Tag : Review

672 ผลลัพธ์
The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ : รีวิวคอนโด

The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ : รีวิวคอนโด

พรีวิวคอนโดโครงการใหม่วันนี้ เราจะพาไปดูโครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ อีกหนึ่งคอนโด High Rise จาก Land and House ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการอยู่ที่ซอยจันทน์ 18/7 แยก 1 คนในระแวกนี้มักจะเรียกกันติดปากว่า “ซอยเซนต์หลุยส์” หรือถ้าจะให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น ก็ต้องบอกว่าอยู่ท้ายๆ ซอยสาทร 11 นั่นเอง การเดินทาง ถ้าดูจากแผนที่เราจะเห็นได้ว่า ตัวโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่มีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่สะดวกมากๆ เพราะใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน สามารถเข้าออกโครงการได้หลายทาง และถนนรอบๆ ยังเชื่อมต่อถึงกันทำให้มีเส้นทางเลี่ยงลัดเลาะไปออกถนนสายหลักได้อีกหลายเส้นทางเช่นกัน ถ้าใครที่พอจะคุ้นเคยเส้นทางในย่านนี้อยู่แล้วก็น่าจะเข้าใจถนนหนทาง ซอกเล็ก ซอยน้อยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ที่ตั้งโครงการอยู่ถัดเข้ามาจากปากซอยจันทน์ 18/7 ประมาณ 150 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ตรงหัวมุมแยก 1 พอดิบพอดี ถนนหน้าโครงการเป็นถนนในซอยเล็กๆ ซึ่งเชื่อมไปยังซอยจันทน์ 24 หรือซอยเย็นจิตได้อีกด้วย ทำให้เราสามารถเลือกเข้าโครงการได้ทั้ง 2 ซอย โดยเส้นทางหลักๆ ของถนนด้านนี้ก็คือ ถนนจันทน์ ซึ่งเป็นถนนเก่าแก่ที่ตัดผ่านย่านชุมชนที่พักอาศัยดั้งเดิม ยาวไปตั้งแต่ปากตรอกจันทน์ ตัดผ่านถนนเจริญราษฎร์ แยกสาธุประดิษฐ์ และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ไปจนถึงนางลิ้นจี่นู่นเลยครับ ส่วนทางด้านถนนสาทร เราสามารถเลี้ยวเข้าซอยสาทร 11 แล้วตรงมาตามถนนในซอยอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงตัวโครงการครับ ส่วนเส้นทางลัดเลาะออกซอยนั้นเข้าซอยนี้ ก็ยังมีอีกหลายทาง เช่น ทางซอยนราธิวาสฯ 8 และ 10 ที่ตัดมาเข้ากลางซอยได้เลย หรือจะเป็นเส้นทางในซอยเย็นจิตที่สามารถลัดไปออกถนนเจริญราษฎร์ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าใครที่ใช้รถส่วนตัวอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ทำเลในแถบนี้ถือว่าเดินทางได้ง่ายดีครับ ใกล้ใจกลางเมืองและแหล่งชุมชน มีเส้นทางให้ซิกแซกหนีรถติดกันสนุกเลยทีเดียว สำหรับใครที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนท้องถิ่นก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะมีรถสองแถววิ่งผ่านโครงการตลอดทั้งวัน ซึ่งสายหลักๆ ที่น่าจะได้พึ่งพาอาศัยแน่ๆ เลยก็คือ สาย 1256 เพราะวิ่งผ่านโครงการไปออกถนนสาทร และสุดสายที่ท่าน้ำสะพานตากสิน ดังนั้นถ้าต้องการจะไปต่อรถไฟฟ้า BTS ก็สามารถใช้บริการรถสองแถวสายนี้ไปลงยังสถานีสุรศักดิ์ หรือสถานีตากสินก็ได้ครับ แต่ถ้ากังวลกับปัญหารถติดก็ต้องใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างซึ่งตั้งวินอยู่หน้าโครงการเลย รับรองว่ารวดเร็วทันใจแน่ๆ ในขณะเดียวกันก็ยังมีรถตุ๊ก ตุ๊ก และแท็กซี่วิ่งผ่านไปมาขวักไขว่ หาเรียกได้ง่ายมากๆ ชนิดที่ไม่ต้องกลัวถูกโชเฟอร์ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารกันเลย เพราะพลาดคันนี้เดี๋ยวคันหลังก็มีให้โบกตามมาติดๆ หรือถ้าเดินออกมาทางปากซอยจันทน์ 18/7 อีกหน่อย ก็จะเพิ่มทางเลือกในการเดินทางด้วยรถสองแถวได้มากขึ้น เพราะมีสองแถวอีกหลายสายที่วิ่งไปทั้งฝั่งพระราม 3 และฝั่งเจริญกรุง รวมถึงรถเมล์ก็มีกับเค้านะครับ ถึงแม้จะมีแค่สาย 35 วิ่งผ่านมาแค่สายเดียวก็เถอะ ลงทางด่วนถนนจันทน์มาที่ถนนเจริญราษฎร์ แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนจันทน์เลยครับ การเดินทางไปยังโซนต่างๆ ของกรุงเทพจัดว่าสะดวกดีเพราะด่านขึ้นลงทางด่วนอยู่ตรงนี้เลยครับ ถ้าจำกันได้ จากแยกนี้ถ้าตรงไปเราก็จะไปเจอกับโครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ แต่เราลองไปสำรวจทางซ้ายกันบ้างดีกว่า บนถนนจันทน์มี Community Mall เปิดใหม่ ชื่อ Vanilla Moon มีทั้งร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbuck, Max Value และร้านอาหารอีกหลายร้าน ดึกๆ ด้านบนดาดฟ้าก็มี Roof Top Bar ไว้ให้นั่งรับลมชิวๆ ได้ด้วย ซึ่งน่าจะพอให้พึ่งพา และเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ง่ายๆ ของคนในย่านนี้ครับ ทำเลแถบนี้เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ครับ บ้านเรือนส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ร้านค้าจึงเต็มไปหมด แถมด้วยสถาบันการเงินที่มีให้เลือกครบทุกธนาคาร นี่แค่ถนนสายสั้นๆ สายเดียวยังมีธนาคารตั้งติดๆ กันเยอะขนาดนี้ คงไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าทำเลนี้เป็นย่านทำมาค้าขายที่คึกคักมากแค่ไหน ถ้าเราวิ่งตามถนนจันทน์มาเรื่อยๆ จะเจอกับสี่แยกไฟแดงแรกที่ซอยจันทน์ 18/7 หรือที่คนแถวนี้เค้าเรียกกันว่า ซอยเซนต์หลุยส์ แยกนี้ถ้าตรงไปจะไปตัดกับถนนสาธุประดิษฐ์และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ตามลำดับ หรือถ้าเลี้ยวไปทางขวาก็จะเข้าซอยอยู่ดี ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่เก่าแก่ที่อยู่กันมานานแล้ว ส่วนถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปออกถนนสาทรได้ ซึ่งเราจะพาไปดูบรรยากาศในซอยเซนต์หลุยส์กันก่อนดีกว่า พอเลี้ยวซ้ายมาถนนจะเหลือแค่ 2 เลนเล็กๆ แต่ปริมาณรถในซอยนี้ไม่ได้เล็กตามถนนนะครับ เพราะซอยนี้ลัดไปออกถนนสาทร ถนนนราธิวาส และถนนเจริญราษฎร์ได้ รถราเลยขวักไขว่ตลอดทั้งวัน เลี้ยวเข้าซอยจันทน์ 18/7 มาประมาณ 150 เมตร จะเห็นป้ายคอนโด The Room สาทร-เซนต์หลุยส์อยู่ตรงหัวมุมจันทน์ 18/7 แยก 1 ชัดเจน ทางเข้าโครงการอยู่ในซอยจันทน์ 18/7 แยก 1 นะครับ ซึ่งซอยนี้เชื่อมต่อไปถึงซอยจันทน์ 24 หรือซอยเย็นจิตได้ด้วย ดังนั้นทางเข้าออกโครงการนี้จึงเข้าได้ทั้ง 2 ทาง ปัจจุบันตัวโครงการเริ่มทำการก่อสร้างแล้วนะครับ ส่วนสำนักงานขายนั้นจะไปอยู่ที่ถนนเจริญราษฎร์ ใช้สำนักงานขายเดียวกับ The Key สาทร-เจริญราษฎร์ ตรงข้ามกับที่ตั้งโครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ คือสำนักงานเขตสาทร เวลาจะติดต่องานราชการของเขตนี้ก็สะดวกเลย ถ้าใครต้องการความรวดเร็ว ใกล้ๆ คอนโดก็มีพี่วินคอยให้บริการอยู่ด้วยนะครับ ราคาก็ตามป้ายนี้เลย ออกจากจันทน์ 18/7 แยก 1 แล้วเราไปดูในซอยเซนต์หลุยส์กันต่อครับ ในซอยก็เป็นถนนสองเลนตลอดสาย สองฝั่งถนนมีร้านค้า ร้านอาหารเพียบครับ จัดว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ บรรยากาศตอนเช้าๆ และช่วงเย็น การจราจรในซอยจะติดมากหน่อย เพราะในซอยนี้รวมเอาตลาดสด และโรงเรียนใหญ่ๆ ไว้ในซอยเดียวกันเลย ช่วงเช้าถ้าจะรีบไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ก็อาจจะต้องพึ่งพี่วินมอเตอร์ไซค์เพื่อทำเวลากันหน่อย ลึกเข้ามาในซอยเซนต์หลุยส์ก็จะเห็นว่ามีร้านขายของเต็มไปหมด ทั้งคลินิค ร้านขายยา ร้านขายอะไหล่รถ ร้านอาหารริมทาง รวมไปถึงธนาคารสาขาย่อยก็มีมาเปิดในซอยนี้อีกหลายเจ้า รถราในซอยจึงมีมากตลอดทั้งวัน ช่วงกลางๆ ซอยจะเป็นถนนวันเวย์นะครับ เป็นบล็อคเล็กๆ ให้เดินรถทางเดียวเพื่อแยกไปออกถนนสาทร และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ได้ เราเลี้ยวตามทางวันเวย์มาเรื่อยๆ จะเห็นว่าถนนจะแคบลงเล็กน้อย แถมยังมีร้านค้าที่เปิดกันมานานอีกเลยมีรถจอดริมถนนบ้าง การจราจรในซอยอาจจะติดขัดบ้างเป็นบางครั้ง ช่วงถนนวันเวย์สั้นๆ ในซอยเซนต์หลุยส์ซึ่งเต็มไปด้วยร้านเก่าแก่อย่างที่บอกนี่แหละครับ มาถึงตรงนี้ ถ้าเลี้ยวขวาตามทางวันเวย์ไปก็จะกลับไปออกถนนจันทน์เหมือนเดิม หรือแยกไปออกถนนนราธิวาสราชนครินทร์ซอย 10 ก็ได้เช่นกัน แต่เราจะเลี้ยวซ้ายไปออกถนนสาทรกันครับ เลี้ยวมาแล้วบรรยากาศโดยรอบก็จะคล้ายๆ กันครับ มีร้านค้าเต็มสองข้างทาง เป็นย่านชุมชนที่อยู่กันอย่างเหนียวแน่นมายาวนานมาก ช่วงปากซอยสาทร 11 จะมีคิวรถสองแถวจอดรถรับคนด้วย ซึ่งก็เป็นสายเดียวกับที่วิ่งไปรถไฟฟ้าสถานีตากสินนั่นแหละครับ เพียงแต่ขากลับมาจะมีคิวรถรอรับคนตรงนี้อีกช่วงหนึ่ง นอกจากคิวสองแถว ก็มีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย ซึ่งหัวมุมถนนด้านนี้จะเป็นอาคารสำนักงานของ AIA นะครับ สร้างใกล้จะเสร็จแล้ว อีกหน่อยผู้คนคงมากมายขึ้นอีกหลายเท่า ออกจากซอยสาทร 11 ซึ่งถูกบังคับเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทางสะพานตากสิน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาทรมาแล้ว บรรยากาศริมถนนช่วงนี้ยังคงคึกคักนะครับ เพราะยังใกล้โรงเรียนอยู่ และก็ยังอยู๋ติดกับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์อีกด้วย จึงมีทั้งร้านสะดวกซื้อ และหาบเร่แผงลอยเต็มไปหมด ซ้ายมือนี่แหละครับ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ซึ่งมีวิทยาลัยการพยาบาลอยู่ด้วย บอกแล้วว่าย่านนี้โรงเรียนน้อยใหญ่เต็มไปหมด ที่เห็นถนนโล่งๆ นี่เราเดินทางมากันช่วงบ่ายนะครับ ปริมาณรถบนถนนเลยน้อยหน่อย เลยจากโรงพยาบาลมาอีกหน่อย ก็จะถึงรถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์แล้ว ซึ่งสถานีนี้ก็มีความสำคัญมากพอตัวเลย เพราะใกล้ทั้งโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และอาคารสำนักงานใหญ่ๆ อย่าง Thai CC Tower และยังเชื่อมต่อกับโรงแรม Eastin อีก รถราและผู้คนบริเวณรอบสถานีนี้จึงมากเป็นพิเศษครับ เรื่องการเดินทางของโครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ จัดว่าสะดวกเข้าขั้น จะติดก็แต่ปัญหารถติดหนักๆ ตอนช่วงเวลาเร่งด่วน เพราะถนนในซอยตรงช่วงหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญประถมไปจนออกถนนสาทรจะถูกปรับให้เดินรถทางเดียว เนื่องจากปริมาณรถที่มารับส่งนักเรียนทั้งเช้าและเย็นมีเป็นจำนวนมาก รถเลยติดกันนานหน่อย อีกทั้งบริเวณรอบๆ นี้ก็มีโรงเรียนอยู่อีกหลายแห่ง จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถาบันการศึกษามารวมตัวกันได้มากขนาดนี้  เรื่องรถติดเลยต้องทำใจกันไว้บ้างครับยังไงก็ต้องเจอไม่มากก็น้อย วิเคราะห์ทำเลรอบโครงการ อย่างที่บอกไปแล้วว่า โครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ ตั้งอยู่ในย่านชุมชนเก่าแก่ของถนนจันทน์ บริเวณรอบๆ ที่ตั้งโครงการจึงเต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์ ร้านค้า ร้านอาหารดั้งเดิมที่เปิดกิจการกันมายาวนาน กลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่รวบรวมสาธารณูปโภคต่างๆ ไว้อย่างครบถ้วน เริ่มกันต้งแต่เรื่องปากท้อง ข้าวปลาอาหารการกินในย่านนี้รับรองว่าไม่มีขาด เพราะมีร้านค้า แผงลอยเปิดขายหมุนเวียนกันตั้งแต่เช้าตรู่ไปยันค่ำมืด เอาอย่างคนขี้เกียจมากหน่อย แค่เดินออกมาหน้าโครงการก็มีให้เลือกกินได้อย่างน้อย 3-4 ร้านเข้าไปแล้ว แต่ถ้าขยันเดินอีกนิด ออกมาทางตลาดสะพาน 3 ริมถนนจันทน์ รถเข็นขายอาหารในช่วงเย็นๆ ไปจนค่ำนั้นมีมากจนเลือกกันไม่หวาดไม่ไหวกันเลย หรือถ้านึกขยันอยากลุกขึ้นมาเข้าครัวทำกับข้าวกินเอง เช้าๆ ก็มีตลาดเช้าในซอยเซนต์หลุยส์ ห่างจากตัวโครงการไปแค่ 200 เมตรเท่านั้น แต่ถ้าตื่นไม่ทันตลาดเช้า ก็ยังมีตลาดเย็นตรงสี่แยกถนนจันทน์ตัดกับซอยจันทน์ 18/7 นั่นแหละครับ แถมยังมีซุปเปอร์มาร์เก็ตอีก แค่นี้ก็นับว่ามีทางเลือกมากเกินพอแล้ว โรงเรียนพาณิชย์อยู่ติดกับตลาดสดเลยครับ เช้าๆ นี่คึกคักจนรถติดเอาเรื่องอยู่ เพราะมีคนมาจับจ่ายซื้อของกันมากมาย ที่เดินในภาพเป็นรถสองแถวสาย 1256 ครับ วิ่งผ่านตลอดซอยแล้วไปสุดสายที่สถานีรถไฟฟ้าตากสินนู่นเลย ถ้าไม่ใช้รถส่วนตัวก็มีรถสองแถวนี่แหละครับเป็นที่พึ่งในการเดินทางที่ประหยัดมากๆ บรรยากาศตอนสายๆ ครับ จะเห็นว่ามีรถเยอะพอสมควรเลย ตลาดเช้ายังไม่วายดี ตรงนี้เป็นแหล่งซื้อหาอาหารที่สำคัญแห่งหนึ่งของคนในย่านนี้ครับเพราะมีของอร่อยๆ เพียบ นอกจากเรื่องอาหารการกินที่หายห่วงไปได้แล้ว เรื่องแหล่งช็อปปิ้ง ที่แฮงค์เอ้าท์ก็มีอยู่ไม่ไกลเช่นกัน เริ่มจากที่ใกล้ๆ ก็ Community Mall เปิดใหม่บนถนนจันทน์ ชื่อ Vanilla Moon ที่เราสามารถพึ่งพาได้แบบไม่ต้องดั้นด้นไปไกลนัก แต่ถ้าอยากช็อปให้เป็นเรื่องเป็นราวมากหน่อย ก็มีห้างเซ็นทรัล และเทสโก้ โลตัส ให้เป็นอีกตัวเลือกที่อยู่ออกไปทางฝั่งพระราม 3 รวมถึงอีกหนึ่ง Community Mall อย่าง The Up ก็น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน นอกจากนี้แหล่งชิวสุดฮิตของคนกรุงอย่าง Asiatique The River Front ก็อยู่ในระยะที่สามารถเดินทางได้สะดวก ถ้าไม่ติดปัญหารถติดนะครับ เรื่องกินเรื่องเที่ยวในย่านนี้จึงครบเครื่องดีทีเดียว Vanilla Moon คอมมูนิตี้ มอลล์ แห่งใหม่บนถนนจันทร์ Asiatique The Riverfront ที่เดินเล่นชิลๆ พร้อมร้านอาหารมากมาย ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถัดจากเรื่องกินเรื่องเที่ยว สถานที่สำคัญๆ ในบริเวณรอบๆ โครงการก็มีไม่น้อยเช่นกัน เริ่มจากสถานศึกษาเผื่อไว้สำหรับคนที่มีครอบครัว และมีลูกหลานอยู่ในวัยเรียน ซึ่งก็มีตัวเลือกมากมาย ตั้งแต่ โรงเรียนอัสสัมชันแผนกประถม ที่อยู่ในซอยเดียวกัน หรือจะเป็นโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนบนถนนสาทร โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก โรงเรียนเซนโยเซฟคอนแวนต์ และโรงเรียนในเครือสารสาสน์ทั้ง แผนกสามัญ และแผนกสองภาษา ซึ่งล้วนแต่เป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังในย่านนี้ทั้งนั้น อีกทั้งยังมีโรงเรียนนานาชาติอย่าง Shrewbury International School และ New Sathorn Internation School ไว้เป็นอีกทางเลือก ในขณะที่โรงเรียนรัฐบาลในบริเวณรอบๆ ก็ยังมี โรงเรียนวัดสุทธิวราราม โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ไปจนถึงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ วิทยาเขตพระนครใต้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างโรงเรียนคร่าวๆ เท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วยังมีโรงเรียนอีกนับสิบในย่านนี้ที่เรายังไม่ได้เอ่ยถึง รวมไปถึงธนาคารที่ตั้งเรียงติดๆ กันเป็นแถว มีให้เลือกทุกสถาบัน แล้วไหนจะโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์อีกที่ตั้งอยู่ปากซอยสาทร 11 เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาก็วิ่งมาหาหมอได้ไม่ลำบากเลยครับ เอาเป็นว่าสาธยายกันมาคร่าวๆ แค่นี้ก็น่าจะพอนึกภาพรวมกันออกแล้วนะครับ เพราะรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆ อาจจะต้องลองไปสำรวจด้วยตัวเองดูซักครั้ง เผื่อจะใช้ประกอบการตัดสินใจด้วยว่าจะชอบไม่ชอบทำเลยย่านนี้มากน้อยแค่ไหน โรงเรียนอัสสัมชัญประถม อีกหนึ่งโรงเรียนใหญ่ที่แทรกตัวอยู่ในซอยเซนต์หลุยส์กับเค้าด้วย ช่วงเช้าและเย็นถนนบริเวณหน้าโรงเรียนไปจนออกถนนสาทรจะถูกปรับให้เดินรถทางเดียวนะครับ ใครที่จะออกสาทรก็ต้องเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ข้างโรงเรียนไป ซึ่งมีคุณตำรวจจราจรคอยควบคุมการจราจรอยู่ทุกวัน ภาพรวมตัวโครงการ สำหรับ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ เป็นคอนโด High Rise สูง 24 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่เศษ ซึ่งมียูนิตรวมทั้งหมด 376 ยูนิต จากแปลนจะเห็นว่า ทางเข้าออกโครงการจะอยู่ทางฝั่งซอยจันทน์ 18/7 ติดกับธนาคาร UOB นะครับ ไม่ใช่ฝั่งตรงข้ามสำนักงานเขตสาทรอย่างที่เข้าใจแต่แรก พื้นที่รอบๆ โครงการเป็นบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 4 ชั้น จะมีตึกที่สูงหน่อยก็แค่ตึกของสำนักงานเขตสาทรเท่านั้นครับที่สูง 10 ชั้น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตเรื่องทิศทางวิว เพราะไม่มีห้องพักไหนหันหน้าเข้าด้านนั้นในระยะประชิด จึงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกบังวิวสวยๆ ไป มาดูที่ชั้น G กันก่อนนะครับ ด้านหน้าโครงการจะมีสวนสีเขียวขนาดใหญ่ทางโครงการจะทำเป็นอาคารรับรอง หรือ Serene Garden ไว้สำหรับเป็นที่พักผ่อนและจุดนัดพบได้ ส่วนด้านในจะเป็น Lobby และที่จอดรถตั้งแต่ชั้น G ขึ้นไปถึงชั้น 4 รองรับรถได้ประมาณ 70% Serene Garden ด้านหน้าโครงการ Main Lobby ที่ชั้น G Facilities หลักๆ ทั้งหมดของโครงการจะรวมไว้ที่ชั้น 5 ซึ่งก็มีทั้งสระว่ายน้ำในระบบน้ำเกลือ ห้องฟิตเนส กับห้องอบไอน้ำแยกชายหญิง โดยที่พื้นที่จอดรถจะเริ่มตั้งแต่ชั้นแรกมาจนถึงชั้นที่ 4 ซึ่งนับรวมแล้วทางโครงการแจ้งว่าสามารถรองรับปริมาณการจอดรถได้ถึง 70% เลยทีเดียว นับว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยถ้าเทียบกับคอนโดอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ส่วนห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป ซึ่งแน่นอนว่าใครที่เลือกห้องในชั้นนี้ก็อาจจะต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวที่ต้องสูญเสียไปบ้างจากการที่ห้องอยู่ติดกับพื้นที่ส่วนกลาง โดยเฉพาะห้องที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ แต่ยังไงก็แลกมาด้วยวิวที่อาจจะดูสบายตามากขึ้นมาหน่อย ที่ชั้น 5 อย่างที่บอกจะเป็นชั้นที่รวม Facility หลักของโครงการไว้ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และห้องอบไอน้ำ รวมถึงเป็นชั้นที่เริ่มต้นของห้องพักอาศัยด้วย วิวสระว่ายน้ำบนชั้น 5 ภาพอีกมุมของพื้นที่รอบๆ สระว่ายน้ำ ตั้งแต่ชั้น 7-24 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด จะมีลิฟท์ทั้งหมด 4 ตัว เป็นลิฟท์โดยสาร 3 ตัวและ Service Lift อีก 1 ตัว นอกเหนือจากนี้เรื่องแบบห้อง ทางโครงการก็เตรียมเอาไว้ 2 แบบ คือห้องแบบ 1 ห้องนอน และแบบ 2 ห้องนอน ขายกันมาแบบ Fully Fitted มีชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำมาให้ ที่เหลือก็ต้องไปตกแต่งกันเอง อ้อ! ลืมบอกไปว่า ทางโครงการจัดเตรียมสวนหย่อมเอาไว้บริเวณด้านหน้าโครงการด้วย ถือเป็นพื้นที่สีเขียวที่ใช้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจได้ ซึ่งเราก็เอาภาพบรรยากาศจำลองจากทางโครงการมาให้ชมกันคร่าวๆ ก่อน รวมถึงแบบแปลนของห้องพักในแต่ละชั้นด้วย ส่วนห้องตัวอย่างของโครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ ทีมงานจะรีบตามไปเก็บทุกรายละเอียดเอามาฝากกันในรีวิวฉบับต่อไป ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันให้ดีนะครับ หรือถ้าไม่อยากพลาดก็อย่าลืมไปกด Like เป็น Fanpage ของพวกเราได้ที่  www.facebook.com/reviewyourcondo Type 1A 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 34.90 ตารางเมตร Type 2A 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 63.80 ตารางเมตร Type 2B 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 66.70 ตารางเมตร Type 2C 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 66.70 ตารางเมตร
THE NICHE MONO รัชวิภา : รีวิวคอนโด

THE NICHE MONO รัชวิภา : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้จะพาไปดูโครงการ The Niche Mono รัชวิภา คอนโด High Rise สูง 27 ชั้น 2 อาคาร จาก เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ติดถนนรัชดาภิเษก บริเวณแยกประชานุกูลตรงข้ามโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ที่เริ่มก่อสร้างไปได้สักระยะแล้วนะครับ การเดินทาง การเดินทางไปยังโครงการสามารถใช้ได้หลายเส้นทางเลยนะครับ เพราะตัวโครงจะตั้งอยู่ตรงสี่แยกประชานุกูล ติดกับสะพานข้ามแยก ฝั่งที่จะมุ่งหน้าไปรัชโยธิน และยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัชทั้งขาเข้าและขาออก จึงค่อนข้างสะดวกสำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวทางโครงการก็จะมีรถ Shuttle Van รับส่งที่ MRT บางซื่อและ BTS หมอชิต ไว้ให้บริการ รถออกทุก 30 นาที ค่าบริการจะฟรีในปีแรก ส่วนปีต่อๆ ไปจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือเปล่า ตรงนี้ต้องสอบถามจากทางโครงการอีกทีนะครับ ต่อไปผมจะพาไปดูรอบๆ โครงการ การเดินทางไปยังจุดขึ้นทางด่วนทั้ง 2 ฝั่ง และที่สำคัญเรื่องอาหารการกิน จากที่ตั้งของโครงการถือว่าหาของกินได้ยากสักหน่อย ในระยะที่สามารถเดินได้ ถ้าหากไม่มีร้านค้าใต้คอนโด แต่ถ้าขยับออกมาอีกนิดบนถนนประชาชื่นฝั่งที่จะมุ่งหน้าไปงามวงศ์วาน ตลอดแนวจะมีร้านอาหารเจ้าดัง เจ้าอร่อยอยู่เยอะที่เดียวครับ และอีกที่ก็จะเป็นถนนเทศบาลสงเคราะห์หรือประชานิเวศน์ 1 ย่านวัดเสมียนนารี ตรงนี้ก็มีร้านอาหารอยู่เยอะเหมือนกันครับ ตลาดบองมาเช่ ก็จะอยู่ตรงนี้ด้วย ตามผมมาเลยครับ.. แหล่งรวมของกินอีกแหล่งซึ่งถือว่าเป็นแหล่งใหญ่ในย่านนี้เลยก็ว่าได้ คือถนนเทศบาลสงเคราะห์หรือประชานิเวศน์ 1 ที่จะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด ให้เลือกเยอะแยะเลยครับ วิเคราะห์ตัวโครงการ ตัวโครงการเป็นอาคาร High Rise สูง 27 ชั้น 2 อาคาร ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกห่างจากแยกประชานุกูลเพียงไม่กี่เมตร พาชมห้องตัวอย่าง จริงๆ ทางโครงการมีห้องตัวอย่างให้ชมทั้งหมด 4 ห้องนะครับ แต่เราขอยกตัวอย่างให้ชม 1 ห้อง คือ Type A1 ขนาด 30 ตารางเมตร เพราะว่าเป็นแบบที่มีเยอะที่สุด โครงการจะขายแบบ Fully Fitted นะครับ เฟอร์นิเจอร์จะได้เฉพาะส่วนครัวและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ส่วนแอร์ห้องแบบ 1 ห้องนอนจะได้ 2 ตัวที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่น ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนจะได้แอร์ 3 ตัวที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้อง และห้องนั่งเล่นอีก 1 ตัว ส่วนแปลนห้องแบบอื่นๆ มีแบบไหนบ้าง มาดูกันครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ใกล้สี่แยกและจุดขึ้นลงทางด่วน ถือสะดวกในเรื่องการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ถ้าหากต้องใช้ระบบขนส่งสาธารณะอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร เนื่องจากรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT ถือว่าอยู่ห่างจากโครงการพอสมควร แต่ในจุดนี้ทางโครงการจะมี Shuttle Van ไว้ให้บริการรับส่งลูกบ้านที่ BTS หมอชิตและ MRT บางซื่อ ซึ่งก็ถือว่าช่วยได้ในระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องสาธารณูปโภครอบๆ โครงการถือว่าดีเลยที่เดียวครับ เนื่องจากใกล้แหล่งชุมชน เรื่องของกินของใช้นั้นหาได้ไม่ยาก ทั้งตลาด ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า สำหรับเรื่องการลงทุน อาจจะต้องศึกษากันหนักหน่อยครับ เพราะถึงแม้ว่าโครงการจะได้รับอานิสงค์จากรถไฟฟ้าหลายสาย แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะที่จะเดินได้ อีกทั้งตัวโครงการอยู่ห่างจากแหล่งธุรกิจ ออฟฟิศ และสำนักงานต่างๆ ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็มีเพียงโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ การหาผู้เช่าจึงอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย (คลิกดูบทวิเคราะห์การลงทุน)
สำรวจทำเลคอนโดย่านสาทร : รีวิวคอนโด

สำรวจทำเลคอนโดย่านสาทร : รีวิวคอนโด

พรีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูทำเลใจกลางเมือง ในย่านสาทรกันครับ ถ้าใครผ่านไปผ่านมาบนถนนเส้นนี้ คงจะสังเกตเห็นว่ามีคอนโดใหม่ๆ ผุดขึ้นมามากมาย เอาแค่ช่วงตั้งแต่แยกสุรศักดิ์มาจนถึงแยกถนนนราธิวาสราชนครินทร์ก็มีคอนโดให้เลือกมากมายทั้งที่อยู่ริมถนนใหญ่ และที่แทรกตัวอยู่ตามซอยต่างๆ อีก เราเลยจะพาไปดูบรรยากาศรอบๆ กันเลยครับ ภาพรวมของย่านนี้ครับ เราลองวนๆ ดูทำเลแถบนี้แค่บล็อคเดียวก่อนจากแยกสุรศักดิ์ ไปถนนนราธิวาสราชนครินทร์ และแยกถนนจันทน์ไปจนถึงถนนเจริญราษฏร์ แค่นี้ก็เห็นว่ามีคอนโดใหม่ๆ ขึ้นมาเพียบแล้ว จากแผนที่จะเห็นว่าตรอกซอกซอยในบริเวณนี้เชื่อมต่อถึงกัน เข้าออกได้หลายทางเลยทีเดียว ลงทางด่วนถนนจันทน์มาที่ถนนเจริญราษฎร์ แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนจันทน์เลยครับ การเดินทางไปยังโซนต่างๆ ของกรุงเทพจัดว่าสะดวกดีเพราะด่านขึ้นลงทางด่วนอยู่ตรงนี้เลยครับ ถ้าจำกันได้ จากแยกนี้ถ้าตรงไปเราก็จะไปเจอกับโครงการ Than Living สาทร-เจริญราษฎร์ แต่เราลองไปสำรวจทางซ้ายกันบ้างดีกว่า บนถนนจันทน์มี Community Mall เปิดใหม่ ชื่อ Vanilla Moon มีทั้งร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbuck, Max Value และร้านอาหารอีกหลายร้าน ดึกๆ ด้านบนดาดฟ้าก็มี Roof Top Bar ไว้ให้นั่งรับลมชิวๆ ได้ด้วย ซึ่งน่าจะพอให้พึ่งพา และเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ง่ายๆ ของคนในย่านนี้ครับ ทำเลแถบนี้เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ครับ บ้านเรือนส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ร้านค้าจึงเต็มไปหมด แถมด้วยสถาบันการเงินที่มีให้เลือกครบทุกธนาคาร นี่แค่ถนนสายสั้นๆ สายเดียวยังมีธนาคารตั้งติดๆ กันเยอะขนาดนี้ คงไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าทำเลนี้เป็นย่านทำมาค้าขายที่คึกคักมากแค่ไหน ถ้าเราวิ่งตามถนนจันทน์มาเรื่อยๆ จะเจอกับสี่แยกไฟแดงแรกที่ซอยจันทน์ 18/7 หรือที่คนแถวนี้เค้าเรียกกันว่า ซอยเซนต์หลุยส์ แยกนี้ถ้าตรงไปจะไปตัดกับถนนสาธุประดิษฐ์และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ตามลำดับ หรือถ้าเลี้ยวไปทางขวาก็จะเข้าซอยอยู่ดี ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่เก่าแก่ที่อยู่กันมานานแล้ว ส่วนถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปออกถนนสาทรได้ ซึ่งเราจะพาไปดูบรรยากาศในซอยเซนต์หลุยส์กันก่อนดีกว่า พอเลี้ยวซ้ายมาถนนจะเหลือแค่ 2 เลนเล็กๆ แต่ปริมาณรถในซอยนี้ไม่ได้เล็กตามถนนนะครับ เพราะซอยนี้ลัดไปออกถนนสาทร ถนนนราธิวาส และถนนเจริญราษฎร์ได้ รถราเลยขวักไขว่ตลอดทั้งวัน เลี้ยวเข้าซอยจันทน์ 18/7 มาประมาณ 150 เมตร จะเห็นป้ายคอนโด The Room สาทร-เซนต์หลุยส์อยู่ตรงหัวมุมจันทน์ 18/7 แยก 1 ชัดเจน ทางเข้าโครงการอยู่ในซอยจันทน์ 18/7 แยก 1 นะครับ ซึ่งซอยนี้เชื่อมต่อไปถึงซอยจันทน์ 24 หรือซอยเย็นจิตได้ด้วย ดังนั้นทางเข้าออกโครงการนี้จึงเข้าได้ทั้ง 2 ทาง ปัจจุบันตัวโครงการเริ่มทำการก่อสร้างแล้วนะครับ ส่วนสำนักงานขายนั้นจะไปอยู่ที่ถนนเจริญราษฎร์ ใช้สำนักงานขายเดียวกับ The Key สาทร-เจริญราษฎร์ ตรงข้ามกับที่ตั้งโครงการ The Room สาทร-เซนต์หลุยส์ คือสำนักงานเขตสาทร เวลาจะติดต่องานราชการของเขตนี้ก็สะดวกเลย ออกจากจันทน์ 18/7 แยก 1 แล้วเราไปดูในซอยเซนต์หลุยส์กันต่อครับ ในซอยก็เป็นถนนสองเลนตลอดสาย สองฝั่งถนนมีร้านค้า ร้านอาหารเพียบครับ จัดว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ บรรยากาศตอนเช้าๆ และช่วงเย็น การจราจรในซอยจะติดมากหน่อย เพราะในซอยนี้รวมเอาตลาดสด และโรงเรียนใหญ่ๆ ไว้ในซอยเดียวกันเลย ช่วงเช้าถ้าจะรีบไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ก็อาจจะต้องพึ่งพี่วินมอเตอร์ไซค์เพื่อทำเวลากันหน่อย โรงเรียนพาณิชย์อยู่ติดกับตลาดสดเลยครับ เช้าๆ นี่คึกคักจนรถติดเอาเรื่องอยู่ เพราะมีคนมาจับจ่ายซื้อของกันมากมาย ที่เดินในภาพเป็นรถสองแถวสาย 1256 ครับ วิ่งผ่านตลอดซอยแล้วไปสุดสายที่สถานีรถไฟฟ้าตากสินนู่นเลย ถ้าไม่ใช้รถส่วนตัวก็มีรถสองแถวนี่แหละครับเป็นที่พึ่งในการเดินทางที่ประหยัดมากๆ บรรยากาศตอนสายๆ ครับ จะเห็นว่ามีรถเยอะพอสมควรเลย ตลาดเช้ายังไม่วายดี ตรงนี้เป็นแหล่งซื้อหาอาหารที่สำคัญแห่งหนึ่งของคนในย่านนี้ครับเพราะมีของอร่อยๆ เพียบ ลึกเข้ามาในซอยเซนต์หลุยส์ก็จะเห็นว่ามีร้านขายของเต็มไปหมด ทั้งคลินิค ร้านขายยา ร้านขายอะไหล่รถ ร้านอาหารริมทาง รวมไปถึงธนาคารสาขาย่อยก็มีมาเปิดในซอยนี้อีกหลายเจ้า รถราในซอยจึงมีมากตลอดทั้งวัน ช่วงกลางๆ ซอยจะเป็นถนนวันเวย์นะครับ เป็นบล็อคเล็กๆ ให้เดินรถทางเดียวเพื่อแยกไปออกถนนสาทร และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ได้ เราเลี้ยวตามทางวันเวย์มาเรื่อยๆ จะเห็นว่าถนนจะแคบลงเล็กน้อย แถมยังมีร้านค้าที่เปิดกันมานานอีกเลยมีรถจอดริมถนนบ้าง การจราจรในซอยอาจจะติดขัดบ้างเป็นบางครั้ง ช่วงถนนวันเวย์สั้นๆ ในซอยเซนต์หลุยส์ซึ่งเต็มไปด้วยร้านเก่าแก่อย่างที่บอกนี่แหละครับ มาถึงตรงนี้ ถ้าเลี้ยวขวาตามทางวันเวย์ไปก็จะกลับไปออกถนนจันทน์เหมือนเดิม หรือแยกไปออกถนนนราธิวาสราชนครินทร์ซอย 10 ก็ได้เช่นกัน แต่เราจะเลี้ยวซ้ายไปออกถนนสาทรกันครับ เลี้ยวมาแล้วบรรยากาศโดยรอบก็จะคล้ายๆ กันครับ มีร้านค้าเต็มสองข้างทาง เป็นย่านชุมชนที่อยู่กันอย่างเหนียวแน่นมายาวนานมาก โรงเรียนอัสสัมชัญประถม อีกหนึ่งโรงเรียนใหญ่ที่แทรกตัวอยู่ในซอยเซนต์หลุยส์กับเค้าด้วย ช่วงเช้าและเย็นถนนบริเวณหน้าโรงเรียนไปจนออกถนนสาทรจะถูกปรับให้เดินรถทางเดียวนะครับ ใครที่จะออกสาทรก็ต้องเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ข้างโรงเรียนไป ซึ่งมีคุณตำรวจจราจรคอยควบคุมการจราจรอยู่ทุกวัน ร้านค้าใกล้ๆ โรงเรียนนอกจากร้านอาหาร และร้านขายขนมแล้ว พวกติวเตอร์ สถาบันกวดวิชาก็เรียงแถวกันมาด้วย คงพอจะนึกภาพออกแล้วใช่มั้ยครับว่าช่วงเปิดเรียนรถในซอยนี้จะติดหนักแค่ไหน พอใกล้จะออกถนนสาทร เราก็จะเห็นคอนโดอีกหนึ่งโครงการใหญ่ของ SC Asset นั่นคือ Centric สาทร-เซนต์หลุยส์ ซึ่งอยู่ค่อนมาทางซอยสาทร 11 นะครับ โครงการนี้สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว ใครที่สนใจเดี๋ยวไว้รอดูรีวิวโครงการกันอีกทีครับ ช่วงปากซอยสาทร 11 จะมีคิวรถสองแถวจอดรถรับคนด้วย ซึ่งก็เป็นสายเดียวกับที่วิ่งไปรถไฟฟ้าสถานีตากสินนั่นแหละครับ เพียงแต่ขากลับมาจะมีคิวรถรอรับคนตรงนี้อีกช่วงหนึ่ง นอกจากคิวสองแถว ก็มีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย ซึ่งหัวมุมถนนด้านนี้จะเป็นอาคารสำนักงานของ AIA นะครับ สร้างใกล้จะเสร็จแล้ว อีกหน่อยผู้คนคงมากมายขึ้นอีกหลายเท่า เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาทรมาแล้ว บรรยากาศริมถนนช่วงนี้ยังคงคึกคักนะครับ เพราะยังใกล้โรงเรียนอยู่ และก็ยังอยู่ติดกับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์อีกด้วย จึงมีทั้งร้านสะดวกซื้อ และหาบเร่แผงลอยเต็มไปหมด ซ้ายมือนี่แหละครับ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ซึ่งมีวิทยาลัยการพยาบาลอยู่ด้วย บอกแล้วว่าย่านนี้โรงเรียนน้อยใหญ่เต็มไปหมด ที่เห็นถนนโล่งๆ นี่เราเดินทางมากันช่วงบ่ายนะครับ ปริมาณรถบนถนนเลยน้อยหน่อย เลยจากโรงพยาบาลมาอีกหน่อย ก็จะถึงรถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์แล้ว ซึ่งสถานีนี้ก็มีความสำคัญมากพอตัวเลย เพราะใกล้ทั้งโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และอาคารสำนักงานใหญ่ๆ อย่าง Thai CC Tower และยังเชื่อมต่อกับโรงแรม Eastin อีก รถราและผู้คนบริเวณรอบสถานีนี้จึงมากเป็นพิเศษครับ เลยตัวสถานีรถไฟฟ้ามานิดก็จะถึงแยกสุรศักดิ์กันแล้วครับ ถ้าตรงต่อไปก็ขึ้นสะพานตากสินข้ามไปฝั่งธนบุรีได้ หรือจะไปเข้าถนนเจริญกรุงก็ได้อีกเช่นกัน ส่วนใครที่ต้องการขึ้นทางด่วนก็เลี้ยวซ้ายเลยครับ เจอด่านทางด่วนทันทีเลย ตรงหัวมุมแยกสุรศักดิ์มีอีกหนึ่งโครงการของ Land and House ซึ่งยึดพื้นที่ทำเลทองบนถนนสาทรสร้างโครงการ The Bangkok สาทร คอนโดหรูติดรถไฟฟ้าที่เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่ต้องการคอนโดติดรถไฟฟ้าและมีงบประมาณมากพอ ทางเข้าสำนักงานขายของโครงการ The Bangkok สาทรครับ ดูหรูหราสมราคามาก ซึ่งเราจะหาโอกาสเข้าไปเก็บรีวิวตัวโครงการมาให้ชมกันในโอกาสต่อไปนะครับ ยังไงก็รอติดตามกันได้ พอผ่านมาถึงแยกสุรศักดิ์ เลี้ยวซ้ายไปก็เข้าถนนเจริญราษฎร์ วนกับไปบรรจบกับแยกถนนจันทน์อีกครั้ง นี่แหละครับบรรยากาศคร่าวๆ ของทำเลในย่านนี้ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนคงกำลังเล็งๆ คอนโดในย่านนี้อยู่แน่ๆ เพราะยังถือว่าเป็นทำเลทองที่นับวันจะเหลือที่น้อยลงเรื่อยๆ และราคาก็ดีดตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราคิดว่าน่าจะพอทำให้ทุกคนเห็นภาพรวมของทำเลสาทร-ถนนจันทน์ได้ไม่มากก็น้อย ส่วนตัวโครงการต่างๆ ที่อยู่ในย่านนี้ไว้เราจะเข้าไปเก็บรายละเอียด และรีวิวกันให้เห็นชัดๆ อีกครั้ง อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ
The Kith Lite บางกะดี-ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

