจทำให้เป็นสาเหตุให้น้ำรั่วซึมได้นั่นเองค่ะ วิธีรับมือการแก้ปัญหาพื้นห้องน้ำรั่วซึมอย่างอยู่หมัด แก้ไขที่ปูนยาแนว การแก้ไขที่ปูนยาแนว สามารถทำได้โดยลอกยาแนวที่เสื่อมสภาพออก แล้วจึงทำความสะอาดพื้น จากนั้นก็รอให้ความชื้นระเหยออกมา โดยวิธีตรวจสอบความชื้นนั้นสามารถใช้แผ่นพลาสติกปิดบริเวณร่องยาแนวและสังเกตว่ามีหยดน้ำเกาะหรือไม่ หากพบว่าไม่มีความชื้นแล้ว จึงใช้ปูนยาแนวที่มีคุณภาพอุดบริเวณร่องยาแนวกระเบื้องต่อไป วิธีนี้จะช่วยระงับปัญหาได้ประมาณ 1-2 ปี เลยค่ะ แก้ไขทั้งระบบเพื่อป้องกันปัญหาระยะยาว สำหรับการแก้ไขทั้งระบบเพื่อป้องกันปัญหาระยะยาวนั้น ขั้นตอนแรกควรสกัดรื้อกระเบื้องและปูนทรายปรับระดับออก แล้วจึงตรวจสอบก่อนจะซ่อมรอยแตกร้าวด้วยปูนซ่อมโครงสร้างโดยใช้ผลิตภัณฑ์สูตรซีเมนต์ ตามด้วยการปูกระเบื้องพื้น ซึ่งควรเลือกชนิดกระเบื้องที่มีค่าการดูดซึมน้ำต่ำเหมาะสำหรับการใช้งานในห้องน้ำ อีกทั้งควรติดตั้งโดยใช้ปูนทรายปรับระดับที่มีส่วนผสมของน้ำยากันซึมด้วยนะคะ และเมื่อซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงให้ช่างปิดฝ้าเพดานและเก็บงานทาสีให้เรียบร้อยก็ใช้งานต่อไปยาวๆ ได้อย่างสบายใจแล้วค่ะ ปัญหาท่อน้ำรั่ว ถ้าปัญหาห้องน้ำรั่วซึมของบ้านคุณเกิดจากปัญหาท่อน้ำรั่ว แนะนำให้ลองเปิดฝ้าเพื่อดูตำแหน่งท่อ จากนั้นจึงตรวจสอบดูว่าท่อรั่วหรือไม่ หากมีการรั่วซึมให้รื้อกระเบื้องโดยรอบออก จากนั้นก็ผสมปูนซีเมนต์กับน้ำรวมถึงน้ำยากันซึมก่อนจะเทรอบท่อ โดยเทให้สูงกว่าปากท่อที่ตัดออกและปล่อยทิ้งไว้จนแห้งจึงเอาเศษท่อที่ครอบไว้ออก ขั้นตอนสุดท้ายก็ติดตั้งชักโครก หรือปูกระเบื้องพื้นห้องน้ำให้สวยงามดังเดิม เพียงเท่านี้ก็สามารถแก้ปัญหาท่อน้ำรั่วได้อย่างตรงจุดแล้วค่ะ สาเหตุและวิธีรับมือปัญหารั่วซึมจากพื้นห้องน้ำที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาและวิธีแก้ไขที่มักพบเจอบ่อยนะคะ ดังนั้นหากบ้านไหนกำลังประสบปัญหานี้อยู่แนะนำให้ลองตรวจสอบให้ดีก่อนจะนำวิธีที่เราเอามาฝากไปแก้ไขดู ทั้งนี้ควรติดตั้งตำแหน่งสุขภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน ตามตำแหน่งที่เหมาะสม เลือกใช้วัสดุคุณภาพ และเลือกใช้บริการช่างที่มีความชำนาญ รวมถึงการใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ช่วยป้องกันปัญหาการรั่วซึม เพื่อไม่ให้ปัญหาเกิดซ้ำอีกนั่นเอง
ไอเดียเปลี่ยนพื้นที่ใต้บันไดให้ใช้งานได้อย่างมีสไตล์!

ไอเดียเปลี่ยนพื้นที่ใต้บันไดให้ใช้งานได้อย่างมีสไตล์!

หนึ่งในองค์ประกอบของบ้านที่มักจะถูกละเลยอยู่เสมอคงหนีไม่พ้น “พื้นที่ใต้บันได” ด้วยลักษณะการใช้งานที่ทุกคนในบ้านเพียงแค่เดินผ่านขึ้นลง อีกทั้งยังมีพื้นที่น้อยและเป็นมุมอับดูไม่ค่อยน่าสนใจ จึงทำให้เจ้าบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่นัก ทั้งที่ความจริงแล้วเราสามารถดัดแปลงพื้นที่เหล่านี้ให้ดูโดดเด่นและใช้ประโยชน์ได้อีกมากมายเลยนะคะ แต่จะมีอะไรบ้างนั้น ต้องตามไปดูไอเดียจัดพื้นที่ใต้บันไดที่เรารวบรวมมาฝากให้นำไปประยุกต์ใช้กันดูค่ะ ตู้เก็บของสารพัดประโยชน์ หลายคนอาจจะคุ้นชินกับการวางของไว้ใต้บันไดโดยไม่สนใจว่าพื้นที่ตรงนั้นดูไม่น่ามองสักเท่าไหร่ใช่ไหมคะ ซึ่งวิธีง่ายๆ ที่จะเปลี่ยนพื้นที่ใต้บันไดให้เป็นตู้เก็บของโดยการบิวต์อินชั้นวางหรือเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวตามรูปทรงของพื้นที่ใต้บันได เพียงเท่านี้คุณเองก็จะมีมุมเก็บของที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าใครเดินผ่านไปมาก็ต้องสนใจแล้วค่ะ เปลี่ยนให้เป็นมุมทำงานส่วนตัว อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่น่าสนใจก็คือมุมทำงานนั่นเองค่ะ ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนพื้นที่ใต้บันไดไว้ใช้นั่งทำงานคิดไอเดียสร้างสรรค์ หรือใช้เป็นพื้นที่ให้ลูกทำการบ้านก็ยังได้ โดยการบิลต์อินดั่งในภาพให้เป็นมุมขนาดพอเหมาะ ตกแต่งด้วยไม้เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นชวนนั่ง หรือใครอยากประหยัดก็สามารถเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวดีไซน์เรียบง่าย แต่ต้องมีความยาวพอดีกับความกว้างของพื้นที่ใต้บันไดนะคะ ซึ่งแค่จัดวางคู่กับเก้าอี้นั่งสบายๆ รับรองไม่ว่าใครได้นั่งทำงานตรงนี้ ไอเดียพุ่งกระฉูดแน่นอนค่ะ เนรมิตเป็นมุมนั่งเล่น พื้นที่ใต้บันไดให้ก็สามารถเปลี่ยนเป็นมุมนั่งเล่นให้คนในบ้านใช้พักผ่อนได้นะคะ เพราะเพียงแค่วาง Day Beds เบาะนุ่มขนาดพอดีกับพื้นที่ ประดับด้วยหมอนและตุ๊กตาตัวโปรดก็ชวนนั่งทั้งวันแล้วค่ะ นอกจากนี้หากคุณเป็นหนอนหนังสืออยากมีที่สำหรับเก็บของเพิ่มขึ้นก็สามารถบิวต์อินตู้หนังสือเพิ่มที่ผนังเหนือเตียง เท่านี้ก็จะเป็นมุมนั่งเล่นที่ชวนนั่งแถมยังเก็บหนังสือได้อีกด้วย ทำเป็นบ้านสัตว์เลี้ยงแสนรัก สำหรับทาสหมาทาสแมวที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงตัวโปรดไว้ในบ้าน คงอยากให้พวกเขามีพื้นที่ส่วนตัวไว้พักผ่อนเหมือนกับคนใช่ไหมคะ การทำพื้นที่ใต้บันไดให้เป็นบ้านสัตว์ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยค่ะ เพราะเพียงแค่ก่อผนังใต้บันไดปิดทึบพร้อมเจาะช่องประตูไว้สำหรับเป็นทางเข้าออกให้เหล่าสัตว์เลี้ยงและติดไฟด้านในไว้สักดวงหนึ่ง พร้อมวางเบาะนุ่มและของเล่นไว้ให้เขา เพียงเท่านี้พื้นที่ใต้บันไดก็กลายเป็นพื้นที่ที่ดีต่อใจของคุณและสัตว์เลี้ยงแล้วค่ะ จัดสวนซะเลย! สำหรับคนที่อยากเพิ่มความสดชื่นไว้ในบ้าน ก็สามารถเปลี่ยนพื้นที่ใต้บันไดให้เป็นสวนในบ้านได้ง่ายๆ เพียงปลูกต้นไม้ในร่ม อาทิ จั๋ง, เข็มสามสี, ลิ้นมังกร, จันผา และสับปะรดสี เป็นต้น ซึ่งแนะนำให้เลือกต้นที่ขนาดกำลังดี ไม่สูงและโตไวเกินไป พร้อมโรยหินกรวดมนเพิ่มความสวยงาม เท่านี้ก็มีมุมพักสายตาในบ้านแล้วค่ะ ไอเดียที่เรารวบรวมมาฝากวันนี้ นับว่าน่าสนใจและสามารถใช้ได้จริงทั้งหมดเลยนะคะ ยิ่งบ้านไหนปล่อยให้พื้นที่ใต้บันไดว่างเปล่าเฉยๆ ไม่ได้ตกแต่งหรือใช้ทำอะไร แนะนำให้ลองนำไอเดียด้านบนไปประยุกต์ใช้ดูนะคะ รับรองว่านอกจากจะทำให้บ้านของคุณมีฟังก์ชั่นใช้งานเพิ่มขึ้นแล้วยังมีสไตล์ไม่ซ้ำใครอีกด้วย อีกทั้งแขกไปใครมาต่างก็ต้องชื่นชมกับไอเดียเหล่านี้แน่นอน
ปลั๊กไฟ อันตรายใกล้ตัวที่ (อาจ) คร่าชีวิตลูกน้อย

