Tag : living

432 ผลลัพธ์
เทคนิคใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้ปลอดภัยในหน้าฝน

เทคนิคใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้ปลอดภัยในหน้าฝน

เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากฝนตกฟ้าคะนองจะทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนลำบากแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกคนคำนึงถึงนั่นคือ การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงหน้าฝน หรือฝนตกหนัก เพราะฤดูฝนแบบนี้มักเกิดเหตุไฟดูด ไฟช็อตได้บ่อยครั้ง มาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ควรระมัดระวัง 1.ระมัดระวังเวลาใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่วางไว้ในที่ชื้น มีเครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภทมักตั้งอยู่ในบริเวณที่มีความชื้นเช่นปั๊มน้ำ เครื่องซักผ้า ดังนั้นเวลาใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ควรเพิ่มความระมัดระวัง สวมรองเท้าก่อนเข้าไปสัมผัสหรือใช้งานเพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ารั่ว 2.ไม่ควรใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าขณะตัวเปียก เรื่องนี้เรารู้กันอยู่แล้ว แต่บางครั้งอาจหลงลืม หลายๆ คนพอตัวเปียกฝน หรือชื้นๆ มาจากนอกบ้าน พอเข้ามาในบ้านอาจเผลอตัวไปสัมผัสปลั๊กไฟ หรือบางคนชอบใช้ไดรฟ์เป่าผมหลังสระผมใหม่ๆ ซึ่ง ไม่แนะนำให้ทำแบบนั้น เนื่องจากหากเกิดไฟรั่วกระแสไฟจะผ่านร่างกายได้สะดวกขึ้น และเมื่อเกิดเหตุไฟฟ้าช็อตเราควรทำอย่างไร 1.ห้ามเข้าไปช่วยผู้ถูกไฟฟ้าช็อต จนกว่าจะแน่ใจว่าผู้บาดเจ็บไม่ได้สัมผัสกับสายไฟฟ้าหรือตัวนำไฟฟ้าใดๆ ถ้าจำเป็นต้องหาวัสดุที่เป็นฉนวนไม่นำกระแสไฟฟ้า เช่นไม้ หรือผ้ามาเขี่ยสายไฟออกจากผู้บาดเจ็บก่อน 2.ถ้าผิวหนังผู้ที่จะช่วยเปียกชื้น ห้ามเข้าไปช่วยเพราะยิ่งเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าและอาจถูกไฟฟ้าดูดได้ วิธีป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูด หมั่นตรวจเช็คอุปกรณ์และสายไฟ และควรซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด บริเวณที่วางสายไฟไม่ควรให้สิ่งของที่หนักไปทับ และวางให้พ้นทางเดิน เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ควรเปียกน้ำ ห้ามซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเองโดยที่ไม่มีความรู้ ไม่ควรใช้ไฟฟ้าหลายอย่างกับปลั๊กไฟตัวเดียว ต่อสายดินเพื่อให้ไฟลงดิน และควรติดตั้งเครื่องตัดไฟฟ้าลัดวงจรภายในบ้าน เพื่อความปลอดภัยและเป็นการป้องกันที่ดี สิ่งเหล่านี้สามารถป้องกันได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายที่รุนแรง   ขอขอบคุณข้อมูลจาก คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล home.sanook.com
9 พันธุ์ไม้ที่คุณสามารถปลูกได้ในคอนโด

9 พันธุ์ไม้ที่คุณสามารถปลูกได้ในคอนโด

หลายๆ คนคงเคยมีความเชื่อว่า การปลูกต้นไม้ในห้องของเราจะเป็นอันตราย เพราะต้นไม้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในเวลากลางคืน แต่มีนักวิชาการที่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับต้นไม้ได้ออกมาแย้งว่า ต้นไม้บางชนิดสามารถปล่อยก๊าซออกซิเจนในตอนกลางคืน ยิ่งไปกว่านั้นบางชนิดยังสามารถฟอกอากาศได้ด้วย วันนี้เราเลยนำ 9 พันธุ์ไม้ที่คุณสามารถปลูกได้ในคอนโดมาให้ดูกันครับ 1. ลาเวนเดอร์ : กลิ่นของลาเวนเดอร์ทำให้รู้สึกผ่อนคลายยามนอนหลับ ลดความวิตกกังวล ลองใส่ดอกลาเวนเดอร์แห้งในแจกันแล้วตั้งไว้บริเวณหัวเตียง ก็สามารถช่วยให้หลับสบายขึ้นได้ 2. ว่านหางจระเข้ : นอกจากสรรพคุณด้านการรักษาแผลแล้ว ว่านหางจระเข้ยังช่วยดูดสารเคมีต่างๆ ทำให้อากาศบริสุทธิ์ อีกทั้งยังปลูกง่ายและไม่ต้องดูแลมากด้วย 3. ตีนตุ๊กแกฝรั่ง : ไม้ประดับที่นิยมปลูกในกระถางแขวนเพื่อความสวยงาม จัดเป็นพืชอันดับหนึ่งเรื่องการดูดซับสารพิษ ลดปัญหาด้านระบบหายใจ หรือหอบหืด จากการศึกษาพบว่าพืชชนิดนี้ช่วยลดเชื้อราในอากาศได้ถึง 94% สรรพคุณมาเต็มขนาดนี้ พลาดไม่ได้แล้วล่ะ 4. มะลิ : โดยทั่วไปหลายคนคงชินกับการปลูกมะลิไว้นอกบ้าน แต่จริงๆแล้วมะลิสามารถปลูกไว้ในบ้านได้ กลิ่นของดอกมะลิช่วยให้รู้สึกสบายและสดชื่น แถมยังมีงานวิจัยพบว่ากลิ่นของมะลิช่วยให้ความจำดีอีกด้วย 5. ลิ้นมังกร : พันธุ์ไม้ยอดฮิตสำหรับการปลูกในบ้าน เนื่องจากดูแลง่ายและทนทาน นอกจากคุณสมบัติในการคายออกซิเจนและดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเวลากลางคืนแล้ว พันธุ์ไม้ชนิดนี้ยังช่วยลดปัญหาทางระบบหายใจและอาการปวดศีรษะได้อีกด้วย 6. เดหลี : ไม้ประดับที่โดดเด่นด้วยดอกสีขาวสวยงามแถมด้วยความสามารถในการดูดสารพิษ เหมาะแก่การประดับไว้ในห้องนั่งเล่น เดหลีเป็นหนึ่งในไม้ประดับจำนวนน้อยที่สามารถออกดอกได้แม้อยู่ในอาคาร ใครที่ชื่นชอบไม้ดอก เดหลีเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว 7. บอสตันเฟิร์น : สำหรับคอนโดที่มีพื้นที่ไม่มาก การปลูกไม้ในกระถางแขวนคงจะเป็นทางเลือกแรกๆ บอสตันเฟิร์นเป็นไม้ประดับที่นิยมปลูกในกระถางแขวน พร้อมทั้งสรรพคุณการดูดซับสารพิษในอากาศอีกเช่นกัน ทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับอากาศภายในห้องได้ด้วย 8. โรสแมรี่ : พืชสมุนไพรชนิดนี้มีจุดเด่นที่กลิ่นหอมสดชื่น ทำให้คุณภาพอากาศภายในห้องดีขึ้น สำหรับใครที่ชื่นชอบในการทำอาหาร คงจะถูกใจพืชชนิดนี้เป็นพิเศษ เพราะโรสแมรี่เป็นส่วนประกอบที่นิยมในการทำซอสต่างๆ 9. เศรษฐีเรือนใน : แค่ชื่อก็เป็นมงคลแล้ว ถ้านำไปไว้ในห้องนอน ช่วยเพิ่มความสวยงามในห้องได้ เพราะใบของต้นเศรษฐีเรือนในมีความสวยงามมาก เป็นริ้วสีขาว และมีสีเขียวอยู่ขอบใบ  อีกทั้งยังสามารถฟอกอากาศได้ดีอีกด้วย   ขอขอบคุณข้อมูลจาก home.sanook.com
ลดความร้อนที่ผนังก่ออิฐฉาบปูนได้อย่างไรบ้าง

ลดความร้อนที่ผนังก่ออิฐฉาบปูนได้อย่างไรบ้าง

การลดความร้อนที่ผนังบ้าน นับเป็นอีกหนึ่งในองค์ประกอบของการทำบ้านเย็น และบ้านประหยัดพลังงาน สำหรับเมืองร้อน  โดยหลักแล้วการทำให้ผนังบ้านร้อนน้อยลงมีอยู่ 2 วิธี  วิธีแรกเป็นการ “ปกป้องผนังจากแสงแดด” กับอีกวิธีคือ “ทำให้ผนังกันความร้อนได้มากขึ้น” การปกป้องผนังจากแสงแดดทำได้โดยสร้างร่มเงาเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ ติดตั้งหลังคากันสาด   แผงบังแดด  ระแนงกันแดด เป็นต้น ภาพ: แผงบังแดดตามทิศต่างๆ ของบ้าน ส่วนการทำให้ผนังกันความร้อนได้มากขึ้นนั้น โดยทางทฤษฎีก็คือ การเพิ่ม “ค่ากันความร้อน” ให้กับผนัง  ซึ่งจะทำให้ความร้อนผ่านผนังเข้ามาในบ้านได้น้อยลง ค่ากันความร้อนของวัสดุจะวัดเป็นตัวเลขได้ในรูปของ  ค่า R (มีหน่วยเป็น m2K/W) โดยค่า R ยิ่งสูงยิ่งกันความร้อนได้มาก ปกติแล้วผนังก่ออิฐมอญฉาบปูน 2 ด้าน หนา 10 ซม. จะมีค่า R = 0.3 m2K/W  ทั้งนี้การนำวัสดุอื่นๆ ที่ช่วยกันความร้อนได้มาติดตั้งกับผนังก่ออิฐฉาบปูน ไม่ว่าจะเป็น แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ ไม้ฝา ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว ก็จะทำให้ค่า R ของผนังเพิ่มขึ้น ภาพ: ค่า R ของระบบผนังต่างๆ วิธีที่แนะนำทั่วไปในการเพิ่มค่ากันความร้อนให้กับผนังบ้านที่เป็นก่ออิฐฉาบปูน คือ การติดตั้งฉนวนกันความร้อนใยแก้ว ไว้ที่ผนัง โดยมีขั้นตอนคือ ให้ตีโครงคร่าวเหล็กกล่องบนผนัง แล้วนำฉนวนกันความร้อนใยแก้วติดตั้งระหว่างช่องโครงคร่าว จากนั้นปิดทับด้วยไม้ฝา ไม้เทียม หรือวัสดุแผ่นอย่างแผ่นยิปซั่ม (เฉพาะกรณีติดตั้งฝั่งภายในบ้าน) แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ แผ่นไม้อัดซีเมนต์ การติดตั้งฉนวนกันความร้อนที่ผนังนั้น จะติดตั้งไว้ฝั่งภายนอกบ้านหรือภายในบ้านก็ได้  หากเลือกติดตั้งฝั่งภายในบ้าน ความหนาของฉนวนและวัสดุปิดทับจะทำให้พื้นที่ในบ้านลดลง แต่ก็มีข้อดีคือ สามารถเลือกใช้วัสดุปิดทับได้หลากหลายและมีลูกเล่นเยอะกว่าการติดตั้งฉนวนไว้ภายนอกซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องวัสดุปิดทับที่ต้องทนแดดทนฝน และยังต้องป้องกันไม่ให้น้ำรั่วไหลเข้าไปในผนังได้ ภาพ: การติดตั้งฉนวนกันความร้อนที่ผนังด้านนอก และปิดทับด้วยไม้ฝาแนวนอน ภาพ: กรณีเป็นผนังด้านใน จะสามารถติดตั้งไม้ฝาในแนวตั้งได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำรั่วเข้าในผนัง บทความโดย SCG Experience คู่คิดก่อนสร้างบ้าน ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างมั่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการสร้างบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG เพียงนำแบบบ้านมายื่นรับคำปรึกษา พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ SCGคู่คิดก่อนสร้างบ้าน​ 
ไอเดียแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่น

ไอเดียแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่น

การแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่น ที่คงความเรียบง่าย แต่ดูยังไงก็ไม่เบื่อ ใครที่กำลังอยากได้ไอเดียไปจัดห้องใหม่ ลองมาดูไอเดียแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่นกันได้เลยค่ะ หลักการง่ายๆ ไม่มีอะไรยาก แค่เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้กับโทนสีขาวหรือสีเอิร์ธโทน ให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามา เน้นความเรียบง่าย ความเป็นธรรมชาติ และความรู้สึกอบอุ่น หรือจะหาต้นไม้สีเขียวๆ มาวางประดับ เท่านี้ก็ได้ห้องตามแบบฉบับสไตล์ญี่ปุ่นแล้วค่ะ 1.แต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยประตูบานเลื่อนกระดาษ ไอเดียแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่น ที่ยังไงยังไงก็ดูญี่ปุ่น ก็คือการใช้ประตูบานเลื่อนกระดาษ หรือจะเลือกใช้เป็นหน้าต่างบางบานก็ได้ ข้อดีก็คือ เราจะได้แสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาจากช่องกระดาษเหล่านี้ด้วย   ขอบคุณภาพจาก pinterest : anutammiste ประตูบานเลื่อนตามสไตล์ญี่ปุ่นที่แท้จริง ส่วนมากจะใช้เป็นขอบวัสดุสีไม้ แต่สามารถประยุกต์ประตูบานเลื่อนกระดาษ ให้ดูทันสมัยขึ้นด้วยการเปลี่ยนสีขอบช่องหน้าต่างให้เป็นสีดำหรือขาวได้อีกด้วย ขอบคุณภาพจาก pinterest.com : yankeebarnhomes.stfi.re ในสมัยก่อนประตูบานเลื่อนอาจจะใช้เป็นกระดาษสา ซึ่งขาดได้ง่าย แต่สมัยนี้สามารถเปลี่ยนให้เป็นพลาสติกหรือกระจกติดฟิล์มสีขาวขุ่น หรืออาจจะใช้เป็นกระจกแล้วใส่ม่านสีขาวเข้าไป ก็สามารถสร้างอารมณ์ญี่ปุ่นๆได้เช่นกัน   ขอบคุณภาพจาก pinterest : slidingdoorco หากการเปลี่ยนประตูดูยากเกินไป แต่ว่ายังอยากแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่นอยู่ก็สามารถประยุกต์รูปแบบของประตูบานเลื่อนกระดาษมาใช้กับเฟอร์นิเจอร์หรือการตกแต่งอื่นๆ ได้เช่นกัน เช่น ประตูตู้เสื้อผ้า หรือฉากกั้น Walk in Closet 2.เฟอร์นิเจอร์ไม้แบบเรียบง่าย ให้การแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่นสมบูรณ์ขึ้น หลักการพื้นฐานของการแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่นก็คือ การใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก ตกแต่งผสมผสานกับโทนสีขาว หรือสีเอิร์ธโทน ถ้าแต่งห้องตามหลักการนี้ ยังไงสไตล์ห้องของคุณก็ต้องเป็นสไตล์ญี่ปุ่นแน่นอน   ขอบคุณภาพจาก pinterest : sightunseen เฟอร์นิเจอร์ไม้เรียบง่ายแบบมินิมอล จะจัดวางตรงไหนก็ยังคงรู้สึกอบอุ่นและไม่น่าเบื่อ   ขอบคุณภาพจาก pinterest : decomyplace.com ถึงแม้จะมีของเยอะ หรือมีของตกแต่งแนวอื่นๆ เพียงแค่คุมโทนของห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ยังไงก็ให้ฟีลห้องสไตล์ญี่ปุ่น 3.ช่องแสงธรรมชาติก็แต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่นได้ การที่แสงธรรมชาติส่องเข้ามา ทำให้ห้องและสิ่งของต่างๆ มีแสงเงาและมิติ พร้อมให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบไม่ต้องแต่งอะไรให้มาก ขอบคุณภาพจาก pinterest : decorfacil ในห้องๆ หนึ่งควรหาช่องทางให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาในห้องได้อย่างเต็มที่   ขอบคุณภาพจาก pinterest : sfgirlbybay หากห้องของคุณมีขนาดปานกลาง ไม่ใหญ่มาก การที่มีช่องแสงธรรมชาตินั้นจะช่วยให้ห้องดูโปร่งและดูอบอุ่นตลอดเวลา 4.ไอเทมยอดฮิตสำหรับแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่น : เสื่อ เบาะ หมอนอิง โต๊ะเล็ก อีกไอเดียของการแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่น นั่นก็คือ การใช้ เสื่อ เบาะ หมอนอิง โต๊ะเล็กมาจัดวางเป็นองค์ประกอบหนึ่งของห้อง แค่นี้ก็ได้กลิ่นอายห้องสไตล์ญี่ปุ่นแล้ว   ขอบคุณภาพจาก pinterest : dwellmedia จัดสรรพื้นที่ให้เป็นมุมพักผ่อนหย่อนใจที่แสนจะเรียบง่ายด้วยเสื่อและเบาะรองนั่ง ให้ความเป็นธรรมชาติสไตล์ญี่ปุ่นได้อย่างแท้จริง   ขอบคุณภาพจาก pinterest : allabout.co.jp มุมรับประทานอาหารก็สามารถเป็นอีกมุมที่เลือกใช้เบาะกับโต๊ะเล็กได้ และอาจจะตกแต่งด้วยของน่ารักๆ อย่างโคมไฟแบบญี่ปุ่น กระถางต้นไม้ หรือกรอบรูปที่เข้ากันได้ดี   ขอบคุณภาพจาก pinterest : hicbc.com พื้นที่ที่นำเบาะกับโต๊ะเล็กมาจัดวางไว้ โดยไม่จำเป็นต้องปูเสื่อแต่สามารถเลือกใช้พรมสีอ่อนๆ ที่เข้ากับห้องนั้นๆ ได้ ทำให้ห้องดูกว้างแถมยังใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ที่จะสามารถนั่ง นอน ได้อย่างสะดวก 5.แต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่นแบบธรรมชาติ เสริมด้วยเอิร์ธโทน ถ้าใครได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น แล้วลองสังเกตบ้านเรือนของชาวญี่ปุ่นจะต้องมีวัสดุต่างๆ ที่เกี่ยวกับธรรมชาติมาตกแต่งเสมอ เช่น ไม้ ไม้ไผ่ หรือต้นไม้สีเขียว และโทนสีหลักๆ จะเน้นไปที่เอิร์ธโทน   ขอบคุณภาพจาก pinterest : muji.net การตกแต่งแบบธรรมชาติแบบสีเขียวนั้น ไม่ได้หมายความว่าให้ปลูกต้นไม้ในห้องนะ แค่เป็นการนำต้นไม้ใบไม้ใส่กระถางแบบมินิมอลมาวางประดับไว้เล็กๆ น้อยๆ พอให้สัมผัสถึงธรรมชาติได้บ้าง   ขอบคุณภาพจาก pinterest : anikolevai แม้ว่าระเบียงห้องของคุณจะมีพื้นที่น้อย อาจจะไม่สามารถปลูกต้นไม้ใหญ่ๆ ได้ แต่ก็สามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้ด้วยวิธีอื่นๆ อย่างเช่น การผูกเชือกกับกระถางต้นไม้ หรือทำเป็นชั้นวางต้นไม้จิ๋วแบบลอยอยู่กับระเบียง ที่สำคัญอย่าลืมเช็คว่าต้นไม้ต้นนั้น ต้องการแดดแค่ไหนนะคะ   ขอบคุณภาพจาก pinterest : littlepieceofme.com สีเอิร์ธโทนตามสไตล์ญี่ปุ่น หลักๆ จะเป็นสีโทนน้ำตาล เขียวหรือสีที่เข้ากับสีขาวหรือดำ เช่น สีเบจ สีของไม้ โทนสีนี้เหล่านี้จะช่วยให้รู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ผ่อนคลาย และอบอุ่น หรืออาจจะตกแต่งผสมกับการเลือกใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติโดยตรงก็เป็นได้   ไอเดียแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่น ยังคงเป็นที่นิยมเพราะการจัดวางสิ่งของและวัสดุที่เน้นความเรียบง่าย เข้ากับธรรมชาติเป็นสไตล์ที่ไม่มีอะไรมาก แม้ว่าพื้นที่อาจจะมีไม่เยอะแต่เมื่อแต่งห้องรูปแบบแบบนี้แล้ว ทำให้ดูอบอุ่น น่าอยู่ไปอีกเท่าตัว รวมไอเดียแต่งห้องสไตล์ญี่ปุ่น T House ยกญี่ปุ่นมาไว้ในคอนโดใจกลางเมือง How to แต่งห้องนอนสไตล์ Zen สร้างบรรยากาศแบบญี่ปุ่น แบบบ้านชั้นเดียว หลังเล็กๆ เรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น    
ไอเดียแต่งห้องนั่งเล่น ครบทั้งทำงาน และ พักผ่อน