The Kith Lite บางกะดี-ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

The Kith Lite บางกะดี-ติวานนท์ คอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น โครงการใหม่จาก เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ติดถนนใหญ่ติวานนท์ ใกล้สวนอุตสาหกรรมบางกะดี รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น   700,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร  ประมาณ 25,000 บาท เจ้าของโครงการ  บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด  Low Rise สูง 7 ชั้น 2 อาคาร เนื้อที่ทั้งหมด   4 ไร่ ที่จอดรถทั้งหมด  ประมาณ 60% ที่ตั้งโครงการ  ถนนติวานนท์ ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี ค่าบำรุงส่วนกลาง  35 บาท/ตารางเมตร ปีที่สร้างเสร็จ  ปี 2558 ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น G มี 24 ยูนิต ชั้น 2-7 จะมี 25 ยูนิตต่อชั้น อาคาร B แปลนอาคารจะคล้ายๆ กับอาคาร A นะครับ ชั้น G มี 24 ยูนิต ตั้งแต่ชั้น 2-7 จะมี 25 ยูนิตต่อชั้น สถานที่สำคัญใกล้เคียง สวนอุตสาหกรรมบางกะดี 600 เมตร ตลาดน้ำวัดมะขาม 3 กิโลเมตร ทางด่วนอุดรรัถยา 3.4 กิโลเมตร มหาวิทยาลัยปทุมธานี 3.2 กิโลเมตร Riverdale golf club  1.3 กิโลเมตร ตลาดพูนทรัพย์ 2 กิโลเมตร ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 28.30 - 36.30 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำระบบเกลือ แยกสระเด็ก/ผู้ใหญ่ ฟิตเนส – ห้องออกกำลังกายภายในคลับเฮ้าส์ สวนบนพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ พร้อมลานสันทนาการ ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยคีย์การ์ด แยกตัวอาคาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ช.ม. ลิฟท์โดยสารจำนวน 2 ตัว/อาคาร พื้นที่จอดรถยนต์และจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1775 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.sena.co.th
333 Riverside : รีวิวคอนโด

333 Riverside : รีวิวคอนโด

วันนี้เรายังคงวนเวียนอยู่ในย่านเตาปูน บางโพ เพราะแถวนี้มีคอนโดโครงการใหม่ผุดขึ้นหลายโครงการเลยครับ คราวนี้จะพาไปดูโครงการ 333 Riverside คอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา จาก Land & House โครงการนี้น่าสนใจทีเดียวครับ นอกจากจะอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้วิวสวยๆ แล้ว ยังอยู่ติดกับตัวสถานี MRT บางโพอีกต่างหาก   การเดินทาง สำหรับการเดินทางสามารถมาได้จากหลายเส้นทางนะครับ ไม่ว่าจะมาจากทางพระราม 5 เข้าถนนพิบูลย์สงคราม ก่อนจะมาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 1 หรือจะมาจากทางประชาชื่น วงศ์สว่าง ก่อนจะเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตรงเข้าบางโพ อีกฝั่งก็จะมาจากทางด้านสามเสน ผ่านแยกเกียกกาย เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 1 ไปเลี้ยวซ้ายที่แยกบางโพ ก็ถึงตัวโครงการแล้วครับ   แต่เมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางจะสะดวกขึ้นอีกเยอะเลยครับ เพราะทางขึ้นสถานีบางโพจะตั้งอยู่หน้าโครงการเลย สามารถเดินออกจากโครงการแล้วขึ้นรถไฟฟ้าได้ทันที ไม่ต้องต่อรถให้เสียเวลา โครงการจะตั้งอยู่สุดถนนประชาราษฎร์สาย 2 ใกล้ๆ กับท่าเรือบางโพ (แต่ตอนนี้ปิดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า) เลยแยกบางโพมานิดหน่อย ตัวสถานีรถไฟฟ้าบางโพจะตั้งอยู่เยื้องๆ กับโครงการนะครับ ไม่ได้ตั้งอยู่หน้าโครงการเลย แต่บันไดขึ้นลงสถานีจะมาอยู่หน้าทางเข้าโครงการพอดี ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว วันนี้เราขอเริ่มต้นจากถนนพิบูลย์สงคราม บริเวณใกล้ๆ โรงเรียนสตรีนนทบุรี เลยมาจะเจอมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เลยจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มาจะเจอแยก ให้เลี้ยวขวาไปทางบางโพ ตามป้ายเลยครับ จากนั้นขับตรงไปทางบางโพ มาจนถึงแยก ให้เลี้ยวขาวอีกครั้งเพื่อเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 1 จากนั้นตรงมาจนถึงแยกบางโพ จะสังเกตเห็นรางรถไฟฟ้าอยู่ข้างหน้า ตรงนั้นแหละครับคือรถไฟฟ้าสถานีบางโพ ให้ไปเลี้ยวขวาที่แยกบางโพได้เลยครับ เลี้ยวขวาเข้ามาแล้ว จะเห็นสถานีบางโพกำลังก่อสร้างอยู่ข้างบน ถึงทางเข้าโครงการแล้วครับ เลี้ยวขวาเข้าไปได้เลยยย ทางเข้าสำนักงานขายดู Luxury สมกับเป็นคอนโดหรู วิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากสำนักงานขาย ท่าเรือบางโพที่อยู่ใกล้โครงการ แต่ตอนนี้ปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อหลีกทางให้การก่อสร้างรถไฟฟ้า และอีกหนึ่งเส้นที่คือจากถนนประชาชื่น บริเวณแยกประชานุกูล หน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น มุ่งหน้าไปทางเตาปูน แล้วไปเลี้ยวขวาที่แยกประชาชื่น หน้าโลตัส เตาปูน เข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตรงไปผ่านแยกบางโพก็ถึงโครงการ หรือใครมาทางด่วนศรีรัช ฝั่งขาออก มาลงรัชดาภิเษก ลงมาแล้วมาเลี้ยวซ้ายที่แยกประชานุกูล เข้าถนนประชาชื่น ก็มาเส้นทางนี้ได้เหมือนกันนะครับ เริ่มจากแยกประชานุกูล ตรงหน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น เลยนะครับ จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาชื่น ขับมาจนถึงแยกประชาชื่น ก่อนจะถึงแยกจะเห็นโลตัส ประชาชื่น หรือที่คนแถวนี้เรียกว่าโลตัส เตาปูน อยู่ด้านซ้ายมือ ถึงแยกให้เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปทางบางโพ ตามป้ายเลยครับ เลี้ยวขวามานิดหน่อย ก็จะเจอ MRT สถานีเตาปูน Interchange จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ไปจนถึงแยกบางโพ ใกล้ถึงแยกบางโพแล้วให้ชิดขวาไว้นะครับ เพราะทางที่เราจะตรงไปจะเบี่ยงออกไปทางขวาหน่อย เพื่อหลบการก่อสร้างรถไฟฟ้า ไฟเขียวแล้วก็ตรงเข้าไปเลยครับ ทางอาจจะแคบหน่อย เพราะติดงานก่อสร้างรถไฟฟ้า วิเคราะห์ตัวโครงการ โครงการ 333 Riverside เป็นคอนโด High Rise 2 อาคาร อาคาร A สูง 41 ชั้น อาคาร B สูง 42 ชั้น และอาคาร Low Rise สูง 4 ชั้น อีก 1 อาคาร ตัวโครงการจะตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำมากที่สุดคืออาคาร Low Rise 4 ชั้น หรือที่เรียกว่า Villa ส่วนอาคาร High Rise ทั้ง 2 อาคารจะล่นระยะเข้ามาอีก โดยอาคาร A ห้องฝั่งทิศตะวันตกจะหันหน้าไปทางถนนจรัญสนิทวงศ์ได้วิวแม่น้ำเต็มๆ แต่ก็จะได้รับแดดในตอนบ่ายเต็มๆ เหมือนกัน ส่วนอีกฝั่งทิศตะวันตกเป็น City View หันไปทางบางโพ เตาปูน ฝั่งนี้จะได้รับแดดตอนเช้า ส่วนอาคาร B แยกออกไป 2 ฝั่งมีช่องตรงกลางเป็นรูปสามเหลี่ยม ห้องฝั่งที่ได้วิวแม่น้ำจะหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หันไปทางเกียกกาย โรงพยาบาลยันฮี ฝั่งจรัญฯ ส่วนห้องอีกฝั่งจะหันไปทางทิศเหนือ ทางวงศ์สว่าง สะพานพระราม 7 เรื่องสภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการยังคงเป็นอาคารพาณิชย์ ร้านอาหารเล็กๆ ฝั่งตรงข้ามโครงการจะมีโรงเรียนทหารพลาธิการ และมีโรงพยาบาลบางโพอยู่ใกล้ๆ ส่วนซูปเปอร์มาร์เก็ตก็จะมีโลตัส เตาปูนและบิ๊กซี วงศ์สว่าง ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่อาจจะไม่ต้องไปไกลถึงโลตัส บิ๊กซีก็ได้นะครับ เพราะพื้นที่ว่างหน้าโครงการอาจจะเปลี่ยนคอมมูนิตี้ มอลล์ ในอนาคต บันไดทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าทอดมาถึงหน้าโครงการ ที่ชั้น 1 จะเป็น Lobby แยกของแต่ละอาคาร มีลิฟท์โดยสารอาคารละ 3 ตัว และที่จอดรถใต้อาคารตั้งแต่ชั้น 1-4 ประมาณ 800 คัน Facility หลักของโครงการจะอยู่ชั้น 5 ทั้งสระว่ายน้ำ แยกสระเด็ก ที่อยู่เยื้องๆ มาทางอาคาร A ฟิตเนส สวนสีเขียวที่อยู่หน้าอาคาร B และเป็นชั้นที่เริ่มมีห้องพักอาศัย บริเวณ Facility บนชั้น 5 ฟิตเนส หันหน้าออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา Reading Room วิวแม่น้ำ Villa สูง 4 ชั้น จำนวน 16 ยูนิต จะเป็นส่วนที่อยู่ใกล้แม่น้ำมากที่สุด แต่นี้ขายหมดไปเรียบร้อยแล้วครับ อาคาร A ชั้น 5 นอกจากจะเป็นชั้นที่มี Facility แล้วยังเป็นชั้นที่เริ่มต้นของห้องพักอาศัย มีทั้งหมด 12 ยูนิต ส่วนชั้นที่ 6 - 41 เฉลี่ย 13 ยูนิตต่อชั้น อาคาร B ชั้น 5-6 มี 11 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้น 7 - 42 เฉลี่ย 12 ยูนิตต่อชั้น พาชมห้องตัวอย่าง แบบห้องของโครงการจะมีทั้งหมด 3 แบบ คือ 1 ห้องนอน ขนาด 45.50 – 51.10 ตารางเมตร แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 83.20 – 94.10 ตารางเมตร และแบบ Villa ขนาด 141.70 – 192.70 ตารางเมตร แต่ห้องตัวอย่างที่โครงการเตรียมไว้ให้ดูจะมี 2 แบบ คือ 1 ห้องนอน ขนาด 45.8 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 85.7 ตารางเมตร เรามาดูแบบ 1 ห้องนอนกันก่อนนะครับ เนื่องจากวันที่เราเข้าไปทำการรีวิว มีผู้สนใจมาชมห้องตัวอย่างอยู่หลายคน เราเลยไม่ได้ภาพแบบ 1 ห้องนอนมาด้วย เลยจะขอใช้ภาพของโครงการอธิบายแทนนะครับ เมื่อเข้าไปในห้องแล้วจะเจอกับส่วนของครัวและโต๊ะทานอาหารที่อยู่หน้าห้องก่อนเลย ถัดเข้าไปจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียง ส่วนห้องนอนจะได้ห้องนอนขนาดใหญ่เลยครับ วางเตียง 5-6 ฟุต ได้สบายๆ ห้องน้ำทางโครงการตกแต่งให้สวยงามด้วยกระเบื้องโมเสค แบบห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 45.8 ตารางเมตร เข้าไปในห้องจะเห็นส่วนของครัวอยู่ทางขวามือก่อนนะครับ เลยจากโต๊ะทานอาหารเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area ห้องนอน แบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาดห้องจะกระโดดมาเป็น 85.7 ตารางเมตร เข้าห้องมาแล้วจะเจอกับโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งก่อนเลย ส่วนครัวจะเป็นแบบปิดอยู่ด้านขวาสุดของห้อง ส่วน Living Area จะอยู่เลยมาจากโต๊ะทานอาหาร ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงขนาดใหญ่ ทางเดินเข้าไปที่ห้องนอนจะผ่านห้องนอนเล็กก่อนนะครับ ห้องนอนเล็กนี่สามารถวางเตียงได้ขนาดประมาณ 3 ฟุตเห็นจะได้ ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำห้องแรก มาถึงสุดทางเดินจะเป็นห้องนอนใหญ่ ภายในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำอีก 1 ห้อง แบบห้อง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 85.7 ตารางเมตร ที่นี่จะใช้ระบบ Digital Door Lock นะครับ ที่หน้าห้องจะมี Mail Box ติดอยู่ด้วย ไม่ต้องคอยลงไปเปิดดู Mail Box ข้างล่างอีกแล้ว ตู้เก็บของขนาดใหญ่อยู่หน้าประตู เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน อยู่ที่หน้าห้องก่อนนะครับ ส่วนด้านขวาสุดเป็นห้องครัว เดี๋ยวไปดูในครัวกันต่อเลย ครัวจะเป็นแบบปิดนะครับ กั้นด้วยประตูประจกบานเลื่อน ด้านที่ติดกับโต๊ะทานอาหารจะทำเป็นกระจกมองจากครัวออกไปด้านนอก ทำให้ในครัวดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นเคาน์เตอร์ยาวมีพื้นที่ทำอาหาร เตรียมอาหาร ได้เยอะทีเดียว ด้านล่างจะเป็นช่องลิ้นชักเก็บของ ที่วางไมโคเวฟ และที่เห็นแวบๆ มุมซ้ายสุดคือเครื่องซักผ้า ต่อออกมาจากครัวจะเป็นที่ว่างแบบนี้อยู่ จริงๆ แล้วถ้าเอาเครื่องซักผ้ามาวางตรงนี้น่าจะใช้งานได้สะดวกกว่านะครับ คอมเพรสเซอร์แอร์จะวางอยู่ด้านนอก หันหน้าออกนอกห้องแบบนี้ ประตูกระจกบานเลื่อนกั้นระหว่างครัวกับระเบียงเล็กๆ ที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์เมื่อกี้ เข้ามาดูด้านในกันต่อนะครับ ต่อไปเป็นส่วนของ Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ประมาณนี้นะครับ ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ระเบียงที่ได้ก็ใหญ่สมควรนะครับ ที่สำคัญระเบียงจะโล่งไม่มีคอมเพรสเซอร์แอร์วางเกะกะอยู่ด้วย ทางเดินเข้าไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้อง เจอชั้นวางของหน้าห้องก่อนเลย เราแวะมาดูที่ห้องนอนเล็กกันก่อนนะครับ เตียงของห้องตัวอย่างที่โครงการทำไว้ให้ดูจะเป็นเตียง Built-in ขนาดจึงพอดีกับตัวห้องแบบที่เห็น ขนาดก็จะพอๆ กับเตียง 3 ฟุต โต๊ะนั่งทำงานข้างๆ เตียง นั่งกับพื้นเลย ดีไซด์น่ารักดีนะครับ ฝั่งตรงข้ามกับห้องนอนเล็ก จะเป็นห้องน้ำห้องแรก อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มีตู้เก็บของอยู่ข้างๆ ให้ด้วย ผนังห้องน้ำด้านที่ติดอ่างล่างหน้าจะตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค เพิ่มความหรูหราขึ้นไปอีก กระจกเงาขนาดพอดีกับอ่างล่างหน้า โถสุขภัณฑ์ Shower Box จะกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ มี Rain Shower ให้ด้วยนะครับ มาดูที่ห้องนอนใหญ่ต่อนะครับ ห้องนอนใหญ่วางเตียง 5-6 ฟุตแล้วยังมีที่ว่างรอบๆ เตียงเหลือให้ทำอย่างอื่นอีกเยอะเลย ชั้นวางทีวีที่ปลายเตียง หรือใช่ทีวีแบบแขวนก็ได้เช่นกัน ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่าง ทางโครงการ Built-in Daybed ไว้นั่งชมวิวที่ริมหน้าต่าง ให้ดูเป็นไอเดียด้วย หน้าต่างจะเป็นบานฟิก และมีบานกระทุ้งให้ 1 บาน ข้างเตียงอีกฝั่งจะเป็นโต๊ะข้างเตียงวางติดอยู่กับตู้เสื้อผ้า ต่อไปจะเป็นห้องน้ำอีกห้องที่อยู่ในห้องนอนใหญ่ การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ห้องน้ำห้องนี้จะใหญ่กว่าห้องแรกนะครับ อ่างล้างหน้าและตู้เก็บของ ขนาดของ Shower Box ถือว่ากว้างพอสมควร อาบพร้อมกัน 2 คนได้สบายเลยครับ อิอิ ^_^ ห้องนี้ก็มี Rain Shower ให้เหมือนกันนะครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน ที่ตั้งของโครงการ 333 Riverside ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีเลยทีเดียวครับ เพราะตัวโครงการที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาและรถไฟฟ้าสถานีบางโพ แถมยังอยู่ในย่านชุมชน ใกล้ตลาดสด โรงพยาบาล และโรงเรียน ซึ่งเหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่พักอาศัยเกาะแนวรถไฟฟ้า และอยู่ไม่ห่างจากความเจริญมากนัก ซึ่งในอนาคตทำเลย่านนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะนอกจากรถไฟฟ้าที่เข้ามาในย่านนี้แล้ว ยังมีรัฐสภาแห่งใหม่ที่กำลังอยู่ก่อสร้างอยู่อีกด้วย ส่วนการซื้อเพื่อลงทุนสำหรับการปล่อยเช่า อาจจะต้องคิดกันหนักหน่อยนะครับ เนื่องจากห้องมีขนาดใหญ่ เริ่มต้นที่ 45 ตารางเมตร ราคาต้นทุนจึงอาจจะสูงตามไปด้วย แถมตัวโครงการยังอยู่ห่างไกลจากแหล่งธุรกิจใจกลางเมือง ขณะที่การซื้อเพื่อขายต่อในอนาคตอาจจะมีโอกาสที่ดีกว่า เพราะอย่างที่บอกนะครับว่าศักยภาพของทำเลในย่านนี้มีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต แต่อย่างไรก็ดีผู้ลงทุนควรศึกษาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ให้รอบคอบก่อนการลงทุนด้วยนะครับ
The Lumpini 24 : รีวิวคอนโด

The Lumpini 24 : รีวิวคอนโด

The Lumpini 24 เป็นคอนโดระดับ High End   ในเครือ LPN ซึ่งยึดทำเลสุดฮ็อตย่านสุขุมวิท โดยชื่อ The Lumpini 24 ก็มาจากที่ตั้งโครงการที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 24 นั่นเอง แค่เริ่มเปิดตัวโครงการมาก็มียอดจองล้นหลามจะเกือบจะเต็มทุกยูนิตแล้ว เราจึงเข้าไปเก็บข้อมูลทั้งเรื่องทำเล และตัวโครงการมาฝากกันครับ   การเดินทาง   การเดินทางมายังโครงการ The Lumpini 24 ก็ไม่ใช่เรื่องยาก สามารถเลือกเดินทางได้ทั้งทางรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีพร้อมพงษ์ แล้วตรงเข้าซอยสุขุมวิท 24 ไปยาวๆ ซัก 1 กิโลเมตรก็จะเห็นตัวโครงการอยู่ตรงสี่แยกตัดกับถนนเรารักในหลวงพอดี การเดินทางเข้าออกซอย นอกจากจะเดินด้วยสองเท้า (ซึ่งปกติคนไทยแบบเราๆ ไม่เลือกเดินอยู่แล้วมั้งครับสำหรับระยะทางประมาณนี้) ก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เป็นทางเลือกที่สะดวกรวดเร็วสุดๆ ซึ่งก็มีทั้งวินที่อยู่หน้าโครงการ และหน้าปากซอยสุขุมวิท 24 พอดีลงรถไฟฟ้าปุ๊ปก็ต่อรถได้ปั๊ปเลยไม่ต้องเสียเวลา   ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวในทำเลแถบนี้ต้องทำใจกับปัญหารถติดไว้เลยครับ เพราะถนนสุขุมวิทตรงช่วงซอย 20 ต้นๆ นี้การจราจรหนาแน่นเกือบตลอดเวลาเลยทีเดียว แม้แต่ภายในซอยเล็กซอยน้อยที่เชื่อมโยงถึงกันด้วย เส้นทางหลีกเลี่ยงไปออกถนนพระราม 4 ก็แทบไม่ต่างกัน เพราะอยู่ในช่วงถนนที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนพระราม 4 ไปยังถนนสุขุมวิท รวมถึงเส้นทางเชื่อมจากซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคี่ ก็ไปออกถนนเพชรบุรีได้อีก รถราบริเวณนี้เลยขวักไขว่มากมายจนเป็นเรื่องปกติไปเลยครับ เส้นทางหลักๆ ที่ใช้เข้าออกโครงการก็น่าจะเป็นทางฝั่งสุขุมวิท 24 และซอยอรรถกวีจากทางฝั่งพระราม 4 ส่วนเส้นทางในซอยก็สามารถลัดไปออกได้ทั้งซอยสุขุมวิท 16, 22, 26 และ 36 ตรงทองหล่อได้ด้วย ถ้าชำนาญเส้นทางแถวนี้หน่อยก็สบายไปเลยครับ ซอยเล็กซอยน้อยเชื่อมต่อกันเพียบ   ข้อเสียอีกอย่างสำหรับคนใช้รถส่วนตัวเป็นหลักก็คือ ทำเลของโครงการอยู่ไกลจากด่านขึ้นลงทางด่วน ถึงแม้จะมีด่านทางด่วนอยู่รอบๆ ทั้งด่าน พระราม 4 เอกมัย-รามอินทรา, ด่านสุขุมวิท 50 หรือด่านตรงเพลินจิตก็ตาม ยังไงก็ต้องฝ่าการจราจรออกมาอีกพอสมควร แต่โดยรอบพื้นที่รอบๆ โครงการก็มีสาธารณูปโภคครบครันมากๆ อยู่แล้ว ถ้าหากไม่ได้จำเป็นต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ระแวกนี้ ทำเลของโคงการ The Lumpini 24 ก็จัดว่าสะดวกมาก แผนที่โครงการ แผนที่รอบๆ โครงการ สำหรับการเดินทางที่สะดวกที่สุดในย่านนี้ก็ต้องยกให้รถไฟฟ้า BTS นี่แหละครับ สถานีที่อยู่หน้าปากซอยเลยก็คือสถานีพร้อมพงษ์ ถ้าพูดถึง BTS พร้อมพงษ์หลายคนก็ต้องนึกถึง Emporium ที่อยู่หน้าปากซอยสุขุมวิท 24 ข้างๆ กันก็จะเป็นสวนเบญจสิริ สวนสาะารณะแห่งเดียวในย่านนี้ ที่ถือว่าเป็นปอดของคนในย่านนี้เลยก็ว่าได้นะครับ ส่วนการเดินทางเข้าซอยเมื่อลง BTS มาแล้วก็มีพี่วินคอยให้บริการอยู่ครับ บรรยากาศที่หน้าปากซอยก็จะมีร้านค้า ร้านอาหาร คอยให้ฝากท้องอยู่หลายร้านเลยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายข้าวแกง ร้านขายข้าวมันไก่จะซื้อกลับหรือนั่งทานที่ร้านก็ได้ ร้านค้ารถเข็นริมฟุตบาท ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ง่ายๆ เลยครับ วิ่งถนนสุขุมวิทมาเรื่อยๆ จนถึงพร้อมพงษ์แล้วก็เลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 24 จุดสังเกตเด่นที่สุดก็คงจะเป็นสถานีรถไฟฟ้านี่แหละครับ เดี๋ยวเราเข้าไปดูบรรยากาศในซอยกันเลยนะครับ การจราจรบริเวณปากซอยจะติดขัดนิดนึงนะครับ เพราะมีรถเข้าออกซอยค่อนข้างมาก เลยจากปากซอยมานิดหน่อยก็จะเจอโรงแรม Hilton Sukhumvit บรรยากาศในซอยจะคึกคักมากเลยนะครับ เพราะมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร คอนโด ขึ้นเยอะมาก วิเคราะห์ตัวโครงการ ด้วยทำเลที่ตั้งโครงการที่ค่อนข้างได้เปรียบมากๆ เพราะอยู่ในตำแหน่ง CBD ของกรุงเทพ ถนนสายหลักๆ คือถนนสุขุมวิท ย่านใจกลางธุรกิจสำคัญของกรุงเทพ แวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านค้าร้านอาหารชื่อดัง อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย โรงเรียน และสวนสาธารณะใหญ่ เรียกว่าครบถ้วนพร้อมสรรพไปทุกด้าน ยกตัวอย่างเด่นๆ ที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตรรอบโครงการก็ได้แก่ ห้าง Emporium, Emquartier ที่กำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้ โครงการK Village, ห้าง Big C, Tesco Lotus, โครงการ Nihonmachi  และ โครงการ A Square อันนี้คือตัวอย่างแค่คร่าวๆ เท่านั้น ยังไม่นับรวมถึงร้านอาหารยอดฮิต โรงเรียนสถานศึกษาชื่อดัง โรงแรมใหญ่ๆ หรือ Residence หรูในซอยระแวกนี้อีกมากมาย หรือถ้าออกไปทางฝั่งถนนรัชดาภิเษก ก็มีสวนสาธารณะเบญจกิตติ และศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อีก ถึงได้บอกว่าทำเลย่านนี้เป็นทำเลทองจริงๆ ครับ มาถึงตัวโครงการ The Lumpini 24 กันบ้าง ถึงแม้จะอยู่ภายใต้แบรนด์ LPN ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่สำหรับคอนโด High Rise โครงการนี้ต้องบอกว่าต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งหน้าตาของอาคาร และแนวทางการออกแบบที่ทำออกมาได้หรูหรา โดดเด่นมาเลยทีเดียว เน้นความเป็นส่วนตัวโดยแบ่งจำนวนยูนิตในแต่ละชั้นไว้น้อย ซึ่งจำกัดสูงสุดที่ 12 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น การวางตำแหน่งห้องเป็นไปตามรูปแบบตึกที่ฉีกออกไปเป็น 2 ฝั่ง หันหน้าออกไปแนวทิศตะวันออกและตะวันตก  โดยมีโถงลิฟท์โดยสารอยู่ตรงกลาง ซึ่งทางโครงการก็จัดลิฟท์โดยสารมาให้ 4 ตัว และลิฟท์ขนของแยกออกมาอีก 1 ตัว เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตรวมที่ 400 นิดๆ ก็ต้องบอกว่าอัตราส่วนในการใช้ลิฟต์เพียงพอต่อการใช้งานสบายๆ เลย เมื่อเราเลือกดูคอนโดสูงๆ แบบนี้ เรื่องวิวก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ใช้ประกอบการเลือกแน่นอน ซึ่งพื้นที่รอบๆ โครงการก็มีคอนโดโครงการอื่นๆ ขึ้นอยู่บ้าง แต่ทางโครงการก็พยายามออกแบบตัวอาคารและรูปแบบการวางตัวให้เลี่ยงปัญหาการถูกบังวิวไว้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเรื่องวิวที่แต่ละห้องจะได้จึงค่อนข้างเปิดกว้างพอสมควร บางมุมก็ถูกอาคารที่อยู่มาก่อนหน้าบังวิวไปบ้าง ยังไงก็ต้องเล็งมุมกันให้ดีๆ หน่อยครับ แต่ถ้าไม่ได้หวังผลกับเรื่องวิวมากนักก็ตัดความกังวลตรงนี้ไปได้มากหน่อย พื้นที่ Facilities อย่างสระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 41 เรียกว่า Sky Pool สามารถคาดเดาได้ว่า เราจะมองเห็นวิวสวยๆ ยามเย็น บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตกคงจะโรแมนติกมากแน่ๆ เพราะตัวสระว่ายน้ำยาวตลอดแนวอาคารเลย นอกจากนี้ที่ชั้น 41 ยังมี Sky Lounge ไว้ให้นั่งเล่นพักผ่อน ถัดขึ้นไปที่ชั้น 42จะเป็น Fitness ที่เปิดรับวิวมุมสูงได้เต็มๆ เช่นกัน สาธารณูปโภคส่วนใหญ่ก็จะรวมตัวกันอยู่ที่ชั้น 41-42 นี่แหละครับ ทั้ง Kid Club, ห้องสมุด และสวนพักผ่อน ฯลฯ ในส่วนของที่จอดรถจะแยกเป็นอาคารออกไปต่างหาก จอดได้ตั้งแต่ชั้น 1-6 จากที่สอบถามแล้วทางโครงการแจ้งว่าสามารถรองรับรถได้มากถึง 70% เลยทีเดียว  ซึ่งเป็นจำนวนที่สมเหตุสมผลกับคอนโดระดับนี้ที่ลูกบ้านส่วนใหญ่คงจะมีรถส่วนตัวกันอยู่แล้ว เรื่องที่จอดรถจึงต้องจัดมามากหน่อยเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แบบจำลองโครงการ ด้านหน้าโครงการฝั่งที่ติดกับถนนสุขุมวิท 24 ด้านหน้าโครงการถือว่าร่มรื่นดีทีเดียวครับ มีทั้งน้ำตก และสวนสีเขียว เริ่มที่ชั้น G นะครับ ชั้น G จะเป็นส่วนของ Lobby , Mail Box, Reception และส่วนของนิติบุคคล หน้าตาของ Lobby เมื่อมองจากด้านนอก ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมีลักษณะเป็นเหมือนชั้นลอยนะครับ เป็นที่ตั้งของ Business Center และ Rental Space ที่น่าจะเป็นร้านค้าต่างๆ ชั้น 3-33 จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพักอาศัยแล้วนะครับ เฉลี่ยแล้วจะมียูนิตอยู่ที่ 12 ยูนิตต่อชั้น โดยแกนกลางของอาคารจะเป็นลิฟท์และบันได ถัดขึ้นมาที่ชั้น 34-39 ยูนิตจะน้อยลงนะครับ จะเหลือประมาณ 8 ยูนิตต่อชั้น เนื่องจากที่ชั้นนี้จะเป็นห้องขนาดใหญ่ ชั้น 41 จะเป็น Facility หลักของโครงการ อย่างสระว่ายน้ำ, Sky Lounges และ Kid Club หน้าตาของสระว่ายน้ำบนชั้น 41 Sky Lounges วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา บนชั้น 41 ส่วน Facility หลักอีกอย่าง คือฟิตเนส จะอยู่ที่ชั้น 42 หน้าตาของฟิตเนส บนชั้น 42 พาชมห้องตัวอย่าง เนื่องจากวันที่เราเข้าไปเยี่ยมชม ทางโครงการไม่มีห้องตัวอย่างให้ดูกันแล้ว ดังนั้นจึงขอยกเอาภาพจำลองห้องของทางโครงการมาให้ดูประกอบกันไปก่อนนะครับ ห้องทั้งหมดทางโครงการขายมาให้แบบ Fully Fitted มีทั้งชุดครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และตู้เสื้อผ้ามาให้ เท่าที่สอบถามก็เห็นว่าเลือกวัสดุอุปกรณ์มาได้มาตรฐานสมกับตัวห้องนะครับ จากแบบก็ดูสวยงามดี ที่เหลือก็ต้องรอดูของจริงกันอีกทีครับ แบบห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนของครัวก่อนนะครับ โครงการจะขายแบบ Fully Fitted จะมีชุดครัวแบบนี้มาให้ เลยเข้าไปข้างในจะเป็นโต๊ะทานอาหาร ที่อยู่ติดกับ Living Area จาก Living Area มองตรงไปจะเจอห้องนอน ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต กำลังดีครับ อยู่ติดกับหน้าต่างที่สูงจรดเพดานห้องเลย ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนนะครับ การจัดวางสุขภัณฑ์ภายในห้องนอน สุขภัณฑ์จะใช้ของ American Standard แบบห้อง 2 ห้องนอน ขนาด 53.50 - 54.00 ตารางเมตร Type นี้เข้ามาแล้วก็จะเจอกับส่วนของครัวที่อยู่หน้าห้องก่อน เหมือนกันนะครับ เลยเข้ามาด้านในจะเป็นโต๊ะทานอาหาร ที่จะอยู่ภายในส่วน Living Area ห้องนอนเล็ก ห้องนอนใหญ่ ห้องนอนใหญ่อีกมุมครับ
The Stage Taopoon Interchange : รีวิวคอนโด