ปลั๊กไฟ อันตรายใกล้ตัวที่ (อาจ) คร่าชีวิตลูกน้อย

ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ปลั๊กไฟก็ถือเป็นอุปกรณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ หากใช้อย่างประมาท ไม่ระมัดระวัง โตแล้วอาจจะต้องไม่ต้องเป็นห่วงมาก แต่สำหรับเด็ก โดยเฉพาะเด็กตัวเล็กๆ ที่ยังไม่ค่อยประสีประสาต้องบอกเลยว่า อันตรายมาก เสี่ยงโดนไฟดูด ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำ 9 วิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว   โดยทั่วไป แล้วเด็กที่มีความเสี่ยงต่อการโดนไฟดูดมากที่สุด คือเด็กที่อยู่ในช่วงอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เด็กเล็กตั้งแต่วัยคลานขึ้นไป มักชอบที่จะใช้นิ้วเขี่ยอะไรไปทั่ว ชอบหยิบของที่ตกอยู่ตามพื้นและบางครั้งก็มักจะเอาพวกกิ๊บ หรือของต่างๆ ที่คว้าได้ แหย่เข้าไปในรูปลั๊กไฟตามผนัง ตามปลั๊กสามตา หรือปลั๊กต่อพ่วงที่เสียบไฟไว้ บางครั้งก็คว้าสายไฟไปกัดด้วยความมันเขี้ยว จนอาจเกิดอันตรายร้ายแรงกับลูกได้ ดังนั้นเราจึงควรหาวิธีป้องกัน ระวังอันตรายใกล้ตัวคร่าชีวิตลูก ไว้ก่อนจะดีกว่า   ใส่ตัวครอบปลั๊ก หาซื้อตัวครอบปลั๊กไฟมาปิดรูปลั๊กที่ไม่ได้ใช้ ซึ่งตัวครอบปลั๊กนั้นหาซื้อได้ง่ายมากตามแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้าง หรือตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป   ความสูงของปลั๊กไฟ ควรติดตั้งปลั๊กไฟให้อยู่สูงจากพื้นประมาณ 1.5 เมตร   เก็บและม้วนสายไฟทุกครั้ง เก็บและม้วนสายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดหลังใช้งานเสร็จเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกกัดสายไฟ   ไม่ควรปล่อยให้สายไฟจากเครื่องใช้ไฟฟ้าห้อยหรือเสียบพาดอยู่ตามพื้น เพราะเด็กเล็กอาจกระชากสายไฟเล่นจนทำให้เกิดไฟช็อต และอาจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเช่นกระติกน้ำร้อนร่วงตกลงมาใส่หัวเด็กจนเป็นอันตรายได้   หมั่นตรวจสอบสายไฟ อย่าปล่อยให้สายไฟเปื่อยหรือชำรุด หากเจอต้องเปลี่ยนทันที ไม่ควรนิ่งนอนใจ   ระวังปลั๊กสามตา หรือปลั๊กต่อพ่วง หากมีการใช้ปลั๊กสามตา หรือปลั๊กต่อพ่วง ควรไว้ในที่สูง และไม่ควรเสียบไฟมากจนเกินกำลังไฟ เพราะบางครั้งการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกันหลายๆ ตัว ก็เสี่ยงที่จะทำให้เกิดไฟช็อตหรือไฟรั่วได้   ระวังเสียบปลั๊กไม่แน่น การเสียบปลั๊กไม่แน่น ไม่มิด มีเหล็กเสียบเลื่อนออกมาก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องคอยระวัง เพราะนอกจากจะเสี่ยงที่จะทำให้เกิดประกายไฟที่หัวปลั๊กแล้ว ยังเสี่ยงต่อการที่เจ้าตัวเล็กจะไปจับเล่นจนโดนไฟดูดอีกด้วย   ติดตั้งเครื่องตัดไฟอัตโนมัติ คุณพ่อคุณแม่ควรหาซื้อและติดตั้งเครื่องตัดไฟอัตโนมัติ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้   ตรวจดูต้นไม้ที่ปลูกไว้รอบบ้าน ตรวจดูต้นไม่ที่ปลูกไว้รอบบ้าน ไม่ให้ไปเกี่ยวกับสายไฟ และหากพบเห็นก็ไม่ควรหักกิ่งตัดต้นเองนะครับ ควรโทรแจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจะดีที่สุด     ขอบคุณแหล่งที่มา : www.ddproperty.com/ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/2017/9/161017/ปลั๊กไฟ-อันตรายใกล้ตัวท          
รวมพืชผักสวนครัวที่ควรปลูกไว้ที่บ้าน ตามรอยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ของรัชกาลที่ ๙

รวมพืชผักสวนครัวที่ควรปลูกไว้ที่บ้าน ตามรอยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ของรัชกาลที่ ๙

“การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เมื่อได้พื้นฐานความมั่นคงพร้อมพอสมควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป ”  พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เกี่ยวกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเมื่อปี พ.ศ. 2517 จากพระราชดำรัสข้างต้น ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินค่ะว่า “แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างเคยได้เรียนรู้และมักพูดถึงกันอยู่บ่อยครั้ง แต่มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจหลักปรัชญาและการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแบบอย่างที่พ่อหลวง (รัชกาลที่ ๙) ทรงมีพระราชดำริไว้จริงๆ ฉะนั้นวันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะมารำลึกถึงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ตามคำที่พ่อหลวงเคยสอนเราไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน โดยชวนทุกคนให้หันมาปลูกพืชผักสวนครัวไว้ในบ้านเพื่อลดค่าใช้จ่ายเกินจำเป็น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งวิถีความพอเพียงที่สามารถทำได้ง่ายๆ นอกจากช่วยลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลาในการออกไปจ่ายตลาดแล้วยังนำมาซึ่งสุขภาพที่แข็งแรง และสร้างความสุขทางใจอีกด้วยค่ะ แต่จะมีผักสวนครัวอะไรที่น่าปลูกและมีสรรพคุณอย่างไรบ้าง ตามไปดูพร้อมกันเลย.. พริก เป็นพืชผักสวนครัวที่นิยมปลูกเป็นอันดับต้นๆ เลยค่ะ เพราะพริกนั้นเป็นสมุนไพรที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน มีวิตามินซี วิตามินเอ ช่วยขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหาร อีกทั้งยังทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดี ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายอีกด้วย กะเพรา ถือว่าเป็นผักสวนครัวสามัญประจำบ้านที่ควรปลูกติดบ้านไว้เลยค่ะ เพราะเพียงแค่มีพริกกับกะเพราและเนื้อสัตว์ติดตู้เย็นไว้ ก็สามารถประกอบอาหารเมนูยอดนิยมอย่างผัดกะเพราไว้ทำทานได้แล้ว ซึ่งกะเพราเป็นพืชล้มลุกที่ปลูกง่ายนะคะ เพราะเมล็ดที่ร่วงหล่นลงไปนั้นพร้อมที่จะงอกเป็นต้นใหม่ได้ตลอด นอกจากนี้ยังเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณทางยาช่วยรักษาโรคได้อีกด้วยค่ะ ตะไคร้ สำหรับตะไคร้นี่ถือว่าเป็นผักสวนครัวและสมุนไพรไทยที่สามารถช่วยรักษาอาการปวดท้อง ลดอาการจุดเสียดและแน่นท้องได้ และยังคงมีสรรพคุณที่สามารถช่วยในการขับปัสสาวะได้อย่างเห็นผลอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังเป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหารรสแซ่บด้วยนะคะ เรียกว่าบ้านไหนปลูกไว้นี่ยังไงก็ได้ใช้ประโยชน์แน่นอน คะน้า ผักสวนครัวอย่างคะน้าไม่ควรพลาดที่จะปลูกไว้ที่บ้านเลยนะคะ เพราะคะน้าประกอบไปด้วยวิตามินเอ ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา อีกทั้งยังคงมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส ที่สามารถบำรุงกระดูกและฟันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ข้าวผัด, ผัดคะน้า หรือแม้แต่ทำราดหน้าก็มักใช้คะน้าเป็นส่วนประกอบ ผักบุ้งจีน ผักบุ้งจีนก็เป็นอีกหนึ่งผักสวนครัวที่มีติดบ้านไว้ยังไงก็ได้ใช้ประโยชน์แน่นอนค่ะ เพราะนอกจากจะนำไปประกอบอาหารได้แล้ว ผักบุ้งจีนยังมีสรรพคุณช่วยในการบำรุงสายตา ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และยังคงสามารถป้องกันโรคโลหิตจางได้ด้วย เนื่องจากผักบุ้งจีนนั้นเป็นผักที่มีทั้งแคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก รวมไปจนถึงวิตามินบีและซีเลยค่ะ มะกรูด จัดว่าเป็นพืชสวนครัวที่อยู่ในกลุ่มของสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่ประโยชน์ก็จัดจ้านไม่น้อยเลยค่ะ แถมกลิ่นของต้นมะกรูดยังช่วยไล่แมลงบางชนิดได้อีกด้วย นอกจากจะเป็นส่วนประกอบของเครื่องแกง ช่วยดับกลิ่นคาวในอาหารแล้ว มะกรูดยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือด และส่งผลทำให้เลือดลมภายในร่างกายหมุนเวียนได้เป็นอย่างดี ถั่วฝักยาว ถั่วฝักยาวเป็นผักสวนครัวที่มักถูกนำไปประกอบอยู่ในเมนูอาหารหลายๆ อย่าง ซึ่งสามารถรับประทานได้ง่าย นอกจากนำไปผัดและทอดแล้ว ยังสามารถรับประทานแบบสดๆ เคียงกับน้ำพริกได้อีกด้วย ซึ่งการรับประทานแบบสดจะมีสรรพคุณช่วยลดอาการแน่นท้องและท้องอืดได้ด้วยค่ะ ตำลึง หนึ่งในเมนูที่ทุกบ้านต้องเคยประกอบอาหารนั่นก็คือต้มจืดตำลึงใส่หมูสับใช่ไหมคะ ซึ่งตำลึงเป็นผักสวนครัวที่มีคุณค่าทางอาหารมากมายเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา เบต้าแคโรทีนป้องกันมะเร็ง นอกจากนี้ยังสามารถปลูกริมรั้วให้เป็นไม้เลื้อยที่สวยงามได้อีกด้วย รู้แบบนี้คงต้องรีบไปปลูกตำลึงกันแล้วล่ะ มะนาว ผักสวนครัวที่เห็นจะพูดถึงคงไม่ได้นั่นก็คือมะนาวค่ะ เพราะในผลกลมๆ นั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม กรดมาลิค และกรดซิตริค ที่ถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการ และยังนิยมใช้เป็นเครื่องปรุงรสในเมนูอาหารอีกด้วย พืชผักสวนครัวทั้งหมดที่เรารวมรวบมานี้ คงเป็นพืชผักสวนครัวที่คนไทยทั้งประเทศย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู และการรับประทานพืชผักสวนครัวเป็นประจำนั้น จะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ได้รับวิตามินรวมถึงแร่ธาตุหลากหลายชนิดด้วยกัน ที่สำคัญการปลูกผักสวนครัวไว้กินเองนั้นจะช่วยลดรายจ่าย ทำให้รู้จักใช้จ่ายเท่าที่มี ไม่ใช้จ่ายเกินกำลัง ตามรอยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ของรัชกาลที่ ๙ บุคคลตัวอย่างในเรื่องของความพอเพียงที่เราทุกคนควรดำเนินรอยตามนั่นเองค่ะ
4 วิธีกำจัดสิ่งสกปรกในเครื่องซักผ้า

4 วิธีกำจัดสิ่งสกปรกในเครื่องซักผ้า

รู้หรือไม่? ว่าผลลัพธ์ของการได้ผ้าขาวสะอาดไม่ได้ขึ้นอยู่กับผงซักฟอกและวิธีการซักเท่านั้น เพราะยังมีเรื่อง “ความสะอาดของเครื่องซักผ้า” ที่ช่วยป้องกันสิ่งตกค้างไม่ให้ปะปนขณะซักผ้าอีกด้วย รู้กันแบบนี้แล้วต้องมาดูกับ 4 วิธีนี้กันเลย   1. ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้วย “เบคกิ้งโซดา” วิธีทำความสะอาด เติมน้ำให้เต็มเครื่องซักผ้า เทเบคกิ้งโซดา 1 ถ้วย เปิดเครื่องซักผ้าให้เบคกิ้งโซดาละลายน้ำ ปิดเครื่องซักผ้าปล่อยแช่ทิ้งไว้ 5-10 ชั่วโมงจึงถ่ายน้ำออก เปลี่ยนน้ำสะอาดใหม่อีกครั้งเพื่อช่วยชะล้างคราบสกปรกที่ตกค้างให้หลุดออกไป 2. ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้วย “น้ำส้มสายชู” วิธีทำความสะอาด เทน้ำส้มสายชู 1-2 ถ้วย เปิดเครื่องซักผ้าให้น้ำส้มสายชูช่วยชะล้างคราบสกปรกที่ตกค้างให้หลุดออกไป ปิดเครื่องซักผ้าล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยเป็นอันเสร็จสิ้น 3. ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้วย “แอมโมเนีย” วิธีทำความสะอาด เทแอมโมเนีย 1-2 ถ้วย เปิดเครื่องซักผ้าให้แอมโมเนียช่วยชะล้างคราบสกปรกที่อุดตันให้หลุดออกไป ปิดเครื่องซักผ้าล้างทำความสะอาดอีกครั้งแค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว 4. ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้วย “ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค” วิธีทำความสะอาด: เติมน้ำครึ่งหนึ่งของเครื่องซักผ้า เทผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค 1 ถ้วย เปิดเครื่องซักผ้าให้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคช่วยฆ่าเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ให้หลุดออกไป ปิดเครื่องซักผ้าปล่อยแช่ทิ้งไว้ 5 ชั่วโมงจึงถ่ายน้ำออก เปลี่ยนน้ำสะอาดใหม่อีกครั้งก็เหมือนได้เครื่องซักผ้าใหม่เลยทีเดียว แม้การทำความสะอาดเครื่องซักผ้าถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลาย ๆ คน แต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าคุณจะมั่นใจกับความสะอาดมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.omothailand.com/tips/share_tip/4-วิธีกำจัดสิ่งสกปรกในเครื่องซักผ้า/48
ผ่อนบ้านไม่ไหว ควรทำอย่างไรดี