ไอเดียแต่งห้องนั่งเล่น ครบทั้งทำงาน และ พักผ่อน

ไอเดียแต่งห้องนั่งเล่น ครบทุกฟังค์ชั่น ด้วยปัญหาสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านใหม่ หรือ กำลังเริ่มต้นที่จะรีโนเวทบ้าน ซึ่งต้องการใช้พื้นที่ในบ้านให้คุ้มค่าที่สุด และกำลังมองหาไอเดีย สำหรับ แต่งห้อง สำหรับหลายๆห้องในบ้าน ซึ่งนอกจากห้องรับแขกที่หลายๆบ้านให้ความสำคัญแล้ว การมีห้องนั่งเล่น ในบ้านก็เป็นอีกหนึ่งไอเดีย ที่กำลังได้รับความนิยม ในสมัยนี้ วันนี้เรามีไอเดียในแต่งห้องนั่งเล่น ให้ได้คุ้มค่าที่สุด ทั้งใช้เป็นห้องทำงานในตัว รวมถึงเป็นห้องพักผ่อน จะนั่งอ่านหนังสือ หรือ หลายๆกิจกรรมกับคนในครอบครัวได้ โดยไม่ต้องแยกกันอยู่คนละห้อง เชิญอ่านตัวอย่างไอเดีย แต่งห้องนั่งเล่น ที่ครบทุกฟังค์ชั่น ได้ที่นี่   1.แบ่ง 2 โซนในห้องเดียว ไอเดียแต่งห้องนั่งเล่นนี้ใช้การแบ่งโซนของห้องเป็น 2 โซน โดยยังใช้แอร์ และ ทีวี ร่วมกันได้ แต่ทว่าใช้งานต่างกัน โซนนึงดูทีวี และ พักผ่อน  ส่วนอีกโซนนนั่งทำงานอดิเรกได้   ขอบคุณภาพจาก : pinterest.com : California Closets   2.แบ่งมุมย่อย โดยใช้เฟอร์นิเจอร์ แยกโซน การจัดห้องนั่งเล่นสไตล์นี้ ที่ใช้สีของเฟอร์นิเจอร์ไม้คุมโทนของห้อง พร้อมทั้งหาเฟอร์นิเจอร์ อย่างตู้เก็บของ และ โซฟายาว มาเป็นตัวช่วยแบ่งโซน ประโยชน์คือ ทำให้สมาชิกในบ้านสามารถทำกิจกรรมได้ในห้องด้วยกัน โดยแต่ละคน จะพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองในการใช้งาน   ขอบคุณภาพจาก : pinterest.com :  kurashicom.jp   3.ใช้เป็นห้องทำงาน แล้วแยกโซนด้วยโต๊ะยาว สำหรับการแต่งห้องนี้ เหมาะกับคู่รัก ที่ต้องการใช้ห้องนั่งเล่น มาเป็นห้องทำงานที่คุ้มค่าของสองเรา ซึ่งใช้เฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะ มาแบ่งครึ่งของแต่ละโซนทำงานของตัวเอง ดูเหมือนห้องทำงานจริงจัง แต่ขณะเดียวกัน  ก็ยังทำให้ห้องนั่งเล่นนี้ เป็นเป็นห้องทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ เพียงหมุนโต๊ะมาเจอกัน หรือ หากมีลูกน้อยขึ้นมา ก็สามารถให้เค้ามานั่งขีดเขียนวาดรูป ที่โต๊ะกลางนี้ได้ โดยที่ทั้ง 3 คน ยังอยู่ในห้องเดียวกันได้   ขอบคุณภาพจาก :  pinterest.com : decorology.blogspot.com 4.จัดห้องสันทนาการเพื่อลูก และ ครอบครัว สำหรับไอเดียจัดห้องนี้เหมาะมากสำหรับครอบครัวลูกเล็ก ต้องการห้องที่ไว้ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยเฉพาะกิจกรรมกับลูก ซึ่งการจัดห้องนี้ ลูกทำกิจกรรม ส่วนพ่อแม่ก็สามารถใช้โต๊ะทรงสูง ที่สามารถนั่งข้างๆลูกได้ ซึ่งการเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนี้ จำเป็นต้องเลือกสร้างขนาด เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของคนทั้งสองวัย   ขอบคุณภาพจาก : http://www.decoist.com/home-office-playroom-combo-designs/ 5.ห้องนั่งเล่นขนาดเล็ก สำหรับคู่รัก การจัดห่องนั่งเล่นรูปทรงตัว L นี้ เมื่อเดินเข้ามาจะทำให้คุณรู้สึกไม่คับแคบ แต่สามารถใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า ฝั่งนึงให้คู่รักไว้สำหรับทำงาน ส่วนอีกฝั่งทำเป็นโซฟายาว หากนั่งทำงานนานๆ สามารถมาเอนหลังอ่านหนังสือ ซึ่งการแต่งห้องนั่งเล่นแบบนี้ จะเหมาะอยู่กับเพียง 1-2 คน   ขอบคุณภาพจาก :  pinterest.com : hepok.com 6.ห้องเดียวครบ สำหรับคนโสด คนโสด หรือ คนที่อยู่คอนโด ที่ต้องการใช้ห้องที่เหลือซักห้องให้คุ้ม การจัดห้องลักษณะนี้ ที่ใช้โต๊ะทำงาน และ โซฟาที่มีตู้เก็บของด้าน รวมถึงตู้เสื้อผ้า  ทำให้ใช้ห้องนี้ได้ใช้ประโยชน์ครบถ้วน  ทั้งเป็นห้องแต่งตัว และ ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น และอีกประโยชน์คือ เมื่อนำเฟอร์นิเจอร์ อย่างตู่เสื้อผ้ามารวมด้วย จะทำให้ส่วนอื่นๆ ของคอนโดของคุณได้เหลือพื้นที่เพิ่มมากขึ้น   ขอบคุณภาพจาก :  pinterest.com :  interiorholic.com 7.ห้องนั่งเล่นเล็ก เล่นระดับ การจัดห้องนั่งเล่นลักษณะนี้จะเหมาะกับคนบ้านที่ห้องขนาดเล็ก แต่ต้องการใช้ประโยชน์ครบถ้วน ซึ่งการเล่นระดับของเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟา ทำให้ห้องนี้ดูไม่คับแคบ และ ทำให้ห้องดูสนุก เช่น เบื่อมุมนี้ ก็สามารถมานั่งมุมนั้นได้ ขอบคุณภาพจาก :  pinterest.com :  the36thavenue 8.ห้องนั่งเล่นแบบ 4 คนพ่อแม่ลูก การจัดห้องนั่งเล่นลักษณะนี้เรียกว่า สำหรับครอบครัวที่อยากให้ทุกคนมารวมใช้ประโยชน์จากห้องนี้ให้มากที่สุด สามารถรองรับการใช้งานได้ถึง 4 คน ซึ่งอาจเป็นพ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสาว อีกทั้งจะมีมุมโซฟา ที่ติดกับหน้าต่าง ซึ่งช่วยดึงแสงจากข้างนอกเข้ามา ทำให้ห้องนี้ ดูสว่างและไม่คับแคบ เมื่อมีหลายคนอยู่ร่วมกัน  เรียกว่าเปิดแอร์ 1 เครื่องคุ้มที่สุดเลย   ขอบคุณภาพจาก :   pinterest.com : caclosets   เลือกการจัดห้องนั่งเล่นแบบไหนที่โดนใจสำหรับคุณที่สุด จากทุกไอเดียเรื่องการจัดห้องนั่งเล่นนั้น จะเห็นได้ว่าขนาดของห้อง และ มุมของหน้าต่าง มีผลต่อการปรับพื้นที่เพื่อใช้เป็นห้องนั่งเล่น ของคุณ ดังนั้น ขอให้คุณลองพิจารณาก่อนว่า จะเลือกห้องใด ขนาดใดมาทำ และนำไอเดีย จากทีมงาน Reviewyourliving.com ปรับใช้กันดู
หน้าต่างวงกบและบานกรอบไม้ไม่เก็บเสียง แก้ไขอย่างไร?

หน้าต่างวงกบและบานกรอบไม้ไม่เก็บเสียง แก้ไขอย่างไร?

สำหรับบ้านเก่าที่ใช้ประตูหน้าต่างไม้ไม่ว่าจะเป็นบานเปิด บานติดตาย หรือบานเกล็ดนั้น ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเสียงเล็ดลอด สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะประตูหน้าต่างไม้รุ่นเก่ามักไม่มีขอบยางกันเสียงที่ช่วยให้ปิดได้มิดชิด (ต่างกับประตูหน้าต่างอะลูมิเนียม ไวนีล และหน้าต่างไม้บานติดตายแบบใหม่ที่มีการใช้ซิลิโคนยิงวงกบไม้เข้ากับกระจก)  วิธีที่ช่วยลดเสียงรบกวนได้คือการทำให้รอยต่อมิดชิดมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเสริมเส้นยางตลอดแนววงกบ  หรือติดตั้งไม้ชิ้นบังช่องรอยต่อหน้าต่าง ภาพ: การทำรอยต่อบริเวณหน้าต่างให้มิดชิดเพื่อป้องกันเสียง อีกปัจจัยที่ทำให้เสียงรบกวนลอดเข้ามาในบ้านคือ “สภาพของหน้าต่าง” เนื่องจากไม้เป็นวัสดุที่ยืดหดและผุพังได้ง่ายจากสภาวะอากาศ ทั้งแดด ฝน ความชื้น และยังเป็นอาหารของปลวกอีกด้วย เมื่อใช้งานไปนานจึงมักเกิดรอยผุหรือรอยแยกเป็นช่องทางให้เสียงจากภายนอก ลอดเข้ามารบกวน และยังทำให้อากาศในบ้านรั่วไหลออกได้จนทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น สำหรับวิธีแก้ไข   กรณีเกิดรอยรั่วตามรอยต่อระหว่างวงกบไม้กับผนังให้อุดด้วยวัสดุยาแนว เช่น โพลียูริเทน อะคริลิก เป็นต้น หากเป็นรอยผุหรือรอยรั่วเพียงเล็กน้อยตามชิ้นวงกบหรือบานกรอบไม้ สามารถซ่อมแซมโดยใช้กระดาษทรายหรือแปรงขัดบริเวณรอยผุพังให้เรียบ แล้วอุดด้วยวัสดุโป๊วก่อนจะแต่งผิวและทาสีทับให้ดูเรียบเนียนไปกับเนื้อไม้ (หากวัสดุอุดโป๊วผสมสีมาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทาสี) หรือจะใช้อีกวิธีคือตัดชิ้นไม้มาเปลี่ยนแทนส่วนที่ผุพังตามความเหมาะสม   ในขณะเดียวกัน หากวงกบหรือบานกรอบไม้อยู่ในสภาพไม่เหมาะจะซ่อม  เช่น  ผุพังมาก เป็นเชื้อรา หรือกรณีหน้าต่างเดิมเป็นบานเกล็ดซึ่งเสียงลอดเข้าตามรอยต่อกระจกได้ง่าย  อาจลองพิจารณาเปลี่ยนหน้าต่างใหม่โดยเลือกติดตั้งหน้าต่างกันเสียง  อย่างหน้าต่างไวนีลที่มีระบบ Multiple Lock พร้อมยางกันเสียงซีลรอบบาน เป็นต้น   ภาพ: หน้าต่างไวนีล ที่มีลักษณะช่วยกันเสียงรบกวนจากภายนอก   สำหรับบ้านก่ออิฐฉาบปูน การเปลี่ยนบานหน้าต่างพร้อมบานกรอบไม้อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าต้องเปลี่ยนวงกบ ด้วยจะยุ่งยากและใช้เวลามากกว่า เพราะโดยธรรมชาติของวัสดุปูนจะยึดกับวงกบไม้อย่างแน่นหนา จึงรื้อถอนได้ยากและมักทำให้ผนังเสียหายจนต้องซ่อมแซม โดยต้องรอให้ปูนแห้งอีกอย่างน้อย 1 วัน ก่อนจะติดตั้งวงกบตามด้วยบานหน้าต่างใหม่ได้ ดังนั้นในการเปลี่ยนวงกบไม้สำหรับบ้านก่ออิฐฉาบปูน เจ้าของบ้านควรให้ความสำคัญในการเลือกทีมช่างที่มีความชำนาญและประณีตมาเป็นผู้ดำเนินงานรื้อถอนและติดตั้ง   บทความโดย SCG Experience คู่คิดก่อนสร้างบ้าน ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างมั่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการสร้างบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG เพียงนำแบบบ้านมายื่นรับคำปรึกษา พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ SCGคู่คิดก่อนสร้างบ้าน​                   
ผนัง Precast สามารถเจาะเพิ่มช่องประตูหรือหน้าต่างได้หรือไม่

ผนัง Precast สามารถเจาะเพิ่มช่องประตูหรือหน้าต่างได้หรือไม่

“Precast Concrete” ระบบผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการก่อสร้างปัจจุบัน โดยเฉพาะโครงการหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมต่างๆ ด้วยความที่ช่วยประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนในการก่อสร้างได้พอสมควร แต่สำหรับผู้อยู่อาศัยที่เมื่อใช้ชีวิตอยู่ในบ้านไปสักระยะหนึ่งแล้ว หากต้องการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยบางส่วนที่ส่งผลให้ต้องเจาะผนังเพิ่มเพื่อขยายขนาดช่องเปิดหรือเพิ่มช่องประตูหน้าต่างใหม่ด้วยแล้ว อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ภาพ:  กระบวนการผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ มีความถูกต้องแม่นยำทั้งเรื่องตำแหน่งและขนาดช่องเปิดจากโรงงาน พร้อมบริการขนส่งไปยังไซต์งานบ้านลูกค้า ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า Precast เป็นผนังคอนกรีตเสริมเหล็กหล่อสำเร็จที่ขึ้นรูปมาจากโรงงานพร้อมติดตั้งที่หน้างานจริง ทำหน้าที่เป็นผนังรับน้ำหนักโดยไม่ต้องมีโครงสร้างเสาคานมารองรับ มีช่องประตูหน้าต่างที่เจาะสำเร็จมาจากโรงงาน ส่วนที่ไม่ได้เจาะช่องเปิดนั้นจะมีเสาเหล็กเดินอยู่ภายในตามจำนวนและขนาดที่วิศวกรได้คำนวณไว้เพื่อให้สามารถรับน้ำหนักบ้านทั้งหลังได้อย่างแข็งแรง การเจาะผนังบางส่วนออกจึงอาจจะเจอเหล็กเส้นที่เดินอยู่ภายในผนังนั้นๆ และการจะตัดเหล็กบางส่วนออกก็จะมีผลกระทบกับโครงสร้างโดยรวมทั้งหลังได้ จึงไม่แนะนำให้เจาะช่องเปิดเพิ่มเพื่อทำประตูหน้าต่าง แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องทำจริงๆ ก็ควรปรึกษาวิศวกรโครงการเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ ภาพ:  ผนังสำเร็จรูป Precast เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างบ้าน ภาพซ้าย: ผนัง Precast ซึ่งทำหน้าที่เป็นผนังรับน้ำหนัก  ภาพขวา: ผนังก่ออิฐฉาบปูน ดังนั้นเมื่อเราตัดสินใจจะซื้อบ้านสักหลัง นอกจากรูปแบบที่ใช่ สไตล์ที่ชอบ ฟังก์ชันใช้สอยภายในบ้านตอบโจทย์เราได้ดีแล้ว ยังควรศึกษาเพิ่มเติมว่าบ้านที่เราจะซื้อเป็นระบบใด เพราะหากโครงการบ้านจัดสรรก่อสร้างด้วยระบบ Precast การจะเปลี่ยนจะปรับหรือจะเจาะช่องเปิดเพิ่มคงไม่ง่ายนัก และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องคำนึงคือบ้านต้องมีการก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน แข็งแรงทนทาน ให้เราสามารถอาศัยอยู่ได้อย่างสบายใจตราบนานเท่านาน บทความโดย SCG Experience คู่คิดก่อนสร้างบ้าน ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างมั่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการสร้างบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG เพียงนำแบบบ้านมายื่นรับคำปรึกษา พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ SCGคู่คิดก่อนสร้างบ้าน​ 
เมื่อชักโครก น้ำรั่วไม่หยุด ต้องแก้ไขอย่างไร?