The Stage Taopoon Interchange : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ จะพาทุกคนไปชมเยี่ยมโครงการ The Stage Taopoon Interchange ในเครือของ Real Asset อีกหนึ่งโครงการที่เกาะติดแนวรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน แถมพ่วงด้วยสายสีม่วงเข้าไปอีก เพราะจุดนี้เป็นสถานีเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายพอดี ทำเลนี้เลยเพิ่มระดับความน่าสนใจขึ้นมาได้อีกเยอะเลยทีเดียว   การเดินทาง การเดินทางมายังโครงการ The Stage Taopoon Interchange ของเราในครั้งนี้ เริ่มต้นกันจากถนนประชาชื่นครับ มุ่งหน้ามาทางเตาปูนจนสุดถนน ซึ่งจะตัดกับถนนประชาราษฎร์สาย 2 พอดี ตรงนี้เราจะเริ่มเห็นรางรถไฟฟ้ากันแล้ว จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 2 กันเลย วิ่งตรงข้ามแยกเตาปูนมาอีกหน่อยก็จะเห็นตัวโครงการตั้งอยู่ทางซ้ายมือแล้วครับ การเดินทางด้วยรถยนต์จึงไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ เพราะสามารถเลือกลงทางด่วนรัชดาภิเษก ตรงแยกประชานุกูลแล้ววิ่งมาตามถนนประชาชื่นก็ได้ หรือจะเลือกข้ามสะพานพระราม 7 มาจากฝั่งถนนจรัญสนิทวงศ์ก็ได้เช่นกัน แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็จะเป็นการเดินทางที่พึ่งพาเป็นหลักได้ เพราะช่วยประหยัดเวลาและหลีกเลี่ยงปัญหารถติดได้มาก แถมตัวสถานีรถไฟฟ้าก็อยู่ห่างจากหน้าโครงการไปไม่เกิน 400 เมตร เรียกว่ากำลังเดินได้สบายๆ ครับ แต่ถ้าขี้เกียจเดินหน่อย บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าก็มีวินมอเตอร์ไซค์พร้อมให้บริการอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเดินทางด้วยรถบริการสาธารณะอื่นๆ ก็ค่อนข้างสะดวกเช่นกัน ทั้งรถเมล์ และรถแท็กซี่ เนื่องจากบริเวณแถบนี้มีทั้งโรงเรียน และโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆ รถราจึงมีวิ่งบริการเป็นจำนวนมากอยู่พอสมควรเลยทีเดียวครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ เริ่มจากถนนประชาชื่น บริเวณแยกประชานุกูล หน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น นะครับ ให้ตรงผ่านแยกประชานุกูลไปทางบางซื่อเลยครับ โรงพยาบาลเกษมราษฏร์ ประชาชื่น อีกโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้โครงการ จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาชื่น ขับมาจนถึงแยกประชาชื่น ก่อนจะถึงแยกจะเห็นโลตัส ประชาชื่น หรือที่คนแถวนี้เรียกว่าโลตัส เตาปูน อยู่ด้านซ้ายมือ ถึงแยกแล้วให้เลี้ยวขวา เข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปทางเตาปูน ตามป้าย เลี้ยวขวามานิดหน่อย ก็จะเจอ MRT สถานีเตาปูน Interchange บรรยากาศบนถนนประชาราษฎร์ สาย 2 จะมีคอนโด ขึ้นมาหลายโครงการ ทั้ง Rich Park ที่สร้างเสร็จแล้ว โครงการ ชีวาทัย Interchange และ The Tree Interchange ที่กำลังก่อสร้างอยู่ การเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนการจราจรอาจจะติดขัดสักหน่อยนะครับ จากสถานี MRT เตาปูนมาประมาณ 350 เมตร ก็จะถึงสำนักงานขายโครงการแล้วครับ วิเคราะห์ตัวโครงการ โครงการ The Stage Taopoon Interchange เป็นคอนโด High Rise ตั้งอยู่บนประชาราษฎร์สาย 2 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนมาประมาณ 350 เมตร ก็จะถึงหน้าทางเข้าโครงการ ถ้าดูตามรูปที่ดินของโครงการแล้ว จะเห็นว่าตัวที่ตั้งโครงการจริงๆ จะอยู่ด้านในถัดจากถนนเข้ามาอีกประมาณ 100 เมตร ซึ่งเดิมบริเวณนี้เป็นที่ดินของโรงเรียนเทพสัมฤทธิ์วิทยา ถ้าหากใครที่คุ้นเคยกับทำเลแถบนี้อยู่แล้วก็คงจะนึกภาพตามได้ไม่ยากครับ ด้วยความที่ตัวที่ดินอยู่ถัดเข้ามาด้านใน จึงค่อนข้างลดปัญหาเรื่องมลภาวะทางเสียงไปได้พอสมควรเลยนะครับ เพราะถ้าตัวอาคารที่พักอาศัยอยู่ติดถนนใหญ่ และใกล้กับรางรถไฟฟ้ามากกว่านี้ คงหลีกเลี่ยงเรื่องเสียงรบกวนได้ยาก ในขณะที่พื้นที่รอบๆ โครงการยังเป็นที่พักอาศัยทั้งอาคารพาณิชย์และบ้านเดี่ยวเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีเพื่อนบ้านเป็นตึกสูงของโครงการ The Tree Interchange ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเท่านั้นที่อยู่ในระยะประชิด ยังดีหน่อยที่ลักษณะของที่ดินโครงการบังคับให้ตัวอาคารที่พักอาศัยหันหน้าไปทางทิศเหนือ-ใต้ เลยหมดปัญหากังวลเรื่องตำแหน่งห้องที่จะถูกตึกข้างๆ บดบังวิวไปได้เยอะเลย อย่างที่บอกไปแล้วว่าพื้นที่โดยรอบยังเป็นบ้านพักอาศัยที่อยู่มาก่อนนานแล้ว สภาพแวดล้อมโดยรอบจึงยังคงความเป็นชุมชนอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วก็ตาม อาคารพาณิชย์ริมถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ยังคงมีร้านค้า ร้านอาหาร และธนาคารพาณิชย์ ที่ให้ความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันได้ตามสมควร รวมถึงโรงเรียนเทพสัมฤทธิ์วิทยาที่ยังคงอยู่ทางด้านหลังโครงการ และโรงพยาบาลบางโพที่อยู่ห่างออกไปเพียง 300 เมตรเท่านั้น ในขณะที่ถัดออกไปทางแยกเตาปูนก็มีตลาดสด และห้างโลตัสเตาปูนที่สามารถเป็นที่พึ่งพาให้จับจ่ายซื้อหาข้าวของที่จำเป็นได้ไม่ยาก ทำเลในย่านนี้จึงถือว่าเหมาะกับการอยู่อาศัยพอสมควรเลยทีเดียว บรรยากาศ 2 ข้างทางบนถนนประชาราษฎร์ สาย 2 ยังคงเป็นอาคารพาณิชย์เรียงรายอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง จะมีร้านอาหารอยู่ประปราย อย่างที่เห็นนี่คือร้านข้าวมันไก่ ที่อยู่ใกล้โครงการที่สุด ฝั่งตรงข้ามก็จะมีร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายใบ้ ร้านอร่อยที่อยู้ใกล้ๆ คอนโด เดินเลยมาอีกหน่อยก็จะถึงทางขึ้นรถไฟฟ้า ระยะทางจากโครงการถึง MRT ประมาณ 350 เมตร ถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการแล้ว น่าจะเพิ่มความสะดวกสบายให้คนในย่านนี้ขึ้นเยอะเลยครับ สำหรับตัวโครงการเป็นคอนโดอาคารเดี่ยวสูง 36 ชั้น มียูนิตรวมทั้งหมด 773 ยูนิต โดยส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไป  ในขณะที่พื้นที่ตั้งแต่ชั้น 1-6 จะถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่จอดรถ ซึ่งสามารถรองรับปริมาณรถได้ถึง 447 คันเลยทีเดียว  ถือว่าทางโครงการจัดมาให้เต็มที่มากๆ เมื่อเทียบกับคอนโดแนวรถไฟฟ้าในระดับเดียวกัน พื้นที่ส่วนกลางหลักๆ จะอยู่ที่ชั้น 6-7 มีทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำขนาด 25 x 8 เมตร พื้นที่พักผ่อน รวมถึงห้องสมุด และ Play Room ด้วย ซึ่งจะอยู่รวมกันกับพื้นที่พักอาศัยบนชั้น 7 นั่นเอง ห้องพักบนชั้นนี้จะสะดวกเวลาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางในการออกกำลังกาย แต่ก็ต้องแลกกับเป็นส่วนตัวที่เสียไปบ้างครับ นอกจากนี้ที่พื้นที่บนดาดฟ้าชั้น 36 ยังมีสวนหย่อม และมุมพักผ่อนไว้ให้รับลมชมวิวได้อีกด้วย แต่จะว่าไปแล้วพื้นที่ส่วนกลางที่ทางโครงการจัดสรรมาให้นั้น ออกจะกระทัดรัดไปซักหน่อย ถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตรวมแล้ว สัดส่วนของการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางค่อนข้างหนาแน่นเลยทีเดียว เช่นเดียวกันกับลิฟท์โดยสารที่ทางโครงการจัดไว้ให้ 4  ตัว เฉลี่ยออกมาแล้ว ลิฟต์ 1 ตัว ต่อ 194 ยูนิต นับว่าหนาแน่นเอาเรื่องถึงแม้จะมีลิฟต์ขนของแยกมาต่างหากแต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้นะครับ เพราะอย่างไรการใช้งานก็แยกส่วนกันอยู่ดี ถึงเวลาใช้งานจริง ช่วงเช้าๆ ที่ทุกคนรีบจะออกไปทำงานพร้อมๆ กัน คงต้องรอลิฟต์กันนานหน่อย พ้นจากเรื่องส่วนกลางไปแล้ว เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยภายในโครงการก็เป็นไปตามมาตรฐานเลยครับ ทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการใช้ Key Card ในการเข้าสู่ตัวอาคาร ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานที่เราพอจะคาดเดากันได้ไม่ยาก ภาพมุมกว้าง เมื่อมองจากโค้งน้ำเจ้าพระยา แบบจำลองโครงการ จะเห็นระยะทางที่ตัวโครงการร่นจากถนนเข้าไปประมาณ 100 เมตร ทางเข้าโครงการ ชั้น G จะเป็น Lobby ขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับ Shop อีก 4 Shop และมีที่จอดรถอีกบางส่วน ส่วนที่จอดรถหลักๆ จะอยู่ที่ชั้น 1-6 หน้าตาของ Lobby ที่ชั้น G Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 7 ทั้งสระว่ายน้ำแยกสระเด็ก Reading Room และ Play Room นอกจาก Facility แล้ว ชั้น 7 ก็จะเป็นชั้นที่เริ่มต้นของห้องพักอาศัยด้วยนะครับ ห้องสมุดที่ชั้น 7 สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 8x25 เมตร พร้อมแยกสระเด็ก แบบจำลองบนชั้น 7 ส่วน Fitness จะอยู่ที่ชั้น 8 เป็นชั้นลอยขึ้นมาจาก Facility ที่ชั้น 7 ชั้น 9 - 36 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยประมาณ 26 ยูนิตต่อชั้น Roof Garden บนชั้นดาดฟ้า พาชมห้องตัวอย่าง แบบห้องหลักๆ ของโครงการ The Stage Taopoon Interchange มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ขนาดห้องเริ่มต้นกันที่ 26 ตร.ม. โดยประมาณ ถึงจะเป็นห้องขนาดเล็กสุดของโครงการ แต่ก็มีการจัดวาง Layout ไว้เป็นสัดส่วน เปิดประตูห้องมาก็จะเจอในส่วนของ Living Area ก่อน ถัดเข้าไปจะเป็นพื้นที่ของห้องนอน ซึ่งทางโครงการกั้นประตูกระจกเลื่อนบานใหญ่ไว้ให้เป็นสัดส่วน ส่วนอีกด้านจะเป็นพื้นที่ของห้องครัว และห้องน้ำ  แน่นอนว่าในโซนนี้ก็มีประตูกระจกบานเลื่อนแยกไว้ชัดเจนอีกเหมือนกัน แต่เวลาจะเข้าห้องน้ำจะต้องเดินผ่านห้องครัวก่อนทุกครั้ง ในขณะที่ระเบียงด้านนอกก็มีพื้นที่กระทัดรัด เพียงแค่พอวางเครื่องซักผ้า กับแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ สำหรับห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ชมกัน จะเป็นห้องขนาด 33.2 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน Layout ของห้องนี้จัดมาได้ค่อนข้างน่าสนใจแปลกตา เปิดห้องมาเราจะเจอ Living Area ที่ค่อนข้างกว้างขวางดีทีเดียว พอวางชุดโซฟาไปแล้ว ก็ยังมีที่เหลือสำหรับโต๊ะกินข้าวได้อีกชุด ในห้องตัวอย่างจึงจัดวางโต๊ะกินข้าวไว้ชิดผนังด้านที่ติดกับห้องครัวให้เห็นเป็นไอเดียด้วย การกั้นห้องจะมีลักษณะเป็นผนังทึบ ไม่ใช่ประตูกระจกบานเลื่อนอย่างห้องแบบแรก ซึ่งข้อดีของการกั้นห้องแบบนี้คือ ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ผนังของห้องครัวด้านที่ติดกับพื้นที่นั่งเล่น ถูกเจาะช่องติดกระจกบานใสไว้ส่วนหนึ่ง ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการเปิดรับแสงจากธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะให้ความรู้สึกขาดๆ เกินๆ ไปบ้างเพราะโดยส่วนตัวไม่ค่อยชินกับการออกแบบลักษณะนี้จริงๆ ครับ พื้นที่ห้องครัวจัดไว้เป็นสัดส่วนดี ทั้งประตูบานเลื่อนที่ช่วยป้องกันปัญหากลิ่นรบกวน และประตูระเบียงที่ติดกับห้องครัวก็ช่วยในเรื่องการระบายกลิ่นได้อีกทาง ในขณะที่พื้นที่ของห้องนอนจะจัดสรรพื้นที่ใช้สอยมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว เปิดประตูบานสวิงเข้าไป เตียงนอนจะอยู่ใกล้หน้าต่างที่เป็นกระจกเข้ามุม เปิดรับแสงและวิวได้เต็มที่มากๆ อีกด้านเป็นพื้นที่ของห้องน้ำ และโซนแต่งตัวหน้าห้องน้ำที่ดูแล้วลงตัวดีครับ แบบห้อง Type A 1 ห้องนอน ขนาด 33.20 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ อย่างที่บอกว่า Living Area ที่นี่ค่อนข้างจะกว้างทีเดียว ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาอยู่ราวๆ 3 เมตร สามารถตั้งทีวีจอใหญ่ได้สบายๆ เลยครับ โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ทางโครงการจัดวางไว้ข้างๆ โซฟา ในส่วน Living Area ติดกับผนังครัวที่ทำเป็นช่องกระจกมองเข้าไปเห็นในครัวได้ วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง อาจจะดูเล็กไปหน่อยนะครับ เพราะต้องเผื่อพื้นที่ให้ดต๊ะทานอาหาร ชั้นวางทีวีที่โครงการ Built-in มาให้ดู ดูจากระยะห่างแล้ว คงจะต้องใช้ทีวีจอใหญ่หน่อยครับถึงจะได้อรรถรส เลยเข้ามาด้านใน จะเป็นส่วนครัว ครัวจะเป็นแบบปิดนะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เคาน์เตอร์ครัวจะหน้าตาแบบนี้นะครับ มีช่องวางไมโครเวฟด้านล่าง แต่จะไม่ได้กระจกติดผนังกันเปื้อนแบบในภาพนะครับ เคาน์เตอร์ครัวจะมีซิงค์ล้างจานแบบฝังอยู่ทางขวามือ ทางซ้ายจะเป็นเตาไฟฟ้า ด้านล่างจะเป็นช่องวางไมโครเวฟและตู้เก็บของ ซิงค์ล้างจาน เตาไฟฟ้า 2 หัว ของ Teka มารพ้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ระเบียงจะอยู่ติดกับครัวเลยนะครับ จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน รางและขอบประตูกระจกเป็นอลูมิเนียมสีดำ ขนาดของระเบียงก็จะกว้างประมาณนี้นะครับ จุดที่วางเครื่องซักผ้าอยู่ที่ระเบียง คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่เหนือเครื่องซักผ้า หันหน้าออกนอกระเบียง กลับเข้ามาข้างใน เราจะไปดูที่ห้องนอนกันต่อ ในห้องตัวอย่างกับแปลนห้องหัวเตียงจะสลับด้านกันนะครับ เข้าห้องนอนมาแล้วประตูจะอยู่ด้านปลายเตียง ไม่ใช่หัวเตียงเหมือนในแปลนห้อง ห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตกำลังดีเลยนะครับ มีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลือให้ทำอย่างอื่นได้อีก ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้สะดวก แต่จะวางชั้นวางทีวีก็จะดูแคบไป ควรจะใช้ทีวีแบบแขวนผนังจะดีกว่าครับ หน้าต่างในห้องนอนด้านปลายเตียงจะทำกระจกเข้ามุมไว้ด้วย จะมีบานกระทุ้ง 1 บาน ข้างเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่างเว้นที่ไว้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟสวยๆ ก็โอเคนะครับ ข้างเตียงอีกฝั่งจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่วางอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอน ติดกับตู้เสื้อผ้า การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าของ MOGEN มีมาเฉพาะตัวอ่างนะครับ ไม่มีเคาน์เตอร์และตู้เก็บของด้านล่างให้ ทำให้แทบจะไม่มีที่วางของเลย โถสุขภัณฑ์ก็ของ MOGEN เหมือนกันครับ มีที่แขวนทิชชู่อยู่ด้านข้าง ส่วน Shower Box จะกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดฝักบัวที่ได้ ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนที่ทางโครงการทำห้องตัวอย่างไว้คือ ห้องขนาด 56.1 ตร.ม. ห้องนี้มีพื้นที่กว้างขวางให้ใช้สอยได้ค่อนข้างเหลือเฟือ เปิดประตูเข้าห้องมาจะเป็นพื้นที่โซนกลางห้องที่จัดสรรเป็นส่วนพักผ่อน และมุมรับประทานอาหาร โถงกลางห้องนี้จะโล่งโปร่ง เปิดรับแสงธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เพราะมีระเบียงอยู่ติดกับพื้นที่นั่งเล่นนั่นเอง ส่วนห้องนอนจะแยกออกเป็น 2 ฝั่ง โดยห้องนอนใหญ่จะใช้พื้นที่ด้านหนึ่งไปเต็มๆ ภายในห้องมีห้องน้ำในตัวเสร็จสรรพ พร้อมมุมแต่งตัวหน้าห้องน้ำที่สามารถจัดวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งแบบ Built-in ได้อย่างลงตัว ในขณะที่อีกฟากของห้องจะเป็นห้องนอนเล็กขนาดกระทัดรัดกำลังดี อยู่ติดกับห้องน้ำเล็กที่ต้องเดินออกมาเข้าจากทางห้องนั่งเล่น ส่วนห้องครัวก็อยู่ถัดจากห้องน้ำมาทางด้านหน้าห้องครับ แน่นอนว่าห้องครัวมีประตูบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วนเช่นกัน ห้องแบบนี้ค่อนข้างเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก เพราะมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ทำให้ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัวเพียงพอ ในขณะที่พื้นที่ส่วนกลางห้องก็กว้างพอที่จะให้สมาชิกทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้อีกด้วย Type B 2 ห้องนอน ขนาด 56.10 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนนะครับ แต่ก่อนจะเข้าไปถึงห้องนั่งเล่นเรามาดูส่วนที่อยู่ด้านหน้าห้องกันก่อน ด้านซ้ายมือจะเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ตู้เก็บของที่ทางโครงการ Built-in มาให้ดูอยู่หน้าห้องใกล้กับโต๊ะทานอาหาร ถัดจากโต๊ะทานอาหารเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง ห้องนั่งเล่นจะไม่ใหญ่มากนะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีประมาณ 2 เมตร วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง จะพอดีกับผนังห้อง ชั้นวางทีวี Built-in เล็กๆ หรือว่าจะใช้ทีวีแบบแขวนผนังก็ได้ครับ พื้นที่ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน คอมเพรสเซอร์แอร์หันหน้าออกนอกระเบียง ฝั่งขวาจะเรียงกัน 3 ห้องนะครับ คือ ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องนอนเล็ก เริ่มจากครัวก่อน ครัวจะอยู่ด้านขวามือตรงข้ามกับโต๊ะทานอาหารจะเป็นครัวแบบปิด กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ในครัวอาจจะดูอึดอัดไปสักหน่อยนะครับ เพราะไม่ได้อยู่ติดระเบียงเหมือน Type A ตัวท็อปเป็นลามิเนตสีขาว ซิงค์ล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Teka ฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ช่องวางไมโครเวฟจะอยู่ด้านล่าง ตู้เก็บจาน ชาม ช้อน ส้อม ด้านล่าง ชั้นลอยเก็บของด้านบน มาต่อที่ห้องน้ำ สุขภัณฑ์ที่ใช้และการจัดวางจะเหมือนกับ Type A Shower Box มาดูที่ห้องนอนเล็กต่อนะครับ ทางโครงการวางเตียงขนาด 3 ฟุตให้ดู ทำให้พื้นที่รอบๆ เตียงเหลืออยู่พอสมควร ปลายเตียงมีเหลือให้เดินได้สบายๆ หน้าต่างข้างเตียงจะเป็นบานฟิกและมีบานกระทุ้ง 1 บาน อีกฝั่งจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า เราข้ามฝั่งมาดูที่ห้องนอนใหญ่กันต่อนะครับ ห้องนอนใหญ่วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้เลยครับ ปลายเตียงมีที่เหลือให้ Built-in ชั้นวางทีวีได้เลย หน้าต่างด้านหัวเตียงทำเป็นกระจกเข้ามุมให้ด้วยนะครับ ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้าจะมีอยู่ 2 ฝั่ง หน้าห้องน้ำ ภาพมุมกว้างของห้องนอนใหญ่ มองไปที่ห้องน้ำ การวางสุขภัณฑ์จะคล้ายๆ ห้องน้ำห้องแรกนะครับ แต่ห้องนี้จะได้อ่างล้างหน้าที่มีที่วางของได้เยอะขึ้นหน่อย อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ MOGEN มีที่วางของรอบๆ และใต้อ่าง ส่วนโถสุขภัณฑ์ก็จะเหมือนเดิมครับ Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดฝักบัวที่ได้ ห้องทั้งหมดที่ทางโครงการขายมาให้เป็นห้องเปล่าๆ นะครับ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์แถมมาให้ด้วย เว้นแต่ชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้น นอกจากนี้ห้องจริงที่ได้ฝ้าเพดานก็สูง 2.6 เมตร แตกต่างจากระยะที่เห็นในห้องตัวอย่างนิดหน่อยครับ ใครรักชอบแบบไหนก็เลือกกันได้ตามสะดวก Type A1L 1 ห้องนอน ขนาด 26.3 ตารางเมตร Type A1R 1 ห้องนอน ขนาด 26.3 ตารางเมตร Type A2R 1 ห้องนอน ขนาด 33.2 ตารางเมตร Type B1L1 2 ห้องนอน ขนาด 56.1 ตารางเมตร Type B1L2 2 ห้องนอน ขนาด 56.1 ตารางเมตร Type B2 2 ห้องนอน ขนาด 61.4 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน ทำเลที่ตั้งของโครงการ The Stage Taopoon Interchange อยู่ในย่านที่เหมาะกับการอยู่อาศัย เพราะค่อนข้างสงบ ในขณะที่ยังอยู่ในย่านชุมชน ใกล้ตลาดสด โรงพยาบาล และโรงเรียน ซึ่งเหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่พักอาศัยเกาะแนวรถไฟฟ้า และอยู่ไม่ห่างจากความเจริญมากนัก นอกจากนี้พื้นที่บริเวณนี้ยังมีแนวโน้มที่จะมี โอกาศเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากห่างออกไปทางด้านเกียกกาย กำลังมีการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ รวมถึงสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการก็เป็นสถานี Interchange ที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสีม่วงไว้ด้วยกัน ทำให้การเดินทางในอนาคตค่อนข้างสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่การซื้อหาห้องเพื่อการลงทุนในย่านนี้ อาจจะต้องทำการบ้านกันหนักหน่อย เพราะทำเลในแถบนี้ยังมีตัวเลือกอื่นๆ ให้เปรียบเทียบอีกมาก จึงอาจจะทำให้การปล่อยเช่าห้องมีคู่แข่งในด้านราคาเป็นจำนวนมาก ผลตอบแทนที่ได้ก็อาจจะไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร นักลงทุนจึงควรพิจารณาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจ
The Tree Privata : รีวิวคอนโด

The Tree Privata : รีวิวคอนโด

วันนี้ Review Your condo จะพาไปชมโครงการ The Tree Privata คอนโด Low Rise สูง 5 ชั้น จำนวน 8 อาคาร ที่สร้างเสร็จ พร้อมให้ลูกบ้านเข้าอยู่กันแล้วนะครับ ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์ สาย 1 ระหว่างแยกบางโพกับแยกเกียกกาย ซึ่งในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสถานีเกียกกายและสถานีบางโพอยู่ใกล้ๆ  เดี๋ยวเราไปดูโครงการกันเลยดีกว่าครับ ว่าสร้างเสร็จแล้วหน้าตาโครงการจะเป็นยังไง การเดินทาง การเดินทางในย่านนี้ถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จเปิดใช้งานแล้วจะสะดวกขึ้นเยอะเลยครับ เพราะตัวโครงการจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้า 2 สถานี คือสถานีบางโพและสถานีเกียกกาย แต่ต้องรอกันอีกสักหน่อยนะครับ ถึงแม้ว่าตัวสถานีจะขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่ก็ยังไม่เปิดใช้งาน คนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็ต้องใช้รถสาธารณะกันไปก่อนนะครับ ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเราจะยกตัวอย่างจาก 2 เส้นทาง เริ่มจากถนนประชาราษฎร์ สาย 1 มาจากทางถนนพิบูลย์สงคราม ผ่านโรงเรียนสตรีนนทบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และสะพานพระราม 7 ก่อนจะเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 1 แผนที่โครงการ การเดินทางเริ่มจากถนนพิบูลย์สงคราม บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีนนทบุรี ผ่านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เลยจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มาจะเจอแยก ให้เลี้ยวขวาไปทางบางโพ ตามป้ายเลยครับ จากนั้นขับตรงไปทางบางโพ มาจนถึงแยก ให้เลี้ยวขาวอีกครั้งเพื่อเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 1 จากนั้นขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่านแยกบางโพ เลยจากแยกบางโพมาประมาณ 600 เมตร จะเจอสะพานข้ามคลองบางซื่อ เราไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ ให้ชิดซ้ายเพื่อกลับรถใต้สะพาน เมื่อกลับรถใต้สะพานแล้วก็จะเจอโครงการอยู่ด้านซ้ายมือเลยครับ และอีกเส้นทาง คือ ถนนประชาราษฎร์ สาย 2 มาจากทางถนนประชาชื่น ก่อนจะเลี้ยวเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตรงมาถึงแยกบางโพก่อนจะเลี้ยเข้าถนนประชาราษฎร์ สาย 1 เริ่มจากถนนประชาชื่น บริเวณแยกประชานุกูล หน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น นะครับ ให้ตรงผ่านแยกประชานุกูลไปทางบางซื่อเลยครับ จากนั้นขับตรงไปตามถนนประชาชื่น ขับมาจนถึงแยกประชาชื่น ก่อนจะถึงแยกจะเห็นโลตัส ประชาชื่น หรือที่คนแถวนี้เรียกว่าโลตัส เตาปูน อยู่ด้านซ้ายมือ ถึงแยกให้เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปทางบางโพ ตามป้ายเลยครับ เมื่อเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 มาแล้ว ก็ให้ขับตรงไปอีกนะครับ จนถึงแยกบางโพแล้วให้เลี้ยวซ้าย ก็จะถึงถนนประชาราษฎร์ สาย 1 แล้วครับ วิเคราะห์ตัวโครงการ ตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise สูง 5 ชั้น จำนวน 8 อาคารบนพื้นที่ 6 ไร่ครึ่ง ด้วยตัวอาคารสูงเพียง 5 ชั้น จึงน่าเสียดายวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่หลังโครงการ แต่เรื่องความหนาแน่นก็จะได้เปรียบคอนโด High Rise เนื่องจากยูนิตทั้งหมดของโครงการจะอยู่ที่ 392 ยูนิต หรือมีเพียง 10 ยูนิตต่อชั้น แต่ละอาคารจะมีลิฟท์ 1 ตัว ส่วน Facility หลักของโครงการทั้งสระว่ายน้ำและฟิสเนต จะอยู่ที่หน้าโครงการ ใครอยู่ตึกด้านหน้าก็ได้เปรียบหน่อยไม่ต้องเดินไกล แต่ลูกบ้านที่อยู่ตึกด้านในก็คงต้องเดินกันไกลหน่อยนะครับ Facility ของโครงการอีกอย่างก็คือ Oasis Garden จะเป็นสวนส่วนกลางที่อยู่ตรงกลางระหว่างอาคารทั้ง 2 ฝั่ง เข้ากับชื่อโครงการ The Tree ดูจากแปลนของโครงการ จะเห็นตัวอาคารทั้งหมด 8 อาคาร แยกเป็น 2 ฝั่ง กั้นกลางด้วยส่วนสวนกลางที่เรียกว่า Oasis Garden Oasis Garden ที่กั้นกลางระหว่างอาคาร นี่เป็น Oasis Garden ที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ มีต้นไม้ใหญ่พร้อมที่นั่งรอบๆ อยู่หน้าทางเข้าอาคาร เลยออกมาจากตัวอาคาร บริเวณด้านหน้าโครงการจะเป็นสะรว่ายน้ำและฟิตเนส สระว่ายของจริงที่พร้อมใช้งานแล้วครับ ขนาดค่อนข้างจะเล็กนะครับ ถ้าลงเล่นพร้อมกันหลายๆ คน จะดูอึดอัดอยู่สักหน่อย ฟิตเนสจะอยู่บนชั้นลอย เหนือสระว่ายน้ำ เราขึ้นมาดูฟิตเนสที่อยู่ด้านบนกันบ้าง ขึ้นมาจะเจอที่อยู่เล่นอยู่หน้าห้องฟิตเนส มองออกไปก็จะเห็นวิวสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านล่าง ส่วนฟิตเนสต้องใช้คีการ์ดเข้าใช้งานครับ มาดูแปลนของแต่ละอาคารกันต่อนะครับ จริงๆ แล้วทุกอาคารก็จะเหมือนๆ กัน เริ่มกันที่ชั้น 1 จะมี Lobby อยู่ด้านหน้า จะมีลิฟท์อาคารละ 1 ตัว Lobby ที่ชั้น 1 ของแต่ละอาคาร ชั้น 2 - 5 เป็นส่วนของที่พักอาศัยทั้งหมด ตกชั้นละ 10 ยูนิต พาชมห้องตัวอย่าง โครงการมีห้องแบบเดียวนะครับ คือแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 26.50 ตารางเมตร เนื่องจากโครงการสร้างเสร็จแล้วเราเลยได้มีโอกาสได้ดูห้องจริงกันเลย โครงการจะขายแบบ Fully Fitted นะครับ ส่วนที่ได้ก็จะมีครัว, ห้องน้ำ, Wallpaper และแอร์ 2 ตัว ที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอน  เดี๋ยวเราไปชมกันเลยดีกว่าครับ เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับส่วน Living Area ก่อนนะครับ ถัดเข้าไปจะเป็นห้องนอน ส่วนของห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน วางเตียง 5 ฟุต กำลังพอดีครับ เตียงจะวางติดกับหน้าต่างบาน Fix 2 บาน ในห้องนอนจะไม่มีตู้เสื้อผ้าให้นะครับ มาต่อกันที่ห้องครัว จะเป็นครัวแบบปิด กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเหมือนกัน เคาน์เตอร์ครัว จะมีซิ้งค์ล้างจาน ตู้เก็บของด้านล่าง และชั้นลอยเก็บของด้านบน ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าให้นะครับ ครัวอาจจะเล็กไปสักหน่อย น่าจะเหมาะกับการเตรียมอาหารซะมากกว่า อีกฝั่งจะเป็นที่วางตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ตรงข้ามกับครัวจะเป็นห้องน้ำ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็จะประมาณนี้นะครับ ใช้สุขภัณฑ์ของ American Standard ส่วนอาบน้ำจะไม่มีฉากกั้นให้นะครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน ทำเลของโครงการถือว่าดีเลยทีเดียวครับ เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ แถมยังใกล้รถไฟฟ้า 2 สถานี คือ สถานีเกียกกายและสถานีบางโพ ถ้าหากรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมใช้งานแล้ว การเดินทางก็น่าจะสะดวกขึ้นมาเยอะเลย ส่วนเรื่องสาธารณูปโภคของกินของใช้ใกล้ๆ โครงการ ถ้าเป็นร้านอาหารก็จะมีร้านเล็กๆ ตาม 2 ฝั่งถนน และตลาดสด แต่ถ้าจะเป็นพวกห้างสรรพสินค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตก็จะมีโลตัส เตาปูน ที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกที่ก็จะเป็นบิ๊กซี วงศ์สว่าง สำหรับการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองนั้น ถ้าหากทำงานหรือต้องแวะเวียนอยู่แถวนี้บ่อยๆ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างใช้ได้ทีเดียวครับ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ การเดินทางจึงไม่ลำบากมากนัก และในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าขึ้นอีก แต่ในด้านของการลงทุนสำหรับปล่อยเช่า บริเวณนี้อาจจะหาผู้เช่าได้ยากหน่อย เพราะค่อนข้างไกลจากแหล่งธุรกิจ ออฟฟิศต่างๆ จึงมีน้อยมาก ในขณะที่การลงทุนไว้เผื่อขาย ห้องในทำเลนี้ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตที่ดีอยู่ เพราะทำเลที่ตั้งใกล้สถานีรถไฟฟ้า 2 สถานี จึงอาจจะทำกำไรและได้ผลตอบแทนจากการซื้อขายห้องได้
THAN Living รัชดา – ประชาอุทิศ : รีวิวคอนโด