ผ่อนบ้านไม่ไหว ควรทำอย่างไรดี

เมื่อมีปัญหาผ่อนชำระบ้านไม่ไหว หรือหมุนเงินไม่ทัน ก่อนอื่นต้องสำรวจก่อนว่าเราสามารถลดรายจ่ายอื่นๆ อีกได้ไหม พยายามตัดรายจ่ายก้อนใหญ่ออกก่อน (ที่ไม่เกี่ยวกับการดำรงชีวิต) จากนั้น ดูว่าเดือนนี้ (หรือเดือนถัดไป) จะเหลือเงินส่งผ่อนน้อยกว่าที่กำหนดได้เท่าไหร่ เช่น ผ่อนต่องวด 10,000 บาท แต่เหลือเงินแค่ 5,000 บาท เป็นต้น   เมื่อเราได้สำรวจตัวเองและพยายามที่จะลดรายจ่ายอื่นๆแล้ว สิ่งที่ควรกระทำ เกี่ยวกับการผ่อนชำระบ้าน ควรทำดังต่อไปนี้ 1.เมื่อผ่อนบ้านไม่ไหวให้โทรไปบอกเจ้าหน้าที่ธนาคาร (สาขาที่ทำเรื่องกู้เงิน) แจ้งทางธนาคารว่า เราสามารถผ่อนชำระงวดนี้ได้น้อยกว่าค่างวดปกติ ธนาคารจะมีเบี้ยปรับอย่างไรบ้าง (ส่วนใหญ่จะมีเบี้ยปรับกรณีผ่อนชำระล่าช้า) ซึ่งจะคิดในอัตราที่สูงกว่าปกติ (ราวๆ 18%) และควรถามค่าธรรมเนียมอื่นๆ อีก เช่น ค่าธรรมเนียมในการทวงหนี้ที่ค้างชำระ หรือ ค่าธรรมเนียมธนาคารอื่นๆ เป็นต้น   2.หากผ่อนบ้านไม่ไหว ให้จ่ายค่างวดที่สามารถจ่ายได้ ในเดือนนี้ก่อน ห้ามไม่จ่ายค่างวดเลย หรือ เงียบหายไปเฉยๆ ควรจ่ายของเดือนนี้ไปก่อน เช่น เหลือแค่ 5,000 บาท เพราะธนาคารอาจจะคิดไว้ก่อนว่าเราจะเบี้ยวหนี้ในครั้งต่อไปด้วยครับ ทำให้ธนาคารอาจจะเตรียมเรื่องส่งฟ้องเพื่อยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาด และอาจจะฟ้องเราเป็นบุคคลล้มลายได้ ทำให้เราหรือผู้กู้ร่วมไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆ (การเซ็นฯเอกสารการเงิน) ได้อีกเลย   เพราะหากมีธุรกรรมใดๆ เกิดขึ้น ธนาคารจะตามไปอายัดไว้ แล้วดึงเงินในธุรกรรมนั้นไปหักค่าคงค้างพร้อมดอกเบี้ย นับตั้งแต่วันหยุดชำระ (ดอกเบี้ยบ้านเป็นแบบหักต้นหักดอก ในกรณีจ่ายค่าผ่อนปกติ แต่เมื่อหยุดจ่าย ดอกเบี้ยบ้านก็จะกลายเป็น “ต้นทบดอก” ไป) ทำให้เมื่อไปเจรจากับธนาคารในภายหลังจากที่ให้ฟ้องล้มละลายไปแล้ว จะทำให้เห็นว่ายังมีเงินคงค้างที่เป็นดอกเบี้ยที่ทบต้นทบดอก ตามมาหลอกหลอนอีก ทำให้ธุรกรรมใดๆ เมื่อมีการโอนเงินก็จะถูกดึงไปหักอยู่ตลอด แบบนี้ก็ไม่มีวันที่จะไปทำมาหากินใดๆ ได้อีกเลย   3.การชำระเงินเดือนถัดไป เมื่อผ่อนบ้านไม่ไหว เดือนถัดไปควรจะชำระเงินค่างวดที่คงค้างไว้ครั้งก่อน + ดอกเบี้ยที่ปรับชำระล่าช้า + ค่างวดปกติในเดือนนั้น เพื่อที่ธนาคารจะได้หยุดดอกเบี้ยปรับล่าช้า (18%) กลับมาที่ดอกเบี้ยปกติ ที่ควรจะเป็นครับ เมื่อชำระทั้ง 3 ยอดแล้ว นำสลิปส่ง FAX ไปหาเจ้าหน้าที่สินเชื่อที่เดือนก่อนได้ติดต่อไว้เรื่องขอชำระล่าช้า เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่รีบทำเรื่องยืนยันการชำระที่ค้างชำระไปในเดือนก่อน เพื่อเป็นลายลักษณ์อักษรไปที่สำนักงานใหญ่ด้วย พร้อมทั้งสอบถามว่าแบบนี้จะทำให้กลับมาคิดในดอกเบี้ยปกติเมื่อใด   4.ตรวจสอบยอดชำระเดือนถัดๆ ไป ตรวจสอบว่าเดือนถัดไป (เดือนที่ 3) มีการคำนวณดอกเบี้ย และหักเงินต้นกลับมาเป็นระบบปกติหรือไม่ หากไม่ปกติ ให้รีบติดต่อเจ้าหน้าที่สินเชื่อที่ได้ติดต่อไว้ทันที ว่ามีเหตุผิดพลาดในขั้นตอนไหน หรือ เข้าไปพบเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวให้พิมพ์ Statement การผ่อนชำระมาพูดคุยกัน หากเจ้าหน้าที่อธิบายแล้วไม่เข้าใจ แนะนำให้ติดต่อสำนักงานใหญ่ (อาจผ่านระบบโทรศัพท์ก่อน) หากยังไม่ได้รับการอธิบายที่ชัดเจน หรือยังไม่เข้าใจ ก็ขอชื่อเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานใหญ่ที่จะสามารถเข้าพบได้ เพื่อเข้าไปปรึกษา   ทั้งนี้ ควรรีบเข้าไปดำเนินการเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นระบบยังจะคำนวณเป็นการชำระล่าช้าอยู่ ซึ่งก็จะเป็นลักษณะทบต้นทบดอกอยู่ หากปล่อยให้เนิ่นนานก็จะกลายเป็นยอดที่สูงมากจนเราไม่สามารถชำระไหว   หมายเหตุ เหตุที่ผ่อนชำระไม่ไหว ควรรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารทันที เมื่อเราทราบว่าผ่อนไม่ไหวแน่ๆ ในเดือนนี้ หรือ ในเดือนถัดไป (อาจจะมีเหตุจำเป็นต้องหมุนเงินขึ้นมา) อย่าคิดเอาเองว่าธนาคารน่าจะช่วยเราอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่เราไม่ติดต่อเข้าไปก่อน (เรื่องหนี้ไม่มีใครมาช่วยเราได้ หากเราไม่ช่วยตัวเอง)   ขอให้ทุกท่านสามารถฟันฟ่าอุปสรรคในการผ่อนบ้านไปได้ครับ เช็คว่าคุณพร้อมจะผ่อนบ้านหรือยัง 5 สัญญาณที่บอกว่าคุณยังไม่พร้อมจะซื้อบ้าน เรื่องราวเกี่ยวกับกับการผ่อนบ้าน-คอนโด เคล็ดลับผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ดอกเบี้ยลด หมดหนี้ไว ผ่อนไหวใช่ว่าดี คำนวณก่อน ดอกเบี้ยบ้าน คุ้มค่าจริงเปล่า? ผ่อนบ้าน (คอนโด) แนวฮาร์ดคอร์ หมดภายใน 7-10 ปี
ไอเดียเปลี่ยนคอนโดเก่าให้ดูน่าเช่า แบบงบประหยัด!