เมื่อชักโครก น้ำรั่วไม่หยุด ต้องแก้ไขอย่างไร?

เคยมั้ย…ที่แม้ไม่ได้ใช้น้ำหรือใช้งานโถสุขภัณฑ์ แต่มิเตอร์หรือปั๊มน้ำก็ทำงานไม่ยอมหยุด หรือบางครั้งได้ยินเสียงน้ำไหลในโถสุขภัณฑ์ตลอดเวลา หากเจอกับปัญหานี้ มีวิธีเช็คและแก้ไขเบื้องต้นด้วยตนเองไม่ยาก เมื่อชักโครก น้ำรั่ว ให้เริ่มจากสังเกตลูกลอยว่ามีปัญหาเหล่านี้หรือไม่ ระดับลูกลอย ว่าอยู่สูงหรือต่ำกว่าปกติหรือไม่ หากลูกลอยอยู่สูงกว่าปกติ คืออยู่สูงกว่าระดับน้ำล้นในโถกักเก็บน้ำ แสดงว่าน็อตบางตัวหลวมหรือคลายตัว ให้แก้โดยปรับลูกลอยให้ต่ำลงและทำการขันน็อตให้แน่น หากลูกลอยลดระดับลงต่ำผิดปกติหรือลูกลอยจมน้ำ ให้ถอดลูกลอยออกมาดูว่าเกิดรอยรั่วหรือการแตกร้าวหรือไม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้ำซึมเข้าไปในลูกลอย ทำให้น้ำไหลออกทางรูน้ำล้นลงโถสุขภัณฑ์ตลอดเวลา ซึ่งควรแก้ไขโดยขันสกรูเอาลูกลอยออกแล้วเปลี่ยนอันใหม่แทน ลูกลอยเสีย ให้ลองยกลูกลอยขึ้นสุด หากน้ำยังคงไหลอยู่ แสดงว่าลูกลอยเสีย ให้เปลี่ยนลูกลอยใหม่ ภาพ: ชื่อเรียกส่วนประกอบต่างๆ ในหม้อน้ำของโถสุขภัณฑ์ สังเกต ลูกกบ (ที่หน้าที่ปิดเปิดรูปล่อยน้ำให้ไหลลงสุขภัณฑ์) และ ยางลูกกบ (แผ่นยางปิดรูปล่อยน้ำ ทำหน้าที่ซีลหรืออุดร่องระหว่างลูกกบและช่องเปิดปิดน้ำให้แน่นแนบสนิทมากขึ้น) ลูกกบถูกเปิดง้างทิ้งไว้หรือไม่ โดยดูว่าอาจเพราะมีวัตถุบางอย่างติดค้างทำให้ปิดไม่สนิทจนน้ำไหลทิ้ง แก้โดยเอาวัตถุนั้นออกหรือเช็ดทำความสะอาด หากไม่มีวัตถุผิดสังเกตที่ว่า ให้ดูว่าโซ่หรือเชือกที่ดึงเพื่อเปิดปิดน้ำนั้นตึงเกินไปจนทำให้ลูกกบเปิดค้างไว้หรือไม่ แก้โดยปรับสายให้พอดี ไม่ให้ตึงหรือหย่อนเกินไป ลูกกบชำรุดหรือฉีกขาด ต้องทำการเปลี่ยนใหม่ทันที สำหรับลูกกบใหม่ลองนำมาวางปิดรูปล่อยน้ำก่อน ว่าสามารถปิดรูปล่อยน้ำได้สนิทดีหรือไม่ จึงค่อยยึดเข้ากับโซ่หรือเชือกดึง แผ่นยางลูกกบ หรือยางซีลลูกกบปิดไม่สนิท  มักเกิดจาก ข้อแรก มีตะไคร่หรือคราบสกปรกเกาะอยู่ แนะนำให้ถอดออกมาทำความสะอาดและติดตั้งกลับเข้าไปใหม่ ข้อสอง เสื่อมสภาพหรือชำรุด ไม่ว่าจะเป็นลักษณะภายนอกที่ผิดปกติ บิดเบี้ยว บวม เปื่อย หรือขาด ทำให้ยางปิดไม่สนิทดี แนะนำให้เปลี่ยนแผ่นยางใหม่ ภาพ: ลูกกบ และ ยางลูกกบ บทความโดย SCG Experience คู่คิดก่อนสร้างบ้าน ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างมั่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการสร้างบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG เพียงนำแบบบ้านมายื่นรับคำปรึกษา พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ SCGคู่คิดก่อนสร้างบ้าน​  รวมวิธีซ่อมแซมบ้านได้ด้วยตัวเอง ซ่อมแซมห้องน้ำใหม่อย่างไร ให้รวดเร็ว จบงานภายใน 1 วัน! วิธีแก้ปัญหาน้ำฝนรั่วซึมเข้าบ้าน สาเหตุและวิธีรับมือปัญหารั่วซึมจากพื้นห้องน้ำ
ฟ้าใสหลังฤดูฝนผ่านไป ก็ได้เวลารีโนเวทบ้าน

ฟ้าใสหลังฤดูฝนผ่านไป ก็ได้เวลารีโนเวทบ้าน

บ้านของเรามักเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพที่ดูทรุดโทรมลง ส่วนประกอบต่างๆ เสื่อมชำรุดต้องซ่อมแซม อยากเปลี่ยนบรรยากาศหรือปรับพื้นที่เพื่อรองรับการใช้สอยซึ่งต่างไปจากเดิม การรีโนเวทบ้านจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อยู่เสมอ ทั้งนี้ หลังฤดูฝนนับเป็นอีกช่วงเวลาที่เหมาะกับการรีโนเวทบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมบ้าน ปรับปรุงบ้านและอาจรวมถึงการต่อเติมบ้าน ด้วยดินฟ้าอากาศที่เป็นใจ เอื้ออำนวยต่อทั้งการทำงาน การขนส่ง และการจัดเก็บวัสดุ รีโนเวทตรวจซ่อมบ้านหลังหน้าฝน คงมีเจ้าของบ้านจำนวนไม่น้อยที่อยากจะจัดการปัญหารั่วซึม ซึ่งก่อกวนใจตลอดช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาหลังคาบ้านรั่ว หากเป็นหลังคาดาดฟ้าคอนกรีตมักหาจุดรั่วซึมได้ง่าย ถ้าเป็นรอยรั่วซึมขนาดเล็กก็สามารถสกัดและอุดซ่อมด้วยปูน Non-Shrink Grout ได้ แต่หากรอยแตกร้าวมีขนาดใหญ่เสียหายมากจนเหล็กเสริมเป็นสนิมขุม ควรปรึกษาวิศวกรเพื่อหาทางแก้ไขที่ปลอดภัย สำหรับหลังคารูปทรงต่างๆ ที่ไม่ใช่หลังคาดาดฟ้าคอนกรีตนั้น ให้ลองหาจุดรั่วซึมเบื้องต้นโดยเปิดฝ้าเพดานแล้วมองหาจุดที่แสงลอดเข้ามาได้ หากไม่พบให้ลองสังเกตคราบน้ำตามโครงสร้างเพื่อย้อนไปหาตำแหน่งรั่วซึมที่แท้จริง (บางครั้งอาจมาจากหลังคาทาวน์โฮมเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน) ปัญหาหลังคาบ้านรั่วลักษณะนี้ มักต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบหาวิธีแก้ไข ซ่อมแซม หรือปรับปรุงที่เหมาะสม ภาพ: ปัญหาหลังคาบ้านรั่ว อาจเกิดจากกระเบื้องหลังคาแตกร้าว หลุดเผยอ หรือรั่วซึมตามรอยต่อต่างๆ ของหลังคาดังภาพ รอยร้าวตามผนังก็เป็นอีกช่องทางให้น้ำรั่วซึมเข้าบ้านได้ ส่วนใหญ่มักพบบริเวณประตูหน้าต่าง หากเป็นรอยร้าวผนังรอบวงกบ สามารถซ่อมด้วยวัสดุอุดยาแนวหรือใช้ปูนซีเมนต์สำหรับงานซ่อม ส่วนรอยร้าวผุเล็กน้อยที่เนื้อวงกบไม้ก็ใช้วัสดุยาแนวอุดซ่อมได้ด้วย แต่หากวงกบไม้ผุพังมากให้ลองพิจารณาเปลี่ยนประตูหน้าต่างใหม่ โดยเจ้าของบ้านอาจเลือกวัสดุที่คงทนมากขึ้น หรือใช้ประตูหน้าต่างที่ขายพร้อมบริการเปลี่ยนติดตั้งแบบครบวงจรได้เพื่อเน้นคุณภาพและความสะดวก ผนังร้าวรั่วซึมอีกกรณีที่พบได้ก็คือ ตามรอยต่อของผนังส่วนต่อเติมซึ่งถูกก่อฉาบเชื่อมรอยต่อติดกับตัวบ้าน เมื่อส่วนต่อเติมทรุดตัว จะเกิดการฉีกขาดเป็นรอยร้าวทำให้น้ำรั่วซึมเข้ามาได้ วิธีแก้ไขเบื้องต้นคือให้ยาแนวรอยต่อด้วยวัสดุที่ยืดหยุ่น อย่าง PU หรือซิลิโคน ภาพ: การแก้ไขปัญหาผนังร้าวรั่วซึมบริเวณรอยต่อของส่วนต่อเติมกับตัวบ้าน รีโนเวทปรับปรุงบ้านหลังหน้าฝน หลังหน้าฝนเป็นโอกาสอันดีที่จะปรับปรุงบ้านในส่วนกลางแจ้ง อย่างการปรับปรุงหลังคา  ปรับปรุงพื้นบริเวณรอบบ้าน และปรับปรุงผนังภายนอกบ้าน จุดประสงค์อาจมิใช่แค่เพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์บรรยากาศเท่านั้น แต่เป็นการปรับปรุงเพื่อแก้ปัญหาที่ต่อเนื่องมาจากหน้าฝนด้วย อย่างกรณีหลังคารั่วหลายจุดหรือโครงหลังคามีปัญหา ก็อาจปรับปรุงโดยรื้อมุงกระเบื้องใหม่หรือวางโครงหลังคาใหม่ เป็นต้น ปัญหาดินรอบบ้านทรุด จนเห็นโพรงใต้บ้านก็เป็นอีกเรื่องที่เหมาะจะปรับปรุงแก้ไขหลังหน้าฝน หากพื้นดินยังมีแนวโน้มจะทรุดตัวต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ก็อาจปิดโพรงแบบชั่วคราวไปก่อน เช่น นำกระถางต้นไม้ทรงสี่เหลี่ยมมาวางปิดไว้ ใช้ขอบคันหินปิด หรือจะก่ออิฐบนพื้นคอนกรีตเดิมเพื่อปิดโพรงโดยใช้แผ่นโฟมคั่นระหว่างก้อนอิฐกับตัวบ้าน เป็นต้น แต่สำหรับกรณีที่พื้นทรุดไปมากแล้วและมีแนวโน้มว่าจะทรุดช้าลงมาก ให้ทำการแก้ไขแบบถาวร โดยทุบรื้อเอาหญ้าหรือวัสดุเดิมบนหน้าดินออก แล้วถมดินปิดโพรงในระดับที่เหมาะสมก่อนจะติดตั้งวัสดุปูพื้น ทั้งนี้อาจถือโอกาสเลือกวัสดุปูพื้นแบบใหม่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศก็ได้ ภาพ: ดินรอบบ้านทรุดจนเห็นโพรงใต้บ้านเล็กน้อย ภาพ: การใช้ขอบคันหินวางปิดโพรงใต้บ้าน พร้อมปลูกต้นไม้ประดับเล็กน้อย อีกปัญหาที่พบบ่อยในหน้าฝน ซึ่งแม้จะไม่ได้มีผลกระทบต่อการใช้งานนัก แต่ก็ทำลายความสวยงามอย่างมากนั่นคือปัญหาผนังชื้น สีโป่งพองลอกล่อนโป่งพอง หรือมีเชื้อราตะไคร่ เจ้าของบ้านสามารถปรับปรุงผนังใหม่หลังหน้าฝนโดยใช้หลักการคือ ทำให้ผนังระบายความชื้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีที่มีคุณสมบัติระบายความชื้น ทำผนังปูนแบบต่างๆ เช่น ผนังปูนเปลือยฉาบขัดมัน ผนังกรวดล้างทรายล้าง เป็นต้น ไปจนถึงการใช้ไม้เทียมตกแต่งทับผนังเดิม รีโนเวทและต่อเติมบ้านหลังหน้าฝน บางครั้งการปรับปรุงพื้นที่ใช้สอยอาจไม่จบเพียงแค่ในบ้าน แต่มีการขยับขยายต่อเติมออกนอกตัวบ้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นการต่อเติมห้องนอน ต่อเติมห้องครัว ต่อเติมห้องนั่งเล่น ฯลฯ เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยส่วนนั้นให้กว้างขวางขึ้น การต่อเติมขยายพื้นที่ลักษณะนี้มักทุบผนังเพื่อเชื่อมพื้นที่ส่วนต่อเติมเชื่อมเข้ากับพื้นที่บ้านเดิม ดังนั้นโครงสร้างที่รองรับพื้นควรลงเสาเข็มให้ลึกถึงชั้นดินแข็งเช่นเดียวกับโครงสร้างบ้านเดิม เพื่อลดปัญหาการทรุดตัวของพื้นที่ไม่เท่ากัน ทั้งนี้ กระบวนการต่อเติมบ้านจะเป็นการทำงานกลางแจ้งเสียส่วนใหญ่ ดังนั้น ช่วงปลายปีหลังฤดูฝนจึงนับเป็นเวลาที่สะดวกต่อการดำเนินงาน รวมทั้งการขนส่งและจัดกองเก็บวัสดุ ภาพ: การลงเสาเข็มส่วนต่อเติมให้ลึกถึงชั้นดินแข็ง การรีโนเวทบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมบ้าน ปรับปรุงบ้านหรือต่อเติมบ้าน ควรอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายควบคุมอาคาร และควรยื่นขออนุญาต อย่างถูกต้อง (หากเข้าข่ายต้องขออนุญาต) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีปรับปรุงต่อเติมบ้าน มักมีกฎหมายควบคุมหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การปรับปรุงหรือต่อเติมนั้นไม่ควรขัดขวางทางหนีไฟ  มีขนาดที่ว่าง ภายในขอบเขตที่ดินและระยะร่นต่างๆ ที่เพียงพอ การกำหนดตำแหน่งของช่องเปิด ซึ่งสัมพันธ์กับแนวเขตที่ดิน เป็นต้น และทางที่ดีควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการรีโนเวท โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่การซ่อมแซม ปรับปรุง หรือต่อเติมบ้านนั้นมีผลกระทบต่อโครงสร้างบ้าน ควรอยู่ภายใต้ความดูแลวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและลดปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยในระยะยาว บทความโดย SCG Experience คู่คิดก่อนสร้างบ้าน ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างมั่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการสร้างบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG เพียงนำแบบบ้านมายื่นรับคำปรึกษา พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ SCGคู่คิดก่อนสร้างบ้าน​  img class="alignnone size-full wp-image-61869" src="https://www.reviewyourliving.com/wp-content/uploads/2017/05/5-1-2-รีโนเวทบ้าน-headline.png" alt="" width="1446" height="800" />
เปลี่ยนหน้าต่างบานเกล็ด เป็นหน้าต่างวินด์เซอร์..ทำได้หรือไม่?

เปลี่ยนหน้าต่างบานเกล็ด เป็นหน้าต่างวินด์เซอร์..ทำได้หรือไม่?