THAN Living รัชดา – ประชาอุทิศ : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปรีวิวโครงการ Than Living รัชดา-ประชาอุทิศ จาก Siralai (สิราลัย) คอนโดมิเนียมโครงการใหญ่ซึ่งรวมทั้งตึก High Rise และ Low Rise ไว้ในพื้นที่เดียวกันบนถนนประชาอุทิศ ทำเลที่ตั้งของโครงการค่อนไปทางถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ หรือถนนประดิษฐ์มนูธรรม ดังนั้นการเดินทางมายังตัวโครงการจึงค่อนข้างสะดวกสำหรับคนที่มีรถส่วนตัวนะครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ของตัวโครงการเราก็เก็บมาฝากกันครบถ้วนเช่นเคย ว่าแล้วก็ตามไปดูกันเลยดีกว่า   การเดินทาง อย่างที่บอกว่าด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ Than Living รัชดา-ประชาอุทิศ ที่อยู่มาทางด้านถนนประดิษฐ์มนูธรรม ลองดูจากแผนที่จะเห็นว่าระยะห่างจากสี่แยกแค่ 300 เมตรเท่านั้น เส้นทางนี้ถ้าวิ่งตามถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ไปเรื่อยๆ ผ่านแยกพระราม 9 แยกเพชรบุรี แล้วก็จะเข้าสุขุมวิท 63 และไปบรรจบกับถนนสุขุมวิท เส้นทางนี้สามารถใช้เป็นเส้นทางเข้าออกเมืองได้ดีทีเดียวนะครับ กลับกันถ้ามุ่งหน้าออกนอกเมืองไปก็จะเจอแยกลาดพร้าว แยกเกษตร-ประดิษฐ์ฯ และไปสุดที่ถนนรามอินทรา เส้นทางที่ตัดเชื่อมกับถนนเลียบทางด่วน หรือ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม มีอยู่ด้วยกันหลายเส้น ทำให้การเลือกเส้นทางเลี่ยงการจราจรมีตัวเลือกมากขึ้น แม้แต่ด่านขึ้นลงทางด่วนก็อยู่ใกล้นิดเดียวเองด้วย การเดินทางจากทางฝั่งถนนประดิษฐ์มนูธรรมจึงสะดวกมากๆ สำหรับคนที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ระยะทางจากถนนสุขุมวิท ถึงโครงการประมาณ 6 กม. หรือถ้าใครสะดวกเดินทางด้วยทางด่วน ก็ใช้ทางด่วนศรีรัชฝั่งขาออก ต่อทางด่วนอาจณรงค์-รามอินทรา มาลงที่ลาดพร้าว เข้าถนนประดิษฐ์มนูธรรม จะเลยถนนประชาอุทิศมานิดหน่อย ต้องกลับรถ แล้วไปเลี้ยวขวาที่แยกประชาอุทิศ-ประดิษฐ์มนูธรรม เพื่อเข้าถนนประชาอุทิศไปอีกประมาณ 300 เมตร ก็ถึงตัวโครงการแล้วครับ จากถนนประดิษฐ์มนูธรรม ก็จะมาเลี้ยวขวาที่แยกประชาอุทิศ-ประดิษฐ์มนูธรรม ตามป้ายที่บอกว่าไปทางถนนรัชดาภิเษกนะครับ จากสี่แยกนี้ไปนิดเดียวก็จะเจอสำนักงานขายที่อยู่ด้านซ้ายมือแล้วครับ ส่วนตัวโครงการต้องตรงไปอีกประมาณ 300 เมตร นอกจากนี้การเดินทางมายังตัวโครงการจากทางฝั่งถนนรัชดา ก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งสามารถเลือกได้ 2 เส้นทางคือ เข้าทางแยกห้วยขวาง แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เพื่อมายังถนนประชาอุทิศ วิ่งมาตามถนนเส้นนี้เรื่อยๆ ก็จะถึงตัวโครงการเลย เสียแต่ถนนเส้นนี้ค่อนข้างแคบ ผ่านแหล่งชุมชนและมีรถรามากหน่อย บางครั้งการจราจรอาจจะไม่คล่องตัวนะครับ ส่วนอีกเส้นทางคือเข้ามาทางแยกศูนย์วัฒนธรรม เข้าถนนเทียมร่วมมิตร แล้ววิ่งมาตามถนนเลียบรั้ว รฟม. มาต่อที่ถนนประชาอุทิศอีกนิดเดียวก็เจอตัวโครงการเลย เส้นทางนี้มีระยะทางที่ใกล้กว่า และการจราจรสะดวกกว่ามากครับ แต่ช่วงดึกๆ อาจจะเปลี่ยวมากหน่อย คุณสาวๆ เดินทางด้วยรถรับจ้างดึกๆ คนเดียวถ้าเลี่ยงเส้นทางนี้ได้ก็ดีครับ นอกจากเส้นทางหลักๆ ที่เราแนะนำกันไปแล้ว ถนนประชาอุทิศก็ยังมีซอยเล็กซอยน้อยเลี่ยงไปออกถนนพระราม 9 ลาดพร้าว หรือรามคำแหงได้อีกหลายทาง ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการศึกษาเส้นทางกันสักหน่อยครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ เริ่มจากถนนรัชดาภิเษก ก่อนถึงแยกห้วยขวาง จะเจอป้ายให้เลี้ยวขวาไปประชาอุทิศ ถึงตรงนี้ให้ชิดซ้ายไว้ อย่าลงอุโมงนะครับ ถ้าพลาดลงอุโมงไปแล้วต้องไปกลับรถยาวเลยล่ะครับ ถึงแยกห้วยขวางแล้วก็รอสัญญาณไฟเพื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT พอลงรถไฟฟ้าสถานีห้วยขวางที่อยู่ปากซอยแล้ว ก็จะมีพี่วินคอยให้บริการด้วยนะครับ แต่ก็อาจจะไกลอยู่สักหน่อย แต่ถ้าใครไม่ชอบนั่งมอเตอร์ไซค์ก็มีรถตุ๊กตุ๊กไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก เข้ามาในซอยแล้วก็อย่างที่เห็นนะครับ ถนนค่อนข้างจะแคบ การจราจรในซอยนี้จึงค่อนข้างจะติดขัด ตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเจอสามแยกนี้ ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาอุทิศนะครับ เลี้ยวขวามาปุ๊บก็จะเจอกับสำนักงานเขตห้วยขวางเลยนะครับ เผื่อใครต้องมาติดต่อทำธุระที่นี่ เข้ามาเรื่อยๆ ถนนจาก 3 เลน ก็จะเหลือ 2 เลน ถึงสี่แยกถนนประชาอุทิศตัดซอยรัชดานิเวศน์ 24 ก็ตรงไปเลยนะครับ ถึงตรงนี้ถนนจะขยายเป็น 4 เลนแล้วก็แทบไม่ต่างกันเลย รถจอดสองข้างทางก็กินไปเลนนึงแล้ว ถนนเส้นนี้โรงเรียนจะเยอะหน่อยนะครับ ทั้งโรงเรียนไทย และโรงเรียนนานาชาติ เวลาเลิกเรียนรถจะเยอะมาก ข้ามสะพานข้ามคลองลาดพร้าวไปก็ใกล้ถึงโครงการแล้วครับ ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ จะอยู่ติดกับซอยจําเนียรเสริม แต่สำนักงานขายตรงขับตรงเลยโครงการไปอีกหน่อยนะครับ โครงสร้างของอาคาร High Rise ก่อสร้างไปได้กว่า 80% แล้วนะครับ เลยสถานที่ก่อสร้างโครงการมาอีกนิดก็จะเจอสำนักงานขายอยู่ด้านขวามือ สำนักงานขายโครงการ ร้านโฮคิทเช่น ซีฟู๊ด มีทั้งอาหารจีน และซีฟู๊ดให้เลือก อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ เลยมาอีกหน่อยก็จะมีร้านเฉลียง ร้านอาหารบรรยากาศชิวๆ มีดนตรีสด ปั๊มใกล้ๆ มีทั้งปั๊มน้ำมัน ทั้งปั๊มแก๊ส สำหรับใครที่ต้องพึ่งพาระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าใต้ดิน ทางโครงการก็มีบริการ Shuttle Service รับส่งมายังสถานีรถไฟฟ้าทุกๆ ครึ่งชั่วโมง จากที่สอบถามมาก็น่าจะเป็นสถานีศูนย์วัฒนธรรมนะครับ เพราะระยะทางใกล้กว่าสถานีห้วยขวางนิดหน่อย แต่ถ้ารอบริการจาก Shuttle Bus ไม่ไหว ก็คงต้องเลือกต่อรถแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างต่อมาที่โครงการอีกที ต้องพึ่งพารถรับจ้างเยอะค่าใช้จ่ายก็จะเยอะตามไปด้วย ถ้าไม่มีรถส่วนตัวใช้อาจจะเดินทางไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ครับ   วิเคราะห์ตัวโครงการ ตัวโครงการ Than Living รัชดา-ประชาอุทิศ เป็นโครงการที่มีทั้งตึก High Rise และ Low Rise อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ประกอบไปด้วย 6 อาคาร แบ่งเป็นตึกสูง (Smart Building)  3 ตึก และตึกเตี้ย 8 ชั้น อีก 3 ตึก ถ้าเอาตามคอนเซปต์ที่ทางโครงการว่าไว้ ในแต่ละตึกก็จะมีคอนเซปต์ไม่เหมือนกัน คือ ตึก B – B Healthy เป็นตึกที่เน้นสุขภาพ มีห้องออกกำลังกายและสระว่ายน้ำ ในขณะที่ตึก C – C Curity จะเน้นเรื่องความปลอดภัยตั้งแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มเป็นพิเศษ และส่วนของตึก D - Smart Building ที่เป็นตึกสูง โดยจะเน้นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยด้วยการออกแบบให้มี Double Space นั่นเอง  ซึ่งที่ว่ามาทั้งหมดนี้เป็นคอนเซปต์ที่ทางโครงการเค้าวางเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจมากๆ ครับ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีความเป็นไปได้ยาก อย่างเรื่องตึก C ที่จำกัดให้เฉพาะผู้หญิงเข้าอยู่เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงอาจควบคุมได้ยาก เพราะคงไม่สามารถกำหนดให้ผู้หญิงโสดเท่านั้นที่จะซื้อห้องได้ เช่นเดียวกับตึก A ที่จะเปิดให้ผู้อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ในอาคารได้ ซึ่งล่าสุดที่สอบถามกับเจ้าหน้าที่มาก็เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว และไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์แล้วนะครับ นี่แหละครับข้อจำกัดในหลายๆ เรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้วระหว่างที่ยังทำการก่อสร้างโครงการอยู่ กลับมาดูที่ Facilities ส่วนกลางของโครงการกันบ้าง อย่างที่บอกแล้วว่าแต่ละตึกมีคอนเซปต์ที่ต่างกัน ทางโครงการจึงมีการจัดสรร Facilities ให้กระจายกันออกไป ซึ่งลูกบ้านในแต่ละตึกจะต้องเดินลงมาใช้ส่วนกลางตามจุดที่กำหนดไว้ ยกตัวอย่างเช่น บริเวณชั้นล่างของ Smart Building 1 จะมี Coffee Shop ส่วน Smart Building 2 เป็นพื้นที่ห้อง Fitness พร้อมอุปกรณ์ครบครัน ในขณะที่ Smart Building 3 ถูกจัดให้เป็นพื้นที่ห้องสมุด และบริเวณชั้น 2 ของอาคาร Low Rise ก็มีส่วนหย่อมที่ตึก A เพราะจากคอนเซปต์แรกที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ ส่วนตึก B จะมีสระว่ายน้ำใหญ่ขนาด 17 เมตร ลึก 1.2 เมตร ในระบบน้ำเกลือ และห้องออกกำลังกายแบบ Function Room และที่ตึก C จะมีสระว่ายน้ำเล็กขนาด 3.7 เมตร พร้อมพื้นที่พักผ่อนครับ ข้อดีของการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางแบบนี้คือ ทำให้ภายในโครงการมี Facilitiesที่หลากหลาย รวมถึงมีพื้นที่กว้างขึ้นกว่าเดิมเพื่อรองรับลูกบ้านเป็นจำนวนมาก แต่ข้อเสียคือ ลูกบ้านจะต้องเดินเข้าออกตึกนั้นที ตึกนี้ทีให้วุ่นวาย อย่างถ้าออกกำลังกายในห้อง Fitness แล้วต่อด้วยว่ายน้ำ ก็ต้องเดินจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่ง จึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เว้นแต่ว่าจะเลือกออกกำลังกายที่ห้องข้างๆ สระว่ายน้ำ ก็ค่อยสะดวกหน่อยครับ สำหรับเรื่องพื้นที่จอดรถทั้งโครงการจัดไว้ทั้งหมด 60% จากจำนวนห้องทั้งหมด 823 ยูนิต ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอกับความต้องการ และการใช้งานจริง เพราะด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ห่างจากรถไฟฟ้า และระบบขนส่งมวลชนพอสมควร ทำให้แนวโน้มที่ลูกบ้านส่วนใหญ่จะต้องใช้รถส่วนตัวมีมาก ถ้าลูกบ้านเกิน 60% มีรถส่วนตัวก็คงเกิดปัญหาเรื่องแย่งที่จอดรถแน่นอน ทางด้านลิฟท์โดยสาร ในแต่ละตึกจะมีลิฟท์โดยสารให้ 2 ตัว และไม่มีลิฟท์เซอร์วิส ถ้าอาศัยอยู่ในตึก Low Rise ก็คงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าอยู่ในตึก High Rise ก็คงลำบากอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนตอนเช้าๆ ที่อาจต้องรอลิฟท์กันนานหน่อย ทีนี้ขยับมาดูตัวอาคารและพื้นที่รอบๆ กันบ้างนะครับ ตัวอาคารนั้นออกแบบมาวันนี้เราจะพาไปรีวิวโครงการ Than Living รัชดา-ประชาอุทิศ จาก Siralai (สิราลัย) คอนโดมิเนียมโครงการใหญ่ซึ่งรวมทั้งตึก High Rise และ Low Rise ไว้ในพื้นที่เดียวกันบนถนนประชาอุทิศ ทำเลที่ตั้งของโครงการค่อนไปทางถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ หรือถนนประดิษฐ์มนูธรรม ดังนั้นการเดินทางมายังตัวโครงการจึงค่อนข้างสะดวกสำหรับคนที่มีรถส่วนตัวนะครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ของตัวโครงการเราก็เก็บมาฝากกันครบถ้วนเช่นเคย ว่าแล้วก็ตามไปดูกันเลยดีกว่า การเดินทาง อย่างที่บอกว่าด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ Than Living รัชดา-ประชาอุทิศ ที่อยู่มาทางด้านถนนประดิษฐ์มนูธรรม ลองดูจากแผนที่จะเห็นว่าระยะห่างจากสี่แยกแค่ 300 เมตรเท่านั้น เส้นทางนี้ถ้าวิ่งตามถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ไปเรื่อยๆ ผ่านแยกพระราม 9 แยกเพชรบุรี แล้วก็จะเข้าสุขุมวิท 63 และไปบรรจบกับถนนสุขุมวิท เส้นทางนี้สามารถใช้เป็นเส้นทางเข้าออกเมืองได้ดีทีเดียวนะครับ กลับกันถ้ามุ่งหน้าออกนอกเมืองไปก็จะเจอแยกลาดพร้าว แยกเกษตร-ประดิษฐ์ฯ และไปสุดที่ถนนรามอินทรา เส้นทางที่ตัดเชื่อมกับถนนเลียบทางด่วน หรือ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม มีอยู่ด้วยกันหลายเส้น ทำให้การเลือกเส้นทางเลี่ยงการจราจรมีตัวเลือกมากขึ้น แม้แต่ด่านขึ้นลงทางด่วนก็อยู่ใกล้นิดเดียวเองด้วย การเดินทางจากทางฝั่งถนนประดิษฐ์มนูธรรมจึงสะดวกมากๆ สำหรับคนที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ระยะทางจากถนนสุขุมวิท ถึงโครงการประมาณ 6 กม. หรือถ้าใครสะดวกเดินทางด้วยทางด่วน ก็ใช้ทางด่วนศรีรัชฝั่งขาออก ต่อทางด่วนอาจณรงค์-รามอินทรา มาลงที่ลาดพร้าว เข้าถนนประดิษฐ์มนูธรรม จะเลยถนนประชาอุทิศมานิดหน่อย ต้องกลับรถ แล้วไปเลี้ยวขวาที่แยกประชาอุทิศ-ประดิษฐ์มนูธรรม เพื่อเข้าถนนประชาอุทิศไปอีกประมาณ 300 เมตร ก็ถึงตัวโครงการแล้วครับ จากถนนประดิษฐ์มนูธรรม ก็จะมาเลี้ยวขวาที่แยกประชาอุทิศ-ประดิษฐ์มนูธรรม ตามป้ายที่บอกว่าไปทางถนนรัชดาภิเษกนะครับ จากสี่แยกนี้ไปนิดเดียวก็จะเจอสำนักงานขายที่อยู่ด้านซ้ายมือแล้วครับ ส่วนตัวโครงการต้องตรงไปอีกประมาณ 300 เมตร นอกจากนี้การเดินทางมายังตัวโครงการจากทางฝั่งถนนรัชดา ก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งสามารถเลือกได้ 2 เส้นทางคือ เข้าทางแยกห้วยขวาง แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เพื่อมายังถนนประชาอุทิศ วิ่งมาตามถนนเส้นนี้เรื่อยๆ ก็จะถึงตัวโครงการเลย เสียแต่ถนนเส้นนี้ค่อนข้างแคบ ผ่านแหล่งชุมชนและมีรถรามากหน่อย บางครั้งการจราจรอาจจะไม่คล่องตัวนะครับ ส่วนอีกเส้นทางคือเข้ามาทางแยกศูนย์วัฒนธรรม เข้าถนนเทียมร่วมมิตร แล้ววิ่งมาตามถนนเลียบรั้ว รฟม. มาต่อที่ถนนประชาอุทิศอีกนิดเดียวก็เจอตัวโครงการเลย เส้นทางนี้มีระยะทางที่ใกล้กว่า และการจราจรสะดวกกว่ามากครับ แต่ช่วงดึกๆ อาจจะเปลี่ยวมากหน่อย คุณสาวๆ เดินทางด้วยรถรับจ้างดึกๆ คนเดียวถ้าเลี่ยงเส้นทางนี้ได้ก็ดีครับ นอกจากเส้นทางหลักๆ ที่เราแนะนำกันไปแล้ว ถนนประชาอุทิศก็ยังมีซอยเล็กซอยน้อยเลี่ยงไปออกถนนพระราม 9 ลาดพร้าว หรือรามคำแหงได้อีกหลายทาง ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการศึกษาเส้นทางกันสักหน่อยครับ แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ เริ่มจากถนนรัชดาภิเษก ก่อนถึงแยกห้วยขวาง จะเจอป้ายให้เลี้ยวขวาไปประชาอุทิศ ถึงตรงนี้ให้ชิดซ้ายไว้ อย่าลงอุโมงนะครับ ถ้าพลาดลงอุโมงไปแล้วต้องไปกลับรถยาวเลยล่ะครับ ถึงแยกห้วยขวางแล้วก็รอสัญญาณไฟเพื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT พอลงรถไฟฟ้าสถานีห้วยขวางที่อยู่ปากซอยแล้ว ก็จะมีพี่วินคอยให้บริการด้วยนะครับ แต่ก็อาจจะไกลอยู่สักหน่อย แต่ถ้าใครไม่ชอบนั่งมอเตอร์ไซค์ก็มีรถตุ๊กตุ๊กไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก เข้ามาในซอยแล้วก็อย่างที่เห็นนะครับ ถนนค่อนข้างจะแคบ การจราจรในซอยนี้จึงค่อนข้างจะติดขัด ตรงมาเรื่อยๆ ก็จะเจอสามแยกนี้ ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาอุทิศนะครับ เลี้ยวขวามาปุ๊บก็จะเจอกับสำนักงานเขตห้วยขวางเลยนะครับ เผื่อใครต้องมาติดต่อทำธุระที่นี่ เข้ามาเรื่อยๆ ถนนจาก 3 เลน ก็จะเหลือ 2 เลน ถึงสี่แยกถนนประชาอุทิศตัดซอยรัชดานิเวศน์ 24 ก็ตรงไปเลยนะครับ ถึงตรงนี้ถนนจะขยายเป็น 4 เลนแล้วก็แทบไม่ต่างกันเลย รถจอดสองข้างทางก็กินไปเลนนึงแล้ว ถนนเส้นนี้โรงเรียนจะเยอะหน่อยนะครับ ทั้งโรงเรียนไทย และโรงเรียนนานาชาติ เวลาเลิกเรียนรถจะเยอะมาก ข้ามสะพานข้ามคลองลาดพร้าวไปก็ใกล้ถึงโครงการแล้วครับ ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ จะอยู่ติดกับซอยจําเนียรเสริม แต่สำนักงานขายตรงขับตรงเลยโครงการไปอีกหน่อยนะครับ โครงสร้างของอาคาร High Rise ก่อสร้างไปได้กว่า 80% แล้วนะครับ เลยสถานที่ก่อสร้างโครงการมาอีกนิดก็จะเจอสำนักงานขายอยู่ด้านขวามือ สำนักงานขายโครงการ ร้านโฮคิทเช่น ซีฟู๊ด มีทั้งอาหารจีน และซีฟู๊ดให้เลือก อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ เลยมาอีกหน่อยก็จะมีร้านเฉลียง ร้านอาหารบรรยากาศชิวๆ มีดนตรีสด ปั๊มใกล้ๆ มีทั้งปั๊มน้ำมัน ทั้งปั๊มแก๊ส สำหรับใครที่ต้องพึ่งพาระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าใต้ดิน ทางโครงการก็มีบริการ Shuttle Service รับส่งมายังสถานีรถไฟฟ้าทุกๆ ครึ่งชั่วโมง จากที่สอบถามมาก็น่าจะเป็นสถานีศูนย์วัฒนธรรมนะครับ เพราะระยะทางใกล้กว่าสถานีห้วยขวางนิดหน่อย แต่ถ้ารอบริการจาก Shuttle Bus ไม่ไหว ก็คงต้องเลือกต่อรถแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างต่อมาที่โครงการอีกที ต้องพึ่งพารถรับจ้างเยอะค่าใช้จ่ายก็จะเยอะตามไปด้วย ถ้าไม่มีรถส่วนตัวใช้อาจจะเดินทางไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ครับ   วิเคราะห์ตัวโครงการ ตัวโครงการ Than Living รัชดา-ประชาอุทิศ เป็นโครงการที่มีทั้งตึก High Rise และ Low Rise อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ประกอบไปด้วย 6 อาคาร แบ่งเป็นตึกสูง (Smart Building)  3 ตึก และตึกเตี้ย 8 ชั้น อีก 3 ตึก ถ้าเอาตามคอนเซปต์ที่ทางโครงการว่าไว้ ในแต่ละตึกก็จะมีคอนเซปต์ไม่เหมือนกัน คือ ตึก B – B Healthy เป็นตึกที่เน้นสุขภาพ มีห้องออกกำลังกายและสระว่ายน้ำ ในขณะที่ตึก C – C Curity จะเน้นเรื่องความปลอดภัยตั้งแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มเป็นพิเศษ และส่วนของตึก D - Smart Building ที่เป็นตึกสูง โดยจะเน้นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยด้วยการออกแบบให้มี Double Space นั่นเอง  ซึ่งที่ว่ามาทั้งหมดนี้เป็นคอนเซปต์ที่ทางโครงการเค้าวางเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจมากๆ ครับ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีความเป็นไปได้ยาก อย่างเรื่องตึก C ที่จำกัดให้เฉพาะผู้หญิงเข้าอยู่เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงอาจควบคุมได้ยาก เพราะคงไม่สามารถกำหนดให้ผู้หญิงโสดเท่านั้นที่จะซื้อห้องได้ เช่นเดียวกับตึก A ที่จะเปิดให้ผู้อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ในอาคารได้ ซึ่งล่าสุดที่สอบถามกับเจ้าหน้าที่มาก็เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว และไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์แล้วนะครับ นี่แหละครับข้อจำกัดในหลายๆ เรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้วระหว่างที่ยังทำการก่อสร้างโครงการอยู่ กลับมาดูที่ Facilities ส่วนกลางของโครงการกันบ้าง อย่างที่บอกแล้วว่าแต่ละตึกมีคอนเซปต์ที่ต่างกัน ทางโครงการจึงมีการจัดสรร Facilities ให้กระจายกันออกไป ซึ่งลูกบ้านในแต่ละตึกจะต้องเดินลงมาใช้ส่วนกลางตามจุดที่กำหนดไว้ ยกตัวอย่างเช่น บริเวณชั้นล่างของ Smart Building 1 จะมี Coffee Shop ส่วน Smart Building 2 เป็นพื้นที่ห้อง Fitness พร้อมอุปกรณ์ครบครัน ในขณะที่ Smart Building 3 ถูกจัดให้เป็นพื้นที่ห้องสมุด และบริเวณชั้น 2 ของอาคาร Low Rise ก็มีส่วนหย่อมที่ตึก A เพราะจากคอนเซปต์แรกที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ ส่วนตึก B จะมีสระว่ายน้ำใหญ่ขนาด 17 เมตร ลึก 1.2 เมตร ในระบบน้ำเกลือ และห้องออกกำลังกายแบบ Function Room และที่ตึก C จะมีสระว่ายน้ำเล็กขนาด 3.7 เมตร พร้อมพื้นที่พักผ่อนครับ ข้อดีของการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางแบบนี้คือ ทำให้ภายในโครงการมี Facilitiesที่หลากหลาย รวมถึงมีพื้นที่กว้างขึ้นกว่าเดิมเพื่อรองรับลูกบ้านเป็นจำนวนมาก แต่ข้อเสียคือ ลูกบ้านจะต้องเดินเข้าออกตึกนั้นที ตึกนี้ทีให้วุ่นวาย อย่างถ้าออกกำลังกายในห้อง Fitness แล้วต่อด้วยว่ายน้ำ ก็ต้องเดินจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่ง จึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เว้นแต่ว่าจะเลือกออกกำลังกายที่ห้องข้างๆ สระว่ายน้ำ ก็ค่อยสะดวกหน่อยครับ สำหรับเรื่องพื้นที่จอดรถทั้งโครงการจัดไว้ทั้งหมด 60% จากจำนวนห้องทั้งหมด 823 ยูนิต ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอกับความต้องการ และการใช้งานจริง เพราะด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ห่างจากรถไฟฟ้า และระบบขนส่งมวลชนพอสมควร ทำให้แนวโน้มที่ลูกบ้านส่วนใหญ่จะต้องใช้รถส่วนตัวมีมาก ถ้าลูกบ้านเกิน 60% มีรถส่วนตัวก็คงเกิดปัญหาเรื่องแย่งที่จอดรถแน่นอน ทางด้านลิฟท์โดยสาร ในแต่ละตึกจะมีลิฟท์โดยสารให้ 2 ตัว และไม่มีลิฟท์เซอร์วิส ถ้าอาศัยอยู่ในตึก Low Rise ก็คงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าอยู่ในตึก High Rise ก็คงลำบากอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนตอนเช้าๆ ที่อาจต้องรอลิฟท์กันนานหน่อย ทีนี้ขยับมาดูตัวอาคารและพื้นที่รอบๆ กันบ้างนะครับ ตัวอาคารนั้นออกแบบมาได้สะดุดตามากๆ ดูจากโมเดลจะเห็นลูกเล่นของเส้นสายกราฟฟิกของตัวตึก High Rise อันเนื่องมาจากตำแหน่งของห้องในแต่ละแบบที่วางสลับกันไปมานั่นเอง สำหรับเรื่องทิศทางของแดดและลม ก็ต้องมาดูที่ตัวที่ดินของโครงการซึ่งวางอยู่ในแนวทิศเหนือ-ใต้  ดังนั้นตัวอาคารจึงต้องหันหน้าเผชิญกับทิศตะวันออกและตะวันตกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ห้องในตึก High Riseด้านที่หันหน้าไปทางถนนประดิษฐ์มนูธรรมคงจะร้อนน้อยหน่อย เพราะเป็นทิศตะวันออก ส่วนอีกด้านทางทิศตะวันตก ก็โดนแดดกันไปเต็มๆ ครับ เลี่ยงได้ยากจริงๆ หรือถ้าใครเลือกที่จะอยู่ในตึก Low Rise อาจจะเสียเปรียบเรื่องวิวบ้าง แต่ก็แลกกับร่มเงาที่ได้ตึก High Rise ที่ช่วยผ่อนความร้อนจากแดดเช้าไปได้มากพอสมควร ในขณะที่แดดบ่ายก็ไร้ทางหลบเลี่ยงได้เช่นกัน ออกมาดูรอบๆ โครงการก็ต้องบอกว่า บนถนนประชาอุทิศคึกคักไม่น้อยเลย เพราะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิงมากมาย และปั้มน้ำมันพร้อมมินิมาร์ทที่อยู่ภายในให้เราได้พึ่งพาได้ รวมถึงโรงเรียนนานาชาติที่อยู่ใกล้ๆ กับโครงการอีกหลายแห่ง เช่น โรงเรียนนานาชาติคิซ (KIS International School) โรงเรียนนานาชาติรีเจนท์ (Regent International School) เป็นต้น หรือถ้าออกจากถนนประชาอุทิศไปอีกหน่อย บนถนนประดิษฐ์มนูธรรมก็เต็มไปด้วยร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ แหล่งช๊อปปิ้งดังๆ มากมาย ถ้ามีรถส่วนตัวไว้ใช้หน่อยการไปไหนมาไหนรอบๆ โครงการก็จัดว่าสะดวกและครบครันมากๆ ครับ ด้านหน้าโครงการจะหันไปทางทิศเหนือ ซึ่งก็คือด้านถนนประชาอุทิศ ผืนที่ดินบังคับให้อาคารต้องหันไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มาดูที่อาคาร Low Rise กันก่อนนะครับ ชั้น G ของทั้ง 3 อาคารจะคล้ายๆ กัน ซึ่งจะเป็นที่จอดรถอยู่ใต้อาคาร ผังอาคาร Low Rise จะเห็นว่า มีที่จอดรถ 3 ชั้น อยู่ใต้อาคาร ทางลงที่จอดรถชั้นใต้ดิน มาดูที่ชั้น 2 กันต่อนะครับ ชั้น 2 ของอาคาร A จะเน้นไปที่สวนสีเขียวอยู่ด้านหน้าอาคาร อาคาร B สำหรับคนรักสุขภาพ ก็จะมี Gym และสระว่ายน้ำ สระใหญ่ อยู่ด้านหน้าอาคาร อาคาร C จะมีสระว่ายน้ำ สระเล็ก ภาพจำลองบรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางระหว่างอาคารทั้ง 2 ฝั่ง มาดูที่กันที่อาคาร High Rise บ้างนะครับ ที่ชั้น G ของแต่ละอาคารก็จะคล้ายๆ กัน เป็นที่จอดรถใต้อาคารส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งก็จะเป็น Facility อย่าง Lobby, Mailbox, Shop, Gym แตกต่างกันไปในแต่ละอาคาร เรามาเริ่มจากอาคาร Smart 1 ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุดกันก่อนนะครับ ที่ตึก Smart 1 นอกจากจะมี Lobby และ Mailbox ก็จะมี Coffee Shop อยู่ด้วย อาคาร Smart 2 เป็นอาคารที่อยู่ตรงข้ามกับอาคาร B (B Healthy) ที่จะเน้น Facility อย่างสระว่ายน้ำ และ Gym ที่ใต้อาคาร Smart 2 นี้จึงมา Gym ให้อีกหนึ่งห้องครับ ซึ่งใหญ่กว่าที่อาคาร B ด้วย หน้าตาของ Gym ใต้อาคาร Smart 2 อาคาร Smart 3 จะมีห้องสมุดสำหรับอ่านหนังสือ นั่งติวหนังสือ หรือทำการบ้านได้ ครับ บรรยากาศของห้องสมุดใต้อาคาร Smart 3 ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 ขึ้นไปนะครับ เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 10 ยูนิตต่อชั้น การวาง Layout ของทั้ง 3 อาคารก็จะคล้ายๆ กัน ที่ชั้น 18-19 อาคาร Smart 2 และ ชั้น 19-20 อาคาร Smart 3 จะเป็นห้อง Duplex ส่วนที่ชั้นบนสุดของอาคาร High Rise ของทั้ง 3 อาคาร จะเป็นห้อง Penthouse พาชมห้องตัวอย่าง ถึงคราวของห้องตัวอย่างกันบ้างครับ ทางโครงการเตรียมห้องตัวอย่างให้เราได้ชมด้วยกัน 4  แบบ เริ่มต้นกันด้วยห้องแบบ 1 ห้องนอน Type 1A ที่ขนาด 32 ตร.ม. โดยประมาณ เปิดประตู้ห้องนี้เข้ามาก็จะเจอส่วนของห้องครัวก่อนเลยครับ พื้นที่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเว้นเป็นที่วางตู้เย็นได้ ส่วนตู้ Built-in ในห้องตัวอย่างจะมีไว้เพื่อการตกแต่งเท่านั้น ของจริงไม่ได้มาพร้อมกับห้องนะครับ ถัดเข้าไปด้านในเป็น Living Area ที่จัดสรรพื้นที่ให้โต๊ะกินข้าวชุดเล็กๆ อยู่รวมกับชุดโซฟานั่งเล่นได้พอดี ระยะห่างระหว่างโซฟากับผนังห้องที่ใช้แขวนทีวีมีขนาดกำลังพอเหมาะ ประกอบกับอยู่ติดระเบียงจึงช่วยให้บรรยากาศโดยรวมดูสบายตามากขึ้น ภายในห้องนอน ทางโครงการมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ พื้นที่ที่เหลือพอวางเตียงขนาด 5 ฟุตลงไปแล้วก็เกือบจะเต็มห้องพอดี จะมีพื้นที่ติดหน้าต่างเหลือไว้นิดหน่อย พอจะวางโต๊ะทำงาน หรือใช้ทำประโยชน์อื่นๆ ได้บ้าง ส่วนห้องน้ำของห้องนี้อยู่ในห้องนอนนะครับ ซึ่งด้านในห้องน้ำก็แบ่งโซนแห้งโซนเปียกไว้ชัดเจน มีกระจกเทมเปอร์กั้นห้องอาบน้ำไว้ กระจกเหนืออ่างล้างหน้าก็เป็นบานใหญ่แบบในห้องตัวอย่างเลย ฟังก์ชั่นเล็กๆ น้อยๆ ภายในห้องน้ำถือว่าทางโครงการค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียด ทั้งชั้นวางของที่ยาวเต็มพื้นที่ ทำให้วางของได้มากขึ้น และที่วางกระดาษทิชชู่ด้านข้างอ่างล้างหน้า ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อเสียเล็กๆ น้อยๆ ที่เราเห็นแล้วขัดตาขัดใจบ้าง อย่างเช่น หัวก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้า ที่ถูกชั้นวางของด้านบนติดตั้งในตำแหน่งเกือบชิดติดกัน คือเวลาใช้งานก็ปกติแหละครับไม่ได้มีปัญหาหรอก แต่ถ้าเกิดต้องซ่อมแซมหัวก๊อกขึ้นมาคงวุ่นวายกันน่าดู จุดที่สองที่ขัดใจก็คือ พื้นตรงส่วนห้องอาบน้ำไม่มีการดร๊อปให้ต่ำลงไป หรือไม่ได้มีการก่อธรณีให้สูงขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำไหลมาที่ส่วนแห้ง เวลาใช้งานจริงๆ เชื่อว่าน้ำซึมออกมาได้แน่นอน แถมตรงประตูห้องน้ำก็ไม่ได้ก่อธรณีกั้นไว้อีก ถ้าเกิดท่อตัน หรือน้ำระบายไม่ทัน มีโอกาสที่จะไหลเข้าห้องนอนได้นะครับ ตรงจุดนี้ถ้าแก้ไขได้อีกนิดหน่อยคงจะดีกว่านี้เยอะครับ สำหรับพื้นที่ระเบียงของห้อง ต้องขอยกให้เป็นจุดเด่นข้อหนึ่งเลย ด้วยพื้นที่ระเบียงที่จัดว่ากว้างพอให้ใช้ประโยชน์ได้ อีกทั้งยังจัดสรรพื้นที่ไว้แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ และวางเครื่องซักผ้าไว้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน ทำให้พื้นที่ตรงระเบียงเหลือมากพอให้ใช้ตากผ้า หรือจัดสวนเล็กๆ ได้เลย มาดูแบบ 1 ห้องนอน Type 1A ขนาด 32 ตารางเมตร กันก่อนนะครับ Plan ห้อง ที่นี่จะใช้ประตู Digital Door Lock แบบนี้นะครับ สวิตช์และปลั๊กไฟทั้งหมดของที่นี่จะใช้ยี่ห้อ Sierra เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว จะเจอกับส่วนครัวที่ตั้งอยู่หน้าห้องก่อนเลยนะครับ ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว ส่วนด้านซ้ายจะเป็นตู้ที่ Built-in ขึ้นมาเป็นตู้เก็บของ และช่องใส่ตู้เย็น เคาน์เตอร์ครัว จะวางเตาไฟฟ้าไว้ด้านขวา ซิ้งค์ล้างจานอยู่ด้านซ้าย ตัวท็อปจะเป็นหินควอทซ์ มีช่องใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง ซิ้งค์ล้างจานแบบฝัง ตัวก็อกจะใช้ยี่ห้อ Sierra เหมือนกันครับ เตาไฟฟ้า 2 หัว ของ MEX มาพร้อมฮูดดูดควัน ยี่ห้อเดียวกัน ฝั่งตรงข้าม เยื้องๆ กับครัว จะเป็นโต๊ะทานอาคารสำหรับ 2 ท่าน เลยเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียง ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ประมาณนี้นะครับ ออกมาดูที่ระเบียงกันต่อเลยนะครับ จุดวางเครื่องซักผ้าจะอยู่ที่ระเบียง ส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนอยู่เหนือเครื่องซักผ้า หันออกนอกระเบียง แล้วก็จะมีประตูเหล็กปิดกั้นอย่างเป็นสัดส่วนให้ด้วยนะครับ รางประตูกระจกบานสไลด์ ทำมาเนียบใช้ได้เลยครับ มาดูที่ห้องนอนกันต่อนะครับ วางเตียง 5 ฟุตกำลังพอดีครับ มีพื้นที่เหลือให้วางอย่างอื่นได้บ้าง พื้นที่ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้ Built-in ชั้นวางทีวีได้นิดหน่อย แต่ถ้าใช้ทีวีแบบแขวนก็จะมีที่วางของเพิ่มขึ้นอีกครับ ด้านข้างเตียงที่ติดกันหน้าต่างมีที่เหลือเยอะพอสมควร ห้องตัวอย่างจะ Built-in เป็นเหมือนโต๊ะนั่งทำงาน แต่ห้องจริงไม่ได้แบบนี้นะครับ หน้าต่างจะเป็นบาน fix นะครับ และมีบานกระทุ้ง 1 บาน ส่วนอีกฝั่งจะเป็นตู้เสื้อผ้า มุมมองจาก Living Area เข้าไปในห้องนอน ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนนะครับ เดี๋ยวไปดูห้องน้ำกันต่อเลย ธรณีประตูเตี้ยๆ กั้นระหว่างห้องน้ำกับห้องนอน การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Sierra ข้างๆ อ่างล้างหน้า เว้าเข้าไปให้มีที่แขวนกระดาษทิชชู่ และวางของได้ด้วย โถสุขภัณฑ์ อยู่ข้างๆ ห้องอาบน้ำ ห้องอาบน้ำจะกั้นด้วยประตูกระจก Temper ชุดฝักบัวของ Sierra เหมือนกันครับ ห้องต่อไปคือเป็นห้อง Type 1B ซึ่งยังคงเป็นแบบ 1 ห้องนอน ในขนาดห้องที่ใกล้เคียงกับห้องแรก คือ 33 ตร.ม. โดย Layout ของห้องนี้จะจัดแบ่งพื้นที่ภายในห้องไว้เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดเข้าห้องมาจะเจอ Living Area ก่อนเป็นอันดับแรก ถัดเข้าไปด้านในก็จะเป็นครัวแบบปิดพร้อมประตูกระจกบานเลื่อน ช่วยป้องกันปัญหากลิ่นรบกวนภายในห้องระหว่างทำครัวได้ดี พื้นที่ครัวของห้องนี้กว้างขวางติดกับระเบียง ซึ่งก็กว้างขนาดที่วันไหนเกิดอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศย้ายโต๊ะออกไปนั่งกินข้าวชมวิวที่ระเบียงก็สามารถย้ายโต๊ะไปตั้งได้เลยครับ ส่วนอีกโซนของห้อง จะเป็นพื้นที่ของห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัว ซึ่งพื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนก็กำลังพอเหมาะแบบคนที่ข้าวของไม่เยอะมาก เพราะมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เท่านั้น ส่วนชั้นเก็บของอื่นๆ คงต้องเฟ้นหาเพิ่มเติมกันเอง ในขณะที่ห้องน้ำก็มี Layout เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ ทั้งวัสดุสุขภัณฑ์และตำแหน่งที่ติดตั้ง สำหรับห้องตัวอย่างห้องนี้ถ้าใครได้เห็นคงรู้สึกถูกใจกับพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่จัดไว้ได้ลงตัวมากๆ อีกทั้งยังให้บรรยากาศที่โล่งโปร่งสบายด้วย เห็นห้องตัวอย่างแล้วก็อย่าลืมว่า ของจริงทางโครงการขายให้มาเป็นห้องเปล่าๆ นะครับ ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ พวกลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ตามมุมต่างๆ ที่เห็นในห้องตัวอย่างเป็นแค่ไอเดียการตกแต่งเท่านั้นครับ ต่อไปเป็นห้อง 1 ห้องนอน Type 1B ขนาด 33 ตารางเมตรนะครับ Plan ห้อง Type นี้เข้ามาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ มุมมองจากในห้อง ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ประมาณนี้นะครับ ถ้าวางโซฟาขนาดเท่านี้ ด้านข้างจะมีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะข้างได้อีกนะครับ ชั้นวางของเหนือโซฟา โต๊ะข้างโซฟา ถัดเข้ามาด้านในเป็นห้องครัว ครัวของ Type นี้จะเป็นแบบปิดนะครับ กั้นระหว่างครัวกับ Living Area ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ข้างบนทางเข้าห้องครัว มีการทำชั้นวางของหลบอยู่ด้วย เก๋ไปอีกแบบ แต่ห้องจริงไม่มีให้แบบนี้นะครับ เคาน์เตอร์ครัวก็จะเหมือนๆ กับ Type 1A เลยครับ มุมมองจากระเบียงเข้ามาในห้อง จะเห็นโต๊ะทานอาคารขนาด 2 ท่าน อยู่ตรงข้ามกับครัว ประตูกระจกบานเลื่อนกั้นระหว่างระเบียงกับครัว ระเบียงของ Type 1B จะไม่เหมือนกับ 1A นะครับ ของ Type นี้ระเบียงจะเป็นทรงสามเหลี่ยม เลยดูเหมือนจะกว้างกว่า ส่วนที่วางเครื่องซักผ้า และคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ตำแหน่งเดียวกันกับ Type 1A ครับ กลับเข้ามาดูที่ห้องนอนกันต่อนะครับ ห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตกำลังเหมาะครับ จะได้มีที่เหลือให้วางอย่างอื่นได้ด้วย ปลายเตียงมีที่เหลือให้พอเดินได้ แต่วางชั้นวางทีวีไม่ได้ ต้องแขวนอย่างเดียวครับ อีกฝั่งของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า ที่จะอยู่ติดกับห้องน้ำเลยครับ ตู้เสื้อผ้า Built-in อยู่ติดกับห้องน้ำ เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยนะครับ ซึ่งชุดสุขภัณฑ์และการจัดวางก็จะเหมือนๆ กับ Type 1A อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำ ทีนี้มาดูห้อง Type 1C กันบ้างครับ ห้องนี้นับว่าโดดเด่นมากเลยทีเดียว ด้วยการออกแบบให้เพดานห้องเป็นแบบ Double Volume สูงถึง 5.5 เมตรและเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในส่วนของชั้นลอยเข้ามา ทำให้ห้องนี้ดูน่าสนใจมากขึ้น จากประตูทางเข้าห้อง ขวามือจะเป็นพื้นที่ของห้องครัว ซึ่งเป็นครัวแบบเปิดเชื่อมต่อกับ Living Area ด้วยโต๊ะกินข้าวเล็กๆ อีกชุด ถัดเข้ามาจากห้องครัวเป็นห้องน้ำและห้องนอนนะครับ รูปแบบและการจัดวางพื้นที่ในห้องน้ำคล้ายกับห้องก่อนหน้าเลย แต่ห้องนอนของห้องนี้รู้สึกว่าจะมีพื้นที่ค่อนข้างเล็กกว่าห้องอื่นๆ เล็กน้อย ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่านะครับ แต่เท่าที่เห็นในห้องพอวางเตียงขนาด 5 ฟุต และใส่ตู้เสื้อผ้า Built-in เข้าไปแล้ว ก็แทบจะไม่เหลือพื้นที่ว่างเลย บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าห้องแบบนี้มีพื้นที่ชั้นลอยมาให้ใช้เพิ่มเติมแล้วมั้งครับ ในห้องนอนจึงไม่ได้ใส่ฟังก์ชั่นอะไรมาก บริเวณชั้นลอยก็สามารถจัดเป็นมุมทำงาน มุมอ่านหนังสือ หรือใช้เก็บของก็ได้ ถึงแม้ห้องแบบนี้จะมีการออกแบบที่แปลกและเก๋ไก๋ แต่ก็มีข้อจำกัดบ้างในบางเรื่อง เช่น ตำแหน่งที่แขวนทีวี ที่ต้องแขวนไว้ตรงชานพักบันไดเลย ซึ่งดูไม่ชินตาซักเท่าไหร่ แต่ด้วยพื้นที่ของ Living Area ที่มีบันไดเพิ่มเข้ามา การจะจัดห้องให้เป็นรูปแบบที่ต่างออกไปคงยากหน่อยครับ อ้อ ข้อเสียอีกอย่างของห้องแบบนี้คือ ใช้แอร์เปลืองมากหน่อย เพราะต้องติดแอร์ถึง 3 จุด ทั้งในห้องนอน โซนนั่งเล่น และชั้นลอยที่ต้องติดแยกกัน ไม่อย่างนั้นเพดานสูงๆ แบบนี้เย็นไม่ทั่วแน่ๆ ต่อมาเป็น Type 1C แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 31 ตารางเมตร ที่โดดเด่นด้วยการทำห้องแบบDouble Volume เพดานสูง 5.5 เมตร และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในส่วนของชั้นลอยเข้ามา Plan ห้อง เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้ว มองตรงไปก็จะเป็นส่วน Living Area แต่เราจะมาดูทางขวามือที่เป็นส่วนครัวกันก่อนนะครับ ส่วนครัวจะเป็นแบบเปิดตั้งอยู่หน้าห้อง ฝั่งตรงข้ามที่อยู่ใต้บันไดก็จะเป็นจุดวางตู้เย็น เคาน์เตอร์ครัวก็จะคล้ายๆ กับ Type ที่ผ่านมานะครับ แต่จะต่างกันตรงที่ห้องนี้จะย้ายเครื่องซักผ้ามาไว้ใต้เคาน์เตอร์ครัวแทน ส่วนวัสดุที่ใช้ และเครื่องครัวก็เหมือนเดิมหมด ส่วนไมโครเวฟ ก็อาจจะต้องเอาไปไว้ที่ชั้นลอยด้านบน เดินเลยผ่านครัวเข้ามาก็จะเป็นห้องน้ำกับห้องนอน เดี๋ยวเราไปดูห้องนอนกันก่อนนะครับ ตู้เสื้อผ้า Built-in อยู่หน้าห้องนอน ห้องนอน Type นี้ ค่อนข้างจะเล็กอยู่สักหน่อยนะครับ วางเตียง 5 ฟุตแล้ว ทางด้านซ้ายของเตียงจะมีพื้นที่เหลือนิดหน่อยให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้ ส่วนด้านขวาที่ติดกับหน้าต่างบานกระทุ้ง จะมีที่เหลือพอให้ผ้าม่านเท่านั้น ออกมาดูที่ห้องน้ำกันต่อนะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้และการจัดวางก็จะเหมือนกับห้องที่ผ่านๆ มา ห้องอาบน้ำ กลับมาที่ส่วน Living Area โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่านจะตั้งอยู่ตรงข้ามกับครัว ข้างๆ โซฟา ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นจุดที่วางทีวี บวกกับบันไดขึ้นชันลอย เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด ระเบียงจะอยู่ติดกับส่วน Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเหมือนห้องที่ผ่านมา จุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ก็จะอยู่ตรงนี้นะครับ หันหน้าออกนอกระเบียง มุมมองจากระเบียง บันไดขึ้นชั้นลอยจะเป็นบันไดเหล็กนะครับ ดูแล้วอาจจะแคบและชันอยู่สักหน่อย เวลาเดินชึ้น เดินลง ก็ต้องระมัดระวังกันด้วยนะครับ โต๊ะทำงานที่ชั้นลอย ชั้นวางของ Built-in ด้านหลังโต๊ะทำงาน มุมมองจากโต๊ะทำงาน ติดโคมไฟเก๋ๆ เพิ่มบรรยากาศในการนั่งทำงาน มุมมองจากชั้นลอยลงมาที่ Living Area แล้วก็มาถึงห้องแบบสุดท้ายคือ Type 2A เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน มีขนาดพื้นที่ 56 ตร.ม. ซึ่งห้อง Type นี้จะเป็นห้องหน้ากว้างและอยู่ในตำแหน่งมุมของอาคารHigh Rise เท่านั้นนะครับ เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาจะเห็นพื้นที่ครัวอยู่ตรงหน้าพอดี ส่วนพื้นที่อื่นๆ จะแยกออกเป็นฝั่งซ้ายและขวา โดยที่ด้านขวาจะเป็น Living Area ติดกับระเบียงและได้กระจกแบบเข้ามุม ซึ่งจะช่วยให้เห็นวิวได้กว้างขึ้น และรับแสงธรรมชาติได้มากขึ้นด้วย แต่พอต้องวางทีวีไว้ที่ตำแหน่งหน้ากระจกใสบานใหญ่ ก็ทำให้เกิดปัญหาแสงสะท้อนเข้าตาขณะดูทีวีอีก ดังนั้นผ้าม่านที่มุมนี้คงได้ใช้งานเปิดๆ ปิดๆ บ่อยแน่นอน ด้านที่ติดกันกับชุดโซฟาใน Living Area จะเป็นห้องนอนใหญ่ หรือ Master Bedroom ครับ พื้นที่ในห้องนอนไม่ได้กว้างมาก วางเตียง และตู้เสื้อผ้า Built-in ไปแล้วก็เหลือที่แค่พอเดินได้เท่านั้น ส่วนบริเวณหน้าต่างของห้องนี้ก็อาจจะวาง Day Bed หรือโต๊ะสูงตามแบบห้องตัวอย่างก็ได้เช่นกัน ห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ก็ไม่มีอะไรมาก คล้ายๆ กับห้องที่ผ่านมานั่นแหละ ข้ามไปที่โซนทางด้านซ้ายของห้องบ้าง ติดกับห้องครัวเป็นห้องน้ำอยู่หน้าห้องนอนเล็กเลย ส่วนพื้นที่ในห้องนอนก็กำลังกระทัดรัด วางเตียง 3.5 ฟุต แล้วก็เหลือที่ว่างให้ตั้งโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้อีกหน่อย ถ้าเป็นห้องของเด็กๆ ก็ดูลงตัวน่ารักดีครับ ห้องสุดท้ายเป็นแบบ 2 ห้องนอน Type 2A ขนาด 56 ตารางเมตร Plan ห้อง เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวที่อยู่ตรงกับประตูห้องก่อนเลยนะครับ ครัว Type นี้ จะแยกออกเป็น 2 ฝั่ง หน้าตาครัวจะได้แบบนี้นะครับ ตู้เย็นจะอยู่ฝั่งเดียวกับเตาไฟฟ้า ส่วนอีกฝั่งจะเป็นซิ้งค์ล้างจานพร้อมที่เตรียมอาหาร ที่มีลักษณะเป็นเคาน์เตอร์ยาว เตาไฟฟ้าก็จะต่างกับห้อง 1 ห้องนอนนะครับ Type นี้จะได้เตาไฟฟ้า 4 หัว ของ MEX เจ้าเก่า ฮูดดูดควัน ซิ้งค์ล้างจาน พร้อมที่เตรียมอาหาร ก็อกน้ำ Sierra เครื่องซักผ้าจะวางอยู่ใต้เคาน์เตอร์ซิ้งค์ล้างจาน โต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน จะอยู่ติดกับเคาน์เตอร์เตรียมอาหาร กั้นกลางระหว่างครัวกับห้องนั่งเล่นนะครับ เลยจากโต๊ะทานอาหารเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียง ผนังด้านหลังทีวีทำเป็นกระจกเข้ามุมเชื่อมต่อกับส่วนของระเบียง สามารถเห็นวิวได้ทั้ง 2 ด้านเลยล่ะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ประมาณนี้นะครับ ระเบียงก็จะเหมือนกับ Type ที่ผ่านมานะครับ ตำแห่งการวางคอมเพรสเซอร์แอรืก็จะเหมือนกัน จาก Living Area มาดู Master Bedroom ที่อยู่ใกล้ๆ กันต่อนะครับ ขนาดห้องก็ไม่ได้กว้างมาก วางเตียง 5 ฟุตแล้วจะเหลือพื้นที่ข้างเตียงนิดหน่อย ปลายเตียงก็จะเหลือพื้นที่ประมาณนี้นะครับ ใช้ทีวีแบบแขวนจะเหมาะกว่า ถ้า Built-in ชั้นวางไปแล้วแทบไม่เหลือที่ให้เดินเลย ริมหน้าต่างมีที่ว่างเหลือพอให้วางโต๊ะสูงนั่งทำงาน หรือจะวาง Daybed เก๋ๆ ไว้นอนอ่านหนังสือริมหน้าต่างก็ไม่ว่ากัน ตู้เสื้อผ้า Built-in วางอยู่ข้างเตียง ใกล้ๆ ห้องน้ำ ในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวด้วยนะครับ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็เหมือน Type ก่อนๆ นะครับ ห้องอาบน้ำ จากห้องนอนใหญ่เราข้ามฟากไปดูห้องนอนเล็กกันบ้างนะครับ ก่อนถึงห้องนอนเล็กจะมีห้องน้ำอีกห้องนึงนะครับ ตู้เสื้อผ้าจะวางอยู่หน้าห้องเหมืองห้องนอนใหญ่นะครับ ห่้องนอนเล็กโครงการจะวางเตียง 3 ฟุตนะครับ ทำให้ข้างเตียงมีที่ว่างเหลือให้วางโต๊ะทำงาน ทำการบ้านได้ โต๊ะทำงานข้างเตียง ปลายเตียงมีที่เหลือเล็กน้อยให้ Built-in ชั้นวางของ ส่วนทีวีใช้แบบแขวนน่าจะเหมาะกว่าครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน ด้วยทำเลที่ตั้งของ Than Living รัชดา-ประชาอุทิศ ที่อยู่ค่อนมาทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์) จึงเหมาะกับคนที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก และไม่หวังพึ่งพาระบบขนส่งมวลชนมากนัก รวมถึงต้องการที่อยู่อาศัยในย่านประชาอุทิศ เนื่องจากทำเลย่านนี้มีเส้นทางเลี่ยงเข้าออกเมืองได้หลายทาง อีกทั้งยังใกล้ด่านขึ้นลงทางด่วนด้วย ถึงจะมีการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นหลายจุด แต่ก็ยังถือว่าเดินทางด้วยรถส่วนตัวได้สะดวกดี ผิดกับการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าที่อยู่ห่างออกไปมาก คนที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้ด้วย โครงการนี้คงไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ ส่วนศักยภาพทางด้านการเติบโตของย่านนี้ คงไม่ได้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงซักเท่าไหร่ ถึงต่อให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-สุวินทวงศ์) สร้างเสร็จใช้งานได้ ตัวโครงการก็คงไม่ได้รับอานิสงค์มากนัก เพราะยังไงสถานีที่ใกล้ที่สุดก็ยังคงมีระยะห่างมากกว่าจะใช้คำว่าเดินทางสะดวกได้ พื้นที่รอบๆ โครงการมีความพร้อมค่อนข้างสูงสำหรับการอยู่อาศัย เพราะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมถึงแหล่งช็อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า และคอมมิวนิตี้มอลล์ ที่พอจะพึ่งพิงได้หลายแห่ง ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในรัศมีที่ต้องเดินทางด้วยรถส่วนตัวถึงจะสะดวก ส่วนแหล่งพึ่งพิงในระยะเดินถึงก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือมินิมาร์ทในปั๊มน้ำมันใกล้ๆ บริเวณรอบๆ ไม่ค่อยมีสำนักงาน หน่วยงานราชการใหญ่ๆ เท่าไหร่นัก ดังนั้นคนทำงานกลุ่มนี้จึงไม่ใช่เป้าหมายหลักสำหรับการปล่อยห้องเช่า จากที่ลองสำรวจดู ตัวโครงการอยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติถึง 2 แห่ง ซึ่งกลุ่มครอบครัวที่มีลูกๆ วัยเรียน และครูอาจารย์ในโรงเรียนนานาชาติเหล่านี้น่าจะพอหวังให้มาเช่าห้องได้บ้าง แต่ทั้งนี้ก็คงต้องทำการตกแต่งเชิญชวนกันหนักหน่อย นอกจากนี้เรื่องความคุ้มค่าจากราคาห้องก็ถือว่า สมน้ำสมเนื้อพอสมควร เพราะวัสดุ สุขภัณฑ์ เครื่องใช้ที่ให้มากับห้องจัดเป็นเกรดพรีเมี่ยมดี รวมถึงพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่ทางโครงการเน้นจัดให้กว้างขวาง มีพื้นที่ส่วนกลางครบครัน และมีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการใช้งานได้จริง รวมถึงเรื่องดีไซน์การออกแบบที่ดูทันสมัย จึงน่าจะถูกใจคนรุ่นใหม่ที่ชอบรูปลักษณ์ทันสมัยได้สะดุดตามากๆ ดูจากโมเดลจะเห็นลูกเล่นของเส้นสายกราฟฟิกของตัวตึก High Rise อันเนื่องมาจากตำแหน่งของห้องในแต่ละแบบที่วางสลับกันไปมานั่นเอง สำหรับเรื่องทิศทางของแดดและลม ก็ต้องมาดูที่ตัวที่ดินของโครงการซึ่งวางอยู่ในแนวทิศเหนือ-ใต้  ดังนั้นตัวอาคารจึงต้องหันหน้าเผชิญกับทิศตะวันออกและตะวันตกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ห้องในตึก High Riseด้านที่หันหน้าไปทางถนนประดิษฐ์มนูธรรมคงจะร้อนน้อยหน่อย เพราะเป็นทิศตะวันออก ส่วนอีกด้านทางทิศตะวันตก ก็โดนแดดกันไปเต็มๆ ครับ เลี่ยงได้ยากจริงๆ หรือถ้าใครเลือกที่จะอยู่ในตึก Low Rise อาจจะเสียเปรียบเรื่องวิวบ้าง แต่ก็แลกกับร่มเงาที่ได้ตึก High Rise ที่ช่วยผ่อนความร้อนจากแดดเช้าไปได้มากพอสมควร ในขณะที่แดดบ่ายก็ไร้ทางหลบเลี่ยงได้เช่นกัน ออกมาดูรอบๆ โครงการก็ต้องบอกว่า บนถนนประชาอุทิศคึกคักไม่น้อยเลย เพราะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิงมากมาย และปั้มน้ำมันพร้อมมินิมาร์ทที่อยู่ภายในให้เราได้พึ่งพาได้ รวมถึงโรงเรียนนานาชาติที่อยู่ใกล้ๆ กับโครงการอีกหลายแห่ง เช่น โรงเรียนนานาชาติคิซ (KIS International School) โรงเรียนนานาชาติรีเจนท์ (Regent International School) เป็นต้น หรือถ้าออกจากถนนประชาอุทิศไปอีกหน่อย บนถนนประดิษฐ์มนูธรรมก็เต็มไปด้วยร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ แหล่งช๊อปปิ้งดังๆ มากมาย ถ้ามีรถส่วนตัวไว้ใช้หน่อยการไปไหนมาไหนรอบๆ โครงการก็จัดว่าสะดวกและครบครันมากๆ ครับ ด้านหน้าโครงการจะหันไปทางทิศเหนือ ซึ่งก็คือด้านถนนประชาอุทิศ ผืนที่ดินบังคับให้อาคารต้องหันไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มาดูที่อาคาร Low Rise กันก่อนนะครับ ชั้น G ของทั้ง 3 อาคารจะคล้ายๆ กัน ซึ่งจะเป็นที่จอดรถอยู่ใต้อาคาร ผังอาคาร Low Rise จะเห็นว่า มีที่จอดรถ 3 ชั้น อยู่ใต้อาคาร ทางลงที่จอดรถชั้นใต้ดิน มาดูที่ชั้น 2 กันต่อนะครับ ชั้น 2 ของอาคาร A จะเน้นไปที่สวนสีเขียวอยู่ด้านหน้าอาคาร อาคาร B สำหรับคนรักสุขภาพ ก็จะมี Gym และสระว่ายน้ำ สระใหญ่ อยู่ด้านหน้าอาคาร อาคาร C จะมีสระว่ายน้ำ สระเล็ก ภาพจำลองบรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางระหว่างอาคารทั้ง 2 ฝั่ง มาดูที่กันที่อาคาร High Rise บ้างนะครับ ที่ชั้น G ของแต่ละอาคารก็จะคล้ายๆ กัน เป็นที่จอดรถใต้อาคารส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งก็จะเป็น Facility อย่าง Lobby, Mailbox, Shop, Gym แตกต่างกันไปในแต่ละอาคาร เรามาเริ่มจากอาคาร Smart 1 ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุดกันก่อนนะครับ ที่ตึก Smart 1 นอกจากจะมี Lobby และ Mailbox ก็จะมี Coffee Shop อยู่ด้วย อาคาร Smart 2 เป็นอาคารที่อยู่ตรงข้ามกับอาคาร B (B Healthy) ที่จะเน้น Facility อย่างสระว่ายน้ำ และ Gym ที่ใต้อาคาร Smart 2 นี้จึงมา Gym ให้อีกหนึ่งห้องครับ ซึ่งใหญ่กว่าที่อาคาร B ด้วย หน้าตาของ Gym ใต้อาคาร Smart 2 อาคาร Smart 3 จะมีห้องสมุดสำหรับอ่านหนังสือ นั่งติวหนังสือ หรือทำการบ้านได้ ครับ บรรยากาศของห้องสมุดใต้อาคาร Smart 3 ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 ขึ้นไปนะครับ เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 10 ยูนิตต่อชั้น การวาง Layout ของทั้ง 3 อาคารก็จะคล้ายๆ กัน ที่ชั้น 18-19 อาคาร Smart 2 และ ชั้น 19-20 อาคาร Smart 3 จะเป็นห้อง Duplex ส่วนที่ชั้นบนสุดของอาคาร High Rise ของทั้ง 3 อาคาร จะเป็นห้อง Penthouse พาชมห้องตัวอย่าง ถึงคราวของห้องตัวอย่างกันบ้างครับ ทางโครงการเตรียมห้องตัวอย่างให้เราได้ชมด้วยกัน 4  แบบ เริ่มต้นกันด้วยห้องแบบ 1 ห้องนอน Type 1A ที่ขนาด 32 ตร.ม. โดยประมาณ เปิดประตู้ห้องนี้เข้ามาก็จะเจอส่วนของห้องครัวก่อนเลยครับ พื้นที่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเว้นเป็นที่วางตู้เย็นได้ ส่วนตู้ Built-in ในห้องตัวอย่างจะมีไว้เพื่อการตกแต่งเท่านั้น ของจริงไม่ได้มาพร้อมกับห้องนะครับ ถัดเข้าไปด้านในเป็น Living Area ที่จัดสรรพื้นที่ให้โต๊ะกินข้าวชุดเล็กๆ อยู่รวมกับชุดโซฟานั่งเล่นได้พอดี ระยะห่างระหว่างโซฟากับผนังห้องที่ใช้แขวนทีวีมีขนาดกำลังพอเหมาะ ประกอบกับอยู่ติดระเบียงจึงช่วยให้บรรยากาศโดยรวมดูสบายตามากขึ้น ภายในห้องนอน ทางโครงการมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ พื้นที่ที่เหลือพอวางเตียงขนาด 5 ฟุตลงไปแล้วก็เกือบจะเต็มห้องพอดี จะมีพื้นที่ติดหน้าต่างเหลือไว้นิดหน่อย พอจะวางโต๊ะทำงาน หรือใช้ทำประโยชน์อื่นๆ ได้บ้าง ส่วนห้องน้ำของห้องนี้อยู่ในห้องนอนนะครับ ซึ่งด้านในห้องน้ำก็แบ่งโซนแห้งโซนเปียกไว้ชัดเจน มีกระจกเทมเปอร์กั้นห้องอาบน้ำไว้ กระจกเหนืออ่างล้างหน้าก็เป็นบานใหญ่แบบในห้องตัวอย่างเลย ฟังก์ชั่นเล็กๆ น้อยๆ ภายในห้องน้ำถือว่าทางโครงการค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียด ทั้งชั้นวางของที่ยาวเต็มพื้นที่ ทำให้วางของได้มากขึ้น และที่วางกระดาษทิชชู่ด้านข้างอ่างล้างหน้า ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อเสียเล็กๆ น้อยๆ ที่เราเห็นแล้วขัดตาขัดใจบ้าง อย่างเช่น หัวก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้า ที่ถูกชั้นวางของด้านบนติดตั้งในตำแหน่งเกือบชิดติดกัน คือเวลาใช้งานก็ปกติแหละครับไม่ได้มีปัญหาหรอก แต่ถ้าเกิดต้องซ่อมแซมหัวก๊อกขึ้นมาคงวุ่นวายกันน่าดู จุดที่สองที่ขัดใจก็คือ พื้นตรงส่วนห้องอาบน้ำไม่มีการดร๊อปให้ต่ำลงไป หรือไม่ได้มีการก่อธรณีให้สูงขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำไหลมาที่ส่วนแห้ง เวลาใช้งานจริงๆ เชื่อว่าน้ำซึมออกมาได้แน่นอน แถมตรงประตูห้องน้ำก็ไม่ได้ก่อธรณีกั้นไว้อีก ถ้าเกิดท่อตัน หรือน้ำระบายไม่ทัน มีโอกาสที่จะไหลเข้าห้องนอนได้นะครับ ตรงจุดนี้ถ้าแก้ไขได้อีกนิดหน่อยคงจะดีกว่านี้เยอะครับ สำหรับพื้นที่ระเบียงของห้อง ต้องขอยกให้เป็นจุดเด่นข้อหนึ่งเลย ด้วยพื้นที่ระเบียงที่จัดว่ากว้างพอให้ใช้ประโยชน์ได้ อีกทั้งยังจัดสรรพื้นที่ไว้แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ และวางเครื่องซักผ้าไว้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน ทำให้พื้นที่ตรงระเบียงเหลือมากพอให้ใช้ตากผ้า หรือจัดสวนเล็กๆ ได้เลย มาดูแบบ 1 ห้องนอน Type 1A ขนาด 32 ตารางเมตร กันก่อนนะครับ Plan ห้อง ที่นี่จะใช้ประตู Digital Door Lock แบบนี้นะครับ สวิตช์และปลั๊กไฟทั้งหมดของที่นี่จะใช้ยี่ห้อ Sierra เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว จะเจอกับส่วนครัวที่ตั้งอยู่หน้าห้องก่อนเลยนะครับ ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว ส่วนด้านซ้ายจะเป็นตู้ที่ Built-in ขึ้นมาเป็นตู้เก็บของ และช่องใส่ตู้เย็น เคาน์เตอร์ครัว จะวางเตาไฟฟ้าไว้ด้านขวา ซิ้งค์ล้างจานอยู่ด้านซ้าย ตัวท็อปจะเป็นหินควอทซ์ มีช่องใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง ซิ้งค์ล้างจานแบบฝัง ตัวก็อกจะใช้ยี่ห้อ Sierra เหมือนกันครับ เตาไฟฟ้า 2 หัว ของ MEX มาพร้อมฮูดดูดควัน ยี่ห้อเดียวกัน ฝั่งตรงข้าม เยื้องๆ กับครัว จะเป็นโต๊ะทานอาคารสำหรับ 2 ท่าน เลยเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียง ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ประมาณนี้นะครับ ออกมาดูที่ระเบียงกันต่อเลยนะครับ จุดวางเครื่องซักผ้าจะอยู่ที่ระเบียง ส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนอยู่เหนือเครื่องซักผ้า หันออกนอกระเบียง แล้วก็จะมีประตูเหล็กปิดกั้นอย่างเป็นสัดส่วนให้ด้วยนะครับ รางประตูกระจกบานสไลด์ ทำมาเนียบใช้ได้เลยครับ มาดูที่ห้องนอนกันต่อนะครับ วางเตียง 5 ฟุตกำลังพอดีครับ มีพื้นที่เหลือให้วางอย่างอื่นได้บ้าง พื้นที่ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้ Built-in ชั้นวางทีวีได้นิดหน่อย แต่ถ้าใช้ทีวีแบบแขวนก็จะมีที่วางของเพิ่มขึ้นอีกครับ ด้านข้างเตียงที่ติดกันหน้าต่างมีที่เหลือเยอะพอสมควร ห้องตัวอย่างจะ Built-in เป็นเหมือนโต๊ะนั่งทำงาน แต่ห้องจริงไม่ได้แบบนี้นะครับ หน้าต่างจะเป็นบาน fix นะครับ และมีบานกระทุ้ง 1 บาน ส่วนอีกฝั่งจะเป็นตู้เสื้อผ้า มุมมองจาก Living Area เข้าไปในห้องนอน ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนนะครับ เดี๋ยวไปดูห้องน้ำกันต่อเลย ธรณีประตูเตี้ยๆ กั้นระหว่างห้องน้ำกับห้องนอน การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Sierra ข้างๆ อ่างล้างหน้า เว้าเข้าไปให้มีที่แขวนกระดาษทิชชู่ และวางของได้ด้วย โถสุขภัณฑ์ อยู่ข้างๆ ห้องอาบน้ำ ห้องอาบน้ำจะกั้นด้วยประตูกระจก Temper ชุดฝักบัวของ Sierra เหมือนกันครับ ห้องต่อไปคือเป็นห้อง Type 1B ซึ่งยังคงเป็นแบบ 1 ห้องนอน ในขนาดห้องที่ใกล้เคียงกับห้องแรก คือ 33 ตร.ม. โดย Layout ของห้องนี้จะจัดแบ่งพื้นที่ภายในห้องไว้เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดเข้าห้องมาจะเจอ Living Area ก่อนเป็นอันดับแรก ถัดเข้าไปด้านในก็จะเป็นครัวแบบปิดพร้อมประตูกระจกบานเลื่อน ช่วยป้องกันปัญหากลิ่นรบกวนภายในห้องระหว่างทำครัวได้ดี พื้นที่ครัวของห้องนี้กว้างขวางติดกับระเบียง ซึ่งก็กว้างขนาดที่วันไหนเกิดอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศย้ายโต๊ะออกไปนั่งกินข้าวชมวิวที่ระเบียงก็สามารถย้ายโต๊ะไปตั้งได้เลยครับ ส่วนอีกโซนของห้อง จะเป็นพื้นที่ของห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัว ซึ่งพื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนก็กำลังพอเหมาะแบบคนที่ข้าวของไม่เยอะมาก เพราะมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เท่านั้น ส่วนชั้นเก็บของอื่นๆ คงต้องเฟ้นหาเพิ่มเติมกันเอง ในขณะที่ห้องน้ำก็มี Layout เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ ทั้งวัสดุสุขภัณฑ์และตำแหน่งที่ติดตั้ง สำหรับห้องตัวอย่างห้องนี้ถ้าใครได้เห็นคงรู้สึกถูกใจกับพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่จัดไว้ได้ลงตัวมากๆ อีกทั้งยังให้บรรยากาศที่โล่งโปร่งสบายด้วย เห็นห้องตัวอย่างแล้วก็อย่าลืมว่า ของจริงทางโครงการขายให้มาเป็นห้องเปล่าๆ นะครับ ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ พวกลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ตามมุมต่างๆ ที่เห็นในห้องตัวอย่างเป็นแค่ไอเดียการตกแต่งเท่านั้นครับ ต่อไปเป็นห้อง 1 ห้องนอน Type 1B ขนาด 33 ตารางเมตรนะครับ Plan ห้อง Type นี้เข้ามาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะครับ มุมมองจากในห้อง ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ประมาณนี้นะครับ ถ้าวางโซฟาขนาดเท่านี้ ด้านข้างจะมีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะข้างได้อีกนะครับ ชั้นวางของเหนือโซฟา โต๊ะข้างโซฟา ถัดเข้ามาด้านในเป็นห้องครัว ครัวของ Type นี้จะเป็นแบบปิดนะครับ กั้นระหว่างครัวกับ Living Area ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ข้างบนทางเข้าห้องครัว มีการทำชั้นวางของหลบอยู่ด้วย เก๋ไปอีกแบบ แต่ห้องจริงไม่มีให้แบบนี้นะครับ เคาน์เตอร์ครัวก็จะเหมือนๆ กับ Type 1A เลยครับ มุมมองจากระเบียงเข้ามาในห้อง จะเห็นโต๊ะทานอาคารขนาด 2 ท่าน อยู่ตรงข้ามกับครัว ประตูกระจกบานเลื่อนกั้นระหว่างระเบียงกับครัว ระเบียงของ Type 1B จะไม่เหมือนกับ 1A นะครับ ของ Type นี้ระเบียงจะเป็นทรงสามเหลี่ยม เลยดูเหมือนจะกว้างกว่า ส่วนที่วางเครื่องซักผ้า และคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ตำแหน่งเดียวกันกับ Type 1A ครับ กลับเข้ามาดูที่ห้องนอนกันต่อนะครับ ห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตกำลังเหมาะครับ จะได้มีที่เหลือให้วางอย่างอื่นได้ด้วย ปลายเตียงมีที่เหลือให้พอเดินได้ แต่วางชั้นวางทีวีไม่ได้ ต้องแขวนอย่างเดียวครับ อีกฝั่งของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า ที่จะอยู่ติดกับห้องน้ำเลยครับ ตู้เสื้อผ้า Built-in อยู่ติดกับห้องน้ำ เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยนะครับ ซึ่งชุดสุขภัณฑ์และการจัดวางก็จะเหมือนๆ กับ Type 1A อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำ ทีนี้มาดูห้อง Type 1C กันบ้างครับ ห้องนี้นับว่าโดดเด่นมากเลยทีเดียว ด้วยการออกแบบให้เพดานห้องเป็นแบบ Double Volume สูงถึง 5.5 เมตรและเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในส่วนของชั้นลอยเข้ามา ทำให้ห้องนี้ดูน่าสนใจมากขึ้น จากประตูทางเข้าห้อง ขวามือจะเป็นพื้นที่ของห้องครัว ซึ่งเป็นครัวแบบเปิดเชื่อมต่อกับ Living Area ด้วยโต๊ะกินข้าวเล็กๆ อีกชุด ถัดเข้ามาจากห้องครัวเป็นห้องน้ำและห้องนอนนะครับ รูปแบบและการจัดวางพื้นที่ในห้องน้ำคล้ายกับห้องก่อนหน้าเลย แต่ห้องนอนของห้องนี้รู้สึกว่าจะมีพื้นที่ค่อนข้างเล็กกว่าห้องอื่นๆ เล็กน้อย ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่านะครับ แต่เท่าที่เห็นในห้องพอวางเตียงขนาด 5 ฟุต และใส่ตู้เสื้อผ้า Built-in เข้าไปแล้ว ก็แทบจะไม่เหลือพื้นที่ว่างเลย บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าห้องแบบนี้มีพื้นที่ชั้นลอยมาให้ใช้เพิ่มเติมแล้วมั้งครับ ในห้องนอนจึงไม่ได้ใส่ฟังก์ชั่นอะไรมาก บริเวณชั้นลอยก็สามารถจัดเป็นมุมทำงาน มุมอ่านหนังสือ หรือใช้เก็บของก็ได้ ถึงแม้ห้องแบบนี้จะมีการออกแบบที่แปลกและเก๋ไก๋ แต่ก็มีข้อจำกัดบ้างในบางเรื่อง เช่น ตำแหน่งที่แขวนทีวี ที่ต้องแขวนไว้ตรงชานพักบันไดเลย ซึ่งดูไม่ชินตาซักเท่าไหร่ แต่ด้วยพื้นที่ของ Living Area ที่มีบันไดเพิ่มเข้ามา การจะจัดห้องให้เป็นรูปแบบที่ต่างออกไปคงยากหน่อยครับ อ้อ ข้อเสียอีกอย่างของห้องแบบนี้คือ ใช้แอร์เปลืองมากหน่อย เพราะต้องติดแอร์ถึง 3 จุด ทั้งในห้องนอน โซนนั่งเล่น และชั้นลอยที่ต้องติดแยกกัน ไม่อย่างนั้นเพดานสูงๆ แบบนี้เย็นไม่ทั่วแน่ๆ ต่อมาเป็น Type 1C แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 31 ตารางเมตร ที่โดดเด่นด้วยการทำห้องแบบDouble Volume เพดานสูง 5.5 เมตร และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในส่วนของชั้นลอยเข้ามา Plan ห้อง เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้ว มองตรงไปก็จะเป็นส่วน Living Area แต่เราจะมาดูทางขวามือที่เป็นส่วนครัวกันก่อนนะครับ ส่วนครัวจะเป็นแบบเปิดตั้งอยู่หน้าห้อง ฝั่งตรงข้ามที่อยู่ใต้บันไดก็จะเป็นจุดวางตู้เย็น เคาน์เตอร์ครัวก็จะคล้ายๆ กับ Type ที่ผ่านมานะครับ แต่จะต่างกันตรงที่ห้องนี้จะย้ายเครื่องซักผ้ามาไว้ใต้เคาน์เตอร์ครัวแทน ส่วนวัสดุที่ใช้ และเครื่องครัวก็เหมือนเดิมหมด ส่วนไมโครเวฟ ก็อาจจะต้องเอาไปไว้ที่ชั้นลอยด้านบน เดินเลยผ่านครัวเข้ามาก็จะเป็นห้องน้ำกับห้องนอน เดี๋ยวเราไปดูห้องนอนกันก่อนนะครับ ตู้เสื้อผ้า Built-in อยู่หน้าห้องนอน ห้องนอน Type นี้ ค่อนข้างจะเล็กอยู่สักหน่อยนะครับ วางเตียง 5 ฟุตแล้ว ทางด้านซ้ายของเตียงจะมีพื้นที่เหลือนิดหน่อยให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้ ส่วนด้านขวาที่ติดกับหน้าต่างบานกระทุ้ง จะมีที่เหลือพอให้ผ้าม่านเท่านั้น ออกมาดูที่ห้องน้ำกันต่อนะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้และการจัดวางก็จะเหมือนกับห้องที่ผ่านๆ มา ห้องอาบน้ำ กลับมาที่ส่วน Living Area โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่านจะตั้งอยู่ตรงข้ามกับครัว ข้างๆ โซฟา ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นจุดที่วางทีวี บวกกับบันไดขึ้นชันลอย เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด ระเบียงจะอยู่ติดกับส่วน Living Area นะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเหมือนห้องที่ผ่านมา จุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ก็จะอยู่ตรงนี้นะครับ หันหน้าออกนอกระเบียง มุมมองจากระเบียง บันไดขึ้นชั้นลอยจะเป็นบันไดเหล็กนะครับ ดูแล้วอาจจะแคบและชันอยู่สักหน่อย เวลาเดินชึ้น เดินลง ก็ต้องระมัดระวังกันด้วยนะครับ โต๊ะทำงานที่ชั้นลอย ชั้นวางของ Built-in ด้านหลังโต๊ะทำงาน มุมมองจากโต๊ะทำงาน ติดโคมไฟเก๋ๆ เพิ่มบรรยากาศในการนั่งทำงาน มุมมองจากชั้นลอยลงมาที่ Living Area แล้วก็มาถึงห้องแบบสุดท้ายคือ Type 2A เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน มีขนาดพื้นที่ 56 ตร.ม. ซึ่งห้อง Type นี้จะเป็นห้องหน้ากว้างและอยู่ในตำแหน่งมุมของอาคารHigh Rise เท่านั้นนะครับ เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาจะเห็นพื้นที่ครัวอยู่ตรงหน้าพอดี ส่วนพื้นที่อื่นๆ จะแยกออกเป็นฝั่งซ้ายและขวา โดยที่ด้านขวาจะเป็น Living Area ติดกับระเบียงและได้กระจกแบบเข้ามุม ซึ่งจะช่วยให้เห็นวิวได้กว้างขึ้น และรับแสงธรรมชาติได้มากขึ้นด้วย แต่พอต้องวางทีวีไว้ที่ตำแหน่งหน้ากระจกใสบานใหญ่ ก็ทำให้เกิดปัญหาแสงสะท้อนเข้าตาขณะดูทีวีอีก ดังนั้นผ้าม่านที่มุมนี้คงได้ใช้งานเปิดๆ ปิดๆ บ่อยแน่นอน ด้านที่ติดกันกับชุดโซฟาใน Living Area จะเป็นห้องนอนใหญ่ หรือ Master Bedroom ครับ พื้นที่ในห้องนอนไม่ได้กว้างมาก วางเตียง และตู้เสื้อผ้า Built-in ไปแล้วก็เหลือที่แค่พอเดินได้เท่านั้น ส่วนบริเวณหน้าต่างของห้องนี้ก็อาจจะวาง Day Bed หรือโต๊ะสูงตามแบบห้องตัวอย่างก็ได้เช่นกัน ห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ก็ไม่มีอะไรมาก คล้ายๆ กับห้องที่ผ่านมานั่นแหละ ข้ามไปที่โซนทางด้านซ้ายของห้องบ้าง ติดกับห้องครัวเป็นห้องน้ำอยู่หน้าห้องนอนเล็กเลย ส่วนพื้นที่ในห้องนอนก็กำลังกระทัดรัด วางเตียง 3.5 ฟุต แล้วก็เหลือที่ว่างให้ตั้งโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้อีกหน่อย ถ้าเป็นห้องของเด็กๆ ก็ดูลงตัวน่ารักดีครับ ห้องสุดท้ายเป็นแบบ 2 ห้องนอน Type 2A ขนาด 56 ตารางเมตร Plan ห้อง เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วนครัวที่อยู่ตรงกับประตูห้องก่อนเลยนะครับ ครัว Type นี้ จะแยกออกเป็น 2 ฝั่ง หน้าตาครัวจะได้แบบนี้นะครับ ตู้เย็นจะอยู่ฝั่งเดียวกับเตาไฟฟ้า ส่วนอีกฝั่งจะเป็นซิ้งค์ล้างจานพร้อมที่เตรียมอาหาร ที่มีลักษณะเป็นเคาน์เตอร์ยาว เตาไฟฟ้าก็จะต่างกับห้อง 1 ห้องนอนนะครับ Type นี้จะได้เตาไฟฟ้า 4 หัว ของ MEX เจ้าเก่า ฮูดดูดควัน ซิ้งค์ล้างจาน พร้อมที่เตรียมอาหาร ก็อกน้ำ Sierra เครื่องซักผ้าจะวางอยู่ใต้เคาน์เตอร์ซิ้งค์ล้างจาน โต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน จะอยู่ติดกับเคาน์เตอร์เตรียมอาหาร กั้นกลางระหว่างครัวกับห้องนั่งเล่นนะครับ เลยจากโต๊ะทานอาหารเข้ามาด้านในจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียง ผนังด้านหลังทีวีทำเป็นกระจกเข้ามุมเชื่อมต่อกับส่วนของระเบียง สามารถเห็นวิวได้ทั้ง 2 ด้านเลยล่ะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ประมาณนี้นะครับ ระเบียงก็จะเหมือนกับ Type ที่ผ่านมานะครับ ตำแห่งการวางคอมเพรสเซอร์แอรืก็จะเหมือนกัน จาก Living Area มาดู Master Bedroom ที่อยู่ใกล้ๆ กันต่อนะครับ ขนาดห้องก็ไม่ได้กว้างมาก วางเตียง 5 ฟุตแล้วจะเหลือพื้นที่ข้างเตียงนิดหน่อย ปลายเตียงก็จะเหลือพื้นที่ประมาณนี้นะครับ ใช้ทีวีแบบแขวนจะเหมาะกว่า ถ้า Built-in ชั้นวางไปแล้วแทบไม่เหลือที่ให้เดินเลย ริมหน้าต่างมีที่ว่างเหลือพอให้วางโต๊ะสูงนั่งทำงาน หรือจะวาง Daybed เก๋ๆ ไว้นอนอ่านหนังสือริมหน้าต่างก็ไม่ว่ากัน ตู้เสื้อผ้า Built-in วางอยู่ข้างเตียง ใกล้ๆ ห้องน้ำ ในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวด้วยนะครับ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็เหมือน Type ก่อนๆ นะครับ ห้องอาบน้ำ จากห้องนอนใหญ่เราข้ามฟากไปดูห้องนอนเล็กกันบ้างนะครับ ก่อนถึงห้องนอนเล็กจะมีห้องน้ำอีกห้องนึงนะครับ ตู้เสื้อผ้าจะวางอยู่หน้าห้องเหมืองห้องนอนใหญ่นะครับ ห่้องนอนเล็กโครงการจะวางเตียง 3 ฟุตนะครับ ทำให้ข้างเตียงมีที่ว่างเหลือให้วางโต๊ะทำงาน ทำการบ้านได้ โต๊ะทำงานข้างเตียง ปลายเตียงมีที่เหลือเล็กน้อยให้ Built-in ชั้นวางของ ส่วนทีวีใช้แบบแขวนน่าจะเหมาะกว่าครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน ด้วยทำเลที่ตั้งของ Than Living รัชดา-ประชาอุทิศ ที่อยู่ค่อนมาทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์) จึงเหมาะกับคนที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก และไม่หวังพึ่งพาระบบขนส่งมวลชนมากนัก รวมถึงต้องการที่อยู่อาศัยในย่านประชาอุทิศ เนื่องจากทำเลย่านนี้มีเส้นทางเลี่ยงเข้าออกเมืองได้หลายทาง อีกทั้งยังใกล้ด่านขึ้นลงทางด่วนด้วย ถึงจะมีการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นหลายจุด แต่ก็ยังถือว่าเดินทางด้วยรถส่วนตัวได้สะดวกดี ผิดกับการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าที่อยู่ห่างออกไปมาก คนที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้ด้วย โครงการนี้คงไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ ส่วนศักยภาพทางด้านการเติบโตของย่านนี้ คงไม่ได้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงซักเท่าไหร่ ถึงต่อให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-สุวินทวงศ์) สร้างเสร็จใช้งานได้ ตัวโครงการก็คงไม่ได้รับอานิสงค์มากนัก เพราะยังไงสถานีที่ใกล้ที่สุดก็ยังคงมีระยะห่างมากกว่าจะใช้คำว่าเดินทางสะดวกได้ พื้นที่รอบๆ โครงการมีความพร้อมค่อนข้างสูงสำหรับการอยู่อาศัย เพราะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมถึงแหล่งช็อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า และคอมมิวนิตี้มอลล์ ที่พอจะพึ่งพิงได้หลายแห่ง ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในรัศมีที่ต้องเดินทางด้วยรถส่วนตัวถึงจะสะดวก ส่วนแหล่งพึ่งพิงในระยะเดินถึงก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือมินิมาร์ทในปั๊มน้ำมันใกล้ๆ บริเวณรอบๆ ไม่ค่อยมีสำนักงาน หน่วยงานราชการใหญ่ๆ เท่าไหร่นัก ดังนั้นคนทำงานกลุ่มนี้จึงไม่ใช่เป้าหมายหลักสำหรับการปล่อยห้องเช่า จากที่ลองสำรวจดู ตัวโครงการอยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติถึง 2 แห่ง ซึ่งกลุ่มครอบครัวที่มีลูกๆ วัยเรียน และครูอาจารย์ในโรงเรียนนานาชาติเหล่านี้น่าจะพอหวังให้มาเช่าห้องได้บ้าง แต่ทั้งนี้ก็คงต้องทำการตกแต่งเชิญชวนกันหนักหน่อย นอกจากนี้เรื่องความคุ้มค่าจากราคาห้องก็ถือว่า สมน้ำสมเนื้อพอสมควร เพราะวัสดุ สุขภัณฑ์ เครื่องใช้ที่ให้มากับห้องจัดเป็นเกรดพรีเมี่ยมดี รวมถึงพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่ทางโครงการเน้นจัดให้กว้างขวาง มีพื้นที่ส่วนกลางครบครัน และมีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการใช้งานได้จริง รวมถึงเรื่องดีไซน์การออกแบบที่ดูทันสมัย จึงน่าจะถูกใจคนรุ่นใหม่ที่ชอบรูปลักษณ์ทันสมัย
RHYTHM อโศก 2 : รีวิวคอนโด