ไอเดียเปลี่ยนคอนโดเก่าให้ดูน่าเช่า แบบงบประหยัด!

ว่ากันว่า “การปล่อยเช่าคอนโดเปรียบเสมือนเงินบำนาญวัยเกษียณ” เราเชื่อว่าใครหลายคนใฝ่ฝันอยากมีชีวิตบั้นปลายที่สุขสบายจากการกินเงินบำนาญ แต่กว่าวันนั้นจะมาถึงเราก็ต้องเตรียมตัววางแผนทุกอย่างให้ดีนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตครอบครัว อาชีพการงาน สุขภาพ เงินเก็บ หรือการลงทุน ซึ่งการลงทุนซื้อคอนโดมือสองทำเลดี หรือใครที่มีคอนโดเก่าก็สามารถสร้างมูลค่าได้โดยปรับปรุงพื้นที่แบบประหยัด และปล่อยเช่าเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว แต่จะทำยังไงให้คอนโดของเราดูน่าสนใจ ปล่อยเช่าง่ายแถมได้ราคาดีเหมือนมีเงินบำนาญไว้ใช้จ่ายทุกเดือน ลองทำตามวิธีด้านล่างดูสิ!   สำรวจสภาพห้อง แน่นอนค่ะว่าห้องเก่าต้องมีบางจุดที่ทรุดโทรมไปตามเวลา ดังนั้นหากคิดจะเปลี่ยนโฉมห้องใหม่หรือซื้อคอนโดเก่าเพื่อปล่อยเช่าให้คนสนใจ แนะนำให้ตรวจเช็คทุกซอกทุกมุมให้ดี เช่น การรั่วซึมของน้ำตามจุดสำคัญ ตรวจสภาพอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำ รวมไปจนถึงพื้นและเฟอร์นิเจอร์ในห้องทั้งหมด ว่าชิ้นไหนยังใช้งานได้บ้าง ต้องซื้ออะไรเพิ่ม ต้องเปลี่ยนอะไรบ้าง ที่สำคัญควรเปลี่ยนวัสดุที่เสียหายง่ายให้คงทนอย่างพื้นกระเบื้องเซรามิกเก่าก็เปลี่ยนเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ที่แข็งแกร่งกว่า จะได้ไม่ต้องเสียสตางค์เปลี่ยนบ่อยๆ   ดีไซน์ให้แตกต่าง ผู้เช่าที่มีกำลังทรัพย์สูงอย่างชาวต่างชาติหรือกลุ่มผู้สูงอายุ ย่อมมีความต้องการสูงมากกว่าผู้เช่าทั่วไป ฉะนั้นควรดีไซน์ห้องรองรับคนกลุ่มนี้ให้ใช้งานง่ายขึ้น อาทิ ทำประตูเผื่อสัดส่วนชาวต่างชาติกว้างอย่างน้อย 90 เซนติเมตร เพื่อความสะดวกในการขนย้ายของ ดีไซน์รองรับผู้สูงอายุในห้องน้ำ (Universal design) โดยทำราวจับและพื้นกันลื่นในส่วนเปียก ทั้งนี้อาจเพิ่มระบบความปลอดภัยโดยติดตั้งระบบกันขโมย มีกล้องวงจรปิด ก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าและโอกาสในการปล่อยเช่าได้มากขึ้น   แค่เปลี่ยนสี ห้องก็เปลี่ยน! วิธีเนรมิตห้องเก่าให้เป็นห้องใหม่ง่ายๆ แถมประหยัดสตางค์ด้วยก็คือการทาสีนั่นเองค่ะ ยิ่งถ้าห้องเดิมติดวอลเปเปอร์แล้วล่ะก็นานวันไปก็มีแต่หลุดร่อน สีคล้ำลง ไม่สวยงาม ดังนั้นควรลอกออกและทาสีแทนเลยค่ะ แนะนำให้ทาผนังด้วยสีชนิดเช็ดทำความสะอาดได้ จะช่วยลดภาระในการดูแลรักษาของทั้งผู้เช่าและเจ้าของ ควรใช้สีพื้นอย่างสีขาว off white เพื่อช่วยให้ห้องดูสว่างขึ้น ทั้งยังง่ายต่อการตกแต่งอีกด้วยค่ะ   ผ้าม่านก็ช่วยได้นะ คอนโดส่วนใหญ่มักโอบล้อมไปด้วยกระจกใส ดังนั้นทุกห้องต้องมีม่าน ยิ่งถ้าอยู่ฝั่งแดดร้อนแล้วล่ะก็ผ้าม่านจะมีส่วนช่วยไม่ใช่น้อยเลยนะคะ แต่ก่อนปรับคอนโดให้เช่าควรเปลี่ยนผ้าม่านสักนิด ซึ่งการเลือกชนิดของผ้าม่านก็มีหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบกรองแสงหรือกันแสง แต่ข้อแนะนำในเลือกสีของผ้าม่านนั้น หลักสำคัญง่ายๆ คือ เลือกตามความชอบและคุมโทนให้เข้ากับสีเฟอร์นิเจอร์ค่ะ หากต้องการให้ห้องดูสว่างควรเลือกสีโทนอ่อน เพราะสีอ่อนจะสะท้อนแสงและยอมให้แส่งผ่านได้ดีกว่าสีเข้ม   ครบครันทุกฟังก์ชั่น การให้เช่าที่อยู่อาศัยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ให้ผู้เช่าหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย จะมีมูลค่าต่างกับคอนโดที่ห้องว่างเปล่า หากอยากได้ค่าเช่าสูงขึ้นควรมีเฟอร์นิเจอร์พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่อย่างเตียงนอน โซฟา และโต๊ะด้วย ในส่วนครัว ควรเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้แบบถาวรไว้ให้พร้อม เพราะความสะดวกสบายเหล่านี้ จะช่วยให้ผู้เช่าตัดสินใจและพร้อมจ่ายได้ง่ายขึ้นค่ะ ข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแค่ไอเดียที่เรานำมาฝากส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ หากคุณผู้อ่านคิดอยากเนรมิตคอนโดเพื่อปล่อยเช่าเก็บเงินระยะยาว อย่าลืมเช็คงบประมาณให้ดีดด้วย เพราะยิ่งปรับเปลี่ยนเท่าไหร่งบก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น ดังนั้นคำนวณทุกอย่างให้พอดีไว้ค่ะ จะได้คุ้มค่ากับการลงทุนทุกบาททุกสตางค์ :)  
การเลือกโปรโมชั่นบ้านและคอนโด