เมื่อเราอาศัยอยู่ในบ้านไปสักระยะหนึ่ง อาจต้องการปรับเปลี่ยนบางส่วนเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนให้ดูใหม่ขึ้น หรือเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่หรือฟังก์ชันใหม่ หน้าต่างเองก็เป็นส่วนหนึ่งของบ้านที่มีหลายรูปแบบ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า หากของเดิมเป็นหน้าต่างบานเกล็ด แต่ต้องการเปลี่ยนเป็นหน้าต่างวินด์เซอร์สามารถทำได้หรือไม่ ก่อนอื่นจะต้องให้ทีมช่างของวินด์เซอร์เข้าไปสำรวจหน้างานจริงว่าสภาพหน้าต่างบานเกล็ดเดิมเป็นอย่างไร วัดขนาด ระยะ และรายละเอียดต่างๆ เพื่อเสนอแนะแนวทางให้เจ้าของบ้านเลือก รวมทั้งให้คำปรึกษาถึงความเป็นไปได้ของหน้าต่างใหม่ที่เราจะเลือก โดยหน้าต่างของวินด์เซอร์เองจะสามารถสั่งตัดได้ตามขนาดที่พอดีกับหน้างาน ภาพ: หน้าต่างบานเกล็ดขนาดใหญ่หรือทรงผอมสูง ขอขอบคุณสถานที่: AREE HOUSE (Floating House) ภาพ: บ้านที่ใช้หน้าต่างบานเกล็ด ขอขอบคุณสถานที่: บ้านคุณสุทธิพันธ์ และ คุณวราภรณ์ จาริยะวัฒน์ แนวทางการเปลี่ยนมาใช้หน้าต่างวินเซอร์ การเปลี่ยนเป็นหน้าต่างวินเซอร์สามารถทำได้ 2 แนวทาง คือ การรื้อหน้าต่างเดิมออกทั้งหมดแล้วติดตั้งหน้าต่างวินด์เซอร์ใหม่เข้าไป กับ การถอดบานหน้าต่างเดิมออกแต่เก็บวงกบเดิมไว้ แล้วจึงติดตั้งหน้าต่างใหม่ทับวงกบหน้าต่างเดิมได้เลย (Fast Renew) ซึ่งใช้เวลาในการทำงานน้อยกว่าแนวทางแรก หากวงกบหน้าต่างเดิมอยู่ในสภาพดีจะสามารถเลือกเปลี่ยนได้ทั้งสองแนวทาง แต่ถ้าสภาพเดิมอาจผุพังหรือสภาพไม่ค่อยจะดีนัก จะแนะนำให้เลือกเป็นแนวทางแรกคือการรื้อหน้าต่างเดิมออกทั้งหมดแล้วจึงเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดจะดีที่สุด ภาพ: ตัวอย่างการติดตั้งหน้าต่างวินด์เซอร์บานใหม่แบบ Fast Renew โดยถอดบานหน้าต่างเดิมออกแต่เก็บวงกบเดิมไว้ แล้วจึงติดตั้งหน้าต่างใหม่ทับวงกบหน้าต่างเดิมได้เลย ขอขอบคุณ: www.youtube.com/watch?v=x3Q8HkHbneY เปลี่ยนหน้าต่างบานเกล็ดเป็นหน้าต่างรูปแบบไหนดี รูปแบบของหน้าต่างวินเซอร์จะไม่แตกต่างจากหน้าต่างทั่วไปในท้องตลาดเท่าไรนัก เช่น หน้าต่างบานเปิด บานเลื่อน บานกระทุ้ง และบานเกล็ด เป็นต้น หากต้องการเปลี่ยนจากหน้าต่างบานเกล็ดเดิมเป็นหน้าต่างบานเกล็ดวินเซอร์ก็สามารถทำได้ เพราะมีฟังก์ชันใช้สอยไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่หากต้องการเปลี่ยนเป็นบานเปิดจะมีข้อควรคำนึงคือจะกินพื้นที่บริเวณที่บานหน้าต่างเปิดออกไป (ซึ่งอาจจะกีดขวางทางเดินได้) แต่มีข้อดีคือสามารถเปิดรับลมได้อย่างเต็มที่ ส่วนกรณีต้องการเปลี่ยนเป็นบานเลื่อน ต้องดูก่อนว่าขนาดหน้าต่างบานเกล็ดเดิมเป็นอย่างไร ใหญ่พอที่จะเปลี่ยนเป็นบานเลื่อนหรือไม่ หากเปลี่ยนได้ก็มีเรื่องที่ควรคำนึงคือ ขณะเปิดเลื่อนเข้าหากันจะได้ช่องลมลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง แต่มีข้อดีคือไม่กินพื้นที่เพราะเป็นการเลื่อนเปิดในแนวขนานราบไปกับผนัง จึงสามารถใช้ในบริเวณที่คนเดินผ่านไปมาได้ ส่วนการเปลี่ยนมาใช้บานกระทุ้ง หน้าต่างลักษณะนี้จะเปิดแบบดันจากด้านล่างของบานออกไป ซึ่งจะกินพื้นที่ขณะเปิด หากบริเวณที่จะติดตั้งห่างจากทางสัญจรก็สามารถเลือกใช้งานแทนหน้าต่างบานเกล็ดเดิมได้ ภาพ:หน้าต่างบานเปิด ภาพ:หน้าต่างบานเลื่อน ภาพ:หน้าต่างบานกระทุ้ง ดังนั้น การเปลี่ยนจากหน้าต่างบานเกล็ดเดิมเป็นหน้าต่างใหม่จากวินด์เซอร์ สามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณาจากหลายๆ อย่างประกอบกัน ทั้งพื้นที่หน้างาน สภาพและขนาดของหน้าต่างเดิม เพื่อหาแนวทางและรูปแบบหน้าต่างที่เหมาะสมและตอบโจทย์ที่สุด บทความโดย SCG Experience คู่คิดก่อนสร้างบ้าน ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างมั่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการสร้างบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG เพียงนำแบบบ้านมายื่นรับคำปรึกษา พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ SCGคู่คิดก่อนสร้างบ้าน​ 
วิธีทำน้ำยาขจัดคราบ “กระเบื้องฝังลึก” ในห้องน้ำใช้เอง

วิธีทำน้ำยาขจัดคราบ “กระเบื้องฝังลึก” ในห้องน้ำใช้เอง

คราบฝังแน่นในห้องน้ำที่อาจจะมีทั้งเชื้อรา คราบสบู่ คราบไขมัน คราบโน่นนี่ จากร่องกระเบื้องขาวใส ผ่านไปไม่นานกลายเป็นคราบจับดำเป็นหย่อมๆ เห็นแล้วระคายสายตา เชื่อว่าหลายคนคงหาวิธีทำความสะอาดคราบสกปรกที่ว่านี้ให้สิ้นซากด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่หาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด แต่วันนี้เรามีวิธีทำน้ำยาขจัดคราบสกปรกเหล่านี้มาแนะนำครับ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม น้ำเปล่าครึ่งขวด ผงสบู่ 1 ฝาขวดน้ำเปล่า น้ำส้มสายชู 2 ฝาขวดน้ำเปล่า แอลกอฮอลล์ 3 ฝาขวดน้ำเปล่า แป้งทำอาหารครึ่งฝา เศษผ้า หรือสก๊อตไบร์ท ถุงมือยาง ผ้าปิดปากและจมูก วิธีทำ เพียงแค่นำส่วนผสมทุกอย่างเทลงในขวดน้ำแล้วปิดฝาขวดน้ำให้แน่นจากนั้นก็เขย่าๆ ให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นอย่างดี เทน้ำที่ได้ลงบนสก๊อตไบร์ทหรือเศษผ้า แล้วขัดบริเวณที่เป็นคราบสกปรก จากนั้นใช้น้ำเปล่าราดล้างทำความสะอาดอีกรอบ เพียงเท่านี้คราบสกปรกฝังลึกก็จะค่อยๆ จางไป แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง กระเบื้องในห้องน้ำของคุณก็จะใสวิ้งทันตา คำแนะนำ ใครที่แพ้กลิ่นน้ำส้มสายชูหรือกลิ่นแอลกอฮอล์อาจเตรียมผ้าปิดจมูกไว้ด้วยนะครับ ควรใส่ถุงมือระหว่างขั้นตอนการทำความสะอาด เพื่อป้องกันเกิดการระคายเคืองผิว   ขอขอบคุณข้อมูลจาก  home.sanook.com
ใช้ปูนอุดรอยรั่วกระเบื้องหลังคาแตกร้าว ป้องกันน้ำรั่วซึมเข้าบ้านได้จริงหรือ

ใช้ปูนอุดรอยรั่วกระเบื้องหลังคาแตกร้าว ป้องกันน้ำรั่วซึมเข้าบ้านได้จริงหรือ

รอยแตกร้าวบนแผ่นกระเบื้องหลังคาที่มักนำปัญหาน้ำฝนรั่วซึมเข้ามาในบ้าน ซึ่งเจ้าของบ้านหลายท่านอาจเลือกวิธีแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้าโดยการอุดซ่อมรอยร้าวด้วยปูนทราย กาวซีเมนต์ (ปูนกาว) หรือแม้แต่ปูนเกราต์ประเภทต่างๆ แต่วิธีนี้อาจช่วยแก้ปัญหาได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น เพราะปูนจะมีคุณสมบัติเรื่องการหดตัวจากแสงแดด อุณหภูมิ และความชื้นที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้เกิดการแตกร้าว และสุดท้ายน้ำฝนก็สามารถซึมผ่านเข้ามาได้อีก ภาพ: กระเบื้องหลังคาแตกร้าว นำมาซึ่งปัญหาน้ำฝนรั่วซึมเข้ามาในบ้าน ดังนั้น เมื่อกระเบื้องหลังคาแตกร้าว ไม่ว่าจะเป็นแผ่นกระเบื้องหรือครอบหลังคาส่วนต่างๆ วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาหรือครอบแผ่นใหม่ โดยเลือกใช้กระเบื้องรุ่นเดิมเท่านั้น ทั้งนี้ ถึงแม้เลือกกระเบื้องหลังคาเฉดสีเดิม แต่ด้วยล็อตผลิตและอายุการใช้งานที่ต่างกัน จึงอาจทำให้เฉดสีของกระเบื้องหลังคาแผ่นใหม่ต่างจากเดิม ซึ่งสามารถทาสีสำหรับกระเบื้องหลังคาทั้งผืนเพื่อความสวยงามได้ ภาพ: การเปลี่ยนกระเบื้องหลังคาแผ่นใหม่เป็นวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด การเปลี่ยนครอบหลังคาใหม่ทั้งที่สันหลังคาและตะเข้สัน ต้องพิจารณาว่าเป็นระบบครอบหลังคาแบบเปียกหรือระบบครอบหลังคาแบบแห้งด้วย เนื่องจากมีวิธีแก้ไขที่ต่างกัน ภาพ: กระเบื้องครอบแตก สำหรับระบบครอบหลังคาแบบเปียก – หลังจากรื้อครอบหลังคาเดิมรวมถึงเนื้อปูนปั้นบริเวณครอบหลังคาที่แตกร้าวออกแล้ว ควรทำความสะอาดพื้นผิวครอบหลังคาให้เรียบร้อย จากนั้นจึงปั้นปูนทรายซ่อมแซมใหม่ในสัดส่วนตามมาตรฐาน และมีปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ล้นหรือน้อยจนเกินไป แล้วจึงติดตั้งครอบหลังคา และปาดตัดแต่งเนื้อปูนทรายให้เรียบร้อย เซาะร่องบังคับรอยร้าว เจาะรูระบายน้ำ และทาสีเพื่อความกลมกลืนกับผืนกระเบื้อง (การติดตั้งครอบระบบเปียกต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญพอสมควรเพื่อให้ได้ผลงานออกมาถูกต้องตามมาตรฐาน) แต่หากครอบหลังคาแตกร้าวหลายแผ่น อาจพิจารณารื้อครอบหลังคาออกทั้งแถว และเปลี่ยนเป็นระบบครอบหลังคาแบบแห้งแทน เนื่องจากทำงานง่าย ไม่สกปรก ลดความเสี่ยงต่อปัญหาต่างๆ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าระบบครอบหลังคาแบบเปียก ภาพ: ระบบครอบหลังคาแบบเปียก ภาพ: ขั้นตอนการซ่อมแซมระบบครอบหลังคาแบบเปียก ส่วนระบบครอบหลังคาแบบแห้ง – หากรื้อกระเบื้องที่แตกร้าวออกมาแล้ว ควรตรวจสอบสภาพแผ่นรองใต้ครอบว่าเสียหายหรือเสื่อมสภาพด้วยหรือไม่ ถ้ายังอยู่ในสภาพดีก็สามารถเปลี่ยนเฉพาะครอบหลังคาได้ แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าแผ่นรองใต้ครอบเกิดความเสียหาย เช่น กาวหลุด แผ่นลอกล่อน หรือติดตั้งผิดวิธี ฯลฯ ควรรื้อครอบหลังคาเดิมออกทั้งแถวแล้วเปลี่ยนใช้แผ่นรองใต้ครอบชุดใหม่ก่อนติดตั้งครอบหลังคาชุดเดิมและครอบหลังคาชิ้นใหม่ทดแทนชิ้นที่แตกร้าว ภาพ: ระบบครอบหลังคาแบบแห้ง อย่างไรก็ตาม หากยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแผ่นกระเบื้องทดแทน ในเบื้องต้นอาจแก้ปัญหาด้วยการใช้แผ่นปิดรอยต่อหลังคาปิดรอยร้าวบนแผ่นกระเบื้องหลังคา หรือครอบหลังคา โดยทาสีทับให้ดูกลมกลืนไปกับผืนหลังคาก็ได้เช่นกัน ภาพ: การใช้แผ่นปิดรอยต่อปิดบนแผ่นกระเบื้องระหว่างรอยต่อโครงสร้างป้องกันน้ำรั่วซึม ทั้งนี้ หากพบปัญหาเกี่ยวกับหลังคาบ่อยครั้ง โดยเฉพาะปัญหาโครงหลังคาเสียหายจนผืนหลังคาเกิดการบิด แอ่น การติดตั้งกระเบื้องหลังคาไม่ได้มาตรฐาน ไปจนถึงปัญหารั่วซึมในหลายจุดเพราะบ้านมีอายุการใช้งานเกิน 15-30 ปี อาจพิจารณารื้อหลังคาทั้งระบบ และติดตั้งใหม่ทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว ภาพ: การเปลี่ยนหลังคาบ้านใหม่ สถานที่ บ้านคุณหมอกังวาล วิเชียรสินธุ์ บทความโดย SCG Experience คู่คิดก่อนสร้างบ้าน ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างมั่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการสร้างบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG เพียงนำแบบบ้านมายื่นรับคำปรึกษา พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ SCGคู่คิดก่อนสร้างบ้าน​ 
3 ตัวการหลักที่ทำให้ส้วมตันหรือกดชักโครกไม่ลง พร้อมวิธีแก้ไขแบบตรงจุด

3 ตัวการหลักที่ทำให้ส้วมตันหรือกดชักโครกไม่ลง พร้อมวิธีแก้ไขแบบตรงจุด

บางครั้งแม้ว่าจะติดตั้งสุขภัณฑ์อย่างถูกวิธี แต่ยังคงมีปัญหาที่พบกันบ่อยๆ ว่าเมื่อกดชักโครกสุขภัณฑ์แล้วไม่มีแรงดูดชำระล้าง ซึ่งทำให้กดชักโครกไม่ลง ไม่สามารถชำระล้างได้อย่างสะอาดหมดจด หรือรู้สึกว่าส้วมตัน สาเหตุสำคัญของปัญหานี้มาจากหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น ส่วนของท่อระบายอากาศ การระบายน้ำออกจากถังบำบัดหรือบ่อเกรอะ-บ่อซึม และปัญหาสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้ง กดชักโครกไม่ลง เพราะติดตั้งท่อระบายอากาศ แต่ไม่สมบูรณ์ หรือเกิดการอุดตัน ปกติแล้วจะต้องมีการติดตั้งท่อระบายอากาศลักษณะตัวที (T) ต่อจากท่อน้ำทิ้งสุขภัณฑ์และถังบำบัดน้ำเสีย เพื่อป้องกันปัญหาอากาศไหลย้อนเวลากดชักโครกและยังช่วยให้สามารถกดชำระล้างสุขภัณฑ์ได้ดีอีกด้วย แต่หากระดับความสูงของปลายท่ออากาศอยู่ต่ำกว่าระดับที่น้ำท่วมถึง หรือการอุดตันบริเวณปลายปากท่อ จะทำให้ท่ออากาศไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ กรณีที่ระดับความสูงปลายท่ออากาศอยู่ต่ำเกินไปหรืออยู่ต่ำกว่าระดับที่น้ำสามารถท่วมถึง ควรเดินท่อใหม่ให้สูงกว่าระดับน้ำท่วม หรือติดตั้งเลยหลังคาขึ้นไปเพื่อป้องกันกลิ่นรบกวน ส่วนกรณีการอุดตันบริเวณปลายปากท่อ สามารถแก้ไขได้โดยเอาสิ่งอุดตันนั้นออก กรณีสิ่งอุดตันเข้าไปอยู่ภายในไม่สามารถเอาออกมาได้ง่ายๆ สามารถแก้ไขได้โดยการใช้งูเหล็กทะลวง หรือฉีดน้ำแรงๆ เข้าไป เพื่อล้างทำความสะอาดให้สิ่งสกปรกไหลกลับเข้าสู่ระบบระบายน้ำทิ้งต่อไป หลังจากนั้น ควรป้องกันโดยการติดตั้งตาข่ายกันสิ่งสกปรก แมลง และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กไม่ให้เข้าไปอยู่อาศัยที่อาจเป็นสาเหตุให้ท่ออากาศอุดตัน ภาพ: ตำแหน่งการติดตั้งท่ออากาศ แนะนำให้ติดตั้งท่ออากาศจากถังบำบัดน้ำเสีย (1) และในบริเวณที่ใกล้กับโถสุขภัณฑ์ (2) โดยติดตั้งให้ปลายท่ออยู่สูงกว่าระดับที่น้ำจะสามารถท่วมถึง การระบายน้ำออกจากถังบำบัดหรือบ่อเกรอะ-บ่อซึมติดขัด ทำให้กดชักโครกไม่ลง ไม่ว่าบ้านที่เลือกติดตั้งเป็นถังบำบัดสำเร็จรูป หรือใช้ระบบดั้งเดิมที่เป็นแบบบ่อเกรอะ-บ่อซึม น้ำจากการชำระล้างสุขภัณฑ์จะสามารถระบายออกไปได้ด้วยแรงดูดปกติ แต่อาจมีบางครั้งที่น้ำไม่สามารถระบายได้ทัน ไม่ว่ากรณีเป็นบ้านมีระดับท่อระบายน้ำจากถังบำบัดหรือบ่อเกรอะ-บ่อซึมที่ต่ำกว่าระดับท่อระบายน้ำสาธารณะ เมื่อระดับน้ำในท่อสาธารณะสูงขึ้นก็จะทำให้การระบายน้ำของบ้านเราเป็นไปได้ช้าลง นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ฝนตกหนักมากๆ จนน้ำเกิดท่วมขังที่เป็นสาเหตุทำให้มีน้ำค้างในท่อระบายของถังบำบัดหรือบ่อเกรอะ-บ่อซึมที่ต้องรอการระบายออกไป รวมถึงอาจมีแรงดันน้ำต้านกลับ (Back Pressure) ที่ส่งผลให้น้ำไหลย้อนเข้าสู่ถังบำบัดหรือบ่อเกรอะ-บ่อซึมได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้แรงดูดชักโครกลดต่ำลงจนทำให้การชำระล้างในโถสุขภัณฑ์ได้ไม่ดีเหมือนเดิม กรณีนี้เมื่อน้ำลดระดับที่ท่วมขังลงก็จะสามารถใช้งานสุขภัณฑ์ได้ตามปกติ ภาพ: แสดงการระบายน้ำออกจากถังบำบัดสำเร็จรูปไปยังท่อระบายน้ำสาธารณะ ภาพ: แสดงการระบายน้ำออกจากบ่อเกรอะ-บ่อซึม ปัญหาสิ่งอุดตันในท่อน้ำทิ้ง ท่อน้ำทิ้งจะรับน้ำจากโถสุขภัณฑ์โดยตรงแล้วส่งต่อไปยังถังบำบัดหรือบ่อเกรอะ-บ่อซึมที่จะระบายสู่พื้นดินหรือแหล่งน้ำสาธารณะต่อไป แต่หากมีสิ่งอุดตัน โดยเฉพาะเศษขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติหรือย่อยสลายได้ยาก เช่น เศษกระดาษทิชชู่ ผ้าอนามัย หรือเศษขยะชิ้นใหญ่ติดค้างในท่อ ซึ่งจะทำให้เกิดการอุดตันในท่อและส่งผลให้น้ำจากสุขภัณฑ์ไม่สามารถระบายออกไปได้ และอาจเกิดการไหลย้อนกลับ จนชักโครกเกิดอาการกดแล้วไม่มีแรงดูดชำระล้างนั่นเอง ปัญหาสิ่งอุดตันค้างในท่อน้ำทิ้งสุขภัณฑ์สามารถแก้ไขได้โดยการใช้ไม้ยางปั๊ม กดให้เกิดแรงดันเพื่อดันน้ำและสิ่งอุดตันให้เคลื่อนผ่านลงไป ทั้งนี้ การทิ้งเศษขยะที่ย่อยสลายยากลงไปบ่อยๆ จะทำให้ถังบำบัดสำเร็จรูปหรือบ่อเกรอะ-บ่อซึมเต็ม ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาที่ยุ่งยากต่อการแก้ไขในอนาคต จึงควรระมัดระวังการทิ้งเศษขยะลงไป นอกจากนี้ การเลือกสุขภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐานก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้การใช้งานเป็นไปได้อย่างราบรื่น รวมถึงการเลือกปริมาณน้ำที่จะกดชำระให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละครั้ง เพื่อให้สามารถใช้งานสุขภัณฑ์ได้อย่างดีและใช้น้ำเท่าที่จำเป็นอีกด้วย บทความโดย SCG Experience คู่คิดก่อนสร้างบ้าน ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างมั่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการสร้างบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG เพียงนำแบบบ้านมายื่นรับคำปรึกษา พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ SCGคู่คิดก่อนสร้างบ้าน​ 
อยากจะกั้นห้องคอนโดเพิ่มเติมทำได้หรือไม่ ทำอย่างไร