RHYTHM อโศก 2 : รีวิวคอนโด

ในทำเลใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีพระราม 9 เราเคยพาไปดู Rhythm อโศก กันมาแล้ว คราวนี้บริษัท AP Thai ร่วมมือกับบริษัท Mitsubishi Estate Group ของญี่ปุ่น ทำโครงการ Rhythm อโศก 2 คอนโดมิเนียม High Rise ติดถนนอโศกดินแดงในย่าน New CBD ของกรุงเทพ เราเลยเข้าไปเก็บข้อมูลโครงการมาฝากกันครับ   การเดินทาง เรื่องการเดินทางแน่นอนว่าสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งตัวสถานีพระราม 9 อยู่ห่างจากที่ตั้งโครงการประมาณ 300-400 เมตรเท่านั้น เป็นระยะที่กำลังเดินได้สบายๆ ครับ แต่อาจจะลำบากนิดหน่อยถ้าฝนตกหนักๆ ตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนอโศก-ดินแดงฝั่งขาเข้า  (มุ่งหน้าไปอโศก) หรืออยู่ตรงกันข้ามกับโครงการ Rhythm อโศก นั่นเอง หรือถ้าใครที่ต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Airport Link ก็ถือว่าสะดวกเช่นกัน เพราะสถานีรถไฟฟ้า Airport Link มักกะสัน อยู่ห่างออกไปประมาณ 700 เมตรเท่านั้น ดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงมีทางเลือกอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ไม่ได้ยากเลยครับ จะมีก็แค่ปัญหารถติดเท่านั้นที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ถนนสายอโศก-ดินแดงมีปริมาณรถหนาแน่นเกือบตลอดเวลา บริเวณรอบๆ มีทั้งถนนดินแดง ถนนรัชดา ถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักๆ ที่เราสามารถใช้เดินทางเข้าออกเมือง รวมถึงด่านทางด่วนพระราม 9 ก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลอีกด้วย สำหรับขาขึ้นก็สะดวกหน่อยเพราะออกจากโครงการไปหน่อยก็ เลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วนได้เลย ส่วนขาลงก็อาจจะต้องอ้อมไปกลับรถมาที่ตัวโครงการอีกรอบ ดูจากระยะทางแล้วก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่ช่วงเวลาเร่งด่วนก็รถติดเอาเรื่องเลยนะครับ จึงเสียเวลาในการเดินทางมากกว่าปกติพอสมควร การเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัว ถือว่าสะดวกใช้ได้เลย เพราะตัวโครงการติดถนนใหญ่ และรถราก็วิ่งคึกคักแทบจะตลอดเวลา โดยเฉพาะแท็กซี่ที่หาเรียกได้ง่ายที่สุด ดึกดื่นก็ยังหารถได้ง่ายครับ เพราะย่านนี้อยู่ใกล้แหล่งบันเทิงยามค่ำคืน ส่วนรถเมล์ และพี่วินมอเตอร์ไซค์คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะต้องเดินไปข้ามแยกไปถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนู่นเลย แผนที่โครงการ การเดินทางวันนี้ขอใช้ทางด่วนศรีรัชฝั่งขาออก มุ่งหน้ามาลงที่ถนนพระราม 9 เลยนะครับ เพราะถ้าลงถนนรัชดาภิเษกจะต้องไปกลับรถไกลพอสมควร ลงมาแล้วจะแยก แบบนี้ให้เลี้ยวซ้ายไปทางสี่แยก อ.ส.ม.ท. ตามป้ายเลยนะครับ เลี้ยวซ้ายมาแล้วก็จะเจอสีแยก อ.ส.ม.ท. เลี้ยวซ้ายอีกทีนะครับ เพื่อเข้าถนนพระราม 9 เลี้ยวซ้ายมาแล้วขับตรงมาอีกหน่อยนะครับ สำนักงานขายจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ เยื้องๆ กับเซ็นทรัล พระราม 9 ก่อนถึงแยกพระราม 9 ครับ สำนักงานขายโครงการ ส่วนที่ตั้งของโครงการนั้น จะตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกนะครับ เราออกจากสำนักงานขายมาแล้วขับตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเจอสี่แยกพระราม 9 ให้เลี้ยวซ้ายไปทางถนนอโศกมนตรี ตามป้ายเลยครับ จากแยกพระราม 9 มาประมาณ 250 เมตร ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับ สถานที่ก่อสร้างล้อมรั้วไว้อย่างมิดชิดนะครับ แต่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง วิเคราะห์ตัวโครงการ ด้วยความที่ที่ตั้งโครงการ Rhythm อโศก 2 อยู่ในทำเลที่กำลังมีการเติบโตมาที่สุดย่านหนึ่งของกรุงเทพ บริเวณรอบๆ จึงมีคอนโดโครงการอื่นๆ ให้เปรียบเทียบกันเป็นจำนวนมาก ถ้านับเอาแค่ตึกที่จะอยู่ใกล้ๆ กับ Rhythm อโศก 2 ที่เห็นชัดๆ เลยก็คือ ตึกของ Rhythm อโศก ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ตึกนี้ถึงจะไม่ได้อยู่ในระยะประชิด แต่ก็มีผลต่อวิวของห้องด้านนี้พอสมควร หันไปทางแยกรัชดา-พระราม9  ก็มี Ideo Mobi พระราม 9 บังวิวอยู่นิดหน่อย ส่วนทางด้านหลังโครงการหันไปก็จะเจอทั้ง Aspire พระราม 9, Condolette Midst และ Ideo Mobi บังวิวไปเต็มๆ ห้องทางฝั่งนี้ (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) จึงค่อนข้างเสียเปรียบเรื่องวิวครับ ทั้งๆ ที่อยู่ในทิศทางที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าอยากได้ห้องที่วิวดีหน่อยก็ต้องเลือกห้องทางฝั่งทิศใต้ ซึ่งจะได้วิวมุมกว้างสุด (เห็นทางด่วน) รองลงมาก็เป็นฝั่งตะวันตก ซึ่งมีแค่ตึก Rhythm อโศก เป็นตึกสูงแค่ตึกเดียวเท่านั้น สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการ ในระยะไม่เกิน 500 เมตร จัดว่ามีตัวเลือกให้พึ่งพาได้พอสมควรเลย เริ่มตั้งแต่Central พระราม 9 ซึ่งยึดหัวหาดอยู่ที่แยกพระราม 9 คู่กับ Fotune Tower ที่มีทั้ง Tesco Lotus ศูนย์รวมอุปกรณ์ไอที และร้านค้าร้านอาหาร อยู่ในโซนพลาซ่าอีกเพียบ ถัดจาก Centralไปทางถนนพระราม 9 จะเป็นพื้นที่ของ G Land ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ในอนาคตอันใกล้บริเวณนี้จะเป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงาน อาคารตลาดหลักทรัพย์  และCommercial Building ที่ใหญ่มาก ปริมาณรถและคนก็จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกหลายเท่าแน่ๆ เรื่องความเจริญทั้งอาหารการกิน ที่ทำงาน และแหล่งช็อปปิ้งจึงหายห่วง ถัดออกไปอีกหน่อยยังมี Esplanade, Big C หรือทางฝั่งสุขุมวิทก็มี Terminal 21 ด้วย อันนี้แค่ระยะใกล้ๆ นั่งรถไฟฟ้าไปแค่ 1-2 สถานีเท่านั้นเองนะครับ นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาล โรงเรียน สถานศึกษา มหาวิทยาลัย อยู่ในระยะที่สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินด้วย จึงจัดว่าเป็นทำเลที่สะดวกสบายมากๆ สำหรับคนที่ขยันเดินทางซักหน่อย ตัวโครงการ Rhythm อโศก 2 เป็นคอนโด High Rise ที่ร่วมกันออกแบบกับ บริษัท Mitsubishi Estate Group ของญี่ปุ่น รูปแบบอาคารเป็นแบบเรียบๆ ไม่หวือหวามาก มีการผสมผสานบรรยากาศแบบญี่ปุ่นเข้าไปตามส่วนต่างๆ เช่น สวนหินบริเวณหน้าล็อบบี้ ภายในล็อบบี้ที่เน้นความเรียบง่ายตามสไตล์ญี่ปุ่น และการวางผังห้องแบบ Inter-Locked เป็นต้น ยูนิตรวมทั้งหมดของโครงการคือ 346 ยูนิต ภายในอาคารสูง 30 ชั้น โดยพื้นที่อยู่อาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปครับ ซึ่งที่ชั้น 8 จะถูกแบ่งเป็นพื้นที่ของ Main Facilities ด้วย บริเวณ Main Facilities จะมีทั้ง สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่าแยกชาย หญิง และห้อง Spa ตามมาตรฐานเลยครับ สำหรับห้องพักที่ชั้น 8 จะมีเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น โดยทางโครงการพยายามออกแบบเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องบนชั้นนี้โดยแยกทางออกบริเวณโถงลิฟท์เป็นสองทาง เพื่อป้องกันการถูกรบกวนจากคนที่ลงมาใช้สอยส่วนกลางนั่นเอง พูดถึงลิฟท์โดยสารแล้ว ก็จะเห็นในแปลนว่าทางโครงการเตรียมลิฟท์โดยสารไว้ 2 ตัว และลิฟท์ขนของอีก 1 ตัว ซึ่งอัตราการใช้งานต่อลิฟท์โดยสาร 1 ตัวค่อนข้างหนาแน่นเลยทีเดียว (1:173) ในขณะที่จำนวนที่จอดรถทั้งหมดตั้งแต่ชั้น 1- 7 สามารถรองรับรถได้เพียง 136 คันเท่านั้น (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ซึ่งจะเป็นปัญหากับคนที่มีรถส่วนตัวมากๆ เพราะอาจจะเจอปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ แล้วต้องแย่งที่จอดกันแบบใครมาก่อนได้ก่อน ใครที่ต้องใช้รถส่วนตัวเป็นหลักแน่ๆ คงต้องพิจารณาปัญหาตรงนี้เพิ่มขึ้นอีกข้อด้วย นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีทั้งกล้องวงจรปิด CCTV, รปภ., Key Card เข้าอาคาร และลิฟท์แบบล็อคชั้น รวมถึงร้านค้า 1 ห้องที่บริเวณใต้อาคาร ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นร้านอะไรกันแน่ เรามาเริ่มที่ชั้น G กันก่อนนะครับ ที่ชั้น G จะเป็น Lobby ที่เน้นความเรียบง่าย และมีสวนหินสไตล์ญี่ปุ่นอยู่ด้านหน้าโครงการ สวนหินสไตล์ญี่ปุ่นด้านหน้าโครงการ Lobby ที่เน้นความเรียบง่าย ชั้น 2 - 7 จะเป็นส่วนของที่จอดรถทั้งหมด รวมแล้วจอดได้ประมาณ 136 หรือคิดเป็น 40% ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 8 ซึ่งจะมาพร้อมกัน Facility หลักของโครงการทั้งฟิตเนสและสระว่ายน้ำ หน้าตาของสระว่ายน้ำบนชั้น 8 ครับ ตั้งแต่ชั้น 9 ขึ้นไปถึงชั้น 29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยแล้วประมาณ 16 ยูนิตต่อชั้น พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงห้องตัวอย่างกันบ้างครับ ทางโครงการ Rhythm อโศก 2 เตรียมห้องตัวอย่างไว้ 2 แบบนะครับ ซึ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนในขนาด 28 ตร.ม. ทั้ง 2 ห้องเลย เริ่มต้นกันด้วยห้อง Type B01 กันก่อน เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอห้องที่ตกแต่งในโทนเข้มขรึม ซ้ายมือเป็น Pantry ครัว และพื้นที่กินข้าวที่วางโต๊ะตัวสูงไว้ติดริมหน้าต่างเลย ทำให้มุมนี้มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น อีกฝั่งทางด้านหลังประตูทางเข้า เว้าพื้นที่เข้าไปทำชั้นเก็บของ ชั้นวางรองเท้า และวางเครื่องซักผ้าได้ลงตัวเป๊ะ โถงกลางห้องเป็น Living Area วางโซฟาชุดเล็กไว้ตรงข้ามกับทีวี ได้ระยะเต็มความกว้างของห้องซึ่งกำลังพอเหมาะพอดี ข้างๆ ชั้นวางทีวีเป็นห้องน้ำนะครับ ซึ่งภายในก็แบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว ทั้งโซนแห้งโซนเปียกที่กั้นด้วยประตูกระจก temper  แต่ที่วางของในห้องน้ำน้อยไปหน่อยครับ โดยเฉพาะตรงอ่างล้างที่ตัวอ่างเป็นทรงกลมทำให้แทบจะไม่มีพื้นที่วางของเลย ออกมาดูโซนสุดท้ายของห้องกันบ้าง ที่ด้านหลังประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่คือห้องนอน บริเวณปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in ทำให้บริเวณปลายเตียงไม่สามารถแขวนทีวีเพิ่มได้ สำหรับคนที่ชอบนอนดูทีวีคงจะขัดใจเล็กน้อยก็ได้ครับ ผังห้อง Type B01 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องแล้วถ้ามองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ที่จะอยู่ติดกับห้องนอนนะครับ แต่ถ้ามองมาด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิดที่อยู่ด้านหน้าห้อง เคาน์เตอร์ครัวจะหน้าตาประมาณนี้นะครับ มีช่อใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง ด้านบนจะเป็นชั้นลอยเก็บของ ส่วนตำแหน่งการวางอยู่เย็นจะอยู่ด้านซ้ายติดกับประตูห้อง ซิงค์หลุมจะอยู่ด้านติดกับตู้เย็น แต่ขนาดค่อนข้างเล็กไปหน่อยนะครับ เตาไฟฟ้า 2 หัว + ฮูดดูดควัน โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน หันหน้าออกนอกหน้าต่าง เพิ่มบรรยากาศในการทานอาหารได้อีกแบบ ส่วนอีกฝั่งตรงข้ามกับครัว ด้านหลังประตูทางเข้า จะเว้าพื้นที่เข้าไปทำเป็นชั้นเก็บของ ชั้นวางรองเท้า และวางเครื่องซักผ้าได้ลงตัวเป๊ะ มาดูที่ส่วน Living Area กันต่อนะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากันทีวีกำลังพอดี ไม่ใกล้ ไม่ไกล จนเกินไป ชั้นวางทีวีจะวางได้ขนาดประมาณนี้นะครับ เนื่องจากถูกบีบจากทั้งฝั่งของห้องนอนและห้องน้ำ ตำแห่งวางแอร์ที่ห้องนั่งเล่นก็จะอยู่เหนือทีวีนี่แหละครับ มาดูส่วนของห้องนอนกันบ้างนะครับ สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้เลยครับ ด้านข้างเตียงมีพื้นที่เหลือนิดหน่อยให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้ ห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขนาดใหญ่ ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in ถ้าหากต้องการจะติดทีวีไว้ในห้องนอนด้วย ก็ต้องแขวนผนังไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งนี่เลยครับ เพราะพื้นที่มีจำกัดจริงๆ ตำแหน่งของแอร์ในห้องนอนก็จะอยู่เหนือทีวี เราออกมาดูที่ห้องน้ำกันต่อนะครับ การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว อ่างล้างหน้าทรงกลม พื้นที่วางของตรงอ่างล้างหน้าแทบไม่มีเลยครับ ระยะห่างของโถสุขภัณฑ์กำลังพอดีครับ ไม่แคบเกินไป ส่วนเปียกกั้นด้วยประตูกระจก Temper มาพร้อมกับชุดผักบัวและ Rain Shower ส่วนห้องแบบที่ 2 คือ Type B02 ซึ่งขนาดใกล้เคียงกัน แต่ Layout ห้องจะมีการแยกห้องนอนไว้อย่างชัดเจน เข้าห้องมาจะเจอ Pantry ครัวก่อนเช่นกัน ด้านหลังประตูห้องเป็นพื้นที่เว้าเข้าไป Built-in เป็นชั้นวางของ และที่วางเครื่องซักผ้า ถัดจากมุมนี้ไปจะเป็นประตูห้องน้ำ ภายในห้องน้ำก็มี Layout เหมือนกันกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ โซนด้านในติดกับหน้าต่างเป็น Living Area ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะออกเป็นแนวลึก ทำระยะห่างระหว่างทีวีและโซฟาค่อนข้างแคบ ไม่เหมาะจะแขวนทีวีขนาดใหญ่ๆ ในขณะที่นอนจะถูกแบ่งพื้นที่ไว้ชัดเจนด้วยผนังทึบและมีประตูบานสวิงปิดมิดชิด ทำให้พื้นที่ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัวสูง ในนอนพอวางเตียง 5 ฟุตเข้าไปแล้วก็เหลือพื้นที่ข้างเตียงและปลายเตียงอีกนิดหน่อยเท่านั้น ผนังด้านปลายเตียงสามารถแขวนทีวีเพิ่มได้ ในขณะที่อีกด้านของห้องจะมีตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in มาเต็มผนัง ภายในห้องนอนจึงตกแต่งอะไรเพิ่มเข้าไปอีกได้ไม่เยอะนัก ซึ่งถ้าใครมีเพื่อนมาเยี่ยมห้องบ่อยๆ และชอบที่จะยังคงมีพื้นที่ส่วนตัวอยู่อย่างชัดเจน ห้องแบบนี้น่าจะเหมาะกว่าครับ ผังห้อง Type B02 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกันส่วนของครัวอยู่ด้านซ้ายมือก่อนเลยนะครับ เคาน์เตอร์ครัวก็จะคล้ายๆ กับ Type B01 ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นส่วนที่เว้าเข้าไป ทำเป็นชั้นเก็บของและวางเครื่องซักผ้า ข้างๆ กันก็จะเป็นห้องน้ำ ที่จะอยู่ตรงข้ามกับส่วนครัวพอดี เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องน้ำก่อนเลยนะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกับห้อง Type B01 เลยนะครับ ส่วนการวาง Layout ก็จะคล้ายๆ กัน ส่วนเปียกจะกั้นด้วยประตูกระจก Temper มาพร้อมกับชุดผักบัวและ Rain Shower มีส่วนเว้าเล็กๆ ไว้สำหรับวางของในห้องอาบน้ำ เดินเลยห้องน้ำและครัวเข้ามาก็จะเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ก่อนถึงส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีจะค่อนข้างแคบนะครับ ไม่เหมือนกับห้อง Type B01 จึงอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดทีวี ข้างๆ กันจะเป็นหน้าต่างบาน Fix บานใหญ่ และบานกระทุ้ง 1 บาน มาต่อกันที่ห้องสุดท้ายคือห้องนอน ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต กำลังเหมาะเลยครับ จะมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือนิดหน่อย แต่ด้านปลายเตียงจะไม่มีพื้นที่เหลือพอให้วางชั้นวางทีวีนะครับ จะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน ตำแหน่งการวางแอร์จะอยู่ปลายเตียงเหนือทีวี ส่วนข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อและโต๊ะเครื่องแป้ง จากที่ได้ดูห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องแล้ว ต้องบอกว่าแต่ละห้องก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไป แต่ที่แน่ๆ คือห้องทั้ง 2 แบบนี้ไม่มีระเบียงนะครับ ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาใหญ่เลย เพราะมันไม่มีที่ให้ตากผ้า!! แล้วจะมีที่วางเครื่องซักผ้ามาให้เราซักผ้าแล้วไปตากที่ไหน ต่อให้เครื่องมีความสามารถในการปั่นผ้าให้หมาดจนเกือบแห้ง แต่ยังไงเราก็ยังต้องการพื้นที่ตากผ้าอยู่ดีใช่มั้ยครับ ต่อให้เลือกที่จะเอาเสื้อผ้าส่งร้านซักรีดทั้งหมด แต่ยังไงก็ต้องมีผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้ต้องซักต้องตากอยู่ดี อันนี้ก็แล้วแต่นะครับ สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าไม่เดือดร้อนก็ได้ นอกจากนี้เรื่อง Lay out ห้องที่ดูจากแปลนแล้วมีหน้าตาแปลก มีส่วนเว้า ส่วนเพิ่มตรงนั้นตรงนี้ ก็เนื่องจากการออกแบบตำแหน่งห้องในรูปแบบ Inter-Locked ซึ่งแต่ละห้องจะเหมือนจิ๊กซอร์แต่ละตัวที่เมื่อนำมาต่อกันแล้วจะเข้าล็อคลงตัวกันพอดี พื้นที่ในห้องจึงมีไม่ได้เป็นแค่ทรงสี่เหลี่ยมเรียบๆ อย่างโครงการอื่นๆ ครับ และอีกข้อที่ต้องตรวจสอบให้ดีๆ ก็คือ เรื่องเฟอร์นิเจอร์และวัสดุภายในห้องที่เราจะได้มาพร้อมห้องครับ เพราะบางชิ้นก็ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนกับที่เห็นในห้องตัวอย่างนะครับ อาจจะแค่เทียบเคียง หรือหน้าตาต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง และหลายๆ ชิ้นที่เห็นก็จัดไว้เพื่อการตกแต่งเท่านั้น อันนี้ต้องสอบถามกับพนักงานขายให้ละเอียดถี่ถ้วน ป้องกันการเข้าใจผิดเวลาที่เห็นห้องจริงครับ Type A04 แบบ Studio ขนาด 27 ตารางเมตร Type A13 แบบ Studio ขนาด 22.20 ตารางเมตร Type C07 แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 42 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าทำเลที่ตั้งของ Rhythm อโศก 2 ตั้งอยู่ในย่านที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมากที่สุดย่านหนึ่งในกรุงเทพ และบริเวณแวดล้อมก็ค่อนข้างพร้อมทั้งใกล้แหล่งสำนักงานเอกชน หน่วยงานราชการ สถานศึกษา แหล่งช็อปปิ้ง และแหล่งคมนาคมที่สำคัญของกรุงเทพทั้ง MRT และ Airport Link จึงเหมาะทั้งการจับจองไว้อยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน เนื่องจากมีแนวโน้มในการทำกำไรค่อนข้างมาก ในขณะที่ตัวห้องเองก็มีขนาดเริ่มต้นที่เล็กและอยู่ในเรทราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าคนที่ต้องทำงานในระแวกนี้อยู่แล้ว การเลือกห้องในทำเลนี้ก็จะยิ่งสะดวกในการเดินทางมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าในระแวกนี้จะไม่มีโครงการอื่นๆ ไว้ให้เปรียบเทียบความต่างและความคุ้มค่าเลยนะครับ ในทางกลับกันกลับมีคอนโดโครงการอื่นๆ แวดล้อมเป็นจำนวนมาก ทีนี้ก็เหลือแค่เรื่องราคา สไตล์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และสาธารณูปโภคที่มีมาให้ ว่าโครงการไหนจะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของแต่ละคนได้ดีกว่ากัน ในขณะที่ข้อดีจะมีอยู่มาก แต่ข้อด้อยก็ไม่ควรมองข้ามนะครับ ทั้งเรื่องจำนวนที่จอดรถที่ค่อนข้างน้อยถ้าเทียบว่าโครงการอยู่ในทำเลที่มีแนวโน้มว่าลูกบ้านส่วนใหญ่จะมีรถส่วนตัว ปัญหาการจารจรที่ติดหนักในชั่วโมงเร่งด่วนสำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก และมลภาวะทางเสียง และมลภาวะทางอากาศจากฝุ่นควันที่อาจได้รับผลกระทบเนื่องจากคอนโดอยู่ติดริมถนนใหญ่ รวมถึงปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในห้อง อย่างพื้นที่เว้าไป เว้ามา ทำให้การจัดตกแต่งห้องยากในบางที หรือการที่ไม่มีพื้นที่ระเบียงให้เลย ถึงบริเวณที่ใช้แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์จะมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่อ้อมแอ้มว่าเปิดออกไปได้ และพยายามทำให้เข้าใจเหมือนว่ามันคือระเบียง แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่!! ในเมื่อมันไม่สามารถเปิดประตูเดินออกไปใช้งานอะไรได้ มันก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไร จะให้ยื่นออกไปตากผ้าก็ใช่เรื่อง และในความเป็นจริงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยครับ  อันนี้เลยอยากจะย้ำให้คิดให้รอบคอบอีกนิดว่า ถ้าเกิดต้องอยู่จริงๆ แล้วมันจะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตเราได้มากน้อยแค่ไหน
Issara Collection Sathorn : รีวิวคอนโด