การเลือกโปรโมชั่นบ้านและคอนโด

เข้าสู่ช่วงภาวะเศรษฐกิจขาลงแบบนี้ ทำให้คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง และส่งผลถึงการซื้อบ้านและคอนโดน้อยลงตามไปด้วย เหตุนี้จึงทำให้บ้านและคอนโดต่างๆงัดโปรโมชั่นเด็ดออกมามัดใจลูกค้ากันมากมาย แต่เราก็ควรที่จะศึกษาแต่ละโปรโมชั่นให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกซื้อด้วยนะคะ 1. ผ่อน 0% มีหลายคนที่เข้าใจผิดคิดว่าการผ่อน 0% นั้นคือการไม่ต้องผ่อนเลยสักบาท ทั้งที่จริงแล้วผู้ซื้อยังคงต้องผ่อนเงินงวดอยู่ เพียงแต่เงินที่ผ่อนแต่ละเดือนนั้นไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ที่จ่ายไปคือเงินต้นทั้งหมด ก็เหมือนกับว่าเจ้าของโครงการเป็นคนจ่ายดอกเบี้ยแทนผู้ซื้อนั่นเอง ก็เท่ากับว่าเป็นการลดราคาบ้านหรือคอนโดนั้นๆ 2. อยู่ฟรี โปรโมชั่นนี้ส่วนใหญ่ใช้กระตุ้นการขายโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอน ซึ่งผู้ซื้อจะต้องวางเงินจอง เงินทำสัญญา แต่เงินดาวน์อาจต้องเทก้อนใหญ่ หรือบางครั้งแค่เพียงใช้เงินจองและเงินทำสัญญา แล้วก็กู้ธนาคารเลย แต่เมื่อทำสัญญากู้และรับโอนแล้ว ยังไม่ต้องผ่อนชำระธนาคารใน 1 ปี หรือ 2 ปี หรือตามเวลาที่ในสัญญาระบุไว้ 3. อยู่ก่อน โปรโมชั่นนี้เป็นการทดลองอยู่ก่อนนี้ผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่าเช่าก่อนเข้าอยู่ให้กับโครงการก่อน โดยในสัญญาอาจระบุไว้ว่าเมื่อมีการซื้อจริงๆในอนาคต ก็อาจจะนำมาเป็นส่วนลดหรือเงินดาวน์ได้ 4. การันตีผลตอบแทน โปรโมชั่นนี้เราต้องดูให้ละเอียดว่า มีการการันตีผลตอบแทนในอัตราเท่าไร ระยะเวลากี่ปี จ่ายยังไง และเงื่อนไขอื่นๆด้วย เพื่อประเมินว่าคุ้มหรือไม่ และที่สำคัญเพื่อประเมินโอกาสและความเป็นไปได้เมื่อนำมาปล่อยเช่าเองหลังจากผ่านพ้นช่วงการันตีแล้ว การเลือกโปรโมชั่นที่ดีนั้น คือการเลือกโปรโมชั่นที่เหมาะสมที่สุดกับแต่ละคน และเราสามารถที่จะต่อรองเจรจาได้หากต้องการปรับเปลี่ยนในส่วนต่างๆของโปรโมชั่นนั้น เพื่อเลือกโปรโมชั่นที่ดีและเหมาะสมกับเราที่สุดค่ะ ขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.lalinproperty.com/news/choose-promotion-home-condo.html
การดูแลทำความสะอาดพื้นลามิเนต

การดูแลทำความสะอาดพื้นลามิเนต

พื้นลามิเนต" เป็นพื้นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถติดตั้งได้ง่าย ราคาไม่แพง  มีหลายแบบให้เลือกได้ตามความเหมาะสมกับคอนโดหรือทาวน์โฮมของท่าน โดยสามารถซ่อมแซมและเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และเพื่อเป็นการถนอมพื้นสวยให้อยู่คู่บ้าน ทางเราจึงขอแนะนำวิธีการทำความสะอาดพื้นลามิเนตอย่างถูกต้องเพื่อยืดอายุการใช้งานค่ะ   1. ปัดกวาดเศษฝุ่น ควรปัดกวาดเศษฝุ่นเป็นประจำหรือใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดฝุ่นเป็นประจำ เพื่อให้พื้นสะอาดลดการสะสมฝุ่นตามรอยต่อแผ่นพื้น และการปัดกวาดพื้นให้สะอาดเป็นการลดการขีดข่วนที่ผิวพื้น ช่วยรักษาผิวพื้นลามิเนตให้สวยงาม การปัดกวาดพื้นให้สะอาดเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งในการเตรียมพื้นก่อนการถูทำความสะอาดค่ะ   2. ควรใช้เพียงน้ำเปล่า (น้ำประปา)  ในการทำความสะอาดพื้นลามิเนตด้วยการถูพื้นลามิเนตควรใช้เพียงน้ำเปล่า เพราะถ้าหากใช้น้ำยาถูพื้น น้ำยาถูพื้นจะกัดกร่อนทำให้ผิวพื้นลามิเนตเกิดความเสียหาย นอกจากนี้น้ำยาทำความสะอาดอาจจะซึมเข้าไปทำให้แผ่นลามิเนตหลุดออกมาได้นะคะ   3. ควรใช้น้ำแต่น้อย เพื่อไม่ให้พื้นบวม ด้วยคุณสมบัติของพื้นลามิเนตที่มีการผสมกาวในเนื้อของวัสดุ ดังนั้นการดูแลทำความสะอาดพื้นด้วยการถูพื้นจึงควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดถูทำความสะอาด การใช้น้ำที่เปียกเกินไปถูพื้นอาจทำให้พื้นลามิเนตบวมแล้วบิดตัวผิดรูป จนต้องเปลี่ยนพื้นในบริเวณนั้นนะคะ   4. ขจัดคราบด้วยน้ำแข็ง ในกรณีที่มีคราบเหนียวอย่างขี้ผึ้งหรือหมากฝรั่งติดพื้น ให้ถูน้ำแข็งลงบนคราบดังกล่าวและค่อย ๆ ขูดออกอย่างเบามือ โดยระมัดระวังอย่าให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้น นอกจากนี้น้ำแข็งยังสามารถขจัดหมากฝรั่งออกจากพรมได้อีกด้วยอีกนะคะ   5. ห้ามใช้เครื่องขัดพื้น เครื่องขัดพื้นไฟฟ้าอาจจะอำนวยความสะดวกในพื้นที่กว้าง ๆ อย่างร้านอาหาร แต่ไม่เหมาะสมกับการทำความสะอาดพื้นลามิเนตแน่นอนค่ะ เพราะมีความรุนแรงจนอาจสร้างความเสียหายให้กับพื้นได้ จำไว้ว่าเครื่องขัดพื้นแบบนี้เหมาะสมจะใช้กับพื้นไม้แข็ง ๆ เท่านั้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงจะดีกว่านะคะ   6.หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาขัดพื้นที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ควรหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดพื้นด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทุกประเภท เพราะอาจสร้างความเสียหายแบบถาวรให้กับพื้นไม้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงแปรงขนโลหะหรือแปรงขนแข็งทุกชนิด เพราะอาจทิ้งรอยขีดข่วนไว้ได้นะคะ   หากทำตามขั้นตอนตามที่ทางเราแนะนำข้างต้นแล้ว รับรองว่าพื้นลามิเนตจะสวยอยู่คู่บ้านคุณไปอีกนานค่ะ ^^   ขอบคุณแหล่งที่มา : www.inside2home.com/knowledge/182/การดูแลทำความสะอาดพื้นลามิเนต/            
ข้อดี! ของคอนโดโลวไรส์