อยากจะกั้นห้องคอนโดเพิ่มเติมทำได้หรือไม่ ทำอย่างไร

คอนโดมิเนียมเป็นรูปแบบการอยู่อาศัยในเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ผู้ที่ซื้อห้องคอนโด หรือห้องชุด แต่ละคนย่อมต้องมีความต้องการที่จะจัดตกแต่งห้องคอนโดที่แตกต่างกัน รวมถึงการกั้นห้องคอนโด ไม่ว่าจะเป็นการกั้นห้องนอน หรือกั้นห้องครัวเพิ่มเติมเพื่อความเป็นสัดส่วนของพื้นที่ใช้สอย  การปรับปรุงตกแต่งจะทำได้มากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับกฎข้อบังคับ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุและวิธีการที่เหมาะสม   ก่อนกั้นห้องคอนโด ต้องขออนุญาตนิติก่อน ก่อนการปรับปรุงตกแต่งห้องคอนโด ไม่ว่าจะเป็นการรื้อถอนผนังเดิม หรือกั้นผนังใหม่ ควรศึกษากฎระเบียบต่างๆ ของคอนโดที่เราอยู่อย่างรอบคอบ โดยสามารถสอบถามกับทางนิติบุคคลอาคารชุดโดยตรงว่าสิ่งใดสามารถทำได้ และทำไม่ได้ โดยอาจต้องเสนอแบบของห้องที่ต้องการจะปรับปรุง และได้รับใบอนุญาตจากเจ้าของโครงการ หรือนิติบุคคลอาคารชุดก่อนเริ่มลงมือก่อสร้าง ไม่ควรทำอะไรโดยพลการ เพราะอาจผิดพลาด และสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเราเองและเพื่อนบ้านได้ นอกจากจะแจ้งนิติบุคคลอาคารชุดแล้ว เราควรแจ้งเรื่องเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเพื่อนบ้าน ทั้งห้องที่อยู่ติดกัน ห้องที่อยู่สูงกว่า และห้องที่อยู่ต่ำกว่า โดยมีรายละเอียดระยะเวลาในการดำเนินการ และขอบเขตความรับผิดชอบในกรณีเกิดความเสียหาย ภาพ: กำหนดระยะผนังกั้นห้องระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องทานอาหาร ภาพ: กำหนดระยะผนังกั้นห้องระหว่างห้องครัวและพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ วัสดุกั้นห้องคอนโด รูปแบบผนังที่ใช้กั้นห้องสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ผนังก่อ และผนังเบา ซึ่งเป็นการแบ่งตามวัสดุ วิธีการก่อสร้าง และน้ำหนัก โดยรูปแบบผนังที่เหมาะในการกั้นห้องคอนโดนั้นคือ ผนังเบา ซึ่งจัดเป็นผนังแบบกึ่งถาวรที่มีโครงสร้างภายในเป็นโครงคร่าวทำจากไม้ หรือโลหะ (โครงกัลวาไนซ์ / เหล็กรูปพรรณ)  ปิดทับภายนอกด้วยวัสดุแผ่น เช่น แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์  แผ่นไม้อัดซีเมนต์ แผ่นยิปซั่ม แผ่นไม้อัด และแผ่นไม้จริง เป็นต้น ภาพ: วัสดุโครงคร่าวและแผ่นผนัง กั้นห้องคอนโดด้วยผนังเบา สาเหตุที่ผนังกั้นห้องคอนโดควรใช้ ผนังเบา นั้น มีสองสาเหตุหลัก คือ เรื่องของน้ำหนัก และขั้นตอนในการก่อสร้าง ในเรื่องของน้ำหนักผนังเบา จะมีน้ำหนักที่เบากว่าผนังก่อมาก โดยน้ำหนักผนังเบาจะอยู่ที่ประมาณ 20 – 40 กก./ตร.ม. ในขณะที่ผนังก่ออิฐบล็อกรวมฉาบหนา 10 ซม. จะมีน้ำหนักที่ประมาณ 120 – 150 กก./ตร.ม. ผนังก่ออิฐมอญรวมฉาบหนา 10 ซม. จะมีน้ำหนักที่ประมาณ 180 – 200 กก./ตร.ม. และผนังอิฐมวลเบารวมฉาบหนา 10 ซม. จะมีน้ำหนักที่ประมาณ 90 – 100 กก./ตร.ม. ซึ่งน้ำหนักที่มากของผนังก่อทุกประเภทนี้ ต้องมีโครงสร้างพื้นที่แข็งแรงมากกว่าปกติ หรือต้องเสริมคานตามแนวผนังเพื่อรับน้ำหนัก ซึ่งการเพิ่มคานที่พื้นเพื่อรองรับผนังก่อในคอนโดนั้นไม่สามารถทำได้ ส่วนการทำผนังก่อวางบนพื้นโดยไม่มีโครงสร้างคานรองรับก็มีความเสี่ยงที่พื้นจะแอ่น เนื่องจากเราไม่ทราบว่าพื้นที่วิศวกรออกแบบสามารถรับน้ำหนักได้เท่าใด ภาพ: โครงกัลวาไนซ์ก่อนติดตั้งแผ่นผนังเบาเพื่อกั้นห้อง ในส่วนของขั้นตอนการก่อสร้าง ผนังเบา เป็นผนังที่ติดตั้งได้ง่าย เรียกว่าเป็นการก่อสร้างระบบแห้ง คือเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ตัดขนาดชิ้นส่วนต่างๆ ให้เรียบร้อย เมื่อติดตั้งก็ใช้เวลาไม่นาน และสถานที่ก่อสร้างก็ไม่สกปรกมากนัก ต่างจาก ผนังก่อ ซึ่งเป็นการก่อสร้างระบบเปียก คือต้องมีการผสมปูนก่อ มีการพรมน้ำ ฉาบปูน ซึ่งใช้เวลานาน และสถานที่ก่อสร้างสกปรกมากกว่า นอกจากนี้หากต้องการรื้อถอนผนังเบาในอนาคต ก็สามารถทำได้ไม่ยากและไม่เกิดความเสียหายแก่พื้นที่มากนัก ข้อคำนึงในการติดตั้งผนังเบา คือ ควรรื้อวัสดุปูพื้นออกก่อน แล้วยึดโครงคร่าวผนังเบาบนพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กโดยตรง เพื่อให้เกิดความมั่นคงแข็งแรงมากที่สุด หากวางผนังเบาบนวัสดุปูพื้น เช่น พื้นไม้ลามิเนต หรือพื้นกระเบื้อง ก็อาจสร้างความเสียหายให้แก่พื้นได้ เช่น กระเบื้องแตกร้าวจากน้ำหนักกดทับ หรือไม้ลามิเนตยุบตัว ส่วนโครงคร่าวผนังด้านบนหากติดตั้งฝ้าเพดานไปแล้ว ควรยึดโครงคร่าวผนังเข้ากับแนวโครงคร่าวฝ้าเพดาน หรือตัดเจาะฝ้าเพดานและโครงคร่าวออกตามแนวผนัง เพื่อยึดโครงคร่าวผนังกับท้องพื้นหรือท้องคาน ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแรงและช่วยกั้นเสียงได้ดีกว่า ภาพ: การตัดเจาะฝ้าเพดานเพื่อยึดโครงคร่าวผนังกับท้องคานหรือท้องพื้น นอกจากนี้ การเจาะรูบนแผ่นผนังเพื่อแขวนสิ่งของต่างๆ ต้องใช้พุกผีเสื้อเท่านั้น โดยเลือกใช้พุกที่มีขนาดเหมาะสมต่อน้ำหนักสิ่งของที่แขวน หรือหากต้องการแขวนสิ่งของที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก เช่น โทรทัศน์ ชั้นวางหนังสือ ฯลฯ อาจเสริมโครงคร่าวตามแนวที่ต้องการยึดแขวน และยึดตะปูเกลียวกับพุกผีเสื้อเข้ากับโครงคร่าวโดยตรงเพื่อความแข็งแรงมากขึ้น  ทั้งนี้ หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการกันความร้อน และเสียง สามารถทำได้โดยการติดตั้งฉนวนใยแก้วในช่องว่างระหว่างโครงคร่าว แล้วปิดทับด้วยวัสดุแผ่นตามปกติ ภาพ: การยึดแขวนของและการรับน้ำหนักด้วยตะปู และพุกผีเสื้อกับตะปูเกลียว กั้นห้องคอนโดด้วยกระจก ผ้าม่าน สำหรับผู้ที่ต้องการกั้นห้อง แต่ต้องการให้ห้องไม่ดูอึดอัดจนเกินไป ผนังกระจก หรือชุดประตูบานเลื่อนกระจก ก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถทำได้ ซึ่งกระจกหนา 12 มม. จะมีน้ำหนักประมาณ 30 กก./ตร.ม. นอกจากนี้ ผนังม่าน หรือผ้าม่าน ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่สามารถใช้ในการกั้นห้องได้ ทั้งชั่วคราว และถาวร เจ้าของห้องสามารถติดตั้งเองได้และอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตจากนิติบุคคลอาคารชุด ภาพ: ผนังม่านเป็นอีกหนึ่งวิธีกั้นห้องที่สวยแบบเรียบง่าย และช่วยประหยัดงบประมาณ บทความโดย SCG Experience คู่คิดก่อนสร้างบ้าน ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างมั่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการสร้างบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG เพียงนำแบบบ้านมายื่นรับคำปรึกษา พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ SCGคู่คิดก่อนสร้างบ้าน​  สารพัดเรื่องของคอนโด เคล็ดลับเลือกคอนโดติดรถไฟฟ้า บ้านกับรถ ซื้ออะไรก่อนดี ? ทางเลือกซื้อคอนโด สำหรับคนงบน้อย
3 วัสดุปูพื้นนอกบ้าน เนรมิตรพื้นที่รอบบ้านให้สวยสไตล์ยุโรป

3 วัสดุปูพื้นนอกบ้าน เนรมิตรพื้นที่รอบบ้านให้สวยสไตล์ยุโรป

สำหรับใครที่ชื่นชอบหรือหลงใหลในบรรยากาศอันสวยงามของถนนหนทางหรือพื้นทางเดินที่สุดแสนจะคลาสสิกในประเทศแถบตะวันตก อย่าง อิตาลี สเปน อังกฤษ หรือฝรั่งเศส จนเก็บมาเป็นสไตล์ในฝันแล้วล่ะก็ เรามี 3 วัสดุปูพื้นภายนอก ที่จะมาเนรมิตพื้นทางเดินรอบบ้าน ลานจอดรถ พื้นทางเดินในสวน หรือแม้กระทั่งสวนหย่อมเล็กๆ หลังบ้าน ให้สวย โดดเด่น เสมือนได้อยู่ท่ามกลางประเทศในแถบยุโรปกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Stamp Pave, Carpet Stone และ Stamp Concrete 1.สร้างมิติใหม่ด้วยเสน่ห์จากวัสดุปูพื้นลายหิน กับ Stamp Pave กระเบื้องปูพื้นที่มีรูปทรงและเส้นสายของลายแผ่นหินที่แตกออกอย่างเป็นธรรมชาติ มีหลากหลายสีสันและลวดลายให้เลือกใช้ มาพร้อมกับความแข็งแรง ทนทาน ชั้นสีผสมอยู่ในเนื้อคอนกรีต ทำให้สีไม่หลุดล่อน และทำความสะอาดง่ายเพราะผ่านการเคลือบผิวหน้าด้วยน้ำยาเคลือบเงาผิวคอนกรีตโดยเฉพาะจากโรงงาน เหมาะสำหรับปูพื้นทางเดินในสวน ลานจอดรถ และพื้นที่อเนกประสงค์รอบๆ บ้าน ให้บรรยากาศในสไตล์ที่ไม่เคยตกยุค ภาพ: Stamp Pave ลาย London ผิวหน้าเสมือนหินธรรมชาติที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความสวยงามของท้องถนนในแถบยุโรป  ภาพ: จากพื้นทางเดินอันแสนโรแมนติกในอิตาลี ถูกถ่ายทอดลวดลายลงบน Stamp Pave ลาย Como และ Naple จนเกิดเป็นเส้นสายที่สงบและผ่อนคลาย ภาพ: ให้ความรู้สึกคลาสสิกและเพิ่มมิติให้กับพื้นทางเดิน ด้วยกระเบื้องปูพื้น Stamp Pave ลาย Milano ผิวสัมผัสของกระเบื้องเสมือนลายหินที่แตกออกอย่างเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกคล้ายเดินเล่นอยู่ในสวนต่างประเทศ ภาพ: Stamp Pave ลาย Tuscany ด้วยกระเบื้องทรงกึ่งวงกลมที่มีรายละเอียดของลายหินที่ก่อให้เกิดลวดลายต่อเนื่องและลงตัว สามารถนำมาจัดวางสลับสีสันให้เกิดเป็นแพทเทิร์นที่แปลกตาและน่าหลงใหล ภาพ: แบ่งสัดส่วนการจัดวางกระเบื้องปูพื้น Stamp Pave ลาย Florence ให้เป็นเส้นทางตามการก้าวเดิน พื้นที่ด้านข้างโรยหินกรวดสีขาวและดำขนานไปกับทางเดินยาว เพิ่มลูกเล่นน่ารักๆ ให้กับสวนได้อย่างไม่ซ้ำใคร ภาพ: ผสมผสานความคลาสสิกและความรู้สึกอ่อนหวานโรแมนติกไปด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยรูปทรงและเส้นสายของกระเบื้องปูพื้น Stamp Pave ลาย Zofia 2.วัสดุปูพื้นแบบหรูหราคลาสสิก ลงตัวด้วย Carpet Stone กระเบื้องปูพื้นที่นำรูปทรงเรขาคณิตมาจัดวางอย่างลงตัว โดยมีตาข่ายช่วยยึดอยู่ด้านหลัง เพื่อเรียงร้อยก้อนคอนกรีตให้เป็นรูปทรงต่างๆ อย่างเช่น ทรงพัด รูปทรงที่โค้งเว้า ช่วยเพิ่มความหรูหราและโอ่โถงให้กับพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น หรือจะเป็นทรงโค้งแบบครึ่งวงกลม เมื่อนำมาประกบกันก็จะได้วงกลมที่สมบูรณ์ เพิ่มความโดดเด่นให้กับพื้นที่ แต่หากชอบความเป็นธรรมชาติ อาจเลือกรูปทรงอิสระ อย่างรุ่น Natutal ที่ให้ความคลาสสิกและสวยงาม เสมือนเดินอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ Carpet Stone สามารถปูพื้นทางเดินในสวน ลานจอดรถ และพื้นที่อเนกประสงค์ต่างๆ เพื่อให้ได้บรรยากาศของความคลาสสิกและสวยงามได้ตามต้องการ ภาพ: ด้วยลวดลายที่อิสระและความหลากหลายรูปทรงของกระเบื้องปูพื้น Carpet Stone รุ่น Natural ให้ความรู้สึกเสมือนเดินอยู่บนพื้นหินท่ามกลางธรรมชาติ ภาพ: หรูหราลงตัวทั้งลวดลายและความเป็นธรรมชาติ ให้บรรยากาศสุดคลาสสิก ด้วยกระเบื้องปูพื้น Carpet Stone ภาพ: จัดสวนให้สวยในสไตล์อังกฤษ ด้วยกระเบื้องปูพื้น Carpet Stone อย่าลืมโรยหินกรวดหรือหินเกล็ดระหว่างร่องพื้น เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมชาติ และให้บรรยากาศกลมกลืนกับพื้นที่โดยรอบ 3.สร้างเสน่ห์ดั่งงานศิลปะให้วัสดุปูพื้นภายนอก ด้วย Stamp Concrete พื้นคอนกรีตพิมพ์ลายที่มีเสน่ห์ด้วยโทนสี ลวดลาย รวมถึงผิวสัมผัสที่คล้ายผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน ผสานกับความแข็งแรง ทนทาน ด้วยคอนกรีตสูตรพิเศษที่พัฒนาขึ้นให้เหมาะสำหรับงานคอนกรีตพิมพ์ลายโดยเฉพาะ อีกทั้งยังใช้ผงสีและน้ำยาเคลือบผิวคอนกรีตสูตรเฉพาะ จึงทำให้สีสวย ทนทาน ช่วยชะลอการเกิดตะไคร่น้ำ และทำความสะอาดได้ง่าย จึงเหมาะสำหรับตกแต่งพื้นรอบบ้าน โรงจอดรถ ลานรอบสระว่ายน้ำ หรือพื้นที่ที่ต้องการรับน้ำหนักมากๆ เพื่อเพิ่มความโดดเด่น และสร้างเอกลักษณ์ ได้บรรยากาศในสไตล์ยุโรปอย่างอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ ภาพ: Stamp Concrete ในโทนสีส้มแดง ช่วยแต่งเติมความโดดเด่นให้พื้นที่ภายนอกอย่างอบอุ่นและนุ่มนวล ภาพ: สร้างลวดลายพื้นภายนอกให้เสมือนพื้นทางเดินเก่าในแถบยุโรป ด้วย Stamp Concrete ในโทนสีเทาและดำ ภาพ: พลิ้วไหวไปกับพื้นทางเดินรูปทรงอิสระ ด้วย Stamp Concrete โทนสีส้ม  บทความโดย SCG Experience คู่คิดก่อนสร้างบ้าน ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างมั่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการสร้างบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG เพียงนำแบบบ้านมายื่นรับคำปรึกษา พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ SCGคู่คิดก่อนสร้างบ้าน​  เรื่องของวัสดุในบ้านของเรา รู้ทัน! ภัยร้ายใกล้ตัวจากวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน และเทคนิคเลือกซื้อ เปิดเส้นทาง “ดูโฮม” ธุรกิจวัสดุก่อสร้างภูธรสู่ “มหานคร” กรุงเทพฯ เปิดตัวเต็มรูปแบบ NocNoc.com แพลตฟอร์มตลาดออนไลน์วัสดุและสินค้าตกแต่งบ้านครบวงจรที่สุดในไทย
ท่อน้ำทิ้งซิงค์ล้างจานอุดตัน ปัญหาแบบนี้แก้ไขอย่างไรดี