Issara Collection Sathorn : รีวิวคอนโด

Issara Collection Sathorn (อิสสระ คอลเลกชั่น สาทร) คอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น คอนโดหรูระดับพรีเมี่ยม โครงการใหม่จาก ชาญอิสสระ  บนทำเลถนนนางลิ้นจี่  ออกแบบโดย A49 รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 15,900,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร 155,000 บาท เจ้าของโครงการ Charn Issara Viphapol Co., Ltd. ลักษณะคอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 33 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 1 - 0 - 1 ไร่ ที่ตั้งโครงการ  ถ.นางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ ปีที่สร้างเสร็จ ไตรมาสที่ 1 ปี 2560 ค่าบำรุงส่วนกลาง 70 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน 700 บาท/ตารางเมตร ลักษณะห้องและขนาดห้อง 2 Bedrooms   ขนาด 108-126 ตารางเมตร 3 Bedrooms ขนาด 151-244 ตารางเมตร Duplex 3 Bedrooms ขนาด  170-201 ตารางเมตร สถานที่สำคัญใกล้เคียง  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ตลาดนางลิ้นจี่ T.T.N. Avenue ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร BRT ถนนจันทน์ BTS ช่องนนทรี เซนทรัลพระราม 3 The Up สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby Swiming Pool Fitness Room Steam Room Indoor Parking 24hrs Security Service   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 081-234-3752 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.issaracollection.com
Real by Noble Chaengwattana : รีวิวคอนโด

Real by Noble Chaengwattana : รีวิวคอนโด

Real by Noble Chaengwattana คอนโด High Rise สูง 34 ชั้น คอนโดสไตล์ใหม่จาก Noble Development บนถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน เปิดลงทะเบียนที่สำนักงานขาย 17 - 30 ตุลาคมนี้ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 1,800,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 34 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 858 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 3 - 3 - 38 ไร่ ที่ตั้งโครงการ  ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ที่จอดรถ ประมาณ 40% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2561 สถานที่สำคัญใกล้เคียง แม็คโคร แจ้งวัฒนะ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ โฮมโปร เทสโก้ โลตัส บิ๊ก ซี ซุปเปอร์ เซ็นเตอร์ ดิ อเวนิว แจ้งวัฒนะ ไอที แสควร์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ กระทรวงยุติธรรม กรมการกงศุล โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ   ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน  ขนาด 25 - 30 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ขนาด 55 - 62 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก โถงต้อนรับ สวนส่วนกลางบริเวณชั้น G,ชั้น 28,ชั้น 32 และ ชั้นดาดฟ้า สระว่ายน้ำ Infinity Edge Pool ห้องออกกำลังกายและ Executive Lounge ห้องสตีมแยกชายหญิง ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว และลิฟท์บริการ 1 ตัว ระบบควบคุมความปลอดภัยในการเข้า-ออกด้วยคีย์การ์ด ห้องซักรีด พนักงานรักษาความปลอดภัยตลอดและกล้องวงจรปิด 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-251-9955 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.noblehome.com
Notting Hill Kaset : รีวิวคอนโด

Notting Hill Kaset : รีวิวคอนโด

Notting Hill Kaset  (น็อตติ้งฮิลล์ เกษตร) คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น โครงการใหม่จาก Origin Property บนทำเลใกล้แยกเกษตร  และมหาวิทยาลัยศรีปทุม  รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 1,590,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร 85,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ลักษณะคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 180 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 1 - 1 - 40 ไร่ ที่ตั้งโครงการ ถ.พหลโยธิน เขตบางเขน กรุงเทพฯ ปีที่สร้างเสร็จ ไตรมาสที่ 3 ปี 2559   สถานที่สำคัญใกล้เคียง มหาวิทยาลัยศรีปทุม โรงเรียนสารวิทยา กรมป่าไม้ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมเจอร์ รัชโยธิน   ลักษณะห้องและขนาดห้อง Standard ขนาด 21.5 ตารางเมตร Superior ขนาด 25.3-26.1 ตารางเมตร Deluxe ขนาด 30.9-33.8 ตารางเมตร Suite (2 Bedroom) ขนาด 41.9-43.7 ตารางเมตร Grand Suite(2 Bedroom) ขนาด 49.1-53.0 ตารางเมตร Penthouse (2 Bedroom) ขนาด 68.5 ตารางเมตร   สิ่งอำนวยความสะดวก Fitness 24 Hour Security Guard พนักงานรักษาความปลอดภัย 24 ชม. Digital Door Lock Access Card Control Swimming Pool Open Air Sculpture Park   Notting Hill Kaset  (น็อตติ้งฮิลล์ เกษตร) คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น โครงการใหม่จาก Origin Property บนทำเลใกล้แยกเกษตร  และมหาวิทยาลัยศรีปทุม  รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 1,590,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร 85,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ลักษณะคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 180 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 1 - 1 - 40 ไร่ ที่ตั้งโครงการ ถ.พหลโยธิน เขตบางเขน กรุงเทพฯ ปีที่สร้างเสร็จ ไตรมาสที่ 3 ปี 2559 สถานที่สำคัญใกล้เคียง มหาวิทยาลัยศรีปทุม โรงเรียนสารวิทยา กรมป่าไม้ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมเจอร์ รัชโยธิน   ลักษณะห้องและขนาดห้อง Standard ขนาด 21.5 ตารางเมตร Superior ขนาด 25.3-26.1 ตารางเมตร Deluxe ขนาด 30.9-33.8 ตารางเมตร Suite (2 Bedroom) ขนาด 41.9-43.7 ตารางเมตร Grand Suite(2 Bedroom) ขนาด 49.1-53.0 ตารางเมตร Penthouse (2 Bedroom) ขนาด 68.5 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก Fitness 24 Hour Security Guard พนักงานรักษาความปลอดภัย 24 ชม. Digital Door Lock Access Card Control Swimming Pool Open Air Sculpture Park Leisure Hyde Park Roof Top Garden 4 Season Gazebo   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 091-774-9099 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  nottinghillcondo.origin.co.th Leisure Hyde Park Roof Top Garden 4 Season Gazebo   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 091-774-9099 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  nottinghillcondo.origin.co.th
RHYTHM สุขุมวิท 36-38 : รีวิวคอนโด

RHYTHM สุขุมวิท 36-38 : รีวิวคอนโด

เชื่อว่าทำเลในย่านทองหล่อ คงเป็นอีกหนึ่งทำเลในดวงใจใครหลายๆ คน คราวนี้เลยจะพาไปดูคอนโดในเครือ AP ที่ชื่อว่า “Rhythm สุขุมวิท 36-38” ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีที่ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ แต่ก็เกาะติดรถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อไว้อย่างเหนียวแน่น เพราะอยู่ห่างจากตัวสถานีเพียง 300-400 เมตรเท่านั้น แถมโครงการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ทาง AP ร่วมออกแบบกับ Mitsubishi Estate Group จากประเทศญี่ปุ่นด้วย ใครที่กำลังเล็งคอนโดทำเลใจกลางเมืองจึงน่าจะเก็บข้อมูลโครงการ Rhythm สุขุมวิท 36-38 ไว้พิจารณาดูนะครับ   การเดินทาง เรื่องการเดินทางแน่นอนว่าการพึ่งพารถไฟฟ้า BTS น่าจะเป็นคำตอบที่สะดวกที่สุดสำหรับคนเมืองที่มีเวลาจำกัด สถานีรถไฟฟ้าทองหล่อตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 36 และ 38 พอดิบพอดี จึงสามารถเลือกเข้าออกได้ทั้ง 2 ซอย ตัวโครงการตั้งอยู่ทางด้านซอยสุขุมวิท 36 นะครับ ดังนั้นระยะทางจากปากซอยทางด้านนี้จึงใกล้กว่า แต่ถ้าจะให้แนะนำเส้นทางที่เดินได้สะดวกและปลอดภัยก็คงจะต้องเลือกซอยสุขุมวิท 38 เป็นหลัก เพราะถนนในซอยกว้างกว่าและมีทางเท้าตลอดทาง และช่วงปากซอยจะมีร้านค้า ร้านอาหารเป็นจำนวนมากที่เปิดขายกันตั้งแต่เย็นๆ ไปจนค่ำมืด บรรยากาศช่วงต้นซอยจึงคึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย ถึงแม้ระยะทางเดินทางด้านซอยสุขุมวิท 38 จะไกลกว่าทางซอยสุขุมวิท 36 อยู่เล็กน้อย แต่ยังไงก็ไม่เกิน 400 เมตร เดินกันพอเหงื่อซึมๆ เท่านั้น แถมยังแวะซื้อของกินระหว่างทางได้อีก ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเพื่อแลกกับความปลอดภัยในการเดิน แต่ถ้าใครที่ไม่อยากเดิน บริเวณปากซอยก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างคอยให้บริการทั้งคู่ จะเลือกลงจากสถานีรถไฟฟ้าทางด้านไหนก็สะดวกเหมือนกัน ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ก็คงเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงได้ยากเช่นกันสำหรับคนเมือง แน่นอนว่าถนนเส้นหลักก็คือถนนสุขุมวิท ซึ่งถนนในซอยสุขุมวิท 36 ยังสามารถเชื่อมไปออกถนนพระราม 4 ได้อีกทาง ถึงตัวโครงการตั้งอยู่บนทางด้านซอยสุขุมวิท 36 แต่ทางโครงการก็ตัดถนนหน้าโครงการเชื่อมเส้นทางให้สามารถใช้เส้นทางในซอยสุขุมวิท 38 เป็นเส้นทางเข้าออกได้ ดังนั้นจึงพอจะมีเส้นทางเลี่ยงรถติดไปออกซอยสุขุมวิท 40 หรือไปออกเอกมัยทางซอยสุขุมวิท 42 ได้อีกทาง หรือถ้าเลือกไปอีกฟากของถนนสุขุมวิท ก็สามารถวิ่งตัดซอยทองหล่อไปออกถนนเพชรบุรีตัดใหม่ได้อีก แต่ทั้งนี้ถนนแต่ละเส้นที่ว่ามาก็ดูเหมือนจะมีปัญหาการจราจรที่ติดขัดไม่แพ้กัน เนื่องจากถนนโดยรอบเป็นถนนสายหลักๆ รวมถึงที่ตั้งของโครงการก็อยู่ใจกลางเมือง อย่างไรซะปัญหาเรื่องรถติดคงเลี่ยงได้ยาก แผนที่โครงการ ตัวโครงการจะอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 36 กับ 38 ตามชื่อโครงการเลยนะครับ ซึ่งสามารถเข้าออกได้ทั้ง 2 ทาง แต่ถ้าหากเดินเท้าทางด้านซอยสุขุมวิท 38 จะสะดวกกว่านะครับ ถึงแม้ระยะทางจะไกลกว่าก็ตาม เนื่องจากมีฟุตบาทให้เดิน และมีร้านค้า ร้านอาหาร ให้เลือกซื้อกันด้วย แต่ทางฝั่งซอยสุขุมวิท 36 จะไม่มีฟุตบาทให้เดินนะครับ ซึ่งอาจจะอันตรายสักหน่อย แต่ถ้าไม่อยากเดินตรงหน้าปากซอยก็มีพี่วินมอไซต์ไว้ให้บริการด้วยนะครับ สำหรับการเดินทางวันนี้ผมขอใช้บริการรถไฟฟ้า BTS แล้วกันนะครับ เพราะถือว่าสะดวกสบายที่สุดหากเดินทางเข้ามาในย่านนี้ บริเวณด้านล่างสถานีรถไฟฟ้า ตามข้างทางก็จะมีร้านค้าต่างๆ มากมายให้เลือกซื้อกันก่อนกลับขึ้นห้องด้วยนะครับ มีไปรษณีย์อยู่ใกล้ๆ ด้วยนะครับ เหมาะกับคนที่ขายของออนไลน์ วินมอเตอร์ไซต์ที่คอยให้บริการอยู่หน้าปากซอยสุขุมวิท 36 บรรยากาศในซอยสุขุมวิท 36 อย่างที่บอกนะครับ ซอยนี้ไม่เหมาะสำหรับการเดินสักเท่าไหร่ เนื่องจากไม่มีทางเท้าให้เดิน และอาจเกิดอันตรายจากรถยนต์ที่วิ่งไปมาด้วยนะครับ ตรงเข้ามาในซอยสุขุมวิท 36 อีกนิดก็จะถึงที่ตั้งโครงการแล้วล่ะครับ ตัวโครงการกำลังเริ่มก่อสร้างรากฐานอาคารแล้วนะครับ เลยสถานที่ก่อสร้างโครงการมาอีกนิดเดียวก็จะเจอซอยเอพี อยู่ด้านซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยเอพี ก็จะถึงสำนักงานขายโครงการแล้วครับ มาดูที่ซอยสุขุมวิท 38 กันบ้างนะครับ บริเวณปากซอยก็จะมีร้านอาหารตามสองข้างทาง ถือว่าสะดวกทีเดียวนะครับ บรรยากาศภายในซอย ทั้งสองข้างทางก็จะมีทางเท้าให้เดินต่างกับซอยสุขุมวิท 36 เลยนะครับ นี่เป็นบรรยากาศในยามค่ำคืนบริเวณซอยสุขุมวิท 38 นะครับ บริเวณปากซอยมีร้านขายอาหารเรียงรายตามสองข้างทางเยอะเลยนะครับ ตอนค่ำๆ ที่นี่จะคึกคักมากเลยนะครับ เรื่องอาหารการกินถือว่าสะดวกมากๆ เลยทีเดียว ลงรถไฟฟ้ามาก็มีร้านอาหารรออยู่เพียบ!! ใครอยากจะนั่งทานที่ร้านก็มีที่นั่งริมทางให้ด้วยนะครับ หรือว่าจะซื้อกลับไปทานที่ห้องก็ได้ครับ เดินเลยเข้ามาด้านในอีกหน่อย ร้านค้าต่างๆ ก็จะหมดแล้วนะครับ ร้านส่วนใหญ่จะไปกระจุกตัวกันอยู่ปากซอยซะมากกว่า ทางเดินภายในซอยสุขุมวิท 38 ครับ ในตอนกลางคืนถ้าไม่ดึกมากๆ ก็ถือว่าปลอดภัยนะครับ มีรถวิ่งเข้าออกตลอดเวลา ทางเท้าภายในซอยแสงชัยก่อนถึงตัวโครงการก็กว้างขวางเดินง่ายดีครับ ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ วิเคราะห์ตัวโครงการ ด้วยความที่โครงการ Rhythm สุขุมวิท 36-38 ตั้งอยู่ในย่านที่เรียกว่าใจกลางเมืองพอดิบพอดี พื้นที่รอบๆ ในบริเวณใกล้เคียงแวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารชั้นนำ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ลองดูกันแบบคร่าวๆ ในระยะการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS 1-2 สถานี ก็มีทั้ง Emporium, Terminal 21, Rain Hill, Gateway Ekamai, Major Ekamai, สวนเบญจศิริ, ท้องฟ้าจำลอง หรือถ้าห่างจากแนวรถไฟฟ้าไปนิดหน่อยก็ยังมี K Village, Big C พระราม 4, J Avenue, Market Place รวมถึงสถานศึกษา โรงเรียนนานาชาติก็อยู่ใกล้ๆ นิดเดียวเอง ซึ่งอันนี้เป็นแค่ตัวอย่างคร่าวๆ เท่านั้นนะครับ ถ้าใครที่คุ้นเคยกับย่านทองหล่อดีอยู่แล้ว คงจะนึกภาพสถานที่กิน ที่เที่ยวตามได้ไม่ยาก คราวนี้มาดูรายละเอียดตัวโครงการกันบ้างดีกว่า Rhythm สุขุมวิท 36-38 ตั้งอยู่บนถนนฝั่งซอยสุขุมวิท 36 นะครับ ถัดเข้ามาจากปากซอย 350 เมตร โดยถนนในซอยสุขุมวิท 36 จะเป็นด้านข้างของโครงการส่วนทางเข้าโครงการจะอยู่บริเวณถนน AP ซึ่งเป็นถนนสายสั้นๆ ที่ทางโครงการตัดขึ้นมาใหม่เพื่อเชื่อมซอยสุขุมวิท 36 กับซอยแสงชัยไว้ด้วยกัน ทำให้เราสามารถเลือกเดินทางเข้าออกได้ทั้ง 2 ซอย ตัวโครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 25 ชั้น มียูนิตรวม 496 ยูนิต ในอาคารรูปแบบตัว U โดยมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งรวมเอาสระว่ายน้ำสีม่วงสวยงาม (ตามภาพจำลองของโครงการ) ห้องซาวน่า และสวนพักผ่อนไว้ด้วยกัน ส่วนห้องออกกำลังกาย จะแยกไปอยู่ที่ชั้น 25 เวลาออกกำลังกายก็จะได้ชม City View จากมุมสูงไปด้วยในตัวครับ แต่ข้อเสียของการใช้งานก็มีเพราะลูกบ้านจะต้องลงลิฟท์ลงมาชั้นล่างถ้าอยากจะว่ายน้ำ หรืออบซาวน่าหลังจากออกกำลังกายแล้ว ขณะที่บริเวณชั้น 1 นอกจากจะมี Lobby ขนาดใหญ่แล้ว ยังมีร้านค้าภายในอีก 1 ร้าน และพื้นที่พักผ่อน บริเวณชั้น 1-5 ใต้คอร์ทสระว่ายน้ำเป็นพื้นที่จอดรถครับ ซึ่งนับรวมแล้วจอดรถได้ 43% แต่ยังไม่รวมจอดซ้อนคันนะครับ ซึ่งอาจจะจอดได้เกือบๆ 240 คันเลยนะครับถ้านับรวมจอดซ้อนคันด้วย นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐาน ทั้งการใช้คีย์การ์ดผ่านเข้าออก และกล้อง CCTV ส่วนเรื่องลิฟท์โดยสารทางโครงการจัดมาให้ 4 ตัว และลิฟท์เซอร์วิสอีก 1 ตัว ตำแหน่งของลิฟท์อยู่ที่โซนทิศตะวันออก ซึ่งห้องทางฝั่งนี้จะมีระยะเดินที่สั้นกว่าห้องทางด้านทิศตะวันตก ซึ่งห้องมุมของโซนนี้ต้องเดินกันไกลพอสมควรเลยทีเดียว ในวันที่ซื้อข้าวของหิ้วกันพะรุงพรังคงลำบากหน่อย สไตล์การออกแบบของโครงการ Rhythm สุขุมวิท 36-38 ได้นำเอาแนวคิดการออกแบบมาจากญี่ปุ่นในการจัดสรรพื้นที่ให้มีความเชื่อมโยงกัน ห้องแต่ละยูนิตถูกแบ่งพื้นที่แบบ Interlock โดยห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไปจนถึงชั้น 24 ด้วยผังของอาคารที่เป็นรูปตัว U วิวหลักๆ ของห้องด้านนอกคือ City View ของย่านสุขุมวิทซึ่งห้องที่อยู่ชั้น 6-7 ทางฝั่งซอยสุขุมวิท 36 อาจจะหนีไม่ค่อยพ้นวิวตึกข้างๆ ซักเท่าไหร่ เพราะฝั่งตรงข้ามถนนมีอาคารสำนักงาน และคอนโด  Low Rise อีก 2-3 ตึก ดังนั้นถ้าจะให้ได้วิวแบบเซฟๆ หน่อย อย่างน้อยก็ต้องเลือกห้องตั้งแต่ชั้น 7 หรือ 8 ขึ้นไป ส่วนด้านอื่นๆ ของโครงการยังเป็นบ้านพักอาศัยสูง 2-3 ชั้นเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโดนบังวิวเท่าไหร่ นอกเหนือจากนี้ห้องที่อยู่ด้านตัว U ก็จะได้วิวธรรมดาๆ ของสระว่ายน้ำโครงการแทน แต่ช่วงที่เราเข้าไปดูที่โครงการก็เห็นว่าห้องขายไปเยอะแล้วพอสมควร ตำแหน่งห้องในทิศต่างๆ อาจจะเหลือให้เลือกไม่มากนัก จะเล็งห้องขนาดไหนทางด้านทิศใดก็ต้องไปดูที่สำนักงานขายกันอีกทีนะครับ หน้าตาของอาคารที่ออกแบบเป็นรูปตัว U โอมล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวรอบๆ โครงการ ถนนด้านหน้าโครงการที่ตัดจากซอยสุขุมวิท 36 ทะลุไปยังซอยสุขุมวิท 38 ให้ชื่อว่า "ซอย AP" เพื่อให้ลูกบ้านได้รับความสะดวกสามารถเข้าออกได้ทั้ง 2 ซอย ชั้น G จะเป็นส่วนของ Lobby มีสวนสไตล์ญี่ปุ่นอยู่ด้านหน้าโครงการ ส่วนด้านในจะเป็นที่จอดรถที่จะใช้ตั้งแต่ชั้น G ชึ้นไปถึงชั้น 5 รวมแล้วจอดได้ประมาณ 43% สวนสไตล์ญี่ปุ่นด้านหน้าโครงการที่มีการนำน้ำมาเป็นส่วนประกอบ ดูแล้วน่าจะให้ความร่มรื่นดีนะครับ Lobby ที่ชั้น G มองออกไปด้านนอกจะเห็นสวนญี่ปุ่นที่อยู่หน้าโครงการ สระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 6 นะครับ และเป็นที่ชั้นที่เริ่มต้นของห้องพักอาศัย สระว่ายน้ำของที่นี่จะสีม่วงนะครับ อาจจะแปลกตากว่าสระว่ายน้ำที่เราเคยเห็นๆ กันที่ส่วนใหญ่จะเป็นสีฟ้า สีน้ำเงิน สูงขึ้นไปชั้นที่ 7-16 จะเป็นห้องพักอาศัย ประมาณ 28 ยูนิตต่อชั้น สูงขึ้นมาอีกตั้งแต่ชั้นที่ 16-24 จำนวนยูนิตจะน้อยลง เพราะพื้นที่บางส่วนถูกแทนที่ด้วยพื้นที่สีเขียว มาถึงชั้น 25 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคารนะครับ ชั้นนี้จะมีส่วนที่เป็นฟิตเนส และพื้นที่สีเขียวไว้สำหรับพักผ่อน เรามาดูวิวทิวทัศน์กันบ้างนะครับ เริ่มทางทิศเหนือจะหันไปด้านถนนสุขุมวิท ฝั่ง BTS ทองหล่อ มองออกไปจะเห็นโครงการ Noble Remix ที่ตั้งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 36 ซึ่งมีความสูง 33 ชั้น อาจจะบดบังวิวไปส่วนหนึ่ง แต่ก็ถือว่าไม่ได้อยู่ใกล้จนดูอึดอัดนะครับ ด้านหน้าโครงการจะหันไปทางถนนพระราม 4 จะเห็นตึกมาลีนนท์อยู่ไกลๆ นั่นด้วยนะครับ ส่วนตึกสูงอีกโครงการที่อยู่ใกล้ๆ ก็คือโครงการ Ashton ที่ตั้งอยู่ด้านทิศใต้ บริเวณซอยสุขุมวิท 38 ครับ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะหันไปทางถนนสุขุมวิทจะเป็นวิวด้านซอยทองหล่อ บริเวณรอบๆ ตัวโครงการจะเป็นบ้านเรือนพักอาศัยเตี้ยๆ ไม่มีตึกสูงขึ้นในด้านนี้ครับ พาชมห้องตัวอย่าง อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าการออกแบบพื้นที่ห้องของโครงการนี้เป็นแบบ Interlock ซึ่งคือการออกแบบให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องได้อย่างเต็มที่ โดยจะแยกพื้นที่ส่วนของห้องน้ำออกมาเพื่อไม่ให้กินพื้นที่ของห้องใหญ่ ทำให้เรารู้สึกว่าพื้นที่ห้องกว้างขวางมากขึ้นกว่าแบบห้องแบบเดิมๆ พอนำแปลนห้องแบบต่างๆ มาต่อกัน ก็จะเข้าล็อคกันพอดีคล้ายๆ กับการต่อจิ๊กซอว์นั่นเอง ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการมีให้ชมขณะนี้จะมีเพียงห้องแบบ Studio แบบเดียวเท่านั้นครับ ซึ่งขนาดห้องอยู่ที่ 24 ตร.ม. ห้องแบบนี้เปิดเข้ามาจะเจอส่วนของครัวเปิดทางด้านซ้ายมือของประตู แน่นอนว่าข้อเสียของครัวแบบนี้คือ ไม่เหมาะกับการทำครัวหนักๆ เพราะกลิ่นจะฟุ้งกระจายเต็มห้อง จะให้ดีก็คงทำได้แต่เตรียมหรืออุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น และด้วยความที่ห้องเป็นแบบ Studio พื้นที่นั่งเล่นกับที่นอนก็ต้องแบ่งๆ กันใช้ การจัดวางชุดโซฟา กับเตียงก็มีรูปแบบค่อนข้างจำกัด เท่าที่ดูจากในห้องตัวอย่างแล้วก็คงขยับอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ ถ้าจะร่นระยะที่นอนให้ไปอยู่ชิดกับหน้าต่างเลย ก็พอทำได้ แต่ก็อาจจะไม่ได้องศาเวลาดูทีวี หรืออาจจะได้ไอร้อนจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ทำให้นอนไม่สบายตัวนักก็ได้ ทางโครงการจัดแบ่งพื้นที่ระเบียงมาให้ด้วยนะครับ แต่ก็เล็กมากๆ พื้นที่แค่พอก้าวเท้าได้ 1-2 ก้าว หรือจะวางที่ตากผ้าก็คงจะเต็มพื้นที่แล้ว การใช้งานที่ระเบียงจึงอาจจะหวังอะไรมากไม่ได้ ส่วนห้องน้ำที่อยู่แยกออกมาจากพื้นที่ห้องนอน กลับถูกจัดสรรไว้ค่อนข้างลงตัวกว่า ถึงแม้ว่าห้องน้ำจะเล็กแต่ก็สามารถแยกพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียกได้เรียบร้อย ห้องที่ทางโครงการขายมาให้เป็นแบบ Fully Fitted นะครับ มีเฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว และสุขภัณฑ์มาค่อนข้างครบแล้ว จากที่เห็นในห้องตัวอย่างทางโครงการจะให้อะไร ชิ้นไหนบ้างก็สอบถามกันให้ละเอียดนะครับ เพราะหน้าตาเฟอร์นิเจอร์จะไม่เป็นไปตามแบบทุกชิ้น อย่างตู้เสื้อผ้าก็ไม่ใช่บานประตูกระจก ฝ้าก็ไม่ได้ดร็อปมาให้ กระจกเงาในห้องน้ำก็ไม่มี Light Box ด้านหลัง ส่วนอื่นๆ ก็แนะนำให้เช็คและทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนเลย จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง ส่วนห้องแบบอื่นๆ ที่เป็นแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom ก็คงต้องดูเอาตามแปลนที่ทางโครงการมีไว้ให้นะครับ แต่เท่าที่ทราบห้องแบบ 2 Bedroom ทางโครงการขายหมดไปเรียบร้อยแล้ว เพราะห้องแบบน้มีเพียง 15 ห้องเท่านั้น ส่วนห้องที่เหลือก็ต้องตามไปเช็คกับเซลล์ดูว่าจะเหลือห้องไหน ในทิศอะไรบ้าง และจะตรงกับความต้องการมากน้อยเพียงใด ห้อง Studio ขนาด 24 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องก็จะเจอกับโซฟาที่อยู่กับกับเตียงเลยนะครับ แต่ก่อนที่เราจะไปดูในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นกับที่นอน เรามองย้อนกลับออกมาหน้าห้อง แล้วมาดูส่วนครัวที่อยู่ด้านหน้ากันก่อนดีกว่านะครับ ครัวที่ได้จะเป็นครัวแบบเปิดนะครับ ก็อย่างที่บอกนะครับ ว่าครัวแบบเปิดนี้เหมาะจะใช้สำหรับเตรียมอาหารมากกว่าที่จะทำอาหารทานเอง ตำแหน่งการวางตู้เย็นจะอยู่ด้านซ้ายมือติดกับประตูห้องเลยนะครับ ด้านล่างจะมีช่องใส่เครื่องซักผ้า และไมโครเวฟ ซิ้งค์ล้างจานแบบฝังของ FRANKE นะครับ เตาไฟฟ้า 2 หัวของ FRANKE เช่นกันครับ กลับมาดูด้านในกันต่อนะครับ ติดกับส่วนครัวจะเป็นโซฟา ถัดไปก็เป็นเตียงแล้วนะครับ ข้างเตียงมีพื้นที่เหลือนิดหน่อยให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้นะครับ หน้าต่างข้างเตียงจะเป็นบาน Fix บานใหญ่เลยครับ ด้านปลายเตียงจะเป็นชั้นวางทีวีนะครับ หากจะดูทีวีก็คงต้องนอนดูบนเตียง หรือหากนั่งดูที่โซฟาก็จะต้องเอียงตัวมาทางทีวีสักหน่อย ส่วนของระเบียงจะอยู่ข้างๆ ทีวีนะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน พื้นที่ระเบียงค่อนข้างเล็กนะครับ ส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบน ตู้เสื้อผ้าจะตั้งอยู่ข้างชั้นวางทีวี และอยู่หน้าห้องน้ำนะครับ เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยนะครับ การวางสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำนะครับ โถสุขภัณฑ์ของ Kohler อ่างล้างหน้าของ Cristina วัสดุทำมาจากไฟเบอร์ ส่วนที่ติดกับอ่างล้างหน้าจะเป็นส่วนอาบน้ำกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดฝักบัวและ Rain Shower จะเป็นของ Kohler แต่จะไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วยนะครับ ชุดสวิชส์ไฟใช้ของ Siemens ทั้งหมดนะครับ เรามาดูแปลนห้องแบบอื่นๆ กันบ้างนะครับ จะเป็นแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอนครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน โครงการ Rhythm สุขุมวิท 36-38 ค่อนข้างเหมาะกับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยในย่านทองหล่อ ในขณะที่มีงบประมาณไม่เวอร์วังอลังการเกินไป ทำเลที่ตั้งโครงการค่อนข้างดีเพราะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อเพียง 300-400 เมตร ซึ่งต้องอาศัยการเดินเข้าซอยเล็กน้อย หรือจะใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็สะดวก และการที่ตัวโครงการไม่ได้อยู่ในซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) จึงค่อนข้างได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยมากกว่า รถราและผู้คนในซอยก็ไม่พลุกพล่านมากจนเกินไป ในขณะที่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 38 และริมถนนสุขุมวิทมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อมากมาย ทั้งร้านอาหารสุดหรูและแผงลอยราคาย่อมเยา ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินถึงจึงจัดว่าดีมากๆ แถมบริเวณรอบๆ ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตรก็มีห้างสรรพสินค้า สถานบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยว และสถานศึกษาครับถ้วน ทำเลในย่านนี้จึงถูกใจผู้ที่นิยมวิถีชีวิตแบบคนเมืองไปเต็มๆ เรื่องการเดินทางก็สะดวกทั้งรถไฟฟ้า BTS และการเดินทางด้วยรถส่วนตัว ทั้งถนนสุขุมวิท ถนนพระราม 4 หรือจะข้ามไปถนนเพชรบุรีตัดใหม่ก็ทำได้ทั้งนั้น จะติดก็แค่เรื่องรถติดที่หนักหนาอย่างที่รู้ๆ กันดีอยู่แล้วนั่นแหละครับ สำหรับตัวห้อง ต้องบอกว่าราคาเริ่มต้นมาค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน เพราะแค่เริ่มต้นก็ตกตารางเมตรละ 170,000 บาทเข้าไปแล้ว และเมื่อเทียบกับแบบห้อง รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่มาพร้อมห้องก็ต้องบอกว่าแค่พอโอเคเท่านั้น เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นที่แถมมาอาจจะดูไม่สมราคาห้อง ทั้งๆ ราคาห้องระดับนี้ในทำเลใกล้เคียงกันก็มีตัวให้เปรียบเทียบไม่น้อยเลย ถ้าจะซื้อหาไว้อยู่เองสำหรับคนที่งบไม่มากนัก อาจจะมองทำเลอื่นๆ ที่ใกล้เคียงแทนได้ ส่วนการซื้อไว้เพื่อลงทุนก็อาจจะทำกำไร และมี Upside Gain ยาก ผลตอบแทนจากการลงทุนอาจจะไม่คุ้มค่า หรือใช้เวลานานเกินไปก็ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะปล่อยห้องให้ชาวต่างชาติเช่าก็อาจจะพอมีโอกาสทำเงินได้บ้างไม่มากก็น้อยครับ
Manhattan Park Peninsula : รีวิวคอนโด