ข้อดี! ของคอนโดโลวไรส์

ปัจจุบันในกรุงเทพและปริมณฑล เต็มไปด้วยแหล่งทำงานแหล่งธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว จึงทำให้ต้องมีการสร้าง คอนโดโลวไลส์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มคนเมือง ผู้พิถีพิถันกับทุกรายละเอียด เน้นอยู่สบาย ท่ามกลางความสะดวกครบครัน เราจึงอยากนำเสนอข้อดีของ คอนโดโลวไลส์ให้ชมกันค่ะ   1.มีความเป็นส่วนตัว คอนโดที่ออกแบบเป็นโลว์ไรส์ สัดส่วนยูนิตของอาคารจะถูกลดลง คนอาศัยจึงพอเหมาะไม่มากจนแออัด ทำให้ลดปัญหาไม่ต้องมานั่งกังวลเพื่อนบ้านในการทำกิจกรรมใช้สอยต่างๆ เช่น ฟิตเนา ว่ายน้ำ มุมห้องสมุด จึงทำให้บรรยากาศทำให้ดูสะดวกสบายและเป็นส่วนตัวมีมากขึ้น 2. ประหยัดค่าใช้จ่าย เมื่อโครงการมีขนาดสร้างเล็ก ทุนในการสร้างบางส่วนน้อยกว่า ราคาจึงถูกกว่าไฮไรส์ ตัวอย่างโครงการใหม่ของพฤกษาที่ชื่อ “The Privacy เรวดี” ราคาเริ่มต้นยังอยู่ที่ ล้านต้นๆ เท่านั้น ขณะที่คอนโดสูงๆ ทั่วไปส่วนใหญ่ราคา 2 ล้านอัพ ประหยัดงบประมาณได้ค่อนข้างสูง 3. หมดกังวลเรื่องที่จอดรถ ด้วยจำนวนชั้นน้อยผู้อาศัย รถประจำตัวจึงมีไม่มากเท่าพวกคอนโดสูงๆ ไม่ต้องมานั่งปวดหัววนรีบร้อนหาที่จอดรถให้วุ่นวาย หรือออกเดินทางลำบาก 4. บรรยากาศคอนโดเป็นมิตร คอนโดใหญ่ๆ ที่คนอาศัยเยอะก็อาจจะดูวุ่นวาย มากคนปัญหาก็เยอะตามมา แต่ไม่ใช่ว่าคอนโดขนาดเล็กอยู่แล้วจะไม่มีปัญหาเลย คอนโดที่ไหนก็มีปัญหากันบ้างมากน้อยต่างกัน เพียงแต่คอนโดขนาดเล็ก ถ้ามีการการนัดประชุมลูกบ้านจะทำได้ง่ายกว่า เพราะคนน้อย แล้วการที่คนน้อย ก็ไม่ต้องแย่งใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการมาก ทำให้บรรยากาศระหว่างเพื่อนสร้างความเป็นมิตรกันมากขึ้นด้วย ขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.lalinproperty.com/news/condo-low-rise.html
เคล็ดลับการรักษาพรม และเลือกซื้อให้ถูกวิธี

เคล็ดลับการรักษาพรม และเลือกซื้อให้ถูกวิธี

หลายคนมีความเชื่อผิดๆว่าพรมเป็นแหล่งสะสมฝุ่นและไม่เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเราจะชวนคุณๆมาคิดใหม่ค่ะ เพราะพรมนอกจากให้สัมผัสอ่อนนุ่มแล้ว พรมยังให้ความรู้สึกพิเศษกับการตกแต่งภายใน ช่วยเพิ่มความอบอุ่นหรูหราและลดความกระด้างของพื้น ทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวา ช่วยดูดซับเสียง นอกจากนี้ยังมีสีและลวดลายให้เลือกซื้อมากมายไม่จำกัด เราจึงอยากชวนทุกคนลองซื้อพรมติดบ้านเอาไว้บ้างแต่จะเลือกซื้ออย่างไรนั้น วันนี้ มีคำแนะนำดีๆ มาฝากค่ะ   ข้อ 1. วิธีเลือกซื้อพรม คือก่อนอื่นคุณต้องสังเกตรูปแบบการใช้งานก่อนว่าคุณจะนำไปใช้ที่ใด ห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร หรือห้องนอน แล้วพิจารณาว่าพื้นที่ๆ จะนำพรมไปวางถูกใช้งานมากน้อยแค่ไหน มีสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร เช่น ห้องที่ใช้งานบ่อยๆน่าจะพิจารณาพรมที่ทำความสะอาดง่ายและน้ำหนักเบา แต่ถ้าเลือกใช้ในห้องนอนคุณอาจต้องการพรมดีๆที่หนานุ่มเป็นพิเศษเป็นต้น   ข้อ.2 ช่างสังเกต หลังจากนั้นก็ให้สังเกตต่อไปอีกนิดว่าสภาพแวดล้อมที่พรมจะถูกนำไปใช้งานนั้นอยู่ใกล้ถนน ติดกับหน้าต่าง มีเด็กๆหรือสัตว์เลี้ยงเข้ามาใช้พื้นที่ส่วนนั้นร่วมด้วยหรือไม่ หากเป็นแบบนั้นก็ควรพิจารณาพรมสีอ่อนค่ะ เพราะจะช่วยให้มองเห็นสิ่งสกปรกได้ง่าย นอกจากนี้พรมสีเข้มๆยังทำให้ห้องดูแคบลงไม่เหมาะกับคอนโดพื้นที่จำกัดอย่างแน่นอน เลือกใช้โทนสีสว่างสำหรับการตกแต่งภายในจะช่วยให้ห้องดูกว้างขวางมากขึ้น ข้อ 3. คุณสมบัติของพรม นอกจากนี้คุณสัมบัติของพรมแต่ละชนิดเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาให้ละเอียด ตั้งแต่ลักษณะเส้นใย ความคงทน น้ำหนัก ความหนาแน่นในการทอ การดูดซับน้ำ ความนุ่ม ความรู้สึกสัมผัส การทำความสะอาด และอีกจิปาถะร้อยแปดล้วนเป็นสิ่งที่ต้องดูให้ครบทุกด้าน เพื่อที่จะได้พรมที่พอดีกับการใช้งานที่สุดจริงๆโดยไม่ต้องเสียเงินมากเกินไปโดยใช่เหตุ คำแนะนำอีกประการหนึ่งคือถ้าคุณไม่ใช่ Carpet Lover ตัวแม่แล้วล่ะก็ เราไม่แนะนำให้ติดตั้งพรมในครัวหรือพื้นห้องน้ำค่ะ   ข้อ 4. ดูแลรักษา พรมแต่ละชนิดต้องการการดูแลไม่เหมือนกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วคุณก็ควรดูดฝุ่นเอาออกมาผึ่งแดดทุกสัปดาห์และซักพรมอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากพรมมีการหลุดลุ่ยควรตัดออกโดยห้ามดึงอย่างเด็ดขาด และก่อนตัดสินจ่ายเงินต้องถามคนขายให้ละเอียดว่าพรมที่เราเลือกต้องการการดูแลอย่างไร ใช้วัสดุอุปกรณ์หรือสารเคมีแบบพิเศษในการบำรุงรักษาหรือไม่ จากนั้นค่อยเลือกสีและสไตล์ที่คุณชอบตามข้อพิจารณาด้านบน แล้วเลือกพรมคุณภาพดีที่สุดเท่าที่งบประมาณคุณมีค่ะ เมื่อรู้ถึงคุณสมบัติและวิธีรักษาพรมแล้ว ใครที่เลือกตกแต่งเพิ่มความสวยงามให้บ้านด้วยพรมก็ลุยเลยค่ะ หากดูแลดีๆอย่างถูกวิธี เรื่องคราบสกปรกไม่ตามมารบกวนใจอย่างแน่นอน   ขอบคุณแหล่งที่มา  :  www.forfur.com/แต่งบ้าน/เคล็ดลับการรักษาพรม-และเลือกซื้อให้ถูกวิธี
ซื้อบ้านมือสอง มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