ท่อน้ำทิ้งซิงค์ล้างจานอุดตัน ปัญหาแบบนี้แก้ไขอย่างไรดี

อ่างล้างจาน (ซิ้งค์ล้างจาน) เป็นส่วนประกอบสำคัญในครัว ที่ช่วยให้เราสามารถล้างอาหาร ล้างผัก และอุปกรณ์ครัวต่างๆ ให้สะอาดพร้อมใช้งานอยู่เสมอ รวมถึงหลังรับประทานอาหารเสร็จยังเป็นที่ล้างจานชามและอุปกรณ์ใช้แล้วที่เปรอะเปื้อนอีกด้วย ซึ่งปกติแล้ว จำเป็นต้องติดตั้งถังดักไขมันต่อจากท่อน้ำทิ้งอ่างล้างจาน แล้วจึงปล่อยไปยังบ่อพักหรือท่อสาธารณะ แต่เมื่อมีคราบไขมัน เศษอาหาร และสิ่งสกปรกต่างๆ ตกค้างสะสมนานๆ เข้า ก็จะก่อตัวเป็นคราบแข็งอุดตัน ทำให้น้ำไม่สามารถระบายไปได้ ไหลผ่านไม่สะดวก หรือบางครั้งน้ำยังเอ่อไหลย้อนขึ้นมาอีกด้วย จนถึงกับไม่สามารถใช้งานอ่างล้างจานได้ หากเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น ก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้ไขปัญหา ซึ่งมี 3 ส่วนด้วยกันคือ ตะแกรงดักเศษอาหาร กระปุกท่อน้ำทิ้งใต้อ่างล้างจาน และส่วนของบ่อดักไขมัน ส่วนของตะแกรงหรือตะกร้าดักเศษอาหาร ตัวกรองเศษอาหารขั้นแรก ที่ควรสังเกตดูว่ามีเศษอาหารเต็มตะแกรงดักเศษอาหารหรือไม่ หากมีต้องเอาออกมาทิ้งให้หมด ทำความสะอาดในส่วนนี้ให้เรียบร้อย ในส่วนนี้ต้องระวังอย่าทิ้งเศษอาหารลงไป เพราะแม้ว่าจะมีตะแกรงกรองเศษอาหารอยู่แล้ว แต่อาหารขนาดเล็กยังคงสามารถตกหล่นลงไปในท่อน้ำทิ้งได้อยู่ดี ดังนั้นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ควรเขี่ยเศษอาหารออกจากจานและเช็ดซับคราบมันให้ออกได้มากที่สุดก่อนการล้างจาน เพื่อไม่ให้คราบฝังติดแน่นที่ทำให้ล้างออกยาก และคราบจะติดเป็นก้อนแข็งที่เมื่อล้างออกแล้วจะส่งผลให้ไปอุดตันในช่องท่อได้ ภาพ: สะดือซิงค์ล้างจานแบบที่มีตะกร้ากรองเศษอาหารและยางกรองเศษอาหาร ภาพ: ตะแกรง (ตะกร้า) ดักเศษอาหาร ที่ควรเคาะเศษอาหารทิ้งทุกวัน เพื่อไม่ให้เศษอาหารเกิดการบูดเน่า อันอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค สำหรับกระปุกท่อน้ำทิ้ง ที่มีหน้าที่ขังน้ำเพื่อช่วยป้องกันกลิ่นไหลย้อนขึ้นมา (มีให้เลือกทั้งแบบ Bottle Trap และ P-Trap) แต่หากมีการสะสมของตะกอนต่างๆ มากเข้า ก็จะทำให้ส่วนนี้เกิดการอุดตันได้ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยหมุนเกลียวถอดออกมาเคาะเอาเศษสิ่งสกปรก เศษอาหาร และขจัดคราบไขมันที่ฝังแน่นอยู่ออก แล้วจึงฉีดน้ำล้างทำความสะอาดคราบที่หลงเหลืออยู่ออกให้หมด หากยังอุดตันอยู่ ให้ใช้น้ำยาขจัดท่อห้องครัวอุดตันสูตรธรรมชาติที่ไม่กัดกร่อนท่อ ทั้งนี้ หากวิธีดังกล่าวยังไม่ได้ผล แนะนำให้ทะลวงท่อที่ติดอยู่กับผนังโดยใช้ “งูเหล็ก” ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถโค้งงอไปตามรูปทรงของท่อได้ เพื่อกระทุ้งให้สิ่งอุดตันหลุดออก * การใช้งูเหล็กต้องมีความระมัดระวัง และอาศัยความชำนาญ จึงควรเรียกช่างให้เข้ามาทำการแก้ไขตรงส่วนนี้ให้จะดีที่สุด ภาพ: ลักษณะการขังน้ำและการระบายน้ำของกระปุกท่อน้ำทิ้งแบบ Bottle Trap ภาพ: ลักษณะการขังน้ำและการระบายน้ำของท่อน้ำทิ้งแบบ P-Trap สุดท้ายคือส่วนของบ่อดักไขมัน (Grease Trap) ซึ่งมีหน้าที่ดักและแยกชั้นไขมันออกจากน้ำเสียจากซิงค์ครัว ไม่ให้ไหลลงไปอุดตันในท่อระบายน้ำ ซึ่งมี 2 ประเภทคือบ่อดักไขมันชนิดตั้งพื้น และบ่อดักไขมันชนิดฝังดิน ซึ่งควรเลือกประเภทและขนาดให้เหมาะกับปริมาณการใช้งานและความเหมาะสมของพื้นที่ การดูแลรักษาบ่อดักไขมันนี้จะต้องตักเศษไขมันออกเป็นประจำเพื่อให้น้ำระบายได้คล่องและไม่มีกลิ่นรบกวน หากส่วนนี้มีการสะสมของไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนซึ่งทำให้เกิดการอุดตันแล้ว จะต้องเปิดฝาถังออกเพื่อตักไขมันใส่ถุงขยะอย่างมิดชิด มัดอย่างแน่นหนา และนำไปทิ้งให้ถูกที่ โดยมีการแยกขยะอย่างเหมาะสม ภาพ: บ่อดักไขมัน ที่ทำหน้าที่ดักและแยกชั้นไขมันออกจากน้ำเสียจากซิงค์ครัว ภาพ: บ่อดักไขมันชนิดตั้งพื้น เหมาะสำหรับที่พักอาศัยที่มีพื้นที่จำกัด เช่น ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม ภาพ: บ่อดักไขมันชนิดฝังดิน เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่รอบบ้านเพียงพอสำหรับการฝังดิน เช่น บ้านเดี่ยว * ควรตักไขมันออกอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง (พิจารณาจากปริมาณไขมันของแต่ละบ้าน) โดยตักไขมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำออก ** ไม่แนะนำให้ตักไขมันแล้วทิ้งลงสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะโดยตรง เพราะจะทำให้น้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นและนำไปสู่การสะสมของเชื้อโรคจนอาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ *** การแยกขยะเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งจากที่บ้านเองและจากแหล่งสาธารณะ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน รวมถึงการนำขยะแต่ละประเภทไปกำจัดอย่างเหมาะสม ซึ่งผู้มีหน้าที่ดูแลตรงส่วนนี้จะนำไปกำจัดอย่างถูกต้อง  หลังจากทำการแก้ไขแต่ละส่วนและประกอบอุปกรณ์กลับเข้าที่เหมือนเดิมแล้ว ให้ทดลองใช้งานอ่างล้างจานดูว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ หากยังใช้งานได้ไม่ดีหรือติดขัดอยู่ แนะนำให้เรียกช่างที่มีความชำนาญเข้ามาซ่อมแซมแก้ไข สิ่งสำคัญของห้องครัว คือการติดตั้งอุปกรณ์แต่ละส่วนอย่างถูกวิธีมีมาตรฐาน มีการเดินระบบท่อที่ดี มีองศาความลาดเอียงที่เหมาะสม เพื่อให้น้ำสามารถระบายได้ดีด้วยเช่นกัน และที่ขาดไม่ได้เลยคือการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอทั้งสามส่วน ซึ่งทำได้บ่อยครั้งตามปริมาณการใช้งานของแต่ละบ้าน เพื่อให้ใช้งานได้อย่างดี ลดปัญหาการอุดตัน บทความโดย SCG Experience คู่คิดก่อนสร้างบ้าน ช่วยให้คุณสร้างบ้านได้อย่างมั่นใจ พร้อมให้คำปรึกษาตลอดการสร้างบ้าน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก SCG เพียงนำแบบบ้านมายื่นรับคำปรึกษา พร้อมรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ที่ SCGคู่คิดก่อนสร้างบ้าน​ 
Male Tourist Videoing Houses From Longtail Boat On Klong Bangkok Noi

Male Tourist Videoing Houses From Longtail Boat On Klong Bangkok Noi

ปัญหาอุทกภัยไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร ก็สร้างความเดือดร้อนแสนสาหัสแก่ผู้คนและอาคารบ้านเรือน ทำให้บ้านถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการพิจารณาเลือก “ทำเล” ซึ่งเป็นปัจจัยแรกๆ ของการพิจารณาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว ยิ่งต้องเพิ่มความสำคัญในการพิจารณาปัจจัยด้านนี้ให้ละเอียดมากขึ้นอีก โดยเฉพาะคำถามที่ว่า “ทำเลนี้น้ำท่วมหรือเปล่า” การเลือกทำเลที่อยู่อาศัยมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาดังนี้ *การเดินทาง หมายถึง ถนน ทางด่วน ทางลัด เส้นทางรถไฟฟ้า บริการด้านการขนส่ง *สาธารณูปโภคและสาธารณูปการ อาทิ น้ำประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ รวมไปถึงสถานบริการ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล สถานีตำรวจ เป็นต้น *แนวเวนคืนที่ดิน คือการตรวจสอบแนวเส้นทางโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคของรัฐ เช่น ถนน ทางด่วน สะพาน ฯลฯ *ผังเมือง หมายถึง ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินจากรัฐ ซึ่งระบุพื้นที่เป็นสีต่างๆ เช่น สีแดง กำหนดเป็นพื้นที่พาณิชยกรรม, สีม่วงเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม, สีเหลืองเป็นพื้นที่อยู่อาศัย ฯลฯ *ลักษณะพื้นที่ หมายถึง ลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ เช่น ที่ลุ่มต่ำหรือที่สูง หากวัตถุประสงค์ในการเลือกทำเลคือการเลี่ยงน้ำท่วม ประเด็นหลักที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่  การพิจารณาผังเมือง ซึ่งทำเลที่อยู่อาศัยควรสอดคล้องกับข้อกำหนดผังเมือง เช่น ถ้าต้องการปลูกสร้างบ้านที่อยู่อาศัยควรเลือกทำเลในเขตสีเหลือง เพราะหากไปปลูกบ้านในพื้นที่สีม่วง แม้จะไม่มีข้อห้าม แต่วันดีคืนดีอาจมีโรงงานโผล่มาใกล้บ้านๆ ก็ได้ หรือการปลูกสร้างบ้านไม่ควรไปอยู่ในพื้นที่เขียวลาย หรือพื้นที่อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม  เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้มักเป็นที่ลุ่มหรือทางผ่านของน้ำ มีโอกาสสูงที่จะถูกน้ำท่วม ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องดูลักษณะทางกายภาพของพื้นที่และแปลงที่ดิน เช่น ไม่เป็นที่ลุ่มต่ำ หรือต่ำกว่าระดับถนน เพราะจะมีโอกาสถูกน้ำท่วมขังได้ง่าย โดยทั่วไปแปลงที่ดินที่จะปลูกสร้างบ้านมักถมสูงกว่าถนนประมาณ 30 เซนติเมตร แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ความสูงระดับนี้อาจไม่เพียงพอแล้วก็ได้ นอกจากประเด็นที่พิจารณาเพื่อเลี่ยงน้ำท่วมแล้ว อีกสิ่งที่ต้องพิจารณาคือที่ดินอยู่ในแนวเวนคืนของราชการหรือไม่ ข้อมูลเหล่านี้สามารถตรวจสอบกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง เช่น สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร, กรมทางหลวงชนบท, การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นต้น นอกจากนี้ทำเลที่เหมาะสมต้องสามารถเดินทางได้สะดวก เช่น มีถนนหลายสาย มีทางด่วนหรือทางลัดที่จะเป็นทางเลือกในการเดินทาง มีบริการด้านการขนส่งเพียงพอ เช่น รถเมล์ รถตู้ หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง  เป็นต้น รวมถึงมีบริการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการครบถ้วน มีศักยภาพและแนวโน้มเจริญเติบโตสูง เพราะนั่นหมายความว่าผลดีจะตกแก่ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ของเราด้วย ขอขอบคุณข้อมูลจาก  home.co.th
แก้กระเบื้องปูพื้นหลุดล่อน ทำอย่างไร