Manhattan Park Peninsula : รีวิวคอนโด

ผ่านไปผ่านมาในซอยแบริ่งช่วงต้นๆ ซอย หลายคนอาจจะสังเกตุเห็นคอนโดใหม่ๆ ขึ้นเต็มไปหมด หรือไม่ก็สำนักงานขายใหม่ๆ ก็มีให้เห็นมากมาย หนึ่งในนั้นต้องมีสำนักงานขายของ Manhattan Park Peninsula แน่นอน คราวนี้เราเลยถือโอกาสแวะเข้าไปเก็บข้อมูลมาฝาก เพราะรู้สึกสะดุดตากับภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูหรูหราตั้งแต่สำนักงานขายเลยทีเดียว   การเดินทาง การเดินทางมายังซอยแบริ่ง ปัจจุบันสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS พอมาถึงสถานีแบริ่งก็แค่เดินต่อเข้ามาในซอย หรือเลือกต่อรถเข้ามาอีกทอดก็สะดวกไม่แพ้กัน สำหรับตัวโครงการ Manhattan Park Peninsula นั้นตั้งอยู่ในซอยแบริ่ง 13 ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟฟ้ามากพอสมควรเลยทีเดียว ด้วยระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร คงไม่เหมาะกับการเดินเท่าไหร่ ถ้าต้องเดินไปกลับทุกๆ วันคงไม่สนุกแน่ ดังนั้นการเลือกนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาที่ตัวโครงการ หรืออย่างน้อยก็นั่งรถสองแถวมาลงที่ปากซอยแบริ่ง 13 จึงเป็นการเดินทางที่จำเป็นครับ ในขณะที่รถไฟฟ้าจัดว่าเป็นการเดินทางหลักซึ่งเป็นจุดขายแล้ว การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ต้องเดินทางไปยังจุดที่รถไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ออกมาที่ปากซอยแบริ่งก็มีทั้งรถแท็กซี่ รถสองแถว และรถเมล์ให้เลือกได้หลายสายเช่นกัน ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ซอยแบริ่งเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ ถนนในซอยเป็นถนนหลักสายใหญ่ที่มีปริมาณรถสัญจรมากเกือบตลอดเวลา ถ้าใครที่ต้องการเดินทางเข้าออกเมืองก็สามารถเลือกใช้เส้นทางสุขุมวิทตามปกติ หรือจะไปขึ้นทางด่วนด่านบางนาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักก็ได้ รวมถึงเส้นทางวงแหวนรอบนอก และสะพานอุตสาหกรรมก็เป็นอีกเส้นทางที่ใช้เดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพได้สะดวกเช่นกัน จะติดก็แค่เรื่องปริมาณรถที่มากมายเกือบตลอดวันและทุกวัน การจราจรแถบนี้จึงหนาแน่นจนถึงขั้นติดขัดอยู่เป็นประจำ จะไปไหนมาไหนก็ต้องเผื่อเวลากันให้มากหน่อย แผนที่โครงการครับ แผนที่รอบๆ โครงการ ตัวโครงการจะอยู่บนถนนสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง ใกล้กับ BTS สถานีแบงริ่ง ระยะทางจากตัวโครงการถึงสถานีรถไฟฟ้าประมาณ 1.6 กม. ครับ วันนี้ขอเริ่มต้นการเดินทางจากทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปสมุทรปราการ ให้เบี่ยงซ้ายขึ้นสะพานนะครับ เมื่อลงสะพานมาก็จะเป็นถนนสุขุมวิท ฝั่งขาออก ด้านซ้ายมือจะเป็น BITEC บางนา เลยมาอีกหน่อยก็จะเห็น BTS บางนา ให้ขับตรงไปอีกครับ ตรงมาอีกจะเจอ BTS แบริ่งแล้วล่ะครับ ให้เตรียมตัวเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่งครับ จากตัวสถานี BTS แบริ่งมาประมาณ 220 เมตร ก็จะถึงซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ หน้าปากซอยจะมี 7-11 แล้วร้านขายของตามริมฟุตบาทอยู่พอสมควรครับ สำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้าก็จะมีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการอยู่ด้วยเช่นกัน บรรยากาศภายในซอยครับ ในซอยจะมีคอนโดขึ้นค่อยข้างยเอะสังเกตจากป้ายโฆษณาที่ติดกันเต้มข้างทาง ขับตรงเข้ามาเรื่อยๆ จนถึง ซ.แบริ่ง 13 จะอยู่ทางซ้ายมือนะครับ ในซอยจะค่อยข้างแคบไปสักหน่อยนะครับ ระยะทางจากปากซอยแบริ่ง 13 ถึงตัวโครงการประมาณ 200 เมตร วิเคราะห์ตัวโครงการ Manhattan Park Peninsula เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น โดยที่ชั้นดาดฟ้าเป็นศูนย์รวม Facility ส่วนกลางไว้ทั้งหมด ตั้งแต่สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น สวนหย่อม ลู่วิ่งลอยฟ้า ห้องฟิตเนส และห้องซาวน่า ทุกอย่างนี้อยู่ภายใต้สถาปัตยกรรมของอาคารรูปทรงหรูหราที่ได้รับแรงบรรดาใจมาจากมหานครนิวยอร์ค นอกจากที่บริเวณชั้น 1 โครงการจัดสวนพร้อมน้ำพุใน Private Garden เพื่อสร้างบรรยากาศแบบ Central Park ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ทางโครงการชูเป็นจุดขายอันโดดเด่น เชื่อว่าถ้าใครได้เห็นแผ่นพับและโมเดลของอาคารแล้วคงจินตนาการไปถึง Life Style อันหรูหรากลางมหานครนิวยอร์คได้ไม่ยากเลยครับ บริเวณรอบๆ โครงการเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชุมชน และมีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่ก็ยังคงเงียบสงบอยู่เพราะที่ตั้งโครงการอยู่ลึกเข้ามากลางๆ ซอยแบริ่ง 13 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถออกไปทางซอยลาซาล 24 ได้ด้วยเช่นกัน เรื่องปากท้องความอุดมสมบูรณ์ของอาหารการกินเท่าที่เห็นดูจะมีตัวเลือกไม่มากนัก สู้ทางโซนปากซอยสุขุมวิท 105 และ 107 ไม่ได้ เพราะแถบนั้นมีร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารเพียบ ถ้าต้องการจะจับจ่ายซื้อของใช้จำเป็นอาจจะต้องออกไปไกลซักหน่อย ซึ่งในรัศมีใกล้ๆ ก็มีทั้งเซนทรัลบางนา, บิ๊กซีสำโรง หรือจะเลยไปถึงเมกะบางนาเลยก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ยังมีโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนนานาชาติชื่อดังอยู่ใกล้ๆ สำหรับครอบครัวที่มีลูกอยู่ในวัยเรียน จึงค่อนข้างสะดวกถ้าเลือกเข้าเรียนในโรงเรียนเหล่านี้ แต่ละชั้นมีจำนวนยูนิตค่อนข้างมากนะครับ เฉลี่ยแล้วเกือบๆ 30 ห้องเห็นจะได้ กับการที่มีลิฟท์โดยสารแค่ 2 ตัว อาจจะน้อยไปซักหน่อย รวมถึงที่จอดรถด้วย ซึ่งมีมาแค่ 40% ดูยังไงแล้วก็ไม่พอจอดจริงๆ แน่นอน ลูกบ้านที่มีรถส่วนตัวคงต้องเตรียมรับมือกับปัญหาการแย่งที่จอดรถไว้ด้วยก็ดีนะครับ ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกันอาจจะต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันหน่อย เพราะมีลูกบ้านมากกว่า 200 ห้อง ยังไงส่วนกลางก็ไม่สามารถรองรับได้หมดอยู่แล้ว อาคารรูปทรงหรูหราที่ได้รับแรงบรรดาใจมาจากมหานครนิวยอร์ค ชั้น 2-6 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดนะครับ ตกแล้วจะมียูนิตประมาณ 34 ยูนิตต่อชั้น ส่วนที่จอดรถจะอยู่ที่ชั้น 1 และรอบๆ อาคาร Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 7-8 ทั้ง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และพื้นที่สีเขียว ยูนิตจะลดลงเหลือชั้นละประมาณ 24 ยูนิต พาชมห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างของโครงการ Manhattan Park Peninsula มีให้ชมเพียงแค่แบบเดียว คือห้องแบบ 1 ห้องนอน ในขนาด 31 ตร.ม.  เปิดประตูเข้าห้องมาก็จะเจอในส่วนของ Living Area ก่อน บริเวณนี้วางชุดโซฟาเล็กๆ ได้หนึ่งชุด แล้วยังพอเหลือพื้นที่อีกเล็กน้อยให้วางตู้เก็บของหรือโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้ ส่วนผนังอีกด้านเป็นชั้นวางทีวีซึ่งอยู่ในระยะที่กำลังดูทีวีได้พอเหมาะพอดี ด้านหลังชั้นวางทีวีเป็นห้องน้ำ ซึ่งมีการกั้นพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียกให้ แต่ทางโครงการไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้นะครับต้องติดตั้งกันเอง ถ้าประหยัดหน่อยก็เลือกติดเป็นผ้าม่านพลาสติกแทนได้ แต่เรื่องความสวยงามอาจจะลดน้อยลงไป โซนด้านในห้องเป็นพื้นที่ของห้องนอนและห้องครัวซึ่งวางอยู่ในแนวเดียวกัน มาดูที่ห้องนอนกันก่อน ประตูห้องนอนเป็นประตูบานสวิงแบบปกติทั่วไปนะครับ เปิดเข้าห้องมากก็จะเห็นพื้นที่ในห้องที่ค่อนข้างกระทัดรัด วางเตียง 5 ฟุตลงไปแล้วก็แทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้ตกแต่งเพิ่มเติมได้อีก ในห้องจึงมีเพียงตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งไว้เป็นมุมแต่งตัวได้อีกนิดหน่อยเท่านั้น ตัวห้องครัวแยกไว้เป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทางโครงการให้ความสำคัญกับห้องครัวด้วยการจัดพื้นที่ของห้องครัวไว้กว้างพอสมควรเลยถ้าเทียบกับขนาดห้อง เพราะนอกจากเคาน์เตอร์ครัวและชั้นวางของที่ติดตั้งมาให้แล้ว ในครัวยังเหลือพื้นที่มากพอให้วางโต๊ะกินข้าวขนาด 2 ที่ได้อีกชุดโดยที่ยังเหลือที่ให้เดินได้อย่างสบายๆ ห้องตัวมีพื้นที่ติดกับระเบียงจึงสามารถเปิดประตูออกเพื่อช่วยระบายกลิ่นจากการทำอาหารได้ และบริเวณระเบียงก็อีกนิดหน่อยให้พอวางเครื่องซักผ้าและตากผ้าได้บ้าง จริงๆ แล้ว Lay out ห้องที่มีโชว์ให้ดู ก็ไม่ได้แปลกแตกต่างจากโครงอื่นๆ มากนัก ถึงจะบอกว่าห้องตัวอย่างนี้มีขนาดกว้างถึง 31 ตร.ม. แล้วก็ตาม แต่บรรยากาศภายในห้องกลับให้ความรู้สึกว่าห้องแคบกว่าที่ควรจะเป็น อาจจะเนื่องด้วยการจัดสรรพื้นที่ หรือการเลือกใช้สีและเฟอร์นิเจอร์ในห้องตัวอย่าง ที่ทำให้เรารู้สึกว่าถ้าเป็นห้องจริงคงอยู่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้วทางโครงการขายห้องมาแบบห้องเปล่าๆ นะครับ ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์อะไรแถมมาให้มากนอกจากชุดครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และเฟอร์นิเจอร์จาก SB Furniture เท่านั้น ซึ่งน่าผิดหวังอยู่พอสมควรเลยทีเดียว เพราะจากความคาดหวังแรกตอนเห็นหน้าตาอาคารของ Manhattan และสำนักงานขายที่ภายนอกดูหรูหราอลังการ แต่แบบห้องและห้องตัวอย่างที่โชว์กลับดูไม่สมฐานะเอาซะเลย งานนี้คงต้องอาศัยไอเดียและทักษะในการตกแต่งห้องตามสไตล์ส่วนตัวของเจ้าของห้องล่ะครับ ว่าจะทำให้ห้องตัวเองสวยสะดุดตาน่าอยู่ได้มากแค่ไหน ห้อง Type A 1 ห้องนอน ขนาด 31 ตารางเมตร เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับส่วนของ Living Area ก่อนนะครับ มุมนี้จะเป็นมุมที่มองจากโซฟาไปยังชั้นวางทีวี ที่เห็นเป็นห้องอยู่ข้างๆ นั่นคือห้องน้ำนะครับ มองกลับมาฝั่งที่วางโซฟาบ้างนะครับ เสียดายวันที่เข้าไปโครงการไม่ได้เอาโซฟามาวางด้วย จากส่วนของ Living Area ไปด้านในจะเป็นห้องน้ำ ห้องนอน และห้องครัวครับ มาดูที่ห้องน้ำกันก่อนนะครับ โถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าทรงกลม ส่วนอาบน้ำนะครับ อย่างที่บอกว่าทางโครงการไม่ได้ติดประตูบานเลื่อนมาให้ด้วยนะครับ เพียงเพียงขอบปูนกั้นระหว่างส่วนเปียกและส่วนแห้ง มาต่อกันที่ห้องนอนนะครับ ห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ครับ พื้นที่ปลายเตียงจะมีพื้นที่ว่างเหลือเพียงเล็กน้อย หากต้องการวางทีวีอาจจะต้องใช้แบบแขวนเอาครับ ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งจะอยู่ด้านซ้ายของเตียง และสุดท้ายคือห้องครัวนะครับ ห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนปิดกั้นไว้ ฝั่งซ้ายจะเป็นเค้าเตอร์ครัว ส่วนทางขวาจะเป็นโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ท่าน ภายในครัวจะเป็นเค้าเตอร์ทำอาคาร และมีชั้นลอยเก็บของอยู่ด้านบนครับ แต่จะไม่มีช่องใส่ไมโครเวฟให้นะครับ อาจจะต้องวางไว้ข้างๆ ผนัง ตำแหน่งของตู้เย้นอยู่ด้านในสุดติดกับระเบียง ซิ้งค์ล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้าของ MEX Type B แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 39 ตารางเมตร Type C แบบ 1 ห้องนอนขนาด 24 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน เจ้าของโครงการ Manhattan Park Peninsula ถือว่าเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ การออกแบบภาพลักษณ์ภายนอกอาคารมีความโดดเด่นมาก ซึ่งถือว่าเป็นตัวดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายที่การออกแบบภายในห้องพักกลับไม่ค่อยให้ความสำคัญในการตกแต่งห้องตัวอย่างให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ที่หรูหราภายนอกเท่าที่ควร ทำให้ความประทับใจแรกที่เห็นจากภายนอกสำนักงานขายลดลงไปอย่างน่าใจหาย เรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่ลึกเข้ามาในซอยแบริ่ง 13 ทำให้บรรยากาศโดยรวมเงียบสงบเป็นส่วนตัวมาก จึงค่อนข้างเหมาะกับการอยู่อาศัย แต่ในขณะเดียวกันก็อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้ามากเกินจะเดินได้สะดวก แถมบริเวณใกล้ๆ ยังไม่ค่อยมีร้านค้า ร้านอาหารให้พึ่งพามากนัก เพราะเป็นแหล่งชุมชนและแหล่งอุตสากรรมขนาดเล็กเสียมากกว่า ต่างจากโซนปากซอยแบริ่งที่มีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารให้เลือกหลากหลายมากกว่ามาก ทำให้ทำเลนี้อาจจะหาคนเช่ายากหน่อย เพราะมีโครงการอื่นๆ ที่อยู่ค่อนทางปากซอยสุขุมวิท 107 อีกมากเป็นตัวเปรียบเทียบ การหวังจะลงทุนห้องปล่อยเช่าจึงอาจจะได้ผลตอบแทนช้า หรือไม่คุ้มค่าเท่าที่ควรก็ได้ครับ
Aspire สาทร – ท่าพระ : รีวิวคอนโด

Aspire สาทร – ท่าพระ : รีวิวคอนโด

Aspire สาทร - ท่าพระ คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น โครงการใหม่จากเอพี ที่ร่วมทุนกับ Mitsubishi Estate Group จากประเทศญี่ปุ่น คอนโดรุ่นใหม่เพียงก้าวเดียวสู่ BTS ตลาดพลู เปิดขายอย่างเป็นทางการวันที่ 22-26 ตุลาคม 2557 ในงาน AP Space Odyssey ณ ลานพาร์คพารากอน ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 1,980,000 บาท (ณ วันเปิดตัว 23 ก.ย. 57) ราคาต่อตารางเมตร 84,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 1,219 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 5 - 1 - 20.4 ไร่ ที่ตั้งโครงการ  ถนนราชพฤกษ์ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ที่จอดรถ ประมาณ 443 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ปีที่สร้างเสร็จ ไตรมาส 4 ปี 2559 แผนที่โครงการ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เดอะ มอลล์ ท่าพระ The Circle Asiatique ตลาดพลู โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 26.5 - 30.5 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 38 - 46 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนส่วนกลาง ลิฟท์โดยสาร 6 ตัว ลิฟท์ดับเพลิง 1 ตัว ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.apthai.com
รีวิวคอนโด ติวานนท์ “Amber by Eastern Star”

รีวิวคอนโด ติวานนท์ “Amber by Eastern Star”

เคยผ่านมาดูคอนโดแนวรถไฟฟ้า สายสีม่วง ช่วงถนนกรุงเทพ - นนท์ ก็หลายครั้งแล้ว ซึ่งทำเลในแถบนี้ยังคงมีคอนโดโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้เลยจะพาไปดูอีกโครงการใกล้กับรถไฟฟ้า สายสีม่วง สถานีแยกติวานนท์ ถ้าใครได้ผ่านมาบนถนนสายนี้อาจจะพอคุ้นตากับป้ายโครงการ Amber By Eastern Star กันบ้าง การเดินทาง เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าแยกติวานนท์เพียง 50 เมตรดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด ถ้าหากว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานในปี 2559 ในอนาคตอันใกล้การเดินทางเข้าออกเมืองก็จะประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น   ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็มีเส้นทางให้เลี่ยงได้หลายทางเหมือนกัน เพราะตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ-นนท์ ซึ่งเชื่อมต่อเข้ากับถนนหลายเส้น เริ่มตั้งแต่ด่านทางด่วนงามวงศ์วานและด่วนประชานุกูล ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางเข้าออกเมืองให้รวดเร็วกว่าเส้นทางปกติ หรือถ้าจะใช้ถนนรัชดาภิเษกก็วิ่งกันได้ยาวๆ ส่วนสะพานข้ามแม่น้ำก็มีทั้งสะพานพระราม 7 ข้ามมาฝั่งจรัญสนิทวงศ์ได้ รวมถึงสะพานพระราม 5 ก็เป็นอีกเส้นที่เลี่ยงไปออกถนนราชพฤกษ์ได้เช่นกัน รวมถึงถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนนครอินทร์ ถนนงามวงศ์วาน ถนนประชาชื่น และถนนวิภาวดี ดังนั้นใครที่มีรถส่วนตัวอยู่แล้วก็ถือว่าค่อนข้างได้เปรียบถ้าเลือกซื้อห้องในทำเลแถบนี้ เพราะยังไงก็มีเส้นทางเข้า-ออกเมืองได้หลากหลาย ติดก็แค่เรื่องการจราจรที่ติดขัดเอาการ ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า หรือตอนเย็น เผลอๆ ติดไม่เว้นวันหยุดอีก จะขับรถไปไหนมาไหนก็ต้องทำใจเผื่อเวลากันมากหน่อย   แต่ถ้าเลือกเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน หรือบริการรถสาธารณะก็สามารถเดินทางได้ค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียว เพราะมีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย แถมป้ายรถเมล์ก็อยู่หน้าโครงการเลย ไปไหนมาไหนในระยะใกล้ๆ จึงสะดวกมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่ถัดออกไปไม่ไกล รวมถึงรถแท็กซี่ก็หาเรียกได้ไม่ยากอีกด้วย เสียแต่ว่าการจราจรบริเวณนี้ค่อนข้างจะติดหนัก ก็ได้แต่ลุ้นว่าถ้ารถไฟฟ้าเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้เมื่อไหร่อะไรๆ ก็จะดีขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย   แผนที่โครงการ คอนโด ติวานนท์ แผนที่รอบๆ โครงการครับ ตัวโครงการจะอยู่ใกล้ MRT แยกติวานนท์ ประมาณ 50 เมตรนะครับ การเดินทางวันนี้ผมขอเริ่มจากถนนรัชดาภิเษก ฝั่งขาออก มุ่งหน้าแยกวงศ์สว่างนะครับ ตรงนี้จะเป็นสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ ให้เบี่ยงออกทางซ้าย เพื่อไปรอเลี้ยวขวาที่แยกวงศ์สว่างนะครับ ตรงนี้คือสี่แยกวงศ์สว่าง ให้เลี้ยวขวาไปทางนนทบุรีนะครับ ถ้าตรงไปจะไปทางสะพานพระราม 7 ถ้าใครขับเลยขึ้นสะพานข้ามแยกนี้ไปต้องไปกลับรถใต้สะพานพระราม 7 เลยนะครับ พอเลี้ยวขวามาแล้วก็จะเจอกับ MRT สถานีวงศ์สว่างเลยนะครับ ให้ขับตรงไปอีก สถานีถัดไปก็จะเป็นสถานีแยกติวานนท์แล้วล่ะครับ ขับตรงมาอีกประมาณ 1.7 กม. ก็จะถึงสถานีแยกติวานนท์แล้วนะครับ แต่สำนักงานขายของโครงการจะอยู่ฝั่งตรงข้าม ต้องตรงไปอีกหน่อยเพื่อกลับรถนะครับ ถึงแล้วครับ สำนักงานขายโครงการ วิเคราะห์ตัวโครงการ คอนโด ติวานนท์ ทำเลที่ตั้งของโครงการ Amber by Eastern Star ตั้งอยู่ในเขตชุมชนที่อยู่อาศัยเดิม ซึ่งมีอาคารพาณิชย์ และร้านค้ารายล้อมอยู่พอสมควร ถึงจะไม่ได้สะดวกครบครันแต่ก็ไม่ถือว่าลำบากเลย เพราะติดๆ กันกับหน้าโครงการมีทั้งร้านขายของชำ และร้านสะดวกซื้อให้พึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ถัดไปในซอยใกล้ๆ ก็มีร้านอาหารแผงลอยเปิดขายในช่วงกลางวัน เพราะในซอยมีโรงงานอยู่ ตอนกลางวันจนถึงเย็นๆ จึงยังพอหาของกินได้ไม่ยาก เลยไปอีกหน่อยบริเวณหน้าปั๊มเชลล์ก็มีรถเข็นขายอาหารในช่วงเย็นถึงค่ำอีกหลายร้าน หรือถ้าอยากซื้อขนมนมเนยและข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ติดๆ กับที่ตั้งโครงการก็มีร้านขายของชำ และร้านสะดวกซื้อให้พึ่งพาได้ ถึงจะไม่ได้อยู่ในทำเลที่ผู้คนพลุกพล่านมีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดหาอะไรไม่ได้เลยนะครับ เพราะในบริเวณรอบๆ มีทั้ง The Mall งามวงศ์วาน, Central รัตนาธิเบศร์, Big C  หรือถ้าจะเลยไปถึง Central ลาดพร้าวก็ถือว่าไปได้ไม่ยากนัก อาหารการกินถ้าเลยมาทางหน้ากระทรวงสาธารณสุขก็จะมีให้ร้านค้าให้เลือกมากมายเข้าขั้นอุดมสมบูรณ์มาก รวมถึงโรงพยาบาลนนทเวช โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก็อยู่ไม่ไกลนัก ดังนั้นบริเวณรอบๆ นี้จึงถือว่าค่อนข้างพร้อมกับการอยู่อาศัยดีทีเดียว   เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าเลย จึงทำให้โครงการนี้เป็นที่น่าสนใจมากพอสมควร อีกทั้งเจ้าของโครงการยังเป็น Developer รายใหญ่ มีความน่าเชื่อถือสูงจึงไว้วางใจได้ว่าจะไม่มีการทิ้งงาน ถ้าใครเคยเห็นโบรชัวร์โครงการ หรือได้เข้าไปดูโมเดลตึกที่สำนักงานขายแล้ว จะเห็นว่า Amber By Eastern Star มีดีไซน์อาคารที่สะดุดตา น่าสนใจมาก ทั้งการเล่นระดับให้ลดหลั่นลงมา และจัดเป็นสวนลอยฟ้าไว้ในหลายๆ ชั้น รวมถึงหน้าตาอาคารที่เหมือนจรวดดูทันสมัยจึงดึงดูดใจผู้ที่พบเห็นได้ไม่ยาก ตัวตึกเป็นอาคาร High Rise สูง 37 ชั้น มียูนิตรวมทั้งหมด 563 ยูนิต โดยพื้นที่ส่วนกลางแบ่งเป็นสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ห้องออกกำลังกาย ห้องอบไอน้ำ ซึ่งรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกันที่ชั้น 5 ส่วนพื้นที่สีเขียวก็มีทั้งสวนลอยฟ้าที่อยู่ตามชั้นต่างๆ ที่ลดหลั่นกันลงมาตามการออกแบบอาคาร แต่ยังไม่รู้เลยนะครับว่า ถ้าทางโครงการเลือกใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบล็อคชั้น ลูกบ้านแต่ละห้องจะสามารถขึ้นไปใช้สวนที่กระจายอยู่ทั่วทั้งตึกได้หรือไม่ หรือจะขึ้นได้เฉพาะชั้นที่เป็นห้องตัวเอง ส่วนเรื่องที่จอดรถนั้น ทางโครงการจัดพื้นที่ไว้ให้ตั้งแต่ชั้น 1-4 ซึ่งสามารถรองรับรถได้จำนวน 189 คัน (ไม่นับรวมจอดซ้อนคัน) อาจจะเพราะทางโครงการต้องการเน้นกลุ่มคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยติดกับรถไฟฟ้าและใช้รถไฟฟ้าเป็นหลักในการเดินทาง เรื่องที่จอดรถจึงไม่ค่อยเน้นจำนวนเท่าไหร่ แต่ถ้าใครที่มีรถส่วนตัวต้องใช้อยู่เป็นประจำเรื่องที่จอดรถของโครงการดูจะน่าเป็นห่วงว่าจะต้องแย่งกันจอดกับลูกบ้านคนอื่นๆ ถ้าที่จอดรถไม่พอขึ้นมาจริงๆ อันนี้มีปัญหาตามมาแน่ๆ พิจารณากันให้ดีๆ นะครับ นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีระบบ CCTV ครอบคลุมทุกพื้นที่โครงการ รวมถึง Digital Door Locked ที่มีให้ทุกห้อง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่ทางโครงการได้จัดเตรียมไว้ให้ ไม่มากไม่น้อยไปจัดว่าแค่เพียงพอต่อการใช้งานขั้นพื้นฐานครับ รูปร่างหน้าตาของอาคารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โมเดลจำลองของโครงการครับ หน้าตาของสระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้น 5 ครับ สวนลอยฟ้าที่กระจายกันอยู่ตามชั้นต่างๆ สวนสีเขียวด้านหน้าโครงการ เราเปลี่ยนมาดูรอบๆ โครงการกันบ้างนะครับ ฝั่งตรงข้ามจะเห็นสำนักงานขายของโครงการ Bangkok Horizon ของ CMC ตั้งอยู่ด้วยนะครับ ซึ่งโครงการนี้เป็นคอนโด High Rise สูง 34 ชั้น ความสูงจะพอๆ กับ Amber เลยนะครับ เดินเลยที่ตั้งโครงการมาอีกหน่อย ก็จะมี Family Mart ให้ได้ฝากท้องกันด้วยนะครับ ตั้งอยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้านี่เลย ที่ติดกับ Family Mart ก็จะเป็นทางขึ้น-ลงสถานีรถไฟฟ้าครับ มีพี่วินไว้ให้บริการด้วยนะครับ เผื่อใครขี้เกียจขับรถไปซื้อของที่บิ๊กซี พาชมห้องตัวอย่าง คอนโด ติวานนท์ Amber By Eastern Star มีห้องให้เลือกด้วยกัน 2 แบบครับ คือ ห้องแบบ 1 ห้องนอน ที่ขนาดพื้นที่ใช้สอย 33-37 ตร.ม. และห้องแบบ 2 ห้องนอน ที่ขนาดพื้นที่ 55-76 ตร.ม. จุดเด่นของห้องที่นี่คือ ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร รวมถึงทิศทางของตึกที่วางตัวตามลักษณะที่ดิน ทำให้ห้องส่วนใหญ่หันหน้าไปทางทิศเหนือและใต้ และได้วิวมุมสูงที่ค่อนข้างเต็มตาเลยทีเดียว เราไปดูห้องตัวอย่างในสำนักงานขายกันเลยดีกว่า เริ่มด้วยห้อง Type A4 ซึ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน เปิดประตูห้องเข้ามาก็จะเจอพื้นที่ของครัวที่อยู่หลังประตูห้องก่อนเลย Pantry ครัวจะอยู่ทางด้านขวามือ เปิดครัวเปิดเล็กๆ ที่เหมาะกับการเตรียมอาหารเล็กๆ น้อยๆ มากกว่าการทำครัวแบบจริงจัง ไม่อย่างนั้น กลิ่นกับข้าวคงได้กระจายไปทั่วห้อง ถัดจากครัวเข้ามาก็เป็นพื้นที่นั่งเล่น มุมนี้เอาไว้นั่งดูทีวีสบายๆ ในระยะที่กำลังพอดีสำหรับทีวีขนาดไม่เกิน 42 นิ้ว เพราะระยะห่างจากโซฟาถึงทีวีมีไม่มากนัก ส่วนพื้นที่ติดหน้าต่างที่เป็นส่วนพิเศษหน่อย เนื่องจากเป็นกระจกเข้ามุมทำให้เปิดรับแสงและวิวได้มากขึ้น มุมนี้สามารถวาง Day Bed ซักตัว หรือจะจัดเป็นมุมนั่งทำงานก็ได้อีกเช่นกัน  ส่วนอีกด้านของห้องเป็นพื้นที่ของห้องนอนซึ่งมีห้องน้ำในตัว พื้นที่ในห้องนอนค่อนข้างแคบนะครับ วางเตียงขนาด 5 ฟุตลงไปแล้วก็เหลือที่ปลายเตียงอีกนิดเดียวจนแทบจะเดินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หน้าห้องน้ำจัดเป็นมุมแต่งตัว วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ ได้  ส่วนในห้องน้ำก็จัดแบ่งพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียกไว้เรียบร้อยด้วยกระจกเทมเปอร์ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็เป็นไปตามมาตรฐานทั่วไปครับ ไม่ได้หรูหราอย่างที่คาดหวังเอาไว้ ข้อเสียสำคัญของห้อง Type นี้ก็คือ ไม่มีระเบียง!! ในขณะที่ในห้องเตรียมตำแหน่งติดตั้งเครื่องซักผ้ามาให้แล้วที่เคาน์เตอร์ครัว ซึ่งผมยังนึกไม่ออกว่าซักผ้าเสร็จแล้วจะเอาผ้าไปตากที่ไหน   เราไปดูห้อง Type B 2 ซึ่งเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนกันบ้างดีกว่า เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอพื้นที่ครัว และห้องนั่งเล่นแทบไม่ต่างกับห้องแบบแรกเลยทีเดียว  แต่ห้อง Type นี้มีระเบียงนะครับ อยู่ติดกับห้องนั่งเล่นพอดี ถึงพื้นที่ระเบียงจะไม่ได้กว้างมาก แต่ก็พอจะวางเครื่องซักผ้าได้พอดี ซึ่งทางโครงการก็ทำระแนงเหล็กบังตาไว้ให้เรียบร้อย  ส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้อยู่เหนือเครื่องซักผ้าได้พอดี ถัดเข้ามาที่โซนด้านในซึ่งเป็นพื้นที่ของห้องนอน เราจะเจอกับห้องนอนเล็กก่อนซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ พื้นที่ของห้องนอนเล็กก็เล็กสมชื่อ ลักษณะห้องออกไปในแนวยาว วางเตียง 3.5 ฟุต แล้วก็มีที่ให้ตกแต่งได้อีกนิดหน่อย ในห้องตัวอย่างทางโครงการตกแต่งห้องนี้ให้เป็นห้องทำงาน และมุมพักผ่อนเพิ่มเติม โดยผนังห้องส่วนหนึ่งเป็นกระจกใส และไม่มีบานประตู จึงให้ความรู้สึกว่าห้องกว้างขึ้น แต่ของจริงผนังจะเป็นผนังปูนตามปกตินะครับ ถัดเข้าไปด้านในสุดจะเป็นห้องนอนใหญ่ ซึ่งมีห้องน้ำอยู่ในตัว  พื้นที่ในห้องนอนก็กว้างขึ้นเล็กน้อย แต่ก็แทบจะไม่รู้สึกเท่าไรนัก เพราะมีเหลี่ยมมุมของเสาอาคารที่จำกัดพื้นที่การตกแต่ง พอวางเตียงลงไปแล้ว ปลายเตียงก็เหลือที่ว่างแค่พอให้เดินได้เท่านั้น จะว่างชั้นเก็บของ หรือจะตกแต่งอะไรเพิ่มเติมก็ทำได้ยาก อย่างมากก็ทำได้แค่แขวนทีวีอีกเครื่องเท่านั้น เอาเป็นว่าพื้นที่โดยรวมแค่พอใช้งานได้เท่านั้นนะครับ ถ้ามีสมบัติเยอะเข้าขั้นนักสะสมคงไม่มีที่ให้เก็บของแน่ๆ   จากที่ได้ชมห้องตัวอย่างมาก ต้องบอกว่าการออกแบบภายในยังขาดๆ เกินๆ อยู่ การตกแต่งห้องให้ลงตัวคงทำได้ยากซักหน่อย ที่สำคัญทางโครงการก็ขายห้องมาให้แบบห้องเปล่าๆ นะครับ ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ตามแบบห้องตัวอย่างแถมมาให้ด้วย จะมีก็แค่ ชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้นที่ได้มาพร้อมห้อง ซึ่งวัสดุที่ทางโครงการเลือกมานั้นค่อนข้างธรรมดามากเมื่อเทียบกับห้องในระดับนี้ และภาพความหรูหราที่คาดหวังเอาไว้จากที่ได้เห็นรูปแบบอาคารก็ถูกลดทอนลงไปมากเลยทีเดียว เรามาเริ่มกันที่ Type A แบบ 1 ห้องนอนกันก่อนนะครับ เมื่อเปิดประตุเข้ามาแล้ว จะเจอส่วนของครัวก่อนเลย จะเป็นครัวแบบเปิดนะครับ เหมาะกับการเตรียมอาหารมากกว่าการทำทานเอง เคาน์เตอร์ครัวจะค่อนข้างจะเล็กนะครับ อย่างที่บอกว่าเหมาะสำหรับการเตรียมอาหารมากกว่า เพราะไม่มีเตาไฟฟ้า และฮูดดูดควันให้ด้วย มีช่องวางเครื่องซักผ้าอยู่ด้านล่างนะครับ อีกฝั่งจะเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่านครับ ส่วนถัดเข้าไปด้านในจะเป็นส่วน Living Area ที่อยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ ระยะห่างจากโซฟาถึงทีวีไม่มากนะครับ วางทีวีขนาดไม่เกิน 42 นิ้ว กำลังดีครับ มองมุมกลับออกมาหน้าห้องนะครับ เรามาดูที่ห้องนอนกันบ้างนะครับ ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังพอดีนะครับ จะเหลือพื้นที่ปลายเตียงให้เดินนิดหน่อย ส่วนทีวีต้องแขวนผนังเหมือนห้องตัวอย่างแทนครับ ตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งวางอยู่หน้าห้องน้ำนะครับ ว่าแล้วเราก็เข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยดีกว่าครับ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเป็นของ American Standard ส่วนอาบน้ำจะแยกเป็นสัดส่วนมีนะครับ กระจกเทมเปอร์กั้นส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ชุดฝักบัวที่ได้ครับ มาดูแบบ 2 ห้องนอนกันบ้างนะครับ เปิดเข้ามาก็จะเจอครัวอีกเหมือนกันครับ จะคล้ายๆ กับ Type A แต่จะไม่มีช่องใส่เครื่องซักผ้าอยู่ด้านล่างแล้วนะครับ โต๊ะทานอาหารก็จะมาอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ครัวเลย ตู้เย็นจะวางอยู่ติดผนังเดียวกันกับประตูห้องเลยนะครับ ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นส่วน Living Area ส่วน Living Area จะอยู่ติดกับระเบียงเลยนะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีจะพอๆ กับห้อง Type A เลยครับ ส่วนของระเบียงจะกว้างประมาณนี้นะครับ ด้านซ้ายของระเบียงจะเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า คอมเพรสเซอร์แอร์จะวางอยู่เหนือเครื่องซักผ้านี่แหละครับ เรามาดูที่ห้องนอนเล็กกันต่อนะครับ ผนังด้านหน้าห้องจะทำเป็นกระจกเข้ามุม มองออกมาก็จะเห็นส่วนครัวที่อยู่หน้าห้อง แต่ห้องจริงที่ได้จะเป็นผนังปูนปกตินะครับ ดูข้างในแล้วก็เล็กสมชื่อจริงๆ ครับ วางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ก็น่าจะพอแล้วนะครับ จะได้มีที่ว่างให้วางอย่างอื่นด้วย แต่ห้องตัวอย่างที่ตกแต่งให้ดู ออกจะเป็นแนวห้องทำงานมากกว่านะครับ ห้องน้ำด้านนอกจะอยู่ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กนะครับ การวางสุขภัณฑ์จะคล้ายๆ กับห้อง Type A เลยครับ เดินเลยเข้ามาดูที่ห้องนอนใหญ่กันต่อนะครับ ขนาดห้องก็ไม่ได้ใหญ่เหมือนชื่อเท่าไหร่นะครับ วางเตียง 5 ฟุต กำลังเหมาะครับ มีพื้นที่ปลายเตียงเหลือให้เดินได้นิดหน่อย ทีวีก็คงต้องแขวนผนังเอานะครับ เพราะไม่มีที่เหลือพอให้วาง Sideboard หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบาน Fix นะครับ ข้างเตียงจะมีที่เหลือนิดหน่อยให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้นะครับ ในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวอีก 1 ห้องนะครับ ตู้เสื้อผ้าจะวางอยู่หน้าห้องน้ำเลยนะครับ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็จะใช้ของ American Standard เหมือนกับห้อง Type A ครับ ส่วนเปียกก็จะแยกเป็นสัดส่วน มีบานกระจกเทมเปอร์กั้นระหว่างส่วนเปียกกับส่วนแห้ง ความคุ้มค่าน่าลงทุน ของคอนโด ติวานนท์ ถึงแม้ตัวโครงการ Amber By Eastern Star จะมีความน่าสนใจอยู่ที่ทำเลที่ตั้งที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงเลย แต่ด้วยขนาดห้องเริ่มต้นที่ค่อนข้างใหญ่ จึงทำให้ราคาห้องสูงตามไปด้วย ซึ่งในแง่ของการลงทุนจึงทำให้ผู้ลงทุนมีต้นทุนสูงกว่าการลงทุนในโครงการอื่นๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกัน กว่าจะเกิด Upside Gain ก็ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะลงทุนห้องเพื่อขายต่อ หรือลงทุนไว้ปล่อยเช่าคงเหนื่อยหน่อย เพราะการปล่อยห้องเช่า ถ้าเปรียบเทียบกับห้องในโครงการอื่นๆ ที่อยู่ในทำเลใกล้เคียงก็ไม่ค่อยจะคุ้มค่าการลงทุนเท่าไหร่ แต่ถ้าหากมองห้องเอาไว้เพื่ออยู่อาศัยเอง ห้องของ Amber ก็จะได้เปรียบเรื่องขนาดห้องที่ใหญ่กว่าทำให้อยู่สบายกว่า แถมบรรยากาศของโครงการก็ดูสงบ ร่มรื่นดี รวมถึงอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ใกล้สาธารณูปโภคต่างๆ อีกด้วย คนที่ทำงานในย่านนี้อยู่แล้ว และกำลังมองหาที่อยู่ใหม่ ที่นี่ก็อาจจะเป็นอีกตัวเลือกที่น่าเก็บไว้พิจารณานะครับ โครงการคอนโดอื่นๆ ที่น่าสนใจ นิช โมโน ติวานนท์ The Politan Rive ยู ดีไลท์ @ บางซ่อน สเตชั่น
Chateau in Town รัชดา 20 : รีวิวคอนโด

Chateau in Town รัชดา 20 : รีวิวคอนโด

ทำเลในย่านรัชดาภิเษก ซึ่งมีรถไฟฟ้าใต้ดินวิ่งผ่านยังคงเป็นทำเลที่ได้รับความสนใจอยู่มาก ครั้งนี้เราเลยแวะไปดูโครงการ Chateau in Town รัชดา 20/2 ซึ่งเป็นคอนโด Low Rise โครงการที่ 2 ของ CMC ที่เลือกทำเลในซอยรัชดา 20 และกำลังจะสร้างเสร็จในเร็วๆ นี้แล้ว แถมยังอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สุทธิสาร ในระยะแค่ 350 เมตรเท่านั้น   การเดินทาง   สถานีรถไฟฟ้าสุทธิสารตั้งอยู่ใกล้ๆ ปากซอยรัชดา 20 พอดี เลือกออกทางออกที่ 2 แล้วเดินต่ออีกหน่อย บริเวณปากซอยรัชดา 20 มีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้เรียกใช้บริการได้ หรือจะอาศัยสองเท้าเดินก็ทำได้ไม่ยาก เพราะระยะทางไม่ได้ไกลมากนัก แต่ถนนในซอยไม่มีทางเท้าเป็นเรื่องเป็นราว เวลาเดินๆ ก็ต้องคอยระวังรถกันบ้างนะครับ ถึงแม้ซอยนี้จะเป็นซอยเล็กและมีรถวิ่งผ่านไม่มากก็ตาม แต่ช่วงต้นๆ ซอยซึ่งเป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงาน รถราเข้าออกขวักไขว่กันเลยทีเดียว สำหรับการเดินทางด้วยรถส่วนตัวนั้น ถ้ามาจากทางแยกลาดพร้าวก็ตรงมาทางสุทธิสารได้เลย แต่ไม่ต้องลงอุโมงค์ตรงแยกสุทธิสารนะครับ ให้ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าซอยรัชดา 20 พอเข้าซอยมาเล็กน้อยให้เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง และเลี้ยวขวาตรงไปสุดซอยก็จะเจอโครงการ Chateau in town รัชดา 20/2 อยู่เยื้องจากโครงการแรกเข้าไปเล็กน้อย เดิมทีซอยนี้เป็นซอยตันนะครับ สุดซอยอยู่ที่กำแพงโครงการ Chateau in town รัชดา 20 พอดี ส่วนที่ตั้งของโครงการ Chateau in town รัชดา 20/2 จะอยู่สุดซอยสบายใจแยก 8 โชคดีที่ที่ดิน 2 ผืนนี้อยู่ติดกัน เจ้าของโครงการเลยทุบกำแพงใช้เป็นทางเข้าออกโครงการแบบส่วนตั๊วส่วนตัว ลูกบ้านโครงการนี้เลยไม่ต้องไปอ้อมมาจากทางซอยลาดพร้าว หรือซอยสุทธิสารวินิจฉัยให้ไกลอีกต่อไป ส่วนถ้าเดินทางมาจากทางแยกอโศก พอผ่านแยกสุทธิสารมาแล้วก็ต้องเลยไปกลับรถบริเวณแยกลาดพร้าวเพื่อกลับมาที่ซอยรัชดา 20 อีกครั้ง ระยะทางอาจจะไม่ได้ไกลนัก แต่ในช่วงเช้าและเย็นที่รถติดมากๆ ก็ต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะผ่านฝ่าการจราจรไปได้แต่ละที นอกจากเส้นทางเข้าออกหลักๆ ทางซอยรัชดา 20 แล้ว เส้นทางในซอยนี้ยังสามารถเลี่ยงเข้าออกได้อีกหลายทางเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่หนาแน่นมากๆ บริเวณแยกสุทธิสาร เช่น เส้นทางในซอยสบายใจ ที่สามารถไปลัดเลาะไปทางซอยลาดพร้าว 48 หรือออกไปที่ถนนสุทธิสารวินิจฉัย อย่างที่บอกไปข้างต้น อีกทั้งยังมีเส้นทางเข้าออกจากทางซอยรุ่งเรือง (ผ่านเข้าทางบุญถาวร) อีกทางที่ทำให้เลี่ยงออกมาที่ถนนรัชดาภิเษกได้ไกลพอที่จะลงอุโมงค์แยกสุทธิสารได้ทัน จึงช่วยประหยัดเวลาได้อีกหน่อย นอกเหนือจากนี้การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็สะดวกไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นบริการขนส่งมวลชนอย่างรถเมล์ ที่มีรถวิ่งผ่านหลายสาย เพราะถนนรัชดาภิเษกเป็นถนนใหญ่ และป้ายรถเมล์ก็อยู่ตรงปากซอยรัชดา 20 พอดี เช่นเดียวกันกับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และรถแท็กซี่ก็เรียกหาได้ง่ายเช่นเดียวกัน   วิเคราะห์ตัวโครงการ   ทำเลที่ตั้งของโครงการ Chateau in town รัชดา 20/2 ที่จัดว่าอยู่ใกล้กับศูนย์กลางธุรกิจใหม่ใจกลางเมือง หรือบริเวณที่เป็นไข่แดงของรัชดา (บริเวณแยกรัชดา-พระราม9) เรื่องความเจริญแบบชีวิตคนเมืองจึงหายห่วง เพราะมีทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้ง รวมถึงอาคารสำนักงาน สถานศึกษา ก็อยู่ในรัศมีแวดล้อมที่สามารถเดินทางได้อย่างง่ายดาย เช่น ห้าง Central พระราม 9, Big C, Esplanade, Tesco Lotus หรือ Fortune Tower และตลาดนัดเมืองไทยภัทร ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่บนถนนรัชดาภิเษกบริเวณแยกรัชดา-พระราม 9 ส่วนทางฝั่งลาดพร้าวก็มี Central ลาดพร้าว, Union Mall, Major รัชโยธิน, สวนจตุจักร และตลาดอตก. ที่ว่ามานี้คือแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว และอยู่ในแนวรถไฟฟ้าใต้ดินอีกต่างหาก นอกจากนี้บริเวณที่ตั้งโครงการก็ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อให้พึ่งพาได้ไม่น้อยเลย เพราะซอยรัชดา 20 เป็นแหล่งรวมสำนักงาน หน่วยงานราชการและเอกชนดังๆ หลายราย บริเวณนี้จึงคึกคักไปด้วยพนักงานออฟฟิศเกือบตลอดวัน หรือถ้าเลยไปที่ซอยสุทธิสาร ร้านค้า แผงลอยก็มีให้เลือกมากมายตั้งแต่เช้าจรดค่ำ อาหารการกินบริเวณนี้จึงอุดมสมบูรณ์มากครับ   มาถึงตัวโครงการกันบ้าง Chateau in town รัชดา 20/2 เป็นคอนโด Low Rise อาคารเดี่ยวสูง 8 ชั้น ซึ่งกำลังจะสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในอีกไม่นานนี้ เริ่มจากบริเวณชั้นล่างสุดเป็นพื้นที่จอดรถ สามารถรองรับรถได้ 35 คัน (นับรวมจอดซ้อนคันแล้ว) ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่เกินความคาดหวังเลยสำหรับคอนโด Low Rise ที่เกาะแนวรถไฟฟ้าแบบนี้ ถัดขึ้นไปที่บริเวณชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางซึ่งรวมสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และพื้นที่พักผ่อนไว้ด้วยกัน รวมถึงส่วนที่พักอาศัยก็เริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป นับรวมแล้วทั้งโครงการจะมียูนิตรวมทั้งหมด 73 ยูนิต โดยอัตราความหนาแน่นในการใช้งานส่วนกลางก็ยังอยู่ในสัดส่วนที่รับได้ครับ ลูกบ้านแต่ละห้องมีโอกาสได้ใช้งานค่อนข้างเต็มที่ เช่นเดียวกันกับลิฟท์โดยสารที่ทางโครงการจัดมาให้เพียง 1 ตัว แต่ดูจะไม่น่าเป็นปัญหาเท่าไหร่เรื่องการใช้งาน นอกจากนี้เรื่องระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ก็เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งกล้อง CCTV และการใช้ Key Card เข้าออกอาคาร ตัวอาคารภายนอกไม่ได้มีการออกแบบตกแต่งที่พิเศษแตกต่างไปจากแบรนด์ Chateau in town ที่อื่นๆ มากนัก การจัดว่าตำแหน่งห้องในแต่ละชั้นเน้นความเป็นส่วนตัวเป็นมีจำนวนแค่ ชั้นละ 12 ห้องเท่านั้น และโถงทางเดินยังออกแบบให้เป็นแบบ Single Corridor รูปตัว U ไม่มีเพื่อนฝั่งตรงข้ามห้องแน่นอน สำหรับภายนอกอาคารโดยรอบส่วนใหญ่ยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบ สูงไม่เกิน 2-3 ชั้น จะมีก็แต่อาคารฝั่งตรงข้ามโครงการที่กำลังก่อสร้างอาคารสำนักงานสูง 7-8 ชั้นเช่นเดียวกัน ห้องทางด้านทิศใต้ที่อยู่ทางด้านหน้าโครงการจึงถูกบังวิวกันไปแบบเต็มๆ ส่วนอีกด้านที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ก็จะถูกอาคารของ Chateau in town 20 ที่สร้างมาก่อนบังวิวเช่นกัน รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางทั้งสระว่ายน้ำและฟิตเนสก็ตั้งอยู่ในตำแหน่งนี้ด้วย เท่าที่เล็งๆ แล้วก็คงขาดความเป็นส่วนตัวไปบ้าง เพราะคนที่อยู่ตึกตรงกันข้ามสามารถมองส่องเข้ามาได้แน่นอน ส่วนทิศอื่นๆ ที่เหลือก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องวิวเท่าไหร่ครับ ถ้าเลือกห้องที่อยู่ชั้น 3 ขึ้นไปก็พ้นหลังคาบ้านข้างๆ แล้ว ถ้าใครที่ชอบบรรยากาศห้องที่ค่อนข้างเงียบสงบ และไม่ต้องเสี่ยงเปิดหน้าต่างมาจ๊ะเอ๋กับตึกตรงข้าม แนะนำว่าเลือกห้องทางด้านทิศเหนือ และตะวันออกน่าจะดีที่สุดครับ   พาชมห้องตัวอย่าง   สำหรับห้องตัวอย่างของ Chateau in town รัชดา 20/2 ไม่ได้มีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจมากนัก ถ้าใครที่เคยแวะไปดูโครงการอื่นๆ ภายใต้แบรนด์นี้ก็คงพอจะนึกภาพตามได้ไม่ยาก เพราะการจัด Lay out ห้องมีความคล้ายคลึงกันมาก เปิดประตูห้องมาจะเจอส่วนของห้องครัวก่อน ซึ่งทางโครงการจะติดตั้งเคาน์เตอร์ครัว และชั้นเก็บของมาให้เรียบร้อย รวมถึงพื้นในห้องครัวก็เลือกปูกระเบื้องเซรามิคมาให้ เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด เคาน์เตอร์ครัวที่ทางโครงการให้มาสีสันค่อนข้างจะฉูดฉาดเลยทีเดียว ถ้าใครที่คิดจะแต่ห้องในสไตล์เรียบๆ อาจจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นห้องเปล่าๆ ที่มีแค่สุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานราคาห้อง เครื่องปรับอากาศ และพื้นลามิเนต สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอน จะมีขนาดเริ่มต้นที่ 25-42 ตร.ม. ขึ้นอยู่กับตำแหน่งห้อง ห้องขนาดเล็กจะกั้นพื้นที่ห้องนอนออกจากครัวด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อช่วยในการประหยัดพื้นที่ และไม่ทำให้ห้องดูแคบจนเกินไป ส่วนพื้นที่นั่งเล่นในห้องขนาด 25 ตร.ม. อาจไม่มีพื้นที่เหลือให้มากนัก เพราะต้องแบ่งกันใช้กับบริเวณห้องนอน จะว่าไปแล้วลักษณะห้องก็คล้ายกับห้องแบบ Studio เสียมากกว่า แต่ถ้าใครที่อยากจะได้ห้องที่กว้างขึ้น และมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นแยกออกมาเป็นสัดส่วน ก็ต้องขยับขึ้นมาที่ห้องขนาด 35 ตร.ม. เพราะห้องแบบนี้จะกั้นห้องนอนด้วยผนังทึบ จึงมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นแยกจากกันชัดเจน แต่ก็ต้องบอกว่ามีพื้นที่แค่พอใช้สอยนะครับ ไม่ได้กว้างขวางอะไรมากมาย อ้อ อีกส่วนที่ต่างจากห้องขนาดเล็กก็อีกอย่างก็คือ พื้นที่แต่งตัวซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ ห้องแบบนี้จึงได้บรรยากาศแบบ walk in closet น่าจะถูกใจคุณสาวๆ ไม่น้อยเลย นอกจากนี้ห้องแบบ 1 ห้องนอน ยังมีห้องขนาดใหญ่แบบ 42 ตร.ม. ให้เลือกด้วย รวมถึงห้องแบบ 2 ห้องนอน ซึ่งมีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 47-50 ตร.ม. เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวมากขึ้น   ความคุ้มค่าน่าลงทุน   ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ Chateau in town รัชดา 20/2 ที่อยู่เกาะแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน จึงเรียกความน่าสนใจได้ไม่ยาก เพราะเดินเข้ามาในซอยอีกแค่ 300 เมตร บรรยากาศโดยรอบก็เงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย ต่างจากความพลุกพล่านบริเวณถนนรัชดาภิเษกเพราะเป็นย่านธุรกิจและมีอาคารสำนักงานเป็นจำนวนมาก การออกแบบภายในตัวอาคารอาจจะยังดูขาดๆ เกินไปบ้าง สำหรับแบรนด์ Chateau in town ห้องส่วนใหญ่มักจะมีเหลี่ยมมุมหรือมีเสาเกินมาให้เห็นแล้วขัดใจบ้าง ทำให้การหาเฟอร์นิเจอร์มาจัดวางให้ลงตัวได้ยาก บางทีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ Built in แทนก็อาจจะช่วยตัดปัญหาในจุดขัดตาไปได้บ้าง นอกจากนี้เรื่องสีสันของเคาน์เตอร์ครัวก็ไม่ค่อยคลาสสิคเท่าไหร่ ใครที่ไม่ชอบสีสันฉูดฉาดตัดกันชัดเจน แบบสีเหลือง แดง ตัดกันกับสีไม้เข้มๆ อาจถึงขึ้นต้องรื้อทำใหม่ยกแผงกันไปเลย ส่วนเรื่องพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็พยายามจัดสรรมาให้ค่อนข้างเต็มที่เท่าที่โครงการขนาดเล็กจะทำได้ ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และส่วนพื้นที่พักผ่อน ติดนิดหน่อยที่อาจจะขาดความเป็นส่วนตัวไปบ้างในการใช้งานครับ รวมถึงเรื่องอาคารใกล้เคียงที่บังวิวในบางมุม ทำให้การเลือกตำแหน่งห้องถูกจำกัดมากขึ้นรวมถึงถ้าอยากให้ได้วิวที่พ้นหลังคาบ้านข้างๆ ขึ้นมา ก็ต้องเลือกห้องในชั้นที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ราคาห้องสูงขึ้นตามไปด้วย   ถ้าใครที่กำลังมองหาคอนโดไว้อยู่อาศัยเอง และก็ทำงานแถบนี้อยู่แล้ว อาจจะถูกใจได้ไม่ยาก เพราะความสะดวกสบายสไตล์คนเมืองอยู่แวดล้อมรอบด้าน ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงเรียน หน่วยงานราชการ และอาคารสำนักงาน อีกทั้งการเดินทางก็จัดได้ว่าสะดวกดีทีเดียว แต่ถ้าหากคิดจะจับจองไว้สำหรับการลงทุนปล่อยห้องเช่า อาจจะมี upside gain หรือได้ผลตอบแทนไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่นัก เพราะด้วย Branding ของตัวโครงการเองก็ไม่ได้มีภาพลักษณ์หรูหรามากขนาดที่จะทำราคาค่าเช่าได้สูงๆ เลยต้องพิจารณากันให้ละเอียดรอบคอบหน่อย
Ideo Mobi วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์ : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์ คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น โครงการใหม่จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์  ใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย  รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 2,290,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร 106,511 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 559 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 2 - 2 - 22.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ  ถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ที่จอดรถ ประมาณ 201 คัน แผนที่โครงการ สถานที่สำคัญใกล้เคียง รถไฟฟ้า ส่วนต่อขยาย สายสีม่วง สถานีบางซ่อน รถไฟฟ้า ส่วนต่อขยาย สายสีแดง สถานีบางซ่อน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 21.5 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 24.5 - 30 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 48 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ Social Club สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Sky Lounge Access Key Card ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.ananda.co.th
THE UNIQUE สุขุมวิท 62/1 : รีวิวคอนโด