ซื้อบ้านมือสอง มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

เป็นเรื่องปกติที่เวลาเราซื้อบ้านมือสองจะมี “ความเสี่ยง” มากกว่าบ้านใหม่ เพราะถ้าเราซื้อบ้านใหม่ ก็สามารถเลือกได้เลยว่าจะเอาโครงการไหน รู้ประวัติที่มาของโครงการ ความน่าเชื่อถือ เเต่บ้านมือสองนั้นเเตกต่างกัน เพราะอย่างๆน้อยบ้านต้องมีเจ้าของมาก่อนแล้วเเน่นอน แล้วถ้าเราจะเลือกซื้อบ้านมือสองสักหลัง เราเตรียมตัวรับมือกับความเสี่ยงเรื่องอะไรบ้าง?    1.เเน่ใจได้ยังไงว่าคนที่อยู่บ้านหลังนั้นเป็นเจ้าของบ้าน? อย่างเเรกสุดที่เราต้องเจอเลย เพราะเราไม่อาจเเน่ใจได้เลยว่าเขาใช่เจ้าของบ้านตัวจริงหรือเปล่า? หรือเพียงเเค่ผู้อยู่อาศัย ผู้เช่าบ้าน ก่อนจะตกลงซื้อขายเบื้องต้นต้องตรวจสอบให้ดีก่อน วิธีตรวจสอบคือการเอาโฉนดไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินว่าเจ้าของชื่ออะไร พอถึงวันนัดวางเงินก็เอาเอกสารมาเทียบกัน ถ้าตรงกันก็ถือว่าถูกต้อง เเต่ถ้าซื้อบ้านเอง เเนะนำให้สำนักกฎหมายเข้ามาดูเเล จะปลอดภัยกว่า     2.บ้านมีทางออกมั้ย? ความเสี่ยงต่อมาคือเรื่องทางออก ถ้าเป็นบ้านที่อยู่นอกโครงการหมู่บ้านจัดสรร และมีถนนตัดผ่านหน้าบ้าน ต้องตรวจสอบก่อนว่าถนนเส้นนั้นเป็นถนนส่วนบุคคลหรือเป็นถนนภาระจำยอมที่ให้บ้านอื่นสามารถใช้ได้ร่วมกัน เเต่ถ้าใครเลือกขอสินเชื่อธนาคารก็ไม่ต้องกังวล เพราะเจ้าหน้าที่ธนาคารจะส่งฝ่ายประเมินเอกสารไปตรวจสอบให้เรา สบายใจไร้กังวล   3.เรื่องราคาจะเป็นกลางมั้ย? เรื่องสำคัญที่หลายคนกังวลคือเรื่องราคา หลายคนอาจไม่มีประสบการณ์ซื้อขายบ้านมาก่อน ดังนั้นต้องตรวจสอบราคาให้ดีก่อนว่าเป็นราคาตลาดหรือมั้ย? ถ้าเก็บข้อมูลได้เยอะเเล้วเจอหลังที่ใช่ ก็ซื้อได้เลย เเต่ถ้าเพิ่งดูครั้งเเรกแล้วชอบ ก็อย่าพึ่งรีบตัดสินใจ เราอาจจะลองค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เเล้วเปรียบเทียบราคาบ้านในละเเวกเดียวกัน เเต่ก็ต้องเช็คข้อมูลให้ถูกต้องด้วย อย่าเชื่อหมดทุกอย่าง ได้ข้อมูลที่พอใจเเล้วเราก็ลงพื้นที่จริงได้เลย อย่าลืมอีกเรื่องคือ เมื่อตกลงราคากันได้เรียบร้อย ต้องคุยกันให้เด็ดขาดว่าฝ่ายไหนจะจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนใดบ้าง?   4.บ้านถูกอายัดอยู่หรือเปล่า? การอายัดเกิดจากการเอาบ้านไปติดจำนองเเล้วไม่ผ่อนเจ้าหนี้ เจ้าหนี้จึงไปขออำนาจศาลอายัดบ้านไว้ก่อน เหตุการณ์แบบนี้มักเกิดกับการซื้อขายบ้านในเมือง หลายคนเลยที่ดูบ้านเรียบร้อย ตกลงจะซื้อพร้อมวางเงิน เเต่บ้านกลับถูกอายัด วิธีแก้ไขคือเราสามารถไปขอดูโฉนดที่กรมที่ดินก่อนได้ เเจ้งว่าอยากจะตรวจสอบเพราะต้องการจะซื้อบ้านหลังนี้ ส่วนเรื่องการติดจำนอง ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะว่าคนที่ติดจำนองต้องมาไถ่ถอนไปก่อนถึงจะซื้อขายได้   5.ถ้าเอกสารสิทธิที่ครอบครองไม่ใช่โฉนดที่ดินล่ะ? กรณีเป็นพื้นที่ต่างจังหวัด เอกสารสิทธิเป็น น.ส.3 และ น.ส.3ก สามารถซื้อได้ทั้งหมด เเต่ถ้าเป็น ภบท. หรือซื้อใบรับรองจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่ยืนยันว่าใช้เป็นที่ทำมาหากิน พวกนี้ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง   6.ถ้าซื้อไปแล้วถูกเวนคืน? ก่อนจะเลือกซื้อบ้าน ควรตรวจสอบว่าเเถวนั้นมีโครงการทำทางด่วน รถไฟฟ้า ถนนตัดผ่านใหม่หรือเปล่า? ถ้าอยู้ในช่วงสำรวจก็ถือเป็นความเสี่ยงส่วนหนึ่ง เเต่ถ้าการเวนคืนที่ดินเเถวนั้นออกเป็นกฤษฎีกาแล้วก็สบายใจได้ เพราะถือว่าที่ดินเเถวนั้นห้ามทำการซื้อขายเด็ดขาด     7.แล้วถ้าโฉนดบ้านมีชื่อมากกว่า 1 คน ทำไงดี? เรื่องนี้เวลาวางเงินซื้อขายทุกคนต้องเซ็นยินยอม ถ้าเกิดเหตุการณ์มีคนใดคนหนึ่งไม่ยินยอมในวันโอน เราอาจโดนยึดมัดจำไปฟรีๆ เเล้วต้องมาเสียเวลามาฟ้องร้องเรียกมัดจำคืน     8.ถ้าเกิดสิ่งปลูกสร้างที่ดินไม่มาพร้อมกัน ถ้าที่ดินเป็นชื่อคนละคนกับบ้าน จะซื้อขายต้องมีประกาศจากสำนักงานที่ดินว่าทั้งสองฝ่ายยินยอมก่อน จะต้องเสียเวลาอีก 1 เดือน และถ้าหากไม่ประกาศก็โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้   9.ถ้ามีปัญหา มีผู้จัดการมรดกจัดการหรือเปล่า? ถ้าคนถือครองเสียชีวิต ก็ต้องดูว่ามีใครเป็นผู้จัดการมรดก ทำเรื่องเรียบร้อยเเล้วหรือยัง? เเต่ถ้าเกิดวางเงินไปแล้ว เเต่กลัวว่าจะโอนไม่ได้ ซึ่งจริงๆแล้วสามารถโอนได้ โดยขออำนาจศาลเเต่งตั้งผู้จัดการมรดกก็สามารถทำเรื่องซื้อขายกันต่อได้เเล้ว ตอนนี้เรารู้เเล้วว่าความเสี่ยงที่จะเจอเวลาเราจะซื้อบ้านมือสองนั้นมีอะไรบ้าง ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านมือสองสักหลังต้องคิดให้ดีๆ เก็บข้อมูลให้มากๆก่อนซื้อ   ขอบคุณแหล่งที่มา  :  https://www.home2nd.com/blog/87690