แก้กระเบื้องปูพื้นหลุดล่อน ทำอย่างไร

กระเบื้องปูพื้นหลุด ล่อนเป็นแผ่นๆ เป็นเรื่องที่มีหลายคน หลายกระทู้โพสต์ถามกันไว้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ กระเบื้องล่อนแผ่นเดียวจะแก้ยังไง อยากปูกระเบื้องใหม่แต่ไม่อยากทุบ ปูทับได้มั้ย ฯลฯ วันนี้จะได้รู้คำตอบกัน สาเหตส่วนใหญ่ที่พื้นกระเบื้องของคุณล่อนออกมา มาจาก หนึ่ง กระเบื้องโดนแรงอัด แรงกระแทกอย่างแรงจนแตก ร้าว แล้วก็หลุดร่อนในภายหลัง  สอง ความชื้นจากพื้นคอนกรีตใต้แผ่นกระเบื้อง   ความชื้นจากใต้ดิน หรือปัญหารั่วซึมจากผนังซึมไปถึงพื้น หรือปัญหาจากคราบสกปรกต่างๆ ที่สะสมมาเป็นเวลานานจนทำให้ยาแนวกระเบื้องหลุดลอก จากนั้นคราบสกปรกก็ฝังตามขอบกระเบื้อง เกิดเป็นเชื้อราดำๆ จริงๆ แล้วถ้าเป็นปัญหาจากความชื้น สามารถป้องกันตั้งแต่ตอนสร้างหรือก่อนปูกระเบื้อง ทาน้ำยากันซึมพื้นคอนกรีตกันน้ำ กันความชื้นไม่ให้ขึ้นมาบนพื้นคอนกรีตที่อยู่ใต้แผ่นกระเบื้อง ก่อนที่จะปูกระเบื้องทับลงไป แต่ถ้าไม่ได้เตรียมกันป้องกันไว้ตั้งแต่ต้น ก็มีวิธีแก้ไขปัญหากระเบื้องหลุด กระเบื้องล่อนให้เลือกอยู่ 2 แบบ แก้ไขแบบแรก ปูทับกระเบื้องเดิมไปเลย ถ้าพื้นเดิมไม่มีปัญหาเรื่องรั่วซึม ความชื้น (อาจจะมีการทาน้ำยากันซึมตั้งแต่ตอนสร้างแล้ว แต่เพราะโดนของหนักกระแทกจนกระเบื้องร้าว แตก) ไม่อยากเสียเวลาทุบออก ก็สามารถปูกระเบื้องทับของเดิมได้เลย ก่อนจะปู ต้องมีการทำความสะอาด ขัดพื้นให้สะอาดเสียก่อน กวาดไล่น้ำไม่ให้ขังอยู่ รอจนพื้นไม่มีความชื้นแล้วเลาะกระเบื้องที่แตก ร้าว ล่อนออกแล้วเอากระเบื้องแผ่นใหม่ฉาบด้านหลังด้วยกาวซีเมนต์ชนิดที่ระบุว่าใช้ปูทับกระเบื้องเดิม(แต่ราคาก็จะแพงกว่ากาวซีเมนต์รุ่นทั่วไป 4-5เท่าตัว) ปูทับที่เดิมได้เลย ลงยาแนวให้ครบทั้งสีด้าน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย วิธีนี้ ทำงานเร็ว ใช้เวลาน้อย ไม่ต้องขนเศษกระเบื้องไปทิ้ง ไม่เกิดเสียงดัง แต่สิ้นเปลืองหน่อย น่าจะเหมาะกับคนที่ไม่สามาถหากระเบื้องลายเดิมได้อีกแล้วเพราะโรงงานเลิกผลิตกระเบื้องรุ่นนั้นไปแล้ว หรือคนที่อยู่ตามคอนโดฯ ที่เสียงการทุบกระเบื้องอาจจะไปรบกวนห้องข้างเคียงได้   วิธีแก้ไขแบบที่สอง ปูเฉพาะบางแผ่นที่มีปัญหา ถ้ากระเบื้องลายนั้นยังพอหาสำรองได้ ก็อาจจะเลือกเปลี่ยนเฉพาะแผ่นที่แตก ร้าว มีปัญหาเท่านั้น สกัดเอาแต่แผ่นที่แตก ร้าวออกแล้วปูกระเบื้องแผ่นใหม่ลงไปแทนของเดิม วิธีนี้ จะใช้เวลาซ่อมนานกว่าวิธีแรก เพราะต้องค่อยๆ สกัดเอากระเบื้องที่มีปัญหาออกให้หมด ถึงจะปูกระเบื้อแผ่นใหมได้ ขั้นตอนเยอะกว่า และเหมาะกับกระเบื้องที่ยังพอหากระเบื้องสำรองได้อยู่ ที่สำคัญเกิดเศษกระเบื้องที่ต้องหาที่จัดการ มาดูขั้นตอนการซ่อมแซมกระเบื้องแบบบางแผ่นที่ช่างกระเบื้องทำกัน เริ่มจาก ช่างจะขูดปูนยาแนวรอบขอบกระเบื้องที่แตกร้าว ออกก่อน จากนั้นจะใช้เครื่องเจียร์(ใส่ใบตัดกระเบื้อง) ตัดกระเบื้องให้ขาดเป็นแนวรอบ ห่างจากขอบกระเบื้องประมาณ 1 นิ้ว เพื่อไม่ให้เครื่องมือสกัดไปกระแทกโดนแผ่นอื่น และให้การสกัดง่ายยิ่งขึ้น จากนั้นใช้ค้อน เหล็กสกัด ค่อยๆ สกัดแผ่นกระเบื้องออกจนหมด แล้วสกัดพื้นเดิมให้ลึกประมาณ 2 มม.  สำหรับให้กาวซีเมนต์ยึดเกาะได้ จากนั้น ทำความสะอาดพื้นผิวที่จะติดกระเบื้องให้สะอาด ทำความสะอาดเสร็จแล้ว ใช้กาวซีเมนต์สำหรับติดกระเบื้อง ทาไปบริเวณด้านหลังแผ่นกระเบื้องจนเต็ม แล้วปูกระเบื้องแผ่นใหม่กลับเข้าที่เดิม ออกแรงกดเล็กน้อย เพื่อให้กระเบื้องยึดเกาะแน่นๆ จากนั้นตรวจดู วัดระดับพื้น ให้แนวขอบกระเบื้องเท่ากับแผ่นอื่นๆ แต่ถ้ากระเบื้องแผ่นใหม่ปูไม่ได้ระดับ อาจจะสูงกว่าของเดิมก็ใหใช้ค้อนยางตอกเบาๆ  และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผิวหน้ากระเบื้องเป็นรอยระหว่างที่ตอกอยู่ อาจจหาผ้าหนาๆ มารองอีกชั้นหนึ่ง เพื่อช่วยป้องกันแผ่นกระเบื้องแตกร้าว หากมีกาวส่วนเกินไหลออกมาก็เช็ดออกด้วยผ้าสะอาด จากนั้นรอจนกาวซีเมนต์ที่อยู่หลังแผ่นกระเบื้องแห้งสนิทดีแล้วค่อยลงมือยาแนวกระเบื้องกัน เวลาลงยาแนวก็จะต้องแน่ใจว่ายาแนวลงไปตามร่องกระเบื้องจนครบทั้งสี่ด้าน และลงไปจนสุด เพื่อให้การยึดเกาะตัวกระเบื้องแข็งแรงดี แล้วทิ้งไว้อีก 10-15นาที แล้วค่อยใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ เช็ดคราบยาแนวที่เกินออกมาจากร่องกระเบื้องอีกครั้ง แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำอีกครั้งเป็นการเก็บความสวยงาม ยาแนวลอก ล่อน สกปรก แก้ยังไงดี  ยาแนวกระเบื้องพอใช้ไปในนานๆ จะมีสิ่งสกปรก ฝุ่น คราบสกปรกลงไปอุด ฝังอยู่ที่ร่องยาแนว หรืออาจจะเกิดอาการยาแนวหลุด ล่อน  แต่ไม่ต้องตกใจไป มีวิธีแก้ไขง่ายๆ ไม่ยุ่งยากมาก คนทีชอบ DIY  ซ่อมแซมของเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านเอง น่าจะเอาไปจัดการยาแนวไม่รักดี ชอบหลุด ล่อนได้ด้วยตัวเอง เริ่มจากขูดยาแนวเดิมออกก่อน ตอนขูดเพื่อไม่ให้ขอบกระเบื้องเสียหายจากการขูดยาแนว ให้ใช้เครื่องขูดร่องยาแนวที่ทำออกมาเฉพาะงานขูดยาแนวที่มีปัญหา ราดำ แตกลายหรือหลุดล่อน พยายามขูดเนื้อยาแนวให้ออกให้หมด (เพราะถ้าขูดยาแนวเก่าไม่หมด ยาแนวใหม่ที่ยาลงไปยึดเกาะพื้นที่ได้ไม่ดี แล้วก็หลุดล่อนออกมาอีกอยู่ดี) หลังจากที่ขูดยาแนวเดิมออกจนหมดแล้ว ให้ทำความสะอาดร่องยาแนวให้สะอาดก่อนแล้วค่อยยาแนวใหม่ เดี๋ยวนี้ หลายคนไม่อยากต้องมายาแนวกันบ่อยๆ ก็จะเลือกผลิตภัณฑ์ยาแนวแบบถาวร ที่มีส่วนผสมของอีพอกซี่ เนื้อยาแนวสูตรถาวรนี้จะให้เนื้อยาแนวแกร่ง ทนกรดทนด่าง ทนสารเคมีได้ดี ยึดเกาะดี แต่ไม่ปล่อยให้สิ่งสกปรก คราบต่างๆ แทรกตัวลงไปฝังอยู่ในแนวยาแนว   ขอขอบคุณข้อมูลจาก  community.akanek.com
9 เรื่องฮวงจุ้ยควร-ไม่ควรทำ สำหรับปรับเปลี่ยนห้องนอน

9 เรื่องฮวงจุ้ยควร-ไม่ควรทำ สำหรับปรับเปลี่ยนห้องนอน

ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ย Catherine Brophy เผยเคล็ดลับที่ควรทำและไม่ควรทำ เพื่อให้เรานอนหลับโดยปราศจากความเครียด ห้องนอนที่มีความสะอาดเรียบร้อยและสงบนั้น ส่งผลต่อชีวิตของเรา ดังนั้นการตกแต่งห้องนอนจึงต้องวางเป้าหมายไว้ก่อนว่าจะต้องเป็นพื้นที่ของการพักผ่อน สภาพแวดล้อมต่าง ๆ มีความกลมกลืน และ 9 สิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณจัดห้องนอนของคุณเป็นห้องนอนในฝันที่ถูกหลักฮวงจุ้ยได้ไม่ยาก ไม่ควรเก็บของไว้ใต้เตียง จะเสียฮวงจุ้ย แม้สิ่งเดียวก็ไม่ควร Brophy บอกว่า ของทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีพลังงานในตัวของมันด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นยิ่งคุณเก็บของไว้ใต้เตียงมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งจะเหลือพื้นที่สำหรับให้พลังงานไหลผ่านในขณะที่คุณนอนหลับพักผ่อนน้อยลงไป กฎข้อนี้มีประโยชน์สำหรับทุกคน ยิ่งใครที่นอนหลับยาก ก็ยิ่งต้องทำตามกฎข้อนี้ ฮวงจุ้ยที่ดี ห้องต้องสะอาดไม่รกเลอะเทอะ เพราะความสะอาดเรียบร้อยเป็นจุดเริ่มต้นของสภาพแวดล้อมที่สงบ ผ่อนคลาย ต้องแน่ใจว่า ห้องนอนของเรานั้นปราศจากของรกเลอะเทอะวางระเกะระกะ และในการทำความสะอาดก็ควรทำในทุกซอกทุกมุม แม้กระทั่งในตู้เสื้อผ้า ก็ควรหาเวลานำเสื้อผ้าออกมาแล้วทำความสะอาดในตู้บ้าง ดูดฝุ่นใต้เตียง อะไรที่ไม่ใช้แล้วก็ทิ้งไปบ้าง ประเมินพื้นที่ใช้สอย อย่าให้ดูอึดอัดคับแคบจนเกินไป เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ก็นำไปบริจาคอย่าให้ของที่ไม่ใช้เหล่านั้นมารกพื้นที่พลังงานของคุณ อย่าอยู่กับอดีต เพราะฮวงจุ้ยทำเพื่อสิ่งใหม่ที่ดี เพราะการยึดติดกับอดีตจะเป็นการรบกวนปัจจุบันของคุณ อะไรที่หมดอายุ ใช้ไม่ได้แล้วก็ไม่ควรเก็บไว้อีก เธอเล่าว่าเคยมีลูกค้าคนหนึ่งมาปรึกษาว่า เธอและสามีนอนอยู่ที่เตียงเก่า ซึ่งเป็นเตียงที่สามีเคยนอนกับภรรยาคนเก่า และทุกครั้งที่เห็นเตียงทำให้นึกถึงแต่อดีต ดังนั้น หากคุณมีเฟอร์นิเจอร์ หรือมีสิ่งใด ที่คอยย้ำเตือนแต่อดีตก็ควรจะเปลี่ยน หรือนำออกไป คิดถึงประโยชน์ใช้สอยตามฮวงจุ้ยด้วย หลาย ๆ ครั้งที่เรานำอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามาตกแต่งห้อง เพื่อให้สวยงาม แต่มันกลับทำให้พื้นที่แคบลง แถมไม่ได้ใช้งาน หรือใช้ไม่สะดวกสบาย ก็ไม่ควรจะมีไว้ ฮวงจุ้ยเตียงนอนต้องมีหัวเตียง เพราะหัวเตียงจะช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัย รู้สึกว่ามีอะไรมาคอยปกป้องในขณะที่กำลังนอนหลับ และหัวเตียงก็ควรเป็นแบบเรียบ ๆ ชำรุดเสียหาย อย่าปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นจะเสียฮวงจุ้ย ต้องซ่อม หากไม่ซ่อมหรือซ่อมไม่ได้แล้ว ก็ให้นำออกไปเลย ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาเสีย พรมขาด เก้าอี้ชำรุด ฮวงจุ้ยไฟที่ดีต้องสามารถปรับความสว่างได้ เพราะแสงไฟก็มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกและพลังงานเช่นกัน ไฟในห้องนอนไม่ควรให้จ้ามากจนเกินไป และปัจจุบันนี้มีไฟหลายแบบ หลายลักษณะให้เลือกใช้ เราสามารถทดสอบเพื่อหาไฟในลักษณะที่เราใช้แล้วรู้สึกสบายที่สุด ฮวงจุ้ยที่ดีไม่ควรแขวนกระจกในห้องนอนมากเกินไป ในกรณีที่คุณต้องการจะแขวนกระจกในห้องนอนนั้น Brophy แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการแขวนกระจกตรงข้ามกับเตียงนอน หรือหน้าต่าง เพราะกระจกจะเป็นตัวสะท้อนพลังงาน และแสง การแขวนกระจกให้ส่องลงมาที่เตียงจะรบกวนการนอน และการแขวนตรงกับหน้าต่างก็จะสะท้อนไฟซึ่งอาจจะมีการส่องสว่างมาจากภายนอก ทำให้รบกวนการนอนได้เช่นกัน ความสบายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของฮวงจุ้ย ยิ่งคุณได้พักผ่อนในตอนกลางคืนมากแต่ไหน ก็ยิ่งทำให้มีพละกำลังมากในเช้าวันรุ่งขึ้น ดังนั้น ต้องให้ความสำคัญกับที่นอน หากนอนไม่สบาย ก็ควรจะต้องลงทุนเพิ่มเท่าที่ไหว เพื่อให้ได้ที่นอนที่นอนแล้วรู้สึกสบายที่สุด เรื่องราวของศาสตร์ฮวงจุ้ย ของแต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย ความรัก หาคู่แท้ แปลนบ้าน ตามหลักฮวงจุ้ย อยู่แล้วรวย คอนโดฯ ฮวงจุ้ยดีๆ ทำไมต้องชั้นสูงๆ
ต่อเติมครัวไทย แบบโปร่งหรือแบบทึบดี?

ต่อเติมครัวไทย แบบโปร่งหรือแบบทึบดี?

ครอบครัวที่ชอบทำอาหารแบบไทยๆ คงไม่พ้นการประกอบอาหารที่ต้องผัด ทอด ก่อให้เกิด เสียง กลิ่น ควัน แผ่ฟุ้งกระจาย เมนูเหล่านี้อาจไม่เหมาะกับพื้นที่ปรุงอาหารในบ้านที่มีขนาดเล็กและระบายอากาศได้น้อย เจ้าของบ้านจึงมักเริ่มคิดต่อเติมครัว แยกออกมาจากตัวบ้าน ตามด้วยคำถามต่างๆ หนึ่งในนั้นคือ  “จะต่อเติมครัวไทยแบบทึบหรือแบบโปร่งดี ?” ต่อเติมครัวไทย “แบบทึบ” กับ “แบบโปร่ง” ก่อนอื่นขอเล่าถึงการต่อเติมครัว 2 แบบนี้ว่าต่างกันอย่างไร การต่อเติมครัวแบบทึบโดยทั่วไปจะต่อเติมขึ้นมาเป็นห้อง มีผนังเต็มล้อมรอบโดยเจาะช่องเปิดตามความเหมาะสม พร้อมหลังคาครอบมิดชิด ส่วนครัวแบบโปร่งจะมีจุดเด่นตรงความโปร่งโล่ง จึงมักทำแผงระแนงไม้/ไม้เทียมแทนผนัง บางทีอาจเลือกทำผนังทึบเฉพาะช่วงล่าง ส่วนด้านบนปล่อยโล่งหรือทำเป็นแผงระแนง เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ในส่วนของหลังคา อาจทำติดลอยไว้กับผนังบ้านเดิม เลือกซื้อกันสาดสำเร็จรูปมาติด หรือจะใช้โครงสร้างเสาส่วนต่อเติมรับหลังคาเช่นเดียวกับครัวแบบทึบ  ทั้งนี้ครัวแบบโปร่งสำหรับบางบ้านอาจทำง่ายๆ เพียงแค่ติดหลังคากันสาดและก่อเคาน์เตอร์ครัว หรือถ้าจะให้ง่ายกว่านั้นคือซื้อชุดครัวสำเร็จรูปมาติดตั้งเลยก็ได้ ตัวอย่างการต่อเติมครัวแบบโปร่ง ต่อเติมครัวไทยแบบโปร่ง เน้นความโล่ง จะเห็นได้ว่าครัวแบบโปร่งเป็นรูปแบบที่เน้นความโปร่งโล่ง กลิ่นควันและความอับชื้นต่างๆ จึงระบายออกไปได้ง่าย สามารถฉีดน้ำล้างทำความสะอาดได้ (โดยต้องมีทางระบายน้ำรองรับ) วัสดุที่ใช้มักมีน้ำหนักเบา ทั้งยังสร้างได้รวดเร็วง่ายดายกว่าเมื่อเทียบกับครัวแบบทึบ แต่ในขณะเดียวกัน ความโปร่งโล่งของครัวแบบโปร่งอาจทำให้ต้องผจญกับ น้ำฝน ฝุ่นและสิ่งปรกต่างๆ ที่สาดซัดเล็ดรอดเข้ามาได้ง่าย ทั้งยังต้องระวังป้องกันไม่ให้สัตว์เล็กสัตว์น้อย อย่างแมลง นก หนู และอาจรวมถึงแมวหรือสุนัขตัวเล็กๆ เข้ามาก่อกวนภายในห้องครัวด้วย (ในส่วนนี้อาจใช้ ตะแกรง มุ้งลวด ช่วยป้องกันได้บ้าง)   จะเห็นว่าการทำครัวแบบโปร่งจะต้องควบคุมเรื่องความสะอาดและป้องกันสิ่งปนเปื้อนจากภายนอกให้ดี  ซึ่งสำคัญมากเพราะเป็นพื้นที่ประกอบอาหาร  อุปกรณ์ต่างๆ จึงควรมีที่เก็บมิดชิด หรือเจ้าของบ้านอาจจะเลือกใช้ครัวแบบโปร่งเฉพาะตอนประกอบอาหารและล้างภาชนะเท่านั้น ส่วนอุปกรณ์ทั้งหมดนำไปเก็บไว้ในบ้านแทนก็ย่อมได้เช่นกัน นอกจากนี้ ครัวแบบโปร่งซึ่งระบายอากาศได้สะดวกย่อมหมายความว่า กลิ่น ควัน รวมถึงไอน้ำมันจากการทำอาหารจะกระจายไปถึงเพื่อนบ้านได้ง่าย นับเป็นอีกเรื่องที่ต้องระวังเช่นกัน ครัวต่อเติมนอกบ้านแบบโปร่ง ขอบคุณภาพ : topicstock.pantip.com ต่อเติมครัวไทยแบบทึบ เน้นมิดชิด สำหรับห้องครัวแบบทึบซึ่งมีผนังมิดชิดจะมีข้อดีข้อเสียเป็นคู่ตรงข้ามกับห้องครัวแบบโปร่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุที่มีน้ำหนักมากกว่าจึงมีโอกาสทรุดตัวเร็วกว่า (เมื่อเทียบกับโครงสร้างรองรับแบบเดียวกัน) ส่วนเรื่องของระบบระบายอากาศ อาจต้องพึ่งอุปกรณ์ช่วยอย่างเครื่องดูดควันหรือพัดลมระบายอากาศ นอกจากนี้การสร้างห้องครัวแบบทึบจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าห้องครัวแบบโปร่ง ด้วยปริมาณวัสดุ โครงสร้าง และการเตรียมงานระบบที่มากกว่า   สำหรับข้อดีของครัวแบบโปร่งที่มีผนังมิดชิดก็คือ สามารถป้องกันสิ่งสกปรกและสิ่งไม่พึงประสงค์จากภายนอกได้ดี   รวมถึงการใช้เครื่องดูดควันพร้อมปล่องระบายอากาศ ยังช่วยป้องกันกลิ่นควันจากการประกอบอาหารไม่ให้รบกวนเพื่อนบ้านได้ง่ายด้วย นอกจากนี้ผนังที่มิดชิดของครัวแบบทึบยังให้ความรู้สึกปลอดภัยและเป็นส่วนตัว รวมถึงมีพื้นที่ติดตั้งชั้นเก็บของได้มาก ในเรื่องการทำความสะอาด ครัวแบบทึบควรใช้วิธีเช็ดถูเอาสิ่งสกปรกออก ไม่ควรใช้วิธีฉีดน้ำล้างอย่างครัวแบบโปร่ง และควรหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำ การติดพัดลมดูดอากาศด้านข้างห้องครัวส่วนต่อเติม เพื่อช่วยระบายกลิ่น/ควัน ตู้ลอยติดผนังเหนือเคาน์เตอร์สำหรับเก็บของในห้องครัวแบบทึบ ขอบคุณภาพ : www.banidea.com อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าของบ้านตัดสินใจเลือกต่อเติมครัวตามแบบที่ตนเองต้องการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบโปร่งหรือแบบทึบ มีเรื่องสำคัญที่ห้ามละเลยคือ โครงสร้างที่ถ่ายน้ำหนักลงพื้นของครัวส่วนต่อเติม จะต้องแยกจากกันกับโครงสร้างบ้านเดิม เพราะส่วนต่อเติมซึ่งมักลงเสาเข็ม สั้นนั้นโดยปกติจะทรุดตัวเร็วกว่าตัวบ้านเดิม จึงควรให้การทรุดตัวเป็นอิสระจากกัน  ไม่ดึงรั้งกันจนกลายเป็นปัญหาบ้านทรุดแบบเอียงและเกิดการฉีกขาดของโครงสร้าง ซึ่งนับเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขได้ยากมาก ขอขอบคุณข้อมูลจาก SCG เกี่ยวกับการต่อเติมบ้านส่วนต่างๆ บ้านชั้นเดียวต่อเติมเป็นบ้านสองชั้นได้หรือไม่ 4 ปัญหาคาใจต่อเติมครัวแล้วทรุด พื้นที่บันได ทำอะไรเพิ่มเติมได้
4 เคล็ดลับ เลือกเคาน์เตอร์ครัวยังไงไม่ให้เสียใจภายหลัง