THE UNIQUE สุขุมวิท 62/1 : รีวิวคอนโด

อีกหนึ่งโครงการบนทำเลสุขุมวิทที่เราเก็บมาฝากกันก็คือ The Unique สุขุมวิท 62/1 คอนโด Low Rise ของ Ten Thai Development ที่ตั้งโครงการอยู่กลางๆ ซอย สุขุมวิท 62/1 ซึ่งมีคอนโดอีก 2-3 รายอยู่ในซอยนี้เหมือนกัน คิดว่าคงไม่ต้องเกริ่นกันให้มากความไปดูรายละเอียดโครงการกันเลยดีกว่า การเดินทาง สำหรับ The Unique สุขุมวิท 62/1 การเดินทางไปมาจัดว่าสะดวกดี เพราะทำเลที่ตั้งโครงการเกาะแนวรถไฟฟ้าอยู่เนืองๆ อาศัยเดินเอาหน่อยก็เจอรถไฟฟ้า BTS สถานีบางจากแล้ว ในระยะทางไม่เกิน 750 เมตร หรือถ้าเลือกลงที่สถานีปุณวิถีก็ไกลกว่าอีกแค่ 100 เมตรเอง ไม่ว่าจะเลือกสถานีไหนก็แทบไม่ต่างกันในเรื่องระยะทางที่ต้องเดิน เพราะเดินเหนื่อยเหมือนกัน แต่การที่ที่ตั้งโครงการอยู่กึ่งกลางระหว่าง 2 สถานีก็ทำให้ได้เปรียบในเรื่องการเลือกลงรถไฟฟ้าได้ทั้ง 2 สถานี แล้วอาศัยนั่งรถต่อตามเส้นทางเดินรถเอา ก็ช่วยประหยัดเวลาและระยะมิเตอร์แท็กซี่ได้ในวันที่ขี้เกียจเดิน ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ต้องบอกว่าสะดวกมากเลยทีเดียว เพราะท้ายซอยสุขุมวิท 62/1 สามารถลัดไปขึ้นทางด่วนตรงซอยสุขุมวิท 62 ได้เลย โดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลารถติดบนถนนสุขุมวิทให้หงุดหงิดใจ ในขณะที่การเดินทางบนถนนสุขุมวิทก็เป็นเส้นทางหลักที่หลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว จะเข้าจะออกเมืองก็เดินทางได้ไม่ยาก จุดกลับรถก็อยู่ห่างจากปากซอยไปนิดเดียว ถ้ามาจากในเมืองพอกลับรถมาแล้ว ตรงมาอีกนิดหน่อยก็เลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 62/1 ได้ไม่ยาก ใครที่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักถือว่าเดินทางสะดวกดีทีเดียว ถ้าไม่นับเรื่องการจราจรบนถนนสุขุมวิทที่ติดขัดหนักหนาจนเป็นกิจวัตรทั้งช่วงเช้าและเย็น ส่วนใครที่ไม่มีรถ ก็คงต้องพึ่งพารถสาธารณะกันล่ะครับ แต่ความสะดวกก็จะลดลงมาตามลำดับ เพราะยังไงๆ ก็ต้องเดินมาเรียกรถกันที่ปากซอย ทั้งแท็กซี่ รถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็หาได้จากบริเวณปากซอยนี่แหละครับ ระยะเดินจากหน้าโครงการมาที่ปากซอยก็แค่ 420 เมตร เดินได้สบายๆ ถ้าแดดไม่ร้อน ฝนไม่ตก ก็ไม่ลำบากเท่าไหร่ครับ เส้นทางรอบๆ โครงการครับ วันนี้ขอเริ่มต้นจากทางด่วนเฉลิมมหานครฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปทางบางนานะครับ ตามป้ายบางนามาเรื่อยๆ จนมาถึงทางออกถนนสุขุมวิท 62 ให้เบี่ยงซ้ายออกมาเลยครับ จากนั้นก็ตามทางโค้งซ้ายไป เพื่อเข้าถนนสุขุมวิท 62 ครับ เส้นทางนี้คือเส้นที่เราจะพาไปสำนักงานขายที่ตั้งอยู่ติดกับ BTS บางจากนะครับ แต่ถ้าหากจะไปที่ตั้งโครงการจากจุดนี้สามารถขับตรงไปเข้าด้านหลังซอยสุขุมวิท 62/1 ได้เลย เดี๋ยวเราจะพาไปดูกัน จากตรงนี้ วิ่งเลียบทางด่วนไปประมาณ 550 เมตร ก็จะถึงตัวโครงการ ซึ่งจะใกล้กว่าไปเข้าทางถนนสุขุมวิท เป็นการหนีรถติดไปในตัวด้วย แต่ถนนเส้นนี้จะค่อนข้างแคบหน่อยนะครับ และในช่วงกลางคืนอาจจะมืดสักหน่อย เพราะสองข้างทางไม่มีไฟส่องสว่าง อาจจะต้องอาศัยไฟส่องสว่างจากทางด่วนแทน ขับมาเรื่อยๆ ก็จะถึงซอยสุขุมวิท 62/1 แล้วล่ะครับ ก่อนถึงซอยจะมีป้ายบอกทางลัดไปถนนสุขุมวิทของ กทม. แอบอยู่ ไม่สังเกตดีๆ อาจจะเลยได้นะครับ จากตรงนี้เข้าซอยไปประมาณ 200 เมตร ก็ถึงโครงการแล้วครับ กลับมาที่ถนนสุขุมวิท 62 หลังจากลงทางด่วนมาแล้วก็ตรงยาวมาเลยครับ เมื่อออกมาเจอสายแยกแล้ว ด้านหน้าคือถนนสุขุมวิท ด้านบนคือรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยายสายแบริ่ง ให้เราเลี้ยวซ้ายไปทางพระโขนงนะครับ ตรงนี้ถ้าเราจะไปที่ตั้งโครงการให้เลี้ยวขวาไปได้เลยนะครับ เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว จะเจอกับ BTS สถานีบางจากทันทีครับ สำนักงานขายจะอยู่ฝั่งตรงข้ามติดกับตัวสถานีเลย ต้องตรงไปกลับรถอีกหน่อยครับ ตรงมาอีกประมาณ 600 เมตร ก็จะเจอที่กลับรถ เมื่อกลับรถมาประมาณ 500 เมตร ก็จะเจอสำนักงานขายแล้วล่ะครับ ที่จอดรถจะอยู่ด้านหลัง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 97/1 ที่อยู่ข้างๆ สำนักงานขายนี่แหละครับ ที่จอดรถด้านหลังสำนักงานขาย สำหรับการเดินทางไปยังที่ตั้งของโครงการจะอยู่ห่างจากสถานี BTS บางจาก ประมาณ 750 เมตร ออกจากสำนักงานขายมาแล้ว ตรงไปทางบางนาเลยครับ ซอยสุขุมวิท 62/1 จะอยู่ฝั่งขวามือ เราจะต้องมากลับรถตรงนี้ครับ ระยะทางจากสำนักงานขายถึงตรงนี้ประมาณ 500 เมตร เมื่อกลับรถมาแล้วให้ชิดซ้ายเลยนะครับ เพราะอีกนิดเดียวก็จะถึงซอยสุขุมวิท 62/1 แล้วล่ะครับ ก่อนถึงซอยจะมีปั๊มน้ำมัน ปตท. เป็นจุดสังเกตที่เด่นชัด ทางเข้าซอยจะเล็กนิดนึงนะครับ จะอยู่ระหว่างปั๊มน้ำมัน ปตท. กับเต็นท์ขายรถมือสอง เข้ามาในซอยจะเป็นถนน 2 เลน วิ่งสวนกันแบบนี้นะครับ เนื่องจากเป็นซอยเล็กๆ ผู้คนจึงไม่พลุกพล่านเหมือนซอยในระแวงใกล้เคียง เข้ามาประมาณ 450 เมตร ก็จะถึงที่ตั้งโครงการแล้วล่ะครับ โครงการยังไม่เริ่มก่อสร้างนะครับ มีเพียงป้ายของโครงการติดไว้ด้านหน้า มองตรงออกจากก็จะเห็นถนนเลียบทางด่วนแล้วนะครับ ซึ่งเป็นเส้นทางลัดขึ้น-ลงทางด่วน สุขุมวิท 62 อย่างที่ได้บอกไว้ในตอนแรก   วิเคราะห์ตัวโครงการ ทำเลรอบโครงการ The Unique สุขุมวิท 62/1 ค่อนข้างเงียบสงบดีทีเดียว เพราะในซอยยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบสูง2-3 ชั้น เสียเกือบทั้งหมด จะมีตึกสูง 8 ชั้นอยู่บ้างก็แค่ตึกของโครงการ Chateau in Town เท่านั้น ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ดังนั้นทิศทางรอบๆ โครงการ The Unique จึงยังโล่งโปร่ง ได้วิวสบายตาดีอยู่ ส่วนในอนาคตจะมีตึกของโครงการอื่นๆ ขึ้นอีกหรือไม่อันนี้ก็ต้องไปรอลุ้นเอาครับ  ในระแวกใกล้ๆ โครงการขาดความอุดมสมบูรณ์อย่างชัดเจน แทบจะไม่มีร้านค้า ร้านอาหารให้เราพึ่งพาได้เลย ที่ใกล้ที่สุดก็ต้องเดินออกมาทางปากซอยที่ยังพอมีร้านสะดวกซื้อ 7-11 อยู่ในปั๊มน้ำมัน รวมถึงร้านอาหารอีกร้านที่พอจะฝากท้องได้บ้างในช่วงกลางวันไปจนถึงเวลาค่ำๆ  นอกเหนือจากนี้ก็ต้องตั้งใจนั่งรถไฟฟ้า หรือขับรถออกไปแบบเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย การออกแบบตัวอาคารเป็นทรงโมเดิร์นสูง 8 ชั้น ที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูงด้วยยูนิตรวมแค่ 116 ห้องเท่านั้น ซึ่งทางโครงการเน้นน้ำหนักให้กับห้องแบบ Tri-Plex ที่มีจำนวนมากถึง 25 ห้อง ห้องส่วนใหญ่ของ Tri-Plex จะให้บรรยากาศแบบทาวน์โฮมมากกว่าคอนโด เพราะห้องฟังก์ชั่นห้องที่จัดสรรพื้นที่ในแนวดิ่ง ให้เหมือนบ้าน 3 ชั้นนั่นเอง บริเวณชั้น G จะเป็นพื้นที่ของ Lobby และ Fitness นะครับ พื้นที่อีกส่วนหนึ่งของชั้น G จะเป็นที่จอดรถส่วนกลาง และที่จอดรถของห้อง Tri-Plex แบบพิเศษที่คิดรวมที่จอดรถไว้ในโฉนดห้องด้วย ซึ่งห้องแบบนี้จะมีเพียง 7 ห้องเท่านั้นและลูกบ้านสามารถเดินขึ้นห้องตัวเองได้จากบันไดส่วนตัวตรงที่จอดรถเลย ห้องแบบนี้จึงได้อารมณ์เหมือนอยู่ทาวน์โฮมไปเต็มๆ นอกจากที่จอดรถบริเวณชั้น G แล้ว ทางโครงการยังเตรียมที่จอดรถไว้ที่ชั้นใต้ดินด้วย ซึ่งคิดรวมแล้วสามารถรองรับรถได้ทั้งหมด 72 คัน หรือคิดเป็น 62% โดยที่ยังไม่รวมการจอดซ้อนคันนะครับ ถัดขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเริ่มเป็นพื้นที่อยู่อาศัย โดยมีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลางตึก แต่ตำแหน่งของสระว่ายน้ำจะอยู่ต่ำกว่าพื้นชั้น 2 เล็กน้อยครับ นอกจาก Facility  ที่ทางโครงการจัดสรรสระว่ายน้ำและห้องออกกำลังกายไว้ให้ที่ชั้นG-2 แล้ว บริเวณรอบๆ และพื้นที่นั่งเล่นที่ชั้น 6 ก็ยังมีสวนหย่อมเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้สบายตามากยิ่งขึ้น เนื่องจากปริมาณห้องในแต่ละชั้นจะค่อนข้างน้อย จึงค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวมาก เรื่องลิฟท์โดยสารทางโครงการก็จัดเตรียมไว้ 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 58:1 ถือว่าอยู่ในระดับที่กำลังใช้ได้สบายๆ เรื่องวิวทิวทัศน์รอบๆ โครงการก็จะติดบ้านพักในบริเวณนี้เสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะให้ดีก็ต้องเลือกห้องตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป ก็จะพอพ้นหลังคาบ้านข้างเคียงและทำให้ได้วิวที่กว้างขึ้น ส่วนคนที่ไม่แคร์เรื่องวิวมากนักห้องในชั้น 2 และ 3 ก็จัดว่าสะดวกดีเช่นกัน จะขึ้นลงห้องก็ไม่ต้องง้อลิฟท์มากนัก โมเดลฝั่งที่เป็นสระว่ายน้ำนะครับ ลักษณะตัวอาคารจะเป็นรูปตัว U มีสระว่ายน้ำและสวนสีเขียวอยู่ตรงกลาง มุมมองจากด้านบนครับ ทางเข้าของของรถด้านหน้าอาคารครับ มุมอีกด้านหนึ่งของอาคารครับ ที่จอดรถที่ชั้น G จะมีบันไดเดินขึ้นห้อง Tri-Plex ที่ชั้น 2 ได้เลยครับ ที่จอดรถชั้นใต้ดิน จะจอดได้ทั้งหมด 35 คันในช่องจอดครับ ชั้น G จะเป็นที่จอดรถใต้ตึกอีก 35 คันในช่องจอด (ไม่รวมที่จอดรถส่วนตัวของห้อง Tri-Plex ที่เป็นสีเทาเข้มนะครับ) และเป็นส่วนของ Lobby และฟิตเนส หน้าตาของ Lobby ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา หน้าตาของฟิตเนสที่อยู่ชั้น G จะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำที่ถูกยกสูงขึ้นมาอยู่ที่ชั้น 2 ด้านในฟิตเนส ชั้น 2 จะเริ่มเป็นส่วนของที่พักอาศัยแล้วนะครับ โดยจะมีห้องแบบ Tri-Plex โอบล้อมสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลางตึก สระว่ายน้ำบริเวณชั้น 2 ห้องแบบ Tri-Plex ที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ ให้บรรยากาศเหมือนห้องแบบ Pool Villa ตามโรงแรมต่างๆ ชั้น 3 และชั้น 4 จะจัดผังคล้ายๆ กับชั้น 2 นะครับ โดยจะมีทั้งหมด 25 ยูนิต เป็นห้องแบบ Tri-Plex จำนวน 9 ยูนิต ชั้น 5 จะลดห้อง Tri-Plex ลงเหลือ 2 ห้อง ชั้น 6 มีห้อง Tri-Plex 10 ห้อง ที่เหลือเป็นแบบ 1 ห้องนอน พาชมห้องตัวอย่าง   ห้องทุกห้องทางโครงการขายกันมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์เสร็จสรรพ แถมด้วยระบบ Smart Home ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้เราสามารถควบคุมการเปิดปิดไฟในห้องผ่านระบบมือถือได้ด้วย ซึ่งน่าจะถูกใจคนที่ชอบอะไรไฮเทคหน่อย รวมถึงระบบ Digital Door Lock ก็มีมาให้ทุกห้องด้วยเช่นกัน ทีนี้มาเปิดดูห้องตัวอย่างกันบ้างดีกว่า เริ่มกันด้วยห้องแบบ 1 ห้องนอน ที่ขนาด 33 ตร.ม. เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับ Living Area ซึ่งทางโครงการจัดแต่งไว้ด้วยโต๊ะกินข้าวชุดเล็ก ตรงข้ามกับห้องครัวแบบปิดที่อยู่ทางด้านขวามือของประตูห้อง ถัดเข้าไปเป็นโซนนั่งเล่น วางชุดโซฟาดูทีวีได้ในระยะสบายๆ แถมยังเปิดรับแสงสว่างได้เต็มที่เพราะอยู่ติดกับประตูกระจกบานใหญ่ของระเบียง ซึ่งพื้นที่ระเบียงก็จัดว่ากว้างพอใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องเป็นพื้นที่ของห้องนอน ซึ่งมีห้องน้ำอยู่ในตัว ภายในห้อง Built-in ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ และโต๊ะเครื่องแป้งมาพร้อมแล้ว โดยรวมพื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนก็พออยู่พอใช้ครับ ข้าวของไม่ต้องสะสมกันเยอะมากไม่งั้นห้องจะรกเอาง่ายๆ หน้าตาของห้องนอนค่อนข้างใหญ่และสูงเกือบเต็มผนังเลยทีเดียว ทำให้เปิดรับแสงได้ดี ส่วนในห้องน้ำก็เป็นไปตามมาตรฐานครับ มีการแบ่งพื้นที่อาบน้ำไว้ด้วยประตูกระจกเทมเปอร์ และชุดสุขภัณฑ์ต่างๆ ของ American Standard ในห้องน้ำมีพื้นที่วางข้าวของเครื่องใช้น้อยไปหน่อย แถมอ่างล้างหน้าก็ยังติดตั้งไว้ชิดกำแพงเสียจนใช้งานยากไปหน่อย ถ้าเลื่อนตำแหน่งที่ติดตั้งอย่างล้างหน้าให้ห่างจากผนังอีกหน่อยน่าจะดีกว่า แล้วกระจกเงาเหนืออ่างล้างหน้า ทางโครงการติดตั้งเป็นแบบธรรมดาให้นะครับ ไม่มีกล่องไฟด้านหลังแบบในห้องตัวอย่างนะ ถ้าให้ดีผมว่าสอบถามกันให้ละเอียดหน่อยว่าอะไรชิ้นไหนแถม หรือหน้าตาของจริงจะเป็นอย่างไร ทีนี้มาดูห้องแบบ Tri-Plex กันบ้าง ซึ่งห้องแบบนี้ทางโครงการชูเป็นจุดเด่นเลยทีเดียว เพราะมีน้อยโครงการที่จะจัดทำห้องแบบนี้ พื้นที่ใช้สอยของห้อง Tri-Plex มีขนาดเริ่มต้นที่ 90 ตร.ม. โดยประมาณ ในขณะที่ห้องใหญ่สุดจะมีขนาด 106 ตร.ม. แน่นอนว่าเรื่องราคาก็สูงขึ้นตามลำดับ เปิดห้องมาแน่นอนว่าชั้นล่างสุดจะต้องเป็นพื้นที่ของ Living Area โดยที่แบ่งการใช้งานเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัวแบบปิด และพื้นที่รับประทานอาหาร รวมทั้งห้องน้ำเล็กอีก 1 ห้องบริเวณบันไดทางขึ้นด้านบน พอขึ้นไปที่ชั้นสองก็จะเป็นส่วนของ  Master Bedroom ซึ่งเป็นห้องใหญ่สุด และมีห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำในตัว บรรยากาศของห้องนอนใหญ่ให้ความรู้สึกหรูหราดีทีเดียว ถัดขึ้นไปที่ชั้น 3 จะแบ่งเป็นห้องนอนเล็ก 2 ห้อง และห้องน้ำอีก 1 ห้องที่อยู่ด้านนอก ซึ่งสองห้องนี้จะใช้ร่วมกัน หน้าตาห้องนอนของทั้ง 2 ห้องเหมือนกันเป๊ะแบบคู่แฝด แค่สลับฝั่งซ้ายขวาเท่านั้น พื้นที่ใช้สอยภายในห้องก็แค่พอใช้งานนะครับ ไม่ได้กว้างขวางเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ห้องนอนมากถึง 3 ห้อง อาจจะปรับเปลี่ยนให้อีกห้องเป็นห้องทำงาน หรือห้องอเนกประสงค์แทนก็ได้นะครับ อาจจะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้ตรงตามความต้องการได้มากขึ้น แปลนห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 33 ตารางเมตร ห้องตัวอย่างจะมีใหเดู 2 แบบนะครับ คือแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 33 ตารางเมตร กับแบบ Tri-Plex เรามาดูแบบ 1 ห้องนอนกันก่อนดีกว่านะครับ ทุกห้องจะได้ประตูแบบ Digital Door Lock แบบนี้นะครับ หากเปิดประตูห้องมาจนสุดจะติดกับประตูกระจกบานเลื่อนของห้องครัว แบบนี้นะครับ กันกระแทกที่ประตูห้องหน้าห้องครับ พื้นห้องจะเป็นพื้นลามิเนตนะครับ อุปกรณ์ Smart Home ที่แถมมาให้ทุกห้องนะครับ สามารถสั่งเปิด-ปิดไฟ Application บนมือถือได้เลยครับ แต่จะมีลูกเล่นน้อยกว่าแบบที่แถมให้ห้องแบบ Tri-Plex ที่จะสามารถสั่งให้เปิด-ปิด ผ้าม่าน แอร์ ได้ แต่ถ้าหากอยากได้ลูกเล่นเยอะๆ ทางโครงการก็จัดให้ได้ครับ แต่ก็ต้องเพิ่มเงินอีกครับ หน้าตามของสวิทช์ไฟที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Smart Home ครับ ระบบไฟที่ประตูหน้าห้องก็ เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอโต๊ะทานอาหารตั้งอยู่เป็นด่านแรกเลยนะครับ ต่อด้วยส่วนของห้องนั่งเล่นที่ถัดเข้ามาด้านในที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ที่ตั้งอยู่หน้าประตูห้องเลยครับ ส่วนของห้องนั่งเล่นจะอยู่ติดกับระเบียงห้องเลยนะครับ โซฟาจะอยู่ห่างก ชั้นวางทีวีพร้อมชั้นลอยวางของด้านบน ขนาดของระเบียงกว้าง 2 เมตร ยาว 2.4 เมตร มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นครับ มาดูห้องครัวกันบ้างนะครับ ห้องครัวจะอยู่ด้านหน้าห้องเลยนะครับ เป็นครัวแบบปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนปิดกันกลิ่นอาหารเข้ามาในห้อง หน้าตาของครัวก็จะได้แบบนี้เลยนะครับ มีช่องใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง และชั้นลอยเก็บของไว้ด้านบน อุปกรณ์ภายในครัวจะเป็นของ Teka นะครับ เริ่มจากซิงค์ล้างจาน สังเกตที่ผนังนะครับ ผนังด้านบนจะเป็นกระจก เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดเวลาทำอาหารแล้วมันกระเด็นไปติดผนัง เพราะเตาไฟฟ้าจะอยู่ค่อนข้างใกล้กับผนังนะครับ Hood ดูดควันก็ของ Teka เหมือนกันครับ มาดูที่ห้องนอนกันต่อนะครับ หน้าห้องนอนจะมีชั้นวางของ Built in อยู่ด้วยนะครับ ด้านในห้องนอนครับ หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานสูงเลยนะครับ อีกมุมของห้องนอนครับ มองออกมาจะเห็นตู้เสื้ออยู่ติดกับหัวเตียง อีกฝั่งจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งวางอยู่หน้าห้องน้ำเลยนะครับ งั้นเราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยดีกว่านะ ที่ปลายเตียงจะ Built in ชั้นแขวนทีวีมาให้ด้วยนะครับ ตำแหน่งของแอร์ในห้องนอนก็อยู่ปลายเตียงนี่แหละครับ ในห้องน้ำนะครับ ส่วนอาบน้ำจะทำกระจกกั้นให้เรียบร้อย ฝักบัวที่ได้ครับ โถสุขภัณฑ์ของ American Standard อ่างล้างหน้าก็ของ American Standard เช่นกันครับ มีช่องเก็บของเล็กๆ อยู่ข้างล่างด้วย มาต่อกันที่ห้องแบบ Tri-Plex นะครับ ห้องจะถูกแบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นนี้คือล่างสุดจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องครัว และมีห้องน้ำ 1 ห้องครับ ชั้น 2 จะเป็นส่วนของ Master Room ทั้งหมด และมีห้องน้ำใหญ่ในตัวอีก 1 ห้อง ห้องน้ำที่ห้อง Master Room นี้จะมีอ่างอาบน้ำให้ด้วยนะครับ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบ Smart Home สามารถสั่งเปิด-ปิดน้ำ จาก Smartphone ของเราได้เลย ส่วนชั้นบนสุดที่ชั้น 3 จะเป็นห้องนอนเล็ก 2 ห้องนะครับ และมีห้องน้ำด้านนอกอีก 1 ห้อง มาดูข้างในกันเลยดีกว่านะครับ เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วก็จะเจอส่วนของ Living Area ก่อนเลยนะครับ Living Area ค่อนข้างจะกว้างขวางโอ่อ่าให้บรรยากาศเหมือนทาวน์โฮมอย่างไงอย่างงั้น โต๊ะทานอาหารจะอยู่ด้านหน้าห้องเลยนะครับ แอร์ที่ติดมาให้ที่ชั้นล่างจะเป็นแอร์ฝังแบบนี้นะครับ โต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่านครับ มองย้อนออกไปที่หน้าห้อง ด้านหลังโต๊ะทานอาหารจะมี Built in ตู้โชว์มาให้ด้วยนะครับ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องครัวนะครับ อยู่ด้านห้นาห้อง คนละฝั่งกับโต๊ะทานอาหารครับ ครัวจะเป็นครัวแบบปิดนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อนเปิด-ปิด ตัวท็อปครัวก็จะคล้ายๆ กับครัวของแบบ 1 ห้องนอนนะครับ แต่จะสลับกันตรงที่เตาไฟฟ้าจะไม่อยู่ชิดผนังเหมือนเดิม แต่จะมาอยู่ติดตู้เย็นแทน มีช่องใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่างนะครับ มาพร้อมฮูดดูดครัวและชั้นลอยเก็บของ ส่วนของระเบียงครับ ออกมาด้านนอกส่วนของ Living Area ชั้นวางทีวีที่ Built in มาให้จะโชว์ทีวีแบบแขวน แต่ถ้าไม่ชอบแขวนก็มีชั้นเล็กๆ ให้วางได้เหมือนกันครับ ชุดโซฟา ส่วนห้องน้ำจะแอบอยู่ด้านหลังทีวีนะครับ ห้องน้ำที่ชั้นล่างจะเป็นห้องน้ำเล็กๆ นะครับ ไม่มีส่วนอาบน้ำ หน้าห้องน้ำจะเป็นบันไดขึ้นชั้นบน ที่ว่างใต้บันไดสามารถดัดแปลงเป็นที่เก็บของเล็กๆ ได้ครับ ไฟที่บันไดจะเป็นระบบเซ็นเซอร์นะครับ เมื่อเราก้าวขึ้นบันไดไฟถึงจะติด อันนี้ทางโครงการติดมาให้ดูเฉยๆ นะครับ ไม่ได้แถมให้ด้วย เดี๋ยวเราเดินขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อเลยนะครับ ชั้น 2 เป็น Master Room นะครับ เตียงจะถูกวางไว้ติดกับหน้าต่างขนาดใหญ่ ที่หัวเตียงทั้ง 2 ด้าน จะติดโคมไฟอ่านหนังสือดีไซน์เก๋มาให้ด้วยนะครับ ด้านปลายเตียงจะมีพื้นที่เหลือพอให้ Built in ชั้นวางทีวีได้ครับ ตำแหน่งของแอร์ก็จะอยู่ที่ปลายเตียงครับ ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ข้างเตียงอีกฝั่งนะครับ เป็นตู้ Built in แบบเต็มผนัง ด้านข้างก็จะเป็นห้องน้ำ เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยดีกว่าครับ ด้านในห้องน้ำครับ โถสุขภัณฑ์เป็นแบบถังพักน้ำซ่อนผนัง อ่างล้างหน้า มีช่องเก็บของด้านล่างด้วยนะครับ กระจกส่องหน้าบานใหญ่ใช้ได้เลยครับ ส่วนอาบน้ำจะมีประตูกระจกกั้นนะครับ มีอ่างอาบน้ำอย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าสามารถควบคุมได้ด้วยระบบ Smart Home ติดตั้งให้ด้วย หรือจะยืนอาบก้มีชุดฝักบัวให้นะครับ ชุดฝักบัวที่ได้ครับ เราขึ้นไปต่อกันที่ชั้น 3 เลยดีกว่าครับ มองมุมกลับลงมา บันไดจะค่อนข้างแคบนะครับ เดินสวนกันอาจจะลำบากหน่อย เมื่อขึ้นมาแล้วจะมีโถงเล็กๆ ก่อนจะแยกย้ายเข้าห้องนะครับ โดยห้องนอนทั้ง 2 ห้องที่ชั้น 3 นี้ จะวาง Lay Out เหมือนกันเป๊ะเลยนะครับ จะแตกต่างกันที่โทนสีเท่านั้น ว่าแล้วเราไปดูห้องแรกกันก่อนเลยดีกว่าครับ ห้องนอนแรก โทนสีจะออก Soft หน่อยนะครับ มี Built in ทีวีแบบแขวนไว้ที่ปลายเตียง เตียงจะติดกับหน้าต่างเลยนะครับ จะมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือเพียงเล็กน้อย หน้าต่างจะเป็นบานสูงตั้งแต่พื้นจะเกือบถึงฝ้าด้านบนเลยครับ พื้นที่ปลายเตียงเหลือเล็กน้อย ตู้เสื้อผ้าจะถูกวางไว้ด้านหน้าประตูห้องแบบนี้ครับ มาดูอีกห้องนะครับ อย่างที่บอกว่าการวาง Lay Out จะเหมือนกันเป๊ะๆ เลยครับ โดยหันหัวเตียงเข้าหาผนังเดียวกัน ตู้เสื้อผ้าก็วางไว้ตำแหน่งเดียวกันครับ มองออกไปก็จะเป็นห้องน้ำ โดยทั้ง 2 ห้องนี้จะมีห้องน้ำร่วมกัน 1 ห้อง เดี๋ยวเราไปดูห้องน้ำกันเลยครับ ห้องสุดท้ายแล้ว ห้องน้ำจะอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ห้องเลยนะครับ เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบว่าใครจะเดินไกลกว่ากัน เค้าเตอร์อ่างล้างหน้าครับ เค้าเตอร์อ่างล้างหน้าจะเป็นรูปตัว L นะครับ ทำให้มีพื่นที่วางเครื่องสำอางของคุณผู้หญิงได้เยอะหน่อย แถมมีตู้ลอยติดให้อีกด้วย โถสุขภัณฑ์ค่อนข้างจะกว้างนะครับ ห้องอาบน้ำที่ชั้นนี้จะไม่มีอ่างอาบน้ำให้นะครับ แต่จะมี Rain Shower แทนครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน สำหรับโครงการ The Unique สุขุมวิท 62/1 น่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยอยู่ในทำเลใกล้รถไฟฟ้า และมีการเดินทางที่สะดวก ใกล้ทั้งทางด่วน และถนนสายหลักๆ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในทำเลที่ค่อนไปทางสุขุมวิทตอนปลายแล้วก็ตาม แต่ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดีทั้งในแง่ของการเดินทางด้วยรถส่วนตัว และการพึ่งพารถไฟฟ้าบ้างเป็นครั้งคราว เพราะที่ตั้งโครงการเองก็ไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากนัก บรรยากาศโดยรอบโครงการเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย แต่ก็ต้องแลกกับความอุดมสมบูรณ์และความสะดวกสบาย เนื่องจากไม่มีค่อยมีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อให้พึ่งพาในระยะใกล้ๆ เท่าไหร่ ยิ่งทางโครงการพยายามชุดจุดขายด้วยห้องแบบ Tri-Plex ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่มีพื้นที่ใช้สอยในระดับ 100 ตร.ม. โดยประมาณ จึงทำให้กลุ่มคนที่ต้องการห้องเล็กๆ หรือมองหาช่องทางไว้ลงทุนมีโอกาสค่อนข้างน้อย เพราะในซอยเดียวกันก็ยังมีคอนโดรายอื่นๆ อย่าง Chateau in town ที่เน้นขายห้องขนาดเล็กในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าอยู่ด้วย ดังนั้นถ้าจะหาห้องไว้ลงทุนปล่อยเช่น โครงการอื่นจึงเป็นตัวเปรียบเทียบที่อาจทำให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่า แต่ถ้าใครที่ชอบที่อยู่อาศัยแบบมีไลฟ์สไตล์หน่อย และอยากได้ความสะดวกสบายด้านเทคโนโลยีภายในห้อง ห้องของโครงการThe Unique ก็อาจจะสะดุดตา สะดุดใจมากหน่อย แต่ยังไงก็แนะนำให้มาดูห้องตัวอย่างและทำเลที่จะสร้างจริงด้วยตัวเองดีกว่าครับ ของแบบนี้ต้องเลือกกันมากหน่อย เพื่อให้ได้ห้องที่ถูกใจและคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุด
hasu HAUS : รีวิวคอนโด

hasu HAUS : รีวิวคอนโด

hasu HAUS คอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น 2 อาคาร โครงการใหม่จากแสนสิริ บนถนนสุขุมวิท  77 ใกล้รถไฟฟ้าอ่อนนุช เปิดตัวในงาน Sansiri Life Come Home วันที่ 10-12 ตุลาคม 2557 นี้ รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 2,2900,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร ประมาณ 73,800 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวนห้อง 324 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด ประมมาณ 4 ไร่ ที่ตั้งโครงการ  ถนนสุขุมวิท 77 (อ่อนนุช) เขตพระโขนง กรุงเทพฯ Floor Plan ของอาคารครับ ส่วนของที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 - 7 สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สถานีอ่อนนุช Big C Extra สุขุมวิท 77 Tesco Lotus สุขุมวิท 50 Gateway เอกมัย ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 31 - 31.50 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 35.5 - 37.25 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 40.25 - 41 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 61.75 - 65.25 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 92.25 ตารางเมตร แบบ 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน 3 ห้องนอน สิ่งอำนวยความสะดวก The Water Lily Court คอร์ทส่วนกลาง The Firm ห้องออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์ The Sway ห้องพักผ่อนหย่อนใจ สระว่ายน้ำพร้อมสระเด็ก พื้นที่พักผ่อนริมน้ำ พร้อมเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง สวนพักผ่อนพร้อมพื้นที่สันทนาการกลางแจ้ง อินเตอร์เน็ตไร้สายสำหรับโถงพักคอยและบริเวณสระว่ายน้ำ ที่จอดจักรยาน จักรยาน limited edition – HAUS x tokyobike รถรับส่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง ที่จอดรถ   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1685 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.sansiri.com
Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate : รีวิวคอนโด

Ideo Mobi Sukhumvit Eastgate คอนโด High Rise สูง 30 ชั้น โครงการใหม่จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์  เพียง 150 เมตรจากรถไฟฟ้า BTS บางนา รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 2,290,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร 109,047 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 849 ยูนิต (ห้องพักอาศัย 844 ยูนิต, ร้านค้า 5 ยูนิต) เนื้อที่ทั้งหมด 4 - 0 - 18 ไร่ ที่ตั้งโครงการ  ถนนสุขุมวิท แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ ที่จอดรถ ประมาณ 270 คัน หรือประมาณ 47% สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สถานีบางนา BITEC บางนา โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 21 ตารางเมตร 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการ Social Club สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Sky Lounge Sky Deck Access Key Card ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.ananda.co.th
Ideo Q สยาม – ราชเทวี : รีวิวคอนโด

Ideo Q สยาม – ราชเทวี : รีวิวคอนโด

Ideo Q สยาม - ราชเทวี คอนโด High Rise สูง 36 ชั้น โครงการใหม่จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์  ที่ร่วมทุนกับ บริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จากประเทศญี่ปุ่น ตัวโครงการตังอยู่ย่านช้อปปิ้งใจกลางกรุงเทพ ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี เพียง 350 เมตร รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 5,200,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร 176,271 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 550 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 2 - 1 - 60.1 ไร่ ที่ตั้งโครงการ  ถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ที่จอดรถ 258 คัน สถานที่สำคัญใกล้เคียง Siam Center Siam Discovery Siam Square One Siam Paragon MBK Central Word ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 29.5 - 37 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 51 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 62 - 69 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก ลิฟท์ส่วนตัว Sky Pool 360 องศา Social Club สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Sky Lounge Access Key Card ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.ananda.co.th    
คอนโด Ashton Asoke : รีวิวคอนโด

คอนโด Ashton Asoke : รีวิวคอนโด

Ashton Asoke คอนโด High Rise สูง 50 ชั้น โครงการใหม่จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ คอนโดหรูระดับ Super Luxury โดยการร่วมทุนกันระหว่าง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์  และ บริษัท มิตซุย โพดูซัง จากประเทศญี่ปุ่น ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งในย่านอโศก และใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก และ MRT สถานีสุขุมวิท รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 6,900,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร 230,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด High Rise สูง 50 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 783 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 2 - 3 - 46.7 ไร่ ที่ตั้งโครงการ  ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ที่จอดรถ ประมาณ 367 คัน สถานที่สำคัญใกล้เคียง Terminal 21 BTS สถานีอโศก MRT สถานีสุขุมวิท Exchange Tower โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลสมิติเวช มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 30 - 34 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ขนาด 46 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 64 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สวนภายในโครงการกว่า 1 ไร่ Social Club สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Sky Lounge Access Key Card ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.ananda.co.th