4 เคล็ดลับ เลือกเคาน์เตอร์ครัวยังไงไม่ให้เสียใจภายหลัง

หากพูดถึงห้องครัว สิ่งแรกที่จะนึกถึงก็คือ เคาน์เตอร์ครัวนั้นเอง ซึ่งปัจุบันมีให้เลือกมากมายหลายแบบ จนทำให้เพื่อนๆ หลายคนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว วันนี้เราจึงมี 4 เคล็ดลับการเลือกเคาน์เตอร์ครัวมาฝากเพื่อนๆ กัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ 1. ประเภทครัว ในปัจจุบันครัว ก็มีหลากหลายแบบให้เลือก ซึ่งก็มีข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป โดยหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 4 แบบด้วยกัน คือ - ครัวปูน : หากจะพูดถึงเรื่องความทนทาน แข็งแรง ต้องยกให้ครัวปูนเป็นอันดับ 1 เลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะทำครัวหนักแค่ไหน ก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือเสียหายได้ยากและมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างนาน จึงเหมาะสำหรับเพื่อนๆ ที่ทำครัวหนัก หุง อุ่น ต้ม ผัด ทอด แบบจัดเต็ม แต่อาจไม่ถูกใจในเรื่องของความสวยงาม อีกทั้งเมื่อใช้ไปนานๆ อาจก่อให้เกิดกลิ่นอับได้อีกด้วยครับ - ครัวสำเร็จรูป : หรือครัวแบบ Knock Down โดยจะเป็นครัวประกอบแบบสำเร็จ จึงทำให้มีความรวดเร็ว สะดวกในการติดตั้ง ซึ่งดูมีความทันสมัย สวยงามและมีหลากหลายแบบให้เลือก เหมาะสำหรับเพื่อนๆ ที่ทำครัวไม่หนักมาก โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้กับคอนโด แต่ทั้งนี้ขนาดครัวอาจจะไม่พอดีกับพื้นที่ เนื่องจากครัวสำเร็จรูปจะมีการกำหนดขนาดไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว - ครัวบิวท์อิน : จะมีลักษณะคล้ายกับครัวแบบสำเร็จรูป โดยจะมีความแตกต่างกันคือ สามารถสั่งทำได้ตามขนาด รูปแบบที่ต้องการ ซึ่งจะทำให้ได้ขนาดที่พอดีกับพื้นที่ รวมไปถึงในเรื่องของความทันสมัย ความสวยงาม ส่วนใหญ่นิยมใช้กับบ้านและคอนโด สามารถทำได้ทั้งครัวหนัก ครัวเบา แต่ไม่ทนทาน เท่าครัวปูน อีกทั้งยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงครับ - ครัวสแตนเลส : จะมีความทนทาน รักษาความสะอาดได้ง่าย และไม่เป็นรอยขูดขีด ซึ่งมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างนาน เหมาะสำหรับการทำครัวที่หนักมากๆ ส่วนใหญ่นิยมใช้ในภัตรคาร และ ร้านอาหารใหญ่ๆ ครับ 2. วัสดุที่เลือกใช้  ตอบโจทย์การใช้งาน อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่น้อย สำหรับการเลือกใช้วัสดุของเคาน์เตอร์ครัว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเพื่อนๆ ด้วยเช่นกัน ว่าต้องการทำครัวหนักมากน้อยเพียงใด เพราะวัสดุแต่ละตัว ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป  อาทิ - หินอ่อน : จะให้ในเรื่องของความสวยงาม หรูหรา สามารถทนน้ำ ทนความร้อนได้ดี แต่เป็นรอยขูดขีดได้ง่ายหากไม่ระมัดระวัง อีกทั้งยังมีราคาสูงอีกด้วย - หินแกรนิต : จะมีความคงทนแข็งแรง ทนต่อทุกสภาพอากาศ สามารถดูแลรักษาได้ง่าย มีความสวยงาม และราคาไม่สูงมาก แต่ดูดซับน้ำค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ - หินสังเคราะห์ : จะทนต่อความร้อน และ ทนต่อการขีดข่วน ซึ่งคุณภาพจะดีกว่าหินอ่อนและหินแกรนิต จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูง - ไม้ : จะให้ความเป็นธรรมชาติ และมีหลากหลายแบบให้เลือก สามารถทำความสะอาดได้ง่าย แต่ไม่ค่อยถูกกับน้ำ เพราะเมื่อโดนน้ำอาจก่อให้เกิดเป็นดวงหรือรอยได้ - ลามิเนต : ถือเป็นวัสดุที่นิยมใช้ ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลากหลายสี สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ราคาไม่แพง แต่ไม่ทนต่อความร้อน และเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย - กระเบื้อง : สามารถทำความสะอาดได้ง่าย และทนความร้อนได้ดี แต่มักจะเกิดการแตกหักจนอาจทำให้กระเบื้องหลุดร่อนได้ 3. ขนาดห้องครัว ก่อนที่เพื่อนๆ จะทำการเลือกเคาน์เตอร์ครัวนั้น Infinity Design ผ้าม่าน แนะนำให้มีการวัดขนาดพื้นที่ภายในห้องครัวที่แน่นอน ชัดเจน เพราะจะทำให้สามารถเลือกเคาร์เตอร์ครัวได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้ได้ขนาดที่พอดี ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป แต่หากเลือกเป็นครัวบิ้วท์อิน สำหรับข้อนี้คงหมดปัญหาไปได้เลย 4. สไตล์การตกแต่งและความชอบ ทั้งหมดนี้ก็คงต้องขึ้นอยู่กับความชอบ รวมไปถึงสไตล์การตกแต่งบ้านของแต่ละบุคคล เพราะครัวแต่ละแบบก็ให้ความสวยงามและมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป หรืออาจจะมีการเลือกใช้วัสดุ โทนสีให้เหมาะกับสไตล์การตกแต่งบ้านก็สามารถทำได้เช่นกันครับ   ขอขอบคุณข้อมูลจาก  www.infinitydesign.in.th
จะก่อสร้างบ้านต้องรู้เรื่องระยะห่างระหว่างอาคารกรณีอยู่ในที่ดินเจ้าของเดียวกัน

จะก่อสร้างบ้านต้องรู้เรื่องระยะห่างระหว่างอาคารกรณีอยู่ในที่ดินเจ้าของเดียวกัน

หลายครอบครัวเมื่อลูกหลานโตพอ หรือมีการแต่งงานสร้างครอบครัวใหม่ บางครั้งก็วางแผนต่อเติม ปรับปรุงบ้าน หรือสร้างบ้านใหม่อีกหลังในที่ดินเดียวกับบ้านหลังเดิม เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ๆ กัน หรือบางท่านมีที่ดินผืนใหญ่ แล้ววางแผนจะสร้างบ้านหลายหลังบนที่ดินผืนนั้น เพื่อให้ลูกหลานอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ แต่ยังไม่ได้แยกกรรมสิทธิ์ที่ดินออกไป ถ้าท่านกำลังมีแผนเช่นที่ว่าอยู่พอดี หากได้ศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายต่อเติม สร้างบ้าน ก็จะทราบว่า กฎหมายควบคุมอาคารมีข้อกำหนดเรื่องการก่อสร้างอาคารในที่ดินเจ้าของเดียวกันไว้  โดยอาคารแต่ละหลังจะต้องมีระยะห่างระหว่างกัน  ดังนั้น ไม่ว่าท่านกำลังจะก่อสร้างบ้านใหม่อีกหลังใกล้กับบ้านหลังเดิม หรือท่านกำลังสร้างบ้านใหม่หลายหลังพร้อมกัน ถ้าบ้านทั้งสองหลังหรือหลายหลังนั้นสร้างอยู่ในที่ดินเจ้าของเดียวกันจะต้องคำนึงถึงระยะห่างระหว่างอาคารด้วย บ้านแต่ละหลังจะต้องมีระยะห่างระหว่างกันไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งกำหนดไว้ในข้อ 48 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ระยะห่างระหว่างบ้านหรืออาคารในที่ดินเจ้าของเดียวกัน จะห่างเท่าใด กฎหมายกำหนดให้พิจารณาจาก 2 เงื่อนไข คือ 1) ความสูงของอาคารทั้งสองหลัง และ 2) ผนังของอาคารทั้งสองหลังด้านที่ใกล้กันนั้นเป็นผนังทึบหรือมีช่องเปิด-ช่องแสง-ระเบียง แยกเป็น 3 กรณี ดังนี้ กรณีที่ 1 เมื่อผนังอาคารด้านที่ใกล้กันเป็นผนังที่มีช่องเปิด-ช่องแสงหรือมีระเบียง ทั้งสองหลัง ผนังของอาคารด้านที่มี หน้าต่าง ประตู ช่องระบายอากาศหรือช่องแสงหรือระเบียงของอาคาร ต้องมีระยะห่างจากผนังของอาคารอื่นด้านที่มีหน้าต่าง ประตู ช่องระบายอากาศหรือช่องแสง หรือระเบียงของอาคาร ดังต่อไปนี้ (ก) อาคารที่มีความสูงไม่เกิน 9 เมตร ผนังหรือระเบียงของอาคารต้องอยู่ห่างจากผนังหรือระเบียงของอาคารอื่นที่มีความสูงไม่เกิน 9 เมตร ไม่น้อยกว่า 4 เมตร (ข) อาคารที่มีความสูงไม่เกิน 9 เมตร ผนังหรือระเบียงของอาคารต้องอยู่ห่างจากผนังหรือระเบียงของอาคารอื่นที่มีความสูงเกิน 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ไม่น้อยกว่า 5 เมตร (ค) อาคารที่มีความสูงเกิน 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ผนังหรือระเบียงของอาคารต้องอยู่ห่างจากผนังหรือระเบียงของอาคารอื่นที่มีความสูงเกิน 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ไม่น้อยกว่า 6 เมตร กรณีที่ 2 เมื่อผนังอาคารด้านที่ใกล้กัน มีหลังหนึ่งเป็นผนังทึบ และอีกหลังเป็นผนังที่มีช่องเปิด-ช่องแสง หรือมีระเบียง ผนังของอาคารด้านที่เป็นผนังทึบต้องมีระยะห่างจากผนังของอาคารอื่นด้านที่มี หน้าต่าง ประตู ช่องระบายอากาศหรือช่องแสง หรือระเบียงของอาคาร ดังต่อไปนี้ (ก) อาคารที่มีความสูงไม่เกิน 15 เมตร ผนังของอาคารต้องอยู่ห่างจากผนังหรือระเบียงของอาคารอื่นที่มีความสูงไม่เกิน 9 เมตร ไม่น้อยกว่า 2 เมตร (ข) อาคารที่มีความสูงไม่เกิน 15 เมตร ผนังของอาคารต้องอยู่ห่างจากผนังหรือระเบียงของอาคารอื่นที่มีความสูงเกิน 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ไม่น้อยกว่า 3 เมตร (ค) อาคารที่มีความสูงเกิน 15 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ผนังของอาคารต้องอยู่ห่างจากผนังหรือระเบียงของอาคารอื่นที่มีความสูงไม่เกิน 9 เมตร ไม่น้อยกว่า 2.50 เมตร (ง) อาคารที่มีความสูงเกิน 15 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ผนังของอาคารต้องอยู่ห่างจากผนังหรือระเบียงของอาคารอื่นที่มีความสูงเกิน 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ไม่น้อยกว่า 3.50 เมตร กรณีที่ 3 เมื่อผนังอาคารด้านที่ใกล้กัน เป็นผนังทึบทั้งสองหลัง และทั้งสองหลังมีความสูงเกิน 15 เมตรแต่สูงไม่ถึง 23 เมตร ผนังของอาคารที่มีความสูงเกิน 15 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ด้านที่เป็นผนังทึบต้องอยู่ห่างจากผนังของอาคารอื่นที่มีความสูงเกิน 15 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ด้านที่เป็นผนังทึบไม่น้อยกว่า 1 เมตร กรณีที่ 3 นี้ ถ้าเป็นอาคารที่ก่อสร้างอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ระยะห่างจะต้องไม่น้อยกว่า 2 เมตรนะครับ เนื่องจากมีข้อกำหนดเรื่องที่ว่างโดยรอบอาคารที่สูงเกิน 15 เมตรไว้ สำหรับกรณีที่ 2 และกรณีที่ 3 ถ้าหากมีอาคารหลังใดหลังหนึ่งหรือทั้งสองหลังชั้นบนสุดทำเป็นดาดฟ้าขึ้นไปใช้สอยได้ กฎหมายยังได้กำหนดอีกว่า ผนังของดาดฟ้าของอาคารด้านที่อยู่ใกล้กับอาคารอื่นต้องสร้างเป็นผนังทึบสูงจากพื้นดาดฟ้าไม่น้อยกว่า 1.80 เมตรอีกด้วย   ขอขอบคุณข้อมูลจาก  www.scgbuildingmaterials.com
6 วิธีเด็ดไล่ตุ๊กแก ให้รีบเผ่นหนีออกจากบ้าน

6 วิธีเด็ดไล่ตุ๊กแก ให้รีบเผ่นหนีออกจากบ้าน

หลายคนคงขยาดกับเจ้าสัตว์เลื้อยคลานอย่าง “ตุ๊กแก” อยู่ไม่น้อย ทั้งรูปร่าง  ลวดลาย เสียงร้อง และความเหนียวหนึบของมัน ยิ่งทำให้ความน่ากลัวของเจ้าตัวลายเพิ่มมากขึ้น เราจึงมีวิธีเด็ดๆ ในการไล่ตุ๊กแกออกจากบ้านมาฝากกันครับ ไล่ตุ๊กแกด้วย "ยาฉุน" กลิ่นฉุนแรงๆ ถือเป็นสิ่งที่เจ้าตุ๊กแกเกลียดเข้าไส้ ยาฉุน หรือ ยาเส้นที่คนแก่สูบจึงช่วยเราได้ โดยอาจนำไปผสมกับน้ำแล้วนำมาเทหรือฉีดให้ทั่วบริเวณที่ตุ๊กแกอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งยาฉุนเป็นก้อนๆ เท่าลูกปิงปอง มัดด้วยหนังยางแล้วนำไปวางบริเวณที่ตุ๊กแกอยู่ครับ "ยี่โถ" ก็ไล่ตุ๊กแกได้ หากมีต้นยี่โถปลูกติดสวน ให้ตัดกิ่งยี่โถแล้วนำมาวางบริเวณที่ตุ๊กแกชอบอยู่ หรือนำใบมาขยำให้กลิ่นออกแล้วนำไปวาง เพียงเท่านี้เจ้าตุ๊กแกตัวลายก็หนีไปไกลแล้วครับ ไล่ตุ๊กแกแบบง่ายแค่ใช้ "ผ้าห่อลูกเหม็น"  ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเหม็น เพราะฉะนั้นเรื่องกลิ่นนี่ถือว่ากำราบเจ้าตุ๊กแกได้แน่นอน เพียงนำผ้ามาห่อลูกเหม็นแล้วเอาไปวางตรงที่ตุ๊กแกชอบอยู่ แค่นี้เจ้าตุ๊กแกก็โบกมือบ๊ายบายลาจากบ้านแล้วล่ะ ปูนแดงผสมยาเส้น แหย่ไล่ตุ๊กแก ผสมปูนแดงเข้ากับยาเส้นแล้วนำมาพันที่ปลายไม้ จากนั้นแหย่ไม้ไปที่ตุ๊กแก ซึ่งตามสัญชาติญาณตุ๊กแกจะงับปลายไม้ทันที พองับแล้วก็จะเมายา บางตัวตกลงมาที่พื้น บางตัวงับติดอยู่กับปลายไม้ แล้วก็รีบนำเอาไปทิ้งได้เลย ไล่ตุ๊กแกด้วยกลิ่นฉุนจากใบน้อยหน่ากับใบสาบเสือ  นำใบน้อยหน่าและใบสาบเสือในจำนวนเท่ากันมาตำให้ละเอียดขนกลิ่นออก แล้วหาผ้าบางๆ มาห่อและนำไปวางที่ตุ๊กแกอยู่ รับรองว่ากลิ่นของมันจะไล่ตุ๊กแกให้วิ่งแจ้นไปไกลเลยล่ะ ใช้เชือกไล่ตุ๊กแก ด้วยการคล้อง   วิธีนี้ต้องลงแรงและอาศัยความกล้ากันสักหน่อยครับ ด้วยการนำเชือกเส้นเล็กๆ มาผูกเงื่อนเป็นบ่วงรูด แล้วนำไปผูกติดกับไม้ยาว คราวนี้ก็นำไปคล้องจับเจ้าตุ๊กแกไปปล่อยกันได้เลย แอบกระซิบนิดหน่อย ว่าอย่าให้เจ้าตุ๊กแกรู้ตัวเชียวนะ ไม่งั้นมันจะหนีเราไปไกล ตามจับกันแทบไม่ทันเลยล่ะ   6 วิธีนี้ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพราะหาอุกปกรณ์ได้ง่าย ไร้สารเคมี จึงทำให้ปลอดภัยทั้งตัวเราและตุ๊กแกครับ แม้ว่าเราจะอยากไล่ตุ๊กแกให้ออกจากบ้านไป ก็ไม่ได้หมายความต้องไปลงมือฆ่าเจ้าตุ๊กแกใช่ไหมล่ะครับ ความรู้อื่นๆ ในการไล่ตุ๊กแก ตุ๊กแกบ้าน บทความที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ไล่จิ้งจกไปให้ไกลบ้าน ง่ายนิดเดียว วิธีไล่หนูบนเพดานบ้าน กำจัดปลวก ด้วยวิธีธรรมชาติ วิธีกำจัดมด ด้วยของใกล้ตัว